นางร้ายสายลับ ตอนที่ 6
วันใหม่...นฤเบศประชุมงานกับทีมเดอะซัน โดยมีสุรีกานต์เข้าร่วมประชุมด้วย
“ถึงแม้เราจะไม่รู้แน่ชัดว่าสินค้าที่ส่งมาทางเรือ มีความเกี่ยวพันกับคดีลักลอบค้ายาเสพติดของริชาร์ดรึเปล่า แต่เราก็ต้องหาวิธีสืบให้รู้ให้ได้ว่าพวกมันซ่อนสินค้าล็อตนี้ไว้ที่ไหน และที่สำคัญเราต้องรู้ให้เร็วที่สุดว่าเอเย่นต์ใหญ่ตัวจริงคือใครกันแน่ก่อนที่พวกมันจะกระจายยานรกพวกนี้ในเมืองไทย แล้ววิธีที่เราจะได้เข้าใกล้ริชาร์ดให้มากที่สุดตอนนี้ก็คงต้องพึ่งสายลับเนปจูน”
สุรีกานต์ชี้หน้าตนเอง
“ฉัน...อีกแล้วเหรอ”
“ใช่ ตราบใดที่ภารกิจปรามปรามขบวนการค้ายาของริชาร์ด ยังไม่สำเร็จคุณก็ยังต้องทำหน้าที่สายลับต่อไป”
“โอเค จะให้ฉันทำอะไรก็ว่ามา แต่อย่าบอกนะว่าต้องให้ฉันไปหลอกเอาข้อมูลด้วยการหว่านเสน่ห์ยั่วยวนไอ้ฝรั่งบ้ากามนั่นอีกน่ะ คิดแล้วขนลุก”
“นั่นแหละที่ผมกำลังจะบอกคุณอยู่พอดี ฉลาดใช้ได้นี่คุณ”
“คุณให้ฉันไปทำอย่างอื่นไม่ได้หรือไง อย่างปลอมตัวไปร้านอาหารญี่ปุ่น บาร์เกย์ อะไรพวกนั้นน่ะ สนุกกว่าตั้งเยอะ”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องสนุกๆ นะคุณ ฟังนะ คลิปริชาร์ดที่คุณถ่ายได้จากงานมูลนิธิสานสุข ทำให้เราให้รู้ว่าริชาร์ดกำลังมีกำหนดการนัดหมายกับใครบางคน เพราะฉะนั้น เราต้องรีบไปล้วงข้อมูลเรื่องนี้ของมันมาให้ได้ คุณเข้าใจมั้ย”
“แต่ฉัน…”
สุรีกานต์จะแย้ง นฤเบศแกล้งสบประมาท
“หรือว่าคุณไม่มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองซะแล้ว”
สุรีกานต์ยอมไม่ได้
“ใครบอก”
สุรีกานต์กับนฤเบศจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงโทรศัพท์มือถือของสุรีกานต์ดังขึ้นขัดจังหวะ ริชาร์ดโทรเข้ามา สุรีกานต์ยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วกดรับโทรศัพท์เสียงหวาน
“สวัสดีค่ะ คุณริชาร์ด”
สุรีกานต์ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในเซฟเฮ้าส์ โดยมีนฤเบศคอยฟังอยู่ห่างๆ และทีมเดอะซันที่จับกลุ่มกันคอยฟังอย่างลุ้นๆ
“สวัสดีครับ คุณสุรีกานต์ หวังว่าผมคงไม่โทรมารบกวนเวลาทำงานของคุณนะครับ”
“ไม่เลยค่ะ วันนี้เป็นวันหยุดของฉัน”
สุรีกานต์พูดกับริชาร์ดแต่หันมาถลึงตาใส่ นฤเบศที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“แต่ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันทำงาน ฉันก็ไม่ถือว่าโทรศัพท์จากคุณริชาร์ดเป็นการรบกวนเวลาของฉันอยู่ดี เพราะสำหรับคุณฉันมีเวลาให้ได้เสมอค่ะ”
“งั้นก็ดีเลยสิครับ เพราะผมตั้งใจจะโทรมาชวนคุณดินเนอร์อยู่พอดี เพื่อเป็นการไถ่โทษเรื่องวันนั้น หวังว่าคุณสุรีกานต์คงไม่ปฏิเสธคำเชิญของผมนะครับ” ริชาร์ดยิ้มอย่างมีเลศนัย
สุรีกานต์วางสายหันมายิ้มๆ แบบกำชัยชนะ
“ริชาร์ดโทรมานัดฉันไปดินเนอร์กับเขาที่คอนโดเย็นนี้ เป็นไง หายข้องใจเรื่องเสน่ห์ของฉันหรือยังล่ะ”
“ผมว่าคงฟลุ๊คมากกว่ามั้ง หรือไม่งั้น ไอ้พ่อค้ายานั่นก็คงเสพยาเกินขนาด”
สุรีกานต์โกรธ
“ไอ้...ไอ้สารวัตรบ้า”
“อ๊ะ อ๊ะ ใจเย็นก่อนสิคุณ เมื่อกี้ยังมั่นใจในเสน่ห์อันล้นเหลือของตัวเองอยู่เลย”
“คุณนี่มันกวนโมโหชะมัด”
“ผมพูดความจริงต่างหาก ทำเป็นรับไม่ได้”
ทีมเดอะซันแอบดูสุรีกานต์และนฤเบศอยู่ห่างๆ แอบกระซิบคุยกันเบาๆ
“เปิดศึกกันอย่างนี้ จะประชุมกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย” ปรีติถอนใจ
จ่ายมมองยิ้มๆ
“แต่ดูไปเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันยังไงก็ไม่รู้หมวด”
อัศวินมองหน้าจ่ายม
“คิดได้ไงเนี่ยจ่า ถ้าได้ยินล่ะก็ พายุจะมาลงที่จ่าแทน ผมว่า จ่ารีบไปห้ามทัพก่อนเถอะ”
จ่ายมเข้าไปแทรกกลางระหว่างสุรีกานต์และนฤเบศ แล้วกระแอมขัดขึ้น นฤเบศและ
สุรีกานต์หันมามองจ่ายมเป็นตาเดียว แล้วถามพร้อมกัน
“มีอะไรจ่า”
จ่ายมยิ้มแหยๆ
“แหะๆ ผมว่า ทั้งสองคนใจเย็นๆ กันก่อนดีกว่าครับ จะได้ประชุมกันต่อ”
นฤเบศกับสุรีกานต์เพิ่งเริ่มรู้สึกตัวว่าทุกคนมองมา เลยผละจากกันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หันมาประชุมกันต่อ
“เอาล่ะ ในเมื่อริชาร์ดติดต่อมาเองอย่างนี้ ก็คงทำให้เราทำงานง่ายขึ้น”
“คุณมีแผนอะไรก็รีบพูดๆ มา ฉันเบื่อที่จะเห็นหน้าคุณเต็มแก่แล้ว”
“เรื่องแผนน่ะ ผมมีแน่….แล้วคุณก็ไม่ต้องรีบเบื่อหน้าผมหรอก ยังไงคุณก็ต้องทนเห็นหน้าผมไปอีกนาน” นฤเบศยักคิ้วกวนๆ
พลอยนิลกับเนธานนอนอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบริมสระว่ายน้ำหรูของคอนโด แก้วดาราโทรศัพท์มาหา เนธานแอบเหลือบมองพลอยนิลที่นอนหลับตาอยู่ แล้วเดินหลบไปคุยโทรศัพท์ตรงมุมหนึ่งที่ห่างออกไป
“ว่าไงครับแก้ว โอเค ได้ครับ แล้วเดี๋ยวเจอกัน”
เนธานวางโทรศัพท์แอบยิ้ม เขากลับมานั่งที่เตียงผ้าใบข้างพลอยนิล เหมือนเดิม
“ใครโทรมาเหรอธาน”
เนธานสะดุ้ง รีบกลบเกลื่อน
“เพื่อนน่ะ”
“เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว หรือว่าเพื่อนนอนล่ะ ทำไมต้องหลบไปคุยซะไกลขนาดนั้น”
“นี่คุณแกล้งทำเป็นหลับเพื่อจับผิดผมเหรอนิล”
“เปล่า นิลก็แค่แกล้งถามไปอย่างนั้นเอง เพราะนิลรู้ดีว่ายังไงคนอย่างธานก็ไม่มีวันไปจากนิลได้หรอก”
เนธานเซ็งพลอยนิล เลยเดินเลี่ยงไปว่ายน้ำในสระ
“จะไปไหนเหรอธาน”
“ผมจะไปไหนได้ล่ะ ก็ในเมื่อคุณพูดเองว่าคนอย่างผมไม่มีวันไปจากคุณได้”
เนธานลุกขึ้น ปลดเสื้อคลุมออก แล้วไปว่ายน้ำในสระระบายอารมณ์ พลอยนิลมอง โทรศัพท์เนธานที่วางทิ้งไว้อย่างสงสัย แอบหยิบขึ้นมาเปิดเช็คดู แต่ก็ไม่เจออะไร เพราะเนธานลบรายชื่อเบอร์ที่รับสายเมื่อครู่ทิ้งไปแล้ว พลอยนิลได้แต่หงุดหงิด
บรรยากาศยามราตรีของผับแห่งหนึ่ง ผู้คนในผับเต้นรำกันเป็นคู่ๆ ตามจังหวะเพลงที่บรรเลงแบบช้าๆ สุดโรแมนติก เนธานกับแก้วดารา เต้นรำคลอเคลียกันอย่างสนิทสนมในมุมหนึ่งของผับ
“แก้วนึกว่าคืนนี้คุณจะออกมาพบแก้วไม่ได้ซะแล้ว”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็แก้วกลัวว่าเจ้าของคุณเขาจะไม่ยอมให้มาน่ะสิคะ”
“ผมไม่ได้มีเจ้าของที่ไหนซะหน่อย”
“ระวังเขามาได้ยินจะเสียใจเอานะคะ”
“อย่าไปพูดถึงคนอื่นให้เสียอารมณ์เลย ผมว่าเรามาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า เพราะผมมีเรื่องจะคุยกับคุณทั้งคืนเลย”
แก้วดาราไม่ตอบ แต่ยิ้มสบตากับเนธานแบบรู้ทันกัน ทั้งสองคนขยับเข้าเต้นรำกันแนบชิดมากขึ้น อีกมุมหนึ่งของผับ ปาปารัซซี่แอบถ่ายภาพสวีทหวานระหว่างแก้วดารากับเนธานไว้ได้
สุรีกานต์ในชุดสวยเซ็กซี่เล็กๆ เดินเข้ามาในล็อบบี้คอนโดริชาร์ด เธอยกมือขึ้นแตะหูฟังสายลับเพื่อติดต่อกับนฤเบศ
“สายลับเนปจูน พร้อมปฏิบัติการแล้ว”
สุรีกานต์เดินต่ออย่างมาดมั่นสุดๆ บอดี้การ์ดของริชาร์ด 2 คนเดินมาต้อนรับและพาสุรีกานต์เดินเข้าไปในลิฟต์ บอดี้การ์ดริชาร์ดเอื้อมมือกดลิฟต์ชั้นสูงสุด ประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิด สุรีกานต์แอบเอามือแตะที่กล้องกระดุมซึ่งติดอยู่กับเสื้อของเธออย่างแนบเนียนด้วยสีหน้ายิ้มๆ
ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ประชุมกันในห้องประชุมเซฟเฮ้าส์ทีมเดอะซัน...นฤเบศวางกล้องกระดุมดีไซน์สวยลงบนโต๊ะ สุรีกานต์มองอย่างสนใจ
“นี่คือกล้องกระดุมที่หมวดปรีติทำขึ้นเป็นพิเศษ รับรองปลอดภัยจากเครื่องตรวจจับสัญญาณทุกชนิด คุณจะต้องติดกล้องนี่ไว้ ตอนที่คุณไปดินเนอร์กับ ริชาร์ด”
“ภาพที่ถ่ายได้จะถูกแปลงสัญญาณ และส่งมายังเครื่องรับสัญญาณในรถตู้ที่พวกเราจอดรอคุณอยู่ข้างล่าง และเราก็จะเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณ” ปรีติอธิบาย
สุรีกานต์ท่าทางสนุก หยิบมาดู
“เหมือนในหนังสายลับที่ฉันเคยดูเลยนะเนี่ย น่าสนุกดีจัง ฉันชักตื่นเต้นแล้ว”
“สำหรับแผนภารกิจเข้าถ้ำเสือในครั้งนี้ ผมต้องการให้คุณถ่ายรูปทุกซอกทุกมุมในคอนโดริชาร์ด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทีมเรามากที่สุด”
“แค่นี้เองเหรอ สบายอยู่แล้ว”
“ยัง คุณจะต้องหาทางเอาเครื่องดักฟังนี่ ไปติดในห้องทำงานของริชาร์ดด้วย และอย่าให้พวกมันรู้ตัวเด็ดขาด”
นฤเบศยื่นเครื่องดักฟังขนาดจิ๋วที่ดีไซน์เป็นรูปตุ้มหูผู้หญิงให้ สุรีกานต์รับมาอย่างตื่นเต้น
“เครื่องดักฟังนี่ จะปลอดภัยจากเครื่องตรวจจับสัญญาณทุกชนิดเช่นกัน และมันยังตรวจจับพลังงานคลื่นความร้อนของมนุษย์ได้อีกด้วย ถ้ามีใครเข้าใกล้ในพิกัด เครื่องจะรายงานผลให้ทราบทันที” ปรีติอธิบายระบบการทำงาน
สุรีกานต์ตื่นเต้น
“โห ดีไซน์ก็สวย คุณสมบัติก็เริ่ด ฉันว่า คุณน่าจะไปเป็นนักออกแบบจิวเวอรี่หรือว่าพวกนักวิทยาศาสตร์ น่าจะรุ่งกว่านะคะหมวด”
ปรีติยิ้มๆ ไม่พูดอะไรต่อ นฤเบศกำชับเสียงจริงจัง
“ผมหวังว่าคุณจะทำภารกิจสำเร็จนะ สายลับเนปจูน อ้อ…แล้วก็ดูแลเครื่องมือไฮเทคทุกชิ้นของทีมให้ดีด้วยล่ะ ผมจะขอบคุณมากถ้าคุณจะไม่ทำมันพังเหมือนครั้งที่แล้ว”
ลิฟต์ขึ้นมาชั้นสูงสุด...ประตูลิฟต์เปิดออก บอดี้การ์ดพาสุรีกานต์เดินต่อไปทางห้องของริชาร์ด ระหว่างทางสุรีกานต์พยายามเก็บภาพไว้ทุกมุม และคอยสอดส่ายสายตามองบรรยากาศรอบๆ ไปด้วย
ในรถตู้สายลับ...ภาพจากกล้องกระดุมของสุรีกานต์ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นภาพด้านหลังของบอดี้การ์ดริชาร์ด 2 คน กำลังเดินนำหน้าตามทางเดินจากหน้าลิฟต์ไปยังห้องของริชาร์ด นฤเบศและทีมเดอะซันคอยจับตามองภาพในจอคอมพิวเตอร์อย่างลุ้นๆ
“บันทึกภาพทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยหมวด”
“ครับ สารวัตร”
ภาพในจอคอมพิวเตอร์ เป็นภาพที่สุรีกานต์เดินไปถึงหน้าห้องของริชาร์ดพอดี ที่หน้าห้องมีบอดี้การ์ดยืนคุมเชิงอยู่อีกสองคน บอดี้การ์ดของริชาร์ด เปิดประตูเชิญสุรีกานต์เข้าไปด้านใน อัศวินหนักใจ
“ท่าทางพลูโต มันจะระวังตัวมากเลยนะครับ มีบอดี้การ์ดคุ้มกันซะขนาดนี้ ถ้าเราจะบุกรังมันคงลำบากหน่อย”
นฤเบศเพ่งมอง
“จับตาดูไปก่อนแล้วกัน ให้มันคุ้มกันแน่นหนาขนาดไหน ยังไงมันก็ต้องมีช่องโหว่อยู่สักที่ ที่พวกมันอาจไม่ทันระวังก็ได้”
“แต่ที่แน่ๆ คอนโดมันหรูชะมัดเลยครับสารวัตร เงินที่มันได้จากการค้ายานรกนั่น มันเอามาเสวยสุขอย่างนี้นี่เอง น่าจะบุกเข้าไปยิงทิ้งซะตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย” จ่ายมพูดแค้นๆ
ประเสริฐพูดขัดขึ้น
“กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำกรรมอะไรไว้ ย่อมได้รับผลกรรมนั้น ไม่ช้าก็เร็วแหละจ่า”
นฤเบศบอกอย่างมุ่งมั่น
“ใจเย็นน่าจ่า อีกไม่นาน จ่าคงได้บู๊สมใจอยากแน่ เตรียมตัวไว้ให้พร้อมก็แล้วกัน”
ทุกคนยังคงจับตามองภาพในจอต่อไป
บอดี้การ์ดเดินนำสุรีกานต์เข้ามาในห้องโถงส่วนใน ริชาร์ดในชุดสูทนั่งรออยู่ที่โต๊ะดินเนอร์หรูใต้แสงเทียน บนโต๊ะมีอาหารวางเรียงราย และมีกุหลาบสี ไวน์แดง วางไว้ข้างๆ ริชาร์ด 1 ดอก รอบๆ ห้องมีดอกไม้ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม สุรีกานต์เดินไปนั่งตรงข้ามกับริชาร์ด
“ยินดีต้อนรับครับคุณสุรีกานต์ เป็นยังไงบ้างครับ บรรยากาศที่นี่ถูกใจคุณรึเปล่า”
“ถูกใจมากเลยค่ะ แค่ทานข้าวด้วยกันสองคนแค่นี้ คุณไม่น่ายุ่งยากเลยนะคะ”
“สำหรับคุณ ผมเต็มใจเสมอครับ”
บอดี้การ์ดของริชาร์ดรินไวน์ให้สุรีกานต์และริชาร์ดแล้วถอยออกไป ริชาร์ดยกแก้วไวน์ขึ้น
“ขอดื่มให้กับค่ำคืนสุดพิเศษของเราในคืนนี้ครับ”
ริชาร์ดยกแก้วขึ้นดื่มแล้วยิ้มน้อยๆ อย่างมีเลศนัย สุรีกานต์ยิ้มน้อยๆ ส่งสายตาหว่านเสน่ห์พลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเช่นกัน ริชาร์ดแอบมองลำคอขาวผ่องของสุรีกานต์ แววตาแสดงอาการหื่นเล็กน้อย หยิบกุหลาบสีไวน์แดง ขึ้นจูบเบาๆ ก่อนจะส่งให้
“และนี่ ดอกไม้สำหรับคนพิเศษอย่างคุณครับ”
สุรีกานต์รับดอกไม้จากริชาร์ด แล้วยกขึ้นแตะจมูกเบาๆ ใกล้ส่วนที่ริชาร์ดจูบแล้วยิ้มยั่ว
“คุณให้ดอกกุหลาบสีไวน์แดงฉันสองครั้งแล้วนะคะ”
“ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้คุณทุกวันด้วยซ้ำไป คุณจะได้ระลึกถึงความในใจของผมเสมอ”
ริชาร์ดส่งสายตาหวานสุดๆ ให้ สุรีกานต์ก็ยิ้มหวานให้เช่นกัน
นฤเบศและทีมเดอะซันยังคงนั่งมองจอคอมพิวเตอร์อย่างลุ้นๆ จ่ายมทำท่าคลื่นไส้
“ชักจะไม่แน่ใจนะว่าไอ้หมอเนี่ยมันเป็นลูกครึ่ง ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่เมืองนอก ดูสำนวนหลีหญิงของมันสิครับสารวัตร พลิ้วยิ่งกว่าคนไทยอีก”
ปรีติหันไปแหย่อัศวิน
“เสือผู้หญิงอย่างผู้กองอัศวินว่าแน่แล้ว ยังแพ้ราบคาบเลยครับ”
อัศวินค้อน
“น้อยๆ หน่อยหมวด พูดซะผมเสียเครดิตหมด ผมไม่ได้เจ้าชู้ชั้นเซียนอะไรขนาดนั้น ก็แค่กะล่อนนิดหน่อยตามประสา”
ประเสริฐมองอย่างห่วงๆ
“แต่ผมว่า น่าเป็นห่วงสายลับเนปจูนของเรานะครับ ดูสายตาไอ้พลูโตมันหื่นชะมัด”
นฤเบศสีครุ่นคิดหนัก เริ่มเป็นห่วงสุรีกานต์
“รอดูไปก่อนก็แล้วกัน ผมเชื่อว่าสายลับเนปจูนของเราเอาตัวรอดได้”
สุรีกานต์กับริชาร์ดยืนมองวิวยามค่ำคืนที่ผนังกระจก เธอจะขยับตัวเดินสำรวจรอบห้อง แต่ริชาร์ดเอื้อมมือมาโอบไหล่ไว้และเริ่มลูบไล้เบาๆ สุรีกานต์สะดุ้ง แต่ก็ยังยิ้มกลบเกลื่อนพลางครุ่นคิดถึงคำพูดของนฤเบศ
“แผนภารกิจเข้าถ้ำเสือในครั้งนี้ ผมต้องการให้คุณถ่ายรูปทุกซอกทุกมุมในคอนโด ริชาร์ดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทีมเรามากที่สุด…คุณจะต้องหาทางเอาเครื่องดักฟังนี่ ไปติดในห้องทำงานของริชาร์ดด้วย และอย่าให้พวกมันรู้ตัวเด็ดขาด”
สุรีกานต์นึกอะไรบางอย่างได้
“ห้องคุณสวยมากเลยคะริชาร์ด ฉันขอเดินชมห้องของคุณหน่อยได้มั้ยคะ”
สุรีกานต์ทำท่าจะเบี่ยงตัวออกจากแขนของเขา แต่ริชาร์ดกลับกระชับแขนโอบไหล่เธอแน่นขึ้น แถมยังเอามืออีกข้างมากอดเอวไว้อีกด้วย
“ห้องของผม คุณจะมาชมอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ตามที่คุณต้องการ แต่ตอนนี้ผมอยากใช้เวลาอยู่กับคุณมากกว่า”
สุรีกานต์จำใจฝืนยิ้ม แล้วพยายามคิดหาแผนการขั้นต่อไป
“ก็ได้ค่ะ งั้นบรรยากาศโรแมนติกแบบนี้ เรามาเต้นรำกันดีมั้ยคะ”
สุรีกานต์ส่งสายตาหว่านเสน่ห์เชิญชวน ริชาร์ดยิ้มตอบดีดนิ้วมือหนึ่งครั้ง ไฟในห้องก็ค่อยๆ หรี่ลงเล็กน้อย เสียงเพลงแจ๊สช้าๆ ดังคลอเบาๆ จากเครื่องเล่น สุรีกานต์แกล้งทำเป็นตื่นเต้นกับบรรยากาศ ริชาร์ดยิ้มอย่างพอใจจับมือเธอในท่าเต้นรำแล้วโอบเข้ามาจนชิด สุรีกานต์ซบหน้าลงกับอกของเขาสีหน้าคิดหนัก แล้วก็นึกได้เธอแกล้งพลิกตัวหันหลังกลับเอาหลังไปชนอกเขาหันลำตัวด้านหน้าออกมา แล้วจับแขนของเขามาโอบเอวเธอไว้แทน พลางส่งสายตาหวานสุดๆ ริชาร์ดไม่ได้ติดใจสงสัยยังคงเต้นรำหมุนตัวไปช้าๆ รอบห้อง สุรีกานต์ลอบถอนหายใจ พยายามสอดส่ายสายตาหาห้องทำงานของริชาร์ด จนเจอห้องที่คาดว่าจะใช่ เธอพึมพำ
“แล้วเอาไงต่อดีเนี่ย”
ริชาร์ดแปลกใจ
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ คือรู้สึกมึนๆ หัวนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“ให้ผมพาคุณไปนั่งพักก่อนดีกว่ามั้ยครับ”
“ดีเหมือนกันค่ะ”
ริชาร์ดประคองสุรีกานต์มานั่งพักที่โซฟา
“งั้นเดี๋ยวผมไปเอาน้ำส้มมาให้นะครับ”
ริชาร์ดพูดยิ้มๆ แล้วเดินผละไปทางห้องครัว สุรีกานต์มองตาม เมื่อเห็นเขาลับตาไปเธอก็รีบตัดสินใจวิ่งตรงไปที่ห้องทำงานริชาร์ด เหลียวมองไปรอบๆ เพราะกลัวเขากลับมาเห็น เธอยืนรวบรวมสติ ก่อนผลักประตูเข้าไปด้านใน
สุรีกานต์เดินเข้ามาในห้องทำงานของริชาร์ด ตรงไปที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะถอดต่างหู ซึ่งเป็นเครื่องดักฟังขนาดจิ๋วออกมา แล้วรีบติดไว้ใต้โต๊ะทำงาน เธอยิ้มภูมิใจ
“โอเค เรียบร้อย”
ริชาร์ดรินน้ำส้มใส่แก้วให้สุรีกานต์ แล้วหยิบซองยาปลุกเซ็กส์ขึ้นมาเทใส่ลงไปในแก้วน้ำส้มที่จะเอาไปให้สุรีกานต์ เขายิ้มร้าย
“รับรองคืนนี้จะเป็นคืนแสนวิเศษของคุณแน่ สุรีกานต์”
ริชาร์ดเดินถือผ้าเย็นและแก้วน้ำส้มมาให้สุรีกานต์ มาถึงด้านหลังเห็นโซฟาว่างเปล่าก็ตกใจ รีบเดินมาทางด้านหน้าก็โล่งใจเมื่อเห็นสุรีกานต์เปลี่ยนจากท่านั่งพิงโซฟามาเป็นท่านอนแบบเซ็กซี่แทน ริชาร์ดวางแก้วน้ำส้มแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ พลางจ้องมองเรือนร่างของเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย สุรีกานต์ค่อยๆ ปรือตามองอย่างเซ็กซี่ แล้วค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“เช็ดหน้าด้วยผ้าเย็นหน่อยดีกว่า คุณจะได้รู้สึกสดชื่นขึ้น”
เขาค่อยๆ เช็ดหน้าให้เธอ สุรีกานต์ใจเต้นแต่พยายามควบคุมสติ ริชาร์ดค่อยๆ เช็ดตั้งแต่ใบหน้า ไล่มาถึงลำคอ ลงไปจนเกือบจะถึงหน้าอกของเธอ พลางจ้องด้วยสายตาหื่นกระหายสุดๆ
สารวัตรนฤเบศและทีมเดอะซันจ้องจอคอมพิวเตอร์ตาไม่กระพริบ ภาพบนจอคือภาพใบหน้าของริชาร์ดแบบเต็มๆจอ กำลังจ้องมองมาอย่างหื่นกระหายและค่อยๆ มองต่ำลงเรื่อยๆ จ่ายมสั่นไปทั้งตัว
“ฮึ่ย ขนลุก นอกจากมันจะเลว แล้วมันยังหื่นกามอีกนะครับเนี่ยสารวัตร”
“นี่มันหลอกแต๊ะอั๋งกันนี่หว่า แถมสายตาก็ก้มต่ำลงเรื่อยๆ”
ขาดคำ อัศวินก็ก้มตามองต่ำลงเลียนแบบริชาร์ดจนไปหยุดอยู่ที่หน้าอกของจ่ายม
“เฮ้ย...” จ่ายมผวาเอามือจับหน้าอก “ผู้กองจ้องอะไรผมเนี่ย”
ปรีติชักห่วง
“ผมว่าท่าทางสายลับเนปจูน อาจจะไม่ปลอดภัยแล้วนะครับสารวัตร”
นฤเบศหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
สุรีกานต์เห็นท่าทางผิดปกติเลยจับมือริชาร์ดไว้ก่อนที่จะเช็ดต่ำลงไปถึงหน้าอกของเธอ
“เอ่อ พอแล้วก็ได้ค่ะ ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว”
ริชาร์ดยอมลดมือลง เอื้อมหยิบแก้วน้ำส้มยื่นให้
“ดื่มน้ำส้มหน่อยสิครับ”
สุรีกานต์จ้องแก้วน้ำในมือริชาร์ดอย่างไม่ค่อยไว้ใจ เธอลังเล ริชาร์ดพอจะมองออก
“หรือคุณไม่ไว้ใจผม”
“เอ่อ เปล่าค่ะ”
สุรีกานต์รับแก้วน้ำส้มมาถือไว้ด้วยท่าทีที่ยังลังเล แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจยกขึ้นจ่อปาก ขณะที่กำลังจะดื่ม เสียงโทรศัพท์มือถือของสุรีกานต์ก็ดังขึ้น เธอจึงรีบลดแก้วน้ำส้มในมือลง ริชาร์ดแอบมองอย่างหงุดหงิด สุรีกานต์คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเห็นเป็นเบอร์นฤเบศก็รีบกดรับ
“ขอโทษนะคะริชาร์ด ฉันขอตัวรับโทรศัพท์สักครู่” สุรีกานต์เดินเลี่ยงมายังมุมหนึ่ง “ฮัลโหล”
นฤเบศบีบจมูกและแกล้งดัดเสียง
“ฮัลโหลนี่ฉัน เบ็ตตี้ นะยะ”
สุรีกานต์ตกใจ ยกโทรศัพท์ออกจากหูอย่างงงๆ แต่หันไปเห็นริชาร์ดจ้องมาอยู่ จึงยกหูขึ้นฟังตามเดิม
“เบ็ตตี้เองเหรอ”
“อายอดให้โทรมาบอกว่า เธอต้องรีบมาถ่ายซ่อมเดี๋ยวนี้”
ทีมเดอะซันพากันจ้องมองนฤเบศที่นั่งบีบจมูก ดัดเสียงคุยโทรศัพท์กับสุรีกานต์อย่างแปลกใจสุดๆ...สุรีกานต์แกล้งอือออ แล้วแอบเหลือบมองริชาร์ดไปด้วย
“เอ่อ อ้อ เดี๋ยวนี้เลยเหรอ...ไม่งั้นจะต้องรอไปอีกเดือนนึง เพราะโลเคชั่นไม่ว่าง อืม...โอเค ได้ๆ งั้นเดี๋ยวฉันรีบไปละกัน แค่นี้นะ”
สุรีกานต์วางโทรศัพท์ แกล้งตีหน้าเศร้าเดินมาหาริชาร์ด
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คือ ทีมงานที่กองละครโทรมาบอกให้ฉันไปถ่ายซ่อมด่วนน่ะค่ะ ไม่งั้นงานจะล่าช้าไปเป็นเดือน ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน ขอโทษนะคะทั้งๆ ที่ฉันบอกคุณเองว่าวันนี้เป็นวันหยุดของฉันแท้ๆ”
ริชาร์ดแอบทำหน้าเซ็ง
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ นักแสดงมืออาชีพอย่างคุณ ย่อมต้องมีความรับผิดชอบสูงเป็นธรรมดา”
“งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ครับ”
สุรีกานต์เดินออกไป ริชาร์ดมองตามอย่างโมโห
“โธ่เว้ย”
อ่านต่อหน้าที่ 2
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 6 (ต่อ)
รถตู้สายลับแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง สุรีกานต์เปิดประตูแล้วก้าวลงมาจากรถพร้อมด้วยคนอื่นๆ ที่ก้าวตามลงมายืดเส้นยืดสาย อัศวินยิ้มให้สุรีกานต์
“เฮ้อ โล่งอก นึกว่าคุณโซ่จะแย่ซะแล้ว เล่นเอาสารวัตรพวกเรานั่งหน้าเครียดเลย สงสัยจะเป็นห่วงคุณโซ่น่ะครับ”
สุรีกานต์ชะงัก
“จริงเหรอ”
“จริงสิครับ ไม่งั้น สารวัตรคงไม่รีบโทรไปตาม แล้วแกล้งบีบจมูก ดัดเสียงเป็นเบ็ตตี้ฮ่ะ แบบนั้นหรอกครับ” จ่ายมยืนยัน
ทุกคนพากันอมยิ้มขำๆ สุรีกานต์มองนฤเบศอย่างแปลกใจ
“ฉันก็นึกว่าฝีมือจ่า คุณเองเหรอเนี่ย เนียนมากๆ”
“ที่ผมแกล้งดัดเสียงก็เพื่อความแนบเนียน ริชาร์ดอาจจะแอบฟังคุณอยู่ก็ได้ แล้วถ้าคุณโดนจับได้ งานผมก็จบ ก็เท่านั้น”
สุรีกานต์เบ้หน้า
“ที่แท้ก็ห่วงเรื่องงาน นึกแล้ว ผู้ชายหน้าโหดใจหินอย่างคุณคงห่วงใครไม่เป็นหรอก”
“นี่คุณ ผมช่วยคุณไว้ ยังมาด่าผมอีกเหรอ แล้วเมื่อกี้ริชาร์ดเอาอะไรให้คุณดื่ม คุณคงไม่ดื่มมันไปแล้วหรอกใช่มั้ย”
ประเสริฐนึกได้
“จริงด้วยครับ ไอ้ริชาร์ดมันอาจจะวางยาคุณก็ได้นะครับ”
สุรีกานต์หน้าเครียดเริ่มคิดตาม
“นั่นสิ ทำไมฉันถึงเริ่มรู้สึกร้อนแปลกๆ”
สุรีกานต์เริ่มทำตาเคลิ้ม ก้าวเข้าหา นฤเบศ เขาเริ่มตกใจถอยหลังไปจนพิงรถ สุรีกานต์แกล้งทำตาหวานแล้วเอามือโอบรอบคอนฤเบศ ทีมเดอะซันมองตาค้าง นฤเบศหน้าตื่น
“เฮ้ย...คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย”
ปรีติอึ้งๆ
“หรือว่า คุณสุรีกานต์จะโดนวางยาปลุกเซ็กส์ครับสารวัตร”
นฤเบศตาเหลือก
“เฮ้ย แล้วจะทำยังไงดีล่ะหมวด”
สุรีกานต์แกล้งยื่นปากจะไปจุ๊บ นฤเบศตกใจ จับตัวเขย่าแรงๆ
“เฮ้ย คุณ...นี่ผมเองนะ ตั้งสติหน่อยสิคุณ”
สุรีกานต์ยังแกล้งทำตาเคลิ้มโน้มตัวเข้าใกล้นฤเบศ สักพักก็หลุดหัวเราะขำ ทุกคนมองอย่างงงๆ
“ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นน่ะ ฉันไม่ได้โง่จนไม่ทันเกมของนายริชาร์ดหรอกนะฉันเล่นละครบทแบบนี้มาเยอะแล้ว อ้อ...อีกอย่างจะบอกไว้เลยว่า ถึงแม้ฉันจะโดนยาปลุกเซ็กส์ แต่พอมองหน้าคุณ ยังไงก็ปลุกอารมณ์พิศวาสฉันไม่ขึ้นหรอกย่ะ”
สุรีกานต์ผละออกทันที นฤเบศฉุนกึก
“คุณนี่มัน....”
“ฉันไปก่อนนะคะทุกคน แล้วเจอกันค่ะ”
สุรีกานต์เดินไปที่รถของตัวเอง นฤเบศมองตามอย่างเคืองๆ สุรีกานต์หันหลังกลับมายิ้ม
“อ้อ ขอบใจมากๆ นะ เบ็ตตี้”
นฤเบศชี้หน้าแบบฝากไว้ก่อน สุรีกานต์ไม่สนใจเดินไปขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกไป นฤเบศส่ายหัวแอบยิ้มขำๆ พึมพำ
“เธอนี่มันนางร้ายตัวแสบจริงๆ”
จ่ายมได้ยินแว่วๆ
“สารวัตรว่าอะไรนะครับ”
นฤเบศเห็นทุกคนมองมาก็เก๊กขรึมกลบเกลื่อน
“เปล่า ไม่มีอะไร กลับกันได้แล้ว เรายังมีงานต้องทำอีกเยอะ”
นฤเบศก้าวขึ้นไปนั่งในรถทันที ทีมเดอะซันรีบก้าวขึ้นตาม รถตู้สายลับแล่นออกไปจากลานจอดรถ
วันใหม่...สุรีกานต์เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวอย่างอารมณ์ดี วุ้นกรอบกับพายไก่กำลังนั่งอ่านคอลัมน์ข่าวบันเทิงในนิตยสารอยู่พอเห็นสุรีกานต์ก็รีบพุ่งเข้าไปหา
“เจ๊”
สุรีกานต์หันไปมอง
“มีอะไรยะ พอเห็นหน้าฉัน ก็รีบพุ่งมาเร็วยิ่งกว่าผีพุ่งไต้แน่ะ”
วุ้นกรอบค้อน
“แหม เจ๊ ช่วยเปรียบกับอะไรที่มันดูงดงามกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ”
สุรีกานต์ยิ้มขำๆ
“มีอะไรก็ว่ามา”
“คืออย่างนี้เจ๊ พวกเรามีข่าวเด็ดมาบอก” พายไก่บอก
สุรีกานต์เซ็งๆ
“ข่าวซุบซิบดาราอีกล่ะสิ คราวนี้สุมหัวเม้าท์วงในใครอีกล่ะ”
“ไม่ใกล้ไม่ไกลแถวๆ นี้แหละ เจ๊ดูเอาเองก็แล้วกัน”
วุ้นกรอบยื่นนิตยสารให้ สุรีกานต์รับไปอ่าน เห็นพาดหัวข่าวอักษรย่อและภาพสวีตหวานของเนธานและแก้วดาราในผับแห่งหนึ่งก็หน้าเจื่อนไป
“เป็นไงเจ๊ ข่าวฉันน่ะเด็ดมั้ย แต่สงสัยคืนนั้นคงไปต่อกันเด็ดกว่าในภาพเยอะ เสียดาย...
พายไก่เสียดายที่ไม่ได้ไปดูด้วยตาตัวเองเหรอ”
“จะบ้าเหรอ ฉันเสียดายผู้ชายต่างหากล่ะ หล่อ ล่ำ กล้ามเป็นมัดขนาดนั้น ทำไมต้องเสียทีให้ยัยแก้วมังกรนั่นด้วย จริงมั้ยเจ๊”
สุรีกานต์นิ่งไม่ตอบ เพราะนึกเป็นห่วงพลอยนิล วุ้นกรอบและพายไก่ก็จับคู่เม้าท์กันต่อไป
พลอยนิลกำลังโพสต์ท่าถ่ายแบบ ขึ้นปกนิตยสารฉบับหนึ่ง
“โอเคค่ะ น้องนิล เดี๋ยวไปพักเที่ยงก่อนนะคะ ช่วงบ่ายเรามาถ่ายกันต่ออีกเซ็ต”
พลอยนิลหยุดโพสต์ท่าและเดินไปทางที่นั่งพักสำหรับนางแบบ เธอหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งมาอ่านเห็นข่าวรักอักษรย่อของเนธานกับแก้วดาราก็โมโหจี๊ด กำนิตยสารแน่นจนยับคามือ เขวี้ยงหนังสือลงกับพื้นเสียงดังจนทีมงานทุกคนหันมามอง พี่บีเดินเข้ามาพอดีจึงก้มเก็บนิตยสารบนพื้นขึ้นมาถือไว้
“มีอะไรเหรอนิล”
“นิลไม่ค่อยสบาย วันนี้ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ทีมงานรีบบอก
“แต่เรายังต้องถ่ายต่ออีกเซ็ตนะคะช่วงบ่าย”
“เหรอคะ งั้นนิลขอยกเลิกงานช่วงบ่ายวันนี้เลยก็แล้วกัน”
พลอยนิลเดินออกไปทันที ทีมงานทุกคนเหวอ พลอยนิลเดินออกไปจนเกือบจะถึงหน้าประตูสตูดิโอ พี่บีรีบตามมาขวางไว้
“นิลจะไปไหน นิลทิ้งงานตรงนี้ไม่ได้นะ ทุกคนเขารออยู่”
“เอ๊ะ ก็นิลบอกแล้วว่านิลไม่สบาย อยากพักผ่อน ถ้าเขาต้องการให้นิลรับผิดชอบ นิลยอมจ่ายค่าเสียหายให้ก็ได้ หรือไม่งั้น พี่บีก็ไปเป็นนางแบบแทนเองแล้วกัน”
“นิลทิ้งงาน เพราะข่าวเนธานอีกแล้วใช่มั้ย”
พี่บีชูนิตยสารในมือ
“พี่บีรู้ดีอยู่แล้วก็ไม่เห็นต้องถาม ถอยไปค่ะ”
“แต่นิลกำลังทำลายตัวเองอยู่นะรู้มั้ย พี่ปล่อยให้นิลทำแบบนี้ไม่ได้”
“พี่บีไม่มีทางห้ามนิลได้หรอก คนอย่างพลอยนิลตัดสินใจอะไรแล้วไม่มีวันเปลี่ยนใจ ถอยไปค่ะ”
พี่บีจำเป็นต้องถอย พลอยนิลเปิดประตูสตูดิโอเดินออกไปแล้วกระแทกปิดเสียงดัง ทีมงานรีบมาถาม
“แล้วจะเอายังไงคะเนี่ย ถ้าน้องนิลไม่ถ่ายวันนี้เราปิดเล่มไม่ทันนะคะ”
“ใจเย็นๆ คะใจเย็น ๆ วันนี้ขอยกเลิกกองก่อน ส่วนค่าเสียเวลา น้องนิลเขายินดี รับผิดชอบ แล้วยังไงพี่จะพยายามจัดคิวให้ใหม่โดยเร็วที่สุดนะคะ”
“รับปากแล้วอย่าผิดคำพูดอีกนะคะ แล้วฝากเตือนเด็กในสังกัดของพี่ด้วยว่าถ้าเยอะอย่างแบบนี้ ต่อไปอาจจะกลายเป็นนางฟ้าตกกระป๋องแล้วจะหาว่าไม่เตือนนะคะ”
ทีมงานพูดจบก็เดินผละไปแยกย้ายกันเก็บของ พี่บีถอนหายใจเซ็งๆ
พลอยนิลบุกมาถึงกองละครตะวันสีรุ้ง สอดส่ายสายตาหาเนธานแต่ก็ไม่เห็น ทีมงานฝ่ายเสื้อผ้าคนเดินมาพอดี
“โซ่อยู่รึเปล่า”
“อยู่ในห้องแต่งตัวค่ะ”
“แล้วคนอื่นๆล่ะ”
“ใครเหรอคะ”
“ก็นักแสดงคนอื่นๆ ไง หายหัวไปไหนกันหมด หรือว่าทั้งกองมียัยโซ่อยู่คนเดียวห๊ะ”
“เอ่อ คือ...คุณกวินกับคุณโซ่อยู่ค่ะ แต่ว่าคุณเนธานกับคุณแก้วดารา พอถ่ายละครเสร็จก็เห็นออกไปด้วยกันน่ะค่ะ”
“สงสัยจะแอบกิ๊กกันจริงเหมือนในข่าวนะคะ” ทีมงานอีกคนเสริม
พลอยนิลไม่พอใจ
“อะไรที่ฉันไม่ได้ถาม ไม่ต้องสาระแนตอบ จะไปไหนก็ไป”
ทีมงานเห็นพลอยนิลหัวเสียจึงรีบเดินเลี่ยงไป พลอยนิลยืนนิ่ง กำมือแน่นด้วยความโมโห
สุรีกานต์กำลังนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องพลอยนิล สักครู่พลอยนิลโผล่เข้ามาท่าทางเอาเรื่อง
“แกปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงโซ่”
สุรีกานต์อึ้งๆ
“เอ่อ แกเห็นข่าวแล้วใช่มั้ย”
“ใช่สิ ไม่งั้น ฉันไม่ลงทุนทิ้งงานแล้วถ่อมาถึงนี่หรอก”
“นี่แกสติแตกจนทิ้งงานมาอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเทศนาฉันตอนนี้เลยโซ่ ฉันขอร้องแกให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ แต่แกกลับทำเฉย ปล่อยให้มันควงกันไปสวีทสองต่อสองแบบนี้ได้ยังไง”
“ใจเย็นๆ ก่อนสินิล ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา แล้วฉันจะมีสิทธิ์ไปห้ามเขาได้ยังไง”
“แกอย่ามาแก้ตัวเลย คงสมใจแกแล้วสินะ อยากเห็นฉันกับธานเลิกกันอยู่แล้วนี่”
“แกบ้าใหญ่แล้วนะนิล สงบสติอารมณ์หน่อยสิ ฉันเพียงแค่เตือนแกให้ลองเปิดตาเปิดใจดูบ้าง จะได้ไม่หลงอยู่กับความรักลอยๆ ที่วันนึงมันอาจจะกลายเป็นความทุกข์ที่ทำร้ายแก ฉันเป็นห่วงแกจริงๆ นะนิล”
“ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้ว ว่าธานไม่มีวันเป็นแบบที่แกกล่าวหา ถ้าอีนังเด็กนั่นมันไม่จงใจเข้ามาแทรก เราคงไม่มีปัญหากันแบบนี้”
“ของแบบนี้ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ฉันว่าแกใจเย็นๆ แล้วคิดให้ดีๆ ว่ามันคุ้มมั้ยที่แกจะเอาชื่อเสียงของแกมาทิ้งเพราะผู้ชายคนเดียวแบบนี้”
“ธานไม่ใช่แค่ผู้ชายคนเดียว แต่เขาคือคนที่ฉันรัก แกได้ยินมั้ย”
สุรีกานต์ส่ายหน้าถอนหายใจอย่างเซ็งๆ พลอยนิลพยายามโทรหาเนธานอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมรับสาย พลอยนิลจึงหัวเสียมากขึ้นไปอีก ที่หน้าประตูห้องแต่งตัว กวินแอบมองสุรีกานต์อย่างเป็นห่วง
เนธานกับแก้วดาราอยู่ในร้านอาหารหรู เนธานตักอาหารให้แก้วดารา ทั้งคู่สวีทหวานกันอย่างมีความสุข
“เรามาทานข้าวด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ ธานไม่กลัวเป็นข่าวเหรอคะ”
“จะกลัวไปทำไมละครับ เพราะผมจริงใจกับคุณจริงๆ”
“แล้วคนของคุณจะไม่ว่าอะไรเหรอคะ”
“ผมบอกคุณแล้วนี่ครับ ว่าผมยังไม่มีเจ้าของ”
แก้วดารานึกถึงคำพูดของพลอยนิล ที่เคยดูถูกเธอไว้
‘เธอแน่ใจเหรอว่าคนอย่างเธอจะมีดีพอให้เขาเลือก ใครๆ เขาก็เม้าท์กันให้แซ่ดไปหมด ว่าที่มาของนางเอกดาวรุ่งอย่างเธอน่ะมันเป็นยังไง’
แก้วดารามองหน้าเนธาน
“ถึงยังไง แก้วก็ต้องเผื่อใจไว้ก่อนอยู่ดีค่ะ เพราะคนที่สมบูรณ์แบบอย่างคุณ คงไม่มีใครอยากปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ”
“มันขึ้นอยู่กับว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือก ผมจะเลือกใครมากกว่า”
“แล้วเมื่อถึงเวลานั้น คุณจะเลือกใครล่ะคะ ระหว่างคนที่เคยผูกพัน กับคนใหม่ที่ใช่กว่า”
เนธานจับมือแก้วดารามาจูบเบาๆ
“เอาไว้ให้ถึงเวลานั้นก่อนดีกว่า แต่ที่ผมรู้ตอนนี้คือผมอาจกำลังเจอคนที่ใช่ ถ้าผมจะปล่อยหลุดมือไปผมก็คงโง่เต็มทีใช่มั้ยครับ”
เนธานมองแก้วดาราด้วยสายตาหวานเชื่อมสุดๆ เธอยิ้มตอบแบบเขินๆ เขาปล่อยมือเธอแล้วตักอาหารทานต่อ แก้วดาราแอบยิ้มร้ายนึกสะใจพลอยนิล
เนธานกลับคอนโดอย่างมีความสุข เจอพลอยนิลที่มาดักรอด้วยท่าทางโมโห จึงรีบเข้าไปกอดอย่างอ้อนๆ พลอยนิลสะบัดมือเขาออกอย่างรังเกียจ
“ทำไมล่ะนิล”
“นิลขยะแขยง ไม่อยากยืนอยู่ในที่ ที่ซ้ำกับใครบางคน”
“นิลพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน่อยเลยธาน ปิดยังไงก็ไม่มีวันมิดหรอก เขารู้กันไปทั่วแล้วว่านายแบบหนุ่มกับนางเอกสาวสุดไวไฟน่ะ สปาร์คกันเร็วขนาดไหน”
พลอยนิลปานิตยสารบันเทิงหน้าข่าวเนธานกุ๊กกิ๊กกับแก้วดาราใส่อก เนธานเอามาเปิดดูอย่างงงๆ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นภาพข่าวของตัวเองกับแก้วดารา เนธานหน้าเจื่อน รีบแก้ตัว
“มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะนิล”
“เข้าใจผิดเหรอ นิลไม่ใช่เด็กอมมือนะ ถึงจะดูไม่ออกว่าในรูปมันส่อถึงความรู้สึกของคุณกับมันขนาดไหน”
“ไปกันใหญ่แล้วนิล ผมก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อน แล้วบังเอิญเจอแก้วดารา เราก็เลยเต้นรำกันนิดหน่อยตามประสาคนร่วมงานกันก็เท่านั้นเอง พวกนักข่าวมาเห็นแค่นี้ก็เอาไปนั่งเทียนเขียนข่าวกันสนุกปากเพื่อหวังจะขายข่าวน่ะ... แล้วไหนคุณบอกว่าไว้ใจผมไง”
“แต่พฤติกรรมของธาน มันทำให้ความไว้ใจของนิลที่มีต่อคุณกำลังจะหมดลง ธานเห็นอีนังเด็กนั่นมันกำลังรุ่ง กำลังดัง ก็เลยถีบหัวส่งนิล แล้วไปเกาะมันแทนใช่มั้ย ไอ้คนเนรคุณ”
เนธานโมโห
“จะมากไปแล้วนะนิล ถ้าขืนคุณยังโมโหเอาแต่ใจอยู่แบบนี้ เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง เชิญคุณบ้าไปคนเดียวเถอะ”
เนธานผลุนผลันออกไป พลอยนิลคว้าแขน
“ธาน คุณจะไปไหน กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ”
“ผมจะไปในที่ที่มันเจริญหูเจริญตากว่านี้ ในเมื่อคุณยังไม่พร้อมที่จะคุยกับผม ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะคุยกับคุณเหมือนกัน”
เนธานสะบัดแขนพลอยนิลออกแล้วเดินออกไปปิดประตูคอนโดกระแทกเสียงดัง พลอยนิลโมโห
“ไปเลย เชิญ...จะไปเสวยสุขกันที่ไหนก็ไป”
พลอยนิลกรี๊ดแล้วหยิบหมอนอิงบนโซฟาปาไล่หลังเนธานระบายอารมณ์อย่างหงุดหงิด
สุรีกานต์ยืนรอนฤเบศมารับอย่างเซ็งๆเช็คโทรศัพท์ก็ไม่มีสายโทรเข้าจาก สุรีกานต์กำลังจะกดโทรศัพท์หา แต่กวินเดินมาพอดี
“จะกลับแล้วเหรอครับ” กวินมองหา “แล้วนี่คุณเบศไปไหนซะแล้วล่ะครับ”
สุรีกานต์พึมพำ
“นั่นสิคะ หายหัวไปไหนทั้งวันก็ไม่รู้”
กวินชะงัก
“อะไรนะครับ”
สุรีกานต์รีบแก้
“อ๋อ เอ่อ คือ โซ่หมายถึง วันนี้ทั้งวัน พี่เบศเขาติดธุระน่ะค่ะ สงสัยท่าจะยังไม่เสร็จ”
“งั้นผมอาสาพาคุณโซ่ไปทานข้าว แล้วพาไปส่งบ้านแทนจะได้มั้ยครับ”
สุรีกานต์นิ่งคิดก่อนยิ้มรับอย่างดีใจ
“ก็ได้ค่ะ”
กวินยิ้มหน้าบานแล้วเดินนำสุรีกานต์ไปที่รถ
นฤเบศกำลังยุ่งอยู่กับการประชุมงาน เพื่อประมวลหลักฐานภาพถ่ายจากกล้องกระดุมของสุรีกานต์ บนจอโปรเจ็คเตอร์กลางห้อง ฉายภาพที่บันทึกไว้ได้จากกล้องกระดุม นฤเบศหันไปสั่งประเสริฐ
“หมวดประเสริฐ เดี๋ยวคุณช่วยตรวจสอบภาพทั้งหมดที่ถ่ายมาได้ จากกล้องกระดุมของสายลับเนปจูน และทำแผนผังคอนโดริชาร์ดเอาไว้ทุกจุดเผื่อมีกรณีฉุกเฉินตอนปฏิบัติภารกิจ เราจะได้รับมือได้ทันที”
“ได้ครับสารวัตร”
นฤเบศหันไปหาปรีติ
“แล้วสัญญาณจากเครื่องดักฟัง ในห้องริชาร์ดยังทำงานอยู่รึเปล่า
“ผมเช็คดูแล้ว สัญญาณยังปกติครับสารวัตร”
“ดี งั้นหมวดเฝ้าไว้ดีๆ แล้วกัน ถ้ามีอะไรคืบหน้า รีบรายงานผมทันที”
“ครับ”
ทีมเดอะซันช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน
ค่ำนั้น...ริชาร์ดนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานกำลังเช็คอีเมล์รายละเอียดสินค้า และผลกำไรจากบริษัทที่ฮ่องกงซึ่งร่วมทุนกับจอนนี่ รวมทั้งรายละเอียดยาเสพติดล็อตใหม่ และรายชื่อเอเย่นต์ค้ายาก่อนยิ้มออกมาอย่างพอใจ บอดี้การ์ดถือกล่องสีดำใบหนึ่งเข้ามาให้
“ของที่ท่านสั่ง เรียบร้อยแล้วครับ”
ริชาร์ดเปิดดูยิ้มพอใจแต่ไม่เห็นของในนั้น
“ดีมาก”
ริชาร์ดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อมงคล
“ผมมีตัวอย่างสินค้าใหม่ พร้อมให้คุณตรวจสอบแล้ว โอเค…สถานที่นัดหมายสนามกอล์ฟ เดอะ เค ซิตี้ ใช่มั้ย ได้ แล้วเจอกัน”
ริชาร์ดวางสายอย่างอารมณ์ดี
ปรีตินั่งคีย์ข้อมูลอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เห็นสัญญาณคลื่นเสียงของริชาร์ดที่ส่งสัญญาณมาจากเครื่องดักฟังที่สุรีกานต์แอบไปติดเอาไว้ปรากฏบนหน้าจอ ด้านข้างๆ มีนฤเบศ อัศวิน จ่ายมและประเสริฐ คอยลุ้นอยู่
“สินค้าใหม่…สนามกอล์ฟ เดอะ เค ซิตี้ เหรอ” นฤเบศครุ่นคิด
นฤเบศและทีมเดอะซันสบตากัน สายตามีความหวังขึ้นมาทันที
กวินพาสุรีกานต์มาทานดินเนอร์หรู บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ บนโต๊ะมีอาหารเมนูจานเด็ดราคาแพงหลายจาน
“สตูว์ขาแกะของที่นี่ขึ้นชื่อมาก คุณโซ่ลองชิมดูสิครับ”
“ท่าทางน่าอร่อยนะคะ”
กวินตักใส่จานให้ สุรีกานต์ยิ้มกำลังจะตักอาหารเข้าปากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อนเธอเห็นเป็นเบอร์นฤเบศก็ขัดใจ เหลือบมองกวินอย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจรับสายเสียงหวาน
“สวัสดีค่ะ สุรีกานต์พูดค่ะ”
“เลิกงานรึยังคุณดารา”
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ไข้ขึ้นรึเปล่าเนี่ยคุณ พูดกับผมซะเพราะเชียว”
สุรีกานต์แอบกระซิบ
“กวนประสาทอยู่ได้ มีอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะน่า”
“ผมมีเรื่องด่วนเกี่ยวกับภารกิจ คุณต้องมาพบผมเดี๋ยวนี้”
สุรีกานต์ตะโกนเสียงดัง
“อะไรนะ”
กวินหันมามองอย่างตกใจ สุรีกานต์ยิ้มแห้งๆ กลบเกลื่อน แล้วหันมาคุยต่อ
“จะตกใจอะไรนักหนา แล้วก็ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดนะ ไม่งั้นผมจะ...”
“อ๋อ คุณเจนนี่เหรอคะ อะไรนะคะ ต้องรีบใช้ด่วนคืนนี้เลย ได้ค่ะๆ เดี๋ยวโซ่จะรีบเอาชุดไปคืนที่ห้องเสื้อทันทีเลยค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
สุรีกานต์ตัดสายไปทันที สารวัตรนฤเบศถึงกับงง
“จะรีบตัดสายทำไมวะเนี่ย”
สุรีกานต์หันมายิ้มเจื่อนๆ ให้กวิน
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณโซ่”
“โซ่ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ พอดีคุณเจนนี่เจ้าของห้องเสื้อโทรมาทวงชุดที่ต้องรีบใช้คืนนี้กับโซ่ โซ่ก็เลย…”
กวินยิ้มเจื่อน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ งั้นให้ผมไปส่งนะครับ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคุณวินเสียเวลา แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
สุรีกานต์รีบเดินออกไป กวินมองตามแห้วอีกตามเคย
อ่านต่อหน้าที่ 3
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 6 (ต่อ)
สุรีกานต์นั่งอยู่ที่โต๊ะของ นฤเบศซึ่งกำลังนั่งกินบะหมี่อยู่ สุรีกานต์ตะโกนเสียงดัง
“ว่าไงนะ จะให้ฉันตามพลูโตไปที่เดอะ เค ซิตี้ คุณบ้าไปแล้วเหรอไงเนี่ย ฉันไม่มีทางไปแน่”
นฤเบศปราม
“เบาๆ หน่อยสิคุณ ยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ หรือว่ากลัวใครบางคนจะเข้าใจคุณผิด”
สุรีกานต์อึกอัก
“เปล่าซะหน่อย ฉันก็แค่ไม่อยากเป็นข่าว แล้วอีกอย่างถ้าคุณวินบังเอิญไปเจอฉันอยู่กับริชาร์ดเข้า เขาต้องสงสัยแน่ๆ คุณคงไม่อยากให้เสียงานหรอกใช่มั้ย”
“แต่ภารกิจครั้งนี้สำคัญมาก เราอาจจะได้หลักฐานสำคัญมา แต่ถ้าเราพลาด เราก็อาจจะหมดโอกาสจัดการมันก็ได้ เท่ากับว่าสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดก็จะเหนื่อยเปล่า”
สุรีกานต์ครุ่นคิด
“ฉันยอมไปกับคุณก็ได้ แต่คุณต้องยอมทำตามวิธีการของฉันนะ”
นฤเบศสงสัย
“วิธีการของคุณ อะไรเหรอ”
“เอาไว้ฉันจะบอกคุณอีกทีแล้วกัน แต่ตอนนี้ฉันหิวมาก คุณต้องรับผิดชอบ”
“งั้นผมเลี้ยงคุณไถ่โทษก็ได้ ว่าแต่นางร้ายไฮโซอย่างคุณจะกินได้รึเปล่าล่ะ”
สุรีกานต์บ่นพึมพำ
“นี่ฉันต้องทิ้งสตูว์ขาแกะมากินบะหมี่จับกังเหรอเนี่ย”
“ยังไงมันก็อิ่มเหมือนกันแหละน่า อย่าเรื่องมากเลยคุณ”
“เออ แล้ววันนี้ที่คุณเบี้ยวงานฉัน ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับคุณเลยนะ แถมยังไม่ยอมมารับฉัน ปล่อยให้ฉันรอจนเงกเลย…”
นฤเบศส่ายหน้า ตะโกนสั่งขัดจังหวะ
“เฮีย เอาบะหมี่ชามนึง ใส่มาทุกอย่างเลยนะโดยเฉพาะอะไรก็ได้ที่มันกินแล้วหุบปากสนิทน่ะ”
สุรีกานต์จ้องตาดุ
“นี่ คุณหาว่าฉันพูดมากเหรอ”
“เปล่า มันเป็นเทคนิคการสั่งน่ะ ไม่ดีเหรอ คุณจะได้แบบชามพิเศษไง”
สุรีกานต์โมโหที่ถูกเขาย้อนกำลังจะด่ากลับ แต่คนขายเอาบะหมี่ชามใหญ่มาเสิร์ฟพอดี
“บะหมี่ชามพิเศษมาแล้วครับ”
สุรีกานต์มองบะหมี่ที่กองอยู่ในชามแบบอึ้งๆ นฤเบศมองมาแบบขำๆ สุรีกานต์ได้แต่โมโห
สุรีกานต์เดินกลับไปที่ห้องพัก เธอบ่นพึมพำ
“คนอะไรกวนประสาทชะมัด”
สุรีกานต์เดินไปใกล้จะถึงห้อง ก็เห็นคนมุงดูอยู่หน้าห้องข้างๆ เต็มไปหมด เธอเดินแหวกเข้าไปดูด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“มีคนผูกคอตายครับ คุณเป็นเพื่อนบ้านรึเปล่าครับ”
สุรีกานต์ตะกุกตะกักด้วยความกลัว
“ค่ะ ใช่ค่ะ”
“งั้นคงต้องขอความร่วมมือคุณ ช่วยให้ปากคำกับตำรวจด้วยนะครับ”
สุรีกานต์มองเห็นเจ้าหน้าที่ยกห่อศพที่ห่อผ้าขาวออกไป เธอพึมพำเบาๆ
“ทำไมช่วงนี้ชีวิตฉัน ต้องไปพัวพันกับตำรวจตลอดเลยเนี่ย”
สุรีกานต์เปิดไฟสว่างทั้งห้อง ถือสร้อยพระเดินวนไปวนมาด้วยความกลัว
“หลวงพ่อเจ้าขา คุ้มครองลูกด้วยนะเจ้าคะ”
สุรีกานต์กลัวผีไม่ไหวแล้ว เลยตัดสินใจโทรศัพท์หาวุ้นกรอบ
“ฮัลโหล... วุ้น แกว่างใช่มั้ยมาหาฉันหน่อยสิ...อะไรนะ เดทกับผู้ชายอยู่ เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งวางสายสิ” สุรีกานต์พึมพำ “ไหนบอกกันว่ารักนักรักหนาไง เชอะ ฉันโทรหายัยพายก็ได้”
สุรีกานต์โทรศัพท์หาพายไก่ แต่ก็โทรไม่ติด
“โอ๊ย ยัยพาย ทำไมต้องมาปิดเครื่องตอนนี้ด้วย ฮือ...ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย พึ่งใครก็ไม่ได้สักคน” เธอหันไปมองผนังห้องข้างๆ “คุณน้อยคะ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีระหว่างเรา อย่ามาหลอกโซ่เลยนะคะ”
ทันใดนั้นกรอบรูปที่วางอยู่บนตู้โชว์ก็ล้มพับลงมาเสียงดัง สุรีกานต์ตกใจกรี๊ดสุดเสียง ก่อนรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน
นฤเบศเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ป้ามลเดินถือกระเป๋าเดินทางเข้ามาหน้าเศร้า
“เกิดอะไรขึ้นครับ แล้วป้ามลจะไปไหน”
“ที่บ้านเพิ่งโทรมาบอกว่าพี่สาวป้าเสียกะทันหัน ป้าเลยจะขอลาคุณหนูกลับบ้านสักอาทิตย์นึงน่ะค่ะ”
“ผมเสียใจด้วยนะครับป้า แล้วดึกดื่นป่านนี้ป้าจะไปยังไงล่ะครับ ให้ผมไปส่งมั้ย”
“คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวหลานป้าจะมารับ...ป้าไม่อยู่ คุณหนูดูแลตัวเองดีๆ นะคะ เสร็จธุระแล้วป้าจะรีบกลับมาทันทีเลยค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับป้า จัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาก็ได้ครับ”
“ขอบคุณนะคะ คุณหนู”
ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงรถขับมาจอด
“สงสัยหลานป้าจะมาแล้วป้าไปก่อนนะคะ”
“ครับป้า ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
นฤเบศสวมกอดป้ามล...ป้ามลเดินถือกระเป๋าออกไป นฤเบศมองตามท่าทางเป็นห่วง
สุรีกานต์ค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง ภายในห้องเปิดไฟสว่างจ้า เหลียวมองไปรอบๆ ห้องอย่างหวาดระแวง
“เราต้องไม่กลัว ต้องตั้งสติ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
สุรีกานต์สูดลมหายใจพยายามตั้งสมาธิและข่มตานอน แต่ก็นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา ภาพศพในห่อผ้าขาวที่เจ้าหน้าที่ยกออกไปแว่บเข้ามาสุรีกานต์ผุดลุกขึ้นจากที่นอน
“โอ๊ย...ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”
สุรีกานต์ตัดสินใจ
นฤเบศเดินเอาเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน หันไปมองรูปพ่อกับแม่ที่วางไว้หน้าเศร้าหมอง เขากำลังจะถอดเสื้อเตรียมตัวอาบน้ำ เสียงกริ่งประตูรั้วก็ดังขึ้น นฤเบศชะงัก
“ใครมาซะดึกป่านนี้ หรือว่าป้ามลจะลืมของ”
นฤเบศรีบเดินออกจากห้องไป
นฤเบศเดินมาเปิดประตูรั้ว ก้มหน้าก้มตาถาม
“ลืมอะไรรึเปล่าครับป้า” เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นสุรีกานต์ “เฮ้ย คุณดารามาได้ยังไงเนี่ย”
นฤเบศมองสุรีกานต์ที่ยืนอยู่หน้ารั้วอย่างตกใจ เธอได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ให้เขา
สุรีกานต์ยืนประจันหน้ากับนฤเบศ ท่ามกลางกองกระเป๋ามากมายของเธอที่ขนเอามาจากบ้าน
“ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมไม่ให้คุณอยู่ที่นี่”
“ฉันก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า ฉันอยู่คอนโดไม่ได้ ฉันกลัวผี ฉันจะอยู่ที่นี่”
ทั้งคู่จ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้ นฤเบศถอนหายใจ กรอกตาเซ็งๆ
“นี่คุณ ผมเป็นผู้ชายนะ ส่วนคุณเป็นผู้หญิง เป็นดาราดังด้วย เกิดมีใครมาเห็นเข้าแล้วเอาไปลือกัน คุณมีแต่เสียกับเสียนะ”
สุรีกานต์ลังเลแล้วยักไหล่
“มันก็จริง แต่ฉันคิดดีแล้ว แค่เป็นข่าวกับผู้ชาย ฉันแก้ข่าวนิดๆหน่อยๆก็จบ แถมถ้ามีข่าวจริงๆ ฉันได้มีงานเยอะกว่าเดิมซะอีก เห็นมั้ย ฉันมีแต่ได้กับได้ต่างหาก”
นฤเบศมองอึ้งๆ
“คนเป็นดารานี่เขาคิดแบบนี้กันหมดหรือเปล่า”
“นี่ไม่ต้องมาใช้สายตาแบบนั้นเลยนะ ฉันแค่พูดเล่น ฉันอยู่ในวงการนี้มา 7 ปี ขอบอกว่าคนที่คิดดังด้วยข่าวฉาวแบบนั้น ไม่เคยรอดสักราย ฝีมือและการวางตัวต่างหากล่ะที่จะทำให้อยู่รอดได้”
“คุณจะบอกว่า ที่คุณอยู่มาได้ 7 ปี เพราะคุณมีฝีมือและวางตัวดีอย่างงั้นเหรอ แล้วคนวางตัวดีที่ไหนเขาหอบผ้ามาขออยู่บ้านผู้ชายกลางดึกแบบนี้”
“นี่มันเหตุสุดวิสัยย่ะ คุณจะให้ฉันนอนหลอนอยู่ที่คอนโดหรือไง”
นฤเบศถอนหายใจปลงๆ
“แล้วทำไมต้องเป็นบ้านผมด้วย”
“ฉันโทรหาเพื่อนหมดทุกคนแล้ว แต่ไม่มีใครสะดวกให้ฉันไปอยู่ด้วยเลยนี่นา” สุรีกานต์แสร้งทำเสียงสั่น น้ำตาคลอ “น่านะคุณ ฉันไม่มีที่พึ่งแล้วจริงๆนะ คุณจะใจร้ายกับฉันได้ลงคอเชียวเหรอ”
สารวัตรนฤเบศมองนิ่งลำบากใจ สุรีกานต์เหล่ตามองแล้วแกล้งสะอื้นต่อ
“ก็ไหนว่าตำรวจไทยพึ่งพาได้ทุกเรื่องไง ที่แท้ก็แค่คำโกหกสวยหรูที่เอาไว้หลอกลวงประชาชนนี่เอง ฮือ”
นฤเบศตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
“โอเคๆ อยู่ก็อยู่ เลิกร้องไห้ได้แล้ว”
สุรีกานต์หยุดร้องกึก ยิ้มร่าทันที
“เยส คุณรับปากแล้วนะ ห้ามมาไล่ฉันทีหลังด้วย”
นฤเบศตาโต อึ้งๆ
“นี่ นี่คุณหลอกผมเหรอ…แล้วไอ้ที่ร้องไห้เมื่อกี้นี้คุณเล่นละครใช่มั้ย”
สุรีกานต์ยักคิ้วยิ้มๆ
“ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันอยู่ในวงการนี้มา 7 ปีแล้ว”
นฤเบศยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองเธออย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน สุรีกานต์ลอยหน้าลอยตายิ้มอย่างอารมณ์ดี
สุรีกานต์เปิดประตูห้องพักแขกพลางลากกระเป๋ามาหยุดยืนสำรวจในห้อง นฤเบศที่หอบของพะรุงพะรังยืนทำหน้าเบื่อๆอยู่ด้านหลัง
“ฉันต้องอยู่ห้องนี้เหรอ”
“ใช่ เหลือแค่ห้องนี้ห้องเดียว แต่ถึงจะมีหลายห้องคุณก็ไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่ดี”
สุรีกานต์มองรอบๆ แล้วขมวดคิ้ว
“ฉันว่าบรรยากาศในห้องนี้มันดูแปลกๆ แถมทั้งแคบทั้งอึดอัด จะหายใจออกหรือเปล่าก็ไม่รู้”
นฤเบศ มองหน้าอย่างเอาเรื่อง
“อย่ามาเรื่องมากได้มั้ยคุณดารา ถ้านอนห้องนี้ไม่ได้ก็เชิญคุณลงไปนอนที่โซฟาข้างล่างโน้น หรือไม่ ถ้าอยากได้ที่กว้างๆ บรรยากาศดีๆ ก็สวนหลังบ้าน เอามั้ย ดี๋ยวผมหาเต็นท์ไปกางให้”
“ห้องนี้ก็ได้ ไม่เห็นต้องขู่กันเลย” เธอแอบบ่นอุบอิบ “ผู้ชายอะไรปากจัดชะมัด”
นฤเบศตวัดสายตาพิฆาตขึ้นมอง ก่อนจะโยนของที่ช่วยหอบมาไว้บนพื้นห้องแล้วหันหลังเดินออกไป สุรีกานต์เบ้หน้า
“ป่าเถื่อน”
นฤเบศชะงักอยู่ที่ประตู มองสุรีกานต์ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อ้อ ไอ้ที่เหลือข้างล่าง ขนขึ้นมาเองนะ ผมช่วยแค่นี้แหละ...ไม่รู้จะขนบ้าอะไรมานักหนา”
นฤเบศพูดจบก็เดินออกไป สุรีกานต์ได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ มองกองของที่เพิ่งขนขึ้นมาได้นิดเดียวก็นั่งแปะบนเตียงอย่างเซ็งๆ
นาฬิกาฝาผนังบอกเวลาเที่ยงคืนตรง นฤเบศในชุดนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เริ่มหาวง่วงนอน
สุรีกานต์ปิดโคมไฟหัวเตียง แล้วล้มตัวลงนอน พยายามหลับตาให้หลับไวๆ แต่หูก็ดันไปได้ยินเสียงกุกกักแปลกๆ เธอขมวดคิ้ว หรี่ตาขึ้นข้างหนึ่งแล้วกวาดมองรอบๆห้อง บรรยากาศมืดๆสลัวๆทำให้เธอเริ่มกลัว เลยตัดสินใจนอนคลุมโปงในที่สุด
นฤเบศเดินเอาหนังสือไปเก็บที่ชั้นแล้วเดินกลับมาที่เตียง กำลังจะล้มตัวลงนอน แต่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน นฤเบศขมวดคิ้วสงสัย แล้วลุกไปเปิดประตู สุรีกานต์ยืนกอดหมอนยิ้มเจื่อนๆอยู่หน้าประตู ยังไม่ทันได้ถามอะไร สุรีกานต์ก็พุ่งตัวเข้าไปที่เตียงทันที นฤเบศหน้าตื่น
“เฮ้ย”
สุรีกานต์กระโจนลงเตียง โกยผ้าห่มมาคลุมตัวเรียบร้อยนั่งยิ้มกระพริบตาปริบๆอย่างอ้อนๆ
“อะไรของคุณอีก”
“ให้ฉันนอนด้วยสิ”
นฤเบศตกใจ
“หา”
“ก็นอนคนเดียวมันกลัวนี่ แล้วห้องนั้นมันก็แปลกๆ ยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนมีใครจับตามองฉันอยู่ตลอดเวลาเลย”
“คุณอย่ามาประสาท บ้านผมไม่มีอะไรอย่างที่คุณกลัวหรอก”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงคุณให้ฉันนอนด้วยคนนะ”
“ไม่ได้ ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามในห้องส่วนตัว จริงๆไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในบ้านหลังนี้เลยด้วยซ้ำ แต่กรณีคุณ ผมถือว่าช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลก เพราะฉะนั้น เชิญกลับไปที่ห้องของคุณได้แล้ว”
นฤเบศเปิดประตู มองอย่างบังคับ สุรีกานต์ยิ้มอ้อนๆ
“โธ่คุณ ไหนๆก็ช่วยเพื่อนร่วมโลกอย่างฉันไว้แล้ว ช่วยต่ออีกนิดเถอะนะ ฉันสัญญาว่าจะนอนบนเตียงนิ่งๆ ไม่วุ่นวาย ไม่ยุ่มย่ามกับห้องของคุณเลย”
“เดี๋ยวนะ นี่คิดจะยึดเตียงผมด้วยเหรอ”
“แล้วคุณจะให้ฉันนอนพื้นเหรอไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ”
นฤเบศปิดประตูปังอย่างโมโห เดินมาหยุดหน้าเตียง
“แต่ผมเป็นเจ้าของห้องและเจ้าของบ้านด้วย คุณอยากอยู่บ้านผม ผมก็หาห้องให้คุณอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณอยากนอนในห้องผมอีก คุณต้องนอนพื้นเท่านั้น”
“คุณนี่ไม่มันไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย”
“ทำอย่างกะคุณทำตัวเป็นสุภาพสตรีนักนี่”
“โอเคๆ ฉันนอนพื้นก็ได้...ถ้ามันจะทำให้คุณหลับฝันดีขึ้นล่ะก้อ”
นฤเบศถอนหายใจอย่างเอือมๆ ในห้องที่มืดสนิท นฤเบศนอนหลับบนเตียง ข้างเตียงมีสุรีกานต์นอนอยู่บนผ้าปูบางๆผืนเดียว พลิกไปพลิกมาเพราะปวดหลัง เธอบ่นออกมา
“ฮึ่ย มีแต่พระเอกในละครใช่มั้ยเนี่ยที่เป็นสุภาพบุรุษ”
สุรีกานต์เริ่มทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นนั่ง ชะโงกไปมอง นฤเบศที่นอนหันหลังหลับสบาย แล้วเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้ มองเตียงกว้างที่เหลือพื้นที่อีกครึ่งก็ยิ้มร้าย ตัดสินใจเอาผ้าห่มพันตัวให้มิดชิด แล้วหยิบสเปรย์พริกไทยที่สอดไว้ใต้หมอนขึ้นมา ปรายตาไปมองหลังของเขา
“ถ้ากล้านะ เจอไอ้นี่แน่”
สุรีกานต์ย่องเงียบๆไปนอนบนเตียง เอาหมอนข้างมากั้นกลาง แล้วนอนถือขวดสเปรย์พริกไทยไว้ในมือ แล้วหลับตานอนอมยิ้มอย่างสบาย
วันใหม่...นฤเบศตื่นพลิกตัวไปเจอกับสุรีกานต์ก็ตกใจ สะดุ้งพรวดลุกขึ้นนั่งมองหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ ขาข้างหนึ่งพาดมาก่ายขาเขาไว้ นฤเบศยกขาเธอออก สุรีกานต์ขยับตัวแล้วหลับสบายต่อ นฤเบศมองอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเหลือบไปเห็นขวดสเปรย์พริกไทยที่กลิ้งอยู่ข้างๆหมอนของเธอ เขาขมวดคิ้ว หยิบมาดู
“แอบปีนขึ้นเตียงคนอื่น แล้วยังมีหน้ามาระแวงเจ้าของเตียงอีก มันน่า…”
นฤเบศแกล้งกระตุกหมอนของสุรีกานต์ออกจนหัวกระแทกเตียงเบาๆ แต่เธอก็ยังหลับต่อได้
“อวดเก่ง ดื้อด้าน แสดงได้ทุกบทบาท แล้วก็ ขี้เซา…นี่เหรอคุณสมบัติสายลับ”
นฤเบศส่ายหัวขำๆ ปาหมอนใส่สุรีกานต์เบาๆอย่างหมั่นไส้ปนเอ็นดู แล้วหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้หญิงสาวนอนกอดหมอนหลับสบายบนเตียงต่อ...นฤเบศอาบน้ำเสร็จนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินเข้ามา เห็นสุรีกานต์ยังคงนอนหลับสบาย
“ตื่นได้แล้วคุณ”
สุรีกานต์พลิกตัวหนี คลุมโปงอย่างรำคาญ
“คุณดารา ตื่นเดี๋ยวนี้...ตื่น”
นฤเบศเดินไปกระตุกผ้าห่มออก แต่สุรีกานต์ก็ยื้อไว้ ทั้งคู่ยื้อยุดกันจนเขาเสียหลักเกือบล้มใส่แต่ท้าวแขนกับเตียงไว้ได้ทัน สุรีกานต์มุดออกจากผ้าห่ม งัวเงีย
“โอ๊ย ฉันง่วง ปลุกทำไมแต่เช้า”
สุรีกานต์ลืมตามาสบตากับนฤเบศที่มองมาพอดี ทั้งคู่ชะงักจ้องตากันเหมือนหลุดเข้าภวังค์ไปครู่ ก่อนที่สุรีกานต์จะเหลือบมองไปที่อกของเขาที่เปลือยเปล่า เธอตาลุกโชน
“อ๊าย”
สุรีกานต์ยกเท้าถีบที่ท้องนฤเบศทันที
“โอ๊ย”
นฤเบศกระเด็นไป ก้นกระแทกพื้น
“คุณถีบผมทำไมเนี่ย”
สุรีกานต์ลุกขึ้นเอาผ้าห่มคลุมตัว หยิบสเปรย์พริกไทยมาถือไว้
“ก็นายจะทำอะไรฉันล่ะไอ้ตำรวจบ้ากาม”
“ผมแค่จะปลุกคุณเฉยๆ”
สุรีกานต์สวนทันที
“อย่ามาโกหก ปลุกเฉยๆแล้วทำไมต้องแก้ผ้าด้วย”
“ผมแก้ผ้าที่ไหน นุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่เนี่ย” นฤเบศชี้ที่ผ้าเช็ดตัว
สุรีกานต์มองตาม เห็นเขานั่งกางขาอ้าซ่า เห็นไปถึงไหนต่อไหน ก็ตาโต เบือนหน้าหนีทันที
“อ๊าย ไอ้บ้า นั่งให้มันดีๆซิ”
นฤเบศสะดุ้ง
“เฮ้ย”
เขารีบรวบผ้าเช็ดตัวให้มิดชิด สุรีกานต์ไม่ยอมหันไปมอง
“แล้วคุณเป็นบ้าอะไรมานุ่งผ้าเช็ดตัวแต่เช้าเนี่ย”
“ก็ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าเช็ดตัวมันแปลกตรงไหน”
“ไม่แปลกแต่ไม่ควร ตอนนี้มีฉันมาอยู่ด้วย คุณควรแต่งตัวให้เรียบร้อยในห้องน้ำก่อนสิ ไม่ใช่มาเดินล่อนจ้อนโชว์อยู่ได้”
นฤเบศส่ายหัวเซ็งๆ
“คุณนี่เป็นแขกที่ไร้มารยาทแล้วก็เรื่องมากที่สุดตั้งแต่ผมเคยเจอมาเลย ผมขี้เกียจคุยกับคุณแล้ว ตื่นแล้วก็ดี ไปอาบน้ำซะ”
“ทำไม มีงานด่วนอะไรเหรอ”
“ด่วนสิ บ้านผมไม่มีอะไรเหลือให้กินแล้ว เราจะไปตลาดกัน”
“หา คุณปลุกฉันเพื่อให้ไปตลาดเนี่ยนะ คุณไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่ไปหรอก”
สุรีกานต์ทำท่าจะล้มตัวนอนต่อ นฤเบศโวยวาย
“อย่ามาขี้เกียจ ผมไม่ใช่คนใช้คุณนะ ถ้าคุณไม่ไปตลาดกับผมก็ย้ายตัวเองกลับไปนอนต่อที่คอนโดคุณเดี๋ยวนี้เลย”
“ฮึ้ย ก็ได้ๆ ฉันไปก็ได้ ขี้ขู่จริงๆเลยคุณเนี่ย”
สุรีกานต์เดินปึงปังออกจากห้องไป นฤเบศส่ายหัว ตะโกนไล่หลัง
“เร็วๆด้วยล่ะคุณ เดี๋ยวตลาดจะวายซะก่อน”
นฤเบศนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่โซฟา ดูนาฬิกา เริ่มหงุดหงิดที่สุรีกานต์ยังไม่ลงมา เขาตะโกนลั่น
“คุณดารา เสร็จรึยัง”
เสียงสุรีกานต์ตอบดังมา
“เสร็จแล้วๆ คุณนี่ใจร้อนจริงๆเลย”
นฤเบศส่ายหัวเอือมๆ ละสายตาจากหนังสือพิมพ์ไปมองบันไดก็ตะลึงตาค้าง เมื่อเห็นเธอเดินลงบันไดมาในชุดสวย จัดเต็มตั้งแต่หัวจรดเท้า สุรีกานต์ยิ้มกระหยิ่ม
“หึ ถึงกับตาค้างเลยเหรอ…” สุรีกานต์เชิดหน้า มั่นใจ “จะไปกันรึยังล่ะ ฉันพร้อมแล้ว”
นฤเบศไล่มองอึ้งๆตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คุณบ้ารึไง จะไปเดินตลาดชุดนี้เนี่ยนะ”
สุรีกานต์หน้าเสีย รีบเถียงกลับ
“แล้วทำไม ชุดนี้สวยจะตาย คนไร้รสนิยมแบบคุณไม่เข้าใจหรอก”
“ตลาดสดนะคุณ ไม่ใช่ห้าง”
สุรีกานต์รีบสวน
“จะที่ไหนฉันก็ต้องดูดีตลอด ฉันเป็นดาราดังนะ แฟนคลับฉันมีทั่วประเทศ”
“ก็เพราะคุณเป็นดาราดังนี่แหละ สุรีกานต์นางร้ายเบอร์หนึ่งเดินตลาดกับหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ตั้งแต่เช้าตรู่ อยากให้มีข่าวซุบซิบแบบนี้ก็ใส่ไปเลย แล้วผมจะบอกให้นะว่า เช้าขนาดนี้ไม่มีใครเขาคิดหรอกว่าเราแค่มาเดินตลาดกันเฉยๆหรอก เขาคงคิดต่อไปว่าเมื่อคืนว่าเราไปทำอะไรกันมา”
สุรีกานต์หน้าหงิก มองนฤเบศที่ทำหน้ากวนๆ ก่อนสะบัดหน้าใส่แล้วเดินกระแทกส้นขึ้นบันไดไป นฤเบศมองตามแล้วส่ายหัว
รถของนฤเบศแล่นมาจอดที่ลานจอดรถหน้าตลาดสด นฤเบศปลดเข็มขัดกำลังจะลงจากรถ แต่สุรีกานต์ยังนั่งนิ่ง
“ลงสิคุณ มัวชักช้าอยู่นั่นแหละ”
สุรีกานต์ก้มดูสภาพตัวเอง
“ฉันต้องเดินตลาดชุดนี้จริงๆเหรอเนี่ย…” เธอเอานิ้วหนีบเสื้อเชิ้ตลายสก็อตตัวโคร่ง “แล้วทำไมฉันต้องใส่เสื้อคุณด้วย...คุณซักแล้วใช่มั้ย ทำไมฉันได้กลิ่นแปลกๆ”
“อย่าเว่อร์ ผมซักสะอาดแล้ว ก็คุณอยากขนเสื้อผ้าที่มนุษย์มนาปกติเขาไม่ใส่กันมาทำไมล่ะ”
สุรีกานต์เซ็งๆ
“แต่ชุดนี้มันกะโปโลมากเลย นี่ถ้าฉันผูกเปียสองข้างด้วยนี่ฉันเป็นลูกสาวกำนันได้เลยนะ”
“แล้วเป็นลูกสาวกำนันมันไม่ดียังไง คุณอย่าเรื่องมากน่า ลงมาได้แล้ว”
นฤเบศไม่ใส่ใจ เปิดประตูลงไป สุรีกานต์นั่งนิ่งหน้าง้ำอย่างขัดใจ จนเขาเดินอ้อมมาเคาะกระจกเร่ง เธอถึงกระฟัดกระเฟียดเปิดประตูลงไป...ระหว่างที่เดิน สุรีกานต์ก็ก้มหน้าก้มตาหาของในกระเป๋า
“คุณหาอะไรน่ะ”
“แว่นตา อ๊ะ เจอแล้ว”
สุรีกานต์หยิบแว่นตามาใส่ท่าทางเริ่ดๆเชิดๆ
“หึ เอาออกเถอะ ยิ่งใส่ก็ยิ่งเด่น แล้วไอ้แว่นนกฮูกนี่ก็ไม่ได้เข้ากับชุดคุณเลยด้วย”
สุรีกานต์กระชากแว่นออกอย่างโมโห
“แล้วเกิดคนจำฉันได้ขึ้นมาล่ะ”
“ผมรับรอง สภาพนี้ไม่มีใครจำคุณได้แน่ แต่ถ้ามี เดี๋ยวผมช่วยคุณเอง ไปเถอะ”
นฤเบศพยักหน้าให้ตามมาแล้วเดินนำไป สุรีกานต์ฮึดฮัดขัดใจแล้วเดินตามไปเอื่อยๆ พยายามเอามือเอาผมพรางหน้าตา นฤเบศหันกลับมามอง ส่ายหัวระอาแล้วถอดหมวกแก๊ปของตัวเองใส่ให้แล้วเดินต่อไป สุรีกานต์อึ้งๆกับน้ำใจของเขาก่อนจะยิ้มออกมาแล้วรีบวิ่งตามไป
บรรยากาศตลาดสดยามเช้า มีแผงผักผลไม้ แผงเนื้อสัตว์หลากหลายชนิด พ่อค้าแม่ค้าขายตะโกนขายของ เด็กเข็นรถผักเดินไปมา ผู้คนจับจ่ายซื้อของกันมากมาย สุรีกานต์เดินดูสองข้างทางในตลาดอย่างตื่นเต้นสนุกสนาน ชี้นู่นถามนี่ไปตลอดทาง นฤเบศอมยิ้มขำๆปนเอ็นดูกับท่าทางเด็กๆของเธอ นฤเบศหยิบผักมาอย่าง สุรีกานต์ก็ส่ายหัว หยิบผักอีกอย่างมาแทน พอเขาไม่เอา เธอก็โวยยื่นใส่หน้าจะเอาให้ได้ ทั้งคู่ปัดๆยื้อๆกันจนแม่ค้ามองงงๆ
อ่านต่อหน้าที่ 4
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 6 (ต่อ)
สุรีกานต์เห็นปลาตัวเป็นๆในกะละมังก็นั่งมองอย่างตื่นเต้น แม่ค้าก็ตั้งอกตั้งใจขาย พอปลาดิ้นแรงๆจนน้ำกระเด็นใส่ สุรีกานต์ตกใจลุกพรวด นฤเบศหัวเราะอย่างสะใจ...สุรีกานต์ซื้อขนม เห็นเขาถือของเยอะ เลยจะให้แบ่งให้กินด้วย แต่เขาไม่มีมือหยิบ เธอป้อนกระแทกๆใส่ปาก แล้วยิ้มขำ เขามองแค้นๆ...นฤเบศหยุดซื้อผลไม้ สุรีกานต์ก็ยืนดูอย่างสนใจ แม่ค้าจ้องหน้าสุรีกานต์เขม็ง
“หนูนี่หน้าคุ้นๆนะ เหมือนดาราเลย”
“เอ่อ เหรอคะ”
สุรีกานต์ยิ้มแหะๆ ส่งสายตาไปทางสารวัตรนฤเบศ
“อืม หน้าเหมือน...เหมือนใครนะ ติดอยู่ที่ปากเนี่ย”
นฤเบศพูดขึ้น
“เหมือนโซ่ สุรีกานต์ใช่มั๊ยครับป้า”
สุรีกานต์ตาเหลือก เอาศอกกระทุ้งๆให้เขาหยุดพูด แม่ค้านึกได้
“ใช่ๆ เหมือนโซ่สุรีกานต์เลย เอ๊ะ...หรือว่านี่โซ่ สุรีกานต์ตัวจริง”
นฤเบศยิ้ม
“เหมือนขนาดนั้นเลยหรือครับ”
สุรีกานต์กัดฟันกระซิบ
“คุณ...เงียบไปเลย”
“ก็เหมือนนะ” แม่ค้าเหล่มองสุรีกานต์ “แต่หนูนี่ดูไม่ร้ายเท่า โอ๊ยยัยนั่นร้ายจนน่าเอาทุเรียนทุ่มใส่”
นฤเบศหันไปพูดกับสุรีกานต์
“แสดงว่าที่ไปทำมานี่ใช้ได้เลยนะ”
สุรีกานต์งง นฤเบศยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหันไปคุยกับแม่ค้า
“รายนี้เขาคลั่งโซ่ สุรีกานต์ครับป้า ลงทุนทุบกระปุกบินไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี บล็อคหน้าเดียวกับโซ่สุรีกานต์เป๊ะๆเลย ตอนเห็นครั้งแรกนี่ผมตกใจเลยนะครับ ไม่คิดว่าจะเหมือนขนาดนี้”
“ก็ว่าอยู่ โซ่ สุรีกานต์คงไม่แต่งตัวแบบนี้มาเดินตลาดหรอก ส่วนหนูก็ระวังๆหน่อยนะอะไรมาโดนหน้าเข้าเดี๋ยวหน้าจะเบี้ยวเอา”
สุรีกานต์ยิ้มให้แม่ค้าเจื่อนๆ หมั่นไส้ที่นฤเบศแอบหัวเราะเลยกระทืบไปบนรองเท้าแรงๆ
“โอ๊ย”
แม่ค้าสงสัย
“อ้าวเป็นอะไรไปล่ะ”
สุรีกานต์ยิ้มสะใจ นฤเบศมองแค้นๆก่อนจะหันไปยิ้มให้แม่ค้า
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีมดมันกัด ตัวก็เล็กนิดเดียวแต่กัดเจ็บ เท่าไหร่ครับเนี่ย”
“50 บาทจ้ะ แฟนเหรอน่ารักดีเนอะ”
นฤเบศกับสุรีกานต์ตอบพร้อมกัน
“เราไม่ได้เป็นแฟนกันค่ะ/ครับ”
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ดูแว่บนึงป้าก็รู้แล้ว”
สุรีกานต์เขินรีบเดินไป นฤเบศรับถุงผลไม้ยื่นเงินให้แม่ค้า แล้วรีบตามไป
กวิน มงคลและผู้บริหารอีก 4-5 คนกำลังประชุมกันอยู่ในห้องประชุม
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เดอะเคซิตี้ของเราสามารถรักษามาตรฐานสนามกอล์ฟอันดับหนึ่งของประเทศมาได้ตลอด ลูกค้าพอใจในบริการระดับมาตรฐานสากลของเรามากโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ผมจึงเล็งเห็นว่าเดอะเคซิตี้น่าจะมีการเปิดสาขาเพิ่มเพื่อรองรับลูกค้าชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 20%” กวินกล่าว
“เรื่องนี้ผมเห็นด้วยนะครับ ผมได้คุยกับมิสเตอร์ริชาร์ดจาก R.G. International Group เขาสนใจเข้ามาเป็นหุ้นส่วนกับเรามาก เขาแนะนำว่าเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่น่าสนใจ เพราะอากาศดี และชาวต่างชาตินิยมมาท่องเที่ยว ผมเลยคิดว่าหากเราจะเปิดสาขาเพิ่ม เชียงใหม่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย” มงคลเสนอ
กวินยิ้มรับ
“ที่คุณมงคลเสนอมาก็น่าสนใจดีนะครับ ยังไงผมขอพิจารณาอีกที ท่านอื่นมีใครเพิ่มเติมมั้ยครับ… ถ้าไม่มีผมขอจบการประชุมวันนี้ครับ”
ผู้บริหาร 4-5 คน ทยอยเดินออกจากห้อง มงคลเก็บแฟ้มแล้วเดินเข้าไปหากวิน
“กวิน เรื่องการเซ็นสัญญากับ R.G. International Group ที่จะจัดขึ้นในงานสัมมนาผู้ประกอบการสนามกอล์ฟที่กระบี่น่ะ กวินจะไปหรือเปล่า หรือจะให้อาเป็นตัวแทนไปคนเดียว”
“วันนั้นผมมีคิวถ่ายละครพอดี คงต้องเป็นคุณอาไปแล้วล่ะครับ อีกอย่างคุณอารับผิดชอบโปรเจ็คนี้มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร ยังไงผมก็ฝากด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง อาจะทำให้ดีที่สุดเพื่อบริษัทของเรา”
มงคลตบบ่ากวินแล้วเดินออกไป นัฐชาเดินเข้ามาหา
“คุณกวินคะ นัฐชาจะมาเตือนว่าบ่ายนี้คุณกวินมีสัมภาษณ์นิตยสาร GUYS นะคะ”
กวินนึกได้
“จริงด้วยครับ ผมเกือบลืม”
นัฐชายิ้มให้แล้วเก็บของเดินออกไป กวินคิดถึงงานที่รออยู่ก็สูดหายใจลึกๆแล้วยิ้มสู้
สุรีกานต์ทิ้งตัวลงที่โซฟาอย่างเหนื่อยๆ
“โอย ทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยทั้งร้อนทั้งหิว ทำไมฉันต้องมาทรมาณตัวเองตั้งแต่เช้าแบบนี้ด้วย”
นฤเบศ ถือกาแฟมา 2 แก้วกับถุงปาท่องโก๋มาวางบนโต๊ะ
“เดินตลาดแค่นี้ เหนื่อยอะไรหนักหนา เอ๊า กาแฟ ผมชงมาเผื่อ แล้วก็ปาท่องโก๋จากตลาดด้วย กินซะ จะได้หยุดบ่น”
สุรีกานต์อึ้งๆ เหล่มองกาแฟกับปาท่องโก๋
“คุณไม่ได้ใส่อะไรลงไปใช่มั้ย”
“แสดงละครมากไปหรือเปล่าคุณ ผมก็แค่อยากจะ...ขอโทษ”
“เรื่องอะไร”
“ก็ที่ผมไปล้อคุณแรงไปเรื่องทำศัลยกรรม แล้วก็เรื่องที่ป้าเขาคิดว่าเราเป็นแฟนกัน”
สุรีกานต์อึ้ง เขิน
“อะ เอ่อ...ฉันไม่ได้เป็นแฟนนายแล้วก็ไม่มีวันด้วย”
“ช่างมันเถอะน่าแฟนก็แฟน คุณจะซีเรียสไปทำไม ตอนเดินตลาดคุณไม่ได้เป็นโซ่ สุรีกานต์สักหน่อย แต่เป็นลูกสาวกำนันที่บินไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีต่างหาก”
นฤเบศหัวเราะลั่นสะใจ สุรีกานต์หยิบหมอนอิงปาใส่รัวๆอย่างหมั่นไส้ปนโมโห
“เฮ้ยคุณ เดี๋ยวกาแฟหก”
เสียงโทรศัพท์มือถือสุรีกานต์ดังขึ้นพอดี
“คุณ...คุณ...โทรศัพท์ดัง เฮ้ย...รับก่อนสิ”
“ฮึ้ย ฝากไว้ก่อนเถอะ”
สุรีกานต์เดินไปควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า นฤเบศเป่าลมหายใจแล้วเบ้หน้าใส่อย่างหมั่นไส้ลับหลัง ก่อนจะเดินออกไปทางห้องครัว
สุรีกานต์ถือโทรศัพท์เดินหงุดหงิดมาหยุดหน้าประตูกดรับสาย อารมณ์เสีย
“ญาติใครตายนังวุ้น”
วุ้นกรอบ นั่งอยู่กับพายไก่ที่คอนโด
“เจ๊รับโทรศัพท์ได้ฮาร์ดคอร์มาก ญาติทุกคนยังสบายดี ไม่มีใครตายเจ๊”
“แล้วแกจะโทรจิกอะไรนักหนาห๊ะ ฉันเกือบจะจัดการไอ้สาระ…”
สุรีกานต์ชะงัก วุ้นกรอบงงๆ
“สา...สาอะไรอ่ะเจ๊”
“สา…สาระแน นักข่าวที่มันกล้ามากวนโมโหฉันน่ะสิ”
“แล้วเจ๊อยู่คอนโดป่าวเนี่ย”
“ฉันไม่ได้อยู่คอนโดย่ะ อุ๊บส์”
สุรีกานต์หลับตาปี๋ โมโหตัวเองที่หลุดปาก
“อ้าว ไม่ได้อยู่คอนโดแล้วเจ๊อยู่ไหน ปกติเช้าวันหยุดแบบนี้เจ๊เกาะเตียงแน่นเลยนี่ แล้ววันนี้ทำไม… “
ขณะเดียวกันนั้นเสียง นฤเบศเรียกดังมา
“นี่คุณดารา”
สุรีกานต์หันไปมอง เอามือจุ๊ปากหน้าตื่น
“ชู่ว”
นฤเบศเดินเข้ามาพอดีมองอย่างงงๆ
“เสียง…ผู้ชาย เจ๊ เสียงใครอ่ะ แล้วเจ๊อยู่ที่ไหน ทำไมมีเสียงผู้ชายด้วย”
วุ้นกรอบโวยวายลั่น พายไก่รีบแนบหูกับโทรศัพท์วุ้นกรอบ สุรีกานต์พูดรัว
“เอ้อ เสียง…เสียงทีวีไง เนี่ยๆ ฉันเปิดซีรี่ย์เกาหลีอยู่ กำลังมันส์เลย แกไม่มีอะไรใช่มั้ย งั้นแค่นี้นะ”
สุรีกานต์ไม่สนใจเสียงโวยวายในสาย กดวางโทรศัพท์ทันที แล้วหันหน้ามาจ้องนฤเบศ
“คุณหาเรื่องให้ฉันจนได้”
“ผมทำอะไร ผมแค่จะมาบอกว่าเดี๋ยวเราต้องออกไปประชุมที่เซฟเฮ้าส์กัน”
“ก็เดี๋ยวค่อยบอกทีหลังไม่ได้หรือไง ฉันคุยโทรศัพท์อยู่ คุณก็เห็น โอ๊ย...ยัยวุ้นกรอบจอมจุ้นจ้านยิ่งชอบเกาะติดชีวิตฉันอยู่ด้วย”
สุรีกานต์นั่งฟึดฟัด นฤเบศยักไหล่แล้วเลี่ยงจะเดินขึ้นบันได
“เดี๋ยว...คุณจะไปไหน”
“อะไรของคุณอีก ผมจะไปอาบน้ำ”
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย” สุรีกานต์รีบเดินมาใกล้ๆ เชิดหน้าบอก “ฉันอาบก่อน”
“แต่…”
สุรีกานต์ขัดขึ้น
“เลดี้เฟิร์สน่ะ รู้จักมั้ย”
สุรีกานต์ยักคิ้วกวนๆ แล้วเดินกระแทกไหล่เข้าบ้านไป ทิ้งนฤเบศยืนส่ายหัวเซ็งๆ
วุ้นกรอบกับพายไก่ คุยกันอยู่ที่คอนโด
“ไหนแกบอกจะชวนเจ๊โซ่กินข้าวเย็นไม่ใช่เหรอ ฉันไม่เห็นแกพูดอะไรเลย” พายไก่บ่น
“เรื่องนั้นช่างมันก่อน มาฟัง Breaking news ก่อนนังพาย แกรู้มั๊ยเช้าขนาดนี้แต่เจ๊ไม่ได้นอนอยู่คอนโดล่ะ แถมฉันยังได้ยินเสียงผู้ชายเล็ดลอดเข้ามาในสายด้วย”
“แล้วมันแปลกตรงไหน เจ๊โซ่อาจจะมีธุระตอนเช้าก็ได้”
“แต่ฉันว่า ฉันได้กลิ่นแปลกๆ”
พายไก่ทำจมูกฟุดฟิด ยืดคอดม
“กลิ่นอะไรของแก”
วุ้นกรอบหน้าตาเจ้าเล่ห์
“กลิ่นความลับน่ะสิ หึหึ”
พายไก่งงๆ
นฤเบศ ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าห้องน้ำ จ้องไปที่ประตูแล้วก็เหลือบไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง ยืนกระดิกเท้าอยู่แป๊บก็ทนไม่ไหวตะโกนขึ้น
“คุณดารา นี่มันจะชั่วโมงแล้วนะ”
สุรีกานต์ในห้องน้ำ ยืนอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี
“แล้วไง คุณมาจับเวลาอาบน้ำฉันทำไมล่ะ”
“คุณก็รู้นี่ว่าผมรอใช้ห้องน้ำต่อจากคุณอยู่ เอาเป็นว่า ผมให้เวลาคุณอีก 5 นาที”
“5 นาที โอ๊ย ไม่ทันหรอก เวลาแค่นี้ยังฟอกสบู่ไม่ทั่วทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ”
“คุณนี่มันไม่มีความเกรงใจเจ้าของบ้านเอาซะเลยนะ”
“เอาน่า คุณก็อย่าขี้บ่นนักเลย”
“ฮึ่ย ยัยดาราตัวแสบ”
นฤเบศเหลือบไปเห็นสวิตซ์ไฟก็ยิ้มร้าย แล้วเอื้อมมือไปกดปิดทันที สุรีกานต์กรี๊ดลั่น
“บ้านผมเก่าแล้วนะคุณ” นฤเบศทำเสียงน่ากลัว “ระวัง…”
สุรีกานต์ตะโกนลั่น
“ไอ้บ้า ไอ้ตำรวจลอบกัด รังแกประชาชน”
นฤเบศหัวเราะเยาะลั่นแล้วเดินลงบันไดไป
ในเซฟเฮ้าส์ทีมเดอะซัน...จ่ายมกับประเสริฐนั่งเล่นหมากรุก ปรีตินั่งเล่นเกมส์เพลย์อยู่ที่โซฟาหน้าทีวี อัศวินนั่งอ่านนิตยสารกอซซิปดาราอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น
“สารวัตรเราดังใหญ่เลยนะเนี่ย ได้ลงรูปคู่คุณโซ่ทุกเล่ม ขนาดแก้ข่าวไปแล้วนักข่าวก็ยังลงกันไม่เลิก”
“แหม ก็นานๆคุณโซ่จะมีข่าวควงผู้ชายสักทีนี่ครับ ว่าแต่เดี๋ยวนี้ผู้กองอัศวินเปลี่ยนรสนิยมจากหนังสือวับๆแวมๆมาเป็นกอซซิปดาราแล้วหรือเนี่ย” จ่ายมแซว
“ไม่ได้สิจ่า ทำงานกับดาราทั้งทีต้องหมั่นอัพเดทข่าวซะหน่อย เดี๋ยวไม่มีเรื่องคุยกันเวลาร่วมงานกันจะลำบาก”
ประเสริฐพูดขึ้น
“นะ เว อะนัดถะกุสะเลนะ อัดถะจะริยา”
จ่ายมหันมาหาประเสริฐ
“คราวนี้แปลว่าอะไรล่ะ พ่อมหาประเสริฐ”
“คนฉลาดไม่ถูกเรื่อง แม้พยายามทำประโยชน์ ก็ไม่สัมฤทธิ์ผลให้เกิดสุข”
“แปลง่ายๆว่าที่ผู้กองพยายามทำอยู่มันไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆครับ คุณสุรีกานต์เขาไม่
ชายตาแลผู้กองหรอก” ปรีติอธิบาย
จ่ายมหัวเราะลั่น อัศวินปาหนังสือใส่จ่ายมอย่างเคืองๆ จ่ายมรับได้หวุดหวิดแล้วเอาหนังสือมาดูบ้าง
“สารวัตรเปลี่ยนลุคซะจนเมียผมจำไม่ได้ มันชมใหญ่ว่า ผู้จัดการคุณโซ่หล่อม๊าก หล่ออย่างกะดารา”
ทันใดนั้นเสียงนฤเบศดังขึ้น
“เอาลายเซ็นมั้ยล่ะเดี๋ยวผมเซ็นให้”
“ดีเลยครับ จะเอาไปให้เมีย” จ่ายมสะดุ้ง ”เฮ้ย...”
ทีมเดอะซันทั้งหมดรีบลุกขึ้นทำความเคารพกันใหญ่ นฤเบศหน้าหงิก สุรีกานต์ยืนยิ้มๆอยู่ข้างๆ
“เดี๋ยวผมเซ็นให้จ่าแน่ แต่เซ็นในใบคำสั่งย้ายนะ”
จ่ายมจ๋อยๆ
“โธ่ สารวัตรคร๊าบ ไว้ชีวิตผมเถอะ”
“ไม่มีอะไรทำกันหรือไง”
ปรีติพูดขึ้น
“พวกผมรอสารวัตรมาประชุมอยู่ครับ”
สุรีกานต์แอบขำที่นฤเบศโดนย้อน เขาหันไปมองเธอดุๆ
“ผมคงมาประชุมได้ตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ต้องนั่งรอคุณสายลับอาบน้ำอย่างกะควักไส้ออกมาล้างด้วย”
สุรีกานต์ถลึงตาใส่อย่างโมโห กำลังจะอ้าปากด่า แต่หันไปเห็นคนอื่นๆตาโตอ้าปากค้างไปแล้ว จ่ายมตะกุกตะกัก
“ระ...รอ...อาบน้ำ สารวัตรกับคุณโซ่ อยู่ด้วยกัน แถมยังมาด้วยกันอีก หรือว่า…”
จ่ายมชี้นิ้วสลับไปมา ท่าทางอึ้งๆ นฤเบศถอนหายใจเซ็งๆ
“หยุด...เรื่องมันยาว ไว้ค่อยเล่าทีหลัง ตอนนี้ไปประชุมได้แล้ว”
นฤเบศเดินนำไปห้องประชุม สุรีกานต์ส่งยิ้มแหยๆให้ทุกคนแล้วรีบเดินตามไป เดอะซันที่เหลือมองตามทั้งคู่แล้วมองหน้ากันอึ้งๆ
นฤเบศนั่งอยู่หัวโต๊ะประชุม สุรีกานต์และทีมเดอะซันนั่งเรียงกันไป
“จากสัญญาณเครื่องดักฟังที่เราติดไว้ที่คอนโดของพลูโต ทำให้รู้ว่า พลูโตมีกำหนดการจะไปสนามกอล์ฟเดอะ เค ซิตี้ ในวันพรุ่งนี้ เรามีข้อมูลแค่ว่ามันนัดใครสักคนเพื่อเอาสินค้าใหม่ไปให้ตรวจสอบ”
อัศวินหันมาถาม
“สินค้าใหม่...จะใช่ยานรก CN1 หรือเปล่าครับ”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางทีมันอาจจะเป็นแค่สินค้าในเครือธุรกิจอุปกรณ์กอล์ฟของมันก็ได้”
“แต่ผมว่ามันต้องเป็นไอ้ยานรกนั่นแน่นอนเลยครับ ถ้าเป็นของถูกกฎหมายมันคงไม่นัดตรวจสอบกันแปลกๆแบบนี้” จ่ายมแย้ง
ประเสริฐครุ่นคิด
“ผมสงสัยว่าคนที่มันนัดด้วยคงจะเป็นหุ้นส่วนค้ายาของมัน บางทีอาจจะเป็นผู้ค้ารายใหญ่ก็ได้นะครับมันถึงต้องเอาสินค้าไปให้ตรวจสอบก่อน”
สุรีกานต์สงสัย
“มันกล้ามากเลยนะเนี่ย นัดส่งยากันที่สนามกอล์ฟ คนพลุกพล่านจะตาย”
นฤเบศหันไปจ้องหน้า
“ห่วงสนามกอล์ฟแทนเจ้าของหรือไง อ้อ...ไม่สิ คงห่วงเจ้าของสนามกอล์ฟมากกว่า”
สุรีกานต์ตาวาว โมโห
“เอ๊ะ...นี่คุณ…”
สุรีกานต์คว้าก้อนหินทับกระดาษจะปา ปรีติรีบเข้ามาดึงออกไป นฤเบศไม่สนใจ ขัดขึ้น
“พรุ่งนี้เราจะตามประกบพลูโตตลอดเวลา ห้ามคลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว เราต้องรู้ให้ได้ว่ามันไปพบใครแล้วนัดส่งสินค้าอะไรกัน”
“แล้วภารกิจครั้งนี้ พวกเราต้องทำอะไรบ้างครับสารวัตร” ปรีติถาม
นฤเบศกวาดตามองทุกคนในที่ประชุมสีหน้าจริงจัง
กวินยืนถ่ายแบบในสนามกอล์ฟเดอะเคซิตี้ จากนั้นได้พาทีมงานเดินมาถึงบริเวณคลับเฮ้าส์ ทีมงานหญิงเอ่ยชม
“สนามกอล์ฟคุณกวินสวยมากเลยค่ะ ตอนเห็นในรูปก็ว่าสวยแล้วนะคะ แต่ของจริงสวยกว่ามากๆเลย คุณกวินตัวจริงก็หล่อกว่าในรูปมากๆเลยด้วยค่ะ”
“นี่ๆ ให้มันน้อยๆหน่อยเจ๊ เดี๋ยวคุณกวินก็ตกใจนึกว่าเจ๊จะจีบ เลยไม่ให้สัมภาษณ์กันพอดี” ตากล้องชายแซว
กวินยิ้มขำๆ
“ให้สัมภาษณ์อยู่แล้วครับ แถมเค้กอร่อยๆพร้อมเสริฟด้วย”
กวินหยุดสายตาที่ร้านเบเกอร์รี่ของแพรไหม
แพรไหมจัดเรียงขนมอยู่หลังตู้เค้ก กวินและทีมงานนิยสารก็เปิดประตูเดินเข้ามา แพรไหมออกไปต้อนรับ
“เฟลิซิเต้ ยินดีต้อนรับค่ะ…อ้าวคุณกวิน”
กวินยิ้มแย้มทักทาย
“สวัสดีครับคุณไหม”
“รับอะไรดีคะ วันนี้มีเมนูช็อคโกแลตเยอะเลย เอ๊ะ แล้ว…” แพรไหมมองทีมงานด้านหลัง
“พอดีผมมีสัมภาษณ์นิตยสารนิดหน่อยน่ะครับ เลยอยากจะขอยืมมุมสงบๆสักมุมในร้านคุณไหมเป็นสถานที่สัมภาษณ์ คุณไหมสะดวกหรือเปล่าครับ”
“สะดวกอยู่แล้วค่ะ คุณกวินอยากได้มุมไหนก็เลือกตามสบายค่ะ”
แพรไหมยิ้มให้อย่างจริงใจ กวินยิ้มให้แทนคำขอบคุณ
กวินกับทีมงานนิตยสารนั่งที่โต๊ะติดกระจกมุมหนึ่ง ตากล้องและผู้ช่วยเริ่มเซ็ตไฟ
“ร้านน่ารักจังเลยนะคะคุณกวิน” ทีมงานหญิงชม
“ครับ เค้กก็อร่อยนะครับ นี่ร้านโปรดผมเลย”
“เจ้าของร้านก็น่ารักนะคะ” ทีมงานหญิงส่งสายตาแซวๆ
กวินหัวเราะบางๆ
“เพื่อนกันน่ะครับ ผมมากินบ่อยจนสนิทกับคุณไหมแล้ว บางทีเวลาเครียดจากงาน ผมก็ชอบมานั่งดูวิว ดูหญ้าสีเขียวผ่านกระจกร้าน เห็นแล้วสบายใจดี”
ทีมงานหญิงจ้องเพ้อๆ
“หล่อมาก อุ้ย...ขอโทษนะคะ เพ้อไปนิด พอดีบรรยากาศมันเป็นใจ” เธอหันไปมองตากล้อง “พร้อมแล้วก็เริ่มสัมภาษณ์กันดีกว่าค่ะ”
กวินให้สัมภาษณ์ด้วยท่าทางสบายๆ ยิ้มแย้ม มีเสน่ห์ ทีมงานป้อนคำถามเรื่อยๆ ตากล้องก็กดชัตเตอร์เก็บภาพเรื่อยๆ องุ่นเอาเครื่องดื่มและเค้กไปเสิร์ฟ กวินยิ้มขอบคุณ องุ่นยิ้มดีใจเพ้อๆ รีบวิ่งมาที่เคาน์เตอร์แล้วเขินบิดไปบิดมา แพรไหมที่ยืนชงกาแฟอยู่มองขำๆ พอเหลือบมองไปทางกวินเห็นท่าทางตั้งใจสัมภาษณ์ก็ยิ้มออกมา
“ถามเรื่องชีวิตส่วนตัวกับเรื่องงานไปหมดแล้ว เรื่องนี้สำคัญสุดๆไม่ถามไม่ได้ค่ะ เรื่องหัวใจ คุณกวินมีแฟนหรือยังคะ”
กวินเขิน
“ยังไม่มีหรอกครับ ผมทำงานแทบจะตลอดเวลาเลย ทั้งบริหารที่นี่แล้วก็งานละครด้วย”
“แฟนไม่มี แต่มีคนที่แค่ชอบๆล่ะคะ”
กวินยิ้มๆ ไม่ตอบคำถาม ทีมงานหญิงเห็นแล้วก็พอเดาคำตอบได้ ทีมงานหญิงยิ้มแซวๆ
“งั้นพอจะบอกสเป็คผู้หญิงที่ชอบได้มั้ยคะ”
“ผมไม่มีสเป็คตายตัวหรอกครับ แต่ชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง เป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง”
“แล้วต้องทำอาหาร หรือทำขนมเก่งหรือเปล่าคะเนี่ย เห็นคุณกวินบอกว่าเป็นคนทานเก่ง ชอบหาร้านอร่อยๆ ทาน โดยเฉพาะขนมหวาน”
กวินหัวเราะ
“ถ้าเจอคนแบบนั้นก็ดีเลยครับ ผมจะได้ไม่ต้องไปซื้อทานให้เปลืองเงิน”
กวินกับทีมงานหัวเราะกันครื้นเครง แพรไหมยืนเก็บโต๊ะอยู่ ได้ฟังที่กวินให้สัมภาษณ์ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
นฤเบศกกำชับทีมงาน...
“ภารกิจของวันพรุ่งนี้ก็ตามที่ผมบอกไปทั้งหมด…หมวดปรีติ ยังไงคอยเช็คสัญญาณจากเครื่องดักฟังตลอดนะ มีอะไรเพิ่มเติมแจ้งผมทันที ส่วนจ่ายม เช็คสายของเราทางพ่อเลี้ยงกำธรด้วย เผื่อมีข้อมูลเกี่ยวข้องกับภารกิจวันพรุ่งนี้”
ปรีติกับจ่ายมรับคำ
“ครับสารวัตร”
“ยังไงภารกิจวันพรุ่งนี้ก็ระวังตัวกันด้วย ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามแผนของทีมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะคุณ สายลับเนปจูน อย่านอกแผนเพราะมัวแต่พะวงกับเจ้าของสนามกอล์ฟล่ะ เลิกประชุม”
สุรีกานต์กำลังจะอ้าปากเถียง แต่นฤเบศไม่สนใจเดินออกจากห้องไป เธอรีบเดินตามไปทันที ทีมเดอะซันที่เหลือมองหน้ากันงงๆ
จบตอนที่ 6