ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 6
จันทรภานุกับพงศ์จันทรเข้าใจความต้องการของประกายดาวเลยหันไปทางแขกเหรื่อ แล้วทั้งสามคนก็เดินไปพร้อมกัน เจ๊พีชพอใจมากจึงปรบมือขึ้นมาเป็นคนแรก หญิงนิ่มและแขกคนอื่นๆ ปรบมือตามด้วยความชื่นชม
อรอุมาที่กำลังเมายาได้ที่ก็ลุกขึ้นยืน ปรบมือตามไปด้วย
“วู้วู้...สุดยอด...ฮ่าๆๆ”
ทุกคนงงกับท่าทางของอรอุมา
อภิเชษฐ์ ต้นอ้อ และตำรวจอีก 3-4 นายเดินเข้ามาบริเวณหน้าห้องจัดงาน
ประกายดาวยังควงแขนจันทรภานุกับพงศ์จันทรโพสท่าหน้าเวที อรอุมาที่ไร้สติเดินเมามาโพสข้างๆจันทรภานุ จันทรภานุหันไปมองอรอุมางงๆ ทันใดนั้นเสียงเพลงก็หยุด ไฟเปิดสว่างทั้งงาน ทั้งหมดหันไปเห็นอภิเชษฐ์ ต้นอ้อ และตำรวจเดินเข้ามา
รติรสเห็นตำรวจก็ยิ้มพอใจ ศิวะแปลกใจ เจ๊พีชรีบเดินไปหาอภิเชษฐ์กับต้นอ้ออย่างงงๆ
“มีอะไรเหรอคะคุณตำรวจ”
“ผมได้รับแจ้งว่าในงานนี้มีการเล่นยากัน ผมอยากจะขอรบกวนเวลาทุกคนเพื่อทำการตรวจครับ” อภิเชษฐ์บอก
ทุกคนตกใจมาก อรอุมายังโพสท่าไปเรื่อยๆ จันทรภานุเห็นท่าทางอรอุมาก็ชักเอะใจเลยเดินมาหาอภิเชษฐ์
“ชายจันทร์!! นายอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
“นายไม่ต้องค้นให้เสียเวลา ฉันรู้ว่าใครเล่นยา”
อภิเชษฐ์กับต้นอ้อหันมามองหน้ากัน จันทรภานุหันไปมองอรอุมา ทุกคนหันไปมองตาม อรอุมายังโพสท่าไม่หยุดแลดูมีความสุขอยู่คนเดียว
ต้นอ้อกับตำรวจอีกคนล็อคแขนพาอรอุมาที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเดินออกไป นักข่าวรุมถ่ายรูป
“จะพาฉันไปไหนอ่ะ..ไปไหนไปไหน?”
ศิวะกับรติรสเดินตาม นักข่าวตามถ่ายรูปไม่หยุดจนศิวะทนไม่ไหว
“หยุดถ่ายกันได้แล้ว”
นักข่าวไม่หยุด ศิวะหัวเสียมากจึงรีบเดินออกไปกับรติรส
ไม่นานจันทรภานุกับอภิเชษฐ์ก็เดินออกมาด้วยกัน
“พรุ่งนี้ข่าวใหญ่แน่” อภิเชษฐ์จับบ่าจันทร์ภานุ “ฉันไปก่อนนะ”
จันทรภานุพยักหน้า อภิเชษฐ์เดินออกไป หญิงนิ่มเดินมาหา จันทรภานุหันไปพูดด้วย
“กลับกันเถอะหญิงนิ่ม”
“จะรีบกลับไปไหนคะพี่ชาย ไปหาพี่ดาวกันก่อนดีกว่า”
หญิงนิ่มจับแขนจันทรภานุพาเดินออกไป
ประกายดาวเดินกะเผลกนิดๆออกมา ระหว่างนั้นจันทรภานุกับหญิงนิ่มก็เดินออกมาพอดี
“พี่ดาว..”
ประกายดาวหันไปยิ้ม หญิงนิ่มรีบเดินเข้ามากอดไม่นานเธอก็ผละออกมา
“หญิงคิดถึงพี่ดาวจังเลยค่ะ”
“พี่ก็คิดถึงคุณหญิงนิ่มค่ะ” ประกายดาวบอก
“ไม่ใช่แค่หญิงนะคะที่คิดถึง” หญิงนิ่มพูดเสียงเบา “คนแถวนี้ก็คิดถึงเหมือนกัน”
หญิงนิ่มพยายามชงสุดฤทธิ์ก่อนจะเหล่มองจันทรภานุ ประกายดาวหันไป จันทรภานุเดินมาใกล้
“ขอบคุณคุณชายจันทร์มากนะคะที่ช่วยฉันเอาไว้”
“ไม่เป็นไรครับ”
“พี่ชายเค้าเต็มใจม๊ากมากค่ะ” หญิงนิ่มบอก
จันทรภานุเหล่หญิงนิ่ม หญิงนิ่มรู้ตัวว่าพูดมากเกินไป
ประกายดาวเจ็บข้อเท้าขึ้นมา “อุ๊ยย!”
จันทรภานุถาม “ยังเจ็บข้อเท้าอยู่เหรอครับ”
“ค่ะ...”
“ผมว่าคุณดาวมานั่งก่อนดีกว่า” จันทรภานุเดินมาข้างตัว “ขออนุญาตนะครับ”
จันทรภานุจับแขนประกายดาวแล้วพาไปนั่ง ประกายดาวหวั่นไหวกับความใกล้ชิด หญิงนิ่มอมยิ้ม จันทรภานุประคองประกายดาวให้นั่งลงแล้วย่อตัวลงตรงหน้าเพื่อจะถอดรองเท้าให้
“คุณชายจันทร์จะทำไรคะ?” ประกายดาวตกใจ
“อยู่เฉยๆ” จันทรภานุบอก
“พี่ชายเค้าเก่งเรื่องพวกนี้ค่ะพี่ดาว เพราะว่าแม่นมพรข้อเท้าเคล็ดเป็นประจำ รับรองว่าพี่ดาวหายเจ็บแน่”
ประกายดาวยิ้มๆ มองจันทรภานุด้วยสีหน้าประหลาดใจมาก จันทรภานุถอดรองเท้าประกายดาวออกแล้วค่อยๆนวดให้ ประกายดาวรู้สึกดีสุดๆ หญิงนิ่มหันไปเห็นพงศ์จันทรกำลังเดินมาก็ตกใจจึงรีบจ้ำเดินออกไป โดยทิ้งให้จันทรภานุอยู่กับประกายดาวสองคน
หญิงนิ่มเดินมาตรงหน้าพงศ์จันทร พงศ์จันทรหันไปเห็นหญิงนิ่มก็ชะงักไปนิดนึง
“มาดักรอผมเหรอครับคุณหญิงนิ่ม”
“แหวะ.. ใครอยากเจอนายไม่ทราบ”
“เอ้า..ถ้างั้นคุณมายืนขวางทางผมทำไม”
หญิงนิ่มชะงัก “ก็...” หญิงนิ่มนึกข้อแก้ตัวไม่ออก แล้วก็นึกได้จึงแกล้งปิดตาข้างหนึ่ง “คอนแทคเลนส์ฉันหล่นน่ะสิ”
“ห๊ะ!” พงศ์จันทรจะขยับตัว
“อย่าขยับ เดี๋ยวนายเหยียบมันเข้า” หญิงนิ่มแกล้ง “ตายแล้ว หล่นอยู่ที่ไหนเนี่ย” พงศ์จันทรงง “ช่วยฉันหาหน่อยสิ”
“เอาไงกันแน่คุณหญิง เมื่อกี๊คุณบอกไม่ให้ผมขยับ” พงศ์จันทรว่า
“ก็ขยับไปทางด้านโน้นสิ” หญิงนิ่มชี้ไปตรงที่ไกลๆ “ฉันว่ามันหล่นตรงนั้นแน่”
หญิงนิ่มคว้ามือพงศ์จันทรอย่างลืมตัวแล้วลากออกไปเพื่อไม่ให้พงศ์จันทรเห็นประกายดาวกับจันทรภานุ
“เนี่ยๆ แถวๆเนี้ย”
หญิงนิ่มแกล้งหรี่ตา พอหันไปก็เห็นพงศ์จันทรอยู่ในระยะประชิด หญิงนิ่มตกใจ
“มองฉันทำไม?”
“ถ้าคุณหญิงไม่ปล่อยมือ ผมจะช่วยหาคอนแทคเลนส์ได้ยังไงครับ”
หญิงนิ่มก้มมองมือตัวเองที่จับมือพงศ์จันทรก็ตกใจแล้วรีบปล่อย เธอทำหน้าไม่ถูก พงศ์จันทรขำๆ แล้วก็ช่วยหญิงนิ่มหาคอนแทคเลนส์บนพื้น หญิงนิ่มถอนหายใจด้วยความรู้สึกอยากจะบ้าตาย
จันทรภานุยังคงนวดข้อเท้าให้ประกายดาว ประกายดาวมองจันทรภานุอย่างเคลิบเคลิ้มมาก ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าลงไปโดยไม่รู้ตัว จันทรภานุนวดเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมา ต่างฝ่ายต่างชะงักเพราะจมูกเกือบจะชนกัน ประกายดาวรีบยืดตัวขึ้นมา จันทรภานุทำหน้าไม่ถูก
“ดีขึ้นมั๊ยครับ” จันทรภานุถาม
ประกายดาวขยับข้อเท้าด้วยความแปลกใจแล้วก็ยิ้ม “หายเจ็บแล้วค่ะ ไม่น่าเชื่อ”
จันทรภานุยิ้ม ประกายดาวใส่รองเท้า ทั้งคู่ลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณคุณชายจันทร์อีกครั้งนะคะ”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นให้ผมเลี้ยงอาหารคุณแทนได้มั๊ย”
ประกายดาวนิ่วหน้า “เอ...ฟังดูแปลกๆนะคะ ความจริงฉันควรจะเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวคุณชายจันทร์มากกว่า”
“ครั้งที่แล้วคุณเลี้ยงผมไปแล้ว ครั้งนี้ขอให้ผมเป็นเจ้ามือบ้าง ไว้รอผมกลับมาจากเชียงใหม่ก่อนนะครับ”
ประกายดาวชะงัก “คุณชายจันทร์จะไปเชียงใหม่เหรอคะ?”
“ใช่ครับ โรงแรมของผมเป็นสถานที่จัดงานประชุมเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนในประเทศแทบอาเซียน ผมก็เลยต้องขึ้นไปตรวจดูความเรียบร้อยด้วยตัวเอง”
“ไปเมื่อไหร่อ่ะคะ”
“พรุ่งนี้ครับ”
ประกายดาวนิ่งคิด แล้วจันทรภานุก็นึกขึ้นมาได้
“เอ๊ะ..นี่หญิงนิ่มหายไปไหน?”
จันทรภานุกับประกายดาวมองหาหญิงนิ่มพร้อมกัน
พงศ์จันทรยังคงตั้งใจหาตามพื้น หญิงนิ่มแกล้งทำท่าหาแต่จริงๆไม่ได้หา
“หาเจอเหรอยัง?” หญิงนิ่มถาม
“ยัง มันหล่นอยู่แถวนี้แน่เหรอ”
หญิงนิ่มเห็นท่าทางพงศ์จันทรแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ พงศ์จันทรหันมาเห็นก็แปลกใจ
“หัวเราะอะไร?”
หญิงนิ่มรีบเก็กหน้า “เปล่า”
พงศ์จันทรลุกขึ้นยืนแล้วก็เริ่มเอะใจแต่ยังไม่ทันพูดอะไร จันทรภานุกับประกายดาวก็เดินเข้ามา
“น้องหญิงคะ”
หญิงนิ่มหันไปเห็นจันทรภานุกับประกายดาวเดินมาด้วยกันก็ผงะ พงศ์จันทรรู้ทันทีว่าโดนหญิงนิ่มแกล้ง
จันทรภานุมองพงศ์จันทรอย่างไม่ไว้ใจ “มาทำอะไรตรงนี้คะ”
“เออ....” หญิงนิ่มยังไม่ทันตอบ
พงศ์จันทรพูดแทรกขึ้น “ผมช่วยคุณหญิงนิ่มหาคอนแทคเลนส์น่ะครับ”
หญิงนิ่มหน้าเจื่อน จันทรภานุนิ่วหน้า
“น้องหญิงใส่คอนเทคเลนส์ด้วยเหรอ”
หญิงนิ่มรีบพูด “ใส่ค่ะพี่ชาย หญิงใส่มาด้วย มันเป็นคอนแทคเลนส์บิ๊กอายน่ะค่ะ แต่สงสัยจะหาไม่เจอแล้ว ช่างมันเถอะ กลับบ้านกันดีกว่า” หญิงนิ่มหันไปทางประกายดาว “หญิงกลับก่อนนะคะพี่ดาว”
หญิงนิ่มหันไปเห็นสายตาของพงศ์จันทรที่มองอย่างไม่พอใจก็รีบจ้ำเดินออกไปทันที จันทภานุแปลกใจ เขาหันไปทางพงศ์จันทรกับประกายดาว
“ไปก่อนนะครับ”
พงศ์จันทรกับประกายดาวยิ้ม จันทรภานุเดินออกไป พงศ์จันทรถอนหายใจ
พงศ์จันทรเดินออกมากับประกายดาว
“ปกติผมไม่เคยนินทาผู้หญิงลับหลังนะครับ แต่คนนี้ขอซักคน แสบชะมัด เจอผมทีไร แกล้งผมทุกที” พงศ์จันทรว่า
“คุณเนี่ยนะคะ โดนคุณหญิงนิ่มรังแก” ประกายดาวงง
“ใช่ครับ คุณดาวสงสารผมบ้างมั๊ย” พงศ์จันทรทำหน้าเศร้า
“ไม่ค่ะ”
พงศ์จันทรคอตกทันที “ว้า..เศร้าเลย”
“บางทีคุณกับคุณหญิงนิ่ม อาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้นะคะ ไม่สังเกตว่าคนที่ไม่ถูกกัน สุดท้ายมักจะลงเอยกัน”
“ไม่ล่ะครับ ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้ ผมขอไปบวชดีกว่า”
ประกายดาวอมยิ้มแล้วก็เดินมาถึงรถ เธอหันไปทางพงศ์จันทร
“ถึงรถฉันแล้ว ขอบคุณนะคะที่เดินมาส่ง”
พงศ์จันทรเอามือเท้ารถประกายดาวแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “แล้วเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่”
ประกายดาวเบี่ยงตัวหลบ “คงอีกนานค่ะ เพราะฉันต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัด ไปนะคะ”
ประกายดาวเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ พงศ์จันทรถอยออกมาแล้วโบกมือ ประกายดาวยิ้มให้แล้วขับรถออกไป พงศ์จันทรมองตามรถประกายดาว
“ซักวันเถอะคุณดาว ซักวัน...ผมต้องทำให้คุณสนใจผมให้ได้” พงศ์จันทรยิ้มมั่นใจ
จันทรภานุกับหญิงนิ่มเดินมาด้วยกัน
“พี่ชายคะ หญิงขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ”
“จ๊ะ พี่รอตรงนี้นะ”
หญิงนิ่มเดินออกไป ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินออกมามองหาประกายดาวแต่ไม่เห็น พอหันมาเห็นจันทรภานุก็เดินเข้ามาหา
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณเห็นคุณประกายดาวรึเปล่า”
“มีอะไรเหรอครับ”
“คุณดาวลืมของเอาไว้ในเสื้อที่ใส่เดินแบบน่ะค่ะ”
เจ้าหน้าที่หยิบซองยายื่นออกมา จันทรภานุผงะเพราะรู้สึกเอะใจ
“ฝากไว้ที่ผมก็ได้ครับ ผมเอาไปคืนคุณดาวให้เอง”
เจ้าหน้าที่พยักหน้า จันทรภานุรับซองยามา เจ้าหน้าที่เดินออกไป จันทรภานุมองซองยาด้วยสีหน้าครุ่นคิดสงสัย
เช้าวันต่อมา อภิเชษฐ์หยิบยาออกมาจากในซองแล้วก็เงยหน้ามองจันทรภานุ
“ยาไอซ์แน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย นายเอามาจากไหน?”
จันทรภานุอึ้งมากๆ เขานึกย้อนคำพูดของเจ้าหน้าที่
“คุณดาวลืมของเอาไว้ในเสื้อที่ใส่เดินแบบน่ะค่ะ”
อภิเชษฐ์มองจันทรภานุด้วยความสงสัย
“ว่าไงชายจันทร์? นายได้มาจากที่ไหน?”
“ฉันเห็นมันหล่นอยู่ในงานเมื่อคืน ก็เลยเอามาให้นาย เผื่อจะได้เบาะแสอะไรบ้างน่ะสิ” จันทรภานุบอก
จันทรภานุพูดแล้วก็เครียด
ศิวะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรง อรอุมาเดินมึนๆ ออกมานั่ง ศิวะโยนหนังสือพิมพ์ไปตรงหน้าอรอุมา อรอุมาผงะ
“โยนหนังสือพิมพ์ใส่ฉันทำไม?”
“ดูเอาเองสิ” ศิวะว่า
อรอุมาหยิบขึ้นมาอ่านแล้วก็ตกใจ “ลูกสาวคุณหญิงอินทุอร ถูกจับตรวจฉี่ เจอสีม่วง”
อรอุมาตกใจมาก เธอนึกถึงภาพตัวเองที่กำลังเมายาไม่ได้สติ มีต้นอ้อจับตัวเธออยู่
“ตั้งแต่แต่งงานกันมา ผมก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าคุณเล่นยากับเค้าด้วย โชคดีนะที่พ่อผมรู้จักกับผู้ใหญ่ ถึงประกันตัวคุณออกมาได้อย่างรวดเร็ว”
“แล้วทำไมถึงไม่ปิดข่าวฉันด้วยล่ะ?!! คุณนี่มันไม่ได้เรื่อง!”
“ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้กับผมอีกเหรอ?! คุณต้องสำนึกบ้างว่าผมเป็นคนช่วยคุณเอาไว้ ทำอะไรไม่รู้จักคิด”
ศิวะเซ็งมาก เขาลุกเดินออกไป อรอุมาไม่พอใจจึงหันไปตวาด
“คุณจะไปไหน?!” อรอุมาว่า ศิวะไม่ตอบ “ศิวะ!”
ศิวะออกจากบ้านไป อรอุมาหันมาขยำหนังสือพิมพ์ด้วยความโกรธ
อรอุมาขับรถมาจอดหน้าบ้านรติรส เธอกำพวงมาลัยแน่นด้วยความโมโหมาก
รติรสกอดศิวะที่นั่งอยู่บนเตียงจากด้านหลัง
“อย่าเครียดเลยนะคะศิวะ”
ศิวะหันมา “คุณจะไม่ให้ผมเครียดได้ยังไง?!”
“รติว่าอรแค่เล่นขำๆมากกว่า ไม่ได้จริงจังอะไรหรอก” รติรสยกมือขึ้นคล้องคอ “อย่าหน้าบึ้งเลยนะ ไม่หล่อเลย”
“ถ้างั้นคุณก็ทำให้ผมมีความสุขสิ”
รติรสยิ้มแล้วก็เอามือปลดกระดุมเสื้อของศิวะทีละเม็ด
อรอุมากำลังจะเดินเข้ามาในบ้านของรติรส แต่ก็ต้องผงะเพราะเห็นรองเท้าผู้ชายถอดวางไว้ อรอุมาแปลกใจ
ศิวะถอดเสื้อออกแล้ว รติรสยิ้ม ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้น รติรสกับศิวะตกใจมาก
เสียงอรอุมาดังขึ้น “รติ..”
รติรสกับศิวะอึ้งตะลึง
“อร!! เวรแล้วไง?” ศิวะว่า
“อรจะเห็นรถคุณรึเปล่า” รติรสถาม
“คงไม่เห็น เพราะผมจอดเอาไว้ด้านหลัง”
เสียงอรอุมาดังอีก “รติ...รติ....”
“ปีนหน้าต่างลงไป” รติรสบอก
“ห๊ะ!! มันสูงนะคุณ”
“หรือคุณอยากตายตรงนี้?” รติรสถาม ศิวะกลืนน้ำลายดังเอื๊อก “เลือกเอา!”
ศิวะหันไปมองนอกหน้าต่างแล้วก็ถึงกับเหงื่อตก
รติรสเปิดประตู อรอุมายืนอยู่
“อร...”
“อยู่กับใคร” อรอุมาถาม
รติรสหน้าถอดสี “อยู่กับใคร?? ไม่มี๊”
“ฉันเห็นรองเท้าผู้ชายถอดไว้หน้าบ้าน ไม่ต้องมาโกหก”
“ของพ่อฉันน่ะ พ่อฉันมาจากลำปางเมื่อคืน”
“แล้วพ่อเธออยู่ไหน”
“ออกไปทำธุระข้างนอกแต่เช้าแล้ว ฉันว่าเราลงไปคุยกันข้างล่างดีกว่า”
รติรสรีบพาอรอุมาเดินออกไป ศิวะที่ยืนขาสั่นอยู่ตรงของปูนที่ยื่นออกมาเพียงน้อยนิดถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อรอุมานั่งหันหลังให้หน้าต่าง รติรสนั่งตรงข้ามพลางลอบมองไปนอกหน้าต่างเพราะเป็นห่วงศิวะ
“เพราะเธอแท้ๆให้ฉันกินยาบ้านั่น” อรอุมาว่า รติรสหันมามองอรอุมา “จนฉันกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งแทนที่จะเป็นนังประกายดาว”
“ก็ใครมันจะไปรู้ว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรแบบนี้ ฉันก็แค่เห็นเธอตื่นเต้น ก็เลยอยากให้ผ่อนคลาย”
ระหว่างนั้นรติรสก็เห็นศิวะกระโดดลงมาจากชั้นสอง รติรสชะงัก ศิวะร้องลั่น
“อ๊ากกก!”
อรอุมาผงะ “เสียงอะไร?!”
อรอุมาจะหันไป แต่รติรสแกล้งร้องขึ้นมา
“โอ๊ย!!”
อรอุมาไม่ได้หันไปแต่ถามรติรสแทน
“เป็นไร?”
“เจ็บแผลที่ขาน่ะ”
รติรสเอามือจับไปที่น่องที่มีผ้าพันเอาไว้แล้วแกล้งทำสีหน้าเจ็บปวดพลางเหลือบมองศิวะที่เดินกระเผลกๆ ปีนรั้วหนีออกไป รติรสโล่งอก
สุรีย์เห็นภาพประกายดาวที่ควงจันทรภานุกับพงศ์จันทรเดินแบบก็หงุดหงิดจึงหันไปทางนมพร
“ดูชายจันทร์ของนมพรสิ”
นมพรรับหนังสือพิมพ์มาดู
“ฉันนึกว่าเค้าจะเลิกกันไปแล้ว แต่ที่ไหนได้ ก็ยังกลับมาคบกันตามเดิม” สุรีย์บอก
“เค้าอาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้นะคะหม่อม”
“ฉันไม่ยอม!! ฉันไม่ยอมให้ชายจันทร์ลงเอยกับผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด”
“พรากคนที่รักกัน มันบาปนะคะ”
“เพราะนมพรเห็นดีเห็นงามกับชายจันทร์ไปซะทุกเรื่อง ชายจันทร์ถึงเชื่อฟังนมพรมากกว่าฉัน”
“อีฉันไม่ได้เห็นดีเห็นงามโดยไม่มีเหตุผลนะคะ”
สุรีย์ตวาดด้วยความลืมตัว “นี่นมพรหาว่าฉันไม่มีเหตุผลงั้นสิ”
นมพรเงียบพลางถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ สุรีย์รู้ตัว
“ฉันขอโทษ ฉันกำลังโมโห”
“ไม่เป็นไรค่ะ อีฉันเข้าใจ อีฉันขอตัวไปเตรียมอาหารกลางวันก่อนนะคะ”
นมพรเดินออกไป สุรีย์เอาหนังสือพิมพ์มาดูอีกครั้ง เธอมองหน้าประกายดาวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ฉันต้องหาทางขัดขวางให้ถึงที่สุด”
สุรีย์เครียด
ประกายดาวนั่งอยู่กับมิลินทร์
“แกจองโรงแรมของคุณชายจันทร์ให้ฉันหน่อยนะลินทร์ ขอเป็นคืนพรุ่งนี้”
“ค่าห้องแพงโคตรเลยนะดาว ได้ข่าวว่าคืนนึงหลายหมื่น”
“เท่าไหร่เท่ากัน งานนี้ฉันไม่อั้น ไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้สเปิร์มเสือมาได้ไงจริงมั๊ย ถ้าต้องผลาญเงินซักสี่ห้าแสนเพื่อแลกกับอนาคตของลูกที่สุดแสนจะน่ารักของฉัน ต่อให้มากกว่านี้ ฉันก็ทุ่มเต็มที่”
ประกายดาวมีสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง
หลายวันต่อมา ประกายดาววางกระเป๋าไว้บนพื้นของโรงแรมที่เชียงใหม่ เธอถอดแว่นดำแล้วยืนมองโรงแรงที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าด้วยแววตาชื่นชอบ
“ไม่ธรรมดาจริงๆ สมแล้วที่เป็นโรงแรมระดับหกดาว”
ไม่นานก็มีพนักงานเดินมาต้อนรับ
พนักงานยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ ฉันจองห้องไว้ชื่อ ประกายดาว”
“เชิญด้านในลอบบี้เลยครับ”
พนักงานลากกระเป๋าประกายดาวแล้วเดินนำประกายดาวเข้าไปข้างใน
ประกายดาวกำลังเช็คอินตรงเคาน์เตอร์ จันทรภานุเดินมากับพนักงาน ผ่านหลังประกายดาวออกไปนอกโรงแรม ประกายดาวเช็คอินเสร็จก็หันมา พนักงานผายมือแล้วพาประกายดาวเดินไปที่ลิฟต์
ประกายดาวเปิดประตูห้องพักเดินออกไปยืนที่ระเบียงที่มองเห็นทิวทัศน์สวยงามดุจภาพวาด
ประกายดาวสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดด้วยสีหน้าสดชื่นอย่างที่สุด ก่อนที่เธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหยิบมือถือออกมากดโทรออก
เวลาต่อมา ประกายดาว จิตสุภางค์ที่กำลังเตรียมอาหารให้ลูก และมิลินทร์ที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็คุยกัน
“ฉันถึงเชียงใหม่แล้วนะพวกแก” ประกายดาวบอก
“เจอคุณชายจันทร์เหรอยัง?” มิลินทร์ถาม
จิตสุภางค์แปลกใจ “ลินทร์อยู่กับแกด้วยเหรอ?”
“ไม่อยู่ ฉันคุยสามสาย” ประกายดาวบอก
“ฉันยังไม่เจอคุณชายจันทร์ ไม่รู้ว่ามาถึงเหรอยังน่ะสิ” ประกายดาวพูดต่อ
ประกายดาวมองลงไปข้างล่างก็เห็นจันทรภานุเดินอยู่บริเวณทางเดินหน้าโรงแรมกับพนักงาน ประกายดาวทำหน้าตื่นเต้น
“ฉันเห็นคุณชายจันทร์แล้ว แค่นี้ก่อนนะ”
ประกายดาวรีบวางสายแล้วรีบวิ่งออกไป
ประกายดาวรีบวิ่งออกมา จันทรภานุนั่งอยู่ในรถที่กำลังขับออกไปนอกโรงแรม ประกายดาวหยุดหอบ
“มาช้าไปนิดเดียว เฮ้อ”
ประกายดาวเดินเข้ามาในลอบบี้ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ทำไงดีล่ะเรา จะไปถามพนักงานตรงๆถึงคุณชายจันทร์ ก็ดูน่าสงสัย” ประกายดาวคิด “ยังไงคุณชายจันทร์ก็ต้องกลับมาที่นี่” ประกายดาวมองเก้าอี้ “นั่งรอตรงนี้เลยดีกว่า”
ประกายดาวเลือกนั่งเก้าอี้ที่หันหน้าไปทางประตู
“ไม่เห็นเราก็ให้มันรู้ไป” ประกายดาวมีสีหน้ามุ่งมั่นมาก
พงศ์จันทรนั่งทานข้าวอยู่กับเพื่อนๆ ในผับยามค่ำคืน
“แกบอกให้พวกเรามาฉลองปาร์ตี้สละโสด หมายความว่าแกจะแต่งงาน?!” เพื่อนถาม
“ยังไม่แต่ง...แต่ฉลองให้กับความโสดของฉันก่อนที่ฉันจะแต่งงาน” พงศ์จันทรบอก
“พูดอะไรของแก? ไม่เข้าใจ”
“อย่าขี้สงสัยมากนัก ฉันชวนพวกแกมาสนุกส่งท้าย เพราะว่าหลังจากนี้ ฉันอาจจะไม่ค่อยได้ออกมาปาร์ตี้ซักเท่าไหร่ เพราะต้องถะนุถนอมร่างกายให้กับคนที่ฉันรัก”
เพื่อนๆมองด้วยความสงสัย พงศ์จันทรเอาแต่ยิ้มอย่างมั่นใจแต่ไม่พูดอะไรออกมา
อีกด้านหนึ่ง หญิงนิ่มเดินมากับเพื่อนๆ แต่หน้าตาของเธอดูไม่มีความสุข เพื่อนหันมาเห็น
“เป็นไรหญิง ไม่สบายเหรอ”
“พวกเธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบมาที่แบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นวันเกิดเธอ ฉันไม่มีทางมา” หญิงนิ่มบอก
“ตกลงฉันต้องซาบซึ้งใช่มั๊ยเนี่ยที่เธอยอมออกมา”
“ก็แน่ล่ะสิ”
เพื่อนแซว “จ้า..แม่กุลสตรีไทยใจงาม ออกมาเปิดหูเปิดตาซักบ้างเถอะ”
ทั้งหมดเดินผ่านกลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่งมองหญิงนิ่มด้วยความสนใจแล้วก็สะกิดเพื่อนให้ดู เพื่อนเห็นก็ชอบใจ ผู้ชายคนนั้นมองตามหญิงนิ่มไปไม่วางตา
พนักงานเอาแก้วน้ำส้มมาให้หญิงนิ่ม ทั้งโต๊ะมองด้วยความแปลกใจ
“น้ำส้มของคุณผู้หญิงครับ”
“ฉันไม่ได้สั่ง” หญิงนิ่มบอก
“ผู้ชายท่านนั้นให้ผมเอามาให้”
หญิงนิ่มกับเพื่อนมองไปเห็นผู้ชายคนนั้นยกแก้วตัวเองขึ้นมายิ้มทักทาย เพื่อนทำท่ากิ้วก้าว
“เข้ามาไม่ทันไรก็มีคนจีบซะแล้วเพื่อนเรา ฮอตจริงไรจริง” เพื่อนหญิงนิ่มว่า
หญิงนิ่มยกแก้วขึ้นมา ผู้ชายนึกว่าหญิงนิ่มเล่นด้วย แต่หญิงนิ่มส่งคืนให้พนักงาน ผู้ชายหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“เอาไปคืนเค้า” หญิงนิ่มบอก
พนักงานเหวอแล้วก็เอาแก้วมาวางบนถาดก่อนจะเดินออกไป
“แรงอ่ะ” เพื่อนว่า
“ฉันออกไปสูดอากาศข้างนอกแป๊บนะ ไม่ไหว..อึดอัด” หญิงนิ่มบอก
หญิงนิ่มลุกเดินออกไป ผู้ชายคนนั้นมองตามด้วยแววตาประสงค์ร้าย
หญิงนิ่มออกมาข้างนอกด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเหมือนจะแพ้กลิ่นบุหรี่ ขณะที่เธอยืนสูดอากาศอยู่นั้น ผู้ชายคนนั้นก็ตามออกมา
“สวัสดีครับ”
หญิงนิ่มหันไปเห็นตกใจจึงจะเดินหนี แต่ผู้ชายดักเอาไว้ หญิงนิ่มชะงัก
“ไม่ต้องกลัวผมหรอกครับ ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรคุณ แค่อยากรู้จัก” ผู้ชายหยิบนามบัตรยื่นให้ “นี่นามบัตรผมครับ”
“ฉันมีคนรู้จักเยอะแล้ว ไม่อยากได้คนรู้จักเพิ่ม ขอตัวนะคะ”
หญิงนิ่มจะเดิน แต่ผู้ชายคว้าแขนหญิงนิ่มเอาไว้ หญิงนิ่มตกใจจะสะบัดแขนออกแต่ก็ไม่หลุด
“ปล่อย!”
หญิงนิ่มมีหน้าตาตื่นกลัว ผู้ชายเห็นก็รีบปล่อยมือ
“ผมไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากคุยกับคุณจริงๆ อย่าเพิ่งตัดโอกาสผมเลยนะครับ”
ผู้ชายเดินเข้าหา หญิงนิ่มขยาด ทันใดนั้นเสียงพงศ์จันทรดังขึ้น
“ที่รัก..”
อ่านต่อหน้าที่ 2
ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 6 (ต่อ)
หญิงนิ่มกับผู้ชายหันไปเห็นพงศ์จันทรเดินมา หญิงนิ่มตกใจ พงศ์จันทรเข้ามาโอบหญิงนิ่มทันที หญิงนิ่มเหวอ
“มาอยู่นี่เอง เค้าตามหาตั้งนาน” พงศ์จันทรหันไปทางผู้ชายคนนั้น “คุณมีอะไรกับแฟนผมรึเปล่า?”
ผู้ชายอึ้งแล้วก็จำพงศ์จันทรได้ “พี่พงศ์..” พงศ์จันทรกับหญิงนิ่มชะงัก “ผมโจ้ไงครับ พี่จำได้มั๊ย รุ่นน้องพี่ที่มหาลัย”
พงศ์จันทรจำได้ “อ๋อ...โจ้ จำได้ ไม่ได้เจอกันนาน”
“ผมขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่านี่”เด็ก”พี่”
หญิงนิ่มฉุน “เด็กเหรอ?!” หญิงนิ่มจะปฏิเสธ “ฉันไม่...”
พงศ์จันทรจับหัวหญิงนิ่มให้มาซุกกับแผ่นอกของเขาแล้วกอดแน่น หญิงนิ่มพูดไม่ออก
“เด็กพี่เอง” พงศ์จันทรกระซิบ “เพิ่งได้มา ยังพยศอยู่นิดๆ”
โจ้พยักหน้าเข้าใจ “ถ้างั้น ผมไม่กวนเวลาพี่แล้ว ไปนะครับ”
โจ้ไหว้พงศ์จันทรแล้วก็เดินออกไป พงศ์จันทรหันไปมองตาม หญิงนิ่มหยิกท้องของเขา
พงศ์จันทรร้องลั่น “อ๊าก!!”
พงศ์จันทรรีบปล่อยมือจากหญิงนิ่ม หญิงนิ่มรีบผละออกห่าง
“พูดออกมาได้ว่าฉันเป็น”เด็กนาย”
“ถ้าผมไม่พูดแบบนี้ คุณโดนสอยไปแล้ว ไอ้หมอนี่เป็นเสือผู้หญิง มันเอาจริงนะจะบอกให้” พงศ์จันทรบอก หญิงนิ่มหน้าเสีย “อุตส่าห์เข้ามาช่วย ยังจะด่าอีก.” พงศ์จันทรนึก “เอ..แต่จะว่าไป..คุณเป็นหนี้บุญคุณผมสองครั้งแล้วนะ”
“ทวงบุญคุณเหรอ?”
“เปล่า..ก็แค่พูดลอยๆ ใครได้ยินก็รับไปสิ ไม่ได้ว่า”
หญิงนิ่มจะด่าแต่กลับจามใส่หน้าพงศ์จันทร
“ฮัดเช้ย!!”
พงศ์จันทรชะงัก หญิงนิ่มจามไม่หยุด พงศ์จันทรมอง
“เป็นไรมากป่ะเนี่ย”
หญิงนิ่มน้ำหูน้ำตาไหล
“ฉันแพ้ควันบุหรี่..ฮัดเช้ย!! โอ๊ยย..ไม่ไหว หายใจไม่ออก”
“ผมว่าคุณกลับบ้านไปเห๊อะ” หญิงนิ่มนิ่งคิด “แต่สภาพแบบนี้จะขับรถไหวเร้อ”
“ฉันมากับเพื่อน ไม่ได้ขับรถมา”
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่ต้อง..ฮัดเช้ย!!”
“หมดสภาพขนาดนี้ยังจะทำหยิ่งอีก” พงศ์จันทรคว้าแขนหญิงนิ่มแล้วลากออกไป
“จะพาฉันไปไหน?”
พงศ์จันทรไม่ตอบแต่ยังคงลากหญิงนิ่มออกไป
พงศ์จันทรขับรถ โดยที่หญิงนิ่มนั่งอยู่ข้างๆ หญิงนิ่มเหล่มองพงศ์จันทรอย่างหวาดระแวงมาก
หญิงนิ่มคิดในใจ “จะพาเราไปทำมิดีมิร้ายอะไรรึเปล่า?!”
พงศ์จันทรเหล่หญิงนิ่มแล้วก็คิดในใจ
พงศ์จันทรคิดในใจ “คิดอยู่ล่ะสิว่าเราจะพาไปไหน คงกลัวเราจะทำอะไรแน่ๆ แกล้งซักหน่อยดีกว่า”
พงศ์จันทรยิ้มมุมปากแล้วก็เปิดเพลงที่มีดนตรีเย้ายวนมาก หญิงนิ่มชะงัก
“ฟังเพลงอะไร ไม่เห็นเพราะเลย”
“นี่เพลงคลาสิคเลยนะคุณ เพราะดีออก” พงศ์จันทรเร่งเสียงดัง
หญิงนิ่มหันไปทางอื่นแล้วค่อยๆเอามือล้วงกระเป๋าเตรียมพร้อม พงศ์จันทรเหล่หญิงนิ่มแล้วก็ยิ้ม
“เฮ้อ...ร้อนมั๊ยคุณ” พงศ์จันทรถาม หญิงนิ่มหันไปมอง “ผมรู้สึกว่าในนี้มันร๊อนร้อน”
พงศ์จันทรปลดกระดุมสองเม็ดโชว์แผงอก หญิงนิ่มกลัวมาก แล้วพงศ์จันทรก็หันขวับมา หญิงนิ่มตกใจจึงดึง
สเปรย์พริกไทยออกมาฉีดใส่หน้าพงศ์จันทร พงศ์จันทรแสบตาจึงร้องลั่น
“อ๊าก!!”
พงศ์จันทรหลับตาปี๋ทำให้ขับรถเฉไปเฉมา หญิงนิ่มตกใจ
“อ๊ายย!!”
หญิงนิ่มตัวโงนเงน กระเป๋าสะพายของเธอหล่นพื้น กระเป๋าสตางค์ร่วงออกมาบนพื้นโดยไม่รู้ตัว รถพงศ์จันทรเฉออกไปวิ่งเลนที่รถวิ่งสวนขึ้นมา รถที่สวนมาบีบแตรดังลั่น หญิงนิ่มเห็นก็ตกใจ
“ระวัง!!”
พงศ์จันทรกับหญิงนิ่มมีหน้าตาตื่นตระหนก แสงไฟจากรถด้านหน้าสาดเข้าที่ใบหน้าของทั้งคู่เต็มๆ
หญิงนิ่มรีบเอาผ้าเย็นมาให้พงศ์จันทรที่นั่งอยู่ พงศ์จันทรหันมาในสภาพขอบตาแดงก่ำ หญิงนิ่มอดที่จะขำออกมาไม่ได้
“ไม่ต้องมาหัวเราะ ผมเกือบตายเพราะคุณสองครั้งแล้วนะ คราวที่แล้วก็เครื่องช๊อตไฟฟ้า คราวนี้ก็สเปรย์พริกไท ในกระเป๋าคุณยังมีอะไรอีก”
หญิงนิ่มหยิบปืนออกมา พงศ์จันทรสะดุ้งโหยง หญิงนิ่มอมยิ้ม
“ปืนปลอม..มาเที่ยวที่แบบนี้ ฉันก็ต้องหาของป้องกันตัวเอาไว้ก่อน”
พงศ์จันทรโล่งอก
“ฉันนึกว่านายจะทำอะไรฉัน ก็เลยจัดหนักไปนิด” หญิงนิ่มบอก
“ไม่นิดล่ะ แล้วจะบอกให้นะว่าคนอย่างผมไม่มีทางทำอะไรไม้กระดานอย่างคุณ”
หญิงนิ่มโมโหจึงเอาผ้าเย็นขยี้ตาพงศ์จันทรทั้งสองข้าง
พงศ์จันทรร้องลั่น “อ๊าก!!”
หญิงนิ่มตกใจที่ทำแรงไป “ฉันขอโทษ”
พงศ์จันทรเจ็บไปหมดทั้งดวงตา
“ขอดูหน่อย” หญิงนิ่มบอก
พงศ์จันทรหันมา หญิงนิ่มค่อยๆเอาผ้าเย็นซับๆรอบดวงตาพงศ์จันทร หน้าของทั้งสองคนใกล้กันมาก หญิงนิ่มชะงักไปนิดนึง แต่พงศ์จันทรยังไม่รู้สึกอะไร แล้วหญิงนิ่มก็รู้สึกตัวได้เอง
“เอาไปทำเองได้แล้ว” หญิงนิ่มบอก
“เอ้า..?” พงศ์จันทรงง
หญิงนิ่มรีบหันไปทางอื่น ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับมีสีหน้าตื่นเต้นแปลกๆ
ประกายดาวนั่งสัปหงก ขณะที่ตัวกำลังจะเอนหล่นจากโซฟาก็มีมือมาประคองตัวประกายดาวเอาไว้ได้ทัน ซึ่งคนๆนั้นก็คือ “จันทรภานุ” จันทรภานุนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจที่เห็นประกายดาวที่นี่
“คุณดาวครับ” จันทรภานุเรียก ประกายดาวยังไม่รู้ตัว “คุณดาว..”
ประกายดาวลืมตาก็ชะงักเพราะเห็นจันทรภานุกำลังประคองตัวเธอเอาไว้
“คุณชายจันทร์” ประกายดาวอึ้ง จันทรภานุพยุงประกายดาวให้นั่ง “บังเอิญจังเลยค่ะ คุณชายจันทร์มาทำอะไรที่นี่”
“ผมเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ครับ แล้วคุณดาวล่ะครับ มาอยู่นี่ได้ยังไง”
“ฉันพักที่นี่ค่ะ ฉันมาเที่ยว” ประกายดาวพูดเน้น “คนเดียว ยังไม่มีไกด์ คุณชายจันทร์พอจะมีใครแนะนำให้ฉันมั๊ยคะ”
จันทรภานุยิ้ม “ก็คนที่อยู่ตรงหน้าคุณดาวนี่ไงครับ”
ประกายดาวยิ้มดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“ผมจะเป็นไกด์พิเศษพาคุณดาวแอ่วเหนือเอง”
ประกายดาวทำสีหน้ามีความสุขมากๆ
ประกายดาวยังคงนั่งหลับในท่าเดิมแต่หัวเราะเสียงดังออกมา ทำเอาพนักงานแถวนั้นหันมามองด้วยความประหลาดใจว่าประกายดาวเป็นอะไร พนักงานสะกิดกันให้เข้าไปดูประกายดาว
“เธอนั่นแหละเข้าไปดู” พนักงานหญิงผลักพนักงานชาย “เข้าไปสิ”
พนักงานชายค่อยๆเดินไปหาประกายดาว
“คุณผู้หญิงครับ” พนักงานชายเรียก ประกายดาวยังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “คุณผู้หญิง” ประกายดาวยังไม่รู้ตัว พนักงานเข้ามาสะกิด “คุณผู้หญิงครับ”
พนักงานเสียงดังขึ้นทำให้ประกายดาวลืมตาตื่น แต่ยังไม่รู้ตัวว่าฝันไป
ประกายดาวขานรับ “ขา”
ประกายดาวหันมาเห็นพนักงานก็ตกใจมาก พนักงานเองก็ทำหน้าไม่ถูก
“ขอประทานโทษนะครับที่ต้องปลุก”
ประกายดาวชะงัก “ปลุก?”
ประกายดาวนึกขึ้นได้จึงหันไปมองรอบๆ ในลอบบี้ไร้ผู้คน เธอพึมพำกับตัวเอง
“ฉันฝันไปเหรอเนี่ย”
ประกายดาวเสียดายมากแล้วก็นึกขึ้นมาได้
ประกายดาวหันไปทางพนักงาน “นี่กี่โมงแล้วคะ”
“ตีสามครับ”
ประกายดาวตกใจ “ห๊ะ!! ตีสาม”
ประกายดาวยิ้มแหยและทำหน้าไม่ถูก เธอรู้สึกอายมากแล้วก็รีบเดินออกไปทันที พนักงานมองตามด้วยความงง
ประกายดาวเดินเข้ามาในห้องอย่างสุดเซ็ง
“เผลอหลับไปได้ไง เฮ้อ...” ประกายดาวคิดและให้กำลังใจตัวเอง “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เริ่มใหม่ ยังไงเราก็ต้องได้เจอคุณชายจันทร์”
วันต่อมา จันทรภานุกำลังคุยงานกับผู้จัดการโรงแรม ประกายดาวสวมแว่นดำเดินออกมาแล้วมองไปรอบๆบริเวณจนเห็นจันทรภานุ ประกายดาวดีใจมากจะเดินเข้าไปทัก แล้วก็นึกได้จึงรีบถอยหลังหาที่หลบ
“เข้าไปทักตรงๆ มันจะดูจงใจเกินไป”
ประกายดาวคิดซักพักก่อนจะนึกอะไรออก ประกายดาวเดินออกมาให้อยู่ในระยะสายตาของจันทรภานุ แต่จันทรภานุก็ยังไม่เห็น ประกายดาวเดินไปเดินมาช้าๆ จันทรภานุก็ยังไม่เห็นอีก
ประกายดาวเซ็ง “ไม่มองเลยวุ้ย”
ประกายดาวหันไปเห็นนิตยสารที่วางให้แขกอ่านอยู่บนโต๊ะ เธอก็ยิ้มมุมปากอย่างนึกอะไรออก ประกายดาวเดินไปหยิบนิตยสารปาลงพื้นเต็มแรงเสียงดัง จันทรภานุกับผู้จัดการหันมามอง จันทรภานุผงะที่เห็นประกายดาว
ประกายดาวลอบมองผ่านแว่นดำ พอเห็นจันทรภานุมองมาเธอก็ดีใจมาก แล้วเธอก็หยิบนิตยสารขึ้นมาวางบนโต๊ะตามเดิม
จันทรภานุพูดกับผู้จัดการ “ทำตามที่ผมบอก”
ผู้จัดการรับคำ “ครับ”
ผู้จัดการเดินออกไป จันทรภานุเดินมาหาประกายดาวที่ทำเป็นยืนอ่านนิตยสาร
จันทรภานุเรียก “คุณดาว..”
ประกายดาวยิ้มอย่างพอใจก่อนจะทำหน้านิ่งแล้วหันไป แล้วเธอก็แกล้งตกใจ
“คุณชายจันทร์!!! บังเอิญจังเลยค่ะ คุณชายจันทร์มาทำอะไรที่นี่คะ”
“ผมเป็นเจ้าของโรงแรมนี้” จันทรภานุบอก ประกายดาวพยักหน้า “แล้วคุณดาวล่ะครับ มาทำอะไร”
ประกายดาวยิ้มเพราะเหมือนในฝันทุกอย่าง
“ฉันมาเที่ยว แล้วก็พักอยู่ที่นี่” ประกายดาวบอก จันทรภานุเงียบ “ฉันมาคนเดียว และตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี”
ประกายดาวมองจันทรภานุด้วยสีหน้ามีความหวังว่าจะเหมือนในฝันแต่จันทรภานุทำสายตาเย็นชาและดูห่างเหินมาก
“มีไกด์บุคแนะนำสถานที่ท่องเที่ยววางอยู่ที่เคาน์เตอร์ เชิญคุณดาวหยิบได้เลยนะครับ” จันทรภานุบอก ประกายดาวเหวอ “ผมขอตัวก่อน มีงานต้องทำ”
จันทรภานุเดินออกไปโดยไม่รอให้ประกายดาวร่ำลา ประกายดาวงงมาก
ประกายดาวกำลังคุยกับจิตสุภางค์ผ่านทางเฟซไทม์
“เค้าไม่สนใจฉัน น่าแปลกมาก เพราะครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันที่กรุงเทพ เค้าไม่ได้เป็นแบบนี้ซักนิด”
จิตสุภางค์ถาม “แกรุกเค้าเร็วไปรึเปล่า เค้าก็เลยกลัว”
“รุกเร็วบ้าอะไร ยังไม่ทันได้ทำอะไร ฉันไปไม่ถูกเลยอ่ะแก ทำไงดี”
“ดูทีท่าเค้าไปก่อนมั๊ย แล้วค่อยวางแผนกันอีกครั้ง”
ประกายดาวพยักหน้าเพราะเห็นด้วยกับจิตสุภางค์
จันทรภานุนั่งอยู่กับอภิเชษฐ์
“แกถูกย้ายมาทำราชการที่นี่” จันทรภานุถาม
“ก็ไม่ได้ถึงกับย้ายมาอยู่ถาวรหรอก แค่ได้รับภารกิจพิเศษ” อภิเชษฐ์บอก
“ภารกิจอะไร?”
“ความลับทางราชการ บอกคุณชายจันทร์ไม่ได้ครับ”
จันทรภานุยิ้มเซ็งๆ อภิเชษฐ์มองอย่างสงสัย
“เป็นไรรึเปล่าชายจันทร์ สีหน้าแกดูแปลกๆ”
“จับสังเกตคนเก่งจริงนะ”
“ไม่อย่างนั้นฉันจะเป็นตำรวจมือหนึ่งได้เหรอ ตกลงเป็นไร มีใครกวนใจ บอกได้นะเว๊ย”
จันทรภานุคิดนิดนึง “จำวันก่อนที่ฉันถามแกเรื่องยาได้มั๊ย”
อภิเชษฐ์นิ่งคิดไปถึงตอนที่จันทรภานุเอายาไอซ์ให้เขาก่อนจะตอบ
“จำได้”
“มีคนเอามาให้ฉัน บอกว่าเจอในเสื้อที่คุณดาวใส่เดินแฟชั่นคืนนั้น” จันทรภานุบอก
“แกคิดว่าคุณดาวเป็นคนเอายาเข้ามาในงาน”
จันทรภานุลังเล “ไม่รู้สิ”
“ไม่ใช่หรอก วันนั้นฉันเห็นคุณดาว ลักษณะไม่ได้เล่นยาแน่ๆ ฉันว่าไอ้ยานั่นเป็นของคุณอรอุมามากกว่า” อภิเชษฐ์บอก จันทรภานุนิ่วหน้า “แกตกข่าวเหรอเนี่ย ข่าวคุณอรอุมาฉี่ม่วงขึ้นหน้าหนึ่งเลยนะเว๊ย”
จันทรภานุอึ้ง “มาถึงเชียงใหม่ ก็วุ่นอยู่แต่กับงาน ทีวียังไม่ได้ดู”
“มองคน..อย่ามองแต่ผิวเผิน บางคนรู้หน้าไม่รู้ใจ ต่อหน้าแสนดี ลับหลังกลับร้ายสุดๆ ฉันเจอคนประเภทนี้มาเยอะ จะตัดสินคนๆหนึ่ง เราต้องรู้จักเค้าให้ดีซะก่อน ถึงจะบอกได้ว่าเค้าดีหรือว่าเลว”
จันทรภานุนิ่งคิดตามที่อภิเชษฐ์พูดแล้วก็เห็นด้วย
ประกายดาวกำลังถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ เพราะความสวยงามของทิวทัศน์ทำให้เธอลืมเรื่องจันทรภานุไปได้ ประกายดาวเดินมานั่งพักที่ร้านกาแฟเล็กๆ ริมทาง สายตาของเขาเหลือบไปเห็นกลุ่มคนสามคนซึ่งเป็นชายสอง หญิงหนึ่งกำลังนั่งวาดรูปให้นักท่องเที่ยว ประกายดาวสนใจเลยเดินไปหา
“เก่งจังค่ะ วาดแป๊บๆเหมือนมาก”
ชายสองคนคือพลกับเจ้านาย ส่วนหญิงหนึ่งคนคือพิมพ์ไทย ทั้งสามหันไปทางประกายดาว
“เรียนมานี่ครับ” พลบอก
“ถ้าอยากได้ภาพเหมือนตัวเองบ้าง ต้องจ่ายกี่บาท” ประกายดาวถาม
“คนไทยคิดสามร้อย ฝรั่งคิดห้าร้อยค่ะ” พิมพ์ไทยบอก
“งั้นพี่ขอต่อคิวนะคะ”
“ได้เลยครับเพ่ ว่าแต่พี่สาวคนสวยชื่ออะไร แล้วมาทำอะไรที่นี่ครับ” เจ้านายถาม
ประกายดาวยิ้ม “พี่ชื่อดาว พี่มาเที่ยว แล้วน้องๆล่ะ”
“ผมชื่อพล เป็นรุ่นพี่ของสองคนนี้ครับ เจ้านาย กับพิมพ์ไทย ผมกับเจ้านายเป็นคนที่นี่ ส่วนพิมพ์เป็นคนกรุงเทพ”
ประกายดาวพยักหน้ารับ ระหว่างนั้นต้นอ้อก็เดินเข้ามาในกลุ่มพร้อมกับหิ้วถุงน้ำมาด้วย
“น้ำมาแล้ว” ต้นอ้อบอก
ทุกคนหันไป
“ส่วนนี่ต้นอ้อครับ มาจากอีสาน ต้นอ้อ นี่พี่ดาว..” พลแนะนำ
ต้นอ้อรีบวางขวดน้ำ “สวัสดีค่ะพี่ดาว”
ประกายดาวยิ้มทักทายต้นอ้อ ระหว่างนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น ประกายดาวหยิบออกมากดรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณพงศ์”
พงศ์จันทรเดินมาที่รถที่คนใช้กำลังปัดฝุ่นให้อยู่ พงศ์จันทรคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“คุณดาวหายไปไหนมาครับ ผมโทรหาเมื่อวาน คุณดาวไม่รับสาย แล้วก็ไม่โทรกลับ ผมเป็นห่วงแทบแย่ ถ้าไงผมขออนุญาตไปหาคุณดาวที่คอนโดนะครับ”
ประกายดาวรีบพูด
“คุณมาก็ไม่เจอฉัน ฉันไม่อยู่”
พงศ์จันทรหยุดยืนคุย
“คุณดาวอยู่ที่ไหน ผมก็จะไปหาที่นั่น”
ประกายดาวถอนใจ
“ดาวไม่ได้อยู่กรุงเทพ”
พงศ์จันทรชะงัก
“คุณดาวอยู่ไหนเหรอครับ”
ประกายดาวชะงัก
“เออ...ฉันอยู่ต่างจังหวัดค่ะ”
“ตอบกว้างขนาดนี้ เพราะไม่อยากให้ผมรู้รึเปล่า”
“ไม่ใช่ค่ะ ดาวมาทำงาน”
ยังไม่ทันที่ประกายดาวจะพูดต่อ พลก็หันมาพูด
“ถึงคิวพี่ดาวแล้วครับ”
ประกายดาวรีบตัดบท “แค่นี้ก่อนนะคะคุณพงศ์ ไว้ค่อยคุยกัน”
พงศ์จันทรผงะและมีสีหน้าเซ็งมาก คนใช้หันมาพูดกับเขา
“ตอนทำความสะอาดในรถ หนูเจอนี่หล่นอยู่ค่ะ”
พงศ์จันทรรีบกระเป๋าสตางค์มาจากมือคนใช้ คนใช้เดินออกไป พงศ์จันทรนิ่วหน้ามองกระเป๋าสตางค์ที่ดูเป็นผู้หญิงมากๆ ก่อนจะนึกออก
“ของยัยคุณหญิงนิ่มแน่ๆ”
หญิงนิ่มกำลังหากระเป๋าสตางค์ ก่อนจะเทของในกระเป๋าสะพายลงมา
หญิงนิ่มหน้าเสีย “กระเป๋าสตางค์หายไปไหน?”
พงศ์จันทรส่งกระเป๋าสตางค์คืนหญิงนิ่ม หญิงนิ่มรีบรับมาด้วยความดีใจ
“ฉันนึกว่าหายไปซะแล้ว โชคดีที่ตกอยู่ในรถของนาย เอ๊ะ หรือจะเป็นโชคร้ายกันแน่ นายรื้ออะไรในกระเป๋าฉันรึเปล่า” หญิงนิ่มรีบดู
“คุณมองผมในแง่ร้ายเกินไปแล้ว ผมไม่ใช่คนชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของใคร”
หญิงนิ่มเบ้หน้าใส่แล้วเก็บกระเป๋าสตางค์ พงศ์จันทรมอง
“ไม่คิดจะขอบใจผมซักหน่อยเหรอที่ผมเอากระเป๋ามาคืนให้คุณ”
“ทำไมต้องขอบใจ? ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่นายต้องทำ”
หญิงนิ่มหันหลังจะเดินออกไป พงศ์จันทรไม่พอใจจึงจับแขนหญิงนิ่มให้หันมา
“คุณชักจะทำตัวแสบมากขึ้นทุกวันแล้วนะ”
หญิงนิ่มไม่พอใจ “ปล่อยฉัน..”
“ผมไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะพูดคำว่าขอบใจ”
“ฉันไม่พูด”
พงศ์จันทรดึงหญิงนิ่มมากอด หญิงนิ่มผงะ
“จะทำอะไร?”
“ถ้าไม่พูด ผมจะกอดให้แน่นกว่านี้” พงศ์จันทรว่า
“คิดว่ากลัวเหรอ?” หญิงนิ่มถาม
“ไม่กลัวก็ดี ถ้างั้น..” พงศ์จันทรคิดแล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ผมก็จะทำมากกว่ากอด”
หญิงนิ่มตกใจ เธอรีบเอามือยันพงศ์จันทรออกไป พงศ์จันทรแกล้งทำท่าจะจูบ
“อย่ามาทำอะไรลามกในร้านฉันนะ!”
ระหว่างนั้นกิ๊กของพงศ์จันทรก็เดินเข้ามากับเพื่อน
“ร้านเนี้ยกระเป๋าสวยมากเลยนะเธอ” เพื่อนเห็นพงศ์จันทรกับหญิงนิ่มก็ตกใจ “ว๊าย!! ยังเช้าอยู่เลยนะเนี่ย”
กิ๊กหันไปมองตามพอเห็นพงศ์จันทรกับหญิงนิ่มก็เลือดขึ้นหน้าจึงรีบจ้ำเข้าไปหา ทำเอาเพื่อนประหลาดใจ
“คุณพงศ์..!”
พงศ์จันทรกับหญิงนิ่มหันมาเห็น พงศ์จันทรตกใจจึงรีบปล่อยหญิงนิ่ม
“เพราะผู้หญิงคนนี้ใช่มั๊ย ถึงทำให้คุณขอเลิกกับฉัน!!”
พงศ์จันทรยังไม่ทันได้ตอบ กิ๊กก็เข้ามาตบหน้าหญิงนิ่มดังเพี๊ยะ พงศ์จันทรแทบช็อค หญิงนิ่มอึ้งสุดๆ แล้วก็หันไปตบกลับทันที พงศ์จันทรตกใจมากถึงกับอ้าปากค้าง กิ๊กกรี๊ดลั่นร้าน
“อ๊ายย!!”
กิ๊กจะเข้ามาเอาเรื่องหญิงนิ่มแต่เจอพงศ์จันทรลากออกไปนอกร้าน เพื่อนกิ๊กรีบตามออกไป หญิงนิ่มจับหน้าตัวเองด้วยความเจ็บปวด
พงศ์จันทรลากกิ๊กออกมา เพื่อนรีบตามออกมาติด
“ปล่อยฉัน ฉันจะเข้าไปตบมันอีก ปล่อย..!” กิ๊กโวยวาย
พงศ์จันทรปล่อย “อยากเข้าไปตบก็เข้าไปเลย แต่ผมจะบอกให้คุณรู้ไว้นะว่าผู้หญิงคนที่คุณเพิ่งตบเค้า คือหม่อมราชวงศ์หญิงนิมมานรดี ญาติสนิทของคุณชายจันทรภานุ นพรัตน์” กิ๊กตกใจมาก “ถ้าคุณชายจันทร์รู้ว่าคุณทำร้ายน้องสาวสุดที่รักเค้าล่ะก้อ เตรียมติดคุกหัวโตได้เลย”
กิ๊กกับเพื่อนมองหน้ากันด้วยความตื่นกลัวสุดๆ
หญิงนิ่มนั่งส่องกระจกดูหน้าตัวเองก็เห็นมีรอยฝ่ามือแดงๆบนหน้า
“หน้าฉัน...”
ระหว่างนั้นพงศ์จันทรก็เดินเข้ามา หญิงนิ่มหันไปมองตาขวาง
“เข้ามาอีกทำไม?!! อยู่ใกล้นายทีไร ฉันซวยทุกที”
พงศ์จันทรไม่พูดอะไร เขาเข้ามาจับมือหญิงนิ่ม หญิงนิ่มตกใจ
“จะทำอะไร?!”
“พาคุณไปหาหมอ”
“ไม่ต้อง”
“ต้อง! เพราะผมเป็นต้นเหตุทำให้คุณบาดเจ็บ ผมต้องรับผิดชอบ”
“ฉันไม่ไป!!”
พงศ์จันทรเข้ามาอุ้มหญิงนิ่ม หญิงนิ่มตกใจมาก
“ทำอะไร?!”
“ก็คุณไม่ยอมดีดี ผมก็ต้องอุ้ม”
“ฉันยอมแล้ว ฉันยอมไปกับนายแล้ว ปล่อย!”
พงศ์จันทรอมยิ้มแล้วก็วางหญิงนิ่มลงก่อนจะผายมือให้ หญิงนิ่มเดินออกไป พงศ์จันทรเดินตาม
พงศ์จันทรรับยามาจากเภสัชกร เภสัชกรส่งยิ้มหวานให้พงศ์จันทร พงศ์จันทรยิ้มตอบ
“ขอบคุณมากครับ”
พงศ์จันทรเดินเอาถุงยามาให้หญิงนิ่มที่นั่งรออยู่ หญิงนิ่มรับถุงยามาจากมือพงศ์จันทร แล้วก็ยื่นเงินให้
“ค่ายาที่นายออกไป” หญิงนิ่มบอก
“ผมบอกแล้วไงว่าผมจะรับผิดชอบคุณ”
คนแถวนั้นหันมามองหญิงนิ่ม หญิงนิ่มหน้าแดงซ่าน
“ใช้คำอื่นได้มะ มันเหมือนว่าฉันกับนาย...”
“ได้เสียกันน่ะเหรอ”
คนแถวนั้นหันมามองอีก หญิงนิ่มทำหน้าไม่ถูกเลยเดินหนี พงศ์จันทรรีบเดินตาม
พงศ์จันทรเดินตามหญิงนิ่มมาตามทาง
“เดี๋ยวคุณหญิง...”
หญิงนิ่มหยุดเดินแล้วหันมา “นายจะพูดอะไรให้ฉันอับอายอีกห๊ะ!!”
“ผมมีเรื่องอยากถาม รู้มั๊ยว่าคุณดาวไปไหน?”
หญิงนิ่มคิดนิดนึง “อ๋อ ฉันรู้แล้ว ที่นายทำดีกับฉัน พาฉันมาโรงพยาบาล ออกค่าใช้จ่ายให้เพราะคิดว่าฉันรู้ว่าพี่ดาวไปไหนใช่มั๊ย” พงศ์จันทรเงียบ “ฉันขอบอกเลยนะว่าฉันไม่รู้ แต่ถึงฉันจะรู้ ฉัน-ก็-ไม่-มี-วัน-บอก-นาย!”
หญิงนิ่มสะบัดหน้าพรืดแล้วเดินออกไป พงศ์จันทรเดินตาม
“แล้วตกลงคุณรู้ หรือคุณไม่รู้กันแน่”
หญิงนิ่มหยุดเดินกะทันหันทำให้พงศ์จันทรเบรคไม่ทัน หญิงนิ่มหันมาทำให้หน้าทั้งคู่เกือบจะชนกัน หญิงนิ่มตกใจ รีบถอยออกห่าง
“ฉันไม่บอก”
หญิงนิ่มหันหลังเดินฉับๆออกไป พงศ์จันทรเซ็งมาก
“คุณหญิงนิ่ม...” พงศ์จันทรถอนใจ “เฮ้อ”
ประกายดาวดูรูปที่พลวาดซึ่งเหมือนมากจึงเดินยิ้มเข้ามาในโรงแรมก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นนมพร
ประกายดาวชะงัก นึกย้อนไปถึงคำพูดของมิลินทร์
“.....เค้าว่ากันว่าคุณชายรักแม่นมพรมากจนบางครั้งหม่อมแม่ตัวจริงยังอดน้อยใจไม่ได้ ถ้าแกอยากชนะใจคุณชาย ก็ต้องชนะใจแม่นมพรด้วย”
ประกายดาวนึกอะไรออกทันทีเลยเดินเข้าไปหานมพร
“สวัสดีค่ะแม่นมพร”
นมพรหันมาเห็นก็จำประกายดาวได้จึงยิ้มออกมา
“คุณดาว”
“จำดาวได้ด้วยเหรอคะ”
“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะคะ”
ประกายดาวกับนมพรยิ้มให้กัน แววตาประกายดาวมีเลศนัยบางอย่าง
จันทรภานุเดินเข้ามาก็แปลกใจที่เห็นประกายดาวนั่งอยู่กับนมพร ประกายดาวยิ้มทักทายจันทรภานุ จันทรภานุรู้สึกดีที่เห็นประกายดาว
“นมเจอคุณดาวเลยชวนมาทานข้าวด้วยกัน” นมพรบอก
“ครับ”
จันทรภานุนั่งข้างๆ นมพรแล้วก็หันไปเรียกพนักงาน
“เอาอาหารมาเสิร์ฟได้เลย” จันทรภานุบอก พนักงานรับคำแล้วเดินออกไป “คุณดาวอยากทานอะไรเพิ่ม สั่งได้นะครับ”
“ค่ะ”
จันทรภานุยิ้มให้ประกายดาว ประกายดาวแปลกใจมากที่จันทรภานุกลับมาดีกับเธอเหมือนเดิมแล้ว
อาหารถูกยกมาเสิร์ฟ จันทรภานุตักอาหารให้นมพรก่อนแล้วก็หันมาตักอาหารให้ประกายดาว ประกายดาวยิ้มและขอบคุณพลางลอบมองจันทรภานุอย่างรู้สึกดี จันทรภานุหันไป ประกายดาวรีบก้มหน้ากินอาหาร จันทภานุมองประกายดาวแล้วก็อมยิ้ม
จันทรภานุประคองนมพรมาตามทาง ประกายดาวเดินตามหลัง
นมพรหยุดเดินแล้วหันไป “คุณชายจันทร์ไม่ต้องไปส่งนมที่ห้องหรอกค่ะ นมขึ้นไปเองได้ อยู่คุยเป็นเพื่อนคุณดาวเถอะค่ะ”
“ให้ชายไปส่งเถอะนะครับ”
“ไม่ต้องจริงๆ เชื่อนมนะคะ”
“ก็ได้ครับ”
จันทรภานุหันไปเห็นพนักงานคนหนึ่งเดินมา
“อย่าเพิ่งไป” จันทรภานุเรียก พนักงานหยุดเดินหันแล้วมาด้วยท่าทางนอบน้อม “ช่วยไปส่งนมพรบนห้องทีนะ”
พนักงานรับคำแล้วเข้ามาประคองนมพร ประกายดาวไหว้นมพร นมพรรับไหว้แล้วก็เดินออกไปกับพนักงาน จันทรภานุกับประกายดาวหันมามองหน้าด้วยท่าทางเก้อๆเขินๆ
จันทรภานุชวน “เราไปเดินเล่นกันมั๊ยครับ”
“ดีเหมือนกันค่ะ จะได้ย่อยอาหารด้วย เมื่อกี๊ทานข้าวไปตั้งสองจาน”
จันทรภานุยิ้มแล้วผายมือให้ประกายดาวเดินออกไปก่อนที่ตัวเองจะเดินตาม
ประกายดาวกับจันทรภานุเดินข้างกัน ประกายดาวหันไปพูดกับจันทรภานุ
“คุณชายจันทร์คะ” จันทรภานุหยุดเดินหันมา ประกายดาวก็หยุดเดิน “ฉันมีเรื่องสงสัยอยากถาม”
“ถามมาได้เลยครับ”
“ทำไมเมื่อเช้าตอนที่คุณชายจันทร์เจอฉัน คุณชายถึงทำท่าหมางเมิน เหมือนไม่รู้จักฉันมาก่อน”
“ถ้าผมบอก อย่าโกรธผมนะ”
ประกายดาวพยักหน้า
เมื่อจันทรภานุเล่าจบ ประกายดาวก็มองจันทรภานุด้วยสีหน้าตะลึง
“ฉันเนี่ยนะเล่นยา?!”
ประกายดาวขำก๊ากออกมาทันทีอย่างไม่ห่วงสวย ทำเอาจันทรภานุแปลกใจ
“คุณหัวเราะอะไร?”
“คุณชายจันทร์ใช้อะไรคิดเนี่ย?”
จันทรภานุหน้านิ่งมากจนประกายดาวชะงักเมื่อรู้ตัวว่าไม่ควรพูด
“อุ่ย..ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้จริงๆว่ายานั้นอยู่ในกระเป๋าเสื้อตัวที่ฉันใส่เดินแฟชั่นได้ไง และฉันก็ไม่ใช่พวกศิลปินอาร์ตติสที่ใช้ยาเป็นตัวสร้างอารมณ์ในการทำงาน” ประกายดาวบอก จันทรภานุยังเงียบ “คุณชายจันทร์จะให้ฉันไปสาบานที่ไหนก็ได้”
จันทรภานุยังเงียบ ประกายดาวยกมือขึ้นมาพร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้า
“ท้องฟ้านี้เป็นพยาน ถ้าข้าพเจ้าโกหก ขอให้ข้าพเจ้าถูกฟ้าผ่า จมน้ำ ถูกรถชน โดนหมากัด เพื่อนเลิกคบ ไม่มีใครรัก”
“พอได้แล้ว” จันทรภานุบอก ประกายดาวหันมา “ผมเชื่อคุณ”
ประกายดาวยิ้ม “เชื่อเถอะค่ะ เพราะฉันไม่ชอบโกหก”
“ก็ดี..เพราะว่าผมเกลียดคนโกหก อย่าให้ผมรู้นะว่าคุณมีอะไรที่ปิดบังผมอยู่อีก”
ประกายดาวหน้าถอดสีและถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น แล้วเธอก็ยิ้มออกมา
“ไม่มีแน่นอนค่ะ”
ประกายดาวทำนิ้วอุ๊บอิ๊บซ่อนไว้ข้างหลัง จันทรภานุสบายใจ
“คุณว่าคุณยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนใช่มั๊ย”
“ใช่ค่ะ”
“พรุ่งนี้ผมว่าง ผมจะเป็นไกด์พาคุณเที่ยวเอง”
ประกายดาวดีใจสุดๆ แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้
อ่านต่อหน้าที่ 3
ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 6 (ต่อ)
เช้าวันต่อมา นมพรยืนอยู่กับจันทรภานุและประกายดาว
“นมไม่ไปด้วยหรอกค่ะ เกรงว่าจะหมดแรงตั้งแต่สิบขั้นแรกพอดีพอร้ายไปไม่ถึงพระธาตุกัน เค้าว่ากันว่ามาที่นี่ แล้วไม่ได้มาไหว้พระธาตุก็เท่ากับว่ามาไม่ถึงเชียวนะคะ คุณชายจันทร์กับคุณดาวไปเที่ยวกันให้สนุกเถอะค่ะ”
“ดาวจะซื้อขนมมาฝากนะคะ”
นมพรยิ้มรับอย่างใจดี จันทรภานุหันไปยิ้มให้ประกายดาวแล้วก็พากันเดินออกไป นมพรเห็นสายตาที่จันทรภานุมองประกายดาวแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
พงศ์จันทรยังคงพยายามต่อโทรศัพท์หาประกายดาวแต่ปลายสายไม่เปิดเครื่อง พงศ์จันทรกังวลมากยิ่งขึ้น
“ไม่เปิดเครื่อง”
พงศ์จันทรเครียดแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“เราต้องรู้ให้ได้ว่าคุณดาวไปไหน?”
พงศ์จันทรคิดได้ก็รีบเดินออกไปทันที
นมพรกำลังคุยเฟซไทม์กับหญิงนิ่ม
“พี่ดาวอยู่เชียงใหม่ และตอนนี้พี่ชายจันทร์ก็กำลังพาพี่ดาวไปเที่ยว” หญิงนิ่มพูดทวน
นมพรยิ้ม “ใช่ค่ะ คุณชายจันทร์ดูมีความสุขมาก ยิ้มในแบบที่นมไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นรอยยิ้มที่ประหลาดมากค่ะ”
“ประหลาดไงคะนม อธิบายมาด่วนเลยค่ะ”
จันทรภานุกับประกายดาวกำลังเดินเข้ามาในดอยสุเทพ จันทรภานุลอบมองประกายดาวแล้วก็อมยิ้มตลอดเวลา ในขณะที่นมพรอธิบายให้หญิงนิ่มฟัง
“ไม่ใช่แค่หน้าเท่านั้นนะคะที่ยิ้ม แต่แววตาของคุณชายก็ยิ้มไปด้วย นมว่ากับคุณดาว...คุณชายต้องมีความรู้สึกที่พิเศษมากแน่เลยค่ะ”
ประกายดาวกับจันทรภานุหยุดตรงหน้าบันได
จันทรภานุชวน “เดี๋ยวเราไปขึ้นกระเช้าไฟฟ้ากันดีกว่านะครับ”
“ไม่ค่ะ ฉันจะเดินขึ้นบันได” ประกายดาวบอก
“แต่มันตั้ง 306 ขั้นเลยนะคุณ”
“สำหรับฉันจิ๊บๆค่ะ จะได้ออกกำลังกายไปด้วย คุณชายจะขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปรอฉันข้างบนก็ได้นะคะ”
“ไม่ล่ะ ผมจะขึ้นบันไดกับคุณ”
ประกายดาวทำหน้าดูถูก “จะไหวเร้ออ”
“ดูถูก...”
“งั้นมาแข่งกันมั๊ยคะ”
“ได้อยู่แล้ว”
“คนแพ้ต้องเป็นทาสคนชนะหนึ่งวัน” ประกายดาวบอก
“ตกลง”
ประกายดาวรีบเดินขึ้นบันไดไปทันที
“รอผมก่อนสิคุณดาว”
จันทรภานุรีบขึ้นตามไปทันที
หญิงนิ่มทำสีหน้ามีความสุขมาก พงศ์จันทรเดินเข้ามาในร้านโดยที่หญิงนิ่มไม่รู้ตัว
“ถ้านายปลาไหลรู้ว่าพี่ดาวอยู่กับพี่ชายจันทร์ล่ะก้อ ได้กระอักเลือดตายแน่”
พงศ์จันทรได้ยินก็หูผึ่ง
“คุณรู้จริงๆว่าคุณดาวอยู่ไหน?”
หญิงนิ่มหันขวับไปด้วยความตกใจแล้วทำหน้านิ่งกลบเกลื่อน
“พูดอะไร ไม่เข้าใจ” หญิงนิ่มว่า
“ก็ผมได้ยินคุณพูด”
“ฉันไม่ได้พูดอะไรซักหน่อย” หญิงนิ่มรีบเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่นายมาที่นี่อีกทำไม?”
“เพราะผมรู้ว่าคุณโกหกผมเรื่องคุณดาวไง ผมถึงมาเพื่อที่จะถามคุณอีกครั้ง แล้วผมก็คิดไม่ผิดจริงๆ” พงศ์จันทรเดินเข้ามาหา “บอกผมมาว่าคุณดาวอยู่ไหน”
หญิงนิ่มแอบกลัวจึงถอยหลังหนี
“ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร?”
หญิงนิ่มถอยจนหลังชนกำแพง พงศ์จันทรมาหยุดตรงหน้า หญิงนิ่มจะเบี่ยงตัวหนี แต่พงศ์จันทรเอามือเท้ากำแพงสองข้าง ทำให้หญิงนิ่มหนีไปไหนไม่ได้
“คุณคิดจะกีดกันผมกับคุณดาวไปถึงไหน ทั้งๆที่คุณดาวไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ชายคุณ หรือว่า” พงศ์จันทรหรี่ตามอง “คุณแอบชอบผม ก็เลยไม่อยากให้ผมลงเอยกับคุณดาว”
หญิงนิ่มฉุนกึก “คิดออกมาได้ไง ทั้งบ้า ทั้งทุเรศ ฉันเนี่ยนะจะชอบคนอย่างนาย ไม่มีวัน และไม่มีทาง!!! ออกไปจากร้านฉันได้แล้ว”
“ผมจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น จนกว่าคุณจะบอกว่าคุณดาวไปไหน”
“ฉันไม่บอก”
“พูดแบบนี้ แสดงว่ายอมรับแล้วสิว่าคุณดาวอยู่กับพี่ชายคุณจริง”
หญิงนิ่มผงะแล้วรีบปิดปากตัวเอง เธอรีบหดหัวหลบใต้แขนพงศ์จันทรก่อนจะผละออกมา แล้วคว้าเครื่องช๊อตไฟฟ้าในกระเป๋าขึ้นมาขู่ พงศ์จันทรผงะ
“ถ้านายอยากเจอช๊อตอีกครั้งก็เข้ามา”
พงศ์จันทรไม่กล้า “ไม่บอกไม่เป็นไร ผมจะหาทางเอง และผมต้องรู้ให้ได้”
พงศ์จันทรพูดจบก็เดินออกไป หญิงนิ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วก็อดเป็นกังวลไม่ได้
ประกายดาววิ่งมาถึงบนดอยได้สำเร็จ เธอหันไปชูมือด้วยความดีใจ
“วู้...ถึงแล้ว”
ประกายดาวมองไปที่จันทรภานุที่กำลังตะเกียกตะกายขึ้นมาด้วยสีหน้าอย่างเหนื่อย ประกายดาวอดขำออกมาไม่ได้ ในที่สุดจันทรภานุก็ขึ้นมาถึง
“เป็นไงคะคุณชาย ลิ้นห้อยเลยนะคะ”
“ผมต่อให้คุณหรอกนะ”
“นี่ฉันต้องซาบซึ้งในบุญคุณใช่มั๊ย”
จันทรภานุพยักหน้า ประกายดาวยิ้มชอบใจ แล้วก็เห็นเหงื่อจันทรภานุไหล ประกายดาวหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่หน้าให้จันทรภานุด้วยความลืมตัว จันทรภานุผงะมองประกายดาว ประกายดาวรู้ตัว
“ขอโทษค่ะ” ประกายดาวรีบเก็บผ้าเช็ดหน้า
“ขอบคุณครับ เราเข้าไปไหว้พระข้างในกันเถอะ”
ประกายดาวกับจันทรภานุเดินออกมาด้วยกัน
“ได้ไหว้พระแล้วรู้สึกสบายใจมากเลยนะคะ”
จันทรภานุยิ้มรับ ประกายดาวเห็นต้นดอกปีบก็ชอบมากจึงรีบคว้ากล้องดิจิตอลขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าแล้วถ่ายรูปเอาไว้
จันทรภานุอธิบาย “กาซะลอง คนเหนือเรียกว่ากาซะลอง หรือกาดซะลอง”
จันทรภานุก้มหยิบดอกปีบบนพื้นขึ้นมา ประกายดาวมองตาม
“สวยนะคะ ฉันชอบ ฉันเคยไปอยุธยาที่บางปะอิน ที่นั่นมีดอกปีบเยอะมาก”
“ที่โรงแรมผมก็มี ผมให้คนเอามาลงหลายต้น ปีบเป็นพืชที่ชอบแสงแดดจัดๆ” จันทรภานุพูดไปก็เงยหน้ามองต้นไม้ไป “แล้วก็ไม่ต้องดูแลมากแต่ออกดอกมาทั้งสวยทั้งหอม” จันทรภานุหันมาทางประกายดาว “ถ้าผู้หญิงทุกคนเป็นอย่างกาซะลอง ก็ดีนะครับ”
“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ ผู้หญิงทุกคนชอบการดูแลเอาใจใส่จากผู้ชาย ยิ่งดูแลใส่ใจมาก ผู้หญิงก็ยิ่งอยากสวย เพื่อให้ผู้ชายที่เค้ารักภูมิใจเวลาที่ต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน”
“แล้วคุณล่ะครับคุณดาว คุณเป็นผู้หญิงประเภทนั้นรึเปล่า”
“ฉันเป็นคนประหลาดค่ะ ไม่ชอบการดูแลเอาใจใส่”
“ง้นคุณก็เป็นกาซะลอง...เป็นในแบบที่ผมต้องการ”
จันทรภานุมองหน้าประกายดาวอย่างมีความหมายทำเอาประกายดาวผงะเพราะทำหน้าไม่ถูก จันทรภานุเอาดอกปีบมาดมก่อนจะยื่นให้ประกายดาว
“ผมให้”
รอยยิ้มหล่อๆของจันทรภานุทำเอาประกายดาวเกือบละลายไปตรงนั้น ประกายดาวรับดอกปีบเอาไว้ แล้วจันทรภานุก็เดินออกไป ประกายดาวมองตามแผ่นหลังจันทรภานุด้วยหัวใจที่เต้นแรง แล้วก็รีบเตือนสติตัวเอง
“ทำใจดีดีประกายดาว ห้ามหวั่นไหว ไม่งั้นเธออาจจะเป็นหนึ่งในสาวๆที่ถูกเดทเดียวกับของคุณชาย คิดถึงอนาคตลูกเข้าไว้”
ประกายดาวถอนหายใจแล้วก็รีบเดินตามจันทรภานุไปตามทาง
พงศ์จันทรเดินไปเดินมาเพราะคิดหนักมาก
“คุณดาวอยู่กับคุณชายจันทร์ แล้วตอนนี้คุณชายจันทร์อยู่ที่ไหน?”
พงศ์จันทรคิดแล้วก็นึกอะไรออก เขารีบออกไปจากห้องทันที
อ้อยเปิดประตูออกมาเจอพงศ์จันทรยืนหันหลังอยู่
“ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ?”
พงศ์จันทรหันมา อ้อยตะลึงในความหล่อของพงศ์จันทรทันที
“สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนกับชายจันทร์ เพิ่งกลับมาจากอเมริกา ไม่ได้เจอชายจันทร์มาสิบกว่าปี ไม่ทราบว่าชายจันทร์อยู่รึเปล่า”
อ้อยรีบทำเสียงสวยทันที “คุณชายจันทร์ไม่อยู่ค่ะ”
“เหรอครับ? ว้าแย่จัง แล้วคนสวยพอจะบอกผมได้มั๊ยว่าชายจันทร์ไปไหน?”
อ้อยมองพงศ์จันทรด้วยความเขินอายมาก พงศ์จันทรยิ้มโปรยเสน่ห์เต็มที่
จันทรภานุกับประกายดาวเดินกลับมาที่รถด้วยกัน
“คุณชายจันทร์ไม่ลืมข้อตกลงของเราใช่มั๊ยคะ” ประกายดาวถาม
“นึกว่าคุณลืมไปแล้ว”
“ฉันเป็นคนความจำดีมากค่ะ ไม่มีทางลืมง่ายๆ”
“อยากให้ผมทำอะไร บัญชามาได้เลยครับ”
“วันนี้ฉันขอเป็นผู้หญิงธรรมดาๆที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่จากผู้ชายก็แล้วกันนะคะ”
จันทรภานุยิ้มรับ ทั้งคู่เดินมาถึงรถ จันทรภานุเปิดประตูให้ประกายดาวเข้าไปนั่งแล้วปิดประตูให้ จันทรภานุยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งทางฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไป
รถแล่นไปตามทาง ประกายดาวหันไปมองธรรมชาติสองข้างทางสีหน้ามีความสุขมาก จันทรภานุลอบมองประกายดาวแล้วก็เผลอยิ้มออกมา ประกายดาวหันมาเห็นจันทรภานุยิ้มก็แปลกใจ
“คุณชายจันทร์ยิ้มอะไร?”
จันทรภานุหุบยิ้มแทบไม่ทัน
จันทรภานุปฏิเสธ “ผมไม่ได้ยิ้ม”
“ก็ฉันเห็นคุณยิ้ม” ประกายดาวยื่นหน้ามาใกล้ “ยิ้มอะไร บอกฉันหน่อยสิ”
จันทรภานุหันมาก็ผงะเพราะหน้าของเขาใกล้ประกายดาว ทำเอาทั้งคู่นิ่งงันไป
“เวลาขับรถต้องมองถนนไม่ใช่เหรอคะ คุณชายจันทร์มองหน้าฉันทำไม?”
จันทรภานุนึกได้จึงรีบหันไปมองถนน ประกายดาวยิ้มขำๆ พลันเสียงมือถือจันทรภานุดังขึ้น จันทรภานุกดรับสายผ่านแฮนด์ฟรี
“ฮัลโหล...” จันทรภานุฟัง “ฉันพาคุณดาวมาเที่ยวดอยสุเทพ” จันทรภานุฟัง “แป๊บนึงนะ” จันทรภานุหันมาทางประกายดาว “เพื่อนผมอยากมาขอทานข้าวกับเรา คุณดาวอนุญาตมั๊ย”
“ได้สิคะ เรียกเพื่อนคุณมาเลย”
จันทรภานุพูดกับโทรศัพท์ “ตกลง เดี๋ยวเจอกันที่ร้านประจำของเรา”
จันทรภานุวางสาย แล้วก็ตั้งใจขับรถต่อ
จันทรภานุยืนอยู่ตรงกลางระหว่าอภิเชษฐ์กับประกายดาว
“ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ ผมผู้กองอภิเชษฐ์ ตำรวจไทย ใจซื่อสัตย์ มีจิตอาสา ทำงานเพื่อสังคม สวัสดีครับ”
ประกายดาวขำ
จันทรภานุแซว “เยอะไปแล้ว”
“ฉันประกายดาว อาชีพช่างภาพ ใจดี มีคุณธรรม และรักเด็กค่ะ”
อภิเชษฐ์หัวเราะ
“คุณนี่ก็บ้าตามเพื่อนผมไปอีกคน เข้าไปในร้านกันดีกว่าครับ”
จันทรภานุผายมือให้ประกายดาวเดินไปก่อน อภิเชษฐ์เหล่เพื่อน
จันทรภานุหันมาเห็น “มองฉันทำไม?”
“ยิ่งดูใกล้ๆยิ่งน่ารักว่ะ สเป็คเลย” อภิเชษฐ์บอก
อภิเชษฐ์ยิ้มกริ่ม แล้วก็เดินเข้าไปก่อน จันทรภานุหน้าเจื่อนก่อนจะตามอภิเชษฐ์เข้าไปในร้าน
จันทรภานุตักอาหารให้ประกายดาวและดูแลเอาใจใส่ตามข้อตกลง อภิเชษฐ์มองจันทรภานุกับประกายดาวด้วยความสงสัย
ประกายดาวกล่าว “ขอบคุณค่ะ”
อภิเชษฐ์ทำกระแอม “แฮ่ม..”
จันทรภานุกับประกายดาวหันไปมอง
“ติดคอ ก็ดื่มน้ำสิ” จันทรภานุบอก
“ไม่ได้ติดคอ แค่เตือนว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยอีกหนึ่งคน ไม่ได้มากันสองคนนะคร๊าบ”
จันทภานุเขินจึงเอาอาหารยัดใส่ปากอภิเชษฐ์ อภิเชษฐ์สำลัก จันทรภานุกับประกายดาวหัวเราะ
อภิเชษฐ์รีบดื่มน้ำ “ไอ้ชาย..คิดจะฆ่าฉันเหรอวะ แค่กแค่กแค่ก”
จันทรภานุกับประกายดาวหัวเราะแล้วก็หันมามองหน้ากัน ต่างคนต่างชะงักกันไป อภิเชษฐ์ที่กำลังดื่มน้ำมองทั้งสองคนด้วยความสงสัย
จันทรภานุ ประกายดาว และอภิเชษฐ์เดินออกมาด้วยกัน
“ฉันกับคุณชายจันทร์จะไปเที่ยวที่ปางช้าง คุณอภิเชษฐ์ไปด้วยกันมั๊ยคะ” ประกายดาวถาม
อภิเชษฐ์ตอบทันที “ไปครับ”
จันทรภานุแอบเซ็ง “แกไม่ต้องทำงานเหรอไง?”
“วันนี้ฉันว่าง เชิญครับคุณดาว”
อภิเชษฐ์เดินออกไปกับประกายดาว จันทรภานุแอบหงุดหงิด
ประกายดาว จันทรภานุ และอภิเชษฐ์เดินเข้ามาในปางช้าง ประกายดาวมีความสุขมาก พอเห็นนักท่องเที่ยวกำลังให้อาหารช้างเธอก็รีบเข้ามาให้บ้าง จันทรภานุกับอภิเชษฐ์เดินตามมา
“แกว่าฉันจีบคุณดาวดีมั๊ย” อภิเชษฐ์แกล้งหยั่งเชิง
จันทรภานุอึ้งมาก “แกถามฉันทำไม?”
“เอ้า..ฉันก็ต้องถามแกก่อน เพราะถ้าเกิดแกชอบคุณดาว ฉันจะได้ไม่ยุ่ง”
จันทรภานุชะงัก “ฉัน..ฉันไม่ได้ชอบ”
“ทำไมตอบไม่เต็มเสียงวะ”
ยังไม่ทันที่จันทรภานุจะพูดอะไรต่อ ประกายดาวก็หันมา
“คุณชายจันทร์ คุณอภิเชษฐ์ มาลองมั๊ยคะ น่ารักชะมัดเลย”
อภิเชษฐ์รับคำ “ครับ”
อภิเชษฐ์เดินเข้าไปหาประกายดาว ประกายดาวส่งกล้วยให้อภิเชษฐ์ แล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันให้อาหารช้าง จันทรภานุยืนมองด้วยความหงุดหงิดแล้วก็เดินตรงไปแทรกกลางระหว่างประกายดาวกับอภิเชษฐ์
อภิเชษฐ์มองจันทรภานุอย่างรู้ทันแล้วก็หันไปลอบยิ้ม จันทรภานุให้อาหารช้าง ประกายดาวเห็นท่าทางผู้ชายสองคนป้อนอาหารช้างด้วยท่าทางแมนๆ ก็อดที่จะหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปไม่ได้
จันทรภานุ ประกายดาว และอภิเชษฐ์นั่งเรียงกันบนอัฒจรรย์เพื่อดูการแสดงช้าง ประกายดาวรู้สึกตื่นตาตื่นใจ มีช้างเตะบอล ไม่นานพิธีกรก็เดินออกมา
“ท่านใดอยากออกมาแข่งเตะบอลกับช้างมั๊งครับ”
ประกายดาวรีบยกมือ “ฉันค่ะฉัน”
ประกายดาวฝากกระเป๋ากับกล้องให้จันทรภานุ
“ถ่ายรูปให้ฉันด้วยนะคะ”
ประกายดาวรีบออกไปเตะบอลแข่งกับช้าง จันทรภานุกับอภิเชษฐ์อ้าปากค้างด้วยความนึกไม่ถึง ในความกล้าของประกายดาว ท่าทางของประกายดาวทำให้จันทรภานุอดยิ้มออกมาไม่ได้ อภิเชษฐ์กระเถิบมาใกล้จันทรภานุ
“ติดใจล่ะสิไอ้หม่อม”
“อือ”
จันทรภานุชะงักแล้วหันไปเห็นอภิเชษฐ์อมยิ้ม
จันทรภานุตะกุกตะกัก “แกหมายความถึงอะไร?”
อภิเชษฐ์ทำหน้าตาย “ฉันหมายถึงการแสดงช้าง นู่นน่ะ”
จันทรภานุรีบหันหน้าไปทางอื่น อภิเชษฐ์มองเพื่อนแล้วก็ส่ายหัว
จันทรภานุ ประกายดาว และอภิเชษฐ์เข้าแถวรอขี่ช้าง
“คุณดาวนั่งกับเพื่อนผมก็แล้วกัน เพราะว่าแหม่มที่ยืนข้างหลังผมมาคนเดียว ผมจะนั่งเป็นเพื่อนเค้า” อภิเชษฐ์บอก
อภิเชษฐ์หันไปโบกมือให้แหม่มฝรั่ง แหม่มฝรั่งโบกมือตอบ ประกายดาวกับจันทรภานุขำ
ประกายดาวเอากล้องออกมาถ่ายภาพวิวข้างทาง จันทรภานุลอบมองประกายดาว เพราะถนนไม่เรียบทำให้ประกายดาวทรงตัวไม่อยู่จึงเซมาชนจันทรภานุ ประกายดาวหันไปทำให้หน้าเกือบจะชนจันทรภานุ
ประกายดาวรีบผละออกห่าง “ขอโทษค่ะ”
ประกายดาวเซอีกครั้ง คราวนี้จันทรภานุเอามือโอบประกายดาวประคองเอาไว้
“ผมว่าผมประคองคุณดาวไว้แบบนี้ดีกว่า”
ประกายดาวพยักหน้าแล้วหันไปทางอื่น เธอพ่มลมหายใจออกมาด้วยความตื่นเต้น
จันทรภานุ ประกายดาว และอภิเชษฐ์เดินมาด้วยกัน
“วันนี้ผมสนุกมากเลยครับ ไว้วันหลังเราไปทานข้าวกันอีกนะครับคุณดาว”
“ได้ค่ะ”
“ฉันกลับเลยนะเว๊ย” อภิเชษฐ์บอก
จันทรภานุพยักหน้า อภิเชษฐ์เดินออกไป จันทรภานุหันมาถามประกายดาว
“คุณดาวอยากไปที่ไหนต่อรึเปล่าครับ”
“ไม่ล่ะค่ะ เริ่มรู้สึกเหนื่อยๆแล้ว กลับโรงแรมดีกว่า” ประกายดาวบอก
ประกายดาวเดินออกไป จันทรภานุมองตามแล้วคิดนิดนึงก่อนจะรีบเดินตามไป
“คุณดาวครับ”
ประกายดาวหันมา
“วันนี้ดินเนอร์กับผมนะครับ”
ประกายดาวชะงักที่จันทรภานุชวนเธอกินดินเนอร์
ประกายดาวที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใส่เสื้อคลุม มีผ้าขนหนูคล้องคอกำลังเช็ดผมตรงหน้าไอแพดที่วางบนโต๊ะ เพราะเธอกำลังคุยเฟซไทม์กับจิตสุภางค์ จิตสุภางค์ยื่นหน้าเข้ามาเต็มจอ
“คุณชายชวนแกไปดินเนอร์สองต่อสอง?”
ประกายดาวยิ้ม “อือ..”
จิตสุภางค์ผละออกมา “แสดงว่าคุณชายกำลังชวนแกออกเดท”
ประกายดาวเขิน “ไม่มั๊ง”
“ฉันรู้ว่าแกเขิน” จิตสุภางค์แซว ประกายดาวเซ็งที่เพื่อนรู้ทัน “แต่อย่าเพิ่งเขิน แล้วก็อย่าเพิ่งดีใจ แกลืมเรื่อง “เดทเดียวดับ” ของคุณชายจันทร์ที่ไอ้ลินทร์เคยบอกไปแล้วเหรอ”
ประกายดาวชะงักแล้วนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของมิลินทร์
“.....เค้าว่ากันว่าคุณชายไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน ฉายาของคุณชายก็คือ “เดทเดียวดับ” ถ้าผู้หญิงคนไหนได้ออกเดทกับคุณชายแล้วล่ะก้อ คุณชายจะบอกเลิกทันที”
ประกายดาวหน้าซีด
“จริงด้วย ฉันลืมไปสนิทเลย”
จิตสุภางค์พูดต่อ
“ไอ้ลินทร์บอกว่าคุณชายจันทร์เป็นคนที่อ่านคนเก่งมาก เพราะฉะนั้นเวลาที่เค้าไปเดทกับผู้หญิงคนไหน เค้าจะสามารถเรียนรู้นิสัยใจคอของผู้หญิงที่เค้าเดทด้วยภายในช่วงเวลาที่กินข้าว ถ้าเค้าพบว่าไม่ใช่ เค้าก็จะไม่เสียเวลาสานสัมพันธ์ต่อ”
ประกายดาวชักฝ่อ
“จะว่าไปก็แอบใจร้ายนะเนี่ย”
จิตสุภางค์พูดต่อ “ตอนฟังไอ้ลินทร์เล่า ฉันก็พูดแบบแก แต่มันบอกว่าเสียใจในวันแรกที่เจอกัน ก็ยังดีกว่าคบกันไปหลายปี แล้วถูกคุณชายบอกเลิก อย่างหลังคงจะเสียใจยิ่งกว่า”
ประกายดาวเห็นด้วย “มันก็จริง”
“แต่ถ้าแกไม่อยากเป็นเดทเดียวดับของคุณชาย ก็ห้ามไปตามคำเชิญของคุณชายเด็ดขาด”
“แต่ฉันรับปากคุณชายไปแล้ว ทำไง?? โอ๊ยยย..ตายตายตาย...ตายแน่ไอ้ดาว!”
“เฮ้ย! ใจเย็น อย่าเพิ่งตื่นตูม มันมีทางออก”
ประกายดาวหันไปมองจิตสุภางค์ด้วยความสงสัย
จันทรภานุแต่งตัวที่หน้ากระจก นมพรเดินมาเห็นจันทรภานุก็อมยิ้ม จันทรภานุหันมาเห็นสีหน้านมพรก็แปลกใจ
“นมพรยิ้มอะไรครับ”
นมพรเดินมาตรงหน้าจันทรภานุ
“ตั้งแต่นมเลี้ยงคุณชายมา ยังไม่เคยเห็นคุณชายหน้าตามีความสุขอย่างวันนี้มาก่อนเลยนะคะ”
จันทรภานุชะงักไปนิดนึง
“สีหน้าชายแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ” นมพรยืนยัน
จันทรภานุยิ้มน้อยๆออกมา นมพรจับมือจันทรภานุ จันทรภานุหันไปมอง
“นมพรจะยินดีมาก ถ้าคุณชายของนมจะเปิดโอกาสให้ตัวเองซักที” นมพรบอก จันทรภานุนิ่งฟัง “คนดีสมัยนี้ ไม่ได้หากันง่ายๆ การที่เราได้เจอกับเค้า..มันไม่ใช่ความบังเอิญ นมเชื่อว่าเป็นเพราะพลังบุญที่เคยสร้างร่วมกันมา หรือไม่ก็ที่กำลังร่วมทำกันอยู่ นมอยากเห็นคุณชายมีความสุขแบบนี้ในทุกๆวันนะคะ”
“ชายเองก็อยากมีความสุขครับ แต่ชายก็ไม่อยากคาดหวัง ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคต แต่ชายจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด”
นมพรพยักหน้า พร้อมกับตบหลังมือจันทรภานุเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
จันทรภานุยืนอยู่กับพนักงานของโรงแรม
“คุณประกายดาวให้ดิฉันเรียนคุณชายจันทร์ว่าเธอไม่ค่อยสบาย ขอเลื่อนนัดไปก่อนค่ะ”
จันทรภานุนิ่วหน้า “ไม่สบาย?”
จันทรภานุนึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
ประกายดาวนั่งด้วยความสบายใจ
“รอดตัวแล้วเรา เฮ้อ”
เสียงเคาะประตูดังปังปัง ประกายดาวชะงักเพราะแปลกใจ เธอเดินไปมองที่ช่องตาแมวก็เห็นจันทรภานุยืนอยู่ ประกายดาวตกใจมาก
“มาทำไม?”
จันทรภานุยังคงเคาะประตูสีหน้ากังวลใจ
“คุณดาวครับคุณดาว...คุณดาว...”
ประกายดาวเงียบเพราะคิดว่าจะทำยังไง?
จันทรภานุเป็นห่วงประกายดาวมากขึ้น
“ผมรู้มาว่าคุณไม่สบาย คุณเป็นอะไรมากรึเปล่า ถ้าคุณไม่เปิด ผมต้องขออนุญาตใช้คีย์การ์ดไขเข้าไปนะครับ”
ประกายดาวตกใจ เธอคิดแล้วก็ตัดสินใจ
ประกายดาวแกล้งทำเสียงไม่สบาย “มาแล้วค่ะคุณชาย”
ประกายดาวแกล้งทำผมยุ่งๆ ให้ลงมาปิดหน้าปิดตาแล้วก็กลั้นใจเปิดประตู จันทรภานุตกใจเพราะประกายดาวอยู่ในสภาพแย่มาก ประกายดาวแกล้งทำหน้าซึมและไอ
“คุณดาวดูแย่มาก ไปหาหมอมั๊ยครับ”
ประกายดาวรีบพูด “ไม่เป็นไรค่ะ แค่กแค่ก..ดาวทานยาลดไข้เข้าไปแล้ว นอนพักซักหน่อยก็คงหาย แค่กแค่ก ดาวขอตัวนะคะ”
ประกายดาวจะปิดประตู แต่จันทรภานุเอามือยันประตูเอาไว้แล้วมองหน้าประกายดาวอย่างจริงจัง ทำเอาประกายดาวผงะ
อ่านต่อหน้าที่ 4
ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 6 (ต่อ)
จันทรภานุวางสายแล้วหันมาทางประกายดาวที่นั่งจ๋องอยู่บนเตียง
จันทรภานุเดินมานั่งข้างๆ “ผมสั่งอาหารให้คุณแล้วนะครับ”
“ค่ะ..”
“ขออนุญาตนะครับคุณดาว”
ประกายดาวมองจันทรภานุด้วยความแปลกใจ จันทรภานุเอามือจับหน้าผากประกายดาวด้วยความนุ่มนวล ทำเอาประกายดาวสะท้านไปทั้งตัว เธอมองหน้าจันทรภานุที่อยู่ห่างกันแค่คืบด้วยความตื่นเต้นจนหน้าแดง
“ตัวคุณร้อนนะเนี่ย ร้อนจนหน้าแดงเลย” จันทรภานุบอก
ประกายดาวคิดในใจ “จะไม่ให้หน้าแดงได้ไง เล่นอยู่ใกล้ฉันขนาดนี้”
ประกายดาวพูดออกมา “หน้าฉันแดงมากเลยเหรอคะ?”
“ครับ ผมว่าคุณไปนอนก่อนดีกว่า พออาหารมา ผมจะเรียก”
ประกายดาวลุกขึ้น จันทรภานุรีบประคอง
“ฉันเดินเองได้ค่ะ”
“อย่าทำอวดเก่ง..”
ประกายดาวพูดไม่ออก จันทรภานุประคองประกายดาวพาไปนอนที่เตียงแล้วก็ห่มผ้าให้ ประกายดาวมองจันทรภานุด้วยแววตาประทับใจมาก
“เช็ดตัวซักหน่อยดีกว่านะครับ ไข้จะได้ลงเร็วขึ้น”
ประกายดาวยังไม่ทันตอบ จันทรภานุก็ลุกเดินไปห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว ประกายดาวเหวอ
“ไปกันใหญ่แล้ว” ประกายดาวถอนหายใจ
จันทรภานุบีบน้ำออกจากผ้าผืนเล็กแล้วหันไปมาทางประกายดาว
“ฉันทำเองก็ได้ค่ะ”
“ทำอวดเก่งอีกแล้ว เลิกดื้อซักทีเถอะ คุณนี่นิสัยเหมือน...”
จันทรภานุชะงักแล้วยั้งคำพูดคำต่อไปเอาไว้ได้ทัน
จันทรภานุนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
แพทนอนหน้าซีดเพราะไม่สบายอยู่บนเตียง จันทรภานุกำลังจะเช็ดตัวให้แต่แพทไม่ยอม
“ไม่ต้องหรอกชาย แพทหายดีแล้ว”
“หายดีอะไรกัน แพทยังตัวร้อนอยู่เลยรู้มั๊ย” จันทรภานุบอก แพทจะอ้าปากเถียง “อย่าทำอวดเก่ง แล้วก็อย่าดื้อ นอนเฉยๆ ผมจะดูแลแพทเอง”
จันทรภานุค่อยๆเอาผ้าเช็ดตามแขนให้แพท แพทมองจันทรภานุแล้วก็ยิ้ม
“แพทโชคดีจังที่มีแฟนน่ารักอย่างนี้”
“แล้วรักรึเปล่าล่ะ”
“ก็ต้องรักสิ” แพทจับมือจันทรภานุขึ้นมาแนบแก้ม “รักมากด้วย รักที่สุดเลยล่ะ”
จันทรภานุกับแพทยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
จันทรภานุหน้าจ๋อยไปเมื่อคิดถึงอดีต ประกายดาวเห็นแล้วก็สงสัย
“คุณชายคะ” ประกายดาวเรียก จันทรภานุได้สติจึงหันมา “คุณชายยังพูดไม่จบเลยว่าให้ฉันเลิกดื้อเหมือนใคร?”
จันทรภานุนิ่งไปซักพัก “หญิงนิ่มครับ รายนั้นทั้งดื้อทั้งหัวแข็ง”
จันทรภานุค่อยๆจับแขนประกายดาวขึ้นมาแล้วเช็ดให้ ประกายดาวมองจันทรภานุอย่างรู้สึกดี
“คุณชายไปเรียนรู้การดูแลคนป่วยมาจากที่ไหนคะ” ประกายดาวถาม
“ตอนผมเรียนเมืองนอก ผมเคยดูแลเพื่อน”
ประกายดาวแกล้งแซว “เพื่อนหรือแฟนคะ”
จันทรภานุชะงักแล้วหน้าเจื่อน ประกายดาวรู้ตัวว่าไม่ควรพูด
“ขอโทษค่ะ ฉันคงยุ่งมากเกินไป”
จันทรภานุไม่พูดอะไรแต่หน้าเศร้าลงไปถนัดหน้า จนทำให้ประกายดาวแปลกใจ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น จันทรภานุกับประกายดาวหันไป
“คงจะเป็นอาหารมาส่ง ผมออกไปรับให้ครับ”
จันทรภานุลุกเดินออกไป ประกายดาวมองตามจันทรภานุด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“ขอโทษนะคะคุณชายจันทร์ที่ฉันต้องโกหก” ประกายดาวถอนใจ
จันทรภานุเอาถาดข้าวต้มวางบนเตียงตรงหน้าประกายดาวที่นั่งอยู่ แล้วจันทรภานุก็นั่งลงข้างๆ
“คุณชายจันทร์ไม่ได้สั่งอะไรมาทานเหรอคะ” ประกายดาวถาม
“ผมไม่หิวน่ะครับ คุณดาวทานเถอะ จะได้ทานยา”
ประกายดาวตักข้าวต้มขึ้นมากินทันทีโดยลืมไปว่ามันร้อน ประกายดาวร้องลั่น
“โอ๊ย!”
จันทรภานุขำพรวดออกมา
“คุณชายจันทร์ขำอะไร? ปากฉันจะพองมั๊ยเนี่ย อุ๊ย”
จันทรภานุเผลอเอามือสองข้างจับหน้าประกายดาวให้หันมา
“ไม่พองครับ ยังไม่พอง แค่แดงๆ”
ประกายดาวชะงักที่จันทรภานุจับหน้าเธอ จันทรภานุรู้ตัวจึงรีบปล่อยมือ
“ผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ”
จันทรภานุรีบลุกขึ้นจนเตะเก้าอี้ ประกายดาวแทบขำออกมา แต่กลั้นเอาไว้ได้ทัน จันทรภานุอายมากจึงไม่กล้าหันมามองประกายดาว เขาทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินออกไป ประกายดาวมองจันทรภานุด้วยแววตาเป็นประกาย
จันทรภานุยื่นแก้วน้ำกับยาให้ประกายดาว
ประกายดาวถาม “ไม่ทานได้มั๊ยคะ”
“ไม่ได้ครับ ต้องทาน ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่หาย”
“แต่ฉันทานยาลดไข้ไปแล้ว”
“นี่เป็นยาแก้หวัดครับ ยานี้จะทำให้คุณง่วง คุณจะได้นอนพักเต็มที่” จันทรภานุบอก ประกายดาวเงียบ “ถ้าคุณไม่ทาน ผมจะอุ้มคุณพาไปหาหมอเดี๋ยวนี้”
จันทรภานุขยับตัว ประกายดาวรีบพูด
“ทานแล้วค่ะ ทานแล้ว”
จันทรภานุยิ้มพอใจ ประกายดาวรับแก้วกับยามาถือแล้วก็กินยาเข้าไป ก่อนจะส่งแก้วให้จันทรภานุ
“ทีนี้ก็นอนได้แล้วนะครับ”
ประกายดาวล้มตัวลงนอน
“ผมจะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณจะหลับ”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันเกรงใจ”
จันทรภานุพูดต่อทันที “แต่ผมเต็มใจ”
ประกายดาวพูดไม่ออก จันทรภานุเดินถือแก้วออกไป ประกายดาวได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ประกายดาวที่นอนอยู่แอบลืมตามองจันทรภานุที่นั่งอ่านนิตยสารอยู่บนเก้าอี้ด้วยความรู้สึกประทับใจจนต้องยิ้มออกมา ทันใดนั้นจันทรภานุก็เงยหน้าขึ้นมา ประกายดาวรีบหลับตาทันที
จันทรภานุลุกเดินมาหาประกายดาวแล้วนั่งลงข้างเตียง เขายื่นมือมาจับหน้าผากประกายดาวเพื่อดูว่ามีไข้หรือเปล่า ประกายดาวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เหงื่อผุดเต็มใบหน้าจนจันทรภานุสังเกตเห็น
“ทำไมเหงื่อออกเยอะแบบนี้”
จันทรภานุหันไปดึงทิชชู่ที่วางบนโต๊ะข้างเตียงมาช่วยซับเหงื่อที่หน้าให้ประกายดาว ประกายดาวแทบจะเป็นลม แล้วจันทรภานุก็ลุกเดินไปนั่งเฝ้าประกายดาวต่อ ประกายดาวอมยิ้มทั้งๆที่หลับตา
พลกำลังโทรศัพท์ ในขณะที่พิมพ์ไทย ต้นอ้อ และเจ้านายอยู่ด้วย
พลพูดโทรศัพท์ “สวัสดีครับ” พลฟัง “ผมจะไปหาพ่อเดี๋ยวนี้”
พลวางสายแล้วหันมาทาง พิมพ์ไทย เจ้านาย และต้นอ้อ
“มีงานด่วนเข้ามา เฝ้าบ้านให้ดี”
พลรีบออกไป ต้นอ้อมองตามด้วยความสงสัย
ต้นอ้อเดินมานั่งบนเตียง พิมพ์ไทยกำลังทาเล็บ
“พ่อของพลเป็นใคร?” ต้นอ้อถาม
พิมพ์ไทยทาเล็บไปพูดไป “ไม่รู้สิ พิมกับเจ้านาย ไม่เคยเห็นหน้า แต่พี่พลเคยเล่าให้ฟังว่าเค้ารวยมาก ทำธุรกิจหลายอย่าง แถมยังเป็นคนที่มีอิทธิพลสุดๆ”
“แล้วใช่พ่อแท้ๆของพลมั๊ย” ต้นอ้อถามต่อ
“ไม่ใช่ เค้าเลี้ยงพี่พลมาตั้งแต่เด็ก เค้าให้พี่พลทำอะไร พี่พลก็ต้องทำทุกอย่าง โดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
“แล้วถ้าไม่ทำ?”
พิมพ์ไทยทำท่าปาดคอ “พิมเคยเห็นพี่พลขัดใจพ่อครั้งนึง พี่พลโดนอัดปางตาย น่าสงสาร”
พิมพ์ไทยพูดจบก็ก้มหน้าทาเล็บต่ออย่างไม่สนใจอะไร ต้นอ้อครุ่นคิด
ต้นอ้อกำลังคุยโทรศัพท์
“เท่าที่ฟังพิมพ์เล่า คนที่พลเรียกว่าพ่อน่าจะเป็นนายใหญ่ของขบวนการค้ายาบ้า”
อภิเชษฐ์นิ่วหน้าครุ่นคิด
“คุณต้องหาทางสืบให้ได้ว่าเค้าเป็นใคร?”
ต้นอ้อรับคำหนักแน่น “ค่ะ”
“งานนี้คุณต้องระวังให้มาก อย่าทำให้กระต่ายตื่นตูม ต้องวางแผนอย่างรอบคอบและรัดกุมมากที่สุด ผมเป็นห่วง”
ต้นอ้อยิ้มอย่างรู้สึกดี
อภิเชษฐ์พูดต่อ “ไม่อยากให้กรมตำรวจต้องเสียมือดีอย่างคุณ”
ต้นอ้อเซ็งสุดๆที่อภิเชษฐ์ไม่ได้ห่วงที่ตัวเธอ แต่เป็นห่วงงานมากกว่า
“ผู้กองไม่ต้องห่วง คนอย่างฉันไม่ตายง่ายๆหรอกค่ะ”
ต้นอ้อวางสายด้วยสีหน้าเศร้า
เช้าวันใหม่ สุรีย์กับนันทินีเดินเข้ามาในโรงแรม พนักงานทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหันมาไหว้สุรีย์กับนันทินี
“คุณชายจันทร์ต้องเซอร์ไพร์สแน่ๆเลยค่ะ ที่เห็นหม่อมแม่กับนันมาหาถึงที่นี่” นันทินีบอก
สุรีย์ยิ้มแล้วก็เดินไปพร้อมกับนันทินี
สุรีย์กับนันทินีเคาะประตูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก
สุรีย์กับนันทินีพูดพร้อมกัน “เซอร์ไพร์ส!”
แล้วสองคนก็ต้องหุบยิ้มกะทันหัน เพราะคนที่เปิดประตูคือนมพร นมพรชะงักที่เห็นสุรีย์กับนันทินีที่นี่
“หม่อม..! คุณนัน..!”
นมพรเดินนำหม่อมสุรีย์กับนันทินีเข้ามาในห้องสูทขนาดใหญ่ มีห้องรับแขกและห้องนอนที่แยกกัน
นมพรหยุดเดินหันมา “อีฉันไม่ทราบค่ะว่าคุณชายจันทร์ไปไหนแต่เช้า?”
สุรีย์กับนันทินีมองหน้ากันด้วยความสงสัย
จันทรภานุนั่งก้มหน้าสัปหงกอยู่ที่เก้าอี้ ไม่นานประกายดาวก็ตื่นขึ้นมา เธอตกใจที่เห็นจันทรภานุนั่งหลับอยู่
“นี่เค้าเฝ้าเราทั้งคืนเลยเหรอเนี่ย?”
ประกายดาวลุกขึ้นและเดินไปตรงหน้าจันทรภานุ
“คุณชายจันทร์คะ”
จันทรภานุไม่ตื่น ประกายดาวย่อตัวไปตรงหน้าจันทรภานุแล้วจับแขนเขา
“คุณชายจันทร์”
จันทรภานุเอนตัวลงมาหาประกายดาว ประกายดาวตกใจจึงรีบเอามือยันจันทรภานุเอาไว้แต่จันทรภานุตัวหนักมาก ประกายดาวจะยันไม่ไหวจึงพยายามเรียกจันทรภานุให้ตื่น
“คุณชายจันทร์..คุณชายตื่นซักที!!”
ประกายดาวรับน้ำหนักไม่ไหวจึงล้มหงายหลัง ทำให้จันทรภานุล้มตามมาด้วย
ประกายดาวร้องลั่น “อ๊าย!!”
จันทรภานุสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นประกายดาวตรงหน้าแต่รั้งตัวเองเอาไว้ไม่ทันจึงล้มทับประกายดาว ปากทั้งสองแตะกันเล็กๆ ทั้งคู่สะดุ้ง ประกายดาวตาโต จันทรภานุอึ้งมาก แล้วเขาก็รีบลุกขึ้นยืน ประกายดาวรีบลุกขึ้นยืนตาม จันทรภานุกับประกายดาวทำหน้าไม่ถูกเพราะเขินทั้งคู่
“ขอโทษนะครับคุณดาว” จันทรภานุบอก
ประกายดาวพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด “ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ” ประกายดาวรีบเปลี่ยนเรื่อง “นี่คุณชายจันทร์อยู่ในห้องฉันทั้งคืนเลยเหรอคะ”
จันทรภานุพยักหน้า “ผมเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ว่าแต่คุณดาวดีขึ้นมั๊ยครับ”
ประกายดาวจำไม่ได้ว่าตัวเองโกหก “อะไรดีเหรอคะ?”
จันทรภานุชะงัก “ก็อาการป่วยของคุณดาว”
ประกายดาวเพิ่งนึกได้ “อ๋อ..อาการป่วยของฉัน ดีขึ้นแล้วค่ะ หายสนิทเลยค่ะ”
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น จันทรภานุกับประกายดาวหันไปมอง
ประตูเปิดออกโดยประกายดาว แม่บ้านยืนยิ้มอยู่หน้าประตู
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ประกายดาวยิ้มให้ “ดิฉันเอาน้ำเปล่ามาให้”
ประกายดาวรับน้ำเปล่ามา “ขอบคุณค่ะ”
แม่บ้านกำลังจะออกไปแต่กลับเห็นจันทรภานุในห้องก็ถึงกับชะงัก แม่บ้านพยายามจะมองอีกครั้ง แต่ประกายดาวปิดประตูไปแล้ว
สุรีย์ นันทินี และนมพรเดินมาด้วยกัน
“ชายจันทร์ไปไหนของเค้า มือถือก็ไม่ได้เอาไป” สุรีย์ว่า
ระหว่างนั้นแม่บ้านก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหาพนักงานตรงเคาน์เตอร์
“นี่นี่...เมื่อกี๊ฉันเห็นคุณชายจันทร์อยู่ในห้อง 340 กับผู้หญิงคนหนึ่ง สงสัยจะเป็นกิ๊กใหม่ของคุณชาย”
สุรีย์ นันทินี และนมพรได้ยินก็หันขวับไปมอง แล้วสุรีย์ก็เดินจ้ำเข้าไปหาแม่บ้านกับพนักงานทันที
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”
แม่บ้านกับพนักงานหันมามองสุรีย์อย่างอึ้งๆ สุรีย์ทำหน้าตาเอาเรื่องมาก นันทินีไม่พอใจ ส่วนนมพรหน้าเสีย เพราะเป็นห่วงจันทรภานุขึ้นมาทันที
จันทรภานุหันไปทางประกายดาว
“คุณชายจันทร์กลับไปที่ห้องเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ”
“ผมขอพิสูจน์ก่อนนะครับ”
ประกายดาวนิ่วหน้า จันทรภานุยื่นมือมาแตะหน้าผากประกายดาวแล้วก็เอามือออกมา
“ไม่มีไข้” จันทรภานุบอก
ประกายดาวกับจันทรภานุยิ้มให้กัน แล้วประกายดาวก็เผลอมองปากอันอวบอิ่มสีชมพูของจันทรภานุ เธอมองจนจันทรภานุรู้สึกได้
“คุณดาวมองอะไรครับ?”
ประกายดาวสะดุ้งเฮือกแล้วยิ้มแหยๆ ออกมา แล้วเสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น ประกายดาวโล่งใจสุดๆ
“โทรศัพท์มาพอดี เดี๋ยวดาวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”
ประกายดาวรีบเดินไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล” ประกายดาวนิ่วหน้า “นมพร!”
ประกายดาวหันไปมองจันทรภานุ จันทรภานุหันไปมองประกายดาวด้วยความสงสัย
นมพรกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงเคาน์เตอร์
นมพรพูดเสียงเบา “รีบบอกคุณชายจันทร์ ให้ออกจากห้องคุณดาวตอนนี้เลยนะคะ เพราะหม่อมสุรีย์กับคุณนันกำลังขึ้นไปค่ะ”
ประกายดาวตกใจมาก
“ห๊ะ!! ได้ค่ะได้” ประกายดาววางสายแล้วหันไปทางจันทรภานุ “หม่อมแม่ของคุณชายกับคุณนัน กำลังมาที่ห้องฉัน”
จันทรภานุตกใจ “หม่อมแม่กับคุณนันมาทีนี่!!”
ประกายดาวพยักหน้า จันทรภานุหน้าแย่มาก
สุรีย์กับนันทินีเดินหน้าเอาเรื่องออกมาจากในลิฟต์
จันทรภานุค่อยๆโผล่หน้าออกมามองแล้วก็ตกใจเพราะเห็นสุรีย์กับนันทินีกำลังเดินมา จันทภานุรีบผลุบกลับเข้ามาในห้องแล้วหันไปทางประกายดาว
“ไม่ทันแล้ว ถ้าผมออกไป หม่อมแม่กับคุณนันเห็นผมแน่ แล้วคุณจะต้องเดือดร้อน”
ประกายดาวหน้าเสียแล้วก็นึกอะไรออก
“ฉันนึกออกแล้วค่ะ”
จันทรภานุมองประกายดาวด้วยความสงสัย ประกายดาวทำหน้าเจ้าเล่ห์
สุรีย์กับนันทินีเดินมาถึงหน้าห้องประกายดาว สุรีย์เคาะประตูดังปังปัง ไม่นานประกายดาวก็เปิดประตูแล้วทำเป็นประหลาดใจที่เห็นสุรีย์กับนันทินี
“อ้าว?” ประกายดาวยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะหม่อม” ประกายดาวหันไปทางนันทินี “สวัสดีค่ะคุณนัน แปลกใจจังเลยค่ะที่เจอหม่อมกับคุณนันที่นี่”
“มันไม่น่าแปลกใจ เพราะที่นี่เป็นโรงแรมของลูกชายฉัน เธอต่างหากที่แปลก ที่มาพักที่นี่” สุรีย์ว่า
“ใช่ บังเอิ๊ญบังเอิญเกินไปรึเปล่ายะ” นันทินีถาม
ประกายดาวยิ้มแต่ไม่ตอบโต้
“เรียกชายจันทร์ออกมาพบฉัน” สุรีย์บอก
“คุณชายจันทร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”
“ไม่จริง...มีคนเห็นคุณชายจันทร์ในห้องของเธอ” นันทินีว่า
“คนนั้นคงจะตาฝาด ฉันอยู่กับเพื่อนฉัน ไม่ใช่คุณชายจันทร์”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอเข้าไปดูในห้อง” สุรีย์บอก
ประกายดาวผายมือ “เชิญค่ะ”
สุรีย์กับนันทินีเดินเข้ามา ประกายดาวลุ้น ทันทีที่สุรีย์กับนันทินีเดินเข้ามาก็ตกใจเพราะเห็นจันทรภานุนอนใส่เสื้อคลุม สวมหมวกคลุมอาบน้ำ โดยมีมาร์คปิดหน้าทั้งหน้านอนอยู่บนเตียง
นันทินีเอ่ยถาม “นั่นตัวอะไร?”
จันทรภานุแอบสะดุ้งเล็กๆ
“เพื่อนฉันค่ะ กำลังมาร์คหน้า ไม่สามารถขยับตัวและพูดได้ ถ้าไงเชิญหม่อมกับคุณนันรีบๆดูและรีบออกไปดีกว่านะคะ” ประกายดาวบอก
สุรีย์กับนันทินีแยกย้ายกันหาจันทรภานุ นันทินีเดินเข้าไปหาในห้องน้ำ
“คุณชายจันทร์ขา”
สุรีย์เปิดตู้เสื้อผ้าแต่ก็ไม่พบจันทรภานุ นันทินีเปิดดูที่ระเบียง
“คุณชายจันทร์!”
สุรีย์กับนันทินีหันมาทางประกายดาวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เห็นแล้วนะคะว่าคุณชายจันทร์ไม่ได้อยู่ในห้องฉัน”
สุรีย์กับนันทินีพูดไม่ออก ทั้งสองพากันสะบัดหน้าเชิดใส่แล้วก็เดินออกไป ประกายดาวรีบตรงไปล็อคประตู แล้วก็หันมาทางจันทรภานุที่ยังนอนนิ่งบนเตียง ประกายดาวอมยิ้ม
“คุณชายจันทร์ คุณปลอดภัยแล้วค่ะ”
จันทรภานุลุกขึ้นนั่งแล้วเอาที่มาร์คหน้าออก ก่อนจะถอนหายใจโล่งอก ทั้งสองคนยิ้มให้กัน
ประกายดาวออกมาส่งจันทรภานุที่หน้าห้อง
“ขอบคุณมากนะคะที่ดูแลฉันทั้งคืน”
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้มั๊ย”
“จะให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณชายใช่มั๊ยคะ ได้เลยค่ะ”
“ไม่ใช่ครับ ผมอยากให้คุณดาวไปเป็นเพื่อนผม”
ประกายดาวนิ่วหน้า “ไปที่ไหนคะ”
“ไม่บอก” จันทรภานุว่า ประกายดาวผงะ “ถ้าไงอีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันที่ลอบบี้นะครับ”
จันทรภานุยิ้มแล้วก็เดินออกไป ประกายดาวมองตามด้วยความสงสัย
สุรีย์ นันทินี และนมพรนั่งอยู่ด้วยกันในร้านอาหาร
“คุณชายจันทร์ไม่ได้อยู่ในห้องคุณดาวเหรอคะ?” นมพรทำเป็นถาม
“ใช่..” สุรีย์บอก นมพรโล่งใจ “แม่บ้านคนนั้นคงจะตาฝาด ฉันล่ะอับอายขายขี้หน้าจริงๆ ป่านนี้แม่นั่นคงเอาฉันไปนินทาแล้ว”
ไม่นานจันทรภานุที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เดินออกมาหาสุรีย์ นันทินีและนมพร ทั้งสามคนหันไปเห็น จันทรภานุเดินแล้วเข้ามากอดสุรีย์เพื่อเอาใจ
“จะมาเชียงใหม่ ทำไมไม่โทรมาบอกผมล่ะครับหม่อมแม่ ผมจะได้ไปรับที่สนามบิน”
“แม่อยากทำเซอร์ไพร์ส แต่แม่กลับเซอร์ไพร์สซะเอง เพราะลูกชายตัวดีหายไป” สุรีย์ตัดพ้อ
จันทรภานุนั่งข้างๆ สุรีย์ “ผมออกไปวิ่งมาน่ะครับ”
นันทินีรีบเจ๋อทันที “อุ๊ยต๊ายตาย คุณชายจันทร์เหมือนนันเลยอ่ะค่ะ นันก็ชอบวิ่ง ถ้าไงวันพรุ่งนี้เราไปวิ่งกันนะคะ”
จันทรภานุไม่ตอบ นันทินีเหวอและถึงกับไปไม่ถูกจึงจำต้องดื่มกาแฟ
“เดี๋ยวแม่ หนูนัน นมพรจะไปซื้อผ้าไหม ลูกไปด้วยกันนะ” สุรีย์ชวน
“ผมไม่ว่างครับ มีธุระ” จันทรภานุบอก สุรีย์จะถามต่อ แต่จันทรภานุรีบตัดบท “ผมต้องไปแล้ว ไว้เจอกันตอนเย็นนะครับ”
จันทรภานุหอมแก้มสุรีย์ หอมแก้มนมพร แล้วหันไปมองนันทินีที่ยิ้มให้โดยหวังจะให้จันทรภานุหอมแก้ม แต่จันทรภานุแค่ยิ้มแล้วก็เดินออกไป นันทินีจ๋อยและเซ็งจนถอนหายใจ
นันทินีพูดกับสุรีย์และนมพร “นันขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
จันทรภานุเดินออกมาหาประกายดาวที่สะพายกระเป๋ากล้องมาด้วย
“ผมช่วยถือครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เถอะครับ”
ประกายดาวเอากระเป๋ากล้องส่งให้จันทรภานุ จันทรภานุรับมาสะพาย แล้วทั้งสองคนก็เดินไปที่รถที่จอดด้านหน้าประตูทางเข้าลอบบี้
นันทนีเดินมาเห็นจันทรภานุกับประกายดาวก็ผงะแล้วหยุดมอง จันทรภานุเปิดประตูให้ประกายดาว ประกายดาวเข้าไปนั่งในรถ จันทรภานุเอากระเป๋าเก็บที่นั่งเบาะหลังแล้วเดินไปขึ้นทางฝั่งคนขับก่อนจะขับรถออกไป
นันทินียืนกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น
“เนี่ยเหรอธุระของคุณชาย?!”
จันทรภานุขับรถ ประกายดาวนั่งข้างๆ รถจันทรภานุแล่นออกไปนอกโรงแรม รถแท็กซี่สนามบินที่พงศ์จันทรนั่งอยู่แล่นสวนเข้ามา
สุรีย์มองหน้านันทินีด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง
“หนูนันเห็นชายจันทร์ออกไปกับยัยประกายดาว?”
สุรีย์หันไปทางนมพร
“เค้าแอบนัดมาเจอกันที่นี่ใช่มั๊ยนมพร” สุรีย์ถาม
“อีฉันไม่ทราบค่ะ เพราะไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร” นมพรบอก
“นี่นมพรหาว่าฉันยุ่งเหรอ?”
“มิได้ค่ะ นมไม่ได้ว่า ที่นมพูดหมายถึงนิสัยของนมเองค่ะ” นมพรรีบตัดบท “อุ๊ย นึกได้ว่ายังไม่ได้ทานยาลดความดัน นมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ”
นมพรรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปพลางส่ายหัวเอือมๆ นันทินีหันมาพูดกับสุรีย์
“นันคงหมดหวังแล้วล่ะค่ะหม่อมแม่ ชาตินี้คงไม่ได้แต่งงานกับคุณชายจันทร์ นันขอโทษนะคะที่นันไม่สามารถเป็นลูกสะใภ้ของหม่อมแม่ได้” นันทินีทำเสียงเศร้า
“หนูนันอย่าเพิ่งท้อสิลูก มันต้องมีวิธีที่จะแยกสองคนนั้นออกจากกัน”
สุรีย์กับนันทินีมองหน้ากันอย่างเห็นด้วย
พงศ์จันทรยิ้มหล่อขณะรับคีย์การ์ดมาจากพนักงานพร้อมส่งตาหวานให้ พนักงานเอียงอาย
“จะให้ดิฉันพาไปที่ห้องเลยมั๊ยคะ” พนักงานถาม
“ยังครับ ผมอยากเดินเล่นแถวนี้ก่อน ถ้าไงรบกวนเอากระเป๋าของผมไปไว้บนห้องเลยก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
พงศ์จันทรเดินมายืนที่ริมกระจกเพื่อดูวิวก่อนจะหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปแล้วยิ้มมุมปาก แล้วเขาก็ส่ง What app ไปหาคุณหญิงนิ่ม
หญิงนิ่มส่งของให้ลูกค้า
“ขอบคุณค่ะ”
ลูกค้ารับของแล้วเดินออกไป เสียง What app ดังขึ้น หญิงนิ่มหยิบมือถือมากดเปิดก็เห็นรูปที่พงศ์จันทรส่งมา
“นายปลาไหลส่งรูปอะไรมา”
หญิงนิ่มกดขยายก็เห็นเป็นรูปวิว
“ส่งรูปวิวมาทำไม?” หญิงนิ่มคิด “ทำไมคุ้นๆ”
ไม่นานพงศ์จันทรก็ส่งรูปมาให้อีก คราวนี้เป็นรูปลอบบี้โรงแรม หญิงนิ่มยังเห็นไม่ชัดจึงกดเปิดดูแล้วก็ตกใจมาก
“โรงแรมพี่ชายจันทร์?”
หญิงนิ่มทั้งอึ้งทั้งโมโห
จบตอนที่ 6