xs
xsm
sm
md
lg

นางร้ายสายลับ ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางร้ายสายลับ ตอนที่ 10

นฤเบศและสุรีกานต์ช่วยลุงชาวประมง ตกปลา ตกหมึก อย่างสนุกสนาน...นฤเบศกำลังก่อไฟปิ้งปลาอยู่ตรงมุมหัวเรือ สุรีกานต์นั่งรอแบบเบื่อๆ จึงเอาลูกกอล์ฟของชำร่วยที่ได้จากริชาร์ดมาเปิดดูข้างใน เธอหยิบลูกกอล์ฟทั้งสองลูกขึ้นมาดู บนลูกกอล์ฟสกรีนลายชื่อบริษัท R.G. Group ไว้สวยงาม สุรีกานต์เอามือจับพลิกไปพลิกมาเล่นๆ ก็รู้สึกเหมือนมีรอยสลักนูนๆบนลูกกอล์ฟของเธอจึงยกขึ้นมาดู บนลูกกอล์ฟของเธอมีรหัส 015422 แต่ของนฤเบศไม่มี สุรีกานต์มองแบบสงสัย แต่นฤเบศซึ่งปิ้งปลาเสร็จแล้วก็ยื่นมาตรงหน้าเธอพอดี สุรีกานต์วางลูกกอล์ฟในมือ และหันไปรับปลาลืมเรื่องลูกกอล์ฟไปชั่วขณะ
“ขอบใจนะ”
นฤเบศนั่งลงข้างๆ สุรีกานต์นั่งทานปลาอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความหิว นฤเบศแอบยิ้มมองขำๆ สุรีกานต์ชะงัก
“ขำอะไร”
“ก็ขำดิ เมื่อกี้ยังโวยวายเรื่องมากอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้ดูท่าทางสนุกยังกับมาเที่ยวปิกนิกจริงๆ”
“ก็คุณเองไม่ใช่เหรอที่บอกให้ฉันผ่อนคลาย ให้ใจเย็นๆ ฉันก็ทำแล้วไง คุณจะเอายังไงอีก”
“ไม่มีอะไร ผมก็แค่อยากขำตามประสาคนอารมณ์ดีน่ะคุณ คนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ คุ้มดีคุ้มร้ายแบบคุณคงไม่เข้าใจหรอก”
“คุณนี่มันกวนชะมัด ตอนเด็กๆ แม่ให้กินยาผิดหรือยังไง ถึงได้โตมาเป็นคนกวนประสาทแบบนี้”
“ใครบอกตอนเด็กๆ ผมชอบกินปลาเผาต่างหาก แม่ผมทำให้กินทุกวันเลย อ้อ แล้วที่อยู่ในมือคุณตอนนี้ ผมก็ใช้สูตรเดียวกับแม่ผมเป๊ะเลย เป็นไง อร่อยมั้ยกินไม่หยุดเลย”
สุรีกานต์ที่กำลังกินปลาอยู่ก็ชะงัก ทำท่าจะปาปลาเผาในมือทิ้ง
“อ๊ะๆ อย่านะ เหลือตัวเดียว กินเข้าไปเถอะคุณ วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว แล้วอีกอย่างไอ้เชื้อกวนประสาทที่คุณกลัวเนี่ยมันคงไม่ติดไปกับปลาเผาหรอก เพราะว่ามันกลัวภูมิคุ้มกันในตัวคุณ”
“ภูมิคุ้มกันอะไร”
“ก็แค่มันได้ยินมลพิษทางเสียงของคุณมันก็เผ่นไปไกลแล้วล่ะ”
สุรีกานต์สุดจะทน หยิกแขนแถมยังเหยียบเท้าเขาและขยี้เต็มแรง
“โอ๊ย เจ็บนะคุณ”
“ช่วยไม่ได้ ฉันจะได้แน่ใจไง ว่าเชื้อโรคจากนายมันตายสนิทแล้วจริงๆ”
นฤเบศหน้าแหยด้วยความเจ็บ ส่วนสุรีกานต์นั่งกินปลาเผาต่ออย่างสบายใจ ลุงชาวประมงแอบมองทั้งคู่จากในห้องคนขับเรือแบบยิ้มๆ ก่อนจะตะโกนแซว
“แหม คนนี่มันเข้าตำราข้าวใหม่ปลามันจริงๆ”
นฤเบศกับสุรีกานต์รีบบอกพร้อมกัน
“เอ่อคือ ไม่ใช่...”
“ไม่ต้องเกรงใจ ทริปนี้ลุงจัดให้ฟรี โน่นเสื่อหมอนอยู่ทางท้ายเรือโน่นไปนอนคุยกันบนดาดฟ้าก็ได้” ลุงทำหน้ามีเลศนัย “เรื่องธรรมชาติลุงไม่ถือหรอก”
นฤเบศกับสุรีกานต์ชะงัก ยิ้มแหยๆ ให้ลุงที่หน้ารู้กันกับนฤเบศ

จ่ายม อัศวิน ปรีติ และประเสริฐ แอบเดินลัดเลาะมาจนถึงเกือบจะถึงบังกะโล
“ดีนะที่พวกเราแอบปลอมตัวเนียนเป็นลูกน้องมันไม่งั้นมีหวังโดนจับได้แน่ๆ” จ่ายมถอนใจเฮือก
“สงสัยพวกมันจะไหวตัว คิดว่ามีไส้ศึกแฝงอยู่ในเรือด้วย ตรวจละเอียดยิบซะขนาดนั้น” ปรีติบอก
อัศวินนึกเป็นห่วงนฤเบศกับสุรีกานต์
“ไม่รู้ป่านนี้สารวัตรกับคุณโซ่จะเป็นยังไงบ้าง”
“ผมว่าอาจจะกลับมารอพวกเราที่บังกะโลแล้วก็ได้ครับ” ประเสริฐบอก
ทีมเดอะซันเดินมาถึงบังกะโล แต่เห็นยังปิดไฟมืด ทุกคนกระชับปืนในมือ แล้วเข้าไปตรวจตราดูในบังกะโลแต่ก็ไม่พบวี่แววนฤเบศกับสุรีกานต์ จ่ายมไม่สบายใจ
“ไม่มีใครอยู่เลยนี่ครับ หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้นครับ”
ปรีติขัดขึ้น
“ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะตอนที่เรือเทียบท่า ผมแอบได้ยินไอ้พวกบอดี้การ์ดคุยกันว่ายังตามตัวคนร้ายไม่ได้เลย แล้วไอ้ริชาร์ดมันก็หัวเสียมากด้วย”
อัศวินครุ่นคิด
“ใจเย็นๆ น่าจ่าอาจจะแค่มีปัญหานิดหน่อยก็ได้ ผมว่าคืนนี้เรารออยู่ที่นี่ก่อน ถ้าพรุ่งนี้เช้าพวกเขายังไม่กลับมา เราค่อยเอาเรือออกตามหากันอีกที”

นฤเบศกับสุรีกานต์นอนดูดาวอยู่บนชั้นดาดฟ้าบนเรือ สุรีกานต์ถามขึ้น
“ดาวที่นี่สวยจัง คุณว่ามั้ย”
“ดาวที่ไหนมันก็สวยเหมือนกันนั่นแหละคุณ”
“คุณนี่มีความโรแมนติกในหัวใจบ้างมั้ยเนี่ย”
“ที่ผมพูด ผมหมายความว่าดาวที่คุณเห็นที่นี่มันก็ดวงเดียวกันกับที่คุณเห็นที่อื่นนั่นแหละ แต่ความสวยหรือไม่สวยมันขึ้นกับอารมณ์ของคนดูมากกว่า”
สุรีกานต์ชะงัก
“ยังไงเหรอ”
“ถ้าเรามีความสุข ต่อให้ท้องฟ้ามีดาวดวงเดียวดูยังไงก็สวย แต่ถ้าเรามีความทุกข์ ต่อให้ดาวเต็มท้องฟ้าดูยังไงก็ไม่สวยหรอก”
สุรีกานต์แซวๆ
“โอ้โฮ นี่ฉันมองคุณสารวัตรหน้าโหดผิดไปหรอกเหรอเนี่ย หรือว่าไปจำใครเขามาพูดกันแน่ แต่ก็โอเค ใช้ได้นะ...แล้วตอนนี้คุณว่าดาวสวยมั้ยล่ะ”
สุรีกานต์หันไปมองเขา นฤเบศหันมาสบตาพอดี ต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน นฤเบศหันหน้าไปอย่างเขินๆ
“มันก็ขึ้นอยู่คนที่ดูกับเราด้วย”
“ทำไมดูดาวกับฉันแล้วมันเป็นยังไง...อ้อ ฉันลืมไปเราเคยดูดาวด้วยกันตั้งหลายครั้งแล้วนี่ ทั้งที่คอนโดฉันแล้วก็ที่บ้านคุณ คุณคงจะบอกว่าเฉยๆ มากเลยล่ะสิ”
“เมื่อก่อนอาจจะไม่…แต่ผมว่าวันนี้ ดาวสวยมากนะ”
นฤเบศจ้องหน้าสุรีกานต์นิ่ง เธออึ้งๆ ไปด้วยความเขิน

กวินเดินมาทางห้องของสุรีกานต์ แต่สวนกับวุ้นกรอบและพายไก่ที่เดินมาจากหน้าห้องของสุรีกานต์พอดี วุ้นกรอบทักทาย
“อ้าว คุณกวิน หายไปไหนมาเหรอคะ ตอนหัวค่ำพวกเราว่าจะชวนคุณไปปาร์ตี้ชิลๆ ริมทะเลกันสักหน่อย แต่หาคุณไม่เจอ”
“ผมต้องไปร่วมงานเลี้ยงของบริษัทลูกค้าน่ะครับ เพิ่งจะกลับมาเมื่อกี้เอง แล้วคุณโซ่อยู่ที่ห้องรึเปล่าครับ”
“ไม่อยู่หรอกค่ะ พวกเราเคาะประตูอยู่ตั้งนานก็เงียบ” พายไก่บอก
“แล้วคุณโซ่บอกไว้รึเปล่าครับว่าจะไปไหน”
“โอ๊ย ไม่ทันได้บอกได้กล่าวอะไรกันหรอกค่ะ พอถ่ายละครเสร็จปุ๊บก็รีบวิ่งออกไปปั๊บ วุ้นจะเรียกก็ไม่ทัน บทจะรีบฉุดยังไงก็ฉุดไม่อยู่ค่ะ”
“เอ่อ แล้วคุณเบศล่ะครับ”
พายไก่ถอนใจ
“รายนั้นน่ะไม่เห็นหน้าตั้งแต่เช้าแล้ว สงสัยคงจะหายไปด้วยกันนั่นแหละค่ะ”
กวินรู้สึกผิดหวังหน้าเจื่อนไป วุ้นกรอบยิ้มหวานเยิ้ม
“ถึงเจ๊โซ่จะไม่อยู่ แต่คุณกวินก็ไปเที่ยวตระเวนราตรีกับพวกเราได้นะคะ สนใจไปด้วยกันมั้ย รับรองวุ้นจัดเต็มให้แน่นอนค่ะ”
“ขอบคุณครับที่ชวน แต่ผมอยากพักมากกว่า เชิญคุณวุ้นกับคุณพายเที่ยวให้สนุกนะครับ”
วุ้นกรอบและพายไก่เดินผละไป กวินมองไปทางห้องของสุรีกานต์และถอนหายใจอย่างเศร้าๆ

สุรีกานต์นอนขดตัวเพราะรู้สึกหนาว นฤเบศเห็นจึงถอดเสื้อคลุมชั้นนอกมาห่มให้ เธอขยับตัวจะเอามือดึงออกด้วยความเขิน แต่เขาจับมือเธอห้ามไว้
“เอ่อ ไม่เป็นไร”
“คุณอยู่เฉยๆ เถอะน่า”
“ก็ฉันบอกว่าไม่เป็นไรไง”
“คุณอย่าปฏิเสธเลย ขอให้ผมได้ดูแลคุณเป็นการตอบแทน ที่ทำให้คุณต้องมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้บ้างได้มั้ย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดีอะไรมากมาย แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมจะทำให้คุณได้ในตอนนี้”
สุรีกานต์นิ่งอึ้งกับความรู้สึกอบอุ่นที่เขามีให้ และยอมนอนห่มเสื้อของเขาแต่โดยดี นฤเบศยิ้มๆ ล้มตัวลงนอนใกล้ๆ สุรีกานต์ใจเต้นแรงด้วยความเขินจึงพลิกตัวหันหลังให้เขา
“ขอบคุณนะคุณสารวัตร”
นฤเบศอมยิ้มและนอนพลิกตัวหันหน้ามาทางหญิงสาว
“ขอบคุณแต่ไม่มองหน้าแบบนี้ดูไม่จริงใจเลยนะคุณ”
สุรีกานต์โมโหพลิกตัวกลับมาโดยไม่ทันระวัง จมูกของทั้งสองคนจึงอยู่ในระยะแนบชิดพอดี ต่างฝ่ายต่างอึ้งไปพักหนึ่ง
“ขอบคุณ ทีนี้ได้ยินชัดเจนพอใจรึยัง ฉันง่วง ฉันจะนอนแล้ว”
ต่างฝ่ายต่างนอนหันหลังให้กัน แต่แอบอมยิ้มด้วยความเขิน

เช้าวันใหม่...กวินเดินมาเคาะห้องสุรีกานต์ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จึงเดินจากไปอย่างเศร้าๆ...กวินเดินหน้าเศร้าลงมาที่ล็อบบี้ของโรงแรม แพรไหมบังเอิญเดินผ่านมาพอดีจึงตรงเข้าไปทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณวิน ตื่นแต่เช้าเลยนะคะ”
“ครับ คุณไหมก็ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ”
“ไหมอยากจะตื่นมาสูดอากาศทะเลยามเช้าน่ะค่ะ”
แพรไหมสังเกตเห็นกวินดูเหม่อๆ ก็แอบแปลกใจ
“คุณวินเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรครับ”
“วันนี้คุณวินดูเหม่อๆ นะคะ กำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ เลย ไหมมากวนรึเปล่าคะเนี่ย”
“อ๋อ เปล่าเลยครับ”
“งั้นไปเดินเล่นที่ชายหาดด้วยกันมั้ยคะ”

เรือประมงแล่นเข้าใกล้ฝั่ง นฤเบศกับสุรีกานต์นอนกอดกันอยู่เริ่มรู้สึกตัวพอเห็นสภาพของตัวเองก็ตกใจรีบผละออกจากกัน ด้วยอาการเขินๆแอบมองกันไปมา ลุงชาวประมงกำลังไต่บันไดขึ้นมาตามพอดี - ทั้งสองหันไปมองเห็นลุงชาวประมงมองมาท่าทางยิ้มๆ ก็รีบผละออกจากกัน
“เรือถึงฝั่งแล้วเหรอครับลุง”
ลุงชาวประมงพยักหน้าตอบ นฤเบศกับสุรีกานต์รีบผุดลุกขึ้นทันที
“งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ขอบคุณคุณลุงมากๆ นะคะที่ช่วยเราไว้”
ลุงชาวประมงยิ้มรับ
“ไม่เป็นไรๆ โชคดีนะ”
นฤเบศกับสุรีกานต์ไหว้ขอบคุณลุงชาวประมงแล้วรีบขึ้นฝั่ง ลุงชาวประมงตะโกนไล่หลัง
“ถ้าวันหลังจะฮันนีมูนกันอีกบอกลุงได้นะ เกาะแถวนี้สวยๆ ทั้งนั้นเดี๋ยวลุงแนะนำให้” ลุงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
นฤเบศกับสุรีกานต์หันมาโบกมือยิ้มแหยๆ ให้ลุงก่อนจะรีบเดินกลับโรงแรม

กวินเดินคุยกับแพรไหมมาที่ร้านกาแฟน่ารักริมหาด
“คุณวินมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ”
“ไม่มีนี่ครับ”
“ไม่เชื่อหรอกคุณวินเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกัน คุณกวินบอกไหมได้ เพื่อนคนนี้ยินดีช่วยเป็นที่ปรึกษาทุกเรื่องเลยค่ะ และสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับสุดยอดแน่นอน”
กวินนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนตัดสินใจพูด
“คือ...ผมยังไม่มีโอกาสได้บอกรักคนที่ชอบเลยครับ อีกอย่างผมไม่มั่นใจว่าเธอรู้สึกยังไงกับผม บางทีความรักของผมมันอาจจะไม่มีทางเป็นไปได้ก็ได้”
“ถ้าคุณวินเชื่อในความรักที่คุณวินมีให้กับคนคนนั้นอยู่ คุณวินก็ต้องเดินหน้าต่อไป ห้ามถอดใจเด็ดขาด ไหมเชื่อว่าสักวันคุณวินต้องทำได้แน่ๆ ค่ะ”
กวินมองสบตาแพรไหมนิ่ง แพรไหมยิ้มให้อย่างจริงใจ
“ขอบคุณนะครับคุณไหม ผมสัญญาว่าจะไม่ถอดใจง่ายๆ แบบนี้อีก”
“แต่เพื่อความชัวร์ ไหมมีเครื่องรางนำโชคจะให้คุณวินด้วยค่ะ คุณวินยื่นมือมาหน่อยสิคะ”
กวินยื่นมือให้แพรไหมอย่างงงๆ แพรไหมหยิบเอาปากกาที่ทางร้านเสียบไว้ให้ลูกค้าเขียนคอมเม้นท์
มาวาดรูปหน้ายิ้มบนฝ่ามือของกวิน
“ขอให้คุณวินอดทนและยิ้มไว้เสมอนะคะ ไหมเชื่อว่าสักวันผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นจะรับรู้ความรักและความจริงใจที่คุณวินมีให้เธอแน่นอน และเวลาที่คุณวินท้อ อยากให้คุณวินจำไว้ว่า ไหมจะคอยเป็นกำลังใจคุณให้เสมอค่ะ” เธอยิ้มสดใสให้เขา
กวินมองรูปบนฝ่ามือ ค่อยยิ้มออกมาได้
“ขอบคุณนะครับ”
แพรไหมยิ้มให้ แต่ก็ต้องชะงัก อึ้งไปเมื่อเห็นภาพไกลๆ นฤเบศจูงมือสุรีกานต์เดินอยู่ชายหาดแถวๆหมู่บ้านชาวประมง มุ่งหน้ามาทางโรงแรม ท่าทางรีบร้อน แพรไหมพึมพำ
“พี่เบศ”
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณไหม”
“เอ่อ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
แพรไหมนึกถึงตอนที่เธอเห็นนฤเบศแวบๆ ที่ล็อบบี้โรงแรม เธอโทรหาเขา
“เอ่อ พี่ติดงานอยู่น่ะจ้ะ ตอนนี้ยุ่งมาก ไว้วันหลังค่อยคุยกันนะ”
แพรไหมนิ่งไป กวินสังเกตเห็น แพรไหมรีบขอตัว
“เอ่อ ไหมรบกวนเวลาคุณวินนานแล้ว ไหมขอตัวก่อนนะคะ”
“คุณไหมเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“สงสัยจะแพ้อากาศน่ะค่ะ วันนี้ลมค่อนข้างแรงด้วย งั้นไหมขอตัวก่อนนะคะ ต้องเตรียมตัวกลับกรุงเทพแล้ว”
“งั้นคุณไหมพักผ่อนเยอะๆ นะครับ”
“ค่ะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ”
แพรไหมพยักหน้าฝืนยิ้มให้ พอหันหลังเดินจากกวินน้ำตาก็ร่วงพรู กวินหันไปมองตามสายตาของแพรไหมไปทางชายหาดก็อึ้งไป เมื่อเห็นภาพเดียวกันกับที่แพรไหมเห็น กวินพึมพำ
“คุณโซ่”

ทีมเดอะซันรอสารวัตรนฤเบศ และสุรีกานต์อยู่ที่บังกะโลอย่างกระวนกระวายใจ
“ผมว่ามันชักจะยังไงๆ แล้วนะครับเนี่ย”
“อย่าห่วงไปเลยจ่า คนดีน่ะ พระย่อมคุ้มครองอยู่แล้ว”
“ผมกลัวแต่ว่าจะเกิดเรื่องร้ายน่ะสิครับ...หรือว่าสารวัตรกับคุณโซ่จะโดนไอ้พวกนั้นจับไป หรือไม่งั้นก็อาจจะโดนยิงทิ้งถ่วงน้ำทะเลไปแล้วก็ได้ ผมว่าเราออกไปตามหากันดีกว่าครับ”
เสียงโทรศัพท์ของอัศวินดังขึ้น เขากดรับสาย
“ฮัลโหล...สารวัตรเหรอครับ ครับ ได้ครับ” อัศวินหันมาบอกทุกคน “สารวัตรโทรมาบอกว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และสั่งให้พวกเรากลับกรุงเทพทันที”
ทีมเดอะซันทุกคนสีหน้าโล่งใจ

รถตู้ของทีมงานกองละครขับมาจอดหน้าโรงแรม อายอดและทีมงานคนอื่นๆ ทยอยขึ้นรถ กวินยืนรอสุรีกานต์อยู่ สุรีกานต์เดินออกมาพร้อมกับนฤเบศ สุรีกานต์เห็นหน้ากวินก็ยิ้มให้
“คุณวิน”
“เมื่อคืนคุณโซ่หายไปไหนมาเหรอครับ”
สุรีกานต์แอ๊บ
“โซ่ก็ไม่ได้ไปไหนนี่ค่ะ รู้สึกเพลียนิดหน่อยน่ะค่ะโดนแดดทั้งวัน เลยหลับลึกจนใครมาเรียกก็ไม่ได้ยิน”
“ให้ผมพาไปหาหมอมั้ยครับ”
“ไม่ต้องหรอก ค่ะ ตอนนี้โซ่รู้สึกสบายดีขึ้นแล้ว ขอบคุณมากนะคะ อ้อ คุณวินมีธุระอะไรกับโซ่หรือเปล่าค่ะ เห็นยัยวุ้นกับยัยพายบอกว่าคุณวินหาโซ่ให้วุ่น”
แก้วดาราเห็นกวิน คุยกับสุรีกานต์ก็รีบเข้ามาขัดจังหวะ
“กำลังดราม่าเรื่องอะไรกันอยู่เหรอคะ ได้ยินแว่วๆ ว่าพี่โซ่ไม่สบาย”
“พอดีเมื่อคืนฉันรู้สึกเพลียๆ นิดหน่อยน่ะ แต่ตอนนี้หายแล้ว”
“พวกที่ชอบจับปลาหลายมือ ก็คงต้องเหน็ดเหนื่อยเป็นธรรมดา จริงมั้ยคะพี่โซ่”
“อุ๊ย แก้วคงจะใช้คำพูดผิดไปหน่อย แก้วตั้งใจจะพูดว่าพี่โซ่คงทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ก็เลยต้องเหนื่อยต้องเพลียอย่างนี้ล่ะค่ะ พี่โซ่คงไม่ถือสาแก้วใช่มั้ยคะที่พูดด้วยความหวังดี”
“ไม่เลยค่ะ แต่ถ้าน้องแก้วจะคิดอะไรก็คิดในแง่บวกหน่อยก็ดีนะคะ เพราะถ้าเรื่องแค่นี้สมองน้องแก้วสั่งการไม่ได้ มันก็ทำให้ความคิดน้องแก้วต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบนี้ น้องแก้วคงไม่ถือสาใช่มั้ยคะที่พี่เตือนด้วยความหวังดีเช่นกัน”
สุรีย์กานต์ยิ้มหวาน แก้วดาราสะอึกได้แต่ส่งสายตาอาฆาตให้สุรีกานต์ อายอดเดินมาสมทบพอดี
“เอ้าพวกเรา มากันครบแล้วใช่มั้ย งั้นก็ขึ้นรถได้แล้ว”
ทีมงานแต่ละคนพากันขนของทยอยขึ้นรถ สุรีกานต์จะเดินขึ้นรถ แต่แก้วดารารีบเดินมาตัดหน้า
“พี่วินนั่งกับแก้วนะคะ แก้วมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยน่ะค่ะ อ้อ พี่โซ่คงไม่ว่าอะไรนะคะถ้าแก้วจะขอนั่งด้านหน้ากับพี่วิน พอดีแก้วเมารถน่ะค่ะ”

สุรีกานต์เสียงประชด
“ตามสบายเลยจ้ะ”
“โอ๊ย เมารถหรือหาเรื่องกลบเกลื่อนอาการคลื่นเหียนอาเจียนกันแน่คะ ถ้ากลับไปพี่ว่าไปหาหมอตรวจร่างกายหน่อยดีมั้ยคะ ว่าป่วย หรือเบนโลกันแน่”
วุ้นกรอบพูดเสร็จก็หันไปหัวเราะคิกคักกับพายไก่ เกี๊ยวกุ้งถลาจะมาเอาเรื่อง แต่แก้วดาราห้ามไว้ ส่วนสุรีกานต์ก็ส่งสายตาปรามวุ้นกรอบเช่นกัน แก้วดาราหันไปอ้อนกวิน แล้วควงแขนเขาเดินขึ้นไปนั่งบนรถตู้ สุรีกานต์ก้าวขึ้นไปนั่งเบาะด้านหลัง นฤเบศก้าวตามขึ้นไปด้วย ทีมงานทุกคนขึ้นรถจนครบแล้วรถตู้ทีมงานก็แล่นออกจากโรงแรม

ในรถตู้ แก้วดาราเกาะติดกวินแน่นหนึบชวนคุยโน่นนี่นั่นตลอดเวลาจนกวินรู้สึกอึดอัด ส่วนสุรีกานต์ มองไปทางเบาะด้านหน้าเห็นแก้วดาราออเซาะกวินก็หงุดหงิด แถมแก้วดารายังหันมาทำสายตาเยาะเย้ยส่งท้าย นฤเบศมองตามสายตาสุรีกานต์ก็รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก เวลาผ่านไปสักพักแก้วดาราก็ผล็อยหลับซบไหล่กวิน มือก็ยังเกาะแขนเขาไว้แน่น กวินค่อยดึงแขนตนออกจากแก้วดารา แล้วจัดท่านั่งให้เธอพิงไปทางอื่น กวินหันไปมองสุรีกานต์ที่เบาะหลังก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสุรีกานต์หลับซบไหล่นฤเบศท่าทางสบายๆ ผมของสุรีกานต์หล่นลงมาปรกหน้า นฤเบศเอามือปัดผมออกให้อย่างอ่อนโยน กวินหันกลับมารู้สึกแปลกๆ ในใจ

ค่ำนั้น กวินเดินเข้ามาในห้องนอน ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง และคิดถึง สุรีกานต์ ภาพนฤเบศนั่งทำแผลให้สุรีกานต์ แว่บเข้ามา...นฤเบศเป่าแผลให้
“เอ้า เรียบร้อยแล้วคุณ”
สุรีกานต์มัวแต่มองนฤเบศเพลินเลยสะดุ้ง เขินๆ
“อ่า ขอบคุณนะ”
ภาพนฤเบศและสุรีกานต์คุยกันแกล้งกันอย่างสนุกสนาน ยิ้มและหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดีที่ใต้ต้นไม้ริมชายหาด...คำพูดของแก้วดาราที่บอกกับกวิน
“ดูท่าทางสองคนนั่นคงจะสนิทกันมาก ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าพี่เบศเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพี่โซ่ แถมยังเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันด้วย แก้วคงคิดว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันแล้วล่ะค่ะ”
และภาพในรถตู้ที่เขาเห็นสุรีกานต์หลับซบไหล่นฤเบศท่าทางสบายๆ ผมของเธอหล่นลงมาปรกหน้า นฤเบศเอามือปัดผมออกให้อย่างอ่อนโยน...กวินเจ็บปวดใจ ก้มหน้าลงมองฝ่ามือ เห็นรอยปากกาเมจิกรูปหน้ายิ้มที่แพรไหมเขียนไว้ เขานึกถึงภาพของแพรไหมที่เอาปากกาเมจิกวาดรูปหน้ายิ้มบนฝ่ามือของเขา
“ขอให้คุณวินอดทนและยิ้มไว้เสมอนะคะ ไหมเชื่อว่าสักวันผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นจะรับรู้ความรักความจริงใจที่คุณวินมีให้เธอแน่นอน และเวลาที่คุณวินท้อ อยากให้คุณวินจำไว้ว่า ไหมจะคอยเป็นกำลังใจคุณให้เสมอค่ะ”
กวินมองรอยยิ้มบนฝ่ามือ และยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง

แพรไหมนั่งเหม่ออย่างเศร้าๆ ในห้องนอนเพราะครุ่นคิดเรื่องนฤเบศกับสุรีกานต์ที่ดูจะสนิทสนมกันมาก...แพรไหมเจ็บปวดใจแล้วหันไปมองตุ๊กตาปลานีโม่ที่กวินซื้อให้ เธอนึกถึง ตอนที่กวินเต้นกับมาสคอตหน้าทางเข้าสยามโอเชี่ยนเวิลด์อย่างสนุกสนาน และคำพูดของเขาที่พูดกับเธอ
“ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจอีก บอกผมได้นะครับ ผมมีที่สนุกๆพาคุณไหมไปอีกเยอะเลย”
กวินยื่นปลานีโม่ให้
“ที่ระลึกจากผมครับ ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนผมเที่ยว”
แพรไหมมองตุ๊กตาปลานีโม่แล้วยิ้มอย่างขำๆ ลืมความเศร้าไปชั่วขณะ

วันใหม่...ริชาร์ดนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานและหัวเสียมากที่ลูกน้องทำงานพลาด
“ว่าไงนะ จนป่านนี้แล้วยังตามสืบเรื่องไอ้สองคนที่มันแอบเข้ามาในเรือไม่ได้อีก ถ้าพรุ่งนี้ ยังหาตัวไม่ได้ล่ะก็ เตรียมขุดหลุมฝังศพตัวเองรอไว้เลย โธ่ โว้ย”
ริชาร์ดปัดเอกสารบนโต๊ะทำงานลงพื้นกระจัดกระจายเพื่อระบายอารมณ์โกรธ บอดี้การ์ดของริชาร์ดกลัวลนลานรีบก้มลงเก็บเอกสารที่กระจายอยู่เต็มพื้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเครื่องดักฟังที่ติดอยู่ใต้โต๊ะทำงานของริชาร์ด บอดี้การ์ดของริชาร์ดรีบดึงเครื่องดักฟังขึ้นมาให้ริชาร์ดดู
“ท่านครับ ดูนี่สิครับ”
“เครื่องดักฟังเหรอ มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ริชาร์ดเริ่มประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด นึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขานึกถึงตอนที่ สุรีกานต์ในชุดสั้นรัดรูปสีแดงแฝงความเซ็กซี่เดินเข้ามา ยิ้มโปรยเสน่ห์...สุรีกานต์วิกหลุดในบาร์เกย์...สุรีกานต์ปลอมตัวเป็นคู่รักนักกอล์ฟแอบตามสังเกตพฤติกรรมริชาร์ดด้วยกล้องส่องทางไกล ริชาร์ดเริ่มสงสัย สุรีกานต์รีบเอาหมวกบังและแกล้งจู๋จี๋กับนฤเบศ...สุรีกานต์และนฤเบศแอบตามไปถึงโกดังเก็บยา CN1 แล้วเผลอทำเสียงดัง ริชาร์ดหันไปเห็นนฤเบศกับสุรีกานต์รีบวิ่งออกจากที่หลบ...สุรีกานต์วิกหลุดตอนอยู่ในเรือยอร์ช...สุรีกานต์แกล้งทำเป็นตื่นเต้นกับบรรยากาศคอนโดของริชาร์ด
“ห้องคุณสวยมากเลยนะคะริชาร์ด ฉันขอชมห้องของคุณหน่อยได้มั้ยคะ รู้สึกมึนๆ หัวนิดหน่อยน่ะค่ะ”
ริชาร์ดประคองสุรีกานต์มานั่งพักที่โซฟา
“งั้นเดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ริชาร์ดเริ่มสงสัยในตัวของสุรีกานต์ บอดี้การ์ดหันมาบอกอย่างสงสัย
“หัวหน้าดูเหมือนว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วนะครับ แต่มีคนตั้งใจปลอมตัวมาสืบความลับของพวกเรา”
ริชาร์ดพึมพำชื่อสุรีกานต์ แววตาฉายแววร้ายกาจ

อ่านต่อหน้าที่ 2


นางร้ายสายลับ ตอนที่ 10 (ต่อ)

พลอยนิลในชุดคลุมอาบน้ำ เดินออกมานั่งตรงโซฟาอย่างอารมณ์ดี เธอหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านข่าว เห็นข่าวซุบซิบภาพเนธานประคองกอดสุรีกานต์ริมชายหาด ซึ่งเป็นฝีมือของแก้วดาราที่ส่งไปให้นักข่าว พลอยนิลเห็นข่าวก็โกรธมาก กำหนังสือพิมพ์ในมือแน่นด้วยความโมโหหึง เพราะเข้าใจผิดว่าถูกเพื่อนรักและชายคนรักหักหลังอย่างเจ็บแสบที่สุด
“โซ่”

ทีมเดอะซันอยู่ในเซฟเฮ้าส์...นฤเบศประชุมประมวลหลักฐานจากภารกิจที่ทะเล ภาพของกวินปรากฏบนจอโปรเจ็คเตอร์กลางห้องประชุม ปรีติอธิบาย
“นี่คือนายกวิน กฤษดาอภินันท์ ทายาทเจ้าของสนามกอล์ฟ เดอะ เคซิตี้”
ปรีติคลิกเลื่อนภาพ เป็นภาพจากจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมเห็นมงคลกำลังเดินอยู่ในทางเดินหน้าห้องพักริชาร์ด เห็นหน้าชัดเจน
“ส่วนนี่คือภาพของบุคคลต้องสงสัยที่เข้าไปพบริชาร์ดในคืนนั้น ผมตรวจสอบประวัติดูแล้ว เขาคือ นายมงคล ที่ปรึกษาอาวุโสของสนามกอล์ฟ เดอะเค ซิตี้ ครับ”
“และเท่าที่เราตรวจสอบดู ตอนนี้สนามกอล์ฟของนายกวินสั่งซื้อสินค้าอุปกรณ์กอล์ฟจากบริษัทของริชาร์ด แต่ไม่พบว่ามีธุรกิจอื่นๆ ร่วมกันครับสารวัตร” อัศวินรายงาน
นฤเบศคิดๆ
“เพราะฉะนั้นจากหลักฐานที่เราได้มา เท่ากับว่าตอนนี้นายมงคล กับ นายกวิน กลายเป็นผู้ต้องสงสัยรายใหม่ที่เราต้องจับตาดูความเคลื่อนไหว”
“แล้วเราจะเอายังไงกันต่อดีครับสารวัตร หรือว่าจะให้คุณโซ่ ตามสืบต่อครับ” จ่ายมถาม
นฤเบศมองนิ่งหน้าตาครุ่นคิด

สุรีกานต์ที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ใช้สมาธิยืนซ้อมบทอยู่ตรงศาลาริมน้ำในกองละคร กวินเดินเข้ามาเห็นเป็นโอกาสดีที่จะได้อยู่กับเธอตามลำพังจึงเดินเข้าไปหา
“คุณโซ่ครับ”
“คุณวิน”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อยน่ะครับ”
สุรีกานต์เริ่มรู้สึกแปลกๆ
“คุณวินมีอะไรหรือเปล่าคะ ดูซีเรียสจังเลย”
กวินกลั้นใจก่อนพูด
“ถ้าความสัมพันธ์ของเราจะก้าวหน้าไปเกินคำว่าเพื่อน คุณโซ่จะว่าอะไรมั้ยครับ”
สุรีกานต์ชะงัก
“เอ่อ คุณวินหมายความว่า…”
“ผมอยากขอโอกาสจากคุณโซ่…จะได้มั้ยครับ”
สุรีกานต์อึ้งไป แม้คำๆนี้จะเป็นสิ่งที่ฝันหวานและรอมานาน แต่พอได้ยินจริงๆ สุรีกานต์กลับรู้สึกสับสน ไม่ได้ดีใจมากมายอย่างที่คิด ภาพของกวินที่เดินไปทักทายริชาร์ดอย่างสนิทสนมในงานประมูลมูลนิธิสานสุข...ภาพริชาร์ดยืนคุยกับกวิน ตอนงานเลี้ยงบนเรือยอร์ชท่าทางสนิทสนมแว่บเข้ามาในหัว...สุรีกานต์อึกอัก
“คือ…โซ่…”
“สิ่งที่ผมพูด มันอาจทำให้คุณโซ่อึดอัดใจ แต่ผมอยากให้คุณโซ่รู้ว่าผมจริงใจกับคุณโซ่จริงๆ”
“โซ่เชื่อในความจริงใจของคุณค่ะ แต่โซ่ว่ามันจะเร็วไปหน่อยมั้ยคะ ที่เราจะคบกันแบบนั้น”
“ครับ ผมเข้าใจ แค่ผมรู้ว่าคุณโซ่ไม่ได้รังเกียจผม ผมก็ดีใจแล้ว”
“ให้เวลากับมันสักนิดดีกว่านะค่ะ ความรู้สึกดีๆ ที่คุณมีให้กับโซ่ตอนนี้มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ถ้าคุณรู้จักโซ่มากกว่านี้ คุณอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ เราค่อยๆ เรียนรู้กันไปดีกว่านะคะ”
กวินเงียบไป
“เอ่อ โซ่ขอตัวก่อนนะคะ”
สุรีกานต์กำลังจะเดินผละไป กวินรีบพูดขึ้น
“งั้นผมจะถือว่าคุณโซ่ไม่ได้ปฏิเสธนะครับ”
สุรีกานต์หันกลับมาส่งยิ้มบางๆ ให้ ไม่พูดว่าอะไรแล้วก็หันหลังเดินจากไป กวินได้แต่มองตาม

สุรีกานต์เดินออกมาอีกมุมหนึ่งของสวน ในใจกำลังสับสนเรื่องที่กวินสารภาพความในใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพลอยนิลเดินมาขวางทางท่าทางเอาเรื่อง สุรีกานต์ตกใจ
“นิล”
“ทำไม เจอหน้าฉันแล้วมันช็อคมากรึไง หรือว่ายังไม่หายอดอยากจนต้องมาลักกินขโมยกินกันถึงในกองนี่ คงกลัวฉันมาขัดความสุขของแกสินะ”
“แกเป็นอะไรของแก”
“ฉันก็เป็นพลอยนิล เพื่อนรักหน้าโง่ของแกไง”
“แกพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“ไม่ต้องมาแอ๊บเลย แกแหกตาดูข่าวนี่สิ แกทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงหือโซ่”
พลอยนิลโมโหปรี๊ด เอาหนังสือพิมพ์ปาใส่ สุรีกานต์หยิบขึ้นมาดูก็ต้องตกใจเมื่อเห็นข่าวซุบซิบระหว่างตนกับเนธาน มีภาพประกอบเห็นสุรีกานต์กำลังจับไหล่เนธานตอนแกล้งมอมเหล้าท่าทางสนิทสนม
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เรื่องแค่นี้แกจะเอามาเป็นอารมณ์ทำไม”
“แกคิดว่าเป็นเรื่องแค่นี้เหรอ ฟังให้ดีนะ สำหรับฉัน การแย่งผัวเพื่อนมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงใหญ่มาก”
“ฉันกับธานไม่มีอะไรจริงๆ มันอาจจะเป็นฝีมือของคนที่ไม่หวังดีกับเราก็ได้ แกต้องเชื่อฉันนะนิล”
“เชื่อเหรอ ฉันหลงเชื่อแกมากี่ครั้งแล้ว ต่อหน้าก็ทำเป็นไม่อยากยุ่ง แต่พอลับหลังสะกิดกันขึ้นเตียงมากี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ พวกแกมันเลวทั้งคู่”
สุรีกานต์ไม่พอใจ
“แกกำลังเข้าใจผิด ฉันกับธานไม่ได้มีอะไรกัน ฉันยืนยัน”

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงที่แกมีอะไรกับใคร แต่แกทำกับคนที่แกเรียกว่าเพื่อนแบบนี้ได้ยังไง ความเชื่อใจของฉันที่มีให้แกมันไม่มีอีกต่อไปแล้ว”
“เราเป็นเพื่อนกันมาไม่ใช่แค่วันสองวันนะนิล สิบกว่าปีที่เราคบกันมา แกไม่รู้จักฉันเลยจริงๆ เหรอว่าฉันเป็นคนยังไง”
“จะคบกันมากี่ปี พอหน้ามืดตามัวมันก็ทำชั่วได้ทั้งนั้นแหละ ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง พูดความจริงมา”
“ฉันขอยืนยันคำเดิม ฉันกับธานไม่มีอะไรกันจริงๆ”
พลอยนิลขาดสติตบหน้าสุรีกานต์เต็มแรง สุรีกานต์ถึงกับอึ้ง
“แกทำลายโอกาสของแกเองนะโซ่ ต่อไปนี้แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าเพื่อนอีกต่อไป”
พลอยนิลพูดจบก็เดินหนีทันที
“ได้ ถ้าแกมองความจริงใจของฉันเป็นเรื่องโกหกแบบนี้ เราก็อย่าเป็นเพื่อนกันอีกเลย”
พลอยนิลชะงัก น้ำตาไหลแต่ก็เดินจากไป สุรีกานต์เสียใจมาก น้ำตาไหลเช่นกัน มุมหนึ่งตรงพุ่มไม้ แก้วดาราแอบถ่ายรูปพลอยนิลกับสุรีกานต์ไว้ แก้วดารายิ้มร้ายแล้วเดินจากไป สุรีกานต์ยังคงยืนซึมด้วยความเสียใจ โทรศัพท์มือถือของสุรีกานต์ดังขึ้น หน้าจอขึ้นชื่อริชาร์ด สุรีกานต์ปาดน้ำตา พยายามทำเสียงเป็นปกติและกดรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณริชาร์ด”
ริชาร์ดนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ตรงโต๊ะทำงาน
“เราไม่ได้เจอกันนาน แต่ดูเหมือนคุณจะไม่ดีใจเท่าไหร่เลยนะครับ”
“เปล่านะคะ ฉันกำลังเครียดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“ผมนึกว่าคุณเบื่อผมซะแล้ว”
“คนที่รู้สึกดีต่อกัน จะเบื่อกันได้ง่ายๆ ยังไงล่ะคะ”
“งั้นถ้าคุณว่าง พรุ่งนี้ผมอยากชวนคุณไปออกรอบกับผมที่เดอะ เคซิตี้ คุณสนใจมั้ยครับ”
สุรีกานต์ชะงัก
“เอ่อ สนใจสิคะ ฉันกำลังอยากออกกำลังคลายเครียดอยู่พอดีเลย งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
“ครับ ผมคงรอให้ถึงพรุ่งนี้แทบทุกลมหายใจ”
ริชาร์ดวางสาย ขยำรูปสุรีกานต์ที่อยู่ในมือ ยิ้มเหี้ยม...สุรีกานต์วางสายจากริชาร์ด อย่างหัวเสีย
“โอ๊ย วันนี้มันเป็นวันซวยมหาซวยของฉันรึไงนะ ซวยซับซวยซ้อนซวยซ่อนปมจริงๆ”
สุรีกานต์กดโทรศัพท์หานฤเบศ
“ฉันมีข่าวด่วนจะรายงานคุณ ริชาร์ดนัดฉันไปพบที่สนามกอล์ฟของคุณกวินพรุ่งนี้”
“ดีเลย แล้วคุณก็หาทางไปคอนโดของมันต่อเหมือนเดิม เราจะได้หาทางไขรหัสพาสเวิร์ดโน้ตบุ๊คด้วย”
นฤเบศวางสายจากสุรีกานต์ หันไปประชุมกับทีมเดอะซันต่อท่าทางมุ่งมั่น

วันใหม่...แพรไหมจัดเรียงขนมที่กำลังฝึกเพื่อการประกวดอยู่ นฤเบศเปิดประตูเข้ามาในร้านพอดี แพรไหมเห็นก็ชะงักก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“พี่เบศ”
นฤเบศนั่งอยู่ตรงโต๊ะมุมติดผนังกระจก มองออกไปเห็นสนามกอล์ฟกว้างขวาง สายตาของเขามองผ่านกระจกร้านเห็นริชาร์ดกำลังไดรกอล์ฟอยู่ในสนามกอล์ฟ และมีบอดี้การ์ดยืนคุมเชิงอยู่ 1 คน มีโต๊ะนั่งพักผ่อนอยู่มุมหนึ่ง แพรไหมเอาขนมเค้กสูตรพิเศษที่ตั้งใจทำให้เขามาเสิร์ฟ
“วันนี้ว่างแล้วเหรอคะ หรือว่ามาทำธุระกับใครที่นี่รึเปล่า”
“เอ่อ คือ...ก็พี่สัญญากับน้องไหมไว้แล้วนี่ว่าถ้าว่างเมื่อไหร่จะแวะมาทันทีไง แล้ววันนี้พี่ก็พอมีเวลาว่างเลยขอแวะมาชมร้านกับชิมเค้กฝีมือเจ้าของร้านซะหน่อย”
“เหรอคะ ไหมนึกว่าพอพี่เบศว่างจากงาน ก็อาจต้องยุ่งกับการดูแลคนอื่นจนไม่มีเวลานึกถึงไหมซะอีก”
“ดูแลคนอื่น...คนอื่นที่ไหน”
“ก็คุณโซ่ไงคะ อ้อ ไหมคงพูดผิดไป คุณโซ่คงไม่ใช่คนอื่นสำหรับพี่เบศ เพราะขนาดไปถ่ายละครซะไกลถึงกระบี่ พี่เบศยังรีบเคลียร์งานตามไปเฝ้าเธอได้เลย”
นฤเบศแปลกใจที่แพรไหมรู้
“ไหมคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว พี่ไปทำงาน แล้วบังเอิญเจอคุณโซ่ที่นั่นพอดี เราเป็นเพื่อนกัน ไหมก็รู้”
“แค่เพื่อนจริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ เดี๋ยวนี้พี่กลายเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้ไปแล้วเหรอ...” นฤเบศแกล้งแซว “เอ..หรือว่าตอนนี้ไหมคงจะมีคนที่เชื่อใจได้มากกว่าพี่แล้วมั้ง”
“เอ่อ เปล่านะคะ ไหมก็แค่แกล้งแหย่พี่เบศเล่นเท่านั้นเอง งั้นทานขนมดีกว่านะคะ”
“ไหมกำลังฝึกทำเพราะจะไปประกวดพาร์ทิซิเย่น่ะค่ะ”
“น่ากินจัง เดี๋ยวนี้น้องพี่ เก่งใหญ่แล้วนะ”
“แหม ยังไม่ทันได้รางวัลเลย อย่าเพิ่งยอกันสิคะ อืม อาทิตย์หน้า ถ้าพี่เบศว่าง ช่วยมาให้กำลังใจไหมที่งานประกวดหน่อยนะคะ”
“ได้จ้ะ ถ้าพี่ว่างพี่ไปเชียร์น้องไหมแน่”
นฤเบศยิ้มให้แพรไหม พลางแอบมองสังเกตการณ์ตรงสนามกอล์ฟไปด้วย แพรไหมค่อยยิ้มได้ เลื่อนจานขนมให้ นฤเบศเอาช้อนตักขึ้นชิมเป็นจังหวะเดียวกันกับที่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นสุรีกานต์เดินเข้าไปหาริชาร์ดพอดี นฤเบศชะงักเล็กน้อย
“เป็นยังไงบ้างคะ อร่อยถูกใจรึเปล่า”
“เอ่อ อร่อยมากเลยจ้ะ”
“งั้นก็ทานเยอะๆ นะคะ”
แพรไหมยิ่งยิ้มกว้างอย่างเบิกบาน

ริชาร์ดไดร์ฟกอล์ฟอยู่ในสนาม สุรีกานต์เดินเข้าไปหา ริชาร์ดพัตกอล์ฟอย่างใจเย็น ลูกกอล์ฟกลิ้งลงหลุมพอดี สุรีกานต์ปรบมือเอ่ยชมฝีมือของเขา
“เยี่ยมไปเลยค่ะ ฝีมือของคุณน่าจะเทียบกับโปรกอล์ฟเก่งๆได้สบายเลยนะคะ”
ริชาร์ดเดินมาโอบเอวสุรีกานต์ พลางให้สัญญาณบอดี้การ์ดหลบออกไปเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว
“คุณรู้มั้ย อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการตีกอล์ฟ”
“ไม่รู้สิคะ อาจจะเป็นไม้กอล์ฟ หรือไม่ก็เทคนิคพิเศษอะไรทำนองนี้มั้งคะ”
“สำหรับคนอื่นอาจจะใช่ แต่สำหรับผม เป็นเพราะสิ่งนี้มากกว่า”
ริชาร์ดยิ้มๆ หยิบลูกกอล์ฟขึ้นมาถือในมือพลางพูดหยั่งเชิง สุรีกานต์ยังไม่รู้ตัว
“ลูกกอล์ฟเนี่ยเหรอคะ”
“คุณคงจะแปลกใจ แต่คุณคงไม่รู้หรอกว่าครอบครัวของผมเคยเปิดร้านเล็กๆ ขายลูกกอล์ฟมาก่อนที่มันจะกลายเป็นธุรกิจใหญ่โตได้ขนาดนี้...ผมเชื่อเสมอว่าลูกกอล์ฟเป็นสิ่งนำโชคของผม”
ริชาร์ดวางลูกกอล์ฟลูกนั้นลงบนพื้นอย่างใจเย็น แล้วพัตลูกกอล์ฟลงหลุมแบบตรงๆ อย่างง่ายดาย บอดี้การ์ดของริชาร์ดเข้ามากระซิบรายงานริชาร์ด
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ลูกน้องผมมารายงานเรื่องร้านอาหาร ที่ผมจัดเตรียมไว้ให้คุณโซ่เป็นพิเศษน่ะครับ”
“คุณไม่น่าลำบากเลยค่ะ ฉันทานอะไรง่ายๆ ก็ได้”
“อาหารง่ายๆ มันคงไม่เหมาะกับผู้หญิงอย่างคุณหรอก อย่างคุณต้องคู่ควรกับอาหารสุดพิเศษที่ผมเตรียมไว้ให้มากกว่า”
สุรีกานต์เริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ใจสู้
“แต่ฉัน...” สุรีกานต์ยิ้มหว่านเสน่ห์ “อยากไปทานอาหารสองต่อสองที่คอนโดคุณมากกว่านี่คะ”
ริชาร์ดยิ้มให้แทนคำตอบ โอบเอวพาสุรีกานต์เดินตรงไปที่ลานจอดรถ

นฤเบศยังคงนั่งคุยกับแพรไหม เธอรวบรวมความกล้าสารภาพความในใจ
“พี่เบศคะ ไหมมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกพี่เบศค่ะ”
นฤเบศไม่ทันได้สนใจ เพราะกำลังจับตามองความเคลื่อนไหวของสุรีกานต์กับริชาร์ด
“ไหมนับถือพี่เบศเหมือนพี่ชายมาตลอด แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่ไหมมีต่อพี่เบศมันเปลี่ยนไปแล้ว” แพรไหมอึกอัก “คือ ไหม...ไหม”
จู่ๆ นฤเบศก็ผุดลุกขึ้นทันที เพราะเห็นริชาร์ดโอบเอวสุรีกานต์และพาเดินออกไป
“ขอโทษนะไหม พอดีพี่มีงานต้องทำด่วน เอาไว้เราค่อยคุยกันวันหลังนะ”
นฤเบศรีบผลุนผลันตามไปทันที แพรไหมรู้สึกเศร้าจนน้ำตาไหล เพราะรู้แล้วว่าเขาไม่เคยมีใจให้เธอเลย เธอพึมพำเบาๆ
“ไหมรักพี่เบศค่ะ”

แก้วดารากับเกี๊ยวกุ้งกำลังลงจากรถ แก้วดาราส่องกระจกและหันมาถามเกี๊ยวกุ้งเพื่อเช็คความงามก่อนจะไปพบกวิน
“แก้วดูเป็นไงบ้างคะพี่เกี๊ยว”
“โอเคมากค่ะคุณน้อง เริ่ดที่สุด ณ จุดนี้แล้ว รับรองคุณกวินต้องหลงหัวปักหัวปำแน่นอนค่ะ”
แก้วดารายิ้มกริ่มเดินนำเกี๊ยวกุ้ง แต่แล้วก็เห็นริชาร์ดโอบเอวสุรีกานต์เดินมาท่าทางสนิทสนม บอดี้การ์ดของริชาร์ดเปิดประตูรถให้ ทั้งสองคนขึ้นรถแล้วรถลีมูซีนของริชาร์ดก็แล่นออกไปจากลานจอดรถ เกี๊ยวกุ้งตาโต
“อุ้ยตาย นั่นมันยัยโซ่นี่ แล้วควงฝรั่งที่ไหนมาล่ะนั่นน่ะ ท่าทางสนิทสนมกันเกินธรรมดานะคะคุณน้อง”
แก้วดาราหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป
“พี่เกี๊ยว ขึ้นรถ”
เกี๊ยวกุ้งหน้าเหวอ
“อ้าว คุณน้องแก้วจะไปไหนคะ ไหนบอกว่าจะมายั่ว เอ้ย มาหาคุณกวินไง นี่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากลานจอดรถเลยนะคะเนี่ย”
“แก้วเปลี่ยนใจแล้ว ตามไปดูเรียลลิตี้ชีวิตนางร้ายดีกว่า น่าสนใจกว่าเยอะ เร็วสิ พี่เกี๊ยว ถ้าตามไปไม่ทันล่ะก็ พี่เกี๊ยวเตรียมหางานใหม่ได้เลย”
“ค่ะๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
แก้วดาราและเกี๊ยวกุ้งรีบขึ้นรถและขับรถตามสุรีกานต์กับริชาร์ดไป คล้อยหลังจากแก้วดารา นฤเบศวิ่งออกมาที่ลานจอดรถ เห็นรถของริชาร์ดแล่นออกไป ก็รีบขึ้นรถแล้วขับรถตามไปเช่นกัน

รถของริชาร์ดแล่นไปบนถนน โดยมีรถของแก้วดาราขับตามมาอยู่ห่างๆ ถัดจากรถของแก้วดาราก็เป็นรถของนฤเบศที่แอบขับตามมาเช่นกัน แต่เพราะนฤเบศกำลังเป็นห่วงสุรีกานต์จึงไม่ทันเห็นรถของแก้วดารา ฝ่ายแก้วดารากับเกี๊ยวกุ้งก็มุ่งมั่นกับการตามจับผิดสุรีกานต์มาก จนไม่ทันสังเกตรถของนฤเบศเช่นกัน
ริชาร์ดกับสุรีกานต์นั่งอยู่เบาะด้านหลัง ริชาร์ดโอบสุรีกานต์และพยายามฉวยโอกาสกับเธอแต่สุรีกานต์ใช้มารยาหญิงบ่ายเบี่ยง
“ฉันกลัวปาปารัซซี่น่ะค่ะ ไม่อยากได้ชื่อว่าดังได้เพราะสร้างกระแส เอาเป็นว่าเราค่อยไปสวีทกันสองต่อสองที่คอนโดคุณดีกว่านะคะ”
“ก็ได้ครับ ถ้าคุณต้องการ ผมทำให้คุณได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
ริชาร์ดแอบยิ้มเหี้ยม ส่วนสุรีกานต์ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

แก้วดาราและเกี๊ยวกุ้งขับรถตามมาถ่ายรูปรถริชาร์ด ที่พาสุรีกานต์มาถึงคอนโด ริชาร์ดลงจากรถแล้วโอบเอวสุรีกานต์เดินเข้าไปในคอนโดท่าทางสนิทสนม แก้วดารายิ้มอย่างสะใจ เกี๊ยวกุ้งหน้าตื่น
“ตายแล้ว ไอ้ฝรั่งนั่นกับยัยโซ่ควงกันขึ้นคอนโดกลางวันแสกๆ นี่ถ้าไม่เห็นกับตาไม่อยากจะเชื่อเลย ว่านางร้ายชื่อดังทำตัวไฮโซเอาเข้าจริงก็แค่ชะนีสก๊อยไฟลั่มต่ำตม”
แก้วดาราเบ้หน้า
“สงสัยคงจะทนไฟราคะไม่ไหว งานนี้ แกได้กลายเป็นนางร้ายเหม็นโฉ่แน่นังโซ่ เอ๊ยนังโซ่”
อีกมุมหนึ่งรถของนฤเบศวิ่งเข้ามาจอด เขาแตะหูฟังสายลับ
“เดอะซันหนึ่งเรียกทีมเดอะซัน ตอนนี้พลูโตกับเนปจูนมาถึงคอนโดแล้ว เตรียมปฏิบัติภารกิจด่วน”

ริชาร์ดโอบเอวสุรีกานต์เดินเข้ามาในห้อง พาไปนั่งที่โซฟาแล้วเริ่มโอบกอดลูบไล้ สุรีกานต์ตกใจแสร้งทำเอียงอายแต่ลับหลังแอบรังเกียจ ริชาร์ดรุกหนักจะหอมแก้มแต่เธอเบี่ยงหลบเอามือแตะปากริชาร์ดไว้เบาๆ
“ไหนคุณบอกว่าอยากมาสวีทกับผม สองต่อสองไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ ฉันหมายถึง มาทานข้าวด้วยกันน่ะค่ะ ก็คุณบอกว่าคุณจะเตรียมอาหารสุดพิเศษไว้ให้ฉันไม่ใช่เหรอคะ”
“แต่ผมเปลี่ยนใจแล้ว เพราะผมอยากทานอย่างอื่นมากกว่า”
ริชาร์ดลวนลามต่อ
“เอ่อ ใจเย็นก่อนสิคะ คุณไปอาบน้ำก่อนดีมั้ยคะ เพิ่งกลับมาเหนียวตัวแย่”
“ก็ได้ครับ หวังว่าคุณคงจะไม่หลอกผม แล้วหนีไปไหนอีกนะครับ”
“ฉันไม่หนีไปไหนแน่นอนค่ะ”
ริชาร์ดแอบยิ้มร้ายแล้วเดินผละไป สุรีกานต์แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรอจนแน่ใจว่าเขาเข้าไปอาบน้ำแล้วจึงแอบเข้าไปในห้องทำงานของเขา

นฤเบศตามมาสมทบกับทีมเดอะซันในรถตู้สายลับ เขาสอบถามทางวิทยุสายลับกับสุรีกานต์
“เดอะซันหนึ่ง เรียกเนปจูน ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
“ทุกอย่างโอเค ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องทำงานพลูโตแล้ว แต่ฉันคงมีเวลาไม่มาก”
“ดี ทำตามแผนที่เราวางไว้ แล้วก็...ระวังตัวด้วย”
สุรีกานต์ตรงเข้าไปที่โต๊ะทำงานริชาร์ด เห็นโน้ตบุ๊คเปิดทิ้งไว้ เธอรวบรวมสมาธิเพื่อไขพาสเวิร์ด สุรีกานต์กำลังพิมพ์ตามว่า “V-E-N-I-C-E” ตามที่คิดไว้แต่ก็เข้ารหัสไม่ได้
“เอาไงดีพาสเวิร์ดไม่ใช่”
“คุณใจเย็นๆนะ ตั้งสติแล้วลองนึกดูดีๆ ว่าริชาร์ดเคยพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับ password นี้บ้างรึเปล่า”
สุรีกานต์ตั้งสมาธิพยายามนึกอีกครั้ง เธอพึมพำเบาๆ
“V-E-N-I ถ้าไม่ใช่เวนิส แล้วมันจะเป็นอะไรเนี่ย”
สุรีกานต์นึกถึงตอนว่ายน้ำกับริชาร์ดและเห็นรอยสักที่ต้นคอของเขา
“เอ๊ะ คุณสักด้วยเหรอคะ เท่จัง เขียนว่าอะไรคะ”
“ Veni Vidi Vici ภาษาละติน แปลว่า...ข้ามา ข้าเห็น ข้าชนะ...ผมชอบวลีนี้ วลีอมตะของจูเลียส ซีซ่าร์ ตอนเขาประกาศชัยชนะในสงครามเขาส่งวลีนี้ไปที่กรุงโรม”
สุรีกานต์ครุ่นคิด
“หรือว่า...”
สุรีกานต์พิมพ์รหัส “Veni Vidi Vici” จนครบ เธอไขรหัสได้สำเร็จก็กระโดดโลดเต้นอย่างเงียบๆ
“เยส Mission Complete ฉันทำสำเร็จแล้วคุณสารวัตร”
“นี่คุณ ผมบอกแล้วไง เวลาปฏิบัติภารกิจให้ขานรหัส”
“ขอโทษ ก็มันดีใจนี่”
สุรีกานต์รีบหยิบเครื่องมือถ่ายโอนข้อมูลขนาดจิ๋วมาเสียบต่อกับโน้ตบุ๊ค และรีบโหลดข้อมูลส่งไปให้เครื่องรับสัญญาณในรถตู้สายลับ ระหว่างสุรีกานต์ กับนฤเบศและทีมเดอะซันซึ่งกำลังรอการโหลดข้อมูลอย่างลุ้นระทึก ที่หน้าจอแสดงผล 40 % ทันใดเสียงริชาร์ดก็ดังขึ้น
“ทำอะไร”
สุรีกานต์ช็อคค้างไปครู่
“เอ่อ คือฉัน ฉัน...”
สุรีกานต์ตั้งสติรีบเอาตัวบังโน้ตบุ๊คไว้ แต่ริชาร์ดเดินเข้ามาและกระชากตัวส่งข้อมูลทิ้ง แล้วดึงหูฟังสายลับของสุรีกานต์ออกมาปาทิ้ง สุรีกานต์ได้แต่ยืนอึ้ง รถตู้สายลับ สัญญาณการส่งข้อมูลล้มเหลวปรากฏที่หน้าจอ ปรีติหน้าตื่น
“แย่แล้วครับสารวัตร สัญญาณขาดหายไปแล้ว”
“เดอะซันหนึ่งเรียกเนปจูน เดอะซันหนึ่งเรียกเนปจูน คุณได้ยินผมมั้ย”
ไม่มีเสียงตอบรับ
“โธ่เว้ย…จ่ากับผู้กองตามผมมา ส่วนหมวดรอสแตนด์บายอยู่ที่นี่”
ทุกคนพยักหน้ารับคำสั่ง นฤเบศรีบนำจ่ายมและอัศวินลงจากรถตู้และวิ่งไปทางคอนโดทันที

ริชาร์ดโมโหมาก เหวี่ยงสุรีกานต์ออกมาจากห้องทำงานจนไปกระแทกผนังห้องรับแขก สุรีกานต์ร้องด้วยความเจ็บ ริชาร์ดเดินเข้าหาเรื่อยๆ จนเธอถอยหลังไปชิดกำแพงห้อง ริชาร์ดเอื้อมมือมาบีบต้นคอของเธอไว้แน่น
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ เธอเป็นใครกันแน่ แล้วใครใช้เธอมา”
“ใจเย็นก่อนนะคะ คุณกำลังเข้าใจผิด ไม่มีใครใช้ฉันทั้งนั้น คือพอดีฉันมีงานด่วน ฉันก็แค่อยากจะขอใช้โน้ตบุ๊คคุณหน่อยเท่านั้นเอง คุณปล่อยฉันก่อนเถอะนะ”
ริชาร์ดเริ่มบีบต้นคอ สุรีกานต์พยายามดิ้นหนีแต่ก็ดิ้นไม่หลุด
“เธอคิดว่าฉันโง่เหรอ ที่ดูไม่ออกว่าเธอเป็นสายลับที่ปลอมตัวมา”
“สายลับอะไรกัน ฉันเป็นนักแสดง คุณก็รู้ดีนี่ ฉันจะไปเป็นสายล้งสายลับได้ยังไง”
ริชาร์ดโมโห
“ยังจะปากแข็งอีกใช่มั้ย งั้นบอกมาที่เธอพยายามเอาตัวเข้ามาใกล้ชิดฉัน เธอต้องการอะไร ถ้าเธอไม่ได้ต้องการมาล้วงความลับจากฉัน”
สุรีกานต์ใจดีสู้เสือ
“ฉันทำไป เพราะฉันมีความรู้สึกดีๆ กับคุณนะริชาร์ด คุณเชื่อฉันสิ”
“รู้สึกดีงั้นเหรอ”
ริชาร์ดตบหน้าเธอเต็มแรงจนเซถลา ก่อนจะกระชากผมเต็มแรงด้วยความโกรธ
“แล้วที่แกปลอมตัวไปที่ M Club สนามกอล์ฟ งานเลี้ยงบนเรือ แล้วที่สำคัญ ไอ้นี่” เขาชูเครื่องดักฟังที่เธอเคยเอามาติดใต้โต๊ะทำงาน “ถ้ามันไม่ใช่แกแล้วมันจะเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะในห้องทำงานฉันได้ยังไง”
สุรีกานต์กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น เพราะเห็นทีคราวนี้เธอจะรอดยาก
“ได้ ฉันจะให้เวลาเธอตัดสินใจว่าจะยอมบอกความจริงรึเปล่าว่าใครใช้เธอมา แต่ระหว่างที่รอ เรามาหาอะไรทำเล่นสนุกๆ ก่อนก็แล้วกัน”
ริชาร์ดผลักสุรีกานต์ล้มลงไปบนโซฟาแล้วปลุกปล้ำด้วยความแค้น เธอพยายามปัดป้องสุดกำลัง

อ่านต่อหน้าที่ 3


นางร้ายสายลับ ตอนที่ 10 (ต่อ)

นฤเบศ จ่ายม และอัศวิน เปิดประตูออกมาจากบันไดหนีไฟของคอนโด และแอบหลบอยู่มุมหนึ่ง ทั้งสามคนมองไปด้านหน้าห้องริชาร์ด เห็นมีบอดี้การ์ด เฝ้าอยู่ 4 คน นฤเบศส่งสัญญาณให้อัศวินและจ่ายมแกล้งล่อบอดี้การ์ดริชาร์ดไปอีกทาง อัศวินและจ่ายมพยักหน้ารับคำสั่งแล้ววิ่งออกจากที่ซ่อนหายลับไปทางหนึ่ง บอดี้การ์ดริชาร์ดเห็นสิ่งผิดปกติก็รีบวิ่งตามไป 2 คน นฤเบศเข้าไปจัดการกับสองคนที่เหลือ ต่างฝ่ายต่างเปิดฉากบู๊กันอย่างดุเดือด อีกมุมหนึ่งจ่ายมกับอัศวิน ก็กำลังบู๊อยู่กับบอดี้การ์ดริชาร์ดอีก 2 คนเช่นกัน
ริชาร์ดซุกไซ้ซอกคอสุรีกานต์อย่างสะใจ เธอปัดป้องตัวเองพลางร้องให้คนช่วย ในใจนึกถึงแต่ นฤเบศ สุรีกานต์รวบรวมแรงถีบริชาร์ดเต็มแรง จนเขาเซถลาล้มลงไปนอนกับพื้น ริชาร์ดยิ่งโมโหหนัก ตรงเข้ามาจะทำร้าย เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ริชาร์ดไม่สนใจเพราะกำลังหน้ามืดตามัว ตรงเข้าปลุกปล้ำต่อ เสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่ๆ จนเขารำคาญเดินไปเปิดประตูก็เป็นนฤเบศที่ยืนอยู่หน้าประตูสภาพบาดเจ็บเล็กน้อยแต่ท่าทางเอาเรื่อง นฤเบศเปิดฉากต่อยริชาร์ดทันที สุรีกานต์เห็นหน้านฤเบศก็ใจชื้น นฤเบศชกริชาร์ดจนฟุบลงไปกับพื้น แล้วรีบปราดเข้าไปหาสุรีกานต์
“คุณปลอดภัยรึเปล่า”
“ฉันปลอดภัยดี ขอบคุณคุณมากนะที่มาช่วยฉัน”
“ผมบอกคุณแล้วไง ตราบใดที่คุณอยู่กับผม คุณจะต้องปลอดภัย…เราออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ”
นฤเบศรีบคว้าข้อมือพาสุรีกานต์วิ่งหนีออกไปจากห้อง ริชาร์ดที่ฟุบหน้าอยู่กับพื้น ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นมาแบบมึนๆ

นฤเบศพาสุรีกานต์วิ่งออกมาด้านหน้าห้อง บอดี้การ์ดของริชาร์ดพยายามทรงตัวลุกจากพื้น จ่ายมและอัศวินซึ่งจัดการกับบอดี้การ์ดริชาร์ดอีก 2 คนจนหมอบ ก็วิ่งตามมาสมทบ ทั้งหมดรีบหนีลงไปที่ลานจอดรถ ริชาร์ดเดินออกมาสมทบยังจุกอยู่ บอดี้การ์ดรีบเข้าประคอง แต่ริชาร์ดสะบัดแขนทิ้งอย่างหัวเสีย
“ไม่ต้อง ตามมันไป ถ้าจับพวกมันไม่ได้ กูจะฆ่าพวกมึงให้หมด”
บอดี้การ์ดของริชาร์ดรับคำและรีบวิ่งตามออกไป

นฤเบศพาสุรีกานต์วิ่งหนีไปขึ้นรถกระบะของตนที่จอดอยู่มุมหนึ่ง ปรีติและประเสริฐก็ขับรถตู้สายลับมารับจ่ายมและอัศวิน ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันหนีไปคนละทาง กลุ่มบอดี้การ์ดของริชาร์ดที่ตามมาสมทบก็แยกย้ายกันตาม

นฤเบศขับรถพาสุรีกานต์หนี บอดี้การ์ดของริชาร์ดไล่ตามยิงอย่างไม่ลดละ นฤเบศขับรถพาสุรีกานต์หนีไปเรื่อยๆ หญิงสาวลุ้นระทึกด้วยความหวาดกลัว แต่นฤเบศก็เอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้ และส่งสายตาให้กำลังใจ สุรีกานต์รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...นฤเบศขับรถหนีด้วยความเร็วสูง ส่วนด้านหลังก็ยังขับตามประกบมาอย่างไม่ลดละ บอดี้การ์ดของริชาร์ดยิงเจาะยางรถของนฤเบศจนระเบิด เขาจำต้องเอารถจอดเทียบข้างทางแล้วพาสุรีกานต์วิ่งหนีเข้าไปในบริเวณลานตู้คอนเทนเนอร์แห่งหนึ่ง แถวท่าเรือ
นฤเบศพาสุรีกานต์เข้าไปหลบอยู่มุมหนึ่งหลังตู้คอนเทนเนอร์ สุรีกานต์มองสภาพของเขาที่บาดเจ็บและถามด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ
“คุณยังโอเคใช่มั้ย”
“ผมยังไหว ตอนนี้ที่ต้องเป็นห่วงคือเราต้องรีบหาทางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“แต่คุณบาดเจ็บนะ แล้วพวกมันก็มากันเต็มไปหมด เราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”
นฤเบศแอบมองเห็นกลุ่มบอดี้การ์ดของริชาร์ด ยังคงไล่ตามหาทั้งสองคนอย่างไม่ลดละ
“ฟังนะคุณดารา เดี๋ยวผมจะหาทางล่อพวกมันออกไปเอง ส่วนคุณรีบหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แค่นี้ คุณทำได้ใช่มั้ย”
“แต่...”
นฤเบศเอาปืนของตัวเองยัดใส่มือ สุรีกานต์มองปืนในมือยิ่งลังเล
“เอาไว้ป้องกันตัว ไม่ต้องห่วง ผมเอาตัวรอดได้”
“แต่ฉันว่า ฉันทำไม่ได้แน่ๆ”
นฤเบศกุมมือสุรีกานต์
“คุณเคยบอกผมไม่ใช่เหรอ ว่านางร้ายอย่างสุรีกานต์ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ เพราะเล่นมาทุกบทบาทแล้ว ผมเชื่อใจคุณและมั่นใจในตัวคุณว่าคุณต้องทำได้แน่”
“แล้วถ้าเกิดคุณเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ พวกมันมีมากกว่าเรา คุณมีแต่มือเปล่า แถมยังตัวคนเดียวด้วยอาจจะไม่ปลอดภัย”
“เป็นห่วงผมเหรอ ตำรวจกระดูกเหล็กอย่างผม ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่า”
“เปล่า ฉันไม่เป็นห่วงคุณสักหน่อย ฉันแค่เป็นห่วงประเทศชาติกลัวจะไม่มีใครมาจับคนเลวอย่างไอ้ริชาร์ดเข้าคุก”
นฤเบศแอบอมยิ้ม
“เป็นดารานี่เขาต้องปากแข็งกันทุกคนเลยใช่มั้ย”
สุรีกานต์มองค้อน
“ผมต้องรีบไปแล้ว คุณแค่ทำตามที่ผมบอกก็พอ”
“เดี๋ยว คุณสารวัตร…เอ่อ คุณระวังตัวด้วยนะ เราต้องรอดกลับไปด้วยกัน”
นฤเบศพยักหน้าให้แทนคำตอบก่อนที่จะผละไป สุรีกานต์มองตามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกระชับปืนในมือเพื่อรวบรวมกำลังใจ
บอดี้การ์ดของริชาร์ด 2 คน เดินถือปืนในมือค้นหาบริเวณรอบๆ อย่างใจจดจ่อ นฤเบศอ้อมมาสะกิดด้านหลังและต่อยบอดี้การ์ดคนหนึ่งอย่างแรงจนล้มไป บอดี้การ์ดอีกคนยิงปืนใส่แต่นฤเบศหลบได้อย่างว่องไวและเข้าต่อสู้กับบอดี้การ์ดริชาร์ดจนแย่งปืนมาได้สำเร็จ บอดี้การ์ดริชาร์ดคนอื่นๆ ได้ยินเสียงปืนจึงวิ่งมา นฤเบศวิ่งหนี บอดี้การ์ดเปิดฉากยิงอย่างดุเดือด นฤเบศยิงตอบโต้อย่างไม่ลดละเช่นกัน

สุรีกานต์ที่กำลังหาทางหนีได้ยินเสียงปืนดังหลายนัดก็รู้สึกเป็นห่วง เธอกระชับปืนในมือกำลังจะก้าวออกจากที่ซ่อน บอดี้การ์ดของริชาร์ด 2 คนก็เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังไว้และเล็งปืนมาที่เธอ สุรีกานต์รู้สึกหวาดกลัวมาก แต่ก็พยายามรวบรวมสมาธิอาศัยจังหวะที่บอดี้การ์ดริชาร์ดเผลอ ใช้คิวบู๊ที่เคยเข้าฉากถ่ายละครเตะจนข้อมือของบอดี้การ์ดคนหนึ่งจนปืนกระเด็นไป แล้วหันไปยิงขาบอดี้การ์ดอีกคน สุรีกานต์รีบวิ่งไปหลบที่มุมหนึ่ง บอดี้การ์ดริชาร์ดโมโหมาก ยิงใส่สุรีกานต์ไม่ยั้ง สุรีกานต์หลบกระสุนพลางร้องกรี๊ดเสียงดังด้วยความตกใจ

นฤเบศต่อสู้กับบอดี้การ์ดของริชาร์ด แต่พอได้ยินเสียงร้องของสุรีกานต์ก็หยุดชะงักด้วยความเป็นห่วง จนเกือบพลาดท่า แต่สุดท้ายก็สามารถจัดการบอดี้การ์ดของริชาร์ดได้สำเร็จ เขาตัดสินใจวิ่งกลับไปช่วยสุรีกานต์
บอดี้การ์ดของริชาร์ดยังคงไล่ยิงสุรีกานต์อย่างไม่ลดละ เธอวิ่งหนีและยิงตอบโต้บ้างแต่ก็ยังตกเป็นรอง สุรีกานต์ยิงตอบโต้จนกระสุนหมด บอดี้การ์ดของริชาร์ดยิ้มเหี้ยมเล็งปืนจะยิง นฤเบศกระโดดลงมาจากด้านบนตู้คอนเทนเนอร์ รวบตัวบอดี้การ์ดริชาร์ดไว้จนกลิ้งไปกับพื้นด้วยกัน แล้วออกหมัดบู๊ใส่บอดี้การ์ดริชาร์ดจนสลบเหมือด สุรีกานต์ดีใจที่เห็นเขา
“คุณปลอดภัยใช่มั้ย คุณดารา”
สุรีกานต์พยักหน้า น้ำตารื้นด้วยความดีใจที่เห็นนฤเบศ
“ฉันนึกว่า ฉัน...”
นฤเบศรวบตัวเธอมากอดเพื่อให้กำลังใจ สุรีกานต์ถึงกับอึ้ง
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีก”
บอดี้การ์ดของริชาร์ดที่เหลือกำลังวิ่งมาและเปิดฉากยิงถล่ม นฤเบศรีบฉุดมือสุรีกานต์วิ่งหนี

นฤเบศกับสุรีกานต์วิ่งหนีมาจนจนมุมตรงลานริมน้ำท่าเรือ และตกอยู่ในวงล้อมของบอดี้การ์ดริชาร์ด ทั้งสองฝ่ายจึงเกิดการปะทะกัน นฤเบศต่อสู้กับบอดี้การ์ดของริชาร์ด สุรีกานต์ฮึดสู้พยายามงัดวิชาบู๊เท่าที่จะจำได้มาใช้ แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานลูกน้องของริชาร์ดที่มีมากกว่าได้ นฤเบศถูกซ้อมสะบักสะบอม แต่ก็ยังฮึดสู้เพื่อพยายามปกป้องสุรีกานต์ไม่ให้ได้รับอันตราย สุรีกานต์มองนฤเบศยอมเสี่ยงตายปกป้องเธออย่างซึ้งใจ ก่อนที่นฤเบศจะเพลี่ยงพล้ำเข้าขั้นวิกฤติ ทีมเดอะซันก็มาถึงพอดี ทีมเดอะซันเข้าต่อสู้กับลูกน้องของริชาร์ด นฤเบศหันไปบอกสุรีกานต์
“ตรงนี้พวกผมจัดการเอง คุณหลบไปรอที่รถก่อน”
สุรีกานต์ยังคงลังเล มองเขาที่ยังต่อสู้ทั้งๆ ที่บาดเจ็บด้วยความเป็นห่วง
“แต่...”
“ไปเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง”
สุรีกานต์ตัดสินใจวิ่งฝ่าไปที่รถได้สำเร็จ นฤเบศกับทีมเดอะซันยังคงต่อสู้กับทีมบอดี้การ์ดของริชาร์ดอย่างดุเดือด ขณะกำลังจะเพลี่ยงพล้ำ สุรีกานต์ก็ขับรถปาดเข้ามาและบอกให้ทุกคนขึ้นรถ ทีมเดอะซันรีบขึ้นรถ สุรีกานต์ขับรถซิ่งออกไปอย่างชำนาญ บอดี้การ์ดของริชาร์ดที่บาดเจ็บจากการต่อสู้บางส่วนนอนแผ่อยู่บนพื้น บางส่วนวิ่งตามแต่ก็ไม่ทัน

อัศวินและปรีติประคองนฤเบศที่บาดเจ็บหนักกว่าคนอื่นเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ ทีมเดอะซันแยกย้ายกันไปจับคู่ช่วยกันทำแผลใส่ยา สุรีกานต์ช่วยทำแผลใส่ยาให้นฤเบศอย่างเป็นห่วง วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ นฤเบศหยิบโทรศัพท์มาแกะซิมหักทิ้ง
“ว๊าย คุณทำอะไรของคุณน่ะ”
“ริชาร์ดมันมีเบอร์คุณ ผมกลัวว่าพวกมันดักจับสัญญาณโทรศัพท์มือถือของคุณ แล้วตามเรามาถึงนี่”
สุรีกานต์อึ้งๆ
“คุณนี่รอบคอบดีแต่ทีหลังจะทำอะไรปรึกษาหน่อยนะ ดีที่ฉันมีสองเบอร์”
สุรีกานต์ค่อยๆทำความสะอาดแผลให้นฤเบศ
“ยังไงก็ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ ป่านนี้ฉันคงตายไปแล้ว”
“ไม่เป็นไร ที่ผมทำไปก็เพราะ...”
นฤเบศมองหน้าสุรีกานต์ลึกซึ้ง เธอมองตอบเขา
“เพราะอะไร”
นฤเบศไม่กล้าบอกความจริงในใจจึงเฉไป
“หน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”
สุรีกานต์หน้าแตกหมั่นไส้จึงแกล้งทายาแผลที่โหนกแก้มของเขาแรงๆ
“โอ๊ย”
นฤเบศ เอามือจับมือสุรีกานต์ดึงออกจากแผล แต่เธอไม่ทันระวังจึงถูกฉุดไปตามแรงดึงถลาเข้าไปชิดเขามากยิ่งขึ้น ทั้งสองคนจ้องหน้ากันนิ่งเหมือนอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่งจนเสียงของจ่ายมแทรกเข้ามา
“โอ๊ย เบาๆ หน่อยสิผู้กอง หนังคนนะครับไม่ใช่หนังช้าง โอย เล่นซะผมหมดหล่อเลยมั้งเนี่ย”
นฤเบศและสุรีกานต์ได้สติ รีบผละจากกัน
“แผลแค่นี้เอง ร้องซะดังเลยจ่ายม สารวัตรเขาเจ็บหนักกว่าจ่าตั้งเยอะ ไม่เห็นร้องสักแอะ” อัศวินบ่น
“ก็พยาบาลคนสวยเขามือเบานี่ครับ ไม่ได้มือหนักเหมือนผู้กอง ทายาที หน้าผมแทบจะยุบไปทั้งแถบ”
“คนมีน้ำใจทำให้ยังบ่นอีกนะจ่า”
จ่ายมกับอัศวินตั้งท่าทะเลาะกันไม่เลิก ส่วนปรีติก็ช่วยทำแผลให้ประเสริฐอยู่อีกมุมหนึ่ง สุรีกานต์ทำแผลให้นฤเบศต่อจนเสร็จ
“ขอบคุณนะ ที่ช่วยทำแผลให้ผม”
สุรีกานต์เอาคืน
“ไม่จำเป็น เพราะฉันก็ทำไปตามหน้าที่เหมือนกัน”
สุรีกานต์เก็บอุปกรณ์ทำแผล
“หมดหน้าที่ของฉันแล้ว ฉันจะกลับคอนโด”
“คุณไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ทำไม คุณมีอะไรจะใช้ฉันอีกล่ะ”
“ไม่มี แต่คุณต้องอยู่ที่นี่ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของคุณ ไอ้ริชาร์ดมันรู้ความจริงแล้ว มันไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
สุรีกานต์ชะงัก
“แล้วงานของฉันล่ะ ฉันจะทิ้งงานไปเฉยๆ ได้ยังไง”
“ผมรู้ แต่ตอนนี้ชีวิตของคุณสำคัญกว่า พอจบคดีนี้แล้วคุณจะกลับไปทำงานหนักแค่ไหนก็ได้ตามใจคุณ แต่ตอนนี้คุณต้องเชื่อผม เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง”
สุรีกานต์นิ่งอึ้งยอมจำนนด้วยเหตุผล ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตามเดิม นฤเบศหันไปคุยกับทีมเดอะซัน
“เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ทีมเดอะซันท่าทางลังเล จ่ายมมองอย่างเป็นห่วง
“แต่ว่า สารวัตรบาดเจ็บแบบนี้ ต้องมีคนดูแลนะครับ เดี๋ยวผมจะขออนุญาตเมียผมมาเฝ้าสารวัตรเองครับ”
“ไม่เป็นไร ผมยังไหว ทุกคนก็เจ็บตัวเหมือนกัน กลับไปพักผ่อนเถอะ”
“แต่…”

อัศวินจะแย้ง สุรีกานต์แทรกขึ้น
“เดี๋ยวฉันดูแลให้เองก็ได้ค่ะ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
นฤเบศหันมามองสุรีกานต์อย่างแปลกใจ จ่ายมพอใจ
“งั้นก็ได้ครับ ยังไงพวกผมฝากคุณโซ่ด้วยนะครับ ผมลาล่ะครับสารวัตร กลับก่อนนะครับคุณโซ่”
ทีมเดอะซันล่ำลานฤเบศและสุรีกานต์ แล้วแยกย้ายกันกลับ

ริชาร์ดนั่งรออยู่ในคอนโดอย่างกระวนกระวายใจ สักพักบอดี้การ์ดก็เข้ามารายงาน
“เป็นไงบ้าง เก็บกวาดเรียบร้อยมั้ย”
บอดี้การ์ดหน้าเสีย
“เอ่อ ยังครับ”
“ยังเหรอ พวกแกพูดเป็นอยู่คำเดียวเหรอไงวะ”
“พวกมันมาช่วยไว้ทันน่ะครับ”
ริชาร์ดตบหน้าลูกน้อง
“โธ่เว้ย ไอ้พวกโง่เอ๊ย แล้วสัญญาณโทรศัพท์ล่ะ”
“จับสัญญาณไม่ได้ครับ”
“ปัดโธ่เว๊ย จะไปไหนก็ไปแล้วก็จับตัวมันมาให้ได้”
บอดี้การ์ดรับคำแล้วเดินออกไป บอดี้การ์ดอีกคนของริชาร์ดเข้ามารายงาน
“มีอะไรอีก ถ้าไม่ใช่เรื่องที่จับไอ้พวกนรกนั่นได้ ไม่ต้องมารายงานเข้าใจมั้ย”
“คือ คนที่ท่านสั่งให้มาพบ มาถึงแล้วครับ”
“งั้นก็รีบพาเข้ามาสิ”
บอดี้การ์ดเชิญพ่อเลี้ยงกำธรและมงคลเดินเข้ามา ริชาร์ดลุกขึ้นต้อนรับและเชิญทุกคนนั่ง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ถึงเรียกพวกเรามาที่นี่” พ่อเลี้ยงกำธรถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้ เรากำลังถูกไอ้พวกตำรวจมันส่งคนมาล้วงข้อมูล”
มงคลตกใจ
“แล้วมันทำสำเร็จรึเปล่า”
“ไม่ แต่มันก็หนีรอดไปได้ ตอนนี้ผมกำลังให้คนตามตัวพวกมันอยู่”
“แล้วพวกมันเป็นใคร” มงคลถามเสียงเข้ม
“นังสุรีกานต์” ริชาร์ดบอกแค้นๆ
พ่อเลี้ยงกำธรคิดๆ
“สุรีกานต์ โซ่ สุรีกานต์ นางร้ายในละครน่ะเหรอครับ แล้วมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ยังไง”
มงคลกังวลใจ
“มันจะเกี่ยวยังไงผมไม่รู้ แต่ถ้ามันเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจ พวกเราจบเห่แน่”
“ผมว่าจัดการปิดปากมันเลยดีกว่า” พ่อเลี้ยงบอกแค้นๆ
ริชาร์ดห้ามไว้
“ใจเย็นน่าพ่อเลี้ยง นังงูพิษนั่นเป็นทั้งดาราและก็เป็นสายให้ตำรวจด้วย ถ้าเกิดถูกฆ่าตายขึ้นมาอาจจะเป็นเรื่องใหญ่และตำรวจอาจจะสาวมาถึงพวกเราได้ แล้ว ผมก็เชื่อว่ายังไงตอนนี้มันก็ยังไม่มีหลักฐานที่จะเล่นงานพวกเรา”
ทุกคนหน้าเคร่งเครียด มงคลหันมาถาม
“แล้วเรื่องกำหนดส่งมอบสินค้าคุณจะเอายังไงต่อไป”
“คงต้องเร่งให้เร็วกว่าเดิม ไม่งั้นถ้าพวกมันตามกลิ่นพวกเราเจอ เราซวยกันหมดแน่” ริชาร์ดหันไปทางพ่อเลี้ยงกำธร “พ่อเลี้ยง ผมอยากให้คุณช่วยจัดการสืบเรื่องนี้ให้ด้วย ว่าทีมตำรวจที่มันตามสืบคดีเรามันเป็นใคร และหาที่ซ่อนของพวกมันให้เร็วที่สุด”

นฤเบศนอนพักอยู่ในห้อง สุรีกานต์เอายาแก้ปวดมาให้ทาน
“ยาแก้ปวด”
“ขอบคุณนะ”
นฤเบศรับยามาทาน
“แปลกแฮะ วันนี้ คุณดูเป็นคนดีมีน้ำใจผิดปกติ ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย” เขาแกล้งเอามืออังหน้าผากของเธอ “ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา หรือว่าสมองจะกระทบกระเทือนตอนบู๊แหลกกับไอ้พวกนั้น”
สุรีกานต์โมโหเงื้อมือขึ้น นฤเบศรีบห้าม
“อ๊ะๆ นี่คุณจะกล้าทำร้ายคนเจ็บได้ลงคอเชียวเหรอ”
สุรีกานต์จำใจลดมือลง
“ฮึ่ย รู้อย่างนี้ปล่อยให้ตายไปเลยก็น่าจะดี”
สุรีกานต์งอนเดินออกไป นฤเบศส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วล้มตัวลงนอน

เนธานเปิดประตูห้องให้ พอพลอยนิลก้าวเท้าเข้ามาก็ตบหน้าเขาทันที เนธานงงๆ
“นี่มันอะไรกันนิล”
“สำหรับคนทรยศ หลอกลวงอย่างคุณ”
“คุณพูดอะไร ผมไปทรยศคุณตอนไหน”
พลอยนิลปาหนังสือพิมพ์ใส่
“ก็นี่ไง ตอนที่คุณเอาเรื่องงานมาบังหน้าแล้วพามันไปเสวยสุขที่ทะเลด้วยกันไง เลวทั้งผัว ชั่วทั้งเพื่อน”
“จะพูดอะไร ไว้หน้ากันบ้างนะนิล”
“คนอย่างคุณมันมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีกับเขาด้วยเหรอ”
“หยุดดูถูกผมเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะทนนิสัยแย่ๆ ของคุณไม่ไหว แล้วฟังให้ดีนะ ไอ้เรื่องบ้าๆ แบบนี้ ผมขอยืนยันเลยว่าผมไม่ได้ทำ”
“ปากแข็งด้วยกันทั้งคู่เลยนะ คงนัดแนะกันมาแล้วล่ะสิ”
“คุณจะให้ผมทำยังไงคุณถึงจะเชื่อ ว่าผมกับโซ่เราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ”
“คุณไม่ต้องทำอะไรหรอก ฉันเคยพูดว่าคนอย่างคุณไม่มีวันไปจากฉันได้ แต่วันนี้ฉันให้อิสระคุณแล้ว เชิญไปเสวยสุขกับนังเพื่อนรักฉันให้สมใจเถอะ ส่วนรถที่ฉันซื้อให้จะถือว่าโปรดสัตว์ไปก็แล้วกัน”
พลอยเดินผละไป เนธานรีบรั้งไว้
“เดี๋ยวสินิล คุณกำลังโมโห เอาเป็นว่าคุณใจเย็นๆ ก่อนได้มั้ย เรื่องทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะ ผม…ผมอธิบายได้ อย่าโกรธผมเลยนะ ผมขอร้อง”
พลอยนิลสลัดแขนเนธานออกจากตัวอย่างแรง
“คุณไม่จำเป็นต้องลดเกียรติ ลดศักดิ์ศรีของคุณที่มันแทบจะไม่เหลืออยู่แล้วเพื่อมาขอร้องฉันหรอก เพราะยังไงฉันก็ไม่แยแสมันอยู่ดี”
พลอยนิลสะบัดหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที เนธานตะโกนลั่น
“โธ่เว้ย”

สุรีกานต์ค่อยๆ แง้มประตูห้องนอน เห็นนฤเบศหลับอยู่ก็หอบผ้าห่ม หมอน และที่นอนปิกนิกเข้ามาในห้อง สุรีกานต์แอบย่องไปชะโงกหน้ามองเห็นว่าเขายังหลับอยู่ เธอกระซิบเบาๆ
“เจ็บขนาดนี้แล้วยังจะปากเสีย”
สุรีกานต์เงื้อมือขึ้นอย่างหมั่นไส้ นฤเบศแกล้งละเมอเปลี่ยนท่านอนกางแขนกางขาเกือบโดนหน้า สุรีกานต์ตกใจรีบหมอบลงข้างเตียง แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเขานอนหลับสนิท
“ขนาดหลับแล้วยังจะฤทธิ์เยอะอีก นี่ถ้าไม่เป็นห่วงว่าจะตายไปซะก่อน ฉันไม่มีวันมานอนเฝ้านายหรอก”
สุรีกานต์เดินฮึดฮัดไปปูที่นอนหน้าเตียงนฤเบศ ก่อนล้มตัวลงนอนหันหลังให้ นฤเบศลืมตาพลิกตัวมามองสุรีกานต์แล้วแอบอมยิ้ม

เช้าวันใหม่...นฤเบศนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร สุรีกานต์เอาอาหารมาเสิร์ฟพร้อมทำท่าตั้งใจพรีเซ้นท์สุดๆ
“อ่ะ ไข่กะทะฮอยอัน ลองชิมดู สูตรนี้ฉันได้ตอนไปเล่นเรื่อง ฮอยอันกูรักมึง”
“สาบานนะชื่อละคร”
“ละครบู๊ย่ะ”
นฤเบศแอบยิ้มขำๆ ลองชิมอาหารฝีมือสุรีกานต์แล้วก็นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง
“เป็นไง อร่อยมั้ย”
นฤเบศพยักหน้า
“อืม ใช้ได้”
สุรีกานต์ดีใจ
“เยสๆ ฝีมือระดับนางร้ายเบอร์หนึ่งของเมืองไทยยังไงก็อร่อยอยู่แล้ว”
“ผมแค่บอกว่าใช้ได้ ยังไม่ได้พูดว่าอร่อยเลยสักคำ”
สุรีกานต์ฉุนกึก
“ตกลงจะกินหรือไม่กิน ถ้าไม่กินฉันจะได้เอาไปเททิ้ง”
เธอดึงจานไป เขารีบแย่งจานกลับมา
“เฮ้ย กินสิคุณ ถามได้ ล้อเล่นนิดหน่อยทำเป็นน้อยใจไปได้”
นฤเบศตักกินท่าทางเอร็ดอร่อย สุรีกานต์หายงอน นั่งลงกินข้าวด้วย ทั้งสองคนกินข้าวเช้าหยอกล้อกันท่าทางมีความสุข
นฤเบศเปิดทีวีดูข่าว บังเอิญเจอข่าวบันเทิง ผู้ประกาศข่าวรายงานพาดหัวข่าว พลอยนิลจัดงานแถลงข่าวเรื่องที่ทะเลาะตบตีกับสุรีกานต์
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชม ถึงช่วงเวลาอัพเดทข่าวบันเทิงกันอีกแล้วนะคะ สำหรับประเด็นฮอตวันนี้ต้องยกให้ข่าวของสองสาวเพื่อนซี้ นางร้ายและนางเอกเบอร์หนึ่งแห่งยุค ที่ตอนนี้กินเกาเหลากันชามโตจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกันกลางกองถ่ายตะวันสีรุ้ง เรื่องราวเป็นมายังไง เราไปฟังฝั่งนางเอกสาวของเราแถลงข่าวกันค่ะ”
สุรีกานต์มองภาพข่าวในทีวีอึ้งๆ ไป

พลอยนิลอยู่บนเวทีแถลงข่าว นักข่าวมาร่วมงานอย่างคับคั่ง แสงแฟลชส่องสว่างวูบวาบอยู่ตลอดเวลา พี่บีคอยยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ
“นิลขอยืนยันว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด คนอย่างพลอยนิลไม่ลดตัวไปทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นหรอกค่ะ โดยเฉพาะกับสิ่งที่ไม่ควรจะแลก”
“แต่ในรูปนี้มันชัดเลยนะคะว่านิลกับโซ่กำลังทะเลาะกัน” นักข่าวแย้ง
“บอกก็ได้ค่ะว่าเรามีปัญหากันจริง แต่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันแบบในรูปแน่ ไม่งั้นทำไมก่อนหน้าที่รูปจะออกมา ถึงไม่มีข่าวแบบนี้”
“งั้นน้องนิลช่วยยืนยันหน่อยได้ไหมคะว่าน้องนิลกับน้องโซ่ไม่ได้ทะเลาะกันเพราะแย่งเนธาน กรณีที่มีคนปล่อยรูปเนธานสวีทกับโซ่ออกมา”
“ระหว่างนิลกับโซ่ ก็แค่ปัญหาส่วนตัวระหว่างเพื่อน ไม่ใช่เรื่องผู้ชายแน่นอนค่ะ”
“แสดงว่าคุณนิลกับเนธานไม่ได้เป็นอะไรกัน”
เนธานเดินเข้ามาในงานแถลงข่าว นักข่าวฮือฮาให้ความสนใจ เนธานยืนนิ่ง พลอยนิลจ้องหน้าเนธาน
“ค่ะ เราเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น ถ้านิลเป็นแฟนเนธานจริง วันนี้ธานเขาคงมีแผลติดตัวมาให้พี่ๆเห็นแล้วค่ะ แต่นี่ไม่เห็นมีเลย จริงมั้ยคะ” พลอยนิลแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน
“แล้วคุณโซ่กับเนธาน แอบกิ๊กกั๊กกันเป็นเรื่องจริงมั้ยคะ”
พลอยนิลโมโหแต่เก็บอาการ
“เรื่องนี้คงต้องไปถามอีกฝ่ายแล้วค่ะ นิลขอไม่ออกความเห็น การแถลงข่าววันนี้เพื่อเคลียร์ตัวเอง หวังว่าต่อไปคงไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาถามอีก...ขอบคุณมากค่ะ”
พลอยนิลจบการแถลงข่าวและเดินออกไปทันที นักข่าวจะตามแต่พี่บีช่วยกันเอาไว้
“พอแล้วค่ะ ๆ สงสารน้องเขาเถอะค่ะน้องเขาคงไม่มีอะไรพูดแล้วค่ะวันนี้ขอบคุณพี่ๆทุกคนนะคะ”
นักข่าวหันกลับมารุมสัมภาษณ์เนธานแทน
“คุณเนธานคะ ภาพหลุดของคุณกับคุณโซ่เป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ”
“แล้วเรื่องที่คุณเคยมีภาพสวีทกับแก้วดารามันยังไงกันแน่คะ”
“หรือว่าคุณจงใจเป็นข่าวเพื่อสร้างกระแสให้กับตัวเองครับ”
เนธานไม่ยอมตอบ มองตามพลอยนิลไปอย่างเจ็บใจ

สุรีกานต์นั่งดูข่าวสีหน้าเจื่อนลง เพราะเครียดกับข่าวในแง่ลบของตัวเอง เสียงโทรศัพท์ของสุรีกานต์ก็ดังขึ้น โชว์เบอร์วุ้นกรอบ นฤเบศมองเขม็งมา
“ไมต้องห่วงหรอกน่า เบอร์นี้ฉันมีไว้สำหรับคนสนิท”
นฤเบศพยักหน้า สุรีกานต์ถือโทรศัพท์ลุกออกไป นฤเบศมองตามอย่างเป็นห่วง

อ่านต่อหน้าที่ 4


นางร้ายสายลับ ตอนที่ 10 (ต่อ)

วุ้นกรอบโทรหาสุรีกานต์ โดยมีพายไก่คอยยืนเอาหูแนบลุ้นอยู่ข้างๆ
“เจ๊ เห็นข่าวรึยัง”
“อืม”
“แล้วเจ๊ โอเคนะ”
“อืม”
“โอเคแล้วทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะ”
“เอ่อ คือ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะ อยากพักผ่อน”
“โอเคๆ งั้นเจ๊พักเยอะๆ นะ จะได้หายเร็วๆ ไม่ต้องไปใส่ใจไอ้ข่าวรกหูไร้สาระแบบนั้นเลย”
“ขอบใจมากนะ ฝากบอกพี่มูโปรดิวเซอร์ แล้วก็อายอดด้วยว่าฉันขอลาหยุดสักสองสามวัน ฝากขอโทษทุกคนด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกเจ๊ อายอดน่ะเข้าใจดี ยังฝากส่งกำลังใจให้เจ๊เลย เจ๊สบายใจได้ที่สำคัญดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะฉันกับยัยพายเป็นห่วง”
“ขอบใจมากนะวุ้น พาย พวกเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันจริงๆ”
วุ้นกรอบกับพายไก่วางสายจากสุรีกานต์ ทีมงานในกองละครรู้ข่าวว่าสุรีกานต์ขอลางานก็แอบเม้าท์
“สงสัยข่าวเม้าท์มอยมันจะเป็นเรื่องจริง เพราะคนอย่างพี่โซ่ไม่มีวันลางานหรอกถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แกว่ามั้ย”
ทีมงานยังคงเม้าท์กันโดยไม่เห็นวุ้นกรอบและพายไก่ที่มายืนหน้าตาถมึงทึงอยู่ด้านหลัง
“นี่ถ้าปากเก่งกันเก่งนักก็ เดี๋ยวจะโยนโครงกระดูกไก่ไปให้แทะกินจะได้หยุดเห่ากันสักที”
ทีมงานหันมามองวุ้นกรอบก็หน้าเจื่อนๆ รีบผละไปทำงานทันที วุ้นกรอบกับพายไก่มองตามอย่างเคืองๆ พายไก่พึมพำ
“ฮึ่ย เห็นคนอื่นล้ม แล้วชอบซ้ำเติม พวกแล้งน้ำใจ”

วุ้นกรอบเดินเม้าท์กับพายไก่มาตามทางเดิน
“นึกแล้วมันก็เจ็บใจนะวุ้น เจ๊โซ่ไม่เคยมีข่าวเสียหายกับผู้ชายที่ไหน แล้วมันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ฉันสงสัยว่ามันต้องมีคนแกล้งเจ๊ของเราแน่ๆ”
“ขนาดนี้ไม่มีอะไรต้องสงสัยแล้วแหละนังพาย นางนั่นมันคงเสียเซลฟ์ถึงยอมไม่ได้ที่เค้กที่อยู่ตรงหน้าจู่ๆ ก็ถูกปาดไปกิน ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสองเลยล่ะ“
แก้วดารากับเกี๊ยวกุ้งเดินสวนเข้ามาพอดี เกี๊ยวกุ้งลอยหน้าลอยตาแดกดัน
“โอ๊ย ไม่ต้องมัวเสียเวลาหาคนกลั่นแกล้งหรอกวุ้น เจ๊ของหล่อนถ้าดีเป็นชีปะขาวจริงคงไม่มีข่าวฉาวแบบนั้นออกมาให้เห็นตำตาหรอก”
แก้วดาราเสริม
“จริงด้วยค่ะพี่เกี๊ยว ไม่แน่ นางร้ายขวัญใจประชาชนอย่างพี่โซ่ เผลออาจจะมีข่าวฉาวที่ช็อควงการมากกว่านี้ก็ได้นะคะใครจะไปรู้”
วุ้นกรอบเบ้หน้า
“แหม ตัวเองมีแต่เรื่องเน่าหนอนก็อย่านึกว่าคนอื่นจะเหม็นโฉ่เหมือนตัวเองเสมอไปสิคะ”
เกี๊ยวกุ้งจ้องหน้า
“เธอพูดอย่างนี้หมายถึงใครนังวุ้น”
วุ้นกรอบยักไหล่
“เปล่า ฉันก็พูดถึงสัมภเวสีดักดานที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิดแถวนี้แหละ”
เกี๊ยวกุ้งเงื้อมือทำท่าจะตบแล้วเกิดเปลี่ยนใจ
“อุ้ย ไม่ตบดีกว่าเดี๋ยวน้ำเหลืองจากหน้าหล่อนมันจะมาเลอะมือฉัน”
วุ้นกรอบโมโห
“อีเกี๊ยว ปากอย่างนี้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ห้องดับจิตล่วงหน้าได้เลย”
วุ้นกรอบทนไม่ไหวจะวิ่งเข้าตบกับเกี๊ยวกุ้ง พายไก่ห้ามไว้ แก้วดาราตัดบท
“เอาล่ะ หยุดเถอะค่ะพี่ๆ แก้วก็แค่เตือนด้วยความหวังดี แหม แค่นี้ต้องมาโกธรกันด้วย”
พายไก่สวน
“อย่างนี้เขาเรียกว่าหวังดีประสงค์ร้ายมากกว่าค่ะ เอ๊ะ หรือว่า เรื่องทั้งหมดจะเป็นฝีมือของพวกเธอ”
วุ้นกรอบเสริม
“มันก็น่าจะเข้าเค้านะนังพาย เพราะคนสมัยนี้มันหน้าเนื้อใจเสือเห็นใครได้ดีเป็นไม่ได้ต้องหาทางสกัด จิตใจชั่วช้าสามานย์สวนทางกับใบหน้าแอ๊บแบ๊วจริงๆ”
“อุ๊ย พี่ว่าแก้วเหรอคะ”
พายไก่จ้องหน้า
“ถ้าไม่ว่าน้องแก้ว แล้วจะให้ว่าใครเหรอคะ”
แก้วดาราโมโห
“ด๊าย ถ้าอยากจะมีเรื่องกันนักก็ได้”
ว่าแล้วทั้งสองฝ่ายเปิดฉากเข้าตะลุมบอนกัน เกิดเหตุวุ่นวายย่อมๆ กลางกองถ่าย ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร อายอดวิ่งเข้ามา
“เฮ้ย หยุด ฉันบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้”
อายอดเข้ามาตะโกนห้ามแต่ก็ไม่มีใครฟัง
“ไม่หยุดกันใช่มั้ย ฝนมานี่”
น้ำฝนที่ถือถาดมีแก้วใส่น้ำวางอยู่วิ่งมา อายอดเอาน้ำสาดใส่ทุกคน วุ้นกรอบ พายไก่ แก้วดาราและเกี๊ยวกุ้งวิ่งแตกกระจายกันไปคนละทางทันที อายอดถอนหายใจ
“มีเรื่องได้ทุกวี่ทุกวัน ละครเรื่องนี้มันจะรอดมั้ยเนี่ย”

สุรีกานต์เดินกลับเข้ามาในครัว นฤเบศทานเสร็จพอดีกำลังจะเก็บจาน
“เอ่อ คุณไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันเก็บจานไปล้างเอง” สุรีกานต์เข้าไปช่วย
“คุณโอเคนะ”
สุรีกานต์แกล้งทำร่าเริง
“โอเค้ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คุณไปพักเถอะ”
สุรีกานต์ผลักนฤเบศให้เดินไปทางห้องนั่งเล่น เขาจำใจเดินไป

นฤเบศนั่งอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น แต่ก็แอบชำเลืองมองทางหญิงสาว สุรีกานต์ล้างจานอยู่พอเห็นเขามองมาก็ทำเป็นยิ้มแย้ม เธอล้างจานเสร็จพอดี เสียงโทรศัพท์ของดังขึ้นอีก สุรีกานต์พึมพำ
“โอ๊ย ยัยสองคนนั่นนี่ตื๊อไม่เลิกจริงๆ”
สุรีกานต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็ชะงักไป เพราะเป็นเป็นเบอร์ที่บ้านที่เมืองจันทร์ กสิณ พ่อของสุรีกานต์เป็นโทรหาเธอโดยมี สายทิพย์ผู้เป็นแม่ รวมทั้งดิ่ง คะนึงนิจ และซัน พี่ชาย พี่สะใภ้ และหลานชาย คอยยืนฟังอยู่ห่างๆ
“ว่าไงคะพ่อ”
“สบายดีรึเปล่าลูก”
“โซ่ สบายดีค่ะ”
“พ่อกับแม่เห็นข่าวก็เลยโทรมาหา”
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะค่ะพ่อ แต่ตอนนี้โซ่ยังอธิบายอะไรให้พ่อฟังไม่ได้ พ่อกับแม่ไม่โกรธโซ่ใช่มั้ยคะ”
“พ่อจะโกรธโซ่ได้ยังไง พ่อกับแม่เลี้ยงโซ่มา ทำไมจะไม่รู้ว่าลูกสาวของพ่อเป็นคนยังไง”
“ขอบคุณมากนะคะพ่อ”
“สู้ๆนะลูก อย่าลืมว่าพ่อกับแม่เป็นกำลังใจให้โซ่เสมอ อ้อ แล้วก็ยังมี พี่ดิ่ง พี่นิจ แล้วก็ตาซันด้วย” กสิณมองไปทางคนข้างหลัง
“ไม่ต้องห่วงค่ะพ่อ ฝากความคิดถึงทุกคนด้วยนะคะ”
กสิณวางสายและหันไปพยักหน้ายิ้มบางๆ ให้กับทุกคน ทุกคนค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แววตาก็ยังฉายแววเป็นห่วงสุรีกานต์
สุรีกานต์วางโทรศัพท์แล้วแอบน้ำตาซึม นฤเบศมองด้วยความเห็นใจ เขาเดินมาหาเธอหยุดนิ่งครู่หนึ่งเหมือนลังเล แต่แล้วก็ตัดสินใจเข้าไปกอดเบาๆ เพื่อปลอบใจ สุรีกานต์ชะงักเล็กน้อย น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลลงมา ทั้งสองคนยืนกอดกันนิ่งไม่มีคำพูดใดๆ แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงกำลังใจที่ส่งผ่านถึงกัน

พ่อเลี้ยงกำธรโทรหามังกร
“ว่าไงครับพ่อเลี้ยง มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ”
“ผมอยากให้คุณช่วยสืบว่าทีมตำรวจที่ตามสืบคดีพวกผมอยู่ตอนนี้มันเป็นใคร และที่สำคัญดาราที่ชื่อสุรีกานต์เกี่ยวข้องอะไรกับพวกมัน”
“เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับว่าค่าตอบแทน มันจะน่าสนใจมากแค่ไหน”
“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วง ถ้างานนี้สำเร็จ ผมจ่ายให้คุณไม่อั้นแน่”
มังกรวางสายจากพ่อเลี้ยงกำธร หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน เห็นข่าวบันเทิง สุรีกานต์ นางร้ายเบอร์หนึ่ง เกาเหลากับ พลอยนิล นางฟ้าแห่งวงการบันเทิง สุรีกานต์กุ๊กกิ๊กกับเนธาน แถมตอนนี้ก็หลบหน้าหลบตาหายไปพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัว หนังสือพิมพ์ลงรูปสุรีกานต์ตอนแถลงข่าวเรื่องผู้จัดการส่วนตัว ซึ่งถ่ายติดนฤเบศมาด้วยแต่เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ตอนแรกมังกรมองผ่านๆ แต่แล้วก็เอะใจกลับมาจ้องรูปเดิมอีกครั้ง และจำได้ว่าผู้จัดการส่วนตัวของสุรีกานต์ก็คือนฤเบศ มังกรชะงัก
“ไอ้นฤเบศ นี่”
มังกรวางหนังสือพิมพ์ พอจะปะติดปะต่อได้ว่าอะไรเป็นอะไร คิดวางแผนแล้วยิ้มร้ายออกมา

สุรีกานต์นั่งอ่านข่าวตัวเองในคอม สักพักโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นจู่ๆก็มีเสียงเรียกจากโปรแกรมแชทยูทเซอร์เนม DRAGON
“สวัสดีครับ คุณสุรีกานต์”
“คุณเป็นใคร”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ ออกมาพบผมเดี๋ยวนี้”
“เราไม่รู้จักกัน ฉันไม่มีความจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของคุณ แค่นี้นะ”
มังกรรีบขู่
“ถ้าคุณไม่ออกมาพบผมตอนนี้รับรองว่าเรื่องที่คุณเป็นสายลับถูกเปิดเผยแน่ ห้ามบอกใครเด็ดขาด ไม่งั้นคุณและเพื่อนร่วมทีมของคุณไม่ปลอดภัยแน่”
สุรีกานต์ลังเล
“ก็ได้ แล้วจะให้ฉันไปพบที่ไหน”
นฤเบศเดินเข้ามาพอดีเห็นท่าทางของเธอดูมีพิรุธน่าสงสัย สุรีกานต์รีบอ่านสถานที่นัดพบ นฤเบศเข้ามาถาม
“มีอะไร”
สุรีกานต์หลบตา
“ไม่มี”
นฤเบศยังคงติดใจสงสัย แต่เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะพอดี
“คงเป็นพวกจ่ายม งั้นเดี๋ยวฉันไปเปิดประตูให้นะ”
สุรีกานต์รีบปิดคอมวิ่งไปเปิดประตู ทีมเดอะซันยืนยิ้มแฉ่ง หิ้วของกินและเสบียงมาเต็มมือ

ทีมเดอะซันกำลังทานข้าวกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร โดยมีนฤเบศนั่งร่วมวงด้วย จ่ายมพูดขึ้นอย่างเสียดาย
“เสียดายจังเลยนะครับ พวกผมมาช้าไปหน่อยเลยอดชิมฝีมือคุณโซ่เลย”
อัศวินหันมาหานฤเบศ
“แล้วสารวัตรเป็นไงบ้างครับ”
“ผมสบายดีแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”
“แต่ท่าทางคุณโซ่จะมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจใช่มั้ยครับ” ปรีติถามขึ้นอย่างสงสัย
นฤเบศคิดๆ
“ผมรู้สึกผิดเหมือนกัน ที่มีส่วนทำให้เธอต้องเป็นข่าวในทางเสียหายแบบนี้”
“นตถิ โลเก อนินฺทิโต คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก อย่าห่วงไปเลยครับสารวัตร คุณโซ่น่ะเป็นคนเข้มแข็ง ผมเชื่อว่าเดี๋ยวเธอผ่านมันไปได้ครับ” ประเสริฐปลอบ
สุรีกานต์แอบมองอยู่มุมหนึ่ง ครุ่นคิดหนัก แต่สุดท้ายก็แอบหนีออกไป โดยลืมมือถือทิ้งเอาไว้มีว๊อทแอ๊บของกวินปรากฎขึ้น

สุรีกานต์กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ถนนหน้าเซฟเฮ้าส์ พลางเหลียวหน้าเหลียวหลังมองกลัวนฤเบศและทีมเดอะซันจะเห็น เธอโบกแท็กซี่และรีบขึ้นแท็กซี่อย่างรวดเร็ว...นฤเบศประชุมงานกับทีมเดอะซันอยู่ในห้อง
“ผมมั่นใจว่าริชาร์ดมันต้องรู้แล้วว่าพวกเรากำลังตามคดีมันอยู่ ผมขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี และคอยช่วยระวังความปลอดภัยให้กับสายลับของเราด้วย”
จ่ายมแปลกใจที่ไม่เห็นสุรีกานต์
“ว่าแต่ตอนนี้สายลับของเราหายไปไหนล่ะครับสารวัตร”
“คงพักผ่อนอยู่ ตอนนี้สภาพจิตใจของเธอไม่ค่อยดีนัก ยังไงเดี๋ยวผมไปตามเองละกัน”
นฤเบศเดินตามหาสุรีกานต์จนทั่วเซฟเฮ้าส์แต่ก็ไม่พบ เห็นแต่ โทรศัพท์มือถือของเธอที่วางทิ้งไว้ นฤเบศเปิดดู เห็นว๊อทแอ๊บที่กวินส่งมาบอกว่า “ผมเป็นห่วงคุณ อยากพบคุณตอนนี้จะได้มั้ยครับ” นฤเบศวางโทรศัพท์ลงอย่างช้าๆ อย่างปวดใจ ทีมเดอะซันวิ่งเข้ามาหา อัศวินเข้ามาถาม
“เจอตัวคุณโซ่มั้ยครับ”
นฤเบศส่ายหน้า
“ไม่เจอ”
“หมายความว่า คุณโซ่แอบออกไปจากที่นี่เหรอครับ”
นฤเบศกลบเกลื่อนความรู้สึกเสียใจ
“คงออกไปหาแฟนเขาน่ะ เดี๋ยวผมจะออกไปตามเธอกลับมาเอง”
จ่ายมขัดขึ้น
“แต่สารวัตรยังบาดเจ็บอยู่ ให้พวกผมออกไปตามเองดีกว่านะครับ”
นฤเบศพยักหน้าอย่างจำยอม ทีมเดอะซันรีบแยกย้ายกันออกไปทันที

พ่อเลี้ยงกำธรไปพบริชาร์ดที่คอนโด เอาข้อมูลรูปถ่ายและประวัติทีมเดอะซันที่มังกรส่งอีเมล์มาให้
“นี่คือรูปกับประวัติของพวกมันทั้งหมดครับ”
ริชาร์ดเปิดดูประวัติและรูปถ่าย เห็นภาพประวัติของทีมเดอะซัน โดยมีนฤเบศเป็นหัวหน้าทีม จ่ายม อัศวิน ปรีติ และประเสริฐเป็นลูกน้องในทีม และข้อมูลใบสุดท้ายมีรูปและประวัติของสุรีกานต์ร่วมทีมในฐานะสายลับสาวด้วย
“คนของผมฝากบอกมาว่า ถ้าคุณอยากจะแก้แค้นพวกมัน เขาสามารถช่วยคุณได้”
ริชาร์ดกระตุกยิ้ม แววตาฉายแววแค้น

มังกรยืนพิงรถรอสุรีกานต์อยู่ที่ลานจอดรถสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง สักพักรถแท็กซี่ที่สุรีกานต์นั่งมาก็แล่นเข้ามาจอด เธอลงจากรถเดินมองซ้ายมองขวาเพื่อหาคนที่นัดให้มาพบ มังกรตรงเข้ามาทัก
“สวัสดีครับ คุณสุรีกานต์...มาเร็วดีนี่”
“ต้องการอะไรก็รีบพูดมา”
“20 ล้าน เพื่อแลกกับการเก็บเรื่องทั้งหมดเป็นความลับ”
“นายรู้รึเปล่าว่ากำลังขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อไม่ให้จับไอ้ริชาร์ดได้ นายทำแบบนี้ทำไม”
“ผมไม่สนใจว่าจะขัดขวางทางใคร แต่ที่สนตอนนี้คือเงิน 20 ล้าน”
“ฉันไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอก”
“อย่ามาโกหกกันหน่อยเลย ระดับนางร้ายเบอร์หนึ่งของวงการบันเทิงอย่างโซ่สุรีกานต์ แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำมั้ง เลือกเอาเองละกันว่าจะยอมเสียเงินหรือจะยอมให้ความลับของคุณถูกเปิดเผย”
“เอ่อ ฉัน...ฉันขอเวลาตัดสินใจหน่อยไม่ได้เหรอ”
“ก็ได้ แต่อย่านานนักล่ะ ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ”
“แล้วฉันจะติดต่อนายได้ยังไง”
“ไม่ต้องห่วง ผมจะเป็นฝ่ายติดต่อคุณเอง”
สุรีกานต์หันหลังกลับรีบเดินไปโบกแท็กซี่ แท็กซี่รับสุรีกานต์แล้วขับออกไป มังกรมองตามยิ้มร้ายอย่างใจเย็น มังกรก้าวขึ้นนั่งบนรถ รถของริชาร์ดขับมาจอดเทียบกับรถของมังกร ริชาร์ดส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดขับรถตามสุรีกานต์ออกไป
สุรีกานต์นั่งแท็กซี่กลับเซฟเฮ้าส์ โดยไม่รู้ว่ามีคนแอบสะกดรอยตาม รถของริชาร์ดขับตามรถของสุรีกานต์มาห่างๆ

จ่ายม อัศวิน ปรีติ และประเสริฐ ขับรถออกตามหาสุรีกานต์ สวนกับรถแท็กซี่ที่สุรีกานต์นั่งอยู่ ต่างฝ่ายต่างไม่ทันสังเกตกัน ทีมเดอะซันก็ไม่ทันเห็นรถของริชาร์ดที่ตามมาห่างๆ ด้วย บอดี้การ์ดของริชาร์ดจำพวกจ่ายม อัศวิน ปรีติ และประเสริฐได้ ก็รีบรายงานริชาร์ด
“นั่นมันพวกที่ตามมาช่วยไอ้สองคนนั้นนี่ครับ”
“สั่งให้คนน้องที่เหลือตามไปจัดการรถคันนั้นซะ”
ริชาร์ดวางสาย รถของริชาร์ดขับตามแท็กซี่ของสุรีกานต์ต่อไป

จ่ายมขับรถมาเรื่อยๆ ทีมเดอะซันคนอื่นๆ คอยมองหาสุรีกานต์ รถของบอดี้การ์ดริชาร์ด ที่ตามมาสมทบค่อยๆ ขับตามรถของจ่ายม อัศวินสังเกตเห็นความผิดปกติว่ามีรถขับตามมา
“มีคนตามมา ทุกคนระวังตัวด้วย”
จ่ายมร้องเหวอเหยียบเบรกจนหัวทิ่ม เมื่อเห็นรถบอดี้การ์ดของริชาร์ดอีกคันขับมาปาดหน้า รีบลงมาล้อมรถไว้ ทีมเดอะซันเปิดประตูอย่างแรงกระแทกบอดี้การ์ดริชารด์ ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากปะทะกัน ทีมเดอะซันสู้ไม่ไหวเพราะกำลังคนน้อยกว่า จึงถูกซ้อมได้รับบาดเจ็บ จ่ายมหาจังหวะโทรรายงานนฤเบศ
“แย่แล้วครับสารวัตร ตอนนี้พวกผมโดนลูกน้องไอ้ริชาร์ดซุ่มโจมตี ผมว่าสารวัตรกับคุณโซ่คงจะไม่ปลอดภัยแล้วล่ะครับ”

นฤเบศรับโทรศัพท์จากจ่ายมหน้าเครียด
“ว่าไงนะจ่า”
สุรีกานต์เปิดประตูกลับเข้ามาพอดี
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
นฤเบศเสียงเครียด
“ผมควรจะเป็นฝ่ายถามคุณมากกว่า ว่าคุณหายไปไหนมา”
สุรีกานต์เริ่มรู้สึกถึงสถานการณ์ที่ตึงเครียด

รถของริชาร์ดแล่นมาจอดหน้าเซฟเฮ้าส์ทีมเดอะซัน ตามมาด้วยรถของบอดี้การ์ดริชาร์ดอีก 3 คันที่ขับตามมาสมทบ ริชาร์ดพึมพำ
“นังตัวแสบ...จัดการเก็บพวกมันให้หมด”
บอดี้การ์ดของริชาร์ดรับคำสั่งแล้วแยกย้ายกันย่องเงียบล้อมรอบเซฟเฮ้าส์

สุรีกานต์กับนฤเบศประจันหน้ากันนิ่ง
“ผมถามว่าคุณหายไปไหนมา”
สุรีกานต์อึกอัก
“เอ่อ คือ...ฉัน”
“ตอบไม่ได้เหรอ คุณไปหาเขา คุณบอกทุกอย่างกับเขาใช่มั้ย คุณบอกผมมาเดี๋ยวนี้คุณทำแบบนี้ทำไม”
สุรีกานต์งงๆ
“คุณพูดอะไรฉันงงไปหมดแล้ว”
“คุณนี่มันเล่นละครเก่งสมกับเป็นดาราเจ้าบทบาทจริงๆเลยนะ ยอมรับมาเถอะว่าคุณหลงนายกวินนั่นหัวปักหัวปำจนยอมขายความลับของพวกเราให้กับมัน”
นฤเบศเข้าใจว่ากวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับริชาร์ด สุรีกานต์ยิ่งงงหนัก
“ขายความลับอะไร ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้น”
“แล้วไอ้ข้อความนี่มันหมายความว่าไง”
นฤเบศยื่นโทรศัพท์ให้ดู
“มันก็แค่ข้อความแสดงความห่วงใยจากคุณกวิน ทำไมคุณต้องโมโหขนาดนี้ด้วย”
“คุณลืมไปแล้วเหรอว่านายกวินนั่นคือหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของเรา แล้วการที่คุณทนคิดถึงกันไม่ไหวจนต้องออกไปพบกันแบบนั้น มันกำลังทำให้ชีวิตลูกน้องของผมตกอยู่ในอันตรายรู้มั้ย”
สุรีกานต์ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับทีมเดอะซันเหรอ”
นฤเบศจ้องสุรีกานต์ด้วยแววตาผิดหวัง ทันใดนั้น บอดี้การ์ดของริชาร์ดก็ยิงปืนเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ นฤเบศรีบคว้าตัวสุรีกานต์หลบกระสุนตามสัญชาตญาณ
“นี่คุณคิดว่าฉันงี่เง่าถึงขนาดหักหลังทุกคนเลยเหรอ”
บอดี้การ์ดของริชาร์ดถล่มเซฟเฮ้าส์อย่างไม่ยั้งมือ นฤเบศและสุรีกานต์รีบหมอบ
“คุณคิดแบบนี้กับฉันได้ยังไง ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันทุ่มเททุกอย่างเพื่อทำงานให้คุณ ฉันต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจ ต้องโกหกคนอื่นๆ ต้องเสี่ยงอันตรายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แค่นี้ยังพิสูจน์ความจริงใจของฉันไม่ได้เหรอ”
“เรื่องนั้น เราค่อยคุยกัน ตอนนี้เราต้องหลบออกไปจากที่นี่ก่อน”
“ไม่ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าคุณจะเลิกคิดบ้าๆ แบบนั้นกับฉัน”
สถานการณ์เริ่มคับขัน สุรีกานต์มองมาอย่างแน่วแน่ นฤเบศมองสุรีกานต์อย่างชั่งใจ เหลือบเห็นบอดี้การ์ดเข้ามากำลังเล็งกระสุนมาทางสุรีกานต์ เขากระชากเธอเข้ามากอดและกลิ้งลงไปนอนที่พื้นด้วยกัน
“ตกลงคุณเชื่อฉันหรือเปล่าว่าฉันไม่ได้เป็นคนทรยศ”
“ผมบอกแล้วไง ว่าเรื่องนี้ เราค่อยคุยกัน”
นฤเบศฉุดมือสุรีกานต์ลุกขึ้นยิงสู้กับพวกริชาร์ด แล้วพาวิ่งไปยังทางออกด้านหลังของเซฟเฮ้าส์

นฤเบศพาสุรีกานต์หลบออกมาทางด้านหลังเซฟเฮ้าส์ แต่ก็เจอกับบอดี้การ์ดของริชาร์ด นฤเบศต่อสู้กับบอดี้การ์ดริชาร์ดเพื่อปกป้องสุรีกานต์ ทำให้เธอยิ่งซาบซึ้งใจ นฤเบศถูกซ้อมจนลงไปนอนกองกับพื้น สุรีกานต์เข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วง
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
“ผมไม่เป็นไร คุณไม่ต้องห่วง เราต้องปลอดภัย”
ริชาร์ดยิ้มร้ายเดินมาสมทบ
“เจ็บซะขนาดนี้ ยังหวังจะหนีรอดอีกเหรอ สารวัตรนฤเบศ”
“แกคงไม่รู้ว่าฉันน่ะมันพวกดวงแข็ง”
“งั้นเหรอ ฉันจะคอยดูละกันว่าดวงแกมันจะแข็งสู้ลูกปืนฉันได้รึเปล่า...จัดการซะ”
บอดี้การ์ดยกปืนขึ้นเล็งกำลังจะเหนี่ยวไก แต่ทันใดนั้นทีมเดอะซันที่กลับมาถึงเซฟเฮ้าส์ด้วยสภาพสะบักสะบอม ก็มาช่วยยิงสกัดได้ทันเวลา นฤเบศพยายามยันตัวฝืนลุก สุรีกานต์ช่วยประคองทั้งสองวิ่งหลบออกไปสมทบกับทีมเดอะซัน จ่ายมเปิดประตูให้นฤเบศและสุรีกานต์ขึ้นรถ อัศวิน ปรีติ และประเสริฐยิงสกัดอย่างไม่ลดละ ฝ่ายบอดี้การ์ดของริชาร์ดเริ่มถอย ริชาร์ดถูกกระสุนปืนของทีมเดอะซันยิงเฉี่ยวแขนไป บอดี้การ์ดของริชาร์ดตกใจรีบเข้ามาดูเจ้านาย
อัศวิน ปรีติและประเสริฐรีบตอบโต้พลางถอยไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกน้องของริชาร์ดบางส่วนรีบตามออกไป ริชาร์ดกุมแขนที่ถูกยิง เลือดไหลเปื้อนเป็นทางยาว เขามองตามรถของทีมเดอะซันที่ขับออกไป สายตายิ่งอาฆาตแค้น และโมโหระบายอารมณ์กับลูกน้องที่ทำงานไม่ได้เรื่องจนปล่อยให้ศัตรูหนีไปได้ ริชาร์ดตะโกนลั่นระบายความแค้น

จบตอนที่ 10

กำลังโหลดความคิดเห็น