xs
xsm
sm
md
lg

“ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่”เงียบนุ่มแต่ไม่นิ่งเท่าเดิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หากไม่นับรุ่น“ไฮบริด”ที่เป็นสุดยอดของการขับเคลื่อนและความประหยัดน้ำมัน “โตโยต้า คัมรี่”รุ่นเครื่องยนต์ปกติ 2.0 ลิตร และ2.5 ลิตร ยังไม่น่าจะเป็นที่สุดแห่งการพัฒนา ทั้งในแง่ความหรูหรา และการเสริมออปชันทันสมัยเข้าสู่ตลาด

แม้รุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด จะให้สมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม แต่หากมองลงไปที่รุ่น 2.0 ลิตร ต้องบอกว่า“โบราณ-พื้นบ้าน”เอามากๆ กับเครื่องยนต์บล็อกเก่า และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แถมออปชันที่ให้มาก็จำกัดจำเขี่ยเสียเหลือเกิน


ทั้งหลายทั้งปวงที่เกริ่นมา ผู้เขียนเพียงจะบอกว่า หากคุณไม่มุ่งมั่นซื้อรุ่น“ไฮบริด” หรือสรุปยัง “งง งง” ว่าจะซื้อคัมรี่รุ่นเครื่องยนต์ไหนดี ก็ลองหันมาพิจารณา“ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่” (All New Honda Accord) ที่ตอนนี้เปิดตัวพร้อมขายแล้ว

โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนมีโอกาสสัมผัส “แอคคอร์ด ใหม่” ตามที่ “ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย” จัดทริปทดสอบที่จังหวัดพังงา พร้อมเตรียมรุ่น 2.0EL NAVI และตัวท็อป 2.4TECH เอาไว้ให้ลองขับ

สำหรับ “แอคคอร์ด เจเนอเรชันที่ 9” ยังยึดเส้นสายและการออกแบบที่เรียบหรู หรือมองด้านหน้าอาจจะดูคล้ายๆกับรุ่นเดิมโดยเฉพาะทรงฝากระโปรงและโคมไฟหน้า ส่วนโคมไฟท้ายถ้ามองไกลๆ ยิ่งชวนให้นึกย้อนไปถึง“แอคคอร์ด งูเห่า”เจเนอเรชันที่ 6 โน้น

อย่างไรก็ตามฮอนด้าได้เพิ่มมูลค่าด้วยการเลือกใช้หลอด LED เป็นไฟใหญ่ด้านหน้า(รุ่น 2.4 ลิตร) และไฟท้ายพร้อมDay time light “ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่กลางวัน” ที่จัดเป็นมาตรฐานทุกรุ่น


ด้านมิติตัวถังย่อส่วนลงมาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม โดยความยาว 4,870 มม.สั้นลง 75 มม. ระยะฐานล้อ 2,775 มม. สั้นลง 25 มม. ขณะที่ความสูง 1,465 ลดลง 11 มม. ซึ่งวิศวกรฮอนด้าหวังเรื่องการลดอัตราบริโภคน้ำมัน ขณะเดียวกันยังได้รับผลการสำรวจว่า ในรุ่นเดิมลูกค้าหลายคนบ่นว่าตัวถังใหญ่เทอะทะเกินไป (ไม่รู้ไปสำรวจแถวไหน?)

แม้ตัวถังภายนอกจะเล็กลง แต่ฮอนด้ายืนยันว่า พื้นที่ภายในห้องโดยสารไม่ได้บีบแคบลงเลย นั่นเพราะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างช่วงล่างทั้งหน้าและหลังให้มีขนาดกะทัดรัดลง พร้อมการออกแบบเบาะนั่งใหม่ จึงทำให้พื้นที่ว่างช่วงขาของผู้โดยสารด้านหลัง(Leg room) เพิ่มขึ้น 15 มม. และพื้นที่ว่างบนหัว (Head room) ไม่ได้ลดลง เช่นเดียวกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังยังมีความจุเท่าเดิม แถมคุยว่าใหญ่ที่สุดในคลาสอีกด้วย

ภายในมีเบาะหนังให้เลือก 2 สี คือดำและเบจ(ครีม) ขึ้นอยู่กับสีตัวถังภายนอก กล่าวคือถ้ารถสี ดำ,เทา,ทอง ภายในจะใช้เบาะสีเบจ แต่ถ้ารถสี ขาว,เงิน ภายในใช้เบาะสีดำ

การตกแต่งภายในดูหรูหราทันสมัย สีของลายไม้ที่นำมาแต้มแต่งดูไม่เฉย ขณะที่ปุ่มสั่งงานต่างๆจัดไว้ให้ใช้งานง่าย ทั้งตรงคอนโซลกลางและแบบฝังที่พวงมาลัย ด้านจอแสดงผลมี 2 จอ ทั้งจอสีด้านบนขนาด 8 นิ้ว ในระบบ Multi-Information Display (i-MID) ทำหน้าที่หลักในการควบคุมระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ พร้อมแสดงภาพจากกล้องส่องภาพด้านหลัง และแสดงภาพจากกล้องที่ฝังไว้บริเวณกระจกมองข้างด้านซ้าย ช่วยให้ผู้ขับเปิดมุมมองขณะเปลี่ยนเลน (เรียกว่าระบบ Honda lanewatch) รวมถึงระบบนำทาง (Navigator) ส่วนจอด้านล่างเป็นแบบทัชสกรีน เอาไว้ควบคุมระบบเครื่องเสียง เชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก และระบบโทรศัพท์ไร้สาย (Bluetooth)

วัสดุที่นำมาใช้มาพร้อมการประกอบมีคุณภาพ ขณะที่การเก็บเสียงภายในห้องโดยสาร ณ ปัจจุบันต้องยกให้ดีที่สุดในคลาส อันเป็นผลมาจากการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ให้อากาศไหลผ่านอย่างราบรื่น พร้อมอัดวัสดุซับเสียงและเพิ่มซีลยางในหลายๆจุด




เหนืออื่นใดในทุกรุ่นย่อยของ “แอคคอร์ด ใหม่” ยังเพิ่มระบบควบคุมเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร(ANC - Active Noise Control)โดยระบบนี้จะใช้ไมโครโฟนตรวจจับคลื่นเสียง และส่งไปที่ตัวประมวลผล จากนั้นจะมีการสร้างและส่งสัญญาณเสียงที่ได้รับการดัดแปลงให้มีรูปแบบคลื่นตรงกันข้าม กลับไปที่ตัวกระจายเสียงผ่านลำโพงที่ติดตั้งอยู่บนบานประตู เพื่อขจัดสัญญาณเสียง(รบกวน)ดั้งเดิมออกไป

ฮอนด้ายังจัดระบบความปลอดภัยมาเพียบ อย่างรุ่น 2.4TECH นั้นขึ้นชั้นไปเทียบพวกรถหรูยุโรปได้เลย(ดูได้จากตารางประกอบ) แต่กระนั้นถ้ามองออปชันที่จัดเป็นมาตรฐานเหมือนกันทุกรุ่นก็น่าจะว่าเพียงพอแล้ว ทั้ง ดิสก์เบรก4 ล้อ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า-ด้านข้าง (รุ่น 2.4 จะเพิ่มม่านถุงลมมาให้) ครูสคอนโทรล และไฟฉุกเฉินติดอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน

ด้านสมรรถนะการขับขี่ผู้เขียนได้ลอง 2 รุ่น ทั้งขุมพลัง 2.4 ลิตร และ 2.0 ลิตร โดยรุ่นแรกนั้น ฮอนด้าชูว่าเป็นเครื่องยนต์ Earth Dreams ที่กินน้ำมันน้อยลงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร
อย่างที่ทราบกัน(ตั้งแต่เปิดตัว) เครื่องยนต์บล็อกนี้ไม่ได้มาพร้อมระบบฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ หรือไดเรกอินเจกชัน เหมือนรุ่นที่ทำตลาดในอเมริกา ซึ่งฮอนด้าให้เหตุผลส่วนหนึ่งว่า ต้องทำให้เครื่องยนต์รองรับน้ำมันแก็สโซฮอล์ อี85 ในเมืองไทย ซึ่งระบบไดเรกอินเจกชันยังไม่พร้อมกับน้ำมันประเภทนี้

แม้จะไร้ระบบไดเรกอินเจกชัน แต่ฮอนด้าก็ยืนยันว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้เป็น Earth Dreams ด้วยคอนเซ็ปการพัฒนาเดียวกัน เพราะได้ปรับปรุงทั้งเสื้อสูบ-ลูกสูบใหม่ให้มีน้ำหนักเบา และลดแรงเสียดทาน ส่วนกระบอกสูบของเครื่องยนต์ได้ปรับการออกแบบให้เยื้องจากเพลาข้อเหวี่ยง 8 มิลลิเมตร ช่วยทำให้ก้านสูบอยู่ในมุมที่เหมาะสมระหว่างที่มีการเคลื่อนที่ขึ้น-ลง และเป็นการช่วยลดแรงต้านที่เกิดขึ้นทางด้านข้างของลูกสูบ ซึ่งทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานของลูกสูบที่ดียิ่งขึ้น

ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพของการเผาไหม้ และพยายามลดการเสียดทานของชิ้นส่วนต่างๆ ขณะที่เครื่องยนต์น้ำหนักเบาลง 10 กิโลกรัม สุดท้ายเครื่องยนต์ใหม่นี้จึงกินน้ำมันลดลง 5% เมื่อเทียบเครื่องยนต์ 2.4 เดิม

โดยเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที (รุ่นเดิม 180 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที) แรงบิดสูงสุด 225 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที (รุ่นเดิม 222 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ขับขี่ได้เต็มพลัง หรือเรียกเร็วมาทันใช้ทุกย่านความเร็ว เห็นว่าทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้10.3 วินาที เร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย

ขณะที่ช่วงล่างพัฒนาใหม่ โดยด้านหน้าเปลี่ยนจากปีกนกสองชั้นมาใช้แบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นมัลติลิงค์ ออกแบบโดยเน้นความนุ่มนวล พร้อมลดแรงสั่นสะเทือนและลดเสียงให้น้อยลง ซึ่งผู้เขียนว่าการรองรับนั้นนิ่มยวบกว่าแอคคอร์ดเดิม

การขับความเร็วสูง 100-120 กม./ชม. ตัวถังแอบมีอาการย้วยนิดๆ ดังนั้นถ้าวัดเรื่องการทรงตัว รุ่นเดิมน่าจะขับได้นิ่งกว่า ซึ่งส่วนหนึ่งของความรู้สึกที่เปลี่ยนไปน่าจะมาจาก พวงมาลัยที่หันมาใช้แบบผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า แทนแบบเก่าที่เป็นไฮดรอลิกด้วย

โดยพวงมาลัยแบบแรคแอนพิเนียนผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า แม้จะให้การควบคุมที่แม่นยำ หรือน้ำหนักก็ไม่ได้เบาหวิวเหมือนรถยนต์หลายๆรุ่น แต่การบังคับยังขาดความเป็นธรรมชาติอยู่พอสมควร (ตรงนี้อาจจะเป็นความเคยชินส่วนตัว)
ระบบ Honda lanewatch มีกล้องฝังที่กระจกมองข้าง


ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว SOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที (รุ่นเดิม 156 แรงม้าที่ 6,300 รอบต่อนาที) แรงบิดสูงสุด 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที (รุ่นเดิม 189 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที)ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ในภาพรวมไม่ได้ขี้ครับ ผู้เขียนว่ายังออกแนวสมดุลกว่ารุ่น 2.4 ลิตรด้วยซ้ำ

อัตราเร่งไม่ได้อืดอาด จากจุดหยุดนิ่งเร่งความเร็วไปถึง 100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 11.4 วินาที การออกตัวกระฉับกระเฉง ขับทางไกลยังวิ่งพริ้วสบายตัว ในจังหวะแซงรถบรรทุกให้เรี่ยวแรงเหลือเฟือ ส่วนการเซ็ทช่วงล่างและการใช้ล้ออัลลอยด์ขนาด17 นิ้ว ประกบยาง 225/50R17 แทบไม่รู้สึกถึงการทรงตัวที่แย่กว่ารุ่น 2.4 ที่ใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว ประกบยาง 235/45 R18 ซึ่งการขับในภาพรวม รุ่น 2.0ยังนุ่มหนึบพอสมควร

ด้านอัตราบริโภคน้ำมันในรุ่น 2.4TECH วิ่งจากเขาหลัก จ.พังงา มุ่งขึ้นเหนือไป อำเภอสุขสำราญ (ก่อนถึงจังหวัดระนอง) ระยะทางประมาณ 100 กม. ใช้ความเร็วสูง 100-140 กม./ชม. สลับการติดรถช้าและต้องเร่งแซงบ่อยครั้ง ตัวเลขหน้าจออัจฉริยะแสดงไว้ 10.5 กม./ลิตร ส่วนขากลับใช้เส้นทางเดิม สภาพการจราจรคล้ายกัน และเจอฝนตกหนักบางช่วง สุดท้ายได้ตัวเลข 9.9 กม./ลิตร

ขณะที่ตัวเลขจากการทดสอบภายในของฮอนด้าแจ้งไว้ว่า ในรุ่น 2.4 ลิตรจะทำได้เฉลี่ย 12.2 กม./ลิตร (รุ่น 2.4เดิมทำได้ 11.5 กม./ลิตร)และรุ่น 2.0 ลิตร อยู่ที่ 13.1 กม./ลิตร(รุ่น 2.0เดิม 11.9 กม./ลิตร)

รวบรัดตัดความ...โดดเด่นกับความเงียบภายในห้องโดยสาร ขณะที่ช่วงล่างนุ่มนวลแต่ถ้าวัดความนิ่งแน่น ผู้เขียนชอบรุ่นเดิมมากกว่า ส่วนรุ่นท็อปเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรขับดี แถมอัดออปชันเต็ม ซึ่งใครมีความสามารถในการซื้อก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเอาราคาย่อมลงมานิด ออปชันไม่ขี้เหร่ สมรรถนะเยี่ยมสมตัว รุ่น 2.0 ลิตรก็น่าเพียงพอ ที่สำคัญหากนำไปเทียบกับ“คัมรี่ 2.0 ลิตร”แล้ว “แอคคอร์ด”ดูน่าสนใจกว่าเยอะ

3 ระบบความปลอดภัยขั้นเทพใน"ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่"
ระบบการทำงาน
ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACCระบบนี้จะใช้ตัวควบคุมระยะและความเร็วของตัวรถในการเก็บข้อมูล และจะมีการติดตั้งเรดาร์ที่มีความถี่ในระดับมิลลิเมตรมาใช้ในการตรวจสอบระยะห่างระหว่างแอคคอร์ดกับรถยนต์ที่วิ่งอยู่ด้านหน้า ทั้งยังสามารถปรับระดับความเร็วของแอคคอร์ด เพื่อให้คงระยะห่างระหว่างรถยนต์คันที่อยู่ข้างหน้าเอาไว้ได้
เตือนการชนด้านหน้าด้วยเรดาห์พร้อมระบบช่วยเบรก CMBSระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเตือนให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีแนวโน้มที่จะเกิดการชน เพื่อลดความสูญเสียจากการชนให้เหลือน้อยที่สุด โดยเรดาห์เซ็นเซอร์จะเริ่มตรวจจับว่าด้านหน้ามีรถวิ่งอยู่ เมื่อรถแอคคอร์ดใหม่วิ่งด้วยความเร็วสูงกว่า 15 กม./ชม. ระบบ CMBS จะทำงานเมื่อความเร็วระหว่างรถแอคคอร์ดใหม่และรถที่อยู่ด้านหน้าต่างกันมากกว่า 15 กม./ชม. และมีโอกาสที่จะเกิดการชน ระบบจะมีสถานะในการเตือน โดยในขั้นแรก จะมีสัญญาณกระพริบขึ้นที่มิเตอร์ และเสียงเตือนเพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้รู้ตัว และถ้ารถยังเข้าใกล้รถคันหน้ามากขึ้นอีก จะมีการดึงเข็มขัดนิรภัยด้านผู้ขับขี่เพื่อเป็นการเตือนพร้อมการเบรกเบาๆ เพื่อชะลอความเร็วของรถลง ในกรณีที่รถยังคงเข้าใกล้รถคันหน้ามากขึ้น จะมีการรัดเข็มขัดนิรภัยด้านผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าให้แน่น พร้อมเบรกที่แรงขึ้น
แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatchระบบนี้จะใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านใต้ของกรอบกระจกมองข้างฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าเพื่อนำภาพที่อยู่ทางด้านหลังของบริเวณตัวรถฝั่งนั้นมาขึ้นฉายบนหน้าจอของระบบอัจฉริยะ i-MID โดยภาพจะแสดงโดยอัตโนมัติเมื่อมีการกดไฟสัญญาณเลี้ยวซ้าย หรือเมื่อมีการกดปุ่มที่อยู่ตรงปลายของก้านไฟเลี้ยว

ตามปกติแล้วภาพที่ส่งผ่านมาทางกระจกมองข้างฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าจะมีมุมของการมองอยู่ที่ 18-22 องศาโดยประมาณ แต่สำหรับในระบบแสดงภาพมุมอับขณะเปลี่ยนเลนจะกว้างขึ้นอีกประมาณ 4 เท่า หรืออยู่ที่ประมาณ 80 องศา ระบบนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นสภาพการจราจรได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกับการมองเห็นคนเดินถนน หรือวัตถุสิ่งของซึ่งอยู่ในมุมอับ

ราคาฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่
รุ่นราคา(บาท)
2.0 EL1,299,000
2.0 EL Navi1,419,000
2.4 EL1,549,000
2.4 EL Navi1,669,000
2.4 Tech1,799,000





กำลังโหลดความคิดเห็น