นางร้ายสายลับ ตอนที่ 9
สุรีกานต์กับสารวัตรนฤเบศเดินมาหยุดยืนหน้าห้องพักตามที่ได้รับ ตรงข้ามเป็นห้องวุ้นกรอบกับพายไก่ สุรีกานต์ทำหน้าตาเซ็งๆ นฤเบศยิ้มมองอย่างสะใจ สุรีกานต์กำลังจะเข้าห้อง วุ้นกรอบเรียกไว้
“เดี๋ยว”
สุรีกานต์หงุดหงิด
“อะไรของแกอีก”
“ฉันว่า ข้อเสนอของเจ๊ก็ดีเหมือนกันนะ ฉันกับเบ็ตตี้จะได้ปรึกษาปัญหาหัวใจตามประสาคนหัวอกเดียวกัน เผื่อบางที เบ็ตตี้อาจจะอยากเปลี่ยนจากผู้จัดการเจ๊มาเป็นผู้จัดการหัวใจของฉันก็ได้ จริงมั้ย”
วุ้นกรอบเข้านัวเนีย นฤเบศหน้าเจื่อนยิ้มแหยๆ สุรีกานต์ยิ้มดีใจ
“ได้…
นฤเบศเอามือปิดปากสุรีกานต์ทันที
วุ้นกับพายไก่ตาวาว
“ได้”
นฤเบศคิดหาทางออก
“ได้ เอ่อ น้องโซ่คงหมายความว่า ได้กุญแจแล้วก็เชิญพักผ่อนกันตามสบาย งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ”
นฤเบศลากสุรีกานต์ที่ทำเสียงอู้อี้เพราะโดนปิดปากไว้เข้าห้องพักแล้วปิดประตูทันที ทิ้งให้
วุ้นกรอบกับพายไก่มองทั้งคู่อย่างงงๆ
ในห้องพัก...นฤเบศยังคงเอามือปิดปากสุรีกานต์พาเดินเข้ามาที่เตียง เธอร้องอู้อี้โวยวายแล้วกัดมือเขาเต็มแรง
“โอ๊ย เล่นกัดมือเหรอ”
“สมน้ำหน้า ก็อยากมาปิดปากฉันทำไมล่ะ”
“ขืนไม่ปิด คุณก็ย้ายผมไปนอนกับตุ๊ดตะนอยนั่นน่ะสิ”
“ไม่ดีรึไง คุณจะได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง บางทีคุณอาจจะชอบก็ได้”
นฤเบศเดินเข้าหา
“ข้ออ้าง คุณกลัวล่ะสิ”
สุรีกานต์ถอยหลังหนี
“กลัวอะไร อย่างคุณไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวสักนิด”
นฤเบศเดินเข้าหาอีก
“นั่นสินะ เราเคยนอนเตียงเดียวกันมาแล้วแท้ๆ คุณไม่เห็นจะต้องกลัวเลยนี่”
สุรีกานต์ถอยหลังหนีอีก
“มันจำเป็นต่างหาก ถ้าไม่จำเป็นยังไงฉันก็ไม่มีวันนอนเตียงเดียวกับนายแน่ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ คุณต้องไปนอนที่โซฟาโน่น แล้วก็ห้ามคิดฉวยโอกาสกับฉันเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
นฤเบศทำหน้าเฉย แล้วเดินเข้าหาอีก จนสุรีกานต์ถอยหลังไปชิดเตียงปลายเตียงแล้วเสียหลักหงายหลังลงไปบนเตียง นฤเบศเดินเข้ามาชิดแล้วแกล้งถอดเสื้อออก สุรีกานต์ตกใจ
“อ๊ายย คุณจะทำอะไรน่ะ”
นฤเบศแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“ผมก็จะ....ไปอาบน้ำไง คุณจะโวยวายทำไมเนี่ย”
นฤเบศส่ายหัวขำๆ กับท่าทางของสุรีกานต์แล้วเดินเลยไปทางห้องน้ำที่อยู่ด้านใน สุรีกานต์มองตามแบบเจ็บใจสุดๆ
แก้วดาราเดินหงุดหงิดมองหากวินมาบริเวณล็อบบี้ ในโรงแรม
“พี่วินหายไปไหนเนี่ย”
น้ำฝนกับทีมงานกองละคร 2 คนเดินผ่านมา
“เดี๋ยว เธอเห็นพี่วินมั้ย”
“ไม่เห็นค่ะ ก็คุณวินออกไปกับคุณแก้วไม่ใช่เหรอคะ”
“ฉันถาม เธอมีหน้าที่แค่ตอบก็พอ แล้วรู้รึเปล่าว่าพี่วินพักห้องไหน”
แก้วดารามองน้ำฝนด้วยสีหน้าคาดคั้น
แก้วดาราเดินมาหยุดหน้าห้องตามที่น้ำฝนบอกมา ก่อนจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่แล้วเดินเข้าไปเคาะประตูเรียกเสียงหวาน
“พี่วินคะ อยู่ในห้องรึเปล่าคะ…พี่วิน แก้วเองนะคะ เปิดประตูให้แก้วหน่อยสิคะ”
แก้วดาราเคาะประตูต่อ แต่ก็ไม่มีวี่แววกวินจึงเริ่มหงุดหงิด
“โอ๊ย ผู้ชายซื่อบื้อ ถ้าไม่หล่อ ไม่รวย อย่าหวังเลยว่าคนอย่างฉันจะมาง้อ”
แก้วดารากำลังจะหันหลังกลับ แต่สายตาไปสะดุดกับเนธานที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตูฝั่งตรงข้าม มองมาสายตากรุ้มกริ่มรู้กัน แก้วดาราตัดสินใจส่งยิ้มยั่วกลับแล้วเดินเข้าห้องเนธานแทน เนธานปิดประตูตามหลัง
แพรไหมเดินคุยอยู่กับมุกเพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งเป็นเชฟทำขนมของโรงแรม
“ว่าไงจ๊ะ คุณหนูแพรไหม มาหาฉันถึงนี่มีอะไรให้ฉันรับใช้เหรอ”
“เลิกล้อฉันได้แล้วน่ามุก ฉันไม่ได้อ่อนแอเป็นคุณหนูขี้แยขนาดนั้นซะหน่อย ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของกิจการร้านเฟลิซิเต้แล้วนะ”
“จ้าๆ ว่าแต่เธอมาหาฉันถึงนี่จะให้ฉันช่วยอะไรเหรอ”
“รับรอง เธอต้องได้ช่วยฉันแน่ๆ แต่ตอนนี้ฉันอยากชิมเค้กฝีมือผู้ช่วยเชฟคนสวยแล้วว่าจะอร่อยสมคำล่ำลือจริงรึเปล่า”
แพรไหมกับเพื่อนเดินมาถึงร้านเบเกอร์รี่ในโรงแรม แพรไหมหันมาเห็นกวินยืนดูขนมอยู่
“คุณวิน มาได้ยังไงคะเนี่ย”
กวินหันมาเห็นแพรไหมก็ยิ้มให้อย่างยินดี
แพรไหมกับกวินมานั่งทานขนมหวานกัน
“ผมมาถ่ายละครน่ะครับ แล้วคุณไหมล่ะครับมาทำอะไรที่นี่”
“ไหมมาหาเพื่อนค่ะ มุกเขาเป็นผู้ช่วยเชฟเบเกอร์รี่ของที่นี่ ไหมว่าจะมาขอคำแนะนำเผื่อจะได้สูตรลับเอาไว้เตรียมตัวสู้กับคู่แข่ง”
“นี่คุณไหมลงทุนขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“ไม่งั้นเดี๋ยวคนที่อุตส่าห์เชียร์ไหมให้ไปประกวดเขาจะเสียใจแย่น่ะสิคะ”
“กลัวผมเสียใจ แล้วไม่กลัวตัวเองเสียใจบ้างเหรอครับ”
“ไม่หรอกค่ะ แค่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ไหมก็มีความสุขแล้วค่ะ”
กวินกับแพรไหมยิ้มให้กันซึมซับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันโดยไม่รู้ตัว
ในบังกะโลใกล้ๆโรงแรมซึ่งเป็นห้องทำงานของทีมเดอะซัน ปรีติกำลังนั่งเฝ้าสัญญาณอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์กลางห้อง ส่วนนฤเบศยืนมองอยู่ห่างๆ แตะหูฟังสายลับ
“เดอะซันหนึ่ง เรียก เดอะซันห้า ทุกอย่างเรียบร้อยดีรึเปล่า”
จ่ายมและประเสริฐซึ่งปลอมมาเป็นคนทำความสะอาดกำลังติดเครื่องดักฟังไว้ในห้องพักของ ริชาร์ด ประเสริฐทำมือส่งสัญญาณว่าเรียบร้อย จ่ายมรีบรายงาน
“เรียบร้อยครับ”
นฤเบศพอใจ ปรีติหันมาหา
“หวังว่าทางผู้กองคงจะเรียบร้อยเหมือนกันนะครับ”
ในร้านอาหาร ในโรงแรม อัศวินส่งจูบให้สาวสวยคนหนึ่ง สาวสวยโบกมือยิ้มหว่านเสน่ห์ให้...อัศวินเดินออกมาหลบอยู่มุมหนึ่งเปิดซองเอกสารที่อยู่ในมือ เห็นเป็นข้อมูลกำหนดการงานแถลงข่าวของริชาร์ดที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งรายชื่อแขกที่เข้าร่วมงาน เขายิ้มออกมา แตะหูฟังรายงานนฤเบศ
“ภารกิจเรียบร้อยครับ”
ค่ำคืนนั้น...ที่ริมทะเล ทีมงานกองละครตะวันสีรุ้งจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวเล็กๆ ริมชายหาด บรรยากาศสนุกสนาน อายอดเปิดงาน
“ขอให้ทุกคนสนุกกันให้เต็มที่ ถือว่าคืนนี้เป็นการพักผ่อนชาร์ทพลังก่อนที่เราจะลุยงานหนักกันในวันพรุ่งนี้นะ”
สุรีกานต์นั่งอยู่กับกลุ่มของวุ้นกรอบ พายไก่ และกวิน กวินคอยเอาใจตักอาหารให้สุรีกานต์
“คุณโซ่ ทานเยอะๆ นะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่ม เดี๋ยวผมไปตักให้”
“ขอบคุณค่ะ แค่นี้โซ่ก็ทานไม่หมดแล้วค่ะ”
“แหมเจ๊ ถ้ากินไม่หมด” วุ้นกรอบส่งสายตากรุ้มกริ่มให้กวิน “แบ่งให้น้องให้นุ่งกินบ้างก็ได้นะ”
สุรีกานต์หมั่นไส้ จึงแกล้งยัดบาร์บี้คิวเข้าปากวุ้นกรอบไปเต็มๆ
“อย่างแก กินนี่ไปก่อนละกัน เผื่อจะหายอดอยากปากแห้งไปได้บ้าง”
วุ้นกรอบมองค้อน
“เจ๊อ่ะ ยัดเข้ามาได้ไง ดูสิ เสียลุคต่อหน้าผู้ชาย วุ้นรับไม่ได้”
สุรีกานต์ กวิน และพายไก่ หัวเราะขำๆ กับท่าทางของวุ้นกรอบ พายไก่นึกได้
“แล้วเบ็ตตี้หายไปไหนเนี่ยเจ๊ ไม่เห็นตั้งแต่ตอนเย็นๆ แล้ว”
กวินหันมาบอกสุรีกานต์
“คุณโซ่น่าจะชวนคุณเบศมาสนุกกับพวกเราด้วยนะครับ”
สุรีกานต์อึกอัก
“เอ่อ คือ พี่เบศ เขาคงเดินเล่นอยู่แถวๆ นี้แหละค่ะ จริงๆ แล้วเขาไม่ค่อยชอบปาร์ตี้เท่าไหร่”
“เดี๋ยวฉันไปตามให้มั้ยเจ๊” พายไก่อาสา
สุรีกานต์รีบปฏิเสธเสียงดัง
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง”
วุ้นกรอบ พายไก่ และกวินมองท่าทางสุรีกานต์แบบงงๆ เธอรู้สึกตัว พยายามคิดหาคำแก้ตัว พอดีมีเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น เห็นเป็นเบอร์นฤเบศก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่โทรมาขัดจังหวะทันเวลาพอดี
“คือ พี่เบศโทรมาพอดีเลย” สุรีกานต์หันมาทางกวิน “โซ่ขอตัวแป๊บนึงนะคะ”
สุรีกานต์รีบเดินออกไป กวินมองตาม วุ้นกรอบแซวยิ้มๆ
“พาย ฉันว่าเราคงต้องเตรียมฉลองให้กับฉายาใหม่ของเจ๊แล้วล่ะ”
พายไก่งงๆ
“ฉายาใหม่...อะไรเหรอแก”
“ก็จากนางร้ายฉายเดี่ยว เผลอแป๊บเดียวอาจจะเปลี่ยนมาเป็นนางร้ายหวานใจไฮโซแล้วก็ได้ จริงมั้ยคะ คุณกวิน”
กวินยิ้มแบบเขินๆ และนั่งสังสรรค์กับวุ้นกรอบและพายไก่ต่อ
ตรงซุ้มเครื่องดื่มภายในงานปาร์ตี้ เนธานกำลังนั่งดื่มอยู่คนเดียวและเริ่มเมาเล็กน้อย เขาหน้าตาเคร่งเครียดกังวลนึกถึงตอนที่เขาพูดถึงเรื่องรูปลับเฉพาะกับพลอยนิล
‘แล้วถ้ามันไว้ใจไม่ได้ขึ้นมาละนิล ถ้ารูปของจริงทั้งหมดอยู่ที่คนๆ นั้น ผมไม่ต้องนั่งดูชีวิตตัวเองพังไปต่อหน้าต่อตาเหรอไง นิลบอกผมมาเลยนะว่าใช้ให้ใครไปขโมยรูปกันแน่’
‘งั้นธานก็ต้องบอกนิลมาก่อน ว่ารูปที่ธานให้นิลไปเอามันคือรูปอะไรกันแน่’
เนธานนึกถึง แก้วดาราที่รังเกียจดาราคลิปหลุดเกย์
‘เป็นเกย์จริงๆเหรอเนี่ย อี๋ แล้วมาทำสร้างภาพจีบผู้หญิงอีก น่ารังเกียจ แหวะ คลิปหลุดขนาดนี้สงสัยละครเรื่องหน้าคงถูกปลดจากบทพระเอกแน่ๆ…’
เนธานยังคงนั่งดื่มเหล้าอย่างกลัดกลุ้ม สุรีกานต์รีบร้อนผ่านตรงซุ้มเครื่องดื่มที่เนธานกำลังนั่งอยู่ เขามองตามเห็นเธอปลีกตัวไปยืนคุยโทรศัพท์ อยู่ริมชายหาดคนเดียวก็เห็นเป็นโอกาสดีที่จะสืบเรื่องภาพลับ จึงลุกเดินตามไป แก้วดารากับเกี๊ยวกุ้งที่เพิ่งเดินเข้ามาในงานเห็นเนธานเดินผ่านไปก็มองตามอย่างสงสัย
“แหม เดี๋ยวนี้นางร้ายยุคใหม่เขาเปลี่ยนใจมาจับพระรองแทนพระเอกแล้วเหรอคะคุณน้องแก้ว”
แก้วดารามองตามแอบยิ้มร้าย
สุรีกานต์ยืนคุยโทรศัพท์อยู่แถวๆ ชายหาดห่างออกมาจากงานปาร์ตี้เล็กน้อย
“คุณหายไปไหนของคุณเนี่ย”
นฤเบศคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องพักของบังกะโล เบื้องหลังเป็นทีมเดอะซันที่สั่งอาหารทะเลมาทานกันในห้องอย่างครื้นเครง
“ผมไม่ได้จะว่างมานั่งปาร์ตี้ริมหาดได้เหมือนคุณนะ เอาเป็นว่าคุณหาทางหลบออกมาหาผมเดี๋ยวนี้ อย่าให้ใครเห็น เราจะประชุมภารกิจที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้”
“เดี๋ยวนี้ แค่คุณหายไปคนเดียวฉันก็ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงแล้ว แล้วถ้าฉันหายไปอีกคน คนอื่นเขาก็ต้องสงสัยน่ะสิ”
“เอาน่า แค่นี้คงไม่เกินความสามารถของนักแสดงเจ้าบทบาทอย่างคุณได้หรอก อย่าลืมสิ ตราบใดที่ภารกิจนี้ยังไม่จบสิ้น คุณก็ยังต้องทำหน้าที่สายลับต่อไป”
สุรีกานต์ประชด
“ค่ะ คุณสารวัตรใหญ่ สายลับเนปจูนจะรีบไปปฏิบัติหน้าที่เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
พอวางสายจาก นฤเบศ สุรีกานต์ก็หันกลับไปเจอเนธานที่เดินมาหาพอดี เธอตกใจ
“ธาน มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เนธานพูดด้วยอย่างเมาๆ
“เพิ่งมาถึง คุยกับใครอยู่เหรอ”
“เพื่อน แล้วธานมีอะไรกับฉันรึเปล่า”
“ฉันมีเรื่องอยากจะถาม”
“เรื่องนิลเหรอ”
“ก็ทำนองนั้น”
เนธานเมาเซเหมือนจะล้ม สุรีกานต์รีบประคองไว้ได้ทัน เขาพยายามทรงตัวยืน
“ธานดื่มหนักไปแล้วนะ กลับไปพักก่อนดีมั้ย”
“ไม่ ฉันไม่ได้เมาสักหน่อย”
สุรีกานต์เห็นสภาพเนธานที่เมามาย ก็นึกเรื่องสมัยอดีต
ในอดีต สุรีกานต์ พลอยนิล และเนธานมีปาร์ตี้กันที่คอนโดพลอยนิล เนธานดื่มเหล้าเมามาก พลอยนิลเดินไปรินเครื่องดื่ม เหลือแต่เนธานนั่งอยู่กับสุรีกานต์
“ธาน พอเถอะ เมามากแล้วนะ”
“ไม่ ฉันไม่ได้เมาสักหน่อย”
“ไม่เมาอะไร เดี๋ยวนิลก็โกรธหรอก”
“นิลเหรอ ไม่มีทาง นิลรักฉันจะตายไป ขนาดฉันโกหกว่าฉันไปถ่ายแบบที่บาหลีทั้งอาทิตย์ แต่จริงๆ แล้วฉันไปเที่ยวกับผู้หญิง นิลเขายังเชื่อฉันหัวปักหัวปำเลย”
พลอยนิลเดินเข้ามาพอดี
“ว่าไงนะ นี่ธานโกหกนิลเหรอ ธานทำอย่างนี้ได้ยังไง”
พลอยนิลโกรธมากอาละวาดเนธานแทบตาย
สุรีกานต์คิดแผนออก จึงจะแกล้งมอมเหล้าเนธานเพื่อสืบความจริง
“งั้นถ้าธานยังไม่เมา เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันหน่อยดีมั้ย”
“ได้สิ”
ทั้งสุรีกานต์และเนธานต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอย่างมีเลศนัย แล้วพากันเดินออกไป
ปาร์ตี้ริมหาดของกองละคร แก้วดารานั่งเกาะแขนกวินแจ เธอเห็นเนธานเดินออกไปกับสุรีกานต์ก็แอบเหยียดยิ้มมุมปาก กวินทำท่าจะลุกเดินตามไปหาสุรีกานต์ แต่แก้วดาราก็รั้งไว้
“พี่วินคะ แก้วอยากทานปู พี่วินช่วยแกะให้แก้วหน่อยนะคะ”
“แต่พี่...”
“พี่วินจะใจร้ายกับแก้วอีกเหรอคะ ตอนกลางวันก็ทิ้งแก้วไว้คนเดียว แล้วตอนนี้ก็ยังจะทิ้งแก้วอีก หรือว่าพี่วินไม่พอใจอะไรแก้วรึเปล่าคะ”
“เอ่อ เปล่าครับ”
“ถ้างั้น พี่วินก็อยู่เป็นเพื่อนแก้วก่อนนะคะ”
แก้วดาราอ้อน แถมยังเกาะแขนกวินไว้แน่น กวินจึงจำต้องนั่งอยู่ด้วย
นฤเบศประชุมงานกับทีมเดอะซันในบังกะโล
“จากเอกสารที่ผมได้มา วันพรุ่งนี้จะมีงานแถลงข่าวเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจระหว่าง R.G International Group กับผู้ประกอบการสนามกอล์ฟรายใหญ่อีกหลายราย ส่วนตอนเย็นก็มีงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าบนเรือครับ”
ประเสริฐยื่นเอกสารให้
“ส่วนนี่คือรายชื่อบริษัทที่จะมาเข้าร่วมงาน ผมตรวจสอบดูแล้วยังไม่พบความผิดปกติที่จะเชื่อมโยงไปสู่เป้าหมายของเราเลยครับ”
จ่ายมหันมาถาม
“แล้วเราจะเอายังไงต่อดีล่ะครับสารวัตร”
“เราต้องแฝงตัวเพื่อเข้าใกล้พลูโตให้มากที่สุดทั้งที่งานแถลงข่าวและงานเลี้ยงบนเรือ คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพลูโตอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด”
ทุกคนวางแผนถึงแผนการทำภารกิจในวันพรุ่งนี้อย่างเคร่งเครียด นฤเบศแอบมองนาฬิกาเห็นสุรีกานต์ไม่มาสักทีก็เริ่มหงุดหงิด
สุรีกานต์นั่งคุยกับเนธานสองต่อสอง อยู่ที่บาร์เครื่องดื่มริมชายหาดของโรงแรม บรรยากาศสงบเพราะไม่มีคน แก้วเครื่องดื่มว่างเปล่าวางอยู่เต็มโต๊ะ เนธานท่าทางเมาหนัก
“ธานมีเรื่องกลุ้มใจอะไรรึเปล่า”
“เธอน่าจะรู้นะโซ่ ว่าฉันกลุ้มใจเรื่องอะไร”
“ยังไงฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่เป็นต้นเหตุให้ธานกับนิลต้องทะเลาะกัน”
“เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ โซ่ก็น่าจะรู้ดีนี่ว่านิสัยเพื่อนรักของโซ่มันเป็นยังไง ทั้งเอาแต่ใจตัวเอง อารมณ์ร้าย ชอบออกคำสั่ง ฉันยังอดทึ่งตัวเองไม่ได้ที่ทนคบผู้หญิงแบบนี้มาได้ตั้งหลายปี”
สุรีกานต์พึมพำ
“อยากให้นิลมาได้ยินจริงๆ เลย”
เนธานชะงักมองหน้าสุรีกานต์
“เอ่อ คือ ฉันหมายถึงถ้าไม่ใช่เรื่องนิล แล้วเรื่องที่ธานอยากจะถามฉันคือเรื่องอะไร”
“เธอแอบรู้ความลับอะไรของฉันใช่มั้ย เธอจงใจจะเปิดโปงฉันใช่มั้ย”
“เปิดโปงเรื่องอะไร ฉันไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น” สุรีกานต์สายตาคาดคั้น “เว้นแต่ว่าธานมีความลับปิดบังอยู่จริง”
เนธานหน้าเลิ่กลั่ก
“ความลับอะไร ฉันไม่มีความลับ”
สุรีกานต์จับไหล่เนธานทั้งสองข้าง มองคาดคั้น
“ธานเคยได้ยินชื่อ ริชาร์ด รอซซินี่ บ้างมั้ย”
เนธานมองสุรีกานต์แบบงงๆ ปนประหลาดใจ มุมหนึ่งไกลๆ แก้วดาราที่เดินผ่านมาพอดีรีบเอาโทรศัพท์แอบถ่ายรูปทั้งสองคนไว้ แก้วดาราพึมพำ
“ขอบคุณนะคะธาน ที่ทำให้แก้วจัดการศัตรูชีวิตได้พร้อมๆกันทั้งสองคน”
แก้วดารายิ้มร้ายส่งรูปให้นักข่าวทันที แล้วเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
ทีมเดอะซันกำลังนั่งประชุม เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งทีมหยุดชะงักคว้าปืนกันทันที นฤเบศแนบหลังเข้ากับประตู มือถือปืนในท่าเตรียมพร้อม เสียงเคาะประตูยังคงดังอยู่เรื่อยๆ ทีมเดอะซันกระชับปืน นฤเบศเปิดประตูให้
“นี่คุณสารวัตร มัวทำอะไรกัน...อ๊าย”
สุรีกานต์หันไปมองเห็นทีมเดอะซันอยู่ในท่าอาวุธครบมือจ่อมาที่เธอก็ตกใจแทบกรี๊ด นฤเบศรีบเข้าไปปิดปากสุรีกานต์ไว้ทัน ทุกคนถอนใจอย่างโล่งอก ลดอาวุธลง นฤเบศปล่อยมือจากสุรีกานต์
“นี่ คุณกะลวงฉันมาฆ่ารึไง”
“จะบ้าเหรอคุณ ก็คุณเล่นมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงทำไมล่ะ แล้วนี่เขาประชุมกันจนจะเลิกอยู่แล้วหายไปไหนมาไม่ทราบ”
“ก็หายไปทำประโยชน์น่ะสิ แล้วคราวนี้คุณจะต้องขอบคุณฉันมากแน่ๆ” สุรีกานต์ยื่นมือถือให้ปรีติ “หมวดปรีติคะ ช่วยจัดการให้ด้วยค่ะ”
สุรีกานต์สบตานฤเบศอย่างท้าทาย ปรีติเอาคลิปเสียงที่ได้จากมือถือสุรีกานต์มาลงในเครื่องและเปิดให้ทุกคนฟัง สุรีกานต์ นฤเบศและทีมเดอะซันต่างตั้งใจฟังเสียงจากคลิป กับ ภาพเหตุการณ์
“ริช้ง ริชาร์ดอะไร ฉันไม่รู้จัก”
“งั้นเหรอ แล้วพ่อเลี้ยงกำธรล่ะ เคยได้ยินรึเปล่า”
เนธานตกใจ เสียงสั่น
“เธอเอาอะไรมาพูด พ่อเลี้ยงอะไรฉันไม่รู้จักทั้งนั้น”
“แล้วนายไปพบเขาทำไม ถ้านายไม่ได้ติดต่อซื้อยา”
สุรีกานต์เอารูปในมือถือให้ดู เนธานเมาสติแตก โวยวาย
“ไม่...ไม่จริง ฉันไม่ได้ใช้ยา ฉันไม่รู้จักพวกมัน”
“หยุดโกหกซะทีเถอะธาน ข้อหามียาเสพติดในครอบครองมันร้ายแรงมากนะมันทำลายทั้งชีวิต ทั้งอนาคต”
“ไม่ ฉันไม่อยากหมดอนาคต ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ เพราะไอ้อุษณะ ไอ้อุษณะคนเดียว ถ้าไม่เป็นเพราะมัน ฉันก็ไม่ต้องพึ่งไอ้ยาพวกนี้หรอก เธอต้องช่วยฉันนะโซ่ เธอต้องช่วยฉันนะ แค่เธอเอารูปนั่นคืนมาให้ฉัน เรื่องทุกอย่างมันก็จบ”
เนธานโวยวายร้องไห้ซบไหล่สุรีกานต์ แล้วก็เมาพับไป
สุรีกานต์เขย่าเรียก
“ธาน ธาน เป็นอะไรรึเปล่า ธาน...”
หลังจากคลิปจบ สุรีกานต์พูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“ฉันมั่นใจว่า เนธานต้องไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่”
นฤเบศขัดขึ้น
“คุณรู้ได้ยังไง นายนั่นมันอาจจะเล่นละครแกล้งเมาหลอกคุณก็ได้”
“ไม่มีทาง ฉันรู้จักนิสัยของเนธานดี พอเมาจนขาดสติเมื่อไหร่ สิ่งที่หลุดออกจากปากก็คือความจริงทั้งนั้น”
จ่ายมคิดๆ
“ฟังจากที่คุณโซ่เล่า ผมว่านายเนธานนั่นอาจจะเป็นแค่ตัวหลอกก็ได้นะครับ”
ปรีติเห็นด้วย
“ใช่ครับ พิจารณาจากหลักฐานอื่นๆ ที่เราได้มา เนธานมีความเกี่ยวข้องกับแก็งของริชาร์ดน้อยมาก”
สุรีกานต์มองหน้านฤเบศ
“ว่าไงคะ คุณสารวัตร คราวนี้ภารกิจระหว่างฉันกับเนธานก็จบได้แล้วใช่มั้ย”
“ยัง ถึงแม้หลักฐานที่คุณได้มามันจะพอมีประโยชน์กับคดีอยู่บ้าง แต่ผมก็ยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเนธานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ จนกว่าจะมีหลักฐานอื่นๆมาหักล้าง”
สุรีกานต์ชะงัก
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ตอนนี้ตัดประเด็นนายเนธานนั่นออกไปก่อน ผมอยากให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับภารกิจวันพรุ่งนี้ ส่วนคุณ...” เขาหันมาทางสุรีกานต์ “ผมขอเตือน อย่าเล่นนอกแผนอีกเด็ดขาด”
สุรีกานต์พยักหน้ารับ
“ได้ ส่วนคุณ ก็ช่วยมาเล่นบทผู้จัดการส่วนตัวฉันให้มันแนบเนียนด้วย เพราะฉันเบื่อที่จะต้องคอยโกหกคนอื่นๆเรื่องคุณแล้ว เข้าใจมั้ย”
สุรีกานต์จ้องหน้านฤเบศอย่างไม่ยอมแพ้
กวินเห็นสุรีกานต์หายไปนาน มองหาในงานปาร์ตี้แต่ก็ไม่เห็น เห็นแต่วุ้นกรอบกับพายไก่ที่กำลังแดนซ์สนุกสนานกับทีมงานหนุ่มๆ ในกองละครก็เดินเข้าไปหา
“มีอะไรคะคุณวิน จะมาฟัน เอ้ย มามันส์กับพวกเราหน่อยมั้ยคะ” วุ้นกรอบชวน
“ไม่ล่ะครับ เอ่อ เห็นคุณโซ่บ้างมั้ยครับ”
พายไก่เต้นไปตอบไป
“สงสัยคงไปเดินเล่นแถวๆ นี้มั้งคะ”
วุ้นกรอบเสริม
“ไม่งั้นก็คงกลับไปห้องพักแล้วล่ะค่ะ รายนั้นน่ะชอบทำตัวเป็น ซิลเดอเรลล่า ปาร์ตี้ทีไร กลับก่อนเที่ยงคืนทุกที ว่าแต่เจ้าชายจะตามเอารองเท้าแก้วไปคืนเหรอคะ”
กวินยิ้มๆ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
กวินเหลียวมองรอบๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปที่โรงแรม
แพรไหมลงจากรถของมุก ทั้งสองคนเพิ่งกลับจากไปเที่ยว
“วันนี้ฉันสนุกมากเลยมุก ขอบใจที่พาไปเที่ยวนะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ งั้นฉันกลับก่อนนะ”
รถของมุกแล่นออกไป แพรไหมหันหน้าจะเดินกลับเข้าไปในโรงแรม กวินเดินมาเห็นพอดี
“อ้าว คุณไหม”
แพรไหมหันมาเห็นกวิน
“คุณวิน บังเอิญอีกแล้วนะคะ”
แพรไหมและกวินยิ้มให้กันอย่างยินดี
กวินและแพรไหมเดินเล่นเคียงกันไปตามชายหาด
“ดึกขนาดนี้ คุณวินยังไม่พักผ่อนอีกเหรอคะ”
“พอดีที่กองละครมีปาร์ตี้กันนิดหน่อยน่ะครับ”
“ฟังดูน่าสนุกจังเลยนะคะ”
“ครับ”
“เอ...สนุกแล้วทำไมถึงได้ทำหน้าแบบนี้ล่ะคะ หรือว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เล่าให้ไหมฟังได้นะคะ ไหมยินดีรับฟังทุกเรื่อง แม้แต่เรื่อง...ความรัก”
“นี่หน้าผมมันแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ แต่ไหมลองแกล้งถามดู ไม่นึกว่าจะใช่จริงๆ”
กวินยิ้ม
“คุณไหมนี่ร้ายเหมือนกันนะครับเนี่ย”
แพรไหมแกล้งทำเสียงเศร้า
“อ้าว ตายจริง เสียลุคหมดเลยใช่มั้ยคะ”
กวินหัวเราะ
“ผมแอบชอบผู้หญิงคนนึงอยู่ครับ”
“จริงเหรอคะ ผู้หญิงคนนั้นคงโชคดีมากๆ เลยนะคะที่มีคนที่ทั้งหล่อ ทั้งดีอย่างคุณวินไปหลงรัก แล้วคุณวินสารภาพรักเธอไปรึยังคะ”
“ยังครับ ตอนนี้ผมยังอยู่ในสถานะแอบรักอยู่ เพราะผมไม่แน่ใจว่าเธอคิดยังไงกับผม หรือบางทีเธออาจจะมีคนอื่นอยู่แล้วก็ได้”
“ดูเหมือน เราจะตกอยู่ในสถานะเดียวกันเลยนะคะ”
“คุณไหมก็มีคนที่แอบชอบเหมือนกันเหรอครับ”
“ตอนนี้ไหมก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะใช่ความรักหรือเปล่า เพราะบางทีความรักกับความผูกพันมันก็ใกล้กันจนเราอาจจะแยกไม่ออกน่ะค่ะ”
กวินมองแพรไหมที่ดูเศร้าๆ ไปจนเธอรู้สึกตัว
“ตายจริง ไหมอุตส่าห์จะช่วยคุณวิน แต่ดันเอาแต่พูดเรื่องของตัวเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว ที่มีคนเข้าใจความรู้สึกของผม...” กวินแหงนมองท้องฟ้า “ที่นี่ดาวสวยมากเลยนะครับ ถ้าคุณไหมยังไม่ง่วง เดินเล่นด้วยกันก่อนนะครับ”
แพรไหมยิ้มตอบ ทั้งสองคนเดินดูดาวด้วยความรู้สึกดีๆต่อกันที่เพิ่มพูนขึ้นทุกวันโดยไม่รู้ตัว
อ่านต่อหน้าที่ 2
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ใต้ท้องฟ้าที่ดาวระยิบระยับอีกฟาก สุรีกานต์กับนฤเบศกำลังเดินออกจากบังกะโลลัดเลาะไปตามชายหาดเพื่อกลับโรงแรม นฤเบศเดินนำแล้วหยุดมองอย่างระแวดระวัง ในขณะที่สุรีกานต์เดินตามแต่มัวแต่ดูดาวจึงเดินชนเขาเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย คุณจะหยุดทำไมไม่บอกกันก่อนห๊ะ”
“แล้วคุณมัวแต่มองอะไรอยู่”
“ก็ดูดาวน่ะสิ สวยจะตายไป คุณไม่เห็นรึไง”
“นี่คุณดารา ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเดินดูดาวดูเดือนนะ”
“คุณนี่นอกจากจะหน้าตาเย็นชา ปากร้าย แล้วยังไม่มีความโรแมนติกเอาซะเลย”
“ใช่ ผมมันไม่มีดีอะไรสักอย่างแหละ สู้พระเอกหนุ่มสุดหล่อของคุณไม่ได้หรอก”
“เกี่ยวอะไรกับคุณกวินด้วย”
นฤเบศอึกอัก
“เอ่อ จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้เราต้องรีบกลับโรงแรมก่อนที่จะมีใครมาเห็น ไม่งั้นแผนเราพังแน่”
“แต่ขอฉันดูดาวแป๊บเดียวไม่ได้เหรอ”
“นี่คุณอย่าพูดยากได้มั้ย ถ้าภารกิจครั้งนี้จบเมื่อไหร่ คุณอยากจะดูนานแค่ไหนผมก็จะพามาดู”
“คุณพูดจริงเหรอ”
“อืม จะกลับกันได้รึยังล่ะ”
สุรีกานต์ยอมกลับไปที่โรงแรมกับนฤเบศ ทั้งสองคนแอบรู้สึกดีต่อกันโดยไม่รู้ตัว
กวินเดินเล่นอยู่กับแพรไหม เหมือนจะเห็นหลังของสุรีกานต์กับนฤเบศไวๆ ก็มองตามอย่างไม่แน่ใจ แพรไหมแปลกใจ
“มีอะไรเหรอคะ คุณกวิน”
“ผมว่าผมเห็นคนที่ผมตามหาแล้วล่ะ”
แพรไหมเดินไม่ระวังเลยโดนเปลือกหอยบาดเท้าเลือดไหล
“โอ๊ย”
กวินตกใจ
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณไหม”
กวินรีบเข้าไปดูก็เห็นเท้าแพรไหมเลือดไหลเป็นทางยาว
“สงสัยจะโดนเปลือกหอยบาด ผมว่าเรากลับไปทำแผลที่โรงแรมกันก่อนดีกว่า คุณไหมเดินไหวมั้ยครับ”
“ไหวค่ะ”
แพรไหมทำท่าจะเดินต่อ กวินรีบบอก
“ผมว่าให้ผมพาไปดีกว่านะครับ ขอโทษนะครับคุณไหม”
กวินยกแพรไหมขึ้นอุ้ม แพรไหมแอบเขิน
“เอ้อ ไหมเดินไปเองได้ค่ะ คุณกวินให้ไหมเดินไปเองเถอะนะคะ”
“คุณไหมไม่ต้องห่วงครับ ผมรับรองว่าไม่ทำคุณไหมตกแน่นอน”
กวินตอบยิ้มๆ แล้วอุ้มเดินออกไป แพรไหมเกิดความรู้สึกแปลกๆในใจ
กวินอุ้มแพรไหมมาที่ห้องพยาบาลของโรงแรม...พยาบาลพันแผลที่เท้าให้แพรไหมแล้วก็ผละออกไปเก็บของ
“ดีนะครับที่แผลไม่ลึก สองสามวันก็น่าจะหาย” กวินยิ้มให้
แพรไหมยิ้มตอบ
“ขอบคุณคุณกวินมากนะคะ ไหมนี่ซุ่มซ่ามชะมัดเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ครับ”
แพรไหมขยับตัวจะลุกขึ้นกลับห้อง แต่ยังเซๆ เพราะเจ็บแผล กวินรีบมาประคอง
“เอ่อ ไหมขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งดีกว่าครับ”
“คือ...”
“ห้ามปฏิเสธนะครับ ผมต้องรับผิดชอบในฐานะที่ชวนคุณไหมไปเดินเล่นจนเป็นเรื่อง”
แพรไหมยิ้มให้แทนคำขอบคุณ กวินค่อยๆ ประคองแพรไหมเดินออกไป
วันใหม่...อายอดยืนซ้อมคิวแก้วดารากับกวินอยู่มุมหนึ่ง กวินต้องโอบแก้วดารา เขาดูเขินๆ ส่วนแก้วดาราก็ทำแอ๊บแบ๊วเขินอายไร้เดียงสา บิดไปบิดมา อีกมุมหนึ่งสุรีกานต์กับเนธานยืนรอเข้าฉากอยู่
“โซ่ ขอโทษนะ ถ้าเมื่อวานธานทำอะไรแย่ๆ”
สุรีกานต์ตกใจ
“จำได้ด้วยเหรอ ว่าเมื่อคืนนี้ทำอะไรลงไปบ้าง”
เนธานพยายามนึก
“ธานจำได้ว่า...”
สุรีกานต์ยืนรอฟังแบบลุ้นๆ
“ธานชวนโซ่ไปคุย แล้วธานก็...เมาจนหลับไป”
สุรีกานต์แอบโล่งอกที่เนธานจำอะไรไม่ได้
“แหม แค่เมาหลับไปก็ไม่ได้แย่อะไรสักหน่อย ว่าแต่ธานจำได้แค่นี้จริงๆ เหรอ”
“อืม หรือฉันทำอะไรมากกว่านั้น”
“อ้อ เปล่า...เปล่า...ไม่มีอะไร”
“ยังไงก็ขอโทษละกัน ดื่มหนักไปหน่อย ตื่นขึ้นมามันยังมึนๆ อยู่เลย แล้ววันนี้โซ่ว่างรึเปล่า ธานอยากจะขอแก้ตัว เพราะเย็นนี้ต้องกลับกรุงเทพแล้ว ติดงานเดินแบบน่ะ”
สุรีกานต์อึกอัก
“เอ่อ คือ ฉัน...”
ขณะเดียวกันนั้นโปรดิวเซอร์ตะโกนเรียกดังมา
“โซ่ เนธาน เตรียมตัวมาเข้าฉากได้แล้ว”
“เอาไว้คุยกันวันหลังละกันนะ”
สุรีกานต์รีบเดินผละไปทันที เนธานได้แต่เสียดาย...อายอดสั่งให้ถ่ายจริง แก้วดาราวิ่งร้องไห้มาที่ชายหาด กวินวิ่งตามแล้วสวมกอดไว้ สุรีกานต์และเนธานวิ่งตามมาห่างๆ
“ปล่อยดิฉันเถอะค่ะ คุณตะวันฉาย”
“ไม่ ผมไม่มีวันปล่อยคุณไปไหนอีก”
“คุณกลับไปหาคุณวิลาสินีเถอะค่ะ”
สุรีกานต์เข้ามา
“คุณหญิงรุ้งคะ เชื่อฉันเถอะนะคะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะมาเป็นเจ้าของหัวใจ ตะวันฉายได้ นอกจากคุณ”
กวินมองหน้าแก้วดารา
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมทำตัวเย็นชากับคุณมาตลอด เพียงเพราะผมต้องการหนีหัวใจตัวเอง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าหัวใจดวงนี้ไม่เคยหนีไปไหนได้ เพราะหัวใจของผมมอบให้คุณไปนานแล้ว...ผมรักคุณนะครับ”
กวินสารภาพรักตามบทแต่สายตากลับมองไปที่ สุรีกานต์แทน เธอได้แต่ยืนอึ้งเมื่อสบตาเขาที่สื่อบอกความในใจ วุ้นกรอบกับพายไก่พากันบิดตัวกรี๊ดกร๊าดจิกหมอนกันไป นฤเบศที่ มองนิ่งๆ รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกวินที่มีต่อสุรีกานต์ พอหันไปมองสุรีกานต์ก็หน้าแดง ท่าทีเขินอายทำอะไรไม่ถูก ส่วนแก้วดาราก็แอบจิกตาร้ายอย่างโมโห เสียงอายอดดังขึ้น
“คัท” อายอดเดินเข้าไปหากวิน “เอ้อ อาว่า กวินเล่นอย่างนี้ใช้ได้แล้วนะ แต่เสียอย่างเดียวอาจจะมองเลยหน้านางเอกไปนิ๊ด เดี๋ยวอาขอแบบนี้อีกเทคละกันนะ”
“ครับ ขอโทษครับอา”
แก้วดาราได้แต่โมโห อิจฉาสุรีกานต์สุดๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ วุ้นกรอบและพายไก่ยังคงกรี๊ดกร๊าดไม่หยุด
“สงสัยไม่เกินปีนี้ เจ๊โซ่ของเราคงจะมีสุภาพบุรุษสุดเพอร์เฟ็คมาตัดโซ่ทองคล้องคานให้แน่ๆ”
พายไก่ยิ้มปลื้ม
“ดูยังไงก็เพอร์เฟ็คเหมาะสมกันสุดๆ จริงมั้ยเบ็ตตี้”
นฤเบศได้แต่ยืนนิ่ง เพราะเห็นท่าทางของสุรีกานต์แล้วรู้สึกแสลงใจแบบไม่รู้ตัว
สุรีกานต์เดินมากินข้าวตรงมุมสวัสดิการ เจอกับกวินที่มากินข้าวเหมือนกัน เธอเขินจึงหันไปก้มลงหยิบข้าวกล่องเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาก็ก้มลงหยิบกล่องเดียวกันพอดี มือของเขาจึงกุมมือของเธอไว้ ทั้งคู่ต่างเขินอาย กวินค่อยๆ ถอนมือออกจากสุรีกานต์
“เชิญคุณโซ่ก่อนเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“คือผม ผม...”
สุรีกานต์ตั้งใจฟังเต็มที่ กวินไม่กล้าพูด
“คือ ผมหิวแล้ว เราทานข้าวกันดีกว่านะครับ”
“ค่ะ โซ่ก็หิวแล้วเหมือนกันค่ะ”
กวินและสุรีกานต์หัวเราะให้กันแบบเขินๆ และนั่งทานข้าวด้วยกันท่าทางสนิทสนม นฤเบศที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงชะงัก มองภาพตรงหน้าแล้วตั้งใจจะถอยออกไป แต่วุ้นกรอบกับพายไก่เดินเข้ามาสมทบก่อน
“อ๊าย หวานกันริมทะเลไม่พอ ยังมาสวีทต่อกันตรงมุมนี้อีกเหรอเนี่ย” วุ้นกรอบวี๊ดว๊าย
“เมื่อไหร่ฉันจะมีหนุ่มหน้าใส มาดูแลหัวใจอันบอบบางของฉันบ้างนะ” พายไก่แหย่
“มีคนเขาบอกว่าลักกี้อินเกม มักจะไม่ลักกี้อินเลิฟแต่นี่เจ๊ ของเราจัดเต็มทั้งสองอย่าง เริ่ดมาก” วุ้นกรอบหันมาหานฤเบศ “จริงมั้ยเบ็ตตี้”
“คงงั้นมั้งครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
นฤเบศเดินออกไปทันที พายไก่งงๆ
“อ้าว เป็นอะไรของเขาเนี่ย”
นฤเบศหยิบน้ำดื่มติดมือมานั่งซดอั่กๆอย่างหงุดหงิดซึ่งเขาหาสาเหตุไม่ได้ ภาพกวินสารภาพรักนอกบทกับสุรีกานต์ แว่บเข้ามา
‘หัวใจของผมมอบให้คุณไปนานแล้ว...ผมรักคุณนะครับ’
ภาพสุรีกานต์ก้มลงหยิบข้าวกล่องพร้อมกวิน มือของกวินกุมมือสุรีกานต์ไว้พอดี และภาพสุรีกานต์นั่งกินข้าวกับกวินหัวเราะให้กันแบบเขินๆ...นฤเบศงงๆกับตนเองเหมือนกัน
“นี่เราเป็นอะไรไปวะ ทำไมต้องไปนึกถึงยัยนางร้ายตัวแสบนั่นด้วย”
สุรีกานต์เดินเข้ามาหาพอดี
“แอบมานั่งนินทาฉันอยู่ตรงนี้นี่เอง”
นฤเบศสะดุ้ง แต่รักษาฟอร์ม
“ผมไม่ได้นินทาคุณซะหน่อย”
“อ้าว ก็เมื่อกี้ฉันได้ยินคุณพูดว่ายัยนางร้ายตัวแสบ ถ้าไม่ได้หมายถึงฉัน จะหมายถึงใคร”
นฤเบศแถไป
“นางร้ายในประเทศไทยมีตั้งเยอะแยะ ทำไมผมจะต้องหมายถึงคุณด้วย หลงตัวเองไปมั้งคุณ”
สุรีกานต์ฉุนกึก
“นี่ พูดกับฉันดีๆ สักวันมันจะตายหรือไง”
“ผู้ชายปากร้ายอย่างผม ก็พูดได้แค่นี้แหละ จะให้มาพูดเพราะๆ หวานๆ คุณรอไปฟังจากพระเอกของคุณโน่นเถอะ” นฤเบศแกล้งล้อ “หัวใจของผมมอบให้คุณไปนานแล้ว โอ๊ย ฟังแล้วมันซาบซึ้งถึงก้นบึ้งหัวใจจริงๆ”
“อย่ามาล้อฉันนะ คุณนี่มันกวนประสาทชะมัด”
“เฮ้ย นี่ผมนั่งอยู่ดีๆ ใครที่มากวนประสาทใครกันแน่ ผมว่าคุณมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยดีกว่า ผมต้องการความสงบ เชิญ”
“นี่คุณไล่ฉันเหรอ”
“ใช่”
สุรีกานต์โมโหจึงหยิบขวดน้ำขวดใหญ่ซึ่งมีน้ำอยู่เต็มขวดตีเขา
“โอ๊ย คุณมาตีผมทำไมเนี่ย โหน้ำเต็มขวดด้วยนะเนี่ย”
“เผอิญ ฉันเป็นพวกชอบขัดความสงบน่ะ”
สุรีกานต์ยังตีไม่เลิก นฤเบศพยายามยื้อแย่งขวดน้ำจากมือ เขาฉุนวิ่งไล่เธอ ทั้งสองคนผลัดกันวิ่งไล่กันไปมา ท่าทางสนิทสนม...เขาแกล้งลากเธอลงทะเลแล้วแกล้งเหวี่ยงลงน้ำ สุรีกานต์เอาคืน ต่างฝ่ายต่างผลัดกันกระโดดใส่ ขี่หลัง ตีกันอย่างไม่ยั้งมือ นฤเบศอารมณ์ดีขึ้น สุรีกานต์ก็รู้สึกดีตามไปด้วย...กวินยืนมองท่าทางสนุกสนานเฮฮามีความสุขของทั้งคู่อยู่ด้านหนึ่ง แก้วดาราเดินมาถึงก็รีบคล้องแขนกวินไว้
“พี่วินหลบมาอยู่นี่เอง แก้วตามหาเสียแทบแย่”
แก้วดารามองตามกวินเห็นสุรีกานต์วิ่งไล่อยู่กับนฤเบศก็แอบยิ้มร้าย
“แหม พี่โซ่นี่เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ไม่ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองเอาซะเลยนะคะ...ดูท่าทางสองคนนั่นคงจะสนิทกันมาก ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าพี่เบศเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพี่โซ่ แถมยังเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันด้วย แก้วคงคิดว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆ จริงมั้ยคะพี่วิน”
กวินมองภาพความสนิทสนมของทั้งคู่อย่างสงสัยและเจ็บแปลบๆในหัวใจ
สุรีกานต์อยู่ในห้องพัก นอนแผ่อยู่บนเตียงท่าทางเหน็ดเหนื่อย นฤเบศที่อาบน้ำแล้วกำลังแต่งตัวเสร็จเดินออกมาก็แอบยิ้มขำกับสภาพของเธอ
“ขำมากนักเหรอ”
“ก็สภาพคุณอย่างกับลูกหมาตกน้ำ” นฤเบศหัวเราะต่อ
“คุณไม่ต้องมาหัวเราะเยาะฉันเลยนะ เล่นบ้าอะไร เหนื่อยจะตาย เห็นฉันเป็นผู้หญิงบ้างรึเปล่าเนี่ย”
นฤเบศไม่ตอบส่ายหัวยิ้มๆ แล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง
“นั่นคุณจะไปไหน”
“ไปทำงาน ตอนนี้ริชาร์ดคงใกล้จะเดินทางมาถึงแล้ว”
สุรีกานต์เด้งขึ้นมาจากที่นอนอย่างตื่นเต้น
“แล้วฉันล่ะ ฉันต้องทำอะไรบ้าง”
“ไม่ยาก คุณแค่รออยู่ในห้องนี้ รอฟังคำสั่งจากผม และอย่าทำอะไรวุ่นวายนอกแผนอีกเด็ดขาด โดยเฉพาะโผล่หน้าออกไปให้ริชาร์ดเห็น”
นฤเบศเดินออกไป สุรีกานต์พึมพำไล่หลังอย่างหมั่นไส้
“เชอะ ทำเป็นออกคำสั่ง คิดบ้างมั้ยว่าสายลับอย่างฉันทำประโยชน์ให้ทีมมาตั้ง กี่ครั้งแล้ว”
สุรีกานต์หยิบผ้าเช็ดตัวจะไปอาบน้ำ เดินผ่านทีวีที่เปิดทิ้งไว้ ภาพในจอทีวีฉายภาพยนตร์สายลับ เห็นฉากที่สายลับกำลังปีนช่องแอร์ สุรีกานต์เหลือบมองช่องแอร์ในห้อง แล้วก็ฉุกคิดแผนการอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
สุรีกานต์ยืนคุยอยู่กับพนักงานที่ล็อบบี้
“อุ๊ย คุณโซ่ สุรีกานต์ ใช่มั้ยคะ ขอลายเซ็นหน่อยได้มั้ยคะ”
สุรีกานต์ยิ้มให้
“ได้สิคะ ถ่ายรูปด้วยก็ได้…แต่ว่าฉันมีเรื่องอยากจะให้ช่วยหน่อยน่ะค่ะ”
สุรีกานต์ยิ้มอย่างมีแผน เธอขอจองห้องพักห้องข้างๆ
รถลีมูซีนของริชาร์ดแล่นมาจอดหน้าโรงแรม พนักงานเปิดประตูรถให้อย่างสุภาพ ริชาร์ดลงจากรถกวาดตามองโรงแรมอย่างพอใจ แล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมทั้งบอดี้การ์ด 4 คน ประเสริฐในชุดพนักงานดูแลสวนยืนตัดแต่งเล็มต้นไม้อยู่ไม่ไกลแตะหูฟัง
“เดอะซันสี่เรียกทีมเดอะซัน ตอนนี้พลูโตเดินทางมาถึงแล้ว”
ริชาร์ดพร้อมทั้งบอดี้การ์ด 2 คนเดินเข้ามาในส่วนล็อบบี้ของโรงแรม หยุดรอตรงเคาน์เตอร์เพื่อจัดการเรื่องที่พัก จ่ายมนั่งดื่มกาแฟอยู่ ส่วนอัศวินนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บริเวณล็อบบี้ พลางแอบมองริชาร์ดไปด้วย พนักงานนำคีย์การ์ดมาและเดินนำไป ริชาร์ดและบอดี้การ์ดเดินตามไป จ่ายมแตะหูฟัง
“เดอะซันห้าเรียกทีมเดอะซัน พลูโต กับลูกน้องอีก 2 คนกำลังขึ้นไปห้องพักแล้วครับ”
พนักงานนำริชาร์ดมาถึงห้องพักระดับวีไอพี นฤเบศที่ปลอมตัวเป็นพนักงานโรงแรมแอบดูอยู่จากมุมทางเดินอีกฝั่งรีบหลบวูบ พนักงานจัดการเปิดห้องพักให้เรียบร้อย ริชาร์ดทิปเงินให้แล้วยิ้มอารมณ์ดีเดินเข้าห้องไปพร้อมบอดี้การ์ด นฤเบศเห็นทั้งหมดเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้วถึงเดินออกมาจากที่ซ่อน
“เดอะซันหนึ่งเรียกทีมเดอะซัน พลูโตเดินทางถึงจุดหมายเรียบร้อยแล้ว ขอให้ทุกคนคอยอยู่ที่จุดเดิม จนกว่าจะได้รับคำสั่งจากผม”
ทีมเดอะซันทุกคนยังประจำอยู่ตามจุดเดิมรับทราบคำสั่ง...นฤเบศยังคงเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ห้องพักริชาร์ด ทันใดนั้นสุรีกานต์ในมาดปลอมตัวสวมหมวกปีกกว้างและใส่แว่นตาดำพร้อมติดไฝเม็ดโตก็เดินผ่านจุดที่นฤเบศหลบมุมอยู่แต่ไม่เธอเห็นเขา เธอเดินตรงไปยังห้องพักข้างๆ ห้องพักริชาร์ด นฤเบศที่แอบอยู่ มองอย่างสงสัย
“ทำไมดูคุ้นๆ”
สุรีกานต์ไขประตูห้องพัก พลางส่งยิ้มให้บอดี้การ์ดริชาร์ดที่เดินออกมาเฝ้าหน้าห้องพอดี สุรีกานต์เปิดประตูแล้วหายลับเข้าไปในห้อง นฤเบศครุ่นคิด
“หรือว่าจะเป็น...ยัยนางร้ายตัวแสบ”
สุรีกานต์เดินเข้าไปในห้อง พยายามสำรวจตามจุดต่างๆ มองไปบนเพดานจุดหนึ่งที่เป็นช่องแอร์แล้วก็ยิ้มออกมา...นฤเบศเฝ้าอยู่ด้านนอกอย่างกระวนกระวาย เห็นสุรีกานต์หายเข้าไปนานก็ตัดสินใจโทรไปหา
“คุณกำลังจะทำอะไร”
“ก็ฉัน...อ๊าย…โอ๊ย”
นฤเบศได้ยินเสียงร้องโวยวาย และเหมือนมีเสียงของตกก็ตกใจ
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นน่ะคุณ คุณดารา คุณได้ยินผมรึเปล่า”
สุรีกานต์นั่งบนพื้นร้องโอดโอยพยายามจะปีนช่องแอร์แต่เพราะเสียงโทรศัพท์จากนฤเบสทำให้พลาดตกลงมา
“โอ๊ย คุณจะบ้ารึเปล่า โทรมาทำไมตอนนี้”
“ผมถามว่าคุณกำลังจะทำอะไร แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
“ฉันจะทำอะไรคุณไม่ต้องรู้หรอกน่า แต่รับรองว่าสายลับเนปจูนไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่”
“คุณออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ นี่คือคำสั่ง”
“คุณไว้ใจฉันเถอะน่า ฉันอุตส่าห์ลงทุนขนาดนี้แล้ว ไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่”
สุรีกานต์กดตัดสายไปทันที หันไปร้องโอดโอยต่อ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เธอกำลังจะโวยเพราะคิดว่าเป็นนฤเบศแต่แล้วก็ต้องรีบหยุดเมื่อเห็นเป็นเบอร์กวิน สุรีกานต์กดรับสาย
“ว่าไงคะคุณกวิน”
กวินยืนคุยโทรศัพท์อยู่ริมชายหาด
“ผมคงไม่ได้รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณโซ่นะครับ”
“อ๋อ ไม่หรอกค่ะ คุณกวินมีอะไรรึเปล่าคะ” เธอขยับตัว “โอ๊ะ”
กวินแปลกใจ
“คุณโซ่เป็นอะไรรึเปล่าครับ น้ำเสียงดูไม่ดีเลย”
สุรีกานต์เจ็บแต่ก็พยายามทำเป็นปกติ
“เอ่อ คือ โซ่ ทำของตกน่ะค่ะ เลยตกใจ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณกวินมีธุระอะไรรึเปล่าคะ”
“คือ ผมอยากจะชวนคุณโซ่มาทานข้าวน่ะครับ”
“เอ่อ คือ...ตอนนี้โซ่ออกมาหาเพื่อนข้างนอกน่ะค่ะ คงจะกลับดึกๆ เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ คุณโซ่เที่ยวให้สนุกนะครับ”
กวินวางสาย หันไปมองโต๊ะดินเนอร์ริมทะเลที่จัดเตรียมไว้เซอร์ไพรส์สุรีกานต์อย่างเศร้าๆ
นฤเบศส่ายหน้าอย่างระอากับความรั้นของสุรีกานต์ มองไปตรงทางเดิน เห็นบอดี้การ์ดของริชาร์ดยังคงเฝ้าอยู่ก็แอบหนักใจ เขาพึมพำเบาๆ
“คิดผิดหรือเปล่าวะเนี่ย ที่เลือกยัยดาราเพี้ยนๆ นี่มาทำงาน”
นฤเบศเฝ้าดูอยู่สักพักก็อาศัยจังหวะที่บอดี้การ์ดริชาร์ดกลับเข้าไปห้องพักส่วนตัว รีบเดินไปหน้าห้องพักสุรีกานต์ แล้วเคาะประตูเรียกพลางเหลียวมองรอบๆ อย่างระแวดระวังไปด้วย
“นี่ผมเอง เดอะซันหนึ่ง เปิดประตูให้ผมหน่อย...”
สุรีกานต์ที่อยู่ในห้อง ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องถี่ๆ ก็ถอนใจเซ็งๆ
“โอ๊ย จะเชื่อใจกันบ้างได้มั้ยเนี่ย”
สุรีกานต์เดินกะเผลกไปทางประตู นฤเบศเคาะประตูอย่างร้อนใจ
“ผมบอกให้เปิดประตูเดี๋ยวนี้ คุณอยากให้พลูโตมันจับได้รึไง”
ประตูก็เปิด นฤเบศรีบเข้าไปในห้องแล้วล็อคประตูทันที คล้อยหลังนฤเบศ บอดี้การ์ดริชาร์ดอีก 2 คนเดินนำมงคลมาที่ห้องริชาร์ด...นฤเบศเข้ามาในห้องก็เปิดฉากต่อว่าสุรีกานต์ทันที
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกอวดดี เลิกทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้สักที”
สุรีกานต์รีบเอามือปิดปากเขา
“เบาๆ หน่อยสิคุณ เดี๋ยวริชาร์ดมันก็สงสัยเอาหรอก”
ทั้งสองคนอยู่ในระยะใกล้ชิด นฤเบศมองหน้าสุรีกานต์นิ่ง ก่อนจะผละออกจากกันแบบเขินๆ สุรีกานต์เดินกะเผลก นฤเบศเห็นเก้าอี้ที่ล้มอยู่กลางห้อง แหงนมองด้านบนเห็นเป็นฝ้าเพดานแง้มอยู่
“แล้วนี่คุณจะทำอะไร อย่าบอกนะว่าจะปีนขึ้นไปบนนั้น” เขาชี้ไปที่ฝ้า
“ใช่ ฉันกำลังจะทำสำเร็จอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่โทรมาขัดจังหวะซะก่อนจนฉันต้องอยู่ในสภาพแบบนี้”
“โอ้ย....นี่มันชีวิตจริงนะครับคุณดารา แล้วก็แหกตาดูซะบ้างว่านี่มันของจริงไม่ใช่ฉากละคร ที่ต้องสร้างท่อระบายอากาศใหญ่ๆ ไว้ให้ใครแอบปีนหากันแทนประตู...ระวังเถอะคุณจะเจอดี”
“เจออะไร”
นฤเบศรู้ว่าสุรีกานต์กลัวผีขึ้นสมองยิ่งแกล้ง
“ศพไง ไม่เคยได้ยินเหรอ ว่าผู้หญิงถูกฆ่าแล้วโดนเอาศพไปไว้ในช่องแอร์ กว่าจะมีคนมาเจอก็...”
สุรีกานต์แอบกลัว
“อ๊าย หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่มันก็มืดแล้ว คุณจะพูดทำไมเนี่ย”
“อย่าบอกนะว่าแค่นี้คุณก็กลัว ทีทำเรื่องเสี่ยงๆ ดันไม่กลัว ถามจริงๆเถอะ แค่ทำตามคำสั่งของผมมันจะตายรึไง”
สุรีกานต์หมั่นไส้
“ไม่ตาย แต่ไม่อยากทำ เพราะฉันก็มีวิธีของฉันเหมือนกัน”
“วิธีของคุณคือปีนฝ้าเนี่ยนะ ผมจะบอกให้นะคุณดารา ผมให้ทีมเดอะซันไปติดเครื่องดักฟังไว้ในห้องไอ้ริชาร์ดแล้ว รับรองว่ามันเวิร์คกว่าวิธีของคุณตั้งเยอะ”
สุรีกานต์หน้าเสีย
“อ้าว แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนล่ะ”
“ก็คุณไม่ได้ถามนี่ แล้วถ้าคุณเข้าประชุมให้ทันซะบ้างก็คงจะฉลาดกว่านี้”
“ฉันยอมรับผิดครึ่งนึงก็ได้ แต่อีกครึ่งนึงฉันทำไปเพราะหวังดี เพราะฉะนั้นถือว่าไม่ผิด...แล้วไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันจะไม่ถอยเด็ดขาด คุณจะได้รู้ว่าวิธีของใครมันเวิร์คกว่ากัน”
สุรีกานต์สบตาเขาอย่างท้าทาย นฤเบศส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของเธอ
ค่ำนั้น กวินยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะริมชายหาด แพรไหมออกมาเดินเล่น กวินนั่งหันหลังอยู่ก็เดินเข้าไปทัก
“แอบมานั่งรอใครอยู่ตรงนี้คะ”
“อ้าวคุณไหม...เป็นยังไงบ้างครับ แผลหายดีแล้วเหรอ”
“แผลแค่นิดเดียว ไกลหัวใจค่ะ ไหมต้องขอบคุณ คุณกวินอีกครั้งนะคะ” เธอมองโต๊ะดินเนอร์ “เอ่อ ไหมคงมารบกวนเวลาส่วนตัวของคุณ งั้นไหมขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ”
“เดี๋ยวครับคุณไหม ไม่รบกวนอะไรหรอกครับ ผมเตรียมทุกอย่างไว้เซอร์ไพรส์คนสำคัญ แต่คืนนี้คงจะแห้วซะแล้ว ถ้าคุณไหมไม่รังเกียจ ช่วยทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยได้มั้ยครับ”
“แหม อาหารน่าตาน่าทานซะขนาดนี้ จะปฏิเสธลงได้ยังไงคะ”
กวินยิ้มให้ แพรไหมยิ้มตอบอย่างสดใส
ปรีตินั่งเฝ้าสัญญาณจากเครื่องดักฟังในห้องพักริชาร์ด ได้ยินเสียงเหมือนริชาร์ดสนทนากับใครบางคนจึงรีบรายงานให้นฤเบศรู้
“เดอะซันสาม เรียกเดอะซันหนึ่ง ดูเหมือนจะมีใครบางคนเข้ามาพบพลูโตครับ”
นฤเบศยืนฟังคำรายงานจากปรีติอยู่มุมหนึ่งในห้อง สุรีกานต์มองอย่างลุ้นๆ
“มีอะไรเหรอ”
“มีใครบางคนมาพบพลูโต ตอนนี้เดอะซันสามกำลังบันทึกสัญญาณเสียงจากเครื่องดักฟังไว้อยู่”
“แล้วมันเป็นใคร มันเข้ามาตอนไหน ก็คุณเฝ้าอยู่หน้าห้องตลอดไม่ใช่เหรอ”
“ผมคงรู้ไปนานแล้ว ถ้าคุณไม่เล่นนอกแผนแบบนี้”
“ไม่ต้องย้ำมากนักก็ได้ เอาเวลามาช่วยกันคิดดีกว่า ว่าเราจะสืบเรื่องพวกมันยังไง”
นฤเบศมองไปทางระเบียงห้องพักแล้วครุ่นคิด สุรีกานต์มองตามแทบเหวอ
ริชาร์ดนั่งคุยกับมงคลอยู่มุมหนึ่งในห้องพัก
“ผมหวังว่าวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างจะไม่มีปัญหา”
ริชาร์ดยิ้มมั่นใจ
“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว คนของผมจะคอยดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างเป็นอย่างดี”
มงคลพอใจ
“ขอดื่มฉลองล่วงหน้าให้กับความสำเร็จ และความร่ำรวยมหาศาลที่จะตามมาของเรา”
ริชาร์ดและมงคลชนแก้วดื่มฉลอง และหัวเราะให้กันอย่างพอใจ
นฤเบศพาสุรีกานต์ปีนระเบียงอย่างทุลักทุเล เขาปีนข้ามไปก่อนและคอยรับเธอที่ปีนตามมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ สุดท้ายก็ปีนข้ามมาได้สำเร็จ ทั้งสองแอบดูอยู่มุมหนึ่งของระเบียงโชคดีที่ระเบียงห้องมีมุมที่สามารถซ่อนตัวได้ ทั้งสองคนเห็นริชาร์ดกำลังสนทนาอยู่กับชายคนหนึ่งที่นั่งหันหลังให้ สุรีกานต์เอามือถือมาถ่ายรูปไว้ เธอเห็นริชาร์ดถือ กล่องบางอย่างก็รีบถ่ายรูปเอาไว้แต่มองไม่เห็นชัดเจนนัก มงคลลากลับพอดี นฤเบศเสียดาย
“โธ่เว้ย พลาดจนได้ เพราะคุณคนเดียวมัวแต่ช้า ไหนว่าเล่นละครสายลับมาหลายเรื่องแล้วไง”
“นี่ ฉันไม่ได้เสี่ยงตายปีนข้ามระเบียงมาให้คุณด่านะ”
สุรีกานต์สังเกตเห็นริชาร์ดย้ายมุมมานั่งที่โต๊ะทำงานจึงหยุดทะเลาะกันชั่วคราวแล้วแอบมอง เห็นริชาร์ดเปิดโน้ตบุ๊คและกำลังพิมพ์ password บางอย่างลงไป สุรีกานต์เอามือถือมาซูมถ่ายคลิปเห็นมือริชาร์ดที่พิมพ์รหัส “VENI…” แต่แล้วริชาร์ดก็ชะงักเพราะมีโทรศัพท์เข้า และทำท่าจะเดินตรงมาคุยที่ระเบียงมุมที่สุรีกานต์และนฤเบศซ่อนตัวอยู่ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างตกใจ
กวินดินเนอร์เสร็จก็เดินคุยกับแพรไหมตามชายหาด
“คุณไหมนี่ทานเก่งเหมือนกันนะครับ”
“คุณกวินคงยังไม่รู้ว่าไหมเป็นนักชิมมาตั้งแต่เด็กๆ พอโตมาหน่อยก็ชอบทำอาหาร ทำขนมเป็นชีวิตจิตใจ จนคุณพ่อต้องยอมส่งไปเรียนที่ปารีส”
“แล้วทานเก่งแบบนี้ ไม่กลัวอ้วนเหรอครับ”
แพรไหมหัวเราะ
“กลัวสิคะ ผู้หญิงทุกคนก็ต้องกลัวอ้วนกลัวไม่สวยเป็นธรรมดา เพียงแต่ไหมกลัวอดกินของอร่อยมากกว่ากลัวอ้วนน่ะค่ะ”
กวินแอบอมยิ้มกับคำตอบจริงใจของแพรไหม
“คุณกวินยิ้มแบบนี้ คงจะคิดว่าไหมเห็นแก่กินใช่มั้ยคะเนี่ย”
“เปล่านะครับ ผมชอบที่คุณเป็นคนตรงไปตรงมาต่างหาก”
“คุณกวินก็เป็นคนโรแมนติกเหมือนกันนะคะ สงสัยคงจะชอบทำเซอร์ไพรส์บ่อยๆ”
“นี่ครั้งแรกต่างหากครับ แถมยังแห้วซะด้วย”
“ถือซะว่าเป็นการเริ่มต้นบทพิสูจน์ความรักไงคะ มีครั้งแรกยังดีกว่าการไม่ได้เริ่มเลยนะคะ สู้ๆ ไหมเป็นกำลังใจให้ค่ะ ไหมเชื่อในความพยายาม เพราะตอนนี้ไหมก็กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน”
แพรไหมแอบเศร้า กวินเห็นใจ ทั้งสองเดินไปตามชายหาดด้วยกัน
อ่านต่อหน้าที่ 3
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 9 (ต่อ)
นฤเบศปีนกลับมาที่ห้องได้อย่างหวุดหวิดแล้วหันไปรับสุรีกานต์ที่ปีนตามมา เธอปีนข้ามมาได้แต่ด้วยความรีบจึงเสียหลักล้มทับเขาและกลิ้งลงไปที่พื้นระเบียงด้วยกัน ทั้งสองคนนอนกอดกันนิ่งอยู่บนพื้นระเบียง
“นี่คุณ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
ริชาร์ดเดินออกมาคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงพอดี นฤเบศรีบเอามือปิดปากสุรีกานต์ไว้ เธอจึงจำเป็นต้องซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขาต่างฝ่ายต่างเขิน สักพักริชาร์ดก็เดินกลับเข้าไปในห้อง สุรีกานต์กระซิบถาม
“พลูโตไปรึยังคุณ”
“ไปแล้ว”
“แล้วคุณจะปล่อยฉันได้รึยัง”
ทั้งคู่จ้องมองกันอึ้งๆ พอได้สติก็รีบผละจากกันด้วยความเขิน นฤเบศอึกอักถาม
“เอ่อ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“เปล่านี่ ฉันสบายดี แล้วคุณล่ะ”
“เกือบตาย ผู้หญิงอะไร ตัวหนักยังกะช้าง”
สุรีกานต์โมโห
“คุณนี่มัน...”
“นี่มันไม่ใช่เวลามาพูดจาไร้สาระนะคุณ ผมว่าเราเอาเวลามาคุยเรื่องหลักฐานที่ได้มาดีกว่า”
นฤเบศพูดจบก็ยักคิ้วให้แล้วเดินเข้าห้องไปทันที สุรีกานต์อยากจะกรี๊ดแต่ก็พยายามระงับอารมณ์โกรธแล้วรีบเดินตามไป
สุรีกานต์เปิดเช็คภาพและคลิป ที่ถ่ายไว้ในโทรศัพท์มือถือแล้วยื่นให้ดู
“อย่างน้อยการที่ฉันทำตัวอวดดีนอกเหนือคำสั่ง ก็ได้หลักฐานดีๆ มาตั้งหลายอย่าง แค่เครื่องดักฟังของคุณไม่มีทางได้ภาพดีๆ แบบนี้มาหรอก”
“แต่คุณก็ทำให้ทีมเราพลาดโอกาสที่จะได้ตัวคนที่มาพบริชาร์ด”
“ไม่เห็นยาก คุณก็ให้ทีมเดอะซันไปขอเช็คภาพจากกล้องวงจรปิดของโรมแรมสิ ตอนนี้เรื่องที่เราควรจะสนใจมากกว่าก็คือในโน้ตบุ๊คนั่นมีข้อมูลอะไรอยู่กันแน่”
นฤเบศติดตาม
“ก่อนอื่นเราต้องรู้พาสเวิร์ดมัน”
“คราวที่แล้วฉันก็ลองอยู่หลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ” เธอเหมือนนึกขึ้นได้ “ฉันนึกออกแล้ว...”
สุรีกานต์คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูคลิป เห็นริชาร์ดกำลังพิมพ์พาสเวิร์ดบางตัว สุรีกานต์รีบจดลงบนกระดาษ นฤเบศมองอย่างลุ้นๆ แต่ก็ยังเป็นรหัสที่ไม่สมบูรณ์
“V-E-N-I…หรือว่าจะเป็น Venice (เวนิซ) พลูโตเกิดที่เวนิสนี่ มันอาจจะเอามาตั้งเป็นเป็นพาสเวิร์ดก็ได้”
“คุณแน่ใจเหรอ”
สุรีกานต์ส่ายหน้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
“ยังไงเราก็ต้องหาทางเข้าไปล้วงข้อมูลจากโน้ตบุ๊คนั่นให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้เราต้องโฟกัสไปที่ภารกิจคืนพรุ่งนี้ก่อน ขอให้คุณเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
“คนอย่างสุรีกานต์ พร้อมทุกสถานการณ์อยู่แล้ว และวันนี้ภารกิจเสร็จสิ้นแล้วฉันขอตัวก่อน”
“จะไปไหน”
“ก็จะกลับห้องพัก ไปอาบน้ำแร่ แช่น้ำนม บำรุงความงามของฉันน่ะสิ วันนี้ฉันเหนื่อยจะแย่แล้ว ไหนจะเป็นนางร้าย แล้วยังต้องวิ่งมาเป็นสายลับอีก”
“คุณจะออกไปได้ยังไง ตอนนี้บอดี้การ์ดของริชาร์ดมันก็เฝ้าอยู่เต็มไปหมด ไหนๆ คุณก็ดื้อด้าน อวดเก่งจนมาเปิดห้องข้างๆ ริชาร์ดได้แล้ว ผมว่าเรามาคอยจับตามองความเคลื่อนไหวของมันอยู่ที่นี่ดีกว่า”
“แต่...”
“ถ้าคุณอยากจะกลับไปนอนคนเดียวก็ตามใจ ผมเตือนคุณแล้วนะ ว่าระวังจะเจอดี” นฤเบสแกล้งมองไปทางช่องแอร์บนเพดาน “ผี…ช่อง…แอร์”
สุรีกานต์มองช่องแอร์ตามอย่างหวาดๆ สุดท้ายก็จำใจพักที่ห้องนี้ นฤเบศยิ้มชอบใจ เสียงโทรศัพท์สุรีกานต์ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมามองเห็นเบอร์กวิน ก็เหลือบมองนฤเบศแล้วเดินเลี่ยงไปกดรับที่มุมหนึ่ง
“สวัสดีค่ะคุณกวิน”
กวินยืนดูดาวอยู่ที่ระเบียงห้องพัก คุยโทรศัพท์ไปด้วย
“คุณโซ่กลับมาถึงโรงแรมรึยังครับ”
“เอ่อ คือ โซ่เพิ่งกลับมาถึงเมื่อกี้นี้เองค่ะ คุณกวินมีอะไรรึเปล่าคะ”
“เปล่าหรอกครับ ผมโทรมาหาคุณโซ่เพราะ ผมเป็นห่วงคุณ”
สุรีกานต์แอบเขิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่พอเห็นนฤเบศมองมาแบบหมั่นไส้ ก็รีบเก็บอาการ
“ขอบคุณนะคะ ที่เป็นห่วง”
“มีอีกเรื่องนึงที่ผมอยากจะบอกคุณโซ่ คุณโซ่จะว่ายังไงครับถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันเป็นความตั้งใจของผม”
สุรีกานต์นิ่งอึ้งไปเพราะเขินหนัก
“คุณโซ่ฟังผมอยู่รึเปล่าครับ”
“ฟังอยู่ค่ะ คือ โซ่…คิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดไปน่ะค่ะ คุณวินล้อโซ่เล่นใช่มั้ยคะเนี่ย” สุรีกานต์หัวเราะกลบเกลื่อน
“ตอนนี้คุณโซ่จะยังไม่เชื่อผมก็ไม่เป็นไรครับ แต่สักวันผมจะพิสูจน์ให้คุณโซ่เห็นว่าผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ...งั้นผมคงไม่รบกวนเวลาคุณโซ่แล้วล่ะครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ กู้ดไนท์ครับ”
“เอ่อ กู้ดไนท์ ค่ะ”
กวินวางโทรศัพท์แล้วยิ้มอย่างมีความสุข สุรีกานต์ยืนยิ้มเขิน นฤเบศมองมาอย่างหมั่นไส้
“ได้ยาดีแบบนี้ คงหายเหนื่อยแล้วมั้ง งั้นคืนนี้ช่วยเฝ้านายริชาร์ดให้ผมด้วยละกัน”
“นี่คุณแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์งั้นเหรอ เสียมารยาท”
“ผมไม่แอบฟังให้เสียเวลาหรอก เชิญคุณเพ้อต่อตามสบาย”
“แล้วคุณจะไปไหน”
“ผมก็จะไปนอนน่ะสิ อ้อ อย่ากู้ดไนท์กันให้ดึกมากนักล่ะ มันรบกวนเวลานอนของคนอื่น”
นฤเบศหอบหมอนและผ้าห่มเดินไปนอนที่โซฟาแบบหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ สุรีกานต์ก็ล้มตัวนอนบนเตียงอย่างหมั่นไส้เช่นกัน
วันใหม่...นฤเบศและสุรีกานต์หาจังหวะขณะที่บอดี้การ์ดริชาร์ดเผลอแอบหลบออกจากห้องไปได้แล้วรีบหลบออกไปทางบันไดหนีไฟได้สำเร็จ...สุรีกานต์รีบตรงไปที่กองถ่ายละครแถวชายหาด ได้พบกวินพอดี
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณโซ่”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ทั้งสองพูดพร้อมกัน
“คือฉัน/คือผม”
กวินยิ้มขำๆ
“เชิญคุณโซ่ก่อนก็ได้ครับ”
สุรีกานต์ยืนยิ้มด้วยความเขิน วุ้นกรอบกับพายไก่โผล่มาขัดจังหวะพอดี
“แหม เมื่อวานนี้ยังหวานกันไม่พอกันอีกเหรอคะ ถึงได้มาสวีทกันแต่เช้า” พายไก่เย้าแหย่
สุรีกานต์อาย
“บ้าน่ายัยพาย สวีทอะไรกัน ฉันก็แค่ทักทายกับคุณวินธรรมดา”
“ถึงคำพูดจะธรรมดา แต่ดูจากสายตาแล้ว แบบนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน วุ้นคอนเฟิร์ม” วุ้นกรอบแซว
กวินสบตาสุรีกานต์
“แล้วถ้ามันไม่ธรรมดาจริงๆ คุณวุ้นกับคุณพายจะว่าอะไรมั้ยครับ”
“เรื่องแบบนี้ ถามเจ้าตัวเอาเองจะดีกว่านะคะ”
วุ้นกรอบและพายไก่กรี๊ดกร๊าดดีใจแทนสุรีกานต์ แก้วดาราโผล่เข้ามา
“กรี๊ดกร๊าดอะไรกันอยู่เหรอคะ หรือว่าจะโดนหอยเม่นตำเท้า”
เกี๊ยวกุ้งเสริม
“โอ๊ย พวกหนังหน้า เอ้อ หนังหนาอย่างนี้ หอยเม่นมันคงตำไม่เข้าหรอกค่ะ พี่เกี๊ยวว่าพวกนี้น่าจะคู่ควรกับพวกแมงกะพรุนไฟมากกว่า แสบๆ คันๆ พอกันดี”
วุ้นกรอบฉุนกึก
“มาถึงก็อยากเจอดีเลยรึไงนังเกี๊ยว”
“ใจเย็นก่อนค่ะพี่วุ้น แก้วกับพี่เกี๊ยวก็แค่ล้อเล่นขำๆ พี่วุ้นคงไม่ถือสาหรอกใช่มั้ยคะ”
สุรีกานต์ส่งสายตาปรามวุ้นกรอบที่โมโหฟึดฟัด วุ้นกรอบจึงสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง แก้วดาราหันมาหาสุรีกานต์
“พี่โซ่คะ แก้วขอยืมตัวพี่วินไปซ้อมบทหน่อยได้มั้ยคะ วันนี้แก้วต้องเข้าฉากกับพี่วินทั้งวัน แถมยังเป็นซีนหวานๆ โรแมนติกทั้งนั้นเลยด้วย พี่โซ่คงไม่ว่าอะไรนะคะ”
วุ้นกรอบสวนทันที
“โอ๊ย คงไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ เพราะถึงจะว่าคนหน้าหนาบางคนคงไม่รู้สึก”
แก้วดาราโมโห แต่ก็พยายามปั้นหน้ายิ้มต่อหน้ากวิน กวินหันมามองสุรีกานต์ เธอยิ้มตอบให้
“เชิญเถอะค่ะคุณวิน เดี๋ยวโซ่คงต้องไปเตรียมตัวเหมือนกัน”
กวินยิ้มตอบให้
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
แก้วดาราเห็นกวินส่งสายตาหวานซึ้งให้สุรีกานต์ก็หน้าหงิก รีบเข้ามาควงแขนกวินแล้วพาเดินเชิดสะบัดออกไปทันที เกี๊ยวกุ้งรีบเดินตาม วุ้นกรอบไม่พอใจ
“ยัยแก้วมังกรนี่มันมารผจญจริงๆ เห็นคนอื่นมีความสุขเป็นไม่ได้”
“แต่ฉันว่า น่าสงสารออก” พายไก่ขัดขึ้น
วุ้นกรอบฉุนกึก
“แกจะไปญาติดีกับมันทำไม นังพาย”
“เปล่า ที่ฉันว่าน่าสงสารฉันหมายความว่า ยัยน้องแก้วมังกรคงกลัวฉากรักโรแมนติกระหว่างพระเอกกับนางเอกจะโดนนางร้ายแย่งซีนไปอีกละมั้ง จริงมั้ยเจ๊”
สุรีกานต์แอบเขิน
“ไร้สาระ ฉันไปแต่งหน้าทำผมก่อนนะ”
สุรีกานต์อมยิ้มอย่างเขินๆ แล้วรีบเดินออกไป
“ตั้งแต่คบกันมา ฉันเพิ่งเห็นออร่าแห่งปัญญาของแกก็วันนี้แหละนังพาย”
วุ้นกรอบกับพายไก่มองตามสุรีกานต์ไปแบบยิ้มๆ
ในงานแถลงข่าวการเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจกับผู้ประกอบการสนามกอล์ฟของริชาร์ด มีผู้ประกอบการและนักธุรกิจมาร่วมงานจำนวนมาก มงคลมาเป็นตัวแทนของเดอะเคซิตี้กอล์ฟแอนด์คันทรี่คลับแทนกวิน มงคลพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจอื่นๆด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นฤเบศ จ่ายม และอัศวินซึ่งปลอมเป็นนักธุรกิจแฝงตัวเข้าไปร่วมงานด้วย ในขณะที่ปรีติและประเสริฐปลอมตัวเป็นบริกรอยู่ในงาน ทั้งหมดคอยส่งสัญญาณทางสายตากันอยู่เรื่อยๆ
บนเวที ริชาร์ดเดินขึ้นมาเพื่อกล่าวแถลงข่าว ทุกคนเงียบและหันมาให้ความสนใจ
“สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ทุกท่านได้ให้เกียรติมาร่วมงานแถลงข่าวการร่วมธุรกิจกับผู้ประกอบการสนามกอล์ฟของผมในครั้งนี้ บริษัท R.G. International Group ของเราเป็นผู้ผลิตและนำเข้าอุปกรณ์กอล์ฟชั้นนำระดับโลก และนี่เป็นครั้งแรกที่เราจะร่วมกันเซ็นสัญญาร่วมทุนกันระหว่างนักธุรกิจในเมืองไทยกับเครือข่ายต่างประเทศของผมครับ”
นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น
“แล้วไฮไลท์ของการร่วมทุนในครั้งนี้คืออะไรคะ”
“ผมจะเนรมิตให้ประเทศไทยกลายเป็นสวรรค์ของคนรักกอล์ฟที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย”
นักข่าวอีกคนถามบ้าง
“แต่มีข่าวจากวงในมาว่า การเซ็นสัญญาร่วมทุนครั้งนี้มีผลประโยชน์แอบแฝง รวมทั้งบริษัทของคุณเบื้องหลังทำธุรกิจผิดกฎหมาย จริงรึเปล่าครับ”
“คงเป็นพวกไม่หวังดีที่หวังจะทำลายชื่อเสียงของผมน่ะครับ ผมขอยืนยันว่าผมทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง และบริษัทของผมก็มีนโยบายช่วยเหลือสังคมด้วย เราจัดโครงการมอบทุนให้กับนักกอล์ฟระดับเยาวชนและเป็นสปอนเซอร์ในการแข่งขันกีฬากอล์ฟการกุศลทุกปี เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่ผมจะทำธุรกิจผิดกฎหมายแน่นอนครับ”
“ทำไมคุณริชาร์ดถึงได้มาลงทุนที่เมืองไทย แถมยังมีนโยบายช่วยเหลือสังคมด้วยคะ”
“เพราะผมชอบเมืองไทยมาก ที่นี่เป็นเหมือนอู่ข้าวอู่น้ำ เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของผม ผมอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นครับ”
นฤเบศ จ่ายม และอัศวินมองอย่างหมั่นไส้ อัศวินกระซิบ
“นอกจากมันจะจีบหญิงเก่ง มันยังสร้างภาพเก่งอีกด้วยนะครับสารวัตร”
จ่ายมเห็นด้วย
“ใช่ครับ ทำเป็นพูดให้ตัวเองดูดี ช่วยเหลือสังคม บ้านหลังที่สอง อู่ข้าวอู่น้ำ เป็นแหล่งทำเงินสกปรกๆ ของมันซะมากกว่า”
หน้าเวที...ริชาร์ดร่วมถ่ายภาพกับมงคลและผู้ประกอบการรายอื่นๆ นฤเบศมองมงคลอย่างสงสัย คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ในห้องครัวแผนกทำขนมของโรงแรม มุกและแพรไหมช่วยกันทำขนมหลากหลายชนิด ทั้งสองแกล้งหยอกล้อกันไปมาตามประสาเพื่อนสนิท แล้วหันมาทำคัพเค้ก แพรไหมตกแต่งหน้าเค้กและคุยกับมุกไปด้วย
“แล้ววันนี้พระเอกไฮโซสุดหล่อหายไปไหนเหรอ” มุกถามขึ้น
“เขาก็ไปทำงานของเขาน่ะสิ ถามถึงแบบนี้ แอบสนใจคุณกวินเหรอ”
“ฉันไม่ทำตัวเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแบบนั้นหรอกน่า” มุกยิ้มแซว
“บ้าน่ามุก ฉันกับคุณกวินไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่ แล้วทำไมคุณหนูแพรไหมต้องเขินด้วยจ๊ะ”
มุกชะโงกดูคัพเค้กที่แพรไหมแต่งหน้าเสร็จพอดี เห็นเป็นรูปตัวการ์ตูนตำรวจในเครื่องแบบก็ประหลาดใจ
“อ้าว ตำรวจ นึกว่า จะเป็นนักธุรกิจซะอีก...เอ หรือว่าคุณหนูแพรไหมจะแอบมีใจให้หนุ่มในเครื่องแบบจ๊ะ”
แพรไหมเขินมาก
“เปล่าซะหน่อย ฉันทำให้พ่อต่างหาก”
มุกยิ้มแซวๆ ทำหน้าแบบไม่เชื่อ แพรไหมมองเค้กรูปการ์ตูนตำรวจอย่างเขินๆ
แพรไหมเดินคุยกับมุกมาจนถึงล็อบบี้ของโรงแรม
“ขอบใจมากนะมุก”
“ไม่เป็นไร ฉันยินดีช่วยเธอทุกเรื่องอยู่แล้ว”
นฤเบศที่เดินออกมาจากห้องบอลรูมของโรงแรมบังเอิญเห็นแพรไหมกำลังยืนคุยกับมุกอยู่ตรงล็อบบี้ ก็รีบหลบเข้าหลังเสา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แพรไหมหันมาพอดี นฤเบศพึมพำ
“น้องไหม มาได้ยังไงเนี่ย”
แพรไหมเหมือนเห็นนฤเบศแวบๆ จึงชะเง้อมองตาม แต่เขาก็หายไปแล้ว มุกหันมาถามอย่างสงสัย
“มีอะไรรึเปล่าไหม”
แพรไหมส่ายหน้า
“เหมือนเห็นคนรู้จักแว่บๆ แต่ไม่แน่ใจ”
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
แพรไหมโบกมือลามุก แล้วตัดสินใจโทรหานฤเบศ
นฤเบศที่แอบมองแพรไหมจากหลังเสา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นโชว์เบอร์แพรไหม เขามองอย่างลังเลก่อนตัดสินใจรับ
“ว่าไงครับน้องไหม”
“ตอนนี้พี่เบศอยู่ที่ไหนเหรอคะ”
“เอ่อ พี่ติดงานอยู่น่ะจ้ะ ตอนนี้ยุ่งมาก ไว้วันหลังค่อยคุยกันนะ”
“เอ่อ ค่ะ”
แพรไหมมองโทรศัพท์อย่างยังสงสัย ชะเง้อมองอีกครั้งแต่ก็ไม่เห็นใคร จึงตัดสินใจเดินกลับห้องนฤเบศแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกพึมพำเบาๆ
“ถ้าเจอกันจังๆ ล่ะก็ ซวยแน่”
วุ้นกรอบนั่งอ่านนิตยสารกอสซิปดาราอยู่ตรงมุมที่พักนักแสดงอย่างอารมณ์ดี ก็เห็นสุรีกานต์เดินเข้ามาพลางมองนาฬิกาและเก็บของอย่างเร่งรีบ วุ้นกรอบมองอย่างสงสัย
“จะรีบไปไหนอีกเจ๊ อย่าบอกนะ ว่านัดเดทกับคุณกวิน”
“เปล่าย่ะ ฉันมีธุระน่ะ”
พายไก่มองอย่างไม่เข้าใจ
“วินาทีนี้ธุระอะไรจะสำคัญกว่าเรื่องของหัวใจอีกเหรอเจ๊”
“สำคัญสิ เพราะมันเป็นธุระระดับชาติ”
วุ้นกรอบกับพายไก่โพล่งออกมาพร้อมกัน
“ธุระระดับชาติ”
“เอ้อ ฉันหมายถึงมันสำคัญมากๆน่ะ พวกแกอย่าสงสัยมากได้มั้ย ฉันไปก่อนนะ”
สุรีกานต์รีบเดินผละไปทันที วุ้นกรอบสงสัย
“อะไรของเขาเนี่ย ทำตัวแปลกๆ เข้าไปทุกวัน”
วุ้นกรอบกับพายไก่มองตามสุรีกานต์ไปอย่างงงๆ แต่ก็ไม่สนใจหันกลับมาอ่านนิตยสารกอสซิปดาราต่อ
สุรีกานต์เดินเร็วๆเข้ามาในโรงแรม รีบหยิบแว่นดำอันโตเข้ามาสวมพรางตา พร้อมกระชับหมวกปีกกว้างใบโตที่ใส่อยู่ให้ลงมาปิดบังหน้าตามากกว่าเดิม เธอกดโทรศัพท์หานฤเบศทันที
“คุณจะให้ฉันไปหาที่ไหน ห๊ะ ห้องน้ำชาย คุณจะบ้าเหรอ ฮัลโหลๆ เดี๋ยวสิ คุณสารวัตร จะรีบวางสายทำไมเนี่ย”
สุรีกานต์จำใจรีบเดินไปทางห้องน้ำชาย
สุรีกานต์เดินด้อมๆมองๆอยู่แถวทางเดินหน้าห้องน้ำชาย พอเห็นนฤเบศเดินออกจากประตูห้องน้ำชาย เธอก็ปรี่ไปลากเขาออกมาไกลๆทันที
“คุณจะบ้าเหรอ นัดฉันมาเจอในที่แบบนี้ได้ยังไง”
จ่ายมและอัศวินเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ทั้งสองคนแต่งตัวในชุดสูทเรียบร้อย
“หยุดโวยวายซะทีเถอะคุณดารา จ่า ชุดที่สั่งให้เตรียมเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“เรียบร้อยครับสารวัตร”
จ่ายมยื่นชุดสูทและวิกให้
“คุณรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดนี่ได้แล้ว”
นฤเบศยื่นชุดสูทและวิกผมให้ สุรีกานต์หน้าเหวอ
“เปลี่ยนในนี้เหรอ ฉันกลับไปเปลี่ยนที่ห้องก็ได้”
“ไม่ได้ เราไม่มีเวลาแล้ว คุณต้องเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้” นฤเบศสั่งเสียงแข็ง
“ผมดูลาดเลาให้แล้ว ไม่มีใครเลยครับ รับรองว่าทางสะดวก” อัศวินบอก
สุรีกานต์รับชุดสูทและวิกไปถือไว้แล้วจำใจสะบัดหน้าเดินเข้าไปในห้องน้ำชายแล้วเดินเข้าไปด้านใน นฤเบศ จ่ายม และอัศวินอดขำท่าทางของเธอไม่ได้
“เดี๋ยวจ่ากับผู้กองล่วงหน้าไปจับตาดูริชาร์ดก่อน ถึงหมวดปรีติ กับหมวดประเสริฐจะปลอมตัวไปเป็นบริกรรออยู่บนเรือแล้ว เราก็ประมาทไม่ได้”
“แล้วสารวัตรกับคุณโซ่ล่ะครับ” จ่ายมถาม
“ไม่ต้องเป็นห่วง ทางนี้ผมจะจัดการเอง”
จ่ายมและอัศวินรับคำสั่งแล้วรีบเดินออกไปทันที นฤเบศหันไปมองทางห้องน้ำชาย
นฤเบศเดินเข้ามาในห้องน้ำ สุรีกานต์กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ชุดเดรสถูกพาดมาที่ประตูเป็นทางยาว นฤเบศเห็นก็ถอนหายใจเฮือก หันหลังกลับไปมองว่าไม่มีใครก็ตัดสินใจปิดประตูกดล็อกห้องน้ำชายทันที แล้วรีบดึงชุดเดรสของสุรีกานต์ยัดลงถังขยะ
“นี่คุณ เสร็จรึยัง”
“ยัง ถ้าไม่คิดจะช่วย ก็อย่ามาชวนฉันคุยให้เสียเวลาได้มั้ย”
นฤเบศไปยืนกอดอกพิงผนังรอ ก่อนที่ประตูจะเปิดออกมา สุรีกานต์ในชุดสูทพอดีตัวเดินออกมา ตั้งแต่หัวจรดเท้าดูเป็นนักธุรกิจหนุ่มน้อย บนหัวมีวิกผมสั้นใส่ไว้เรียบร้อย
“อืม ดูดีใช้ได้เหมือนกันแฮะ แต่ผมว่ามันเหมือนมีอะไรแปลกๆ”
สุรีกานต์รีบก้มมอง
“แปลกตรงไหน ฉันว่าทุกอย่างมันก็เรียบร้อยดีนี่”
นฤเบศมองหน้าสุรีกานต์ใกล้ๆก่อนหยิบกระดาษเช็ดมือในห้องน้ำออก มาเช็ดเครื่องสำอางบนหน้าออกให้อย่างบรรจง ทั้งคู่มองหน้ากันเหมือนอยู่ในภวังค์ แต่อยู่ดีๆประตูห้องน้ำก็เปิดออก สองคนผละออกจากกันทันทีแล้วเสมองไปคนละทางอย่างกลบเกลื่อน ป้าแม่บ้านเข้ามามองทั้งคู่งงๆ
“ใครมันเล่นพิเรนทร์มาล็อคห้องน้ำเนี่ย”
นฤเบศรีบปฏิเสธ
“เอ่อ ผมเปล่านะครับ เมื่อกี้มันก็ยังดีๆ อยู่เลย”
“คุณแน่ใจนะคะ ว่าไม่ได้ตั้งใจจะมาสร้างโลกส่วนตัวกันสองต่อสองในห้องน้ำนี่”
สุรีกานต์สวนขึ้น
“ไม่ใช่ค่ะ เอ้ย ครับป้า เราสองคนเป็นเพื่อนกัน” เธอเอามือโอบบ่าเขา “จริงมั้ยเพื่อน”
นฤเบศพยักหน้ารับแกนๆ มองเธออย่างเคืองๆ สุรีกานต์แอบยิ้มขำๆ ป้าแม่บ้านมองจ้องสุรีกานต์อย่างสงสัย สุรีกานต์หลบหน้าหลบตายิ้มแหยๆ
“คุณนี่หน้าคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน”
นฤเบศรีบขัด
“เราเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก คงไม่เคยเจอกันแน่นอน ผมไปก่อนนะครับ”
นฤเบศรีบจูงมือสุรีกานต์เดินออกไปทันที เธอมองมือเขาที่จับแขนเธออย่างเขินๆแล้วรีบเดินตาม ป้าแม่บ้านส่ายหัวระอา
“ไม่ไหว ผู้ชายสมัยนี้คบกันเปิดเผย ทำอะไรประเจิดประเจ้อ”
สุรีกานต์และนฤเบศในมาดนักธุรกิจเดินแฝงตัวเข้าไปในงาน แต่เดินผ่านทางเข้ามาได้ครู่เดียวก็ถูกพนักงานการ์ดเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนครับ”
สุรีกานต์กับสารวัตรนฤเบศหยุดชะงักมองสบตากัน นฤเบศหันไปถาม
“มีอะไรรึเปล่า”
“พวกคุณสองคนเป็นตัวแทนจากบริษัทไหน ทำไมหน้าไม่คุ้นเลย”
สุรีกานต์เริ่มเลิ่กลั่กแต่นฤเบศยังคงนิ่ง ล้วงบัตรเชิญงานเลี้ยง พร้อมนามบัตรปลอมของบริษัทหนึ่งที่หมวดปรีติแอบทำไว้ให้พนักงานการ์ดดู
“คราวนี้ พวกผมจะเข้าไปในงานได้รึยัง”
พนักงานการ์ดยังคงมองอย่างสงสัย นฤเบศขู่
“หรือจะให้ผมแจ้งกับทางเจ้าภาพว่าพวกคุณทำกิริยาไม่เหมาะสมกับแขกที่มาร่วมงาน”
พนักงานหน้าเลิ่กลั่ก
“ขอโทษครับ งั้นเชิญเลยครับ”
สุรีกานต์และนฤเบศรีบเดินต่อทันที สุรีกานต์ถอนใจอย่างโล่งอก
“คุณนี่แต่งเรื่องเก่งเหมือนกันนะ ว่าแต่คุณไม่กลัวพวกตัวแทนบริษัทตัวจริงจะจับได้เหรอ”
“คุณไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ผมจัดให้พวกเขานอนพักผ่อนกันสบายๆ แล้ว”
นฤเบสเล่าให้สุรีกานต์ฟังว่าก่อนหน้านี้...กลุ่มของเขาจัดการนักธุรกิจชาย 4 คนในชุดสูทจนสลบ นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียง...สุรีกานต์อ้าปากค้าง นฤเบศยักคิ้วกระตุกยิ้มร้ายแล้วเดินนำไป สุรีกานต์ท่าทางอึ้งๆแต่ก็รีบเดินตามไป
นฤเบศกับสุรีกานต์เดินเข้ามาในส่วนด้านในบริเวณหน้าเวที เขากวาดตามองรอบงาน สบตากับทีมเดอะซันที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆของงานเลี้ยง นฤเบศชวนสุรีกานต์ไปตักอาหารพลางสังเกตบรรยากาศในงานไปด้วย ปรีติเดินมาทำท่าเสิร์ฟเครื่องดื่ม นฤเบศกระซิบถาม
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ย”
ปรีติกระซิบตอบ
“ครับ พวกผมสำรวจดูแล้ว บนเรือลำนี้มีบอดี้การ์ดอยู่แทบทุกจุด สารวัตรกับคุณโซ่ระวังตัวด้วยนะครับ”
ปรีติเดินผละออกไป ริชาร์ดเดินเข้ามาในงานพร้อมกับบอดี้การ์ด 2 คน ริชาร์ดกวาดตามองบรรยากาศในงานและหันไปเห็น นฤเบศและสุรีกานต์ ริชาร์ดรู้สึกคุ้นๆ หน้าสุรีกานต์เลยเข้ามาหาและจ้องหน้านิ่ง สุรีกานต์พยายามไม่แสดงพิรุธ นฤเบศยื่นมือเช็คแฮนด์
“สวัสดีครับ มิสเตอร์ริชาร์ด ผม ธีระวัฒน์ เป็นตัวแทนจากบริษัทไทยกอล์ฟ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ริชาร์ดจับมือทักทาย
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ริชาร์ดหันมองสุรีกานต์ “ส่วนคุณ...”
สุรีกานต์จับมือทักทาย
“สวัสดีครับ ผม ชานนท์ครับ”
ริชาร์ดจ้องหน้า
“พวกเราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณสองคนมาก”
สุรีกานต์ยิ้มๆ
“เอ่อ คุณคงเห็นพวกเราตอนงานแถลงข่าวเมื่อเช้าน่ะครับ”
นฤเบศชวนคุย
“ผมได้ยินมาว่า คุณกำลังอยากได้หุ้นส่วนที่ทั้งเงินหนา และใจถึง เพื่อร่วมลงทุนในโปรเจ็คพิเศษของคุณ หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันนะครับ”
ริชาร์ดยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ด้วยความยินดีครับ”
ขณะเดียวกันนั้นพิธีกรประกาศขึ้น
“โอกาสนี้เรียนเชิญ มิสเตอร์ริชาร์ด รอสซีนี่ ในนามบริษัท R.G. International Group ขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยค่ะ”
อ่านต่อหน้าที่ 4
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ริชาร์ดบอกนฤเบศกับสุรีกานต์
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ริชาร์ดเดินผละไปขึ้นเวที นฤเบศหันมามองสบตากับสุรีกานต์อย่างโล่งอก ริชาร์ดกล่าวต้อนรับแขกในงานบนเวที
“ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมในนามตัวแทนบริษัท R.G. International Group รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกท่านได้ให้เกียรติมาร่วมงานในวันนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณ ผมจึงเตรียมของขวัญสุดพิเศษมามอบให้กับทุกคนครับ”
ริชาร์ดปรบมือส่งสัญญาณสั่งให้ให้บอดี้การ์ดเอาของชำร่วยที่เตรียมไว้ซึ่งเป็นกล่องสี่เหลี่ยมกำมะหยี่สีดำเล็กๆ ภายในบรรจุลูกกอล์ฟของชำร่วยขนาดเท่าของจริงมาแจกแขกที่มาร่วมงาน บอดี้การ์ดริชาร์ดเอาของชำร่วยซึ่งเป็นลูกกอล์ฟยัดยาเสพติดแจกให้ลูกค้าเป้าหมาย บนลูกกอล์ฟจะสกรีนตัวเลขซึ่งเป็น Lot Number 015422 เอาไว้ ส่วนลูกค้าคนอื่นๆ แจกลูกกอล์ฟของชำร่วยที่ไม่ได้ยัดยา...สุรีกานต์และนฤเบศก็ได้รับของชำร่วยด้วยเช่นเดียวกันแต่เป็นของชำร่วยธรรมดา
“นี่มันเหมือนกับในรูปที่ฉันถ่ายมาได้เมื่อคือเลยนี่คุณ ที่แท้ก็แค่ของชำร่วยธรรมดา”
นฤเบศมองลูกกอล์ฟของชำร่วยอย่างสงสัย ริชาร์ดยังพูดอยู่บนเวที
“ขอให้ทุกท่านสนุกกับการสังสรรค์ในค่ำคืนนี้นะครับ”
เสียงปรบมือจากนักธุรกิจที่มาร่วมงานดังลั่น ริชาร์ดยิ้มแย้มแล้วเดินลงจากเวที นฤเบศและสุรีกานต์ทำท่าจะผละตามแต่ด้วยความไม่ทันระวัง ทำให้สุรีกานต์เดินชนกับนักธุรกิจคนหนึ่งจนกล่องลูกกอล์ฟตกลงที่พื้น สุรีกานต์หยิบส่งให้สลับกันด้วยความบังเอิญ เธอเก๊กเสียงผู้ชาย
“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมไม่ทันระวัง”
“ไม่เป็นไรครับ” นักธุรกิจเดินจากไป
นฤเบศรู้สึกคุ้นๆ หน้านักธุรกิจคนนั้น เขานึกถึงภาพจากกล้องที่เห็นมงคลพาลูกค้าชายกลุ่มหนึ่งมาออกรอบ นฤเบศนึกได้
“นี่มันคนเดียวกันกับกรุ๊ปลูกค้าที่ไปออกรอบที่สนามกอล์ฟเมื่อวันก่อนนี่”
สุรีกานต์ไม่ทันได้สนใจนฤเบศเพราะมัวแต่มองตามริชาร์ด แล้วก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นริชาร์ดพร้อมบอดี้การ์ด 2 คนเดินเข้าไปหากลุ่มของกวินและมงคล สุรีกานต์ตกใจแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นกวิน เธอพึมพำออกมา
“คุณกวิน”
นฤเบศได้ยินเสียงสุรีกานต์ก็หันมองตาม
“ไม่จริง คนดีๆ อย่างคุณกวิน ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับไอ้ริชาร์ดแน่ๆ”
นฤเบศไม่ได้พูดอะไรแต่มองมงคลอย่างสงสัย
ริชาร์ดยืนคุยกับมงคลและกวิน รวมถึงนักธุรกิจอีก 2 คนในกลุ่ม
“สวัสดีครับคุณกวิน ผมนึกว่าคุณจะไม่ว่างมาร่วมงานของผมซะแล้ว”
“ผมต้องขอโทษคุณริชาร์ดด้วยนะครับ ที่ตอนเช้าไม่ได้มาร่วมงานแถลงข่าว พอดีตอนเช้าผมติดถ่ายละคร พอเสร็จงานก็รีบมาทันทีเลย”
มงคลยิ้มแย้ม
“จริงๆแล้ว วินน่าจะพักผ่อนบ้างนะ ขืนไม่สบายไปคุณกอบแก้วต้องเล่นงานอาแน่ ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อาดูแลทุกอย่างแทนให้ได้อยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่อยากมาร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของคุณริชาร์ดด้วยเหมือนกันครับ”
“ได้ยินคุณมงคลบอกว่า คุณกวินจะมีโปรเจ็คขยายสนามกอล์ฟแห่งที่ 2 แล้วก็มีแพลนที่จะขยายสนามกอล์ฟเดอะ เคซิตี้ ไปในแต่ละภาคด้วย น่าสนใจดีนะครับ”
“มันก็แค่แผนงานในอนาคตน่ะครับ ตอนนี้คงต้องดูแลส่วนที่เรามีอยู่ให้ดีที่สุดก่อน”
“ถ้ามีโอกาส ในอนาคตเราคงได้ร่วมงานกันต่อไปเรื่อยๆ ใช่มั้ยครับ”
กวินยิ้มรับ
“ด้วยความยินดีครับ ถ้ามีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง R.G. International Group มาร่วมทุน ก็เท่ากับว่าเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ร่วมทุนรายอื่นๆ ด้วย แล้วผมจะปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้หลุดมือไปได้ยังไง จริงมั้ยครับ”
ริชาร์ดสบตากับมงคลอย่างรู้กันก่อนจะหันมายิ้มให้กวินอย่างเป็นมิตร
นฤเบศเห็นริชาร์ดเดินแยกออกจากกลุ่มกวินไปคุยกับนักธุรกิจกลุ่มอื่นๆต่อ สุรีกานต์ยังคงอึ้งๆ ที่ได้เห็นกวินอยู่ในงาน
“ท่าทางพระเอกของคุณจะรู้จักจนถึงขั้นสนิทสนมกับนายริชาร์ดเลยนะ”
“คุณวินทำธุรกิจสนามกอล์ฟ จะอยู่ในงานนี้ด้วยก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน คุณมันพวกอคติ”
“ผมพูดตามสิ่งที่ผมเห็น มันคงไม่แปลกหรอกถ้าคุณวินของคุณจะทำธุรกิจกับคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่พ่อค้ายาเสพติดอย่างนายริชาร์ด”
“มันอาจจะแค่เรื่องบังเอิญก็ได้ ถ้าคิดอย่างคุณทุกคนบนเรือลำนี้ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยกันหมดสิ”
“คุณกำลังพยายามหาข้อแก้ตัวให้ผู้ต้องสงสัยอยู่นะ คุณจำได้มั้ย ตอนงานประมูลของมูลนิธิสานสุขของแม่นายกวิน จู่ๆ ริชาร์ดก็มาร่วมงานด้วย แล้วตอนนี้นาย กวินก็มาปรากฏตัวที่นี่อีก ผมว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วมั้ง”
สุรีกานต์สับสนและแอบนอยด์อยู่ลึกๆ
“ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร แต่คุณต้องมีสติ และห้ามประมาทเด็ดขาด เพราะตอนนี้ทุกคนอยู่ในที่ที่เสี่ยงอันตราย ถ้าเราพลาดแล้วถูกพวกมันจับได้ เราจบแน่”
สุรีกานต์พยักหน้าช้าๆ นฤเบศหันไปมองริชาร์ดอีกทีเขาหายตัวไปแล้ว นฤเบศรีบแตะหูฟังติดต่อกับทีมเดอะซันทันที
“เดอะซันหนึ่ง เรียกทีมเดอะซัน พลูโตหายไปแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันตามหาด่วน”
อัศวินที่อยู่อีกฟากของงานใกล้ๆกับบริเวณหน้าเวทีสบตานฤเบศที่มองมา
“เดอะซันสอง เรียกทีมเดอะซัน ผมเห็นพลูโตเดินไปทางหัวเรือ ผมกับเดอะซันห้ากำลังจะตาม แต่พวกมันมีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ทุกจุดเลยครับ”
“ทุกคนระวังตัวด้วย คอยจับตาดูสถานการณ์ให้ดี มีอะไรรีบรายงานทันที”
ทุกคนรับคำ
“รับทราบครับ”
นฤเบศหันมาพูดกับสุรีกานต์
“คุณรอผมอยู่ในงานนะ แล้วพยายามอย่าอยู่ห่างทีมเดอะซันเด็ดขาด”
“คุณจะไปไหน”
“ผมจะหาทางเข้าใกล้ริชาร์ดให้มากที่สุด คุณระวังตัวด้วยแล้วกัน” นฤเบศรีบเดินออกไป
“เฮ้ย เดี๋ยวสิคุณ” สุรีกานต์บ่นพึมพำ “ทิ้งกันเฉยเลย ไอ้สารวัตรบ้า”
สุรีกานต์มองตามนฤเบศไป แล้วก็หันกลับไปมองทางกลุ่มกวินกับมงคลอีกครั้ง แต่มงคลเดินแยกออกไปจากกลุ่ม สุรีกานต์พึมพำ
“ผู้ชายคนนั้น ทำไมดูคุ้นๆ แฮะ”
สักครู่สุรีกานต์ก็ตัดสินใจเดินเร็วๆตามนฤเบศไป ทีมเดอะซันที่กระจายอยู่ในงานมองตามสุรีกานต์ไปอย่างเป็นห่วง
นฤเบศแอบเดินไปทางหัวเรือพลางสอดส่องหาตัวริชาร์ด ก่อนจะรู้สึกได้ถึงคนที่เดินตามเขาอยู่ นฤเบศแกล้งเดินหลบมุมแล้วจับล็อคคอ
“โอ๊ย นี่ฉันเอง”
นฤเบศรีบปล่อยมือ
“เฮ้ย คุณตามมาทำไมเนี่ย บอกแล้วไงว่าให้รออยู่ในงาน”
“ฉันมีเรื่องสำคัญจะมาบอกคุณต่างหาก พอริชาร์ดหายตัวไป ผู้ชายคนนั้น ก็หายไปด้วย ฉันว่าเขาสองคนอาจจะนัดพบกันตรงไหนสักแห่งบนเรือนี้ก็ได้”
“เนี่ยนะ เรื่องสำคัญของคุณ คุณจะพยายามลบข้อกล่าวหาให้นายกวินล่ะสิท่า”
สุรีกานต์กำลังจะเถียง แต่เขารีบดึงให้เธอหลบเพราะเห็นมงคลกำลังเดินผ่านมา และตรงเข้าไปคุยกับริชาร์ด
“เป็นไง ทีนี้ เรื่องของฉันสำคัญพอรึยัง”
สุรีกานต์แอบหมั่นไส้ นฤเบศพยายามเงี่ยหูฟัง แต่ไม่ได้ยิน สุรีกานต์เห็นริชาร์ดยืนคุยกับมงคลก็รีบถ่ายรูปเอาไว้ คราวนี้ถ่ายได้เห็นหน้าชัดๆ ก็รีบเอาให้ดู นฤเบศพยายามนึก และจำได้
“นี่มันผู้ชายคนที่ไปสนามกอล์ฟกับนักธุรกิจคนนั้น แถมยังเคยไปร่วมงานประมูลภาพวาดเยาวชนของมูลนิธิสานสุขด้วยนี่”
สุรีกานต์นึกได้
“ใช่ จริงๆ ด้วย ฉันนึกออกแล้ว บางทีเขาก็อาจจะเป็นคนๆเดียวกันกับคนที่ไปพบ ริชาร์ดเมื่อคืนนี้ด้วยก็ได้”
นฤเบศสบตากับสุรีกานต์อย่างลุ้นๆก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อบอดี้การ์ดเดินลิ่วมาหาสุรีกานต์
“เฮ้ย นั่นใคร”
นฤเบศรีบฉุดมือสุรีกานต์วิ่งหนีทันที ด้วยความไม่ทันระวังวิกของสุรีกานต์เลยหลุดออก บอดี้การ์ดของริชาร์ดตามไล่ยิงทั้งสองคน
“มีคนร้าย เรียกกำลังเสริมด่วน”
เสียงโวยวายทำให้ริชาร์ดและมงคลตกใจ บอดี้การ์ดวิ่งเข้าไปรายงาน ริชาร์ดรีบถาม
“เกิดอะไรขึ้น”
“ดูเหมือนจะมีคนแอบมาสอดแนมพวกเราครับ”
ริชาร์ดโมโห
“ชิท พวกแกรักษาความปลอดภัยกันประสาอะไร ตามจับมันมาให้ได้เดี๋ยวนี้”
บอดี้การ์ดรับคำสั่งแล้วรีบวิ่งลนลานออกไป ริชาร์ดเห็นหลังสุรีกานต์ไวๆเริ่มรู้สึกคุ้นๆ
นฤเบศพาสุรีกานต์วิ่งหนีหลบกระสุนปืนไปทางท้ายเรือ แขกในเรือพากันแตกตื่นโกลาหล บอดี้การ์ดของริชาร์ดไล่ยิงทั้งสองคนอย่างไม่ลดละ นฤเบศควักปืนพกมายิงสู้ จ่ายมจะควักปืนเล็กที่ซ่อนไว้จะเอามาช่วยแต่อัศวินห้ามไว้
“ใจเย็นก่อนจ่า ตอนนี้เราคนน้อยกว่ายิ่งเสียเปรียบ”
“แต่สารวัตรกับคุณโซ่กำลังตกอยู่ในอันตรายนะครับ”
“สารวัตรของพวกเราเก่งจะตาย ผมเชื่อว่าสารวัตรจะพาคุณโซ่หนีไปได้อย่างปลอดภัยแน่นอน”
จ่ายมจำใจเก็บปืน แต่ก็มองตามไปอย่างเป็นห่วง...บอดี้การ์ดริชาร์ดวิ่งผ่านมาทางอัศวิน แต่อัศวินแกล้งขัดขานักธุรกิจที่กำลังเดินมาจนเซไปขวางทาง ทำให้บอดี้การ์ดริชาร์ดล้มไม่เป็นท่า จ่ายมมองอย่างอึ้งๆ แล้วอมยิ้มนึกแผนการได้ แกล้งทำตัวสะดุด บอดี้การ์ดที่ล้มลงแล้วเอามือไปดึงขาบอดี้การ์ดอีกคนที่กำลังวิ่งผ่านจนล้มลงไปเช่นกัน ปรีติและประเสริฐ ซึ่งปลอมเป็นบริกร แกล้งผลักบริกรอีกคนหนึ่งให้ไปชนกลุ่มบอดี้การ์ดที่กำลังวิ่งมา ส่วนประเสริฐแอบเอาน้ำแข็งเทไปบนพื้นทำให้บอดี้การ์ดที่วิ่งมาลื่นล้ม บอดี้การ์ดแต่ละคนพยุงตัวลุกขึ้นยืนพยายามมองหาตัวการ แต่ทีมเดอะซันก็แฝงตัวหลบไปในกลุ่มนักธุรกิจ บอดี้การ์ดจึงวิ่งตามนฤเบศและสุรีกานต์ต่อ ทีมเดอะซันแอบอมยิ้มไล่หลังอย่างสะใจ
นฤเบศพาสุรีกานต์วิ่งหนีไปทางท้ายเรือ สวนกับกวินพี่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำพอดี กวินมองตามเห็นหลังไวๆ รู้สึกคุ้นๆ แต่บอดี้การ์ดของริชาร์ดก็ไล่ยิงมาพอดี กวินจึงต้องรีบหาที่หลบ พอคล้อยหลังบอดี้การ์ดริชาร์ด กวินก็รีบกลับเข้าไปหามงคลด้านในด้วยความตกใจ...
นฤเบศพาสุรีกานต์วิ่งหนีถึงท้ายเรือก็เห็นเรือเร็วจอดอยู่ลำหนึ่ง จึงตัดสินใจพยายามพา สุรีกานต์ปีนลงไปอย่างทุลักทุเล...บอดี้การ์ดของริชาร์ดไล่ยิ่งและวิ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ นฤเบศพาสุรีกานต์ลงไปในเรือเร็วได้สำเร็จ สตาร์ทเครื่องเตรียมออกเรือ สุรีกานต์ถามขึ้น
“เดี๋ยว แล้วพวกทีมเดอะซันล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเขาเอาตัวรอดได้ แต่ตอนนี้เราสองคนต้องหนีให้รอดก่อน” เขายื่นปืนให้เธอ “คุณช่วยยิงคุ้มกันให้ผมหน่อย”
บอดี้การ์ดของริชาร์ดที่วิ่งตามมายิงใส่ทั้งสองคน สุรีกานต์จึงหันไปยิงตอบโต้ นฤเบศรีบขับเรือหนีออกไปทันที บอดี้การ์ดของริชาร์ดยืนไล่ยิงจากบนเรือมองตามเรือเร็วที่แล่นออกไปอย่างหัวเสีย
ริชาร์ดยืนอยู่บนเวที เมื่อทุกอย่างสงบลง
“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบก่อนนะครับ แค่มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ตอนนี้ผมกำลังจัดการอยู่ อีกสักครู่เหตุการณ์จะกลับเป็นปกติแน่นอนครับ”
เสียงฮือฮาดังมาจากแขกที่มาร่วมงาน ริชาร์ดเดินลงจากเวทีมาสมทบกับมงคลหน้าเคร่งเครียดปนโกรธแค้น กวินเดินฝ่ากลุ่มคนเข้ามาหาท่าทางเร่งรีบ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“มีคนร้ายแฝงตัวเข้ามาในงาน”
กวินงง
“คนร้าย”
ริชาร์ดรีบเฉไฉ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ คงเป็นพวกสปายที่แอบปลอมตัวเข้ามาสืบข้อมูลเพื่อบ่อนทำลายบริษัทคู่แข่งอย่างผมน่ะครับ”
บอดี้การ์ดเดินเข้ามากระซิบรายงาน ริชาร์ดสีหน้าเปลี่ยนแวบเดียวแล้วก็กลับมายิ้มให้กวิน
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
กวินพยักหน้ารับ ริชาร์ดเดินเลี่ยงไปมุมหนึ่ง
“พวกมันหนีไปได้ยังไงวะ”
“พวกมันหนีลงเรือเร็วไปครับท่าน หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงด้วย พวกมันอาจจะเป็นแก็งเดียวกับที่บุกไปที่โกดังของเราก็ได้นะครับ”
“โธ่เว้ย แล้วมายืนทำซากอะไรตรงนี้ รีบสั่งให้พวกบนฝั่งเอาเรือออกตามจับสิวะ”
บอดี้การ์ดโค้งให้รับคำสั่งแล้วรีบเดินออกไป มุมหนึ่ง จ่ายม และอัศวิน แอบลอบสบตากันอย่างกังวล
นฤเบศขับเรือเร็วพาสุรีกานต์หนีไปเรื่อยๆ พลางหันไปมองทางด้านหลังอย่างระแวงเพราะกลัวลูกน้องของริชาร์ดจะตามมา นฤเบศเหลือบมองน้ำมันเรือที่ใกล้จะหมดลงทุกทีแต่ก็พยายามขับต่อไปเพื่อหนีจากการตามล่าของลูกน้องริชาร์ด สุรีกานต์ลุ้นด้วยใจระทึก
ลูกน้องของริชาร์ดบนชายฝั่งรีบวิ่งมาที่ท่าเรือแล้วแบ่งกันเป็น 2 กลุ่มก่อนจะขับเรือเร็วออกไป 2 ลำ ท่าทางเร่งรีบ
นฤเบศขับเรือมาถึงละแวกเกาะร้างกลางทะเลแถบนั้นซึ่งมีอยู่ 2-3 เกาะ เรือเร็วที่ขับมาเริ่มกระตุกและสุดท้ายก็ดับ สุรีกานต์ยิ่งตกใจหน้าเสีย
“เกิดอะไรขึ้น เรือเป็นอะไรเหรอ”
นฤเบศพยายามสตาร์ทเครื่องเรืออยู่หลายครั้งแต่ก็สตาร์ทไม่ติด สุรีกานต์ร้อนใจ
“เร็วๆ สิคุณ มัวทำอะไรอยู่ เดี๋ยวพวกมันก็ตามมาทันหรอก”
“น้ำมันจะหมด”
สุรีกานต์หน้าเหวอ
“น้ำมันหมด คุณก็ไปหามาเติมสิ”
“จะบ้าเหรอ กลางทะเลแบบนี้จะไปหาน้ำมันที่ไหน”
สุรีกานต์ร้อนใจ
“แล้วเราจะทำยังไงล่ะ พวกมันกำลังตามมาฆ่าเรานะ โอ๊ย นี่ฉันหนีเสือมาปะปลาฉลามเหรอเนี่ย ไหนคุณบอกรับรองความปลอดภัย แต่นี่มันพาฉันเข้าใกล้อันตรายชัดๆ”
“คุณช่วยสงบสติอารมณ์ แล้วเงียบสักห้านาทีได้มั้ย ตอนนี้เอาเวลามาช่วยกันหาวิธีเอาตัวรอดก่อนดีกว่า”
“ก็ฉันกลัวนี่...ก็ได้ คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ว่ามา”
“คุณช่วยไปหาน้ำมันสำรองที่ท้ายเรือให้ผมหน่อย”
นฤเบศยังคงพยายามสตาร์ทเครื่องเรือต่อไป ส่วนสุรีกานต์พยายามเดินหาน้ำมันสำรองในเรือ
“เจออะไรบ้างมั้ย”
สุรีกานต์ส่ายหน้าแทนคำตอบ ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด
บอดี้การ์ดของริชาร์ดขับเรือเร็วมาในทะเลท่าทางเร่งรีบ พลางสอดส่ายสายตามองหาเรือเร็วของนฤเบศและสุรีกานต์ จนตามมาพบเรือลอยอยู่กลางทะเล บอดี้การ์ดของริชาร์ดขับเรือแยกประกบเรือแล้วยกปืนขึ้นเล็งเตรียมยิง แต่เมื่อเรือเข้ามาเทียบใกล้ๆ ก็พบว่าบนเรือกลับว่างเปล่า นฤเบศกับสุรีกานต์ดำน้ำหลบอยู่ ใต้ท้องเรือ ทั้งสองคนมองสบตากันอย่างลุ้นระทึก
“หายไปไหนของมันวะ หรือว่า...”
หัวหน้าบอดี้การ์ดมองไปใต้น้ำส่งสัญญาณให้ลูกน้องยิงลงไปในน้ำรอบๆ เรือ นฤเบศกอดสุรีกานต์ไว้ใต้น้ำเพื่อบังกระสุน ทั้งสองคนมองสบตากันนิ่ง สุรีกานต์ทำท่าจะทนกลั้นหายใจไม่ไหว แต่นฤเบศก็รั้งไว้และส่งสายตาให้กำลังใจ กลุ่มบอดี้การ์ดจ้องมองผืนน้ำ แต่ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ
“พวกมันคงไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก”
“แถวนี้มีเกาะอยู่หลายเกาะ พวกมันอาจจะหนีไปหลบอยู่บนเกาะใดเกาะหนึ่งก็ได้”
หัวหน้าบอดี้การ์ดมองไปในน้ำเห็นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ก็คิดว่าไม่น่ามีคนอยู่จริงๆ
“ค้นเกาะแถวนี้ให้ทั่ว เราต้องลากคอมันมาให้ได้ ไม่งั้นพวกเราจะซวยกันหมด”
หัวหน้าบอดี้การ์ดสั่งให้ลูกน้องขับเรือไปทางเกาะร้าง...ใต้น้ำสุรีกานต์กำลังจะหมดสติ นฤเบศมองอย่างเป็นห่วง พอคล้อยหลังเรือบอดี้การ์ดของริชาร์ดแล่นไปทั้งสองคนก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำ สุรีกานต์ไม่ได้สตินฤเบศประคองไว้และหลบอยู่ข้างๆ เรือ จนแน่ใจว่าเรือของบอดี้การ์ดของริชาร์ดแล่นไปไกลแล้วก็รีบพาสุรีกานต์ขึ้นไปบนเรือ เขาก้มหน้าเข้าไปใกล้พยายามตบหน้าเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติ
“คุณ...คุณ”
สุรีกานต์ยังคงนอนนิ่ง นฤเบศพึมพำ
“เป็นอะไรรึเปล่า หรือว่า” เขาเขย่าแรงขึ้นด้วยความตกใจ “นี่คุณ....คุณดารา...คุณได้ยินผมมั้ย เป็นอะไรรึเปล่าคุณ”
นฤเบศมองสุรีกานต์ที่นอนแน่นิ่งอย่างเป็นห่วงมาก เขานึกถึงก่อนหน้านี้ที่จะตัดสินใจลงไปหลบใต้น้ำ สุรีกานต์หน้าตากังวลมาก
“เราจะทำยังไงดี ฉันว่าคราวนี้ เราต้องหนีไม่รอดแน่ๆ”
นฤเบศตัดสินใจลากสุรีกานต์มาที่กราบเรือ จับไหล่และจ้องหน้าเธอนิ่ง
“ผมรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังขวัญเสีย แต่ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยากให้คุณเชื่อใจผม ตราบใดที่คุณอยู่กับผม ผมจะดูแลให้คุณปลอดภัย และไม่มีวันให้คุณเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
สุรีกานต์จ้องหน้านฤเบศอย่างอึ้งๆ เพราะไม่เคยเห็นแววตาจริงจังแบบนี้มาก่อน นฤเบศเอื้อมมือไปจับมือสุรีกานต์ข้างหนึ่งมากุมไว้
“ผมสัญญา”
นฤเบศอาศัยจังหวะสุรีกานต์เผลอด้วยความซึ้ง ฉุดมือสุรีกานต์กระโดดลงทะเลทันที สุรีกานต์กรี๊ดเสียงดังด้วยความตกใจ
สุรีกานต์สำลักน้ำออกมา...เธอลืมตาเห็นนฤเบศก้มลงในระยะประชิดเพราะเพิ่งถอนปากออกจากการผายปอดก็เบิกตากว้างผุดลุกขึ้นนั่งทันที แถมยังผลักเขาเต็มแรงจนหงายหลังไป
“อ๊าย ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ คุณจะทำอะไรฉัน จะจูบฉันเหรอ”
“เว่อร์น่าคุณ คนอุตส่าห์ช่วยกลับโดนด่า รู้งี้น่าจะปล่อยให้ลอยคอรอฉลามไปก็ดี”
“อ้อ ฉันคงต้องขอบคุณคุณสินะ ที่คิดแผนการลากฉันลงทะเลจนเกือบตาย แล้วยังจะมีน้ำใจมาช่วยผายปอดให้ฉันอีก”
“ผมว่าคุณยังไม่หายเพี้ยนแหะ ผายปอดอีกสักทีดีมั้ย”
นฤเบศแกล้งจะจูบใหม่ สุรีกานต์ถอยหนี
“อ๊ายไม่ต้อง พอแล้วฉันหายแล้ว”
สุรีกานต์เหลียวมองบรรยากาศรอบตัวที่เริ่มมืดลง
“มืดแล้วด้วย ลอยคอกลางทะเลอย่างนี้คุณจะเอายังไงต่อ”
“คงต้องรอจนกว่าทีมของเราจะมาช่วย”
“ฝันไปเหอะ ฉันไม่มีทางยอมอยู่บนเรือนี่ทั้งคืนกับคุณหรอก”
“แหมทำยังกับไม่เคยอยู่ เตียงเดียวยังนอนกันมาแล้วเลย”
สุรีกานต์นึกได้เถียงไม่ออก
“ฉันจะกลับโรงแรม”
“งั้นก็ว่ายน้ำไปสิ หรือจะขี่ฉลามไปก็ได้นะ แต่ขอเตือนไว้ก่อน ระวังนางร้ายฉายเดี่ยว จะกลายเป็นนางร้ายขาเดียวก็ได้นะคุณ”
สุรีกานต์อ้อน
“ฉันจะกลับโรงแรมนี่ บนเรือนี่ไม่มีอะไรสักอย่าง จะนอนเข้าไปได้ยังไง แล้วที่สำคัญฉันคันไปทั้งตัวแล้ว ฉันอยากอาบน้ำ”
“แล้วคุณจะคิดในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ทำไม ชีวิตคุณน่ะมีแต่ความเยอะเกินพอดี คุณเคยผ่อนคลาย หรือปล่อยวางอะไรบ้างมั้ย...เอาน่า ถือซะว่ามาปิกนิกไง”
“ฉันไม่มีอารมณ์มาปิกนิกอะไรทั้งนั้น ถ้าคนในกองถ่ายตามหาฉันกับคุณไม่เจอจะเกิดอะไรขึ้น แค่ฉันเป็นข่าวกับคุณครั้งเดียวประวัติฉันก็เสียมากพอแล้ว ถ้ามีรอบสองล่ะก็ ฉันต้องเป็นบ้าแน่ๆ”
“ก็ไม่เห็นจะยาก เป็นข่าว คุณก็แก้ข่าวสิ ถนัดนักไม่ใช่เหรอ ไอ้เรื่องแก้ข่าว สร้างข่าวให้คนอื่นน่ะ”
นฤเบศยักคิ้วกวนโมโห สุรีกานต์ได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ
“ฮึ่ย ไม่รู้ล่ะ” สุรีกานต์ตะโกนดังลั่น “ฉันอยากกลับโรงแรมคุณได้ยินมั้ย ฉันอยากกลับโรงแรม”
ริชาร์ดตบหน้าลูกน้องอย่างแรง
“พวกมันมีกันแค่สองคน แต่พวกแกมีเป็นฝูงทำไมถึงตามจับมันไม่ได้”
“มันอาจจะมีคนคอยช่วยอยู่ก็ได้ครับท่าน”
“รีบเอาเรือเข้าฝั่ง ตามสืบให้เร็วที่สุด ฉันอยากรู้ว่าพวกมันเป็นใครกันแน่”
ปรีติซึ่งแอบฟังอยู่มุมหนึ่งพอรู้ว่า นฤเบศและสุรีกานต์ปลอดภัยก็หลบออกไปอย่างโล่งอก
สุรีกานต์ไม่ยอมแพ้ควักโทรศัพท์มือถือออกมา จะโทรหาคนบนฝั่งแต่โทรศัพท์ก็เปียกน้ำจนใช้การไม่ได้ เธอมองโทรศัพท์อย่างเซ็งๆ นฤเบศจ้องหน้า
“งั้นคุณก็เลือกเอาแล้วกัน ระหว่างยอมกลั้นใจค้างคืนอยู่บนเรือนี้กับผู้ชายอย่างผม หรือว่าอยากจะลองเล่นบทบู๊เสี่ยงตายกับฉลาม”
สุรีกานต์มองไปทางทะเลเบื้องหลังก็นึกหวาดๆ นฤเบศหันมองไปทางอื่น สุรีกานต์พึมพำ ชูหมัดไปทางเขาอย่างโมโห
“ไอ้สารวัตรบ้า รู้ว่าฉันไม่มีทางเลือก ยังมาตอกย้ำซ้ำเติมกันอีก คอยดูนะ...”
นฤเบศหันหน้ากลับมาพอดี สุรีกานต์ชูหมัดค้างแกล้งทำไปแกว่งแขนเล่นไปเรื่อยเปื่อย
“เอ่อ...แล้วคุณแน่ใจได้ยังไง ว่าไอ้พวกสมุนริชาร์ดมันจะไม่ย้อนกลับมาที่นี่อีก”
“คุณไม่เคยได้ยินเหรอ ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
แต่แล้วทั้งสองคนก็ต้องตัวชาวาบเพราะได้ยินเสียงเรือและเสียงเรียกมาจากทางด้านหลัง นฤเบศคว้าปืนตามสัญชาตญาณและกดให้สุรีกานต์มอบลง แต่พอหันไปก็เห็นว่าเป็นเรือตกหมึกของชาวประมง นฤเบศรีบซ่อนปืนถอนหายใจอย่างโล่งอก ลุงชาวประมงขับเรือมาใกล้ๆ
“มีอะไรรึเปล่า เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงปืนแว่วๆ หรือว่า...จะเป็นพวกโจร”
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ พอดีผมเพิ่งมาเที่ยวแล้วเรือเสียกลับเข้าฝั่งไม่ได้ ผมขอติดเรือของลุงไปด้วยจะได้มั้ยครับ”
ลุงชาวประมงมองยิ้มๆ
“อ้อ นี่คงมาฮันนีมูนกันสินะ แหม มาแบบนี้คงหมดสนุกเลยสิท่า”
นฤเบศกับสุรีกานต์ปฏิเสธพร้อมกัน
“เอ่อคือ ไม่ใช่...”
“เอ้ามาๆ แต่ว่าถ้าจะเข้าฝั่งคงต้องรอตอนเช้า จะรอไหวรึเปล่าล่ะ”
นฤเบศกับสุรีกานต์ตอบพร้อมกัน
“ไหวครับ/ ไม่ไหวค่ะ”
นฤเบศหันไปพูดเบาๆกับสุรีกานต์
“นี่คุณ อย่าเรื่องมากได้มั้ย อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่บนเรือลำเล็กๆ กลางทะเลมืดๆ แบบนี้แหละน่า”
นฤเบศหันไปยิ้มตอบลุงชาวประมง สุรีกานต์ยิ้มให้แหยๆ จำใจยอม
จบตอนที่ 9