นางร้ายสายลับ ตอนที่ 1
คืนนั้นที่บริเวณหน้าโกดังแห่งหนึ่ง ลูกน้องของ โซ่ หรือ สุรีกานต์ ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าสองคน ขณะเดียวกันนั้นมี รถยนต์สีดำหรูคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าโกดัง สมุนสองคน ลงจากรถวิ่งไปเปิดประตูอย่างนอบน้อม ชายในชุดสูทคนหนึ่งก้าวลงจากรถ แล้วเดินไปหยุดหน้าโกดัง สมุนเดินตาม
ประตูโกดังเปิดออก ชายในชุดสูทก้าวเข้ามาพร้อมสมุน สุรีกานต์ในชุดสูทสีดำสุดเท่ ทาปากสีแดงแปร๊ด นั่งไขว่ห้างวางมาดเจ้าแม่มาเฟียอยู่หัวโต๊ะ กลางโกดัง ด้านหลังมีลูกน้องในชุดสูทสีดำยืนขนาบซ้ายขวาคนหนึ่งถือกระเป๋าเอกสารอยู่ในมือ ชายชุดสูทและสมุนเดินมาหยุดที่ปลายโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง สุรีกานต์ลุกขึ้นยืนต้อนรับ ทั้งสองฝ่ายยืนประจันหน้ากัน
ขณะเดียวกันรถทีมงาน เดอะซัน สองคัน แล่นมาจอดซ้ายขวาตรงมุมหนึ่งในลานกว้างของโกดังสินค้า จ่ายม อัศวิน ปรีติ และประเสริฐในชุดปราบปรามลงจากรถพร้อมอาวุธปืนในมือ รถของสารวัตรนฤเบศแล่นเข้ามาจอดตรงกลาง
นฤเบศในชุดนอกเครื่องแบบมาดหล่อเท่ห์ปนเซอร์ ก้าวลงจากรถ พร้อมอาวุธปืนในมือเขาส่งสัญญาณมือให้ทีมเดอะซันกระจายกำลังไปยังจุดต่างๆ ทุกคนต่างพากันแยกย้ายตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
ในโกดังสินค้า...ชายชุดสูทส่งสัญญาณให้สมุนเอากระเป๋าเอกสารที่ถือมาไปเปิดให้สุรีกานต์ดู ข้างในมียาเสพติดอยู่เต็มกระเป๋า สุรีกานต์มองของในกระเป๋าอย่างพึงพอใจ ลูกน้องสุรีกานต์รับกระเป๋าจากสมุนชายชุดสูทไป สุรีกานต์พยักหน้าให้ลูกน้องอีกคนเอากระเป๋าเอกสารที่บรรจุเงินไว้เต็มกระเป๋าไปเปิดให้ชายชุดสูทดู
มุมหนึ่งในลานกว้างของโกดังสินค้าอีกโกดังหนึ่ง ทีมเดอะซันนำตำรวจกำลังเสริมกระจายกำลังล้อมทางเข้าออกโกดังเอาไว้โดยรอบ นฤเบศกับจ่ายมลัดเลาะไปตามตู้เก็บสินค้าจนเข้าใกล้หน้าโกดังนั้น
ในโกดังใหญ่...ชายชุดสูทมองเงินในกระเป๋าอย่างพึงพอใจ พยักหน้าให้สมุนของตนไปรับกระเป๋าเงิน แต่ทันใดนั้น สุรีกานต์ก็ส่งเสียงขึ้นมา
“เดี๋ยว ฉันมีโชว์พิเศษให้คุณดู บางที คุณอาจจะเปลี่ยนใจไม่รับเงินฉันไว้ก็ได้”
ลูกน้องของสุรีกานต์ปิดประเป๋าเงินในมือลงทันที แล้วถอยห่างออกมา ชายชุดสูทชักสีหน้าไม่พอใจ แต่แล้วก็หน้าซีดเผือด เมื่อเห็นลูกน้องอีกคนของสุรีกานต์ลากตัวลูกสาวของตนในสภาพมัดปากมัดมือไพล่หลังไว้ออกมา ชายชุดสูทพร้อมสมุนชักปืนขึ้นมาทันที ลูกน้องของสุรีกานต์ใช้ปืนจ่อเด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายที่ยืนตัวสั่นเทาหน้าตื่นตระหนก
“คุณคงไม่อยากเห็นลูกสาวตัวเอง ตายต่อหน้าต่อตาหรอกใช่มั้ย”
สุรีกานต์หัวเราะเยือกเย็น ชายชุดสูทเจ็บแค้น
“นังงูพิษ นี่แกกล้าหักหลังฉันเหรอ”
สุรีกานต์ยิ้มเย็น แววตาร้ายสุดๆ
หน้าโกดังสินค้าอีกแห่ง นฤเบศและจ่ายมลอบเข้ามาด้านหลังคนร้ายที่เฝ้าอยู่หน้าโกดังแล้วตีท้ายทอยจนสลบ ก่อนออกคำสั่งผ่านหูฟังสายลับให้ทีมเดอะซัน นำตำรวจกำลังเสริมบุกเข้าไปในโกดัง นฤเบศหันไปพยักหน้ากับจ่ายม เปิดประตูโกดังเล็งปืนไปด้านใน
บรรยากาศในโกดังใหญ่กำลังตึงเครียด ต่างฝ่ายต่างเล็งปืนใส่กัน ทันใดนั้นทีมตำรวจก็บุกเข้ามาจากประตูทั้ง 4 ด้าน พร้อมอาวุธปืนครบมือ สุรีกานต์กับชายชุดสูทพร้อมบรรดาลูกน้องต่างตกใจแยกย้ายกันหนีการไล่ล่า สองฝ่ายยิงปะทะกันอย่างดุเดือด สุรีกานต์หลบวิถีกระสุนและดึงปืนพกออกมายิงสู้กับตำรวจที่วิ่งตามหลังมาติดๆ
สุรีกานต์หนีออกมานอกโกดังสินค้าใหญ่ วิ่งตรงไปที่รถ กำลังจะเปิดประตูเพื่อขับหลบหนีทันใดนั้นก็มีปืนมาจ่อหลังจากทางด้านหลังเสียก่อน ได้ยินเสียงเตรียมเหนี่ยวไกปืน สุรีกานต์หน้าซีด หยุดชะงักกับที่ ทีมตำรวจอาวุธครบมือยืนรายรอบเล็งปืนมาที่เธอเพียงจุดเดียว สุรีกานต์ชูสองมือขึ้นช้าๆ ทันใดนั้นเสียง ผู้กำกับตะโกนดังขึ้น
“คัท”
สุรีกานต์หันไปมอง คนที่จ่อยิงด้านหลังเป็นชายนักแสดงชายที่เล่นเป็นตำรวจ จากหน้าเครียดๆเป็นยิ้ม ลดมือลง หันไปยกมือทำท่ายิงปืนใส่นักแสดงชายคนนั้นแล้วเป่าปลายนิ้วแบบเท่ห์ๆ ก่อนหัวเราะขำๆ ออกมา
นฤเบศอยู่อีกโกดังเห็นหลังไวๆ ของคนร้ายที่หลบออกไปจากโกดังสินค้าจึงรีบวิ่งตามไป แล้วเล็งปืนไปที่ชายคนร้ายพร้อมยิ้มอย่างผู้ชนะ ทีมเดอะซันยืนจ่อปืนล้อมชายคนร้ายไว้
“มอบตัวซะ แกหนีไม่รอดแล้วล่ะ”
ชายคนร้ายท่าทางหวาดกลัว ค่อยๆ ยกมือขึ้นยอมแพ้ นฤเบศส่งสัญญาณให้จ่ายมไปเอากระเป๋าที่ชายคนร้ายมาเปิดดู พบยาเสพติดบรรจุเต็มกระเป๋า ชายคนร้ายหน้าซีด
“จัดการด้วยจ่า”
จ่ายมใส่กุญแจมือชายคนร้าย แล้วคุมตัวไปขึ้นรถ โทรศัพท์นฤเบศดังขึ้น
“ครับท่านรอง เรียบร้อยดีครับ”
นฤเบศวางสายยิ้มอย่างพอใจในผลงาน
ด้านสุรีกานต์ถือกระเป๋ากำลังจะออกจากกองถ่าย ทีมงานหญิงทักทาย
“พี่โซ่จะกลับเลยเหรอคะ”
“อือ ซีนอื่นไม่มีพี่แล้วนี่ อยากอาบน้ำจะแย่อยู่แล้ว…อ้อ ฝากบอกพี่หน่อยด้วยนะว่าเดี๋ยวพี่เอาชุดมาคืนให้ทีหลัง พี่ไปล่ะ”
ทีมงานหญิงพยักหน้ารับคำ สุรีกานต์ยิ้มให้แล้วเดินเร็วๆออกไป
สุรีกานต์ขับรถมาอย่างอารมณ์ดี เปิดเพลงเสียงดัง ฮัมตาม โยกตัวอย่างเมามัน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอควานมือหาโทรศัพท์ในกระเป๋าตรงเบาะนั่งข้างตัวอย่างทุลักทุเลเห็นชื่อ
“วุ้นกรอบ” ขึ้นบนหน้าจอ
“รู้เวลาดีจริงนะ เป็นช่างแต่งหน้าหรือผู้จัดการส่วนตัวกันแน่เนี่ย”
สุรีกานต์กำลังจะกดรับ แต่เสียงบีบแตรดังขึ้น พอเงยหน้ามองก็ตาโตตกใจ ร้องกรี๊ด จนโทรศัพท์ร่วงหลุดจากมือ รีบหักหลบรถที่พุ่งออกมาจากซอยได้อย่างฉิวเฉียด เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วมองไปที่กระจกหลัง
“ฮึ้ย ขับรถประสาอะไรเนี่ย ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย”
สุรีกานต์ขับต่อมาเรื่อยๆ กำลังจะเลี้ยวขึ้นทางเอก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีก จึงรีบมองหา เห็นโทรศัพท์ตกอยู่บนเบาะนั่งข้างๆ ประตู จึงพยายามเอื้อมมือออกไปสุดแขนจนหยิบได้ จังหวะนั้นเสียงบีบแตรจากรถหนึ่งก็ดังลั่นขึ้น เธอเงยหน้ามองข้างหน้าเห็นรถคันนั้นกำลังพุ่งตรงมาอย่างน่ากลัวสุรีกานต์ตาโตตกใจร้องกรี๊ดดังลั่นเท้าเหยียบเบรกมิด รถของสุรีกานต์กับรถนฤเบศจอดห่างกันแค่คืบ สุรีกานต์ฟุบหน้านิ่งอยู่กับพวงมาลัย มือข้างหนึ่งยังกำโทรศัพท์ไว้แน่น นฤเบศลงจากรถอย่างหัวเสียตรงไปเคาะกระจกเรียก
“นี่คุณ...คุณ”
สุรีกานต์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา
“อ๊าย แกเป็นใครเนี่ย ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ”
นฤเบศยังไม่หยุดเคาะกระจกจนสุรีกานต์เริ่มโมโห
“เคาะอยู่นั่นแหละ รถฉันไม่ใช่ถูกๆนะ”
สุรีกานต์ลดกระจกลงเล็กน้อยมองหน้านฤเบศอย่างเอาเรื่อง เธอพูดเสียงห้วน
“มีอะไร”
“คุณขับรถยังไงของคุณ ลงมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลย”
“คุยตรงนี้ก็ได้ นายมีอะไรก็ว่ามา”
นฤเบศโมโห พูดเสียงกวนๆ
“นี่คุณทำผิดแล้วคิดจะชิ่งเหรอไง”
สุรีกานต์โกรธ เปิดประตูลงจากรถ
“นี่...คนอย่างฉันไม่คิดจะหนีหรอก นายมีปัญหาอะไร” เธอมองเขาหัวจรดเท้า “โจรชัดๆ…นายอยากได้เงินใช่มั้ยล่ะ”
นฤเบศโมโห
“หยุดกล่าวหาผมเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นผมฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาทแน่ ทางที่ดีคุณขอโทษผมมาดีกว่า เรื่องมันจะได้จบๆ”
“หา อะไรนะ ให้ฉันขอโทษนายเนี่ยนะ”
“ใช่ ก็คุณขับรถมาเกือบชนรถผม คุณผิด คุณก็ต้องขอโทษสิ”
“อย่ามาโทษฉันนะ ไหนล่ะพยาน อย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ทันแผนการชั่วร้ายของนาย นะ อยากได้เงินชดใช้ค่าเสียหายที่มันยังไม่มีอะไรเสียหาย ก็บอกมาเถอะ”
“นี่คุณ กรุณาฟังให้ชัดๆ นะ ผมไม่ใช่โจร และผมก็ไม่ได้ต้องการเงินจากคุณด้วย”
สุรีกานต์มองหวาดระแวง
“แล้วต้องการอะไร อย่าบอกนะว่า ต้องการ…”
สุรีกานต์ขยับถอยหนี รีบเอาสองมือปิดป้องตัวเองไว้อย่างระแวง นฤเบศส่ายหน้าเอือมๆ
“ดูละครมากไปใช่มั้ยเนี่ย” เขามองชุดของเธอ “หรือว่าจะเป็นพวกฟั่นเฟือน…ผมไม่น่ามาเสียเวลากับคนเพี้ยนๆ อย่างคุณเลย”
นฤเบศเดินผละไปขึ้นรถและขับออกไปทันที สุรีกานต์หน้าเหวอขัดใจ
“ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ ไอ้สิบแปดมงกุฎ ไอ้... ฮึ่ย ฝากไว้ก่อนเถอะ”
สุรีกานต์มองตามอย่างโมโหสุดๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรับสาย
“จะโทรจิกอะไรนักหนาเนี่ย ฉันเกือบจะตายเพราะแกอยู่แล้วรู้มั้ย เออ...รู้แล้วน่า งานวันพรุ่งนี้ที่สยามพาเลซไม่ลืมหรอก”
ในห้องสอบสวน สำนักงานกองบัญชาการตำรวจ...ชายคนร้ายท่าทางหวาดกลัวนั่งอยู่บนเก้าอี้กลางห้อง จ่ายมเดินวนรอบเก้าอี้ วางท่าข่มขู่ นฤเบศเดินหัวเสียเข้ามา
“เป็นไงบ้าง”
“ปากแข็งน่าดูเลยครับสารวัตร ง้างปากยังไงมันก็ไม่ยอมพูดซะที”
นฤเบศมองหน้าคนร้าย
“บอกมาเร็วๆ ว่านายแกเป็นใคร”
ชายคนร้ายยังคงอึกอัก
“โอเค จ่ายมจัดการด้วย”
จ่ายมเดินเข้ามาหาชายคนร้าย ทำหน้าตาขึงขังแกล้งยกมือปาดคอขู่ หัวเราะแบบโหดๆ ชายคนร้ายตื่นกลัว
“บอกแล้วๆ ผมทำงานให้เสี่ยนาถ”
“เสี่ยนาถ”
ชายคนร้ายพยักหน้าหงึกหงัก ท่าทางกลัวๆ
“แกรู้อะไรอีก บอกมาให้หมดนะ” จ่ายอมตะคอก
“เอ่อ คือ ผมรู้มาว่าพรุ่งนี้จะมีการส่งของ”
นฤเบศจ้องหน้า
“ที่ไหน”
“ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าลูกค้ารายนี้เป็นคนสำคัญมาก คืนพรุ่งนี้ เสี่ยนาถเลยจะไปพบเขาด้วยตัวเองที่งานสัมมนา โรงแรมสยามพาเลซ”
นฤเบศครุ่นคิด
“โรงแรมสยามพาเลซงั้นเหรอ”
ในยามค่ำคืน...บรรยากาศหน้างานประกาศรางวัลในโรงแรมสยามพาเลซ เป็นไปอย่างคึกคัก เหล่าดารานักแสดงในชุดราตรีหรูทยอยเดินผ่านพรมแดงเข้ามาร่วมงาน โดยมีนักข่าวจากสำนักต่างๆ คอยกดชัตเตอร์เก็บภาพดารา
แก้วดารา นางเอกสาวดาวรุ่ง ในชุดราตรีหรู เดินยิ้มหวานแอ๊บแบ๊วเข้ามาในงาน โพสท่าให้นักข่าวถ่ายรูปไม่หยุด
อุษณะในชุดสูทหล่อสง่าเดินควงคู่มากับพลอยนิลในชุดราตรีสวยหวานทั้งคู่หยุดยิ้มให้นักข่าวรุมถ่ายรูป กองทัพนักข่าวทิ้งแก้วดาราวิ่งไปรุมถ่ายรูปพระเอก-นางเอกอันดับหนึ่งของวงการแทน แก้วดาราได้แต่มองตามอย่างแค้นใจ
ขณะเดียวกัน เท้าเรียวยาวในส้นสูงแหลมปรี๊ดก้าวเดินมาหยุดบนพรมแดง สุรีกานต์ยืนสง่าในชุดราตรีสวยจนเป็นที่ฮือฮา ส่งยิ้มโพสต์ท่าให้นักข่าวถ่ายรูป ก่อนเดินไปถ่ายร่วมกับพลอยนิลและอุษณะแสงแฟลชวูบวาบอย่างต่อเนื่อง
นฤเบศยืนในชุดบริกรของโรงแรม หล่อเนี๊ยบ สะอาดสะอ้าน ไม่เหลือเค้าสารวัตรหน้าโหด ยืนจัดหูกระต่ายอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำชาย จัดแต่งทรงผม ติดเครื่องมือหูฟังสายลับ เช็คความเรียบร้อยทุกอย่างแล้วเดินไปตามทางในโรงแรม เสี่ยนาถพร้อมลูกน้องคนหนึ่งเดินผ่านประตูเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงงานสัมนาพอดี นฤเบศแตะหูฟังสายลับ
“ทุกคนพร้อม เป้าหมายมาถึงแล้ว”
บรรยากาศงานเลี้ยงสัมมนาเป็นแบบสังสรรค์กึ่งทางการ นฤเบศถือถาดเครื่องดื่มเสิร์ฟแขกอยู่ในงาน สบตากับอัศวินและประเสริฐ ลูกน้องของเขาที่แฝงตัวเป็นบริกรอยู่ภายในงานเช่นกัน นฤเบศกวาดตามองเห็นเสี่ยนาถหยุดยืนทักทายนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งก่อนจะเดินผ่านไปนั่งโต๊ะมุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง ลูกน้องเสี่ยนาถถอยไปยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ
ในห้องจัดงานประกาศรางวัล...บนจอฉายภาพ VTR ผู้เข้าชิงรางวัลนางร้ายยอดเยี่ยมแห่งปี สุรีกานต์ในมาดนางร้ายปากแดงร้องกรี๊ดอย่างขัดใจ
“นี่แกกล้าด่าฉันเหรอ แกตายแน่ที่มาลองดีกับฉัน”
สุรีกานต์ปราดเข้าไปตบพลอยนิลจนหน้าหัน รัวตบไม่ยั้งอย่างขาดสติ แววตากร้าวเหมือนคนสติแตก
“ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก”
ภาพ VTR จบลง พิธีกรชายและหญิงยืนอยู่ด้านขวามือของเวทีดำเนินรายการ
“และนี่ก็คือผู้เข้าชิงทั้ง 5 ท่านครับ”
“เห็นฝีมือแต่ละท่านแล้ว เรียกได้ว่าดิฉันหนักใจแทนกรรมการทุกท่านจริงๆ เลยค่ะ”
“ครับ และสำหรับรางวัลนางร้ายยอดเยี่ยมแห่งปี ได้แก่...”
เสียงดนตรีตื่นเต้นบรรเลงขึ้น สุรีกานต์ พลอยนิลและแขกคนอื่นๆ นั่งลุ้นรางวัล พิธีกรหญิงประกาศ
“สุรีกานต์ อภิเดชดำรง จากละครเรื่อง ยอดพธูชู้เสน่หา ค่ะ”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง สุรีกานต์หันไปยิ้มกับพลอยนิล ลุกเดินขึ้นไปรับรางวัลบนเวที
“เรียกได้ว่าเธอเป็นนางร้ายตัวแม่แห่งยุคเลยทีเดียว เพราะครองรางวัลนี้มาถึง 3 ปี ซ้อนแล้วค่ะ”
“ขอแสดงความยินดีกับคุณโซ่ด้วยนะครับ”
“ขอบคุณนะคะสำหรับรางวัลนี้ โซ่รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ ก่อนอื่นโซ่ต้องขอขอบคุณอายอดที่มอบโอกาสดีๆ ให้โซ่มาโดยตลอด ขอบคุณทีมงาน แฟนละครที่คอยติดตามผลงานตลอด 7 ปีที่ผ่านมา และที่ลืมไม่ได้คือต้องขอบคุณครอบครัวซึ่งเป็นกำลังใจที่มีค่ามากของโซ่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
สุรีกานต์ชูรางวัล ยิ้มภูมิใจ
ในห้องจัดเลี้ยงงานสัมมนา นฤเบศนำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟที่โต๊ะเสี่ยนาถอย่างนอบน้อม พ่อเลี้ยงกำธรเดินตรงมายังโต๊ะเสี่ยนาถ นฤเบศหันตัวกลับแกล้งชนพ่อเลี้ยงกำธรจนเครื่องดื่มหกรดเสื้อ ถาดเครื่องดื่มตกลงบนพื้น แก้วแตก คนในงานกลุ่มหนึ่งหันมามอง
“เฮ้ย เดินยังไงเนี่ย ไม่มีตารึไงวะ” พ่อเลี้ยงกำธรโมโห
“ขอโทษครับท่าน เป็นความผิดของผมเองที่ไม่ทันระวัง ผมจะรีบจัดการให้นะครับ”
นฤเบศทำลนลาน รีบก้มลงเก็บเศษแก้ว ระหว่างนั้นแอบติดเครื่องดักฟังไว้ที่ใต้เก้าอี้ของเสี่ยนาถ
“ฉันต้องการพบผู้จัดการเดี๋ยวนี้ แกโดนไล่ออกแน่” พ่อเลี้ยงกำธรยังไม่หายโกรธ
เสี่ยนาถตัดบท
“ใจเย็นน่า อย่าให้เรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เราต้องเสียเวลาเลยดีกว่า”
พ่อเลี้ยงกำธรมองอย่างเคืองๆ ก่อนนั่งลง นฤเบศก้มหัวกล่าวคำขอโทษอีกครั้งแล้วเดินออกไป แล้วหลบเข้ามุมหนึ่งแล้วยกมือขึ้นแตะหูฟังสายลับ
“เรียบร้อยมั้ยจ่า”
จ่ายมและปรีติสวมหูฟังสายลับนั่งอยู่ในรถตู้ ที่จอดอยู่หน้าโรงแรม ภายในรถเต็มไปด้วยอุปกรณ์สื่อสาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไฮเทค ปรีติคีย์ข้อมูลเพื่อรับสัญญาณจากเครื่องดักฟัง ก่อนทำสัญญาณมือว่าโอเค
“โอเคเลยครับสารวัตร รับรองงานนี้ไม่พลาดแน่ โอ๊ะ สัญญาณมาแล้วครับ”
สัญญาณคลื่นเสียงปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ เสียงเสี่ยนาถคุยกับพ่อเลี้ยงกำธรดังมา
“ของที่คุณสั่ง ผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว”
“ผมไม่ผิดหวังจริงๆ ที่ร่วมงานกับคุณ”
“วางใจได้เลย คืนนี้ไม่พลาดแน่ ไอ้พวกตำรวจคิดว่าเราคงเก็บตัวเงียบไปอีกนาน แต่ใครจะรู้ ยิ่งเสี่ยง ยิ่งปลอดภัย”
ในห้องจัดงานประกาศรางวัล...พิธีกรชายและหญิงบนเวทียังดำเนินรายการ
“และรางวัลพระนางคู่ขวัญแห่งปี ได้แก่...”
“คุณอุษณะและคุณพลอยนิล จากละครเรื่อง ยอดพธูชู้เสน่หา ค่ะ ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ”
คนในงานปรบมือให้เสียงดังกึกก้อง
“ละครเรื่องนี้มาแรงจริงๆ กวาดรางวัลทั้งนางร้ายยอดเยี่ยมและคู่ขวัญแห่งปีเลยนะครับ”
“คู่ขวัญคู่นี้ แฟนๆ เชียร์ให้อินเลิฟทั้งในจอและนอกจอ เล่นละครด้วยกันเมื่อไหร่ การันตีได้เลยค่ะว่าเรตติ้งกระฉูดแน่นอน”
พลอยนิลและอุษณะลุกขึ้นเดินจากที่นั่งแอบเชิดใส่กันเล็กๆ แต่พอเห็นนักข่าวหันกล้องมาเตรียมเก็บภาพ ก็รีบปรับโหมดเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มแย้มให้กันทันที แก้วดาราเหยียดปากอย่างไม่พอใจ
สุรีกานต์ปรบมือยิ้มยินดีด้วยแบบสุดๆ
ส่วนในห้องจัดเลี้ยงงานสัมมนา กลุ่มนักธุรกิจในห้องปรบมือกันเสียงดังไม่ขาดสายหลังจากที่หนึ่งในตัวแทนนักธุรกิจคนหนึ่งกล่าวสุนทรพจน์จบลง นฤเบศมองเสี่ยนาถที่โน้มตัวไปกระซิบอะไรบางอย่างกับพ่อเลี้ยงกำธรอย่างน่าสงสัย
จ่ายมและปรีติสวมหูฟังนั่งอยู่ในรถตู้สายลับ ได้ยินเสียงปรบมือดังสนั่น
“เฮ้ย...หมดกัน จะมาปรบมืออะไรกันตอนนี้วะ อีกนิดเดียวก็จะรู้อยู่แล้วว่ามันนัดส่งของกันที่ไหน บุญมีแต่กรรมบังจริงๆ เลยโว้ย”
ปรีติพยายามขยายสัญญาณคลื่นความถี่เสียงแต่กลับไม่เป็นผล แถมจู่ๆ เครื่องมือสื่อสารในรถก็เกิดขัดข้องขึ้นมาจนทำให้สัญญาณถูกตัดขาด ไม่สามารถติดต่อกับทุกคนในทีมได้อีก ปรีติเซ็ง
“อ้าว เฮ้ย...ซวยหนักกว่าเดิมอีก เอาไงดีจ่า”
แก้วดาราเดินมาหยุดตรงแบ็คดรอปเพื่อโพสต์ท่าถ่ายรูปกับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งหญิงแห่งปี นักข่าวกรูเข้ามาสัมภาษณ์
“ได้ข่าวว่าน้องแก้ว จะได้ร่วมแสดงละครฟอร์มยักษ์ของช่องจริงรึเปล่าคะ”
แก้วดาราทำท่าเขินๆ
“แหม ก็คงต้อง...”
พลอยนิลโผล่เข้ามาหยุดยืนข้างแก้วดารา กะแย่งซีน
“คงต้องรอไปก่อนมั้งคะ ละครฟอร์มยักษ์แห่งปีทั้งที ก็ต้องคัดเลือกนักแสดงฝีมือดีเป็นธรรมดา พวกเด็กใหม่หวังฟลุ๊ค คงยาก”
“ตกลงข่าวลือที่ว่าคุณพลอยนิลกับคุณแก้วดารา เกาเหลากันจริงหรือเปล่าคะ”
พลอยนิลชะงักแต่ยังยิ้ม แก้วดาราเขยิบเข้าไปหาพลอยนิลจนชิด แกล้งคว้ามือมาจับอย่างรักใคร่
“ก็แค่ข่าวลือน่ะค่ะ จริงๆ แล้วเราสนิทกันมาก พี่นิลเป็นนางเอกในดวงใจแก้วตั้งแต่แก้วเด็กๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะโตทันได้มาร่วมงานกัน ไม่แน่เรื่องต่อไปเราอาจจะได้เล่นเป็นคู่แม่ลูกกันก็ได้นะคะ”
พลอยนิลเริ่มเคืองส่งสายตาพิฆาตให้แก้วดารา บรรยากาศเริ่มตึงเครียด นักข่าวถ่ายรูปไม่หยุด สุรีกานต์ปรากฏตัวเข้ามาแทรกกลางระหว่างพลอยนิลกับแก้วดาราเอาไว้
“ใช่ค่ะ จริงๆ ในกองพวกเราสนิทกันมาก นิลกับน้องแก้วชอบหยอกกันเล่นแรงๆแบบนี้เป็นประจำแหละค่ะ เรามาถ่ายรูปกันต่อดีกว่านะคะ”
สุรีกานต์ยิ้มหวาน ส่งสายตาเตือนพลอยนิลกับแก้วดาราให้สงบศึกชั่วคราว พลอยนิลฮึดฮัดขัดใจ จำใจหันมาถ่ายรูปร่วมกัน แต่ยังไม่วายแกล้งโพสต์ท่ายกรางวัลขึ้นบังหน้าแก้วดาราทุกช็อตแบบเต็มๆ
นฤเบศเห็นเสี่ยนาถกับพ่อเลี้ยงกำธรพร้อมลูกน้อง เดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไป
“เดอะซัน 1 เรียก เดอะซัน 5 เป้าหมายเคลื่อนที่แล้ว ทุกคนพร้อม เดอะซัน 1 เรียก เดอะซัน 5 ได้ยินมั้ย เป้าหมายเคลื่อนที่แล้ว โธ่เว้ย”
นฤเบศติดต่อใครไม่ได้ รีบเดินตามกลุ่มคนร้ายไป แต่เพราะมีนักธุรกิจจำนวนมากเดินผ่านมาตัดหน้า หันมาอีกทีกลุ่มคนร้ายก็เดินพ้นประตูห้องจัดเลี้ยงออกไปแล้ว
นฤเบศเห็นลูกน้องพาเสี่ยนาถและพ่อเลี้ยงกำธรมุ่งไปทางลิฟต์ ผ่านกลุ่มนักข่าวและกลุ่มคนจากงานประกาศผลรางวัลที่กำลังทยอยออกจากห้องจัดเลี้ยงอีกฟากของโรงแรม เขาพยายามแหวกผู้คนมองตามกลุ่มคนร้ายไป
ประตูลิฟต์เปิดออก เสี่ยนาถ พ่อเลี้ยงกำธร และลูกน้องก้าวเข้าไป นฤเบศวิ่งมาทันเห็นประตูลิฟต์กำลังค่อยๆ ปิดลง จึงเร่งฝีเท้าเพื่อจะตามให้ทันจนเผลอไปชน สุรีกานต์ที่เดินถือรางวัลมาอย่างภาคภูมิใจเข้าอย่างจัง รางวัลแก้วคริสตัลรูปนางฟ้าในมือสุรีกานต์ตกลงไปกระทบบนพื้น ปลายปีกนางฟ้าบิ่นไปด้านหนึ่ง สุรีกานต์ตาโตอ้าปากค้าง
“รางวัลของฉัน”
สุรีกานต์รีบก้มเก็บอย่างโมโห นฤเบศไม่สนใจรีบวิ่งไปกดลิฟต์เพื่อจะตามกลุ่มคนร้ายไป สุรีกานต์โมโห ถลกกระโปรงวิ่งตาม
“นี่ นาย หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ประตูลิฟต์กำลังค่อยๆ ปิด สุรีกานต์ยื่นมือไปขวางประตูลิฟต์ไว้ทันที นฤเบศชะงักเมื่อเห็นสุรีกานต์มองมาหน้าตาเอาเรื่อง
“ฉันบอกให้หยุด ไม่ได้ยินหรือไง”
นฤเบศไม่สนใจรีบกดปิดลิฟต์หนี สุรีกานต์ขวางลิฟต์ไว้สุดกำลัง
“ฉันบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้”
“อะไรของคุณเนี่ย ผมกำลังรีบ”
สุรีกานต์มองหัวจรดเท้า
“นายจะรีบไปเสิร์ฟอาหารที่ไหนฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่นายซุ่มซ่ามมาชนรางวัลฉันเป็นแบบนี้ ฉันไม่ยอม”
“โอเค ผมขอโทษ พอใจแล้วใช่มั้ย ทีนี้ก็หลบไปได้แล้ว”
“ขอโทษส่งๆ แบบนี้ใครมันจะไปอยากรับ ขอโทษให้มันจริงใจหน่อยสิ”
นฤเบศเหลืออด
“นี่คุณ ผมไม่มีเวลามาไร้สาระกับคุณหรอกนะเพราะงานของผมมันสำคัญกว่าไอ้รางวัลบ้าๆ ของคุณซะอีก”
สุรีกานต์โมโห อ้าปากค้าง
“นายกล้าดูถูกรางวัลของฉันเหรอ ออกมานี่เลย ฉันจะฟ้องให้ผู้จัดการโรงแรมไล่นายออก”
สุรีกานต์พยายามทั้งฉุดทั้งดึงนฤเบศออกจากลิฟต์ให้ได้ ทั้งสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาจนในที่สุดสุรีกานต์ก็สู้แรงไม่ไหว เหลือบไปเห็นปุ่มกดลิฟต์ ก็รีบรูดกดลิฟต์ทุกชั้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่นฤเบศผลักสุรีกานต์ออกไปจากลิฟต์ได้พอดี แล้วรีบกดปุ่มปิดลิฟต์ นฤเบศหน้าเหวอ เห็นปุ่มลิฟต์ถูกกดทุกชั้น
“เฮ้ย”
สุรีกานต์ยืนยิ้มสะใจอยู่หน้าลิฟต์ที่กำลังค่อยๆ ปิดเข้ามาหากัน
“ฮึ สมน้ำหน้า โทษฐานที่กล้ามาดูถูกรางวัลอันทรงเกียรติของฉัน”
อ่านต่อหน้า 2
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 1 (ต่อ)
นฤเบศมองปุ่มกดลิฟต์ที่ขึ้นไฟสีแดงทั้งแถบก่อนเลื่อนสายตามองตัวเลขบอกชั้นที่เห็นเป็น เลข 19 อย่างเซ็งๆ เลขชั้นเปลี่ยนเป็น 18 ประตูลิฟต์เปิดออก นฤเบศรีบกดปิดอย่างร้อนใจ ลิฟต์เลื่อนลงชั้น 17 ประตูลิฟต์เปิดออก
นฤเบศก็รีบกดปิดอย่างกังวลมากขึ้นพยายามติดต่อกับจ่ายมทางหูฟังสายลับ
“เดอะซัน 1 เรียกเดอะซัน 5 เป้าหมายกำลังหลบหนีไปทางลิฟต์แล้ว เดอะซัน 1เรียกเดอะซัน 5 ฮึ่ย โธ่เว้ย”
ลิฟต์เลื่อนลงมาชั้น 16 ประตูลิฟต์เปิดออก นฤเบศตัดสินใจวิ่งออกจากลิฟต์เหลียวมองลิฟต์ตัวข้างๆ ตัวเลขลิฟต์อยู่ที่ชั้น 5 นฤเบศหัวเสียหนัก สายตาเหลือบไปเห็นประตูบันไดหนีไฟ เขาวิ่งลงบันไดหนีไฟไปอย่างเร่งรีบมาก
นฤเบศวิ่งลงมาถึงล็อบบี้ชั้นล่างของโรงแรมกวาดอย่างเหนื่อยหอบ พยายามมองหาเสี่ยนาถและพ่อเลี้ยงกำธรแต่ก็ไม่พบ จึงวิ่งออกไปทางประตูด้านหน้าโรงแรม พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งซึ่งจอดเทียบอยู่ตรงบันไดโรงแรม กระจกรถฝั่งด้านคนขับรถค่อยๆ เลื่อนลง เผยให้เห็นโฉมหน้าของสุรีกานต์ที่มองมาแบบกวนๆ อมยิ้มขำสะใจ โบกมือให้เชิงล้อเลียน นฤเบศมองแล้วยิ่งแค้นหนัก สูดลมหายใจระงับอารมณ์โกรธ รถของสุรีกานต์เคลื่อนออกไปพร้อมกับกระจกรถที่ค่อยๆ เลื่อนปิดดังเดิม นฤเบศมองตามพูดไม่ออก แค้นสุดๆ
สุรีกานต์อารมณ์ดีที่ได้เอาคืน แต่พอเหลือบมองรางวัลที่ปลายปีกนางฟ้าบิ่นไปก็เปลี่ยนเป็นคร่ำครวญอย่างเคียดแค้นแทน
“โถ รางวัลของฉัน… ไอ้บ้านั่น ถ้าฉันเจออีกครั้ง นายตายแน่”
มุมห้องนั่งเล่นของเซฟเฮ้าส์ทีมเดอะซัน วันใหม่...อัศวินยืนปาลูกดอกเล่นอยู่บริเวณใกล้ๆ กับประเสริฐที่หลบมุมนั่งสมาธิอยู่ จ่ายมอ่านหนังสือพิมพ์บันเทิง ที่ลงภาพข่าวสุรีกานต์ พลอยนิล และแก้วดาราในงานประกาศรางวัล จ่ายมพูดเพ้อๆ
“ถึงคุณพลอยนิลจะสวยหวาน น้องแก้วดาราจะสวยใส แต่หนึ่งเดียวในดวงใจของจ่ายมก็คือคุณโซ่ สุรีกานต์คนเดียวเท่านั้น”
อัศวินส่ายหน้า
“คนอื่นเขามีแต่ปลื้มนางเอก แต่จ่าดันปลื้มนางร้ายซะงั้น อย่างผมต้องน้องแก้วดารา ทั้งขาว สวย แถมยังตู้มๆ ซะด้วย”
ประเสริฐพูดโดยไม่ลืมตา
“อนิจจา วัตตะ สังขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ จะสวยจะขาว จะตู้มแค่ไหน ตายไปก็เอาไปไม่ได้หนอ”
นฤเบศผลักประตูเข้ามาท่าทางเคร่งขรึม ทุกคนแตกฮือรีบเข้าประจำที่ จ่ายมพับหนังสือพิมพ์เก็บซ่อนไว้ด้านหลังยกมือทำความเคารพย่างแข็งขัน นฤเบศกวาดตามอง ทุกคนที่นั่งตัวลีบ จ่ายมลุกขึ้นยอมรับผิดจ๋อยๆ
“เอ่อ คือ...สารวัตรครับ เรื่องเมื่อคืน ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าเครื่องดักฟังมันจะมาขัดข้องเอาตอนสำคัญพอดี ความผิดครั้งนี้ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวครับ”
“ผมด้วยครับสารวัตร ถ้าสารวัตรจะลงโทษ...”
นฤเบศตัดบท
“เอาเถอะ เรื่องนี้ถือว่าสุดวิสัย แต่คราวหน้าเราก็ต้องระวังให้มากกว่านี้ สำหรับภารกิจครั้งนี้ในฐานะหัวหน้าทีม ผมจะรับผิดชอบเอง”
“แล้วเราจะเอายังไงต่อไปดีครับสารวัตร”
ทุกคนมองหน้ากัน บรรยากาศเริ่มเครียด ปรีติผลักประตูเข้ามาในห้อง
“สารวัตรครับ สายเพิ่งรายงานมาว่าเสี่ยนาถจะมีการนัดส่งสินค้าอีกล๊อตในวันพรุ่งนี้ ส่วนนักธุรกิจที่มาพบกับเสี่ยนาถในงานสัมมนาผมกำลังเช็คจากกล้องวงจรปิดของทางโรงแรม คาดว่าอีกวันสองวันน่าจะรู้ครับ”
“ดีมาก ถ้าได้ตัวมันมา เราน่าจะได้เบาะแสเพิ่มขึ้นอีกเยอะ”
ทุกคนหน้าตามีความหวังขึ้นมาทันที
สุรีกานต์ดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับชายหนุ่มรูปหล่อ ในห้องพักโรงแรมหรู หญิงสาวยกแก้วไวน์ ส่งสายตาเชิญชวน
“ไวน์นี่รสชาติดีจริงๆ เลยนะคะ”
“สำหรับคุณ ต้องสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้วครับ”
ชายหนุ่มส่งสายตาเจ้าชู้รินไวน์เพิ่มให้
“โอ๊ย ไม่ไหวแล้วค่ะ ตอนนี้ชักจะมึนๆ”
สุรีกานต์เริ่มโงนเงน ชายหนุ่มกุลีกุจอท่าทีห่วงใย
“ให้ผมพาคุณไปนอนพักสักหน่อยดีมั้ยครับ”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ”
ชายหนุ่มประคองสุรีกานต์ไปนอนลงบนเตียง แล้วนั่งลงบนเตียงใช้สายตาโลมเลียเรือนร่างสุดเซ็กซี่ของสุรีกานต์อย่างหื่นกระหาย ยื่นมือไปลูบไล้ผิวหน้าและต้นแขนอย่างแผ่วเบา สุรีกานต์พลิกตัวหลบสัมผัสจากชายหนุ่ม แต่เขาก็พลิกตัวเธอกลับมาจนได้
“จะหนีไปไหน ยังไงคืนนี้คุณก็ต้องเป็นของผม”
ชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อ ค่อยๆ โน้มตัวลงจะจูบสุรีกานต์ ทันใดนั้นเธอก็อาเจียนออกมาเลอะเต็มเสื้อชายหนุ่ม
“เฮ้ย ทำอะไรของคุณเนี่ย” ชายหนุ่มมองสภาพตัวเองอย่างอารมณ์เสีย “โธ่เว้ย”
ชายหนุ่มลุกเดินหัวเสียไปทางห้องน้ำ สุรีกานต์ยิ้มร้าย เสียงอายอดดังขึ้น
“คัท”
อายอดเดินมาหา ใบหน้ายิ้มแย้ม
“เยี่ยมมาก เทคเดียวผ่านฉลุย สมกับตำแหน่งนางร้ายยอดเยี่ยม 4 ปีซ้อนจริงๆ”
“ก็หนูเล่นกับอามาตั้ง 5 เรื่องแล้วนี่คะ อายอดอยากได้ โซ่จัดให้อยู่แล้วค่ะ”
น้ำฝนเดินถือน้ำเย็นมาส่งให้ สุรีกานต์รับน้ำไปดื่ม
“ขอบใจจ้ะฝน เย็นเจี๊ยบชื่นใจเชียว ว่าแต่วันนี้มีอะไรกินบ้างเนี่ย”
“วันนี้ฝนมีแจ่วบองของโปรดของพี่โซ่ด้วยค่ะ มีแฟนคลับเขาฝากไว้ให้”
วุ้นกรอบและพายไก่เดินมาสมทบ วุ้นกรอบพูดแซว ประชดๆ
“เก๋นะยะ เป็นนางร้ายก็แอบมีแฟนคงแฟนคลับกับเค้าด้วย นึกว่าจะมีแต่คนเกลียดซะอีก”
พายไก่เสริม
“แหม วุ้น นางร้ายอย่างเจ๊ ก็ร้ายแค่ในจอเท่านั้นแหละ ใครๆ ก็รู้”
“ไม่จริง ฉันขอเถียง อย่างน้อยแม่ค้าตามตลาดสดก็ไม่โปรดไม่ปลื้ม โทษฐานที่ชีชอบทำร้ายนางเอกผู้แสนดี”
“ฉันแค่แสดงสมบทบาทจนคนดูอินก็เท่านั้นเอง” สุรีกานต์แย้ง
“จ้า แม่นางร้ายเบอร์หนึ่ง”
สุรีกานต์เดินเชิดไปแบบสวยๆ แต่ดันซุ่มซ่ามชนเสาไฟจนหน้าแหย ทุกคนในกองหัวเราะขำๆ
ส่วนในห้องแต่งตัว...วุ้นกรอบกับพายไก่ พยายามเอาส่วนปลายปีกของนางฟ้าที่ทากาวแล้วแปะลงไปบนถ้วยรางวัลอย่างเบามือ ก่อนจะดี๊ด๊าดีใจที่แปะบนรอยเดิมได้พอดี สุรีกานต์นั่งจดจ่ออยู่กับเกมในไอแพดที่โซฟาอีกมุมหนึ่ง
วุ้นกรอบเอาถ้วยรางวัลสภาพสวยสมบูรณ์มาวางบนโต๊ะตรงหน้า สุรีกานต์เหลือบตามองแล้วดีใจ
“รางวัลของฉัน”
สุรีกานต์คว้าถ้วยรางวัลมาดูอย่างรวดเร็วทำให้ส่วนที่แปะกาวไว้หล่นลงบนพื้น วุ้นกรอบและพายไก่ที่ยืนจับมือกันลุ้นๆ มองมาอ้าปากค้าง สุรีกานต์ดีใจค้างก้มหยิบปลายปีกนางฟ้าที่หลุดขึ้นมามองสลับกับถ้วยรางวัล
“ไหนบอกว่าซ่อมได้ชัวร์ไงยัยวุ้น”
“โธ่ เจ๊ ฉันเป็นช่างแต่งหน้านะ ไม่ใช่ช่างซ่อมถ้วยรางวัล ฉันว่าเจ๊ทำใจเหอะ ยังไงรางวัลของเจ๊มันก็หักไปแล้วอ่ะ” วุ้นกรอบบอก
สุรีกานต์แววตาแค้นๆ
“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้เสียใจเรื่องที่ถ้วยรางวัลของฉันต้องพิการหรอกนะ แต่ฉันเจ็บใจมากกว่า ที่ไอ้บ้านั่นมันกล้ามาดูถูกรางวัลของฉันได้”
วุ้นกรอบแปลกใจ
“จะว่าไปก็น่าแปลกนะเจ๊ หมอนั่นไม่รู้จักนางร้ายตัวแม่อย่างเจ๊โซ่เหรอ”
พายไก่คิดๆ
“หรือว่าจะเป็นพวกต่างด้าวเพิ่งเข้ามาทำงาน”
สุรีกานต์โมโห
“จะต่างด้าวหรืออยู่ดาวไหน ฉันไม่สน ถ้าคราวหน้าฉันเจออีกล่ะก็ เจอดีแน่”
“เอาน่าเจ๊ ไหนๆ วันนี้ก็เลิกเร็ว ฉันว่าทิ้งความเศร้าแล้วพวกเราไปหาอะไรทำคลายเครียดกันดีกว่านะ” วุ้นกรอบชวน
ในห้างสรรพสินค้า...สุรีกานต์เดินมาพร้อมวุ้นกรอบและพายไก่กำลังจะผ่านหน้าร้านกาแฟ สุรีกานต์ก็ยกมือขึ้นมาจัดแต่งทรงผมแล้วเหลือบมองซ้ายมองขวา ขยับแว่นกันแดดอันโตให้มิดชิด
“แหม เจ๊ ทำเป็นพรางตัว กลัวคนอื่นเค้าจะรู้ล่ะสิว่าโซ่ สุรีกานต์ขี้งก รอมาช็อปของตอนเซลล์” วุ้นกรอบแดกดัน
“ฉันไม่ได้งก แบบนี้เขาเรียกรู้จักใช้เงินต่างหากย่ะ” สุรีกานต์เถียง
พายไก่พยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ๆ รอซื้อตอนเซลล์เยอะๆ แบบนี้แหละ จะได้รวยๆ แบบเจ๊ไง เนอะ”
สุรีกานต์ยิ้มเดินต่ออย่างอารมณ์ดี วุ้นกรอบและพายไก่เดินตาม...นฤเบศกับจ่ายมนั่งอยู่ในร้านกาแฟ นฤเบศที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ลดหนังสือพิมพ์ในมือลง จ่ายมยกกาแฟขึ้นจิบ
“ห๊อม หอมครับสารวัตร รสชาติก็ดี บรรยากาศก็…” จ่ายมหันไปเห็นพนักงานสาวที่ยิ้มให้แล้วเคลิ้ม “สวย”
“นี่จ่า มาทำงานนะไม่ได้มาเที่ยว ถ้างานนี้พลาดอีก จ่าเตรียมตัวย้ายทีมได้เลย”
จ่ายมเลิกลั่ก ลุกขึ้นยืนตะเบ๊ะ หลับตาปี๋
“ขอโทษครับ ผมจะไม่ให้พลาดอีก ผมขอรับรองด้วยเกียรติ…” จ่ายมลดมือลงเหลือสามนิ้ว “ของลูกเสือสามัญเลยครับ แหะๆ”
นฤเบศเห็นลูกน้องเสี่ยนาถเดินถือกระเป๋าเอกสารผ่านไปก็จำได้ จึงรีบลุกตามออกไปทันที จ่ายมลืมตาขึ้น เห็นสายตาของลูกค้าในร้านและพนักงานที่มองมาทางตนก็หัวเราะแห้งๆ หันมามองทางนฤเบศก็เห็นแต่เก้าอี้ว่างเปล่า
“อ้าว เฮ้ย สารวัตรไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย”
จ่ายมรีบตามออกไปทันที
สุรีกานต์เห็นป้าย Sale ตามจุดต่างๆ กระดี๊กระด๊าลากวุ้นกรอบกับพายไก่เข้าไปในร้านต่างๆ สุรีกานต์หยิบรองเท้าส้นสูงจากชั้นที่ติดป้าย Sale มาลอง โพสต์ท่าสวยเหมือนนางแบบ หญิงสาวกวาดตามองในร้านกระเป๋า หยิบใบที่ติดป้าย Sale มาสะพายหมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้ากระจก
สุรีกานต์เลือกเสื้อผ้าบนราวแขวน หยิบชุดเดรสถูกใจ ติดป้าย Sale มาทาบกับตัว หมุนตัวโชว์ วุ้นกรอบกับพายไก่ ที่มองมาแล้วพยักหน้าโอเค
สุรีกานต์ วุ้นกรอบ และพายไก่ เดินออกมาจากร้านเสื้อ สุรีกานต์ถือถุงช็อปปิ้ง 2 ถุง วุ้นกรอบและพายไก่ท่าทางเหนื่อยๆ
“เจ๊ ลากพวกฉันเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ แต่ได้ของมาแค่นี้เนี่ยนะ งกจริงๆ เลยเจ๊เนี่ย” วุ้นกรอบบ่นอุบ
สุรีกานต์ชักฉุน
“แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย ฉันจะซื้อแค่ไหนมันก็เรื่องของฉัน ตอนแรกฉันกะว่าจะเลี้ยงข้าวพวกแกสักหน่อย อุตส่าห์มาเดินเป็นเพื่อน แต่ฉันมันงกนี่นะ เที่ยงนี้ก็หากินกันเองละกัน”
สุรีกานต์สะบัดหน้าเดินเชิดนำไปแต่แอบยิ้ม วุ้นกรอบกับพายไก่หน้าเหวอ พายไก่หันมาต่อว่าเพื่อน
“เพราะแกคนเดียวเลย”
วุ้นกรอบถลึงตาใส่
“นี่แกกล้าโทษฉันเหรอ”
“ทำไม ก็แกนั่นแหละผิด”
“นังพาย”
วุ้นกรอบกับพายไก่ตั้งท่าจะเถียงกัน แล้วก็ชะงัก มองหาสุรีกานต์ก็ไม่เห็นแล้ว
ฟากนฤเบศแอบมองลูกน้องเสี่ยนาถอยู่หลังเสา จ่ายมโผล่หน้ามา
“ไปไม่บอกไม่กล่าวกันเลยนะครับสารวัตร ปล่อยให้ผมพูดคนเดียวอยู่ได้”
“หยุดพูดแล้วทำงานได้แล้วจ่า”
จ่ายมเงียบเสียง เอามือปิดปากทันที ลูกน้องเสี่ยนาถยังเดินต่อไปเรื่อยๆ จ่ายมชะโงกมองคนร้าย
“เอ๊ะ ไอ้นี่มันคนที่มีรูปอยู่ในกล้องวงจรปิดของโรงแรมในงานสัมมนาวันนั้นนี่ครับ เอายังไงดีครับสารวัตร เข้าไปจับเลยดีมั้ย”
“จับตาดูไปก่อน เรายังไม่รู้ว่าคนที่มารับของจากมันเป็นใคร”
นฤเบศหันไปมองคนร้ายต่อ สุรีกานต์ที่กำลังเดินผ่านมา ไม่ทันระวังเผลอเดินไปชนกับลูกน้องเสี่ยนาถจนถุงช็อปปิ้งหล่นบนพื้น ลูกน้องเสี่ยนาถช่วยเก็บถุงช็อปปิ้งคืนให้แล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองแล้วก้มหัวเชิงขอโทษแล้วรีบผละจากไป สุรีกานต์จัดทรงผม แว่นตาให้เข้าที่ เหลียวมองหาวุ้นกรอบและพายไก่แต่ก็ไม่เห็นจึงเดินไปอีกทาง จ่ายมมั่นใจ
“มันต้องแอบส่งของกันแน่ๆ เลยครับ ผู้หญิงคนนั้นดูท่าทางมีพิรุธ ผมว่าเข้าไปจับเลยดีกว่าครับสารวัตร”
จ่ายมทำท่าจะไป นฤเบศรีบรั้งตัวไว้
“เดี๋ยวจ่า ใจเย็น กระเป๋าที่มันถือมายังอยู่ในมือมันอยู่เลย”
จ่ายมคิดได้อีก
“หรือว่า มันจะรู้ตัวว่ามีคนแอบสะกดรอยตาม เลยเปลี่ยนแผนครับ”
“เอางี้ ผมจะตามผู้หญิงคนนั้นไป ส่วนจ่าตามเป้าหมายไป ถ้าพบอะไรน่าสงสัยรีบรายงานผมทันที อ้อ…แจ้งทีมเดอะซันประจำจุดที่วางไว้อย่าให้พลาดล่ะ”
“ครับ สารวัตร”
นฤเบศและจ่ายมแยกย้ายกันไปติดตามเป้าหมาย
สุรีกานต์ถือถุงช็อปปิ้งในมือแกว่งไปมา ด้านหลังของหญิงสาว นฤเบศแอบสะกดรอยตามมาติดๆ สุรีกานต์เดินเลยเสาต้นหนึ่งไปเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้น เธอชะงัก หยุดควานหามือถือในกระเป๋า นฤเบศรีบหลบหลังเสาต้นนั้น สุรีกานต์ควานหามือถือขึ้นมาได้ บนหน้าจอมือถือโชว์รูปและชื่อของพลอยนิล
“ว่าไงแก... โอเค ทุกอย่างเรียบร้อยดี... อะไรนะ... แกมีปัญหาเหรอ ได้ๆ เดี๋ยวฉันรีบไป”
สุรีกานต์ท่าทางร้อนใจ รีบเดินไปทันที นฤเบศออกจากที่ซ่อนมองตามอย่างสงสัย
สุรีกานต์นั่งอยู่ในรถ ก้มหน้าก้มตาเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดอย่างรีบร้อนก่อนจะสตาร์ทรถ เข้าเกียร์ เตรียมเหยียบคันเร่ง เงยหน้าขึ้นมานฤเบศยืนขวางหน้ารถอยู่ก็ตกใจ เบรกรถหัวทิ่ม
“เฮ้ย”
สุรีกานต์โบกไม้โบกมือให้เขาหลีกทางแต่นฤเบศยังยืนนิ่ง สุรีกานต์ลดกระจก ชะโงกหน้าออกไป
“นี่คุณ ช่วยหลบหน่อยได้มั้ย ฉันกำลังรีบ”
นฤเบศเฉย สุรีกานต์ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถเดินตรงไปหา
“นี่คุณ ไม่ได้ยินหรือไง ฉันรีบ ช่วยถอยไปหน่อยได้มั้ย”
“ผู้ชายคนนั้นส่งของอะไรให้คุณ”
สุรีกานต์งงๆ
“พูดเรื่องอะไรเนี่ย ผู้ชายคนไหน ส่งของอะไร”
“อย่ามาทำเฉไฉไม่รู้เรื่อง ผมเห็นกับตาว่าเขาส่งของบางอย่างให้คุณ”
สุรีกานต์ยิ่งงงไปใหญ่
“โอ๊ย พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ฉันไม่คุยด้วยแล้ว ถอยไป ฉันจะออกรถ”
สุรีกานต์สะบัดหน้าหนี เขาดึงมือไว้ เธอตกใจ
“คิดจะหนีเหรอ”
“อ๊าย อะไรกันเนี่ย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
สุรีกานต์สะบัดตั้งท่าจะกรีดร้องเสียงดัง นฤเบศรีบเอามืออุดปาก อีกมือหนึ่งจับมือเธอไพล่หลังไว้ สุรีกานต์ร้องเรียกให้คนช่วยเสียงอู้อี้ จ่ายมรายงานมาทางหูฟังสายลับ
“สารวัตรครับ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เป้าหมาย เป้าหมายตัวจริงอยู่ในรถ กำลังจะออกจากลานจอดรถแล้วครับ”
นฤเบศเหวอ สุรีกานต์ยังดิ้นไม่หยุด รถของเป้าหมายแล่นผ่านไปพอดี นฤเบศเห็นลูกน้องเสี่ยนาถกับชายชุดดำนั่งในรถไปด้วยกัน เขาชักปืนจี้สุรีกานต์ หญิงสาวชะงัก
“ถ้าร้องเสียงดังล่ะก็ ผมยิงคุณแน่”
สุรีกานต์ขับรถมาอย่างหวาดๆ แอบชำเลืองมองนฤเบศที่นั่งข้างๆ อยู่เป็นระยะ นฤเบศมองรถเป้าหมายที่วิ่งอยู่ข้างหน้าอย่างร้อนใจ
“นี่คุณ ขับให้มันเร็วๆ หน่อยได้มั้ย”
“ไม่ได้ ทำไมฉันต้องทำตามที่นายสั่งด้วย”
“รีบๆ ขับไปเถอะน่า ตามรถคันนั้นไป”
“นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน หรือว่านายเป็นมือปืน จะตามไปฆ่าคนในรถคันนั้นใช่มั้ย ฮือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยลูกช้างด้วย”
“หยุดโวยวายแล้วขับรถต่อไปซะ”
“ไม่ ยังไงฉันก็ไม่มีวันช่วยนายทำบาปทำกรรมแน่ ไม่เชื่อก็คอยดู”
สุรีกานต์ตัดสินใจจะจอดรถ
จากนั้นต่างฝ่ายต่างยื้อกันไปมาอย่างชุลมุน ทำให้หมวกและแว่นกันแดดของนฤเบศหลุดออก และแว่นกันแดดของสุรีกานต์หลุดออกเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายต่างมองหน้ากัน
“เฮ้ย...นี่คุณ" / "นี่นาย”
“นายจริงๆ ด้วย เป็นบ๋อยดีๆ ไม่ชอบ ริอาจจะเป็นโจร เงินไม่พอใช้รึไง อาชีพสุจริตก็มีอีกตั้งเยอะ ไม่เห็นต้องมาทำอะไร...”
สุรีกานต์ด่าเป็นชุด นฤเบศรีบแทรก
“เลิกพล่ามได้แล้ว คุณกำลังเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดงั้นเหรอ คราวที่แล้วนายทำรางวัลอันทรงเกียรติฉันพัง ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลยนะวันนี้ยังกล้ามาขวางรถฉันอีก บอกมาซิว่าฉันควรจะจัดการกับนายยังไงดี”
“ขอร้องล่ะคุณ อย่าเพิ่งมาแค้นอะไรตอนนี้ได้มั้ย รีบขับตามรถคันนั้นไปก่อนเถอะ”
“ไม่มีทาง คนชั่วอย่างนายต้องจับส่งตำรวจสถานเดียวเท่านั้น”
นฤเบศชักฉุน
“นี่ฟังให้ดีๆ นะ ผมไม่ใช่มือปืนอย่างที่คุณกล่าวหา และถ้าคุณยังไม่หยุดใส่ร้ายผมอีกล่ะก็ ผมฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาทแน่”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สุรีกานต์ก็นึกถึงคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ที่เจอกัน
“นี่ หยุดกล่าวหาผมเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นผมจะฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาทแน่ ทางที่ดีคุณขอโทษผมมาซะดีกว่า เรื่องมันจะได้จบๆ”
สุรีกานต์มั่นใจ
“ใช่ ต้องใช่แน่ๆ ฉันนึกออกแล้ว นายคือไอ้โจรสิบแปดมงกุฎคนนั้น”
“นี่คุณ พูดดีๆ ไม่รู้เรื่องใช่มั้ย รีบตามรถคันนั้นไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้น…”
นฤเบศโชว์ปืนที่อยู่ในมือ สุรีกานต์ตื่นกลัว
“ฮือ...นายเป็นมือปืนจริงๆ ด้วย ทำไมฉันซวยแบบนี้นะ”
“นอกจากคิดเองเออเองกับร้องกรี๊ดไปวันๆ แล้วคุณยังทำอะไรเป็นอีกบ้างมั้ยห๊ะ”
สุรีกานต์ฉุนกึก
“นี่กล้าดูถูกฉันเหรอ ได้ เดี๋ยวฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนอย่างฉันทำอะไรเป็นบ้าง”
สุรีกานต์ขับรถปาดซ้ายปาดขวา ท่าทางมืออาชีพสุดๆ นฤเบศหน้าเหวอ นั่งตัวเกร็ง สุรีกานต์เร่งความเร็วจนสามารถแซงรถคนอื่นๆ ได้และตามรถคนร้ายได้ทันก่อนหันมายักคิ้วให้ เขาแบบมั่นใจในฝีมือตัวเอง
ลูกน้องเสี่ยนาถมองกระจกหลัง เห็นรถสุรีกานต์ที่ขับตามมาก็เริ่มสงสัย ชายชุดดำหยิบปืนขึ้นมาถือเตรียมไว้
นฤเบศมองกระจกหลัง เห็นรถตัวเองที่จ่ายมขับตามมาก็สั่งเสียงแข็ง
“จอดรถ”
สุรีกานต์เบ้หน้า
“กลัวล่ะสิ เห็นฝีมือฉันหรือยังล่ะ ฉันไม่ได้ไร้สมองอย่างที่นายคิดนะจะบอกให้”
“ผมบอกให้จอดรถ”
นฤเบศยกปืนขึ้นขู่ สุรีกานต์หวาดๆ
“จอดก็ได้ แค่นี้ทำไมต้องขู่กันด้วย”
สุรีกานต์เลี้ยวรถจอดข้างทาง นฤเบศรีบเปิดประตูลงไปจากรถ แล้วขึ้นรถไปกับจ่ายมทันที สุรีกานต์มองตามรถไป
“อ้าว เฮ้ย...ไอ้โจรเฮงซวย เห็นฉันเป็นแท็กซี่รึไง”
เสียงโทรศัพท์ของสุรีกานต์ดังขึ้น พลอยนิลโทรมา สุรีกานต์เหมือนนึกขึ้นมาได้ รีบรับสาย
“นิล คือ...”
“โซ่ แกอยู่ไหน ฉันโทรไปตั้งนานแล้ว ทำไมแกยังไม่ถึงอีก”
สุรีกานต์อึกอัก
“เอ่อ...คือ...นิล แกฟังฉันก่อนนะ”
“ไม่ฟัง ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ถ้าแกไม่อยากมาหาฉันก็บอกมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ปล่อยให้ฉันรอเก้อแบบนี้”
พลอยนิลตัดสายไปทันที สุรีกานต์หงุดหงิด
“โอ๊ย...วันนี้มันวันซวยของฉันเหรอไงเนี่ย”
นฤเบศกับจ่ายมขับรถไล่บี้ตามจับคนร้าย ลูกน้องเสี่ยนาถกับชายชุดดำยิงสู้ นฤเบศกับจ่ายมยิงตอบโต้ ไล่ตามอย่างไม่ลดละต่างฝ่ายต่างสาดกระสุนใส่กันไม่ยั้ง รถตู้ทีมเดอะซันตามมาสมทบ ประเสริฐขับรถ อัศวิน และปรีติช่วยยิงสกัดจับอีกแรง นฤเบศยิงล้อรถคนร้ายจนยางแตก รถเริ่มเสียหลักและจอดข้างทาง นฤเบศนำทีมเดอะซันเข้าล้อมจับลูกน้องเสี่ยนาถกับชายชุดดำ ทั้งคู่ชูมือยอมแพ้เดินลงจากรถ นฤเบศหยิบกระเป๋าต้องสงสัยมาเปิดพบยาบ้าอยู่เต็มกระเป๋า
จากนั้นนฤเบศนำกำลังไปจับกุมเสี่ยนาถและลูกน้องที่บ้าน เสี่ยนาถยอมรับสารภาพ
อ่านต่อหน้า 3
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 1 (ต่อ)
วันใหม่...นฤเบศเดินมาตามทางเดินในสำนักงานตำรวจ เพื่อจะไปพบรองมานพ นายตำรวจใหญ่ หัวหน้าของเขา ระหว่างทางเดินสวนกับมังกร หัวหน้าทีมเฉพาะกิจกองปราบปรามยาเสพติดอีกทีมหนึ่ง ที่ทำงานแข่งขันกับทีมเดอะซัน เป็นคู่แข่งของนฤเบศมาตั้งแต่สมัยเรียนนายร้อยด้วยกัน
“อ้าว นึกว่าใครที่ไหน มาพบท่านรองแต่เช้า ที่แท้ก็สารวัตรนฤเบศนี่เอง เอ...สงสัยพักนี้สารวัตรคนดังจะว่างงาน เลยมีเวลาเข้ามาประจบนายได้”
“นายเองก็คงว่างพอๆ กันสินะ ถึงได้มีเวลามาคอยจับผิดคนอื่นอยู่แบบนี้”
นฤเบศเดินหนี มังกรเหน็บแนม
“ขยันเข้าออกห้องนายบ่อยๆ อีกไม่กี่ปีก็คงจ่อตำแหน่งผู้กำกับสบายๆ แถม...”
นฤเบศพูดขัดขึ้น
“ถ้าฉันจะได้ตำแหน่งอะไร นั่นก็มาจากความสามารถและผลงานของฉัน ไม่ใช่อย่างอื่น ขอตัวก่อนนะสารวัตร ไม่อยากให้ท่านรองต้องรอ”
นฤเบศเดินจากไป มังกรมองตามอย่างแค้นๆ
นฤเบศเข้ามาพบรองมานพ รายงานผลการจับกุมคนร้าย
“คุณทำงานได้ดีมาก สารวัตรนฤเบศ” รองมานพยิ้มให้อย่างพอใจ
“ขอบคุณครับท่านรอง”
“ผมหวังว่าการจับกุมเสี่ยนาถ อาจจะเป็นประโยชน์กับคดีสำคัญที่ผมกำลังจะมอบหมายให้คุณทำ”
รองมานพยื่นแฟ้มคดีให้ นฤเบศรับแฟ้มมาถือไว้อย่างสงสัย
“ผมไว้ใจคุณนะสารวัตร”
พลอยนิลกับอุษณะยืนสบตาหวานซึ้งกันในสวนดอกไม้ อุษณะกำลังจะเอาปอยผม
พลอยนิลทัดหูให้ ทันใดนั้นเสียงสุรีกานต์ดังมา
“อ๊าย”
สุรีกานต์เดินเข้าไปกระชากแขนพลอยนิลออกมาจากอุษณะ เงื้อมือตบหน้าพลอยนิลเต็มแรงจนหน้าหัน
“ออกไปห่างๆ จากคุณชลของฉันนะ นังไพร่”
“หยุดนะ แอนนา คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย” อุษณะเข้าไปโอบพลอยนิล “บัวเป็นอะไรมั้ย”
“คุณปกป้องมันเหรอคะชล… แก นังบัว ฉันจะฆ่าแก”
สุรีกานต์โผเข้าจะทำร้ายพลอยนิล อุษณะพยายามห้าม ทั้งสองคนแอ็คติ้งเต็มที่ แต่พลอยนิลกลับยืนนิ่งๆ หน้าตาไร้อารมณ์ สุรีกานต์พยายามมองส่งซิกส์ให้พลอยนิลพูดบทของตัวเอง แต่พลอยนิลก็ยังเฉย อายอดนั่งจ้องมอนิเตอร์ตาไม่กระพริบอย่างลุ้นสุดๆ
“คัท”
ทีมงานทุกคนหยุดชะงัก เซ็งๆ อายอดหงุดหงิดเดินมาทางพลอยนิล เธอโวยวายใส่ทันที
“โอ๊ย จะคัทอีกกี่ร้อยครั้งคะเนี่ย”
อายอดไม่พอใจ
“นี่มันซีนอารมณ์นะ นางเอกยืนซังกะตายอย่างนี้ได้ยังไง อาต้องการน้ำตาน่ะน้ำตาไหลพราก แค่นี้ทำไม่ได้เหรอนิล”
“น้ำตานะคะอา ไม่ใช่น้ำประปา เปิดปุ๊บจะได้ไหลปั๊บ แล้วนิลก็ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนด้วย นิลขอพักชั่วโมงนึง ถ้าไม่ได้ ซีนที่เหลือวันนี้อาก็ยกกองไปได้เลยค่ะ”
ขาดคำพลอยนิลก็เดินสะบัดออกไป อายอดหงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้
“โว้ย...พักกองโว้ย”
ทีมงานทุกคนแยกย้าย อุษณะเซ็ง
“เอ่อ...เดี๋ยว โซ่ไปดูให้ค่ะ”
สุรีกานต์มองตามไปอย่างหนักใจ กับนิสัยชอบเอาแต่ใจของพลอยนิลแล้วรีบเดินตามไป
พลอยนิลเดินหน้าตาหงุดหงิดมามุมหนึ่งในบ้านที่ใช้ถ่ายทำละคร กดโทรศัพท์หาเนธาน แฟนหนุ่มของเธอ แต่เขาไม่รับสาย
“ทำบ้าอะไรอยู่นะธาน ทำไมไม่รับสาย”
สุรีกานต์วิ่งมาขวางทาง
“แกทำแบบนี้ไม่ถูกนะนิล”
“ก็แค่โทรศัพท์มันผิดตรงไหน แกมายุ่งอะไรด้วย”
“แต่นี่มันเวลางาน ทุกคนรอแกอยู่คนเดียว ไม่เกรงใจเขาบ้างรึไง”
พลอยนิลตะโกนใส่หน้า
“ฉันไม่มีอารมณ์ ถ้าไม่อยากรอก็เปลี่ยนนางเอกใหม่ไปเลยละกัน”
พลอยนิลยักไหล่ไม่แคร์แล้วเดินต่อ สุรีกานต์ตามมาคว้าแขนไว้
“แกทำอย่างนี้ไม่ได้นะ เป็นมืออาชีพหน่อยสิ”
“ฉันจะทำ ใครจะทำไม ถอยไปฉันกำลังอารมณ์ไม่ดี”
สุรีกานต์ไม่ถอยยังคงขวางไว้ พลอยนิลจ้องหน้า
“หรือว่าแกอยากให้ฉันทดเวลาพักไปเรื่อยๆ ก็ได้นะ ตามใจ”
สุรีกานต์ถอนหายใจจำต้องหลีกทาง พลอยนิลเดินออกไป กดโทรศัพท์ต่ออย่างหงุดหงิด สุรีกานต์มองตามแบบเหนื่อยใจสุดๆ แล้วเดินหันหลังกลับ
สุรีกานต์เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวหาของในกระเป๋าถือ บรรยากาศในห้องทั้งมืดทั้งวังเวง เธอเหลียวมองรอบห้องแบบหวาดๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากราวเสื้อผ้าที่แขวนผ้าไว้แน่นที่มุมหนึ่งของห้อง สุรีกานต์ตัวแข็งทื่อ จ้องราวเสื้อผ้าอย่างหวาดๆ
“ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ”
ราวเสื้อผ้าไหวโยกแรงขึ้น สุรีกานต์รีบหยิบสร้อยพระจากกระเป๋าถือมากุมไว้ แล้วเดินเข้าไปทางราวเสื้อผ้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ หลับตาปี๋ ชูสร้อยพระไปด้านหน้า ค่อยๆ หรี่ตามอง ทันใดนั้น วุ้นกรอบโผล่พรวดขึ้นมาหลังราวตากผ้า สุรีกานต์กรี๊ดอย่างตกใจ
“เจ๊ เป็นอะไร” วุ้นกรอบถามงงๆ
พายไก่โผล่ตามขึ้นมา สุรีกานต์มองสองคน
“พวกแกเองเหรอ ฉันก็นึกว่า...”
วุ้นกรอบมองสร้อยพระในมือสุรีกานต์
“โห่ เจ๊ อายุปูนนี้ยังไม่หายกลัวผีอีกเหรอเนี่ย”
“นั่นสิเจ๊ แต่จริงๆที่ยืนอยู่หน้าเจ๊น่ะ” พายไก่หันหน้าไปทางวุ้นกรอบ “น่ากลัวกว่าผีอีกนะ”
วุ้นกรอบฉุนกึก
“แกอยากตายใช่มั้ยพาย”
สุรีกานต์ส่ายหัวแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ วุ้นกรอบและพายไก่รีบเข้ามาประกบซ้ายขวา
“แหม ตบแย่งผู้ชายกับเพื่อนเลิฟจนหมดแรงมาเลยเหรอ”
วุ้นกรอบหัวเราะคิกคัก สุรีกานต์เหลือบตามองตาขวาง พายไก่กระซิบกับวุ้นกรอบ
“สงสัยวันนี้เจ๊อารมณ์ไม่ดี เลยไม่ขำด้วย” พายไก่หันมาพูดกับสุรีกานต์ “แหะๆ งั้นเราไปเปลี่ยนชุดฉากต่อไปกันดีกว่าเนอะเจ๊ ฉันเตรียมไว้แล้ว”
“ยัง พอดียังถ่ายไม่เสร็จน่ะ”
“อ้าว”
วุ้นกรอบกับพายไก่งงๆ มองหน้ากัน วุ้นกรอบพอจะเข้าใจ
“นี่สงสัยเพื่อนรักของเจ๊คงแผลงฤทธิ์อีกแล้วใช่มั้ย”
สุรีกานต์เซ็งๆ
“อือ ไม่รู้ไปอารมณ์เสียที่ไหนมา อายอดยังเข้าหน้าไม่ติดเลย”
วุ้นกรอบถอนใจ
“ไม่เห็นจะเดายากเลยเจ๊ โทรจิกผู้ชายไม่ได้อีกตามเคยน่ะสิ ถ้าฉันเป็นผู้ชายคงขยาดไม่อยากเข้าใกล้ เล่นอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆเหวี่ยงวีน 360 องศาแบบนี้ ว่าแต่ อยากรู้จังว่าตอนนี้ชีติดผู้ชายคนไหนอยู่”
เนธานว่ายน้ำอยู่ในสระของสปอร์ตคลับ เขาว่ายจนไปถึงขอบสระจึงโผล่ขึ้นจากน้ำ จับราวบันไดขึ้นจากสระโชว์หุ่นหล่อล่ำของนายแบบ แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ริมสระ
โดยมีสายตาสาวๆ จับตามองตามแววตาวิบวับ
เนธานหันไปโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์ให้ทุกคนตามประสาหนุ่มเจ้าชู้ เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เห็นที่หน้าจอขึ้นข้อความ miss call จากพลอยนิล 39 สาย เนธานทำหน้าเอือมๆ วางโทรศัพท์อย่างไม่สนใจ แล้วหันไปหว่านเสน่ห์ให้สาวๆ ต่อ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก เนธานหยิบมาดูขึ้นชื่อพลอยนิล ก็ถอนหายใจก่อนจะกดรับสาย
“ว่าไงจ๊ะ นิล”
พลอยนิลโมโห
“มัวทำอะไรอยู่ ทำไมเพิ่งรับสาย”
“พอดีผมติดงานอยู่น่ะ กำลังยุ่งมากด้วย” เนธานพูดพลางโปรยเสน่ห์สาวๆ ไม่หยุด
“ยุ่งมากจนไม่มีเวลารับสายนิลเลยเหรอคะ อย่าให้นิลจับได้นะว่าธานแอบไปกิ๊กสาวที่ไหนอยู่ ถ้านิลรู้ นิลเอาตายแน่”
“โธ่ นิล ผมยุ่งจริงๆ ไม่มีเวลาไปสนใจใครหรอก นิลก็รู้ว่าผมมีแต่คุณคนเดียว เอาอย่างนี้ดีกว่า เย็นนี้ผมไปรับนิลไปทานข้าวเป็นการไถ่โทษละกันนะ”
พลอยนิลกดวางโทรศัพท์ อารมณ์ดีขึ้น...เนธานกดวางโทรศัพท์หน้าตาเซ็งๆ หยิบเสื้อคลุมและผ้าเช็ดตัวเดินไปตามริมสระน้ำไม่ทันระวังจนเกือบชนกับแก้วดาราที่เดินมาพอดี เนธานประคองเธอไว้ไม่ให้ล้ม เขาเห็นหน้าแก้วดาราก็พึงใจในความสวย ส่วนแก้วดาราก็ปลื้มความหล่อของเขาเช่นกัน
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“สำหรับคนสวยอย่างคุณแก้วดารา ผมเต็มใจเสมอ”
แก้วดาราแกล้งทำแบ๊วตาโต
“คุณรู้จักแก้วด้วยเหรอคะ”
“นางเอกดาวรุ่งอย่างคุณแก้ว ไม่มีใครไม่รู้จักหรอกครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผม...”
เนธานยื่นมือให้ แก้วดารายื่นมือจับมือเขาพูดแทรกทันที
“ยินดีค่ะ คุณเนธาน”
เนธานท่าทางประหลาดใจที่แก้วดาราก็รู้จักชื่อของตน
“จริงๆ เราอยู่ในวงการเดียวกัน น่าจะทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกว่านี้นะคะ”
“ครับ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะครับ”
เนธานเดินผละจากแก้วดารา แต่ยังไม่วายหันมาสบตาเพื่อหว่านเสน่ห์ แก้วดารามองตามแววตาแสดงออกถึงความสนใจเช่นกัน เนธานเดินต่อยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ค่ำนั้น เนธานกับอุษณะนั่งคุยกันอยู่ในร้านอาหารด้วยกัน บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด
“สั่งอะไรก่อนมั้ย” อุษณะหันมามาถาม
“คุณมีธุระอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า ผมไม่มีเวลามาก”
“ใช่สิ เดี๋ยวนี้นายเป็นนายแบบดังแล้วนี่ แล้วไหนจะละครที่กำลังจะได้เล่นอีก แต่นายคงไม่ลืมใช่มั้ย ว่าก่อนที่นายจะมาถึงจุดนี้ได้ ฉันเคยช่วยอะไรนายไว้บ้าง” อุษณะยื่นมือไปกุมมือเนธาน “ถ้ายังไงเราไปรื้อฟื้นความหลังกันสักหน่อยดีมั้ย ไม่ได้คุยกันนานแล้ว ฉันคิดถึง...”
เนธานชักมือออกลุกพรวด
“ถ้าธุระของคุณคือเรื่องนี้ ผมว่าเราคงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก”
“คิดดีแล้วเหรอที่จะทำแบบนี้กับฉัน”
“มันก็จริงที่คุณเคยช่วยผมไว้ แต่คุณเองก็ได้ผลประโยชน์กลับไปเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้น ที่ผ่านมาถือว่าเราหายกัน ต่อไปนี้กรุณาอย่ามายุ่งวุ่นวายกับผมอีก…อ้อ...” เนธานควักเงินวางลงบนโต๊ะ “นี่ค่ากาแฟ ถือเป็นการขอบคุณที่เมื่อก่อนคุณเลี้ยงผมบ่อยๆ แต่ตอนนี้ผมมีเงินจ่ายเองแล้ว คุณน่าจะดีใจกับผมนะที่ผมโตขึ้นได้ขนาดนี้”
เนธานยิ้มร้าย เดินจากไป อุษณะโกรธ กำมือแน่น ทุบโต๊ะ
“ฉันทำให้แกดังได้ ฉันก็ทำให้แกดับได้เหมือนกัน คอยดู”
มังกรนั่งพาดขาไปกับโต๊ะอ่านหนังสือพิมพ์ฟุตบอลอย่างสบายใจอยู่ในห้องทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น องอาจถือแฟ้มรายงานเข้ามาวางบนโต๊ะ
“สารวัตรครับ ผมได้ยินมาว่าทีมเดอะซันมันได้คดีนั้นไปแล้วครับ”
มังกรชะงัก
“ว่าไงนะ”
“ก็คดีที่สารวัตรต้องการรับผิดชอบไงครับ ตอนนี้ท่านรองมอบหมายให้ไอ้พวกทีมเดอะซันทำไปแล้ว”
มังกรโมโห
“เป็นไปได้ไงวะ”
“แบบนี้ ที่เราวางแผนกันไว้ก็พังหมดสิครับ เสียทั้งหน้า ชวดทั้งเงินมหาศาล”
มังกรตบโต๊ะดังปัง
“ไอ้นฤเบศ กูไม่ยอมให้มึงทำงานสำเร็จง่ายๆ แน่”
อ่านต่อตอนต่อไป
ที่เซฟเฮ้าส์ทีมเดอะซัน...นฤเบศนั่งหัวโต๊ะในห้องประชุม จ่ายม อัศวิน ปรีติ และประเสริฐนั่งประจำที่ บนโต๊ะตรงหน้าทุกคนมีเอกสารข้อมูลของคดีวางไว้
“นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับคดีทั้งหมด ผมต้องการให้ทุกคนศึกษาอย่างละเอียด...จ่ายม ผมต้องการรายชื่อและประวัติบุคคลต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายทั้งหมด จ่าช่วยทำรายงานมาให้ผมด้วยนะ”
“ได้ครับสารวัตร รับรองไม่มีผิดหวัง”
“หมวดปรีติ ช่วยสืบประวัติเป้าหมายทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวอย่างละเอียดให้ผมด้วย”
“ได้ครับ เอ่อ...สารวัตรครับ จากคดีเสี่ยนาถที่งานเลี้ยงในโรงแรมคืนนั้น ผมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและเช็คประวัติแล้ว เป้าหมายที่เสี่ยนาถไปพบ คืนนั้นคือพ่อเลี้ยงกำธร เจ้าของธุรกิจไร่กาแฟทางภาคเหนือครับ”
นฤเบศครุ่นคิด
“พ่อเลี้ยงกำธรเหรอ”
“ครับ ผมลองเช็คประวัติดูแล้ว พ่อเลี้ยงกำธร ยังมีธุรกิจผิดกฎหมายอีกหลายแห่ง แถมยังเคยมีประวัติพัวพันเรื่องคดียาเสพติดกับนักค้ายาข้ามชาติด้วยครับ”
อัศวินเจ็บใจ
“เสียดายที่เสี่ยนาถ มันไม่ยอมซัดทอดใครเลย ไม่งั้นเราอาจจะลากคอพ่อเลี้ยงกำธรมาได้ด้วยอีกคน”
“ผมเชื่อว่าคนอย่างพ่อเลี้ยงกำธรไม่ยอมอยู่เฉยแน่ครับ ไม่มีเสี่ยนาถมันก็ต้องหาแหล่งทำเงินใหม่อย่างแน่นอน” ประเสริฐออกความเห็น
นฤเบศนิ่งคิด
“บางทีพ่อเลี้ยงกำธรอาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกับคดีใหญ่ที่เราเพิ่งได้รับมาก็ได้ ยังไงผมฝากหมวดช่วยเช็คประวัติพ่อเลี้ยงกำธรให้ละเอียดด้วยนะ”
“ครับสารวัตร” ปรีติรับคำ
บ้านนฤเบศ เป็นบ้านไม้ในสวนหลังเล็กๆ น่ารัก บรรยากาศร่มรื่น นฤเบศขับรถกระบะคันเก่ามาจอดที่โรงรถ หยิบแฟ้มรายงาน กระเป๋า และถุงของที่ซื้อมาแล้วลงจากรถ เขาเดินเข้าไปในบ้าน ผ่านรูปของพ่อในชุดตำรวจกับแม่ที่ประดับไว้ที่ฝาผนังบ้านในห้องนั่งเล่น เอาแฟ้มและกระเป๋าวางไว้บนโต๊ะ ก่อนเดินไปทางห้องครัว
ป้ามลผัดกับข้าวอยู่ในครัว นฤเบศค่อยๆ ย่องเอาถุงข้าวของที่ซื้อมาวางบนโต๊ะในครัว แล้วย่องเข้าไปทางด้านหลังป้ามลแล้วจี้เอว แกล้งตะโกน
“หยุดนะ ยกมือขึ้น นี่คือการปล้น”
ป้ามลตกใจ ยกมือทั้งที่ถือตะหลิวอยู่
“ว้าย คุณหนู เล่นอะไรเนี่ย ป้าตกใจหมด”
นฤเบศหัวเราะ ชะโงกหน้ามาดู
“ทำอะไรอยู่ครับป้า หอมจัง”
นฤเบศเดินวุ่นวายสำรวจในครัว แอบกินขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ
“แกล้งป้าแบบนี้ระวังจะอดกินนะคะ”
นฤเบศกอดแบบอ้อนๆ
“ผมรู้น่ะว่ายังไงป้าก็ไม่ปล่อยให้ผมหิวหรอก”
“ค่า ก็ใครจะปล่อยให้คุณหนูของป้า หิวโซ ผอมแห้ง แรงน้อย ได้ลงคอล่ะคะไม่งั้นจะไปสู้กับไอ้โจรผู้ร้ายไหวได้ยังไง”
นฤเบศอมยิ้มหันไปรื้อข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมาเพื่อจัดเข้าที่
“อุ้ยๆ ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวป้าทำเอง คุณหนูมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายแล้วลงมารอทานกับข้าวฝีมือป้าดีกว่า”
“ก็ได้ครับป้า”
นฤเบศเดินยิ้มอารมณ์ดีออกไป ป้ามลมองตามยิ้มอย่างเอ็นดู
ค่ำนั้น นฤเบศนั่งอ่านแฟ้มคดี หน้าเคร่งเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องนอน เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณหนูคะ ป้าเข้าไปนะคะ”
“ครับป้า”
ป้ามลถือแก้วนมมาวางที่โต๊ะ
“ดื่มนมอุ่นๆ ก่อนค่ะ สมองจะได้ปลอดโปร่งมีแรงทำงานต่อ”
“ขอบคุณครับ”
นฤเบศดื่มนมแล้วนั่งอ่านแฟ้มต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ ป้ามลยืนมองอย่างเอ็นดู นฤเบศเงยหน้าขึ้นมอง
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรครับป้า”
“ป้าชื่นใจแทนคุณท่านน่ะสิคะ ที่คุณหนูเดินตามรอยท่าน เป็นตำรวจที่ดีขยันขันแข็ง ถ้าคุณท่านทั้งสองคนยังอยู่คงจะภูมิใจ”
“ก็ผมเป็นลูกพ่อนี่ครับ”
“แต่เสียอย่างเดียว”
“อ้าว ยังดีใจไม่ทันเสร็จ โดนติแล้วเหรอเนี่ย ไหนผมมีข้อเสียอะไรครับป้า”
“มัวแต่ทำการทำงาน จนไม่สนใจหาคนมาดูแลซักที”
นฤเบศหัวเราะ
“หน้าอย่างนี้ แล้วก็บ้างานอย่างผม คงไม่มีใครอาสามาดูแลหรอกครับ”
“รู้ได้ไงคะ เขาแลกันจนเหลียวหลัง แต่คุณหนูไม่เลือกเองต่างหาก”
นฤเบศยิ้ม
“พูดเรื่องนี้ทีไรเงียบใส่ตลอด ป้าไม่กวนแล้วก็ได้ค่ะ ทำงานต่อเถอะ แต่อย่านอนดึกนักนะคะ”
“ครับป้า”
ป้ามลเดินออกไป สารวัตรนฤเบศมองกรอบรูปพ่อกับแม่ที่วางอยู่บนโต๊ะ พ่อแต่งชุดตำรวจเต็มยศ ส่วนแม่อยู่ในชุดผ้าไหมสีสดใส
นฤเบศยิ้มกับรูปพ่อและแม่
ฟากเนธานอยู่ในห้องนอนที่คอนโด เขานั่งดื่มหน้าเครียดหนัก เปิดดูรูปที่อุษณะส่งมาให้ในมือถืออีกครั้ง เป็นภาพกึ่งเปลือยของตัวเองกับอุษณะ เนธานกดลบรูปทิ้งก่อนปาโทรศัพท์มือถือลงบนโซฟาอย่างอารมณ์เสีย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหน้าจอโชว์ชื่ออุษณะ เนธานโมโห
“คุณทำแบบนี้ทำไม”
“ฉันก็แค่อยากเตือนใจให้นายนึกถึงอดีตที่เราเคยมีต่อกันก็แค่นั้น อ้อ...นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ ในกล้องฉันยังมีอีกเยอะ” อุษณะหัวเราะหึๆ สะใจ
“คุณต้องการอะไรกันแน่”
“นายเป็นคนฉลาด เรื่องแค่นี้คงคิดเองได้ นายคงไม่อยากให้รูปพวกนี้หลุดไปก่อนวันฟิตติ้งละครเรื่องแรกของนายใช่มั้ย”
อุษณะวางสายไป เนธานยิ่งเครียดหนัก พลอยนิลเปิดประตูห้องเข้ามาท่าทางโมโหมาก
“ธาน...ไหนบอกจะไปรับนิลไปทานข้าวไง แล้วทำไมถึงปล่อยให้นิลรอเป็นชั่วโมงแบบนี้ล่ะ พรุ่งนี้ธานก็ต้องบินไปถ่ายแบบที่อิตาลีทั้งอาทิตย์ แถมกลับมาก็ต้องฟิตติ้งละครอีก แล้วธานจะเอาเวลาที่ไหนมาให้นิลบ้าง”
เนธานยังคงเงียบ นั่งก้มหน้า ยกแก้วขึ้นดื่มต่ออย่างเซ็งๆ พลอยนิลกระชากแก้วเหล้าไปอย่างโมโห
“นิลถามทำไมไม่ตอบ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง”
เนธานตวาด
“กลับไปก่อนได้มั้ยนิล ผมอยากอยู่คนเดียว”
“ว่าไงนะ นี่ธานกล้าไล่นิลเหรอ ธานเป็นคนนัดนิลเองนะ ธานทำแบบนี้กับนิลได้ยังไง นิลไม่ยอมนะ”
พลอยนิลเข้าไปทุบตี เนธานระเบิดอารมณ์
“โธ่โว้ย”
พลอยนิลตกใจไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน สะบัดหน้าจะเดินออกไปอย่างโมโหเช่นกัน เนธานรีบเข้าไปโอบ
“ผมขอโทษ ผมเครียดกับงานมากไปหน่อย นิลอย่าเพิ่งไปเลยนะ”
เนธานเริ่มซุกไซ้ พลอยนิลยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
พลอยนิลกับเนธานนอนกอดกันอยู่บนเตียง พลอยนิลผุดลุกขึ้น
“ว่าไงนะ จะให้นิลไปขโมยรูปที่บ้านอุษณะงั้นเหรอ”
เนธานรีบสวมกอด
“น่านิล ช่วยผมหน่อยนะ ผมขอร้อง”
“แต่ธานก็รู้นี่ว่านิลกับอุษณะไม่ถูกกัน แล้วนิลจะช่วยธานได้ยังไง”
“ช่วงนี้นิลถ่ายละครกับเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ นิลก็ลองหาทางไปบ้านเขาให้หน่อยสิ พรุ่งนี้ผมก็ไปอิตาลีแล้ว อีกตั้งอาทิตย์กว่าจะกลับมา ถ้าขืนช้ากว่านี้อุษณะเอารูปออกมาประจาน จนผมต้องโดนถอดชื่อออกจากละครแน่ๆ”
พลอยนิลยังคงนิ่ง ครุ่นคิด
“นิล แค่นี้ทำให้ผมไม่ได้เหรอ ตั้งแต่คบกันมา ผมก็ทำให้นิลทุกอย่าง ตามใจทุกเรื่อง แม้แต่การยอมปกปิดเรื่องของเราเป็นความลับ”
“รูปนั้นมันสำคัญกับธานมากเลยเหรอ บอกนิลมาเดี๋ยวนี้นะว่ามันเป็นรูปอะไร”
“ผมไม่แน่ใจ แต่เดาว่ามันคงเป็นภาพสมัยก่อนเข้าวงการ” เนธานเสียงอ่อยๆ
พลอยนิลหน้าตื่น
“ภาพก่อนเข้าวงการ ภาพหลุดเหรอ”
“ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลยนะนิล แต่อุษณะมันขู่ว่าจะเอารูปไปเปิดเผยกับพวกนักข่าว เพราะฉะนั้น นิลต้องช่วยผมนะ สัญญามาด้วยว่าต่อให้มันเป็นรูปอะไรนิลก็จะเชื่อใจผมทุกอย่าง เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตาเห็นหรอกนะ”
“ตกลงเรื่องธานกับอุษณะมันยังไงกันแน่”
“โธ่นิล อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย ขอร้องล่ะ ทำเพื่อผมสักครั้งจะได้มั้ย”
เนธานกระชับอ้อมกอดพลอยนิลแน่นขึ้น พลอยนิลครุ่นคิด
วันใหม่...สุรีกานต์เดินถือถุงขนมหลายสิบถุงเข้ามาในกองถ่าย บรรยากาศในกองดูเซ็งๆ ทีมงานนั่งเบื่อๆกัน สุรีกานต์เห็นแล้วแปลกใจ อายอดนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์ดมยาดมยกใหญ่ มีสวัสดิการสาวคอยบีบนวดพัดวี สุรีกานต์เห็นอุษณะนั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนมุมหนึ่งจึงเดินเข้าไปหา
“วันนี้ทุกคนดูแปลกๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“ก็แม่เพื่อนรักของเธอแผลงฤทธิ์อีกแล้วน่ะสิ ไม่รู้ไปอารมณ์เสียมาจากไหน พอเหวี่ยงวีนเสร็จก็เชิดสะบัดไปเลย ทิ้งให้อายอดนั่งดมยาดมหมดไปครึ่งโหลแล้วมั้ง เฮ้อ...ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเธอทนคบกันมาได้ยังไง ต่างกันฟ้ากับเหว”
“ก็ทีณะยังทนเป็นคู่ขวัญกันมาได้ตั้งหลายปี ณะทนได้ยังไงฉันก็ทนได้อย่างนั้น แหละ”
พลอยนิลนั่งอยู่ในห้องแต่งตัว หน้าตาหงุดหงิดมาก เธอนึกถึงคำพูดของเนธานที่ขอร้องเธอเมื่อคืน
“คิดดูสิ อนาคตของผม อนาคตของเรา คุณคงไม่อยากให้ผมมีข่าวเสียหายไม่อยากให้อนาคตผมดับวูบใช่มั้ย...ได้ ถ้าคุณทำให้ผมแค่นี้ไม่ได้ล่ะก็ เราเลิกกันเถอะ”
พลอยนิลยังคงนั่งเครียด น้ำฝนเอาน้ำหวานมาเสิร์ฟแบบกล้าๆ กลัวๆ
“เอ่อ คุณนิลคะ น้ำเย็นๆ ค่ะ”
“ฉันไม่กิน ฉันสั่งแล้วใช่มั้ยว่าห้ามใครรบกวน จะไปไหนก็ไป”
พลอยนิลปัดแก้วน้ำหวานจนกระเด็นไปโดนน้ำฝนเต็มๆ น้ำฝนยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ รีบลนลานออกไป สวนกับสุรีกานต์ที่เดินเข้ามาพอดี พลอยนิลหันไปทางประตู เห็นสุรีกานต์เดินเข้ามาก็ชะงักไป เริ่มคิดแผนการได้ว่าจะให้สุรีกานต์ช่วยจึงเปลี่ยนเป็นคนละคน โผเข้ากอดเพื่อนทำเสียงเศร้า
“โซ่ แกต้องช่วยฉันนะ”
สุรีกานต์อึ้งๆ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอนิล”
“ฉันจะเล่า ก็ต่อเมื่อแกรับปากว่าจะช่วยฉัน”
“บอกมาก่อนว่าเรื่องอะไร”
พลอยนิลตะกุกตะกัก
“เอ่อ แกก็รู้ใช่มั้ยว่าณะไม่ค่อยชอบหน้าฉัน”
“อืม แล้วไง”
“เอ่อ… ก็มันขู่ฉัน จำคืนที่แกคะยั้นคะยอให้ฉันไปปาร์ตี้วันเกิดมันได้มั้ย วันนั้นฉันเมามาก แล้วอุษณะก็แอบถ่ายรูปฉันไว้ ตอนนี้มันขู่ฉันว่าจะเอาไปให้นักข่าว”
สุรีกานต์ไม่อยากจะเชื่อ
“ณะเนี่ยนะจะทำแบบนั้น”
พลอยนิลเริ่มโมโห เสียงแข็ง
“นี่แกไม่เชื่อฉันเหรอ แกเป็นเพื่อนฉันนะ”
“ฉันแค่สงสัยว่าแกไปมีเรื่องบาดหมางอะไรกับณะ เขาถึงมาขู่แกแบบนี้ มันไม่น่าจะเป็นไปได้”
“แต่มันเป็นไปแล้ว”
“ฉันว่าฉันไปถามณะเลยดีกว่า ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม”
พลอยนิลสะดุ้งเฮือก รั้งแขนไว้
“นี่แกจะบ้าเหรอ แค่นี้ก็รู้อยู่แล้วว่ามันต้องการดิสเครดิตฉัน...” พลอยนิลเสียงอ่อนลง “ขอร้องล่ะนะโซ่ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา แกรับปากได้มั้ยว่าแกจะช่วยฉัน เพราะถ้าแกไม่ช่วยฉันคราวนี้ ฉันเสียชื่อแน่ แกคงไม่อยากเห็นเพื่อนหมดอนาคตไปต่อหน้าต่อตาใช่มั้ย”
สุรีกานต์ชั่งใจ
“เอาเป็นว่า ฉันขอคิดดูก่อนละกัน”
พลอยนิลโผกอด
“ขอบใจมากนะโซ่”
สุรีกานต์อึดอัดลำบากใจ แต่พลอยนิลแอบยิ้มเพราะมั่นใจว่าเมื่อสุรีกานต์ต้องช่วยเธออยู่ดี
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ภายในห้องที่คอนโดของสุรีกานต์ มีรูปถ่ายขนาดใหญ่ของเธอประดับอยู่กลางห้อง มีชั้นวางรูปครอบครัวที่ถ่ายร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้ง พ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ และหลานชายวัย 7 ขวบ ไล่เรียงไปเป็นรูปถ่ายตอนรับ ปริญญาโทที่เมืองนอกกับเพื่อนๆ ชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ ไปจนถึงรูปถ่ายคู่กับพลอยนิลตั้งแต่เด็กๆ
มุมหนึ่งของห้องมีชั้นวางถ้วยรางวัลที่ได้รับจากการทำงานในวงการบันเทิงเรียงรายอยู่ สุรีกานต์ เดินเข้ามาในห้องก่อนทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟารับแขกอย่างเหนื่อยๆ คำพูดของพลอยนิลที่ขอร้องเธอยังดังก้องในหัว
“ขอร้องละนะโซ่ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา แกรับปากได้มั้ยว่าแกจะช่วยฉัน ถ้าแกไม่ช่วยฉันคราวนี้ ฉันเสียชื่อแน่ แกคงไม่อยากเห็นเพื่อนหมดอนาคตไปต่อหน้าต่อตาใช่มั้ย”
สุรีกานต์เหลียวมองรูปที่ถ่ายกับพลอยนิลซึ่งใส่กรอบวางอยู่บนชั้นตู้โชว์อย่างครุ่นคิด
วันใหม่...นฤเบศนั่งประชุมพร้อมทีมเดอะซัน เขาหันไปทางปรีติ
“เป็นไงบ้างหมวด ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมไหม”
“จากข้อมูลที่ได้มา เป้าหมายของเราจะเดินทางเข้ามาในประเทศอาทิตย์หน้า ส่วนรายละเอียดเรื่องอื่นๆ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ครับ”
“พ่อค้ายาระดับชาติแบบนี้ มันคงฉลาดพอตัว” จ่ายมบอก
นฤเบศหนักใจ
“งานนี้เราต้องรับมือกันหนักแน่ เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมล่ะกัน”
“ส่วนพ่อเลี้ยงกำธร เขาเป็นเอเย่นต์ใหญ่ในเมืองไทยที่เป้าหมายของเราติดต่อด้วยครับสารวัตร” ประเสริฐรายงาน
นฤเบศนิ่งคิด
“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ งั้นช่วงนี้เราคงต้องจับตาดูพ่อเลี้ยงกำธรเพิ่มด้วย”
ปรีตินึกได้
“อ้อ...สารวัตรครับ จากข้อมูลยังพบว่า เวลาเป้าหมายมาเมืองไทยแต่ละครั้ง ค่อนข้างระวังตัวมากเป็นพิเศษ และจะติดต่อเฉพาะคนสำคัญเท่านั้น นอกนั้นเวลาส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับเรื่องผู้หญิงครับ”
นฤเบศชะงัก
“ผู้หญิงเหรอ”
อัศวินคิดตาม
“แสดงว่าไอ้หมอนี่มันคงเจ้าชู้ตัวพ่อเลยนะเนี่ย แหมเสียดาย ทีมเราน่าจะมีตำรวจสาวๆ สวยๆ สักคนนะครับสารวัตร เผื่อจะได้ส่งไปล้วงความลับให้เราได้บ้าง”
นฤเบศครุ่นคิด
สุรีกานต์นั่งคุยงานอยู่ที่ร้านอาหารในคริสตัลพาร์ค กับพี่ติ๋ม ผู้จัดและ กุ๊กซึ่งเป็นทีมงานละคร
“ขอบคุณพี่ติ๋มมากนะคะ ที่ให้โอกาสโซ่ได้ร่วมงานกันอีกครั้ง”
“แหม ละครฟอร์มยักษ์ของช่องทั้งที จะขาดนางร้ายเบอร์หนึ่งฝีมือดีอย่างน้องโซ่ไปได้ยังไงล่ะคะ”
กุ๊กยิ้มชื่นชม
“น้องโซ่ทั้งเก่ง ทั้งมีความรับผิดชอบใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วยทั้งนั้นแหละค่ะ นี่ค่ะบท...ลองเอาไปอ่านดูก่อนพลางๆ นะคะ แล้วพี่กุ๊กจะติดต่อกลับไปอีกที”
“ได้ค่ะ ยังไงโซ่ต้องขอบคุณพี่ติ๋มและพี่กุ๊กอีกครั้งนะคะ”
สุรีกานต์เดินอย่างอารมณ์ดีมาตามทางเดินในคริสตัลพาร์ค โดยไม่ทันระวังทำให้รองเท้าส้นสูงตกร่องระหว่างพื้นซึ่งเป็นแผ่นไม้ หญิงสาวพยายามดึงแต่ดึงไม่ออก คนผ่านไปมาเริ่มมอง สุรีกานต์ยิ้มแหยๆ ก่อนจะหยิบแว่นกันแดดมาใส่ แล้วพยายามออกแรงดึงอีกครั้งแต่รองเท้าก็ยังติดอยู่ พอจะก้มกระโปรงค่อนข้างแคบก็ทำให้ก้มไม่สะดวก หญิงสาวเริ่มโมโหดึงรองเท้าสุดแรงจนรองเท้าหลุดลอยไป
กวิน นักธุรกิจหนุ่มหล่อไฮโซ ทายาทเจ้าของสนามกอล์ฟชื่อดังเดินผ่านมา รองเท้าสุรีกานต์ปลิวมาเฉียดหน้า กวินหลบแล้วรับไว้ได้ทันอย่างเฉียดฉิว ส่วนสุรีกานต์เสียหลักลงไปนั่งจ้ำเบ้ากับพื้น เธอมองตาม ทั้งเหวอทั้งอาย เมื่อเห็นหนุ่มหล่อยืนถือรองเท้าเธออยู่ในมือ กวินเดินเข้ามาหา ช่วยพยุงให้ลุกขึ้นอย่างสุภาพ ยื่นรองเท้าให้ สุรีกานต์รับมาถือไว้แบบเขินๆ
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า”
สุรีกานต์เหมือนตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วครู่ รีบสะบัดหัวเรียกสติ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่เมื่อกี้...”
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ มันเป็นอุบัติเหตุ”
สุรีกานต์โล่งใจ
“ไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
กวินเดินจากไป ก่อนชะงักหันกลับมาพูดยิ้มๆ
“ทีหน้าทีหลังก็เดินระวังๆ ด้วยนะครับ”
สุรีกานต์มองตามหลังกวินไปอย่างประทับใจ
กวินผลักประตูร้านเข้ามาในร้านอาหาร พี่ติ๋มหันไปเห็นพอดี
“อ้าว คุณกวิน มาพอดีเลย เชิญนั่งก่อนค่ะ”
กวินนั่งลง
“ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้องรอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เข้าใจ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอย่างคุณกวินต้องงานยุ่งเป็นธรรมดา”
กุ๊กแทรกขึ้น
“เสียดายนะคะ ถ้าคุณกวินมาเร็วกว่านี้อีกนิด จะได้เจอกับนางร้ายของเราค่ะ”
กวินชะงัก
“นางร้าย ใครเหรอครับ”
กุ๊กยิ้มแย้มบอก
“ก็โซ่ สุรีกานต์ นางร้ายเบอร์หนึ่งของวงการยังไงล่ะคะ”
กวินฉงนว่าสุรีกานต์คือใคร แต่ก็ยิ้มตอบไป
รองมานพอ่านแฟ้มในมืออย่างพิจารณา ก่อนเงยหน้าขึ้น
“สายลับหญิงเหรอ...น่าสนใจดีนะสารวัตร”
รองมานพมีท่าทางสนใจ นฤเบศยิ้มท่าทางมุ่งมั่น
ส่วนในสนามยิงปืน...นฤเบศและจ่ายมช่วยกันคัดเลือกสายลับหญิง...ผู้หญิง 5 คน ยิงปืนในสนามยิงปืน นฤเบศกับจ่ายมยืนดูอยู่ห่างๆ ทุกคนยิงเข้าเป้าหมด นฤเบศอมยิ้มพอใจ...ผู้หญิง 5 คนทดสอบการต่อสู้ มีสองคนสู้แพ้ นฤเบศกับจ่ายมจับตาดูอยู่ตลอด
ผู้หญิง 3 คน ในชุดราตรียาว เดินเข้ามาพร้อมกัน คนหนึ่งสะดุดชายกระโปรงล้มไม่เป็นท่า นฤเบศกุมขมับ อีกสองคนเดินต่อท่าทางไม่ค่อยมั่นใจ มานั่งที่โต๊ะกลางห้อง ก่อนแสดงท่าทางหัวเราะแบบมีจริตมารยา โพสต์ท่าปากเผยอเหมือนนางแบบ ทำท่าเซ็กซี่ยั่วยวน แต่ออกแนวขำๆ ทั้งคู่ นฤเบศถอนหายใจ ส่ายหน้าอย่างหนักใจ
กองละคร...สุรีกานต์เข้าฉากบู๊ เธอยิงปืนด้วยมาดเท่ห์ๆ ใส่คนร้ายกลุ่มใหญ่ จากนั้นเข้าฉากคิวบู๊ดุเดือดสุดๆ ตัวประกอบชาย 3 คนนอนแผ่หลาอยู่บนพื้น
ฉากต่อมา สุรีกานต์เข้าฉากในชุดรัดรูปเซ็กซี่ มาดสวยสง่าสุดๆ เดินเข้ามาในผับ ท่าทางกรีดกรายหยิบแก้วไวน์ยกขึ้นจิบดูดีมีเสน่ห์ ก่อนชม้ายตามองหว่านเสน่ห์ได้อย่างประทับใจสุดๆ
หน้าธนาคาร ย่านร้านค้า...สุรีกานต์เพิ่งเลิกกองจากฉากในผับใกล้ๆ เดินไปที่ลานจอดรถพร้อมวุ้นกรอบและพายไก่ ที่หัวเราะคิกคักเพราะนินทาคนนั้นคนนี้อย่างสนุกสนาน
“เลิกกองแล้ว ไปหาอะไรกินกันก่อนดีมั้ยเจ๊” วุ้นกรอบชวน
“ก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้ชักจะหมดแรงแล้ว”
ขณะเดียวกัน โจรวัยรุ่นเหล่มองหญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินออกมาจากธนาคารบริเวณนั้น มือกำลังถือกระเป๋าอย่างไม่ค่อยระวังนัก โจรวัยรุ่นวิ่งเข้าไปกระชากแล้วใส่ตีนผีหนีทันที หญิงกลางคนร้องลั่น
“ช่วยด้วย...โจรวิ่งราว กระเป๋าฉัน ใครก็ได้ช่วยจับที”
สุรีกานต์ วุ้นกรอบและพายไก่ชะงัก สุรีกานต์หันมองตามเสียงก็เห็นโจรวัยรุ่นวิ่งหน้าตั้งหลบหลีกผู้คนเพื่อจะออกไปทางถนนใหญ่
“วุ้น พาย! ตามไปเร็ว”
สุรีกานต์วิ่งนำออกไปก่อน ทิ้งให้สองคู่หูตาค้างแล้วก็วิ่งตามไปอย่างเสียไม่ได้
นฤเบศเดินคุยกับจ่ายมมาตามทางเดิน
“จะไหวมั้ยครับสารวัตร หรือว่าแผนนี้มันจะไม่เวิร์คครับ”
“อย่าเพิ่งถอดใจเลยน่า เรายังมีคนให้เลือกอีกเยอะไม่ใช่เหรอ”
“ผมกลัวจะเป็นแบบวันนี้อีกสิครับ”
เสียงร้องโวยวายทำให้นฤเบศหันไปมองทางถนน เห็นโจรวัยรุ่น สุรีกานต์ วุ้นกรอบและพายไก่วิ่งไล่กันเป็นขบวน จ่ายมมองตาม
“งานเข้าอีกแล้วจ่า”
นฤเบศรีบวิ่งเพื่อไปดักคนร้ายอีกทาง จ่ายมวิ่งตาม
“สารวัตร รอผมด้วย”
สุรีกานต์วิ่งตามคนร้ายเข้าไปในซอยอย่างไม่ลดละ แม้จะลำบากนิดหน่อยที่ตัวเองใส่กระโปรงและส้นสูง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้เลว”
โจรหันกลับหันมามองตามเสียงสุรีกานต์หน้าตื่นๆ วุ้นกรอบที่วิ่งรั้งท้ายหอบแฮ่กๆ
“เจ๊ เป็นสาวเป็นนาง เป็นดาราด้วย ทำไมบ้าระห่ำแบบนี้ นี่ของจริงไม่มีคัท ไม่มีเทคนะเจ๊ ทำไมแมนโคตรอย่างนี้”
สุรีกานต์ชี้โจรอย่างโมโห
“หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันเหนื่อยแล้วนะเว้ย... ฮึ่ย ได้ ไม่หยุดใช่มั้ย”
สุรีกานต์ ยกขาถอดส้นสูงแล้วปาออกไปสุดแรง รองเท้าส้นสูงลอยละลิ่วโดนหัวโจรอย่างจังจนแทบหน้าคะมำ สุรีกานต์ร้องเยส โจรหันขวับมาทางสุรีกานต์อย่างโมโห ปากระเป๋าที่ขโมยมาลงกับพื้นอย่างไม่สนใจ เดินหน้าถมึงทึงมาทางสุรีกานต์ทันที พายไก่กับวุ้นกรอบที่วิ่งตามมา มองไกลๆเห็นโจรกำลังจะเดินเข้าไปทำร้ายสุรีกานต์ก็ตาเหลือกทันที
“เฮ้ย เจ๊ งานงอกแล้วไง...นังพาย หล่อนวิ่งไปตามรปภ.นะ ฉันจะไปช่วยเจ๊เอง”
สั่งเสร็จวุ้นกรอบก็วิ่งไปทางสุรีกานต์ทันที พายไก่หันรีหันขวางอย่างตื่นๆ แล้ววิ่งไปอีกทาง นฤเบศวิ่งมาถึงเห็นสุรีกานต์ที่ทำท่าจะตกอยู่ในอันตราย จะรีบเข้าไปช่วย แต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้ชะงักเท้าอยู่อีกมุมหนึ่ง สุรีกานต์มองไม่เห็น สุรีกานต์ก้มตัวหลบโจรที่พุ่งเข้าใส่ ก่อนจะใช้ศอกฟันหลังไปทีนึง โจรโกรธยิ่งกว่าเดิม พุ่งเข้าใส่อีกครั้ง สุรีกานต์ฟาดกระเป๋าในมือไปที่หน้าโจรแล้วใช้ส้นสูงกดเหยียบไปที่เท้าของโจรจนร้องลั่นกุมเท้าอย่างเจ็บปวด สุรีกานต์ได้ทีเตะไปที่ขาของโจรจนมันหงายหลังล้มไม่เป็นท่า
“เจ๊ วุ้นมาช่วยแล้ว...”
วุ้นกรอบวิ่งมาแต่เกิดขาพันกันจนถลาไปด้านหน้า สุรีกานต์เบี่ยงหลบทัน โจรที่กำลังจะลุกขึ้นเลยโดนวุ้นกรอบล้มทับไปเต็มๆ สุรีกานต์ถอนหายใจอย่างโล่งอก พายไก่และรปภ. 2 คนวิ่งเข้ามาพอดีพายไก่ ชี้ไปที่โจร
“คุณรปภ.คะ จับมันเลยค่ะ”
รปภ.ทั้งสองวิ่งไปดึงวุ้นกรอบขึ้นมา พายไก่และสุรีกานต์รีบเข้าไปประคองอย่างทุลักทุเล รปภ.เข้ารวบตัวโจรที่นอนร้องโอดโอย ก่อนจะตะเบ๊ะมือขอบคุณสุรีกานต์และพวกแล้วลากโจรสิ้นฤทธิ์ออกไป สุรีกานต์เดินไปหยิบกระเป๋าที่โจรขโมยมาซึ่งตกอยู่บนพื้นถนน แล้วหยิบรองเท้าส้นสูงข้างที่ปาออกไปมามองอย่างทึ่งๆ กึ่งภูมิใจ หญิงกลางคนเจ้าของกระเป๋าวิ่งหน้าตาตื่นมาพอดี สุรีกานต์เลยยื่นกระเป๋าให้หญิงเจ้าของกระเป๋ารับมาอย่างดีใจ
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ”
“คราวหลังระวังหน่อยนะคะ เดี๋ยวนี้โจรมันชุมยิ่งกว่ายุงเสียอีก”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ คุณนี่เก่งจริงๆเลย...เอ๊ะ คุณใช่คุณโซ่ สุรีกานต์ที่เป็นดาราหรือเปล่าคะ”
สุรีกานต์ยิ้มทะเล้น
“แหม เหมือนขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
หญิงกลางคนชะงัก
“อ้าว ไม่ใช่เหรอคะ... ก็ว่าอยู่ เป็นดาราคงไม่มาทำอะไรแบบนี้ ยิ่งเป็นนางร้ายด้วย”
สุรีกานต์หุบยิ้ม
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
หญิงกลางคน ยิ้มให้อย่างจริงใจแล้วเดินจากไป สุรีกานต์บ่นเซ็งๆ
“เป็นนางร้ายแล้วทำดีไม่ได้หรือไง โลกพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ยังมีคนคิดว่านางร้ายในจอต้องหลุดมาร้ายนอกจออีกเหรอเนี่ย”
พายไก่ปลอบ
“เอาน่าเจ๊ คิดซะว่าเจ๊แสดงดีไงคนดูเลยติดภาพฝังใจ”
วุ้นกรอบหอบเหนื่อย
“แต่วันหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะเจ๊ เป็นคนดีแบบไม่คิดชีวิตเนี่ย”
สุรีกานต์ยิ้มให้วุ้นกรอบที่สภาพหมดท่าอย่างขำๆ
“เอาน่าถือว่าทบทวนวิชาไง เรียนคิวบู๊มาตั้งเยอะ เอามาใช้นิดหน่อยจะได้ไม่ลืม”
อึกมุมไม่ไกล นฤเบศยืนนิ่ง มองสุรีกานต์อย่างแปลกใจ จ่ายมอ้าปากค้าง เพิ่งได้สติ
“คุณโซ่ สุรีกานต์สุดยอด นางร้ายในดวงใจผมเลยครับสารวัตร แหม นอกจากจะสวยแล้วยังบู๊เก่งซะด้วย เล่นเอาไอ้โจรนั่นหมอบเลยทีเดียว ถ้าตำรวจหญิงในกองเราทั้งสวยทั้งเก่งอย่างนี้ได้สักคนก็ดีนะครับ”
นฤเบศมองนิ่ง สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
กลางดึกคืนนั้น สุรีกานต์นอนหลับอยู่ในห้องนอนที่คอนโด...เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น เธอควานหยิบมาดูเห็นชื่อพลอยนิล สุรีกานต์รับสายเสียงงัวเงีย เซ็งๆ
“ฮัลโหล”
พลอยนิลเสียงอ่อนๆ
“โซ่ แกออกมาหาฉันหน่อยได้ไหม”
สุรีกานต์งัวเงียคว้านาฬิกามาดู
“แต่นี่มันจะตีสามแล้วนะ”
“ได้ ถ้าแกไม่มา พรุ่งนี้แกมารับศพฉันด้วยแล้วกัน”
สุรีกานต์เด้งตัวขึ้นจากที่นอนตาสว่าง
“นิล...แกจะทำอะไรน่ะ อย่าเพิ่งทำอะไรบ้าๆ นะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
สุรีกานต์วิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาบนดาดฟ้าคอนโดพลอยนิล เห็นพลอยนิลยืนหันหลังชิดกับระเบียงดาดฟ้ากำลังเหม่อมองออกไป
“นิล แกอย่าทำอะไรบ้าๆนะ”
พลอยนิลหันมาทั้งน้ำตา
“แกต้องช่วยฉันนะ มีแกคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้”
สุรีกานต์ตกใจ
“ใจเย็นๆ นะนิล” สุรีกานต์ค่อยๆ ก้าวเข้าหา “แกยังมีฉันไง”
พลอยนิลสะอื้นโผเข้ากอด
“ธาน เขา...เขา”
“เลิกกันแล้วเหรอ”
“ยัง”
สุรีกานต์ชะงัก
“อ้าว แล้วแกร้องไห้ฟูมฟายจะฆ่าตัวตายทำไมเนี่ย”
“แต่ถ้าแกไม่ช่วยฉัน ธานเลิกกับฉันแน่ จำเรื่องที่ฉันเคยขอร้องให้แกช่วยได้มั้ย แกยังไม่ได้รับปากเลยนะว่าแกจะช่วยฉัน แกคงยังไม่ลืมใช่มั้ย ว่าฉันเคยช่วยแกไว้ยังไงบ้าง”
สุรีกานต์อึ้งเมื่อโดนเพื่อนทวงบุญคุณ
พลอยนิลย้ำความทรงจำ
“แกจำได้มั้ย ตอนมัธยม ฉันช่วยแกไว้ไม่ให้โดนไม้คฆาตีแสกหน้า ไม่งั้นป่านนี้แกคงสมองบวม หรือไม่ก็เสียโฉม ไม่ได้มาเป็นดาราดังแบบทุกวันนี้หรอก”
ในอดีต...สุรีกานต์ในชุดนักเรียนมัธยมกำลังซ้อมควงคฑาดรัมเมเยอร์ อยู่ที่สนามหญ้าของโรงเรียน โดยมีนักเรียนหญิงที่เป็นดรัมเมเยอร์อีกคนซ้อมอยู่ใกล้ๆ นักเรียนหญิงมัธยมซ้อมโยนไม้คฑาแต่พลาด ไม้คฑาลอยพุ่งตรงมาทางสุรีกานต์ เกือบจะโดนหน้าเต็มๆ...พลอยนิลที่ซ้อมโยนไม้คฑาอยู่อีกฝั่งหนึ่ง บังเอิญโยนไม้คฑาพลาดเหมือนกัน ไม้คฑาของพลอยนิลปัดไม้คฑาของนักเรียนหญิงให้พ้นจากสุรีกานต์ ทันพอดี สุรีกานต์ตาโตอ้าปากค้าง มองพลอยนิลอย่างซาบซึ้ง
พลอยนิลย้ำความทรงจำในอดีต ตอนเรียนมหาวิทยาลัย
“แล้วแกจำได้มั้ย ตอนเรียนมหาลัย หลังเลิกเรียนแกกำลังจะข้ามถนน แล้วจู่ๆ ก็มี
รถวิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้เกือบจะชนแกเข้า แล้วฉันก็เสี่ยงชีวิตตัวเองเข้าช่วยแกไว้ จนตัวเองขาหักต้องเข้าเฝือกอยู่เป็นเดือนๆ”
ในอดีต...หลังเลิกเรียน สุรีกานต์ในชุดนักศึกษากำลังจะข้ามถนนหน้ามหาวิทยาลัย รถยนต์คนหนึ่งแล่นตรงเข้ามาทางสุรีกานต์ เธอหน้าเหวอร้องอย่างตกใจ พลอยนิลเดินตามหลังมาบังเอิญเดินสะดุดลูกระนาดบนถนน แล้วพลาดไปผลักสุรีกานต์หลบรถได้ทัน แต่ตัวเองโดนรถชนแทน ต้องใส่เฝือกแข็งนอนในโรงพยาบาล สุรีกานต์ซาบซึ้งยิ่งขึ้น คอยดูแลปรนนิบัติ พลอยนิลอย่างดี
พลอยนิลย้ำความทรงจำในอดีตอีก
“แล้วที่สำคัญ ฉันแน่ใจว่าแกไม่มีวันลืม วันที่แกโดนมอมเหล้าที่อังกฤษ ฉันช่วยแก ให้พ้นเคราะห์จากไอ้บ้าหื่นกาม”
ในอดีต...บรรยากาศงานปาร์ตี้ของนักศึกษาต่างชาติ...นักศึกษาชายหญิงเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน นักศึกษาชายต่างชาติในสภาพเมามายหนักลวนลามสุรีกานต์ที่นอนอยู่บนโซฟามุมหนึ่งของห้อง สุรีกานต์พยายามปัดป้อง แต่สู้ไม่ไหว พลอยนิลเดินหัวเสียเข้ามา เห็นเพียงด้านหลังของชายนักศึกษาต่างชาติ แต่ไม่เห็นสุรีกานต์ที่ถูกบังไว้
“จะอะไรกันนักหนาเนี่ย”
พลอยนิลไม่สนใจมองหากระเป๋าตัวเอง เห็นวางอยู่บนชั้นตู้โชว์ที่อยู่หลังโซฟาข้างแจกันใบใหญ่ เหนือขึ้นไปตรงจุดที่ชายนักศึกษาต่างชาติอยู่พอดี พลอยนิลเอื้อมมือหยิบกระเป๋า แต่บังเอิญกระเป๋าพลาดใบโดนแจกันตกลงมาใส่ศีรษะนักศึกษาชายจนหงายหลังสลบไป พลอยนิลจึงเห็นสุรีกานต์ในสภาพตื่นกลัวมองมาทางพลอยนิลอย่างซาบซึ้ง น้ำตาคลอ
สุรีกานต์และพลอยนิลจ้องมองกันนิ่ง สุรีกานต์ครุ่นคิดหนักใจ
“ฉันเคยช่วยแกไว้ขนาดนี้ มันคงมากพอกับที่แกจะยอมช่วยปกป้องชื่อเสียงของฉันใช่มั้ย”
สุรีกานต์นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง
“ก็ได้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ”
พลอยนิลโผเข้ากอด
“ขอบใจแกมากนะโซ่ แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันจริงๆ”
“แต่แกต้องสัญญานะ ว่าจะไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนี้อีก”
“แกคิดเหรอว่าคนอย่างพลอยนิล จะโง่ ฆ่าตัวตายเพราะความรัก”
สุรีกานต์อึ้ง
“ก็ไหนแกบอกว่า...”
“เอาน่า ยังไงแกมาเพื่อจะตอบตกลงอยู่แล้วไม่เหรอ ห้ามผิดคำพูดล่ะ”
สุรีกานต์นิ่งอึ้ง พูดไม่ออก พลอยนิลเข้าไปกอดจากข้างหลังแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
นฤเบศและจ่ายมนั่งอยู่ในรถ ซุ่มดูความเคลื่อนไหวบริเวณหน้าบ้านพ่อเลี้ยงกำธรซึ่งอยู่เยื้องกับบ้านอุษณะ
“เราก็ซุ่มดูตั้งนานแล้ว ยังไม่เห็นไอ้พ่อเลี้ยงมีความเคลื่อนไหวอะไรเลย หรือว่ามันจะไหวตัวทัน เอาไงดีครับสารวัตร”
“ใจเย็น รอดูไปก่อน นี่แค่เที่ยงคืนเอง เตรียมอุปกรณ์เอาไว้ให้พร้อมละกัน”
จ่ายมหยิบกล้องถ่ายวีดีโอขึ้นมา
“เตรียมพร้อมทุกสถานการณ์อยู่แล้วครับสารวัตร”
สุรีกานต์ในชุดสายลับสีดำแบบในหนังขับรถมาจอดหน้าบ้านอุษณะซึ่งเยื้องไปจากบ้านพ่อเลี้ยงกำธรสองหลัง สุรีกานต์หยิบกุญแจบ้านอุษณะจากกระเป๋าขึ้นมามองอย่างชั่งใจ
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางวัน...สุรีกานต์เดินตรงไปยังมุมที่จัดไว้ให้นักแสดงได้พักผ่อน ทำเป็นยืนอ่านบทซ้อมบทไปเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เข้าไปใกล้กับกระเป๋าของอุษณะที่วางรวมๆ อยู่กับสัมภาระข้าวของอื่นๆ เธอแกล้งทำเป็นก้มอ่านบทในมือแต่ก็กวาดตามองรอบๆ อย่างกลัวมีใครมาเห็น แกล้งทำเป็นกางแขนบิดขี้เกียจแต่จริงๆ แล้วจงใจยืดแขนไปปัดโดนกระเป๋าของอุษณะให้ร่วงลงพื้น ของในกระเป๋าอุษณะกระจายอยู่บนพื้นรวมทั้งพวงกุญแจพวงโต เธอมองซ้ายมองขวาอย่างกลัวคนจะเห็น ทีมงานเดินผ่านไปมามองส่ายหน้า อย่างชินกับความโก๊ะของเธอ สุรีกานต์ยิ้มหวานกลบเกลื่อน รีบนั่งลงทำเป็นเก็บข้าวของที่กระจัดกระจาย และแอบหยิบกุญแจพวงโตมาถือไว้ในมือ
สุรีกานต์ยังคงมองกุญแจในมือนิ่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรับสาย
“ฉันอยู่หน้าบ้านณะแล้ว นิล ฉันว่าเราหาวิธีอื่นกันดีกว่ามั้ย”
“แกอย่าปอดแหกน่า ไม่มีอะไรหรอก อุตส่าห์ไปถึงที่แล้ว”
“แต่ว่า...”
“เถอะน่า ไม่ต้องห่วง วันนี้อุษณะต้องถ่ายละครกับฉันที่กองจนถึงเช้า ทางสะดวก”
สุรีกานต์วางสายเซ็งๆ รวบรวมความกล้าและเปิดประตูก้าวลงจากรถพร้อมไฟฉายในมือ แล้วค่อยๆ ย่องไป หลบซ้าย หลบขวา เหลียวมองรอบตัว จนไปถึงรั้วบ้าน สุรีกานต์ชูพวงกุญแจพวงใหญ่ในมือ ท่าทางเหนื่อยใจ ไขกุญแจรั้วบ้านของอุษณะ ขณะเดียวกันก็เหลียวมองบรรยากาศรอบๆ ตลอด เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีใครมาเห็น
สุรีกานต์พยายามไขกุญแจเปลี่ยนลูกกุญแจอยู่หลายดอกในที่สุดก็ไขรั้วบ้านได้สำเร็จ ถอนหายใจอย่าง โล่งอกแล้วรีบเข้าไปข้างใน โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของนฤเบศและจ่ายมที่ถือกล้องบันทึกภาพอยู่ในมือ จ่ายมหันไปมองสุรีกานต์
“ท่าทางพยานหลักฐานบ้านโน้น จะมัดแน่นกว่าบ้านพ่อเลี้ยงกำธรแล้วล่ะครับสารวัตร”
สุรีกานต์เดินผ่านสนามหญ้าบ้าน เหลียวมองซ้ายมองขวาเห็นศาลพระภูมิก็ยกมือไหว้
“ขออภัยนะคะท่าน ลูกไม่ได้ตั้งใจจะเป็นโจร แค่เขาวานให้มาเอาของ ขอเวลาสักเดี๋ยวก็จะกลับแล้วค่ะ อย่าถือสาลูกเลยนะคะ”
เธอยกมือสาธุ
สุรีกานต์ค่อยๆ แง้มประตูเข้ามาในบ้านอุษณะ บรรยากาศในบ้านมืดมาก เธอเปิดไฟฉาย ส่องไฟไปรอบๆ ก่อนจะดึงสร้อยพระที่คล้องคอขึ้นมาอธิษฐาน
“หลวงพ่อเจ้าขาพากันผนึกกำลังมาคุ้มครองลูกด้วยนะเจ้าคะ ขออย่าให้เคมีตรงกับผีตนไหนเลย สาธุ”
สุรีกานต์ยังทำท่าทางเป็นสายลับไม่เลิก จนชนโถแจกันที่วางประดับไว้เกือบตกแตก แต่โชคยังดีที่มือไวคว้าไว้ได้ทัน เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอเข้าไปในห้องนอนของอุษณะ สอดส่ายสายตามองหาของที่ต้องการก่อนจะสะดุดกับของที่เรี่ยราดบนพื้น ตั้งแต่นิตยสารผู้ชายหุ่นล่ำๆ ที่กองอยู่เป็นตั้ง เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเท้าก็ไปเกี่ยวกางเกงในจีสตริงสีชมพูประดับเพชรที่วางอยู่บนพื้น เธอคีบขึ้นมาดูก่อนจะร้องอี๋แล้วปล่อยลงบนพื้น สะบัดมืออย่างรับไม่ได้ เดินไปจนเห็นโต๊ะที่มีของวางไว้เกลื่อนกลาด สุรีกานต์หยิบมาดูอย่างอยากรู้อยากเห็นและประหลาดใจ เจอพวกเจลและอุปกรณ์แปลกๆก็ทำหน้าพะอืดพะอม
“ตกลงนี่มันเซ็กส์ช็อป หรือบ้านกันแน่เนี่ย”
สุรีกานต์หันหน้าหนีจนไปเจอกับพวกกรอบรูปและรูปแปะผนัง รีบเดินเข้าไปดูอย่างตื่นเต้น สุรีกานต์ไล่มองดูกรอบรูปบนผนังที่อุษณะถ่ายกับผู้ชายมากหน้าหลายตา บางคนก็เป็นคนในวงการบันเทิง
“อี๋...อีตานี่ก็เป็นด้วยเหรอเนี่ย...หือ นี่ก็ด้วย โห แอ๊บซะเนียนเชียว”
สุรีกานต์สนุกสนานจนลืมไปว่ากำลังทำเรื่องเสี่ยงอันตรายอยู่ พอนึกขึ้นได้ก็มองไปรอบๆห้อง เธอนึกถึงคำพูดของพลอยนิล
“รูปนั่นมันน่าจะอยู่ในกล้องของอุษณะ กล้องสีแดงๆ ฉันจำได้”
สุรีกานต์ครุ่นคิด
“กล้องสีแดงเหรอ”
สุรีกานต์เดินรื้อค้นไปทั่วทุกมุมห้อง ไม่ว่าจะตู้ โต๊ะ เตียง ชั้นหนังสือ ชั้นวางของ ทั้งปีนทั้งมุด ก้มๆเงยๆ จนสุดท้ายก็นั่งหอบอยู่ตรงโซฟาปลายเตียง
“ไม่เห็นมีเลย”
สุรีกานต์เอนตัวพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นกล้องสีแดงโผล่ออกมาจากกระเป๋ากล้องสีหวานที่มีกระเป๋าซิบเล็กๆ อยู่ด้านหน้า วางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์มีหนังสือวางทับอยู่ เธอพุ่งตรงไปหยิบกล้องทันที เปิดดูเห็นรูปปาร์ตี้วันเกิดของอุษณะธรรมดาทั่วไป 2-3 รูป แล้วกล้องก็แบตหมดเสียก่อน
“อ้าว มาหมดอะไรตอนนี้เนี่ย...” สุรีกานต์นิ่งคิด “เอาไปทั้งหมดนี่เลยละกัน”
สุรีกานต์เอากล้องใส่กระเป๋ากล้องตามเดิม โดยที่ไม่รู้ว่ามีซองยาเสพติดอยู่ในกระเป๋าเล็กๆ ด้านหน้า สุรีกานต์รีบออกจากห้องอุษณะด้วยความดีใจ
สุรีกานต์ค่อยๆ ปิดประตูรั้ว พอปิดเสร็จก็หยิบกระเป๋ากล้องที่ขโมยมามองอย่างภูมิใจในความเก่งของตัวเอง ทันใดนั้นก็มีมือชายคนหนึ่งมาดึงกระเป๋ากล้องไปจากมือของเธออย่างรวดเร็ว พอหันมาก็เห็นนฤเบศและจ่ายมยืนถือปืนเล็งมาทางตน สุรีกานต์อ้าปากค้าง นฤเบศชูป้ายแสดงสัญลักษณ์ว่าเป็นตำรวจ
“สงสัยเรามีเรื่องต้องคุยกันแล้วล่ะ”
อ่านต่อตอนที่ 2