จ้าวพายุ ตอนที่ 4
สองคนอยู่หน้าห้องผู้ป่วย ศุวิลยัดกระเช้าใส่มือฟ้าใส
“คุณเอาของเยี่ยมของคุณกลับไป!”
“เอ๊ะ อะไรของคุณเนี่ย”
“ผมรู้นะว่าของเยี่ยมนี่ใครฝากมา” ฟ้าใสชะงัก “หน็อย ทำตัวเป็นนางนกต่อ!”
“เอ๊ะ! สามีเค้าจะแสดงความห่วงใยภรรยา คุณจะมาขวางทำไมเนี่ย!”
“ก็ถ้าเกิดอรทัยรู้แล้วมาทำร้ายแม่ผมอีกจะทำยังไง! คุณตาจะทำอะไรได้!”
“นี่ คุณคิดว่าคุณตาจะปล่อยให้คุณอาอรทัยทำตามใจชอบเหรอ คุณรู้ไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่คุณเนี่ย คุณตาลงโทษอาอรหนักมากเลยนะ”
“จะลงโทษขนาดไหนเชียว ลูกรักนี่”
“คุณตาตัดอาอรจากกองมรดก อาอรจะไม่ได้อะไรเลย”
ศุวิลชะงัก “นี่เค้าทำขนาดนี้เลยเหรอ?” เขานึกเป็นห่วงแม่ทันที “อรทัยไม่ยอมแน่ๆ เค้าอาจจะกลับมาทำร้ายแม่ผมอีก”
“คุณตาไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่ ท่านจะต้องปกป้องคุณกับแม่คุณ”
ศุวิลกังวล แต่ใจหนึ่งก็แอบซาบซึ้งใจที่ศิวายอมหักกับอรทัย
“งั้นคุณเอากระเช้ากลับไปนะ”
ฟ้าใสดันกระเช้าคืน ศุวิลไม่เอา สองคนยื้อๆกันอยู่ ฟ้าใสพยายามยัดกระเช้าคืน แต่เสียหลักจะคว่ำ ศุวิลรับคว้าเลยกลายเป็นศุวิลโอบฟ้าใสไว้
ปิ่นมณีเดินเข้ามาในจังหวะนี้ เห็นศุวิลกอดใครบางคนอยู่ ปิ่นมณีชะงัก
“ลมคะ”
ศุวิลและฟ้าใส หันไปเห็นปิ่นมณืถือดอกไม้อยู่
“ปิ่น” / “ฟ้า?”
สองสาวอุทาน สีหน้าตกตะลึงระคนตื่นเต้นดีใจ
ต่อมาไม่นาน ฟ้าใสนั่งคุยกับปิ่นมณีอยู่ในร้านกาแฟในโรงพยาบาล แลเห็นกระเช้าเยี่ยมไข้ของ ฟ้าใสวางอยู่ข้างๆ
“ปิ่นนะปิ่น ชั้นโทร.หาตั้งหลายครั้งเธอก็ไม่รับ นี่เธอไม่เคยบอกให้ชั้นเลยนะ ว่าหล่อ รวย โสดของเธอ คือลูกชายของคุณตาชั้น”
“ก็ลมเค้าไม่อยากเกี่ยวข้องกับบ้านเจนจรัสตระกูลน่ะ นี่ชั้นยังแปลกใจเลยที่เห็นเธอกับลมอยู่ด้วยกัน”
“โอ้ย ถ้าเธอรู้ว่าแฟนเธอทำอะไรกับชั้น จะยิ่งแปลกใจกว่านี้” ปิ่นมณีชะงัก ฟ้าใสไม่ได้คิดอะไรเลยพูดต่อ “อีตานั่นนะ เจอครั้งแรกก็ทำชั้นแขนเจ็บ! วันต่อมา ทำชั้นขาเคล็ด! นี่ไม่ใช่หล่อหล่อ รวย โสดแล้ว นี่มันหล่อ รวย โหด”
ปิ่นมณีขำ ฟ้าใสมองปิ่นมณีแล้วคิดได้
“ปิ่น ปิ่นพอจะรู้เรื่องลมกับคุณตาชั้นใช่ไหม” ปิ่นมณีพยักหน้า “ลมเค้าไม่ยอมรับคุณตาเป็นพ่อ..นี่ขนาดคุณตาท่านจะยกมรดกให้ ลมเค้าก็ยังใจแข็ง เค้าบอกว่าเค้าจะไม่เอาอะไรซักอย่างจากคุณตา...ชั้นอยากให้พวกเค้ากลับมาคืนดีกัน...ปิ่นเป็นแฟนเค้า ปิ่นช่วย...”
ปิ่นมณีบอก “ชั้นจะช่วยพูดกับลมให้เอง”
ฟ้าใสยิ้มดีใจ
“เค้าเป็นแฟนชั้น ชั้นก็อยากให้พ่อลูกเค้าคืนดีกันเหมือนกัน”
ปิ่นมณีพูดเพราะอยากให้ลมคืนดีกับพ่อเพื่อมรดก ฟ้าใสรู้ไม่ทันปิ่นมณี ฟ้าใสดีใจ กอดปิ่นมณี
“นางฟ้าของเพื่อน”
ปิ่นมณีมีแววตามาดหมาย
ที่โรงเรียนสอนดนตรีของฟ้าใส ฟ้าใส ชนเมศร์ แก้วตา และงามเสมอนั่งอยู่ด้วยกัน งามเสมอคิกคักรื้อกระเช้าของเยี่ยมอยู่กับชนเมศร์
“ลาภปากแท้ๆ” งามเสมอว่า
ชนเมศร์ตีมืองามเสมอ
“เจ๊ เอาไปเยอะเกินไปแล้ว” เขาหยิบของเยี่ยมหันหาแก้วตา “แบ่งให้แก้วเค้ามั่ง”
“ขอบใจจ้ะ...แต่แก้วไม่เอาหรอก”
งามเสมอถูกใจร้องกรี๊ด “ว้าย... ชั้นอายแทนแกว่ะชน แก้วเค้าไม่เอา” แล้วหันหาฟ้าใส “นี่ ว่าแต่ทำไมของพวกนี้ถึงตกมาถึงมือชั้นได้เนี่ย”
“เรื่องมันยาวอะค่ะ อย่ารู้เลย” ฟ้าใสตัดบท
“งั้นขอเรื่องสั้นๆ ที่ชั้นรู้มั่งได้ไหม แบบว่า อย่าเผือกอ่ะอยากเผือก”
ฟ้าใสคิดๆ แล้วบอก “มีอยู่เรื่องนึง ฟ้าเจอแฟนปิ่นแล้ว”
ทุกคนชะงักสนใจ
“หล่อ รวย โสดอ่ะเหรอ! แล้วเป็นไง หล่อจริงไหม?”
ฟ้าใสนิ่งคิด แต่ไม่อยากจะพูดว่าศุวิลหล่อ “ก็หล่ออะ”
“แล้วรวยไหม?” งามเสมอซัก
“ก็รวยมั้ง”
งามเสมอทำหน้าหื่นใส่ “แล้วโสดหรือเปล่า”
ชมเมศร์โวย “เว้ย! ถามไม่คิด เค้าเป็นแฟนปิ่นแล้วนี่ไง!”
งามเสมอเซ็ง ออกอาการเสียดาย
“ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ อีตาศุวิลแฟนปิ่นอ่ะ เป็นลูกชายอีกคนของคุณตาฟ้า”
“ต๊าย งั้นแสดงว่าแฟนปิ่น ก็ต้องเป็นคุณอาของฟ้า ว้าย แรงนะยะ กินอาเพื่อน”
งามเสมอหัวเราะคิกคัก แก้วตาชะงัก เก็บข้อมูล
“อ๊ะ แต่ว่าถ้าเป็นคุณอาหนุ่มๆ ชั้นว่าก็โอเคอ่ะ แต่ถ้าเป็นอาแก่ๆ ก็ต้องคิดนานหน่อยอะ เนอะแก้วเนอะ”
แก้วตาชะงักกึกฝืนหัวเราะไม่ออก
เย็นนั้นแก้วตาถือถุงผลไม้ ดอกไม้ และถุงของใช้ถุงใหญ่เดินมา แก้วตาไขกุญแจบ้านเหม่อๆ เพราะคิดเรื่องบรรเจิดที่อายุห่างจากตัวเอง แก้วตาไขกุญแจบ้านไม่ถนัดเลยทำข้าวของร่วงกระจาย
แก้วตารีบก้มเก็บผลไม้เก็บของง่วน กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบส้ม ทันใดนั้นมีมือๆหนึ่งยื่นมาหยิบส้มผลเดียวกับ มือๆ นั้นแตะโดนแก้วตา หล่อนตกใจ เงยหน้ามองเห็นว่าเป็นศุวิล
“ขอโทษครับ ผมช่วยเก็บ”
ศุวิลก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวของให้ แก้วตามองๆศุวิลใจเต้นระรัว
แก้วตาถือดอกไม้เข้ามาในครัว ศุวิลช่วยถือถุงผลไม้ ถุงข้าวของตามเข้ามาวาง
“ขอบคุณมากนะคะ คุณ...”
“ผมชื่อลมครับ”
“ลมเฉยๆ เหรอคะ?”
“เรียกลมเฉยๆ ก็ได้ครับ”
แก้วตายิ้มหวาน “ขอบคุณนะคะคุณลม...ดิชั้นแก้วตาค่ะ”
“คุณแก้วตาเพิ่งย้ายเข้ามาสินะครับ นี่อยู่คนเดียวเหรอครับ”
แก้วตาชะงัก “ค่ะ แก้วอยู่คนเดียว...” หล่อนอยากรู้ว่าศุวิลครอบครัวหรือยัง “แล้วคุณลมล่ะคะ”
“ผมอยู่กับแม่กับน้าครับ”
“งั้นวันหลังแก้วขอแวะไปทักทายคุณแม่กับคุณน้านะคะ”
“ตามสบายครับ งั้นผมไม่กวนคุณแก้วแล้วนะครับ”
ศุวิลจะเดินออก แก้วตาคิดบางอย่างได้ แกล้งทำเป็นหยิบของจะขึ้นวางบนชั้นสูงๆ แล้วเซ จะล้ม
แก้วตาร้อง “ว้าย!”
ศุวิลหันมาเห็น รับร่างแก้วตาไว้ได้ทัน แก้วตาอยู่ในอ้อมอกศุวิล ใจเต้นระรัว ร้อนผ่าวทั้งหน้า แล้วนึกได้ แสร้งไว้ตัว ผละออกมา ศุวิลเองก็ผละออก
“ขอบคุณค่ะ”
“งั้นผมขอตัวนะครับ...ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณแก้วตา”
“เช่นกันค่ะ คุณลมเฉยๆ” แก้วตายิ้พราย ศุวิลยิ้มรับแล้วเดินออกไป
ลับหลังศุวิล แก้วตาเปลี่ยนจากยิ้มใส กลายเป็นยิ้มหลงใหล มือค่อยๆ เอื้อมไปลูบแขนตนที่ศุวิลประคองเมื่อครู่ แก้วตารู้ตัวแล้วว่าเธอต้องการอ้อมกอดของชายหนุ่ม ไม่ใช่ของชายรุ่นพ่ออย่างบรรเจิดต่อไป
แก้วตาหยิบดอกไม้เหี่ยวออกจากแจกันทิ้งขยะไป แล้วเอาดอกไม้สดใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเสียบแทนที่
ต่อจากตอนที่แล้ว
ตกกลางคืน บรรเจิดเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์เจนจรัสตระกูลท่าทางอารมณ์ดีสุดๆ หลังจากกลับมาจากบ้านแก้วตา เขาเห็นสุธาวีนั่งรออยู่ สีหน้าเครียดหนัก
“อารมณ์ดีจังเลยนะครับคุณพ่อ คงจะสบายใจสินะครับที่คุณแม่ไม่ตามล้างตามเช็ดเรื่องเมียน้อยของคุณพ่อ ตอนนี้ผมเลยเดือดร้อนแทน”
บรรเจิดชะงัก ฉงน “ทำไม แม่แกทำอะไรอีก”
“แม่เค้าเร่งให้ผมรีบแต่งงานกับฟ้าใส”
“เค้าก็พยายามทำมาตั้งนานแล้วนี่ ถ้าแกไม่ยอมซะอย่าง แม่แกจะทำอะไรได้”
“แต่คราวนี้คุณแม่เค้าเอาจริง! เพราะคุณตาเอามรดกส่วนของคุณแม่ ยกให้ฟ้าใสแทน คุณแม่เลยจะเร่งให้ผมแต่งงาน จะได้ได้มรดกคืน”
บรรเจิดตกใจ “อะไรนะ?”
“ดีไหมล่ะครับความคิดของคุณแม่ ผมจะบอกคุณพ่อให้ช่วยกันยัยฟ้าอีกทาง ผมไม่ได้อยากแต่งงานกับเค้า”
บรรเจิดเครียด นึกๆ แล้วก็โมโหอรทัย บรรเจิดเดินขึ้นชั้นสองไปทันที
เมื่อถูกสามีถาม อรทัยกระแทกหวีในมือลงที่โต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนดังปัง!
“ใช่! ชั้นจะให้ตาวีแต่งงานกับยัยฟ้า หรือคุณมีวิธีอื่นที่จะได้มรดกคืน?”
“มี! ก็ทำใจซะสิ! เลิกบงการชีวิตคนอื่นซักที!”
“ทำเป็นเห็นใจคนอื่น! ชั้นจะบอกให้นะ ถ้าเราไม่เหลือมรดกเลย ชั้นอยากจะรู้นักว่าน้ำหน้าอย่างคุณจะเอาเงินที่ไหนไปปรนเปรอเมียน้อย ถ้าไม่มีสมบัติของชั้น นังเมียน้อยนั่นน่ะเหรอจะอยู่กับคุณ”
บรรเจิดชะงัก “คุณดูถูกคนอื่นมากแล้วไปอรทัย ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำทุกอย่างเพื่อทรัพย์สมบัติอย่างคุณที่ทำแม้กระทั่งขายลูกชายตัวเอง! ผมจะไม่ยอมให้คุณบังคับตาวีกับยัยฟ้าแต่งงานกันเด็ดขาด!”
อรทัยไม่สนใจเพราะรู้ว่าบรรเจิดคงทำอะไรไม่ได้มาก
เช้าวันใหม่ ปิ่นมณีและศุวิลเดินเล่นกันอยู่ที่มุมสวยของเอเชียทีค ปิ่นมณีมองศุวิลยิ้มๆ แล้วยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเขา ศุวิลยิ้มงงๆ
“ปกติเห็นลมถ่ายแต่คนอื่น คราวนี้ปิ่นเลยถ่ายคุณมั่ง”
ศุวิลยิ้ม “ขอบใจนะปิ่นที่ชวนผมมา เช้าๆอย่างนี้บรรยากาศดีเหมือนกันเนอะ”
ศุวิลมีท่าทางสดชื่นแจ่มใสขึ้น ปิ่นมณีนิ่งคิดก่อนจะเอ่ยออกมา
“ลมคะ.....ปิ่นอยากให้ลมพบใครคนนึงค่ะ”
ศุวิลเห็นท่าทางจริงจังของปิ่นก็งง “ใครเหรอปิ่น?”
ทันใดนั้นธวัชชัยพาศิวาเดินเข้ามา ศุวิลแปลกใจ
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ปิ่นอยากให้ลมปรับความเข้าใจกับคุณพ่อ”
ศุวิลฉุน “ปิ่น!”
ปิ่นมณีคะยั้นคะยอ “นะคะลม พ่อปิ่นเองเสียตั้งแต่ปิ่นยังเล็ก ปิ่นไม่มีโอกาสได้ดูแลท่าน ปิ่นไม่อยากให้ลมต้องพลาดเหมือนปิ่น”
ต่อมาอีกด้านหนึ่งในเอเชียทีค ปิ่นมณียืนมองศุวิลกับศิวาและธวัชชัยที่คุยกันอยู่ไกลๆ ฟ้าใสเดินเข้ามายืนข้างปิ่นมณี มองไปที่พวกศุวิล
“ขอบใจเธอมากนะปิ่น ที่ช่วยพาอีตาลมพายุของเธอมา”
“ชั้นหวังว่าลมเค้าจะคืนดีกับพ่อเสียที ถ้าลมมีความสุข ปิ่นก็มีความสุขไปด้วย”
ปิ่นมณีแอบยิ้มมาดหมายในทรัพย์สมบัติมหาศาลของศุวิล
ศุวิล ศิวา และธวัชชัยยืนอยู่ด้วยกัน
“ลม พ่อขอโอกาสคุยกับลมได้ไหมลูก”
ศุวิลจะเดินหนี ธวัชชัยขวางไว้
“คุณลมครับ ท่านเพียงแค่อยากจะคุยกับคุณเท่านั้น ไม่ได้ขออะไรคุณมากมายเลย อย่างไรเสียท่านก็เป็นพ่อของคุณ ผมขอร้องให้คุณคิดถึงจิตใจท่านบ้าง”
ศุวิลชะงักมองศิวา เห็นท่าทีจริงใจของศิวาก็ใจอ่อน แต่ยังมีฟอร์ม
“ผมมีเวลาให้ยี่สิบนาทีครับ คุณมีอะไรก็พูดมา”
ศิวาดีใจ ธวัชชัยก็พลอยดีใจไปด้วย
ธวัชชัยหยิบของเล่นหันยื่นของเล่นให้ศิวา เป็นของเล่นที่ศิวาเคยซื้อมาให้ศุวิลเมื่อยี่สิบปีก่อนแต่ไม่มีโอกาสได้ให้ ศิวายื่นของเล่นให้ลูกชาย
“ในวันที่แม่กับลมออกจากบ้าน พ่อตั้งใจซื้อของเล่นชิ้นนี้มาเซอร์ไพร้สลม...พ่อจำได้ว่าลมชอบมาก”
“สายไปยี่สิบปี แต่ก็ขอบคุณครับ” ศุวิลรับของมา “คุณมีเรื่องแค่นี้ใช่ไหม”
“ลม...เรื่องมรดกที่พ่อตั้งใจจะยกให้ลม พ่ออยากให้ลมรับไว้...”
“ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ต้องการ”
“ลม แต่มันเป็นสิ่งที่ลมกับแม่ควรจะได้ ลมอย่าคิดว่าพ่อเอาเงินฟาดหัวลมนะลูก พ่อแค่อยากดูแลลมกับแม่ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส”
ศุวิลได้ยินก็ชะงัก ตกใจ
“ทำไม? หมอบอกว่าคุณเป็นอะไร?”
ศิวารู้ว่าตนเองอาการหนัก อาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ไม่ยอมพูดออกไป เพราะไม่อยากให้ศุวิลคิดว่าตนเองเรียกร้องความสนใจ
ธวัชชัยมองศิวาเข้าใจดีว่านายรู้สึกยังไง
“พ่อไม่ได้เป็นอะไรหรอก”
ศุวิลแม้จะเป็นห่วง แต่ยังมีฟอร์มอยู่
“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ คนอย่างคุณไม่ตายง่ายๆหรอก ต้องอยู่ทะเลาะกับผมไปอีกนาน”
ศิวารู้สึกได้ว่าศุวิลเป็นห่วงตนเอง ก็ดีใจ
“ขอบใจมากนะลม ที่เป็นห่วงพ่อ”
ศุวิลปากแข็ง “ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นซักคำ!”
ศิวายิ้มชื่นใจ “ไม่ได้พูดก็ไม่ได้พูด พ่อเข้าใจผิดไปเอง...”
ธวัชชัยเห็นท่าทางศิวาที่สบายใจ ก็ดีใจไปด้วย
“นี่ต้องขอบคุณคุณฟ้านะครับ...ที่วันนี้พาท่านมาหาคุณลม”
ศุวิลแปลกใจที่รู้ว่าฟ้าใสจัดการเรื่องนี้ทั้งหมด
“คุณว่ายังไงนะ?! ที่เรามาเจอกันวันนี้เป็นแผนการของยัยฟ้าใสเหรอ!”
ธวัชชัย และศิวาชะงัก
ศุวิลหันไปเห็นฟ้าใสกับปิ่นมณียืนแอบมองอยู่ด้วยกัน เดินออกไปหาทันที ศิวาจะตาม ทันใดนั้น ศิวาชะงักกุมท้อง ธวัชชัยรีบประคอง
ฟ้าใสและปิ่นมณียืนอยู่ด้วยกันมุมหนึ่งของเอเชียทีคตอนเช้า จู่ๆ ศุวิลเดินหน้าถมึงทึงเข้ามา สองสาวชะงัก
ศุวิลเอาเรื่องกับฟ้าใส “ที่แท้เรื่องวันนี้ก็เป็นแผนของคุณนี่เอง” สองสาวตกใจที่แผนแตก “คุณจัดฉากให้ผมมาเจอกับคุณตาคุณ! สนุกมากใช่ไหมที่เห็นผมเป็นคนโง่!”
ปิ่นมณีอธิบาย “ลมคะ! ที่เราทำไปทั้งหมด ก็เพราะอยากให้ลมกับพ่อคืนดีกัน!”
“ปิ่น! คุณก็เห็นด้วยกับเค้างั้นเหรอ?! นี่แสดงว่าคุณก็ร่วมมือกับเค้าหลอกผม!”
ศุวิลพาลเดินออกไปทันที
“ลมคะ! ลม!” ปิ่นมณีไม่พอใจศุวิล รีบเดินตามทันที
ศุวิลเดินหงุดหงิดมา ปิ่นมณีเองก็โกรธ ตามมาติดๆ
“ลม! มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!” ศุวิลหงุดกึก “ลมจะมาโกรธปิ่นได้ยังไงคะ! ในเมื่อปิ่นทำไปก็เพราะความหวังดี! ถึงยังไงท่านก็เป็นพ่อของคุณนะคะ...คุณศิวาเค้าสำนึกผิดแล้ว...ถึงกับจะยกสมบัติให้ลมครึ่งนึงเพื่อเป็นการชดใช้”
ศุวิลชะงัก “เพราะอย่างนี้เหรอปิ่นถึงอยากให้ผมคืนดีกับเค้า? ปิ่นอยากได้สมบัติเค้าเหรอ?”
“ก็แล้วทำไมลมถึงไม่รับล่ะคะ ในเมื่อลมเป็นลูกของเค้า สมบัตินั่นมันก็เป็นส่วนที่ลมควรจะได้! ไม่เห็นมีอะไรผิด”
“ผมไม่อยากให้อรทัยเค้ามาดูถูกผมกับแม่ว่าเห็นแก่เงิน!”
“ทำไมลมต้องไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงด้วยล่ะคะ?” ศุวิลชะงัก “ถ้าลมรับมรดก ต่อไปลมกับแม่จะได้สบาย แล้วถ้าเราแต่งงานกันไป เราสองคนจะได้ไม่ต้องลำบาก!”
ศุวิลอึ้ง “นี่ผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะเห็นแก่เงินขนาดนี้”
“โลกของความเป็นจริง มันก็ต้องใช้เงินไม่ใช่เหรอคะ?! คนที่ปล่อยให้เงินที่ควรจะได้อย่างถูกต้องตามกฏหมายหลุดลอยไป เค้าเรียกว่าคนโง่!”
“ปิ่น!”
ศุวิลมองปิ่นมณีตาคมกริบ ปิ่นมณีมองตอบไม่หลบตา
“ถ้าผมเป็นคนโง่! ไม่ยอมรับสมบัติของคุณศิวา คุณจะเลิกกับผมไหม?”
ปิ่นมณีฉุนขาด “นี่คุณท้าปิ่นเหรอ”
ศุวิลมองหน้าปิ่นมณีนิ่งๆ แล้วเดินออกไปทันที ปิ่นมณีมองตามด้วยความโมโห
ส่วนที่มุมหนึ่ง เห็นฟ้าใสแอบมองอยู่ หน้าเสียที่ทำให้ปิ่นมณีและศุวิลทะเลาะกัน
ฟากธวัชชัยกลุ้มๆ อยู่กับศิวา
“ท่าทางคุณลมจะโกรธมาก....ไม่รู้ว่าจะยอมมาพบท่านอีกหรือเปล่า”
ศิวายิ้มบางๆ “ต้องมาสิ...ชั้นมองออกว่าลมเค้าก็เป็นห่วงชั้น”
ธวัชชัยคิดตาม
“จริงด้วยครับ...คุณลมเค้าถามถึงอาการท่าน”
“สักวันเราพ่อลูกคงจะกลับมาเข้าใจกัน...หวังว่าวันนั้น ชั้นจะยังมีลมหายใจอยู่...”
นัยน์ตาชายชราเป็นประกาย เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
ทางด้านแก้วตายกเค้กออกจากเตาอบ สภาพแก้มเลอะแป้งเค้ก แก้วตายกเค้กหันยิ้มให้เดชที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ดูสิคะพี่เดช เค้กฝีมือเราสองคน”
เดชมองหน้าแก้วตาที่เลอะแป้งเค้ก
“แก้ว..หน้าแก้วเปื้อนน่ะ”
แก้วตาวางเค้กแล้วเช็ดหน้าตัวเองแต่แป้งไม่หมดจากหน้า
“แก้ว..พี่ขอโทษนะ”
เดชเช็ดแป้งเค้กที่ติดหน้าแก้วตา ในใจเดชหวั่นไหวไปหมด
แก้วตารู้ทันความรู้สึกของเดช แต่ทำเป็นแบ๊วใส แก้วตาพึงพอใจที่ตนเองบริหารเสน่ห์ได้ผล
“เดี๋ยวแก้วจะเอาเค้กไปให้คนข้างบ้านนะคะ แก้วจะได้ทำความรู้จักกับเค้าไว้”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปด้วย”
“ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง...เดี๋ยวแก้วไปเองดีกว่า”
แก้วตาถือเค้กเดินออกไป เดชมองตามด้วยความสงสัย
แก้วตาถือเค้กกดออดอยู่หน้าบ้านศุวิล รออย่างลุ้นระทึก อยากให้ศุวิลเปิดออกมา
ฟากศุวิลคุยมือถืออยู่ในรถ ยังออกอาการฮึดฮัด นึกโมโหที่ฟ้าใสและปิ่นมณีจัดฉากให้ไปเจอพ่อ
“ครับแม่....ผมกำลังจะถึงบ้านแล้วครับ...”
ศุวิลกดวาง
ส่วนบรรเจิดขับรถอยู่ คุยมือถือไปด้วย
“เดชอยู่กับแก้วแล้วใช่ไหม...ดีๆ ชั้นคุยงานเสร็จแล้ว กำลังจะเข้าไปหา”
แก้วถือเค้กยืนรออยู่ที่หน้าบ้านศุวิล
บรรเจิดขับรถท่าทางสดชื่นที่จะได้เจอแก้วตา
ขณะที่ศุวิลขับรถหน้าเคร่ง ยังเครียดเรื่องปิ่นมณี
แก้วตายืนถือเค้ก ชะเง้อชะแง้อยู่ ทันใดนั้น ได้ยินเสียงแตรรถ แก้วตาหันไปเห็นเป็นรถของบรรเจิดจอดอยู่ และบรรเจิดก้าวลงมา แก้วตาตกใจ หน้าเจื่อน
“แก้ว...มาทำอะไรตรงนี้?”
“แก้วทำเค้ก ก็เลยจะเอามาให้ข้างบ้านน่ะค่ะ”
“ดีเลย ผูกมิตรกันไว้..เดี๋ยวผมจะได้ฝากฝัง ให้เค้าช่วยดูแลแก้ว”
บรรเจิดหันไปกดออดบ้านศุวิลอีก แก้วตาใจเต้นรัว บรรเจิดยิ้มแย้ม
แก้วตาหันเห็นรถของศุวิลกำลังเลี้ยวเข้ามาแล้ว ใจเต้นระรัวกลัวศุวิลมาเจอว่าตัวเองมีผู้ชายอยู่แล้ว
“เอ่อ แต่แก้วยืนรอนานแล้วอะค่ะ สงสัยว่าเค้าจะไม่อยู่...ดีเลย เค้กก้อนแรกของแก้ว แก้วอยากให้คุณชิม ไปกันเถอะค่ะ กลับเข้าไปชิมกัน”
แก้วตาถือเค้กคล้องแขนบรรเจิดกลับเข้าไปในบ้านตนเอง
รถศุวิลแล่นเข้ามาพอดี เขามองรถบรรเจิด งงๆ ว่ารถใคร
แก้วตาถือเค้กคล้องแขนบรรเจิดเข้าไป เดชงงๆ ที่แก้วตาถือเค้กกลับเข้ามา
“เดช ขอบใจมากนะที่มาอยู่เป็นเพื่อนแก้ว พอดีชั้นเคลียร์งานเสร็จเร็ว ก็เลยได้มาหาแก้ว”
“ครับ” เดชถามแก้วตา “แล้วแก้วไม่เอาเค้กไปให้คนข้างบ้านแล้วเหรอ”
“ไม่มีคนอยู่น่ะค่ะ”
เดชครุ่นคิด สงสัยในใจ แล้วเดินออกไป
ไม่นานต่อมาเดชยืนมองจากระเบียงชั้นสองของบ้านแก้วตา ไปทางบ้านศุวิล เห็นศุวิลลงรถ สำลีวิ่งออกมา
“ลม เมื่อกี้กดออดหรือเปล่าลูก น้าเข้าห้องน้ำอยู่”
ศุวิลงง “ไม่ได้กดครับ”
เดชมองสองคนด้วยความสงสัยว่า ทำไมแก้วตาต้องโกหกว่าบ้านนั้นไม่มีใครอยู่
ส่วนอาภาจัดอาหารอยู่ สำลี ศุวิลเดินเข้ามา
“อ้าว ลม ไหนหนูปิ่นล่ะลูก ไหนว่าจะพาหนูปิ่นมากินข้าวด้วยกัน”
ศุวิลหน้าบึ้ง
“ว้าย ทำหน้าอย่างนี้ อย่าบอกนะว่าทะเลาะกับหนูปิ่น” ต่อมอยากรู้ทำงานทันควัน “ทะเลาะเรื่องอะไรกัน ไหนบอกน้ามาซิลูก”
อาภาปราม “สำลี”
สำลีหน้าเจื่อน
“ปิ่นเค้าหลอกให้ผมไปเจอคุณศิวาครับ”
อาภาชะงัก งง “หนูปิ่นเค้ารู้จักพ่อได้ยังไง”
“ปิ่นเค้าเป็นเพื่อนกับยัยฟ้าน่ะครับ”
“ว้าย ทำไมโลกกลมอย่างนี้เนี่ย!” สำลีว่า
“ทั้งกลม ทั้งแคบ! ทำไมยัยฟ้านั่นจะต้องมายุ่ง จุ้นจ้านเรื่องของผมด้วยก็ไม่รู้
“หนูฟ้ากับฟหนูปิ่นเค้าคงอยากให้ลมคืนดีกับพ่อน่ะ”
“ยัยฟ้าน่ะใช่ แต่ปิ่น...”
ศุวิลชะงักค้างคำ เพราะคิดว่าปิ่นมณีอยากได้สมบัติ
ทันใดนั้น มือถือศุวิลดัง เห็นหน้าจอว่าเป็นปิ่นมณีโทร.มา ศุวิลมองแต่ไม่กดรับ เสียงมือถือดังจนหยุดไปเอง อาภาสำลีมองหน้ากัน
ปิ่นมณีออกอาการหงุดหงิดมากถือมือถือรอสายศุวิลอยู่ แต่ศุวิลไม่รับ จนสายตัดไป ปิ่นมณีต่อสายอีก แต่คราวนี้ศุวิลตัดสายแล้วปิดเครื่องเลย ปิ่นมณีชะงักโมโห
“ปิดเครื่องเลยเหรอลม...จะเลิกกันจริงๆใช่ไหม”
ทันใดนั้นมือถือปิ่นมณีดัง เห็นที่หน้าจอว่าเป็นสุธาวีโทร.เข้ามา ปิ่นมณีชะงักคิดนิดหนึ่ง แล้วกดรับ
ที่ร้านเพชร สุธาวีถือมือถือคุยอยู่ กำลังเลือกดูเพชรไปด้วย
“รับสายผมได้แล้วเหรอ?”
ปิ่นมณีเสียงขุ่นเข้มเพราะยังโมโหเรื่องศุวิล “มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีชั้นขอวาง”
สุธาวีชะงัก “ทำเสียงแบบนี้อารมณ์ไม่ดีเหรอ? งั้นออกมาทานข้าวกับผมไหม จะได้อารมณ์ดี”
“ชั้นไม่อยากออกไปไหน แค่นี้นะคะ” ปิ่นมณีกดวางทันที
แม้จะถูกตัดสายทิ้งแต่สุธาวีก็ยิ้มพราย เพราะนึกสนุก เขาหยิบสร้อยเพชรขึ้นมามองกระหยิ่ม แล้วกดโทร.หาปิ่นมณีอีก
ปิ่นมณีเห็นหน้าจอว่าสุธาวีโทร.มาอีกหล่อนกดรับ
“อะไรอีกคุณวี”
“ถ้าไม่อยากออกไปไหน เดี๋ยวผมไปหา”
ปิ่นมณีพูดทันจบ “ไม่ต้องค่ะ...”
สุธาวีกดวางทันที
ปิ่นมณีอึ้ง “คุณวี!”
พนักงานยื่นถุงกล่องเพชรให้สุธาวี สุธาวีรับของยิ้มๆ แล้วเดินออกไปจากร้าน
โดยอีกด้านหนึ่งของร้าน อรทัยอยู่กับวิทย์ หันเห็นสุธาวีเดินออกไปพอดี
“ตาวี” อรทัยสงสัย “มาซื้อเพชรให้ใคร”
“คงจะเป็นคุณสราลัยน่ะครับ อาจจะไปง้อกันจากเมื่อคราวก่อนที่โดนคุณว่า”
อรทัยขัดใจ “พูดดีๆไม่รู้เรื่อง...ตามไปวิทย์”
สุธาวีถือถุงใส่กล่องเพชร เดินเข้าลิฟท์แก้วไป อรทัยกับวิทย์เดินเข้ามา แต่ไม่ทันแล้ว สุธาวีเข้าลิฟท์แก้วไปแล้ว เห็นว่าลิฟท์เคลื่อนลงไป อรทัยหงุดหงิด ไม่รู้จะทำยังไง
ในลิฟท์ สุธาวีมองกล่องเพชรในถุง ยิ้มย่อง เมื่อนึกถึงปิ่นมณี
อีกมุมหนึ่งแต่เป็นคนละชั้นกับอรทัย สราลัยเดินชอปปิ้งอยู่ มีบอดีการ์ดตามสองคน สราลัยหันเห็นสุธาวีกับผู้คนในลิฟท์แก้ว มีทั้งเด็กทั้งผู้หญิง โดยลิฟท์แก้วกำลังเคลื่อนที่ลงมา
“วี”
สราลัยกดมือถือหาสุธาวีทันที มือถือสุธาวีดัง เห็นว่าเป็นสราลัยก็หงุดหงิด
“อะไรนักหนาเนี่ย” เขากดมือถือรับ “มีอะไรสรา? ผมอยู่ออฟฟิศ ทำงานอยู่ แค่นี้นะ งานผมยุ่ง”
สราลัยชะงักที่สุธาวีโกหก สุธาวีกดวางสาย สราลัยเจ็บใจ
“งานยุ่งใช่ไหม...เดี๋ยวจะยุ่งกว่านี้อีก!”
สราลัยเดินพุ่งออกไป บอดีการ์ดสองคนตาม
สราลัยเดินเข้ามาหยุดหน้าลิฟท์พร้อมบอดีการ์ดสองคน สราลัยโกรธสุดขีดที่สุธาวีโกหก หมายมั่นว่าถ้าสุธาวีลงมาเจอจะจัดการ
ส่วนในลิฟท์สุธาวีอารมณ์ดีสุดๆ ลิฟท์เคลื่อนจากชั้นสี่ ลงมาชั้นสาม
สราลัยรอลิฟท์กระวนกระวายอยู่
จังหวะนี้ที่หน้าลิฟท์ตัวหนึ่ง ประตูลิฟท์เลื่อนเปิดออก ปรากฏว่าเป็นลิฟท์อีกตัวหนึ่งที่ไม่ใช่ของสุธาวี อรทัยและวิทย์ก้าวออกมา สราลัยประจันหน้ากับอรทัย
“หนูสรา!”
“คุณน้า!” สราลัยไหว้
ส่วนในลิฟท์สุธาวีเซ็งๆ เพราะมีเด็กกดลิฟท์เล่น ลิฟท์เลยจอดทุกชั้น แม่เด็กกำลังดุ
ทางฝ่ายอรทัย และสราลัย เชือดเฉือนกันต่อ
“นัดกับวีที่นี่เหรอจ๊ะหนูสรา..น้าว่า หนูกับตาวีน่ะเป็นแค่เพื่อนกันจะดีกว่า”
“คงจะไม่ได้หรอกค่ะคุณน้า มันเกินเลยคำว่าเพื่อนมานานแล้ว คุณน้าก็น่าจะรู้”
อรทัยโมโห “พูดไม่อายปาก ไม่อายก็ดี จะได้พูดกันตรงๆ ชั้นไม่ต้องการให้เธอคบหากับตาวี! เลิกนัดเค้าออกมาเจอได้แล้ว”
“เค้าไม่ได้นัดสรา”
ขณะที่อรทัยงงๆ อยู่นั้น ลิฟท์อีกตัวหนึ่งเปิดออกมาพอดี สุธาวีเดินออกมาเห็นอรทัยกับสราลัยยืนมองหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกันอยู่ สุธาวีเลยรีบถอยกลับเข้าลิฟท์ไปเงียบๆทันที
“นี่คงยังไม่รู้สินะคะว่าลูกชายตัวเองร้ายกาจขนาดไหน”
อรทัยอึ้ง “นี่ตาวีมีคนอื่นอีกเหรอ?”
“คุณน้าเอาเวลาที่มาวุ่นวายเรื่องสราไปรบกับผู้หญิงคนใหม่ของวีดีกว่าค่ะ...ดูท่าทางร้ายไม่ใช่เล่น ชาติตระกูลก็ต่ำ ระวังลูกชายจะโดนสูบเลือดสูบเนื้อจนหมด”
อรทัยอึ้ง
ปิ่นมณีนั่งเครียดโมโหศุวิลอยู่ที่คอนโด ทันใดนั้นได้ยินเสียงกดออดดังขึ้น ปิ่นมณีเปิดประตู เห็นพนักงานส่งดอกไม้ถือดอกกุหลาบมากมายหลายร้อยดอก ปิ่นมณีแปลกใจ สุธาวีโผล่มา ยิ้มเผล่อย่างหล่อ
“ห้องนี้มีคนอยู่หรือเปล่าครับ มีดอกไม้มาส่ง”
ปิ่นมณีมองดอกไม้นิ่งๆ ไม่ได้ประทับใจอะไร “ขอบคุณ”
จากนั้นปิ่นมณีปิดประตูห้องลง สุธาวียิ้มๆ
ปิ่นมณีโยนช่อดอกไม้ลงบนโซฟาเซ็งๆ แต่เหลือบไปเห็นบางอย่างส่องประกายตรงโบว์ที่ช่อดอกไม้ หล่อนชะงักหันหยิบขึ้นมาดู เห็นว่าเป็นสร้อยเพชรก็อึ้ง มือถือดังพอดี เป็นสายจากสุธาวี ปิ่นมณีกดรับ
“ชอบดอกไม้ไหมครับ?”
ปิ่นมณียิ้มไม่ตอบ
“ผมให้เวลาคุณแต่งตัวชั่วโมงนึง เดี๋ยวเจอกันที่หลังคอนโดคุณนะครับ”
สุธาวีกดวางยิ้มๆ
ปิ่นมณี ปิ่นมณีแปลกใจว่าสุธาวีจะมาไม้ไหน แต่เริ่มจะสนุกขึ้นมาแล้ว
ตอนเย็นศุวิลลงจากรถ ถอนใจยังกังวลเรื่องที่ทะเลาะกับปิ่นมณี เดินไปกำลังจะเข้าออฟฟิศ ทันใดนั้นทัดเทพก็ปราดเข้ามาหาศุวิล หน้าตากรุ้มกริ่ม
“แหม...ไอ้ลม วันนี้เข้าออฟฟิศซะเย็นเชียวนะ”
ศุวิลงงๆ “ก็วันนี้ไม่มีงานถ่ายนี่พี่”
ทัดเทพยิ้มกรุ้มกริ่ม “ไม่มีงานถ่าย แต่มีงานหัวใจเว่ย.... มีสาวสวยเค้ามานั่งรอแกตั้งนานแล้ว”
ศุวิลคิดว่าปิ่นมณีพึมพำ “ปิ่นเหรอ”
แล้วพรวดพราดเข้าไป ทัดเทพตาม
พอศุวิลเข้ามาในออฟฟิศแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นฟ้าใสนั่งอยู่ แต่ฟ้าใสไม่เห็นศุวิล ทัดเทพโผล่เข้ามาข้างๆ ศุวิล
“แหม...ไอ้ลม...ความจริงแกก็ใช่เล่นนะเนี่ย มีแฟนสวย เซ็กซี่แบบน้องปิ่นอยู่แล้ว แล้วยังมีกิ๊กขนาดกะทัดรัดมาหาถึงที่ทำงาน สอนพี่มั่งสิ”
ทัดเทพหัวเราะคิกคัก ทันใดนั้นพิมพ์จันทร์โผล่มาข้างหลังทัดเทพ ดึงหูทัดเทพ
“ไม่ต้องถึงลมหรอก ฉันสอนให้ก็ได้”
ทัดเทพจ๋อย ศุวิลหน้าบูดยังเคืองฟ้าใสอยู่ หันไปบอกกับพิมพ์จันทร์
“พี่ช่วยไปบอกเค้าทีนะครับ ว่าผมไม่อยู่ ให้เค้ากลับไป เพราะวันนี้ผมไม่เข้าออฟฟิศ”
ศุวิลหันหลัง จะเดินออกไป ฟ้าใสหันมาเห็นศุวิลพอดี ฟ้าใสวิ่งเข้ามาคว้าแขนศุวิลเอาไว้
“นี่จะไปไหนอ่ะ คุยกันก่อนสิ”
รุ่นพี่สองคนตาโต ทัดเทพพูดกับพิมพ์จันทร์ “โห...ฉุดกระชากลากถู สงสัยจะเกิดสงครามรักสามเส้า”
พิมพ์จันทร์เห็นศุวิลอารมณ์ไม่ดี เลยตีทัดเทพเอ็ดๆ แล้วดึงแยกออกไปอีกทาง เหลือแค่ศุวิลกับฟ้าใส ศุวิลเดินหนี ฟ้าใสวิ่งไปดักหน้าศุวิล
“ชั้นรู้ว่าชั้นเป็นคนจุ้นจ้าน วุ่นวาย สาระแนกับชีวิตของคุณ คุณจะโกรธชั้นก็ได้”
“ผมโกรธอยู่แล้ว”
“ชั้นขอโทษ แต่ว่าคุณอย่าโกรธปิ่นได้ไหม”
ศุวิลชะงัก
“เรื่องเมื่อเช้ามันเป็นความผิดของชั้นทั้งหมด ปิ่นเค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วย”
ศุวิลชะงัก
“ชั้นขอร้อง ไปปรับความเข้าใจกับปิ่นเถอะนะ ปิ่นเค้ารัก และเป็นห่วงคุณอย่างจริงใจ จะปล่อยให้ผู้หญิงดีๆ อย่างยัยปิ่นหลุดมือไปเหรอ”
ศุวิลคิดๆ
“ชั้นพูดแค่นี้แหละ”
ฟ้าใสเดินออกไป ศุวิลนิ่งคิด ตรึกตรองถึงเรื่องที่ฟ้าใสพูด
ตกตอนกลางคืน ปิ่นมณีแต่งตัวใส่เดรสสวยงามยืนอยู่หน้ากระจก หยิบสร้อยเพชรที่สุธาวีให้มาขึ้นมาสวม มองภาพตนเองที่สะท้อนในกระจกอย่างพึงพอใจ
ไม่นานนัก ปิ่นมณีเดินเข้ามาในมุมหนึ่งหลังคอนโด เห็นสุธาวียืนรออยู่
“นัดชั้นมาเจอที่หลังคอนโดทำไมคะ?”
“ผมจะพาคุณไปกินอาหารทะเล”
ปิ่นมณีชะงัก “ที่ไหนคะ?”
สุธาวีบอก “ภูเก็ต”
ขณะที่ปิ่นมณีงวยงงอยู่นั้น หล่อนก็ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินเข้ามา ปิ่นมณีชะงัก มองขึ้นไป เห็นเฮลิคอปเตอร์บินมาจะลงจอด ปิ่นมณีหันมองสุธาวีอึ้งๆ สุธาวียิ้ม
เฮลิคอปเตอร์จอดสนิท สุธาวีจูงปิ่นมณีที่ตะลึงอึ้งๆ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป ปิ่นมณีนั่งข้างๆ สุธาวี ยังตื่นตะลึงในสิ่งที่สุธาวีทำให้
เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ลอยบินขึ้นสูง ปิ่นมณียิ่งตื่นตาตื่นใจ สุธาวียิ้มๆ
บรรยากาศริมริมสระน้ำหรู แลเห็นทิวทัศน์ทะเลยามกลางคืนอันสวยงาม สองหนุ่มสาวนั่งดินเนอร์กันอยู่ลำพังอย่างดื่มด่ำ ปิ่นมณีท่าทางมีความสุข พึงพอใจกับชีวิตที่หรูหรา สุธาวีก็รู้ว่าปิ่นมณีประทับใจ สองคนยกแก้วแชมเปญชนกัน
เวลาผ่านไป สุธาวีเดินมาส่งปิ่นมณีที่หน้าห้อง
“ขอบคุณมากนะคะ สำหรับวันนี้”
ปิ่นมณีเปิดประตู จะเข้าห้อง
สุธาวีท้วง “คุณจะไม่เลี้ยงกาแฟผมซักแก้วเหรอ?”
ปิ่นมณีชะงัก รู้ความหมายของสุธาวี
“ที่ทำมาทุกอย่างเนี่ย...อยากได้แค่กาแฟแก้วเดียวเหรอคะ?”
สุธาวีเยื้อนยิ้ม ปิ่นมณีเปิดประตูห้อง สุธาวีเดินเข้าไป ประตูห้องปิดลง
สุธาวีกอดกับปิ่นมณีอยู่ มือถือปิ่นมณีสั่น ที่หน้าจอเห็นว่าศุวิลโทร.มา ปิ่นมณีนัวเนียนกับสุธาวีอยู่ ไม่ได้สนใจ
ศุวิลอยู่ในห้องนอนที่บ้าน วางมือถือ ถอนใจที่ปิ่นมณีไม่รับ ทันใดนั้น มีเสียงข้อความทางไลน์ดังขึ้น ศุวิลกดดู เห็นว่าฟ้าใสส่งข้อความมาว่า “ดีกับปิ่นหรือยัง? ดีกันเร็วๆ นะ” แล้วก็ส่งสติ้กเกอร์น่ารักๆ ตามมาด้วย
ศุวิลชะงัก แม้จะคิดว่าฟ้าใสยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่ก็อดยิ้ม ขำๆในความน่ารักจิตใจดีของฟ้าใสไม่ได้
เช้านี้อรทัยท่าทางอารมณ์ไม่ดีอยู่กับจำปา วิทย์อยู่ด้วย
“คุณวียังไม่กลับมาอีกเหรอจำปา?”
“ยังค่ะ หายไปไหนก็ไม่รู้ทั้งคืน นี่จำปาว่านะคะ จะต้องไปอยู่กับแฟนแน่ๆ เลยค่ะ” สาวใช้จอมเจ๋อว่า
อรทัยมองดุนัยน์ตาคมกริบ “อย่ามาวิจารณ์ลูกชั้น
จำปาจ๋อย ออกไป อรทัยมองออกไปที่สวน เห็นบรรเจิดยืนถือมือถืออยู่ เดชอยู่ด้วย
บรรเจิดต่อมือถือหาแก้วตาอยู่ ท่าทางร้อนใจที่อีกฝ่ายไม่รับสาย เดชอยู่ด้วย
“แก้วไม่รับเลย..ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เดช ไปดูแก้วให้ชั้นที”
“ครับท่าน”
เดชเดินออกไป
อรทัยและวิทย์ มองตามเดช
“คุณบรรเจิดใช้เดชไปไหน...” อรทัยสั่ง “วิทย์...”
วิทย์รู้งาน “ครับ คุณอร”
อรทัยนั่งอยู่ รอกินข้าวเช้าที่โต๊ะอาหาร บรรเจิดเดินกลับเข้ามานั่ง
“เดชไปไหนซะล่ะคะคุณบรรเจิด” อรทัยหยั่งเชิง
“วันนี้วันหยุด..เดชเลยมาขอลากลับบ้าน”
“ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นกลับ...สงสัยจะใช้ไปทำธุระอย่างอื่นซะล่ะมั้ง”
“คุณอร! อย่ามาจับผิดกันได้ไหม”
“โดนจับได้ก็ไม่เห็นจะต้องโมโหกลบเกลื่อน...คุณไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ได้รู้ว่าเดชกลับบ้านจริงไหม”
บรรเจิดชะงัก “คุณหมายความว่ายังไง”
“ชั้นให้วิทย์ตามเดชไปแล้ว...”
บรรเจิดตกใจ
“แล้วอย่าคิดจะโทรบอกเดชให้รู้ตัวนะคะ...ชั้นจับตาดูคุณอยู่”
บรรเจิดเครียด กลัวว่าวิทย์จะตามเดชไปได้ถึงบ้านแก้วตา!
เดชขับรถอยู่บนถนน ในใจร้อนรนเป็นห่วงแก้วตา เห็นรถของวิทย์ ขับตามเดชมาห่างๆ ทันใดนั้น เดชเปลี่ยนเลนรถ รถของวิทย์เปลี่ยนเลนตาม เดชมองกระจกหลังแล้วชะงัก เอะใจว่าถูกตามหรือเปล่า เดชแกล้งเปลี่ยนเลนอีกครั้งหนึ่ง รถของวิทย์เปลี่ยนเลนตามอีก
เดชแน่ใจทันทีว่าถูกสะกดรอยตาม เร่งเครื่อง เลี้ยวเข้าซอยๆหนึ่ง วิทย์เห็นท้ายรถเดชเลี้ยวเข้าซอยๆหนึ่ง ก็เร่งเครื่องตามไป
รถของเดชแล่นมาจอดหน้าร้านขายของ รถของวิทย์ตามมาห่างๆ เห็นเดชเดินเข้าไปในร้านขายของ
วิทย์นั่งรออยู่ในรถ
เดชหยิบหมากฝรั่งมารอจ่ายเงิน แล้วมองประตูหลังของร้าน ครุ่นคิด
วิทย์รออยู่ในรถ จังหวะนี้มีแท็กซี่คันหนึ่ง แล่นผ่านรถวิทย์ไป โดยในรถแท็กซี่ เห็นว่าเดชนั่งเอนตัวหลบอยู่ มองเข้าไปในรถวิทย์ เลยได้รู้ว่าคนที่ตามเขามาคือวิทย์นั่นเอง
“วิทย์”
เดชเปิดประตูบ้านพุ่งเข้าไปทันที
“แก้ว! แก้วเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่รับโทรศัพท์!”
เดชไม่ได้ยินเสียงตอบของแก้ว จึงวิ่งหาทั่วบ้านด้วยความเป็นห่วง
ต่อมา เดชเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน
“แก้ว!”
แต่ไม่เห็นแก้วตาในห้องอีก เดชมองส่องออกไปที่นอกหน้าต่าง เห็นแก้วตาหัวเราะต่อกระซิกอยู่กับอาภาและสำลี ท่าทางมีความสุข เดชงงๆ
แก้วตายิ้มหัวท่าทางมีความสุขอยู่กับอาภา สำลี โดยมีเค้กวางอยู่ตรงหน้า
“ขอบใจหนูมากนะจ๊ะแก้วตา มีเพื่อนบ้านทำเค้กอร่อยอย่างเนี้ย มีหวังน้าอ้วนแย่เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณลมเค้าเคยช่วยแก้วถือของ...แล้วนี่คุณลมไปไหนล่ะคะ”
“สงสัยตาลมจะยังไม่ตื่นน่ะจ้ะ” อาภาบอก
ศุวิลเดินลงมาพอดี สีหน้ากลุ้มใจเรื่องที่ทะเลาะกับปิ่นมณีอยู่ เขาเห็นแก้วตาก็ทักทาย ขณะเดินมานั่งสมทบ
“อ้าว คุณแก้ว”
แก้วตายิ้มหวานเยิ้มให้หนุ่มในฝัน
อาภาบอก “หนูแก้วเค้าทำเค้กมาฝากน่ะลูก”
“แก้วเพิ่งหัดทำ...คุณลมช่วยชิมหน่อยสิคะ”
“ขอบคุณครับ...”
ศุวิลตักเค้กกิน แก้วตามองแบ๊วๆ ว่าศุวิลจะว่ายังไง
“อร่อยดีครับ...”
แก้วตายิ้มหวาน
อาภาบอกกับแก้วตา “เย็นนี้หนูแก้วกินข้าวกับน้านะ”
“อย่าเลยค่ะ แก้วเกรงใจ”
“จะเกรงใจทำไมล่ะ เอ๊ะ หรือว่าจะไปกินข้าวกับแฟน” แก้วตาชะงัก “วันที่หนูแก้วมาดูบ้าน น้าเห็นหนูกับผู้ชายคนนึง หล่อๆอ่ะ แฟนหนูแก้วใช่มะ”
แก้วตาอึ้ง รู้ว่าสำลีหมายถึงเดช
“อ๋อ...” แก้วตาโกหกตาใส “ไม่ใช่หรอกค่ะ นั่นน่ะพี่ชายแก้ว...แก้วยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ”
แก้วตามองศุวิลเป็นการส่งสัญญาณเบาๆ ว่า หล่อนยังโสด
“คนนั้นพี่ชาย...แล้วอีกคน...”
อาภาขัด “สำลี จะถามอะไรนักหนาเนี่ย!”
สำลียิ้มแหย หันไปตักเค้กกินต่อ
อาภามองๆ ศุวิล แล้วหาจังหวะแอบกระซิบถามศุวิล (แก้วตาไม่ได้ยินชื่อปิ่นนะคะ)
“ลม ดีกับหนูปิ่นหรือยังลูก”
ศุวิลชะงัก ครุ่นคิด ไม่ได้ตอบอะไร
ปิ่นมณีนอนหลับอยู่บนเตียง มีผ้าห่มคลุม ที่คอของปิ่นมณียังใส่สร้อยเพชรที่สุธาวีให้ ปิ่นมณีค่อยๆรู้สึกตัวตื่น ลืมตาขึ้นมา เห็นสุธาวียืนมองยิ้มๆอยู่
“ทำไมรีบตื่นล่ะ? ผมว่าตอนคุณหลับอยู่ คุณสวยที่สุดเลย”
ปิ่นมณียิ้ม “แล้วทำไมคุณตื่นเช้าจัง...นอนไม่หลับเหรอคะ”
สุธาวีไม่ตอบ หันไปยกโต๊ะเล็กสำหรับเสิร์ฟอาหารเช้าบนเตียงมา มีชุดอาหารเช้าที่สุธาวีทำเองวางอยู่
ปิ่นมณีชะงัก
“นี่คุณทำเองเหรอคะ?”
สุธาวียิ้ม ยักคิ้วให้
“ไปค้างกับคนอื่น แล้วคุณทำอย่างนี้ตลอดเลยเหรอคะ” สุธาวีชะงัก “น่ารักดี...”
“ไม่ครับ...เฉพาะกับคุณ”
ปิ่นมณีชะงักยิ้มบางๆ มือถือปิ่นมณีสั่น เห็นว่าศุวิลโทร.เข้ามา ปิ่นมณีมองๆ แต่ไม่รับ
ศุวิลขับรถอยู่ กดวางมือถือกลุ้มๆ ที่ปิ่นมณีไม่รับสายสักที และเริ่มนึกเป็นห่วง ศุวิลคิดๆ แล้วหยิบมือถือมากดโทร.หาฟ้าใส
เวลานั้นฟ้าใสอยู่บนแท็กซี่ มือถือฟ้าใสดัง เห็นว่าเป็นศุวิลโทรมา
“ตาลมพายุ!” หล่อนกดรับ “ฮัลโหล...”
“คุณติดต่อปิ่นได้หรือเปล่า...ผมโทร.หาปิ่นตั้งแต่เมื่อคืน แต่ปิ่นไม่รับเลย”
“ปิ่นก็ไม่รับโทรศัพท์ชั้นเหมือนกัน” ฟ้าใสเองเริ่มเป็นห่วง “นี่ปิ่นจะเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย....นี่คุณชั้นว่าถ้ายังไงคุณ....” จู่ๆ ศุวิลตัดสายไปเลย ฟ้าใสชะงัก “อ้าว วางไปแล้ว อีตาบ้า!”
ฟ้าใสกลุ้ม เป็นห่วงปิ่นมณี
“เอาไงดี” หล่อนคิดๆ แล้วบอกแทกซี่ “พี่คะ หนูไม่ไปราชพฤกษ์แล้วค่ะ...ขอเปลี่ยนเส้นทาง”
คนขับแท็กซี่เซ็งๆ
ฟ้าใสลงแท็กซี่ท่าทางเร่งรีบ วิ่งจะเข้าประตูคอนโด แต่สะดุดตาบางอย่าง เมื่อหันไปเห็นรถของสุธาวีจอดอยู่ ฟ้าใสชะงัก จำได้ว่าเหมือนรถสุธาวี
“รถคุณวี...”
ฟ้าใสสงสัย แต่เป็นห่วงปิ่นมณีมากกว่า เลยรีบวิ่งเข้าคอนโดไป
อ่านต่อตอนที่ 5