จ้าวพายุ ตอนที่ 5
ปิ่นมณีแต่งตัวเสร็จแล้วหยิบสร้อยเพชรที่สุธาวีให้มาใส่ เตรียมจะออกไปทำงาน หล่อนเดินไปหยิบกุญแจรถ แต่ถูกสุธาวีเข้ามาดึงกุญแจรถออกไปจากมือ
“คุณวีเอากุญแจรถมาค่ะ ชั้นจะไปทำงาน”
ปิ่นมณีพยายามจะแย่งกุญแจรถจากสุธาวีคืนมา สุธาวีไม่ให้ เอี้ยวตัวหลบหยอกล้อ
“ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับผมนี่แหละ เดี๋ยวผมซื้อรถกับคุณเอง”
“คุณวีชั้นต้องไปทำงานจริงๆ นะคะ”
ปิ่นมณีเข้าไปคว้ากุญแจอีก สุธาวีเอี้ยวตัวหลบ
“คุณวีเอากุญแจรถมาค่ะ ชั้นไม่เล่นแล้วนะคะ”
“ผมก็ไม่ได้เล่นนี่ ผมชอบคุณจริงๆ อยากให้คุณอยู่กับผม”
ปิ่นมณีนิ่งคิด เมื่อเห็นท่าทีสุธาวีจริงจังมาก
ส่วนฟ้าใสยืนรอลิฟต์อยู่ ท่าทางเป็นกังวล เป็นห่วงปิ่นมณี จู่ๆ ศุวิลเดินเข้ามาฟ้าใสแปลกใจ
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ชั้นเป็นห่วงปิ่นเลยเข้ามาดูปิ่นน่ะ”
ฟ้าใสโล่งใจ คิดจะให้ศุวิลขึ้นไปดูปิ่นมณีแทน
“คุณมาก็ดีแล้ว คุณขึ้นไปดูปิ่นนะ ชั้นกลับล่ะ”
ฟ้าใสเดินออกไป ศุวิลมองตามครุ่นคิด
“เดี๋ยว”
ฟ้าใสชะงัก
“ไหนๆ ก็มาแล้ว คุณไปด้วยกันหน่อยสิ”
ฟ้าใสลังเล
“นะ...เผื่อปิ่นเค้าไม่ยอมพูดกับผม คุณจะได้ช่วยกันพูด”
ฟ้าใสพยักหน้าตกลง
ฟากปิ่นมณียืนมองสุธาวีอยู่ คิดเรื่องที่เขาบอกชอบเธออย่างจริงจัง สุธาวีเห็นท่าทางปิ่นมณีไม่เชื่อตัวเองเลยถาม
“ทำไม คุณไม่เชื่อเหรอว่าผมชอบคุณจริงๆ ถ้าผมไม่ชอบคุณ เมื่อคืนคงไม่ทำถึงขนาดนั้น”
“ถึงวันนี้คุณจะชอบชั้น แต่วันพรุ่งนี้ไม่รู้คุณจะเบื่อชั้นหรือเปล่า แล้วอย่าลืมสิคะ ว่าคุณมีคุณสราลัย ชั้นก็มีลม...”
“แล้วถ้าผมเลิกกับสราลัย” ปิ่นมณีหันมามองหน้าสุธาวีเห็นความจริงจัง “คุณจะเลิกกับไอ้ลมมั้ย”
ปิ่นมณีชะงัก
ฟ้าใสกับศุวิลเดินมาที่หน้าประตูห้องปิ่นแล้ว
ฟากในห้องปิ่นมณีคิดถึงข้อเสนอของสุธาวีว่าตัวเองจะเสี่ยงดีมั้ย สุธาวีมองอย่างรอคอยคำตอบ
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ปิ่นมณีชะงักเดินไปที่ประตู ส่องตาแมวมองออกไปเห็นศุวิลกับฟ้าใสอยู่หน้าห้องก็ตกใจ แต่พยายามเก็บอาการ
“ใครเหรอปิ่น”
“อ๋อ แม่บ้านมาทำความสะอาดห้องค่ะ”
“ก็เปิดให้เค้าเข้ามาสิ”
ปิ่นมณีกลัวสุธาวีเจอกับศุวิลและฟ้าใสเลยเข้าไปกอดสุธาวีอ้อนๆ ดันเข้าไปในห้องนอน
“คุณวีเข้าไปอยู่ในห้องก่อนนะคะ ปิ่นไม่อยากให้แม่บ้านเจอคุณวี”
“เจอก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
ปิ่นมณีกอดออดอ้อน พยายามดันสุธาวีเข้าไปในห้องนอนอีก
“ปิ่นเขินค่ะ”
สุธาวียิ้มขำๆ ยอมเข้าไปในห้องนอน ปิ่นมณีรีบปิดประตูห้องนอน เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก
ปิ่นมณีรีบออกไปเปิดประตูเห็นฟ้าใสกับศุวิลท่าทางเป็นกังวลมาก
“ปิ่น ทำไมคุณไม่รับโทรศัพท์ผม”
ปิ่นมณีชำเลืองหางตามองไปที่ประตูห้องนอนที่สุธาวีอยู่ข้างใน ใจเต้นระรัว มองศุวิลแล้วแสร้งทำหน้านิ่งๆ เหมือนยังโกรธอยู่
จากนั้นปิ่นมณีเดินหนีออกมาจากห้องทันที แล้วแอบเหลือบมอง เห็นศุวิลกับฟ้าใสรีบตามตนเองมาก็โล่งอก
ศุวิลกะฟ้าใสเดินตามปิ่นมณีมา ฟ้าใสเห็นว่าปิ่นมณีไม่เป็นอะไรก็โล่งใจ
“ลมมาที่นี่ทำไมคะ?”
“ก็ปิ่นไม่รับโทรศัพท์ผม...นี่ปิ่นยังโกรธผมอยู่เหรอ?”
ระหว่างที่เดิน ปิ่นมณีแอบกดโทรศัพท์ส่งข้อความทางไลน์หาสุธาวี แต่ขณะเดียวกันก็ยังเล่นบททำเป็นโกรธงอนศุวิลอยู่ ทั้งหมดเดินมาถึงลิฟต์ หยุดรอลิฟต์กัน
สุธาวีที่รอปิ่นมณีอยู่ในห้องนอน ไม่ได้ยินเสียงทั้งเสียงของแม่บ้านและปิ่นมณี สุธาวีแปลกใจจึงเดินออกมายังโถง แต่กลับว่างเปล่า
สุธาวีงงๆ
“ปิ่น?”
สุธาวีมองโทรศัพท์เห็นมีข้อความทางไลน์ส่งมาจากปิ่นมณี กดดู มีข้อความว่า “ปิ่นขอไปทำงานก่อน แล้ววันหลังค่อยเจอกัน”
สุธาวีอ่านข้อความแล้วยิ้ม”
ปิ่นมณีเดินหนี ฟ้าใสกับศุวิลตาม ฟ้าใสเห็นปิ่นมณีเอาแต่ปั้นปึ่งเดินหนีศุวิล เลยวิ่งไปดักหน้าไว้
“ปิ่น ฟ้าขอร้องล่ะ ปรับความเข้าใจกับลมเค้าเถอะนะ ทุกอย่างเป็นความผิดของฟ้าเอง ฟ้าไม่สบายใจเลยที่ทำให้ปิ่นกับลมทะเลาะกัน”
ปิ่นมณีพยักหน้า ฟ้าใสยิ้มดีใจ
ฟ้าใสบอกกับศุวิล “คุณคุยกับปิ่นนะ ชั้นกลับล่ะ”
ศุวิลพยักหน้า ฟ้าใสเดินออกไป แล้วหันไปมองปิ่นมณีกับศุวิลนิดนึง
ฟ้าใสรีบออกไป ไม่อยากเป็นส่วนเกิน ปล่อยให้ปิ่นมณีคุยกับศุวิล
“ปิ่นยังโกรธผมอยู่เหรอ” ศุวิลเอ่ยขึ้น
ปิ่นมณีไม่ตอบ แต่เหลือบมองไปที่ลิฟต์ ระแวงกลัวสุธาวีจะลงมาเจอ
“ปิ่นจะโกรธผมก็ได้นะ แต่ปิ่นอย่าหายไปแบบนี้อีกได้มั้ย รู้มั้ยว่าผมเป็นห่วง”
ปิ่นมณีแลเห็นตัวเลขลิฟต์เลื่อนลงจากชั้น 5 เป็นชั้น 4 ก็หวั่นใจกลัวว่าจะเป็นสุธาวีลงมาหรือเปล่า? แหละสุธาวียืนอยู่ในลิฟต์ตัวนี้จริงๆ
ศุวิลเห็นปิ่นมณีไม่พูดอะไร เลยเข้าใจไปว่าปิ่นมณียังโกรธตัวเองอยู่
“ผมขอโทษที่วันนั้นผมพูดแรงกับคุณ ผมรู้แล้วว่าที่คุณพาผมไปพบคุณศิวา เพราะคุณหวังดีกับผมจริงๆ”
ปิ่นมณียังไม่โต้ตอบ สายตาเห็นตัวเลขลิฟต์เลื่อนลงมาเป็นชั้น 2 ยิ่งร้อนรนเลยทำเป็นเดินหนี จะออกไปหน้าคอนโด ศุวิลคว้าแขนไว้
“ปิ่น ผมขอโทษจริงๆ”
“ปิ่นเข้าใจแล้วล่ะค่ะ ลมไปส่งปิ่นที่ทำงานหน่อยนะคะ ปิ่นสายแล้ว”
ศุวิลงงทำไมอยู่ดีๆ ปิ่นมณีเข้าใจง่ายๆ แต่ก็ดีใจ จึงพาปิ่นมณีเดินออกไปพ้นประตูคอนโด
ประตูลิฟต์ตัวนั้นเปิดออก เป็นสุธาวีเดินออกมาอย่างเฉียดฉิว
ฟากฟ้าใสรอแท็กซี่อยู่หน้าคอนโด เห็นศุวิลกับปิ่นมณีขึ้นรถไปด้วยกันก็รู้สึกดีใจ
“ในที่สุดตาลมพายุก็ดีกับยัยปิ่นสักที”
ฟ้าใสยิ้มมีความสุข ยืนรอแท็กซี่ต่อ แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นสุธาวีขับรถออกไป ฟ้าใสพึมพำงงๆ
“คุณวีจริงๆ ด้วย มาทำอะไรที่นี่”
ฟากอรทัยคุยมือถืออยู่ในคฤหาสน์
“แกแน่ใจเหรอวิทย์?”
บรรเจิดที่ทำเป็นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้านหลังอรทัย ใจเต้นระรัว ไม่รู้ว่าวิทย์ตามเดชไปได้ถึงไหน
วิทย์คุยสายอยู่ในซอยเล็กๆแห่งนั้น ท่าทางเหนื่อยล้า แกมหงุดหงิดตัวเองที่ตามเดชไม่ได้
“ครับคุณอร...มันจอดรถทิ้งไว้ แล้วก็หายไปเลย...ผมรอมันอยู่หลายชั่วโมงแล้ว พอแน่ใจว่ามันไม่กลับมา ก็วนรถหาทั่วทุกซอยแต่ไม่เจอเลยครับ”
อรทัยหงุดหงิด กดวางมือถือ หันหามองบรรเจิดที่นั่งใจเต้นอยู่
“ลูกน้องของคุณนี่เก่งนะคะ ปิดความลับให้คุณมาได้ตั้งนาน" บรรเจิดลุ้น แต่ควบคุมอาการ "ปิดได้ ปิดไปให้ตลอดแล้วกัน”
บรรเจิดแอบโล่ง ที่อรทัยยังไม่รู้ว่าเมียน้อยคือแก้วตา แน่ใจว่าวิทย์ตามเดชไปไม่ทันแน่ๆ
“คุณพูดอะไรของคุณ ผมก็บอกแล้วว่าเดชมันกลับไปเยี่ยมบ้าน”
อรทัยเห็นบรรเจิดตีเนียน ก็ยิ่งโมโห
“คุณบรรเจิด...คุณก็รู้ว่าชั้นรู้เรื่องเมียน้อยคุณแล้ว แต่แค่ยังไม่รู้ว่ามันเป็นใครเท่านั้น ชั้นก็อยากเห็นหน้ามันเหมือนกัน ว่ามันสวยขนาดไหน คุณถึงได้ลุ่มหลงจนมาขอหย่ากับชั้น”
บรรเจิดมองหน้าสบตาอรทัยจังๆ
“ถึงไม่มีคนอื่น ผมก็ทนคุณไมได้”
อรทัยเจ็บปวด น้ำตาจะไหล แต่พยายามกลั้นเอาไว้
“ให้คุณรู้เอาไว้ ไม่ว่ายังไง คุณก็ไม่วันหนีไปจากชั้นได้”
บรรเจิดโมโหเดินหนีไป คล้อยหลังสามี น้ำตาอรทัยร่วงริน
เวลานั้น มีดหั่นเนื้อสเต็กแดงฉ่ำ ดูน่าหวาดเสียวมากกว่าน่าทาน เป็นสราลัยหั่นเนื้อสเต็กอยู่สีหน้านิ่งๆ สุธาวีนั่งเซ็งเป็ดอยู่ฝั่งตรงข้าม สองคนอยู่ในร้านสเต็กหรู มีบอดีการ์ดสองคนของสราลัยยืนอยู่ด้านหลัง
สราลัยวางมีดกับส้อมดังเคล้ง ระเบิดอารมณ์อย่างทนไม่ไหว
“บอกได้มั้ยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มันถึงทำให้วีเลิกกับสราได้”
“ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ สราก็น่าจะรู้ดีว่าเราสองคนไปกันไม่รอดหรอก สักวันเราก็ต้องเลิกกันอยู่ดี”
“เราไปกันไม่รอด หรือว่าวีอยากไปกับคนอื่นกันแน่” สราลัยจ้องตา
“ผมขอโทษที่ทำให้สราเสียใจ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง”
สุธาวีลุกขึ้น เดินออกไปเลย สราลัยลุกพรวดวิ่งมาขวางไว้
“เพราะนังเซลส์ที่ชื่อปิ่นมณีใช่มั้ย”
สุธาวีชะงักนิดๆ ไม่ตอบ สราลัยมองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสุธาวี มั่นใจแล้วว่าเป็นปิ่นมณีจริงๆ ด้วย
“ฮึ...เพราะมันจริงๆ ด้วย วีบ้าไปแล้วเหรอ นั่นมันเป็นแค่เซลล์ขายรถนะ ถ้าจะคิดหาคนมาแทนที่สรา น่าจะหาได้ดีกว่านี้!”
สุธาวีไม่พอใจ “ถึงเค้าจะเป็นแค่เซลส์ แต่ผมก็เลือกเค้า”
สราลัยได้ยินสุธาวีพูดออกมาอย่างนั้นก็รู้สึกเสียใจ และเสียหน้ามาก จนกลายเป็นโกรธแค้น
“วี...วีจำไว้นะ วันนี้วีทำให้สราเจ็บ วันข้างหน้าสราจะทำให้วีเจ็บยิ่งกว่าสราอีก!”
สุธาวีไม่มองหน้าสราลัย เดินหนีออกไปเลย สราลัยทั้งเสียใจ ทั้งอาฆาตแค้น
เช้าวันหนึ่ง ภายในห้องทำงานศิวาที่คฤหาสน์เจนจรัสตระกูล ศิวาเซ็นชื่อในพินัยกรรม แล้วเก็บเข้าซองเอกสาร ยืนส่งซองนั้นให้ธวัชชัยคนสนิท
“เดี๋ยวเอาพินัยกรรมไปส่งให้คุณกริชที่สำนักงานทนายด้วยนะธวัชชัย”
ธวัชชัยรับซองเอกสารมา หน้าตาเป็นกังวล ไม่สบายใจเลย
“ท่านครับ ยังไงคุณอรก็เป็นลูกสาวของท่าน จะยกส่วนของคุณอรให้คุณฟ้าใสอย่างนี้ ผมว่า...”
“จะว่าชั้นทำรุนแรงไปใช่มั้ย”
ธวัชชัยชะงัก ศิวาพูดต่อ
“ยัยอรต้องโดนลงโทษซะบ้าง จะได้รู้จักปรับปรุงตัว ส่วนเรื่องสมบัติที่ยกให้ยัยฟ้า ชั้นคิดมานานแล้ว”
ธวัชชัยงง
“ทำไมครับ”
“ยัยอรเป็นผู้หญิงเก่งก็จริง แต่ถ้าหมดยัยอรไป ทุกอย่างก็ต้องตกไปอยู่ในมือของเจ้าวี ฉันกลัวว่าคนที่ไม่สนใจอะไรอย่างเจ้าวี จะรักษามันไว้ไม่ได้ แต่ถ้าเจ้าวีกับยัยฟ้า...”
“ท่านจะให้คุณวีกับคุณฟ้าใสแต่งงานกันเหรอครับ แต่ทั้งสองคนไม่ได้มีท่าทางชอบพออะไรกัน”
“ชั้นก็ไม่ได้คิดจะบังคับอะไร ถ้าเค้าไม่ชอบกันจริงๆ ชั้นเชื่อว่าเด็กดีอย่างฟ้าใสจะคืนทุกอย่างให้ยัยอรเอง”
ธวัชชัยพยักหน้าเข้าใจ และเห็นด้วยกับเจ้านาย
“รีบเอาเอกสารไปให้คุณกริช อย่าให้ยัยอรเห็น เดี๋ยวจะเป็นเรื่องอีก”
สองคนไม่รู้ที่หน้าห้องทำงานศิวาจำปาแอบฟังอยู่
ไม่นานต่อมาที่ห้องทำงานภายสำนักงานทนาย ทนายกริชรับเอกสารพินัยกรรมฉบับใหม่จากธวัชชัย เพื่อตรวจสอบ
“คุณศิวาเซ็นพินัยกรรมเรียบร้อยแล้ว คุณกริชเก็บไว้ฉบับนึง ส่วนอีกฉบับนึง ผมจะเป็นคนเก็บไว้เอง” ธวัชชัยบอก
“ครับ”
กริชกำลังจะรับเอกสารจากธวัชชัย จู่ๆ ประตูเปิดเข้ามา อรทัยเดินมานิ่งๆ แต่ท่าทางน่าเกรงขาม อรทัยกราดมอง ทั้งกริชและธวัชชัย รู้สึกโกรธที่ผู้เป็นพ่อให้ธวัชชัยแอบมาทำอะไรลับหลังตนเองอีกแล้ว
กริชหน้าเจื่อนไป อรทัยมองเอกสารในมือธวัชชัย ดึงมา แล้วเปิดออก ฉีกพินัยกรรมเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ธวัชชัยตกใจ
“คุณอรทัย”
“ฝากบอกคุณพ่อด้วยว่าถึงยังไง ชั้นก็ไม่ยอมเรื่องพินัยกรรมนี่ คุณพ่อคิดได้ยังไงจะยกสมบัติให้คนอื่น แต่ลูกแท้ๆ กลับไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง”
“คุณเข้าใจท่านผิดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำ ก็เพื่อลูกหลานของท่าน เพื่อคุณอร”
อรทัยเหยียดยิ้ม “เนี่ยเหรอ ทำเพื่อลูกหลาน ทำเพื่อเมียน้อยสิ ไม่ว่า”
ธวัชชัยโกรธแทนศิวาที่ถูกอรทัยว่า
“ตราบใดคุณศิวายังไม่เปลี่ยนใจ ต่อให้คุณอรจะฉีกกระดาษอีกสักร้อยแผ่น มันก็จะมีการร่างพินัยกรรมใหม่ขึ้นอีก ขอให้คุณอรกลับไปคิดให้ดีๆ ว่าที่คุณท่านทำแบบนั้น มันเป็นเพราะอะไร”
พูดจบ ธวัชชัยเดินออกไปเลย กริชเห็นท่าไม่ดี รีบลุกตามออกไปบ้าง อรทัยมองตามทั้งสองคนตาขวาง โกรธจัด แต่พยายามควบคุมอารมณ์
อรทัยเดินออกมาที่จอดรถของสำนักงานทนายความ โมโหกรุ่นๆ อยู่ แม้ตนจะฉีกพินัยกรรรมไป แต่หากศิวายังไม่เปลี่ยนใจ ก็ต้องเขียนใหม่อีกจนได้
อรทัยขึ้นรถแล้วปิดประตูปัง! พยายามควบคุมอารมณ์ เสียงมือถือดัง เห็นที่หน้าจอว่าวิทย์โทร.มา อรทัยถอนใจเฮือก รู้ทันทีว่าเรื่องอะไร
อรทัยกดรับ
“ว่ายังไง”
วิทย์อยู่ที่มุมลับตาคนในร้านเฟอร์นิเจอร์
“อยู่ร้านเฟอร์นิเจอร์กันครับคุณอร...”
วิทย์มองไปเห็นบรรเจิดเลือกเฟอร์นิเจอร์อยู่กับแก้วตา แต่ว่าวิทย์ยังไม่เห็นหน้าแก้วตา เพราะมีพนักงานขายยืนบังอยู่
ส่วนเดชท่าทางระแวดระวัง คอยคุมหลังให้บรรเจิดกับแก้วตาอย่างยอดเยี่ยม
วิทย์บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่นมาดหมาย
“ครับ ถ้าได้เรื่องแล้ว จะรีบกลับไปรายงานครับ”
อรทัย กดวางมือถือ แววตาเป็นประจายวาววับ
“หมดเวลาของแกแล้ว”
อรทัยยิ้มสมหวัง
ส่วนบรรเจิดเดินอยู่ในร้านเฟอร์นิเจอร์กับแก้วตาและเดช แก้วตาเหลือบไปเห็นโคมไฟสีหวานสวยน่ารัก แล้วยิ้มพึงใจอยากได้ จึงรีบเดินเข้าไปดู บรรเจิดเดินตามไป
“จริงสิห้องเรายังไม่มีโคมไฟเลยนี่นา”
แก้วตาหันไปยิ้มพยักหน้าให้สามีชาวบ้าน บรรเจิดเอื้อมมือไปหยิบโคมไฟ แต่หยิบอันที่อยู่ข้างๆ โคมไฟที่แก้วตาอยากได้
โคมไฟที่บรรเจิดหยิบเป็นสีขรึมๆ ดูเรียบหรู เป็นผู้ใหญ่
“อันนี้ดีมั้ยแก้ว ชั้นว่ามันดูเรียบๆ ดีนะ แก้วชอบมั้ย?” บรรเจิดถาม
แก้วตาไม่ชอบ แต่ก็จำใจต้องบอกว่าชอบ
“ค่ะ ชอบค่ะ”
แก้วตาเหลือบมองโคมไฟสีหวาน เดชเห็นท่าทางก็รู้ว่าแก้วตาไม่ได้ชอบโคมไฟที่บรรเจิดเลือกให้
บรรเจิดหันมาถามความเห็นเดชพอดี
“เดช แกว่ายังไง อันนี้ดีมั้ย”
“เอ่อ...ผมว่าห้องแก้ว น่าจะเหมาะกับโคมไฟน่ารักๆ แบบนี้มากกว่าครับท่าน”
เดชชี้ไปที่โคมไฟทีแก้วตาอยากได้
“เหรอ” ชายสูงวัยหันไปหาแก้วตา “แล้วแก้วอยากได้แบบไหนล่ะ”
แก้วตายิ้มเขินๆ แล้วหยิบโคมไฟสีหวานที่ตัวเองอยากได้ บรรเจิดหัวเราะ แก้วตายิ้มแฉ่ง
“ชั้นก็ลืมไปว่าผู้หญิงเค้าชอบอะไรน่ารัก น่ารัก”
แก้วตาแอบส่งสายตาขอบคุณมาให้เดช เดชมองชื่นใจ
บรรเจิดแซวเดช “เดชแกนี่ก็รู้ใจผู้หญิงดีเหมือนกันะ เมื่อไหร่จะมีแฟนซักทีล่ะ”
เดชอึกอักๆ ในใจรู้สึกเจ็บปวด คนที่ชอบอยู่คือแก้วตา
แก้วตาเหลือบไปเห็นตุ๊กตาหมีน่ารักพอดี เลยหยิบมาเล่นกับบรรเจิด
“อันนี้ก็น่ารักนะคะคุณบรรเจิด”
แก้วตาแกล้งหยิบตุ๊กตามาบังหน้าเล่นกับบรรเจิด บรรเจิดหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เดชมองอยู่ยิ่งเจ็บปวดเข้าไปใหญ่ จังหวะนี้เองสายตาของเดช หันไปเห็นเงาของวิทย์ที่สะท้อนเข้ามาในโคมไฟ
เห็นวิทย์กำลังพยายามจะถ่ายรูปแก้วตากับบรรเจิดด้วยโทรศัพท์มือถือ เดชตกใจ
วิทย์กำลังกดดูแต่ละภาพในมือถือ พบว่าได้แต่หน้าบรรเจิดและเดชที่ชัดๆ ไม่ได้มีใบหน้าของเมียน้อยเลยสักภาพ เพราะถูกพนักงานบังบ้าง ตุ๊กตาหมีบังบ้าง บรรเจิดบังบ้าง
“โธ่เว้ย! ทำไมไม่เห็นหน้าซักที!”
อ่านต่อหน้า 2
จ้าวพายุ ตอนที่ 5 (ต่อ)
วิทย์หงุดหงิดอารมณ์เสีย แต่พอเงยหน้าขึ้นมา แล้วต้องชะงักตกใจนิดๆ เมื่อเห็นเดชจ้องอยู่ตรงหน้า วิทย์ตั้งสติได้รีบเก็บมือถือมองเดชอย่างไม่กลัวเกรง
เมื่อครู่เดชได้ยินว่าวิทย์ยังไม่ได้เห็นหน้าเมียน้อยบรรเจิด ก็แอบโล่ง
“ถอยไปเดช”
เดชจ้องหน้า “วันนี้ชั้นจะถอยให้แก...แต่ถ้ามีครั้งต่อไป...ชั้นคงถอยไม่ได้”
เดชพูดด้วยความรู้สึกเป็นห่วงแก้วตาอยากปกป้องให้พ้นภัยร้ายจากฝีมืออรทัย วิทย์จ้องเดชตอบ
“ดูเหมือนแกจะรักหน้าที่เหลือเกินนะเดช...คุณบรรเจิดจ้างให้ปกป้องเมียน้อยเค้าเท่าไหร่”
เดชแอบชะงัก ด้วยหน้าที่ปกป้องแก้วตานั้นเขาทำด้วยความเต็มใจเพราะรักล้วนๆ
“วิทย์ ชั้นรู้ว่าแกทำตามหน้าที่ของแก ชั้นก็ทำหน้าที่ของชั้น..เราสองคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง...ชั้นไม่อยากมีเรื่องกับแก!”
วิทย์บอก “แต่หน้าที่ของเรามันขัดแย้งกันเดช ถึงไม่อยากมีเรื่อง...เดี๋ยวก็คงต้องมี”
เดชกับวิทย์มองหน้ากันครู่หนึ่ง เหมือนเป็นเชิงบอกกันและกันว่าต่อไปถ้าต้องลงไม้ลงมือก็จะไม่ถอย
วิทย์เดินออกไป เดชเครียด เป็นห่วงแก้วตาจับใจ
ไม่นานต่อมา อรทัยอยู่ที่โถงคฤหาสน์สีหน้าเครียดจัด วิทย์ยืนหน้าเจื่อนๆ อยู่
“ชั้นถามทำไมไม่ตอบ ว่าไง! ได้รูปมั้ย?”
วิทย์อึกอัก “ได้ครับ...แต่ว่าไม่เห็นหน้า คุณอรอย่าดูเลยครับ”
“เอามาให้ชั้นดูเดี๋ยวนี้!”
อรทัยดึงโทรศัพท์มาจากวิทย์ กดเปิดภาพ
ที่หน้าจอมือถือวิทย์เห็นเป็นภาพแก้วตาเอาตุ๊กตาหมีบังหน้าหยอกล้อกับบรรเจิดท่าทีเริงร่า บรรเจิดยิ้มท่าทางมีความสุข อรทัยมองใบหน้าสามีแล้วรู้สึกเจ็บปวด เพราะเขาไม่เคยมีรอยยิ้มแบบนี้ให้หล่อนมานานแล้ว อรทัยอึ้ง
“ท่าทางคงมีความสุขมาก”
อรทัยกลั้นความเจ็บปวดไว้ แล้วแปรแปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น น้ำเสียงกร้าว
“ชั้นต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร”
ทางด้านปานตักผัดกะเพราราดข้าว ยกจานไปวางให้ลูกค้าคนหนึ่ง ลูกค้าคนนั้นคือจำปา
“ข้าวผัดกะเพราราดข้าวมาแล้ว แกเม้าท์เรื่องเจ้านายแกต่อสิ” ปานว่า
“โอ๊ย บ้านนั้นนะเม้าท์สามวันเจ็ดวันก็ไม่หมด..เนี่ย คุณผู้หญิงก็เอาแต่ใจ ด่าแต่ลูกแต่ผัว ทะเลาะกับคนทั้งบ้าน ไอ้ลูกผัวก็ไม่ได้ดั่งใจเลยนะ ผัวก็เมีเมียน้อย ลูกชายก็งานการไม่ทำ”
ปองพลเดินตาเขียวเข้ามาพอดี ปานเห็นเข้าก็ตกใจ
“ไอ้ปอง นี่แกไปทำอะไรมาวะ”
“ไอ้พวกเจ้าหนี้อ่ะสิ บอกว่าเดี๋ยวใช้เดี๋ยวใช้ ก็พูดไม่รู้เรื่อง แล้วนี่แม่โทร.บอกปิ่นมันหรือยังว่าให้มันมาใช้เงินให้ชั้น”
“มันไม่รับโทรศัพท์เลย สงสัยจะยุ่ง”
ปองพลหงุดหงิด
“โธ่เว้ย!”
ปองพลปึงปังๆ เดินเข้าห้องไปเลย จำปานั่งมองเหตุการณ์อยู่ สาระแนตามประสา
“ลูกชายเหรอ ไปยืมเงินใครมา โดนซ้อมเลยเหรอเนี่ย”
“ไม่ต้องสาระแน นี่ถึงยืมมายังไง ชั้นก็มีเงินใช้ ลูกสาวชั้นน่ะมันเก่งนะโอ้ย มันทำงานดี เป็นพนักงานขายรถ เดือนๆนึงมันให้เงินชั้นเยอะนะเว้ย” ปานคุยเขื่อง
จำปาเบ้ปากไม่เชื่อ ปานควักโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปปิ่นมณีให้จำปาดู
“นี่เห็นมั้ยรูปนังปิ่น รถที่มันถ่ายด้วยอ่ะนะ คันล่ะเป็นล้าน...ล้าน”
จำปาดูรูปเห็นเป็นรูปปิ่นมณีในชุดนุ่งสั้น ถ่ายคู่กับรถหรู
“ชื่อปิ่นเหรอ โอ๊ย ใส่สั้นอย่างนี้ ขายรถอย่างเดียวหรือเปล่า”
ปานฟังแล้วของขึ้น หยิบแก้วน้ำสาดน้ำใส่หน้าจำปาทันที
“ปากหมาอย่างนี้ไม่ต้องกินข้าวแล้ว ออกไปเลย มาด่าลูกสาวชั้น”
จำปาวิ่งหนีออกไป ปานโกรธจัด
สุธาวีเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน โทรศัพท์มือถือของสุธาวีดังขึ้น เห็นที่หน้าจอขึ้นเป็นชื่อสราลัย สุธาวีกดตัดสายทิ้ง
สุธาวีเดินลงมาเห็นฟ้าใสกำลังเตรียมของจะไปงานแสดงดนตรีของเด็กๆ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือสุธาวีดังขึ้นอีก เห็นเป็นชื่อสราลัย อีก สุธาวีหงุดหงิด กดตัดสายทิ้งอีก
ฟ้าใสเห็นสุธาวีท่าทางเซ็งๆ ก็มองงงๆ ทันใดนั้นโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ฟ้าใสเดินไปรับ
“ค่ะ อ๋อได้ค่ะ”
ฟ้าใสส่งโทรศัพท์ให้สุธาวี
“คุณวี โทรศัพท์คุณค่ะ”
สุธาวีเดินมารับ “ฮัลโหล”
“รับได้แล้วเหรอคะวี”
“นี่ถึงกับโทร.เข้าที่บ้านผมเลยเหรอสรา”
“อย่าเพิ่งโกรธสิคะ สราไม่ได้จะมาเซ้าซี้อะไร แค่อยากรู้ว่าวีมีความสุขกับแฟนใหม่หรือเปล่า?”
“ก็มีความสุขดี ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“ดีค่ะ งั้นก็รีบตักตวงความสุขไว้นะคะ เพราะอีกหน่อย คงไม่มี!”
สราลัยกดวางสายทันที สุธาวีหงุดหงิด หันไปบอกฟ้าใส
“นี่....ต่อไปถ้าสราเค้าโทร.มา ไม่ต้องรับแล้วนะ ชั้นเลิกกับเค้าแล้ว”
ฟ้าใสงง
“นี่คุณเลิกกับคุณสราแล้ว...”
ฟ้าใสมองหน้าสุธาวีอย่างหวั่นใจ ด้วยกลัวสุธาวีทำตามคำสั่งอรทัยจะมาแต่งงานกับตัวเอง
“ไม่ต้องมองชั้นอย่างนั้นเลยนะยัยแกงจืด ชั้นไม่ได้เลิกกับสรามาคบกับเธอ”
ฟ้าใสโล่ง สุธาวีหมั่นไส้
“ชั้นมีผู้หญิงที่ชั้นคบอยู่แล้ว แม่เค้าไม่ชอบสรา เพราะสราเอาแต่ปาร์ตี้ ไม่ค่อยทำงานทำการอะไร” สุธาวีคิดถึงปิ่นมณีแล้วยิ้มๆ “แต่ผู้หญิงคนใหม่ของชั้น เค้าเป็นคนดี ตั้งใจทำงาน ไม่เหมือนกับสราลัย”
“งั้นชั้นก็ดีใจด้วยค่ะ”
“ถ้าปิ่นกับชั้นคบกันนะ เธอก็สบายใจได้ เราจะได้ไม่ต้องแต่งงานกัน”
ฟ้าใสได้ยินชื่อปิ่นมณีก็หยุดชะงัก พึมพำกับตัวเอง “ปิ่นเหรอ?”
สุธาวีไม่ได้สนใจฟัง หยิบโทรศัพท์กดโทร.หาปิ่นมณี น้ำเสียงสีหน้าร่าเริง
“ปิ่นรอที่คอนโดนะ ผมกำลังจะออกไปรับแล้ว”
สุธาวีเดินปร๋อออกไปอย่างอารมณ์ดี ฟ้าใสนึกสงสัยครามครันว่าผู้หญิงของสุธาวีคือปิ่นมณีหรือเปล่า?
ขณะที่ปิ่นมณีทาลิปสติกอยู่หน้ากระจก มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ปิ่นมณียิ้มสมใจคิดว่าคงเป็นสุธาวีแน่ หล่อนเดินไปที่ประตู ยิ้มพรายหวังจะมัดใจเต็มที่ พอเปิดประตูแล้วก็ต้องอึ้ง เมื่อเป็นศุวิลที่ยืนถือช่อดอกไม้เล็กๆ น่ารักยิ้มให้
“เซอร์ไพร์ส...”
ปิ่นมณีอึ้ง แต่พยายามกลบเกลื่อน ยิ้มรับดอกไม้จากศุวิล
“ขอบคุณค่ะลม ไหนบอกว่าวันนี้มีงานไงคะ”
“ไม่บอกอย่างนั้นผมจะเซอร์ไพร์สปิ่นได้ยังไง…ไปทานข้าวกันนะ”
ปิ่นมณีนิ่ง เพราะวางแผนจะออกไปกับสุธาวี
“วันนี้ปิ่นมีลูกค้าด่วนน่ะค่ะลม”
“เหรอครับ...ไม่เป็นไรงั้นผมรอคุณอยู่ที่นี่ก็ได้ แล้วตอนเย็นเราค่อยออกไปทานข้าวกันดีมั้ย”
ปิ่นมณีเครียด รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนกับศุวิลเริ่มเป็นปัญหาและคาราคาซัง อยากจบเรื่องนี้ซักที
“ปิ่นจะเลื่อนนัดลูกค้าไปซักสองชั่วโมง เราจะได้ไปทานข้าวกันก่อน ปิ่นมีเรื่องอยากคุยกับคุณเหมือนกัน”
ศุวิลชะงักคิดว่าเรื่องอะไร แต่ก็พอใจที่ปิ่นมณีตกลงไปทานข้าวด้วยกัน
ศุวิลขับรถอยู่ ปิ่นมณีนั่งนิ่งเมินเฉย มือกดข้อความในมือถือ ศุวิลสังเกตอาการปิ่นมณีที่ดูอึดอัด
“ผมทำให้คุณเสียงานรึเปล่าปิ่น”
“ไม่ค่ะ ปิ่นไลน์ไปเลื่อนนัดลูกค้าแล้ว”
สุธาวีขับรถอยู่ มือถือขึ้นข้อความไลน์ว่า “ออกไปหาลูกค้าด่วน ไปรับที่เควิลเลจเลยนะคะ”
สุธาวีวางมือถือ เลี้ยวเข้าคอนโดปิ่นมณีพอดี
ปิ่นมณีมองไปเบื้องหน้าเห็นรถสุธาวีเลี้ยวเข้ามา และรถของศุวิลก็กำลังจะตรงไปทางออกนั้นเช่นกัน ปิ่นมณีกลัวศุวิลจะเห็นสุธาวี คิดหาทางอย่างรวดดเร็ว แกล้งก้มลองมองหาของที่พื้นรถ
ศุวิลหันมามองปิ่นมณีงงๆ
“มีอะไรเหรอปิ่น”
“กุญแจห้องปิ่นน่ะค่ะ”
ศุวิลหันมองทางปิ่นมณี ทำให้ไม่เห็นรถสุธาวีที่ขับสวนเข้าไป สุธาวีขับรถสวนกับศุวิล ไม่ได้สังเกต หรือเห็นศุวิลแต่อย่างใด
เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว ปิ่นมณี จึงค่อยๆ เงยขึ้น เหลือบมองเมกชัวร์ว่ารถสุธาวีผ่านไปแล้ว ปิ่นมณีทำทีเป็นเจอกุญแจในกระเป๋า
“อยู่นี่เองค่ะ”
ศุวิลพยักหน้าแล้วขับรถต่อไม่ได้สนใจอะไร ปิ่นมณีมองกระจกข้าง เห็นรถสุธาวีแล่นไป ปิ่นมณีโล่งอก
ขณะเดียวกันที่ลานกว้างบนเวที เด็กๆ ลูกศิษย์ของโรงเรียนฟ้าใส เล่นดนตรีและมีเด็กยืนร้องเพลงอยู่ด้วย
ส่วนที่ด้านข้างเวทีแลเห็นฟ้าใส ชนเมศร์ และงามเสมอยืนเชียร์เด็กๆ อยู่ ฟ้าใสท่าทางเหม่อลอย ครุ่นคิดเรื่องผู้หญิงของสุธาวี ส่วนชนเมศน์กับงามเสมอท่าทางตื่นเต้นที่ได้พาเด็กออกมาแสดงนอกสถานที่
งามเสมอลุ้นเด็ก “เสียงสูงเลยลูก สูงได้อีก โชว์พลังเสียงเลย ดีมากลูก ดีมาก สมแล้วที่ครูสอนมา”
“โอ๊ยอีเจ๊ ถ้าจะเชียร์ออกหน้าขนาดนี้ ขึ้นไปร้องแทนเด็กเลยมั้ย”
“เอ๊ะ ไอ้นี่นี่” งามเสมอทุบชนเมศร์ไปที “ลูกศิษย์ชั้น ชั้นก็ต้องเชียร์ออกหน้าออกตาเป็นธรรมดาสิยะ”
งามเสมอหันไปเห็นฟ้าใสยืนเหม่อๆ ท่าทางครุ่นคิด ก็แปลกใจ
“เป็นไรฟ้า ตื่นเต้นเหรอที่พาเด็กๆ มาแสดงข้างนอก”
ฟ้าใสอึกอัก เพราะมัวแต่คิดเรื่องผู้หญิงของสุธาวี “ค่ะ...ตื่นเต้นค่ะ”
ฟ้าใสยังคงจ่อมจม ครุ่นคิดเรื่องผู้หญิงของสุธาวีอยู่
สองคนอยู่ที่ร้านอาหารหรู ในเควิลเลจ บนโต๊ะตรงหน้าทั้งคู่ มีอาหารวางอยู่ ศุวิลตักอาหารให้ปิ่นมณี
“ผมรู้ว่าปิ่นชอบ”
ปิ่นมณีมองอาหารที่ศุวิลตักให้นิ่งๆ ศุวิลเห็นท่าทีคนรักแปลกไปก็ชะงัก
“ปิ่นมีอะไรหรือเปล่า”
ปิ่นมณีไม่ตอบ
“ปิ่นบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผมใช่มั้ย”
ปิ่นมณีถอนใจ “ค่ะ...ปิ่นว่าเราสองคนน่าจะให้เวลากับตัวเองบ้าง จะได้ทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง”
ศุวิลหวั่นใจ
“ทบทวนอะไรปิ่น”
“บางทีลมอาจจะสบายใจกว่านี้ถ้าไม่มีปิ่น”
“หมายความว่าจะเลิกกันเหรอ?” ถามย้ำ
“ปิ่นแค่อยากให้เราสองคนลองห่างๆ กันบ้าง”
ศุวิลอึ้ง ไปไม่เป็น
“ปิ่น ปิ่นยังโกรธผมเหรอ ผมขอโทษ แล้วปิ่นจะให้ผมทำยังไง ปิ่นถึงจะหายโกรธ”
“ปิ่นไม่ได้โกรธจริงๆ ค่ะลม ถ้าเรามีเวลาทบทวนกันแล้ว และเห็นว่าวันนั้นเรายังต้องการกันและกันอยู่ เราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้นี่คะ”
ปิ่นมณีลุกออกไป ศุวิลอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก
ภายในร้านกาแฟ เห็นฟ้าใส ชนเมศน์ งามเสมอ กินขนมอยู่กับเด็กๆ ลูกศิษย์
“เก่งมากๆ เลย ลูกๆ ของครู”
ฟ้าใสเหม่อมองออกไปนอกร้าน เห็นปิ่นมณีเดินโดยไม่มีศุวิลตามมาด้วย ฟ้าใสนึกสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า
“เดี๋ยวฟ้าขอตัวแปบนึงนะคะ”
ฟ้าใสรีบวิ่งออกไปจากร้าน ชนเมศร์กับงามเสมอมองหน้ากันงงๆ
ปิ่นมณีเดินไปหน้าเควิลเลจ โดยที่ด้านหลังเห็นฟ้าใสเดินตามมาในระยะไกลๆ ชะเง้อมองตามพยายามเรียกเพื่อน
“ปิ่น”
ปิ่นมณีไม่ได้ยิน เดินลิ่วตรงไป ฟ้าใสตัดสินใจวิ่ง ตามเกือบจะไปถึงปิ่นมณีอยู่แล้ว
ทันใดนั้นรถสุธาวีแล่นมาจอดเทียบปิ่นมณี ฟ้าใสเห็นเข้าก็ชะงัก
ปิ่นมณีขึ้นรถสลัดอารมณ์ขุ่นเมื่อครู่ได้ หันไปจุ๊บแก้มสุธาวี ฟ้าใสอึ้งกับภาพที่เห็น
บังเอิญในจังหวะที่ปิ่นมณีหันตัวจะคาดเข็มขัดนิรภัย จึงเห็นว่าฟ้าใสยืนมองจนอยู่ ปิ่นมณีตกใจมาก รถสุธาวีค่อยๆ แล่นออกไป
“ปิ่น...กับคุณวี...”
ฟ้าใสยืนอึ้งตะลึงสุดขีด
ต่อมาไม่นานฟ้าใสเดินผ่านลานจอดรถมากิริยาเหม่อลอย อาการยังช็อกๆ สายตาเหลียวไปเห็นศุวิลเดินเตะกระป๋องเศร้าๆ อยู่ ฟ้าใสแอบมอง รู้ทันทีว่าศุวิลต้องมีเรื่องกับปิ่นมณีแน่ ฟ้าใสมองอย่างเป็นห่วง แต่ไม่รู้จะเข้าไปหายังไง
ส่วนศุวิลอกหักเศร้าหนัก
อ่านต่อหน้า 3 / 17.00 น.
จ้าวพายุ ตอนที่ 5 (ต่อ)
ตกกลางคืน บรรเจิดเปิดประตูห้องนอนเข้ามา เห็นอรทัยนั่งรอนิ่งๆ อยู่แล้ว ก็ชะงัก รู้จากเดชแล้วว่าวิทย์แอบตาม แต่วิทย์ไม่ได้อะไรคืบหน้า บรรเจิดประเมินท่าทีอรทัย
“ยังไม่นอนอีกเหรอคุณ”
บรรเจิดเดินไปจะเข้าห้องน้ำทันที
อรทัยบอกนิ่งๆ “ชั้นมีของจะให้คุณน่ะ”
พลางดันกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งให้สามี
บรรเจิดหันมาเปิดกล่องดู พบว่าเป็นตุ๊กตาหมีอยู่ข้างใน และมันเป็นตุ๊กตาหมีแบบเดียวกับที่แก้วตาหยิบมาหยอกล้อกับเขาเมื่อบ่าย พอบรรเจิดหยิบตุ๊กตาหมีขึ้นมาดูชัดๆ จึงเห็นว่าตุ๊กตาหมีนั้นหัวขาดรุ่งริ่ง!
บรรเจิดตกตะลึง อึ้งกับสิ่งที่อรทัยทำ เหมือนเป็นสัญญาณเตือนอันรุนแรง โคแก่ใจไม่ดีกลัวว่าแก้วตาจะโดนแบบนี้
“อะไรเนี่ยคุณอร”
“คุณก็รู้ ว่ามันคืออะไร”
อรทัยบอกหน้านิ่งอย่างเก่า แต่น้ำเสียงเรียบเย็น บรรเจิดรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เป็นห่วงแก้วตา ใจคิดจะต้องรีบหย่ากับอรทัยในเร็ววัน
เช้าวันใหม่บรรยากาศแสนสดใส แก้วตาถือน้ำเต้าหู้เดินเข้ามาที่ยืนที่หน้าบ้านศุวิล ท่าทางอารมณ์ดี สุดๆ กดออด แล้วยืนรออยู่ครู่หนึ่ง สักพักอาภาก็เดินออกมา
“หนูแก้ว มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
แก้วตายิ้มหวานใสซื่อ “พอดีแก้วออกไปซื้อกับข้าว เลยซื้อน้ำเต้าหู้ติดมือมาฝากค่ะ”
สำลีที่กวาดบ้านอยู่ ได้ยินเข้าก็โผล่หน้าออกมาสาระแนอาการปลื้มๆ
“โถๆๆ หนูแก้วสวย น่ารัก แล้วยังมีน้ำใจ ขอบคุณมากนะจ๊ะ”
แก้วตายิ้มๆ แอบชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน จะมองหาศุวิล
“เอ่อ....แล้วคุณลม…”
“อ๋อ ตาลมออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งที่สวนของหมู่บ้านน่ะจ้ะ ....เนี่ยนะ หลานน้าเค้าเป็นผู้ชายหล่อแมนแฮนซั่มรักสุขภาพ....เวลาถอดเสื้อนะ ล่ำบึ๊ก กล้ามเป็นมัดๆ สาวๆ กรี๊ดสลบ”
แก้วตาตาวาวเหมือนคิดอะไรดีๆ ออก
ขณะที่ศุวิลกำลังวิ่งจ๊อกกิ้งเหยาะๆ มาตามทางในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน ใส่หูฟังฟังเพลง ท่าทางเครียดๆ เฮิร์ทๆ อกหัก
ส่วนที่มุมหนึ่งของสวน แก้วตาในชุดออกกำลังกายเซ็กซี่ใสๆ ยืนมองศุวิลวิ่งอยู่ไกลๆ แก้วตายิ้มๆ เปิดขวดน้ำเปล่า ราดตัวเองให้ดูเหมือนเป็นเหงื่อออก
แก้วตายิ้มสมใจแล้วเร่งวิ่งตามศุวิลจนขึ้นมาตีคู่กัน
แก้วตาวิ่งขนาบข้างศุวิล แล้วหันไปยิ้มให้ ศุวิลหันมายิ้มให้ขรึมๆ ไม่ได้สนใจอะไร ศุวิลวิ่งนำแก้วตาออกไปนิดหน่อย แก้วตาขัดใจที่ศุวิลไม่สนใจหล่อน คิดแผนใหม่ รีบเร่งฝีเท้าจนแซงหน้าศุวิลไปได้นิดหนึ่ง จากนั้นก็แกล้งเสียหลักหกล้มลงตรงหน้าศุวิล
แก้วตาสำทับด้วยการแกล้งร้องโอ๊ยด้วยความเจ็บปวด ศุวิลตกใจ รีบถอดหูฟังออก
“คุณแก้วตา”
ศุวิลเข้าไปช่วยแก้วตาที่หกล้มให้ลุกขึ้นยืน
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
แก้วตาแกล้งทำทีเป็นเดินต่อ แล้วทำเป็นขาเจ็บ ทำท่าจะล้มลงไปอีก ศุวิลเข้าไปคว้าไว้ทัน
“เดี๋ยวเกาะแขนผมเดินไปก็ได้ ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
แก้วตาพยักหน้ายิ้มเขินๆ
ศุวิลให้แก้วตาเกาะแขนเดินไป
ศุวิลให้แก้วตาเดินเกาะแขนไประหว่างทางเดินกลับบ้าน ศุวิลท่าทางขรึมๆ พูดน้อยกว่าทุกครั้ง แก้วตาพยายามชวนคุย
“ไม่นึกเลยว่าคุณลมจะชอบวิ่งจ๊อกกิ้งเหมือนกัน แก้วเองก็วิ่งจ๊อกกิ้งทุกเช้าเลยค่ะ เดี๋ยววันหลังเราคงได้วิ่งด้วยกันอีกนะคะ”
ศุวิลคิดถึงแต่เรื่องปิ่นมณี เลยไม่ได้ตอบอะไร แก้วตาลอบจับสังเกตท่าทางเขา
“คุณลมเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ท่าทางเครียดๆ ดูเหมือนมีเรื่องอะไร”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ”
“มีอะไรก็ระบายกับแก้วได้นะคะ แก้วยินดีเป็นเพื่อนรับฟังเสมอ”
ศุวิลยิ้มแห้งๆ
“ขอบคุณครับ”
แก้วตาพยักหน้ายิ้มๆ เดินเกาะแขนศุวิลต่อ แก้วตาดูมีความสุขอย่างที่สุด
เดชกำลังขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน หันไปมองข้างทาง เห็นศุวิลเดินอยู่กับแก้วตา โดยแก้วตาเดินเกาะแขนศุวิลทำท่าเหมือนคนขาเจ็บ หน้าตาฟิน มีความสุขมาก
เดชสงสัยว่าแก้วตามาอยู่กับศุวิลได้ยังไง
แก้วตาเดินปร๋อเข้ามาในบ้านอย่างอารมณ์ดี ไม่มีท่าทางขาเจ็บเหมือนตอนอยู่กับศุวิลสักนิด
โดยที่โซฟากลางโถงบ้าน เดชนั่งรออยู่ แก้วตาเข้ามาเห็นก็ชะงัก ตกใจ
“พี่เดช” นักแสดงสาวในสาขาเมียน้อยยอดเยี่ยม รีบปรับสีหน้าเป็นปกติทันที “พี่เดชมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ แล้วทานอะไรมาหรือยัง”
“ทานแล้วล่ะ” เดชยิ้มขรึม “แก้วไปไหนมาแต่เช้าเหรอ พี่มาถึงบ้านไม่เจอใครเลย”
“ไปวิ่งจ๊อกกิ้งมาค่ะ”
“คนเดียวเหรอ” เดชซักเสียงเรียบ
“ค่ะ…ทำไมเหรอคะพี่เดช”
เดชนิ่งอึ้ง ไม่ตอบคำถามแก้วตา ชัดเจนแล้วว่าแก้วตาโกหกกันหน้าตาเฉย
“จริงเหรอ...แต่เมื่อเช้าพี่เห็นแก้วอยู่กับผู้ชายคนนึงท่าทางสนิทสนมมาก”
แก้วตาตกใจที่เดชเห็นตัวเองอยู่กับศุวิล แต่พยายามสงบสติอารมณ์หาทางออก
“อ๋อ...คนนั้นเค้าเป็นคนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันน่ะค่ะ บังเอิญเจอกัน”
“แต่ท่าทางที่พี่เห็นมันมากกว่านั้น ถ้าคุณบรรเจิดรู้เข้า...”
แก้วตาตีหน้าเศร้าทันควัน “เค้าเป็นแค่เพื่อนแก้วจริงๆ นะคะพี่เดช พี่เดชจะไม่ให้แก้วคบหาใครเลยเหรอคะ ทุกวันนี้แก้วเหงา คุณบรรเจิดก็ไม่ค่อยมาหาแก้ว คุณบรรเจิดเค้ามีบุญคุณกับแก้วขนาดนี้ แก้วจะทรยศเค้าได้ยังไง...ทำไมพี่เดชถึงมองแก้วในแง่ร้ายอย่างนี้ล่ะคะ”
เดชเห็นน้ำตาแก้วตา ก็ใจอ่อน
“พี่เดชจะบอกคุณบรรเจิดก็ได้ แต่ถ้าคุณบรรเจิดรู้ เค้าอาจจะเข้าใจผิด แล้วไล่แก้วออกจากบ้าน พี่เดชอยากให้เป็นแบบนั้นเหรอคะ”
เดชอึ้งๆ
“แก้วแค่เหงา อยากมีเพื่อน พี่เดชเข้าใจแก้วใช่มั้ยคะ”
แก้วตาโถมตัวเข้ากอดเดชเต็มแรง เดชเครียดจัดทำตัวไม่ถูก แน่ละ เขาถูกความรักบังตาเต็มๆ
ขณะเดียวกันนั้น บรรเจิดหน้าเครียดๆ ยืนลังเลอยู่หน้าห้องทำงานศิวา คิดว่าจะเข้าไปคุยกับศิวาเรื่องขอหย่าอรทัย บรรเจิดตัดสินใจ เคาะประตูห้อง แล้วเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องทำงานศิวาคุยอยู่กับธวัชชัย
“คุณพ่อครับ ผมขออนุญาตคุยด้วยซักครู่นะครับ” บรรเจิดพูดในท่าทีเกรงๆ
ศิวามองบรรเจิดงงๆ ว่ามีเรื่องอะไร
ครู่ต่อมา ศิวาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ สีหน้าเครียด เมื่อรู้ว่าบรรเจิดมาขอหย่ากับลูกสาว บรรเจิดเองก็เครียดไม่ต่างกัน ธวัชชัยขยับไปยืนอยู่ตรงทางออกหน้าประตู
“จะหย่ากับอรทัยจริงๆ เหรอ”
บรรเจิดพยักหน้า
“แกมีเมียน้อยใช่มั้ย”
บรรเจิดหน้าเสีย รู้สึกผิด ศิวาเห็นสีหน้าบรรเจิดก็รู้ทันทีว่าที่เดานั้นถูกต้อง
“ผมขอโทษครับคุณพ่อ แต่ถึงยังไงเรื่องผมกับอรทัย มันก็มาถึงทางตันแล้ว”
ศิวาถอนใจหนักหน่วง
“ฉันเข้าใจว่าลูกสาวชั้นน่ะ เป็นคนอารมณ์ร้าย ชอบออกคำสั่ง แต่อย่าถึงขนาดหย่ากันเลยได้มั้ย ยัยอรคงเสียใจมาก”
“ผมก็ไม่แน่ใจครับว่าคุณอรจะเสียใจหรือเปล่า... หรือว่าแค่เสียหน้า ที่ผมขอหย่า”
“อย่าพูดอย่างนั้น ถึงยัยอรจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ยัยอรก็รักแกมาก ชั้นรู้จักลูกสาวชั้นดี”
บรรเจิดนิ่งคิด ไม่ตอบอะไร
“ถือว่าชั้นขอร้องเถอะนะบรรเจิด อย่าเพิ่งทำอะไรหักหาญน้ำใจกันเลย ชั้นจะพยายามให้ยัยอรปรับปรุงตัว”
บรรเจิดเงียบกริบ ไปต่อไม่ถูก รู้ว่าศิวาไม่ยอมให้หย่า
เช้านั้น อรทัยเปิดประตูห้องทำงานที่เดอะกลอรี่เข้ามา เห็นศิวานั่งรออยู่กับธวัชชัยก็ชะงัก แปลกใจ
“คุณพ่อ...มีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้มาถึงที่นี่” อรทัยนึกได้ “หรือว่าจะคุยเรื่องร่างพินัยกรรมใหม่ที่จะยกสมบัติให้ลูกเมียน้อย”
ศิวาหน้าตึงเปรี๊ยะ
“วันๆ แกคิดแค่เรื่องสมบัติหรือไง...รู้มั้ย ผัวแกมาคุยกับชั้น มาบอกชั้นว่าเค้าจะหย่ากับแก”
อรทัยได้ยินเข้า ก็ทั้งตกใจและเสียใจ แต่พอคิดได้ว่าสาเหตุที่บรรเจิดขอหย่าตน มาจากเมียน้อย ก็เปลี่ยนจากความเสียใจเป็นความโกรธแค้น
“หย่าเหรอ....อรไม่หย่า อรไม่หย่าเด็ดขาด เรื่องอะไรจะปล่อยให้ไปเสวยสุขกับเมียน้อย!”
ศิวาเห็นอรทัยโมโหก็พยายามปราม
“ยัยอร!”
“ทำไมคะ หรือคุณพ่อเห็นดีเห็นงามกับเค้า ใช่สิ...นิสัยผู้ชายที่มีเมียน้อยเหมือนกัน ก็ต้องเห็นอกเห็นใจกันใช่มั้ย”
“พอได้แล้วยัยอร! หยุดคิดโทษคนอื่น แล้วกลับมามองตัวเองบ้าง ก็เพราะตัวเองเอาแต่ใช้อารมณ์ ไม่มีเหตุผล ชอบบงการชีวิตคนอื่นแบบนี้น่ะสิ ถึงไม่มีคนทนได้ สักวันแกจะไม่เหลือใคร เพราะการกระทำของตัวเองแกเอง”
อรทัยน้ำตาไหลริน “ทุกสิ่งที่อรทำ มันถูกต้องหมดแล้วค่ะคุณพ่อ ....ถ้าจะผิด มันก็ผิดที่สันดานผู้ชายที่มันไม่รู้จักคำว่าพอมากกว่า”
“ยัยอร!”
อรทัยเดินกระแทกส้นปึงปังออกไป
ที่โรงเรียนสอนดนตรีฟ้าใส ในตอนกลางวัน งามเสมอกับชนเมศร์นั่งอ่านหนังสือกอสซิปบันเทิงอยู่
มีฟ้าใสนั่งอยู่ด้วย แต่หน้าเครียดเคร่ง คิดถึงเรื่องศุวิลกับปิ่นมณี
งามเสมออ่านเจอข่าวเด็ด ก็ตื่นเต้น
“นี่ๆ ทุกคนเห็นข่าวนี่ยังยะ...เค้าบอกว่านางเอกส.หลอกต้มเงินเสี่ยไปตั้งหลายล้าน ช่วยกันคิดหน่อยสิว่ามันมี ส.ไหนบ้าง”
“โอ๊ยคิดได้แล้ว....ส.นึง ....ส.ใส่เกือก”
ชนเมศร์หัวเราะชอบใจ งามเสมอตีชนเมศร์ไปทีนึง ชนเมศน์ยังหัวเราะอีก งามเสมอจะตีชนเมศร์อีก
ชนเมศร์ห้าม แล้วชี้ให้ดูฟ้าใสที่ไม่รับรู้ถึงความสนุกใดๆ งามเสมอชะงัก หันไปมองฟ้าใสอย่างเป็นห่วง
“ฟ้า...”
ฟ้าใสรู้สึกตัว หันไปมองงามเสมอกับชนเมศร์ที่เพ่งความสนใจมาที่ตน
ชนเมศร์ถาม “เป็นอะไรฟ้า? พอกลับมาจากที่พาเด็กๆ ไปแสดง ก็เห็นแกหน้าเครียดตลอด”
“ไม่มีอะไรหรอก...”
ฟ้าใสลุกขึ้นจะออกจากห้อง ปิ่นมณีเดินเข้ามาพอดี ฟ้าใสชะงัก
“ปิ่น?”
ไม่นานต่อมาสองสาวยืนอยู่มุมหนึ่งของโรงเรียน ปิ่นมณียืนหันหลังกอดอกลำบากใจที่จะคุยอยู่ไม่น้อย ฟ้าใสเองก็หนักใจมาก บรรยากาศเลยยิ่งอึดอัด
ที่สุดปิ่นมณีตัดสินใจหันไปหาฟ้าใส ไม่อ้อมค้อม
“เมื่อวานชั้นรู้ว่าเธอเห็นชั้นกับคุณวี”
ฟ้าใสชะงักไม่คิดว่าปิ่นมณีจะพูดตรง
“เธอบอกเรื่องนี้กับใครรึยัง?”
“ยัง...”
ปิ่นมณีโล่งใจ ฟ้าใสทนอึดอัดไม่ได้ หวังดึงปิ่นมณีให้กลับใจ
“ปิ่น...ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ มีแฟนอยู่แล้ว ทำไมยังไปยุ่งกับคุณวีอีก”
ปิ่นมณีจ้องหน้าบอกตรง “ก็เผื่อเลือกไง”
ฟ้าใสอึ้ง นิ่งงันไป คาดไม่ถึง
“ทำไมเหรอฟ้า ผู้หญิงอย่างเราก็มีสิทธิ์เลือกนี่นา ไม่ใช่ต้องเป็นตัวเลือกเสมอไป ขนาดเวลาซื้อเสื้อผ้า เรายังต้องเลือกต้องลอง นี่คนที่จะมาอยู่กับเราทั้งชีวิต ก็ต้องเลือกที่ดีที่สุด”
ฟ้าใสอึ้งกับแนวความคิดของเพื่อนรัก ปิ่นมณีพูดต่อ
“ชั้นขอร้องในฐานะเพื่อน...อย่าบอกเรื่องนี้กับลม เพราะชั้นเองก็ยังไม่เลิกกับเค้า แค่บอกไปว่าห่างกันสักพัก ถ้าเกิดคบกับคุณวีแล้วมันไม่เวิร์คขึ้นมา ชั้นก็อาจจะกลับไปคบกับลมเหมือนเดิมก็ได้
ฟ้าใสได้ยินเข้าก็ไม่พอใจ
“ทำอย่างนี้มันไม่แฟร์กับลมเค้าเลยนะ ถ้าเธอจะคบใครก็เลือกไปสักคนนึงสิ”
ปิ่นมณีมองหน้าฟ้าใส แขวะ
“ดูเธอเป็นห่วงเป็นใยลมเค้าจังเลยนะ เธอชอบลมเหรอ”
ฟ้าใสอึ้งไปชั่วขณะ
“จะบ้าเหรอปิ่น”
“ทำไม...พูดแทงใจดำเหรอ...ถ้าเธอไม่ได้ชอบลม ก็เก็บเรื่องนี้ไว้ อย่าบอกลมเด็ดขาด”
พูดจบสาวไซด์ไลน์ก็เดินเชิดออกไป ปล่อยให้สาวมินิไซส์มองตามงงๆ ใบ้กินไปเลย
อ่านต่อหน้า 4 / 09.30 น.
ปิ่นมณีกลับไปได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ฟ้าใสยังคงนั่งเครียด ครุ่นคิดเรื่องที่เพื่อนพูด จังหวะนี้โทรศัพท์ฟ้าใสดังขึ้น ที่หน้าจอเห็นเป็นชื่อศุวิลโทร.เข้ามา ฟ้าใสมองด้วยท่าทีลังเลไม่กล้ารับ สับสนว้าวุ่นเรื่องที่ปิ่นมณีแขวะว่าชอบศุวิลนั่นเอง
ศุวิลอยู่ที่สตูดิโอ นั่งรอฟ้าใสรับสาย ด้านหลังของเขาเห็นทีมงานกำลังเซ็ทฉากเป็นป่าสวยๆ กันเป็นที่โกลาหล บรรยากาศดูวุ่นวาย
ที่มุมหนึ่งในสตูดิโอ ทัดเทพกับพิมพ์จันทร์ยืนอยู่กับนางแบบในชุดขาวสวย พิมพ์จันทร์ถามอาการนางแบบอยู่
“เป็นไงบ้างคะน้อง เจ็บมือมากมั้ย”
โด่งลูกค้าเจ้าเก่า เข้ามาโวยวายเอ็ดตะโร
“แล้วนี่จะทำยังไงกันเนี่ย นางแบบมือเจ็บแบบนี้ แล้วจะเล่นไวโอลินได้ยังไง”
ทัดเทพเคลียร์ “ใจเย็นนะครับคุณโด่ง ใจเย็นนะครับ” พลางหันไปหาศุวิล “ไอ้ลม...เป็นยังไงบ้างวะ”
ศุวิลยังรอฟ้าใสรับสายอยู่ ที่สุดฟ้าใสก็ยอมรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
“ฟ้า วันนี้คุณว่างมั้ย ผมมีเรื่องจะขอให้คุณช่วย”
สีหน้าฟ้าใส เต็มไปด้วยความแปลกใจ
เวลาผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง ทีมงานกำลังเตรียมถ่ายงาน ศุวิล ทัดเทพ โด่ง และพิมพ์จันทร์นั่งอยู่ที่หน้าจอมอนิเตอร์ ฟ้าใสในชุดขาวสวยงาม ยืนอยู่ในฉากป่าที่เซ็ทเรียบร้อยแล้ว
ฟ้าใสเริ่มสีไวโอลิน ท่วงท่าสง่างาม ลมจากพัดลมตัวใหญ่พัดพริ้วสวยงาม ศุวิลเก็บภาพจนเป็นที่พอใจ จึงสั่งคัท
“โอเค คัท! เลิกกอง”
ทีมงานทุกคนเฮ ต่างคนต่างเก็บของ ฟ้าใสเดินออกจากหน้าเซ็ทมาหาศุวิล
ศุวิลยิ้มให้ “ขอบคุณคุณมาก...คุณเอาสำเนาบัตรประชาชนมาให้ผมด้วย ผมจะได้ออกเช็คให้”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเล็กน้อย”
ศุวิลมองฟ้าใสเป็นเชิงขอบคุณอีกครั้ง ฟ้าใสมองหน้าเขาแล้วแอบนึกสงสารเรื่องปิ่นมณี
จู่ๆ ศุวิลได้ยินเสียงท้องของฟ้าใสร้องโครกครากด้วยความหิว
“อุ้ย” ฟ้าใสตกใจตัวเอง ศุวิลขำก๊าก
“ขำอะไรเล่า เพราะฉันมาหาคุณนี่แหละ ยังไม่ได้กินอะไรเลย คนมันหิวท้องก็ต้องร้องเป็นธรรมดาย่ะ”
ศุวิลยิ้มขำๆ
“งั้นผมพาไปเลี้ยงข้าวแล้วกัน”
เย็นนั้น สองคนอยู่ในร้านเอ็มเคสุกี้ในห้างแห่งหนึ่ง ตรงหน้ามีอาหารวางอยู่จนเต็มโต๊ะ ศุวิลมองอาหารที่ฟ้าใสสั่งมาอย่างอลังการ อึ้งๆ
“สั่งมาเยอะขนาดนี้กินหมดเหรอ”
“ก็คนมันหิวนี่ สั่งมายังไงก็ต้องกินหมดอยู่แล้ว..นี่ในกระเพาะยังมีที่ว่างต่อของหวานอีกนะ”
ศุวิลยิ้มขำๆ
“ประหลาดดี ปกติผู้หญิงเค้าไม่กินเยอะขนาดนี้”
“เออ ชั้นมันไม่ปกตินี่”
ฟ้าใสก้มหน้าก้มตากิน อย่างเอร็ดอร่อย ศุวิลมองๆ คิดถึงปิ่นมณี แล้วถอนใจเฮือก ฟ้าใสเห็นอาการก็รู้ว่าเขากลุ้มใจเรื่องปิ่นมณีแน่ แต่ไม่รู้จะพูดยังไง ได้แต่แอบมองศุวิลด้วยความเป็นห่วง
ศุวิลคิดมากเรื่องปิ่นมณีจนทนไม่ไหว จึงตัดสินใจถามขึ้นมา
“คุณได้คุยกับปิ่นบ้างหรือเปล่า”
ฟ้าใสชะงัก ปิ่นมณีเพิ่งมาคุยเรื่องลมด้วย ฟ้าใสไม่รู้จะบอกกับศุวิลยังไงดี
“เปล่า...ไม่ได้คุยเลย”
ศุวิลพยักหน้ารับรู้ ฟ้าใสมองศุวิลที่เครียด ก็ยิ่งเป็นห่วง เลยตักสุกี้ให้
“นี่คุณลองกินหมูนุ่ม คุณจะได้นุ่มนิ่มไม่หยาบกระด้าง จะได้เป็นคนอ่อนหวานกับเค้ามั่ง กินๆ เข้าไป ตัวใหญ่ อย่ามาแอ๊บกินน้อย”
ศุวิลยิ้ม แต่หน้ายังเครียดๆ เรื่องปิ่นมณี ฟ้าใสนึกเป็นห่วง
ขณะเดียวกันที่ด้านนอกร้านเอ็มเค แก้วตาเดินซื้อของอยู่ หล่อนเหลือบไปเห็นศุวิลนั่งอยู่ในร้านเอ็มเค แต่ยังไม่เห็นฟ้าใส แก้วยยิ้มดีใจจะเดินเข้าไปทัก
แก้วตาเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น จึงเห็นว่าศุวิลนั่งอยู่กับฟ้าใส แก้วตาตกใจ รีบถดตัวถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
“ยัยฟ้ากับคุณลม!”
แก้วตาหันไปมองอีก เห็นฟ้าใสตักอาหารให้ศุวิลพยายามชวนคุย ดูออกว่าฟ้าใสชอบศุวิลแน่ๆ
เช้าวันต่อมาศุวิลเดินกดโทรศัพท์หาปิ่นมณีอยู่ตรงล็อบบี้คอนโด แต่ปิ่นมณียังคงไม่รับสาย
เมื่อศุวิลเงยหน้ามาก็เห็นสุธาวีที่นั่งอยู่ที่โซฟาก่อนจะลุกขึ้น ต่างคนก็ต่างชะงัก
“สุธาวี”
สุธาวีเห็นหน้าศุวิลแล้วก็นึกเยาะ
“อ้าวคุณน้า”
ด้านหลังสองหนุ่ม ประตูลิฟท์เปิดปิ่นมณีเดินออกมาพอดี และเห็นสุธาวียืนอยู่กับศุวิล ก็ตกใจ รีบหลบไปข้างลิฟท์ ใจเต้นระทึก ไม่อยากให้ศุวิลรู้เรื่องความสัมพันธ์ของตนกับสุธาวี
“มาทำอะไรที่นี่” เสียงศุวิลถามสุธาวี
ปิ่นมณีลุ้นใจเต้นรัวแรง เดาใจไม่ออกมาสุธาวีจะเผยเรื่องระหว่างตนหรือไม่ สุธาวีมองศุวิลแล้วแอบสะใจที่ลอบมีความสัมพันธ์กับปิ่นมณี
“คุณไม่อยากรู้หรอกว่าผมมาทำอะไรที่นี่...”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็คุณไม่อยากเกี่ยวข้องกับตระกูลผมไม่ใช่เหรอ คุณก็คงไม่อยากรู้หรอกว่าผมมาทำอะไร”
ปิ่นมณีหลบอยู่กลัวจะควบคุมเหตุการณ์ไม่อยู่ รีบกดไลน์ทันที สุธาวีเปิดมือถือเห็นข้อความในไลน์ ขึ้นมา “ไปเจอกันที่ร้านเลยนะคะ”
สุธาวียิ้มเย้ยมองหน้าศุวิลกวนๆ ศุวิลรู้สึกว่าถูกยียวนกวนประสาท เสียเวลาจะคุย จึงเดินเลี่ยงไป ปิ่นมณีโล่งที่เห็นศุวิลจะไป แต่แล้ว...สุธาวีดันไม่เลิกกวน
“คนเรามันหลีกเลี่ยงโชคชะตาไม่ได้หรอกรู้มั้ย?”
ศุวิลหยุดกึก สุธาวีเดินมามองหน้าผู้มีศักดิ์เป็นน้าชาย
“คุณถึงได้มาเจอผมที่นี่ไง...”
สุธาวียิ้มหยันศุวิลก่อนจะเดินออกไปอีกดอก
ปิ่นมณีโล่งใจอย่างแรง ศุวิลยังครุ่นคิดถึงคำพูดกำกวมของสุธาวี
ไม่นานนักศุวิลมายืนกดออดประตูห้องปิ่นมณี รอสักครู่ศุวิลลองเคาะเรียกแต่ว่าทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ศุวิลตัดสินใจไขกุญแจเข้าไป จึงพบว่าปิ่นมณีไม่อยู่
“ไปไหนของเค้านะ...”
ศุวิลกดมือถือหาปิ่นแต่ว่าไม่มีสัญญาณ
ในร้านอาหารหรู ตอนกลางวัน สุธาวีนั่งรออยู่ ในใจมีคำถาม โดยด้านหลังปิ่นมณีเดินเข้ามาจุ๊บแก้มสุธาวีทัก สุธาวีเหลือบมองแล้วยิ้มให้น้อยๆแล้วกลับไปหน้านิ่งอีก
ปิ่นมณีรู้ได้ถึงความไม่พอใจของสุธาวี ค่อยๆลงนั่งตรงข้าม
“ขอบคุณนะคะ ที่คุณไม่บอกลมเรื่องของเรา...”
“ก็แค่ครั้งนี้...”
ปิ่นมณีอึ้ง สุธาวีมองปิ่นมณีซึ้งๆ ให้รู้ว่าปิ่นมณีมีค่าสำหรับตนมาก
“ผมเลิกกับสราแล้ว คุณรู้ว่าเพราะอะไร?”
ปิ่นมณีเข้าใจดีว่าสุธาวีจริงจังกับตน
“งั้นคุณคงรู้เหตุผล ว่าทำไมเมื่อวันก่อนชั้นถึงบอกเลิกกับลม...”
สุธาวีชะงัก ที่รู้ว่าปิ่นบอกเลิกศุวิลแล้ว
“ชั้นบอกเลิกเค้า แต่เค้ายังพยายามตามชั้น เค้าคงต้องการเวลาซักหน่อย เพื่อทำใจน่ะค่ะคุณวี”
“นัดเจอกับเค้า ผมจะช่วยให้เค้าทำใจเอง” สุธาวีบอก
“ไม่ได้นะคะ...”
“เสียดายมันเหรอ”
ปิ่นมณีหลุดขำออกมาเล็กน้อย
“เสียดาย? กับลมไม่มีอะไรที่น่าเสียดายหรอกค่ะ...ที่ชั้นห้าม เพราะว่าถ้าเค้ารู้ว่าชั้นทิ้งเค้าไปคบกับคุณ เค้าคงจะเอาเรื่องคุณ ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณศิวาก็จะโกรธคุณ ที่แย่งผู้หญิงของลูกชายคนโปรดไป คุณจะไม่เหลืออะไรเลยนะคะคุณวี...”
สุธาวีฟังแล้วคิดตาม รู้ว่าปิ่นมณีหมายถึงเรื่องสมบัติ
“แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ คุณจะทิ้งผมเหมือนไอ้ลมรึเปล่า”
ปิ่นมณีนิ่ง สุธาวีได้คำตอบ ยิ้มออกมา
“ไม่ต้องห่วง ผมเองก็ไม่ยอมเหลือแต่ตัวเหมือนกัน...ส่วนไอ้ลม ผมจะให้เวลามันอีกหน่อย เห็นแก่ความเป็นญาติกัน”
ที่ด้านนอกร้านเวลานี้ มีสายตาใครคนหนึ่ง มองปิ่นมณีกับสุธาวีที่นั่งอยู่ในร้านผ่านเลนส์กล้อง
ภาพปิ่นมณีกับสุธาวีถูกถ่ายไว้หลายช็อต หลายอิริยาบถล้วนดูสนิทสนมกันมาก
ในขณะที่อรทัยนั่งตรวจเอกสารทำงานอยู่ในห้องที่คฤหาสน์ ท่าทางเคร่งเครียดจริงจัง จำปาหน้าเจื่อนๆ เดินเข้ามาในห้อง
“คุณผู้หญิงคะ มีคนมาหาค่ะ”
อรทัยเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นหน้าและท่าทางจำปาเจื่อนๆ ก็งงๆ
“ใคร...?”
ไม่ทันขาดคำดี สราลัยก็เดินพรวดเข้ามา ไหว้ทัก
“สวัสดีค่ะคุณน้า”
จำปาเห็นสราลัยเดินเข้ามาก็รู้ว่าต้องมีศึกแน่ๆ จึงเลี่ยงเดินหนีออกไป
“หนูสรา”
อรทัยอารมณ์เสีย ปิดแฟ้มงานปัง!
“มาหาวีถึงที่บ้านเลยเหรอ ตาวีไม่อยู่ เลิกยุ่งวุ่นวายกับลูกชายน้าได้แล้ว”
“ตายจริง ท่าทางคุณน้านี่ตกข่าวนะคะ สรากับวีเลิกกันแล้วล่ะค่ะ”
อรทัยได้ยินว่าสุธาวีกับสราลัยเลิกกันก็ดีใจที่จบๆ กันไปได้สักที
“ในที่สุดตาวีก็ตาสว่างสักที นี่หนูสรา น้าเข้าใจนะว่าหนูน่ะเสียใจ แต่การมาง้อผู้ชายถึงที่บ้านเนี่ย ไม่รักษาหน้าตาตัวเองเลยนะ”
สราลัยหัวเราะร่า
“นี่คุณน้าคิดว่าลูกชายตัวเองมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอคะ อย่างสราน่ะ หาใหม่ได้ดีกว่าวีร้อยเท่าพันเท่า แต่วีน่ะสิ ไปคว้าเอาสวะที่ไหนมาก็ไม่รู้...”
อรทัยชะงัก ฉงน “หมายความว่ายังไง”
“จำไม่ได้เหรอคะ ที่สราเคยบอกว่า วีเค้ามีคนอื่น”
ว่าพลาง สราลัยยื่นซองเอกสารให้ อรทัยรับซองมาแกะดู ข้างในมีรูปสนิทสนมของสุธาวีกับปิ่นมณีที่ร้านอาหารจำนวนหลายใบ อรทัยดูภาพอึ้งๆ
“สราให้ค่ะ คุณน้าจะได้หายโง่สักที”
อรทัยโกรธ มือสั่นระริก
“ผู้หญิงคนนี้ชื่อปิ่นมณี เป็นแค่เซลส์ขายรถต่ำๆ แต่คิดไปคิดมาก็เหมาะกับลูกชายคุณน้านะคะ เอาไว้แต่งงานกันเมื่อไหร่ สราจะไปแสดงความยินดี”
สราลัยหัวเราะร่วนสะอกสะใจ แล้วเดินเชิดออกไป อรทัยมือเกร็งขยำรูปแทบแหลกคามือ
ด้านฟ้าใสเดินเข้ามาในห้องทำงานตัวเอง เห็นแก้วตานั่งรออยู่ ก็แปลกใจ
“แก้ว...มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“อ๋อ....แก้วมีเอกสารให้ฟ้าเซ็นหน่อยน่ะ”
ฟ้าใสรับเอกสารมาเซ็น แก้วตามองฟ้าใสยิ้มๆ แซวๆ
“นี่....เมื่อวานนี้แก้วเห็นนะ....”
ฟ้าใสงงๆ “เห็นอะไรเหรอ”
แก้วตาแกล้งถามหยั่งเชิงดู “ก็เห็นฟ้าไปกินสุกี้กับหนุ่ม...เพิ่งรู้ว่าฟ้ามีแฟนแล้ว”
“แฟนที่ไหนล่ะ แก้วเข้าใจผิดแล้ว
ฟ้าใสท่าทางกลุ้มๆ ไม่อยากพูดถึงศุวิล แก้วตามอง ประเมินออกว่ามีพิรุธบางอย่าง
“ไม่บอกไม่เป็นไร เดี๋ยวแก้วไปถามคุณลมเองก็ได้”
ฟ้าใสชะงัก
“แก้วรู้จักตาลมด้วยเหรอ”
“เค้าอยู่ข้างบ้านแก้วเอง ตกลงฟ้ากับคุณลมคบกับกันจริงๆ ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่...ชั้นไปช่วยเค้าถ่ายโฆษณา เค้าก็เลยพาไปเลี้ยงข้าว ตาลมนั่นน่ะ แฟนยัยปิ่นต่างหาก”
แก้วตาอึ้งที่รู้ว่าศุวิลเป็นแฟนปิ่นมณี เพราะปิ่นมณีท่าทางรับมือยากกว่าฟ้าใส
“อ๋อ...นี่หล่อรวยโสดของยัยปิ่นเค้าเหรอเนี่ย”
“ใช่...นี่...แก้ว เธออย่าไปบอกเค้านะว่าเธอเป็นเพื่อนปิ่น”
แก้วตาฉงน “ทำไมล่ะ”
“ปิ่นกับลมเค้ามีปัญหากันอยู่”
แก้วตายิ้มในสีหน้า ดีใจที่รู้ว่าปิ่นมณีกับศุวิลมีปัญหากัน
“แล้วเค้ามีปัญหาอะไรกันเหรอ ฟ้าพอจะรู้ไหม”
ฟ้าใสเครียด ไม่อยากเล่า จึงตัดบท
“ก็เรื่องทั่วไปแหละแก้ว...ฟ้า...ฟ้า ไปแล้วนะ มีสอนต่อ”
ฟ้าใสเดินออกไปเลย ลับหลังฟ้าใสแก้วตาเปลี่ยนแววตาเป็นเจ้าเล่ห์ทันที
“แฟนยัยปิ่น...มีปัญหากันอยู่...”
แก้วตายิ้มมาดหมายว่าจะต้องแย่งศุวิลมาเป็นของตัวเองให้ได้
เช้าวันใหม่ ขณะที่ปิ่นมณีเดินเข้าโชว์รูมมา เพื่อนพนักงานคนหนึ่งปรี่มาหา
“ปิ่น...มีลูกค้ามารอเธอน่ะ”
ปิ่นมณีนิ่งคิด ว่าใครกัน แต่ยังไม่ทันจะถาม อรทัยก็เดินหน้านิ่งๆ ตรงเข้ามาหา มีวิทย์เดินตามมาห่างๆ
ปิ่นมณีเดินไปไหว้อรทัยนอบน้อม อรทัยเชิดไม่รับไหว้ มองปิ่นมณีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ปิ่นมณีงงๆ
“ไม่ทราบว่าสนใจรถรุ่นไหนคะ คุณ...”
“อรทัย...อรทัย เจนจรัสตระกูล”
ปิ่นมณีนิ่งงันไป รู้แล้วว่าเป็นใคร?
“แนะนำรถให้ชั้นหน่อยสิ คันไหนแรงที่สุด...พาชั้นไปลองหน่อย”
พลางอรทัยยิ้มเย็นยะเยือกมาให้ ปิ่นมณีเสียวสันหลังวาบ แล้วพาอรทัยไปชมรถ
ครู่ต่อมาอรทัยขับรถซุปเปอร์คาร์หน้านิ่งๆ มาตามทาง ปิ่นมณีนั่งอยู่ข้างๆ ในใจปิ่นมณีเครียดจัด ด้วยไม่รู้ว่าอรทัยจะมาไม้ไหน และรู้เรื่องตนเองกับสุธาวีหรือยัง
ปิ่นมณีจึงได้แต่คุมเชิง
“เลี้ยวซ้ายค่ะ...ถนนสำหรับเทสต์รถอยู่ทางนั้น”
อรทัยหักเลี้ยวขวา ปิ่นมณีชะงัก อรทัยขับออกไปนอกเส้นทาง ปิ่นมณีใจหายวับ
รถที่อรทัยขับแล่นทะยานมาบนถนนสายหนึ่ง ปิ่นมณีอยู่ในรถกับอรทัยลำพัง
“คุณอรทัยขับออกนอกเส้นทางแล้วค่ะ”
อรทัยไม่สน พูดเข้าประเด็น “ชั้นรู้เรื่องเธอกับลูกชายชั้นแล้ว”
ปิ่นมณีใจหล่นวูบ แต่ก็ทำเป็นใจดีสู้เสือ
“ค่ะ ปิ่นกับคุณวีคบกันอยู่...ปิ่นว่าจะหาเวลาเข้าไปกราบคุณแม่อยู่เหมือนกัน”
อรทัยได้ยินปิ่นมณีเรียกตัวเองว่าแม่ รู้สึกไม่พอใจมาก เลยเร่งคันเร่งรถเร็วขึ้น ปิ่นมณีตกใจ รถพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วจนเกือบถึงเสาไฟฟ้ารอมร่อ
ปิ่นมณีแทบช็อก แต่คุมอาการ “คุณอรทัย!”
อรทัยเหยียบเบรกกึก ตวัดเสียงขุ่นเขียวใส่หน้า
“อย่ามาเรียกชั้นว่าแม่ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
ปิ่นมณีหน้าเสีย
อรทัยลงจากรถ เปิดกระเป๋าแล้วหยิบเช็คออกมาเขียนบนหลังคารถคันนั้น
“จะเอาเท่าไหร่ ถึงจะเลิกคบกับวี”
“ชั้นคบกับคุณวีไม่ต้องการเงิน”
อรทัยฟังปิ่นมณีแล้วหัวเราะหยัน
“นี่จะบอกว่าเธอเป็นคนดี...รักตาวีด้วยความจริงใจอย่างงั้นเหรอ...ผู้หญิงประเภทเธอฉันเห็นมาเยอะแล้ว สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องเงิน”
“คุณอรทัยอาจจะรู้จักคนมาหลายประเภทก็จริง...แต่รับรองว่าคุณไม่เคยเจอคนอย่างดิฉันแน่นอน”
เห็นปิ่นมณีไม่กลัวเกรง อรทัยยิ่งขัดใจ
“ต่อให้เธอเป็นคนดีจริง เธอก็ไม่เหมาะสมกับสุธาวี”
อรทัยเซ็นเช็คให้ปิ่นมณีเรียบร้อย
“ห้าแสนพอมั้ย จะได้จบๆ แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย”
ปิ่นมณีรับเช็คมานิ่งๆ คิดในใจว่าจะใช้เช็คนี้ไปจัดการอรทัยทีหลัง
“เฮอะ ก็แค่เนี้ยะ”
รถยนต์ตู้หรูโครตแล่นเข้ามาจอดเทียบรอรับอรทัย วิทย์ลงมาจากรถมายืนรอ อรทัยจะขึ้นรถ แล้วหยุดกึก หันกลับมาพูดกับปิ่นมณี
“หวังว่าเราคงจะไม่เจอกันอีกนะ”
อรทัยขึ้นรถ วิทย์ขึ้นตามไปแล้วเลื่อนปิดประตู รถตู้แล่นออกไปทันที
ปิ่นมณีก้มดูเช็คแล้วยิ้มพรายออกมา สมใจหล่อนนัก
อ่านต่อตอนที่ 6