สามี ตอนที่ 4
รสิกาเดินลงมากับราพณ์
“เจ้าสัวไม่สบายเป็นอะไรคะ”
ราพณ์หันมองรสิกาสีหน้าดูแปลกใจมาก
“มองฉันแบบนี้ทำไม”
“ก็ผมไม่คิดว่าคุณจะสนใจเรื่องของป๊า”
รสิการู้ว่าหลุดฟอร์ม
“ฉันไม่ใช่คุณนี่ จะได้สนใจแต่กำไรขาดทุนของตัวเอง”
“คุณนี่ไม่น่าชื่ออ้ายนะ น่าชื่อไก่ เดี๋ยวจิก เดี๋ยวจิก”
รสิกาฉุนกกึก
“คุณราพณ์”
ราพร์ยิ้มยังไม่ทันจะเถียง เสียงระรินก็ดังมาจากด้านล่าง
“เฮียก็เหมือนม๊าเฮีย สร้างแต่ความเดือดร้อน”
รามโกรธ
“มากไปแล้วนะริน”
ราพณ์กับรสิการีบวิ่งไปตามเสียง เห็นรามกับระรินกำลังประจันหน้ากัน
“น้อยไปด้วยซ้ำ” ระรินหน้าตาโกรธมาก
“เฮียเป็นพี่แกนะ”
“เอาวัยมาข่มไม่นับถือหรอก คนอย่างรินจะนับถือคนที่มันเป็นผู้ใหญ่ดี ๆ เท่านั้น พวกที่ชอบทำร้ายคนอื่น รินไม่สน”
“แกไม่เคยเห็นหัวเฮียกับม๊าอยู่แล้วนี่”
“จะให้รินดีกับคนที่ฆ่าม๊ารินน่ะเหรอ ไม่มีทาง”
รามถูกแตะแม่ปั๊บขึ้นเลย ไม่ยอม
“อย่าใส่ร้ายม๊าเฮียนะ”
“เพราะคุณโบตั๋นทำให้ม๊าของรินต้องตาย คุณโบตั๋นเป็นฆาตกร”
รามโกรธ เงื้อมือ
“ริน”
ราพณ์เข้ามาจับมือรามไว้
“อย่านะราม”
รามสะบัด ราพณ์จ้องหน้า
“อย่าใช้กำลังกับคนในบ้านนี้”
“ปกป้องพวกเดียวกันใช่ไหม ถือว่าเป็นลูกแม่เดียวกันก็รวมหัวกันรังแกคนอื่น”
ราพณ์ตวาด
“หุบปากของแกซะ ป๊ากำลังไม่สบายเพราะแก แกจะต้องให้ป๊าเป็นอะไรไปหรือไงแกถึงจะหยุด”
รามอึ้งเงียบไป ระรินเบ้หน้าเกลียดชัง
“คนอย่างเฮียราม ไม่เคยคิดถึงคนอื่นหรอก เห็นแก่ตัวเหมือนแม่”
ราพณ์ไม่ตะคอกแต่พูดเสียงนิ่งมีอำนาจ
“เฮียสั่งให้หยุด”
ระรินเงียบไป ราพณ์หันมาหาราม
“ราม กลับบ้านไปก่อน แล้วเราค่อยคุยกัน”
รามรู้ว่าอยู่ก็ไม่มีประโยชน์ หันไปยิ้มให้รสิกา
“แล้วเจอกันนะครับคุณหญิง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
รามออกไป ราพณ์ปรามระริน
“อย่าใจร้อนนักริน จะทำอะไรคิดถึงสุขภาพป๊าบ้าง”
“ก็รินโมโห”
“แล้วถ้าป๊ารู้ว่ารินทะเลาะกับราม คิดบ้างไหมว่าป๊าจะเสียใจที่พี่น้องไม่รักไม่สามัคคีกัน”
ระรินจ๋อย
“ขึ้นไปดูแลพระลบ เฮียจะพาคุณหญิงไปส่ง”
ระรินไหว้รสิกา
“สวัสดีค่ะคุณหญิง”
รสิการับไหว้ ระรินปลีกตัวไป รสิกามองราพณ์ที่แอบถอนใจนิด ๆ
รัตนาวลีส่งเครื่องดื่มร้อน ๆ ให้กับเจ้าสัวเรียว
“จิบน้ำขิงสักหน่อยนะคะ”
“ขอบคุณครับ ไม่รู้ว่าคุณหญิงจะถอดใจเรื่องแต่งงานหรือเปล่า เจอลูก ๆ ผมต้อนรับแบบนี้”
“ไม่หรอกค่ะ คนเยอะมันก็ต้องมีเรื่องมากขึ้นตามจำนวนคน แต่อย่างน้อยฉันก็ดีใจนะคะ ที่อ้ายยอมแต่งงานกับคนดีๆ อย่างคุณราพณ์ ที่รักและปกป้องเขาจากเรื่องร้ายๆ ได้”
รัตนาวลียิ้มด้วยความยินดีและเชื่อเช่นนั้น
“ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดให้คุณกับคุณหญิงมีความสุข”
รัตนาวลียิ้มซาบซึ้ง
“พักผ่อนเถอะค่ะ เจ้าสัวเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
เจ้าสัวขยับตัวนอน รัตนาวลีห่มผ้าให้ เจ้าสัววางมือตัวเองลงบนมือของรัตนาวลี
“ขอบคุณนะครับ ผมดีใจที่มีคุณ”
รัตนาวลียิ้ม
“ฉันจะอยู่ข้างคุณค่ะ”
รัตนาวลียิ้มมองเจ้าสัวเรียวที่ค่อยๆ หลับตาอย่างต้องการดูแลเขาด้วยความจริงใจ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ชาญชัยหันมาอาละวาดใส่รังรอง
“ผมบอกแล้วว่าไม่ไป เห็นไหมว่าป๊าคุณกับพี่น้องคุณไม่เคยเห็นหัวผมเลย”
“ไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอกค่ะเฮีย เชื่อรองนะคะ”
ชาญชัยเสียงดัง
“ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อน”
ชนพกับฤดี พ่อแม่ของชาญชัยตกใจที่ได้ยินเสียงดัง รีบเข้ามาชะงักที่เห็นชาญชัยระเบิดใส่รังรอง
“พวกบ้านเธอมันงี่เง่า ถึงได้มีลูกสาวโง่ๆ อย่างเธอ ไม่เคยช่วยเชิดหน้าชูตาฉันสักนิด ฉันมันโง่จริงๆ ที่เลือกเธอเป็นเมีย”
ฤดีเข้ามาแทรก
“แม่บอกลูกแล้วว่าอย่าไป ในเมื่อคนบ้านนั้นไม่เคยให้เกียรติลูก ที่แม่ให้แต่งก็คิดว่าจะได้ลูกสะใภ้ดี ๆ ที่ช่วยให้เราเจริญ แต่นับวันก็ยิ่งตกต่ำเหมือนได้ตัวซวย”
รังรองสะดุ้งที่โดนด่าอีกแล้ว หันมองเจอสายตาของชนพที่มองอย่างเบื่อหน่าย รังรองหลบตาทุกคนอยู่ในสภาวะจำยอมเพราะรักชาญชัยมาก
“ไปหาอะไรมากินสิ” ชาญชัยหันมาใช้
ฤดีแปลกใจ
“ไปตั้งนานยังไม่ได้กินอีกเหรอลูก”
“นั่งให้พวกมันด่าจะกินลงได้ไงล่ะแม่” ชาญชัยเห็นรังรองยังนิ่งอึ้งก็ตวาด “ไปสิ”
รังรองรีบออกไป แค่พ้นประตูยังไม่ทันเดินต่อ ชนพพูดขึ้นทันที
“แล้วแกคุยกับเจ้าสัวเรื่องที่ขอแยกบริษัทมาเป็นอิสระหรือยัง”
“พวกมันเริ่มต้นก็จับผิด ขุดเรื่องในบริษัทผมมาด่า มีเมียก็นั่งเงียบเหมือนลืมเอาปากมา ไม่รู้ผมต้องทนพวกมันไปอีกนานแค่ไหน”
“ก็บีบให้เมียแกขอบริษัทมาให้ได้สิ แม่จะเบิกจะจ่ายอะไร บัญชีบริษัทแกก็ชอบพูดว่าต้องส่งให้รุ้งรายอนุมัติ ทั้งที่บริษัทเราแท้ๆ” ฤดียุยงไม่พอใจ
“พวกมันคงคิดว่าบริษัทตั้งขึ้นได้เพราะอาศัยบารมีมัน แกก็คอยจี้เมียแกให้พูดเรื่อย ๆ เกิดอยู่ๆ เจ้าสัวตาย ไอ้ราพณ์กับน้องมันคงจะฮุบบริษัทแกแน่” ชนพใส่ไฟ
“โอ้ย...ให้แม่ไปลำบากเหมือนเมื่อก่อนไม่เอานะ อายเขาตาย”
“ใช้เมียแกให้เป็นประโยชน์ ไม่งั้นเราจะลำบาก” ชนพสั่งเสียงเข้ม
“ครับ...”
รังรองยืนฟังด้วยความเสียใจ
รุ้งรายเดินกลับเข้ามาที่คอนโดเจอวศินที่ยืนรออยู่หน้าห้อง
“มีอะไร”
“คุณหายไปไหนมา”
รุ้งรายมองหน้าวศินที่ดูหัวเสีย ไขประตูเข้าห้อง
“ฉันไปทานข้าวกับที่บ้าน วันนี้เฮียพาคุณหญิงมาเปิดตัวก่อนแต่ง...”
วศินได้ยินก็อารมณ์เสียหนักกว่าเดิม รุ้งรายเดินเข้าห้อง วศินตามไปเอาเรื่อง
“แล้วทำไมคุณไม่พาผมไปเปิดตัวกับบ้านคุณ”
“แนะนำในฐานะผู้ชายขายบริการอย่างงั้นเหรอ”
วศินฉุนกึก
“คุณรุ้ง”
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน สำนึกด้วยว่าที่กินที่ใช้อยู่มันเงินฉัน หัดอยู่เงียบๆ ตามคำสั่ง ทำตัวให้มันเชื่องสมกับที่ฉันซื้อเธอ”
วศินโกรธมากใช้สองมือเข้าจับต้นแขนทั้งสองข้างของรุ้งราย
“งั้นผมก็จะเป็นผัวคุณให้คุ้มกับเงิน”
วศินจะเข้าไปปล้ำ แต่แค่จะเข้าไซ้ซอกคอ ก็โดนรุ้งรายตีเข่าใส่จนตัวงอจุก รุ้งรายเสยอัปเปอร์คัทใส่เข้าที่ปลายคางจนหน้าหงายลงไปกองกับพื้น วศินมองอึ้งกับฤทธิ์ของรุ้งราย
“ถ้าไม่อยากตาย ออกไปจากห้องฉัน...ไป”
วศินเห็นว่ารุ้งรายมีพิษสงมากกว่าที่คิด ก็กระเสือกกระสนกลับไปห้องตัวเอง รุ้งรายมองสะใจ
ราพณ์เข้ามาจอดรถที่หน้าร้านอาหาร รสิกาหันขวับมาทันที
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“เมื่อกี้คุณหญิงยังไม่ได้ทานข้าวสักคำ ทานข้าวกันก่อนนะครับ แล้วผมจะไปส่ง”
“ฉันจะกลับไปเอารถของฉันที่ออฟฟิศ”
“ทานข้าวเถอะครับ ผมหิว...นะครับ”
“ฉันไม่หิว ไปส่งฉันที่ออฟฟิศเถอะค่ะ”
“ครับ”
ราพณ์รับคำแต่ดับเครื่องแล้วลงจากรถ รสิกาอึ้ง
“นี่คุณ”
รสิกาเห็นราพณ์ส่งกุญแจให้กับเด็กรับรถ เด็กรับรถขึ้นมาบนรถแล้วชะงักที่เห็นรสิกายังนิ่ง
“คุณผู้หญิงครับ ผมจะเอารถไปเก็บน่ะครับ”
รสิกาขัดใจหันมองราพณ์ที่ขยับมายืนอยู่ด้านประตูฝั่งของเธอ เขายิ้มแบบเอาสิจะดื้อต่อได้ถึงไหน
รสิกาขัดใจ จำต้องลงจากรถ เมื่อเด็กรับรถขับรถออกไป รสิกาก็จะเดินออกไปที่หน้าร้าน
“คุณจะไปไหน” ราพณ์ตามมาขวางไว้
รสิกาไม่ตอบจะเดินไป ราพณ์ตามมาคว้าข้อมือไว้ เธอพยายามขืนจะดึงให้หลุดแต่เขาไม่ยอม
“จะเอาชนะผมงั้นเหรอ”
รสิกาพยายามจะดึงออกให้ได้ เธอพูดเบาๆ แต่เข้ม
“ปล่อย”
“อย่าดื้อสิครับ ไปทานข้าว”
“ฉันไม่ใช่น้องคุณ ที่คุณออกคำสั่งแล้วฉันต้องหงอให้”
“ไปทานข้าว”
ราพณ์จะเอาชนะพยายามจะดึงไป รสิกากำลังจะโดนดึงไป เสียงแตรรถดังขึ้น ราพณ์กับรสิกาหันไปมอง
ปฐวีขับรถเข้ามา เขาลดกระจกลง
“อ้าย”
“พี่วี”
รสิกาอาศัยตอนที่ราพณ์ไม่ทันตั้งตัว รีบดึงมือตัวเองจนหลุดจากมือเขาแล้วรีบไปขึ้นรถปฐวีทันที
“พี่วี ออกรถค่ะ”
ราพณ์ตามมาเคาะกระจกรถ
“คุณหญิง”
“ออกรถค่ะ แล้วอ้ายจะอธิบายให้ฟัง”
ปฐวีไม่เข้าใจนัก แต่ก็ยอมออกรถพารสิกาออกไป ราพณ์มองตามอย่างหัวเสีย เสียงมือถือของราพณ์ดังขึ้น เขากดรับเมื่อเห็นชื่อมานพที่หน้าจอ
“ว่าไง...ไอ้นพ...” ราพณ์ตกใจ “สิน่ะเหรอ”
สิริโสภานอนหลับ ข้อมือซ้ายของเธอถูกพันแผลไว้เรียบร้อยแล้ว มานพยืนมองหน้าเครียด ๆ ประตูห้องพักเปิดเข้ามา ราพณ์เข้ามาอย่างรีบร้อน
“นพ”
มานพส่งสัญญาณว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร ชี้ให้ดูว่าสิริโสภาหลับอยู่ ราพณ์จะเข้าไปดูสิริโสภา แต่มานพยกมือห้าม ราพณ์ไม่เข้าใจว่ามีอะไร
“ไปคุยกันข้างนอก”
มานพเดินนำออกไป ราพณ์มองสิริโสภาอย่างรู้สึกห่วงแต่ก็เดินตามมานพออกไป
ราพณ์ตามมานพมามุมหนึ่งของโรงพยาบาล
“อาการสิเป็นยังไงบ้าง”
“ก็รอยแผลลึกถึงเส้นเลือด แต่ว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”
“เพราะฉันแท้ๆ สิถึงได้ทำบ้าๆ แบบนี้” ราพณ์คิดหนัก “ฉันต้องคุยกับสิให้เข้าใจ”
“แกไม่ควรเจอคุณสิอีก”
ราพณ์ชะงักหันมองมานพ
“คุยไปก็ไม่รู้เรื่อง”
“เขาไม่ควรทำร้ายตัวเอง”
“แกคิดว่าเขาจะยอมตายเหรอ เขาแค่เรียกร้องความสนใจจากแก”
“สิไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ราพณ์ ฉันไม่ได้บอกว่าคุณสิเป็นคนร้ายกาจหรอกนะ แต่เขาไม่อยากเสียแก เขาไม่อยากให้แกแต่งงาน คนเราเวลาเข้าตาจน ถ้าทำอะไรให้คนที่ตัวเองรักสนใจได้ แม้ความตายเขาก็ทำ รักมันทำให้คนตาบอด แกเข้าใจไหม”
ราพณ์อึ้ง
“ถ้าแกเดินเข้าไปหาเขาวันนี้ เขาจะรู้ว่ามันได้ผล คิดว่าแกมีเยื่อใย แล้วเขาก็จะทำแบบนี้ซ้ำ ๆ เพื่อดึงแกไว้ และเขาไม่สนด้วยนะว่าแกจะรักเขาหรือเปล่า เขาต้องการให้แกอยู่กับเขา ถ้าแกตามเกมเขาทีนี้ปัญหาของแกก็จะไม่จบแล้วถ้าคุณหญิงรู้ แกเสียคุณหญิงแน่”
ราพณ์อึ้ง
รถปฐวีเข้ามาจอดหน้าตึกวังประกาศเกียรติ รสิกาลงจากรถ ปฐวีตามลงมา
“อ้าย”
“พี่วี...อ้ายตัดสินใจไปแล้วเรื่องแต่งงาน อ้ายเต็มใจแต่งงานกับเขา”
“แต่พี่...”
“ขอบคุณนะคะที่พี่มาส่งอ้าย”
“อ้ายจะแต่งงานเมื่อไหร่”
“หลังจากที่แม่นมออกจากโรงพยาบาลค่ะ”
“อ้าย...พี่...พี่...”
รสิกามองปฐวีกลัวว่าเขาจะพูดความในใจออกมา เธอรีบตัดบท
“อ้ายเพลียมาก อ้ายขอตัวนะคะ”
ปฐวีพูดไม่ออก รสิกาเดินเข้าตึกไป ปฐวีได้แต่มองตามโมโหตัวเองที่พูดไม่ออก
รสิกาเข้าไปในตึก แหววรีบเข้ามาต้อนรับ
“คุณหญิงกลับดึกจังเลยค่ะ เมื่อกี้พี่เห็นรถคุณวี...”
“พี่วีมาส่งอ้ายน่ะจ๊ะ”
“คุณวีนี่ดี๊ดีนะคะ เป็นห่วงคุณหญิงมาก โทรมาถามข่าวคุณหญิงบ่อยๆ ว่าคุณหญิงเป็นยังไงบ้าง พี่ว่าเขาเป็นห่วงคุณหญิงน่ะค่ะ ดีผิดพ่อผิดน้องจริงๆ น่าจะเป็นพี่น้องกับคุณหญิงแท้ๆ นะคะ พี่ชายที่แสนดี”
“ถึงไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา แต่อ้ายก็รักพี่วีเหมือนพี่ชายแท้ๆ แล้วก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นตลอดไป ไม่อยากให้มันเปลี่ยนแปลง”
“ทำไมมันถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ล่ะคะ หรือว่าเป็นเพราะคุณประสิทธิ์”
รสิการู้สึกตัวว่าเผลอพูดความรู้สึกตัวเอง เธอเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วป้าๆ นอนกันหมดแล้วล่ะจ๊ะ”
“ค่ะ นั่งรอกันคอพับคออ่อน พี่กลัวจะป่วยตามคุณนมไปอีกคน พูดถึงคุณนม วันนี้โทรมายิก ๆ เลยค่ะ”
รสิกาแปลกใจ
“มีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ”
“ร่ำร้องจะกลับบ้านน่ะสิคะ คงอยากกลับมาดูแลคุณหญิงน่ะค่ะ คุณนมเป็นห่วงคุณหญิงจะแย่” แหววแอบล้อเลียน “คนดีของนม”
“พรุ่งนี้อ้ายจะเช็กกับทางโรงพยาบาลดูว่า จะพาแม่นมกลับมาได้เมื่อไหร่”
“ถ้าแม่นมกลับมา คุณหญิงก็จะแต่งงานเลยใช่ไหมคะ”
รสิกาอึ้งลืมข้อนี้ไปเลย
ราพณ์สับสน มานพยืนมองเข้าใจแต่ต้องตัดไฟแต่ต้นลม
“ฉันสงสารสิว่ะ เขาเคยดีกับฉันมาก”
“เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด แกเลือกละกัน ถ้าแกเข้าไปเรื่องไม่จบ”
“แล้วถ้าฉันไม่เข้าไป เรื่องจะจบใช่ไหม”
มานพส่ายหน้า
“ไม่”
“อ้าว...”
“แต่คุณสิจะรู้ว่าแกเด็ดขาด นานวันเขาก็จะหมดใจ รามือจากแกไปเอง”
ราพณ์คิดหนัก
“มันใจร้ายไปหรือเปล่าวะ”
มานพมอง
“ถ้าแกอยู่กับเขาเพราะความสงสาร แบบนั้นใจร้ายกว่า อยู่กับคนที่ไม่รักมันไม่มีความสุขหรอก ฉันไม่ห้ามแกนะ แกตัดสินใจเลย แต่เพื่อนเตือนเพื่อนแล้วนะ”
ราพณ์มองมานพอย่างคิดหนัก มานพมองรอว่าจะเอายังไง ราพณ์คิดตัดสินใจ
เช้าวันใหม่...สิริโสภาค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่น แค่ขยับก็เจ็บข้อมือ เธอค่อย ๆ มองไปรอบๆ เห็นมานพที่ยืนหันหลังให้
“ราพณ์ใช่ไหมคะ คุณมาหาสิแล้ว”
สิริโสภาจะขยับลุก มานพหันมา สิริโสภากระพริบตามองให้ชัดเห็นว่าเป็นมานพก็ผิดหวัง
“คุณนพ ราพณ์รู้ไหมคะว่าสิเข้าโรงพยาบาล”
“ทราบครับ แต่ราพณ์กำลังยุ่งกับการเตรียมงานแต่งงาน มาเยี่ยมคุณไม่ได้จริง ๆ”
สิริโสภาอึ้ง
“ทั้งที่สิเจ็บแบบนี้น่ะเหรอคะ”
“อย่าใช้วิธีแบบนี้เลยครับ มันไม่ได้ผลหรอก ราพณ์กำลังจะเริ่มต้นใหม่กับคนที่เขารัก คุณก็ควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่เหมือนกัน”
“สิรักคุณราพณ์ สิอยากอยู่กับคนที่สิรัก”
มานพถอนใจ จำเป็นต้องพูด
“ผมรู้ว่าคุณรู้อยู่แก่ใจว่าคุณไม่ควรหลอกตัวเอง เพราะมันจะไม่มีวันเป็นจริง”
สิริโสภาเจ็บ มานพตัดบท
“เรื่องค่ารักษาพยาบาล ผมจะจัดการเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้ ระหว่างที่คุณอยู่โรงพยาบาลถ้าอยากได้อะไรผมจะจัดการให้”
“คุณราพณ์ให้จัดการใช่ไหมคะ”
“เปล่า...เขาไม่ได้สั่งอะไรไว้ ที่ผมจัดการให้เพราะผมเห็นใจคุณ”
สิริโสภาอึ้ง
รามเดินเข้ามาในบ้าน ลินดานั่งรออยู่แล้ว
“ม๊าตื่นแต่เช้า”
“ม๊ารอแกทั้งคืน โทรศัพท์ก็ไม่เปิด หายไปไหนมา”
“รอผม...ห่วงหรือว่า...” รามรู้ทัน “รอการรายงานข่าวมื้อเย็นกับคุณหญิงรสิกา”
“ยัยคุณหญิงนั่นตัวจริงเป็นยังไง”
“ถ้าเป็นหยก...ก็ชั้นดีล่ะม๊า ท่าทางป๊าจะปลื้มมากด้วย”
ลินดาจิกกดดันทันที
“ก็แกมันโง่ ปล่อยให้ไอ้ราพณ์ได้ของดีไป ตอนนี้ป๊าแกทั้งรักทั้งหลงนังหม่อมวลี นี่ลูกสาวมันเข้ามาเป็นสะใภ้อีกคน สมบัติก็ต้องโดนแบ่งออกไปอีก จนแกไม่เหลืออะไร”
“แต่ผมเป็นลูกป๊า ผมก็ต้องมีสิทธิ์ในมรดกของป๊าเหมือนกัน”
“พวกมันรวมหัวกันบอกให้ป๊าแกไล่ม๊ากับแกออกมา ใส่ร้ายว่าม๊าฆ่าแม่มัน” โบตั๋นแสดงว่าเศร้าสุดชีวิต “มันทำให้ป๊าเกลียดม๊าเกลียดแก เพราะพวกมันจะฮุบสมบัติทั้งหมดไว้ ถ้าป๊าแกไม่อยู่ แม้แต่ที่ซุกหัวนอนเราก็จะไม่มี ม๊าทำเพื่อแก แต่แกไม่เข้าใจม๊า เข้าข้างคนอื่น” โบตั๋นร้องไห้
รามเชื่อ สงสาร
“ม๊า ผมขอโทษ ม๊าอย่าร้องไห้ ม๊าจะให้ผมทำยังไง ม๊าบอกผมสิม๊า”
ลินดาจับหน้ารามไว้
“ถ้ารามรักม๊า ต้องเชื่อม๊านะลูกนะ”
รามกอดลินดาอย่างยืนยัน พร้อมเชื่อฟัง ลินดายิ้มร้าย
รสิกาเข้ามาในห้องพักไข้ชะงักที่เห็นราพณ์ยืนรออยู่กับแม่นมที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว
“คุณมาได้ยังไง”
“ก็...ผมต้องมาเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้กับแม่นมของว่าที่ภรรยาผมนี่ครับ”
แม่นมมองรสิกา
“คุณหญิง...”
“นมจ๋า กลับไปบ้านก่อนนะ...”
“ค่ะ”
รสิกาจะหยิบของ แต่ราพณ์ชิงหยิบมาถือไว้เองยิ้มกับแม่นม
“กลับบ้านนะครับคุณนม”
แม่นมมองท่าทีอ่อนโยนของราพณ์ แต่ก็ยังไม่ได้ผ่อนความตึงเครียดเลย แม่นมมองราพณ์ที่มองรสิกาดูยิ้มๆ ปลื้ม ๆ แม่นมเก็บความสงสัยไว้
รสิกาประคองแม่นมเข้ามาที่หน้าตึกวังประกาศเกียรติ ราพณ์ถือของตามเข้ามา แหวววิ่งออกมาอย่างดีใจ คนรับใช้คนอื่นๆ ต่างตามกันมา
“คุณนมกลับมาแล้ว”
แหวววิ่งเข้ามาคุกเข่าข้างแม่นม
“แหววคิดถึงคุณนมที่สุดเลยค่ะ”
แม่นมหยิกแหวว
“ฉันไม่อยู่แค่ไม่กี่วัน กลับไปกระโดกกระเดกเหมือนเดิมอีกแล้วนะ พวกเธอก็เหมือนกัน วิ่งกรูกันออกมาอย่างกับคนไม่ได้รับการอบรม”
แหววและป้าคนอื่นๆ พากันจ๋อยหมด รสิกายิ้ม
“นมจ๋าอย่าเพิ่งเปิดคอร์สอบรมตอนนี้เลยนะคะ ไปพักผ่อนก่อนนะ เชื่ออ้ายนะคะ คนดีของอ้าย”
แม่นมยิ้ม
“ค่ะ นมจะคาดโทษแม่พวกนี้ไว้ก่อน”
“พี่แหววพาแม่นมไปพักนะจ๊ะ”
แหววพาแม่นมไป คนรับใช้คนอื่นๆ เดินตามไป รสิกายิ้มพอหันมาเจอราพณ์ที่ยิ้มกริ่มก็ชะงัก
“ขอบคุณนะคะสำหรับทุกอย่าง”
“เป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อว่าที่ภรรยาอยู่แล้วครับ”
รสิกาหน้าตึงพูดไม่ออก
“คุณหญิงเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ เพราะถึงเวลาที่ผมต้องมารับตัวเจ้าสาวแล้ว”
รสิกาอึ้ง
“ผมหวังว่าคุณหญิงจะไม่ทำลายเกียรติของคุณหญิงด้วยการผิดคำพูด”
“ฉันจะรอค่ะ”
ราพณ์มองพอใจรู้ว่ารสิกาจะไม่ยอมผิดคำพูดแน่นอน
แหววประคองแม่นมขึ้นนั่งบนเตียง
“ดีจังเลยค่ะ ที่คุณนมกลับมา เขาจะได้เริ่มงานมงคลกัน”
แม่นมงง
“งานอะไร”
“งานแต่งของคุณหญิงกับคุณราพณ์ไงคะ”
แม่นมตกใจคิดต่อทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น แหววยังพูดต่อไม่ได้สังเกต
“แหววง๊ง...งงนะคะว่าเขาไปรักกันตอนไหน เห็นคุณหญิงเกลียดคนบ้านเจ้าสัวจะแย่ วันที่คุณราพณ์มาขอ เขาตกลงกันว่าคุณนมกลับมาเมื่อไหร่จะยกขันหมากมาเลยค่ะ”
“เขาตกลงกันว่าอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ...”
แหววจะเม้าท์ต่อ แต่รสิกาก้าวเข้ามาในห้องเสียก่อน
“พี่แหววคะ ช่วยเตรียมอาหารอ่อน ๆ ให้แม่นมทีสิคะ อ้ายว่าแม่นมคงยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่กลางวัน”
“ได้ค่ะ”
“พักผ่อนมาก ๆ นะคะ”
แม่นมมองรสิกาด้วยสายตาที่เจ็บปวดเสียใจ
“เป็นเพราะนมใช่ไหมคะ คุณหญิงถึงต้อง...”
รสิกายิ้มกลบเกลื่อน
“ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ คุณราพณ์ก็ดูเป็นคนดี อ้ายเหนื่อย ๆ อยากมีคนดูแลน่ะค่ะ”
“นมเลี้ยงคุณหญิงมากับมือ อย่าโกหกนมเลยนะคะ” แม่นมจับมือรสิกาด้วยความรักความเข้าใจ
รสิกาเข้ากอดแม่นมแทนคำตอบ
“ไปยกเลิกเถอะค่ะ นมยอมตาย”
“นมจะตายไม่ได้นะ อ้ายอยากให้นมอยู่ อยู่เพื่ออ้ายนะ สักวันอ้ายจะต้องได้อิสระของอ้ายคืน”
“คุณหญิง” แม่นมเสียใจร้องไห้
แหววที่ยืนอยู่หน้าห้องชะงักอึ้ง รสิกาเห็นว่าแหววยืนอยู่ก็เรียก
“พี่แหวว”
แหววสะดุ้งเดินกลับเข้ามา
“คือ พี่จะมาถามว่าคุณนมจะทานโจ๊กหรือซุปน่ะค่ะ”
“อ้ายขอนะคะ อย่าพูดเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด”
“คุณหญิงบอกหม่อมท่านสิคะ หม่อมต้องไม่ยอมแน่”
“อ้ายจะพึ่งท่านแม่ไปตลอดคงไม่ได้ แค่รู้ว่าหม่อมแม่ไม่รู้เห็นกับเรื่องนี้ เท่านี้อ้ายก็พอใจ หม่อมแม่เป็นคนกลางถ้าผิดใจกับทางโน้นคงจะลำบากใจ อ้ายไม่อยากให้หม่อมแม่ต้องทุกข์ใจเพราะอ้าย”
แม่นมกับแหววมองสงสารรสิกา
ค่ำนั้น พระลบนอนหลับอยู่บนเตียง ราพณ์นั่งอยู่ข้างๆ เจ้าสัวเรียวเข้ามาคุยด้วย
“ป๊าครับ ผมพร้อมจะไปรับตัวเจ้าสาวแล้วนะครับ”
“รีบขนาดนี้ ตัวแปรเยอะใช่ไหม คุณหญิงพร้อมทุกอย่างทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ ป๊าก็ไม่แปลกใจนะ รีบหน่อยก็ดี ป๊าจะแจ้งคุณวลี แกก็เตรียมทุกอย่างให้สมเกียรติ”
“ผมคุยกับกู๋พงษ์ให้ช่วยเตรียมงานไว้แล้วครับ”
“ป๊าดีใจนะที่ลื้อจะมีครอบครัวสักที”
เจ้าสัวเรียวออกไป ราพณ์หันไปมองพระลบแล้วเข้าไปกอด
“ป๊าจะพาหม่าม๊ามาหาพระลบนะลูก”
ราพณ์กอดพระลบ อย่างมีความสุขมาก
ในห้องหนังสือวังประกาศเกียรติ...รสิกานั่งร้องไห้ต่อหน้าภาพของท่านชายชัยประกาศ
“ท่านพ่อเข้าใจอ้ายนะคะ อ้ายเสียใจที่ต้องแต่งงานกับคนบ้านนั้น ท่านพ่อคงผิดหวังที่อ้ายทำแบบนี้ แต่อ้ายจำเป็น อภัยให้อ้ายนะคะท่านพ่อ”
รสิการ้องไห้ด้วยความรู้สึกผิด แม่นมกับแหววแอบมองด้วยความสงสาร
วันใหม่...ปฐวีเข้ามาในค่ายมวยพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าอุปกรณ์ เขาเห็นรุ้งรายในชุดซ้อมมวยกำลังต่อยกระสอบทรายเบาๆ รุ้งรายเห็นปฐวีก็เมินไม่สนเหมือนเขาเป็นอากาศ ปฐวีมองแล้วอยากกวนประสาทเข้าไปทัก
“สวัสดีครับคุณรุ้งราย เซอร์ไพร์สจริงๆ ที่เห็นคุณที่นี่ เรียนมวยลดความอ้วนเหรอครับ”
รุ้งรายรู้ว่าโดนกวนประสาทแต่ยิ้ม
“ค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอคุณปฐวีที่นี่เหมือนกัน อย่างบ้านคุณไม่น่าจะชอบเล่นกีฬาซื่อๆ แบบนี้นะคะ มันโกงยากผิด
นิสัยพวกคุณ”
ปฐวีสะอึกแต่ไม่ยอมแพ้
“ผมทราบว่าลูกเจ้าสัวทุกคนถูกฝึกมาอย่างดีเรื่องใช้คารมกับใช้เงินซื้อทุกอย่างแม้กระทั่งความเป็นคน พี่ชายคุณไม่แฟร์ที่ใช้วิธีนี้กับอ้าย”
รุ้งรายมองท่าทีปฐวีที่ดูเดือดร้อนมาก
“ทำไมคุณไม่คิดอีกมุมล่ะ ว่าคนบ้านฉันมีฝีมือที่ทำให้คุณหญิงรสิกาที่หยิ่งทระนงยอมแต่งงานด้วยได้...ฉันเดาว่าคนบางคนอาจจะพยายามมาชั่วชีวิตแต่ก็คุณหญิงก็ไม่แม้แต่จะมอง”
ปฐวีหน้าตึงหันขวับมอง รุ้งรายมองแน่ใจว่าปฐวีให้ความสำคัญกับรสิกามาก
“นี่ฉันพูดโดนใจคุณใช่ไหม”
“ผมขอตัว”
ปฐวีจะเดินไปที่กระสอบทรายอีกใบ รุ้งรายเดินตามไปขวาง รุ้งรายรุกจะบี้เอาคำตอบให้ได้
“คุณยังไม่ตอบคำถามฉัน”
ปฐวีไม่ตอบเดินไปชก ๆ กระสอบทราย ตั๊บ ๆ รุ้งรายยืนมองปฐวีอย่างจับอาการว่าใช่แน่ๆ เธอต่อยไปมองเขาไป
สามี ตอนที่ 4 (ต่อ)
ห้องทำงานราพณ์-บริษัท LK...ราพณ์กำลังเช็กเอกสารหน้าเครียด รุ้งรายกลับมาจากต่อยมวย เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเข้ามา
“อ่านตัวงบบริษัทเฮียชาญหรือยังเฮีย”
“ดูแล้ว...เฮียคงต้องพาสถาปนิกเข้าไปดู โครงการนี้มันต่อขยายกับหมู่บ้านโครงการหลักของเรา เฮียไม่อยากให้มีปัญหา”
“ก็ดีนะเฮีย นี่ถ้าไม่ติดว่าเจ้รองหลงผัวนะ จะเล่นงานให้หนักเลย”
“ก็ตามสมควร จะทำอะไรก็นึกถึงเจ้รองด้วย”
“เฮีย...นายประสิทธิ์ พ่อของปฐวีไม่ได้เป็นสายเลือดของประกาศเกียรติใช่ไหม”
“ลูกบุญธรรมจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย”
รุ้งรายวิเคราะห์
“สวย ๆ อย่างคุณหญิง สายเลือดไม่เกี่ยวข้อง รุ้งว่านายปฐวีไม่ได้คิดอยากให้คุณหญิงเป็นน้องแน่”
“เฮียก็คิดว่าอย่างนั้น”
“แล้วคุณหญิงล่ะเฮีย”
“ดูไม่ออก แต่คุณหญิงดูจะยอมฟังปฐวีมากกว่าใครนะ”
“อืม...อันตรายแหะ เฮียไม่ควรปล่อยให้ใครมาคว้าคุณหญิงไปนะ กว่าจะทำให้ยอมแต่งเหนื่อยแทบตาย”
“สองคนนั้นเขารู้จักกันมานาน ถ้าจะมีอะไรก็คงมีนานแล้ว ที่เฮียกังวลคือวศินมากกว่า เพราะคุณหญิงเคยยอมให้หมอนั่นเป็นแฟน”
“กลัวมีเยื่อใยล่ะสิ แต่รุ้งก็ไปประกาศตัวเป็นแฟนใหม่ พูดแหย่ตั้งหลายครั้ง คุณหญิงก็ดูเฉยๆ จนรุ้งสงสัยว่าเขารักกันบ้างหรือเปล่า”
“คบกันหลายปี ไม่ผูกพันก็คงแปลก”
“ถ้าระแวงขนาดนั้น ลองทดสอบไหมล่ะ จะแต่งอยู่วันสองวันนี่แล้ว จะได้สบายใจ”
ราพณ์มองรุ้งรายที่ยิ้มว่ามีวิธี ราพณ์มองอย่างสนใจ
ค่ำนั้น...ราพณ์พารสิกาเข้ามาในร้านอาหาร
“ที่จริงถ้าคุณจะมีข้อแม้อะไรเพิ่ม คุยทางโทรศัพท์ก็ได้ ไม่เห็นต้องนัด มาที่นี่”
“เราจะเป็นสามีภรรยากันแล้ว ทำความคุ้นเคยด้วยการไปทานข้าว ดูหนังเหมือนคู่รักทั่วๆ ไปจะได้เคยชินกันไว ๆ ไงครับ”
“แต่เราไม่ใช่คู่รัก ฉันไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้น แล้วฉันก็ไม่อยากเคยชินกับคุณ เพราะเราไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรัก”
ราพณ์อึ้งที่โดนปฏิเสธตลอดเวลาแต่ยังทำนิ่ง
“คุณหญิงยังหวังว่าวศิน จะกลับมาหาคุณหญิงใช่ไหมครับ”
รสิกามองราพณ์อย่างไม่พอใจ
“ฉันจะหวังหรือไม่หวัง มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉันไม่ใช่เหรอคะ”
ราพณ์สะเทือนใจ ขณะเดียวกันนั้นเสียงรุ้งรายดังขึ้น
“เฮีย”
รุ้งรายเข้ามาพร้อมกับวศิน รสิกากับวศินอึ้งที่เจอกัน
“โชคดีเลยที่เจอเฮีย รุ้งจะได้มีเจ้ามือ...” รุ้งรายยิ้ม “สวัสดีค่ะคุณหญิง”
“สวัสดีค่ะ”
“นั่งสิคะศิน”
ราพณ์ขยับมานั่งข้างรสิกา รุ้งรายดึงให้วศินลงนั่งตรงข้ามรสิกา
“ดีเหมือนกันนะครับ ทานด้วยกันหลายๆ คนอบอุ่นดี” ราพณ์หยิบเมนูมาให้รสิกา แล้ววางมือขวาลงบนมือซ้ายของเธออย่างแสดงความเป็นเจ้าของ “ทานอะไรดีครับ”
รสิกาหันมองราพณ์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ราพณ์ยิ้มเป็นเชิงว่าร่วมมือกันหน่อย รสิกาเปลี่ยนจากขึงตาเป็นยิ้มอย่างให้ความร่วมมือ เธอตัดสินใจวางมือขวาของตัวเองทับบนมือราพณ์อีกที
“คุณสั่งให้อ้ายเถอะค่ะ อ้ายทานได้หมด”
วศินมองมือของรสิกาที่วางบนมือราพณ์อย่างไม่พอใจ รสิกาไม่เคยทำแบบนี้กับเขาเลย
“จับมือถือแขนในที่สาธารณะมันไม่งามไม่ใช่เหรอครับอ้าย ผมให้เกียรติไม่เคยทำกับคุณเลย” วศินต่อว่า
ราพณ์กับรุ้งรายมองรสิกาว่าจะทำยังไง แต่รสิกาจับมือราพณ์กระชับ
“สำหรับคนที่จะแต่งงานกัน มันเป็นเรื่องธรรมดา จริงไหมคะราพณ์”
“ครับ...คุณหญิงน่ารักมาก” ราพณ์ยกมือรสิกามาจูบเบาๆ
รสิกาตะลึงนิด ๆ แต่ยั้งสติไม่ให้ดึงมือออก ยิ้มแต่แอบขึงตาใส่สุดชีวิต รุ้งรายมองแล้วแอบยิ้ม วศินมองอย่างไม่พอใจ
“ทานปลาไหมครับ ที่นี่อร่อย” ราพณ์ถามเอาใจ
วศินแทรกเลย
“ไม่ดีมั้งครับ อ้ายไม่ชอบทานปลา คุณเคยบอกว่ามันคาว เป็นทอดมัน กุ้งของชอบอ้ายดีกว่านะครับ”
รสิกามองหน้าวศินที่จงใจโชว์ความสนิท
“อ้ายไม่ได้ชอบทอดมันกุ้งแล้วค่ะ” รสิกายิ้มกับราพณ์ “ทานปลาก็ได้ค่ะ อ้ายตามใจคุณ”
ราพณ์ยิ้ม
“งั้นเป็นปลาทอดนะครับจะได้ไม่คาว”
รสิกายิ้มรับ
“ค่ะ”
มือวศินบีบเมนูแน่น รุ้งรายสบตากับราพณ์ยิ้มๆ รสิกาดูไม่ได้รู้สึกรู้สากับวศินเลย
หลังจากทานอาหารเสร็จ ราพณ์กับรสิกาออกมาหน้าร้าน รุ้งรายกับวศินเดินตามมา หน้าตาวศินเครียดมาก รุ้งรายส่งกุญแจให้วศิน
“เธอไปรอฉันที่รถ”
รสิกามองวศินที่ดูเหมือนเป็นลูกน้องของรุ้งรายด้วยสายตาสมเพช ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นคนแบบนี้
วศินเห็นสายตารสิกา ก็กำกุญแจแน่นแล้วเดินไป ราพณ์เปิดรถให้รสิกา
“คุณหญิงครับ ผม...”
“คุณคงมีเรื่องคุยกับคุณรุ้ง ตามสบายค่ะ”
ราพณ์ปิดประตูให้รสิกา แล้วเดินไปหารุ้งรายที่รออยู่ รุ้งรายยิ้ม
“โอเคไหมเฮีย โล่งเลยใช่ไหม”
“อืม...ขอบใจมากนะรุ้ง แต่เฮียเป็นห่วงว่านายวศินจะงี่เง่ากับรุ้งนะ ถ้ายังโดนบีบอยู่แบบนี้”
“ก็ออกฤทธิ์แล้วล่ะแต่รุ้งเอาอยู่ รอให้เฮียกับคุณหญิงแต่งงานกันเรียบร้อยก่อน สักพักรุ้งจะเขี่ยเขาออกจากชีวิตของพวกเรา”
“อย่าประมาทนะรุ้ง”
รุ้งรายยิ้ม
“รุ้งไปก่อนนะเฮีย ภารกิจเสร็จก็ง่วงเลย”
รุ้งรายแยกไป ราพณ์มองตามแล้วหันมองรสิกาที่นั่งอยู่ ราพณ์ยิ้มแล้วเดินไปขึ้นรถมานั่งบนรถ รสิกาหันมอง
“คุณยิ้มอะไรนักหนาเนี่ย”
“คนกำลังจะแต่งงานก็อารมณ์ดีเป็นธรรมดานี่ครับ คืนนี้...” ราพณ์มองกรุ้มกริ่ม “คุณน่ารักมากรู้ไหม”
“เรื่องอะไร”
ราพณ์ยิ้มไม่ตอบ รสิกาทำหน้าไม่ถูก เปลี่ยนเรื่องเลย
“ฉันง่วง พาฉันกลับบ้านซะทีสิ”
“ครับผม”
ราพณ์กดเปิดวิทยุ เพลงรักเบาๆ แล้วออกรถสีหน้ามีความสุขมาก รสิกามองราพณ์แปลกใจนิด ๆ ว่าอารมณ์ดีอะไรนักหนา
รถราพณ์เข้ามาจอด หน้าตึกวังประกาศเกียรติ รสิกาลงจากรถ ราพณ์ตามลงมา
“คุณมีอะไรอีก”
“ผมแค่อยากราตรีสวัสดิ์ ว่าที่ภรรยาก่อนคืนวันแต่งงานของเรา”
“คุณไม่ควรใช้คำว่าภรรยามั้งคะ ใช้คำว่าลูกหนี้คงจะเหมาะกว่า”
“คำพูดบางคำถ้ารู้ว่าพูดแล้วมันเจ็บ จะพูดมันไปทำไมครับ หรือคุณหญิงชอบความเจ็บปวด”
“ฉันพูดเพราะมันคือความจริงที่ฉันต้องตอกย้ำ ให้ตัวเองรู้ว่าฉันกำลังต้องแต่งงานกับ ลูกของศัตรู”
“ผมไม่รู้คุณหญิงกับป๊ามีเรื่องอะไรกัน แต่พรุ่งนี้ป๊าของผมเปลี่ยนสถานะจากศัตรูเป็นพ่อสามีของคุณหญิง คุณหญิงควรจะให้เกียรติป๊าผมไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง”
“เงินของคุณบังคับร่างกายของฉันได้แต่บังคับหัวใจฉันไม่ได้” เธอมองด้วยสายตากร้าว “ไม่มีวัน”
รสิกาเดินเข้าไปในตึก ราพณ์มองตามสะเทือนใจกับท่าทีของรสิกา
รสิกาเข้ามาในห้องหนังสือ ยืนมองภาพของท่านชายชัยประกาศ เธอปล่อยให้น้ำตาแห่งความอดสูไหลรินลงมา เจ็บปวดและเจ็บใจที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับเงินของศัตรู
วันใหม่...แหววถือถาดอาหารลงมาด้านล่าง แม่นมยืนรออยู่
“คุณหนูยอมทานไหม”
“ไม่แตะเลยค่ะคุณนม ไม่ยอมออกมา แหววถามก็ไม่ตอบ แหววเป็นห่วงจังเลยค่ะ”
รัตนาวลีเดินเข้ามา แหววไหว้
“สวัสดีค่ะ หม่อม”
“นมจ๊ะ ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม”
“ทำความสะอาดหน้าตึกกับห้องรับแขกเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“งั้นนมก็ไปพักเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเรื่องแต่งตัวคืนนี้ให้แหววจัดการนะ” รัตนาวลีสีหน้ายิ้มแย้ม
แหววกระซิบเบาๆ กับแม่นม
“ถ้าหม่อมรู้ความจริงคงยิ้มไม่ออก”
แม่นมหยิกแหวว
“อย่าพูดมาก”
แหววลูบแขนที่โดนหยิกด้วยความเจ็บ แม่นมมองไปด้านบนทางห้องรสิกาอย่างเป็นห่วง
ราพณ์ยืนมองรุ้งรายที่ตรวจสอบข้าวของที่เตรียมเป็นสินสอดในคืนนี้
“ครบไหมรุ้ง”
“ก็เหลือเอาเครื่องเพชร เครื่องทอง ลงกล่องก็เรียบร้อยแล้วเฮีย”
“คืนนี้คงเหนื่อยหน่อยนะ”
ระรินยิ้มแย้ม
“เพื่อเฮียกับพี่สะใภ้ที่น่ารัก ไม่เหนื่อยหรอกเนอะเจ้”
“เห่อพี่สะใภ้เหลือเกินนะ” รุ้งรายเย้าแหย่
“my idol นี่นา ต้องขอบคุณเฮียราพณ์ที่หาพี่สะใภ้ได้ถูกใจน้อง”
รุ้งรายกับระรินยังคงช่วยกันจัดเตรียมของ ราพณ์ยิ้ม เสียงมือถือราพณ์ดัง เขารับโทรศัพท์ขยับห่างออกมา
“ว่าไงนพ...สิหายไปจากโรงพยาบาล” ราพณ์ตกใจ
มานพเดินคุยโทรศัพท์ออกมาจากทาวน์เฮ้าส์สิริโสภาหน้าเครียด
“ตอนเช้าฉันกลับไปที่โรงพยาบาลก็ไม่เจอแล้ว ที่บ้านก็ไม่มี ฉันกลัวใจคุณสิจริง ๆ ถ้าคืนนี้เขามาพังงานรับตัวเจ้าสาวของแก”
ราพณ์ฟังแล้วก็กังวล แต่พยายามคิดในทางที่ดี
“แกคิดมากไปหรือเปล่าวะ”
“คนเสียของรักทำได้ทุกอย่างเพื่อเอาของๆเขาคืน”
ราพณ์คิดหนัก
ค่ำนั้น...รสิกาแต่งด้วยชุดกระโปรงสวยสีชมพู ยังไม่ได้ทำผมเต็มที่ ยืนอยู่หน้ากระจกมองตัวเองสีหน้าเศร้า แม่นมเข้ามาข้างๆจับมือรสิกาวางบนอกตัวเองรู้สึกผิด
“คุณหญิง”
รสิกาฝืนยิ้ม
“วันนี้วันดีนะคะนม อย่าชักใบให้เรือเสียสิจ๊ะ นมต้องยิ้มให้อ้ายนะคะคนดีของอ้าย”
แม่นมฝืนยิ้ม เสียงนาฬิกาเตือนว่าเป็นเวลา 01.55 น.รัตนาวลีเปิดประตูเข้ามา
“อ้าย...ใกล้เวลาแล้วลูก”
รสิกาฝืนยิ้ม
“ค่ะ”
แม่นมเห็นแล้วรู้สึกเศร้ามาก
แหวว ป้านวล ป้านาง กับบรรดาคนรับใช้ ที่แต่งตัวดีรับวันมงคลมายืนออรออยู่ที่หน้าตึก ถนนจากทางเข้าหน้าวังขบวนขันหมากแบบจีนเต็มยศ ค่อย ๆ เข้ามาที่หน้าตึก มีเจ้าสัวเรียว อากู๋พงษ์ ราพณ์ในชุดสูทหล่อ รุ้งราย ระริน รังรอง ราม ธีรพัฒน์ช่วยถือสินสอดทองหมั้นเข้ามาที่หน้าตึก
ในห้องนอน...รสิกาแต่งตัวเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วหันมา รัตนาวลีมองลูกสาวเต็มตัว แม่นมยิ้มภูมิใจ
“คนดีของนมสวยมากค่ะ”
รัตนาวลี เข้ามาลูบที่หัวเบาๆ ด้วยความรัก
“แม่รักอ้ายนะลูก”
“หม่อมแม่...”
รสิกาน้ำตาคลอโผเข้ากอด รัตนาวลีกอดตอบ สองคนกอดกันแนบแน่น
“อย่าร้องสิจ๊ะ เดี๋ยวหน้าเลอะนะลูก”
รัตนาวลีผละจากรสิกาแล้วยื่นมือให้ รสิกามองแล้ววางมือบนมือแม่ รัตนาวลียิ้มแล้วจูงมือรสิกาพาลงข้างล่าง
ราพณ์กับ เจ้าสัวเรียว เดินเข้ามาด้านใน กลุ่มของแหววตามเข้ามาด้วย รัตนาวลีพารสิกาลงมา ทุกคนมองรสิกาอย่างตกตะลึงในความสวยของเธอ ราพณ์มองอย่างพึงใจ
กล่องสินสอด เครื่องทอง เครื่องเพชรจัดแน่น เงินสดถูกวางต่อหน้ารัตนาวลีและรสิกา ธีรพัฒน์คอยถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศให้ตลอด กู๋พงษ์เอ่ยขึ้น
“สินสอดเหล่านี้ทางเจ้าบ่าวขอมอบให้เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าสาว เพื่อตอบแทนให้แก่พ่อแม่ของเจ้าสาวที่เลี้ยงดูเจ้าสาวมาอย่างดี ถ้าทางเจ้าสาวยินดีรับสินสอดนี้ไว้ ทั้งคู่ก็จะเป็นสามีภรรยาที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่ายอย่างถูกต้องตามประเพณี”
ทุกคนมองที่รัตนาวลี
“ดิฉันยินดีที่จะรับสินสอดนี้ไว้ และขอมอบสินสอดทั้งหมดนี้ให้กับคู่บ่าวสาวเพื่อจะได้ใช้เป็นทุนรอนในการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวของทั้งคู่”
ราพณ์กับรสิการับไว้และไหว้ขอบคุณรัตนาวลี และส่งให้แหววรับไว้ ราพณ์ยื่นมือไปตรงหน้ารสิกา เธอวางมือบนมือของเขา ราพณ์กระชับมือรสิกาด้วยความเป็นเจ้าของทุกคนชื่นมื่น ยกเว้นรสิกา แม่นม แหวว
สิริโสภาในสภาพค่อนข้างโทรม เข้ามาด้อม ๆมอง ๆ แถวประตูรั้วคฤหาสน์เจ้าสัวเรียวตั้งใจจะมาพบราพณ์แต่ชะงักที่เห็นประตูถูกประดับด้วยช่อผ้าสีแดง แสดงถึงการมีงานมงคล สิริโสภามองอึ้งๆ
“มันต้องไม่ใช่...ไม่ใช่...”
กลุ่มขบวนคนรับใช้ เง็ก กิม และคนอื่นๆ พากันออกมารอที่หน้าบ้านอย่างตื่นเต้น รถขบวนที่ไปรับตัวเจ้าสาววิ่งเข้ามาที่หน้าประตูรั้ว สิริโสภาเห็นราพณ์กับรสิกานั่งอยู่ในรถเปิดประทุนที่ถูกประดับช่อผ้าสีชมพูว่าเป็นรถคู่บ่าวสาว
สิริโสภาตะลึงที่เห็นหน้ารสิกาที่เป็นคนที่ขับรถชนเธอ รถของราพณ์วิ่งเข้าไป แต่ขบวนยังไม่ทันหมด เง็กบอกกับคนอื่นๆ
“ฉันจะไปดูเจ้าสาว”
“ฉันไปด้วย”
บรรดาคนรับใช้บ้านเจ้าสัวรีบวิ่งเข้าไปในบ้านไม่สนใจประตู สิริโสภาสายตากร้าว ตัดสินใจเดินเข้าไปในคฤหาสน์เจ้าสัวเรียว
หน้าตึกคฤหาสน์เจ้าสัวเรียว มีรปภ.ยืนประจำที่อยู่เป็นจุด ๆ รถแต่ละคันมาจอดที่หน้าตึก ทุกคนลงมาจากรถ ราพณ์ลงจากรถแล้วยื่นมือให้รสิกาวางมือ รสิกาไม่สนใจจะลงจากรถ
“คุณหญิง ไม่ใช่เวลาออกฤทธิ์นะครับ” ราพณ์พูดเสียงเน้นนิดๆ
รสิกาชะงักมองหน้าราพณ์
“ทุกคนมองเราอยู่”
รสิกาขัดใจเห็นทุกสายตามองมา ก็ต้องยอมวางมือบนมือของราพณ์ สิริโสภายืนอยู่ตรงมุมพุ่มไม้คับแค้นใจมาก ราพณ์เห็นสิริโสภาที่ยืนอยู่ สิริโสภามองเห็นว่าเขากำลังมองมา เธอจึงมองเขาสายตาอ้อนวอนมาก
“ราพณ์...”
ราพณ์อึ้งไปนิดที่สิริโสภามาจริงๆ อย่างที่มานพบอก เจ้าสัวเรียว รัตนาวลี กู๋พงษ์ลงมาจากรถก็ตรงมาหาคู่บ่าวสาว
“คู่บ่าวสาวไปเปลี่ยนชุดเพื่อมาทำพิธีรับสะใภ้เข้าบ้าน” กู๋พงษ์เข้ามาบอก
“ไปครับคุณหญิง”
ราพณ์ละความสนใจจากสิริโสภาแล้วจูงมือรสิกาเข้าไปในบ้าน ทุกคนพากันตามเข้าไปจนหมด สิริโสภามองแค้นมาก
“เมียคุณคือสิ คนเดียว”
สิริโสภาตัดสินใจจะเข้าไปเพื่อประกาศความเป็นเมียของตัวเอง ทันทีที่ออกเดินไปแค่ไม่กี่ก้าวจู่ ๆ ก็มีรปภ. 3 คนกรูกันออกมาเข้าขวาง สิริโสภาชะงัก
“ข้างในกำลังมีงาน เชิญด้านนอกครับ”
“ฉันจะพบคุณราพณ์ ถอยไป”
รปภ.ยังยืนขวางนิ่ง สิริโสภาคิดจะวิ่งฝ่าเข้าไป แต่รปภ.เข้าจับตัว
“ปล่อยฉันนะ...ปล่อย ราพณ์คะ...ราพณ์”
ทุกคนที่เข้ามาด้านใน ชะงักที่ได้ยินเสียงจากด้านนอก เจ้าสัวเรียวหันมาถาม
“เสียงใครโวยวายอยู่ด้านนอก เง็กไปดูสิ”
ราพณ์รีบขัด
“ไม่ต้องหรอกเง็ก หมู่นี้มีพวกแว๊นซ์มาก่อกวนแถวหน้าบ้าน” ราพณ์ตะโกนเรียก “รปภ.”
รปภ.ที่ยืนด้านหน้ารีบวิ่งเข้ามา
“ไปจัดการให้เรียบร้อย อย่าให้ใครมาก่อกวน”
รปภ.รับคำสั่งแล้วรีบออกไป
“ไปเปลี่ยนชุดนะครับคุณหญิง”
ราพณ์ส่งมือรสิกาให้รัตนาวลีพารสิกาไป ราพณ์สีหน้าหนักใจ
รปภ.เอามือปิดปากไว้ สิริโสภาดิ้นรนสุดชีวิต ทันใดนั้นรถของมานพวิ่งเข้ามาจอดเอี๊ยด รปภ.ช่วยกันลากตัวสิริโสภาขึ้นรถ แล้วปิดประตู ปัง มานพออกรถไปทันที ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ
ราพณ์เปลี่ยนชุดเจ้าบ่าวแบบจีนเรียบร้อยแล้วเดินออกมาที่หน้าที่วางป้ายบรรพบุรุษ อากู๋พงษ์เอ่ยขึ้น
“เจ้าสาวมาแล้ว”
ราพณ์หันไปชะงักที่เห็นรัตนาวลีพารสิกาในชุดกี่เพ้าสีแดง ทัดดอกโบตั๋นสีแดงดอกใหญ่ ราพณ์ยืนตะลึงในความสวยของรสิกา รุ้งรายที่ยืนข้างๆเห็นพี่ชายอดไม่ได้
“เฮีย เก็บอาการหน่อย”
ราพณ์หันมองรุ้งรายยังไม่รู้ตัว รุ้งรายต้องใช้มือดันคางราพณ์เบาๆ ให้ปิดปาก ทุกคนมองราพณ์แล้วอมยิ้ม
“หมดกันเลยเฮีย” ระรินแซว
รัตนาวลีพารสิกามาตรงหน้าราพณ์ เจ้าสัวเรียวยิ้มแย้ม
“เจ้าสาวสวยขนาดนี้ ไม่ต้องฟอร์มแล้วใช่ไหมราพณ์”
“ครับ...คุณหญิงสวยมาก”
ทุกคนแอบมีเสียงฮิ้วนิด ๆ ไม่ได้เสียงดังแค่แซวเบาๆ พวกคนรับใช้อื่นๆ พากันหัวเราะคิกคัก กู๋พงษ์เริ่มพิธี
“คู่บ่าวสาวมาไหว้บรรพบุรุษ”
รสิกากับราพณ์เดินไปคุกเข่าที่หน้าป้ายบรรพบุรุษที่มีโต๊ะจัดเครื่องเซ่นไหว้ชุดใหญ่ กู๋พงษ์ส่งธูปที่จุดแล้วให้บ่าวสาวคนละหนึ่งดอก ราพณ์กับรสิการับมา
“อาเหล่ากง อาเหล่าม่า วันนี้อั๊วแต่งงานและพาหลานสะใภ้เข้ามาในบ้าน อั๊วขอให้อาเหล่ากง อาเหล่าม่า โปรดรับหลานสะใภ้คนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และขอให้ทุกท่านช่วยปกป้องดูแลหลานสะใภ้ให้อยู่เย็นเป็นสุขนะครับ” ราพณ์หันมองรสิกาแล้วกระซิบ “ฝากเนื้อฝากตัวกับผู้ใหญ่ของผมสิครับ”
รสิกามองป้ายบรรพบุรุษแล้วหันมาหาราพณ์
“ฉันไม่ชอบโกหกคนตาย...”
รสิกาส่งธูปให้กับกู๋พงษ์ ราพณ์สะเทือนใจแต่ก็ยังฝืนยิ้มแล้วส่งธูปให้กับกู๋พงษ์
รสิกากับราพณ์ไหว้เจ้าที่
“เจ้าที่โปรดเป็นพยานในการแต่งงานครั้งนี้ และขอให้ปกป้องภรรยาของผมด้วยนะครับ”
ราพณ์หันมองรสิกาไม่สนใจส่งธูปให้กู๋พงษ์ ราพณ์ไม่ว่าอะไรอดทน ราพณ์ลุกขึ้นยืน รสิกาจะลุกแต่เสียหลักเซนิด ๆ ราพณ์เข้าประคอง รสิกาจะขืน
“ต่อหน้าผู้ใหญ่ อย่าดื้อนะครับ”
รสิกาเห็นทุกคนมองก็ยอมให้เขาประคอง ราพณ์มองรสิกาอย่างมีความสุขมากที่ได้แต่งงานกับเธอ
มานพขับรถด้วยความเร็ว สิริโสภาหันมาเอาเรื่อง
“จอดรถนะคุณนพ สิบอกให้จอด”
มานพยังนิ่งไม่ยอมทำตาม ไม่ตอบ ไม่หันมา
“สิจะทวงสิทธิ์ของสิ จอดรถ”
มานพขับรถไม่ยอมจอด สิริโสภาระงับอารมณ์ไม่อยู่เข้าคว้าพวงมาลัย
“จอดรถเดี๋ยวนี้”
“คุณสิ มันอันตราย”
“จอด”
มานพคุมรถไม่อยู่ตัดสินใจเหยียบเบรกอย่างแรง สิริโสภาที่ไม่ทันตั้งตัวหัวกระแทกกับคอนโซล
“คุณสิ เป็นยังไงบ้าง” มานพตกใจ
สิริโสภาไม่สนใจรีบเปิดประตูลงจากรถ มานพลงมาขวางไว้
“คุณกลับไปไม่ได้”
“ต้องได้ สิจะไปทวงสามีของสิคืน”
“คุณจะเอาสิทธิ์อะไรไปทวง คุณมีอะไรยืนยันว่าเป็นเมียของราพณ์”
“แต่ความจริงก็คือความจริง”
“ความจริงที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน จะไม่มีใครเชื่อคุณ”
สิริโสภาตะโกน
“สิจะไม่ยอมเสียราพณ์”
สิริโสภาจะไป
“งั้นก็เข้าไปเลย เข้าไปให้ตัวคุณสำนึกว่าคุณเป็นเมียเก็บ แต่คุณหญิงเป็นเมียที่ราพณ์ยกย่อง ก็ดีราพณ์มันจะได้ไล่คุณออกจากชีวิตมันอย่างเด็ดขาด”
สิริโสภาชะงัก
“ทำไมคุณไม่ช่วยฉัน คุณนพ คุณก็รู้ว่าฉันรักเขา ฉันยอมเก็บตัว ยอมอยู่ในมุมมืด ไม่เคยเรียกร้องเพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้ราพณ์ ฉันทำทุกอย่างเพื่อเขามาตลอด”
“คุณทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง คุณอยากให้ราพณ์สงสาร ที่คุณทำเพราะหวังว่าสักวันราพณ์จะใจอ่อนยอมแต่งกับคุณ ผมเคยเตือนคุณแล้วว่าอย่าหลอกตัวเอง มันคือความจริงที่คุณไม่เคยยอมรับ ว่าสักวันต้องเป็นแบบนี้”
สิริโสภาอึ้งแต่ยังพยายามหาช่องที่จะมีหวัง
“ราพณ์แต่งงานเพราะโดนบังคับใช่ไหม เจ้าสัวเรียวบังคับเขาใช่ไหม”
“ถ้าผมพูดความจริงคุณจะยอมรับได้ไหม”
สิริโสภาอึ้ง...
“การแต่งงานครั้งนี้ราพณ์เต็มใจ ราพณ์รักคุณหญิง”
สิริโสภาเจ็บปวดยอมรับไม่ได้
“ไม่จริง คุณโกหก”
สิริโสภาจะวิ่งกลับไป มานพคว้าแขน
“ถ้าคุณคิดจะประกาศตัวเอง หักหน้าราพณ์ต่อหน้าญาติพี่น้อง ราพณ์จะไม่เจอหน้าคุณจนวันตาย”
สิริโสภาชะงัก มานพปล่อยมือ
“ถ้าคุณอยากพิสูจน์คำพูดของผมก็เชิญ”
สิริโสภากรีดร้อง ร้องไห้ออย่างบ้าคลั่ง มานพเห็นใจแต่ก็ต้องแข็งใจปล่อยให้สิริโสภาร้องไห้ไป เขาเดินห่างออกมาหยิบมือถือออกมากดโทรออก
ราพณ์คุยมือถืออยู่ที่มุมหนึ่งในคฤหาสน์ ระหว่างที่ด้านหลังกำลังช่วยกันเก็บโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้และจัดเก้าอี้สำหรับพิธียกน้ำชา
“แกช่วยดูแลสิด้วยนะ”
รุ้งรายเดินมาเรียก
“เฮีย...ไปยกน้ำชาได้แล้ว”
“ฝากแกด้วยนะนพ”
ราพณ์วางสาย...มานพ มองสิริโสภาที่ร้องไห้ เขาถอนใจด้วยความหนักใจ
อากู๋พงษ์ส่งถ้วยน้ำชาให้รสิกากับราพณ์
“คู่บ่าวสาวยกน้ำชา”
ทั้งคู่ส่งให้อาม่า เมื่ออาม่ารับน้ำชามาดื่มแล้ว มองหาอั่งเปาในกระเป๋าเสื้อตัวเอง
“อั่งเปาของอั๊วล่ะ”
รัตนาวลีขยับเข้ามาหยิบอั่งเปาที่วางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ ส่งให้อาม่า
“อยู่นี่ค่ะหม่าม๊า”
“ขอบใจนะ หม่อมวลี”
ใกล้ๆกันนั้น รังรองยืนอยู่กับชาญชัย ระรินและรุ้งราย
“ทำไมอาม่าจำหม่อมวลีได้ ผมเป็นลูกเขยมาตั้งหลายปียังจำผมไม่ได้เลย” ชาญชัยสงสัย
รุ้งรายที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยิน
“อาม่าคงจำแต่คนที่ดีกับอาม่า พวกปากอย่างใจอย่าง อาม่าคงดูออก”
ชาญชัยหันขวับ รังรองปรามน้อง
“รุ้ง”
“เอ่อ...งานมงคล อย่าเปิดศึกกันได้ไหมคะ เจ้ เฮีย เดี๋ยวก็โดนเฉ่งยกแผง อดมรดกไม่รู้ด้วยนะค่ะ” ระรินเตือนแบบประชดประชัน
ชาญชัยยอมหยุดแต่ก็แสดงท่าทีฮึดฮัด รุ้งรายมองเชิด ๆ ไม่แคร์ รังรองหน้าเครียด ระรินจับมือรังรองอย่างให้กำลังใจ
“อย่าเครียดเจ้ เดี๋ยวป๊าจะไม่สบายใจ”
รังรองพยักหน้าพยายามผ่อนคลาย อาม่ายิ้มอย่างอ่อนโยนกับรสิกา
“ซุงซิมปู๋ของอาม่าสวยจริงๆ”
“ซุงซิมปู๋ หมายถึง หลานสะใภ้น่ะครับ” ราพณ์อธิบาย
รสิกายิ้มให้กับอาม่า
“ให้พวกลื้อรักกันนาน ๆ มีเหลนให้อาม่าไว ๆ นะอาคุณหญิง”
รสิกาอึ้งๆ ราพณ์ได้ทีหันมา
“ตอบผู้ใหญ่สิครับ ท่านเอ่ยปากแล้วไม่ตอบเสียมารยาทนะครับ”
รสิกาจำต้องตอบ
“ค่ะ อาม่า”
ราพณ์ยิ้มเล็ก ๆ อย่างพอใจที่แกล้งรสิกาได้ รสิกาค้อนอย่างเคือง ๆ ที่โดนบังคับให้รับปาก
เจ้าสัวเรียวกับรัตนาวลีรับน้ำชาจากราพณ์
“ป๊ากับหม่อมไม่มีอั่งเปาให้”
ราพณ์กับคนอื่น ๆ งงว่าหมายความว่ายังไง
“แต่ป๊ามี...”
เจ้าสัวเรียวหยิบกำไลหยกของเก่าแก่ สวยงาม เนื้อดีออกมา
“กำไลหยกอันนี้ เป็นของหม่าม๊าราพณ์ ก่อนม๊าลื้อจะเสีย สั่งป๊าไว้ว่าวันที่ลื้อแต่งงานให้มอบกำไลนี้ให้กับลูกสะใภ้” เจ้าสัวส่งให้ราพณ์ “สวมให้คุณหญิงสิ”
ราพณ์รับกำไลหยกมาจากเจ้าสัวเรียวแล้วสวมเข้ากับข้อมือของรสิกา ทุกคนมองปลื้ม ยกเว้นชาญชัยที่มองอย่างไม่พอใจ รสิกายกมือไหว้ขอบคุณเจ้าสัวเรียวแต่สีหน้าไม่ได้สดใสนัก ราพณ์กระซิบ
“คุณหญิงยิ้มหน่อยสิครับ ทุกคนมองเราอยู่”
รสิกาเริ่มจะหงุดหงิด
“เจ้าหนี้กำลังสั่งลูกหนี้ใช่ไหมคะ ได้ค่ะ”
รสิกายิ้ม ราพณ์อึ้งเงียบไป
บนเตียงของบ่าวสาวที่ถูกปูเตียงไว้เรียบร้อย มีผลส้มสี่ผลวางไว้สี่มุมของเตียง ราพณ์ รสิกา เจ้าสัวเรียว รัตนาวลี กู๋พงษ์ยืนอยู่ด้านหนึ่ง
“เตียงนี้อั๊วให้คู่ชีวิตที่อยู่กันมายืนยาวยี่สิบกว่าปีปูเตียงให้ลื้อสองคน” กู๋พงษ์หันมาหาเจ้าสัวเรียว “อาเฮียจะได้มีหลานเต็มตระกูลเหมือนกันนะ”
ราพณ์หันมองรสิกา เธอทำหน้าไม่ถูก กู๋พงษ์จูงให้รสิกาไปนั่งที่เก้าอี้ ราพณ์ตามเข้าไป
“วันนี้ลื้อทั้งสองคนก็เป็นคู่แต่งงานใหม่แต่จะเป็นคู่ชีวิตหรือไม่ ก็ต้องช่วยกันประคับประคองกันไปนะ”
กู๋พงษ์จับมือของคู่บ่าวสาววางทับกันไว้ รัตนาวลีขยับเข้ามาจับมือของทั้งคู่
“ดูแลและให้เกียรติกันนะลูกนะ”
เจ้าสัวเรียวเข้ามาอวยพร
“ฝากลูกชายผมด้วยนะคุณหญิง ถ้าดื้อหนักก็บอกผม ผมจะช่วยกำหราบให้...มีความสุขมาก ๆ นะราพณ์”
ราพณ์ยิ้มปลื้มใจ
“ขอบคุณมากครับป๊า” ราพณ์บอกกับรัตนาวลี “ผมจะดูแลคุณหญิงด้วยชีวิตของผมครับ”
รัตนาวลียิ้มขอบคุณ กู๋พงษ์พูดขึ้น
“เสร็จพิธีการแล้ว ปล่อยให้หนุ่มสาวได้มีเวลาส่วนตัวกันเถอะนะ”
รสิการู้สึกกลัวจับมือรัตนาวลีไว้แน่น
“แม่คะ...”
รัตนาวลีมองรสิกาที่สายตาดูตระหนกมาก
“อ้าย...”
สามี ตอนที่ 4 (ต่อ)
ราพณ์มองออกว่ารสิกาปอด เขาขยับมากระซิบข้างหู
“กลัวผม...ใช่ไหมครับ”
รสิกาหันขวับมามอง ราพณ์ยิ้มเล็ก ๆ แต่รสิกกาดูออกว่าเป็นยิ้มเย้ย
“อ้ายอยากบอกว่าขอบคุณค่ะแม่”
รสิกาจำต้องปล่อยมือจากแม่ รัตนาวลียิ้ม เข้าใจว่าลูกตื่นเต้น
“จ๊ะ”
เจ้าสัวเรียว รัตนาวลี กู๋พงษ์ออกจากห้องหอไป ทันทีที่ประตูห้องปิด ทั้งห้องอยู่ในความเงียบ รสิการู้สึกระแวงที่ต้องอยู่ในห้องกับราพณ์สองคน ราพณ์เข้ามาหา รสิกาสะดุ้งลุกขยับถอย
“คุณจะทำอะไร”
“ผม...”
ราพณ์มองกรุ้มกริ่มเดินรุกเข้าหา รสิการู้สึกกลัวถอยๆจนไปติดที่ตู้เสื้อผ้า เธอเหมือนจนหนทาง ราพณ์ยกมือซ้าย รสิกาหลับตาแน่น
“อาบน้ำก่อนนะ”
รสิกาลืมตาเห็นว่ามือซ้ายของราพณ์หยิบผ้าขนหนูที่ถูกพับอยู่บนชั้นลงมา เธอทวนอย่างโล่งใจ
“อาบน้ำ”
“ครับ...หรือว่า...คุณใจร้อน” ราพณ์แกล้งพูด
รสิกาเคือง
“อย่ามาพูดบ้าๆ กับฉันนะ”
“ก็ถ้าคุณใจร้อน ผมจะให้คุณอาบก่อน คุณโมโหอะไรครับคุณหญิง”
รสิกาหน้าเหวอที่โดนพลิกลิ้นใส่
“สนุกมากใช่ไหม ที่แกล้งฉันได้”
ราพณ์ยิ้มกวน
“ที่สุดเลยล่ะครับ หน้าคุณหญิงตอนกลัวจนทำอะไรไม่ถูก...” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้นิด ๆ แค่แกล้ง “ผมชอบมาก”
ราพณ์ยักคิ้วให้นิด ๆ กวนประสาทแล้วเข้าไปในห้องน้ำ ฮัมเพลงมีความสุขมาก รสิกามองตามอย่างหัวเสียที่โดนแกล้งปั่นหัว เธอเดินมาที่เตียงนั่งลงมือทุบหมอนอย่างแค้นสะกดจิตตัวเองสุดชีวิต
“อย่าไปบ้าตาม อย่าบ้า...”
พูดจบราพณ์ก็โผล่หน้ากลับเข้ามา ในสภาพผ้าขนหนูพันท่อนล่างไว้ รสิกาหันมาเห็นตกใจยกมือปิดตา
“นี่คุณ แต่งตัวให้มันเรียบร้อยหน่อยได้ไหม”
“ผมจะมาถามว่าอาบน้ำพร้อมกันไหมครับ ผมอาบให้จะได้ไม่เสียเวลา”
รสิกาสุดทน เขวี้ยงหมอนใส่
“ตาบ้า...บ้าที่สุด”
ราพณ์หัวเราะลั่นหนีกลับเข้าไปในห้องน้ำ รสิกานั่งลงหัวเสียหลุดทุกฟอร์ม...ราพณ์อยู่ในห้องน้ำยืนอมยิ้มมีความสุข
รสิกานั่งอยู่ในท่าเดิมไม่รู้จะทำยังไงกับสภาวะนี้ ราพณ์ที่ใส่เสื้อกางเกงเป็นชุดนอนออกมาเรียบร้อย เห็นเธอยังนิ่ง เขายิ้มเดินมาหยิบผ้าขนหนูให้ รสิกามองไม่ไว้ใจ
“อาบน้ำเถอะครับคุณหญิง เหนื่อยมาทั้งคืน”
รสิกามองอย่างระแวง ราพณ์ขู่แกล้งๆ
“ถ้าคุณหญิงไม่ถนัดอาบเอง ผมอาบให้เอาไหม...”
รสิกาเม้มปากนิ่ง
“ไม่ตอบแสดงว่าตกลง”
ราพณ์จะขยับเข้ามาอุ้ม รสิกาเด้งตัวถอยห่างคว้าผ้าขนหนู
“ชุดนอนอยู่ในห้องน้ำนะครับ”
รสิกาไม่สนใจรีบเดินเข้าห้องน้ำไป ราพณ์นั่งที่เก้าอี้มองไปทางห้องน้ำยิ้มๆ
เวลาผ่านไป รสิกาเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดรัดกุมมากชะงักที่เห็นว่าราพณ์นั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้ยาว เธอเดินเข้าไปใกล้ๆ ลองเอามือโบกตรงหน้าเห็นว่าเขาหลับสนิท เธอรู้สึกโล่งมากขึ้นเดินไปที่กระจกใช้หวีสางผมเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่เตียง เธอมองเขาอย่างระแวงไม่แน่ใจ แต่เห็นเขาหายใจสม่ำเสมอ ดูจะไม่รู้สึกตัวจึงเก็บส้มทั้งสี่ผลไว้ที่โต๊ะข้างเตียงแล้วขยับขึ้นเตียงกราบหมอนแล้วล้มตัวลงนอน สายตายังคอยมองราพณ์อย่างระแวง มือกอดผ้าห่มแน่น ก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ราพณ์ลืมตามอง ลุกขึ้นมาขยับเข้ามาห่มผ้าให้เรียบร้อย รสิกาพลิกตัวขยับยังไม่รู้สึกตัว ราพณ์ขยับลงนั่งกับพื้นข้างเตียงนั่งมองเธอ แล้วใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าออกเบาๆ
“เหนื่อยล่ะสิ คุณหญิง”
ราพณ์นั่งมองรสิกายิ้มๆ อย่างมีความสุข
เช้าวันใหม่...แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้อง รสิกายังนอนหลับ ราพณ์ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนั่งมองรสิกาที่นอนหลับด้วยสีหน้ามีความสุข เขายิ่งมองยิ่งขยับเข้าใกล้เธอเหมือนมีแรงดึงดูด รสิกาขยับตัวค่อยๆ ลืมตา ราพณ์ตกใจรีบเด้งตัวกลับไปทำเป็นนอนเพิ่งตื่น รสิกาลืมตาเต็มที่เห็นราพณ์ที่ใส่เสื้อผ้าเต็มยศกำลังบิดขี้เกียจ
“ตื่นแล้วเหรอครับคุณหญิง นี่กี่โมงแล้วครับเนี่ย”
รสิกามองตาแป๋ว
“นี่คุณเพิ่งตื่นเหรอ”
“ครับ...” ราพณ์ตอบหน้าตาเฉย
“ตื่นมาก็เป็นอย่างนี้เลย”
ราพณ์ยังงง
“ครับ”
“คุณราพณ์ เมื่อคืนคุณใส่ชุดนี้นอนเหรอ”
ราพณ์มองสภาพตัวเองเพิ่งนึกได้ว่าแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนี่ เห็นสายตารสิกาที่มองขำรู้ทันว่าฟอร์ม ราพณ์เก้อ ๆ พยายามเรียกฟอร์มกลับมา
“เอ่อ...งั้นผมไปอาบน้ำ เอ้ย ไปรอข้างล่างนะครับ คุณหญิงรีบแต่งตัวนะครับ นายทะเบียนกำลังรออยู่”
“นายทะเบียน...”
รสิกาจะถามต่อ ราพณ์ขัดขึ้น
“ลงไปข้างล่างแล้วจะรู้ครับ แต่คุณหญิงคงไม่คิดจะแต่งตัวแบบนี้ลงไปรับแขกใช่ไหมครับ”
รสิกาเห็นสายตาเขามองก็รีบคว้าผ้าห่มมาบังตัวเองอัตโนมัติ ราพณ์ยิ้มแล้วออกไป รสิกามองตามพอจะเดาออกว่าเป็นเรื่องจดทะเบียน
รสิกาแต่งตัวเรียบร้อยลงมาด้านล่างเห็นว่าราพณ์ และทุกคนในบ้าน กับนายทะเบียนกำลังเตรียมเอกสารรอจดทะเบียนสมรสอยู่ ราพณ์เดินมารับรสิกา
“ตามข้อตกลงและเพื่อให้ป๊าผมสบายใจ มันก็แค่ต่อหน้าคนอื่น ระหว่างเราสถานภาพที่แท้จริงเป็นยังไงก็รู้อยู่แล้ว จริงไหมครับ”
รสิกานิ่งเป็นการยอมรับ
“เริ่มพิธีการได้แล้วครับ” เจ้าสัวเรียวพูดขึ้น
“วันนี้เป็นวันมงคลนะครับ ขอแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว หม่อมราชวงศ์รสิกา ประกาศเกียรติและคุณราพณ์ ลิ้มวัฒนาถาวรกุล ตอนนี้เป็นเวลามงคลฤกษ์ซึ่งคู่บ่าวสาวจะได้ทำการจดทะเบียนสมรส”
นายทะเบียนยื่นเอกสารให้เซ็น ราพณ์เซ็นแล้วถึงตารสิกาเซ็น เธอมองเอกสารแล้วหันมองเขา แล้วเห็นว่าทุกคนกำลังมองว่ามีอะไร รสิการู้สึกตัวลงชื่อเซ็นในเอกสาร
“เชิญพยานลงลายมือชื่อในเอกสารทะเบียนสมรสครับ” นายทะเบียนบอก
เจ้าสัวเรียวกับรัตนาวลีเป็นคนลงลายมือชื่อเป็นพยาน นายทะเบียนพูดขึ้น
“วันนี้วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 เวลาเก้านาฬิกา นายทะเบียนได้สอบถามคู่สมรสทั้ง 2 ได้ความว่า คู่สมรสทั้งสองฝ่ายไม่เป็นเคยเป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น และไม่เคยจดทะเบียนสมรส ณ สำนักทะเบียนใดมาก่อน คู่สมรสทั้งสองฝ่ายไม่เคยอยู่กินกันมาก่อนการจดทะเบียนสมรส เกี่ยวกับทรัพย์สิน ทั้งสองฝ่ายไม่ประสงค์ให้มีการบันทึกนะครับ”
นายทะเบียนหันมาถามรสิกา
“การใช้คำนำหน้านาม ฝ่ายหญิงประสงค์จะใช้คำนำหน้านามว่า นางและใช้ชื่อสกุลของทางฝ่ายชายนะครับ”
“ฉันยัง...” รสิกาจะแย้ง
ราพณ์แทรกขึ้น
“ทุกอย่างถูกต้องตามนั้นครับ”
รสิกามอง ราพณ์มองแบบอย่าโต้แย้งจะดีกว่า รสิกาจำต้องตอบ
“ค่ะ”
ราพณ์ยิ้มพอใจ นายทะเบียนหยิบใบสำคัญการสมรส ที่ได้ทำการลงชื่อคู่บ่าวสาว และวันที่ในการจดทะเบียนสมรสทั้งหมดไว้แล้ว นายทะเบียนเซ็นชื่อลงในใบสำคัญการสมรส
“นายทะเบียนขอมอบใบสำคัญการสมรสให้เป็นหลักฐานกับทั้งสองฝ่าย ว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
นายทะเบียนส่งใบสำคัญการสมรสให้กับราพณ์และรสิกา ทั้งสองคนต่างคนต่างรับใบสำคัญการสมรสไว้กับตัว
“ถ่ายรูปหน่อยนะครับ” นทีจัดการถ่ายรูป “บ่าวสาวโชว์ทะเบียนสมรสด้วยนะครับ”
ราพณ์จัดแจงยกใบสำคัญการสมรสขึ้นโชว์ รสิกายังนิ่ง
“คุณหญิง”
“ทำไมจะต้องถ่ายรูปด้วย”
“มันเป็นข้อปฏิบัตินี่ครับ ยกขึ้นมาสิครับคุณหญิง นายทะเบียนท่านต้องกลับไปทำงานต่อนะครับ เกรงใจท่านบ้าง”
รสิกาขึงตาใส่ราพณ์ที่พูดเหมือนเธอไม่รู้จักกาลเทศะ รสิกาจำต้องยกใบสำคัญการสมรส ภาพ ราพณ์ นายทะเบียน รสิกา ถ่ายไว้เป็นหลักฐานในการจดทะเบียนสมรส
“เรียบร้อยแล้วนะครับ” นายทะเบียนยิ้มแย้มบอก
เจ้าสัวเรียวยิ้มพอใจ
“ขอบคุณมากครับ”
“วันดี ๆแบบนี้ ถ่ายรูปครอบครัวกันนะคะทุกคน เชิญค่ะ อาม่า”
รุ้งรายไม่รอฟังคำตอบ จัดการพาอาม่ามานั่งตรงกลาง เจ้าสัวเรียวกับรัตนาวลีขยับมานั่งประกบราพณ์กับรสิกา ระริน เดินเข้ามา นทีเป็นตากล้อง
“พร้อมนะครับ หนึ่ง สอง สาม”
นทีถ่ายภาพครอบครัวทันที
เง็กพาแหววเข้ามาในครัว แนะนำกับบรรดาคนใช้
“ทุกคนจ๊ะนี่น้องแหวว จะมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันนี้ รู้จักกันไว้นะ”
“สวัสดีจ๊ะ”
“กิมท้อ ต่อไปนี้ให้แหววคอยดูแลเรื่องอาหารนะ”
กิมท้อชักสีหน้า
“มันหน้าที่อั๊วนะ”
“แต่คุณราพณ์สั่งว่าต่อไปนี้ให้แหววคอยดูแลแทน แหววน่าจะรู้ใจคุณหญิงดีเรื่องอาหาร”
แหววยิ้มรับ
“จ๊ะ”
“มีอะไรสงสัยถามกิมท้อเลยนะ อั๊วจะไปดูแลอาม่า”
“ขอบคุณนะจ๊ะเจ้เง็ก”
เง็กออกไป แหววหันมาหากิมท้อพยายามจะผูกมิตร
“เช้านี้มีอะไรบ้างจ๊ะ”
กิมท้อปึงปังใส่แหวว
“เรื่องมาก”
แหววชะงักมองกิมท้ออย่างไม่แน่ใจว่าที่ปึงปังเนี่ยด่าใคร...
“กิมท้อ จะให้ฉันยกอะไรไปขึ้นโต๊ะไหม”
“ข้าวต้มกุ๊ย ผัดผัก ยกไปสิ พื้น ๆ อย่างเนี้ยจะกลืนลงไหม”
แหววชักหน้าตึง
“เธอหมายถึงใครล่ะ”
“ใครก็ได้ที่มันมากเรื่องต้องพิเศษกว่าคนอื่นเขา”
แหววพยายามจะสงบอารมณ์
“สำนึกไว้ด้วยนะว่าคนที่เธอแดกดันอยู่น่ะเป็นสะใภ้คนโตของที่นี่ ที่ ๆ ที่เธอกินเงินเดือนเขาอยู่”
กิมท้อหันมอง แหววมองตอบแบบว่ากล้าไหมล่ะกิมท้อแค้นมาก แหววยกข้าวต้มกับกับข้าวบางส่วนไป
“จะมาเบ่งกับฉันเหรอ”
กิมท้อหยิบโทรศัพท์มากดอย่างแค้นๆ
ลินดาคุยโทรศัพท์ลุกพรวดด้วยความโมโห
“รับตัวเจ้าสาวเมื่อวาน ทำไมพวกมันไม่บอกฉัน”
“กิมก็ว่าทำไมคุณลินดาไม่มา อย่างนี้คุณลินดาก็ไม่ทราบใช่ไหมคะว่า วันนี้คุณราพณ์จดทะเบียนสมรสกับคุณหญิงด้วย ตอนนี้นังคนใช้คุณหญิงมันเบ่งใส่กิมท้อด้วยค่ะคุณลินดา...มันว่าให้กิมท้อเจียมกะลาหัว เพราะขนาดนายของกิมท้อยังต้องกระเด็นออกไปจากที่นี่เลย มันว่าคุณโบตั๋นน่ะค่ะ กิมท้อเจ็บใจ”
ลินดาแค้น
“แกอยู่เฉย ๆ ฉันจะจัดการพวกมันเอง”
กิมท้อยิ้มสะใจที่ปั่นโบตั๋นให้โกรธได้
ทุกคนลุกขึ้นส่งนายทะเบียนกลับ
“ไปทานข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากัน” เจ้าสัวเรียวชวน
รสิกาขัดขึ้น
“ขอโทษนะคะ ฉัน...เอ่อ...อ้ายต้องรีบไปทำงานน่ะค่ะ”
“อาคุณหญิง นี่ลื้อเพิ่งแต่งงานทำไมต้องไปทำงาน ลื้อต้องฮันนีมูนก่อนสิ” อาม่าแย้ง
“โอ้โห...อาม่ารู้จักฮันนีมูนด้วย” ระรินแหย่
อาม่ายืดเลย
“ไม่งั้นอั๊วอาลิ้ม ท้อ ฉั่ง จะเป็นอาม่าพวกลื้อได้ยังไง อาคุณหญิงลื้ออย่าเพิ่งไปทำงานเลย อาม่าอยากมีอาหมวยน้อยมาเป็นเพื่อนอาพระลบนะ”
รุ้งรายยิ้มล้อๆ
“โหย...อาม่าเร่งแบบนี้ คุณหญิงกับเฮียก็เหนื่อยแย่สิคะ”
คนอื่นๆ ยิ้ม ราพณ์เห็นรสิกาวางหน้าไม่ถูกก็พูดขึ้น
“ตอนนี้คุณหญิงเขางานยุ่งๆ เดี๋ยวให้เขาทำงานก่อนนะครับม่า”
“อย่าช้านะ อาม่าอยากมีเหลนมาเล่นกับอาพระลบ อีจะได้ไม่เหงา”
“ครับอาม่า ไม่นานแน่นอน” ราพณ์มองรสิกายิ้มแซว
เจ้าสัวเรียวหันไปสั่งเง็ก
“เง็ก พาอาม่าไปกินข้าวไปจะได้กินยา”
เง็กรีบเข้ามาประคองอาม่า รัตนาวลีเข้าช่วย
“วลีช่วยนะคะ”
“ซิมปู๋ของอาม่า น่ารักจริงๆ” อาม่าหันไปหารสิกา “ซุงซิมปู๋ อย่าลืมอาหมวยน้อยของอาม่านะ”
รสิกาจำต้องฝืนยิ้มตอบรับ
“ค่ะ อาม่า สวัสดีค่ะ”
เง็กประคองอาม่าออกไป
“อ้ายไปทำงานก่อนนะคะ หม่อมแม่” รสิกาเห็นเจ้าสัวเรียวก็ชะงักแต่ก็ยอมพูด “เจ้าสัว”
ราพณ์หันไปบอก
“ผมไปส่งนะครับคุณหญิง”
รสิกาไม่ตอบเดินไปอย่างไม่สนใจ ราพณ์พูดตามไปเสียงหนักแน่น
“รอผมที่รถนะครับ”
รสิกาหันมา ราพณ์ส่งสายตาแบบว่ากล้าขัดหรือไง รสิกาถอนใจอย่างหงุดหงิดเดินออกไป ราพณ์มองตามยิ้มๆ คิดว่ารสิกาไม่ขัดใจแน่ รุ้งรายขยับมาแซว
“เข้าหอก็แล้ว พี่สะใภ้ยังไม่ยอมดีด้วยอีกเหรอเฮีย”
เจ้าสัวเรียวแทรกขึ้น
“ให้ป๊าทายนะ เฮียของลื้อไม่มีน้ำยา”
“ผมให้เกียรติคุณหญิงต่างหาก” ราพณ์เถียง
รุ้งรายถอนใจ
“ไม่กล้าหักหาญหรอกป๊า แค่นี้เขาก็เหม็นหน้าจะแย่แล้ว”
ราพณ์เปลี่ยนเรื่อง
“แล้วเรื่องทะเบียนสมรส”
เจ้าสัวเรียวรับทะเบียนมาจากราพณ์
“นที”
นทีเข้ามาใกล้ เจ้าสัวเรียวยื่นทะเบียนสมรสให้
“เอาทะเบียนสมรสกับรูปทั้งหมดไปจัดการ ประกาศให้พวกที่คิดจะเก็บคุณหญิงให้มันรู้ว่า...ถ้าคุณหญิงเป็นอะไรไป...พวกมันจะไม่ได้อะไรเลย”
ราพณ์และรุ้งรายยิ้มกับเจ้าสัวเรียว
“ทางนี้ป๊าจะจัดการเอง หน้าที่ของลื้อหาเพื่อนให้พระลบไวๆ”
ราพณ์ยิ้มเขินๆ
“ครับป๊า ผมไปก่อนนะครับ”
ราพณ์ออกไป รุ้งรายหันมาคุยกับพ่อ
“ตั้งแต่ม๊าเสีย รุ้งไม่เคยเห็นเฮียยิ้มมีความสุขเต็มที่แบบนี้มานานแล้วนะป๊า”
“แล้วลื้อล่ะ เมื่อไหร่จะยิ้มเต็มที่บ้าง ตอนนี้เฮียลื้อก็แต่งงานแล้ว จะยกเลิกเรื่องวศินได้หรือยัง”
“อีกสักพักค่ะป๊า คนอย่างวศินถ้าโดนทิ้งจะต้องพยายามมาแย่งคุณหญิงคืนแน่ เฮียกับคุณหญิงยังไม่มั่นคง รุ้งไม่ไว้ใจ”
“ทำอะไรก็ระวังตัว รู้ใช่ไหมว่าความประมาทเป็นหนทางสู่ความพินาศ”
“รุ้งจะจำไว้ค่ะ” รุ้งรายยิ้ม
ราพณ์ขับรถเข้ามาจอดที่ด้านหน้าตึกวังประกาศเกียรติ รสิกาลงจากรถจะหยิบถุงข้าวของแต่ราพณ์ชิงหยิบไปซะก่อน
“ไหนคุณว่าจะไปทำงานไง ไปแวะซุปเปอร์แล้วก็มาที่วังแบบนี้ไม่ไปออฟฟิศเหรอครับ”
“ฉันต้องทำธุระของฉันก่อนค่ะ”
แม่นม ป้านวล ป้านางกับคนรับใช้คนอื่นๆ เดินออกมาหารสิกา
“คุณหญิง” แม่นมดีใจ
รสิกาเข้ากอดแม่นม
“นมจ๋า...ทานข้าวทานยาตามที่คุณหมอสั่งหรือเปล่าคะ”
“ทำตามเป๊ะทุกอย่าง”
ป้านวลขัดขึ้น
“ไม่จริงคะ ทานข้าวทานยายากมา ป้าต้องคอยคะยั้นคะยอค่ะ เช้ามาก็บ่นคิดถึงคุณหญิงแล้วก็ไม่ยอมทานข้าว”
“นวล” แม่นมปราม
รสิกายิ้ม
“ป้านวลคะ อ้ายซื้อของเข้าบ้าน น่าจะครบ ขาดเหลืออะไรบอกนะคะ อ้ายจะซื้อมาให้”
“คุณหญิงไม่ต้องลำบากเอามาให้เองก็ได้ค่ะ เงินค่ากับข้าวที่ให้ไว้ก็ยังมีอยู่ พวกป้าออกไปซื้อเองก็ได้” ป้านางบอกอย่างเกรงใจ
“ไม่ได้หรอกค่ะ ป้า ๆ ชอบประหยัดกันจนเกินเหตุ คราวที่แล้วก็ซื้อพวกน้ำปลาปลอมมากินกัน เห็นแก่ของถูกมันอันตรายนะค่ะ”
“พวกป้าแก่แล้ว มีอะไรก็กิน ๆกันตายได้หมดล่ะค่ะ”
“ถ้ารักอ้ายอย่าดื้อกับอ้ายนะคะ” รสิกาดึงของมาจากราพณ์ส่งให้ “เอาของไปเก็บนะคะ อ้ายซื้อก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยมาให้ทุกคนด้วย”
“คนดีของนม วันหลังไม่ต้องลำบากนะคะ”
“รักอ้ายอย่าขัดใจอ้ายนะจ๊ะ คนดีของอ้าย”
แม่นมพูดไม่ออก ป้านางยิ้ม
“เก่งมาจากไหนก็แพ้เสียงอ้อนคุณหญิง”
ราพณ์หันมาถาม
“จะให้ผมเอาของไปไว้ที่ไหนคะ”
“มาค่ะ เดี๋ยวพวกป้าเอาไปเก็บเอง ขอบคุณนะคะ” ป้านางรับของมาช่วยกันรับแล้วส่งต่อ
“เดี๋ยวอ้ายไปทำงานก่อนนะคะ”
“ค่ะ” แม่นมยิ้มให้
รสิกากอดแม่นม ราพณ์ยิ้มมองรสิกาอย่างชื่นชมกับความน่ารักของเธอ
ประสิทธิ์นั่งอ่านข่าวธุรกิจอยู่ในห้องรับแขก สุรีย์ส่องเดินเข้ามาวางไอแพดตรงหน้าอย่างหัวเสีย
“พ่อเห็นภาพพวกนี้แล้วเหรอยัง”
ประสิทธิ์หยิบมาดูแล้วอึ้ง
“นังอ้ายมันจดทะเบียนกับนายราพณ์แล้ว ทะเบียนสมรสลงวันที่จดคือวันนี้ ภาพพวกนี้มันถูกส่งไปตามหนังสือพิมพ์ นิตยสาร กระจายไปตามโซเชี่ยลเน็ทเวิร์ค ไหนพ่อบอกว่าจะเก็บนังอ้ายวันสองวันนี้ไง”
“ไอ้บ้าเอ๊ย” ประสิทธิ์โมโห
ปฐวีเข้ามา ประสิทธิ์หันไปโวยทันที
“ไอ้วี...ทำไมแกไม่บอกฉันว่าหญิงอ้ายจะแต่งงานวันนี้”
“อ้ายแต่งงานเหรอครับ ผมไม่รู้...อ้ายไม่ได้บอก” ปฐวีงงๆ
“ไอ้โง่...เดินเข้าเดินออกที่วังนั่นแท้ๆ แต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แกมันโง่จริงๆ”
ประสิทธิ์หัวเสียเดินกดโทรศัพท์มือถือออกไป สุรีย์ส่องรีบตามไป ปฐวียังยืนนิ่งผิดหวัง
ประสิทธิ์เดินคุยมือถือออกมาที่สวน
“อย่าเพิ่งลงมือ ยกเลิกทุกอย่าง อย่าทำอะไรหญิงอ้ายเด็ดขาด พวกแกคอยฟังคำสั่งฉัน”
ประสิทธิ์วางสายท่าทางหัวเสียมาก สุรีย์ส่องตามเข้ามาได้ยินทุกคำ
“ยกเลิกทำไมล่ะคะพ่อ หรือว่าพ่อกลัวพวกเจ้าสัวเรียว”
“แกนี่มันโง่จริง ตอนนี้มันจดทะเบียนสมรสแล้ว ถ้าหญิงอ้ายเป็นอะไรไปตอนนี้ คนที่จะได้วังไปตามกฎหมายคือไอ้ราพณ์ จัดการกับหญิงอ้ายยังไม่ยากเท่ายุ่งกับไอ้ราพณ์” ประสิทธิ์คิด ๆ “ต้องเป็นหัวคิดไอ้เจ้าสัวแน่ๆ มันคิดจะขวางพ่อ”
สุรีย์ส่องหงุดหงิด
“โอ้ย มีแต่มาร จัดการมันไม่ได้สักที สุเบื่อ ๆ”
ประสิทธิ์รำคาญตวาดลั่น
“เงียบ”
สุรีย์ส่องหุบปาก หงุดหงิดแค้นรสิกา
เจ้าสัวเรียวหัวเราะพอใจ
“มันไม่กล้าชนกับพวกผมแน่นอน เท่านี้คุณหญิงก็จะปลอดภัย”
รัตนาวลียิ้ม
“เจ้าสัวร้ายนะคะ”
“เล่นกับไอ้พวกขี้โกงเราก็ต้องหัวหมอหน่อยสิครับ หม่อม”
“ฉันไม่รู้จะตอบแทนเจ้าสัวยังไง ที่อุตส่าห์ช่วยครอบครัวของฉันมาตลอดแล้วนี่ยังดึงคุณราพณ์เข้ามาวุ่นวายด้วย”
“ไม่วุ่นวายหรอกครับ ราพณ์มันรักคุณหญิง อีกอย่างผมก็ต้องการปกป้องภรรยาผมด้วย”
“ฉันเหรอคะ”
“ถ้ามันเก็บคุณหญิง หม่อมจะต้องโดนไปด้วย เพื่อไม่ให้คนที่มีสายเลือดเดียวกันหลงเหลือที่จะมีสิทธิ์ครอบครองวังได้”
“แต่เขาก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับท่านชายนะคะ”
“ประสิทธิ์ได้จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรม ตามกฎหมายเขามีสิทธิ์เหมือนคุณชายประกาศทุกประการ ถ้าไม่มีใครขวางทางเขาอาจจะอ้างสิทธิ์ขอจัดการทรัพย์สิน”
รัตนาวลีใจหาย
“ทำไมเขาถึงกล้าคิดทำถึงขนาดนั้น ทั้งที่ท่านพ่อท่านแม่ของท่านชายก็เลี้ยงดูเขามาอย่างดี”
“ความโลภครอบงำจนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีแล้วครับ พวกไม่ยับยั้งชั่งใจจนกล้าทำเรื่องเลวร้าย คนแบบนี้เราควรจะตัดออกไปจากชีวิต เพราะอยู่ไปก็มีแต่จะดึงให้ชีวิตเราต้องตกต่ำอับจน”
“ฉันสงสารท่านชายค่ะ ท่านไว้ใจคุณประสิทธิ์มาก สุดท้ายก็ชาวนากับงูเห่า”
“ความรัก ความไว้ใจ ความหลง สามสิ่งนี้ถ้ามีให้กับคนผิด ชีวิตคงมีแต่ทุกข์ไม่สิ้นสุด”
ในห้องรับแขก...ชาญชัยหัวเสียใส่รังรอง
“นี่บ้านคุณเป็นบ้ากันหรือไง ไม่จัดงานแต่งแต่จดทะเบียนแบบนี้คุณหญิงก็มีสิทธิ์ในมรดกน่ะสิ”
“ก็มันเป็นสิทธิ์ของราพณ์นี่คะ”
ชาญชัยตะคอก
“แล้วทำไมคุณไม่ห้ามมันเล่า”
“ฉันแต่งงานออกจากบ้านมา ก็ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงอยู่แล้ว”
ชาญชัยตะคอกใส่หน้า
“แต่มันเป็นน้องคุณ”
รังรองอารมณ์ขึ้นเหมือนกัน
“คุณก็เป็นพี่เขย ทำไมคุณถึงไม่พูดเองล่ะคะ”
ชาญชัยอารมณ์ขึ้นเลยตบหน้ารังรองเพี๊ยะ รังรองคว่ำลงไปกับพื้น
“กล้าเถียงฉัน”
ชาญชัยตามมาซ้ำ รังรองได้แต่ปัดป้องแต่ดูจะช่วยตัวเองไม่ได้เลย
ราพณ์เข้ามาส่งรสิกาที่หน้าออฟฟิศ
“คุณส่งฉันแค่นี้พอ”
ราพณ์ยิ้มกวนๆ
“ผมอยากไปส่งคุณด้านใน”
“อย่าวุ่นวายกับฉันให้มันมากนักนะคุณราพณ์ ไม่งั้นฉันจะไม่ทน”
“ใจเย็น ๆสิครับ ผมไม่ได้ตามวุ่นวายกับคุณ แต่ผมมีธุระเรื่องงาน”
รสิกาแปลกใจ
“งาน”
รสิกายังไม่ทันจะได้ถามก็เจอวศินที่ออกมาจากออฟฟิศ รสิกาชะงัก วศินมองราพณ์กับรสิการู้สึกแค้นหวงก้าง
“เดี๋ยวนี้อ้ายให้แฟนตามมาเฝ้าที่ทำงานด้วยเหรอ ไหนเคยบอกศินว่าไม่ชอบให้แฟนก้าวก่ายเรื่องงาน ศินก็เชื่อไม่เคยทำ หรือว่าเงินมันทำให้เปลี่ยนความคิด”
รสิกามองสมเพช
“นี่นิสัยจริงของคุณสินะวศิน เงินไม่เคยเปลี่ยนฉันหรอกค่ะ แต่มันกลับทำให้ฉันเห็นธาตุแท้ของคนมันทำให้ฉันรู้ว่าตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา ฉันเห็นกงจักรเป็นดอกบัวมาตลอด”
วศินมองเย้ย
“มันก็คือกันแล้วล่ะครับ เพราะเราก็ขายตัวเหมือนกัน”
ราพณ์สวน
“ไม่เหมือนหรอกครับ เพราะวันนี้ผมไม่ใช่คนรักของคุณหญิงแต่เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
วศินอึ้งมองรสิกา ราพณ์มองหน้า
“คุณหมดสิทธิ์แล้ว อย่ามายุ่งหรือว่าตอแยคุณหญิงอีก”
“คิดจะขู่ผมเหรอ”
“การขู่ มันเป็นการกระทำของพวกดีแต่ปาก ไม่ใช่ผมแน่”
ราพณ์มองวศินแบบสายตาเอาจริง วศินเริ่มหวั่นๆไม่แน่จริง ได้แต่มองราพณ์กับรสิกาอย่างโมโห แต่จำต้องออกไปอย่างไม่แน่จริง
“ขอบคุณที่ช่วยฉัน” รสิกามองราพณ์
“เป็นหน้าที่ของสามีอยู่แล้วครับ” ราพณ์ยิ้มกวน
กอบกู้ออกมาจากด้านใน ยิ้มทักทาย
“สวัสดีครับคุณหญิง คุณราพณ์ ผมเพิ่งทราบข่าว ยินดีด้วยนะครับ”
“ข่าว”
รสิกาหันมอง ราพณ์ยิ้ม รสิการู้สึกว่าต้องมีเรื่องไม่ดีแน่
สามี ตอนที่ 4 (ต่อ)
สิริโสภาอยู่ในทาวน์เฮ้าส์ นั่งดูภาพข่าวในทีวีเป็นภาพรูปถ่ายของใบสำคัญการสมรส และภาพถ่ายตอนเซ็นทะเบียน ภาพรวมครอบครัวเป็นข่าวกอซซิป
“ทานตะวันไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ ภาพถ่ายการจดทะเบียนสมรสทุกภาพยืนยันว่าหม่อมราชวงศ์รสิกา ประกาศเกียรติ สละโสดแบบเงียบ ๆกับนักธุรกิจหนุ่มดาวรุ่ง ราพณ์ ลิ้มวัฒนาถาวรกุล แถมมีรูปยืนยันความชื่นมื่นแบบรวมญาติ ข่าวว่าเจ้าสัวเรียวปลื้มสะใภ้คนนี้ ยอมจ่ายสินสอดเฉียดร้อยล้าน ทานตะวันตาร้อนเจ้าค่า...”
ภาพข่าวในทีวีที่เอารูปงานส่งตัวของรสิกามาเสนอข่าว สิริโสภามองอย่างอิจฉาและคลั่งแค้น เพราะเห็นราพณ์ยิ้มมีความสุขมาก ภาพครอบครัวทำให้สิริโสภากำแก้วในมือแน่นยกมือขึ้นเขวี้ยงด้วยความแค้น
ลินดาโกรธมาก ขว้างแก้วกระแทกทีวีหน้าจอแตกโพล๊ะ
“บ้าที่สุด”
รามวิ่งลงมา
“เสียงอะไรน่ะม๊า” รามเห็นสภาพโทรทัศน์ “ม๊าทำอะไร”
“นังคุณหญิงนั่นมันได้จดทะเบียนสมรส”
“แล้วทำไมล่ะม๊า”
“แม่มันก็ได้จด ลูกมันก็ได้จด แล้วม๊าล่ะ ม๊าไม่ได้อะไรเลย ป๊าแกใจร้ายกับม๊าแค่ไหน เห็นไหมราม แกเห็นไหม”
ลินดาเริ่มคลั่ง รามต้องรีบเข้ามา
“ม๊า...ยังไงป๊าก็ไม่ทิ้งให้เราอดตายหรอกนะ ม๊าอย่าเสียใจเลยนะ”
“รามต้องแย่งสมบัติพวกมันมาให้ม๊า เอาบริษัทมันมา เอามาให้ม๊า”
“ม๊า สมบัติป๊ามีตั้งเยอะ แบ่งๆ กันใช้ก็ได้ อย่าไปแค้นพวกบ้านโน้นเลยยังไงก็เป็นพี่น้องกัน”
“แล้วมันเคยเห็นแกเป็นน้องหรือเปล่า แกเลิกโง่สักทีได้ไหมรู้ไหมว่าที่แกมีได้อย่างทุกวันนี้ ม๊าต้องสู้เพื่อแก ต้องให้พวกมันโขกสับ มันด่าม๊า ดูถูกม๊าสารพัด ม๊าก็ต้องทน”
รามเชื่อที่โบตั๋นพูด โกรธขึ้นมาทันทีเลย
“บ้านโน้นทำกับม๊าขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ตอนแกไม่อยู่ มันเล่นงานม๊าสารพัดแล้วก็ยุให้ป๊าแต่งงานใหม่ พวกมันหัวเราะใส่หน้าม๊า ม๊าเจ็บใจนัก”
ลินดาร้องไห้แสดงความสมจริงสุดชีวิต รามโกรธแค้น
“ใครมันทำม๊า”
“ไอ้ราพณ์กับนังรุ้งรายน่ะสิ ราม...รามต้องช่วยม๊านะลูก เอาสมบัติของเรา กิจการของเรามา ทำให้ทุกคนรู้ว่ารามเป็นลูกชายเจ้าสัวเรียวเป็นคนที่มีสิทธิ์ในกิจการเหมือนทุกคน”
รามกอดโบตั๋นพยายามปลอบ
“ผมสัญญา ผมจะทวงทุกอย่างของเราคืน”
ลินดาแอบยิ้มที่ปั่นรามสำเร็จ
“ราม ช่วยม๊านะ”
รามมองสงสัยว่าจะให้ช่วยอะไร
ราพณ์ รสิกา กอบกู้เดินออกมาจากห้องประชุม
“ยินดีนะครับ ที่ได้ร่วมงานกัน แล้วผมจะโทรไปแจ้งวันพรีเซ้นต์อีกทีนะครับ”
“ให้คุณหญิงแจ้งผมก็ได้นะครับ”
กอบกู้มองแบบแซวนิดๆ
“ผมก็ลืมไป”
รสิกาหันไปขึงตาใส่ ราพณ์ยิ้มไม่เดือดร้อน กอบกู้มองยิ้ม ๆ
“คุณหญิงครับเรื่องใบลา ผมอนุมัติให้คุณหญิงลาหนึ่งอาทิตย์ตามที่ขอนะครับ”
รสิกาอึ้งหน้าเหวอ
“อ้ายไม่ได้...”
ราพณ์แทรกทันที
“ผมยื่นเรื่องให้คุณเอง คุณหญิงเกรงใจคุณกอบกู้น่ะครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ สิทธิ์ในการลางานมันมีตามกฎหมายแรงงานอยู่แล้ว งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต คุณหญิงไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ถ้างั้นก็เริ่มลาได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยใช่ไหมครับ”
“ครับ”
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
รสิกาอึกอัก
“เอ่อ...”
“คุณหญิงครับ”
รสิกายกมือไหว้กอบกู้
“สวัสดีค่ะ”
ราพณ์จูงมือรสิกาเดินออกไป เธอนิ่งมากจนเขาสะดุดใจ
“คุณหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
รสิกานิ่งไม่ตอบ ราพณ์เห็นแล้วว่าเธอไม่ตอบแน่ก็จูงมือไป รสิกาตามไปแต่เย็นชามาก สิริโสภาที่ก้าวออกมามองตามไปด้วยความริษยา เธอเดินเข้าไปในออฟฟิศรสิกา
กอบกู้กำลังนั่งทำงานเลขาเคาะประตูแล้วเข้ามา
“บอสคะ พนักงานบัญชีที่เรียกมาสัมภาษณ์มาถึงแล้วค่ะ”
“เชิญเขาเข้ามาเลย”
สิริโสภาเข้ามาในห้องพร้อมกับวางใบสมัครตรงหน้ากอบกู้ สิริโสภายิ้มแต่เป็นยิ้มที่จะทำลายทุกอย่าง
ราพณ์ขับรถเข้ามาจอดในไซด์งาน โครงการทาวน์เฮ้าส์ของชาญชัย เขาหันมาเห็นรสิกาที่นั่งนิ่ง
“คุณหญิงครับ ผมขอเวลาทำธุระสักชั่วโมงนะครับ”
“ค่ะ”
รสิกานิ่งไม่หือไม่อือจนราพณ์ใจไม่ดี
“คุณโกรธที่ผมยื่นเรื่องลางานไม่บอกคุณใช่ไหม”
“หน้าที่ของลูกหนี้ก็คือทำตามคำสั่ง ฉันไม่ถือหรอกค่ะ”
“ผมมีเหตุผลนะครับที่ให้คุณลางาน”
รสิกาเมินหน้ามองออกไปนอกรถ ราพณ์จะพูดต่อเสียงเคาะกระจกรถดัง ราพณ์หันไปมองกระจกด้านของตัวเองเห็นสถาปนิกยืนอยู่
“สถาปนิกมาแล้ว...เอาเป็นว่าผมทำธุระเสร็จแล้วเราค่อยคุยกันนะครับ คุณหญิงจะลงไปกับผมไหมครับ”
รสิกานิ่ง
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะทิ้งกุญแจรถไว้ ผมทำงานเสร็จจะรีบกลับมานะครับ”
ราพณ์ลงไปจากรถ
“สวัสดีครับคุณราพณ์ ผมเข้าไปเช็คโครงสร้างทั้งหมดแล้วนะครับ” สถาปนิกรายงาน
“เป็นยังไงบ้าง”
สถาปนิกหนักใจ รสิกามองไปทางราพณ์กับสถาปนิกที่ยืนคุยกันอยู่ ราพณ์สีหน้าเคร่งเครียดเดินตามสถาปนิกไป รสิกามอง ๆ เห็นป้ายโครงการหมู่บ้านชาครียาเครือ LK Group เธอนึกถึงตอนที่ราพณ์บอกว่าจะเข้าไปดูที่โครงการของชาญชัย รสิกาคิด ๆ แล้วตัดสินใจดึงกุญแจแล้วลงจากรถตามเข้าไปด้านในตรงส่วนที่กำลังก่อสร้าง
ภายในไซด์งาน...รสิกาเดินเข้ามาเห็นราพณ์กำลังคุยงานกับสถาปนิกสีหน้าดูเคร่งเครียด เธอเดินดูงานที่กำลังก่อสร้าง ขึ้นโครงเรียบร้อยแล้วอย่างสนใจ เห็นบางจุดที่ดูไม่ค่อยดีนักโครงสร้างไม่ได้มาตรฐาน รสิกาแอบมองราพณ์ที่ทำงานหลายๆ มุม เห็นมุมทำงานของเขาที่ดูจริงจัง
ราพณ์คุย ๆ แล้วหันมาเห็นรสิกา เธอสบตากับเขาก็เมินไปทางอื่น ราพณ์มองยิ้มๆ รสิกาทำเป็นมองอย่างอื่นไปเรื่อย ราพณ์หันไปฟังสถาปนิกคิด ๆ แล้วตัดสินใจบอกกับคนคุมงาน
“เรียกหัวหน้าของคุณมาหาผม”
“มีปัญหาอะไรเหรอครับ”
“ผมต้องการคุยกับหัวหน้าของคุณเดี๋ยวนี้”
รสิกามองว่าเกิดอะไรขึ้น
ห้องทำงานชาญชัย ตึก LK...ชาญชัยนั่งนัวกับเลขาที่นั่งบนตักอยู่ที่เก้าอี้ที่โต๊ะทำงานเสียงมือถือดัง ชาญชัยกดรับอย่างหัวเสีย
“มีอะไร...” ชาญชัยลุกพรวดทันทีที่ได้ยิน “ไอ้ราพณ์มันสั่งทุบโครงสร้างทั้งหมดทิ้ง” ชาญชัยโมโหมาก “ยังไม่ต้องทำอะไร ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”
ชาญชัยแค้นมาก เลขาจะเข้ามานัวชาญชัยผลักกระเด็นไป
“ไปให้พ้น...”
ราพณ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าตึกคฤหาสน์เจ้าสัวเรียว รสิกาลงมาจากรถยืนมองราพณ์ที่ลงมาจากรถด้วยสายตากังวล
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คุณไปสั่งทุบโครงสร้างทั้งหมดแบบนั้น ไม่กลัวจะมีปัญหากับพี่เขยคุณเหรอ”
“ผมทำเพื่อบริษัท ทำไมผมต้องกลัว”
“แต่ที่ฉันเห็นพวกคุณเถียงกันวันนั้น ฉันว่าเขาไม่น่าจะยอมง่ายๆ นะ”
“คุณภาพของสินค้า เป็นสิ่งที่บริษัทของเราซื้อความไว้ใจจากลูกค้าตลอดมาและจุดนี้มันจะทำให้กิจการของเรามีฐานลูกค้าที่มั่นคง ผมจะไม่ยอมทำลายมันเพียงเพราะกำไรชั่วครั้งชั่วคราว”
“อืม...ฟังดูเป็นพ่อค้าที่มีคุณธรรมประจำใจ”
ราพณ์ยิ้ม
“ที่คุณถามผมเพราะคุณห่วงผมใช่หรือเปล่า”
รสิกาอ้ำอึ้งนิดแล้วฟอร์มใส่
“เปล่านี่ ฉันร้อน...เข้าบ้านก่อนนะ”
รสิกาหันจะเดินเข้าบ้านแล้วชะงักที่เห็นรามเดินเข้ามากับลินดาจากอีกด้าน ราพณ์พลอยชะงักไปด้วย รามมองกวนๆ
“สวัสดีครับคุณหญิง”
ลินดาเชิด
“ฉันลินดา ภรรยาคนที่สองของเจ้าสัว”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงรัตนาวลีดังขึ้น
“หญิงอ้าย...”
รัตนาวลีออกมาชะงักที่เห็นโบตั๋นกับราม เธอเข้ามาหารสิกา
“ฉันมาแสดงความยินดีกับการแต่งงานที่ไม่มีใครบอกฉัน คงไม่เห็นความสำคัญแต่ฉันไม่ถือนะคะ ผู้ดีจะไม่มีมารยาทบ้างฉันเข้าใจ” ลินดามองรสิกาตั้งแต่หัวจรดเท้า “คุณหญิงตัวจริงนี่สวยนะคะ คงได้จากหม่อมวลีมาเยอะ ทั้งหน้าตาและวิธีหาความสบายใส่ตัว”
รสิการู้เลยว่าลินดาไม่ได้มาดี ราพณ์บอกกับรสิกา
“เข้าบ้านเถอะครับคุณหญิง คำพูดบางคำถ้าฟังแล้วไม่ได้สร้างสรรค์ผมว่าไม่ควรฟัง”
รามสวนทันที
“ม๊าก็เป็นเมียป๊าเหมือนกัน มาก่อนหม่อมวลีด้วยซ้ำ เฮียควรจะให้เกียรติม๊าผมด้วย”
“เฮียไม่ชอบฝืนใจตัวเอง ใครทำอะไรไว้ก็ควรจะได้อย่างนั้น คำไทยเขาว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ราพณ์มองอย่างเกลียดชัง “คุณลินดาเคยได้ยินไหมครับ”
ลินดาโกรธจัด รามพุ่งเข้ากระชากคอเสื้อราพณ์
“เฮีย”
รัตนาวลีกับรสิกาตกใจ
หน้าตึกคฤหาสน์เจ้าสัวเรียว...รามกระชากคอเสื้อราพณ์ง้างหมัดจะต่อย ราพณ์ยกมือจับแขนของรามแล้วจับบิดก่อนจะดันออกไปไม่แรงนักแต่รามที่ตั้งหลักไม่ได้เซจนล้มไป เง็กวิ่งออกมาเห็นเหตุการณ์ตกใจมาก ลินดาเห็นก็โกรธจัด
“ราม...ไอ้ราพณ์ แกทำลูกฉัน...แก”
ลินดาจับกระเป๋าสะพายของตัวเองฟาดหน้าราพณ์ คนอื่น ๆ ตกใจ เง็กรีบเข้าไปดึงลินดาไว้
“อย่าค่ะคุณลินดา”
เง็กเข้าจับลินดาไว้ไม่ยอม
“ปล่อยนะ ฉันจะฆ่ามัน ปล่อย”
ลินดาเหวี่ยงออกแรงเต็มที่ เง็กแทบจะปลิวแต่ยังพยายายามจะดึงไว้ รัตนาวลีหันไปบอกแหวว
“แหวว เข้าไปช่วยเขาสิ”
“ค่ะ”
แหววรีบวิ่งไปช่วยล็อคตัวลินดา
“จะรุมฉันเหรอ อีพวกบ้า”
รัตนาวลีเข้าไปดูราพณ์
“คุณราพณ์เป็นยังไงบ้าง”
ลินดายิ่งอาละวาดเหวี่ยงทั้งแหววกับเง็กกระจายไป โบตั๋นพุ่งไปทางรัตนาวลีจะเอากระเป๋าฟาดหน้ารัตนาวลี ทันใดนั้นเสียงเจ้าสัวเรียวดังขึ้น
“หยุดนะ”
เสียงของเจ้าสัวเรียวทำให้ลินดาชะงักมือ เจ้าสัวเรียวก้าวออกมา
“เธอกล้ามาอาละวาดในบ้านนี้ ความเกรงใจไม่มีแล้วใช่ไหม”
“ป๊าว่าม๊าก็ไม่ถูก” รามชี้หน้าราพณ์ “เฮียราพณ์มาก้าวร้าวม๊าผมก่อน ถ้าจะมีคนผิดก็ต้องเป็นเฮียราพณ์”
“ผมอาจจะผิดที่ไม่ควบคุมอารมณ์ แต่ผมไม่ชอบให้ใครมาพูดจาดูถูกภรรยาผม” ราพณ์โต้
“ไม่จริง ม๊าไม่ได้พูด” รามเถียงแทน
“เงียบ” เจ้าสัวเรียวตวาด
ทุกคนชะงัก เจ้าสัวเรียวมองลินดา
“อั๊วรู้จักลื้อมากกว่าตัวลื้อซะอีก” เจ้าสัวเรียวหันไปหารัตนาวลีกับรสิกา
“ผมขอโทษหม่อมกับคุณหญิงด้วยนะครับ”
ลินดาไม่พอใจ
“เจ้าสัว”
เจ้าสัวเรียวไม่ตะโกน แต่เสียงมีอำนาจ
“ถ้าจะคุยไปที่ห้องหนังสือ ไม่อย่างนั้นก็กลับไป”
“ป๊า...” รามจะเถียง
ลินดาต้องดึงรามไว้ไม่ให้พูด
“เข้าบ้านเถอะครับ”
เจ้าสัวเรียวพารัตนาวลีเข้าไป ราพณ์จับมือรสิกาพาเข้าไปในบ้าน รามไม่เข้าใจ
“ทำไมม๊าถึงยอม”
“เรื่องนี้มันเล็กน้อย เรามาเพื่อเรื่องใหญ่กว่านั้น เชื่อม๊า ม๊าจะจัดการเอง”
ลินดามองเข้าไปในบ้านอย่างหมายมาด
ลินดากับรามเข้ามาที่หน้าห้องหนังสือ เจ้าสัวเรียวเดินมาจากอีกทาง
“เข้าไปคุยในห้อง”
ราพณ์ตามเจ้าสัวเรียวมาทำท่าจะตามเข้าไปด้วย เจ้าสัวเรียวหันมาบอก
“ไม่เป็นไร”
“แต่ผมไม่อยากให้ป๊าต้องปวดหัว”
“ทำไม สมบัติที่ได้ไปเยอะแยะยังไม่พออีกเหรอ ถ้าป๊าเธอจะให้พวกฉันก็มีสิทธิ์จะได้” ลินดาแดกดัน
ราพณ์ยิ้ม
“ถ้าจะว่ากันตามสิทธิ์ พวกผมเป็นลูกของแม่ใหญ่ที่ช่วยป๊าสร้างฐานะ พวกผมมีสิทธิ์ทุกอย่าง ส่วนพวกที่ไม่ทำอะไร ถ้าคิดจะจับเสือมือเปล่าคงไม่ได้”
“ต่อหน้าป๊าเฮียกล้าพูดแบบนี้เลยเหรอ” รามเสียงดัง
เจ้าสัวเรียวพูดขึ้นเรียบนิ่ง
“มันเป็นความจริงที่พวกลื้อต้องยอมรับ”
ราพณ์ยิ้มอย่างมีชัย โบตั๋นแค้นมาก เจ้าสัวเรียวบอกกับราพณ์
“ลื้อไม่ต้อง มีอะไรป๊าจะเรียกเอง”
“ครับ...”
รุ้งรายเข้ามาท่าทางเครียด
“เฮีย...เฮียชาญชัยมา”
ราพณ์มองหน้ารุ้งรายรู้ทันทีว่าชาญชัยมาพร้อมอาละวาด ราพณ์เครียด ๆ เดินออกไป
ชาญชัยตบโต๊ะปัง จนรังรองที่นั่งอยู่ข้างๆ สะดุ้ง
“เฮียลงทุนขึ้นโครงสร้างไปเกือบร้อยหลัง จะให้เฮียทุบทิ้งทั้งหมดไม่ได้”
ราพณ์นิ่งมาก
“ผมกับวิศวกรตรวจโครงสร้างทั้งหมดพื้นใช้เหล็กเสริมน้อย ผมเดินพื้นยังสั่นจนรู้สึกได้ พอลองทุบก็รู้เลยว่าครั้งนี้มีการยักยอก”
ชาญชัยเลิ่กลั่กที่รายละเอียดเป๊ะ
“เฮียไม่รู้ว่ามันกินกัน”
“ผู้รับเหมายืนยันว่าเฮียเป็นคนอนุมัติและรับรู้ทุกอย่าง”
“เห็นแก่กำไรเล็กๆ น้อยๆ ทำลายความน่าเชื่อถือ” รุ้งรายตำหนิ
“พวกลื้อกลัวกันมากเกินไปหรือเปล่า มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ชาญชัยไม่พอใจ
“ป๊าสอนเสมอว่าธุรกิจมันเป็นกิจธุระของคนทำการค้าที่ต้องซื่อสัตย์และไม่ประมาท” ราพณ์พูดนิ่งๆ
“บริษัทในเครือของเราต้องทำงานให้เท่ากับมาตรฐานที่ป๊าวางไว้ ไม่งั้นเรื่องจะแยกตัวเป็นอิสระทั้งที่ผลงานไม่เข้าตาคงจะยาก” รุ้งรายเสริม
“ในฐานะที่ผมเป็นรองประธาน ผมต้องการให้ทุบแล้วสร้างใหม่ให้ได้มาตรฐาน ช้าก็ต้องยอม เฮียอาจจะต้องให้โปรโมชั่นกับลูกค้า ขอให้เฮียทำแผนงานส่งขึ้นมาให้ผมพิจารณา” ราพณ์พูดเสียงแข็งจริงจัง
“เฮียต้องถามป๊าก่อน” ชาญชัยยังดึงดัน
“ป๊าวางมือให้เฮียราพณ์บริหารมาตั้งนานแล้ว ป๊าจะฟังใครก็รู้อยู่” รุ้งรายแทรก
ชาญชัยมองรุ้งรายกับราพณ์อย่างเกลียดชัง เขาแค้นมากผละจากไป
“เฮียคะ เฮีย” รังรองหันมาหาราพณ์ “ทำเกินไปแล้วนะราพณ์ เห็นแก่เจ้อย่าให้มันเป็นเรื่องได้ไหม”
“ผมทำไม่ได้ครับเจ้”
“เห็นแก่เจ้ ยอมสักครั้งนะราพณ์” รังรองน้ำตาร่วง
ราพณ์อึ้งที่โดนรังรองใช้ความเป็นพี่น้องกดดัน
“เรื่องงานเจ้ไม่ควรเข้ามายุ่ง” รุ้งรายขัดขึ้น
“ราพณ์” รังรองร้องไห้ใส่ “เจ้ขอร้อง อย่าสั่งทุบเลยนะ”
“ผมทำไม่ได้ครับเจ้”
รังรองร้องไห้รีบตามชาญชัยออกไป รุ้งรายตบไหล่ราพณ์อย่างให้กำลังใจ
“ใจเย็น ๆนะเฮีย”
รสิกากำลังจะเดินขึ้นชั้นบน แต่ชะงักที่เห็นรังรองกำลังวิ่งตามชาญชัยออกไป รสิกามองตาม ชาญชัยเดินออกมาจะตัดผ่านสวนไปที่รถรังรองตามมาดึงแขนไว้
“เฮีย...เฮียใจเย็นๆ นะคะ”
“ปล่อย” ชาญชัยสะบัด
“รองขอโทษแทนน้อง”
“กี่ครั้งแล้วที่พี่น้องคุณหักหน้าผม แล้วคุณช่วยอะไรได้บ้าง”
“แต่ที่ราพณ์พูด...มันเป็นเรื่องจริงนี่คะ ถ้าคุณ...”
ชาญชัยตบหน้า เพี๊ยะ รังรองกระเด็นไป
“ไม่ต้องมาสอนฉัน”
รสิกาตัดสินใจก้าวเข้าไปยืนตรงที่รังรองฟุบอยู่ รสิกามองคิดว่าชาญชัยจะหยุด
“คุณหญิง”
ชาญชัยมองรสิกาแต่สีหน้าไม่แคร์ไม่ได้สนใจจะขยับออก รังรองจะตาม
“เฮีย...”
ชาญชัยชี้หน้า
“อย่าตามมานะ”
ชาญชัยเดินออกไปเลย รังรองได้แต่ร้องไห้ รสิกาประคอง
“คุณหญิง อย่าบอกป๊ากับราพณ์นะคะ” รังรองขอร้อง
รสิกายิ้มรับคำ
ในห้องหนังสือ เจ้าสัวเรียวฟังที่โบตั๋นพูด สีหน้าไม่อยากเชื่อ
“รามน่ะเหรออยากทำงาน”
“ครับ” รามยืนยัน
“แต่ป๊าว่า...”
โบตั๋นแทรก
“ทำไมคะ ลูกตั้งใจจะช่วยงานป๊า ทำไมเจ้าสัวต้องลังเล หรือว่ามีใครคิดจะกีดกันลูกของโบตั๋น จะกดไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลยหรือไง”
เจ้าสัวเรียวมองโบตั๋นด้วยสายตากร้าว โบตั๋นชะงักที่เห็นสายตาสั่งให้หยุด เจ้าสัวเรียวไม่สนใจโบตั๋นพูดกับราม
“ถ้าป๊าแน่ใจว่ารามทำงานได้ ถ้าอาการของลื้อไม่เป็นปัญหา”
“ผมไม่ได้ป่วย” รามเถียง
“ลื้อต้องพบหมอพร้อมกับป๊า ถ้าลื้อไม่ป่วยจริง ป๊าจะให้ทำงาน”
“งั้นผมไปหาเอง”
เจ้าสัวเรียวเสียงแข็ง
“ไม่ได้ ถ้าไม่ทำตามนี้เรื่องทำงานก็ไม่ต้องคิด”
รามอยากจะเถียงต่อ แต่โบตั๋นขยิบตาให้ยอม รามจำต้องตกลง
รสิกาเอาผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ยื่นให้รังรองพร้อมกับวางแก้วน้ำให้
“ดื่มน้ำสักหน่อยนะคะ”
รังรองรับแก้วมาอย่างลังเลแล้ววางแก้วจับมือของรสิกา
“คุณหญิง อย่าบอกราพณ์กับป๊านะคะเรื่องที่...”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำร้ายคุณ...” รสิกาเห็นรังรองนิ่งอย่างยอมรับ “คุณไม่ควร
ยอมนะคะ”
รังรองชะงักไป
“ฉันไม่มีทางเลือก”
“หรือว่าคุณไม่เลือกคะ”
รังรองอึ้งๆ
“ความรักทำให้ฉันไม่มีทางเลือก ฉันรักแล้วอยากจะทำเพื่อคนที่ฉันรักให้ถึงที่สุด”
“ฉันเข้าใจค่ะว่าความรักบีบให้เราต้องยอมทำทุกอย่างมันเป็นยังไง”
“คุณหญิง...”
“ความรักของฉันอาจจะไม่ใช่ความรักแบบหนุ่มสาว” รสิกานึกถึงตัวเองที่รักวัง รักพ่อจนต้องยอมแต่งงาน “แต่ฉันก็เข้าใจคุณนะคะ คุณรังรอง”
“ขอบคุณค่ะที่คุณพยายามเข้าใจฉัน แต่น้อง ๆ ของฉันไม่ยอมเข้าใจฉันเลย”
ราพณ์ที่ตามมาชะงักที่เห็นรังรองคุยกับรสิกา
“คุณหญิงช่วยพูดกับราพณ์ได้ไหมคะ”
ราพณ์สีหน้าเครียด กำลังจะพูด รสิกาพูดขึ้นมาซะก่อน
“คุณรังรองคะ เรื่องนี้คุณราพณ์จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นคงไม่ได้ เพราะถ้าโครงสร้างของบ้านถล่มลงมา คุณชาญชัยกับบริษัทต้องโดนฟ้อง ถึงตอนนั้น เรื่องจะใหญ่กว่านี้มากนะคะ”
รังรองอึ้งไป
“ฉัน...”
“ฉันคิดว่าคุณราพณ์กำลังพยายามป้องกันไม่ให้เรื่องร้าย ๆ มันเกิดกับธุรกิจคุณชาญชัย คุณรังรองเห็นตรงจุดนั้นไหมคะ”
รังรองพยักหน้าเบาๆ อย่างเริ่มเข้าใจ ราพณ์ยิ้มมองรสิกาอย่างประทับใจแล้วเดินออกไป รสิกาจับมือรังรองอย่างปลอบใจจริงใจ
ลินดาดึงรามออกมาจากห้องหนังสือ
“ถ้าไปตรวจก็ไม่ได้ทำงานสิม๊า”
“แกก็อย่าให้หมอมันจับได้สิว่าแกไม่ได้กินยา”
รามหงุดหงิด
“มันต้องมีทางแก้สิน่า”
กิมท้อโผล่หน้ามา
“คุณโบตั๋น”
“รามไปรอที่ห้องรับแขกนะเดี๋ยวม๊าตามไป”
รามมองลินดาที่ยิ้มร้ายกับกิมท้อ มองออกว่าโบตั๋นจะไปหาเรื่องอะไรอีกแน่
ครัวคฤหาสน์เจ้าสัวเรียวยามเย็น เง็กกับแหววคนรับใช้คนอื่นๆ กำลังเตรียมจะยกอาหารออกไปที่โต๊ะ กิมท้อพาลินดาเข้ามา
“คุณผู้หญิงมา”
เง็ก และคนรับใช้อื่นๆ หันมาเห็นโบตั๋นก็พากันยกมือไหว้ แหววงงๆ แต่เห็นคนอื่นไหว้ก็เลยไหว้ตาม กิมท้อเสียงจิกกระชากมาก
“แหวว นี่คุณลินดาเป็นคุณผู้หญิงคนที่สองของบ้านนี้ ก่อนที่เจ้านายของหล่อนจะมา คุณโบตั๋นคะนี่นังแหวว ขี้ข้าบ้านผู้ดีที่ตามมาเลียเจ้านายถึงนี่ค่ะ”
“กิมท้อกับฉันมันก็ขี้ข้าเหมือนกันนะ” แหววโมโหจี๊ด
“ต่อหน้าฉันให้มันมีมารยาทหน่อย”
เง็กพยายามห้ามศึก
“คุณลินดาไปรอที่โต๊ะไหมคะ ได้เวลาตั้งโต๊ะพอดีค่ะ”
“ก็ดี”
“แหวว ยกปลานึ่งซีอิ้วไปที” เง็กสั่ง
แหววไปยกจานปลานึ่งซีอิ้ว ลินดาสบตากิมท้อ กิมท้อรู้หน้าที่เอาขาขัดแหววจนล้ม หน้าทิ่มจานปลาเต็ม ๆ กิมท้อหัวเราะสะใจ
“หิวเหรอแหวว” กิมท้อขำสะใจ
แหววงงว่าเกิดอะไรขึ้น ลุกขึ้นมา กิมท้อด่าทันที
“ขี้ข้าผู้ดีทำไมมันซุ่มซ่ามนักนะคะคุณลินดา”
เง็กเข้ามาจับมือแหววไว้พยายามจะให้ใจเย็น
“อั๊วช่วยเก็บนะ”
ลินดาตวาด
“ไม่ต้องยุ่ง ใครมันทำก็ให้มันเก็บ”
แหววโกรธที่โดนรังแกไม่รู้สาเหตุมองหน้าลินดา
“ทำไม คิดจะใช้กำลังเหรอ ผู้ดีเขาไม่อบรมมารยาทให้เหรอไง”
แหววอึ้งไปได้แต่ยืนกำหมัด กิมท้อด่าต่อ
“ขี้ข้าผู้ดีคงตบตีไม่เป็นนะคะคุณลินดา อยู่แต่ในวังคงโง่ดักดานเหมือนนาย”
แหววโกรธมากใกล้จะสิ้นสุดความอดทนเต็มที
“แหวว...”
เง็กพยายามส่งสายตาว่าอย่าให้เป็นเรื่อง แหววสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ ก้มลงเก็บจานปลา กิมท้อเห็นแหววไม่ตอบโต้ยิ่งได้ใจ
“มาฉันช่วย”
กิมท้อทำเป็นก้ม ๆจะช่วยเก็บที่มือแหววกำลังหยิบตัวปลากิมท้อแกล้งเหยียบลงไปที่มือของแหววที่กำลังจะหยิบปลา
“โอ้ย”
กิมท้อคิดว่าแหววไม่กล้าเพราะมีลินดาเป็นกองหนุน
“โอ้ย พวกขี้ข้าผู้ดี ทำอะไรชักช้าจริง ดัดจริตหนีบไม้หนีบมือถึงได้ชักช้านัก ทำอะไรให้มันเต็มไม้เต็มมือหน่อย”
แหววลุกขึ้นมองหน้า กิมท้อลอยหน้าลอยตา
“อย่ามัวแต่ทำตัวตีนแดงตะแคงตีนเดินเหมือนเจ้านาย”
แหววความอดทนสิ้นสุดถีบเข้ากลางลำตัวกิมท้อจนกิมท้อจุกตัวงอ
“ตะแคงแบบนี้โอเคนะ”
“นังแหวว”
แหววลอยหน้าลอยตามากว่าจะทำไม ลินดามองหน้าแหววเงื้อจะตบ เสียงรสิกาดังขึ้น
“หยุดนะ”
ลินดาชะงัก
“คุณจะทำร้ายคนของฉันไม่ได้”
“ก็มันทำร้ายคนของฉันก่อน”
“ไม่จริงนะคะ กิมท้อมาขัดขาพี่ก่อน” แหววเถียง
“โกหก” กิมท้อตวาด
“ถามพี่เง็กกับคนอื่นๆ ก็ได้” แหววสวน
รสิกาหันไปหาเง็กกับคนอื่นๆ โบตั๋นจ้องจนตาแทบถลน รัตนาวลีเข้ามา
“พูดไปตามความจริงเถอะจ๊ะ...ไม่ว่าใครก็จะทำร้ายคนในบ้านนี้อย่างไม่มีเหตุผลไม่ได้ เพราะคนแบบนั้นเจ้าสัวจะไม่เลี้ยงไว้”
ลินดาประกาศ
“ฉันเป็นแม่ของลูกชายคนรองของตระกูล” โบตั๋นมองรัตนาวลี “ใครก็ ไล่ฉันออกไปจากที่นี่ไม่ได้”
รัตนาวลียิ้ม
“ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ เพราะคนตัดสินใจคือเจ้าสัว ลองไหมคะ ว่าเจ้าสัวจะเลือกใครระหว่างคุณกับฉัน”
ลินดาแค้นสะบัดหน้าไป กิมท้อจะตาม รัตนาวลีเรียกเสียงแข็ง
“กิมท้อ”
กิมท้อจำต้องหยุดหันมา
“ค่ะคุณผู้หญิง”
“คนอยู่บ้านหลังเดียวกัน ฉันอยากได้คนที่รักสงบและชอบความสามัคคี แต่ถ้าทำไม่ได้ตามนี้ ก็คงอยู่ร่วมกันไม่ได้”
กิมท้ออึ้งแต่ไม่หาญสู้
“ค่ะ”
“เก็บกวาดให้เรียบร้อยนะแหวว”
กิมท้อจะยิ้ม แต่...รัตนาวลีสั่งเสียงเข้ม
“กิมท้อ...ช่วยกันก่อเรื่องก็ช่วยกันเก็บกวาดด้วย”
กิมท้อจะเถียง
“แต่...”
รัตนาวลีจ้องหน้า
“ทำไม่ได้”
“ทำได้ค่ะ”
กิมท้อรีบเข้าไปช่วยแหววเก็บกวาด แหววยิ้มเย้ยกิมท้อ เง็กกับคนอื่นแอบหันไปยิ้มสะใจทางอื่น กิมท้อเห็นทุกคนยิ้มเยาะตัวเองก็แค้นมาก
จบตอนที่ 4