นางร้ายสายลับ ตอนที่ 7
นฤเบศกำลังดื่มน้ำอยู่หน้าตู้เย็น สุรีกานต์เดินมาถึงก็เอากระเป๋าฟาดป๊าบกลางหลัง นฤเบศสำลักน้ำทันที
“โอ๊ย แค่กๆ ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”
“คุณต่างหากทำบ้าอะไร พูดแขวะฉันอยู่ได้”
“อะไร ใครแขวะคุณ ผมแค่เตือนคุณเฉยๆ คุณมันตัวปัญหานี่”
“ไอ้...”
นฤเบศจ้องหน้า
“อะไรๆ พูดให้ดีๆนะ อย่าลืมว่าตอนนี้ชีวิตคุณอยู่ในกำมือผม”
“ฮึ้ย”
สุรีกานต์เดินหนีไปอย่างโมโห นฤเบศหัวเราะไล่หลัง
“อ้าว...แล้วนั่นจะกลับแล้วหรือคุณ”
“เปล่า ฉันมีธุระต่อ”
“อย่ากลับดึกล่ะ พรุ่งนี้มีภารกิจนะ”
“รู้แล้วน่า...แล้วก็รู้ไว้ด้วยนะ คนอย่างโซ่ สุรีกานต์ไม่เคยมีประวัติเบี้ยวงานใคร”
สุรีกานต์สะบัดหน้าใส่แล้วเดินเชิดหน้าออกไป นฤเบศส่ายหัวเอือมๆ หันไปเก็บแก้วแล้วหันมาอีกทีก็พบว่าสุรีย์กานต์ยืนหน้านิ่งอยู่
“เฮ้ย อะไรของคุณเนี่ย เมื่อกี้เดินไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ฉันนัดวุ้นกรอบกับพายไก่ไว้”
“แล้วมาบอกผมทำไม”
“ไปส่งหน่อย ลืมไปว่าเมื่อเช้ามากับคุณ”
สุรีกานต์ปั้นหน้าตาย ไม่แสดงออกว่าเสียหน้า นฤเบศได้แต่อมยิ้มขำ
กวินยืนส่งทีมงานทั้ง 3 คน แล้วเดินมาหาแพรไหมที่เคาน์เตอร์ เธอส่งยิ้มให้เขา
“ขอบคุณคุณไหมมากเลยนะครับ สำหรับความสะดวกในวันนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไหมยินดี ดีซะอีกได้คุณกวินช่วยโปรโมทร้านให้ หนังสือวางแผงเมื่อไหร่ อย่าลืมบอกนะคะ ไหมจะไปซื้อมาเก็บไว้”
กวินหัวเราะ
“คุณไหมเตรียมตัวรอรับโทรศัพท์ได้เลยครับ ร้านสวยแถมขนมอร่อยขนาดนี้ เดี๋ยวพอหนังสือวางแผงแล้ว ต้องมีคนติดต่อขอมาสัมภาษณ์แน่ๆ”
“แต่ไหมว่าคนอ่านคงจะมองแต่หน้าคุณกวิน หรือไม่ก็กรี๊ดกับบทสัมภาษณ์จนลืมดูร้านไหมไปเลยมากกว่าค่ะ ยิ่งมีบทสัมภาษณ์เรื่องของหัวใจด้วย” แพรไหมยิ้มแซวๆ
กวินเขินๆ
“คุณไหมได้ยินด้วยเหรอครับ”
“ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะคะ...ว่าแต่อยากรู้จังเลยค่ะว่าใครจะเป็นหญิงสาวผู้โชคดีคนนั้นของคุณกวิน”
“คุณไหมอย่าแซวสิครับ ผมเขิน”
แพรไหมหัวเราะ
“เอาเป็นว่า ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาไหมได้นะคะ ถึงไหมไม่ใช่กูรูด้านความรัก แต่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ไหมยินดีเป็นที่ปรึกษาฟรี แถมมีเค้กให้ทานด้วยนะคะ” แพรไหมยิ้มทะเล้นๆ
“ขอบคุณครับคุณไหม งั้นต่อไปนี้ผมคงต้องหาเรื่องมาปรึกษาคุณไหมบ่อยๆซะแล้วสิ”
กวินกับแพรไหมหัวเราะและยิ้มให้กันอย่างจริงใจ
นฤเบศเข้ามาในสำนักงานตำรวจเดินไปทางห้องท่านรองมานพ เคาะประตูจนได้รับเสียงอนุญาติแล้วจึงเปิดเข้าไป มังกรยืนแอบฟังยืนอยู่ มุมหนึ่ง
มังกรโยนกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย องอาจที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ฟุตบอลอยู่สะดุ้งโหยง ท่าทางกล้าๆกลัวๆ
“เอ่อ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับสารวัตร”
“มี...องอาจ ไปสืบมาให้ได้ว่าไอ้ทีมเดอะซันมันกำลังทำคดีอะไรกันอยู่ เมื่อกี้ฉันเห็นไอ้นฤเบศมาหาท่านรอง มันต้องเข้ามาคุยเรื่องคดีของมันแน่”
“แล้วสารวัตรจะให้ผมไปสืบยังไงล่ะครับ”
“ไม่รู้ นั่นมันเรื่องของนาย ฉันไม่ยอมให้มันทำคดีสำเร็จได้หน้าไปง่ายๆแน่ ยิ่งมันทำผลงานดี เข้าตาท่านรอง แพรไหมก็จะยิ่งชอบมันเข้าไปอีก…นายไปหาทางสืบมาให้ได้ ฉันต้องการรู้ด่วนที่สุด เข้าใจมั้ย”
“ครับสารวัตร”
มังกรเครียดแค้น
“ฮึ่ม กูไม่ยอมให้มึงสมหวังทั้งเรื่องงานเรื่องรักหรอกไอ้นฤเบศ”
รองมานพยืนหันหน้าออกไปทางหน้าต่างห้องทำงาน หน้าตาเคร่งเครียด
“เกลือเป็นหนอนงั้นเรอะ”
“ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้นครับ เพราะตอนแรกผมได้รับรายงานว่าเรือสินค้าของ ริชาร์ดถูกกักไว้ที่ด่านศุลกากร แต่พอผมสั่งให้ลูกน้องไปตรวจสอบปรากฏว่าเรือหลุดจากด่านไปแล้วครับ ผมสงสัยว่างานนี้มีคนอยู่เบื้องหลังแน่ๆ”
รองมานพสบตาจริงจัง
“คุณพอจะเดาออกมั้ยว่าเป็นใคร”
“ผมยังไม่มีหลักฐานเพียงพอครับท่าน”
“อืม ยังไงก็ระวังไว้ด้วยละกัน แล้วสายลับสาวของคุณเป็นไงบ้าง”
“ก็พอใช้ได้ครับ ฉลาด เรียนรู้เร็ว แต่ดื้อแล้วก็อวดเก่งไปหน่อยครับ”
รองมานพถามยิ้มๆ
“แล้วคุณเอาอยู่มั้ยล่ะ”
นฤเบศนิ่งคิด ยิ้มน้อยๆ
“พอไหวครับ”
สุรีกานต์ วุ้นกรอบ พายไก่ นั่งอยู่ในร้านอาหาร สุรีกานต์กับพายไก่นั่งทานอาหารกันอยู่ แต่วุ้นกรอบนั่งเท้าค้างจ้องหน้าสุรีกานต์นิ่ง
“ไหนบ่นว่าหิว นั่งจ้องหน้าฉันแล้วมันจะอิ่มมั้ยห๊ะ ยัยวุ้น”
“วุ้นจะอิ่มแน่เจ๊ ถ้าเจ๊ยอมบอกมาว่าเมื่อคืนเจ๊ไปนอนที่ไหนมา”
สุรีกานต์ที่เคี้ยวข้าวอยู่สำลักค่อกแค่กกับคำถามตรงๆของวุ้นกรอบ พายไก่รีบดึงทิชชู่ออกมายื่นให้
“ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันนอนที่คอนโด แกนี่ก็เซ้าซี้อยู่ได้”
“แต่ตอนคุยโทรศัพท์เจ๊บอกว่าไม่ได้อยู่คอนโด”
สุรีกานต์อึกอัก
“ก็...ก็ตอนนั้นฉันลงมาซื้อของข้างล่าง”
“แต่เจ๊บอกว่าเจ๊กำลังดูซีรี่ย์เกาหลีอยู่ เสียงผู้ชายที่วุ้นได้ยินอ่ะเจ๊บอกว่าเสียงในทีวี”
“ก็...ฉันยืนดูอยู่ในร้าน…ไง เจ้าของร้านเขาเปิดดูอยู่”
“แล้วทำไมเจ๊ต้องตัดสายวุ้นด้วยล่ะ”
สุรีกานต์ชักฉุน
“เอ๊ะ...ยัยวุ้น แกจะอะไรกับฉันหนักหนาห๊ะ เกาะติดชีวิตฉันยิ่งกว่าเรียลลิตี้ 24 ชั่วโมงอีก แล้วทีเมื่อคืนฉันโทรไปทำไม่ว่าง มัวแต่กกผู้ชาย พึ่งไม่ได้จริงๆ”
พายไก่เบ้หน้าใส่วุ้นกรอบ
“แหมเจ๊...เจ๊ก็น่าจะรู้ว่าอย่างมันเนี่ยผู้ชายสำคัญที่สุด นานๆทีจะตกถึงท้องสักคน มันคงไม่ปล่อยให้หลุดมือกะอีแค่เจ๊กลัวผีนอนคนเดียวไม่ได้หรอก”
สุรีกานต์ค้อน
“ย่ะ แกก็เหมือนกันยัยพาย ฉันโทรหาแล้วปิดเครื่องนะ”
พายไก่ยิ้มแหยๆ
“แหะๆ ลืมไปว่าแบตมันหมด เลยไม่ได้ชาร์จอ่ะเจ๊”
สุรีกานต์โมโห
“พวกแกนี่พึ่งไม่ได้เลยสักคน ฉันเลยต้อง…” สุรีกานต์ชะงัก
วุ้นกรอบมองอย่างจับผิด
“ต้องอะไรเจ๊”
“ต้อง…นอนกลัวผีคนเดียวไงล่ะ”
สุรีกานต์พยายามทำหน้าเฉย วุ้นกรอบมองอย่างสงสัย สุรีกานต์หลบตาหันไปกินข้าวต่อ แต่ดันเหลือบไปเห็นเนธานกับแก้วดาราควงกันออกจากร้านไปพอดี เธอนั่งจ้องคิ้วขมวดมุ่นจนวุ้นกรอบหันไปมองตาม
“เอ๊ะ ยัยแก้วมังกรนี่”
วุ้นกรอบยืดตัวมองผ่านกระจกร้าน เห็นด้านข้างแก้วดาราและด้านหลังเนธานเดินไปที่ลานจอดรถ แก้วดาราควงแขน เอียงซบไหล่ ยิ้มหวาน คลอเคลียกันไม่ห่าง วุ้นกรอบหมั่นไส้
“แหม ถึงใส่แว่นอันเท่ากระด้งก็อย่าคิดว่าคนเขาจะโง่จำไม่ได้ แล้วควงมากับใครน่ะ ออดอ้อนออเซาะล่อปาปารัซซี่ขนาดนี้ ขอเห็นหน้าผู้ชายหน่อยเถอะ”
เนธานหันหน้ากลับมา พายไก่ตาโต
“เฮ้ย นั่นมัน….ชีเล็งคุณกวินไว้ไม่ใช่เหรอ”
วุ้นกรอบเบ้หน้า
“นังดาวรุ่งผีพุ่งไต้นี่มันพุ่งชนไม่เลือกย่ะ ใครติดมือมาแม่นี่คงคว้าไว้หมด สะสมไว้เป็นคอลเล็กชั่นส่วนตัว จะได้มีกระแสอยู่ตลอดเวลา”
วุ้นกรอบกับพายไก่เม้าท์เรื่องแก้วดารา ลืมประเด็นของสุรีกานต์ไปทันที สุรีกานต์มองตามแก้วดาราและเนธานไป ในใจก็นึกเป็นห่วงพลอยนิล
แก้วดาราพาเนธานมาที่คอนโดของเธอ พอเธอปิดประตูห้อง เนธานก็เริ่มกอดหอมซุกไซ้ แต่เสียงโทรศัพท์แก้วดาราดังขึ้นก่อน
“เดี๋ยวค่ะ สงสัยพี่เกี๊ยวโทรมาเรื่องงาน ขอแก้วรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”
เนธานขัดใจนิดหน่อย แต่ก็ยอมผละออกไปไปนั่งที่โซฟา ส่วนแก้วดาราเดินไปคุยโทรศัพท์ในห้องนอน เนธานเปิดทีวีดูเซ็งๆ แต่สกู๊ปข่าวบันเทิงที่แซวเรื่องดาราชายคนหนึ่งมีภาพหลุดเป็นเกย์ก็ทำให้เนธานหน้าซีด แก้วดาราที่คุยโทรศัพท์เสร็จเดินออกมาพอดี
“ธานคะ...ธาน”
“ครับ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะแก้วเห็นนั่งนิ่ง” เธอหันไปมองข่าวในจอ “อ๊ะ เป็นเกย์จริงๆเหรอเนี่ย อี๋...แล้วมาทำสร้างภาพจีบผู้หญิงอีก น่ารังเกียจ แหวะ”
เนธานหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“คลิปหลุดขนาดนี้สงสัยละครเรื่องหน้าคงถูกปลดจากบทพระเอกแน่ๆ จริงมั้ยคะธาน…” แก้วดาราเห็นเนธานนั่งนิ่ง “ธานคะ...ธาน”
“ครับ...แก้วว่าไงนะครับ”
“ธานเป็นอะไรคะ ทำไมหน้าซีดจัง”
“เปล่าครับ คือ ผม เครียดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะครับ”
“งั้น…แก้วช่วยคลายเครียดให้มั้ยคะ”
แก้วดาราเอามือลูบไล้เนธาน ส่งสายตายั่วยวนแล้วเดินไปทางห้องนอน เนธานยิ้มกริ่มรีบเดินตามไปทันที
เนธานนอนหลับอยู่บนเตียง มีแก้วดารานั่งพิงหัวเตียงมองยิ้มๆกึ่งสมเพช พลางนึกถึงพลอยนิล แก้วดาราหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง แล้วหันกลับไปนอนเบียดๆซุกๆเนธานที่นอนอยู่ เธอถ่ายรูปเนธานที่นอนโดยจงใจให้ติดรูปตัวเองเพียงแค่เสี้ยวๆหน้า เห็นไม่ชัดว่าเป็นใคร แก้วดารามองรูปในโทรศัพท์แล้วยิ้มร้าย
พลอยนิลเดินช็อปปิ้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าอารมณ์ดีอยู่กับพี่บี เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พลอยนิลเปิด MMS เห็นรูปที่แก้วดาราส่งมาให้แล้วตาค้าง โทรศัพท์หล่นจากมือทันที พี่บีรีบเก็บโทรศัพท์ขึ้นไปดู พอเห็นรูปก็ตกใจรีบสั่งพลอยนิลที่เตรียมจะกรี๊ดทันที
“หยุด ที่นี่ห้างนะคะน้องนิล ไม่ใช่บ้านหรือกองละคร”
พลอยนิลกวาดตามองรอบๆ เห็นคนเดินผ่านไปผ่านมาต่างมองเธอ พลอยนิลไม่มีอารมณ์ยิ้มสร้างภาพ หันไปมองหน้าพี่บีที่ส่งสายตาดุๆมาให้ก็ฮึดฮัดขัดใจ กระชากโทรศัพท์ของตัวเองไปกดหาเนธานทันที
“รับสิ...รับสิธาน”
พลอยนิลโทรไม่ติด โมโหขว้างมือถือลงพื้นเสียงดัง คนหันมามองกันอย่างสนใจ พี่บีตกใจ
“น้องนิล”
“ทำไมคะ...พี่บีไม่ให้นิลแหกปาก นิลก็ทำแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือคะ”
“แต่นี่…”
พลอยนิลขัดขึ้น
“โทรศัพท์นิล นิลจะทำอะไรกับมันก็ได้ แล้วงานตอนเย็นพี่บีแคนเซิลไปเลยนะคะ นิลไม่ไปแล้ว ปวดหัว”
พลอยนิลพูดจบก็เดินลิ่วๆไป พี่บีมองตาม ก่อนจะหันไปเก็บโทรศัพท์พลอยนิลจากพื้นขึ้นมา แล้วมองตามหลังพลอยนิลอย่างเอือมๆปนเป็นห่วง
แก้วดารานั่งยิ้มสบายอารมณ์ เปลี่ยนซิมการ์ดโทรศัพท์แล้วหักอันที่ใช้ส่งรูปเมื่อกี้ทิ้ง พลางนึกถึงพลอยนิลอย่างสะใจ เนธานตื่นพอดีเห็นแก้วดารานั่งหันหลังอยู่ก็โถมตัวเข้าไปกอดแล้วหอมไหล่อย่างหลงใหล แก้วดาราบิดตัวหนี แสร้งเขินอาย
“ไม่เอาค่ะ พอแล้ว”
“โธ่ แก้ว เห็นใจผมหน่อยสิ นานๆเราจะได้เจอกันทีนะ”
แก้วดาราทำหน้าเศร้า แกล้งบีบน้ำตาล
“แต่ธานคะ แก้วมาคิดดูดีๆแล้ว แก้วว่าเราน่าจะหยุดก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ทั้งๆที่รู้ว่าคุณมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่แก้วก็ยังเผลอรักคุณ แก้วไม่น่าเลย ไม่น่า…”
แก้วดาราเริ่มสะอื้น ปิดหน้าร้องไห้ท่าทางน่าสงสาร เนธานรีบเข้ามากอดอย่างรักใคร่
“ไม่เอาน่า ไม่ร้องนะคนดี แก้วไม่ผิดที่แก้วรักผม เพราะผมก็รักแก้วเหมือนกัน เราทั้งคู่รักกัน”
“แต่แก้วรู้สึกผิดต่อคนของคุณนี่คะ”
“อย่าพูดถึงคนอื่นเลยน่า ตอนนี้ใครก็ไม่มีความหมายสำหรับผมเท่าคุณอีกแล้วล่ะ ผมรักแก้วแค่คนเดียว แก้วเชื่อผมนะ”
“แต่ว่าเขา…”
“ก็แค่อดีตที่ไม่น่าจดจำ ทั้งน่ารำคาญทั้งเอาแต่ใจ ผมกำลังพยายามเลิกยุ่งกับเขาอยู่ แก้วรอผมหน่อยนะ อีกไม่นานหรอก”
แก้วดาราโถมตัวกอดเนธาน แอบยิ้มร้ายอย่างสะใจ ส่วนเนธานกอดปลอบซ่อนสีหน้ากังวลเมื่อคิดถึงพลอยนิล
เนธานกลับมาที่คอนโดตนเองเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างอารมณ์ดี พอเห็นพลอยนิลนั่งรอหน้าตึงอยู่ที่โซฟาก็ชะงัก พลอยนิลตรงดิ่งเข้าไปตบหน้าเขาทันที
“โอ๊ย นิลตบผมทำไม...ผมเจ็บนะ”
“แล้วนิลไม่เจ็บเหรอไง ทำไมธานทำกับนิลอย่างนี้”
พลอยนิลตรงเข้าไปทุบซ้ำอีก เนธานได้แต่ปัดป้องอย่างงงๆ
“โอ๊ย เดี๋ยว นิลเป็นบ้าอะไรเนี่ย”
“ใช่...นิลบ้าไปแล้ว บ้าตั้งแต่ได้เห็นรูปบ้าๆนี่”
พลอยนิลปาโทรศัพท์ของตัวเองใส่อกเนธานอย่างแรงหน้าตาโมโหจัด เนธานก้มหยิบขึ้นมาดูงงๆ แล้วก็ต้องอึ้งเพราะจำได้ว่าผู้หญิงในรูปคือแก้วดาราที่เพิ่งแยกกันมา
“ชัดมั้ย...นิลสมควรบ้ามั้ยที่ได้เห็นรูปนี้ แล้วยัยหน้าไม่อายนี่มันเป็นใคร มันยั่วธานใช่มั้ย ธานบอกนิลมานะ นิลจะไปจัดการมัน”
“เดี๋ยวนิล! ใจเย็นๆสิ ผมไม่ได้ทำนะ ผมรักนิลจะตาย นิลก็รู้”
“แล้วรูปนี้มันคืออะไร ฝาแฝดธานรึไงห๊ะ อีกอย่างมันจงใจส่งมาให้นิลดู แสดงว่ามันรู้ว่าธานเป็นแฟนนิล มันเลยจะเยาะเย้ยนิล”
“นั่นแหละ มีคนต้องการให้เราเลิกกันไงนิล มันจงใจส่งมาเพราะอยากให้เราผิดใจกัน รูปนี้มันตอนธานถ่ายแบบ ทีมงานคงเผลอทำหลุด ไอ้เลวนี่เลยเอาไปตัดต่อ มันใส่ร้ายธาน นิลต้องเชื่อธานนะ ธานไม่ได้ทำ ธานมีแค่นิลคนเดียว รักแค่นิลคนเดียวจริงๆ”
พลอยนิลคลางแคลงใจ
“ธานพูดจริงเหรอ”
เนธานรีบเข้ามากอดออดอ้อน
“จริงสิ” เนธานทำท่าทางน้อยใจ “นิลไม่เชื่อธานเหรอ ไม่ไว้ใจธานแล้วเหรอ ไหนว่านิลรักธานมากไง”
“ก็เพราะรักมากไง นิลถึงไม่อยากให้ใครมาแย่งธานไป สัญญานะว่าธานจะรักนิลคนเดียว อย่ามีใครนอกจากนิลอีก”
“จ๊ะ ผมสัญญา”
เนธานกอดพลอยนิล แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พลอยนิลกอดตอบแต่ในใจก็ยังครุ่นคิดและสงสัยในตัวเนธาน
สุรีกานต์ในชุดอยู่บ้านเดินลงมาจากบันได มองไม่เห็นนฤเบศก็บ่นออกมา
“เจ้าของบ้านภาษาอะไร กลับบ้านช้ากว่าแขกเนี่ย”
สุรีกานต์ไม่รู้จะทำอะไรเลยนั่งดูทีวีที่โซฟา เปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย ไม่มีอะไรน่าดูก็กดรีโมทปิดพรึ่บ
“อ่านหนังสือก็ได้”
สุรีกานต์มองหาแมกกาซีนหรือหนังสืออะไรก็ได้ที่พอจะบรรเทาความเบื่อ แต่ก็ไม่เห็น
“บ้านนี้ช่างไม่มีสิ่งบันเทิงเริงใจเหมือนเจ้าของไม่มีผิดเลย”
สุรีกานต์เบ้ปาก แล้วลุกขึ้นไปค้นๆ ทั้งแผ่นซีดีหนัง ซีดีเพลง ของประดับตกแต่งบ้านต่างๆ หยิบลูกบาสมาเดาะเล่น จนเห็นพวกโมเดลการ์ตูนวางตามโต๊ะตามตู้มากมาย ทั้งไอ้มดแดง นินจาเต่า แบทแมน เรนเจอร์ไรเดอร์ทั้งหลาย เธอหยิบมาดูอย่างสนใจปนขำๆ
“สงสัยจะชอบตัวการ์ตูนแฮะ มีเยอะเชียว”
สุรีกานต์เหลือบไปเห็นอัลบั้มรูปถ่าย หยิบขึ้นมาดูอย่างสนใจ เปิดไปหน้าแรกก็ตาวาวกับรูปตอนเป็นทารกของนฤเบศ เธอยิ้มแล้วปักหลักนั่งบนพื้นดูอัลบั้มรูปอย่างจริงจัง พลิกหน้าไปเรื่อยๆอย่างสนุก ทันใดนั้นเสียงนฤเบศดังขึ้น
“ไร้มารยาทจริงๆเลยคุณเนี่ย”
สุรีกานต์สะดุ้งหันไปมองด้านหลังอย่างตกใจ ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ เชิดใส่
“ก็แค่อัลบั้มรูปเก่าๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“แต่คุณก็ควรจะขออนุญาตผมก่อน”
“ดุจิ๊ง” เธอยิ้มเยาะ
“ทำไม กลัวฉันเห็นช้างน้อยคุณเหรอ แต่เสียใจด้วยนะ เพราะมันสายไปแล้ว”
สุรีกานต์เปิดอัลบั้ม โชว์รูปนฤเบศตอนเด็ก ยืนแก้ผ้าอาบน้ำอยู่ ก่อนจะหัวเราะคิกๆคักๆสะใจ นฤเบศเจ็บใจ
“ตอนนั้นมันช้างน้อย แต่ตอนนี้ แมมมอธแล้ว” นฤเบสแกล้งจะถอดกางเกง “อยากจะดูมั้ยล่ะ”
สุรีกานต์กรี๊ดลั่น รีบเผ่นหนีทันทันที
“ไอ้สารวัตรโรคจิต ทุเรศที่สุด”
นฤเบศหัวเราะ สะใจที่แกล้งเธอได้
“นี่ ถ้าบ้านผมมันน่าเบื่อนัก คุณก็กลับไปคอนโดคุณซะทีสิ”
“ไล่จริงนะ ลืมไปแล้วรึไง ว่าคุณเอาฉันมาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับคุณด้วย เพราะฉะนั้น มันก็เป็นหน้าที่คุณอยู่แล้วที่ต้องดูแลฉัน”
“โอ.เค. ถ้างั้นคุณไม่ต้องเป็นสายให้ผมแล้ว”
สุรีกานต์ดีใจ
“จริงดิ”
“แต่ผมขอรื้อฟื้นคดี จับคุณข้อหาขโมยของ แล้วก็มียาเสพติดไว้ในครอบครองแทนก็แล้วกัน”
สุรีกานต์เชิดใส่ ไม่กลัวคำขู่ของเขา นฤเบศส่ายหน้า แล้วหันหลังจะออกจากบ้าน
“นั่นคุณจะไปไหน”
“แล้วคุณจะมายุ่งอะไรกับผมเนี่ย”
“ก็ฉันเบื่อนี่ บ้านคุณไม่มีอะไรให้ฉันทำเลย”
“แล้วปกติอยู่ที่คอนโดคุณทำอะไร”
สุรีกานต์หน้าเชิดๆ
“ฉันไม่ค่อยว่างนักหรอก งานฉันเยอะ แต่ถ้าว่างฉันก็จะดูหนัง อ่านหนังสือ หรือไม่ก็ออกกำลังกาย”
“อือฮึ งั้นอยากลองออกกำลังกายแบบบ้านๆกับผมมั้ยล่ะ”
สุรีกานต์มองหน้าเขางงๆ นฤเบศส่งยิ้มกวนๆตอบ
สุรีกานต์ยืนมองนฤเบศเตรียมอุปกรณ์สำหรับปลูกต้นไม้ท่าทางคล่องแคล่ว หญิงสาวตาวาว นึกสนุก
“คุณจะให้ฉันปลูกต้นไม้”
“สนุกดีออก แต่เบามือหน่อยนะ ผมกลัวนางร้ายมือตบอย่างคุณจะทำต้นไม้ผมตายคามือก่อนได้ลงปลูก”
สุรีกานต์หน้าหงิก
“ดูถูก ตอนเล่นเรื่อง หนุ่มบ้านสวนกับหวานใจไฮซ้อ ฉันก็เคยปลูกต้นไม้จริงๆมาแล้วย่ะ”
“นั่นมันละคร ทำไม่ได้ก็ใช้มุมกล้องเอา จะเอามาเปรียบกับของจริงได้ไง”
นฤเบศส่งช้อนปลูกให้พลางยักคิ้วกวนๆให้ สุรีกานต์กระชากมาถือไว้ นฤเบศก้มหน้าลงไปเตรียมอุปกรณ์อื่นๆต่อ สุรีกานต์เบ้ปากมองอย่างหมั่นไส้ ทำท่าจะเอาช้อนปลูกไปเจาะหัวเขาแต่เขาเงยหน้ามามองก่อน เธอเลยทำเป็นมองช้อนปลูกในมืออย่างสนใจ
“อย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก”
“รู้จัก แต่ที่มองเนี่ยแค่รู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรแบบนี้นานแล้วเท่านั้นเอง”
สุรีกานต์มองช้อนปลูกในมือด้วยท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กๆจนนฤเบศแอบอมยิ้ม แต่พอเหลือบไปมองมือของเธอก็ขมวดคิ้ว ผละไปทางมุมเก็บของในโรงรถแล้วเดินกลับมาพร้อมกับถุงมือและผ้ากันเปื้อน ยื่นให้
“ใส่ซะ เดี๋ยวเล็บสวยๆคุณจะเสีย แล้วก็ใส่นี่ด้วย เดี๋ยวชุดราคาแพงของคุณเปื้อนแล้วจะมาด่าผมอีก อีกอย่าง” เขาชี้หน้าเธอ “ห้ามบ่น เพราะคุณเป็นคนอยากทำเอง ผมไม่ได้บังคับ”
“รู้แล้วค่ะ แล้วก็...ขอบคุณสำหรับนี่นะ”
นฤเบศแอบยิ้มกับท่าทางเขินๆของเธอ
“พร้อมแล้วก็เริ่มกันเลย”
สุรีกานต์พยักหน้ารับอย่างจริงจัง
นฤเบศอธิบายวิธีการปลูกต้นไม้ให้ฟัง สุรีกานต์ฟังอย่างตั้งใจ ทั้งคู่ช่วยกันเตรียมดิน สุรีกานต์ลองทำอย่างสนุกสนาน ไม่กลัวเลอะเทอะ...นฤเบศเลือกกระถางสีดำมาปลูก แต่สุรีกานต์ไม่ชอบ หยิบกระถางใบอื่นที่สีสันสดใสมาแทน ทั้งสองช่วยกันตักดินและเศษอิฐใส่กระถางจำนวนหลายใบที่เตรียมจะลงต้นไม้ปลูก สุรีกานต์แกล้งตักดินกระเด็นไปโดนเขา นฤเบศก็เอาคืน ทำไปทะเลาะกันไปแกล้งกันไป
นฤเบศถือต้นแอบรักออกมา สุรีกานต์มองอย่างตื่นเต้น ทั้งคู่ช่วยกันเอาต้นแอบรักลงกระถางสีสันสดใส นฤเบศมองสุรีกานต์ที่ตั้งใจทำ เหงื่อท่วม เนื้อตัวเปื้อนดินมอมแมม แล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดู ทั้งคู่ช่วยกันปลูกต้นแอบรักลงในกระถางจนสำเร็จ สุรีกานต์มองผลงานตัวเองแล้วยิ้มอย่างดีใจ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา นฤเบศยิ้ม ยกมือขึ้นมารอกลางอากาศแล้วยักคิ้วให้ สุรีกานต์ยิ้มตอบแล้วตีมือลงไป ทั้งคู่ยิ้มให้กัน
สุรีกานต์นั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อน ในสวน มองต้นแอบรักในหลายๆกระถางที่เพิ่งปลูกเสร็จอย่างภูมิใจ
“คุณดูท่าทางคล่องจังนะ ทำบ่อยเหรอ”
“บ่อย ผม ช่วยแม่ทำมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว สวนนี้ผมก็ดูแลต่อจากท่าน ท่านปลูกต้นไม้และจัดตกแต่งเองทั้งหมด”
สุรีกานต์อึ้ง
“หือ สวนนี้แม่คุณทำเองหมดเลยเหรอ สุดยอด”
“ผมถึงรักสวนนี้มากไง ถ้ามีเวลาผมก็พยายามมารดน้ำพรวนดิน ปลูกนู่นนี่เพิ่ม”
สุรีกานต์นึกไม่ถึง
“เหลือเชื่อ หน้าโฉด นิสัยเถื่อน แต่กลับรักต้นไม้ซะงั้น”
นฤเบศเหล่สุรีกานต์
“ด่ากันซะขนาดนี้ ไม่ตบซ้ำด้วยซะเลยล่ะ”
สุรีกานต์ยิ้มขำๆ
“แหม แหย่เล่นขำๆน่า” เธอชี้ไปที่ต้นแอบรัก “แล้วนี่ต้นอะไร”
“แอบรัก”
สุรีกานต์งงๆ
“แอบรักใคร”
นฤเบศเซ็งๆ
อ่านต่อหน้าที่ 2
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 7 (ต่อ)
“ชื่อต้นไม้ ที่คุณถาม มันชื่อ ต้นแอบรัก”
“ต้นแอบรัก ชื่อเพราะจังเลย” เธอหันมาหลิ่วตาล้อเลียน “นี่ คุณตั้งใจจะเอาไปบอกรักสาวที่ไหนหรือเปล่าเนี่ย โรแมนติกเหมือนกันนะเราเนี่ย”
นฤเบศชักเขิน แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้
“มั่วแล้ว ผมก็แค่เห็นดอกมันสวยเท่านั้นเอง”
สุรีกานต์ดัดเสียง แกล้งทำท่าเลียนแบบเขา
“ผมแอบรักคุณมานานแล้ว ต้นไม้นี้เป็นคำสารภาพจากหัวใจผม คุณช่วยรับมันไว้ด้วยนะครับ”
สุรีกานต์หยิบต้นแอบรักยื่นให้ นฤเบศเห็นท่าทางของเธอ เลยหลุดขำออกมา
“ไม่ยักรู้นางร้ายอย่างคุณเล่นตลกก็ได้ด้วย”
“เวลาคุณบอกรักผู้หญิงจะใช้ต้นอะไรล่ะ”
“ไม่รู้สิ ผมว่าต้นไม้ทุกต้นมีเสน่ห์ในตัวของมันต่างกันไป ผู้หญิงก็เหมือนต้นไม้ แต่ละคนก็ต่างกัน กว่าจะถึงตอนนั้นผมคงรู้ว่าผู้หญิงที่ผมรักเหมาะกับต้นไม้ต้นไหน”
“อื้อหือ อย่างกะพระเอกละคร”
นฤเบศยิ้มขำ
“แล้วนางร้ายในละครอย่างคุณล่ะ ชอบต้นไม้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“อืม ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ชอบต้นไหนเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ฉันชอบต้นแอบรัก”
สุรีกานต์ยิ้มให้แล้วก้มลงมองผลงานตัวเองในกระถาง นฤเบศยิ้มกับท่าทางของเธอแล้วก้มมองต้นแอบรักที่ทั้งคู่ช่วยกันปลูก
นฤเบศเปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบจะทำอาหารโดยมีสุรีกานต์นั่งบ่นอยู่ที่โต๊ะ
“โอ๊ย หิวๆๆ หิวมากๆ หิวจะตายอยู่แล้ว”
“รู้แล้วว่าหิว แต่นั่งบ่นอยู่อย่างนั้นแล้วมันจะหายหิวมั้ย มาช่วยกันทำอาหารสิ”
“ให้ช่วยอะไรล่ะ”
“ไปเก็บผักหลังบ้านให้ผมหน่อยสิ”
สุรีกานต์ทำท่าสงสารจับใจ
“โถ...นี่เงินเดือนน้อย ถึงขนาดต้องปลูกผักกินเองเลยเหรอ” เธอจะหยิบมือถือ “อ้ะ เดี๋ยวฉันโทรสั่งพิซซ่าให้นะ”
นฤเบศส่งเสียงดุ
“ไม่กิน ที่ผมปลูกผักกินเอง เพราะมันสะอาด ปลอดสารพิษ แล้วก็อร่อยด้วย”
“โอเคๆ แล้วคุณจะให้ฉันเก็บอะไรล่ะ”
นฤเบศพูดเร็วๆ
“ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนู ผักชีฝรั่ง อ้อ...โหระพา ด้วยนะ”
สุรีกานต์นับนิ้วตาม อึ้งๆไปเพราะมันเยอะแถมผักบางชนิดก็ไม่รู้จักหน้าตา
“จำได้มั้ย”
สุรีกานต์รีบบอก
“จำด๊าย”
“งั้นก็รีบไปสิคุณ”
สุรีกานต์เดินนับนิ้ว งงๆออกไป
สุรีกานต์เข้ามาในสวนยืนมึนอยู่ที่แปลงผักสวนครัว คิ้วขมวดมุ่น
“ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก ผักชีฝรั่ง แล้วก็โหระพา…ว่าแต่ผักชีฝรั่งต่างกับผักชีไทยมั้ยนะ”
สุรีกานต์เดินดูผักชนิดต่างๆอย่างไม่แน่ใจ เดินไล่เก็บไปเรื่อยๆ เธอเก็บผักเพลินมืออย่างสนุกสนาน มองกองผักจำนวนมากที่เก็บใส่กระจาดมาอย่างเซ็งๆ
“เอาวะ มันต้องมีถูกบ้างสิ ที่เหลือก็แถไปล่ะกัน”
สุรีกานต์สูดหายใจเข้าปอดเรียกกำลังใจ แล้วเดินกลับเข้าบ้าน
กองผักในกระจาดของสุรีกานต์มีหลากหลายชนิด นฤเบศยืนมองนิ่ง ส่วนสุรีกานต์นั่งตัวหดยิ้มแหยๆอยู่ตรงเก้าอี้
“คุณเก็บอะไรมาหนักหนาเนี่ย ดอกแคเอามาทำไม ผมจำได้ว่าไม่ได้บอกคุณนะ ใบกะเพรานี่อีก” เขาจ้องหน้าเอาผิด “ตกลงคุณจำไม่ได้ใช่มั้ย ว่าผมสั่งอะไร แล้วบอกว่าจำได้ทำไม”
สุรีกานต์ทำไม่รู้ไม่ชี้
“ทำไมจะจำไม่ได้ ที่คุณเห็นว่ามันเยอะ เพราะฉันเอามาทำกินของฉันเองต่างหาก”
นฤเบศตกใจ
“คุณเนี่ยนะจะทำกับข้าวกินเอง” เขาหัวเราะลั่น “ถ้าบอกว่าหน้าคุณไม่เคยผ่านมีดหมอมา ผมยังเชื่อมากกว่าซะอีก”
สุรีกานต์แค้นจัด หยิบทัพพีที่อยู่ใกล้ๆมือยัดใส่ปากเขา
“โอ๊ย จะบ้าเหรอ ยัดทัพพีเข้ามาได้ ฟันผมหักไปจะว่ายังไง”
“สม ฉันไม่เอามีดมาผ่าสุนัขออกจากปากคุณก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“แล้วผมพูดผิดตรงไหน คุณน่ะมันดื้อ ผิดแล้วยังจะแถ เก็บผักมามั่วๆแล้วก็มาอ้างว่าจะเอามาทำกับข้าว ไหน ถ้าทำได้จริง ทำให้ดูหน่อยซิ”
สุรีกานต์เจ็บใจ
“ก็ได้ เตรียมล้างท้องของคุณไว้รอกินเลย”
สุรีกานต์หยิบกระจาดผักแล้วสะบัดบ๊อบ เดินเลี่ยงไป นฤเบศพูดตามหลัง
“อย่าทำครัวผมไฟไหม้ล่ะคุณ ผมไม่อยากเปลี่ยนครัวใหม่” นฤเบศหัวเราะเยาะ
สุรีย์กานต์ทำอาหาร โดยเป็นอาหารไทยแบบฟิวชั่น เธอใช้เครื่องปั่น ปั่นกะเพรากับน้ำเพื่อทำซอสกะเพรา โรยไข่ในกระทะเพื่อทำไข่เจียวบางๆเอาไว้ห่ออาหารอีกที ตีน้ำสลัดแบบญี่ปุ่น ใช้เห็ดหลายๆชนิดห่อกับแป้งปอเปี๊ยะ ทอดเนื้อปลากับกระทะ
เวลาผ่านไป อาหารฟิวชั่น 3 อย่างฝีมือสุรีกานต์ ตกแต่งสวยงามราวกับเชฟภัตตาคารทำ นฤเบศยืนมองอาหารบนโต๊ะด้วยความอึ้งสุดๆ โดยมีสุรีกานต์ยืนเชิ่ดอยู่ใกล้ๆ เธอยิ้มเยาะ
“ไง พูดไม่ออกเลยซี้ จะบอกให้เอาบุญนะ ตอนฉันเล่นละครเรื่อง แม่ครัวไฟบรรลัยกัลป์ ฉันไปเรียนทำอาหารฟิวชั่นกับเชฟมิชลีนสตาร์หกดาวครึ่งมาแล้วย่ะ คนอย่างโซ่ สุรีกานต์ เล่นอะไรต้องเข้าถึงบทบาท ทำได้จริงไม่มีมั่ว”
“อาหารฟิวชั่น มันก็แค่หยิบโน่นผสมนี่ มั่วๆแบบไม่แคร์สื่อ แล้วก็แต่งให้มันสวยๆหน่อยเท่านั้นแหละ อาหารมันสำคัญที่รสชาติ ไม่ใช่หน้าตา”
สุรีกานต์ยักไหล่ แล้วผายมือเป็นเชิงให้เขาลองชิม นฤเบศรับคำท้า ตักอาหารชิมทันที ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงความอร่อยหน้าตาปลื้มมาก สุรีกานต์ชะโงกหน้ามามอง นฤเบศรู้สึกตัว รีบกลืนอาหารแล้วฟอร์มไม่รู้ไม่ชี้ทันที
“ถ้ากลัวเสียฟอร์มนัก จะบอกว่าไม่อร่อยก็ได้นะ หรือถ้ายังไม่หนำใจ จะตบท้ายด้วยขนมไทยสักสองสามอย่างมั้ยล่ะ เพราะตอนฉันเล่น แม่ค้าขนมหวานเจี๊ยบ ฉันก็ไปเรียนมาจริงๆเหมือนกัน ตำรับชาววังซะด้วย”
นฤเบศหมั่นไส้ พยายามข่มอารมณ์
“โอเคๆ ผมขอโทษ ที่ดูถูกคุณ”
“ว่าไงนะ หูฉันฝาดรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่ฝาดหรอก ผมขอโทษคุณจริงๆ คนอย่างผม ผิดก็ยอมรับผิดอยู่แล้ว แต่คุณก็ควรจะยอมรับด้วย ว่าคุณจำที่ผมสั่งไม่ได้ ก็เลยหยิบผักมามั่วๆ คนเรา ไม่รู้แล้วถาม มันไม่น่าอายหรอกนะคุณ ที่น่าอาย คือไม่รู้แล้วแถต่างหาก”
สุรีกานต์หน้าจ๋อยเสียงอ่อยๆ
“เออๆ ฉันขอโทษ”
นฤเบศยิ้มแย้ม
“งั้นก็กินข้าวเถอะ ผมหิวแล้ว”
นฤเบศยิ้มจริงใจให้ สุรีกานต์ยิ้มตอบแล้วก้มหน้าลงกินข้าวต่อ ทั้งคู่นั่งกินข้าวด้วยกัน แกล้งกัน แอบแย่งอาหารกัน ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ท่ามกลางความรู้สึกแปลกๆในหัวใจที่เพิ่มมากขึ้น
ค่ำนั้น สุรีกานต์ในชุดนอนเดินเช็ดผมอารมณ์ดีเข้ามา เห็นนฤเบศที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยกำลังให้อาหารปลากัดลูกรักอยู่ เธอขมวดคิ้วมอง
“คุณทำอะไรน่ะ”
นฤเบศเบี่ยงตัวให้เห็นโถปลากัด 5 โถที่วางเรียงกันสวยงาม สุรีกานต์มองอย่างสนใจ
“หือ ปลากัดเหรอ ฉันขอให้อาหารมันบ้างสิ”
นฤเบศยื่นกระป๋องอาหารเม็ดสำเร็จรูปให้ เธอรับไปแล้วตักใส่แต่ละโถ นฤเบศมองสุรีกานต์ที่ตื่นเต้นกับทุกอย่างเหมือนเด็กก็เผลอยิ้มอย่างเอ็นดู มองเพลินจนเธอหันมา เขารีบหันไปทางอื่นกลบเกลื่อน
“เอ่อ ผมว่าจะทำงานต่อ มีเอกสารต้องอ่าน”
นฤเบศรีบเดินไปที่โต๊ะทำงาน สุรีกานต์เบ้หน้าเซ็งๆ
“คุณนี่ทำงานเยอะไปมั้ย อยู่บ้านก็ยังทำงานอีก งานตำรวจมันเยอะขนาดต้องหิ้วกลับมาทำต่อที่บ้านเลยเหรอไง”
“แล้วคุณจะมายุ่งอะไรกับผมเนี่ย”
“ก็ฉันเบื่อนี่ บ้านคุณไม่มีอะไรให้ฉันทำเลย คุณเป็นเจ้าของบ้าน แต่ให้แขกนั่งแหง่วไม่มีอะไรทำ ใช้ได้ที่ไหน เมื่อกลางวันก็ทีนึงแล้วนะ”
“อ้อ งั้นแขกอยากทำอะไรล่ะ เจ้าบ้านจะได้จัดมาถวายให้ถูก”
สุรกานต์เหล่ไปทางเกมเพลย์สเตชั่นที่เสียบอยู่กับทีวี
“เล่นเกมส์กันมั้ยคุณ”
สุรีกานต์ยักคิ้วให้อย่างท้าทาย นฤเบศมองตาม ก่อนจะกระตุกยิ้มรับคำท้า
ทั้งคู่แข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย สุรีกานต์แพ้หลายครั้งแต่ก็ขอแข่งใหม่เรื่อยๆ หลังๆ
สุรีกานต์เริ่มโกง ดึงจอยซ์ของเขามาซ่อนบ้าง เอาหมอนทุบหัวปาใส่ตัวบ้าง นฤเบศก็แกล้งกลับคืนเช่นกัน ทั้งคู่แข่งกันไปทะเลาะตบตีกันไป แต่ก็ยังสนุกสนานและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หน้าจอโทรทัศน์ฝั่งสุรีกานต์ขึ้นคำว่า YOU LOSE เธอทั้งเหนื่อยทั้งโมโหเลยวางจอยซ์เลิกเล่น
“ไม่เล่นแล้ว คุณใช้ไสยศาสตร์แน่ๆ ทำไมฉันไม่ชนะสักครั้งเลยเนี่ย”
“แพ้แล้วอย่าพาลสิคุณ คุณก็เห็น ผมขับเองดริฟเองล้วนๆเลยนะ”
สุรีกานต์ตวัดตามองอย่างแค้นๆ นฤเบศหัวเราะลั่น เธอฟึดฟัดแล้วลุกเดินหนีออกไปที่ระเบียง เขามองตามอย่างขำๆ...สุรีกานต์ยืนมองท้องฟ้าที่มีดาวประปรายอย่างสบายใจ นฤเบศเดินออกมายืนข้างๆ ทั้งคู่ยืนดูดาวด้วยกัน สุรีกานต์นั่งลงบนเก้าอี้ผ้าใบมุมระเบียง
“บ้านคุณนี่เจ๋งดีนะ มีสวน มีผัก มีปลา มีดาวให้ดูด้วย”
“คอนโดคุณก็ทำให้มีได้”
“แต่ฉันคงไม่มีเวลาใส่ใจพวกมันเท่าคุณน่ะสิ ทุกวันนี้ฉันทำงานเสร็จก็แทบไม่มีแรงเหลือล่ะ ขืนทำไปมีหวังได้เน่าได้ตายกันหมด ถ้าเลี้ยงได้ไม่ดี ฉันก็ไม่อยากเลี้ยงไม่ว่าจะคน พืช หรือสัตว์”
นฤเบศเดินมานั่งลงบนพื้นข้างๆ
“งั้นผมว่า คุณแค่ดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว”
นฤเบศยิ้มให้ สุรีกานต์ยิ้มตอบแล้วหันไปนั่งดูดาวกันต่อ ท่ามกลางบรรยากาศสวยงาม เสียงหัวใจเต้นและความรู้สึกดีๆที่กำลังเพิ่มพูนขึ้นทุกนาทีๆโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเข้ามาในห้องนอน สุรีกานต์ยืนขวางเตียง จ้องหน้าเขาประกาศลั่น
“คุณต้องนอนบนพื้น”
“แต่ผมเป็นเจ้าของเตียง เจ้าของห้อง เจ้าของบ้าน เจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ แล้วทำไมผมต้องฟังคำสั่งคุณด้วยมิทราบ”
“แต่ฉันเป็นแขก เป็นสุภาพสตรี เป็นสายลับที่ทำงานเสี่ยงตายให้ทีมคุณ เพราะฉะนั้น คุณจึงควรจะสละเตียงนอนให้ฉัน เพราะชื่อเสียงฉันจะเสียหายได้ถ้ามีข่าวว่านอนเตียงเดียวกับผู้ชาย”
“เพิ่งคิดได้เหรอ”
“ก็เมื่อคืนมันไม่มีทางเลือก ฉันปวดหลังนี่ แล้วก็…กลัวผีด้วย”
“งั้นคืนนี้ก็นอนเหมือนเดิม คุณไม่มีทางเสียชื่อเสียง เพราะคงไม่มีใครมาเห็นคุณนอนเตียงเดียวกับผม แล้วคุณก็ไม่มีทางเสียหาย เพราะผมไม่มีวันทำอะไรคุณแน่ หลีกไป ผมง่วงแล้ว”
สุรีกานต์กางมือขวางทาง
“ทำไมคุณไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย ฉันเป็นผู้หญิงนะ” เธอแกล้งบีบน้ำตา จะร้องไห้ “ฉัน…”
นฤเบศขัดขึ้น
“หยุด...มุกเก่าอย่าเอามาใช้ซ้ำ ผมไม่หลงกล”
สุรีกานต์ชะงักกึก
“ชิ ได้ งั้นเอาตรงๆเลยนะ…” เธอสูดหายใจ “ฉันกลัว ฉันเป็นผู้หญิงนะคุณสารวัตร ถึงจะรู้ว่าคุณเป็นตำรวจที่ดี เป็นคนดี แต่ยังไงมันก็กลัวอยู่ดี ผีก็กลัวอยู่แล้ว ฉันยังต้องมากลัวคุณอีก คุณไม่เห็นใจฉันหน่อยเหรอ ฉันนอนไม่เป็นสุขเลยนะ”
สุรีกานต์ทำท่าน่าสงสาร หน้าตาอ้อนวอน นฤเบศมองนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจเซ็งๆ
เช้าวันใหม่...สุรีกานต์อมยิ้มน้อยๆนอนหลับสบาย นฤเบศยืนกอดอกมอง หมั่นไส้
“นอนเป็นสุขเลยสิท่า”
นฤเบศกระตุกยิ้มร้าย ทำท่าจะเอื้อมมือไปแกล้ง
“หยุด”
สุรีกานต์พูดทั้งๆที่หลับตาอยู่ นฤเบศชะงัก
“หิวแล้ว เอาข้าวมา...แจ๊บๆๆ”
สุรีกานต์ละเมอ มือขาปัดป่ายบนที่นอนไปเรื่อยจนหมอนข้างกระเด็นตกเตียง นฤเบศหัวเราะ
“ขนาดหลับยังไม่สิ้นฤทธิ์… ร้ายจริงๆ”
นฤเบศหยิบหมอนข้างมาวางไว้บนเตียงตามเดิม มองหญิงสาวแล้วยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปหยิบผ้าขนหนู แล้วเดินยืดเส้นยืดสายคลายอาการปวดหลังออกไป สุรีกานต์คว้าหมอนข้างมากอด แล้วนอนอมยิ้มหลับสบายบนเตียงต่อไป
นฤเบศในชุดอยู่บ้าน ยืนรดน้ำต้นไม้ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ท่าทางมีความสุข...สุรีกานต์ตื่นมาไม่เห็นนฤเบศนอนที่พื้นข้างเตียงก็รู้ว่าเขาตื่นก่อนแล้ว เธอลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เหลือบมองที่หน้าต่าง เห็นเขาอยู่ในสวน
“อืม ท่าทางจะชอบทำสวนจริงจังแฮะ”
สุรีกานต์ยืนมองยิ้มๆอยู่ครู่ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
สุรีกานต์เดินลงจากบันได เจอนฤเบศที่ตัวมอมแมมเดินเข้ามาพอดี
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอคุณ พอดีเลย ทำอาหารเช้าให้หน่อยสิผมหิว เดี๋ยวผมขอไปอาบน้ำก่อน”
สุรีกานต์ได้แต่อ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ขึ้นบันไดไป สุรีกานต์หน้าหงิกงอ
“เจอหน้าก็สั่งๆ เสร็จแล้วก็เดินหนี ฉันเป็นแขกนะยะไม่ใช่แจ๋ว”
สุรีกานต์ทิ้งค้อน
สุรีกานต์ทอดไข่อย่างเซ็งๆ พูดไปทอดไข่ไป
“ดีแต่ใช้ๆ คิดว่าฉันเป็นใครยะ ฉันเป็นนางร้ายอันดับหนึ่งของวงการ ขวัญใจแม่ค้าทุเรียนเชียวนะ มาทำกับฉันอย่างงี้ได้ไง”
ขณะกำลังบ่นอยู่ มือถือของเธอก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกว่ามีข้อความเข้า สุรีกานต์วางตะหลิว หันไปหยิบมือถือมากดดูแล้วตื่นเต้น
“ว๊าย แฟชั่นวินเทอร์ออกแล้วเหรอ ไหน อัพเดทเทรนด์หน่อยซิ”
สุรีกานต์หันไปเล่นแอพ ซื้อเสื้อผ้าผ่านสมาร์ทโฟน โดยลืมไข่ที่ทอดอยู่ไปเลย เธอยิ่งช็อปยิ่งเพลิน
“ใจละลายเลยอ้ะ ซื้อค่ะซื้อ”
เธอกดซื้อผ่านสมาร์ทโฟนอย่างเมามัน นฤเบศเดินเข้ามาในครัว แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นที่กระทะมีควันโขมง ไฟแทบจะไหม้กระทะอยู่แล้ว
“เฮ้ย ไหม้แล้วๆ”
สุรีกานต์หันไปดู ตกใจสุดขีด
“ว๊ายๆ”
สุรีกานต์วิ่งพล่านหาทางดับไฟ ในขณะที่นฤเบศสติดีกว่า หันไปหยิบผ้าหนาๆมาพันที่ด้ามจับกระทะกันร้อน แล้วยกกระทะขึ้น จังหวะนั้นเอง สุรีกานต์หยิบขันน้ำตักน้ำสาดโครมเข้าไปทันที กะดับไฟแต่พลาด เพราะนฤเบศยกกระทะออกไปก่อน น้ำเลยสาดเข้าหน้านฤเบศเต็มๆ เขามองตาเขียวปั้ด สุรีกานต์ยืนช็อก ก่อนจะปั้นยิ้มหวาน น้ำตาคลอหน่วย หวังว่าตัวเองคงรอดตาย
สุรีกานต์เดินหนีมาแกล้งทำน้ำตาซึม นฤเบศรีบเดินตามมาดึงแขนไว้
“คุณ จะไปไหน”
สุรีกานต์สะบัดแขนออก
“เปล่า ฉันแค่ไม่รู้จะพูดอะไรน่ะสิ ฉันมัวแต่ซื้อของ ดูเสื้อผ้า เลยทำให้อาหารเช้าคุณเจ๊งหมด แถมไฟยังเกือบจะไหม้บ้านอีก ฉันขอโทษนะ” เธอบีบน้ำตา “ฮือๆ”
นฤเบศถอนใจ
“เมื่อกี๊ผมด่าคุณสักคำรึยังเนี่ย ถึงดราม่าซะขนาดนี้”
“ยัง ก็ฉันกลัวคุณด่าฉัน ก็ชิงเดินหนีมาก่อน ตกลงคุณไม่โกรธฉันแล้วใช่มั้ย”
นฤเบศหน้าบึ้งตึงกัดฟัน
“ไม่โกธร”
สุรีกานต์แกล้งทำตาปรอยๆ น่าสงสาร
“แต่อาหารเช้าคุณไม่เหลือแล้วนะ”
“มีอะไรก็กินไอ้นั่นแหละ ผมไม่ใช่คนเรื่องมากหรอก”
นฤเบศเดินหน้าหงิกกลับเข้าไป ในขณะที่สุรีกานต์ยิ้มแฉ่ง มีความสุขที่ใช้วิชาการแสดงเอาตัวรอดมาได้อีกครั้ง
“เธอนี่มันสมกับตำแหน่งนางร้ายยอดเยี่ยมจริงๆสุรีกานต์ โฮ๊ะๆๆ”
ทั้งสองนั่งที่โต๊ะอาหาร สุรีกานต์กดกระหน่ำถ่ายรูปไข่ดาวเบี้ยวๆเกรียมๆ แฮม และขนมปังปิ้งไหม้ๆในจาน นฤเบศนั่งหน้าหงิก
“จะถ่ายอีกนานมั้ย”
“แป๊บนึงสิคุณ อาหารเช้าคุณหน้าตาแปลกดี ไม่ได้หาดูง่ายๆนะเนี่ย”
นฤเบศเริ่มอารมณ์เสีย เดินไปกระชากโทรศัพท์มือถือมาถือไว้เอง
“ทำบ้าอะไร เอาของฉันคืนมานะ”
“กินได้แล้ว จะถ่ายอะไรหนักหนา”
“แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วย จะกินก็กินไปสิ กระเพาะไม่ได้ติดกันสักหน่อย”
“ก็คุณถ่ายรูปอยู่อย่างนี้ ผมจะกินได้ยังไง”
“โอเคๆ แต่ขออัพลงอินสตาแกรมก่อนนะ”
สุรีกานต์กระพริบตาปริบๆ อ้อนๆ นฤเบศรำคาญแบบเรื่องไร้สาระมาก
“จะกินอะไรต้องประกาศให้โลกรู้ด้วยรึไง บ้ารึเปล่าเนี่ย”
สุรีกานต์โมโหกระทืบเท้าเขาเต็มแรง นฤเบศร้องลั่น เธออาศัยตอนเผลอแย่งมือถือจากมือเขามาแล้วรีบวิ่งหนี แต่นฤเบศรีบวิ่งมาคว้าเอวไว้ได้ทัน ทั้งคู่เลยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนได้ยินเสียงของตกกระทบพื้น เลยชะงักแล้วหันไปมองตรงประตูครัว นฤเบศชะงักอึ้ง
“น้องไหม”
แพรไหมยืนหน้าซีดตกตะลึงกับภาพตรงหน้า นฤเบศกับสุรีกานต์ตกใจรีบผละจากกัน สุรีกานต์ยักไหล่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่เขิน ส่วนนฤเบศหันไปยิ้มให้แพรไหมเจื่อนๆ
ทั้งสามอยู่ในห้องรับแขก นฤเบศวางแก้วน้ำที่โต๊ะกลางให้แพรไหมที่นั่งเงียบอยู่ที่โซฟา มีสุรีกานต์นั่งเปิดนิตยสารที่ซื้อมาตอนไปตลาดเรื่อยๆไม่สนใจ
“ป้ามลไม่อยู่เหรอคะพี่เบศ”
“อ่า ครับ ป้ามลลาไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัด” นฤเบศผายมือไปทางสุรีกานต์ “ส่วนนี่เพื่อนพี่ครับน้องไหม คุณสุรีกานต์… คุณ นี่คุณแพรไหม ลูกสาวเจ้านายผม”
แพรไหมยิ้มแย้มทักทาย
“สวัสดีค่ะ คุณ โซ่ สุรีกานต์”
นฤเบศแปลกใจ
“น้องไหมรู้จักด้วยเหรอ”
สุรีกานต์ตวัดสายตาอาฆาตมามองนฤเบศทันที
“รู้จักสิคะพี่เบศ ไหมไปเรียนที่ฝรั่งเศสแค่ 2 ปีเอง แต่คุณสุรีกานต์เขาดังมาตั้งนานแล้วนะคะ ว่าแต่ไหมรู้จักพี่เบศมาตั้งนาน ไม่ยักรู้เลยนะคะว่าพี่เบศมีเพื่อนเป็นดาราด้วย”
นฤเบศนั่งอึ้ง คิดหาข้อแก้ตัวไม่ทัน สุรีกานต์ยิ้มร้าย
“พอดีว่าเราเพิ่งมา” เธอเน้นเสียง “สนิท กันได้ไม่นานน่ะค่ะ จริงมั้ยคะ คุณสารวัตร”
สุรีกานต์ยิ้มหวานให้นฤเบศที่มองมางงๆ ก่อนจะแอบแยกเขี้ยวให้ นฤเบศรีบเออออตาม
“อ่า ใช่ครับ เพิ่งมารู้จักกันตอนน้องไหมไปเรียนนั่นแหละ… เอ้อ น้องไหมทานอะไรมารึยัง พอดีมื้อเช้าวันนี้สายหน่อย...เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวเพิ่มแล้วรวมกับมื้อกลางวันไปเลยล่ะกัน น้องไหมทานด้วยกันสิ”
“ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ ไหมเอากับข้าวมาเหมือนกัน” แพรไหมชูถุงกับข้าวให้ดู “ตอนแรกกะจะมาชวนพี่เบศกับป้ามลทานด้วยกัน แต่ป้ามลไม่อยู่แบบนี้ ทานกับคุณสุรีกานต์ก็ได้ค่ะ”
แพรไหมยิ้มให้ สุรีกานต์รู้สึกแปลกๆกับคำพูดแพรไหมแต่ก็ยิ้มรับเจื่อนๆ
บนโต๊ะมีไข่ดาวแฮมและขนมปังปิ้งของสุรีกานต์ วางคู่กับจานอาหารต่างๆของแพรไหม นฤเบศมองขำๆ
“แปลกๆหน่อยนะอาหารมื้อนี้…มา กินกันเถอะ”
ทั้งสามคนเริ่มทานข้าวกัน แพรไหมตักอาหารให้นฤเบศ
“น้ำพริกกะปิเจ้าอร่อยค่ะ ไหมไปรอคิวตั้งนาน จำได้ว่าพี่เบศชอบ”
“งั้นเราก็ทานนี่ด้วย ปลาทูทอด ทานปลาแล้วไม่อ้วนนะ”
“เอ๊ นี่พี่เบศว่าไหมอ้วนเหรอคะ ใจร้าย”
สุรีกานต์เห็นทั้งคู่สร้างโลกส่วนตัวกัน ก็แอบหันหน้าไปอีกทางทำท่าเหมือนจะอ๊วก ด้วยความหมั่นไส้ แพรไหมหันมาเห็น
“คุณสุรีกานต์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
สุรีกานต์รีบเปลี่ยนจากท่าอ๊วกเป็นยิ้มหวาน
“อ๋อ เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร”
“อาหารไม่ถูกปากหรือเปล่าคะ พอดีไหมดันซื้อแต่ของโปรดพี่เบศมาน่ะค่ะ คุณสุรีกานต์คงพอจะทานได้นะคะ”
สุรีกานต์ยิ้มร้าย
“ทานได้สิคะ อะไรที่คุณสารวัตรทานได้พี่ก็ทานได้ค่ะ แล้วก็ไม่ต้องเรียกคุณสุรีกานต์หรอกนะคะ เรียกพี่โซ่ก็ได้ ไหนๆพี่ก็สนิทกับพี่เบศของน้องไหมแล้ว พี่ก็อยากสนิทกับน้องไหมด้วย”
สุรีกานต์ยิ้มหวานจ้องหน้า แพรไหมมองรอยยิ้มแล้วใจหวั่นๆ สุรีกานต์รีบหันไปหานฤเบศอ้อนๆ
“คุณ ตักปลาทูทอดให้ฉันหน่อยสิ”
นฤเบศตักให้
“ดีทานปลามากๆแล้วทำให้ฉลาด”
สุรีกานต์ยิ้มกัดฟันที่โดนกัด แล้วก้มหน้าทานปลาทูที่นฤเบศตักให้ แต่สายตาก็แอบเหล่แพรไหมที่นั่งนิ่งมองมา สุรีกานต์แอบยิ้มสะใจเล็กๆ
“ค่อก”
นฤเบศหันมาถาม
“เป็นอะไรคุณ”
สุรีกานต์ตะกุกตะกัก ท่าทางตลกๆ
“กะ ก้าง แค่กๆ ก้างติดคอ”
นฤเบศตาโต
“คุณนี่จริงๆเลย กลืนข้าวสิ ตักข้าวเปล่ากลืนลงไป” เขาคว้าช้อนสุรีกานต์มาตักข้าวแล้วป้อน “อ้าปากสิคุณ กลืนลงไป อย่าคายนะ”
อ่านต่อหน้าที่ 3
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 7 (ต่อ)
สุรีกานต์หลับตาปี๋กลืนข้าวลงคอไป ก่อนจะไอค่อกแค่ก น้ำหูน้ำตาไหล นฤเบศหยิบทิชชู่มายืนให้
“เป็นไงบ้างคุณ”
“อือ ฉันโอเคแล้ว”
นฤเบศเห็นท่าทางจ๋อยๆ แล้วสงสาร
“เอ้า นี่น้ำ ดื่มตามไปซะ คราวหลังก็ดูดีๆด้วย”
“ฉันก็ดูดีแล้วนะ แต่มันไม่เห็นนี่”
“งั้นกินอย่างอื่นแทนไปเลย”
สุรีกานต์เสียงอ่อย
“แต่ฉันอยากกินปลาทูนี่”
นฤเบศถอนหายใจแรงๆ ตักปลาทูมาเลาะก้างออกแล้ว มาวางในจานสุรีกานต์ให้
“เอ้า...เอาก้างออกให้แล้ว กินซะ”
สุรีกานต์มองหน้าเขาแล้วยิ้มขอบคุณ นฤเบศส่ายหัวยิ้มๆ แพรไหมมองการกระทำของทั้งคู่ด้วยสีหน้าเจื่อนๆ รู้สึกเจ็บในหัวใจ
นฤเบศเดินมาส่งแพรไหมหน้ารั้วบ้าน มีสุรีกานต์เดินตามมาห่างๆ
“ทำไมรีบกลับล่ะน้องไหม น่าจะอยู่คุยกันก่อนนะ”
“คือ ไหมต้องไปทำธุระน่ะค่ะ ไว้วันหลังไหมแวะมาหาใหม่นะคะ”
นฤเบศยิ้มจริงใจให้ แพรไหมยิ้มกลับเจื่อนๆ เปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง ก่อนจะเลื่อนกระจกลง
“ไหมไปนะคะ”
“ขับรถดีๆล่ะ” นฤเบศชี้หน้ายิ้มๆ “อย่าซิ่ง”
แพรไหยิ้ม
“ไปล่ะค่ะ บ๊ายบายค่า”
รถแพรไหมเคลื่อนออกไป นฤเบศยืนมองส่งจนลับตา
“มองตามขนาดนั้น ไม่ขับรถตามไปส่งด้วยเลยล่ะ” สุรีกานต์ประชด
นฤเบศหันกลับมามอง
“หือ...”
“ฉันให้ยืมรถก็ได้นะถ้ากลัวคุณหนูเขาจะรู้ ตอบแทนที่ฉันมาพักบ้านคุณไง”
“อะไรของคุณเนี่ย”
“เปล๊า ไม่เอาก็ตามใจ” สุรีกานต์เบ้หน้ายักไหล่
นฤเบศบ่น
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง… ไป เข้าบ้าน รีบไปเตรียมตัวเถอะ เรามีภารกิจรออยู่นะ”
นฤเบศมองหน้าสุรีกานต์อย่างจริงจัง แล้วพากันเดินเข้าบ้านไป
แพรไหมนั่งกินเค้กอยู่ที่ร้านในห้างสรรพสินค้าท่าทางเหม่อลอย กวินเข้ามาในร้านแล้วเดินไปยืนเลือกเค้กที่ตู้
“บลูเบอร์รี่ชีสพาย ช็อคโกแลตมูสเค้ก ทีรามิสุ อย่างละชิ้น ใส่กล่องกลับบ้านครับ”
กวินตั้งใจจะหาที่นั่งรอ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแพรไหมนั่งเหม่อมองออกไปนอกร้าน
“ขอโทษครับ ที่สั่งเมื่อกี้ขอเปลี่ยนเป็นทานนี่นะครับ แล้วก็เพิ่มอเมริกาโน่เย็นที่นึงด้วยครับ”
กวินยิ้มให้พนักงานแล้วเดินตรงไปที่โต๊ะแพรไหมที่มัวแต่นั่งเหม่อเลยไม่ได้สังเกตเขา
“นั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”
แพรไหมหันมา
“อ้าว คุณวิน เชิญค่ะ”
กวินนั่งลง
“คุณไหมมาคนเดียวหรือครับ”
“ค่ะ”
พนักงานเอาเค้กและกาแฟที่กวินสั่งมาเสิร์ฟแล้วเดินออกไป
แพรไหมมองขนมที่กวินสั่งมา
“โอ้โห สั่งมาเยอะขนาดนี้ ทานหมดหรือคะเนี่ย”
“หมดสิครับ มีคุณไหมอยู่ทั้งคน คุณไหมช่วยผมทานได้แน่ๆ”
“โอ๊ย ไหมไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ อิ่มมากเลยตอนนี้”
“อิ่มอะไรล่ะครับ ฟรุตเค้กที่คุณไหมสั่งมาพร่องไปไม่กี่คำเอง แถมชามะนาวของคุณไหมก็ละลายหมดแล้วด้วย”
แพรไหมอึ้งๆที่กวินสังเกตได้ละเอียดยิบเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆให้
“คุณไหมท่าทาง มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ ปรึกษาผมได้นะครับ อย่าลืมว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
แพรไหมท่าทางเศร้าๆ
“คือ ไหมไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงดี บางทีไหมอาจจะคิดไปเองก็ได้”
“งั้นเอางี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวกินนี่หมดแล้วผมพาคุณไหมไปที่นึง รับรองคุณไหมจะลืมทุกอย่างที่ไม่สบายใจไปเลย” กวินยิ้มจริงใจ
แพรไหมแปลกใจสงสัย
“ไหมไม่ดื่มเหล้านะคะ”
กวินหัวเราะ
“ผมไม่ชวนคุณไหมเมาตั้งแต่กลางวันแสกๆแบบนี้หรอกครับ แล้วอีกอย่าง เหล้าไม่ช่วยให้หายเศร้าหายทุกข์หรอกครับ ช่วยให้แค่ลืมไปครู่เดียวเท่านั้น คุณไหมไม่ดื่มน่ะดีแล้ว”
กวินพูดยิ้มๆแล้วทานเค้กต่อ แพรไหมมองเขาอย่างครุ่นคิด
รถลีมูซีนของริชาร์ดแล่นเข้ามาจอดที่จุด Bag drop คลับเฮ้าส์สนามกอล์ฟ บอดี้การ์ดเดินมาเปิดประตูให้ ริชาร์ดก้าวลงจากรถเหลียวมองสนามกอล์ฟยิ้มแบบมีเลศนัย แคดดี้เข้ามารับถุงกอล์ฟของริชาร์ดที่เก็บไว้ด้านท้ายรถ ริชาร์ดและบอดี้การ์ดเดินเข้าไปในคลับเฮ้าส์ มุมหนึ่งไกลออกไป รถตู้ทีมเดอะซันจอดอยู่ ปรีตินั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์แตะหูฟังสายลับ
“เดอะซันสามเรียกทีมเดอะซันและเนปจูน เป้าหมายมาถึงแล้ว”
ในสนามกอล์ฟมีลูกค้า 2-3 คนกำลังซ้อมไดร์กอล์ฟอยู่ ริชาร์ดเริ่มตีอย่างใจเย็น มีบอดี้การ์ดยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ ไม่ไกลกันนั้น อัศวินและประเสริฐปลอมตัวเป็นลูกค้าซ้อมไดร์ฟกอล์ฟอยู่ แอบเหลือบมองริชาร์ดผ่านลูกค้า 2-3 คนอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไร้วี่แววคนที่จะมาหา ริชาร์ดยังคงซ้อมไดร์ฟกอล์ฟอยู่อย่างใจเย็น บังเอิญหันมาเห็นอัศวินที่กำลังมองมาพอดี อัศวินแกล้งทำเป็นเอี้ยวตัวตีลูกกอล์ฟกลบเกลื่อนพิรุธ
อัศวินหันไปพูดกับประเสริฐ สำเนียงจีน
“ธุรกิจกระเทียมดองลื้อเป็นไงบ้างวะ อั๊วได้ข่าวว่ากำลังจะส่งออกไปขายที่ไต้หวันนี่”
“อ่า ก็ดี ไปได้สวยอยู่ นี่กะว่าจะเพิ่มไลน์บ๊วยดองกับผักกาดดองอยู่”
ริชาร์ดเห็นอัศวินและประเสริฐท่าทางไม่มีพิรุธ ดูกลมกลืนกับลูกค้าคนอื่นๆ จึงไม่ติดใจสงสัยอะไร บอดี้การ์ดเดินมากระซิบริชาร์ด
“พร้อมแล้วครับท่าน”
ริชาร์ดลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากสนาม อัศวินรีบแตะหูฟัง
“เดอะซันสองเรียก เป้าหมายเคลื่อนที่แล้ว”
ริชาร์ดเดินมาขึ้นรถกอล์ฟพร้อมกับบอดี้การ์ด แคดดี้ขับรถกอล์ฟออกไป นฤเบศและสุรีกานต์ใส่ชุดคู่รักแบบเข้าชุดสีหวานแหววโผล่ออกมา สุรีกานต์สวมหมวกปีกกว้าง ใส่แว่นดำพรางตัว นฤเบศก็ติดหนวด เปลี่ยนทรงผม ใส่แว่นดำและใส่หมวกแก๊บเช่นกัน นฤเบศบ่นอย่างเซ็งๆ
“แทนที่จะเนียน ผมว่าไอ้ชุดคู่รักบ้าๆของคุณเนี่ยจะทำให้เรายิ่งเด่น ผมไม่น่าบ้าจี้ตามคุณเลยจริงๆ”
“คุณก็คิดมากไปได้ คู่รักที่ไหนเขาก็ใส่แบบนี้กันทั้งนั้นแหละ”
“เหอะ ผมว่าคุณอยากใส่เองมากกว่ามั้ง ชีวิตนี้ไม่เคยได้ใส่อะไรแบบนี้เลยสิท่า คุณนางร้ายฉายเดี่ยว”
สุรีกานต์โกรธ
“อ๊าย...ไอ้ๆ …”
เสียงจ่ายมดังขัดขึ้น
“มาแล้วครับ เอ้ย ค่ะ”
รถกอล์ฟแล่นมาจอด จ่ายมปลอมตัวเป็นแคดดี้สาวเป็นคนขับ สุรีกานต์กับนฤเบศเห็นสภาพจ่ายมก็แอบขำ แต่พอมองหน้ากัน สุรีกานต์ก็แยกเขี้ยวใส่แล้วเชิดหน้าเดินขึ้นรถกอล์ฟไป นฤเบศ ส่ายหัวระอาแล้วตามขึ้นไป จ่ายมออกรถตามริชาร์ดไปทันที
กวินกับแพรไหมหยุดอยู่หน้าสยามโอเชี่ยนเวิลด์ด้วยกัน
“คุณวินจะเข้าไปจริงๆเหรอคะ ไหมว่า…”
กวินสวนขึ้นมา
“ไปกันดีกว่าครับ”
กวินยิ้มให้แล้วเดินนำไปทันที แพรไหมจะเรียกก็ไม่ทัน กวินเดินเข้าไปเต้นกับแมสคอตเหล่าปลาทั้งหลายที่เต้นตามเพลงอยู่หน้าทางเข้า กวินกวักมือเรียก แต่แพรไหมก็สั่นหัวยิ้มๆ เขาพยายามกวักมือเรียกอีก เธอเลยยอมเดินตามไป กวินเต้นอย่างสนุกสนาน แพรไหมเต้นอายๆ ครู่เดียวเพลงก็จบ กวินเลยขอถ่ายรูปกับแมสคอตก่อน
“คุณไหมถ่ายด้วยกันนะครับ”
แพรไหมยังไม่ทันได้ปฏิเสธก็โดนเขาลากมาถ่ายด้วย เธอยิ้มให้กล้องแบบเขินๆ แต่ก็เริ่มสนุกไปกับเขาแบบไม่รู้ตัว
กวินกับแพรไหมเดินดูปลาและสัตว์อื่นๆท่าทางสนุกสนานเพลิดเพลิน เขาชี้ชวนให้เธอดูนู่นนี่ไปเรื่อย เห็นอะไรแปลกๆก็ชวนกันเล่นไปหมด และผลัดกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กวินแอบถ่ายรูปแพรไหมตอนเผลอไว้ด้วย เขามองรูปในมือถือแล้วยิ้มกับตัวเอง...กวินและแพรไหมเดินมาดูของในโซนขายของที่ระลึกเขาหยิบตุ๊กตาหลายตัวให้เธอเลือก แพรไหมชี้ปลานีโม่ กวินเลยหยิบปลานีโม่เดินไปจ่ายตังค์
“ขอบคุณคุณวินมากๆเลยนะคะ ไหมสนุกมากเลย”
“คุณไหมสนุกผมก็ดีใจครับ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอีก บอกผมได้นะครับ ผมมีที่สนุกๆพาคุณไหมไปอีกเยอะเลย”
“แหม อยากได้เพื่อนเที่ยวก็บอกไหมตรงๆก็ได้ค่ะ ถ้าไหมว่างก็ยินดีไปเป็นเพื่อนคุณกวินอยู่แล้ว”
กวินหัวเราะ เห็นแพรไหมอารมณ์ดีร่าเริงเหมือนที่เคยเป็นก็ยิ้มออก พร้อมทั้งยื่นตุ๊กตาปลานีโม่ให้
“ที่ระลึกจากผมครับ ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนผมเที่ยว”
แพรไหมจะปฏิเสธ กวินรีบยัดตุ๊กตาใส่มือให้
“รับไปเถอะครับ ผมตั้งใจจะซื้อให้คุณไหมอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะ”
กวินและแพรไหมยิ้มให้กัน
สุรีกานต์มองภาพจากกล้องส่องทางไกลซึ่งบันทึกภาพถ่ายได้ เห็นริชาร์ดนั่งรถกอล์ฟไปพร้อมบอดี้การ์ดและแคดดี้ ริชาร์ดลงตีกอล์ฟตามหลุมต่างๆ อย่างใจเย็น แคดดี้เดินไปเก็บลูกให้ตามปกติ ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาพบริชาร์ดที่สนามกอล์ฟ...นฤเบศยืนไดร์ฟกอล์ฟ จ่ายมที่เป็นแคดดี้ยืนลุ้นอยู่ห่างๆ แต่จริงๆ ทั้งสามคนแอบจับตามองริชาร์ดตลอด สุรีกานต์ลดกล้องในมือลง เริ่มโมโห
“นี่ คุณได้ยินมาผิดหรือเปล่า ฉันส่องจนตาจะทะลุเข้าไปในกล้องอยู่แล้วยังไม่เห็นหมาแมวสักตัวเฉียดมาใกล้เลย”
“ไม่ผิดหรอก ผมกับหมวดปรีติได้ยินมาเต็มสี่รูหู แต่ผมว่าบางทีพลูโตอาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้นะว่าโดนตาม ก็คุณเล่นยกกล้องส่องโจ่งแจ้งซะขนาดนี้”
“ฉันไม่โง่ให้มันรู้ตัวหรอกน่า โซ่สุรีกานต์ซะอย่าง บทแบบนี้ฉันเล่นมาไม่รู้ตั้งกี่เรื่องแล้ว รับรองพลิ้ว”
นฤเบศโมโห
“ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ยว่านี่มันไม่ใช่…”
นฤเบศชะงัก เห็นสุรีกานต์ยื่นหน้ามาใกล้ ยิ้มหวาน ซับเหงื่อให้
“อะ อะไรของคุณ” นฤเบศตกใจเขินๆ
สุรีกานต์กระซิบรอดไรฟัน
“ขยับมาใกล้ๆ ยิ้มด้วย”
นฤเบศขมวดคิ้ว
“ร้อนจนเพี้ยนเลยรึไง”
“อากาศร้อนจังเลยนะคะที่รัก” สุรีกานต์กระซิบ “ยิ้มสิ พลูโตมันมองอยู่นะ”
นฤเบศแอบเหล่ผ่านหมวกปีกกว้างที่ใช้บังพวกเขาทั้งคู่มองไปทางริชาร์ด เห็นบอดี้การ์ดเดินมากระซิบข้างหู ริชาร์ดขมวดคิ้วมองมาทางพวกเขานิ่ง
“มีอะไรหรือเปล่าครับนาย”
“สองคนนั้นท่าทางน่าสงสัย”
“ไม่น่ามีอะไรนะครับ ผมคอยสังเกตอยู่ ท่าทางเป็นคู่รักธรรมดามาตีกอล์ฟกันเฉยๆ หรือนายอยากให้ผมไปจัดการให้ครับ ตอนส่งของนายจะได้สะดวก”
“ไม่เป็นไร” ริชาร์ดมองไปทางสองคนนิ่ง ยิ้มเหี้ยม “ยังไงก็ไม่มีใครขวางทางฉันได้หรอก...แต่ยังไงก็ระวังไว้ด้วยแล้วกัน”
“ครับ”
นฤเบศกับสุรีกานต์ที่ซับเหงื่อซบไหล่กันสวีทหวานจ๋อย ทั้งคู่เห็นริชาร์ดเดินขึ้นรถกอล์ฟไปหลุมต่อไปก็ถอนหายใจเฮือก
“เกือบไปแล้ว ดีนะฉันไหวตัวทัน รีบเอาหมวกบังไว้ ไม่งั้นริชาร์ดมันอาจจะจำฉันได้ก็ได้ จ้องเขม็งขนาดนั้น ว่าแต่มันจะไปอีกกี่หลุมเนี่ย ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” สุรีกานต์บ่นอุบ
“อย่ามัวแต่บ่น รีบตามไปเร็ว”
นฤเบศไม่สนใจรีบลากสุรีกานต์ขึ้นรถ แล้วสั่งให้จ่ายมขับตามไปทันที
รถกอล์ฟของกลุ่มนฤเบศ ขับผ่านซุ้มอาหารในสนามกอล์ฟ สุรีกานต์สั่ง
“จอดๆ จอดก่อนๆ ฉันขอพักแปบนึง”
“อะไรของคุณเนี่ย เราไม่ได้มาเที่ยวกันนะ”
“ฉันรู้แล้วน่า แต่ฉันว่าพวกเราอาจจะโดนหลอกก็ได้ ไม่แน่พวกมันอาจจะยกเลิกนัดไปแล้ว หรือไม่คนที่มาพบพลูโตอาจจะรออยู่ที่คลับเฮ้าส์แล้วก็ได้”
“ที่คลับเฮ้าส์มีเดอะซันสองกับเดอะซันสี่คอยสังเกตการณ์อยู่ ถ้ามีอะไรผิดปกติเขาต้องแจ้งเราทันที”
“งั้นก็แสดงว่ายังไม่มีอะไร งั้นฉันขอพักแปบนึงนะ ยังไงมองจากตรงนี้เราก็เห็นพลูโตได้อยู่ดี นะคุณ นะๆ”
นฤเบศมองสภาพสุรีกานต์แล้วสงสาร
“เออๆ พักก็พัก...เรื่องมากจริงๆ”
สุรีกานต์เดินลงไปนั่งพักอย่างร่าเริง นฤเบศและจ่ายมเดินตามไปด้วย
“ผมว่าที่เนปจูนพูดอาจจะจริงก็ได้นะครับ เราตามมันมาตั้งนาน ไม่เห็นมีใครเข้าใกล้มันเลย ไม่แน่พวกมันอาจจะไหวตัวทัน เลื่อนนัดส่งของออกไปก่อนก็ได้”
นฤเบศหน้าเครียด จ่ายมเดินแยกเอาของไปวาง สุรีกานต์เดินถือน้ำเข้ามาให้ตรงหน้า นฤเบศสังเกตเห็นอะไรบางอย่างรีบดึงสุรีกานต์เข้ามากอดจนชิด สุรีกานต์เหวอ ตกใจ
“ทะ...ทำอะไรของคุณห๊ะ”
“เงียบ อยู่นิ่งๆ”
นฤเบศกอดสุรีกานต์แต่แอบส่องกล้องมองไปทางกลุ่มริชาร์ด เห็นบอดี้การ์ดเหลือบมองซ้ายขวาแล้วเดินไปเก็บลูกกอล์ฟในหลุม แต่แอบเอาลูกกอล์ฟที่บรรจุยาเสพติดใส่ไว้แทน นฤเบศไม่ได้เอะใจ
“คะ คุณ…”
สุรีกานต์เขิน พยายามจะดิ้น นฤเบศกดหัวให้ซบลงไปกับบ่าให้ดูแนบเนียน เหมือนคู่รักกอดพลอดรักกันอยู่ เขากระซิบข้างหู
“ตอนนี้เราเป็นคู่รักกัน แค่กอดแค่นี้เล่นให้สมบทบาทหน่อยสิคุณ”
นฤเบศหัวเราะเบาๆกับท่าทีฮึดฮัดแต่ทำอะไรไม่ได้ของสุรีกานต์...อีกทางกลุ่มลูกค้าอีกกลุ่มตามหลังกลุ่มริชาร์ดมาติดๆ นฤเบศรีบกดกล้องบันทึกภาพไว้ ภาพจากกล้องเห็นมงคลพาลูกค้าชายกลุ่มหนึ่งมาออกรอบ นฤเบศพึมพำเบาๆ
“หน้าคุ้นๆ”
นฤเบศจ้องหน้ามงคล แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
“มันจะนานเกินไปแล้วมั้ง”
สุรีกานต์ผลักออก บ่นเบาๆ
“ฉวยโอกาสจริงๆ”
นฤเบศไม่ได้สนใจเสียงโวยวาย มัวแต่มองมงคลอย่างครุ่นคิด จ่ายมรีบเดินเข้ามา
“พลูโตกำลังจะกลับไปที่คลับเฮ้าส์แล้วครับ”
ทุกคนรีบไปขึ้นรถกอล์ฟทันที นฤเบศแตะหูฟัง
“เดอะซันหนึ่งเรียกเดอะซันสองและเดอะซันสี่ เป้าหมายกำลังไปคลับเฮ้าส์”
นฤเบศหันมองไปทางมงคลอีกครั้งอย่างสงสัย เห็นมงคลพาลูกค้าที่มาออกรอบไปถึงหลุมที่ริชาร์ดเพิ่งตีเสร็จ มงคลมาเก็บลูกกอล์ฟที่ริชาร์ดตีทิ้งไว้ให้ที่หลุมสุดท้าย แต่นฤเบศก็ไม่ทันได้เอะใจอะไร
นฤเบศและสุรีกานต์เดินควงแขนแบบคู่รัก แอบสะกดรอยตามริชาร์ดมาเรื่อยๆ จนริชาร์ดเดินลับหายเข้าไปในห้องอาบน้ำ บอดี้การ์ดเดินไปรอที่รถ นฤเบศเหลือบมองเห็นประเสริฐส่งสัญญาณทางสายตาให้ แล้วประเสริฐก็สะกดรอยตามบอดี้การ์ดริชาร์ดไปแบบเงียบๆ นฤเบศหันมาเห็นสุรีกานต์จะเข้าห้องน้ำชาย
“เฮ้ย หยุดก่อน คุณจะทำอะไร”
“ก็ตามเข้าไปไง”
“แต่นี่มันห้องอาบน้ำชาย คุณเข้าไม่ได้”
“ฮึ่ย งั้นคุณก็รีบเข้าไปเลย ไม่แน่พลูโตมันอาจจะนัดส่งของกันในนั้นก็ได้ เหนื่อยมาทั้งวันขนาดนี้ ฉันไม่ยอมกลับไปมือเปล่าหรอกนะ”
“ใจเย็นสิคุณ ยังไงมันก็ไม่มีทางคลาดสายตาเราแน่ๆ เดี๋ยวผมเข้าไปเอง คุณไปรอที่รถก่อนล่ะกัน ระวังตัวด้วยนะ”
สุรีกานต์พยักหน้ารับ นฤเบศมองมาอย่างเป็นห่วงก่อนจะผละเข้าห้องอาบน้ำไป
นฤเบศเห็นริชาร์ดกำลังเตรียมตัวจะเข้าไปอาบน้ำ เหลือบไปเห็นอัศวินอยู่ในห้องน้ำด้วย ทั้งคู่สบตากันนิดหนึ่ง แล้วต่างก็จัดการกับธุระของตัวเองต่อโดยแอบมองริชาร์ดไปด้วย ริชาร์ดกำลังจะเดินเข้าไปอาบน้ำ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับ
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย…เดี๋ยวผมมีธุระต่อ…ใช่…แล้วไว้คุยกันอีกที”
ริชาร์ดวางสายไปแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ อัศวินทำเนียนๆเดินมาเอาของตรงล็อกเกอร์มีนฤเบศนั่งอยู่ตรงเก้าอี้เปิดกระเป๋าค้นหาของไปเรื่อย ต่างคนต่างไม่สนใจกัน อัศวินพูดเบาๆ
“เมื่อกี้มันพูดว่าเรียบร้อย”
นฤเบศขมวดคิ้ว
“ใช่ แต่ไม่รู้มันหมายถึงเรื่องอะไรกันแน่ ไม่เห็นมีใครเข้าถึงตัวมันสักคน”
“มันบอกว่ามีธุระต่อ หรือมันจะเปลี่ยนเป็นที่อื่นแทน”
“ก็อาจเป็นไปได้ คอยจับตาดูต่อไปล่ะกัน”
อัศวินเดินผละออกไปเพื่อไม่ให้คนสงสัย นฤเบศมองไปทางห้องน้ำที่ริชาร์ดอย่างครุ่นคิด แต่อยู่ดีๆริชาร์ดก็เปิดประตูออกมา นฤเบศตกใจรีบเบนสายตาไปทางอื่น แล้ววุ่นวายกับของในกระเป๋าแทน แต่ดันทำให้กล้องส่องทางไกลร่วงจากกระเป๋ากระเด็นไปอยู่ใกล้ๆเท้าของริชาร์ด นฤเบศชะงัก ริชาร์ดก็ก้มมองก่อนจะหยิบขึ้นมา นฤเบศหายใจไม่ทั่วท้อง มองอย่างลุ้นๆ อัศวินก็แอบมองอย่างลุ้นๆเช่นกัน ริชาร์ดหันมาถาม
“ของคุณใช่มั้ย”
นฤเบศรับมา เปลี่ยนท่าทางเป็นคนอารมณ์ดี
“โอ้ ขอบคุณครับ ดีนะเนี่ยที่ไม่พัง ของรักแฟนผมเลย เธอชอบส่องสัตว์ตอนกลางคืน เดี๋ยวผมก็จะพาเธอไปทริปต่อพอดีเลยเนี่ย เกิดกล้องพังขึ้นมา ผมได้โดนโวยแน่ ขอบคุณคุณอีกครั้งนะครับ”
ริชาร์ดมองหน้านฤเบศที่ยิ้มจริงใจให้ ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง นฤเบศพ่นลมหายใจออกมา สบตากับอัศวินที่แอบมองอยู่ โล่งใจ
สุรีกานต์มารออยู่ในรถตู้สายลับกับปรีติ
“ทำไมเงียบไปเลย จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ”
“อย่าห่วงเลยครับ ถ้ามีอะไรพวกเขาต้องรีบบอกแล้วล่ะ”
จ่ายมที่เปลี่ยนชุดกับประเสริฐวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา สุรีกานต์ถามทันที
“เป็นไงบ้าง”
ประเสริฐส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรเลยครับ บอดี้การ์ดแค่เอาของไปเก็บแล้วก็ไปยืนรอที่หน้าประตูคลับเฮ้าส์ มันไม่ได้แวะที่ไหน หรือพูดคุยกับใครเลย”
สุรีกานต์ครุ่นคิด
“หรือมันจะนัดส่งของกันในห้องอาบน้ำจริงๆ”
“คงต้องรอสองคนนั้นแหละครับถึงจะรู้” จ่ายมบอก
ขณะที่ทุกคนรออยู่อย่างกระวนกระวายใจ ก็เห็นริชาร์ดเดินออกมาจากคลับเฮ้าส์และขึ้นรถลีมูซีนออกไป นฤเบศและอัศวินรีบวิ่งตามมาแล้วขึ้นรถ
“ตามไปเร็ว พลูโตมันนัดใครไว้แน่ๆ มันยังไม่ได้ส่งของให้ใครเลยสักคน”
จ่ายมรีบออกรถตามรถริชาร์ดไปทันที
รถตู้สายลับทีมเดอะซัน ขับสะกดรอยตามรถของริชาร์ดไปอย่างไม่ลดละ ทีมเดอะซันหน้าเคร่งเครียด แต่ทางริชาร์ดยังไม่ได้เอะใจอะไร...รถลีมูซีนของริชาร์ดแล่นมาจอดที่หน้าโกดัง ด้านนอกมีตู้คอนเนอร์วางเรียงรายเต็มไปหมด หน้าโกดังมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ 2 คน ริชาร์ดลงจากรถเดินเข้าไปในโกดังพร้อมกับบอดี้การ์ด รถตู้สายลับของทีมเดอะซันจอดซุ่มหลบมุมอยู่ด้านนอกโกดัง นฤเบศกวาดตามองเข้าไปในโกดัง
“สงสัยเราจะเจอรังมันเข้าซะแล้ว”
ทุกคนมองไปที่โกดัง สีหน้ามีความหวังขึ้นมาทันที
นฤเบศ สุรีกานต์ และทีมเดอะซันยืนอยู่นอกรถ ทุกคนยกเว้นสุรีกานต์กำลังเตรียมปืน และใส่หมวกพรางตัวเพื่อจะบุกเข้าไปข้างใน
“ผู้กองอัศวิน คุณไปกับหมวดปรีติ หมวดประเสริฐไปกับจ่ายม ส่วนคุณรออยู่ที่รถ”
สุรีกานต์หน้าเหวอ
“ได้ไง”
“ทำไมจะไม่ได้ คุณเป็นสายลับ ไม่ใช่ตำรวจ มันอันตรายเกินไป”
“แต่คุณลากฉันเข้ามาเกี่ยวด้วยขนาดนี้จะให้ฉันนั่งรออยู่เฉยๆได้ไง ฉันจะไปด้วย”
“แต่…”
สุรีกานต์ขัดขึ้น
“เอาปืนมา”
“เออ จะไปก็ไป แต่ไม่ต้องเอาปืนไปหรอก อยู่ใกล้ๆผมแล้วอย่าก่อเรื่องเป็นพอ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันเคยเวิร์คช็อปมาแล้ว ฉันยิงเป็น เอาปืนมา”
นฤเบศเห็นท่าทางแน่วแน่ของสุรีกานต์ก็ถอนหายใจ หันไปพยักหน้าให้จ่ายมหยิบปืนสำรองในรถส่งให้ สุรีกานต์รับปืนไปถือ แอบกลัวแต่ก็พยายามทำใจกล้า
“ทุกคนระวังตัวด้วย” นฤเบศหันไปทางสุรีกานต์ “ส่วนคุณ อย่าห่างผมเด็ดขาด”
ทุกคนพยักหน้ารับ ก่อนทั้ง 3 ทีมจะมุ่งหน้าไปทางโกดังแล้วแยกย้ายกันไปคนละทาง
ริชาร์ดเดินเข้ามาในโกดัง บอดี้การ์ดยืนกระจายอยู่รอบๆ พ่อเลี้ยงกำธรที่มารออยู่ก่อนแล้วรีบเดินเข้าไปหา
“ผมขนสินค้ามาไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้ว คุณริชาร์ดจะเช็คเลยมั้ยครับ”
ริชาร์ดยิ้มอย่างพอใจ
นฤเบศพาสุรีกานต์ลัดเลาะมาอีกด้านหนึ่งของโกดัง มีบอดี้การ์ดคอยเผ้าอยู่ นฤเบศอาศัยจังหวะที่บอดี้การ์ดเผลอย่องไปด้านหลังใช้ไหวพริบจัดการจนสลบ โดยมีสุรีกานต์ที่อาศัยบทบู๊ที่เคยใช้ตอนถ่ายละครคอยช่วยอยู่อีกแรง นฤเบศพาสุรีกานต์ปีนบันไดหนีไฟขึ้นไปชั้นสองแล้วแอบหลบเข้าไปในโกดังแบบเงียบๆ
อ่านต่อหน้าที่ 4
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 7 (ต่อ)
อัศวินและปรีติลัดเลาะไปอีกด้านหนึ่ง แต่ก็เห็นบอดี้การ์ด 2 คนยืนคุ้มกันอยู่ ทั้งคู่สบตาแล้วพนักหน้าให้กัน จากนั้นต่างฝ่ายต่างจัดการบอดี้การ์ดอย่างละคนอย่างเงียบเชียบ ทั้งคู่กำลังจะไปต่อ แต่บอดี้การ์ดของริชาร์ดคนหนึ่งพยายามยันตัวลุกขึ้นและรีบวิ่งไปทางโกดังเพื่อรายงานริชาร์ด อัศวินและปรีติกำลังจะตามแต่อยู่ดีๆก็มีบอดี้การ์ดอีก 2 คนมาดักหน้า
จ่ายมและประเสริฐซุ่มมองบอดี้การ์ด 2 คนที่เดินคุ้มกันอยู่หน้าประตู จ่ายมหาก้อนหินมาขว้างให้เกิดเสียง หลอกให้บอดี้การ์ดสองเดินมาดูด้วยความสงสัย ก่อนจะอาศัยจังหวะที่บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินพ้นมุมมาแล้วจัดการให้สลบทันที บอดี้การ์ดอีกคนยังไม่ทันได้ร้องประเสริฐก็อัดให้สลบตามกันไป ประเสริฐส่ายหน้าให้กับสภาพ 2 บอดี้การ์ดอย่างปลงๆ ก่อนจะริบปืนแล้วรีบตามจ่ายมไป
บนระเบียงชั้นสอง นฤเบศพาสุรีกานต์เดินสำรวจโกดังอย่างระแวดระวัง เหลือบมองลงไปด้านล่างเห็นกลุ่มริชาร์ดและพ่อเลี้ยงกำธรกำลังเดินผ่านมา นฤเบศรีบดึงสุรีกานต์เข้าหลบได้อย่างหวุดหวิด จนทั้งหมดเดินผ่านไปทั้งคู่ก็ถอนหายใจโล่งอก
“ตกลงมันนัดส่งยาให้พ่อเลี้ยงกำธรที่นี่เหรอ ไหนคุณบอกมันนัดที่สนามกอล์ฟไง”
“ผมว่าคนที่มันนัดไม่น่าใช่พ่อเลี้ยงกำธร มันต้องมีเอเย่นต์ที่ใหญ่กว่านี้แน่ๆ”
“แล้วไหนล่ะ ที่สนามกอล์ฟก็ไม่เห็นมันจะทำอะไรกับใครเลย”
“เรื่องนั้นช่างมันก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเราต้องรู้ให้ได้ว่ามันซ่อนอะไรไว้ที่นี่ ใช่ยานรกนั่นแน่หรือเปล่า”
นฤเบศฉุดมือสุรีกานต์แล้วแอบวิ่งตามกลุ่มริชาร์ดต่อไปแบบเงียบๆ ริชาร์ดเดินมาถึงห้องโถงใหญ่ของโกดังที่มีลังบรรจุสินค้าจำนวนมากวางไว้กลางห้อง นฤเบศและสุรีกานต์ที่ตามมาหลบอยู่มุมหนึ่ง มองไปที่กล่องลังอย่างสงสัย สุรีกานต์กระซิบ
“ฉันว่าไอ้ลังพวกนั้นแน่ๆ”
ริชาร์ดก้าวไปที่ลังสินค้ากำลังจะเปิดฝาเพื่อดูด้านใน สุรีกานต์รีบหยิบมือถือขึ้นมาทันที แต่จังหวะที่กำลังพยายามยื่นมือเพื่อหามุมถ่าย ดันทำมือถือหลุดมือ นฤเบศคว้าไว้ได้ทันอย่างฉิวเฉียด สุรีกานต์หลับตาปี๋ ริชาร์ดชะงักหันมาทางที่นฤเบศสุรีกานต์แอบอยู่ด้วยเซ้นท์ แต่เสียงโวยวายขัดจังหวะขึ้นดึงความสนใจของริชาร์ดทำให้หันกลับมามองตามเสียงโวยวาย นฤเบศกับสุรีกานต์จึงรีบหลบ ริชาร์ดมองเห็นบอดี้การ์ดสภาพสะบักสะบอมวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“มีคนบุกรุกครับท่าน”
ริชาร์ดหันขวับไปทางที่นฤเบศและสุรีกานต์แอบอยู่ ทันเห็นนฤเบศกับสุรีกานต์รีบวิ่งออกจากที่หลบ
“จับมัน”
ริชาร์ดชี้ไปทางหลังไวๆของสารวัตรนฤเบศกับสุรีกานต์ บอดี้การ์ดทั้งหมดตามไล่ล่า ยิงปืนไปทางนฤเบศและสุรีกานต์ทันที ริชาร์ดขมวดคิ้วจำได้ลางๆว่าเป็นคู่รักที่สนามกอล์ฟ ก่อนจะกัดกรามแน่นอย่างโมโห
“เอาตัวมันมาให้ได้ ฉันอยากรู้ว่าใครกันที่มันกล้าเล่นกับฉัน”
นฤเบศยิงสกัด พาสุรีกานต์วิ่งหนีมาเรื่อยๆอย่างทุลักทุเล สุรีกานต์ก็พยายามยิงตอบโต้แต่ก็สู้ไม่ได้ นฤเบศดึงสุรีกานต์หลบวิถีกระสุนจากบอดี้การ์ดที่ไล่บี้มาได้อย่างฉิวเฉียด นฤเบศแตะหูฟัง
“ถอนกำลังด่วน เป้าหมายรู้ตัวแล้ว”
อัศวินและปรีติเพิ่งจัดการบอดี้การ์ดที่ยืนคุมเสร็จ ได้ยินคำสั่งก็กำลังจะหันหลังกลับแต่กลุ่มบอดี้การ์ดริชาร์ดจากด้านในวิ่งออกมาพอดี ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากบู๊ และไล่ยิงกันอย่างดุเดือด
จ่ายมและประเสริฐกำลังวิ่งกลับไปที่รถหลังจากได้ยินคำสั่ง ระหว่างทางก็ต้องคอยหลบกระสุนจากพวกบอดี้การ์ดริชาร์ดและคอยยิงสกัดไม่ให้พวกบอดี้การ์ดตามไปที่รถได้ด้วย
นฤเบศจูงมือสุรีกานต์หาทางหนีออกไปจากโกดัง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพ่อเลี้ยงกำธรและลูกน้องวิ่งมาจากด้านหนึ่ง พอจะวิ่งไปอีกทาง ริชาร์ดและบอดี้การ์ดก็วิ่งมาดักไว้ ทั้งสองทางไล่ยิงใส่ นฤเบศและสุรีกานต์ช่วยกันยิงตอบโต้จนอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บไปหลายคน จากนั้นนฤเบศก็พาสุรีกานต์หนีไปอีกทาง ฝ่ายริชาร์ดและพ่อเลี้ยงกำธรตามอย่างไม่ลดละ นฤเบศพาสุรีกานต์วิ่งขึ้นไปด้านบนของโกดัง หันไปมองด้านหลังก็เห็นอีกฝ่ายใกล้เข้ามาทุกที นฤเบศเหลือบไปเห็นเชือก เลยโอบเอวสุรีกานต์ไว้แน่น สุรีกานต์ตกใจ
“คุณจะทำอะไร”
“กอดผมไว้แน่นๆล่ะ หล่นลงไปเราไม่รอดแน่”
สุรีกานต์ตาโต ยังไม่ทันได้ตั้งตัว นฤเบศก็พาโหนเชือกลงไป พอถึงพื้นสุรีกานต์ก็แทบเข่าอ่อน แต่นฤเบศก็ฉุดมือแล้ววิ่งต่อออกไปนอกโกดัง ริชาร์ดที่เพิ่งวิ่งมาถึงไล่ยิงจากชั้นบนอย่างหัวเสีย ริชาร์ดตะโกนลั่น
“อย่าให้มันรอดไปได้”
จ่ายมและประเสริฐวิ่งมาถึงรถตู้สายลับที่จอดหลบไว้ก่อน พลางสอดส่องว่ามีใครตามมาได้หรือเปล่า จากนั้นอัศวินและปรีติก็วิ่งตามมาสมทบ อัศวินหอบๆ
“สารวัตรล่ะ”
“ยังไม่ออกมาเลย”
ทั้งหมดหันมองไปที่โกดังสีหน้าร้อนใจและเป็นห่วง
นฤเบศพาสุรีกานต์วิ่งออกมานอกโกดัง ผ่านกลุ่มบอดี้การ์ดที่นอนโอดโอยอยู่บนพื้น ด้านหลังเห็นบอดี้การ์ดอีกกลุ่มวิ่งตามมาไกลๆ สารวัตรนฤเบศเห็นจวนตัวจึงดึงสุรีกานต์เข้าไปหลบในซอกแคบๆ แต่ด้วยแรงกระชากบวกกับสุรีกานต์ไม่ทันตั้งตัว เลยถลาเข้ามาจูบนฤเบศ โดยบังเอิญ ทั้งคู่ตาโตจ้องตากันนิ่ง บอดี้การ์ดของริชาร์ดวิ่งผ่านทั้งสองคนไปโดยไม่ทันได้สังเกต สุรีกานต์และสารวัตรนฤเบศต่างฝ่ายต่างตกใจ ผละออกจากกันอย่างเขินๆ สุรีกานต์ตั้งท่าจะโวย แต่นฤเบศเหลือบไปเห็นบอดี้การ์ดที่วิ่งมาเห็นพวกเขาทั้งคู่พอดี
“หยุด...เอาไว้ด่าทีหลัง…หนีก่อนเร็ว”
สุรีกานต์ยังไม่ทันได้อ้าปากก็ถูก เขาฉุดมือพาวิ่งหนีไปอีกทางทันที
จ่ายม อัศวิน ปรีติ และประเสริฐ กำลังยืนรอหน้าเครียด อัศวินมองไปทางโกดังเห็นนฤเบศและสุรีกานต์วิ่งมาลิบๆ อัศวินหันไปสั่งจ่ายม
“จ่า สตาร์ทรถเร็ว”
ทุกคนหันไปมองตามพอเห็นนฤเบศและสุรีกานต์วิ่งมา ทุกคนก็เข้าประจำที่ นฤเบศกับ สุรีกานต์รีบขึ้นรถ แล้วรถตู้ทีมเดอะซันก็ขับออกไปทันที กลุ่มบอดี้การ์ดที่วิ่งตามมาไกลๆ เห็นรถของทีมเดอะซันกำลังแล่นออกไป ก็พยายามวิ่งตามแต่ก็ไม่ทัน ได้แต่ยิงตามอย่างหัวเสีย
ริชาร์ดตบหน้า ถีบ ผลักหัว บอดี้การ์ดทีละคนอย่างหัวเสีย
“พวกมันมีแค่ไม่กี่คน พวกแกยังจัดการไม่ได้อย่างนี้ไปตายซะ”
ริชาร์ดเอาปืนจะจ่อยิงอย่างโกธรแค้น พ่อเลี้ยงกำธรเข้าห้าม
“ใจเย็นก่อนคุณริชาร์ด พวกนั้นมีน้อยก็จริง แต่ดูท่าแต่ละคนจะฝีมือไม่ใช่เล่น”
“พวกมันเป็นใคร หรือตำรวจ”
“พวกมันบุกเข้ามาแต่ไม่ได้อะไรกลับไปแบบนี้ บางทีคุณอาจจะได้รู้เร็วๆ นี้ก็ได้ว่าพวกมันเป็นใคร”
ริชาร์ดนิ่งคิดแล้วกระตุกยิ้มเหี้ยมๆ
ทีมเดอะซันมานั่งประมวลหลักฐานกันต่อที่เซฟเฮ้าส์แต่ละคนหน้าเคร่งเครียด นฤเบศและสุรีกานต์ยังเขินเรื่อง first kiss หมาดๆ จึงนั่งแยกกันไกลต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
"ถ้าที่นั่นเป็นรังของพลูโตจริง ผมว่าไอ้ยา CN1 ต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ” อัศวินพูขึ้น
“ผมก็เห็นด้วยครับ มันวางกำลังคนคุมแน่นหนาขนาดนั้น ไม่น่าใช่อุปกรณ์เกี่ยวกับกอล์ฟธรรมดาๆ” ประเสริฐเห็นด้วย
ปรีติแปลกใจ
“แล้วสรุปพลูโตมันนัดใครไว้ ไม่เห็นมีใครมาหามันที่สนามกอล์ฟเลย”
จ่ายมสงสัย
“หรือมันจะรู้ว่าโดนเราตามเลยเปลี่ยนที่…สารวัตรคิดว่าไงครับ”
ทีมเดอะซันหันไปมองนฤเบศ เห็นนั่งเงียบหันไปมองทางอื่นนิ่ง ทีมเดอะซันมองหน้ากันงงๆ
“สารวัตรครับ สารวัตร สารวัตรครับ”
เสียงตะโกนของจ่ายมทำให้นฤเบศสะดุ้ง สุรีกานต์ที่มองไปอีกทางก็สะดุ้งหันมามองเช่นกัน เลยสบตากับนฤเบศที่หันมาพอดี ทั้งคู่จ้องตากันภาพตอนที่จูบปากกันโดยบังเอิญแว่บเข้ามา
“สารวัตรเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เสียงจ่ายมขัดจังหวะความคิด นฤเบศกับสุรีกานต์รีบเบนสายตาไปคนละทาง
“อ่า ไม่มีอะไรหรอก พอดีกำลังคิดเรื่อง…เรื่องโกดังมันนั่นแหละ แล้วจ่าว่าไงนะ”
“พวกผมกำลังคิดกันว่าพลูโตมันไปสนามกอล์ฟทำไมกันแน่ แล้วไอ้ยานรกนั่นจะอยู่ที่นั่นจริงหรือเปล่า”
“สารวัตรกับคุณโซ่เข้าไปด้านใน เห็นอะไรผิดปกติบ้างมั้ยครับ…” อัศวินหันไปมองสุรีกานต์ “คุณโซ่เป็นอะไรหรือเปล่าครับเป็นไข้หรือเปล่าครับ หน้าแดงเชียว”
สุรีกานต์สะดุ้ง
“เอ่อ ปะ เปล่าค่ะ สงสัยเพราะเมื่อกี้วิ่งเยอะไปหน่อย เลือดเลยสูบฉีดแรง แถมวันนี้อากาศมันก็ร้อนๆด้วยน่ะค่ะ”
ทีมเดอะซันมองสุรีกานต์แปลกๆ สุรีกานต์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ นฤเบศรีบพูดเข้าเรื่อง
“ในโกดัง มีลังไม้ใหญ่ๆหลายลัง ผมเดาว่ามันคงใช้เก็บสินค้าของมัน เสียดายเกือบจะรู้อยู่แล้วว่าข้างในนั้นมีอะไร ดันมีคนทำพิรุธออกมาก่อน”
สุรีกานต์หันขวับ เสียงแหว
“ก็ฉันอยากถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานนี่”
“คุณนี่อวดเก่งไม่เข้าเรื่อง ถ้าคุณไม่ควักมือถือขึ้นมาถ่าย ผมว่าป่านนี้เรารู้ไปแล้วว่ามันซ่อนอะไรไว้กันแน่ แถมเราอาจจะจับมันได้คาหนังคาเขาเลยด้วยซ้ำ”
สุรีกานต์โมโห เถียงไม่ออก จ่ายมเห็นสถานการณ์เริ่มตึงเครียดเลยรีบช่วย
“อ่า ไม่เป็นไรหรอกครับสารวัตร ยังไงเราก็รอดกันมาได้แล้ว แต่จะว่าไปผมก็ลุ้นแทบแย่ตอนสารวัตรกับคุณโซ่ยังไม่ออกมา นี่เกือบคว้าวอเรียกกำลังเสริมแล้วนะครับเนี่ย”
จ่ายมพยายามพูดให้สนุกสนานเฮฮา แต่คำพูดของจ่ายมทำให้นฤเบศกับสุรีกานต์เผลอสบตากัน แล้วต่างฝ่ายต่างรีบเบนหนีไปอีกทางอย่างเขินๆ สุรีกานต์ลุกลี้ลุกลน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ เหนื่อยมาทั้งวัน อยากพัก”
สุรีกานต์พูดจบก็เดินลิ่วๆออกไป ทีมเดอะซันมองตามกันงงๆ ปรีติหันมาถามนฤเบศ
“คุณโซ่ท่าทางแปลกๆ สงสัยคงเหนื่อยมากเลยนะครับ”
“ปล่อยเขาไปเถอะ ไม่อยู่ก็ดี เราจะได้คุยเรื่องคืนนี้สะดวกๆ”
ประเสริฐสงสัย
“คืนนี้มีอะไรเหรอครับ”
“คืนนี้เราจะไปที่โกดังนั่นอีกครั้ง ไปเฉพาะเราเท่านั้น ไม่มียัยนางร้ายสายลับนั่น”
ทุกคนมองนฤเบศที่มีสีหน้าจริงจังเคร่งเครียด
ค่ำนั้น สุรีกานต์ยืนมองตัวเองในกระจกในห้องน้ำ ก่อนจะอมน้ำยาบ้วนปาก
“อี๋ๆ ไอ้บ้า ไอ้คนฉวยโอกาส”
สุรีกานต์อมน้ำยาบ้วนปากอย่างเมามัน
“จูบแรกของฉัน อุตส่าห์รักษามาตลอดชีวิตเพื่อหนุ่มในฝัน แต่ไอ้ตำรวจบ้านี่มัน มัน… แหวะ”
นฤเบศได้ยินเสียงแปลกๆจากห้องน้ำ
“นี่ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
สุรีกานต์อมน้ำยา
“เดียวก่อน หย่ามะอุ่งกะอั้น”
นฤเบศที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ
“อะไรติดคอเหรอ”
นฤเบศตกใจผลักประตูเข้าไปอย่างแรง ประตูกระแทกหลังสุรีกานต์กลืนน้ำยาเอื๊อก แถมเรอตามอีกดอก เธอมองเขาตาเขียว
“คุณนี่มันฉวยโอกาสจูบฉันยังไม่พอ ยังจะโรคจิตมาแอบดูฉันเข้าห้องน้ำอีก”
“ไปกันใหญ่ล่ะคุณ ผมแค่จะมาเข้าห้องน้ำแต่คุณเข้าอยู่ แล้วผมก็ได้ยินเสียงแปลกๆ นึกว่าอะไรติดคอคุณก็เลยจะเข้ามาช่วย อ้อ...แล้วจะบอกให้รู้ตัวไว้ด้วยว่า คุณไม่ได้มีเสน่ห์ขนาดผมต้องยอมเสียเวลาหนีตายดึงคุณมาจูบหรอก”
“อ๊าย ไอ้บ้า ดึงไปจูบแท้ๆ ยังมีหน้ามาพูดเหมือนฉันทำให้คุณเสียเวลาอีก”
“นี่คุณ ไอ้ที่เกิดขึ้นมันเป็นจูบอุบัติเหตุ ผมไม่ได้ตั้งใจดึงคุณเพื่อมาจูบ แต่ผมดึงคุณเพื่อหลบไอ้พวกนั้นต่างหาก โวยวายเหมือนเสียจูบแรกไปได้ เอ๊ะ หรือว่า…”
สุรีกานต์หน้าแดง สวนทันที
“ไม่ใช่ย่ะ คุณลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันเป็นนางร้ายนะ บทจูบแค่นี้ฉันเล่นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว จูบกับคุณ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าไอ้ที่ปากแตะปากคุณน่ะแค่จิ๊บๆ”
สุรีกานต์ยักไหล่ นฤเบศหมั่นไส้
“เหรอ...งั้นมาแตะปากกันอีกสักครั้งมั้ยล่ะ” นฤเบศยักคิ้วกวนๆ
สุรีกานต์อายแต่เชิดหน้ากลบเกลื่อน
“ไม่ล่ะ ฉันเลือก อย่างคุณน่ะนอกสเปค หลีก”
พูดจบสุรีกานต์ก็ผลักเขาออก แล้วเดินดุ่มๆไป นฤเบศมองตาม
“ทำเป็นปากเก่ง แต่เขินซะหน้าแดงเชียว”
นฤเบศอมยิ้ม ก่อนจะปิดประตูเข้าห้องน้ำไป
สุรีกานต์ปิดประตูห้อง แล้วยืนพิงประตู
“ตำรวจบ๊อง อยู่ดีๆมาชวนจูบทุเรศ”
สุรีกานต์พูดไปแต่อมยิ้ม ก่อนจะได้สติ รีบสะบัดหัวแล้วเดินไปที่เตียง
“ฟุ้งซ่านล่ะ หลับๆๆ อย่าไปคิด”
สุรีกานต์พยายามข่มตาหลับ ผ่านไปสักครู่ก็ผุดลุกขึ้นนั่ง เหล่ฟูกนอนของนฤเบศที่อยู่ข้างเตียง ก่อนจะจัดการลากไปไว้ให้ไกลจากเตียงมากๆ นฤเบศเปิดประตูเข้ามา มองงงๆ
“ทำอะไรน่ะคุณ”
สุรีกานต์สะดุ้ง แต่ก็ทำหน้าตาย
“คุณไปนอนตรงนั้นนะ นอนข้างเตียงฉันแล้วฉันอึดอัด”
สุรีกานต์เดินไปนอนบนเตียง หันหลังให้แล้วห่มผ้ามิดชิด นฤเบศมอง ส่ายหัวขำๆ
“เพิ่งสองทุ่ม จะนอนแล้วเหรอ”
“ใช่ ฉันเหนื่อย คุณห้ามรบกวนฉันเด็ดขาด ห้ามเข้าใกล้เตียงในระยะ 1 เมตรด้วย” สุรีกานต์หยิบกรรไกรตัดเล็บออกมาขู่ “ไม่งั้นโดนแน่”
นฤเบศพึมพำ
“ประสาทใหญ่ล่ะ…คุณนอนไปเถอะ ผมจะไปนั่งดูทีวีข้างล่าง”
พูดจบก็เดินออกไป สุรีกานต์รอจนได้ยินเสียงประตูปิดก็หันไปมอง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา แล้วหลับตานอนอมยิ้มอย่างสบายใจ
บรรยากาศของโกดังสินค้าริชาร์ดค่อนข้างเงียบ มีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่หน้าโกดัง 2 คน นฤเบศและทีมเดอะซันในชุดพลางตัวแบบหน่วย SWAT หลบอยู่มุมหนึ่ง นฤเบศส่งสัญญาณมือให้ทีมเดอะซันแอบบุกเข้าไปข้างใน ทีมเดอะซันพยักหน้ารับคำสั่งแล้วเริ่มปฏิบัติการทันที...อัศวินและปรีติแอบเข้าไปจัดการบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าโกดังแบบเงียบๆ จนทั้งสองคนสลบเหมือด อัศวินหันมาส่งสัญญาณให้ว่าเรียบร้อย นฤเบศ จ่ายม และประเสริฐ ลัดเลาะอย่างเงียบกริบวิ่งไปทางโกดัง ทั้งหมดเปิดประตูเข้าไปด้านใน
นฤเบศและทีมเดอะซันจัดการเหล่าบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ตามรายทางอย่างเงียบเชียบ แล้วลัดเลาะมาถึงห้องโถงกลางโกดังที่มีลังสินค้าวางไว้ นฤเบศมองไปรอบๆอย่างครุ่นคิดอัศวินขยับมาใกล้ กระซิบ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“มันดูง่ายเกินไป” นฤเบศกวาดตามองอย่างสังเกต “บอกทุกคนระวังตัวด้วย”
นฤเบศมองไปที่ลังแล้วพยักหน้าให้สัญญาณ ทุกคนขยับเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเปิดไฟฉายในมือแล้วเปิดดูลังสินค้า แต่ก็พบว่าเป็นพวกไม้กอล์ฟ ถุงมือ และลูกกอล์ฟ ทีมเดอะซันรื้อคนอย่างเซ็งๆ นฤเบศมองนิ่งอยู่ครู่ ก่อนจะเอะใจมองไปข้างบน จังหวะเดียวกับเสียงแปลกๆดังขึ้น นฤเบศเบิกตากว้าง ตะโกนลั่น
“หลบ”
ลังไม้ขนาดใหญ่หลายลังตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น อุปกรณ์กอล์ฟมากมายกระเด็นออกมา ทีมเดอะซันกระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ล้มกระแทกพื้นและโดนของหล่นใส่จนบาดเจ็บเล็กน้อย ทุกคนรีบพลิกตัวถือปืนอย่างระแวดระวังทันที ริชาร์ด พ่อเลี้ยงกำธร และกลุ่มบอดี้การ์ดเดินออกมาจากระเบียงชั้นสองและชั้นล่างตามมุมต่างๆ บอดี้การ์ดเล็งปืนมาทางทีมเดอะซันซึ่งตกอยู่ในวงล้อม ริชาร์ดปรบมือเบาๆ
“หลบเก่งดีนี่ เห็นอยากจะรู้กันหนักหนาว่าในนี้มีอะไร ฉันเลยจัดไว้ให้ชุดใหญ่ เป็นไงถูกใจมั้ย … ว่าแต่เข้ามาวิ่งเล่นถึงในนี้ ไม่คิดจะแนะนำตัวกับเจ้าของสถานที่หน่อยเหรอไง”
นฤเบศตะโกนไป
“ไม่จำเป็น”
“ก็ได้ๆ ถึงยังไงวันนี้พวกแกก็ไม่มีทางรอดกลับไปแน่ ไว้พวกแกเป็นศพเมื่อไหร่ ฉันก็รู้เองว่าพวกแกเป็นใคร”
“คนที่ต้องเป็นศพคือพวกแกต่างหาก อยากตายเร็วๆก็เข้ามาเลย”
ริชาร์ดมองไปทางทีมเดอะซันท่ามกลางแสงไฟสลัวๆที่ส่องเข้ามา ทำให้เห็นหน้าไม่ชัด
“เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะตายก่อนกันแน่ …” ริชาร์ดตะโกนสั่ง “จับเป็นทั้งหมด”
สิ้นคำสั่งริชาร์ด เหล่าบอดี้การ์ดก็กราดยิงใส่ ทีมเดอะซันหาที่กำบัง แล้วทั้งสองฝ่ายก็เปิดฉากยิงกันดุเดือด จนกระสุนเริ่มหมดก็หันมาสู้กันแทน ทีมเดอะซันเสียเปรียบที่ต้องสู้ไปหลบกระสุนไป กำลังคนก็น้อยกว่า ริชาร์ดและพ่อเลี้ยงกำธรมองลงมาแววตาสนุกสนานสะใจ นฤเบศและอัศวินสู้จนเหนื่อยหอบ ถอยหลังมาชนกัน มีบอดี้การ์ดล้อมรอบ
“ไม่ไหวแน่เลยครับ มากันเป็นกองร้อยขนาดนี้”
นฤเบศหน้าเคร่งเครียด หันไปมองทางปรีติ จ่ายมและประเสริฐที่ยังคงสู้ตายแต่สภาพไม่ต่างกัน
“แผน B”
ทันทีที่สารวัตรนฤเบศตะโกนสั่ง ทีมเดอะซันก็ควักระเบิดควันขึ้นมา ฝ่ายริชาร์ดตาค้าง รีบหาที่หลบกันจ้าละหวั่น ทีมเดอะซันปาระเบิดลงพื้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ นฤเบศหยิบมีดพกขว้างไปที่ริชาร์ด มีดลอยไปเฉี่ยวแขนริชาร์ดจนได้เลือด แล้วทีมเดอะซันก็อาศัยกลุ่มควันหลบหนีไปได้ ริชาร์ดกุมต้นแขนจากที่ซ่อนอย่างหัวเสียหนัก
“ทำกันได้เลือดขนาดนี้ อย่าหวังว่าพวกแกจะได้อยู่เป็นสุข”
พ่อเลี้ยงกำธรมองแผล
“แม่นใช้ได้นะเนี่ย”
ริชาร์ดตวัดตามอง พ่อเลี้ยงกำธรรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง
“เอ่อ ดีนะครับที่เราเอาของออกไปหมดแล้ว ถ้ามันเป็นตำรวจจริงอย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาจับพวกเราได้”
ริชาร์ดหน้าตาอาฆาตเคียดแค้น
“ผมว่าเราปล่อยพวกมันได้ใจไปก่อน ตอนนี้เรามาคิดหาวิธีปล่อยของให้เร็วที่สุดดีกว่า ก่อนที่ไอ้พวกตำรวจจะตามกลิ่นเราเจอ”
ดึกคืนนั้น นฤเบศเปิดประตูย่องเข้ามาในห้องก่อนเหยียบเข้าที่กับดักหนูของสุรีกานต์เต็มๆ จนเขาต้องแหกปากร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ทันใดนั้น ไฟก็สว่างพรึ่บ สุรีกานต์ยืนหน้าจิก มือค้างอยู่ที่สวิทซ์ไฟ มองนฤเบศดึงกับดักหนูออกจากเท้าตัวเอง นฤเบศโมโห
“นี่คุณจะฆ่าผมรึไงเนี่ย”
สุรีกานต์เสียงเหี้ยม
“ไปไหนมา”
นฤเบศหน้าเสีย เฉไฉกลบเกลื่อน
“ไปไหน ไม่ได้ไป ผมก็อยู่ข้างล่างนั่นแหละ คุณอย่าทำตัวเหมือนเมียที่คอยจ้องจับผิดผัวเวลาหนีเที่ยวไปหน่อยเลย”
สุรีกานต์โมโหปนเขิน
“คุณไม่ต้องมาโกหกฉันเลยนะ คุณแอบไปที่โกดังมาใช่มั้ย”
นฤเบศ โดนจับได้เลยไปไม่เป็น
“เอ่อ...เอ่อ”
“แล้วทำไมไม่บอกฉัน ฉันไม่ใช่ทีมคุณเหรอไง” สุรีกานต์เสียงเครือ น้อยใจ “หรือคุณกลัวว่าฉันจะเป็นตัวถ่วง ทำเสียแผนอีก”
นฤเบศหน้าเสีย แพ้ทางน้ำตาผู้หญิง
“อย่าร้องไห้น่า เรื่องแค่นี้เอง”
สุรีกานต์ แหกปากร้องไห้เสียงดังหนักกว่าเดิม น้อยใจสุดๆที่เขาเห็นตนเป็นตัวถ่วง นฤเบศลนลานทำอะไรไม่ถูก จนต้องโพล่งออกมา
“หยุดร้องได้แล้ว ที่ผมไม่ให้คุณไปเพราะมันอันตราย ผมเป็นห่วงคุณ”
สุรีกานต์อึ้งไป นฤเบศก็ตกใจที่เผลอหลุดพูดออกมา ต่างคนต่างอ้ำๆอึ้งๆ ทำอะไรไม่ถูก ต่างฝ่ายต่างสบตากัน ยิ่งเก้อเขินหนักขึ้น นฤเบศทำอะไรไม่ถูก เลยตัดบท
“ผมไปอาบน้ำล่ะ คุณนอนเถอะ”
นฤเบศเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ สุรีกานต์ยืนกัดปากใจเต้น
ผ่านไปสักครู่...นฤเบศในชุดนอนก็เดินกลับเข้ามา มองสุรีกานต์ที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เตียงงงๆ สุรีกานต์เขินแต่ทำกลบเกลื่อน
“บ้านคุณมี first aid มั้ย ฉันจะทำแผลให้”
นฤเบศแอบยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอก แผลแค่นี้ เดี๋ยวก็หาย”
“ฮึ่ย ตามใจ เป็นบาดทะยักฉันไม่รู้ด้วย”
สุรีกานต์ฟึดฟัดแล้วทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้อย่างโมโห นฤเบศแอบยิ้มเดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวนอนบนฟูก ผ่านไปครู่ สุรีกานต์ที่นอนลืมตาโพลงก็ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด แล้วผุดลุกขึ้นนั่ง
“คุณ หลับหรือยัง”
“ยัง คุณมีอะไรหรือเปล่า”
“คุณขึ้นมานอนบนนี้ดีกว่า เดี๋ยวฉันไปนอนข้างล่างเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมนอนได้ สบายมาก”
“คุณเจ็บอยู่นะ ลุกมานอนนี่ เร็ว”
นฤเบศพยักหน้าปลงๆ แล้วเดินเขยกๆไปที่เตียง สุรีกานต์กำลังจะเดินไปที่ฟูก แต่ถูกจับแขนไว้ก่อน
“นอนด้วยกันนี่แหละ ทีวันแรกคุณยังขึ้นมานอนบนเตียงกับผมได้เลย”
สุรีกานต์จะค้าน แต่นฤเบศไม่สนใจ กระตุกแขนให้มานอนด้วยกัน เธอเลยปล่อยเลยตามเลย ทั้งคู่ต่างนอนกันแบบเขินๆ เหล่กันไปมา ฟุ้งซ่านถึงจูบอุบัติเหตุแล้วก็ยิ่งเขินพาลนอนไม่หลับกันไปใหญ่
สุรีกานต์หลับไปแล้ว แต่นฤเบศยังนอนตาค้างอยู่ เหลือบหญิงสาวที่หลับอย่างสบาย เอาขามาก่ายเขาข้างนึง นฤเบศส่ายหัวยิ้มขำๆ แล้วเอื้อมมือดึงผ้าห่มที่ร่นลงถึงเอวมาห่มให้ แล้วนอนมองยิ้มๆจนหลับไป...ทั้งคู่นอนหลับ เปลี่ยนอิริยาบถไปเรื่อย จนซุกหากันในที่สุด
เช้าวันใหม่...นฤเบศกับสุรีกานต์นอนกอดกันหลับสบาย สุรีกานต์ค่อยๆลืมตาง่วงๆ ก่อนจะหลับตาลงยิ้มๆเพราะรู้สึกอุ่นสบาย แต่แล้วก็เอะใจกับภาพตรงหน้าจนต้องกะพริบตาปริบๆ แล้วก็ต้องตาโตตกใจเมื่อเห็นว่าแผ่นอกของนฤเบศอยู่ตรงหน้า
“อ๊าย”
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นคุณ”
นฤเบศสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งงงๆ สุรีกานต์โมโห หยิบหมอนมาฟาดเขาไม่ยั้ง
“ไอ้คนฉวยโอกาส ทุเรศที่สุด”
นฤเบศโดนเข้าไปหลายที
“โอ๊ยๆ” เขารีบหลบไปตั้งหลัก “พอได้แล้วนะคุณ ผมไปฉวยโอกาสคุณตอนไหนไม่ทราบ”
“ก็คุณโอบเอวฉัน คางคุณก็ทิ่มหัวฉัน แถมหน้าอกคุณก็อยู่ตรงหน้าฉันเลยด้วย”
นฤเบศเหล่ๆสุรีกานต์ แล้วก้มมองที่หน้าอกตน
“หืม งั้นแสดงว่าคุณก็ฉวยโอกาสซุกอกผมเหมือนกันสิ ผมกอดคุณ คุณก็ซุกผมกลับ งั้นก็เจ๊าๆกันไปล่ะกัน”
“ได้ไง...ฉันเสียหายนะ”
“แล้วจะให้ผมทำไง แต่งงานกันเลยดีมั้ย…โวยวายอย่างกะเสียเวอร์จิ้นไปได้”
สุรีกานต์โมโหปนเขิน
“หยาบคาย ตำรวจไร้หัวใจ ฉันไม่อยู่กับคุณแล้ว ขืนอยู่ต่อ คุณได้หาเรื่องฉวยโอกาสฉันอีกแน่ ฉันจะกลับคอนโด”
สุรีกานต์ปาหมอนใส่หน้าเขาแล้วเดินปึงปังออกไป นฤเบศตะโกนไล่หลัง
“เออ ดี กลับไปเลย ผมก็เบื่อคุณจะแย่แล้ว ผู้หญิงอะไร เยอะ...ขี้โวยวายก็เท่านั้น จะอะไรหนักหนาก็คนมันไม่รู้ตัวนี่”
เสียงกระแทกประตูปิดดังปัง นฤเบศถอนหายใจออกมาเซ็งๆ
จบตอนที่ 7