ช่วงนี้ฝนตกกระหน่ำ เราๆท่านๆต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เช่นเดียวกับรถยนต์ที่ต้องได้รับการดูแลตามสมควรครับ “ยางรถยนต์”ที่รับหน้าที่สำคัญ ด้วยการเป็นอัตราทดสุดท้ายในการถ่ายทอดพลังขับเคลื่อนลงสู่พื้นถนน และการชะลอหยุด ดังนั้นการใช้ยางที่มีประสิทธิภาพย่อมแปรผันโดยตรงกับความปลอดภัยในชีวิตของท่าน
เหนืออื่นใดยางรถยนต์ยังรับหน้าที่ในการช่วยลดแรงกระแทกจากพื้นถนนเข้าสู่ห้องโดยสาร ที่ชอบพูดกันว่า “ยางนุ่มเงียบ” นั่นละครับ ซึ่งใครกำลังมองหายางใหม่ หรือคิดจะเปลี่ยนยางในหน้าฝนแบบนี้ ค่าย“มิชลิน”ก็เพิ่งเปิดตัว “ไพรมาซี่ 3 เอสที” (Michelin Primacy 3ST) เข้ามาเป็นทางเลือกในกลุ่มรถยนต์นั่งระดับคอมแพกต์ (อัลติส,ซีวิค ฯ) รถยนต์นั่งขนาดกลาง (คัมรี่,แอคคออร์ด ฯ) ไปจนถึงพวกรถหรูยุโรปทั้งหลาย (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี,อี,เอส-คลาส ฯ)
โดยยาง“ไพรมาซี่ 3 เอสที” จะเข้ามาทำตลาดแทน “ไพรมาซี่ แอลซี” มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 15 - 19 นิ้ว ราคา 3,500-9,700 บาท และแน่นอนว่ายางใหม่ใส่เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาใหม่มาเพียบ ดังนั้น “มิชลิน” จึงจัดการทดสอบให้กับดีลเลอร์-ร้านค้าผู้จำหน่าย สื่อมวลชนไทยและเอเชีย ได้ประจักษ์กันไปเมื่อเร็วๆนี้ ที่สนามโบนันซา สปีดเวย์ เขาใหญ่
…ทั้งนี้มิชลินเพิ่งเปิดแบรนด์แคมเปญใหม่คือ Total Performance ด้วยแนวคิดผลิตยางให้ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า อันสอดคล้องกับการพัฒนา“ไพรมาซี่ 3 เอสที” ที่มิชลินคุยว่าให้ทั้งความนุ่ม เงียบ ปลอดภัย และใช้ได้นาน
ด้วย 4 เทคโนโลยีที่มิชลินใส่เข้ามาในยาง“ไพรมาซี่ 3 เอสที” พร้อมตั้งเป็นคำเท่ๆ แทนการสื่อสารเพื่อความเข้าใจง่ายๆ ทั้ง FlexMax, StabiliGrip, EvenPeak และ CushionGuard
เริ่มจาก FlexMax เทคโนโลยีที่ผสานสูตรเนื้อยางที่มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมออกแบบบล็อกดอกยางแบบตัดมุมช่วยป้องกันการโก่งตัวของดอกยาง ช่วยให้หน้าบล็อกดอกยางสัมผัสถนนได้เต็มที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนให้ดียิ่งขึ้น
ขณะที่เทคโนโลยี StabiliGrip จะใช้แถบยางเสริมพิเศษในร่องดอกยาง ที่สามารถล็อกดอกยางแต่ละบล็อกไว้ด้วยกัน (Self-locking) ช่วยเพิ่มความมั่นคงของดอกยาง เพิ่มสมรรถนะการควบคุมบนถนนแห้ง ขณะเดียวกันด้วยร่องขนาดเล็กจำนวนมาก ยังช่วยรีดน้ำและตัดฟิล์มน้ำ เพื่อความปลอดภัยบนถนนเปียกได้เป็นอย่างดี
ส่วนเทคโนโลยี EvenPeak จะออกแบบลายดอกยางให้มีความกว้างที่แตกต่างกัน ช่วยกระจายคลื่นความถี่เสียงรบกวนออกให้อยู่ในระดับเดียวกันตลอดการขับขี่ เพื่อความนุ่มและเงียบภายในห้องโดยสาร แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ลดประสิทธิภาพด้านการควบคุม และการเบรกลงไป
สุดท้ายเทคโนโลยี CushionGuard คือการออกแบบแก้มยางให้มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมชั้นเนื้อยางพิเศษจะช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและซึมซับแรงกระแทกจากพื้นถนน
...เพื่อเป็นการพิสูจน์เทคโนโลยีดังกล่าว ทีมงานมิชลินได้แบ่งการทดสอบเอาไว้หลากหลาย อย่างสถานีที่ผู้เขียนประทับใจคือ การลองขับบนสนามเปียก ด้วย“โตโยต้า คัมรี่ รุ่น 2.0 ลิตร” คันหนึ่งประกบยางขนาด 215/55 R17 ของ“มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที” และอีกคันหนึ่งใช้ยางขนาดเดียวกันของคู่แข่ง“บริดจสโตน ทูรันซ่า จีอาร์90”
โดยขับสลับคันละ 2 - 3 รอบ ผ่านโค้งสั้น-โค้งยาว ใช้ความเร็วประมาณ80 กม./ชม. แม้จะว่าไปผู้เขียนแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างยางทั้งสองรุ่น แต่ต้องยอมรับประสิทธิภาพของยาง“มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที” สมราคาคุยครับ หนึบหนับ แถมควบคุมได้แม่นยำ...ยอมรับว่า “เนียนกริ๊ปจริงๆ”
นอกจากนี้ในเรื่องประสิทธิภาพการเบรก ผู้เขียนมีโอกาสได้ทดสอบด้วยการไล่ความเร็วไปแถวๆ 100 กม./ชม. จากนั้นเหยียบเบรกเต็มแรง ซึ่งคัมรี่และ“มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที” ทำระยะเบรกได้ตามความคาดหมาย และไม่ต้องลุ้นเหนื่อยครับ ทั้งนี้มิชลินเคลมว่า ยาง “ไพรมาซี่ 3 เอสที” จะมีระยะเบรกบนถนนเปียกสั้นกว่ายางรุ่นเก่า “ไพรมาซี่ แอลซี” ถึง1.6 เมตร และสั้นกว่ายางคู่แข่งถึง 2.9 เมตรเลยทีเดียว
อีกสถานีเป็นการสัมผัสถึงความนุ่มเงียบ คราวนี้ใช้ “โตโยต้า คัมรี่ รุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร” พร้อมเปรียบเทียบ“ไพรมาซี่ 3 เอสที” กับยาง “โยโกฮามา แอดวานซ์ เดซิเบล” ขนาด 215/55 R17 โดยขับผ่านอุปสรรคที่ทีมงานวางสายเคเบิ้ลขวางถนนไว้(ประมาณรอยต่อของถนน)
เช่นกันครับผู้เขียนขับเปรียบเทียบอยู่ 5-6 รอบ แม้เสียงจากพื้นถนนที่สะท้อนเข้ามาภายในห้องโดยสาร อาจจะวัดด้วยหูตัวเองลำบากว่าใครดังกว่าใคร แต่จังหวะผ่านอุปสรรคนั้นยาง“ไพรมาซี่ 3 เอสที” ผ่านไปได้แบบนุ่มสบาย และเหมือนจะเนียนกว่าคู่แข่งจากญี่ปุ่นอยู่นิดๆ
อย่างไรก็ตามในเรื่องของเสียงที่ดังเข้ามาภายในห้องโดยสาร แม้ผู้เขียนจะจับแบบจังๆไม่ได้ว่ายางตัวไหนดีกว่ากันแต่ทีมงานเข้าโหลดแอปพลิเคชัน ตรวจจับคลื่นเสียงลงในไอแพด และวัดผลออกมาเป็นกราฟครับ สรุป...ไม่ว่าจะขับกี่รอบ “โตโยต้า คัมรี่” คั นที่ใช้ยาง“ไพรมาซี่ 3 เอสที” จะมีเสียงดังเข้ามาน้อยกว่า
สำหรับ “มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที” พัฒนาเพื่อตอบสนองตลาดเอเชียแปซิฟิกโดยเฉพาะ ซึ่งลูกค้าในภูมิภาคนี้นิยมยางที่ให้ความนุ่มเงียบ (ST ย่อมาจาก Silence Tuned) ส่วนการทดสอบครั้งนี้ ผู้เขียนยืนยันในประสิทธิภาพด้านต่างๆของ“ไพรมาซี่ 3 เอสที” ได้ระดับหนึ่ง ด้วยปัจจัยที่มีการควบคุมไว้หลายอย่าง แถมยางใหม่ยังไงก็เยี่ยม ดังนั้นอย่าเชื่อผู้เขียนครับ ลองจัดใส่รถของท่านสักชุด ใช้ไปสักปี แล้วได้ผลเป็นอย่างไร?...รบกวนแจ้งผู้เขียนด้วย!!!
เหนืออื่นใดยางรถยนต์ยังรับหน้าที่ในการช่วยลดแรงกระแทกจากพื้นถนนเข้าสู่ห้องโดยสาร ที่ชอบพูดกันว่า “ยางนุ่มเงียบ” นั่นละครับ ซึ่งใครกำลังมองหายางใหม่ หรือคิดจะเปลี่ยนยางในหน้าฝนแบบนี้ ค่าย“มิชลิน”ก็เพิ่งเปิดตัว “ไพรมาซี่ 3 เอสที” (Michelin Primacy 3ST) เข้ามาเป็นทางเลือกในกลุ่มรถยนต์นั่งระดับคอมแพกต์ (อัลติส,ซีวิค ฯ) รถยนต์นั่งขนาดกลาง (คัมรี่,แอคคออร์ด ฯ) ไปจนถึงพวกรถหรูยุโรปทั้งหลาย (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี,อี,เอส-คลาส ฯ)
โดยยาง“ไพรมาซี่ 3 เอสที” จะเข้ามาทำตลาดแทน “ไพรมาซี่ แอลซี” มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 15 - 19 นิ้ว ราคา 3,500-9,700 บาท และแน่นอนว่ายางใหม่ใส่เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาใหม่มาเพียบ ดังนั้น “มิชลิน” จึงจัดการทดสอบให้กับดีลเลอร์-ร้านค้าผู้จำหน่าย สื่อมวลชนไทยและเอเชีย ได้ประจักษ์กันไปเมื่อเร็วๆนี้ ที่สนามโบนันซา สปีดเวย์ เขาใหญ่
…ทั้งนี้มิชลินเพิ่งเปิดแบรนด์แคมเปญใหม่คือ Total Performance ด้วยแนวคิดผลิตยางให้ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า อันสอดคล้องกับการพัฒนา“ไพรมาซี่ 3 เอสที” ที่มิชลินคุยว่าให้ทั้งความนุ่ม เงียบ ปลอดภัย และใช้ได้นาน
ด้วย 4 เทคโนโลยีที่มิชลินใส่เข้ามาในยาง“ไพรมาซี่ 3 เอสที” พร้อมตั้งเป็นคำเท่ๆ แทนการสื่อสารเพื่อความเข้าใจง่ายๆ ทั้ง FlexMax, StabiliGrip, EvenPeak และ CushionGuard
เริ่มจาก FlexMax เทคโนโลยีที่ผสานสูตรเนื้อยางที่มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมออกแบบบล็อกดอกยางแบบตัดมุมช่วยป้องกันการโก่งตัวของดอกยาง ช่วยให้หน้าบล็อกดอกยางสัมผัสถนนได้เต็มที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนให้ดียิ่งขึ้น
ขณะที่เทคโนโลยี StabiliGrip จะใช้แถบยางเสริมพิเศษในร่องดอกยาง ที่สามารถล็อกดอกยางแต่ละบล็อกไว้ด้วยกัน (Self-locking) ช่วยเพิ่มความมั่นคงของดอกยาง เพิ่มสมรรถนะการควบคุมบนถนนแห้ง ขณะเดียวกันด้วยร่องขนาดเล็กจำนวนมาก ยังช่วยรีดน้ำและตัดฟิล์มน้ำ เพื่อความปลอดภัยบนถนนเปียกได้เป็นอย่างดี
ส่วนเทคโนโลยี EvenPeak จะออกแบบลายดอกยางให้มีความกว้างที่แตกต่างกัน ช่วยกระจายคลื่นความถี่เสียงรบกวนออกให้อยู่ในระดับเดียวกันตลอดการขับขี่ เพื่อความนุ่มและเงียบภายในห้องโดยสาร แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ลดประสิทธิภาพด้านการควบคุม และการเบรกลงไป
สุดท้ายเทคโนโลยี CushionGuard คือการออกแบบแก้มยางให้มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมชั้นเนื้อยางพิเศษจะช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและซึมซับแรงกระแทกจากพื้นถนน
...เพื่อเป็นการพิสูจน์เทคโนโลยีดังกล่าว ทีมงานมิชลินได้แบ่งการทดสอบเอาไว้หลากหลาย อย่างสถานีที่ผู้เขียนประทับใจคือ การลองขับบนสนามเปียก ด้วย“โตโยต้า คัมรี่ รุ่น 2.0 ลิตร” คันหนึ่งประกบยางขนาด 215/55 R17 ของ“มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที” และอีกคันหนึ่งใช้ยางขนาดเดียวกันของคู่แข่ง“บริดจสโตน ทูรันซ่า จีอาร์90”
โดยขับสลับคันละ 2 - 3 รอบ ผ่านโค้งสั้น-โค้งยาว ใช้ความเร็วประมาณ80 กม./ชม. แม้จะว่าไปผู้เขียนแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างยางทั้งสองรุ่น แต่ต้องยอมรับประสิทธิภาพของยาง“มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที” สมราคาคุยครับ หนึบหนับ แถมควบคุมได้แม่นยำ...ยอมรับว่า “เนียนกริ๊ปจริงๆ”
นอกจากนี้ในเรื่องประสิทธิภาพการเบรก ผู้เขียนมีโอกาสได้ทดสอบด้วยการไล่ความเร็วไปแถวๆ 100 กม./ชม. จากนั้นเหยียบเบรกเต็มแรง ซึ่งคัมรี่และ“มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที” ทำระยะเบรกได้ตามความคาดหมาย และไม่ต้องลุ้นเหนื่อยครับ ทั้งนี้มิชลินเคลมว่า ยาง “ไพรมาซี่ 3 เอสที” จะมีระยะเบรกบนถนนเปียกสั้นกว่ายางรุ่นเก่า “ไพรมาซี่ แอลซี” ถึง1.6 เมตร และสั้นกว่ายางคู่แข่งถึง 2.9 เมตรเลยทีเดียว
อีกสถานีเป็นการสัมผัสถึงความนุ่มเงียบ คราวนี้ใช้ “โตโยต้า คัมรี่ รุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร” พร้อมเปรียบเทียบ“ไพรมาซี่ 3 เอสที” กับยาง “โยโกฮามา แอดวานซ์ เดซิเบล” ขนาด 215/55 R17 โดยขับผ่านอุปสรรคที่ทีมงานวางสายเคเบิ้ลขวางถนนไว้(ประมาณรอยต่อของถนน)
เช่นกันครับผู้เขียนขับเปรียบเทียบอยู่ 5-6 รอบ แม้เสียงจากพื้นถนนที่สะท้อนเข้ามาภายในห้องโดยสาร อาจจะวัดด้วยหูตัวเองลำบากว่าใครดังกว่าใคร แต่จังหวะผ่านอุปสรรคนั้นยาง“ไพรมาซี่ 3 เอสที” ผ่านไปได้แบบนุ่มสบาย และเหมือนจะเนียนกว่าคู่แข่งจากญี่ปุ่นอยู่นิดๆ
อย่างไรก็ตามในเรื่องของเสียงที่ดังเข้ามาภายในห้องโดยสาร แม้ผู้เขียนจะจับแบบจังๆไม่ได้ว่ายางตัวไหนดีกว่ากันแต่ทีมงานเข้าโหลดแอปพลิเคชัน ตรวจจับคลื่นเสียงลงในไอแพด และวัดผลออกมาเป็นกราฟครับ สรุป...ไม่ว่าจะขับกี่รอบ “โตโยต้า คัมรี่” คั นที่ใช้ยาง“ไพรมาซี่ 3 เอสที” จะมีเสียงดังเข้ามาน้อยกว่า
สำหรับ “มิชลิน ไพรมาซี่ 3 เอสที” พัฒนาเพื่อตอบสนองตลาดเอเชียแปซิฟิกโดยเฉพาะ ซึ่งลูกค้าในภูมิภาคนี้นิยมยางที่ให้ความนุ่มเงียบ (ST ย่อมาจาก Silence Tuned) ส่วนการทดสอบครั้งนี้ ผู้เขียนยืนยันในประสิทธิภาพด้านต่างๆของ“ไพรมาซี่ 3 เอสที” ได้ระดับหนึ่ง ด้วยปัจจัยที่มีการควบคุมไว้หลายอย่าง แถมยางใหม่ยังไงก็เยี่ยม ดังนั้นอย่าเชื่อผู้เขียนครับ ลองจัดใส่รถของท่านสักชุด ใช้ไปสักปี แล้วได้ผลเป็นอย่างไร?...รบกวนแจ้งผู้เขียนด้วย!!!