จ้าวพายุ ตอนที่ 6
ค่ำคืนนั้น ในขณะที่ฟ้าใสนั่งกินอาหารอยู่คนเดียวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง จู่ๆ ศุวิลโผล่พรวดมาตบโต๊ะปัง ฟ้าใสชะงัก
“วันก่อนผมเจอสุธาวีที่คอนโดปิ่น เค้าไปทำอะไร?”
ฟ้าใสตกใจจนแทบสำลัก รีบกินน้ำ
“ชั้นไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ยังไง เป็นญาติกัน”
“ก็ชั้นไม่ค่อยได้คุยกับคุณวีเลย...แล้วนี่ปิ่นเค้าโทร.ปรับความเข้าใจกับคุณหรือยัง?”
ศุวิลชะงัก
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมีเรื่องกัน?”
ฟ้าใสแก้ตัว “ก็จะไม่รู้ได้ยังไง ชั้นเป็นคนทำให้พวกคุณทะเลาะกัน แต่ยังไงเดี๋ยวคุณสองคนก็ดีกัน...ยังไงยัยปิ่นเค้าก็ต้องเลือกคุณ”
ศุวิลฉงน “เลือกผม? หมายความว่ายังไง”
ฟ้าใสนิ่งงันไป รีบกลบเกลื่อน “ก็หมายความว่าคุณสองรักกัน...ยังไงปิ่นเค้าก็ต้องเลือกกลับมาคืนดีกับคุณ เค้าคงงอนตามประสาผู้หญิงเท่านั้นแหละ” ฟ้าใสเตรียมชิ่ง “ชั้นไปแล้วนะ”
ฟ้าใสรีบลุกจะหนี ศุวิลดึงไว้
“เดี๋ยว! คุณต้องรู้อะไรแน่เลย”
ฟ้าใสสะบัดแขนหลุดจากศุวิลได้ ก็รีบเดินแกมวิ่งหนีไป ศุวิลเดินตาม
สองคนไม่รู้ว่าที่มุมหนึ่ง แก้วตาแอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ไกลๆ เห็นศุวิลพยายามตามฟ้าใส ก็รู้สึกว่าสองคนนี้สนิท ใกล้ชิดกัน แก้วตาไม่พอใจ
เช้าวันต่อมา สุธาวีในชุดลำลองจะไปแล่นเรือใบท่าทางอารมณ์ดี เดินเข้ามาหยุดหน้าห้องปิ่นมณี แล้วไขกุญแจห้องเข้าไป
เมื่อเข้ามาเห็นปิ่นมณียังอยู่ในชุดปกติ และท่าทางเครียดๆ สุธาวีฉงน
“ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก...ผมบอกแล้วไงว่าวันนี้จะพาไปแล่นเรือใบ”
พลางสุธาวีจับปิ่นมณีดันเข้าไปในห้องแต่งตัว
“ไป รีบไปแต่งตัว เดี๋ยวผมรอ”
ปิ่นมณียังยืนนิ่ง ไม่ยอมเดินเข้าไป สุธาวีงง
“ทำไม? คุณเป็นอะไรเนี่ยปิ่น?”
ปิ่นมณีหน้านิ่งสนิท เดินไปหยิบเช็คส่งให้เขา สุธาวีรับเช็คมาดูงงๆ มองเช็คในมือ เห็นว่าเป็นเช็คที่อรทัยเซ็นให้เงินห้าแสนบาท สุธาวีอึ้งๆ
“นี่มัน...”
“เมื่อวาน แม่คุณไปหาชั้นที่โชว์รูม...นี่เป็นค่าจ้าง ให้ชั้นเลิกยุ่งกับคุณ”
สุธาวีโกรธมากที่รู้ว่าอรทัยทำแบบนี้
“คุณไม่ต้องไปใส่ใจ ผมจะทำอะไร ใครก็มาบงการไม่ได้”
“ไม่ใส่ใจได้เหรอคะ? นั่นแม่คุณนะคะ...คบกันต่อไป ไม่รู้จะมีปัญหาวุ่นวายอะไรอีก ชั้นไม่ชอบ...” ปิ่นมณีเค้นเสียงใส่ สุธาวีชะงัก ปิ่นมณีขยี้สร้างภาพต่อ “คุณเอาเช็คนี่ไปคืนแม่คุณ..แล้วก็ฝากบอกด้วยว่า ไม่ต้องเอาเงินห้าแสนมาฟาดหัวกัน...แค่ชั้นรู้ว่าผู้ชายที่ชั้นคบอยู่ ดูแลชั้นไม่ได้ ปล่อยให้แม่มายุ่มย่าม..ชั้นก็ขยาดแล้วล่ะค่ะ”
สุธาวีโมโหที่อรทัยยิ่งทำให้ตนเองดูเหมือนลูกแหง่ ปิ่นมณีมองท่าทีก็ยิ้มกระหยิ่มในสีหน้า รู้ว่าตีได้ถูกจุดเป๊ะ
ขณะที่อรทัยเดินออกมากำลังจะไปทำงาน วิทย์ตามหลังมา ทันใดนั้นสุธาวีขับรถพุ่งแรงเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ด้วยความโมโห อรทัยชะงักว่าเกิดอะไรขึ้นอีก
สุธาวีพยายามควบคุมอารมณ์โมโหลงรถมา
“เป็นอะไรของแกอีกตาวี?” อรทัยงงกับท่าทีลูกชาย
“เมื่อกี้ผมไปหาปิ่นมา...” อรทัยอึ้ง “เค้าไล่ผมกลับมา...บอกว่าอย่าไปพบเค้าอีก”
อรทัยคิดว่าปิ่นมณีตัดสัมพันธ์กับสุธาวีเพราะรับเงินไปแล้ว รู้สึกสะใจที่ซื้อปิ่นมณีได้
“ผู้หญิงหิวเงินแบบนั้น เลิกกันไปได้ก็ดีแล้ว”
“ผู้หญิงหิวเงินงั้นเหรอครับ?”
สุธาวีหยิบเช็คออกมา อรทัยอึ้งๆ ที่ปิ่นมณีร้ายกาจกว่าที่คิดไว้ เอาเช็คมาคืนผ่านสุธาวี
สุธาวีจ้องตาอรทัย
“เค้าบอกให้ผมเลิกยุ่งกับเค้า แล้วเค้าก็ไม่เอาเงินนี่ของแม่ด้วย!”
อรทัยนึกเจ็บใจ “มันคงจะน้อยไปน่ะสิมันถึงไม่เอา!”
ฟ้าใสและจำปาได้ยินเสียงเอะอะ ก็วิ่งมาดู สองคนหยุดดูเหตุการณ์ที่ประตู ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
สุธาวีฉุน คิดว่าอรทัยตัดสินปิ่นมณีในแง่ร้ายไปหมด
“ที่เค้าไม่เอาเพราะแม่ไปดูถูกเค้า! แล้วแม่ก็ทำให้เค้าดูถูกผมด้วย!” อรทัยนิ่งงันไป “แม่ทำเหมือนผมเป็นเด็กอมมือ ดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องมีแม่คอยจัดแจงทุกอย่างให้”
“ถ้าแกไม่ใช่ลูกชั้น ชั้นจะมาทนปวดหัวเพราะแกอย่างนี้เหรอ” สุธาวีนิ่งงันไป “ที่มันให้แกเอาเช็คมาคืนชั้น เพราะมันจงใจให้แกมาทะเลาะกับชั้นอย่างนี้ไง”
สุธาวีอึ้งที่อรทัยคิดไปได้ขนาดนั้น
“ถ้าแกอยากให้ชั้นเลิกวุ่นวายกับแก ก็หัดฉลาด ทันคนซะมั่ง”
สุธาวีมองหน้าอรทัย “บ้านนี้ก็เห็นมีคนฉลาดอยู่คนเดียวนั่นแหละครับ คนอื่นก็โง่เง่าหมดในสายตาแม่!” อรทัยอึ้ง “ผมยอมโง่! ผมจะคบกับปิ่น!”
“ตาวี!” อรทัยแผดเสียงดังลั่นบ้าน
ฟ้าใสหน้าเสียที่เห็นแม่ลูกทะเลาะกันเรื่องปิ่นมณี
ธวัชชัยกับศิวาหน้าตื่นตกใจออกมาจากห้อง บรรเจิดตามมาด้วย เห็นว่าอรทัยท่าทางโกรธจัดอยู่ก็งงๆ ว่าเรื่องอะไรกัน
“มีเรื่องอะไรกันอีก?”
ทุกคนรวมตัวกันอยู่ในห้องรับแขก ศิวา อรทัย และบรรเจิดนั่งอยู่ สุธาวีและฟ้าใสนั่งอยู่ด้วย
วิทย์และธวัชชัยยืนอยู่ด้านหลัง จำปาแอบฟังอยู่ห่างๆ
อรทัยหน้าตึงเปรี๊ยะพร้อมระเบิดยังโมโหขัดใจอยู่อย่างเก่า สุธาวีนั่งอยู่ตรงหน้านิ่งๆ
ศิวาฟังจนรู้เรื่องราวแล้ว ถามหลานเสียงเรียบๆ ท่าทีนิ่งๆ
“แกคบอยู่กับเซลส์ขายรถอย่างที่ยัยอรบอกจริงๆหรือตาวี”
“จริงครับ....ถึงเค้าจะเป็นแค่เซลส์ แต่เค้าก็เป็นคนดี ขยัน... มีงานมีการทำ...”
อรทัยหมั่นไส้ พูดขัด “หึ! พนักงานที่โรงแรมคงได้พูดกันให้สนุกปาก ว่านายหญิงคนใหม่เป็นเซลส์ขายรถ รู้ถึงไหนอายเค้าไปถึงนั่น” แล้วหันมาเอาเรื่องกับบรรเจิด “คุณบรรเจิด จะไม่พูดอะไรซักหน่อยเหรอ ช่วยกันห้ามลูกสิ”
“ถ้าแกว่าเค้าเป็นคนดีจริงๆ พ่อก็ไม่ขัดข้อง”
“คุณบรรเจิด!”
อรทัยโกรธขึ้นมาเป็นริ้วๆ แทนที่ช่วยห้ามผัวกลับเห็นดีด้วย
“คุณอย่าเพิ่งมีอคติได้ไหมคุณอร เค้าอาจจะเป็นคนดีจริงๆ ก็ได้” บรรเจิดว่า
“อย่างคุณจะไปรู้เหรอว่าผู้หญิงประเภทไหนดีไม่ดี! ชั้นไปเจอมาแล้ว มันก็ผู้หญิงหิวเงินเหมือนเมียน้อยคุณนั่นแหละ!” อรทัยแดกดัน
บรรเจิดเซ็งเป็ด เรื่องถูกวกกลับมาที่เรื่องเมียน้อยตน
“เป็นพ่อประสาอะไร! สนับสนุนให้ลูกไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงต่ำๆ เหมือนตัวเอง!”
“พอได้แล้วยัยอร” อรทัยชะงัก “แกเป็นเมียเป็นแม่ประสาอะไร ไม่เคยฟังเหตุผลลูกผัวเลย!”
อรทัยอึ้ง “นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณพ่อเห็นด้วยกับตาวี”
ศิวาหันหาสุธาวี
“ถ้าแกรักเค้าจริงๆ ตาก็ไม่ขัดข้อง...แล้ววันหลังก็พาเค้ามาหาตา จะได้รู้จักกันไว้”
“คุณพ่อ!” อรทัยขัดเคืองใจมาก
สุธาวีดีใจที่เรื่องออกมาราบรื่น ตากับพ่อเห็นด้วย แต่ฟ้าใสกลับยิ่งตกใจที่เห็นสุธาวีจริงจังกับปิ่นมณีขนาดนี้
ศิวา และธวัชชัยเดินขึ้นบ้านไป บรรเจิด กับสุธาวีเดินออกไปอีกทาง
อรทัยโกรธจัด ที่ทั้งพ่อและผัวเห็นด้วยกับลูกชายแสบ
ฟ้าใสมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างกลัดกลุ้ม
ต่อมาไม่นาน ปิ่นมณีคุยมือถืออยู่ที่คอนโด
“เกิดเรื่องขนาดนั้นเลยเหรอฟ้า?”
ฟ้าใสหน้าเครียด คุยมือถือกับปิ่นมณีอยู่ในห้องนอน
ใช่..คุณวีเอาเช็คที่อาอรให้เธอ กลับมาให้อาอรดู แล้วก็ทะเลาะกันใหญ่เลย..
ปิ่นมณียิ้มสมใจ ตอแหลสร้างภาพ
“ชั้นไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้เลยนะฟ้า...ชั้นเอาเช็คคืนคุณวี กะจะให้เรื่องของชั้นกับคุณวีจบๆ กันไป”
“ปิ่น ชั้นเข้าใจเธอนะ แต่ตอนนี้คุณวีเค้ายืนยันว่าเค้าจะไม่เลิกกับเธอ...ชั้นกลัวว่าเรื่องนี้จะไปถึงหูคุณลม แล้วจะทำให้เธอกับคุณลมทะเลาะกันอีก...” สาวโลกสวยบอก
“แล้วแม่คุณวีเค้าว่ายังไงบ้าง?”
“อาอรโกรธมากที่คุณวีไม่เชื่อ..แล้วยิ่งคนอื่นเห็นด้วยกับคุณวี อาอรยิ่งน่าสงสาร”
ปิ่นมณีชะงัก “หมายความว่าเรื่องนี้ไปถึงหูคนอื่นๆแล้วเหรอ?”
“ใช่สิ คุณตากับอาบรรเจิดน่ะให้คุณวีเป็นคนตัดสินใจเอง คุณตาถึงกับบอกว่า ให้คุณวีพาเธอเข้ามาหาเลยนะ...ถ้าคุณวีจริงจังขนาดนั้น ชั้นกลัวว่าจะปิดคุณลมไปได้อีกไม่นาน...ปิ่น ยังไงเธอช่วยบอกเลิกคุณวีจริงๆจังๆอีกสักครั้งนะ เค้าจะได้ตัดใจ”
“จ้ะ เธอไม่ต้องห่วงนะฟ้า...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ชั้นเอง”
ปิ่นมณียิ้มสาสมใจ
ที่หน้าซอยทางเข้าหมู่บ้านศุวิลเวลาตอนเย็นๆ ขณะที่แก้วตานั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาในซอยหมู่บ้าน สายตาของหล่อนเห็นรถของศุวิลอยู่ข้างหน้าตน รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างขับแซงรถของศุวิลไป
ครั้นเมื่อรถมอเตอร์ไซค์ขับแซงไปได้ไกลระยะหนึ่ง จู่ๆ แก้วตาก็บอกกับคนขับมอเตอร์ไซค์
“พี่คะ จอดข้างหน้านี่แหละค่ะ”
คนขับมอเตอร์ไซค์งง “อ้าว ไม่ให้เข้าไปส่งในหมู่บ้านเหรอครับ?”
“ไม่ต้องค่ะ”
แก้วตารีบควักเงินให้ คนขับมอเตอร์ไซค์ขับออกไป แก้วตายืนชะเง้อชะแง้รอศุวิลขับรถมา เมื่อเห็นรถศุวิลกำลังจะมาถึง แก้วตารีบทำเป็นเดินตามทางถนน ท่าทางเหนื่อยๆ
ศุวิลขับรถเข้าหมู่บ้านท่าทางเครียดๆ เรื่องปิ่นมณี สายตาเขาเหลือบไปเห็นแก้วตาเดินอยู่ริมถนนคนเดียวท่าทางเหนื่อยๆ ศุวิลงงๆ จอดรถเทียบที่ข้างแก้วตา
“อ้าว คุณแก้ว...ทำไมเดินกลับล่ะครับ เมื่อกี้ผมเห็นนั่งวินมอเตอร์ไซด์ผ่านไปนี่”
สาวเจ้าเล่ห์ชะงักนิดๆ ที่ศุวิลเห็นแล้วรีบพูดต่ออย่างแนบเนียน “ก็วินมอเตอร์ไซด์น่ะสิคะ อยู่ๆ ก็บอกว่ามีธุระ แล้วปล่อยให้แก้วเดินเข้าไปเอง”
“งั้นเดี๋ยวเข้าไปพร้อมกันก็ได้ครับ”
แก้วตายิ้มขอบคุณกำลังจะขึ้นรถศุวิล
จังหวะเดียวกันนั้นเองเดชขับรถมากับบรรเจิด กำลังเข้ามาในหมู่บ้าน บรรเจิดเปิดไอแพดดูเอกสารสัญญาการซื้อขายโรงแรมอยู่เลยไม่ได้มองข้างทาง เดชหันไปบังเอิญเห็นแก้วตาขึ้นรถคันหนึ่งไป เดชเพ่งมองจนพบว่าคนขับรถคือศุวิล และรถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว
เดชหน้าเครียดขึ้นมาทันที แก้วตาหาทางใกล้ชิดศุวิลอีกแล้ว ที่สุดเดชตัดสินใจหักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าข้างทาง บรรเจิดเงยหน้าจากไอแพดงงๆ
“จอดรถทำไมล่ะเดช มีอะไรเหรอ”
“เหมือนรถมีปัญหานิดหน่อยครับ ผมขอลงไปเช็คดูหน่อย”
บรรเจิดพยักหน้า เดชลงจากรถคิดๆ หาวิธีให้แก้วตารู้ตัวว่าบรรเจิดกำลังจะเข้าไปหา แล้วหันไปบอกบรรเจิด
“คุณบรรเจิดโทร.บอกแก้วหรือยังครับว่าวันนี้จะเข้าไปที่บ้าน แก้วจะได้เตรียมกับข้าวไว้ให้”
“เอ้อ...ชั้นก็ลืมไปเลยนะ....ขอบใจมากนะเดชที่เตือน”
บรรเจิดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์จะโทร.หาแก้ว เดชลอบมองอย่างโล่งใจ
ศุวิลกำลังขับรถมาในถนนเข้าหมู่บ้าน แก้วตานั่งอยู่ด้วยท่าทางเรียบร้อยแต่สีหน้าฟินมาก
แก้วตาพูดเสียงหวานกิริยาน่ารัก “ขอบคุณมากนะคะคุณลม ถ้าไม่ได้คุณลม แก้วคงต้องเดินกลับบ้านเองแน่ๆ”
ศุวิลยิ้มตามมารยาท ในใจยังคงเครียดเรื่องปิ่นมณี
“ไม่เป็นไรครับ”
เสียงโทรศัพท์แก้วตาดังขึ้น หน้าจอเป็นชื่อบรรเจิด แก้วตากดปุ่มปิดเสียงทันที ไม่รับ แต่ไม่ตัดสาย เสียงโทรศัพท์เงียบไปครู่เดียวก็ดังขึ้นมาอีก หน้าจอเป็นชื่อบรรเจิดอย่างเก่า แก้วตาทำท่าจะกดปิดเสียงอีก
ศุวิลไม่เห็นชื่อคนโทร.มา แต่แปลกใจมาก เมื่อเห็นว่าแก้วตาไม่ยอมรับสายสักทีเลยทัก
“ไม่รับโทรศัพท์เหรอครับคุณแก้ว”
แก้วตาหันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้ศุวิล จำใจกดรับสาย เพราะกลัวเขาจะสงสัย
ฟากบรรเจิดอยู่ในรถที่จอดอยู่ข้างทาง โดยมีเดชทำเป็นยืนเช็คเครื่องยนต์รถอยู่ข้างหลัง
“แก้ว วันนี้ชั้นจะเข้าไปหาที่บ้านนะ”
แก้วตาตกใจ “อะไรนะคะ
ศุวิลขับรถถึงหน้าบ้าน จอดรถพอดี
“ชั้นบอกว่าวันนี้ชั้นจะเข้าไปหาที่บ้าน ถ้ายังไงแก้วช่วยเตรียมกับข้าวไว้ให้ชั้นด้วยก็ดีนะ”
“ค่ะ ค่ะ”
แก้วตารีบวางสายบรรเจิด
“คุณลมคะ ขอบคุณมากนะคะ”
แก้วตารีบร้อนลงจากรถ แล้วลุกลี้ลุกลนเดินลิ่วๆ ไปที่บ้านตัวเอง
ศุวิลเห็นอาการแก้วตาดูแปลกๆ ก็มองตามงงๆ แต่ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
อ่านต่อหน้า 2
จ้าวพายุ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ค่ำนั้น บรรเจิดยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม หลังจากทานข้าวอย่างอิ่มหนำและเบิกบาน ที่โต๊ะอาหารเห็นทุกจานทุกชามว่างเปล่า บรรเจิดทานข้าวจนหมด แก้วตานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนเดชยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะ
บรรเจิดยิ้มแย้มเบิกบานสุดขีดหันมาทางเดช “กลับมาบ้านนี้ทีไร ได้กินกับข้าวอร่อยๆ ฝีมือแก้ว ชั้นกินข้าวจนหมดจานทุกที
เดชยิ้มให้นาย แก้วตายิ้มหวาน
“คุณบรรเจิดทานอิ่มแล้ว งั้นแก้วขอตัวเอาจานไปล้างก่อนนะคะ”
บรรเจิดพยักหน้ายิ้มๆ แก้วตาเข้ามาเก็บจานชามเดินออกไปที่ครัว เดชตามเข้าไป
แก้วตากำลังล้างจาน เดชตามมายืนอยู่ด้านหลัง พูดเสียงพอได้ยินสองคน
“วันนี้...พี่เห็นนะแก้ว”
แก้วตาชะงักหยุดล้างจาน หันมาหาเดช
“เห็นอะไรคะ”
“เห็นแก้วขึ้นรถไปกับผู้ชายคนนั้น”
แก้วตาชะงักอึ้งแล้วพูดโกหกหน้าตาเฉย
“คือ...วินมอเตอร์ไซด์ปล่อยแก้วลงกลางทางน่ะค่ะ แล้วเค้าก็บังเอิญผ่านมาพอดี เลยให้แก้วอาศัยรถเข้ามาด้วย”
“บังเอิญเหรอแก้ว” ถูกเดชคาดคั้นแก้วตาเลยอึ้งไป “คราวก่อนก็บังเอิญไปวิ่งกับเค้า...คราวนี้ก็บังเอิญเค้าให้ติดรถกลับมา...”
แก้วตาตะแบงต่อ น้ำเสียงหวาน “ก็มันบังเอิญจริงๆนี่คะพี่เดช...นี่พี่เดชไม่เชื่อแก้วเหรอคะ”
“พี่จะเชื่อหรือไม่ ไม่สำคัญ...มันสำคัญที่ว่า ถ้าคุณบรรเจิดรู้เข้า แก้วจะเดือดร้อน”
แก้วตามองตาเดช รู้ว่าเดชไม่เชื่อตนแล้ว เลยชักหวั่นใจ
เช้าวันใหม่ เท้าคู่หนึ่งบนรองเท้าส้นสูงทรงสวย ก้าวเดินฉับๆ เข้ามาในล็อบบี้โรงแรมเดอะกลอรี่ ด้วยท่วงทีมาดมั่น จนมาหยุดตรงหน้าฟร้อนท์ ออฟฟิศ พนักงานหญิงฝ่ายต้อนรับสองคนยิ้มแย้มทัก
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง เดอะกลอรี่ยินดีต้อนรับค่ะ..เช็คอินกี่ท่านคะ”
ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ใคร เป็นปิ่นมณีนั่นเอง
“ชั้นมีนัดกับคุณสุธาวี”
พนักงานหญิงสองคนชะงัก ตาโต ยามวิ่งกระหือกระหอบเข้ามาหาปิ่นมณี
“แขกของคุณสุธาวีใช่ไหมครับ” ปิ่นมณีพยักหน้า “เชิญที่ลิฟต์ผู้บริหารครับ”
ยามเดินนำออกไป ปิ่นมณีเดินเฉิดฉายท่วงท่าเป็นนางพญาผ่านพนักงานคนอื่นๆไป
พนักงานทุกคน มองปิ่นมณีอย่างสงสัยว่าเป็นใคร ถึงได้ไปขึ้นลิฟต์ผู้บริหาร
พนักงานหญิงสองคนที่ฟร้อนท์เดินออกมาจากเคาน์เตอร์ด้วยความอยากรู้ มองตามปิ่นมณีไป
“ใครอ่ะแก ส้วยสวย”
พนักงานอีกคนเออออ ไม่ทันเห็นอรทัยเดินเข้ามาที่ด้านหลัง โดยมีวิทย์ตาม
“มายืนทำอะไรกันตรงนี้?”
พนักงานหันมาเห็นอรทัยก็สะดุ้ง รีบกลับเข้าไปที่เคาน์เตอร์
อรทัยมองตามสายตาพวกพนักงานไป เห็นปิ่นมณีเดินเฉิดฉายอยู่ ก็ชะงัก
ปิ่นมณียืนรออยู่หน้าลิฟต์ผู้บริหาร ยามยืนพินอบพิเทาเต็มที่
ลิฟต์จอด ประตูลิฟต์เปิด ปิ่นมณีก้าวเข้าไปในลิฟต์ ขณะประตูลิฟต์กำลังจะปิด วิทย์ก็โผล่มา เอามือขวางประตูลิฟต์ไว้ ปิ่นมณีชะงัก เหลียวมามองเห็นอรทัยยืนอยู่กับวิทย์
อรทัยปรายตาพิฆาตมองยามเป็นเชิงสั่ง ยามรีบก้มหน้าแล้วถอยออกไป
ปิ่นมณียิ้มๆ ไม่สะทกสะท้าน มองหน้าอรทัย แล้วยกมือไหว้
อรทัยถามนิ่งๆ
“เธอมาทำไมที่นี่”
“ดิชั้นมีนัดกับคุณวีค่ะ” ปิ่นมณีหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาโชว์อรทัยเป็นการสำทับ “ขอตัวนะคะ...คุณวีรออยู่”
ปิ่นมณีกดประตูลิฟต์ปิด อรทัยแค้นแทบกระอัก
ไม่นานนักลิฟต์มาจอดที่ชั้นผู้บริหารของเดอะกลอรี่ ปิ่นมณีก้าวออกมาจากลิฟต์ แต่อรทัยก้าวพรวดออกมาจากลิฟต์อีกตัว ขวางไว้ วิทย์ตามออกมา
“หยุดอยู่ตรงนั้น” ปิ่นมณีหยุดกึก “เธอกล้ามากนะที่มาถึงที่นี่”
ปิ่นมณีมองหน้าอรทัยนิ่งๆ “ไม่เห็นต้องใช้ความกล้าอะไรนี่คะ...ในเมื่อทายาทเจ้าของโรงแรมนี้ เป็นคนนัดให้ดิชั้นมาที่นี่เอง”
อรทัยชะงัก
“ชั้นประเมินเธอต่ำไปจริงๆ ไม่คิดว่าเธอจะเอาเช็คที่ชั้นให้ กลับมาทำให้ชั้นกับตาวีทะเลาะกัน”
ปิ่นมณียิ้มในสีหน้า “เช็คแค่ห้าแสนบาท...มันเศษเงินชัดๆ ถ้าเทียบกับตำแหน่งนายหญิงคนใหม่ของเดอะกลอรี่”
“ฝันไปเถอะ! เธอไม่มีวันทำสำเร็จหรอก!”
ปิ่นมณียิ้มหวานให้ “คุณอรทัยคงไม่เคยได้ยิน ว่าความรักชนะทุกสิ่ง...เห็นคุณวีเค้าบอกว่า คุณพ่อของคุณอรทัยอยากจะพบดิชั้น” อรทัยนิ่งงันไปชั่วขณะ “เอาไว้วันหลัง ดิชั้นจะเข้าไปกราบที่บ้านนะคะ...คุณแม่”
อรทัยเจ็บใจ ปิ่นมณีจะเดินหนี อรทัยดึงไว้แทบเป็นกระชาก
“จะไปไหน! ออกไปเดี๋ยวนี้! ชั้นบอกให้เธอออกไป!”
ปิ่นมณีสะบัดแขนหลุดจากอรทัย แล้วยิ้มยั่วโมโห
อรทัยเห็นปิ่นมณีไม่สะทกสะท้าน ยิ่งโกรธ หันไปเห็นแจกันวางประดับตรงทางเดิน ก็คว้ามาทุ่มใส่ปิ่นมณีเต็มแรงเสียงดังเปรี้ยง!
ปิ่นมณีตกใจรีบหลบจนเสียหลักซวนเซ และล้มลงไปกับพื้น แจกันแตกกระจาย ปิ่นมณีฟุบอยู่ที่พื้น
ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ สุธาวีเดินออกมาเห็นภาพนั้นพอดิบพอดี
“ปิ่น!”
อรทัยชะงักหันไปเห็นสุธาวี ปิ่นมณียังกองอยู่ที่พื้น มองเศษแจกันใกล้ๆ มือ แล้วคิดแผนอย่างรวดเร็วฉวยโอกาส แอบหยิบเศษแจกันมากำไว้ในมือ
สุธาวีรีบเข้ามาประคองปิ่นมณีให้ยืนขึ้น ปิ่นมณีคลายมือออกเผยให้เห็นแผลที่มือ และมีเลือดออก
สุธาวีตกใจ
อรทัยมองแผลที่มือปิ่นมณีแล้วอึ้ง นิ่งงันไป
สุธาวีหันจ้องอรทัยตาขวาง โกรธมาก อรทัยชะงักไม่เคยเห็นสายตาสุธาวีโกรธขนาดนี้
ปิ่นมณียืนซุกหลังสุธาวีคลี่ยิ้มสาสมใจ ราวกับนางร้ายในละครไทย
“คุณแม่ทำเกินไปแล้วนะครับ!”
“แม่ไม่ได้ทำนะวี!”
สุธาวีไม่เชื่อ ปิ่นมณีแสร้งทำเป็นนิ่งๆ มองหน้าสุธาวี
“ชั้นบอกคุณแล้วใช่มั้ยคะคุณวี ว่าคุณไม่ควรให้ชั้นมาหาที่นี่...ถึงยังไง แม่คุณก็คงไม่ยอมรับชั้นอยู่ดี”
อรทัยจ้องตาปิ่นมณีรู้ทันกัน “พออยู่ต่อหน้าผู้ชาย ก็พูดรู้เรื่องขึ้นมาเชียว เมื่อกี้ไม่เห็นพูดอย่างนี้!”
สุธาวีขึ้นเสียงใส่ “พอได้แล้วครับคุณแม่!” อรทัยชะงัก “ผมจะพูดกับคุณแม่เป็นครั้งสุดท้าย...อย่ามายุ่งกับคนรักของผมอีก!”
“วี! แกกำลังโดนมันหลอกนะ! ชั้นทำไปทุกอย่างก็เพราะเป็นห่วงแก”
“งั้นก็เลิกห่วงเถอะครับ” อรทัยอึ้ง “คิดซะว่าผมไม่ใช่ลูก”
อรทัยนิ่งงันไป
บรรเจิดเดินเข้ามาในจังหวะนี้ ได้ยินสุธาวีพูดคำนั้นก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น สุธาวีพาปิ่นมณีออกไป
บรรเจิดรีบเดินมาหาอรทัย
“คุณอร”
อรทัยนิ่งเป็นหิน ปวดร้าวเหลือแสนน้ำตาร่วงรินเป็นสาย บรรเจิดตกใจ
ภายในห้องทำงานที่เดอะกลอรี่ อรทัยนั่งอยู่หน้านิ่งๆ บรรเจิดเมียงมองอย่างเป็นห่วง
“คุณอร...”
“มันพาผู้หญิงคนนั้นมาที่โรงแรม...มันบอกว่าจะตัดแม่ตัดลูกกับชั้น”
“ลูกมันพูดไปด้วยอารมณ์ คุณก็รู้ตาวีมันรักแรงเกลียดแรง ลองว่ามันได้รักได้หลงอะไรนะ มันฟังใครที่ไหน คุณก็น่าจะใจเย็นๆ”
อรทัยมองหน้าบรรเจิด
“คุณก็เย็นได้สิ คุณคงไม่แคร์อยู่แล้วว่าลูกว่าเมียจะเป็นยังไง เพราะคุณกำลังจะทิ้งชั้น ไปอยู่กับนังเมียน้อยนั่น!”
บรรเจิดเซ็งที่เรื่องวก แวะกลับมาเข้าตัวเองอีก ชักโมโห
“อรทัย..นี่ผมพูดกับคุณดีๆ นะ”
“ทำไม รับไม่ได้เหรอ ชั้นพูดเรื่องจริง คุณมันเป็นพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบ ชั้นเสียสละทำงานหนัก ทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวเราสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แต่คุณ....แทนที่จะช่วยกัน คุณกลับเอาเวลาไปอยู่กับเมียน้อย เห็นแก่ตัว!”
“ทำไมคุณเอาแต่โทษผม ลองมองย้อนตัวเองบ้างสิอรทัย! คุณเอาแต่ใจตัวเอง ชอบบงการชีวิตคนอื่น คิดแต่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องที่สุด ไม่เคยแคร์ว่าคนรอบข้างเค้าจะรู้สึกยังไง ถ้าคุณยังเป็นอย่างนี้ต่อไป สักวันคุณจะไม่เหลือใคร ผมขอเตือนด้วยความหวังดี”
“หึ...ช่างมีน้ำใจเหลือเกินนะคะ อุตส่าห์เตือนชั้น คำพูดของของผู้ชายที่ทรยศเมียทรยศครอบครัว หนีไปอยู่กับเมียน้อย มันไม่น่าเชื่อถือนักหรอก”
บรรเจิดมองอรทัยหน่ายๆ รู้สึกว่ายิ่งคุยกันยิ่งไม่รู้เรื่อง
“ผมว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว”
บรรเจิดเดินออกไปเลย อรทัยทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ทำงาน
ขณะที่จำปากำลังปัดกวาดเช็ดถูห้องทำงานอรทัยอยู่นั้น อรทัยเดินหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาในห้อง
จำปา “อุ๊ย วันนี้คุณผู้หญิงกลับไว๊ไวนะคะ...แล้วจะให้จำปาตั้งโต๊ะไวขึ้นหรือเปล่าคะ”
อรทัยออกอาการเครียดหนัก
“ออกไป”
จำปาเห็นท่าทางอรทัย ก็ยืนงง
“ชั้นบอกให้ออกไป พูดไม่รู้เรื่องเหรอจำปา!”
จำปาสะดุ้ง “ค่ะๆๆ”
ขณะจำปาเข้าไปยกถังขยะจะเอาไปทิ้ง แต่รีบร้อนเกินไปเลยทำถังขยะคว่ำ เศษของในถังขยะกระเด็นออกมา อรทัยเห็นยิ่งอารมณ์เสีย ระเบิดอารมณ์ใส่
“ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้! ทำอะไรไมได้ดั่งใจซักอย่าง!”
จำปาลนลานเก็บขยะที่กระเด็นออกมา ทันใดนั้น แทนสายตาจำปาเหลือบไปเห็นรูปยับๆ ที่ถูกขยำติดออยู่ในซอกตู้ จำปาคว้าออกมา จะเอาออกไปทิ้งด้วย
จำปาเห็นว่าเป็นรูปของสุธาวีกับปิ่นมณี ก็ชะงัก
“คุณอรคะ”
อรทัยแหวใส่ “อะไรอีก”
“รูปนี้มัน....”
อรทัยเห็นจำปาถือรูปปิ่นมณีกับสุธาวีก็ยิ่งอารมณ์เสีย
“แกจะเอารูปมันมาทำไม เอาไปทิ้งให้หมด ไป!”
จำปาตะกุกตะกัก “คือ...จำปา...จำปารู้จักผู้หญิงในภาพนี้ค่ะ นี่มันนังปิ่น...ลูกของเพื่อนจำปาเอง”
อรทัยนิ่งงันไปชั่วขณะ “เพื่อน...นี่ลูกของเพื่อนแกเหรอ?”
จำปาพยักหน้า อรทัยนิ่งอยู่สักครู่ ก่อนจะเค้นคำบอกสาวใช้จอมเจ๋อ
“เล่ามาให้หมดว่ามันเป็นลูกใครบ้านอยู่ที่ไหน”
ตอนนั้น ปิ่นมณีเดินคุยมือถือมาตามทางเดินในล็อบบี้คอนโด ท่าทางมีความสุข
“โอเคค่ะคุณวี งั้นเดี๋ยวชั้นแวะไปทานข้าวกับคุณที่เดอะกลอรี่ก่อน แล้วค่อยเข้าออฟฟิศก็ได้ค่ะ”
ปิ่นมณีกดวางสาย เดินตรงไปที่ลานจอดรถ
มือถือปิ่นมณีดังขึ้นพอดี ปิ่นมณีชะงัก คราวนี้เป็นศุวิลโทร.มา หล่อนถอนใจหน่ายๆ แล้วกดรับ เสียงเย็นชืด
“ค่ะลม”
ศุวิลมองไป เขาเห็นปิ่นมณีอยู่ที่ลานจอดรถคอนโด
“ปิ่น...ผมขอเวลาหน่อยได้ไหม...เรามาคุยกันให้รู้เรื่อง...”
ปิ่นมณีขัดทันที “ปิ่นไม่ค่อยสบาย เอาไว้วันหลังแล้วกันนะคะ”
ศุวิลเมกชัวร์ และหยั่งเชิง “ปิ่น..อย่าทำอย่างนี้ได้ไหม ถ้าปิ่นจะเลิกกับผม ก็ขอให้มาคุยกันดีๆ”
ปิ่นมณีหยุดกึก
“ลมคะ ปิ่นไม่สบายจริงๆ..แค่นี้นะคะ ปิ่นจะนอน”
ปิ่นมณีกดวาง แล้วขึ้นรถตัวเอง ขับออกไป เมื่อรถปิ่นมณีพุ่งออกไปแล้ว จึงพบว่าศุวิลนั่งอยู่ในรถ ของตนเอง เขามองตามไปอย่างอึ้งๆ ที่ปิ่นมณีโกหกเขา
ต่อมาไม่นานปิ่นมณีจอดรถ ลงรถเรียบร้อย โดยไม่รู้ว่ารถศุวิลมาจอดซุ่มดูอยู่ที่มุมหนึ่ง
มือถือปิ่นมณีดัง เป็นสุธาวีโทร.เข้ามา ปิ่นมณียิ้มกดรับ
“ปิ่นถึงแล้วค่ะ...”
สุธาวีกำลังขับรถไปด้วย คุยกับปิ่นมณีไปด้วย
“ผมขอโทษนะปิ่น...ผมจะโทรมาบอกว่าเราค่อยเจอกันตอนเย็นได้ไหม ผมมีธุระด่วน”
ปิ่นมณีชะงัก “ธุระด่วน....คุณแม่คุณล่ะสิ”
“ใจเย็นๆ น่า...แม่เค้าบอกว่าให้ผมออกไปหาแล้วเค้าจะไม่มาวุ่นวายเรื่องของเราอีก ผมก็เลยยอม”
ปิ่นมณี ไม่ไว้ใจอรทัย และไม่เชื่อว่าอรทัยจะยอม
“แม่คุณเค้าจะทำอะไร?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...เค้าให้ผมไปหาแถวเจริญกรุง”
“เจริญกรุง...”
ปิ่นมณีตกใจ เพราะนั่นคือแถวบ้านตัวเอง
“ใช่..แค่นี้ก่อนนะปิ่น เดี๋ยวเจอกัน”
สุธาวีกดวางไปเลย ปิ่นมณีตกใจ
“คุณวี!”
ปิ่นมณีคิดว่าต้องเกิดเรื่องแน่แล้ว เพราะอรทัยนัดสุธาวีไปแถวบ้านแม่ตนเอง ปิ่นมณีรีบกลับขึ้นรถ ขับออกไปอย่างร้อนใจ
ส่วนที่มุมหนึ่งในลานจอดรถเดอะกลอรี่ ศุวิลอยู่ในรถ ขับรถตามปิ่นมณีไปทันที
เวลานั้นปานหน้ามันแผล็บกำลังผัดข้าวให้ลูกค้า ที่นั่งรออยู่
ปานผัดไปบ่นไป “เร่งๆๆอยู่นั้นแหละ ก็คนมันมีแค่สองมือ ที่เหลือก็ตีนน่ะ จะให้เอาขึ้นมาผัดให้กินไหม!”
ลูกค้าสยอง รอนิ่งๆ
ปองพลนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ช่วยงานอะไร มองออกไปหน้าร้าน เห็นรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่
“แม่ รถใครไม่รู้ คันเบ้อเร่อเลย!”
ปานชะโงกออกไปมองตามสายตาปองพล
“เออว่ะ เค้ามาทำอะไรแถวนี้วะ...”
พันเดินเมาแอ่น กลิ่นเหล้าหึ่งเปะปะเข้ามาแล้วล้มแผละ ในร้าน สองคนมองเซ็งๆ
มองจากรถยนต์คันหรู เข้าไปที่หน้าบ้านปาน เห็นปองพลและปานพยุงพันอยู่สภาพทุเรศทุรัง
อรทัยนั่งเพ่งมองอยู่ในรถกับวิทย์และจำปา
อรทัยเห็นยิ่งนึกรังเกียจปิ่นมณี มั่นใจว่าหากสุธาวีมาเห็นสภาพครอบครัวนี้ก็จะต้องรับไม่ได้แน่
“ผัวนังปานมันเมาเหล้าทุกวันอย่างนี้แหละค่ะคุณอร เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน เรียกได้ว่าเป็นความบันเทิงของย่านนี้” จำปารายงานข่าว
อรทัยกดมือถือ ที่หน้าจอเห็นว่าหล่อนโทร.หาสุธาวี
เสียงมือถือดัง ขณะสุธาวีขับรถมาตามถนน ถอนใจแล้วกดรับ
“ครับแม่”
“ถึงไหนแล้ว”
“ใกล้แล้วครับแม่ ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันครับเนี่ย แม่ช่วยบอกผมซักนิดได้ไหมครับ”
“พอมาถึง แกก็จะรู้เอง...”
อรทัยยิ้มในสีหน้า
อ่านต่อหน้า 3
จ้าวพายุ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ปิ่นมณีกำลังขับรถมุ่งหน้าไปบ้านที่เจริญกรุง หวั่นใจว่าอรทัยจะพาสุธาวีไปที่นั่น รถปิ่นมณีวิ่งอยู่บนท้องถนน โดยมีรถของศุวิลขับตามอยู่ห่างๆ
ศุวิลสีหน้าเคร่งเครียด ครุ่นคิดเรื่องปิ่นมณีโกหก ขณะที่ขับตามรถของปิ่นมณีอยู่นั้น รถแท็กซี่คันหนึ่งก็เลี้ยวตัดหน้า ศุวิลเบรกเอี๊ยดเกือบชน
ศุวิลหงุดหงิดเปิดประตูลงจากรถ รถแท็กซี่ก็มีคนลงมาเหมือนกัน ปรากฏว่าผู้โดยสารที่ลงมาจากรถแท็กซี่คือฟ้าใส ศุวิลยิ่งอารมณ์เสีย
“นี่คุณ...โธ่เว้ย ผมไปทำเวรทำกรรมอะไรกับคุณไว้เนี่ย”
ศุวิลนึกได้แล้ววิ่งออกไปหน้ารถ มองออกไปที่ถนน แทนสายตาศุวิลเห็นรถของปิ่นมณีลับตาไปแล้ว
ศุวิลยิ่งหงุดหงิด หันไปเตะก้อนหินระบายอารมณ์ ฟ้าใสงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงวิ่งไปหาศุวิล
“มีอะไรเหรอคุณ”
ศุวิลหันมามองอย่างโกรธๆ ฟ้าใสงง
ต่อมาไม่นาน ศุวิลกับฟ้าใสนั่งอยู่ในร้านอาหารข้างทาง ฟ้าใสรู้เรื่องก็ตกใจ
“นี่คุณขับรถตามยัยปิ่นอยู่เหรอ”
“ใช่...วันนี้ผมไปหาปิ่นที่คอนโด เค้าบอกว่าไม่สบาย อยากจะนอน แต่ผมเห็นเค้าขับรถออกไปข้างนอก ปิ่นโกหกผม”
“เค้าบอกไม่สบาย เค้าออกไปหาหมอหรือเปล่า...”
“ตอนแรกเค้าขับไปที่เดอะกลอรี่”
“ห๊า...” ฟ้าใสเหวอยิ่งตกใจ รู้ทันทีว่าปิ่นมณีไปหาสุธาวีแน่ๆ
ศุวิลมองอาการฟ้าใสก็ชะงัก
“ทำไมต้องตกใจ...คุณรู้เหรอว่าเค้าไปทำไม”
“ไม่มีอะไร ไม่รู้....เค้าอาจจะไปหาลูกค้าอะไรก็ได้ นี่ปิ่นเค้าเป็นเซลล์นะคุณ”
“แล้วถ้าเป็นลูกค้า ทำไมต้องโกหกผม”
ฟ้าใสอึกอักๆ แถต่อ
“ผู้หญิงน่ะเวลาเค้างอนเค้าอยากอยู่คนเดียว คุณก็ต้องให้เวลาเค้าบ้าง ใจเย็นๆนะ ยังไงปิ่นเค้าก็ต้องกลับมาดีกับคุณ”
ศุวิลเครียดจัด หวั่นใจว่าตัวเองกับปิ่นมณีอาจจะต้องจบกัน ฟ้าใสมองศุวิล หนักใจตามไปด้วย
อรทัย จำปา และวิทย์นั่งรออยู่ในรถ ตรงปากซอย สักครู่หนึ่งสุธาวีมาเคาะกระจก
“แม่ให้ผมมาที่นี่ทำไมครับ”
อรทัยยิ้ม “เดี๋ยวแกก็รู้”
ปานกำลังผัดกับข้าวอยู่ จำปาเดินนำอรทัย วิทย์ และสุธาวีเข้ามา ปานเห็นจำปากับพวกอรทัยที่ท่าทางมีเงิน ก็ชะงักงงๆ
“จำปา”
ปานเข้าไปดึงจำปามากระซิบ “แกมากับใครวะ”
“เจ้านายชั้นเอง”
ปานงงๆ สุธาวีมองไปรอบๆ เห็นสภาพแวดล้อมแล้วงงๆ ว่าแม่จะทำอะไร มาไม้ไหน
“นี่แม่ให้ผมมาที่นี่ทำไมเนี่ย”
อรทัยยิ้มให้สุธาวีแล้วเดินเข้าไปหาปาน
“ชื่อปานเหรอ? แล้วลูกสาวอยู่ไหม”
“ไม่อยู่หรอกค่ะ มีธุระอะไรเหรอคะคุณ”
“เห็นจำปาบอกว่าลูกสาวของเธอเป็นเซลส์ขายรถ... ชั้นอยากจะซื้อรถ”
สุธาวีชะงัก เมื่ออรทัยบอกว่าลูกสาวของปานขายรถ...อาชีพของปิ่นมณี
ปานวี้ดว้ายดีใจ “ว้าย จะซื้อรถกับนังปิ่นเหรอคะ? ดีจังเลย เดี๋ยวชั้นจะรีบโทร.ตามมันให้”
พอสุธาวีได้ยินว่าปิ่นมณีเป็นลูกสาวของปาน ก็อึ้งๆ
ปานต่อสายหาปิ่นมณี แต่ปิ่นมณีไม่รับ ปานหงุดหงิดบ่นบ้าตามประสา
“นังปิ่นนะนังปิ่น!”
ปองพลเดินออกมาเห็นอรทัยกับสุธาวีก็ชะงัก จำได้ว่าเป็นเจ้าของโรงแรม ปองพลปรี่มาไหว้นอบน้อม
“สวัสดีครับคุณอรทัย คุณสุธาวี”
อรทัยชะงัก “นี่รู้จักชั้นด้วยเหรอ”
“ผมทำงานยกกระเป๋าอยู่ที่เดอะกลอรี่สาขาสุรวงศ์น่ะครับ”
“ตายจริง เด็กยกกระเป๋าที่โรงแรมเรานี่เอง” อรทัยหันหาสุธาวีที่ยืนอึ้งๆอยู่ “โลกกลมจังเลยนะตาวี”
ปองพลรีบปรี่ไปหาพันที่เมาฟุบอยู่
“พ่อๆๆๆ มาไหว้เจ้านายชั้นเร็ว”
ปองพลพยุงพันที่เมาๆ มาหาอรทัย พันยกมือไหว้ปลกๆ
“โห...ไอ้ปอง แกมีเจ้านายสวยขนาดนี้ทำไมไม่เห็นบอกชั้นเลยวะ” พันเมาแอ๋ หันไปหาอรทัย “สวัสดีครับ...คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงนี่สวยกว่าเมียผมอีกนะครับ”
พันพูดจบก็ทรงตัวไม่อยู่ ล้มแผละฟุบไปที่พื้นอีก น่าสังเวช
อรทัยมองพันแสยะยิ้มสังเวช แล้วหันไปมองสุธาวีที่มองภาพทั้งหมดอย่างรับไม่ได้
สีหน้าอรทัยพึงพอใจ
ปิ่นมณีขับรถมาจอด พอลงรถได้ก็รีบวิ่งมองไปที่หน้าบ้านตนเองแล้วต้องชะงัก
เห็นอรทัยนั่งเชิดวางตัวอยู่ในบ้าน พันเมากองเป็นขยะอยู่ที่พื้น ปานกับปองพลนั่งอยู่ด้วยกัน สุธาวี วิทย์ และจำปาอยู่ข้างๆ อรทัยเอ่ยขึ้น
“เสียดาย ไม่ได้คุยกับปิ่นมณีเรื่องรถ...แต่ยังไงชั้นจะฝากค่ามัดจำให้ลูกสาวเธอไว้ก่อนนะ”
อรทัยหยิบเงินออกมาเป็นฟ่อน ปาน ปองพล และพันตาโต อรทัยแกล้งทำเงินร่วง
“อุ๊ย เดี๋ยวชั้นเก็บเองค่ะ”
ปานพุ่งเก็บเงินทันที ปองพลและพันรีบมาช่วยกันเก็บด้วยอยู่แถวๆ บริเวณเท้าของอรทัย สุธาวีมองภาพตรงหน้าอึ้งๆ กระอักกระอ่วน อรทัยมองท่าทีลูกชายอย่างสะใจ
ปิ่นมณีแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี
พันเก็บเงินได้แล้วจะเอาเข้ากระเป๋าตัวเอง ปานคว้าคืน
“จะทำอะไร นี่เงินนังปิ่นนะ”
“เฮ้ย ขอแบ่งไปกินเหล้าหน่อย”
ปานยื้อแย่งเงินกับพันวุ่นวาย ตบตีกัน ปองพลพยายามห้ามปานและพัน ไม่อยากให้พ่อแม่ตีกันต่อหน้าเจ้านายตนเอง อรทัยยิ่งมองก็ยิ่งสมเพช
ปานยกเท้ายันพันโครม กระเด็นไปชนสุธาวี จนสุธาวีล้มลง
สุธาวียันกายลุกขึ้น มองไปเห็นปิ่นมณีแอบดูอยู่พอดี
“คุณวี...”
ปิ่นมณีจะเข้ามาหา สุธาวียืนขึ้นได้ มองหน้าปิ่นมณี แล้วเดินออกไปเลย อรทัยยิ้มสะใจ
ปิ่นมณีคราง “คุณวี...” จะตามสุธาวี ปานมาดึงปิ่นมณีไว้
“จะไปไหนนังปิ่น มาคุยกับคุณเค้านี่ เค้าจะซื้อรถแก!”
ปิ่นมณีหน้าชา อายแทบมุดดินหนี ทำอะไรไม่ถูก มองอรทัยอย่างเข่นเขี้ยว
อรทัยยิ้มหวานให้ “บ้านน่าอยู่จังเลยนะ...ท่าทางตาวีเค้าก็ชอบมากเลยล่ะ...”
ปิ่นมณีโกรธจนตัวสั่น ทำอะไรไม่ถูกจะเดินหนี อรทัยดึงไว้ กระซิบหยามให้ปิ่นมณีช้ำใจ
“คงเสียใจล่ะสิที่ไม่ได้รับห้าแสนของชั้นไป...ตาวีมาเห็นอย่างนี้...เธอคงไม่เหลืออะไรแล้วล่ะ”
ปิ่นมณีอึ้ง แค้นแทบอกระเบิด อรทัยหันหาพวกปาน
“ชั้นกลับล่ะนะจ๊ะ เดี๋ยววันหลังชั้นจะมาคุยเรื่องรถใหม่”
ปาน ปองพล พันยกมือไหว้อรทัย อรทัยเดินขำๆออกไป จำปา วิทย์ตาม
ปิ่นมณีนิ่งเป็นหินไปแล้ว
“นังปิ่น ทำไมแกไปทำหน้าบึ้งใส่คุณเค้าอย่างนั้น เค้าอุตส่าห์มาซื้อรถถึงบ้านเลยนะเว้ย!”
“เฮ้ย เค้ามาซื้อเพราะเค้าเป็นเจ้านายชั้น แกต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ชั้นด้วยนะเว้ยนังปิ่น” ปองพลว่า
ปิ่นมณียิ่งโมโหหนัก คิดหาทางออกว่าจะทำยังไงดี เพราะหนุ่มไฮโซอย่างสุธาวีมาเห็นกำพืดตนแบบนี้แล้ว คงรับไม่ได้แน่ๆ
อ่านต่อหน้า 4
จ้าวพายุ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ค่ำนั้น แก้วตาใส่ชุดนอนบางเบายืนอยู่ในบ้าน ทอดสายตามองออกไปที่นอกบ้าน รอคอยบางสิ่ง ครู่หนึ่งแววตาหล่อนเป็นประกาย เมื่อเห็นรถศุวิลแล่นมาจอดหน้าบ้านเขา
แก้วตารีบวิ่งไปที่แผงไฟ สับคัตเอาท์ลงทันที
ศุวิลยืนหน้าเครียดอยู่หน้าบ้าน คิดไม่ตกเรื่องปิ่นมณี ลงรถมาเปิดประตูจะเข้าบ้าน เห็นไฟบ้านแก้วตาดับพรึ่บทั้งหลัง ตามมาด้วยเสียงแก้วตาร้องกรี๊ดด!
ศุวิลตกใจ
“คุณแก้ว”
ศุวิลเป็นห่วงรีบวิ่งเข้าไปบ้านแก้วตาทันที
ศุวิลเปิดประตูเข้ามาในความมืด มองไม่เห็นใคร
“คุณแก้วครับ! คุณแก้ว! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
แก้วตาซึ่งรออยู่โผเข้ามากอดศุวิลแน่น เนื้อตัวสั่นศุวิลชะงัก
“แก้วกลัวค่ะ...อยู่ๆ ไฟก็ดับ แก้วกลัวค่ะคุณลม”
“เดี๋ยวผมไปดูที่คัตเอาท์ให้นะครับ”
ศุวิลจะผละออก แต่แก้วตารีบดึงมากอดไว้แน่น
“อย่าทิ้งแก้วไปนะคะ แก้วกลัวความมืดค่ะ...ตอนเด็กๆ แก้วเคยถูกทิ้งไว้ในบ้านที่ไฟดับแบบนี้ แก้วไม่ชอบเลยค่ะ..มันน่ากลัว...”
ศุวิลอึดอัดที่แก้วตากอดแนบชิดร่างกายตนแบบนี้
โชคร้ายของแก้วตา เมื่อเดชขับรถกำลังเลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้าน เดชมีสีหน้ากังวล มองบรรเจิดผ่านกระจกมองหลัง
“ทำไมเมื่อเย็น ท่านถึงบอกแก้วว่าวันนี้ท่านมาไม่ได้ละครับ”
“ชั้นอยากเซอร์ไพรส์แก้ว อยู่กับชั้นมีแต่เรื่องน่าเบื่อ ชั้นอยากทำอะไรให้เค้าตื่นเต้นบ้าง”
บรรเจิดมองช่อดอกไม้เล็กๆน่ารักที่ถืออยู่ สีหน้ามีความสุข ผิดกับเดชที่ดูเครียด กังวลหนัก
ในความมืด ศุวิลค่อยๆ จับแก้วตาออกจากอกตัวเอง แก้วตายังหลับตาปี๋ กลัวจนตัวสั่น ศุวิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดโหมดไฟฉาย
“เดี๋ยวคุณแก้วพาผมไปดูแผงคัทเอาท์ในบ้านหน่อยนะครับ”
แก้วตาพยักหน้า จู่ๆ ไฟจากมือถือศุวิลก็ดับไปเสียเฉยๆ แก้วตาโผเกาะแขน ถูกแกะออกอีก
ศุวิลหยิบมือถือมาลองกดๆ แต่ไม่ติด เลยรู้ว่าแบตหมด
“สงสัยแบตโทรศัพท์หมด บ้านคุณแก้วมีไฟฉายไหมครับ ผมจะได้ดูแผงคัตเอาท์ให้”
“มีค่ะ....อยู่บนห้องนอนแก้ว”
ศุวิลชะงัก
“ถ้าคุณลมจะขึ้นไป พาแก้วไปด้วยนะคะ แก้วกลัว...”
ศุวิลรู้สึกไม่ดี
“ผมว่าผมไปเอาไฟฉายที่บ้านผมดีกว่าครับ...”
ศุวิลรีบเดินออกไปเลย แก้วตามองตามอารมณ์เสียที่ศุวิลไม่หลงกล
ศุวิลรีบเดินออกมา สีหน้าไม่สบายใจกับสิ่งที่แก้วตาทำ
ส่วนอีกด้าน เห็นรถบรรเจิดแล่นมา บรรเจิดเห็นศุวิลจากระยะไกล กำลังเดินออกมาจากบ้านแก้วตา แล้วเข้าบ้านตนเองไป
“ใครน่ะเดช?”
เดชอึ้งรู้ว่าแก้วตาพัวพันอยู่กับหนุ่มข้างบ้านคนนี้ไม่เลิก เดชอึกอัก
“ไม่ทราบครับท่าน....คงเป็นเพื่อนบ้าน”
บรรเจิดนิ่งคิด ท่าทีไม่ไว้ใจ
เดชจอดรถที่หน้าบ้าน มองไปในบ้านเห็นไฟมืดทั้งหลัง ก็ตกใจเป็นห่วงแก้วตา
“ท่านครับ”
บรรเจิดหันมองตามเดชแล้วตกใจ
“ไฟดับเหรอ” แล้วนึกเป็นห่วงแก้วตา “แก้ว!”
ท่ามกลางความมืด บรรเจิด และเดชเปิดประตูเข้ามา มองไม่เห็นอะไร
“แก้ว! แก้วอยู่ไหนแก้ว!”
แก้วตาตกใจ คาดไม่ถึงว่าบรรเจิดจะมา ตั้งสติได้
“แก้วอยู่นี่ค่ะ”
บรรเจิดรีบพุ่งไปหาแก้ว เดชตาม
“เกิดอะไรขึ้นแก้ว”
“จู่ๆไฟก็ดับน่ะค่ะ แก้วกลัวค่ะ...”
แก้วตาผวากอด ซบทันที บรรเจิดกอดปลอบแต่ใจยังสงสัยเรื่องชายหนุ่มข้างบ้าน
“ชั้นเห็นผู้ชายเดินออกไปจากบ้านแก้วเมื่อกี้ ใครน่ะแก้ว?”
แก้วตาอึกอัก เดชมองจ้องหน้าแก้วตา สาวแอ๊บขั้นเทพหลบตาวูบ
สำลีเดินตามศุวิลมา บ่นอุบอิบ
“จะพาน้ามาทำไม ไฟเฟยอะไรน้าก็ซ่อมไม่เป็น ให้น้ากลับไปดูละครต่อเถอะ”
“มาเถอะน้าสำลี...”
ศุวิลมองไปเห็นรถบรรเจิดจอดอยู่ เหลียวมองเห็นไฟในบ้านแก้วตาสว่างแล้ว
“สว่างแล้วนี่ สงสัยพี่ชายหนูแก้วมาซ่อมให้แล้วล่ะลม ไป กลับเถอะ”
สำลีเดินนำกลับเข้าบ้าน ศุวิลมองรถบรรเจิด ก่อนเดินตามเข้าบ้านไป
ไฟสว่างแล้ว แก้วตาเดินเข้าเฟรมมาลงนั่ง ท่าทางน้อยใจ บรรเจิดตามมาพะเน้าพะนอ
“ทำไมคุณพูดเหมือนไม่เชื่อแก้วละคะ...แก้วบอกแล้ว ว่าแก้วให้คุณเค้ามาช่วยซ่อมไฟ
ให้แก้ว”
“ไม่ใช่ชั้นไม่เชื่อแก้ว ชั้นแค่ไม่เคยรู้ว่าแก้วสนิทกับคนข้างบ้านขนาดนี้”
“ถ้าแก้วไม่ผูกมิตรกับเพื่อนบ้านไว้ เวลามีปัญหา ใครจะช่วยแก้วละคะ เพราะคุณก็มาหาแก้วไม่ได้ทุกวัน...”
บรรเจิดอึ้ง เถียงข้อนี้ไม่ได้ แก้วตารีบอ้อน เอามือบรรเจิดมาแนบแก้ม มองหน้าเรียกคะแนนสงสาร
“เพราะแก้วเป็นเมียน้อยใช่ไหมคะ คุณเลยกลัวว่าแก้วจะใจง่าย...”
บรรเจิดใจอ่อนยวบลง รู้สึกผิดทันที
“คนอื่นจะด่าว่าแก้วยังไงแก้วทนได้ค่ะ...แต่แก้วทนไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณจะมองแก้วแง่ร้าย...”
สิ้นคำพูดตัดพ้อ แก้วตาน้ำตาไหลหยดเผาะทันที
“ชั้นขอโทษ...ชั้นขอโทษ...ชั้นเชื่อเธอแก้ว...ชั้นแค่รักแล้วก็หวงเธอมาก ยกโทษให้ชั้นนะ...”
“แก้วไม่โกรธคุณหรอกค่ะ...แก้วรักคุณคนเดียว...”
บรรเจิดรีบดึงแก้วตามากอดอย่างรักใคร่
ในอ้อมกอดของบรรเจิด แก้วตาเปลี่ยนหน้าเป็นนิ่ง ทุกอย่างควบคุมไว้ได้ ขณะที่บรรเจิดแอบหวั่นใจลึกๆ ว่าผู้หญิงแสนหวานในอ้อมกอดตนจะเปลี่ยนไป
ส่วนเดชแอบฟังอยู่นอกห้องเงียบๆ
ต่อมาไม่นานเดชขับรถมาตามทาง มองสีหน้าบรรเจิดผ่านกระจกหลัง เห็นนายดูเงียบกว่าปกติ บรรยากาศอึดอัด บรรเจิดทำลายความเงียบขึ้นมา
“เดช...ต่อไปนี้คอยจับตาดูแก้วให้ชั้นหน่อยนะ”
เดชชะงัก รู้ว่าบรรเจิดเริ่มระแวงแก้วแล้ว พยายามพูดเลี่ยง
“ผมก็คอยดูแลแก้วตามที่คุณบรรเจิดสั่งอยู่แล้วนี่ครับ...”
บรรเจิดขัดขึ้นมานิ่งๆ “ไม่ใช่คอยดูแล...คราวนี้ชั้นให้จับตาดูไว้...”
เดชนิ่งงันไป
“แก้วตาไปที่ไหน กับใคร อะไรยังไง ต่อไปนี้แกต้องรายงานชั้นทุกอย่าง”
บรรเจิดสำทับน้ำเสียงเครียด เดชกลุ้มจัด นึกเป็นห่วงแก้วตาที่บรรเจิดเริ่มระแวงเข้าให้แล้ว
ตกกลางดึก ปิ่นมณีนอนไม่หลับ ยืนเครียดอยู่ในห้องนอน พยายามโทรศัพท์โทร.หาสุธาวีหลายครั้ง แต่เขาไม่รับสายเลย ปิ่นมณีหวั่นใจ พยายามโทร.หาอีก
หน้าจอโทรศัพท์ของสุธาวีเป็นชื่อปิ่นมณีโทร.เข้ามา แต่สุธาวีกดตัดสายทิ้ง สุธาวีนั่งอยู่ในห้องรับแขก ท่าทางเครียดจัด เพราะยังอึ้งๆ อยู่กับเรื่องครอบครัวปิ่นมณี
อรทัยเดินเข้ามามอง เห็นลูกชายนั่งเครียด
“เป็นไง? ตาสว่างหรือยัง ได้เห็นกำพืดของมัน...”
สุธาวีนิ่ง ไม่ตอบ
“ชั้นบอกแกแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นมันไม่คู่ควรกับแก ก็แค่พวกตะกายดาว ใฝ่สูง มันสนแต่เงินของแกเท่านั้นแหละ!”
“ผมขออยู่คนเดียวได้ไหมครับแม่”
“ทำไม? อย่าบอกนะว่าแกยังจะคบกับมันอยู่! ชั้นไม่เอาด้วยหรอกนะ ถ้าต้องมีญาติเป็นคนขี้เมา เป็นแม่ค้าปากจัดอย่างนั้นน่ะ! เลิกทำตัวโง่ๆซักที”
ฟ้าใสในชุดนอนเดินเข้ามา ในมือถือโถน้ำจะมาเติม ได้ยินเสียงอรทัยกับสุธาวีทะเลาะกันก็ชะงัก
สุธาวีเสียใจ “ใช่ ผมมันโง่! ที่คุณแม่พูดมันถูกทุกอย่าง ปิ่นเค้าเป็นคนไม่ดี ไม่คู่ควรกับผม! สะใจหรือยัง?”
อรทัยนิ่งงันไปชั่วขณะ
“ชั้นไม่ได้ทำเพื่อความสะใจ ชั้นทำเพราะชั้นเป็นแม่แก”
อรทัยหันมาเห็นฟ้าใสเข้าพอดี
“คนที่เหมาะกับแกคือคนดีๆ อย่างยัยฟ้าต่างหาก”
ฟ้าใสอึกอักๆ รู้ว่าตัวเองเข้ามาอยู่กลางวงการทะเลาะกันของแม่กับลูก
“ฟ้าเธอบอกแม่ไปสิว่าเธอไม่ได้รักชั้น เธอไม่อยากแต่งงานกับชั้น”
“อาอรคะ เรื่องคุณวีกับฟ้ามันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
อรทัยมองสองคนไปมา แล้วมาหยุดที่ลูกชาย “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อฟ้าเป็นคนดี เป็นคนที่...”
สุธาวีสวนออกมา “เมื่อไหร่คุณแม่จะเข้าใจว่าผมกับฟ้าไม่ได้รักกัน ต่อให้ผมไม่คบกับปิ่น ผมก็ไม่แต่งกับฟ้า”
สุธาวีลุกเดินหนี อรทัยเดินตาม ฟ้าใสกลุ้มเหลือเกิน
เช้าวันใหม่ ที่มุมหนึ่งในห้อง ปิ่นมณีเครียดๆ ที่สุธาวีไม่รับโทรศัพท์ ท่าทางเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ปิ่นมณีลุกขึ้นพรวดอย่างดีใจ คิดว่าสุธาวีคงมาหา
ปิ่นมณีรีบเดินไปเปิดประตูห้อง
“คุณวี...”
ปรากฏว่าที่หน้าห้องกลับกลายเป็นฟ้าใสที่ยืนอยู่ ปิ่นมณีชะงักไป เซ็งๆ ผิดหวัง
“ฟ้าเองเหรอ...”
ปิ่นมณีหน้ามุ่ย
“ทำไมเธอถึงคิดว่าเป็นคุณวี...นี่เธอยังไม่เลิกกับคุณวีใช่ไหมปิ่น”
ฟ้าใสเดินตามปิ่นมณีเข้ามาในห้อง
“เมื่อวานอาอรทะเลาะกับคุณวีเรื่องเธอ...ไหนเธอสัญญาว่าจะกลับไปคบกับคุณลมไง”
“แล้วคุณวีเค้าว่ายังไงบ้าง”
“เค้าเงียบไป..ไม่ได้พูดอะไร”
ปิ่นมณีคิดเครียด เพราะสุธาวีนิ่งเฉยไม่มีทีท่าอะไรแบบนี้ ทำให้ปิ่นมณียิ่งร้อนใจ
“ปิ่น..เธอกลับไปคืนดีกับคุณลมเถอะนะ...ลมเค้าเป็นคนดี...เชื่อชั้นนะปิ่น ชั้นไม่อยากให้เธอเสียใจ...”
ปิ่นมณีทนไม่ไหว ตบะแตก เหวี่ยงใส่
“เลิกเซ้าซี้ชั้นซักทีได้ไหมฟ้า” ฟ้าใสชะงัก “ชั้นจะทำอะไรมันก็เรื่องของชั้น! ทำอย่างนี้อยากให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองเป็นคนดี เป็นนางเอกเหรอ”
ฟ้าใสอึ้ง
“ปิ่น ชั้นเป็นห่วงเธอ ชั้นอยากแก้ไขที่ชั้นทำผิดพลาด ทำให้เธอกับลมทะเลาะกันตั้งแต่แรก”
ปิ่นมณีหงุดหงิด อารมณ์เสีย
“ออกไป ชั้นอยากอยู่คนเดียว”
ฟ้าใสอึ้งที่ปิ่นมณีไล่...ค่อยๆ เดินออกไป
ปิ่นมณีปิดประตูโครม เดินมานั่งลงครุ่นคิด ว่าจะเอายังไงดี เพราะดูเหมือนว่าสุธาวีจะไม่ต้องการหล่อนแล้ว
อ่านต่อตอนที่ 7