xs
xsm
sm
md
lg

ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 4 

นันทินีรีบเดินมาหานักข่าว
“พี่ๆนักข่าวคะ..” นันทินีเรียก
นันทินีกระซิบ นักข่าวตาโตและหูผึ่งรีบลุกเดินออกไป สุรีย์หันมาเห็นก็แปลกใจ
“มีอะไรเหรอหนูนัน”
นันทินียิ้มแต่ไม่ตอบอะไร

จันทรภานุจับแขนประกายดาวเอาไว้ ประกายดาวหันมา
“ผมจะไปบอกเพื่อนของคุณเอง คุณไม่ต้องไป” จันทรภานุว่า
“ได้ไงคุณชาย ฉันมาทำงานให้เค้า ฉันก็ต้องเป็นฝ่ายไปบอกเค้าด้วยตัวเอง” ประกายดาวบอก
“ผมบอกว่าไม่ต้อง! ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ”
“คุณต่างหากที่ไม่รู้เรื่อง มีเหตุผลหน่อยได้มั๊ยคะ”
ประกายดาวแกะมือจันทรภานุออกแล้วเดินออกไปทันที จนเจอหญิงนิ่มที่ยืนขวางพงศ์จันทรอยู่
“ฉันไม่ให้นายไป” หญิงนิ่มยืนกราน
จันทรภานุตกใจ “หญิงนิ่ม..”
หญิงนิ่มหันไปทางจันทรภานุ พงศ์จันทรรีบเดินไปหาประกายดาวทันที หญิงนิ่มหัวเสีย
พงศ์จันทรยืนข้างประกายดาว “สวัสดีครับคุณชายจันทร์”
จันทรภานุตอบกลับ “สวัสดีครับคุณพงศ์จันทร”
นักข่าวที่แอบอยู่กำลังถ่ายรูปประกายดาวที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างจันทรภานุกับพงศ์จันทร ขณะที่นันทินีกับหม่อมสุรีย์แอบดูอยู่ด้วย
“เจอคุณก็ดีแล้ว เผอิญว่าคุณดาวต้องกลับไปกับผม คงอยู่ทานอาหารร่วมกับคุณไม่ได้” จันทรภานุบอก
“คงไม่ได้หรอกครับคุณชาย” พงศ์จันทรบอก จันทรภานุกับหญิงนิ่มอึ้ง “คุณดาวมีนัดไปปีนเขากับผมต่อ”
หญิงนิ่มเห็นนักข่าวกำลังถ่ายรูปก็ตกใจ
“พี่ชาย!”
จันทรภานุหันไปเห็นก็ชะงัก “ถ่ายอะไรกัน”
นันทินีรีบออกมากับสุรีย์
นันทินีแกล้งทำเป็นหวังดี “ตายแล้วพี่ๆนักข่าวขา อย่าถ่ายต่ออีกเลยนะคะ ถือว่านันขอ ไปทานข้าวกันต่อเถอะนะคะ”
นักข่าวงงๆ นันทินีพานักข่าวออกไป สุรีย์เดินเข้ามา ประกายดาวกับพงศ์จันทรยกมือไหว้สุรีย์ สุรีย์รับไหว้แต่ปรายตามองประกายดาวไม่พอใจ ไม่นานนันทินีก็เดินมาหา
“พี่นักข่าวเห็นคุณชายกับคุณดาวมีปากเสียงกัน แถมยังมีคุณพงศ์จันทรอีกคน ก็เลยเข้าใจไปว่าคุณดาวนอกใจคุณชายจันทร์น่ะค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ นันห้ามไม่ให้เค้าเอาภาพลงแล้ว ไม่งั้นมันจะเสียชื่อเสียงของคุณชาย” นันทินีบอก
“หญิงนิ่ม” จันทรภานุเรียก หญิงนิ่มหันมา “ไปตามพวกนักข่าวมานี่”
ทุกคนมองจันทรภานุอย่างไม่เข้าใจ
นักข่าวกลับมา จันทรภานุรีบโอบประกายดาวทำเอาทุกคนตกใจ
“ผมกับคุณดาว” จันทรภานุพูดเน้น “แฟนผม เราไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่ได้มีมือที่สาม เราแค่พูดคุยกันเฉยๆ” จันทรภานุหันไปทางประกายดาว “ใช่มั๊ยคะ”
ประกายดาวเหวอ จันทรภานุบีบไหล่ประกายดาว
“ใช่ค่ะ” ประกายดาวฝืนยิ้ม
“เราสองคนรักกันจะตาย”
จันทรภานุหอมแก้มประกายดาวทันที ประกายดาวตกใจจึงหันขวับไปทางจันทรภานุ ทุกคนอึ้งมาก พงศ์จันทรนิ่วหน้าสงสัยเพราะเห็นประกายดาวตกใจ นันทินีอ้าปากค้างจนแทบกรี๊ด หญิงนิ่มยิ้มพลางหันไปเย้ยพงศ์จันทร
จันทรภานุพูดต่อ “ถ่ายรูปสิครับ แล้วก็อย่าลืมเขียนด้วยนะครับว่าผมกับคุณดาวรักกันมากแค่ไหน”
นักข่าวถ่ายรูปจันทรภานุกับประกายดาย ประกายดาวจำต้องฉีกยิ้มอย่างเสียไม่ได้

จันทรภานุกำลังเอาน้ำล้างปาก พอเงยหน้าก็เห็นประกายดาวยืนอยู่ข้างหลัง จันทรภานุตกใจมาก
“เฮ่ย!” จันทรภานุดึงทิชชู่มาเช็ดปาก “นี่มันห้องน้ำชายนะคุณ เข้ามาได้ยังไง”
ประกายดาวปิดประตูแล้วล็อค จันทรภานุชะงัก
“คุณทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง?” ประกายดาวถาม
“ผมทำอะไร?”
“ก็” ประกายดาวอายที่จะพูด “คุณหอมแก้มฉัน”
“มันเป็นแค่การแสดง ผมไม่ได้อยากหอมแก้มคุณซักนิด ไม่งั้นผมไม่มาล้างปากอยู่แบบนี้หรอก”
“รังเกียจฉันมากเหรอไง”
“ไม่ได้รังเกียจ แต่คุณไม่คู่ควรกับผม”
ประกายดาวเหวอ “ฉันไม่เคยเห็นใครที่หลงตัวเองมาก่อนอย่างคุณเลยนะคุณชาย สุดยอด”
ประกายดาวเปิดประตูเดินออกไป จันทรภานุหันมาเอาน้ำล้างปากต่อ
พงศ์จันทรที่ยืนแอบอยู่หน้าห้องน้ำได้ยินทุกอย่าง พงศ์จันทรยิ้มอย่างพอใจที่รู้ว่าเรื่องระหว่างประกายดาวกับจันทรภานุคือการแสดง

จันทรภานุเดินออกมา ทุกคนยืนรออยู่แล้ว
“ชายจันทร์ ไปกันเถอะ” สุรีย์ชวน
“หม่อมแม่กับคุณนันกลับกรุงเทพกันก่อนก็ได้นะครับ เพราะว่าผมจะไปปีนเขากับคุณดาว” จันทรภานุบอก
จันทรภานุหันไปมองประกายดาวแล้วยิ้มให้ ประกายดาวอึ้ง พงศ์จันทรมีสีหน้าเรียบเฉยไม่หวาดหวั่น หญิงนิ่มอมยิ้มอย่างสะใจ
เจ๊พีชพึมพำ “สนุกล่ะคราวนี้”
นันทินีกับสุรีย์ไม่พอใจ
ประกายดาวกับจันทรภานุมองหน้ากัน จันทรภานุยิ้มมุมปากนิดๆ

จันทรภานุเปลี่ยนชุดพร้อมเตรียมปีนเขาเงยหน้ามองเขาที่สูงชันพลางกลืนน้ำลายเอื๊อก ประกายดาวและพงศ์จันทรก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อมสำหรับปีนเขาเช่นกัน นันทินีกับหญิงนิ่มยืนอยู่ด้วย
ประกายดาวกำลังใส่อุปกรณ์เข้ากับตัวเอง พงศ์จันทรคอยเช็ดความแข็งแรงให้
“เรียบร้อยแล้วคุณดาว” พงศ์จันทรยกนิ้วโป้งให้
พงศ์จันทรเดินไปหาจันทรภานุ
“คุณชายเคยปีนเขามาก่อนมั๊ยครับ” พงศ์จันทรถาม
“ไม่เคย แต่เท่าที่ดู ก็ไม่น่ายาก” จันทรภานุบอก
“ระหว่างที่ผมใส่อุปกรณ์ให้คุณชาย ผมจะอธิบายเบสิคเกี่ยวกับการปีนเขาให้คุณชายฟังไปด้วย”
พงศ์จันทรใส่อุปกรณ์ให้จันทรภานุพลางพูดไปด้วย
“หลักปีนเขาที่ดีคือ ต้องเคลื่อนไหว โดยให้ร่างกายอยู่ในลักษณะสมดุลกัน ต้องเคลื่อนไหวในแบบที่ตนถนัด และไม่เสียแรงมาก ต้องอาศัยความมั่นคงของมือและเท้าในการเหยียบ”
พงศ์จันทรใส่อุปกรณ์เสร็จพอดี แล้วก็เงยหน้ามองจันทรภานุ
“หินพวกนี้มีความคม ระวังหน่อยนะครับคุณชาย ถ้าพลาดล่ะก้อ..มันจะหลุดมือไปเลยนะครับ”
พงศ์จันทรเหล่มองประกายดาวแว๊บนึงเพราะว่าเขาตั้งใจจะหมายถึงประกายดาวแต่จันทรภานุไม่เข้าใจ คนที่เข้าใจคือหญิงนิ่ม
หญิงนิ่มหัวเสีย “คนอย่างพี่ชาย ถ้าอะไรอยู่ในมือแล้วล่ะก้อ ไม่มีทางหลุดไปง่ายๆ พี่ชายสู้ๆค่ะ”
“นันเคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ นันจะเต้นเชียร์คุณชายเองค่ะ” นันทินีบอก
นันทินีเต้นโชว์พร้อมร้องเพลงเชียร์
“คุณชายสู้ๆ คุณชายสู้ตาย คุณชายสู้ๆ โย่โย่”
หญิงนิ่มกับพงศ์จันทรมองหน้าด้วยแววตาท้าทาย

จันทรภานุ ประกายดาว และพงศ์จันทรเริ่มปีนเขา ประกายดาวอยู่ตรงกลางระหว่างสองหนุ่ม พงศ์จันทรกับประกายดาวปีนคล่องมาก จันทรภานุปีนได้แต่ก็ไม่ถนัดเลยช้ากว่าคนอื่น จันทรภานุหัวเสียที่ตามประกายดาวกับพงศ์จันทรไม่ทัน นันทินีมองด้วยความลุ้นและหวาดเสียว
นันทินีตะโกนบอก “คุณชายระวังนะคะ..”
จันทรภานุพยายามอย่างมาก เขาหันไปเห็นพงศ์จันทรอยู่สูงกว่าและหันมามองอย่างเย้ยๆก็ยิ่งโมโหจึงพยายามจะปีนขึ้นให้เร็วกว่านี้แต่ก็ยังทุลักทุเล

สุรีย์กับเจ๊พีชเห็นจันทรภานุ ประกายดาว และพงศ์จันทรกำลังปีนเขาในระยะไกล สุรีย์มีสีหน้าที่ไม่สบายใจ
“คุณชายนี่ก็เก่งเหมือนกันนะคะหม่อม ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง” เจ๊พีซชม
“เก่งอะไรล่ะ ชายจันทร์ไม่เคยปีนเขามาก่อน” สุรีย์บอก
“อ้าว??เหรอคะ..แต่ท่าทางดูดีนะคะเนี่ย”
“ชายจันทร์นะชายจันทร์ ไม่รู้คิดอะไร เกิดตกลงมาหัวร้างค่างแตกจะทำยังไง?”
สุรีย์กังวลใจมาก

จันทรภานุอยากเร่งให้เท่ากับพงศ์จันทรเลยพยายามก้าวขายาวๆ หญิงนิ่มกับนันทินีลุ้นมาก พงศ์จันทรหันมาพูดกับจันทรภานุ
“ปีนเขาครั้งแรก มันต้องใจเย็นครับคุณชาย”
ประกายดาวเป็นห่วง “ไหวมั๊ยคะคุณชาย”
“แค่นี้สบายมาก”
“คุณชายปีนดีดีนะคะ ระวังค่ะ ระวัง...”
จันทรภานุอยากจะบ้าตายกับเสียงนันทินี แล้วเขาก็ก้าวพลาดจนเกือบหล่นดีที่จับแง่งหินเอาไว้ได้ทัน
นันทินีตกใจ “อ๊ายย!! คุณชายเป็นยังไงบ้างคะ คุณชาย...คุณชาย”
หญิงนิ่มสุดทน “โอ๊ยพี่นัน!! พี่ชายจะเสียสมาธิก็เพราะเสียงพี่นั่นแหละ”
นันทินีจ๋อยเลยไม่กล้าส่งเสียง ประกายดาวหันมาพูดกับจันทรภานุ
“ถ้าคุณชายไม่ไหว...ก็พอเถอะค่ะ”
“ผมทำได้!” จันทรภานุบอก
จันทรภานุเหลือบเห็นพงศ์จันทรที่กำลังส่ายหัวทำท่าเอือมระอาก็ยิ่งหงุดหงิด เขาเลยเร่งสปีดจนตามทันทำเอาทุกคนเหวอที่จันทรภานุทำได้แม้ว่าจะปีนเขาครั้งแรก ประกายดาวเองก็เช่นกัน และเพราะมัวแต่มองจันทรภานุจังหวะที่ประกายดาวเหยียบปีนขึ้นมากลายเป็นว่าเธอแค่เหยียบก้อนหินธรรมดาทำให้ก้อนหินร่วง ประกายดาวจึงเสียหลักจะหล่น ทุกคนตกใจ จันทรภานุรีบสวิงตัวมาโอบประกายดาวเอาไว้แน่น สองคนมองหน้ากัน แล้วตัวประกายดาวก็กระแทกกับผาหินอย่างแรงจนเข่าเป็นแผล
“โอ๊ย!”
จันทรภานุก้มหน้าเห็นเข่าประกายดาวเลือดออกเขาก็ตกใจ
“คุณดาว!”
พงศ์จันทรกับหญิงนิ่มตกใจ นันทินีแอบสมน้ำหน้า

ประกายดาว จันทรภานุ และพงศ์จันทรกลับลงมาบนพื้น ทั้งสามคนปลดอุปกรณ์เรียบร้อย หญิงนิ่มกับนันทินีรีบเดินเข้ามาหา
“เจ็บมากมั๊ยคุณดาว” จันทรภานุถาม
“นิดหน่อยค่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก” ประกายดาวตอบ
“จะไม่เป็นอะไรได้ไง เลือดคุณออก”
ประกายดาวเห็นแผลที่แขนจันทรภานุ
“คุณก็มีแผล”
“ของผมแค่ถลอก คุณรีบไปทำแผลเถอะ”
พงศ์จันทรรีบบอก “เดี๋ยวผมพาไป”
จันทรภานุอุ้มประกายดาวขึ้นมาทำเอาทุกคนเหวอ ประกายดาวตกใจ
“คุณชายอุ้มฉันทำไม?” ประกายดาวถาม
“ก็คุณเจ็บ” จันทรภานุพูดกับพงศ์จันทร “รีบพาไปสิครับ”
พงศ์จันทรไม่ค่อยชอบใจนักแต่ก็ต้องพาทุกคนเดินออกไป นันทินีหัวเสีย
“พี่ชายดูรักและเป็นห่วงพี่ดาวมากเลยนะคะ พี่นันว่ามั๊ย” หญิงนิ่มทำเป็นถาม
หญิงนิ่มแสร้งยิ้มจริงใจ แล้วเธอก็เดินออกไป นันทินีได้แต่กำมือแน่นด้วยความหัวเสียก่อนจะเดินตามออกไป

จันทรภานุทำแผลที่เข่าให้ประกายดาวด้วยตัวเองทำให้ทุกคนอึ้งกันไปหมด ประกายดาวมองจันทรภานุด้วยความซาบซึ้งใจเล็กๆ พงศ์จันทรมองด้วยความเซ็ง
“ชายจันทร์ อย่ามัวแต่ดูแลคนอื่น ลูกเองก็เจ็บเหมือนกัน” สุรีย์บอก
“ของผมเป็นแผลแค่นิดหน่อยเองครับหม่อมแม่ ผมไม่เจ็บเลย แต่คุณดาวน่ะสิครับ...” จันทรภานุบอก
ประกายดาวแสบแผล “โอ๊ย!”
“เจ็บเหรอ?” จันทรภานุถาม
“แสบมากกว่าน่ะค่ะ”
จันทรภานุค่อยๆเป่าแผลให้ประกายดาวยิ่งทำให้ทุกคนตะลึง หญิงนิ่มอมยิ้มอย่างมีความสุข นันทินีกับสุรีย์มองหน้ากันด้วยความไม่พอใจด้วยกันทั้งคู่

จันทรภานุประคองประกายดาวมาที่รถ พงศ์จันทร หญิงนิ่ม สุรีย์ นันทินี และเจ๊พีชเดินตามออกมา
จันทรภานุหันไปทางเจ๊พีช “เจ๊พีชครับ ถ้าไงผมจะไปส่งคุณดาวที่บ้านเอง”
“ได้สิคะ”
จันทรภานุประคองประกายดาวพาเข้าไปนั่งในรถ สุรีย์กับนันทินีพูดไม่ออก พงศ์จันทรกับเจ๊พีชไหว้สุรีย์ แล้วสุรีย์ กับนันทินีก็ขึ้นไปนั่งในรถ หญิงนิ่มหันมาไหว้เจ๊พีช เจ๊พีชรับไหว้ หญิงนิ่มปรายตามองพงศ์จันทรพลางยิ้มขำๆแล้วก็ขึ้นรถ รถจันทรภานุแล่นออกไป พงศ์จันทรมองตามด้วยความหัวเสียและสุดเซ็ง
“เจ๊ว่าดูท่าทางคุณชายกับน้องดาวน่าจะเป็นแฟนกันจริงๆ เพราะคุณชายดูเทคแคร์มั่กๆ” เจ๊พีซบอก
พงศ์จันทรนิ่วหน้าเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่เจ๊พีชพูด

จันทรภานุ ประกายดาว หญิงนิ่ม นันทินี และสุรีย์ลงมาจากรถที่จอดหน้าวัง รถแล่นออกไป
“ผมจะไปส่งคุณดาวนะครับหม่อมแม่” จันทรภานุบอก
สุรีย์กับนันทินีพูดไม่ออก
สุรีย์รับคำสั้นๆ “จ๊ะ..”
ประกายดาวไหว้ลาสุรีย์ แล้วจันทรภานุก็ประคองประกายดาวเดินออกไป หญิงนิ่มหันไปไหว้สุรีย์
“ถ้างั้นหญิงก็ลากลับเลยนะคะ”
สุรีย์กับนันทินีรับไหว้แล้วหญิงนิ่มก็เดินออกไป ทำให้เหลือสุรีย์กับนันทินีสองคน
“หนูนันนี่ใช้ไม่ได้” สุรีย์ว่า
นันทินีเหวอ “เอ้า..ไหงหม่อมแม่มาว่านันล่ะคะ หม่อมแม่ก็เห็นว่าคุณชายตามติดยัยประกายดาวไม่ยอมห่าง นันจะหาทางเข้าไปแทรกกลางได้ยังไง”
“ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้ เราจะทำให้เค้าสองคนเลิกกันยากมากขึ้น หนูนันต้องรีบหาทาง! ไม่อย่างนั้นแม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะ”
สุรีย์ทิ้งระเบิดเอาไว้แล้วก็เดินออกไป ทิ้งให้นันทินียืนอยู่ด้วยความกลุ้มใจสุดๆ

จันทรภานุเดินเข้ามาส่งประกายดาวข้างในล็อบบี้คอนโด ประกายดาวหันไปกล่าว
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“ผมอยากให้คุณรับปากผมว่าคุณจะไม่ไปไหนมาไหนกับคุณพงศ์จันทรหรือผู้ชายคนอื่นอีก ทำได้มั๊ย”
“ฉันจะพยายาม”


“คุณห้ามพยายาม คุณต้องทำให้ได้! อย่าลืมว่าผมเป็นนายจ้าง คุณเป็นลูกจ้าง คุณมีหน้าที่ทำตามที่ผมสั่ง”
ประกายดาวเอือม “ตกลงค่ะเจ้านาย พอใจยังคะ”
จันทรภานุพยักหน้า ประกายดาวกำลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยว!” จันทรภานุเรียกไว้
ประกายดาวหยุดเดินแล้วหันมา
“อย่าลืมทายาที่แผลด้วยล่ะ” จันทรภานุบอก
ประกายดาวชะงักไปนิดนึง แล้วจันทรภานุก็เดินออกไป ประกายดาวบ่นเสียงเบา
“จริงๆก็เป็นคนที่ห่วงใยคนอื่นเหมือนกันนะเนี่ย”
ประกายดาวมองแล้วก็หันหลังเดินเข้าไป

นันทินีกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยง ต่อหน้าอรอุมากับรติรสที่นั่งอยู่ด้วย
“จับผู้ชายไม่เห็นจะง่ายซักนิด!” นันทินีว่า
เสียงที่ดังของนันทินีทำให้คนทั้งร้านหันมามอง อรอุมากับรติรสรู้สึกอายแทน
“เออคุณนันคะ ลดเสียงหน่อยดีมั๊ย” อรอุมาเตือน
นันทินีรู้ตัว “อุ๊บ! นันขอโทษค่ะ นันลืมตัวไป เพราะกำลังโมโห คุณชายเอาใจใส่นังประกายดาวน่าดู หลายปีที่นันรู้จักคุณชายมา คุณชายยังไม่เคยดูแลนันขนาดนี้เลย นันจะไม่ไหวแล้วนะคะ มันเหนื่อย..เหนื่อยมาก”
“คุณนันรักคุณชายรึเปล่า” รติรสถาม
“รักสิคะ” นันทินีตอบ
“ถ้ารักก็ต้องอดทนค่ะ เคยได้ยินที่เค้าบอกว่า “รักแท้คือการแย่งชิง รักไม่จริงคือการเสียสละ” มั๊ยคะ ถึงแม้เค้าจะมีคนอื่น แต่ถ้าเราต้องการ เราก็ต้องเอามาให้ได้”
“คุณรติรสพูดเหมือนเคยมีประสบการณ์มาก่อนเลยนะคะ” นันทินีว่า
อรอุมาหันไปมองเพื่อน “นั่นสิ แกเคยแย่งแฟนคนอื่นด้วยเหรอ”
รติรสอึ้งแล้วก็รีบแก้ตัว “ฉันก็พูดไปตามที่เคยเห็นมา” รติรสรีบเปลี่ยนเรื่อง “มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะจัดการนังประกายดาวยังไง”
อรอุมาคิด “เอาน้ำกรดปลอมไปสาดใส่มันดีมั๊ย”
“เชยไปแล้วย่ะ”
“งั้นก็เอาตุ๊กตากระต่ายราดน้ำแดงใส่กล่องแล้วส่งไปให้มันที่บ้าน”
“คนอย่างนังนั่นไม่กลัวอะไรแบบนี้หรอกค่ะ” รติรสคิดแล้วก็นึกออก “ฉันรู้แล้วว่าจะทำยังไง?”
นันทินีกับอรอุมาตาโต
“ยังไงอ่ะ?” อรอุมาถาม
รติรสทำหน้าร้ายกาจโฉดชั่ว

รติรสกับอรอุมาเดินออกมาจากร้านกาแฟ
“ให้ยัยนั่นออกหน้าไป ถ้าเกิดอะไรขึ้น นังประกายดาวก็จะคิดว่าเป็นฝีมือของยัยนัน เราสองคนจะได้ไม่ซวย!” รติรสบอก
“เธอนี่มันสุดยอดจริงๆรติ สมแล้วที่เป็นเพื่อนรักของฉัน” อรอุมาชม
รติรสยิ้มร้ายพึงพอใจ พร้อมกับหันไปขยับปากแบบไม่ออกเสียงใส่อรอุมาที่เดินนำเธอไปแล้ว
“อีโง่...”

เช้าวันต่อมา ประกายดาวเดินออกจากลิฟต์ของคอนโด ทันทีที่เธอออกมาคนยืนรอลิฟต์ก็มองเธอเป็นตาเดียวแล้วก็ซุบซิบกันไม่หยุด ประกายดาวรู้สึกแปลกๆแต่ก็ยังไม่ได้เอะใจอะไรมาก เธอเดินออกไป คนภายนอกก็มองแล้วเม้าท์กันอีก ประกายดาวชักเริ่มสงสัย

ประกายดาวเดินมาที่รถแล้วก็ตกใจสุดขีดเพราะมีรูปเธอแปะอยู่เต็มคันรถ
“เฮ้ย!”
ประกายดาวดึงรูปออกมาแล้วก็อ่านข้อความที่คาดหน้าเธอเอาไว้
“ระวังให้ดี..ผู้หญิงคนนี้ชอบแย่งผัวชาวบ้าน”
ประกายดาวโมโหสุดๆ เธอขยำกระดาษแน่นแล้วก็เข้าไปดึงกระดาษออกจากรถ แต่กระดาษติดแน่นมากๆจนแทบจะดึงไม่ออก ประกายดาวหัวเสีย
“โธ่เว๊ย!”

รถประกายดาวที่มีรูปเธอแปะเต็มยกเว้นกระจกหน้ากับกระจกหลังแล่นออกมาจากคอนโด คนที่เดินริมถนนพากันหันไปมองด้วยความสนใจ รวมทั้งรถที่แล่นผ่านมาก็ชะลออ่านข้อความ ประกายดาวสุดทนจึงเปิดกระจกออกมาถาม
“มองอะไร!”
คนที่เดินถนนตื่นกลัวจึงรีบเดินออกไป ประกายดาวกำลังจะออกรถแต่ก็ต้องเบรคเอี๊ยดเมื่อมีรถคันหนึ่งมาขวางตรงหน้า ประกายดาวสุดทนจึงปิดประตูลงจากรถแล้วกระชากกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาหารถที่ขวางหน้ารถเธอ
“อยากอ่านนักใช่มั๊ยห๊ะ!! เอาไปเลย!!”
พงศ์จันทรลดกระจกรถคันนั้นลงมาแล้วมองประกายดาวด้วยความตกใจ ประกายดาวอึ้ง
“คุณพงศ์!”

ประกายดาวกับพงศ์จันทรนั่งรอรถประกายดาวที่กำลังล้าง พนักงานช่วยกันรุมแกะกระดาษออกจากรถประกายดาว
“คุณดาวคิดว่าเป็นฝีมือใครครับ?” พงศ์จันทร์ถาม
ประกายดาวถอนหายใจ “คุณนันทินีค่ะ เธอไม่พอใจที่ฉันเป็นแฟนกับคุณชายจันทร์”
พงศ์จันทรหรี่ตามองประกายดาวด้วยความสงสัย “คุณดาวครับ ผมขอถามอะไรตรงๆ คุณกับคุณชายจันทร์เป็นแฟนกันจริงๆเหรอครับ”
ประกายดาวหน้าถอดสีแล้วก็ทำเป็นยิ้ม “ก็จริงน่ะสิคะ ทำไมคุณพงศ์ถามแบบนี้”
“ถ้าเป็นคนอื่น โกหกผมแบบนี้ ผมโกรธไปแล้ว แต่นี่เป็นคุณ..ผมโกรธไม่ลง เมื่อวานผมได้ยินคุณกับคุณชายจันทร์คุยกัน ทำให้ผมรู้ว่าทุกอย่างที่พวกคุณทำ มันคือการแสดง”
ประกายดาวหน้าซีด
พงศ์จันทรพูดต่อ “ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณต้องแกล้งเป็นแฟนกับคุณชายจันทร์ด้วย ผู้หญิงที่ทั้งสวยและเก่งอย่างคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”

ประกายดาวจนใจที่จะแก้ตัวต่อไป “ฉันมีเหตุผลบางอย่าง ที่ฉันบอกคุณไม่ได้ค่ะ”
“เรื่องเงิน..ก็ไม่น่าใช่ แล้วอะไรมันจะมีค่าขนาดทำให้คุณต้องทำอย่างนี้ครับ”
“ฉันบอกคุณไม่ได้จริงๆ เอาเป็นว่าคุณอย่าบอกใครก็แล้วกันว่าฉันกับคุณชายจันทร์เป็นแฟนกันหลอกๆ เพราะสิ่งที่ฉันต้องการจากคุณชาย มันคือความฝันของฉัน”
“ความฝันของคุณดาวคืออะไร? บอกผมได้มั๊ยครับ บางทีผมอาจจะให้คุณดาวได้ก็ได้”
ประกายดาวมองหน้าพงศ์จันทรนิ่งไป
“อย่าถามฉันอีกเลย ขอร้องนะคะ”
พงศ์จันทรมองประกายดาวด้วยสีหน้าอยากรู้มากๆว่าประกายดาวต้องการอะไร

รถประกายดาวที่ล้างจนสะอาดแล้วแล่นไปตามถนน ประกายดาวโทรศัพท์ไปขับรถไป
“ลินทร์..ฉันอยากได้ที่อยู่บ้านคุณนันทินี” ประกายดาวฟัง “ฉันมีของไปฝากเค้านิดหน่อย”
ประกายดาวหันไปมองกระดาษที่เคยแปะรถเธอที่ถูกขยำเละเทะอยู่ในลังกระดาษด้วยสีหน้าร้าย

นันทินีเปิดประตูบ้านออกมาก็ชะงักเมื่อเห็นประกายดาวยืนอยู่พร้อมกับลังกระดาษ นันทินีอึ้งแต่ทำใจดีสู้เสือ
“มาทำไม?!”
ประกายดาวโยนลังกระดาษไปตรงหน้านันทินี นันทินีสะดุ้ง
“ฉันเอาของมาคืน!” ประกายดาวบอก
นันทินีทำหน้าตาย “ของอะไร? ฉันไม่เข้าใจ!!”
ประกายดาวไม่พูดแต่เอาน้ำมันก๊าดออกมาราดลงในลังกระดาษ นันทินีตกใจ ประกายดาวจุดไม้ขีด นันทีนีแทบช็อค
นันทินีถาม “แกจะทำอะไร?!”
ประกายดาวโยนไม้ขีดไฟลงในลังกระดาษ ไฟลุกพรึ่บ นันทินีกรี๊ด
“อ๊าย”
“จำไว้ว่าอย่าทำกับฉันแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นคราวหน้าจะไม่ใช่แค่ไฟ แต่จะเป็นอะไรที่คุณคาดไม่ถึง” ประกายดาวบอก
นันทินีตื่นกลัวมาก ประกายดาวขึ้นรถแล้วขับออกไป นันทินีกลัวสุดๆ เธอรีบหันไปทางตัวบ้าน
“ใครอยู่แถวนี้ เอาน้ำมาดับไฟที” นันทินีแค้น “นังประกายดาว!”

หญิงนิ่มกำลังจัดร้านอยู่ พงศ์จันทรเดินเข้ามา หญิงนิ่มหันไปเห็นก็เซ็งทันที
“วันนี้จะซวยทั้งวันมั๊ยเนี่ย!! เฮ้อ” หญิงนิ่มบ่น
“นี่คุณหญิง..ผมมาดีนะครับ” พงศ์จันทรบอก
“น้ำหน้าอย่างนายเนี่ยนะมาดี!”
“ที่ผมมาหาคุณ เพราะผมรู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้ว”
หญิงนิ่มนิ่วหน้า “ความจริงอะไร?”
“ความจริงเรื่องคุณดาวกับคุณชายจันทร์” พงศ์จันทรบอก หญิงนิ่มตกใจสุดๆ “โอ้โฮ..ถึงกับหน้าซีดไปเลยเหรอครับคุณหญิงนิ่ม...นี่ถ้าผมไปบอกหม่อมสุรีย์ว่าความจริงมันเป็นยังไง จะดีมั๊ยน้า ถ้าหม่อมสุรีย์รู้ คุณชายก็คงต้องไปแต่งงานกับคุณนัน”
“คิดเหรอว่าทำแบบนี้แล้วพี่ดาวจะชอบนาย”
“มันก็ไม่แน่ ผมทั้งหล่อ ทั้งรวย หน้าที่การงานก็ดี แถมยังเป็นคนโรแมนติค เอาใจเก่ง รวมๆแล้วคุณสมบัติของผมดีกว่าคุณชายตั้งเยอะ ถ้าผมเดินหน้าจีบคุณดาวอย่างจริงจัง คุณดาวคงจะชอบผมได้ไม่ยาก”
“ฉันไม่ยอมให้พี่ดาวเป็นแฟนกับนาย!”
พงศ์จันทรหรี่ตา “ผมชักจะสงสัยแล้วนะ ว่าไอ้การที่คุณแสดงท่าทางแบบนี้ เป็นเพราะคุณแอบชอบผมรึเปล่า”
“บ้าน่ะสิ ฉันไม่มีวันชอบผู้ชายกะล้อนปลิ้นปล้อนเจ้าชู้ลื่นเป็นปลาไหลอย่างนายหรอก” หญิงนิ่มว่า พงศ์จันทรชะงักที่โดนด่าเป็นชุด “ฉันชอบพี่ดาว ฉันอยากได้พี่ดาวเป็นพี่สะใภ้ ฉันเชื่อว่าซักวันพี่ชายจะต้องชอบพี่ดาวขึ้นมาจริงๆ และฉันบอกได้เลยว่าพี่ดาวก็จะต้องชอบพี่ชายเช่นกัน”
“ถ้างั้นคุณคอยดูก็แล้วกัน ว่าผมจะทำให้คุณดาวชอบผมให้ได้”
พงศ์จันทรยิ้มสะใจที่ได้กวนประสาทหญิงนิ่มแล้วก็เดินออกไป หญิงนิ่มอยากจะบ้าตาย
“แค่คุณนันคนเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว ยังจะมีไอ้กะล่อนนี่อีก โอ๊ย!”
หญิงนิ่มประสาทจะเสีย
“ฉันต้องหาทางสะกัดดาวรุ่งนายให้ได้คอยดู”
หญิงนิ่มครุ่นคิดแล้วก็นึกออก

หญิงนิ่มนั่งลงตรงข้ามกับจันทรภานุด้วยสีหน้ากังวลใจ
“ถ้าพี่ชายไม่ทำอะไรซักอย่าง ซักวันความก็แตกแน่ นายพงศ์จันทรคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะคะ”
“มิน่าเมื่อวานเค้าถึงมองพี่ด้วยสายตาแปลกๆ ที่แท้เค้าก็สนใจคุณดาวอยู่นี่เอง” จันทรภานุว่า
“แต่หญิงรู้ค่ะว่าพี่ดาวไม่สนเค้า แล้วก็ไม่มีวันสนด้วย”
“น้องหญิงรู้ได้ยังไงคะ”
“มันเป็นเซ้นต์ค่ะ บอกไม่ได้ หญิงขอแนะนำว่าพี่ชายต้องทำตัวให้เป็นแฟนกับพี่ดาวมากกว่านี้ พี่ชายต้องพาพี่ดาวไปทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลง หรือทำอะไรที่คนรักเค้าทำกัน ไม่ใช่เป็นคนรักเฉพาะต่อหน้าหม่อมป้าหรือคุณนันเท่านั้น เพราะถ้าเกิดนายพงศ์จันทรไปบอกหม่อมป้าเมื่อไหร่ พี่ชายเตรียมตัดชุดเจ้าบ่าวแต่งงานกับพี่นันไว้ได้เลย พี่ชายทำหน้าที่ของพี่ชายให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องนายพงศ์จันทร หญิงจัดการเอง”
จันทรภานุชักกังวลใจ

ศิวะเดินมาที่ห้องรับแขกแต่ได้ยินเสียงผู้หญิงดังออกมา
“ที่พูดมาทั้งหมด เพราะต้องการให้ฉันไปเป็นเมียคุณน้อยคุณ!”
ศิวะชะงักกับประโยคที่ได้ยิน เขาหยุดยืนฟังเพราะเสียงคุ้นหูมาก สักพักเสียงผู้ชายก็ดังออกมา
“จะตกใจไปทำไม?! ในเมื่อคุณกับผมเคยรักกันมาก่อน”
เสียงผู้หญิงดัง “แล้วคุณไม่กลัวเมียคุณรู้เหรอ”
“นังเมียหน้าโง่ของผมน่ะเหรอ? มันไม่มีทางรู้หรอก”
ศิวะตกใจสุดๆ เขารีบเดินพรวดพราดเข้าไปแล้วก็ชะงักเพราะเห็นอรอุมากำลังนั่งดูละครอยู่ ศิวะถึงกับโล่งอก
อรอุมาอินมาก “พูดออกมาได้ยังไง!! ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ถ้าฉันเป็นเมียมัน..จะจับตอนเอาให้สืบพันธุ์ไม่ได้ไปตลอดชีวิต”
ศิวะสะดุ้งเฮือก เขารีบกุมเป้าตัวเองแล้วก็หน้าซีด อรอุมาหันไปเห็นศิวะ ศิวะรีบทำตัวให้เป็นปกติ อรอุมาเอารีโมทมาปิดทีวีแล้วลุกเดินมาหาศิวะ
“เป็นไร ทำไมหน้าซีดๆ”
ศิวะอึกอัก “เออ ปะปะเปล่าเปล่า”

อ่านต่อหน้าที่ 2


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 4 (ต่อ)

อรอุมาหรี่ตามองอย่างสงสัยแล้วก็ชี้หน้าศิวะ ศิวะสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
อรอุมาตะคอกใส่หน้า “โกหก!!! คุณต้องมีอะไรปิดบังฉันแน่ๆ สารภาพมาซะดีดี” อรอุมารุกหนัก ศิวะถอยหลัง “อย่าให้ฉันต้องใช้กำลัง”
ศิวะถอยจนหลังติดกำแพง อรอุมาถลกแขนเสื้อขึ้นมา ศิวะตาเหลือกและเหงื่อแตกเต็มหน้า
“มันไม่มีอะไรจริงๆจ๊ะอร...ผมไม่ได้โกหก” ศิวะยิ้มสู้
“งั้นก็สาบาน..สาบานว่าไม่มีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่”
ศิวะกลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วก็ทำมืออุ๊บอิ๊บไว้ข้างหลัง
“ถ้าผมมีอะไรที่ปิดบัง ซ่อนเร้น ไม่บอกให้อรรู้ ขอให้..”
อรอุมาพูดสวนขึ้นมา “หมดสรรถภาพทางเพศ”
“เอาอย่างนั้นเลยเหรอจ๊ะอร”
“ถ้าคุณไม่พูด แสดงว่าคุณโกหก”
“ได้สิจ๊ะได้ ถ้าผมโกหกคุณ ขอให้ผมหมดสรรถภาพทางเพศ”
อรอุมากอดอกด้วยความพอใจแล้วก็เดินออกไป ศิวะเกิดความกังวลขึ้นมาทันที
“ถ้าอรได้ยินคลิปเสียงเรากับดาวล่ะก้อ...ตายแน่กู!”
ศิวะเครียดสุดๆ แล้วเขาก็นึกอะไรออก

ประกายดาวกำลังเลือกรูปที่จะอัด สักพักเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น ประกายดาวหยิบออกมากดรับสายโดยที่ไม่ได้มองหน้าจอ
“ฮัลโหล” ประกายดาวชะงักและมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที “โทรมาทำไม?”
ศิวะแอบคุยโทรศัพท์
“ดาวลบคลิปเสียงของเราออกไปเหรอยัง”
“ยัง..”
ศิวะตกใจ
“ยัง!! ทำไมล่ะดาว? เราทำตามที่ดาวบอกทุกอย่าง แล้วทำไมดาวถึงไม่ลบคลิปเสียงเราออกไปซักที”
“เพราะฉันไม่ไว้ใจนาย!! ถ้าเกิดนายหักหลังฉัน หรือเล่นตุกติกขึ้นมา ฉันจะได้ยังมีตัวประกันอยู่ แค่นี้นะ”
ประกายดาวเบ้หน้าใส่โทรศัพท์แล้วก็กดวางสาย
ศิวะไม่พอใจ แล้วเขาก็นึกออกว่าจะทำยังไงดี?

ประกายดาวเลือกรูปต่อ เสียงมือถือดังขึ้นมาอีก ประกายดาวสุดเซ็งเพราะนึกว่าศิวะ
“มีอะไรอีก!”
จันทรภานุที่เป็นคนโทรหาถึงกับสะดุ้ง
“ฉันเอง...”
ประกายดาวตกใจจนปรับโทนเสียงแทบไม่ทัน
“อุ่ย..คุณชายจันทร์!! ขอโทษค่ะ ฉันนึกว่าเพื่อน”
จันทรภานุพูดหน้าขรึม
“วันนี้เธอว่างรึเปล่า”
“ว่างค่ะ คุณชายมีอะไรให้ฉันรับใช้คะ”
“สี่โมงเย็น เจอกันที่คอนโด ฉันจะรับเธอไปดูหนัง”
จันทรภานุวางสายไปเลย ประกายดาวตกใจและเหวอมาก
“ฮัลโหล คุณชาย..คุณชาย อะไรของเค้าวะ?? ดูหนังเนี่ยนะ”

หญิงนิ่มกำลังดูรูปน้องแชมเปญ นางแบบสวยเซ็กซี่อยู่ในร้านตัวเอง เจ๊พีชนั่งอยู่ด้วย
“สวยเซ็กเอ็กซ์แตกถูกใจมั๊ยคะคุณหญิง” เจ๊พีซถาม
“ตรงตามที่ต้องการเป๊ะเลยค่ะ” หญิงนิ่มบอก
“ว่าแต่เพื่อนคุณหญิงจะเอาน้องเค้าไปทำอะไรเหรอคะ”
“เอาไปเป็นนางแบบโฆษณาค่ะ ถ้าไงหญิงขอเบอร์น้องเค้าไว้ได้มั๊ยคะ ส่วนเรื่องค่านายหน้าของเจ๊พีช หญิงจะจัดการให้เอง”
“ขอบคุณนะคะคุณหญิง”
หญิงนิ่มมองรูปนางแบบด้วยสีหน้าร้าย

พงศ์จันทรเดินออกมาเห็นน้องแชมเปญกำลังเข็นรถที่ขวางหน้ารถของเธออยู่ ด้วยที่เป็นสุภาพบุรุษพงศ์จันทรก็เลยรีบเข้ามาช่วยเข็นรถ
“ผมช่วยครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
ทันใดนั้นแชมเปญก็แสบตาขึ้นมา “โอ๊ย!!”
พงศ์จันทรหันมาถาม
“เป็นอะไรครับ?”
“ฝุ่นเข้าตาน่ะค่ะ แสบจังเลย”
“ผมช่วยดูให้ครับ”
พงศ์จันทรเข้าไปช่วยดู หญิงนิ่มใส่แว่นดำ สวมหมวกปีกกว้าง โผล่หน้าออกมาจากมุมหนึ่งห่างออกไป โดยจากมุมที่หญิงนิ่มยืนจะเห็นว่าเหมือนพงศ์จันทรกำลังคลอเคลียแชมเปญอยู่
หญิงนิ่มทำหน้ารังเกียจ “ฉันนึกไว้อยู่แล้วว่าคนชีกออย่างนายเป็นประเภทคลำดูไม่มีหางก็เอาหมด แต่ไม่นึกว่านายจะกล้าทำอะไรประเจิดประเจอกลางวันแสกๆแบบนี้ ทุเรศจริงๆ”
หญิงนิ่มเอามือถือออกมาถ่ายรูปพงศ์จันทรเอาไว้แบบรัวๆ
พงศ์จันทรผละออกห่างแชมเปญ
“ดีขึ้นเหรอยังครับ”
“ค่ะ”
“ผมเข็นรถให้”
พงศ์จันทรเข็นรถเสร็จก็หันมา แชมเปญเดินมาตรงหน้าเขาแล้วพูด
“ฉันชื่อแชมเปญนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ..เออ..”
“พงศ์จันทรครับ”
แชมเปญยื่นมือออกไป พงศ์จันทรจับมือทักทายตามมารยาท แล้วแชมเปญก็ขึ้นรถก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานให้พงศ์จันทรอีกครั้งแล้วขับรถออกไป พงศ์จันทรมองแบบไม่ได้สนใจอะไรก่อนจะหันหลังเดินออกไป
หญิงนิ่มมองตามพงศ์จันทร แล้วก็มองรูปที่ถ่ายเอาไว้ก่อนจะยิ้มมุมปาก
“เสร็จฉันล่ะ”
หญิงนิ่มมีสีหน้าพึงพอใจมาก

ประกายดาวเดินออกมาที่ล็อบบี้คอนโด เธอดูเวลาเห็นว่าใกล้บ่ายสี่โมงแล้ว สักพักจันทรภานุก็ขับรถมาจอด แล้วก็ลงจากรถเดินมาหาประกายดาว
“นึกไงถึงพาฉันไปดูหนังคะ” ประกายดาวถาม
“เราต้องหากิจกรรมของคนที่เวลาเป็นแฟนกันเค้าทำกัน เพื่อที่หม่อมแม่จะได้จับไม่ได้ ไปได้แล้ว”
จันทรภานุเปิดประตูให้ประกายดาว ประกายดาวขึ้นไปนั่ง จันทรภานุเดินมาขึ้นรถแล้วก็ขับออกไป

ประกายดาวกำลังเลือกดูโปรแกรมหนัง จันทรภานุยืนอยู่ข้างหลัง
“ดูเรื่องอะไรดีคะคุณชาย” ประกายดาวถาม
“เธอเลือก ฉันไม่ถนัด”
ประกายดาวหรี่ตามองจันทรภานุด้วยความสงสัย
“นี่คุณชายดูหนังครั้งล่าสุดเมื่อไหร่คะ”
“นานแล้ว”
“เรื่องอะไรคะ?”
จันทรภานุเงียบไปสองวินาทีเพราะไม่ค่อยกล้าบอก “ไททานิค”
ประกายดาวขำก๊ากออกมาทำให้คนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว จันทรภานุอายมาก
“มันตลกตรงไหน?”
ประกายดาวหยุดขำ “ขอโทษค่ะ” ประกายดาวพยายามจะไม่ขำ “ฉันว่าเราไปหาอะไรอย่างอื่นทำดีกว่า”
จันทรภานุมองประกายดาวด้วยความสงสัย

ประกายดาวหยิบลูกโบว์ลิ่งขึ้นมาแล้วหันไปทางจันทรภานุที่ดูนิ่งมากๆ ประกายดาวเห็นสีหน้าจันทรภานุก็สงสัย
“อย่าบอกนะคะว่าคุณชายไม่เคยเล่นโบว์ลิ่ง”
“ไม่เคย” จันทรภานุรู้สึกอาย
“อะไรกันอ่ะคุณชาย นี่ไม่คิดจะทำอะไรแบบคนอื่นเค้าบ้างเหรอไงคะ ว่ายน้ำก็ว่ายไม่ได้ ปีนเขาก็ไม่เคยปีน ดูหนังก็ยังไม่ค่อยดู แล้วยังเล่นโบว์ลิ่งไม่เป็นอีก ฉันถามจริงเหอะ ตั้งแต่เกิดมา คุณชายทำอะไรบ้าง”
“เรียนหนังสือ ทำงาน”
“แล้วคุณชายไม่ทำกิจกรรมอะไรบ้างเลยเหรอ”
“จ๊อกกิ้ง ชกมวย ฟุตบอล ฉันเล่นอยู่สามอย่าง”
ประกายดาวพยักหน้าเข้าใจ แล้วเธอก็หันไปโยนโบว์ลิ่ง ลูกโบว์ลิ่งกลิ้งไปอย่างสวยงามชนพินล้มเกือบหมด ประกายดาวหันมาแล้วก็หยิบลูกโบว์ลิ่งยื่นให้จันทรภานุ
“ลองดูนะคะคุณชาย ไม่ยากอย่างที่คิด”
จันทรภานุมองแล้วก็เอาลูกมาจากประกายดาว ประกายดาวหันไปมองเห็นจันทรภานุโยนแบบไม่เป็นท่า แล้วลูกก็ล้างท่อ ประกายดาวอมยิ้ม จันทรภานุอายมาก เขาหันมาทางประกายดาวโดยทำหน้าไม่ถูก
“คุณเล่นเหอะ ผมไม่เล่น”
“อย่าป๊อดดิคุณชาย” ประกายดาวว่า จันทรภานุเงียบ “เอางี้..เรามาแข่งกัน ใครแพ้ต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าว”
จันทรภานุมองประกายดาวอย่างครุ่นคิด

ประกายดาวโยนโบว์ลิ่งโดยทำแต้มสูง จันทรภานุโยนโบว์ลิ่งลูกไถลไปชิดขอบแต่ไม่ได้ล้างท่อ ประกายดาวโยนอย่างสวยงามแต่ก็ยังไม่สไตร์ค จันทรภานุโยนได้สไตร์ค จันทรภานุดีใจสุดๆ เขาหันมามองประกายดาวเย้ยๆ
ประกายดาวไม่ยอม “ฟลุคมากกว่า”
จันทรภานุผายมือเชิญประกายดาว ประกายดาวรู้สึกกดดันจึงโยนลูกล้างท่อ ประกายดาวหันมาทางจันทรภานุก็เห็นจันทรภานุยิ้มเยาะ ประกายดาวโมโห
ประกายดาวโยนอีกหลายครั้งแต่ก็แพ้ จันทรภานุโยนสไตร์คติดกันหลายครั้ง คะแนนจันทรภานุขึ้นนำประกายดาวชนิดที่ตามไม่ทัน
ประกายดาวโยนลูกสุดท้ายล้างท่อจึงแพ้ราบคาบ จันทรภานุเฮดังลั่น
“เยส!!” ประกายดาวหันมา จันทรภานุพูด “โยนโบว์ลิ่งนี่ ไม่ยากอย่างที่คิดจริงๆ”
ประกายดาวกำมือแน่นด้วยความโมโหที่แพ้
“อย่าลืมข้อตกลงของเรา”
“ฉันไม่ลืมหรอกค่ะ แต่ฉันขอเป็นคนเลือกร้านเองนะ”
จันทรภานุมองประกายดาวแล้วนิ่วหน้าด้วยความสงสัย

พนักงานเอาหม้อจุ่มแซ่บมาวางบนโต๊ะ ประกายดาวสูดกลิ่นอาหารเข้าเต็มปอด จันทรภานุมองแบบอึ้งๆงงๆ
“ทานเลยค่ะคุณชาย ร้านนี้เค้าเป็นบุฟเฟต์ ทานไม่อั้น หัวละ 69 บาท กินได้กินไป กินถึงเช้าก็ไม่มีใครว่า” ประกายดาวบอก
ประกายดาวเอาผักลงไปในหม้อ จันทรภานุทำหน้าแหยๆ แล้วก็เอากระดาษบนโต๊ะมาเช็ดช้อน
“อย่าบอกนะว่าคุณชายไม่เคยกินอีกแล้ว” ประกายดาวถาม จันทรภานุเงียบ “คุณชายนี่สมกับเป็นคุณชายจริงๆ มันก็เหมือนสุกี้นั่นแหละค่ะ มาค่ะ ฉันทำให้”
ประกายดาวเอาชามจันทรภานุมา
“เดี๋ยว ฉันยังไม่ได้เช็ด..”
“ทำอะไรให้มันง่ายๆบ้างเถอะคุณชาย”
ประกายดาวคีบหมูลวกไม่นานแล้วก็เอาใส่ชาม จันทรภานุผงะ
“จุ่มหมูแค่นั้น มันจะไปสุกได้ไง” จันทรภานุว่า
“เค้าต้องกินแบบ medium มันถึงจะนุ่มลิ้น เหมือนละลายอยู่ในปาก เชื่อฉันเถอะค่ะ คุณชายต้องหัดทำอะไรใหม่ๆ อะไรที่ไม่เคยทำบ้าง”
“แล้วทำไมฉันต้องหัดทำอะไรใหม่ๆด้วย” จันทรภานุถาม
ประกายดาวพูดไปทำไป “การเกิดมาเป็นคน มันยากนะคะ คุณชายอาจจะเป็นคนแค่ชาตินี้ชาติเดียวก็ได้” จันทรภานุสะดุ้งรู้สึกเหมือนโดนด่า “เพราะฉะนั้นเราต้องลองทุกอย่างค่ะ”
ประกายดาวยื่นชามไปวางตรงจันทรภานุ
“ใส่น้ำจิ้มลงไปด้วย รับรองแซ่บ!”
ประกายดาวหันมาทำของตัวเอง จันทาภานุมองแบบไม่กล้ากิน เขาคีบหมู คีบผักขึ้นมาดู แล้วก็หิวขึ้นมา จันทรภานุจับท้องตัวเองก่อนจะตัดสินใจเอาน้ำจิ้มใส่ลงไปแล้วก็กิน แล้วจันทรภานุก็ผงะ
“เผ็ด..เผ็ด”
ประกายดาวมอง จันทรภานุจะดื่มน้ำ
“เค้ามีหลอดรึเปล่า?”

ประกายดาวหันไปทางพนักงาน
“น้อง...ขอหลอด”
จันทภานุทนเผ็ดไม่ไหวจึงดื่มน้ำอักๆๆเข้าไปจนหมดแก้ว
ประกายดาวเปรย “ไม่ทัน”
ประกายดาวมองในชามจันทรภานุ พอเห็นพริกเพียบเธอก็ตกใจ
“ใครให้ใส่เยอะขนาดนี้ล่ะคุณชาย..มิน่า เอาใหม่นะคะ”
จันทรภานุจับแขนประกายดาวเอาไว้ “ไม่ต้อง..อร่อยแล้ว”
ประกายดาวยิ้ม จันทรภานุก้มหน้ากินต่อไปทั้งๆที่เผ็ด ประกายดาวยิ้มชอบใจ

จานกองเต็มโต๊ะ ประกายดาวกับจันทรภานอิ่มมาก
ประกายดาวหันไปเรียกพนักงาน “น้องเก็บตังค์”
พนักงานเดินเข้ามาคิดเงิน
“280 บาทครับ”
ประกายดาวให้ไปสามร้อย
“ไม่ต้องทอนนะ”
พนักงานเดินออกไป
จันทรภานุทึ่ง “กินหมดเนี่ยไม่ถึง 300 !”
“ค่ะ ของอร่อย ก็ใช่ว่าจะแพงนะคะ ไว้คราวหน้าฉันจะพาคุณชายไปหาของอร่อย ราคาถูก กินอีกนะคะ”
“ตกลง..แต่ผมขอเป็นเจ้ามือบ้างนะ”
ประกายดาวพยักหน้าแล้วก็นึกอะไรออก
ประกายดาวเรียกพนักงาน “น้อง..”
พนักงานเดินมา ประกายดาวยื่นมือถือให้
“ถ่ายรูปให้พี่ที”
ประกายดาวเข้ามานั่งข้างๆ จันทรภานุ จันทรภานุแปลกใจ
“ถ่ายรูปกันตรงนี้เหรอ?”
“ค่ะ...มันเป็นภาพประวัติศาสตร์ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เห็นคุณชายจันทรภานุ นพรัตน์มานั่งทานร้านจุ่มแซ่บแบบนี้อีกรึเปล่า”
ประกายดาวหันไปทางพนักงานแล้วชูสองนิ้วพร้อมยิ้มแฉ่ง จันทรภานุหันไป แล้วพนักงานก็กดถ่ายรูป

คนร้ายที่ยืนอยู่นอกร้านมองเข้ามา พร้อมกดโทรศัพท์ออก
“เธอกำลังกลับคอนโด ถ้ารถไม่ติด ยาน่าจะออกฤทธิ์ตอนถึงคอนโดพอดี รอจัดการได้เลย”

รถวิ่งบนถนนในยามราตรี รถสปอตแล่นมาจอดหน้าคอนโด
ประกายดาวเปิดประตูจะลงมาจากรถจันทรภานุ จันทรภานุมองแล้วถาม
“ไม่คิดจะรอผมเปิดประตูรถให้สักครั้งเลยเหรอครับ”
“ก็ลงเองได้นี่หน่า ทำไมต้องมารอให้คุณชายเปิดให้ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง แล้วฉันจะส่งรูปไปให้ บ๊ายบาย”
ประกายดาวปิดประตูรถแล้วเดินไป ยามที่ยืนเฝ้าหน้าประตูรีบเอาคีย์การ์ดไปเปิดประตูแล้วเปิดให้พร้อมตะเบะ จันทรภานุขับรถออกไป

ประกายดาวเดินไปที่ลิฟท์ ผู้ชายแต่งตัวดูดีนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ล็อบบี้ ชายคนนั้นลดหนังสือพิมพ์แล้วลอบมองประกายดาวก่อนจะลุกขึ้นเดินตาม
ประกายดาวกำลังยืนรอลิฟท์ ชายคนนั้นมายืนรอลิฟท์ด้วย ขณะนั้น จู่ๆ ประกายดาวก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมากะทันหัน เหมือนจะเป็นลม เธอต้องเข้าไปจับผนังกันตัวเองล้มหัวฟาด ชายคนนั้นลอบมอง ประกายดาวเริ่มมึนมากขึ้น
ลิฟท์เปิด ชายคนนั้นรีบกดไว้แล้วเรียกประกายดาว
“ลิฟท์มาแล้วครับ”
ประกายดาวพยายามสลัดความมึนเดินเซๆ เข้าไปในลิฟท์ ชายคนนั้นตามเข้าไปด้วย ลิฟท์ปิด สักครู่ลิฟท์อีกตัว ก็เปิดออก ชายคนนั้นเดินออกมาพร้อมกระเป๋าของประกายดาว เขามองซ้ายมองขวาแล้วกดปุ่มเดินออกประตูหลังไป

ชายคนนั้นเดินมาหลบมุม แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ระหว่างรอสาย เขาก็เปิดกระเป๋าประกายดาวดูอีกแล้วพูดกับปลายสาย
“ยังหาโทรศัพท์มือถือของเธอไม่เจอเลย---ก็เอามาทั้งกระเป๋าแล้ว ลองค้นดูใหม่อีกทีก็ได้ –เออ--เดี๋ยวโทรกลับ”

รถจันทรภานุแล่นกลับเข้ามาจอดหน้าคอนโดอีกครั้ง เบาะด้านข้างมีโทรศัพท์ของประกายดาวหล่นอยู่ จันทรภานุหยิบไป จันทรภานุยื่นโทรศัพท์มือเข้ามาให้ยามที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“ฝากให้คุณผู้หญิงที่ผมมาส่งเมื่อครู่นี้ด้วยครับ เธอลืมไว้ในรถ”
“ได้ครับ”
ยามรับโทรศัพท์มาแล้วตะเบะ ขณะที่จันทรภานุจะเดินกลับไปที่รถเขาก็เกิดอาการมึนศีรษะทำให้เซ ยามเห็นจึงทัก จันทรภานุหยุดเดินแล้วสะบัดหัวมึนๆ
“เป็นไรหรือเปล่าครับ” ยามถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆ ก็มึนหัว ขอเข้าห้องน้ำหน่อยซิ”
“อยู่ด้านหลังครับ”

จันทรภานุยื่นมือมารองน้ำจากก๊อกน้ำแล้วล้างหน้า เขาปิดน้ำ ดึงทิชชู่มาซับหน้า ทิ้งทิชชู่ ลงถังขยะก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นกระเป๋าของประกายดาวถูกทิ้งอยู่ในถังขยะ จันทรภานุหยิบขึ้นมาดู เขานึกถึงตอนที่ประกายดาวถือกระเป๋าใบนี้แล้วก็ตกใจ

จันทรภานุถือกระเป๋าประกายดาวมาเคาะกระจกเรียกยาม ยามเดินมาเปิดประตู
“เอาโทรศัพท์ไปคืนคุณดาวรึยัง” จันทรภานุถาม
“แม่บ้านบอกว่ากดออดเรียกแล้ว แต่ไม่มีคนมาเปิดประตูเราเลยจะเก็บไว้ส่งคืนให้ตอนเช้าครับ”

จันทรภานุเดินเลี้ยวเข้ามาตามทางเดินจนถึงหน้าประตูห้อง เขาจะกดออดแต่ก็ชะงัก เขาลองเอามือผลักประตูปรากฏว่าไม่ได้ล็อค จันทรภานุมีอาการมึนศีรษะอีกครั้งแต่ก็พยายามยืน

ประตูห้องประกายดาวค่อยๆเปิด ชายคนร้ายยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องด้วยเสียงที่เบา
“หาทั่วห้องแล้ว ไม่เห็นมีโทรศัพท์มือถือที่บอกไว้เลย”

คนร้ายอีกคนยืนคุยโทรศัพท์อยู่แถวร้านจิ้มจุ่ม
“จะไม่เจอได้ยังไง ก็เห็นเธอให้เด็กในร้านถ่ายรูปให้ --หรือมันฝากไว้กับไอ้ผู้ชายที่ไปด้วยกัน งั้นเอ็งรีบกลับออกมาก่อน”

จันทรภานุค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาชายคนร้ายที่กำลังปิดโทรศัพท์มือถือแล้วเก็บ คนร้ายหันมาเมื่อจันทรภานุเคลื่อนถึงตัวพอดี จันทรภานุชกโครมเข้าใส่หน้า ชายคนนั้นล้มลง จันทรภานุตามเข้าไปเตะแต่ชายคนนั้นคว้าขาไว้ แล้วผลักจันทรภานุจนเซออกก่อนจะรีบลุกขึ้น จันทรภานุพุ่งเข้าไปเตะตัดขาจนชายคนนั้นล้มลงอีกครั้ง
จันทรภานุจะซ้ำแต่อาการมึนหัวหนักขึ้นจนคอนโทรลตัวเองไม่ได้ ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นมากระแทกจันทรภานุจนเสียหลักก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้อง จันทรภานุจะวิ่งตามแต่มึนศีรษะมาก จึงมองไปยังชั้นบน เขาขึ้นบันไดไปพร้อมร้องเรียก
“คุณดาวครับ—คุณดาว”

เช้าวันต่อมา ประกายดาวนอนพลิกตัวหันมาข้างๆ ที่มีจันทรภานุนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ประกายดาวลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าจันทรภานุในระยะประชิดแต่ก็ยังไม่ตกใจ เธอหลับตาจะนอนต่อแล้วก็นึกขึ้นได้ก็ตกตะลึง เธอลืมตาขึ้นมาอีกที
“อ๊าย!”
จันทรภานุสะดุ้งตื่นเห็นประกายดาวก็ตกใจมาก
“เวย!!”
ประกายดาวดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดตัวแล้วลุกพรวดขึ้นมานั่ง ยิ่งเห็นจันทรานุถอดเสื้อก็ตกใจสุดขีด จันทรภานุเองก็ตกใจเช่นกัน
“คุณชายเข้ามานอนในห้องฉันได้ยังไง?”
“ผมไม่รู้!” จันทรภานุพยายามนึก “ผม..ผมจำไม่ได้!!” จันทรภานุตกใจที่จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ประกายดาวอึ้ง “คุณชายจำไม่ได้!! จำไม่ได้ได้ยังไง?!”จันทรภานุหน้าเสีย “แล้วนี่คุณชายกับฉัน!!.”
ประกายดาวกับจันทรภานุมองหน้ากันและกันอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

จิตสุภางค์มองหน้าประกายดาวด้วยสีหน้าตะลึงงัน
“แกไม่แน่ใจว่าแกกับคุณชาย...จุดจุดจุด!”
ประกายดาวเงียบแต่มีสีหน้าตื่นเต้นมากๆ แล้วจิตสุภางค์ก็ยิ้มออกมา
“ถ้าเป็นอย่างที่แกคิดก็ดีแล้วไง”
ประกายดาวงง “ดียังไงของแก!”
“แกก็ได้สเปิร์มของเค้าแล้ว”
“ไอ้บ้าจิต!! ฉันไม่ได้อยากได้ด้วยวิธีนี้ ฉันไม่อยากมีความสัมพันธ์”
“ฉันพูดเล่น!! ฉันว่าแกกับคุณชาย คงยังไม่มีอะไรกันหรอก มันไม่มีทางที่แกจะไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะขนาดตอนที่ฉันเมา เฮียเชาทำท่าไหน ฉันยังรู้เลยอ่ะ”
ประกายดาวค้อนจิตสุภางค์แล้วก็พูดไม่ออก
จิตสุภางค์พูดต่อ “เชื่อคนมีประสบการณ์อย่างฉันเถอะดาว แกยังซิงแน่นอน!”
ประกายดาวยังไม่แน่ใจ

จันทรภานุเดินเข้ามาโดยมีสีหน้าไม่สู้ดี แล้วเขาก็ตกใจเพราะเห็นสุรีย์กับนันทินีนั่งอยู่
“ชายจันทร์!” สุรีย์เรียก
จันทรภานุผงะและพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ
“ทำไมถึงไม่กลับบ้าน? หายไปไหนมาทั้งคืน?”
จันทรภานุอึ้ง “เออ...ผมไปนอนค้างบ้านเพื่อนครับ”
“เพื่อนคนไหน?”
“อภิเชษฐ์ครับหม่อมแม่ ผมขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ วันนี้มีประชุม”
จันทรภานุรีบเดินออกไป นันทินีหันมาทางสุรีย์ด้วยสีหน้าร้อนใจ
“หม่อมแม่คะ นันไม่เชื่อว่าคุณชายจะไปค้างบ้านเพื่อน”
“แม่ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ชายจันทร์เป็นคนไม่ชอบไปค้างบ้านคนอื่น มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
“คนที่จะตอบเราได้คือนายอภิเชษฐ์ค่ะ”
นันทินีพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นมาก

จันทรภานุกำลังต่อโทรศัพท์หาอภิเชษฐ์ แต่อภิเชษฐ์ไม่เปิดเครื่อง
“ทำไมไม่เปิดเครื่อง?”
จันทรภานุร้อนรนมาก เขารีบส่งเมสเสจหาอภิเชษฐ์
“โทรกลับฉันด่วน”
จันทรภานุกดส่งแล้วก็ถอนหายใจออกมา พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น จันทรภานุหันไปมอง
“ใคร?”
เสียงนมพรดังเข้ามา “นมเองค่ะคุณชาย”
จันทรภานุรีบเปิดประตูแล้วพานมพรเข้ามาในห้องทันที
“ให้คนไปตามนมมาพบด่วน มีอะไรคะ?” นมพรมีสีหน้ากังวลใจ
“นมครับ..ชายมีเรื่องจะบอก....”
นมพรมองจันทรภานุด้วยความสงสัย

อ้อยที่กำลังทำความสะอาดอยู่หน้าห้องจันทรภานุได้ยินเสียงนมพรดังออกมา
“เมื่อคืนคุณชายนอนค้างบ้านคุณดาว”
อ้อยชะงักและมีสีหน้าอยากรู้ขึ้นมาทันที เธอรีบเอาหูมาแนบกับประตูเพื่อแอบฟังด้วยหน้าตาสอดรู้สอดเห็น
เสียงจันทรภานุดัง “ชายตื่นขึ้นมา ก็เจอว่าตัวเองนอนอยู่กับคุณดาวครับ”
อ้อยรีบย่องออกไปด้วยอาการตกใจสุดๆ

นมพรมองจันทรภานุด้วยความตกใจมาก
“ชายจำไม่ได้ว่าทำไมชายถึงขึ้นไปนอนบนเตียงคุณดาว” จันทรภานุนึกไปเล่าไป “เมื่อคืนชายท้องเสีย ก็เลยเผลอหลับไป เพราะชายเหนื่อยมาก แล้วก็เบลอๆมึนๆ หลังจากนั้นชายก็จำอะไรไม่ได้”
“นมว่ามันคงไม่ได้เป็นอย่างที่คุณชายคิดหรอกค่ะ ใจเย็นๆค่อยๆนึกไปก่อน แต่เรื่องนี้อย่าเพิ่งให้ใครรู้เด็ดขาด ถ้าเข้าหูหม่อมเข้า มีหวังไปกันใหญ่โตแน่ค่ะ”
จันทรภานุพยักหน้า

อ่านต่อหน้าที่ 3


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 4 (ต่อ)

อ้อยกำลังเม้าท์กับคนใช้อีกคน
“แน่ใจนะว่าแกฟังไม่ผิด” คนใช้ถาม
“โอ๊ย..ฟังไม่มีผิดหรอก” อ้อยยืนยัน “คุณชายบอกนมพรว่าได้เสียเป็นผัวเมียกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงหม่อมสุรีย์ก็ดังขึ้น
“เธอว่ายังไงนะอ้อย!”
อ้อยกับคนใช้หันขวับไปเห็นนันทินีกับสุรีย์ยืนอยู่ก็หน้าซีดสุดๆ หล่อนถึงกับทรุดเข่าลงไปบนพื้น
“หม่อม!”
สุรีย์กับนันทินีเดือดดาลมาก

ประกายดาวนั่งคิดหนัก จิตสุภางค์ที่กำลังอุ้มลูกและกล่อมให้หลับหันมามองเพื่อนด้วยความเห็นใจ
“ทำไมฉันนึกอะไรไม่ออกเลยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” ประกายดาวขยี้หัวตัวเอง “โอ๊ย!”
“ชู่ว์!!” จิตสุภางค์ส่งสัญยาณให้เบาเสียง ประกายดาวชะงัก “เดี๋ยวลูกฉันตื่นขึ้นมาพอดี”
ประกายดาวพูดเสียงเบา “โทษ”
ทันใดนั้น เสียงมือถือประกายดาวก็ดังขึ้น ประกายดาวสะดุ้งโหยงเพราะเสียงดัง เธอรีบเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสาย
“ฮัลโหล”
ประกายดาวตกใจ เธอหันขวับไปมองจิตสุภางค์แล้วพูดโทรศัพท์
“ค่ะหม่อม”
จิตสุภางค์ตาโตรีบมานั่งข้างประกายดาวทันที
ประกายดาวแปลกใจ “อยากพบดาวตอนนี้เหรอคะ?” ประกายดาวฟัง “ได้ค่ะ”
ประกายดาวกดวางสายแล้วหันไปทางจิตสุภางค์ด้วยสีหน้ากังวลใจ
“หม่อมนัดแกออกไปพบทำไม?” จิตสุภางค์ถาม
“ไม่รู้ เค้าไม่พูดอะไรเลย แต่น้ำเสียงเครียดมาก” ประกายดาวคิดแล้วก็ตกใจ “หรือว่าเค้าจะรู้เรื่องฉันกับคุณชาย”
จิตสุภางค์หน้าแย่ ประกายดาวมีสีหน้าวิตก

จันทรภานุหันมาทางนมพรสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
“ชายนึกออกแล้วครับนม..ว่าทำไมชายถึงขึ้นไปนอนบนเตียงคุณดาว”

ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา จันทรภานุเดินขึ้นบันไดและส่งเสียงเรียกประกายดาวด้วยท่าทางมึนๆ
“คุณดาวครับ คุณดาว”
จันทรภานุมองซ้ายมองขวาเพื่อหาห้องพักไปเรื่อยๆ จันทรภานุเดินเข้าไปในห้องนอน เขาผลักประตูที่ไม่ได้ปิดสนิทเข้าไป

ประกายดาวนอนหลับแบบหมดสภาพอยู่บนเตียงในห้องนอน จันทรภานุเข้าไปปลุกเรียกอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่ตัวเขาเองก็มึนและเบลอมาก
“คุณดาวครับ—คุณดาว”
แล้วจันทรภานุก็ฟุบลงตรงข้างเตียงเหมือนจะน็อค แต่ว่าเขาก็ยังฝืนลุกขึ้นมา

จันทรภานุเข้ามาเปิดฝักบัวในห้องน้ำแล้วฉีดน้ำราดหน้าจนเสื้อเปียก เขาพยายามสะบัดผมให้ตื่นจากความเบลอ แล้วจันทรภานุก็ถอดเสื้อออกจนเหลือแต่เสื้อกล้ามข้างใน

จันทรภานุในสภาพตัวเปียกๆ ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้าตาเดินมาที่เตียง แต่ในที่สุดเขาก็ฝืนฤทธิ์ยาไม่ได้จึงหมดสติล้มลงบนเตียงไปนอนข้างประกายดาว โดยผ้าเช็ดตัวร่วงตกลงพื้น

ที่เหตุการณ์ปัจจุบัน ประกายดาวรับสาย เสียงจันทรภานุดังออกมา
“คุณอยู่ไหน?” จันทรภานุถาม
“ฉันอยู่กับแม่ของคุณ” ประกายดาวบอก
จันทรภานุตกใจ เขาหันไปมองหน้านมพร
“อยู่กับหม่อมแม่”
จันทรภานุหันไปมองนมพร นมพรอึ้ง
“คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้!”
จันทรภานุฟังแล้วก็วางสาย
“ทำไมหม่อมถึงอยู่กับคุณดาวได้ล่ะคะ?” นมพรสงสัย
“หม่อมแม่รู้เรื่องผมกับคุณดาว”
นมพรลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจมาก
“ก็เลยเรียกคุณดาวออกไปคุย ผมไปก่อนนะครับ”
“ค่ะค่ะ ค่อยๆขับรถนะคะ”
จันทรภานุพยักหน้าแล้วก็รีบเดินออกไป นมพรรีบยกมือขึ้นมาพนม
“ขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นเลยเจ้าประคู๊ณ”

ในห้องส่วนตัวของร้านอาหารแห่งหนึ่ง สุรีย์นั่งหน้าเครียด นันทินีหันไปพูดกับสุรีย์
“ทำไมมันออกไปคุยโทรศัพท์นานขนาดนี้ หรือว่ามันกลัวหม่อมแม่ก็เลยหนีกลับไปแล้ว”
“กระเป๋ายังอยู่ ยังไม่น่าจะไปไหนได้”
“ถ้างั้นนันออกไปตามนะคะ ให้หม่อมแม่รอ ใช้ได้ที่ไหน”
นันทินีเดินจ้ำพรวดออกไป สุรีย์หงุดหงิดมาก

ประกายดาวเดินไปเดินมารอจันทรภานุอยู่หน้าร้าน
“เมื่อไหร่จะมาล่ะเนี่ย ไหนบอกแป๊บเดียวไง”
ประกายดาวงุ่นง่านมาก เธอหันไปเห็นนันทินีเดินออกมาก็ตกใจ นันทินีเดินมาหาประกายดาว
“คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วทำไมถึงไม่เข้าไปข้างใน มายืนทำซากอะไรตรงนี้ ไม่รู้เหรอว่าหม่อมแม่รออยู่”
“คุณนันช่วยไปบอกหม่อมให้รออีกซักครู่นะคะ”
นันทินีรับคำ “ได้”
นันทินีหันหลังจะเดินกลับไปแล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้จึงหันมา
“เธอเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน!!! ฉันไม่ไป เธอนั่นแหละเข้าไปข้างในได้แล้ว”
“ฉันยังเข้าไปไม่ได้” ประกายดาวบอก
“ทำไม?” นันทินีถาม
ประกายดาวอึกอัก ทันใดนั้นจันทรภานุก็เดินมาพอดี ประกายดาวกับนันทินีหันไปเห็น นันทินีชะงักกึก
“คุณชาย!”

นันทินีกลับเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดีจนสุรีย์แปลกใจ แล้วจันทรภานุก็เดินเข้ามาพร้อมกับประกายดาว สุรีย์ชะงัก
“ชายจันทร์!”
สุรีย์หันไปมองประกายดาวอย่างไม่พอใจ
“ที่ว่าออกไปโทรศัพท์ คือโทรฟ้องลูกชายฉันงั้นเหรอ”
ประกายดาวกับจันทรภานุตอบพร้อมกัน “ไม่ใช่นะคะ // ไม่ใช่นะครับ”
“ผมโทรหาคุณดาวเองครับ หม่อมแม่ฟังผมก่อน เรื่องเมื่อคืน...” จันทรภานุจะอธิบาย
สุรีย์พูดแทรก “แม่ไม่ฟัง!! ลูกจะมาตอกย้ำให้แม่เจ็บอีกทำไม?!! บรรพบุรุษของเรา ไม่เคยมีประวัติด่างพล้อยเรื่องผู้หญิง ลูกเป็นถึงราชนิกูลอันดับหนึ่งของนพรัตน์ ถ้าใครรู้ว่าลูกกับผู้หญิงคนนี้” สุรีย์กระดากที่จะพูด “แม่ไม่ต้องเอาปิ๊บคลุมหัวเดินรึไง”
“หม่อมคะ มันไม่ใช่อย่างที่หม่อมเข้าใจนะคะ”
สุรีย์ขัดขึ้น “หยุด!! ฉันต้องการคุยกับลูกของฉันเป็นการส่วนตัว”
ประกายดาวอึ้ง นันทินีหันไปทางประกายดาวแล้วยิ้มเยาะ
“ออกไปสิ” นันทินีว่า
“หนูนันก็ออกไปด้วย” สุรีย์บอก
นันทินีเหวอและพูดไม่ออก ประกายดาวหันไปมองจันทรภานุด้วยความเป็นห่วง แล้วเธอก็หันมาไหว้สุรีย์ก่อนจะเดินออกไป นันทินีเดินตามประกายดาวออกไปอีกคน สุรีย์มองจันทรภานุด้วยแววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

ประกายดาวเดินออกมา นันทินีเดินตามมาติดๆ
“คุณชายต้องเลิกกับแกแน่!”
ประกายดาวสุดทนจึงหันมา
“เลิกตัดสินใจแทนคนอื่นซักทีได้มั๊ยคะ”
“หม่อมแม่ไม่ใช่คนอื่น เราสนิทกันจนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน หม่อมแม่คิดอะไรอยู่ ทำไมฉันจะไม่รู้ ยังไงคุณชายก็ต้องเลือกหม่อมแม่มากกว่าเธออยู่แล้ว” นันทินีบอก ประกายดาวเงียบ “ทางที่ดี เธอควรจะไปจากคุณชายซะตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าต้องมาหน้าแตกเพราะโดนไล่ ฉันเตือนด้วยความหวังดี”
นันทินีเชิดใส่แล้วเดินออกไปนั่งรอตรงมุมหนึ่ง ประกายดาวเริ่มกังวลใจ

จันทรภานุมองสุรีย์หน้าเครียด
สุรีย์พูด “ทีแรกที่แม่รู้ว่าลูกคบกับผู้หญิงคนนั้น แม่คิดว่าลูกไม่ได้จริงจัง แต่มาถึงวันนี้ แม่ไม่สามารถปล่อยให้ลูกคบกับผู้หญิงคนนั้นได้อีก ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำลายชีวิตของลูก ชีวิตของครอบครัวเรา ลูกต้องเลิกกับเค้า!! แล้วมาแต่งงานกับหนูนัน นี่เป็นคำสั่ง”
จันทรภานุตกใจ แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
“ผมแต่งงานกับคุณนันไม่ได้ครับ เพราะว่า” จันทรภานุนิ่งไปอึดใจ “คุณดาวเป็นภรรยาผมแล้ว ผมต้องรับผิดชอบคุณดาวครับแม่”
สุรีย์โมโหมาก “ต่อให้แม่ตาย แม่ก็ไม่ยอมรับผู้หญิงคนนั้น เอาเงินให้เค้าไปก้อนหนึ่ง แล้วเลิกยุ่งกับเค้าซะ!”
จันทรภานุตกใจ “เงินมันแก้ปัญหาไม่ได้ทุกอย่างนะครับ!!” สุรีย์ตกใจ จันทรภานุเสียงแข็ง “ผมอยากให้หม่อมแม่รู้ว่าถึงผมจะไม่ได้ลงเอยกับคุณดาว ผมก็ไม่มีวันแต่งงานกับคุณนัน เพราะว่าผมไม่ได้รักเค้า”
จันทรภานุพูดจบก็จะเดินออกไป แต่สุรีย์เครียดมากจนความดันขึ้นก็เลยเป็นลมชนเก้าอี้ล้มดังโครม จันทรภานุหันมาเห็นก็ตกใจมากจึงรีบเข้ามาประคองสุรีย์
“หม่อมแม่!”

พยาบาลเข็นพาสุรีย์เข้าไปในห้องฉุกเฉิน จันทรภานุ ประกายดาว และนันทินีเดินตามมา นันทินีหันขวับมาทางประกายดาวด้วยความโมโห
“ถ้าหม่อมแม่เป็นอะไร มันเป็นเพราะเธอ!”
จันทรภานุรีบขัด “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณดาว”
“จนขนาดนี้คุณชายยังเข้าข้างเค้าอีกเหรอคะ?”
จันทรภานุเงียบ นันทินีทั้งโมโหทั้งเจ็บใจ เธอเดินไปนั่งอย่างพูดไม่ออก ประกายดาวหันมาทางจันทรภานุแล้วพูดกันแค่พอให้ได้ยินกันสองคน
“คุณพูดอะไรกับหม่อมแม่ของคุณ ท่านถึงเป็นลม” ประกายดาวถาม
“หม่อมแม่สั่งให้ผมเลิกกับคุณ แล้วแต่งงานกับคุณนัน ผมก็เลยบอกหม่อมแม่ไปว่า” จันทรภานุอึกอัก “คุณเป็นภรรยาผม และผมจะไม่มีวันแต่งงานกับคุณนันเด็ดขาด”
ประกายดาวตกใจมาก “คุณบอกแม่คุณไปแบบนั้นได้ยังไง!”
“เพราะว่าผมนึกอะไรไม่ออก ผมรู้ว่ามันไม่ถูกที่ทำให้คุณเสียชื่อ แต่คุณอย่าลืม ว่าผมเป็นนายจ้างของคุณ เพราะฉะนั้นนายจ้างมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรก็ได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า”
ประกายดาวเหวอ “คุณนี่เหลือเชื่อเลยจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันอยากได้สะ.”
ประกายดาวผงะที่ตัวเองเกือบหลุดปากออกไป จันทรภานุมองประกายดาวแล้วนิ่วหน้าสงสัยว่าประกายดาวจะพูดว่าอะไร แต่หมอเดินออกมาพอดี ประกายดาวเห็นจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“หมอออกมาแล้ว”
จันทรภานุกับนันทินีรีบเข้าไปหาหมอ ประกายดาวยืนถอนหายใจโล่งอกที่ยั้งปากเอาไว้ได้ทัน แล้วเธอก็ตามเข้าไปสมทบอีกคน
“หม่อมแม่เป็นยังไงบ้างครับ”
“หม่อมสุรีย์ความดันขึ้นก็เลยทำให้หมดสติครับ ถ้ายังไงหมออยากให้อยู่โรงพยาบาลอีกซักสองวัน เพื่อเช็คร่างกายให้ละเอียด แล้วค่อยกลับบ้าน” หมอบอก
“ขอบคุณครับ”
หมอเดินออกไป
“เข้าไปหาหม่อมแม่กันเถอะค่ะคุณชาย” นันทินีชวน
“คุณเข้าไปก่อน”
นันทินีหันไปค้อนประกายดาวแล้วก็เดินเข้าไป จันทรภานุเดินมาหาประกายดาว
“คุณกลับไปก่อนนะคุณดาว แล้วผมจะโทรหา”
ประกายดาวพยักหน้า จันทรภานุเดินเข้าไปในห้อง ประกายดาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

จิตสุภางค์ล้างขวดนมไปคุยโทรศัพท์กับประกายดาวไปด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“คุณชายบอกว่าได้แกเป็นเมียแล้ว!!! เฮ้ยไอ้ดาว ฉันว่ามันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะเนี่ย เริ่มจากตอนแรกเป็นแฟน มาตอนนี้เป็นเมีย แล้วอีกหน่อยแกจะเป็นอะไร หยุดเท่านี้มั๊ย”
ประกายดาวกลุ้มใจ
“หยุดไม่ได้ แกก็รู้ว่าการมีลูกคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ของฉัน ในเมื่อฉันมีโอกาส ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเด็ดขาด”
จิตสุภางค์สงสัย “ฉันถามจริงๆนะ ที่แกช่วยคุณชายขนาดนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าแกตกหลุมรักเค้านะ”
ประกายดาวตกใจ “บ้าเหรอ!! ฉันไม่มีทางตกหลุมรักคุณชายเด็ดขาด แกลืมไปแล้วเหรอว่าที่ฉันช่วยเค้าเพราะฉันต้องการให้เค้าไว้ใจฉัน เห็นฉันเป็นเพื่อน พอถึงตอนที่ฉันขอสเปิร์มจากเค้า เค้าจะได้ให้ฉันง่ายๆ”
จิตสุภางค์ถอนหายใจ
“งั้นก็แล้วไป อย่าตกหลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้ก็แล้วกัน”
ประกายดาวนิ่งไป ในจก็แอบกลัวเหมือนกันว่าตัวเองจะรักจันทรภานุ

จิตสุภางค์เดินออกมาเห็นเชานั่งให้หมวย หลิง และหลินเอาผ้าพันแผลมาพันตัวพันแขนของเขากันอย่างสนุกสนาน เชาหันไปเห็นจิตสุภางค์หน้ามุ่ยก็แปลกใจ
“เป็นไรไปจ๊ะที่รัก อย่าบอกนะว่าแพ้ท้อง” เชาดีใจ
จิตสุภางค์เดินมานั่ง “จะท้องได้ไงเล่า ลืมไปแล้วเหรอว่าเฮียทำหมันแล้ว” เชายิ้ม “ถ้าฉันท้อง ก็คงไม่ได้ท้องกับเฮีย”
เชาตกใจ “ห๊ะ!”
“ไม่ต้องตกใจเว่อร์ขนาดนั้น รู้อยู่แล้วว่าไม่จริง”
“กลุ้มใจเรื่องดาวอีกแล้วซิ” เชารู้ทัน
“ใช่ ฉันรู้สึกว่าตัวเองแนะนำเพื่อนผิดๆ”
“เรื่องที่ให้ดาวเป็นแฟนกับคุณชายเพื่อแลกกับสเปิร์ม”
“นั่นแหละ...ตอนนี้เรื่องมันดูลุกลามไปกันใหญ่โต”
“ความจริง เฮียก็ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก”
“อ้าว?? แล้วทำไมเฮียไม่บอก”
“ถ้าเฮียบอกไปตอนนั้น แล้วจิตจะเชื่อเฮียเหรอ”
“มันก็จริง แล้วฉันควรจะทำยังไงดีล่ะเฮีย
“ไม่ต้องทำอะไร แค่มองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ เพราะถ้าดาวไม่มีใจตั้งแต่แรก เธอก็คงไม่ทำ เข้าใจ๊ เอาเวลาที่จะมาคิดเรื่องติ๊งต๊องพวกนี้ มาเลี้ยงลูกให้เป็นพลเมืองดีของสังคมดีกว่า”
จิตสุภางค์กัด “ไม่นึกเลยว่าเฮียจะพูดอะไรดีดีกับเค้าเป็นเหมือนกัน” เชายิ้มปลื้ม “หมวย หลิน หลิง ทำอะไรพ่อเหรอค่ะ”
“ทำมัมมี่” หมวยตอบ
“หลิงอยากให้พ่อเป็นมัมมี่” หลิงบอก
“ดีจ๊ะ ให้แม่ช่วยมั๊ย จะได้พันแล้วมัดให้แน่นๆ เลย”
เชาทำหน้าสงสัย เมื่อเห็นจิตสุภางค์เข้ามาช่วยลูกๆ มัดเขาอย่างเร็วและแรง
“เบาๆ อย่าถึงกับต้องมัดคอเลยนะจ๊ะเมียจ๋า”

จันทรภานุกับอภิเชษฐ์เดินออกมาจากห้องพักของสุรีย์
“ขอบใจที่มาเยี่ยมหม่อมแม่” จันทรภานุกล่าว
“ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็ต้องมา ว่าแต่แกคิดจะแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้จริงเหรอ” อภิเชษฐ์ถาม
“ตอนนั้นมันคิดอะไรไม่ออก คิดอยู่แต่ว่าฉันจะแต่งงานกับคุณนันไม่ได้ ไม่งั้นฉันคงไม่มีความสุขไปชั่วชีวิต”
อภิเชษฐ์คิดนิดนึง “จะว่าไปมันก็แปลกนะ เพราะสิ่งที่แกทำ มันทำให้คุณดาวเสียหาย แต่ทำไมคุณดาวถึงยังยอมช่วยแก หรือว่าแกให้ค่าตอบแทนเค้าเยอะมาก”
“เรายังไมได้คุยเรื่องนี้ เค้าบอกฉันว่าสำหรับเค้า เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ เค้าว่าถ้างานสำเร็จ เค้าจะบอกฉันเองว่าอยากได้อะไร”
อภิเชษฐ์คิดตาม “ยิ่งฟังยิ่งประหลาด”
จันทรภานุนิ่วหน้า “ยังไงวะ?”
“เพราะความที่ฉันเป็นตำรวจ มันทำให้ฉันคิดลึกกว่าแก ฉันว่าคุณดาวต้องมีอะไรซักอย่างที่อยากได้จากแกแน่ ไม่อย่างนั้นเค้าไม่ช่วยแกขนาดนี้”
“เค้าจะอยากได้อะไรจากฉัน”
“ข้อนี้ฉันไม่รู้ ต้องถามว่าแกมีของมีค่า หรือมีอะไรที่ทำให้เค้าอยากได้รึเปล่า”
“ฉันว่าแกคิดมากเกินไป” จันทรภานุบอก
“ประสบการณ์การเป็นตำรวจ 10 ปี ทำให้ฉันไม่เคยมองพลาด ระวังตัวไว้หน่อยก็แล้วกัน จากคนวางเกมส์ จะกลายเป็นเหยื่อซะเอง” อภิเชษฐ์ตบบ่าจันทรภานุ แล้วก็เดินออกไป แต่จันทรภานุไม่เชื่อที่อภิเชษฐ์พูด

เช้าวันใหม่ สุรีย์รู้สึกตัว จันทรภานุรีบเดินเข้ามาหาที่ข้างเตียง
“หม่อมแม่..”
สุรีย์เห็นจันทรภานุก็เมินหน้าไปทางอื่น จันทรภานุชะงัก สุรีย์พยายามจะลุก จันทรภานุจะช่วยแต่สุรีย์ขัดขืน
“ไม่ต้องมายุ่งกับแม่!”
“หม่อมแม่ครับ..”
ระหว่างนั้นนันทินี อรอุมา และรติรสก็เดินเข้ามา จันทรภานุกับสุรีย์หันไปเห็น อรอุมา รติรส และนันทินียกมือไหว้สุรีย์
“สวัสดีค่ะคุณชาย” อรอุมาทัก
“คุณอรกับคุณรติรสได้ข่าวว่าหม่อมแม่ไม่สบาย ก็เลยมาเยี่ยมค่ะ” นันทินีบอก
“หนูนันมาก็ดีแล้ว ช่วยเอาน้ำให้แม่ที แม่หิวน้ำ” สุรีย์วาน
“ค่ะ”
นันทินีเดินมาเอาน้ำให้สุรีย์ดื่ม จันทรภานุมองสุรีย์พลางถอนหายใจ
“หนูนัน..วานบอกชายจันทร์ว่าจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาเฝ้า เพราะว่าแม่ไม่ตายง่ายๆ” สุรีย์บอก
นันทินี อรอุมา และรติรสหันไปทางจันทรภานุ นันทินีเดินมาหาจันทรภานุ
“นันว่าคุณชายกลับไปก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นหม่อมแม่จะเครียดขึ้นมาอีก”
จันทรภานุหันไปมองสุรีย์
“ถ้างั้นผมไปทำงานนะครับ”
สุรีย์ไม่ตอบ จันทรภานุเดินออกไป ทันทีที่จันทรภานุก้าวพ้นประตูห้อง สุรีย์ก็รีบคว้ามือนันทินีมาจับเอาไว้
“หนูนัน...หนูนันต้องช่วยแม่นะ...ชายจันทร์บอกว่า” สุรีย์นึกได้ว่ามีคนอื่นอยู่
“หม่อมแม่มีอะไรก็พูดมาได้เลยค่ะ คุณอรอุมากับคุณรติรสรู้เรื่องทุกอย่าง” นันทินีบอก

อรุอมาพูดทันที “ใช่ค่ะหม่อม คุณนันมาปรึกษาพวกเราสองคนเรื่องผู้หญิงที่ชื่อประกายดาว”
สุรีย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ตกลงคุณชายบอกอะไรหม่อมแม่คะ” นันทินีถาม
สุรีย์เครียดมาก “ชายจันทร์บอกว่า” สุรีย์รู้สึกกระดากปากที่จะพูด “ได้ผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาแล้วน่ะสิ”
ทุกคนตกใจมาก
รติรสรีบใส่ไฟทันที “อีกแล้วเหรอ?!! นี่มันคิดจะจับแต่ผู้ชายรวยๆเหรอไง”
“คุณรติรสพูดแบบนี้ หมายความว่าเค้าทำมาแล้วหลายครั้งงั้นเหรอ?” สุรีย์ถาม
“ประกายดาวเป็นเมียน้อยสามีอรเองค่ะหม่อม” อรอุมาบอก
สุรีย์ตกใจ “ห๊ะ!! คุณศิวะ”
อรอุมาพยักหน้า
“แล้วทำไมตอนที่ฉันให้คุณศิวะสืบประวัติผู้หญิงคนนั้นให้ เค้าถึงไม่พูดอะไรเลย”
อรอุมากับรติรสหันมามองหน้ากันอึ้งๆ
“หม่อมเคยให้ศิวะช่วยเหรอคะ?” อรอุมาถาม
สุรีย์พยักหน้า อรอุมากับรติรสโมโหมาก
“หม่อมไม่ต้องห่วงเรื่องนังประกายดาวนะคะ พวกเราจะจัดการให้เอง หม่อมไม่ควรต้องลดตัวลงมายุ่งกับมันค่ะ” รติรสบอก
รติรสหันไปมองอรอุมาและนันทินีด้วยสีหน้าร้าย

ศิวะกำลังหลีพนักงานสาวในร้าน โดยการจับมือแล้วเอาแหวนเพชรใส่นิ้วให้ พนักงานเอียงอาย
“แหวนเพชรวงนี้เหมาะกับนิ้วเรียวยาวของเอ๋ม๊ากมาก”
ศิวะลูบมือเอ๋ไม่หยุดแล้วจะยกขึ้นมาหอม ทันใดนั้นอรอุมาก็เดินเข้ามา
“ทำอะไรกัน!!”
ศิวะสะดุ้งตกใจ เขารีบปล่อยมือเอ๋พลางขยิบตาส่งซิกให้เอ๋รีบออกไป เอ๋เอามือซ่อนด้านหลังแล้วก็รีบเดินออกไปทันที ศิวะหันมายิ้มให้อรอุมาอย่างเอาใจ
“ผมกำลังสั่งงานอยู่น่ะจ๊ะ คุณไปไหนมาแต่เช้า”
“ฉันไปเยี่ยมหม่อมสุรีย์มา” อรอุมาบอก
ศิวะชะงัก “หม่อมสุรีย์เป็นอะไร?”
“ช็อคที่ลูกชายได้เมียน่ะสิ”
“ห๊ะ! คุณชายจันทร์เนี่ยนะ!!?? มีเมีย!!..ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”
“นังประกายดาว”
ศิวะอึ้งมาก “ดาว...!!”
“ไง..อึ้งไปเลยล่ะสิ จะว่าไปนังดาวนี่มันก็ฉลาด รู้จักจับคุณชาย” อรอุมาจ้องหน้าศิวะ “เสียดายมั๊ยที่มันไม่เอาคุณ”
ศิวะหน้าถอดสีแต่ทำเป็นไม่เข้าใจ
“ทำไมผมต้องเสียดายด้วย?”
“ฉันรู้จากหม่อมว่าหม่อมเคยไหว้วานให้คุณช่วยสืบประวัตินังดาว แต่คุณกลับบอกว่ามันเป็นคนดี”
ศิวะกลืนน้ำลายเอื๊อก อรอุมาขยับเข้ามาใกล้
“คุณกับมันมีข้อตกลงอะไรกันใช่มั๊ย คุณถึงไม่บอกหม่อมว่ามันเป็นกิ๊กเก่าคุณ”
“บ้าแล้ว..จะมีข้อตกลงอะไร...ไม่มี๊!”
ศิวะรีบหัวเราะกลบเกลื่อน
อรอุมาทำหน้าโหดมาก “ไม่มีแน่นะคุณศิวะ!”
ศิวะเหงื่อแตกซิก “ไม่มีจริงๆจ๊ะ ไม่มีเลย คุณก็รู้ว่าผมไม่กล้าโกหกคุณหรอก”
อรอุมาหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ ศิวะรีบหาทางชิ่ง
“โอ้...นึกได้ว่ามีนัดกับลูกค้า ผมไปก่อนนะจ๊ะ”
ศิวะรีบหอมแก้มอรอุมาเพื่อเอาใจแล้วก็รีบออกไป อรอุมาหันไปมองตามศิวะด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ แล้วก็หยิบมือถือออกมากดโทรหารติรส
“เป็นอย่างที่เธอพูดเอาไว้ ศิวะดูมีพิรุธสุดๆ และตอนนี้ก็รีบร้อนออกไปแล้วด้วย”

รติรสใส่แว่นดำนั่งอยู่ในรถ เธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ สักพักศิวะก็ตาลีตาเหลือกออกมาขึ้นรถ
“ฉันเห็นศิวะออกมาแล้ว ที่เหลือฉันจัดการเอง”
รติรสวางสายแล้วก็รีบขับรถตามรถศิวะไป

รติรสขับตามศิวะมาถึงหน้าคอนโดของประกายดาว
รติรสโมโห “มาหานังประกายดาวจริงๆ”
รติรสเห็นศิวะจอดก็จะจอดบ้าง แต่รปภ.เข้ามาเคาะกระจก รติรสเปิดกระจก
“ตรงนี้จอดไม่ได้นะครับ”
“ขอจอดแป๊บเดียว”
“ไม่ได้ครับ ตรงนี้เป็นที่จอดคนพิการ ถ้าคุณจอด ก็แสดงว่าคุณเป็นคนพิการนะครับ”
รติรสหัวเสีย “ไอ้บ้า! แกน่ะสิพิการ”
รติรสรีบขับรถออกไป รปภ.ส่ายหัว

ประกายดาวเดินออกมาจากคอนโด ศิวะฉุดแขน ประกายดาวหันไปเห็นศิวะก็ตกใจ
“ศิวะ!!”
“เอามือถือมานะดาว”
ประกายดาวเอือมมาก “ยังไม่เลิกยุ่งกับมือถือฉันอีกเหรอ? ฉันไม่ให้”
ศิวะโมโหมาก เขาแย่งกระเป๋าถือของประกายดาว ประกายดาวไม่ยอม ทั้งสองจึงยื้อกันไปยื้อกันมา
“ปล่อย!”
“วันนี้ไม่มีใครมาช่วยเธอได้แล้ว...เอามา!”
ประกายดาวชะงักและเอะใจ เธอกระชากระเป๋าคืนแล้วก็นึกออก
“อย่าบอกนะว่าไอ้โจรที่มากระชากกระเป๋าฉันวันก่อนเป็นฝีมือนาย!?”
“ใช่..ฉันจ้างพวกมันมาเอง”
ประกายดาวอึ้ง “ไม่นึกเลยว่านายจะสารเลวมากขนาดนี้”
“ฉันจะเลวมากกว่านี้ ถ้าเธอไม่เอามือถือมาให้ฉัน”
“ฉัน-ไม่-ให้!”
ประกายดาววิ่งหนี ศิวะตามไปกระชากแขนประกายดาว ประกายดาวไม่ยอม ทั้งสองคนสู้กัน ประกายดาวกระทืบเท้าศิวะจนศิวะร้องลั่น
“โอ๊ย”
ศิวะไม่ยอมปล่อยประกายดาวแต่กลับรวบตัวประกายดาวเอาไว้แล้วกอดแน่น ทันใดนั้นรติรสก็เดินเข้ามาเห็นพอดี เธอโมโหหึงสุดๆ
“ทำอะไรกัน”

อ่านต่อหน้าที่ 4


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 4 (ต่อ)

ประกายดาวกับศิวะหันไปเห็นรติรส ศิวะตกใจมากจึงรีบปล่อยประกายดาว รติรสเดินจ้ำเข้ามา
“กลางวันแสกๆ หน้าคอนโด ไม่อายผีอายสางบ้างเหรอไงห๊ะ!” รติรสว่า
“คุณมาก็ดีแล้ว ฉันมีอะไรจะให้ฟัง” ประกายดาวบอก
ศิวะตกใจมาก “อย่านะ!”
ประกายดาวเอามือถือออกมา รติรสหันไปมองประกายดาวสงสัย ประกายดาวกดเปิดเสียง ศิวะแทบอยากจะหายตัวไปเดี๋ยวนั้น แล้วเสียงศิวะกับประกายดาวดังออกมา
“เราดีใจมากเลยนะที่ดาวโทรหาเรา เราคิดว่าดาวจะไม่ยอมเจอเราซะแล้ว” เสียงศิวะดังขึ้น
“ฉันมาคิดๆดูแล้ว ข้อเสนอของนาย ก็น่าสนใจ แต่ฉันอยากถามเพื่อความแน่ใจว่านายยังรักฉันอยู่จริงๆใช่มั๊ย”
“ใช่สิจ๊ะ เรารักดาว”
“ทำไมเสียงเบาแบบนี้แหละ ไม่ค่อยได้ยินเลย”
“เรา-รัก-ดาว!!! รักไม่เคยเปลี่ยน รักมาตลอด รักที่สุดเลยจ๊ะ”
“นายแน่ใจนะว่านายไม่ได้รักคุณอร”
“แน่ใจ เราไม่ได้รักอร เราบอกแล้วไงว่าเราแต่งงานกับอรเพราะคุณแม่บังคับ เราดีใจนะที่ดาวให้โอกาสเราอีกครั้ง คราวนี้เราจะไม่ทำให้ดาวเสียใจอีก เราจะให้ดาวทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ แหวนเพชร เงินทอง หรือถ้าดาวอยากได้อะไรนอกเหนือจากนี้ เราก็หามาให้ได้”
“แล้วเมียนายเค้าจะไม่รู้เหรอว่านายมีฉันอยู่อีกคน”
“ไม่มีทางรู้หรอก อรน่ะโง่จะตาย เราพูดป้อยอนิด หยอดคำหวานหน่อยก็เชื่อเราแล้ว”
ประกายดาวกดปิด ศิวะหน้าซีดจนเหลือสองนิ้ว รติรสหันไปมองศิวะด้วยแววตาโกรธมาก
ประกายดาวพูด “คราวนี้ก็รู้แล้วนะว่าใครกันแน่ที่เลว! ฝากเธอเอาคลิปนี้ไปให้เมียศิวะฟังด้วย จะได้ตาสว่างซักที”
รติรสกำมือแน่นด้วยความโมโหที่ทำอะไรไม่ได้

ศิวะเดินตามรติรสเข้ามาในห้องพักโรงแรมด้วยสีหน้าจ๋อยมาก รติรสหยุดเดินแล้วหันไป ศิวะสะดุ้ง
“รติจ๋า...” ศิวะรีบเข้ามาอ้อน “อย่าบอกอรเลยนะ รติก็รู้นี่ว่าถ้าอรได้ยินคลิปนี้เข้า อรต้องคุมเข้มผมมากกว่าเดิม แล้วผมก็จะไม่มีโอกาสออกมาหารติได้ง่ายๆอีก”
“ฉันไม่โง่บอกอรหรอก เพราะว่าตอนนี้ฉันมีตัวประกันชั้นดีอยู่ในมือ”
รติรสชูมือถือตัวเองขึ้นมา ศิวะหน้าเสีย
“คุณหมายความว่ายังไง?!”
“ฉันแค่ทำให้คุณเกิดแรงกระตุ้นก็เท่านั้น ฉันอดทนเป็นเบอร์สองมานานแล้ว ถึงเวลาที่ฉันต้องเป็นเบอร์หนึ่งซักที ถ้าคุณไม่อยากโดนอรแหกอก ก็ทำตามที่ฉันสั่ง” รติรสบอก ศิวะชะงัก “คุณต้องหย่ากับอร!”
ศิวะอึ้ง “หย่า...!!! มันจะเป็นไปได้ยังไง คุณก็รู้”
“มันเป็นไปได้ ถ้าคุณพยายาม แต่ก่อนหน้านั้น เราต้องโกยจากอรให้คุ้มที่สุด ถ้าคุณทำได้ เราจะรวยกันเละ ส่วนเรื่องคลิปเสียงนี้ ไว้ทุกอย่างสำเร็จ ฉันค่อยคิดบัญชีกับคุณ”
รติรสเอามือถือใส่กระเป๋า ศิวะเครียดสุดๆ เขาคิดว่า “หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ”

อรอุมาแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ต่อหน้ารติรส
“ศิวะไปหานังประกายดาวมาจริงๆ!” อรอุมาทวนคำ
“ใช่...ฉันเห็นกับตา ศิวะทั้งกอดทั้งจูบนังนั่น คิดแล้วยังโมโหแทนเธอไม่หาย” รติรสว่า
อรอุมากัดกรามแน่น “เห็นทีแกกับฉันจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้วนังประกายดาว”
อรอุมาพรวดพราดออกไป รติรสหันขวับ
“อร...เธอจะไปไหน?!!”
รติรสรีบตามเพื่อนออกไป

อรอุมาเดินจ้ำมาตามทางด้วยความโมโหมาก รติรสตามมาติดๆ
“อรใจเย็น อย่าวู่วาม เธอต้องมีสติ”
“ถ้าผัวเธอถูกแย่ง เธอยังจะมีสติอยู่ได้มั๊ยห๊ะ!” อรอุมาว่า
รติรสชะงัก อรอุมาหันไปเห็นประกายดาวออกมาจากคอนโด อรอุมาเลือดขึ้นหน้จึงาจะรีบตามไป แต่ประกายดาวขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
“นังประกายดาวมันไปไหน?!! รีบตามมันไปเร็ว”
อรอุมากับรติรสรีบเดินกลับไปที่รถ

ประกายดาวหิ้วถุงกระดาษเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าพลางกดมือถือโทรหาจันทรภานุ
“ฉันมาถึงห้างฯแล้วนะคะคุณชาย”
เสียงจันทรภานุพูด “ผมกำลังลงไป”
ประกายดาววางสายแล้วก็หันไปเห็นอรอุมากับรติรส ประกายดาวคิดว่าอรอุมาได้ยินเสียงในคลิปแล้ว
“ตาสว่างแล้วสินะคุณอรอุมา”
อรอุมาเดินมาตรงหน้าประกายดาว รติรสเดินมายืนข้างๆ
“ใช่! ฉันตาสว่างแล้ว” อรอุมาบอก
ประกายดาวสบายใจ แต่อรอุมากลับตบหน้าประกายดาวดังเพี๊ยะ ประกายดาวตกใจมาก ผู้คนแตกตื่นตกใจ รติรสแอบสะใจ ประกายดาวหันมามองอรอุมาอึ้งๆ รติรสทำเป็นเข้ามาห้ามอรอุมา
“อย่าอร! อายคนอื่นเค้า”
“คนที่ต้องอายคือมัน ไม่ใช่ฉัน!” อรอุมาหันไปมองรอบๆ “ทุกคนดูหน้าผู้หญิงคนนี้เอาไว้ให้ดี แล้วก็จำให้แม่น ผู้หญิงคนนี้เป็นคนโรคจิต ชอบแย่งผัวชาวบ้าน”
ทุกคนฮือฮา ประกายดาวโกรธมากจึงปล่อยถุงกระดาษในมือลงพื้น แล้วชกอรอุมาจนหน้าหงาย อรอุมาเลือดกำเดาไหล รติรสยิ่งสะใจแต่ทำเป็นตกใจ
“อร!!” รติรสหันไปทางประกายดาว “แกทำร้ายเพื่อนฉันเหรอ?”
ประกายดาวเงื้อหมัด “ถ้าอยากทำดั้งใหม่ก็เข้ามา”
รติรสโมโห จะเข้ามาตบประกายดาว แต่มีมือมาจับที่แขน รติรสหันไปก็เห็นว่าเป็นจันทรภานุ
“คุณชาย!!”
อรอุมาเข้ามาเกาะแขนจันทรภานุ
“คุณชายต้องทวงความเป็นธรรมให้อรนะคะ นังนี่มันมาแย่ง..”
จันทรภานุหันไปตวาด “หยุดนะคุณอรอุมา!!” อรอุมาเงียบ “อย่ามาก่อเรื่องในห้างฯของผม และอย่ามาพูดจาพล่อยๆที่นี่”
“แต่นังนี่มันต่อยฉัน..” อรอุมาบอก

จันทรภานุสวนกลับทันที “ก็ถ้าคุณไม่มาหาเรื่องคุณดาวก่อน คุณดาวคงไม่ทำร้ายคุณ” จันทรภานุผายมือ “เชิญ...”
อรอุมาหันไปมองประกายดาวด้วยความแค้นมากแล้วก็เดินออกไปกับรติรส จันทรภานุรีบหันมาดูประกายดาวด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไงบ้าง?”
ประกายดาวจับหน้า “เจ็บสิคะ ถามมาได้”
ประกายดาวหน้าเหยเก

จันทรภานุกำลังเอายาทาที่หน้าประกายดาวที่โดนตบ
“อุ๊ย!”
“ขอโทษ..ผมจะทำเบามือมากกว่านี้”
จันทรภานุค่อยๆทายาให้ประกายดาวด้วยความนุ่มนวล ประกายดาวอดที่จะมองจันทรภานุอย่างรู้สึกดีไม่ได้ จันทรภานุหันมาทำให้หน้าใกล้กับประกายดาว ทั้งสองคนชะงักแล้วไม่นานก็ได้สติ ประกายดาวรีบผละออกห่าง
“ขอบคุณมากค่ะคุณชาย ถ้าคุณมาช่วยฉันไว้ไม่ทัน”
จันทรภานุพูดต่อทันที “คุณอรกับเพื่อนคงโดนคุณต่อยดั้งหัก”
“อะไรกันอ่ะคุณชาย ฉันเป็นฝ่ายถูกรุมนะคะ”
จันทรภานุยิ้ม “ว่าแต่คุณมาหาผมทำไม?”
ประกายดาวหยิบถุงกระดาษมายื่นให้จันทรภานุ “ฝากของไปเยี่ยมหม่อมแม่คุณด้วยค่ะ ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หม่อมแม่คุณต้องนอนโรงพยาบาล”
“ขอบใจ”
แล้วจันทรภานุก็นึกถึงคำพูดของอภิเชษฐ์ขึ้นมา
“....ฉันว่าคุณดาวต้องมีอะไรซักอย่างที่อยากได้จากแกแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเค้าไม่ช่วยแกขนาดนี้หรอก ประสบการณ์การเป็นตำรวจ 10 ปี ทำให้ฉันไม่เคยมองพลาด ระวังตัวไว้หน่อยก็แล้วกัน จากคนวางเกมส์ จะกลายเป็นเหยื่อซะเอง”
จันทรภานุหันไปมองประกายดาวแล้วตัดสินใจ
“คุณดาว..คุณแย่งสามีคนอื่นเค้าจริงรึเปล่า” จันทรภานุถาม
ประกายดาวตกใจ “คุณชาย!!”
“อย่าเพิ่งโมโห ถ้าเราทำงานด้วยกัน คุณต้องเปิดใจให้ผมรู้ว่าผมเลือกคนมาช่วยผมถูกคนรึเปล่า”
ประกายดาวมองจันทรภานุแล้วก็นิ่งไปอย่างครุ่นคิด

ประกายดาวกับจันทรภานุเดินด้วยกันตามทางเดินในห้างสรรพสินค้า
“หมายความว่าคุณศิวะเป็นแฟนคนแรกของคุณ ?”
“ค่ะ หลังจากนั้นฉันก็มีแฟนอีกสองคน”
“เจ้าชู้นะเนี่ย”
“พูดให้มันดีดีคุณชาย เจ้าชู้หมายความว่าคบทีละหลายคน แต่ฉันคบทีละคน จะฟังต่อมั๊ยคะ”
“ฟังต่อสิ”
“ฉันคบผู้ชายอีกสองคน แต่ทั้งสองคนก็เอาเปรียบฉัน ฉันผิดหวังในความรักครั้งแล้วครั้งเล่าจนฉันคิดว่ามันคงไม่ตายหรอก ถ้าเราจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต”
“เพราะเหตุนี้ถึงทำให้คุณไม่เชื่อในความรักอีก”
ประกายดาวพยักหน้า จันทรภานุมองประกายดาวสีหน้าเข้าใจมากขึ้น

อรอุมาอยู่ในสภาพมีกระดาษทิชชู่อุดรูจมูกทั้งสองข้างกำลังโมโหมาก แล้วเธอก็กรี๊ดออกมาดังลั่น
“อ๊าย!! นังประกายดาว! ฉันเกลียดแก..อ๊าย!”
“พอได้แล้วอร กรี๊ดไปก็เหนื่อยเปล่า” รติรสว่า
“ฉันอยากเอาคืนมัน รติ!! ฉันจะทำยังไงดี คิดสิคิดสิ”
“โอ๊ย!! ของแบบนี้มันไม่ได้คิดกันง่ายๆ” รติรสว่า อรอุมาเงียบ “เธอได้เอาคืนมันแน่...แต่เราต้องยืมมือคนอื่น”
“ใคร?”
“หม่อมสุรีย์!”
อรอุมามองรติรสอย่างเห็นด้วย

ประกายดาวกับจันทรภานุเดินมาที่ลานจอดรถ
“ฉันไปนะคะ” ประกายดาวบอก
“เดี๋ยว..ผมว่าคุณไปเยี่ยมหม่อมแม่กับผมจะดีกว่า” จันทรภานุชวน
“ไม่ดีหรอกค่ะ ถ้าหม่อมแม่คุณเห็นฉันเข้า มีหวังทรุดลงไปอีกแน่ๆ”
“แต่การที่คุณไปเยี่ยมท่าน จะทำให้ท่านเห็นความจริงใจของคุณ”
ประกายดาวมองจันทรภานุด้วยสีหน้าลังเล

หญิงนิ่มอยู่กับสุรีย์และนมพร
สุรีย์น้อยใจ “ชายจันทร์ไม่มาดูดำดูดีป้าเลยซักนิด”
หญิงนิ่มกับนมพรมองหน้ากันด้วยสีหน้าเอือมๆ
“หายไปตั้งแต่เช้า นี่ขนาดว่าป้าไม่สบายนอนอยู่โรงพยาบาล” สุรีย์พูดต่อ
“นมรู้มาว่าคุณชายมาเยี่ยมหม่อมแต่เช้า แต่หม่อมไล่คุณชายให้กลับไปทำงานไม่ใช่เหรอคะ”
สุรีย์หน้าเสีย
“...ที่ฉันทำลงไปเพราะฉันกำลังโกรธ ต่อให้ฉันไล่ชายจันทร์ หรือดุด่ายังไง ถ้าชายจันทร์ห่วงฉันจริงก็คงไม่ทิ้งฉันไปแบบนี้”
จันทรภานุกับประกายดาวเดินเข้ามา หญิงนิ่มกับนมพรหันไปเห็น หญิงนิ่มดีใจ ประกายดาวไหว้นมพร นมพรรับไหว้
“พี่ชายมาแล้วค่ะหม่อมป้า” หญิงนิ่มบอก
สุรีย์ดีใจจึงหันไป พอเห็นประกายดาวเธอก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน ประกายดาวยกมือไหว้แต่สุรีย์ไม่รับไหว้
“มาทำไม?”
“คุณดาวมาเยี่ยมหม่อมแม่ครับ แล้วนี่ก็ของเยี่ยมของคุณดาว” จันทรภานุบอก
จันทรภานุเอาของจากประกายดาวมาวางบนโต๊ะ นมพรลุกเดินมาดู
“ซุปไก่สกัด ของโปรดของหม่อมเลยนะคะ”
“ฉันจะไม่โปรดก็วันนี้แหละ” สุรีย์ว่า
ประกายดาวหน้าเสีย
“หม่อมแม่..” จันทรภานุหน้าเสีย
สุรีย์พูดขึ้นมา “นมพร..ฉันอยากนอนพัก ใครอย่าทำเสียงดังให้รำคาญหูเชียว”
สุรีย์หลับตา ประกายดาวถอนหายใจ จันทรภานุมองประกายดาวอย่างเห็นใจ

จันทรภานุ ประกายดาว และหญิงนิ่มเดินออกมา
“พี่ดาวอย่าถือสาหม่อมป้าเลยนะคะ หม่อมป้ากำลังอารมณ์ไม่ดี” หญิงนิ่มบอก
“พี่เข้าใจค่ะ พี่ไม่โกรธ ฉันกลับนะคะคุณชาย”
จันทรภานุพยักหน้า หญิงนิ่มรีบชง
“พี่ชายไปส่งพี่ดาวที่รถสิคะ หน้าที่ของสุภาพบุรุษ”
จันทรภานุหันไปมองประกายดาว

จันทรภานุเดินมาส่งประกายดาวที่รถ
“ขอบคุณค่ะคุณชาย คุณกลับไปหาหม่อมแม่คุณได้แล้ว”
“คุณขึ้นรถก่อนสิ เพราะถ้าผมขึ้นไป น้องหญิงต้องถามผมแน่ว่าผมส่งคุณจนขึ้นรถแน่แล้วใช่มั๊ย เห็นรถคุณแล่นออกไปอย่างปลอดภัยแน่แล้วใช่รึเปล่า”
ประกายดาวยิ้ม “คุณหญิงนิ่มนี่น่ารักนะคะ” ประกายดาวหยั่งเชิง “ทำไมคุณชายถึงไม่ชอบคุณหญิงล่ะคะ”
“แก่นกะโหลกกะลาอย่างนั้น ไม่ไหวล่ะ” จันทรภานุว่า
ประกายดาวยิ้มๆแล้วก็หันไปเห็นพระจันทร์เหนือบริเวณลานจอดรถเต็มดวงสวยงาม เธอตะลึงงัน แล้วก็รีบเปิดท้ายรถเพื่อเอาขาตั้งกล้องออกมาตั้ง
จันทรภานุสงสัย “คุณทำอะไร?”
ประกายดาวหันมาแล้วหยิบกล้องออกมา
“คุณไม่เห็นเหรอ?” ประกายดาวถาม
จันทรภานุงง “เห็นอะไร?”
ประกายดาวเอากล้องติดกับขาตั้งกล้องแล้วหันไปทางจันทรภานุ
“นู่นไงคะ”
จันทรภานุหันไป “ก็แค่พระจันทร์..สวยตรงไหน?”
“คุณนี่ไม่มีอารมณ์สุนทรีซักนิด พระจันทร์วันนี้กลมมาก คุณดูรอบวงมันสิ”
ประกายดาวยื่นหน้ามาใกล้จันทรภานุแล้วชี้ไปที่พระจันทร์
“ไม่มีรอยแหว่ง สมบูรณ์แบบที่สุด แถมท้องฟ้าก็ยังเป็นใจ ไม่มีเมฆมาบดบังซักนิด”
ประกายดาวมองพระจันทร์ด้วยแววตามีความสุข จันทรภานุหันไปมองประกายดาวที่มีแสงจันทร์ส่องหน้าก็เคลิ้ม ประกายดาวถ่ายรูปดวงจันทร์ไม่หยุด จันทรภานุมองประกายดาวแล้วก็เผลอยิ้มออกมา

จันทรภานุนอนเฝ้าสุรีย์บนโซฟาแต่นอนไม่หลับ

จันทรภานุเดินออกมาที่ระเบียงเพื่อยืนมองพระจันทร์ เขาเห็นหน้าประกายดาวปรากฎขึ้นมา จันทภานุผงะด้วยความตกใจ
“คิดถึงเค้าทำไม?”

หญิงนิ่มเดินมานั่งกับประกายดาว
“หญิงว่าหม่อมป้าไม่ได้ป่วยจริงหรอกค่ะ แต่ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายมากกว่า” หญิงนิ่มบอก
“พี่ไม่รู้หรอกนะคะว่าหม่อมเป็นจริงหรือเป็นไม่จริง แต่พี่ไม่สบายใจ”
“พี่ดาวอย่าโทษตัวเองสิคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็ให้พี่ชายรับผิดชอบไป เพราะเค้าเป็นคนคิดแผนนี้ขึ้นมาเอง” หญิงนิ่มหยั่งเชิง “แต่ถ้าพี่ดาว รู้สึกว่าพี่ชายทำให้พี่ดาวเสียหายล่ะก้อ พี่ดาวกับพี่ชายก็แต่งงานกันซะเลย”
ประกายดาวสำลักน้ำที่ยกขึ้นมาดื่ม
“คุณหญิง!! พูดเล่นอีกแล้วนะคะ” ประกายดาวว่า
หญิงนิ่มจับแขนประกายดาวแล้วพูดสีหน้าจริงจัง
“หญิงไม่ได้เล่นนะคะ หญิงพูดจริงๆ หญิงชอบพี่ดาวมากค่ะ” ประกายดาวผงะ “อย่ามองหญิงแบบนั้นสิคะ หญิงไม่ได้ชอบพี่ดาวแบบนั้น หญิงหมายถึงหญิงถูกใจพี่ดาว อยากให้พี่ดาวกับพี่ชายรักกันจริงๆ”
“ไม่ล่ะค่ะ ผู้ชายอย่างคุณชาย ใครอยู่ด้วย เครียดตายเลย”
หญิงนิ่มเหวอ ประกายดาวรู้ตัว
“อุ่ย..พี่ขอโทษค่ะที่พี่พูดตรงๆ”
“มันก็จริงอย่างที่พี่ดาวพูด แล้วพี่ดาวชอบผู้ชายแบบไหนคะ”
“แบบไหนเหรอคะ?” ประกายดาวคิด “อืมม์..ไม่รู้สิ ความจริงพี่เข็ดกับการมีแฟนแล้วล่ะค่ะ เพราะที่ผ่านมา พี่ไม่เคยเจอคนดีซักคน” ประกายดาวคิดแล้วก็เศร้าแต่ก็รีบยิ้มต่อ “แต่ถ้าจะให้เลือกจริงๆ ผู้ชายอารมณ์ดีก็น่าสนใจ”
ประกายดาวดื่มน้ำ หญิงนิ่มหน้าเสียพลางคิดในใจ
“ผู้ชายอารมณ์ดี พี่ดาวหมายถึงนายปลาไหลพงศ์จันทรรึเปล่า?”
หญิงนิ่มชักใจไม่ดีแล้วก็นึกอะไรออก
“พี่ดาวคะ หญิงมีอะไรจะให้พี่ดาวดูค่ะ”
ประกายดาวหันไปมองหญิงนิ่มด้วยความสงสัย

วันต่อมา ประกายดาวกำลังถ่ายภาพนายแบบตามมุมต่างๆ บนทางเดิน sky walk กลางเมือง
ประกายดาวพูดกับที “เลนส์ Fix 50mm”
ทีส่งเลนส์ให้ ประกายดาวเปลี่ยนเลนส์แล้วถ่ายภาพต่อ
เวลาผ่านไป ประกายดาวส่งกล้องให้ที เจ๊พีชเดินเข้ามา
“เปลี่ยนชุดเลยค่าคุณน้อง”
นายแบบเดินออกไปกับเจ๊พีช เสียงพงศ์จันทรดังขึ้น
“เอาอาหารมาส่งครับ”
ประกายดาวหันไปเห็นพงศ์จันทรยืนยิ้มพร้อมยกถุงโจ๊กขึ้นมา

ประกายดาวนั่งบนพื้นเพื่อกินข้าว พงศ์จันทรนั่งข้างๆ
“คุณดาวไม่แปลกใจเหรอครับว่าผมรู้ได้ไงว่าคุณอยู่ที่นี่”
“คำตอบนั้นไม่ยากเลยค่ะ เจ๊พีช...” ประกายดาวบอก
พงศ์จันทรยิ้มกว้าง ประกายดาวกินโจ๊กแต่ทำหกเลอะปาก พงศ์จันทรเห็นก็รีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดปากให้ประกายดาว ประกายดาวชะงักก่อนจะรีบเอามาเช็ดเอง
“ขอบคุณค่ะ เปื้อนเลย เดี๋ยวฉันซักคืนให้นะคะ”
“ไม่ต้องคืนก็ได้ครับ เก็บไว้ใต้หมอน เผื่อคุณดาวจะฝันถึงผมบ้าง”
“ไม่ต้องมาปากหวานกับดาวหรอกค่ะ ไปหวานใส่สาวๆของคุณดีกว่า”
พงศ์จันทรชะงัก “สาว? สาวไหนครับ ตอนนี้ผมตัดทุกคนออกหมดแล้ว ผมกำลังปรับปรุงตัวใหม่ เผื่อคุณดาวจะหันมาแลผมบ้าง”
ประกายดาวขำ “ฉันว่าคงจะเป็นคนนู้นมากกว่ามั๊งคะ”
พงศ์จันทรชะงัก เขาหันไปเห็นน้องแชมเปญเดินมาก็อึ้งและรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่าง

เจ๊พีชกำลังจ่ายเงินให้แชมเปญ แชมเปญรับเงินมา
“ขอบคุณมากค่ะเจ๊”
แชมเปญรับเงินมาแล้วก็เดินออกไป เจ๊พีชหันกลับไปเจอพงศ์จันทรเดินมา
“นั่นเด็กเจ๊พีชเหรอครับ?”พงศ์จันทรถาม
“ฮั่นแน่ ถามแบบนี้แสดงว่าสนใจ นี่ขนาดน้องดาวอยู่ที่นี่ด้วยนะเนี่ย” เจ๊พีซว่า
“น้องเค้าดูหน่วยก้านดี น่าสนใจร่วมงานด้วย”
“กำลังฮอตเลยล่ะค่ะ เรียกได้ว่าเป็นตัวเงินตัวทองของเจ๊เลยทีเดียว วันก่อนคุณหญิงนิ่มก็เพิ่งเรียกใช้งานไปเองนะคะ”
พงศ์จันทรชะงักแล้วก็เริ่มมั่นใจในความคิดของตัวเอง

จันทรภานุนั่งดื่มกาแฟอยู่กับอภิเชษฐ์ สีหน้าของเขาโทรมจนอภิเชษฐ์แปลกใจ
“แกเป็นไร? หน้าตาดูอิดโรย”
“เมื่อคืนนอนไม่หลับ”
“ที่นอนไม่หลับเพราะคิดถึงใครวะ” อภิเชษฐ์แซว
“คิดถึง..” ภาพประกายดาวปรากฎบนดวงจันทร์ผุดขึ้นมาในหัวจันทรภานุ “คิดถึงหม่อมแม่น่ะสิ”
จันทรภานุนิ่งไป แล้วก็นึกอะไรออก
“ฉันต้องกลับไปทำงานแล้ว ไว้เจอกัน”
จันทรภานุรีบลุกเดินออกไป อภิเชษฐ์แปลกใจ

ประกายดาวกำลังเก็บของอยู่ ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น
“ค่ะคุณชาย” ประกายดาวฟัง “คุณอยากได้อะไรนะ?”
ประกายดาวแปลกใจมากๆ

ประกายดาวยื่นรูปพระจันทร์ให้จันทรภานุ
ประกายดาวแปลกใจ “คุณชายอยากได้รูปพระจันทร์ไปทำไมคะ?”
จันทรภานุชะงัก “ก็คุณบอกผมเองว่าพระจันทร์เมื่อคืนสมบูรณ์แบบที่สุด ผมก็อยากได้รูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะไม่รู้ว่าจะได้มีวันดีดีแบบนี้อีกรึเปล่า”
“คุณชายนี่ก้อโรแมนติคเหมือนกันนะเนี่ย”
จันทรภานุก้มมองรูปพระจันทร์ยิ้มๆ

จันทรภานุเอารูปพระจันทร์ใส่กรอบวางบนโต๊ะทำงานตัวเอง แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกดี

หญิงนิ่มเปิดประตูร้านแล้วเดินเข้าไป มีคนเดินตามเข้ามาติดๆ หญิงนิ่มหันขวับไปมองปรากฎว่าเป็นพงศ์จันทร หญิงนิ่มตกใจมาก
“นายปลาไหล!! นายมาทำไม?”
“คุณหญิงนี่แสบมากนะ” พงศ์จันทรว่า
พงศ์จันทรขยับจะเข้ามาใกล้ หญิงนิ่มรีบหยิบเครื่องช๊อตไฟฟ้าในกระเป๋าออกมาขู่
“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!”
พงศ์จันทรหยุดกึกเพราะชักฝ่อ “ทั้งแสบทั้งร้ายเลยนะคุณหญิง ผมรู้ว่าคุณจัดฉากเรื่องน้องแชมเปญขึ้นมาเพื่อให้ผมติดกับ แล้วคุณก็ถ่ายรูปไปให้คุณดาวดูใช่มั๊ย!”
หญิงนิ่มทำหน้าไม่รู้เรื่อง “พูดอะไร ไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจ?!! ถ้างั้นผมจะทำให้คุณหญิงเข้าใจเอง”
พงศ์จันทรจะเข้ามา หญิงนิ่มเปิดเครื่องช็อตไฟฟ้าขู่ พงศ์จันทรชะงัก
“คิดว่าไอ้เครื่องนี้จะทำอะไรผมได้งั้นเหรอ?!”
พงศ์จันทรเข้ามา หญิงนิ่มตวัดเครื่องช๊อตไฟฟ้าไปตรงหน้า พงศ์จันทรหลบเกือบไม่ทันจนเครื่องช็อตเฉียดหน้าไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด พงศ์จันทรเสียววูบ
“เอาจริงเหรอเนี่ย?”
“เอาจริงน่ะสิ แน่จริงก็เข้ามาเลย..มา..!!”
หญิงนิ่มเปิดเครื่องขู่ ทันใดนั้นเครื่องก็ดับ หญิงนิ่มตกใจ
“เฮ่ย!!”
หญิงนิ่มกดเปิดปิดสองสามครั้งก็ไม่ติด เธอร้อนรนมาก
“อย่าสิ....มาเป็นอะไรเอาตอนนี้เนี่ย”
พงศ์จันทรขำก๊าก “ฮ่าๆๆ ของจากเมืองจีนก็เป็นแบบนี้แหละ”
พงศ์จันทรพุ่งเข้ามา หญิงนิ่มเอาเครื่องช๊อตไฟฟ้าฟาดใส่แต่พงศ์จันทรจับแขนหญิงนิ่มเอาไว้ได้ทัน ทำให้หญิงนิ่มเสียหลักล้มไปบนโซฟา พงศ์จันทรล้มตามลงไปทับตัวหญิงนิ่ม แล้วทั้งคู่ก็ชะงักกันไปเพราะว่าหน้าอยู่ใกล้กันมาก หญิงนิ่มจ้องหน้าพงศ์จันทรไม่วางตา พงศ์จันทรยิ้มเจ้าชู้
“มองผมแบบนี้..หลงเสน่ห์ผมเหรอครับคุณหญิง”
หญิงนิ่มไม่ตอบ มือที่ถือเครื่องช๊อตไฟฟ้ากดเปิดเครื่องอีกครั้งแล้วเครื่องติด ทันใดนั้นพงศ์จันทรก็ร้องจ๊าก
“อ๊าก”
พงศ์จันทรรีบผละออกมา มือของเขากุมเป้าหน้าแดงเพราะเจ็บปวดมาก หญิงนิ่มรีบลุกขึ้นยืนแล้วชูเครื่องช๊อตไฟฟ้าไปตรงหน้า
“คนเจ้าชู้อย่างนายมันต้องโดนแบบนี้”
พงศ์จันทรทรุดเข่าลงไปบนพื้น เขาได้แต่มองหน้าหญิงนิ่มแบบเจ็บและชาจนพูดไม่ออกทำเอาหญิงนิ่มชักใจเสีย
“นาย..เจ็บมากเลยเหรอ?”
พงศ์จันทรพยายามเปล่งเสียงออกมาทั้งๆที่เจ็บปวดมาก
“ทั้งเจ็บ ทั้งชา ถ้าน้องชายผมเป็นอะไรไป!! คุณ” พงศ์จันทรชี้หน้า “ต้อง..รับ..ผิด...ชอบ!!”
แล้วพงศ์จันทรก็ล้มหน้าคว่ำ ก้นโด่ง หมดสติไปบนพื้น หญิงนิ่มตกใจสุดๆ

หญิงนิ่มเปิดม่านเข้ามาในห้องฉุกเฉินก็เห็นพงศ์จันทรนอนหน้าซีดมีเจลเย็นประคบน้องชายอยู่ หญิงนิ่มเห็นสภาพของเขาแล้วก็อดขำออกมาไม่ได้
“มันไม่ตลกเลยนะคุณหญิง” พงศ์จันทรว่า
หญิงนิ่มรีบหยุดขำ “แล้วน้องชายนายสบายดีมั๊ย”
“ยังสบายดี คุณก็เลยโชคดีไป”
“ฉันหวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ คงจะทำให้นายเลิกยุ่งกับพี่ดาว”
“คุณหญิงต่างหากที่ควรเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ คุณดาวมีสิทธิ์เลือก เพราะว่าคุณดาวกับคุณชายจันทร์ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ฉันไม่มีทางยอมให้พี่ดาวเป็นแฟนนาย ฉันจะขัดขวางให้ถึงที่สุด”
“ยัยคุณหญิงโรคจิต!”
หญิงนิ่มฉุนกึก เธอโมโหมากพอหันไปเห็นกล่องพลาสติคที่ใส่อุปกรณ์ทำแผลก็ยกขึ้นแล้วหันมาทางพงศ์จันทร
พงศ์จันทรถาม “จะทำอะไร?”
หญิงนิ่มไม่ตอบแต่ยื่นกล่องไปเหนือเป้าพงศ์จันทร พงศ์จันทรตกใจแต่ห้ามไม่ทัน หญิงนิ่มปล่อยกล่องลงมาซ้ำแผลเดิม พงศ์จันทรหน้าเขียวแต่ร้องไม่ออก หญิงนิ่มหันไปปัดมือใส่พงศ์จันทรแล้วจ้ำเดินออกไป พงศ์จันทรได้แต่มองและชี้ตามหลังหญิงนิ่มด้วยสีหน้าเจ็บปวด

จบตอนที่ 4

กำลังโหลดความคิดเห็น