xs
xsm
sm
md
lg

เจ๋ง! ศิริราช สลายต้อกระจกด้วยเลเซอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจ๋ง! ศิริราช สลายต้อกระจกด้วยเลเซอร์สำเร็จแห่งแรกของโรงเรียนแพทย์ไทย ใช้เวลารักษา 20-30 นาที เผยมีผู้รักษาแล้ว 32 ราย ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

วันนี้ (8 ก.ค.) เวลา 10.00 น. ตึกอำนวยการ ชั้น 2 โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล จัดแถลงข่าว “ศิริราชสลายต้อกระจกด้วยเลเซอร์สำเร็จ แห่งแรกของโรงเรียนแพทย์ไทย” โดยมี ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เป็นประธานและผู้ดำเนินงาน ร่วมด้วย รศ.นพ.สุโรจน์ ศุภเวคิน รองผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช รศ.พญ.จุฑาไล ตันฑเทอดธรรม หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา ศ.นพ.สบง ศรีวรรณบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์รักษาสายตา SiLASIK (เอส ไอ เลสิก) และแพทย์ผู้สลายต้อกระจกตาด้วยเลเซอร์ และทีมจักษุแพทย์ รศ.นพ.อดิศักดิ์ ตรีนวรัตน์ ผศ.พญ.กนกรัตน์ พรพาณิชย์ โดยมี รศ.นพ.ปรีชา สุนทรานันท์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม เป็นพิธีกร

รศ.พญ.จุฑาไล ตันฑเทอดธรรม หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา กล่าวว่า ต้อกระจก เป็นโรคของเลนส์ตาที่มีความขุ่น โดยปกติเลนส์ตาจะใสและนิ่ม แต่เมื่อคนเราอายุมากขึ้น เลนส์ตาจะแข็งและขุ่นปิดกั้นไม่ให้แสงผ่านเข้าไปในตา ทำให้การมองเห็นลดลง ต้อกระจกส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ สาเหตุ จากความเสื่อมของเลนส์ แต่ก็อาจเกิดจากโรคทางตาอื่น ๆ เช่น ม่านตาอักเสบ ตาติดเชื้อ การได้รับอุบัติเหตุทางตา และการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งเสริมให้เกิดต้อกระจก ได้แก่ โรคเบาหวาน การ สูบบุหรี่ โรคขาดสารอาหาร การได้รับแสงแดดเข้าตาเป็นเวลานานๆ

นอกจากนี้ต้อกระจกยังพบได้ในเด็กแรกเกิด ซึ่งอาจเป็นผลจากการติดเชื้อระหว่างอยู่ในครรภ์มารดาได้ การรักษา เริ่มตั้งแต่การใส่แว่น การหยอดตา และถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้องรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดต้อกระจกในปัจจุบันได้รับการพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับว่าปลอดภัย ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว และให้ผลดี ที่นิยมคือ การผ่าตัดนำเลนส์ตาที่ขุ่นออกแล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียม ซึ่งการผ่าตัดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) เป็นวิธีผ่าตัดที่ได้รับความนิยมมาก จนมาถึงนวัตกรรมล่าสุด คือ การนำแสงเลเซอร์มาช่วยในการสลายต้อกระจก ซึ่งจะทำให้การผ่าตัดแม่นยำมากขึ้น และการมองเห็นกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

“การรักษาต้อกระจกมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับเป็นมากเป็นน้อย ถ้าหากยังเป็นไม่มาก ใช้ยาหยอดตาเพื่อชะลอการเสื่อม ถ้าเป็นมาถึงขั้นที่มีปัญหากับการดำเนินชีวิต อย่างเช่นขับรถไม่ได้ อ่านหนังสือไม่ได้ ต้องใช้วิธีการผ่าตัด เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นแล้วใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม และการใช้แสงเลเซอร์มาสลายต้อกระจก ซึ่งทำให้ขั้นตอนการรักษารวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังผ่าตัดจะต้องพัก 1 เดือนไม่ยกของหนักและอย่าให้น้ำเข้าตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ” รศ.พญ.จุฑาไล กล่าว

ศ.นพ.สบง ศรีวรรณบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์รักษาสายตา SiLASIK และแพทย์ผู้สลายต้อกระจก ด้วยเลเซอร์กล่าวว่า สำหรับการผ่าตัดโดยนำแสงเลเซอร์มาสลายต้อกระจก จะใช้ Femtosecond laser (เฟมโตเซคเคิลเลเซอร์) ซึ่งเป็นแสงเลเซอร์ชนิดเดียวกับที่ศูนย์เลสิกศิริราชใช้ในการรักษาผู้ที่มีภาวะสายตาผิดปกติ สั้น ยาว เอียง รวมถึงการผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา ซึ่งทางศูนย์รักษาสายตา SiLASIK ได้มีการนำเลเซอร์ชนิดนี้มาใช้ในการรักษาภาวะสายตาผิดปกติเป็นแห่งแรกในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2552 และในปัจจุบันทางภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ยังเป็นโรงเรียนแพทย์แห่งแรกที่ นําเทคโนโลยีกลุ่มเดียวกันนี้มาช่วยในการผ่าตัดสลายต้อกระจก โดยที่ Femtosecond Laser จะทำหน้าที่แทนใบมีดในการเปิดแผลที่กระจกตาและเปิดถุงหุ้มเลนส์ตา ซึ่งแสงเลเซอร์สามารถกำหนดขนาดและรูปแบบที่ต้องการได้แม่นยำกว่าการใช้ใบมีดแบบเดิม ทั้งแผลยังมีความเรียบและสมานตัวได้ดีกว่า จากนั้นทำการสลายต้อกระจกด้วยแสงเลเซอร์ แล้วดูดเอาต้อกระจกที่สลายแล้วออก และทำการใส่เลนส์แก้วตาเทียมให้ผู้ป่วย ทั้งนี้การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที โดยที่การใช้แสงเลเซอร์ช่วยในการสลาย ต้อกระจกอาจจะยังไม่เหมาะกับต้อกระจกที่สุกมากเกินไป ผู้ที่มีความขุ่นของกระจกตาหรือการอักเสบในตา รวมถึงที่สำคัญยังมีค่าใช้จ่ายสูงอยู่ หลังผ่าตัดผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวในการมองเห็นได้เร็ว สามารถลุกขึ้นทำกิจกรรมเบาๆ ได้ โดยจะนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือไม่ก็ได้

ซึ่งการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวก็มีข้อจำกัด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่กระจกตามีรอยแผลเป็น หรือสุกมากเกินไป ลักษณะเป็นฝ้าสีขาว แสงเลเซอร์จะยิงไม่ผ่าน

รศ.พญ.จุฑาไล กล่าวด้วยว่า ต้อกระจกเป็นโรคที่พบได้บ่อย สามารถรักษาให้การมองเห็นกลับมาปกติได้ หากได้รับการตรวจวินิจฉัยและได้รับการรักษาในระยะที่เหมาะสม การผ่าตัดรักษาต้อกระจกในปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัยและได้ผลดี การรู้จักดูแลถนอมดวงตา อาจช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกได้ โดยรับประทานผักใบเขียว ผักหรือผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและมีวิตามินเอสูง เช่น ฟักทอง แครอท มะเขือเทศ มะละกอสุก กล้วย หรือรับประทานอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูง เช่น ปลา ตับสัตว์ นม และเนย งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดหรือรังสีอัลตราไวโอเลต โดยสวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้งหรือหลีก เลี่ยงการจ้องมองดวงอาทิตย์โดยตรง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พักสายตาเป็นระยะเมื่อต้องใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานาน จัดระยะการมองรวมทั้งจัดแสงสว่างให้เหมาะสมในระหว่างการทำงาน ผู้ที่ทำงาน ที่มีโอกาสเสี่ยงต่ออุบัติเหตุของดวงตา ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันระหว่างทำงาน รวมถึงการใช้ยาหยอดตา ทุกชนิด ต้องมั่นใจว่าจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียกับดวงตา หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง สำหรับ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวานหรือผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคตา ควรได้รับการตรวจสุขภาพตาโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวว่า การสลายต้อกระจกด้วยเลเซอร์นั้น นับเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษา ซึ่งผู้ป่วยเลือการรักษาด้วยวิธีนี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากสิทธิที่ถืออยู่ประมาณ 28,000-30,000 บาท อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 32 ราย และจากการติดตามผลการรักษาพบว่าผู้ป่วยกับมาใช้ชีวิตได้ดั่งเดิม
สำหรับผู้สนใจสามารถขอรับคำแนะนำได้ที่ โทร.0 2419 8032, 0 2419 8037 และ 08 8949 3241 และดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.si.mahidol.ac.th/th/department/opthalmology/


กำลังโหลดความคิดเห็น