นางร้ายสายลับ ตอนที่ 14
สุรีกานต์นึกถึงอดีต...ตอนนั้นเธอนิ่วหน้าเริ่มเจ็บเท้าเพราะรองเท้ากัดแต่ก็เกรงใจไม่กล้าบอกกวิน ทนเดินทั้งๆที่เจ็บเท้า พยายามทำสีหน้ายิ้มแย้มและเดินปกติไม่ให้กวินเห็น...เธอนึกถึงคำพูดของแม่อีก
“ผิดกับรองเท้าบางคู่ ที่แม้ว่ามันอาจจะไม่สวย หรู ดูดี อะไรมากมาย แต่พอเราใส่แล้วกลับทำให้สามารถไปไหนก็ได้ในทุกๆ ที่ที่อยากไป รองเท้าคู่นั้นก็จะเป็นคู่ที่วิเศษสุดสำหรับเรา”
สุรีกานนต์นึกถึงตอนที่นฤเบศนั่งยองๆ วางรองเท้าแตะหูคีบยางลงตรงหน้าเธอ
“ถอดรองเท้าส้นสูงของคุณออกแล้วใส่นี่ซะ”
สุรีกานต์อึ้งไปกับน้ำใจของเขามองรองเท้าส้นสูงสลับกับรองเท้าแตะอย่างคิดไม่ตก...สุริกานต์กลับมานึกถึงคำพูดของแม่อีกครั้ง
“ความรักกับชีวิตคู่ก็เป็นแบบเดียวกัน เราจะเลือกใครมาเดินเคียงข้าง ก็ให้คิดเหมือนตอนที่เลือกรองเท้ามาใส่ จะได้เดินไปด้วยกันจนสุดปลายทาง”
สุรีกานต์ถอนหายใจออกมา บ่นแบบหมั่นไส้
“ป่านนี้คงจะสวีทอยู่กับคุณหนูเบเกอร์รี่เพลินไปแล้วสินะ นายสารวัตรรองเท้าแตะ”
นฤเบศโยนอาหารลงไปในโถปลากัดที่เลี้ยงไว้อย่างเซ็งๆ ใจลอยครุ่นคิดถึงสุรีกานต์นึกถึงช่วงเวลาที่เขากับเธออยู่ด้วยกัน แล้วนฤเบศก็รู้สึกตัว ตื่นจากภวังค์ รีบส่ายหัวไล่ภาพความทรงจำเหล่านั้นทิ้งไป
“เราเป็นอะไรไปเนี่ย สงสัยจะเพี้ยนไปแล้ว”
วันใหม่...เนธานถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินรีบร้อนลงบันไดมา อุษณะเดินตามลงมาติดๆ
“หยุดนะเนธาน นายไปจะไปไหน”
“คุณก็เห็นข่าวโซ่แล้วนี่ ยัยนั่นกลายเป็นผู้หญิงของพ่อค้ายาเสพติดไปแล้ว คงไม่มีปัญญากลับมาเล่นงานเราเรื่องคลิปนั่นได้แล้วล่ะ เพราะฉะนั้น ผมก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก”
อุษณะคว้าแขนไว้
“แล้วถ้าฉันบอกว่ายังไม่อยากให้นายไปล่ะ”
เนธานแสยะยิ้ม
“คุณก็รู้ว่าสำหรับผม แบบไหนที่เรียกว่าเต็มใจ แบบไหนที่เรียกว่ากล้ำกลืนฝืนทน ระหว่างเรา มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เชื่อผมสิ”
เนธานสลัดมือเดินต่อ อุษณะเดินตามไปยืนดักหน้าเอาไว้
“แต่เราเคยรักกันไม่ใช่เหรอ”
เนธานเหลืออด ที่อุษณะยังไม่เลิกเซ้าซี้เสียที
“เคยรักกันเหรอ ฉันไม่เคยรักแก แล้วฉันก็ไม่มีวันรักคนอย่างแกด้วย ทุกอย่างที่ฉันทำต้องฝืนใจทำไป ก็แค่ต้องการเงิน ต้องการโอกาสจากแกเท่านั้น ทีนี้เข้าใจเหรอยัง”
อุษณะถึงกับหน้าชา รู้สึกผิดหวังอย่างแรง เนธานรีบเดินออกไป อุษณะเจ็บแค้น
“ไอ้คนเนรคุณ คนอย่างมึงมันเลี้ยงไม่เชื่อง ดี แล้วกูจะทำให้มึงไม่มีที่ยืนในวงการนี้อีกเลย คอยดู”
อุษณะยิ้มร้าย เพราะเมื่อคืนนี้ ขณะที่เนธานนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง อุษณะนั่งพิงหัวเตียงแอบกดดูมือถือของเนธานเห็นคลิปของเนธานกับแก้วดาราที่ถ่ายเก็บเอาไว้ เขากดส่งคลิปเข้าเบอร์ตัวเองทันที...อุษณะคิดได้อย่างนั้นก็กดเบอร์โทรหาใครคนหนึ่ง
“ส่งคลิปเด็ดไปให้แล้วนะ จัดการด้วยล่ะ”
อุษณะยิ้มร้ายวางสาย แต่แล้วก็ต้องตกใจมาก เมื่อเห็นคนใช้เดินนำตำรวจสามนายเข้ามา
“ขอเชิญคุณอุษณะไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“เราสงสัยว่าคุณอาจจะมีส่วนพัวพัน กับคดียาค้ายาเสพติดของมิสเตอร์ริชาร์ด”
อุษณะหน้าซีด
“ผมไม่เคยรู้จักกับมิสตงมิสเตอร์ริชาร์ดอะไร คุณพูดเรื่องอะไร มีหลักฐานอะไร”
ตำรวจยื่นหนังสือสัญญาที่อุษณะเซนต์เป็นผู้ร่วมหุ้นกับริชาร์ดให้ดู อุษณะหน้าซีดพูดอะไรไม่ออก
ในฉากสุดท้ายของละครตะวันสีรุ้ง กวินกับแก้วดารายืนกอดกันอย่างแนบแน่น เสียงอายอดสั่งคัทดังขึ้น ทีมงานทั้งกองร้องเฮกันลั่น กับฉากสุดท้าย ในวันปิดกล้องละคร
“ขอบใจมากนะกวิน เพิ่งเจอเรื่องร้ายๆ มาแท้ๆ ยังมีสปีริตมาช่วยงานอาจนจบ”
“ไม่เป็นไรครับอา มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
แก้วดาราแทรกขึ้น
“ไม่เหมือนนักแสดงบางคนนะคะ ทิ้งงานทิ้งการจนต้องแก้บทใหม่ ป่วนกันไปทั้งกองถ่าย มิหนำซ้ำยังไปสร้างวีรกรรมไว้ซะอื้อฉาวไปทั้งประเทศ”
กวินกับอายอดได้แต่มองหน้ากันอย่างปลงๆ กับนิสัยของแก้วดารา กวินหันมาบอกอายอด
“ไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
กวินยกมือไหวลาอายอด แล้วรีบเดินไป แก้วดารารีบวิ่งแจ้นตามกวินไปทันที อายอดหันมาพูดกับวุ้นกรอบพายไก่
“สืบรู้กันแล้วใช่มั้ยว่าตอนนี้ยัยโซ่ไปอยู่ที่ไหน”
วุ้นกรอบพายไก่พยักหน้า อย่างมั่นใจ พายไก่ยิ้มโล่ง
“โชคดีที่คุณวินกระซิบบอก”
วุ้นกรอบยิ้มแย้มบอก
“พวกเราเราจะรีบไปตามนางร้ายเบอร์หนึ่งของเรากลับมาค่ะอายอด”
กวินเดินไปที่รถ แก้วดาราวิ่งตามมาควงแขน
“ละครปิดกล้องแล้ว รู้สึกใจหายจังเลยนะคะพี่วิน เพราะพี่โซ่แท้ๆ เลย เป็นดารามีชื่อเสียงอยู่ดีๆ ไม่ชอบ กลับเอาตัวเองไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดจนเกิดเรื่อง”
กวินไม่พอใจ
“ตราบใดที่ความจริงยังไม่ปรากฏ พี่ว่าน้องแก้วอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใครเพราะรูปถ่ายเพียงใบเดียวดีกว่านะครับ”
“แต่แก้วว่ารูปแค่ใบเดียวก็น่าจะเพียงพอที่จะเป็นหลักฐานมัดตัวไม่ให้ใครหน้าไหนกล้าปฏิเสธความชั่วของตัวเองได้แล้วนะคะ”
“ของแบบนี้ ต้องเจอกับตัวบ้างสินะครับ ถึงจะทำให้รู้สึกได้ถึงคำว่าใจเขาใจเรา”
กวินรีบเดินหนี แก้วดาราแทบกรี๊ด ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้กับตน เกี๊ยวกุ้งวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาแก้วดารา
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะน้องแก้วขา”
แก้วดาราหงุดหงิด อารมณ์เสีย
“มีอะไรอีกล่ะคะพี่เกี๊ยว หน้าตาตื่นเต้นมาเชียวเมายาคุมมาหรือเปล่า”
เกี๊ยวกุ้งฉุน
“แค่นี้มากพอที่จะมาหาเธอถึงนี่หรือเปล่า”
เกี๊ยวกุ้งรีบยื่นหนังสือพิมพ์ให้แก้วดาราดูภาพข่าวคลิปหลุดของแก้วดารากับเนธานที่ถูกพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง แก้วดาราเห็นข่าวตัวเองแล้ว ถึงกับตกใจจนตาค้าง
“เห็นอย่างนี้แล้วก็เลิกแอ๊บซะที ที่ฉันมานี่ก็จะบอกว่าฉันขอเลิกดูแลเธอณ บัดนาว พอกันที อ้อ ไม่มีฉันอยู่ก็เก็บหางตัวเองดีๆอย่าให้มันโผล่ออกมาอีกละกัน”
เกี๊ยวกุ้งสะบัดก้นใส่ แก้วดาราช็อคอ้าปากค้าง
เสียงออดดังลั่นขึ้น เนธานงัวเงีย ไปเปิดประตู แก้วดาราพุ่งตัวเข้ามาทุบตี ไม่ยั้งมือ
“ไอ้สารเลว แกทำลายชีวิตฉัน ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันเจ็บนะ เป็นบ้าไปแล้วเหรอไง”
“อย่ามาตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ แกแอบถ่ายคลิปฉันไว้ เพื่อจะทำลายฉันใช่มั้ย ไอ้เนธาน ทำไมแกถึงเลวแบบนี้”
เนธานงงๆ
“คลิป คลิปอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง”
แก้วดาราเอาหนังสือพิมพ์ออกมาจากกระเป๋าปาใส่หน้าเนธาน
“แกก็แหกตาดูสิ”
แก้วดาราฟุบตัวลงนั่งร้องไห้ เนธานดูข่าวในหนังสือพิมพ์ เห็นข่าวคลิปหลุดของตัวเองกับแก้วดาราแล้วก็ตกใจมากแค้นมาก
“ไอ้อุษณะ”
อัศวิน ปรีติ ประเสริฐ กำลังวุ่นกับการตระเตรียมเอกสารต่างๆ สำหรับงานแถลงข่าว นฤเบศกับจ่ายมยืนคุยกอยู่มุมหนึ่ง
“เรื่องที่ผมสั่งเป็นยังไงบ้าง”
“ส่งถึงผู้รับเรียบร้อยแล้วครับสารวัตร” จ่ายมบอก
พลอยนิลนั่งอยู่ที่โซฟา เปิดดูซองที่ส่งมา พบเมมโมรี่การ์ดอันหนึ่งถูกส่งมาจึงรีบเอาไปเสียบดูกับไอแพด พลอยนิลตกใจจนตาค้าง เมื่อเห็นภาพอุษณะกับเนธานที่กอดก่ายกันอยู่บนเตียง พลอยนิลนึกถึงอดีตที่ขอร้องให้สุรีกานต์ไปขโมยรูปจากเนธาน
“นิล ฉันถามจริงๆ ตกลงแกให้ฉันไปเอารูปใคร”
พลอยนิลอึกอัก
“ก็...ก็รูปฉันไง ฉันบอกแกไปแล้วนี่”
สุรีกานต์บอกเสียงเย็นชา
“เอาเป็นว่า ฉันจะพยายามเชื่อแกก็แล้วกันนะนิล”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่สุริกานต์พยายามบอก พลอยนิลนั่งเสียใจ ผิดหวัง
“ฉันน่าจะเชื่อแกตั้งแต่แรกโซ่ ฉันมันโง่เอง”
เสียงจากทีวีที่เปิดทิ้งไว้ดังขึ้น พลอยนิลหันดูเห็นเป็นการรายงานข่าวของแก้วดารากับเนธาน
“จากกรณีคลิปอื้อฉาวของเนธานกับแก้วดารา ทำให้ตอนนี้สองนักแสดงดาวรุ่งต้องเก็บตัวเงียบ เพราะถูกสถานีต้นสังกัดสั่งพักงานยาวอย่างไม่มีกำหนด”
หน้าจอเป็นภาพเนธานสวมแว่นดำ หน้าบึ้ง ถูกกลุ่มนักข่าวรุ่มล้อมสัมภาษณ์ และภาพแก้วดาราสวมแว่นตาดำ ก้มหน้า ก้มตา ร้องห่มร้องไห้ อับอาย ถูกนักข่าววิ่งตาม แสงแฟลชรัวสาดใส่หน้าแก้วดาราแบบไม่ยั้ง
เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น พลอยนิลเดินไปเปิดประตู เห็นเนธานยืนหน้าเศร้าอยู่ตรงนั้น
“นิล ผมขอโทษ”
เนธานโผเข้ากอดพลอยนิล
“ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะ”
พลอยนิลนิ่งอึ้ง
“ขอโทษเหรอ กลับไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกต่อไปแล้ว”
เนธานตะลึง
“นิล”
“ฉันยอมรับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันรักคุณมาก แต่ในวันนี้ฉันรู้แล้วว่ามันหมดเวลาแล้วที่ฉันจะรักคนอย่างคุณอีกต่อไป สิ่งที่คุณทำกับฉันวันนี้ มันทำให้ฉันคิดได้ว่าควรกลับมารักตัวเองเสียที”
เนธานจับมือ
“ไม่นะนิล ให้โอกาสผมได้มั้ย ผมขอร้อง เราต้องไม่เลิกกัน ผมไม่ยอม”
พลอยนิล สลัดมือ น้ำเสียงเด็ดขาด
“ปล่อย...แล้วก็ออกไปจากชีวิตของฉันได้แล้ว ไป”
เนธานอึ้ง สัมผัสได้ว่าพลอยนิลพูดจริง
สุรีกานต์เดินเล่นมาตามริมหาดอย่างเหงาๆ ทันใดนั้นเสียง วุ้นกรอบกับพายไก่ดังขึ้น
“เจ๊”
สุรีกานต์หันไปมองด้านหลังของตัวเอง เห็นวุ้นกรอบกับพายไก่ที่ยืนอยู่ ถือกระเป๋าเดินทางมาคนละใบ
“เซอร์ไพรซ์”
สุรีกานต์มองทั้งสองคนอย่างแปลกใจ
สุรีกานต์ วุ้นกรอบ พายไก่ เดินคุยกันมาตามชายหาด
“ในที่สุดกรรมเวรก็สนอง นังแก้วนรกที่มันจงใจกลั่นแกล้งเจ๊มาตลอดเข้าจนได้” วุ้นกรอบบอกอย่างสะใจ
“อย่าไปซ้ำเติมคนที่เขากำลังล้มเลยน่า บาปกรรม เจอเข้าแบบนี้คงได้เรียนรู้อะไรบ้างล่ะ”
วุ้นกรอบนึกได้
“จริงสิ แล้วสรุปเจ๊ไปยุ่งกับไอ้คดียานรกนั่นได้ยังไงเนี่ย”
พายไก่มองหน้าสุรีกานต์อึ้งๆ
“อย่าบอกนะว่าเจ๊เสียรู้ไปคบกับไอ้พ่อค้ายานั่นอยู่จริงๆ”
สุรีกานต์เซ็ง
“พวกแกสองคนเชื่อมั้ยว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างในข่าว”
วุ้นกรอบกับพายไก่พยักหน้า พร้อมหันทันที
“งั้นก็อย่าเพิ่งถามอะไรฉันตอนนี้เลยนะ”
ในห้องแถลงข่าว นฤเบศในชุดตำรวจ มีทีมเดอะซันยืนเป็นแบ็คกราวด์อยู่ด้านหลัง บนโต๊ะมีลูกกอล์ฟของกลาง วางอยู่ บางส่วนผ่าให้เห็นยาเสพติด CN1 ที่ถูกเก็บบรรจุไว้ด้านใน
“หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามจับตาดูพฤติกรรมของขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งมีนายริชาร์ด เป็นหัวหน้าขบวนการมาเป็นเวลานานล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้บุกจับกุมและทลายเครือข่ายแก๊งค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ได้เป็นผลสำเร็จ”
ที่บ้านสุรีกานต์ ทุกคนกำลังกำลังดูข่าวผ่านหน้าจอทีวี วุ้นกรอบกับพายไก่ตกใจมาก
“เบ็ตตี้”
ทั้งสองหันไปมามองสุรีกานต์ทันที ทุกคนในครอบครัวสุรีกานต์ก็ตกใจมากที่เห็นเบ็ตตี้เป็นตำรวจ หันมองหน้าสุรีกานต์ด้วยความแปลกใจ สุรีกานต์มองสบตานฤเบศผ่านหน้าจอทีวี
“สุดท้าย การปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีไม่ได้ หากทางตำรวจไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนสำคัญอีกคนหนึ่ง” นฤเบศนิ่งไป ก่อนพูดต่อ “และคนๆ นั่นก็คือ คุณสุรีกานต์ อภิเดชดำรง สายลับสาวคนเก่งของเราครับ”
นักข่าวในห้องแถลงฮือฮากันใหญ่
“เจ๊”
วุ้นกรอบกับพายไก่หันมองสุรีกานต์อย่างตกตะลึง ทุกคนในครอบครัวมองสุรีกานต์มองอย่างประหลาดใจ ไม่อยากเชื่อว่าสุรีกานต์จะไปเป็นสายลับ
อ่านต่อหน้าที่ 2
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 14 (ต่อ)
นฤเบศพูดผ่านกล้องโทรทัศน์ สบตาสุรีกานต์ที่นั่งใจเต้นมองอยู่อย่างตั้งใจ
“ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา ทางเราได้ติดต่อคุณสุรีกานต์ให้เข้ามาช่วยเป็นสายลับให้กับทีม ซึ่งเธอก็เต็มใจและทุ่มเทอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะต้องเสี่ยงอันตรายแค่ไหนก็ตาม เธอเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าไป ตีสนิทกับนายริชาร์ดจนสามารถนำไปสู่การสืบหาหลักฐานและจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ในที่สุด”
นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น
“แสดงว่าตลอดเวลาที่มีข่าวในแง่ลบของคุณสุรีกานต์ นั่นเป็นเพราะคุณสุรีกานต์อยู่ในระหว่างปฏิบัติงานให้กับทางราชการใช่มั้ยครับ”
“ใช่ครับ”
“เพราะอะไรสารวัตร ถึงเลือกคุณสุรีกานต์มาทำงานล่ะคะ”
สุรีกานต์ที่มองอย่างลุ้นๆ รอฟังคำตอบ...นฤเบศแววตาจริงจัง พูดอย่างจริงใจ
“เพราะโชคชะตามั้งครับ ที่ทำให้เธอได้มาเป็นสายลับของผม”
นฤเบศสบตาผ่านหน้าจอทีวีมา สุรีกานต์แอบน้ำตาซึม ยิ้มอย่างดีใจ เสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้าน ทุกคนต่างหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจว่าเป็นใครมา
สุรีกานต์เดินไปหยุดยืนตรงหน้าพลอยนิล ที่ยื่นรออยู่บริเวณชายหาด
“ฉันมาขอโทษแก สำหรับเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา…ฉันผิดเองที่ปล่อยให้ความรักโง่ๆ มันบังตา จนมองข้ามความหวังดีจากเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันอย่างแกไป ฉันอยากบอกว่าต่อจากนี้ไป ถึงแม้ว่ามิตรภาพของเราจะไม่เหมือนเดิม แต่ฉันก็ดีใจนะที่ครั้งนึงเราเคยเป็นเพื่อนรักกัน ฉันอยากจะมาบอกแกแค่นี้แหละ”
พลอยนิลจะเดินกลับ สุรีกานต์เรียกไว้
“เดี๋ยวนิล ฉันไม่ยอมให้ความเป็นเพื่อนของเรามันมันจบลงง่ายๆ แบบนี้หรอก วันนี้แกผิดฉันก็จะให้อภัย วันไหนที่ฉันผิดบ้าง แกก็อย่าลืมให้อภัยฉันด้วยก็แล้วกัน”
พลอยนิลยิ้มดีใจ ตื้นตัน
“หมายความว่าแกยอมยกโทษให้ฉันแล้วใช่มั้ยโซ่”
สุรีกานต์ยิ้มอ่อนโยน
“เพื่อนรักไม่ได้หากันง่ายๆเหมือนเปลือกหอยที่เกลื่อนชายหาดนี่”
สุรีกานต์ยิ้มพยักหน้า พลอยนิลโผเข้ากอดสุรีกานต์ด้วยความดีใจ
“ขอบใจนะโซ่ ขอบใจ”
สองสาวกอดกันแน่นอบอุ่น ด้วยมิตรภาพที่สร้างกันมาเนิ่นนาน
พลอยนิลเดินมาที่รถที่จอดอยู่ริมถนน ใกล้ชายหาด พี่บียืนรออยู่
“เรากลับกันเถอะค่ะ”
“ปรับความเข้าใจกับโซ่ได้แล้วใช่มั้ยคะน้องนิล”
“ค่ะ แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่านิลเกือบจะเสียเพื่อนดีๆ อย่างโซ่ไป เพราะความโง่ของตัวเองแท้ๆ”
พี่บีปลอบ
“คนเราผิดพลาดกันได้ค่ะน้องนิล สำคัญที่ว่าเมื่อเรารู้ตัวว่าผิด แล้วคิดจะปรับปรุงตัวเองรึเปล่า”
“นิลอยากปรับปรุงตัวเองค่ะพี่บี”
พี่บียิ้มดีใจ
“เอาเลยค่ะน้องนิล พี่บีเป็นกำลังใจให้น้องนิลเต็มที่เลย”
“ขอบคุณมากนะคะที่อยู่เคียงข้างนิลมาตลอด ขอบคุณที่ทนนิลได้ทุกเรื่อง ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
พี่บียิ้มปลื้มใจที่เห็นพลอยนิลคิดได้ พลอยนิลยิ้มอย่างซึ้งใจในความรักความห่วงใยอย่างจริงใจของพี่บี
“ไปเดินเล่นตลาดกันหน่อยมั้ยพี่บี”
“ไปสิ”
พลอยนิลหันหลังกลับมาไม่ทันเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินสวนมาพอดี ทั้งคู่เลยชนเข้า
“อุ้ย โทษค่ะ”
ชายหนุ่มชะงักในความสวยของพลอยนิล พลอยนิลปิ๊งแรกพบในตัวชายหนุ่ม
“โทษครับ เป็นอะไรมั้ยครับ”
พลอยนิลแปลกใจชายหนุ่มที่ไม่รู้จักเธอ
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”
“คุณ….”
พลอยนิลยิ้มให้
“พลอยนิลค่ะ”
คนเริ่มมามุงดูพลอยนิล ชายหนุ่มงงเหรอหราที่วัยรุ่นเข้ามาขอลายเซ็น
“ผมกายครับ พอดีผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศน่ะครับ เอ่อนี้ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่า”
พลอยนิลหัวเราะขำ ชายหนุ่มยิ้มเขินๆ ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างปิ๊งแรกพบ
สุรีกานต์เดินยิ้มมีความสุขเข้าบ้านมา วุ้นกรอบกับพายไก่ก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“ปรับความเข้าใจกับเพื่อนรักได้แล้วใช่มั้ยเจ๊ งั้นมาฟังข่าวดีจากพวกฉันต่อเลย” วุ้นกรอบบอกอย่างตื่นเต้น
สุรีกานต์งง
“ข่าวดีอะไรของพวกแก”
“เจ๊ต้องรีบกลับไปเตรียมตัวลงละครเรื่องใหม่ พี่ติ๋มเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้นี่เองช่องอนุมัติแล้วด้วย” พายไก่บอกอย่างดีใจ
สุรีกานต์นิ่งไปนิด
“มาคิดดูแล้ว ฉันว่าฉันอาจจะหันหลังให้วงการแล้วล่ะ อยากกลับมาใช้ชีวิตเรียบๆง่ายๆ อยู่อย่างสงบ อาจทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าการกลับไปใช้ชีวิตแบบที่ผ่านมาก็ได้”
วุ้นกรอบหน้าตื่น
“ไม่ได้นะเจ๊ นักแสดงคุณภาพ ทำงานด้วยหัวใจ ไม่สร้างกระแสอย่างเจ๊จะมาหันหลังให้กับวงการได้ยังไงกัน”
พายไก่เสริม
“ใช่ ยังไงนางร้ายเบอร์หนึ่ง ก็จะต้องกลับไปเฉิดฉายในวงการอีกครั้งนะเจ๊”
สุรีกานต์หันไปมองหน้าทุกคนในครอบครัวอย่างตัดสินใจ กสิณมองหน้าลูกสาว
“กลับไปทำงานที่ตัวเองรักเถอะลูก ความฝันของลูกอยู่ที่นั่นไม่ใช่เหรอ”
สายทิพย์ยิ้มแย้มให้กำลังใจ
“ทุกคนที่บ้านจะคอยเป็นกำลังใจให้โซ่เสมอนะลูก”
สุรีกานต์ยิ้มดีใจ ทุกคนในครอบครัวพยักหน้าให้กำลังใจสุรีกานต์ วุ้นกรอบกับพายไก่จับมือกันร้องเย้ดีใจ แล้ววุ้นกรอบก็นึกได้
“จริงสิ เกือบลืมไป คืนพรุ่งนี้เจ๊ต้องรีบกลับไปรับรางวัลพิเศษด้วยนะ”
สุรีกานต์แปลกใจ
“รางวัลพิเศษ”
ค่ำนั้น ห้องจัดงานประกาศรางวัลมีพิธีกรชายหญิงดำเนินรายการอยู่บนเวที
“และผู้ที่ได้รางวัล ดาราต้นแบบความดี ในค่ำคืนนี้คือ...”
“คุณสุรีกานต์ อภิเดชดำรงค่ะ”
สุรีกานต์ในชุดราตรีสวยหรูเดินขึ้นไปรับรางวัลบนเวที เสียงปรบมือดังสนั่นไปทั้งงาน พลอยนิล กวิน และดาราอื่นๆ ทีมาร่วมงานปรบมือแสดงความยินดี
“จากนางร้ายยอดนิยม สู่ฮีโร่สาวขวัญใจมหาชน เรียกว่ารางวัลนี้เหมาะสมกับเธอจริงๆ ครับ”
สุรีกานต์ยืนอยู่หน้าโพเดียมบนเวที หยิบรางวัลขึ้นมา ยิ้มอย่างภูมิใจ
“ขอบคุณสำหรับรางวัลพิเศษในค่ำคืนนี้นะคะ ก่อนอื่นถ้าโซ่ได้รับรางวัลนี้จากการเป็นสายลับ ไม่ใช่ในฐานะนักแสดง สิ่งแรกที่โซ่อยากจะขอบคุณคือโอกาสที่ทำให้ประชาชนตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างโซ่ ได้มีส่วนช่วยเหลืองานของตำรวจ โดยการได้ปกป้องคนอีกมากมายจากยาเสพติด การได้เข้าไปทำงานตรงนี้ทำให้โซ่รู้ว่าทุกคนล้วนหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่างนักแสดงมีหน้าที่แสดงละครเพื่อความบันเทิง ก็ต้องแสดงให้สุดฝีมือเพื่อความสุขของผู้ชมทุกคน ตำรวจ มีหน้าที่จับผู้ร้ายก็ต้องทำหน้าที่ตรงนี้อย่างสุดความสามารถ เพราะตำรวจคือที่พึ่งของประชาชน สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าโซ่ขอมอบรางวัลนี้ให้กับทุกคน ทุกอาชีพที่กำลังทำงานเพื่อประเทศชาติของเราอยู่นะคะ คุณคือฮีโร่ของทุกคนค่ะ”
ทุกคนในห้องจัดงานลุกขึ้นปรบมือให้กับสุรีกานต์อย่างชื่นชม นฤเบศแฝงตัวยืนมองสุรีกานต์อยู่มุมหนึ่งอย่างชื่นชม
สุรีกานต์ถือรางวัลยิ้มอย่างภูมิใจ ยืนสัมภาษณ์ตรงแบ็คดร็อปของงาน
“จากบทบาทการเป็นสายลับในชีวิตจริง ทำให้คุณโซ่ได้รับบทบาทเป็นสายลับในละครเรื่องใหม่ คุณโซ่รู้สึกยังไงบ้างครับ”
“ก็ดีใจค่ะ ถึงในละคร โซ่จะได้เป็นสายลับฝ่ายอธรรม แต่ยังไงก็ฝากติดตามผลงานของโซ่ด้วยนะคะ”
นฤเบศยืนมองสุรีกานต์อยู่มุมหนึ่ง รอจังหวะที่จะเข้าไปหา แต่เห็นกวินเดินถือช่องดอกไม้เข้าไปหาสุรีกานต์เสียก่อน เขาถึงกับหน้าจ๋อย นักข่าวฮือฮารีบยิงคำถามสัมภาษณ์กันใหญ่
“ได้ยินว่าคุณโซ่กับคุณกวิน คบหาดูใจกันอยู่เงียบๆ จริงรึเปล่าคะ”
“แล้วงานนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัวในฐานะคู่รักคู่ใหม่เลยใช่มั้ยคะ”
นฤเบศหน้าแห้ง หันหลังดินหลบออกไปด้วยความผิดหวัง...สุรีกานต์กับกวินยิ้มแย้มกับนักข่าว
“ผมขอเคลียร์ตรงนี้เลยก็แล้วกันว่า เราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นครับ”
สุรีกานต์ยืนยันอีกแรง
“ใช่แล้วค่ะ โซ่กับคุณวินเราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ รับรองว่า โซ่ สุรีกานต์ พูดจริง ตอบจริง ไม่มีแอ๊บค่ะ”
สุรีกานต์กับกวินเดินคุยกันมาตามทางเดิน
“ทำไมคุณโซ่ไม่บอกนักข่าวไปล่ะครับว่ามีตัวจริงอยู่แล้ว จะได้เลิกจับคู่ให้เราซะที”
“โซ่เนี่ยนะคะ มีที่ไหนกัน”
กวินขำๆ
“ก็สารวัตรนฤเบศไงครับ”
“โซ่กับเขาไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย คุณวินเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ”
“แต่ผมคิดว่าผมเข้าใจไม่ผิดนะ”
สุรีกานต์ชะงัก
“คุณวิน”
“ถ้าคุณโซ่กำลังมีความรัก ผมว่าคุณโซ่ลองดูกับมันสักตั้งสิครับ”
“แล้วถ้าคนที่เรา เอ่อ รัก เขามีคนที่เขารักอยู่แล้วล่ะคะ”
“เขาบอกคุณโซ่แบบนั้นเหรอครับ”
สุรีกานต์ครุ่นคิดตามคำพูดของกวิน
วันใหม่...นฤเบศกับแพรไหมเดินคุยกันมาในสวน
“คุณพ่อบอกว่าพี่เบศตอบตกลงเรื่องจะไปดูงานที่ต่างประเทศ”
“ใช่”
“ตั้งสองปีเชียวนะคะ แล้วพี่เบศไม่ห่วงคนทางนี้บ้างเหรอ”
อ่านต่อหน้าที่ 3
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 14 (ต่อ)
“คนตัวคนเดียวอย่างพี่ ไม่เห็นมีใครต้องห่วงนี่”
“แล้วคุณโซ่ล่ะคะ”
“เขาก็มีคุณกวินอยู่แล้วนี่ อย่าดึงพี่เข้าไปเกี่ยวเลย”
“แต่ไหมว่าคุณโซ่ไม่ได้ชอบคุณวิน”
“ไหมรู้ได้ไงว่าพวกเขาไม่ได้รักกัน”
“คุณวินบอกไหมค่ะ”
นฤเบศชะงัก
“พี่ไม่เข้าใจ”
“เข้าใจเถอะค่ะว่าคุณโซ่ไม่ได้รักคุณวินจริงๆ แล้วคุณวินก็ไม่ได้คิดอะไรกับคุณโซ่แล้วด้วย นอกจากคำว่าเพื่อน ไหมต้องกลับแล้วล่ะค่ะพี่เบศนัดกับคุณพ่อไว้”
นฤเบศเดินมาส่งแพรไหมที่รถ
“ยังไงก็คิดดูดีๆ นะคะพี่เบศ ไหมอยากเห็นพี่เบศมีความสุข”
นฤเบศยิ้มให้
“ขอบใจนะ พี่ก็อยากเห็นไหมมีความสุขเหมือนกันนะ”
แพรไหมยิ้มรับ
“แล้วไหมจะมีความสุขให้มากๆค่ะ” แพรไหมหันไปสะดุดตากระถางต้นแอบรัก “งั้นขอต้นไม้สวยๆ ไปเพิ่มความสุขให้กับลูกค้าในร้านก่อนก็แล้วกันนะคะ”
แพรไหมหยิบกระถางหนึ่งขึ้นมา
“ไหมชอบต้นแอบรักเหรอ”
“ชื่อต้นแอบรักซะด้วย งั้นไหมเอาต้นนี้แหละ”
แพรไหมกับนฤเบศยิ้มให้กันอย่างมีความสุข สุรีกานต์ยืนมองนฤเบศกับแพรไหมอยู่ที่มุมไกลๆในสวน แล้วนึกถึงคำพูดของเธอกับเขาในอดีต
“เวลาคุณมีความรัก คนรอบข้างจะรู้ได้ยังไงเหรอ”
“ผมชอบให้ต้นไม้กับคนที่ผมรัก …”
สุรีกานต์มองอย่างปวดใจ
นฤเบศเดินเข้ามาในห้อง ตกใจมากเมื่อเห็นสุรีกานต์มานั่งรออยู่
“เฮ้ย คุณมานี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตกใจหมด แล้วทำไม…”
สุรีกานต์หน้าตึง
“ฉันมาทันเห็นฉากรักอันแสนหวานของคุณกับน้องไหมเข้าพอดีนะสิ แต่ทนดูต่อไม่ได้ กลัวจะสำลักความหวานตายซะก่อน ก็เลยเข้ามารอในนี้น่ะ”
นฤเบศอมยิ้ม
“ทนดูไม่ได้ เพราะหึงผมเหรอ”
“คุณไม่ได้เป็นแฟนฉัน แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นแฟนคุณซะหน่อย ทำไมฉันต้องหึงคุณด้วย”
สุรีกานต์มองสภาพบ้าน ที่จัดเก็บของเหมือนเตรียมย้ายออกไป
“แล้วนี่คุณเก็บของจะไปไหน หรือว่าจะย้ายบ้าน”
“ผมกำลังจะไปดูงานต่างประเทศ”
สุรีกานต์ตกใจ
“อะไรนะ แล้วทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ถ้าวันนี้ฉันไม่มาเห็นกับตา คุณก็คงไม่คิดจะบอกฉันเลยใช่มั้ย”
“มันไม่ใช่อย่างนั้น พอดีผมกำลังจะ…”
“หยุด พอ ไม่ต้องพูดอะไรอีก ในเมื่อคุณไม่เห็นฉันว่าฉันสำคัญกับคุณเลย ฉันก็จะไม่สนใจคุณแล้วเหมือนกัน ฉันจะไม่ขอเห็นหน้าคุณอีก”
สุรีกานต์เสียใจรีบเดินออกไปไม่ให้นฤเบศเห็นน้ำตา นฤเบศรีบวิ่งตาม แต่กลับสะดุดเจกันที่วางเกะกะจนล้ม เท้าเหยียบแจกันแตกเศษแจกันบาดเลือดไหล
“โอ๊ย อะไรเนี่ย ไม่คิดจะหยุดฟังกันก่อนเหรอไง”
วันต่อมา...สุรีกานต์ใส่ชุดแต่งงานกำลังถ่ายแบบกับนายแบบหุ่นล่ำในชุดเจ้าบ่าว วุ้นกรอบกับพายไก่ยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่งของกองถ่าย
“ดูเจ๊สิ ขนาดกำลังเศร้า ยังโพสท่ากับนายแบบกล้ามใหญ่ขวัญใจฉันได้แบบมืออาชีพสุดๆ ฉันล่ะนับถือจริงๆ เลย” วุ้นกรอบชื่นชม
“นั่นน่ะสิ พูดไปก็สงสารเจ๊เนอะ ทำไมเบ็ตตี้ถึงไม่มาง้อเจ๊ก็ไม่รู้ ขนาดจะไปแล้วแท้ๆ ยังไม่มีกะใจจะบอกลาสักคำ ฉันเป็นเจ๊ฉันก็จะโกรธเหมือนกัน “
“พูดแล้วก็น่าโมโหจริงๆ เลย อย่าให้เจออีกก็แล้วกันนะ สารวัตรเบ็ตตี้เนี่ย ฉันจะรวบรัดมาเป็นสามี แก้แค้นให้เจ๊ให้ได้เลยคอยดู”
“นี่แกแก้แค้นให้เจ๊ตรงไหนเนี่ย ทำแบบนี้คนที่ได้กับได้ มันแกชัดๆ เลยนะ”
ทีมงานส่งเสียงขึ้น
“เสร็จแล้วครับ ขอบคุณมาก”
สุรีกานต์เดินออกมาจากฉาก ตรงมาหาวุ้นกรอบพายไก่ วุ้นกรอบรีบชวน
“เสร็จงานแล้ว เราไปช็อปปิ้ง เติมความสุขให้ชีวิตดีมั้ยเจ๊ จะได้หายเครียด”
พายไก่เห็นด้วย
“ใช่ เดี๋ยววันนี้วุ้นมันบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเองด้วย”
สุรีกานต์ยังไม่ทันได้ตอบ เสียงมือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นเบอร์จ่ายมโทรมาก็มองอย่างแปลกใจ
“ฮัลโหล” สุรีกานต์ตกใจมาก “อะไรนะจ่า”
สุรีกานต์รีบวิ่งออกไปจากกองถ่ายทั้งชุดแต่งงาน วุ้นกรอบกับพายไก่ยืนเหวอ ทีมงานต่างหันมองว่าเกิดอะไรขึ้น
สุรีกานต์ขับรถมาอย่างร้อนใจ คร่ำครวญเสียงสะอื้น
“สารวัตรบ้า ห้ามเป็นอะไรไปนะ ฉันไม่ยอมให้คุณทิ้งฉันไปแบบนี้หรอก”
ในตอนนั้นมีรถคันหนึ่งขับมาปาดหน้า สุรีกานต์ตกใจ ตาโต ร้องกรี๊ด เท้าเหยียบเบรกมิด
“โอ๊ย ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้เนี่ย คนยิ่งรีบๆ อยู่ด้วย”
นฤเบศลงจากรถ เดินหน้านิ่งมาเคาะกระจกรถฝั่งคนขับที่เธอนั่งอึ้งอยู่
“นี่คุณ ลงมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลย…ทำผิดแล้วคิดจะชิ่งเหรอไง”
สุรีกานต์จ้องหน้านฤเบศอย่างโมโห รีบลงจากรถไปเอาเรื่องทันที
“ไหนจ่ายมบอกว่าคุณรถคว่ำ อาการสาหัสอยู่โรงพยาบาล แล้วนี่หมายความว่าไง คุณร่วมมือกับลูกน้องคุณมาหลอกฉันงั้นเหรอ เอาเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่นแบบนี้ ฉันไม่สนุกด้วยหรอกนะ”
สุรีกานต์โมโหมาก จะเดินกลับไปที่รถ นฤเบศรีบรั้งแขนไว้
“ขอโทษ ผมก็แค่อยากพิสูจน์อะไรหน่อยก็เท่านั้นเอง”
“พิสูจน์อะไรของคุณ”
“ก็พิสูจน์ว่าถ้าผมกำลังจะตาย แล้วคุณจะรู้สึกยังไง”
“ตอนนี้คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าฉันรู้สึกยังไง งั้นฉันคงไปได้แล้วสินะ”
สุรีกานต์จะเดินหนี นฤเบศรีบรั้งแขนไว้อีก
“เลิกงอนได้แล้วน่าคุณ ผมกำลังจะไปแล้วนะ อยากให้ทุกอย่างมันจบแบบนี้เหรอ”
“ยังไงคุณก็กำลังจะไปอยู่แล้ว ถ้ามันจะจบแบบนี้ ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่”
“แต่ภารกิจสุดท้าย ยังไงก็ต้องมีคุณนะ”
สุรีกานต์ชะงัก
“ภารกิจสุดท้ายเหรอ”
“กลับมาช่วยงานทีมเดอะซันอีกครั้งได้มั้ย”
สุรีกานต์ทำฟอร์ม
“แล้วทำไมฉันต้องช่วยคุณด้วย”
“เพราะถ้าไม่ใช่คุณ ภารกิจครั้งนี้ ก็ไม่มีทางสำเร็จน่ะสิ”
“ทีนี้ รู้แล้วสินะว่าสายลับเนปจูน สำคัญกับทีมเดอะซันมากแค่ไหน”
“พูดแบบนี้หมายความว่าคุณตกลงแล้วใช่มั้ย”
“เอาเป็นว่าฉันช่วยคุณก็ได้ ถือเป็นของขวัญสุดท้ายก่อนที่เราจะไม่ได้เจอกันอีก”
สุรีกานต์พูดจบก็เดินเชิ่ดๆเริ่ดๆ ไปขึ้นรถสตาร์ทเครื่อง แล้วมองไปที่นฤเบศด้วยความน้อยใจพึมพำคนเดียว
“อีตาบ้า แค่จะนัดออกมาขอให้ช่วยงานแค่นี้เนี่ยนะ ฮึ่ย”
สุรีกานต์ขับรถออกไปอย่างมีโมโห นฤเบศมองตามแล้วยิ้มออกมาอย่างมีแผน
ค่ำนั้น...กวินกับแพรไหมนั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารหรู โซน out door บรรยากาศโรแมนติก
“ขอบคุณมากนะครับ ที่อุตส่าห์มากินข้าวเป็นเพื่อนผม”
“คุณวินเป็นเจ้ามือทั้งทีไหมจะพลาดได้ไงล่ะคะ”
กวินยิ้ม แหงนหน้าดูดาวบนท้องฟ้า
“คืนนี้ดาวสวยดีนะครับ”
แพรไหมมองตาม
“ค่ะ แต่เอ คืนนี้คุณวินดูดาว เพราะเหตุผลอะไรเหรอคะ”
กวินยิ้ม
“สงสัยกำลังมีความรักมั้งครับ แล้วคุณไหมล่ะครับ”
แพรไหมเขิน
“ไม่รู้สิคะ อาจจะเป็นเหตุผลเดียวกับคุณวินก็ได้ ไหมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
กวินยื่นมือไปกุมมือแพรไหม
“งั้นรอให้แน่ใจก่อน แล้วค่อยตอบผมก็ได้ครับ”
กวินกับแพรไหมยิ้ม สบตากัน
วันใหม่...บรรยากาศงานปาร์ตี้ ที่คึกคัก สุรีกานต์ เดินเข้ามาในงาน เสียงนฤเบศผ่านหูฟังสายลับดังขึ้น
“เป้าหมายของเราแฝงตัวอยู่ในงานปาร์ตี้ นัดบอดคนโสด สิ่งที่เราต้องรู้ให้ได้คือเขานัดเจอกับใครในงานนี้”
สุรีกานต์สอดส่ายสายตามองหาว่านฤเบศอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่เห็น ติดต่อทางหูฟังสายลับ
“ฉันถึงงานแล้ว ตอนนี้คุณอยู่ไหน”
“ผมเห็นคุณแล้ว คุณเดินตรงเข้ามา จะเห็นผู้ชายใส่สูทสีดำยืนอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม”
สุรีกานต์ทำตามที่เขาบอก เธอเห็นผู้ชายในชุดสูทสีดำยืนหันหลังอยู่ตรงบาร์เครื่องดื่ม
“ฉันเห็นแล้ว”
“นั่นแหละเป้าหมายของเรา”
“แล้วไงต่อ”
“สะกดรอยตามเขาไป”
สุรีกานต์แหวกคนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ ชายชุดดำแต่แล้วชายคนนั้นก็เดินออกไปจากตรงนั้น คนที่เดินผ่านไปมาคอยบังสายตา จนทำให้สุรีกานต์แทบสะกดรอยตามไปไม่ทัน
“ผู้ชายคนนั้นเดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
นฤเบศกำลังเดิน ฉีกยิ้มเท่ห์ๆ
“คุณก็รีบตามไปสิ เดี๋ยวไม่ทันหรอก”
สุรีกานต์รีบเดินตามชายชุดดำออกไปจากห้องจัดงานปาร์ตี้
ทีมเดอะซันนั่งฟังที่นฤเบศกับสุรีกานต์ คุยออกอากาศกันในรถ
“มีผมอยู่ทั้งคนคุณไม่ต้องกลัวหรอกน่า”
“แต่ฉัน …”
จู่ๆ สัญญาณเสียงก็หายไป ทุกคนที่กำลังลุ้นเซ็งกันใหญ่ อัศวินถามปรีติ
“เกิดอะไรขึ้นหมวด ทำไม จู่ๆ สัญญาณก็หายไปล่ะ”
จ่ายมสงสัย
“นั่นน่ะสิ กำลังถึงตอนสำคัญพอดีเลยนะเนี่ย”
ปรีติเช็คๆ ดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“หูฟังถูกปิดสัญญาณรวม เหลือไว้แค่สองช่องสื่อสารระหว่างสารวัตรกับคุณโซ่”
ประเสริฐตัดบท
“งั้นเราก็แยกย้ายกลับไปทำงานต่อกันเถอะครับ”
จ่ายมเซ็งๆ
“แบบนี้ก็อดฟังสารวัตรสารภาพรักคุณโซ่เลยน่ะสิ”
“ใครบอก ปัญหาจิ๊บๆ แค่นี้หมวดปรีติซะอย่าง จัดการได้อยู่แล้ว”
ทุกคนกันมายิ้มหน้าตาเจ้าเล่ห์ ปรีติรีบจัดการทำโน่นนี่จนเสียงของนฤเบศกับสุรีกานต์ดังออกอากาศได้อีกครั้งทุกคนเฮ
สุรีกานต์สะกดลอยตามชายชุดดำไปจนถึงทางเดินในสวนสาธารณะ มีรถจอดอยู่คันหนึ่ง ชายชุดดำหยุดเดิน ทำท่าจะหันมา สุรีกานต์รีบทำเป็นหันหลังไม่รู้ไม่ชี้
“คุณ หมอนั่นต้องเห็นฉันแล้วแน่ๆ เลย”
ชายชุดดำหันหน้ามาเป็น นฤเบศยืนยิ้มขำๆ
“หันกลับไปจำหน้าเป้าหมายเอาไว้ แล้วจำให้แม่นๆ ด้วยล่ะ”
“แล้วถ้าเป้าหมายของคุณจับได้ว่าฉันตามเขามาล่ะ”
“เถอะน่า ทุกอย่างอยู่ในสายตาผม คุณปลอดภัยแน่ รีบหันไปสิ”
สุรีกานต์ ค่อยๆ หันกลับไป แล้วก็ตกใจเมื่อเห็นว่าชายชุดดำคนนั้นกลายเป็นนฤเบศที่ยืนยิ้มอยู่
“Mission Complete”
“ทำบ้าอะไรเนี่ย นี่เหรอภารกิจสุดท้ายของคุณ”
สุรีกานต์โมโหมาก ตั้งท่าจะเดินไป นฤเบศรีบคว้าแขนเอาไว้
“ผมขอโทษ คิดว่าคุณจะเซอร์ไพรซ์ซะอีก”
“เซอร์ไพรซ์บ้าอะไรล่ะ ฉันไม่กระโดดบีบคอคุณก็บุญแล้ว ปล่อย”
“เอาน่าคุณ หายโกรธผมได้แล้ว แล้วก็ตอบผมมาด้วยว่าคุณจะไปกับผมได้มั้ย”
สุรีกานต์ชะงัก
“พูดเรื่องอะไร แล้วจะให้ฉันไปไหนกับคุณ”
“ก็ที่ผมจะไปดูงานที่ต่างประเทศไง ตามกฎแล้วผมสามารถพาภรรยาหรือสายลับคู่หูไปได้หนึ่งคน แล้วผมก็อยากให้คุณไปกับผมด้วย”
สุรีกานต์เขินจัด แต่ยังวางฟอร์ม
“แล้วคุณจะให้ฉันไปกับคุณในฐานะอะไรไม่ทราบ”
“สายลับคู่หู”
สุรีกานต์ถลึงตาทันที นฤเบศรีบพูดต่อเอาใจ
“ที่เป็นภรรยาด้วยไง ถ้าคุณจะเมตตา”
สุรีกานต์กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ นฤเบศยิ้มตาม
“มาดูนี่สิ”
นฤเบศจูงมือสุรีกานต์ไปดูที่ท้ายรถของเขา ซึ่งมีกระถางต้นแอบรักวางอยู่เต็มรถ สุรีกานต์เบิกตากว้าง หันมองเขาที่ยืนยิ้มอบอุ่นอยู่ข้างๆ
“พวกมันเป็นของคุณทั้งหมด แล้วก็เป็นของคุณคนเดียว”
สุรีกานต์ดีใจจนพูดไม่ออก นฤเบศยิ้ม ทั้งคู่สบตากัน
“ตกลงว่าไง คุณจะไปกับผมมั้ย”
สุรีกานต์พยักหน้า ยิ้มอย่างดีใจ
“แล้วต้นแอบรักพวกนี้ล่ะ คุณจะดูแลมันได้หรือเปล่า”
“ได้สิ ก็มันเป็นของฉันแล้วนี่ …รวมทั้งตัวคุณด้วย”
นฤเบศยิ้มอย่างดีใจสุดๆ ดึงสุรีกานต์เข้าไปกอดไว้อย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์