กุหลาบไฟ ตอนที่ 9
ธิดารัตน์ถูกขังอยู่ในห้อง เบลอเพราะถูกฉีดยาเสพติด เมาๆ เพ้อๆ
“พงษ์จ๋า ไก่น้อยอยู่นี่ มานี่สิ มานี่”
ชายชุดดำเดินเข้ามามอง
“ไหนๆก็ต้องส่งไปสังเวยคนอื่นแล้วยังไงก็...ให้ฉันเช็คของหน่อยก็แล้วกันนะ ว่ามีคุณภาพแค่ไหน”
ธิดารัตน์เห็นชายชุดดำเป็นสุทธิพงษ์
“พงษ์มานี่สิ ไก่น้อยอยู่นี่”
ชายชุดดำยิ้มพอใจ
“ว่าง่ายดีจริงๆ”
ไศลาพยายามหาที่เปิดห้องลับที่ชายชุดดำเข้าไป แต่คลำด้วยมือตามผนัง หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนไปเหยียบสวิตซ์บางอย่างที่พื้น ทำให้ประตูห้องลับเปิดออก ไศลาค่อยๆเข้าไปด้วยความเงียบ...ธิดารัตน์กำลังถูกชายชุดดำลวนลาม ไศลาเข้ามาพอดี
“แกนี่มันเลวจริงๆ แม้แต่เด็กก็ไม่เว้นรึไง”
ชายชุดดำตกใจที่หันมาเจอไศลา
“นี่เธอเข้ามาได้ยังไงเนี่ย”
“ปล่อยเด็กผู้หญิงไปเดี๋ยวนี้”
“เธอเข้ามาในที่ของฉันแล้วมาสั่งฉันแบบนี้ คิดว่ามันถูกเหรอ”
“ความเลวน่ะ...ไม่ว่าจะทำที่ไหนก็คือเลว”
ดวงตาที่สามของไศลาเปิดอีกครั้ง ทำให้แสงสว่างจ้าไปทั่วห้อง ชายชุดดำตกใจคว้าปืนขึ้นมา
“นี่แกมันตัวอะไรกันแน่เนี่ย”
ธีรธรกำลังเครียดเรื่องธิดารัตน์ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับสาย
“ว่าไง...ไศลาหายไปจากโรงพยาบาล... หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่... โอเค เดี๋ยวผมเข้าไป”
ธีรธรวางสายด้วยสีหน้ากลุ้มหนัก
“คุณจะทำอะไรของคุณเนี่ย ยังบาดเจ็บอยู่เลย”
ธีรธรจะขับรถออกไป เขาได้ยินเสียงปืนดังหลายนัดติดมาจากเซฟเฮ้าส์ก็เอะใจ
“มีเรื่องอะไรข้างในน่ะ...”
ธีรธรลังเลใจ ใช้ความคิดไตร่ตรอง
ชายชุดดำเล็งปืนใส่ ไศลาหลบและสวนกลับ พร้อมกับพยุงธิดารัตน์มาด้วยวิ่งออกจากห้องมืด ธิดารัตน์น้อยเบลอๆ ดูสนุกไปกับทุกอย่าง...ไศลาพาธิดารัตน์ออกมาเจอสมุนรอเต็มไปหมด เธอต่อสู้กับสมุนนับสิบ ปกป้องธิดารัตน์และพาหนีมาจากห้องวีไอพี
สมุนไล่ล่า ไศลาต่อสู้จนเลือดซึมออกมาจำนวนมากจากแผล เธอหน้าซีดจนแทบจะไม่ไหว ดวงตาที่สามก็ค่อยๆปิดลง พวกสมุนเองก็นอนโอดโอยกันเกลื่อนกลาด ชายชุดดำถือปืนเล็งมาที่ไศลา จะเหนี่ยวไก
“เธอควรจะรู้ว่า...เธอไม่ควรจะไปเสนอหน้าในที่ที่ไม่ใช่ของเธอ”
เสียงปืนดังปั้ง ไศลาหลับตา แต่พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าคนที่ล้มลงคือชายชุดดำ จากการยิงของธีรธร
“ไศ...คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
ธีรธรประคองไศลาขึ้น
“ดูไก่น้อยเถอะ ฉันไหว”
ธีรธรรีบพาธิดารัตน์กับไศลาออกไปจากที่นั่น สมุนที่นอนกับพื้นถือปืนมาไล่ยิง แต่ทั้งสามก็พ้นประตูออกไปได้
ไศลานอนยาวที่เบาะหลังหมดแรง ธิดารัตน์นั่งเบาะหน้าคู่กับธีรธร เธอส่งยิ้มเบลอๆให้เขา ธีรธรจับตามเนื้อตัวหลานสาวที่มีฟกช้ำบ้างอย่างเป็นห่วง
“ไก่น้อย เป็นไงบ้าง พวกมันทำอะไรหนูบ้างรึเปล่า”
ไศลาพูดขึ้น
“ไก่น้อยคงถูกฉีดยาเสพติด คงต้องรอให้หมดฤทธิ์ยาก่อน”
ธีรธรทุบพวงมาลัยอย่างโมโห
“ไอ้พวกเลว”
“รีบไปจากที่นี่ก่อนพวกมันจะออกมาก่อนเถอะ อย่ามัวแต่โมโหเลย”
“ไม่ให้ผมโมโหได้ยังไง คุณมาที่นี่คนเดียวไม่บอกผมแล้วคุณก็เป็นแบบนี้อีก”
ธีรธรขับรถออกมาอย่างหงุดหงิด
นาถสุดาแอบเก็บกระเป๋าอย่างลุกลี้ลุกลน มองซ้ายมองขวากลัวคนจะมาเห็น เธอรีบโยนทุกสิ่งลงในกระเป๋า รวมถึงกล่องไม้โบราณด้วย โยคีศิลาดำเปิดประตูเข้ามา เห็นเธอกำลังเก็บเสื้อผ้าก็ถามอย่างสงสัย
“นั่นเจ้ากำลังจะไปไหน”
นาถสุดาตกใจ
“คือ เอ่อ...”
โยคีศิลาดำจ้องหน้า
“เจ้ากำลังจะหักหลังข้าใช่มั้ย”
นาถสุดาอึ้งไป
“เปล่านะคะอาจารย์ ฉันไม่ได้จะหักหลัง แต่...”
“อย่ามาโกหก...ข้าสัมผัสได้ถึงมนต์”
“เปล่าจริงๆนะอาจารย์ ฉันแค่จะไปอยู่กับเทพ”
“แล้วข้าล่ะ”
“ฉันขอไปหาที่ปลอดภัยก่อน แล้วฉันจะมาตามอาจารย์ไปอยู่ด้วยกัน”
“อย่าโกหกข้าเลย เจ้ามันศิษย์คิดล้างครู”
นาถสุดาปิดกระเป๋า หันมาหาโยคี
“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น”
“ข้าไม่เชื่อ”
โยคีศิลาดำใช้พลังอัดนาถสุดากระเด็นติดผนัง
“ข้าไม่ให้เจ้าไป”
“อาจารย์ไม่เคยมีความรัก อาจารย์ไม่เข้าใจหรอก”
“ยังไงข้าก็ไม่ให้เจ้าไป”
“อาจารย์บังคับฉันให้ทำแบบนี้นะ”
นาถสุดาใช้พลังสู้กับโยคีศิลาดำคืนไปเช่นกัน เขาอึ้ง ไม่คิดว่านาถสุดาจะกล้าทำเขาแบบนั้น
“นี่เจ้ากล้าทำร้ายข้างั้นเหรอ”
การต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างศิษย์และครูจึงเกิดขึ้น นาถสุดาแค่พยายามสู้เพื่อให้ตัวเองหนีไปรอดเท่านั้น เมื่อได้โอกาสทุกครั้งเธอจึงพยายามหยิบกระเป๋าเพื่อจะหนีไป แต่โยคีศิลาดำก็ใช้พลังขัดขวางไว้ตลอด จนถึงจังหวะที่นาถสุดาจะคว้ากระเป๋าหนีออกไปได้ โยคีศิลาดำเลยใช้พลังที่รุนแรงปล่อยใส่ นาถสุดาเสียหลักทำได้แค่ยกกระเป๋ามาบังไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พลังบางอย่างจากกระเป๋าของนาถสุดาสะท้อนกลับไปที่โยคีศิลาดำ จนบาดเจ็บเสียเอง นาถสุดาก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น โยคีศิลาดำเองก็งง แต่เจ็บหนักเพราะพลังตัวเอง ทำอะไรไม่ได้ นาถสุดารีบหนีไป...นาถสุดาโยนกระเป๋าขึ้นรถ ดีใจที่จะได้ไปอยู่กับ เทพ
“เทพรอนาถแป๊บเดียวนะต่อไปนี้จะไม่มีใครมาขวางความรัก ของเราอีกแล้ว”
นาถสุดาขับรถออกไป
ดุลยศักดิ์เช็ดปืนของตนที่เปื้อนเลือด พร้อมถอดที่เก็บเสียงออก เทพนอนบนเตียงเลือดค่อยๆนองจากหัวของเขาค่อยๆแผ่วงกว้างขึ้นเรื่อยๆ สมุนหันมาถาม
“ทำยังไงกับศพของมันครับนาย”
“ปล่อยมันไว้แบบนี้แหละอ้อ...แล้วเสื้อจากโรงพยาบาลที่ฉันให้เอามาล่ะอยู่ไหน”
สมุนยื่นให้
“นี่ครับนาย”
ดุลยศักดิ์หยิบเสื้อมา ดึงสายผูกที่ใช้ผูกแทนกระดุมให้ขาดออก แล้วโยนไว้ข้างๆมือของเทพ แล้วโยนเสื้อคืนให้สมุน
“แล้วเอาเสื้อนี่ไปไว้ที่โรงพยาบาลห้องนางไศลามันด้วย”
“ได้ครับนาย”
ดุลยศักดิ์และสมุนเดินออกจากห้องไป ราวกับไม่มีใครตายอยู่ในห้องนั้น
ดุลยศักดิ์ขึ้นรถ ขับรถออกไป...รถนาถสุดาเข้ามาพอดี โดยไม่เห็นดุลยศักดิ์ เธอจอดรถ ลงจากรถด้วยท่าทางดีใจที่จะได้ไปอยู่กับคนรักเสียที
พยาบาลเข็นธิดารัตน์ที่นั่งบนรถเข็นเบลอๆเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ธีรธรอุ้มไศลาขึ้นบนเตียงคนไข้ บุรุษพยาบาลรอรับแล้วเข็นเข้าห้องฉุกเฉินทันที ชูชิตมาเห็นพอดีตกใจที่เห็นไศลาสภาพนั้นเขาเป็นห่วง
“ไศ...ไศเป็นอะไรน่ะ”
พยาบาลกันชูชิตออก
“เดี๋ยวเชิญรอข้างนอกก่อนนะคะ”
ชูชิตหันมามองธีรธรตาขวาง แล้วเข้ามาต่อยธีรธรทันที
“แกทำอะไรไศ ห๊า...ฉันบอกแล้วว่าแกอย่ามายุ่งกับไศอีกไง”
ชูชิตจะเข้ารัวธีรธรอีก แต่บุรุษพยาบาลมารุมห้ามไว้ แยกทั้งคู่ออก
“แกไปเลยนะ อย่ามาใกล้ไศอีก ไม่งั้นฉันฆ่าแกแน่”
ธีรธรไม่อยากให้วุ่นวายเลยไม่โต้ตอบอะไร ทั้งชูชิตและธีรธรต่างก็ห่วงไศลา
นาถสุดาใส่แว่นดำพรางความเป็นดาราของตนเดินเข้ามาในโรงแรม สีหน้าเธอมีความสุขและดีใจ เธอเดินจ้ำให้ถึงห้องให้เร็วที่สุด...นาถสุดายืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องเทพ ยิ้มระรื่น ภายในห้องเงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับมา เธอจึงเริ่มเรียกประกอบกับการเคาะประตู ห้องยังคงเงียบสนิท ไม่มีวี่แววหรือเสียงฝีเท้าก้าวเดิน นาถสุดาเคาะเสียงดังขึ้น พร้อมกระซิบเรียก
“เทพ...เทพ นี่นาถเอง...เทพ”
เสียงจากภายในเงียบนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบกลับมา นาถสุดาเริ่มใจไม่ดี เธอลองบิดลูกบิดดู ปรากฏว่าห้องไม่ได้ล็อค เธอแปลกใจที่ห้องไม่ได้ล็อค แต่ก็เปิดเข้าไป เดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ เธอเริ่มระวังตัว เพราะสังเกตเห็นว่าบางอย่างผิดปกติ...นาถสุดาค่อยๆเดินมาถึงเตียงนอนอย่างระวัง แต่แล้วเธอก็ต้องช็อคเมื่อเห็นเทพนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ เธอรีบถลาเข้าไปหา ประคองเทพอย่างห่วงใย
“เทพ...เทพ...เทพอย่าเป็นอะไรนะ” นาถสุดาเอาหูไปฟังเสียงหัวใจ แต่เงียบ “เทพอย่าเป็นอะไรนะ นาถจะพาเทพไปหาหมอเทพต้องไม่เป็นไร”
เทพยังนอนนิ่ง นาถสุดาร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ
“ไหนว่าเราจะหนีไปด้วยกันไง ชีวิตแบบที่เราฝันไว้ไงเทพ เทพอย่าทิ้งนาถไปนะ ขอร้องล่ะ แล้วนาถจะอยู่กับใคร”
นาถสุดานึกถึงรอยยิ้มของเทพ...ภาพเขาในวัยเด็กที่เคยช่วยเธอไว้ อ้อมกอดของเขา ทุกอย่างถาโถมมาหาเธอ
“เทพ...เทพอย่าเป็นอะไรนะเทพ...เทพ ใครทำเทพแบบนี้ เทพบอกนาถสิ นาถจะไปจัดการมันเอง เทพ...”
นาถสุดาหันไปเห็นเศษผ้าที่มือของเทพ เธอหยิบมันขึ้นมาดู เป็นเศษชิ้นส่วนของชุดรพ. มีชื่อรพ.ติดอยู่ด้วย นาถสุดามองด้วยความแค้น
“แกใช่มั้ยที่ฆ่าเทพ...แก” เธอหันไปมองเทพ “เทพไม่ต้องห่วง นาถจะแก้แค้นให้เทพเอง มันจะต้องไม่ตายดี คอยดู”
นาถสุดามองที่เศษผ้าอย่างโกรธแค้น
ค่ำนั้น ชูชิตกับธีรธรต่างก็แยกมุมกันนั่งรอไศลา ชูชิตมองธีรธรแบบชิงชังมาก นพรัชออกมาจากห้องฉุกเฉิน ทั้งชูชิตและธีรธรก็ถลาไปหาทันที
“ไศเป็นไงบ้างวะ”
ชูชิตมองธีรธรไม่พอใจนัก
“ตอนนี้คุณไศลาเสียเลือดไปมาก ต้องการเลือดด่วน”
ชูชิตรีบเสนอตัว
“งั้นเอาเลือดผมไปเลยครับ เอาไปเท่าไหร่ก็ได้”
นพรัชหันมามองหน้า
“ตอนนี้เราต้องการเลือดกรุ๊ปโอนะคะครับ ไม่ทราบว่าคุณใช่รึเปล่า”
ชูชิตหงุดหงิด
“ทำไม เลือดฉันมันไม่แดงงั้นเหรอ”
ธีรธรรีบบอก
“ฉันกรุ๊ปโอ”
“งั้นก็ดีเลย...งั้นแกไปกับฉัน”
“เฮ้ย...”
ชูชิตจะขวาง นพรัชจ้องหน้า
“คุณไม่อยากให้ไศลาหายรึไง”
ชูชิตเงียบ เถียงไม่ออก นพรัชกับธีรธรเดินเข้าไปในห้องด้วยกัน
ธีรธรเข้าไปหาไศลาอย่างอ่อนโยน เขาค่อยๆลูบปอยผมของเธอ
“เพราะเรื่องของผมแท้ๆที่ทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้”
นพรัชไปเตรียมอุปกรณ์เดินเข้ามาเห็นสิ่งที่ธีรธรทำ เขามองยิ้มเศร้าๆ
“หมดเวลาทำซึ้งแล้ว...มาเล่นบทพระเอกของจริงดีกว่า”
นพรัชชูอุปกรณ์บริจาคเลือดให้ธีรธรเห็น ธีรธรหันมายิ้มให้ พร้อมจะทำทุกอย่างตามคำสั่งเพื่อน
ธีรธรกำมือแบมือสลับกันไปเพื่อให้เลือดไหลคล่องขึ้น เลือดค่อยๆไหลเข้าไปในถุงเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น เขามองผ่านม่านไปที่ไศลาที่นอนไม่ได้สติอยู่อีกเตียง เขามีความสุขที่ได้ทำแบบนั้นให้เธอ
นิ่มนวลช่วยประคองวงทองเดินนำมาที่โรงพยาบาล กมลาและพันธ์พงษ์ ตามมาติดๆ ทั้งหมดมาด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
“ตาธีอยู่ไหนเนี่ย ห๊า...ใครโทรหาซิ” กมลาโวยวาย
“นิ่มโทรหาแล้วค่ะ แต่พี่ธีไม่รับโทรศัพท์เลย” นิ่มนวลบอก
กมลาหงุดหงิด
“ตายแล้ว แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าไก่น้อยอยู่ไหนเนี่ย”
พันธ์พงษ์ปราม
“โวยวายไป ก็ไม่มีใครตรงนี้รู้หรอกน่าคุณ ก็มาถึงพร้อมๆกัน”
กมลาไม่พอใจ
“เอ๊ะ...นี่คุณไม่ห่วงลูกบ้างเลยรึไงห๊า”
วงทองห้ามทัพ
“อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ช่วยกันคิดก่อนไม่ดีเหรอว่าไก่น้อยน่าจะอยู่ไหน”
ชูชิตที่นั่งฟังอยู่ตรงนั้นมองมาทางพวกบ้านธีรธร เขาเดินมาแทรกกลางวง
“ไอ้คนที่พวกคุณพูดถึงนั่นคือตำรวจรึเปล่า”
ทั้งวงหันมามองชูชิต แปลกหน้า ไม่เคยรู้จัก กมลาถามเสียงเข้ม
“นี่แกเป็นใคร”
“ผมเป็นเพื่อนกับผู้กองธีรธรครับ” ชูชิตยิ้มเจ้าเล่ห์
นิ่มนวลรีบบอก
“พวกเราเป็นญาติของผู้กองธีรธรค่ะ”
พันธ์พงษ์กระซิบนิ่มนวลดุๆ
“ไปบอกเขาทำไมล่ะ ไว้ใจได้รึเปล่าก็ไม่รู้”
นิ่มนวลกระซิบตอบ
“เหรอคะ ขอโทษค่ะ”
“ถ้าจะมาหาธีเนี่ย ธีอยู่ด้านในครับ”
“ขอบใจมากเลยนะพ่อหนุ่ม” วงทองขอบอกขอบใจ
นิ่มนวลร้อนใจ
“ตายละ ทำไมพี่ธีอยู่ด้านในละคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่าเนี่ย เป็นอะไรมากมั้ย”
นิ่มนวลเดินนำทุกคนเข้าไปทันที คนอื่นตามเข้าไป ชูชิตที่ยืนอยู่มองดูจนทั้งหมดลับตา
“ฉันเห็นหน้าญาติพี่น้องแกหมดแล้วไอ้ธีรธร ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ”
พยาบาลยกถุงเลือดของธีรธรมาแขวน และต่อสายเข้าไปตัวไศลา
“คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ”
ธีรธรมองไศลาที่หลับไม่ได้สติ นิ่มนวลเปิดม่านเข้ามา
“พี่ธีเป็นอะไรมากมั้ยคะ”
สายตานิ่มนวลหันไปเห็นไศลาก็ช็อค กมลาเข้ามาต่อว่าทันที
“หลานตัวเองจะเป็นจะตายอยู่แล้ว ยังจะห่วงแต่ผู้หญิงอีก”
ธีรธรเบื่อๆ
“ถ้าพี่แก้วยังไม่รู้เรื่อง ผมว่าพี่แก้วอยู่เฉยๆดีกว่าครับ”
กมลาไม่พอใจ
“นี่ธีกล้าพูดกับพี่แบบนี้เหรอ”
ธีรธรไม่อยากเถียง เขานิ่ง อ่อนใจ นพรัชเดินเข้ามาช่วย
“คุณไศเป็นคนช่วยไก่น้อยไว้ ร่างกายเลยเป็นแบบนี้”
กมลาจ๋อยไป นิ่มนวลมองด้วยท่าทีไม่พอใจนัก
“โธ่ไศ หลานอา” พันธ์พงษ์เห็นใจ
วงทองหันมาถาม
“แล้วไก่น้อยล่ะอยู่ไหน”
ธีรธรกับนพรัชมองหน้ากัน ไม่ค่อยอยากให้เห็นสภาพหลานสาวนัก
ธิดารัตน์นอนหลับอยู่บนเตียง ถูกผูกด้วยผ้าทั้งแขนและขา เธอสิ้นฤทธิ์ ทั้งหมดเห็นแล้วสลดใจ พันธ์พงษ์ตะลึง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับไก่น้อยกันแน่ ทำไมต้องทำกันขนาดนี้”
ธีรธรหนักใจ
“ไก่น้อยโดนพวกแก๊งยาเสพติดจับไปน่ะครับ จึงโดนฉีดยาครับ”
“ครับ ทางเราเลยต้องรักษาอาการคลุ้มคลั่งเมื่อขาดยาก่อน” นพรัชบอก
กมลาหน้าเสีย
“แล้วไก่น้อยไปโดนจับจากพวกนั้นได้ยังไง”
ธีรธรหน้าเครียด
“เรื่องนั้นยังไม่มีใครรู้ ต้องรอให้ไก่น้อยเป็นคนเล่าเองครับ”
วงทองมองหลานอย่างสงสาร
“ไก่น้อยหลานยาย”
นิ่มนวลเป็นห่วง
“ไก่น้อยไม่น่าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย”
ทั้งหมดมองดูธิดารัตน์ด้วยความเวทนา
ไศลานอนอยู่บนเตียงรถเข็น พยาบาลเข็นเธอเพื่อกลับขึ้นห้องพัก นาถสุดาเดินเข้ามาในโรงพยาบาล พร้อมกับเศษของชุดโรงพยาบาล เธอยังไม่ทันสังเกตว่าไศลานอนบนเตียงและถูกเข็นผ่านเธอไป นาถสุดาแววตาเคียดแค้นมาก...พยาบาลเข็นไศลามาที่ห้องเดิม เธอจัดแจงหยิบชุดที่พับอยู่ในห้องมาเปลี่ยนให้
นาถสุดาเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่ออยากรู้ว่าใครพักที่นี่บ้าง เมื่อพยาบาลลุกออกไปจากหน้าคอมจะไปเติมน้ำ นาถสุดาก็รีบเข้าไปกดเช็คทันที พยาบาลกดน้ำเกือบเต็มกระบอกใส่แก้ว นาถสุดาพยายามรีบเช็คข้อมูลหน้าคอม เธอเห็นพยาบาลกำลังจะเดินกลับมาแล้ว แต่เธอยังไม่เสร็จจากหนาคอม พยาบาลเดินมาถึงหน้าคอม เก้าอี้ตัวนั้นว่างเปล่าเเล้ว พยาบาลนั่งลงไม่คิดอะไร
ธิดารัตน์รู้สึกตัวตื่นขึ้นดีใจที่เห็นพ่อ แม่ น้า ยาย ของตนมากันครบ เธอดีใจจนน้ำตาไหล
“พ่อจ๋า... แม่จ๋า”
พันธ์พงษ์เห็นลูกตนฟื้นเข้าไปโผกอดทันที
“ไก่น้อยลูกพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“พ่อจ๋าทำไมต้องผูกไก่น้อยไว้ด้วย ไก่น้อยร้อนไปหมดทั้งตัวเลย”
“เดี๋ยวพ่อแก้มัดให้นะ”
ธีรธรรีบห้าม
“พี่ครับ...เชื่อหมอเถอะ”
“แต่...”
ธิดารัตน์มองธีรธร
“น้าธีคะ ได้โปรดเถอะค่ะ แก้มัดให้ไก่น้อยหน่อย ไก่น้อยทรมานจังเลย คุณยายคะ น้านิ่ม ช่วยไก่น้อยด้วย”
ทั้งหมดมองธิดารัตน์ด้วยความสงสาร ธีรธรปลอบ
“ไก่น้อยต้องอดทนนะ เดี๋ยวพอหายร้อนหนูก็ดีขึ้น เดี๋ยวน้าจะแก้มัดให้หนูเอง”
“ทำไมทุกคนต้องมัด หนูน้าธีรช่วยหนูออกมาไม่ใช่เหรอ ทำไมยังต้องมัดหนูเหมือนพวกนั้น หนูอึดอัด พงษ์ละคะ พงษ์อยู่ไหน พงษ์เป็นอะไรรึเปล่า”
กมลาถามสวนขึ้นมาทันที
“พงษ์คือใครน่ะ คือคนพาลูกไปที่นั่นใช่มั้ย”
“พงษ์ปลอดภัยรึเปล่า พงษ์ปลอดภัยมั้ย...ทำไมไม่มีคนตอบหนู พงษ์...พงษ์”
ธิดารัตน์เริ่มอาละวาดดิ้นพลาดๆ ทุกคนมองอย่างสงสาร
“ทรมานจังเลย ช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วย...”
ธิดารัตน์ยังคงดิ้นทุรนทุราย ธีรธรบอกกับทุกคน
“ผมว่าตรงนี้ให้พยาบาลมาดูดีกว่านะครับ ทุกคนไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”
ธีรธรเดินไปกดเรียกพยาบาล และพาทั้งหมดออกมาจากห้อง
ธีรธรประคองวงทองเดินไปตามทาง นิ่มนวลตามประกบไม่ห่าง กมลากับพันธ์พงษ์เดินไปด้วยกัน นาถสุดาใส่แว่นดำโพกผ้าเดินผ่านธีรธรและครอบครัวไป ธีรธรหันไปมองหน้าคุ้นๆ แต่ไม่แน่ใจนัก นาถสุดดาเองก้มหน้างุดไม่อยากให้ใครจำได้ ธีรธรหันไปเหลือบมองแต่ไม่ได้สนใจอะไร
พยาบาลเปลี่ยนชุดให้ไศลาเรียบร้อย ก็พบว่าชุดนั้นขาดตรงเชือกที่ใช้มัด
“อ้าว...ทำไมมันขาดแบบนี้ล่ะ”
พยาบาลอีกคนก็เปิดประตูเข้ามา
“นี่ไปช่วยกันห้อง 704 เร็ว คลั่งใหญ่แล้ว”
พยาบาลรีบตามเพื่อนพยาบาลออกไปทำงาน ไศลายังคงใส่ชุดที่ขาดเหมือนเดิม
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบไฟ ตอนที่ 9 (ต่อ)
นาถสุดามองเลขห้องของไศลา ในมือกำเศษผ้าของโรงพยาบาลแน่น
“ไศลา ถ้าเป็นฝีมือเธอละก็ ฉันจะฆ่าเธอซะตรงนี้เลย ฉันสาบาน”
นาถสุดาบิดลูกบิดเปิดประตูเข้าไป...นาถสุดาเข้ามาในห้อง มองไศลาที่หลับไม่ได้สติ เธอมองไปที่เสื้อของไศลา แล้วก็พบว่ามันขาด นาถสุดาหยิบเศษผ้าในมือตนขึ้นมาดู กำแน่นด้วยความแค้น
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นแกฝีมือของเทพ ไม่ได้จะมีใครมาฆ่าได้ง่ายๆ แล้วคนที่เทพจะไว้ใจให้เข้าห้องก็มีไม่มาก...เป็นแกจริงๆ”
นาถสุดารวบรวมความแค้นทั้งหมดที่มีในฝ่ามือเดียว ปล่อยลงไปเต็มแรงที่ไศลาที่นอนหลับ กล่องไม้โบราณในกระเป๋าสะพายของนาถสุดาสว่างวาบ เหมือนเป็นเครื่องปกป้องไศลา นาถสุดาเหมือนโดนสะท้อนพลังตัวเอง กระเด็นล้มลง
“นี่มันคืออะไรเนี่ย ทำไมฉันทำอะไรแกไม่ได้”
นาถสุดาจะลุกขึ้นไปจัดการไศลาอีกที แต่ทุกอย่างก็ต้องชะงัก เมื่อชูชิตเข้ามาพอดี
“เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะนาถสุดา”
นาถสุดาเสียจังหวะ หยุดพลังทันที
“ฉันถามว่าเธอมาทำอะไรที่นี่”
“ทำไม...ฉันจะแวะมาเยี่ยมนางนี่บ้างไม่ได้รึไง”
“จัดการเรื่องงานแต่งงานเสร็จแล้วเหรอ”
“ทำไม เกิดอยากแต่งงานกับฉันขึ้นมาจริงๆแล้วเหรอถึงได้ถามถึง”
“ใครอยากจะแต่งงานกับเธอฉันแค่ไม่อยากมีปัญหากับนายก็แค่นั้น”
นาถสุดาหัวเราะในลำคอ ชูชิตจ้องหน้า
“หรือถ้าเธอยากตาย ก็ลองขัดคำสั่งนายดูงานใหญ่ซะด้วยถ้าพลาดละก็...”
“รักตัวกลัวตายซะจริง ฉันอยากรู้จริง ถ้านางนี่...ต้องตาย แกจะยอมตายแทนมั้ย”
ชูชิตอึกอัก นาถสุดายิ้มหยัน
“ฉันว่าแล้ว...คนอย่างแกน่ะ”
ชูชิตตวาด
“อย่าพูดมากน่า จัดการเรื่องแต่งงานให้เรียบร้อยก็แล้วกันนี่ก็ใกล้วันแล้ว”
“ทุกอย่างจะเรียบร้อยแน่...คอยดูก็แล้วกัน...แต่ถ้าแกมัวมาซุกหัวอยู่ที่นี่ไม่โผล่หน้าให้นายเห็นฉันว่าแกจะตายก่อนงานแต่งมาถึงแน่ๆ”
นาถสุดามองชูชิตด้วยสายตายั่วโมโห มองไศลาด้วยความแค้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ชูชิตรีบเก็บของของตน เตรียมตัวไปประจบนาย
“ไศ ผมต้องไปทำงานก่อนนะ”
นาถสุดาเจ็บใจที่ทำอะไรไศลาไม่ได้ เธอออกมาอย่างหงุดหงิด
“ทำไม...ทำไมฉันทำอะไรมันไม่ได้...แต่ฉันไม่มีทางยอมปล่อยแกไปหรอก ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต”
นาถสุดาเดินจากไป
ไศลาเดินฝ่าหมอกเข้ามาในป่า เธอเห็นนักพรตเมฆขาวบำเพ็ญเพียรอยู่บนโขดหินกลางป่า เธอดีใจรีบวิ่งไปหาทันที นักพรตเมฆขาวลืมตาขึ้นมาเจอไศลา แต่ก็ต้องตกใจ
“นี่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
“ทำไมเหรอคะ ไศดู...ผิดปกติไปเหรอคะ”
“ตาที่สามเจ้าหายไปไหน เจ้าไปทำอะไรมา”
“ไศ...ไศไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”
นักพรตเมฆขาวจ้องหน้า
“เจ้าฆ่าใครรึไม่”
ไศลาส่ายหน้า
“เจ้าผิดประเวณีรึเปล่า”
“ไม่นะคะ”
นักพรตเมฆขาวแปลกใจ
“ถ้างั้นเพราะอะไร...ทำไมดวงตาที่สามจึงหายไปแล้วพลังของเจ้าก็ลดน้อยลงไปมาก”
นักพรตเมฆขาวลุกขึ้นมาสู้กับไศลา อย่างลองฝีมือ ไศลาสู้ด้วยแต่ประมือได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็พ่าย ล้มลง นักพรตเมฆขาวหน้าเครียด
“เจ้าราวกับเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้ถูกเลือก”
“ไศไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”
“มันต้องมีบางอย่าง...บางอย่างของคนธรรมดาเข้ามาทดแทนในร่างกายเจ้า ทำให้พลังเจ้าสูญเสียไป”
“แล้วคืออะไรคะ”
ไศลากับนักพรตเมฆขาวเองต่างก็ไม่เข้าใจนัก
พยาบาลเอาถุงเลือดที่ธีรธรให้ไว้อีกถุงมาเปลี่ยนแทนถุงเก่าที่หมด
“เดี๋ยวให้เลือดของคุณอีกถุง เธอน่าจะอาการดีขึ้นนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
เลือดจากถุงค่อยๆไหลมาตามสาย เข้าสู่ร่างกายของไศลา ธีรธรกุมมือเธอไว้ไม่ห่าง นิ่มนวลเปิดประตูเข้ามาเห็นสิ่งที่ธีรธรทำกับไศลาก็อิจฉาขึ้นมาทันที
“หลานตัวเองไม่ไปเฝ้าบ้างเหรอคะ”
ธีรธรหันมาตามเสียง
“คนคอยดูแลไก่น้อยก็เยอะแยะแล้วนี่”
“แล้วทำไมพี่ธีไม่ไปพักผ่อนละคะพี่ธีไม่ได้กลับบ้านมาตั้งหลายวันแล้ว”
“นี่คือการพักผ่อนของพี่”
นิ่มนวลเจ็บกว่าเดิม
“จะให้นิ่มตอบคุณแม่พี่ธีแบบนี้ใช่มั้ยคะ เพราะ แม่พี่ธีให้นิ่มมาตามพี่”
“เดี๋ยวพี่ตามไป”
นิ่มนวลเจ็บใจ เดินหน้าไม่พอใจออกไป ธีรธรกุมมือไศลากระซิบข้างหูเธอเบาๆ
“เดี๋ยวผมมาใหม่นะ”
ธีรธรเดินตามนิ่มนวลออกไปติดๆ
ธีรธรเดินเข้ามาในห้องของธิดารัตน์ที่หลับอยู่ กมลากำลังโวยวายเกี่ยวกับสิ่งที่ลูกสาวเจอมา
“ไอ้พงษ์นี่มันเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน มันคือพวกขี้ยาที่มาหลอกลูกสาวฉันแน่ๆ”
พันธ์พงษ์ปราม
“คุณจะโวยวายทำไม ในนี้ก็ไม่มีใครรู้สักคน”
“คอยดูนะ ถ้าฉันจับไอ้คนชื่อพงษ์ได้ ฉันจะส่งมันเข้าคุกโทษฐานที่หลอกลูกฉัน”
ธีรธรหันไปหาวงทอง
“คุณแม่จะกลับบ้านเหรอครับ เดี๋ยวผมจะไปส่งให้”
กมลาหันมาออกคำสั่งกับธีรธรทันที
“ตาธีมาก็ดีแล้วจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเลยนะ ไปลากคอไอ้คนชื่อพงษ์เนี่ยมาเข้าคุกให้ได้”
ธีรธรเหนื่อยใจ
“พี่แก้วครับ...ก่อนที่พี่แก้วจะเที่ยวหาว่าใครผิดรอให้ไก่น้อยมา อธิบายก่อนมั้ยครับว่าเรื่องมันเป็นยังไง หรือจะให้ดีกว่านั้น ควรจะมีใครไปขอบคุณไศลาหน่อยนะครับที่ช่วยไก่น้อยมาได้ ไม่งั้นก็ไม่รู้ไก่น้อยจะเป็นยังไง”
พันธ์พงษ์นึกได้
“แล้วหนูไศลาเป็นยังไงบ้างละธี”
“ยังไม่พื้นเลยครับ เสียเลือดไปมาก แต่คาดว่าพรุ่งนี้คงดีขึ้น”
กมลาเงียบจากสิ่งที่ธีรธรพูด ธีรธรประคองแม่
“ไปครับแม่...กลับบ้านกัน”
ทั้งห้องเงียบ ธีรธรประคองวงทองออกจากห้องไป โดยมีนิ่มนวลตาม
ไศลายืนอยู่กลางป่าที่แทบจะมองอะไรไม่เห็น เธอเริ่มกลัว แต่แล้วเธอก็เดินไปเจอกองไฟที่จุดไว้กลางป่า ไศลารีบวิ่งไปหาทันที
“อาจารย์ อาจารย์ นี่ไศเอง”
ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆจากชายผู้นั้น ไศลารีบเดินเข้ามาใกล้ ชายผู้นั้นหันมา คือโยคีศิลาดำนั่นเอง
“สวัสดีไศลา”
ไศลาสะดุ้งทันทีที่เห็นโยคีศิลาดำ
“เจ้ามาที่นี่ทำไม”
โยคีศิลาดำแสยะยิ้ม
“ข้ามาตามหายอดวิชาขั้นสุดท้าย”
“ข้าไม่รู้เรื่อง”
“อย่ามาโกหก ข้าสัมผัสได้ว่าคัมภีร์อยู่ที่เจ้า”
“ก็บอกว่าไม่รู้เรื่องไงล่ะ”
ไศลาพยายามหนี แต่โยคีศิลาดำปล่อยพลังฝ่ามือใส่ เธอกระเด็นไป
เช้าวันใหม่...ไศลาสะดุ้งตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาล เธอเช็คร่างกายว่าปลอดภัยดีมั้ย เธอมองไปรอบๆห้องไม่เห็นใครก็โล่งใจ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงเปิดก๊อกน้ำในห้องน้ำล้างมือ
“นั่นใครน่ะ”
ไม่มีเสียงตอบที่ห้องน้ำ ไศลาจ้องที่ประตูกลัวจะเป็นอันตราย ปรากฏว่าคนที่เดินออกมาคือพยาบาล
“ฟื้นแล้วเหรอคะ”
ไศลาเห็นเป็นพยาบาลก็โล่งใจ
“มีคนรอเยี่ยมคุณอยู่ที่ระเบียงแน่ะค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
พยาบาลเดินออกจากห้องไป ไศลาค่อยๆหันไปที่ระเบียง แต่ชายคนนั้นก้าวเข้ามาในห้องเสียแล้ว เสียงก้าวเท้าของชายคนนั้นที่ก้าวเข้ามา ไศลาก็รู้ทันที่ว่าไม่ประสงค์ดีแน่ๆ โยคีศิลาดำนั่นเองที่มาหาเธอ เขาเดินมาที่เตียง ไศลาพยายามจะลุกหนี แต่เธอไม่มีแรงมากพอ
“อย่าหนีเลย หนีไปก็ไม่มีทางพ้น”
นาถสุดาสะพายกระเป๋า เธอเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยแววตาเจ็บแค้น
“ยังไงวันนี้แกก็ต้องตาย...ถ้าไม่ใช่เพราะวิชาฉันก็ต้องเพราะปืนกระบอกนี้”
นาถสุดาอัดอั้นความแค้นของตนไว้ในใจ...
โยคีศิลาดำจ้องอยู่ข้างๆเตียง ไศลาเองก็ทำอะไรไม่ได้ นาถสุดาเปิดประตูเข้ามาเห็นอาจารย์ของตนก็ตกใจรีบหลบทันที นาถสุดารำพัน
“อาจารย์มาทำอะไรที่นี่”
โยคีศิลาดำและไศลา ไม่ทันได้ยินเสียงคนเข้ามา
“ส่งหน้าสุดท้ายของตำรามาให้ข้าซะเถิด”
“หน้าสุดท้ายอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
“อย่าโกหกหน่อยเลยน่า”
นาถสุดาแปลกใจ
“ตำราหน้าสุดท้ายเหรอ”
ไศลาไม่เข้าใจ
“แกพูดอะไรของแก”
“ตามตำนานกล่าวว่า เคล็ดลับวิชาสูงสุดขนาดเปลี่ยนสีดำให้เป็นสีขาว ชุบชีวิตคนจากความตายได้ อยู่ในหน้าสุดท้ายของตำรา”
นาถสุดาชะงัก
“ชุบชีวิตคนตาย”
โยคีศิลาดำยื่นมือไป
“ส่งมันมาให้ข้าซะดีๆ”
“ต่อให้เจ้าฆ่าฉันให้ตายอยู่ตรงนี้...ฉันก็บอกได้คำเดียวว่าฉันไม่รู้เรื่อง” ไศลาโต้
โยคีศิลาดำตวาด
“เจ้าท้าข้าเหรอ”
โยคีศิลาดำปล่อยพลังใส่ ไศลาได้แต่หลับตา กล่องไม้โบราณในกระเป๋านาถสุดาสว่างวาบอีกครั้ง พลังที่โยคีศิลาดำปล่อยมาสะท้อนกลับอย่างน่าอัศจรรย์ โยคีศิลาดำถุงกับเซที่โดนพลังย้อนกลับของตน
“นั่นมันพลังอะไรกัน”
ไศลางงๆ ไม่รู้เรื่องด้วย โยคีศิลาดำช็อคไป
“เจ้าเรียนวิชาหน้าสุดท้ายแล้ว”
ไศลายังคงไม่เข้าใจ
“เจ้าพูดเองเออเองอยู่คนเดียวทั้งนั้น”
“ไม่จริง เจ้าเรียนแล้ว พี่เมฆาสอนให้เจ้า”
โยคีศิลาดำโกรธมาก กระชากคอไศลามาคาดคั้น
“ตำราหน้าสุดท้ายอยู่ไหน”
พลังไฟแห่งความโกรธในโยคีศิลาดำแผ่ซ่านไปถึงไศลาจนร้อนไปหมด กล่องไม้โบราณในกระเป๋านาถสุดาสว่างวาบอีกครั้ง ราวกับถ่ายทอดพลังทั้งหมดต้านโยคีศิลาดำ ที่มือของโยคีศิลาดำค่อยๆมีน้ำแข็งมาเกาะจนแทบขยับไม่ได้ เขารีบปล่อยมือทันที
“นี่มันอะไรกันเนี่ย วิชาอะไรของเจ้า”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
ไศลาเอื้อมมือไปกดปุ่มเรียกพยาบาล เสียงพยาบาลขานรับ
“มีอะไรให้ช่วยคะ”
โยคีศิลาดำจ้องไศลาตาเขม็ง ปิดเครื่องเรียก
“แกคิดว่าฉันจะกลัวพวกมัน”
ไศลาหนักใจ ยอมรับความจริง พยาบาลเปิดประตูเข้ามาไม่เห็นนาถสุดาที่แอบอยู่
“คนไข้เป็นอะไรคะ”
โยคีศิลาดำนิ่งมองพยาบาล
“จวนได้เวลาคุณหมอกำลังจะมาตรวจพอดี”
โยคีศิลาดำชั่งใจแล้วหันไปพูดกับไศลา
“รักษาตัวให้ดีนะ” เขากระซิบ “ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าตำราอยู่ไหน”
“อยากเชื่ออะไรก็เชื่อแต่ฉันขอเตือนว่าจะเหนื่อยเปล่าเพราะ ฉันไม่รู้เรื่องนี้”
โยคีศิลาดำเดินออกไปอย่างโมโห นาถสุดาแอบหลังประตูอย่ามิดชิด โยคีศิลาดำไม่ทันเห็น พยาบาลมองตามไม่รู้เรื่องราวอะไร
ธิดารัตน์ดิ้นทุรนทุรายทรมาน ธีรธรกอดหลานไว้แน่น พยาบาลก็ล้อมเพื่อจะฉีดยา
“น้าธีช่วยไก่น้อยด้วย...ช่วยด้วย”
“ไก่น้อยอดทนนะ อดทนไว้”
สุทธิพงษ์นอนไม่ได้สติในห้องไอซียู ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น เขาค่อยๆลำดับความคิดต่างๆ
“ไก่น้อย...ไก่น้อย”
พยาบาลกับหมอเดินออกจากห้องไศลาไป นาถสุดาแอบปิดประตูแล้วล็อคเรียบร้อย เดินมาหาไศลาพร้อมกับปืนที่เล็งไป ไศลาเห็นก็งง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“นี่มันอะไรกันอีก”
“ฉันจะมาทวงชีวิตเทพคืน”
ไศลางงๆ
“เทพ...เธอพาเขาไปนานแล้วนี่”
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อเลยนะ แกทำอะไรลงไป แกรู้ตัวดี”
“งั้นช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่าฉันทำอะไรลงไป”
“แกฆ่าเทพ แกทำได้ยังไง เขาเป็นคนดีแล้ว แกฆ่าเขาได้ยังไง”
“ฉันว่าต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ ฉันไม่รู้เรื่องนั้น”
“อย่ามาทำใสซื่อหลอกฉัน ถ้าฉันไม่มีหลักฐานฉันไม่ตามมาได้ถึงนี่หรอก”
“ถ้าเธออยากฆ่าฉันก็ฆ่าเลยสิ ฉันไม่มีอะไรจะอธิบายแล้ว”
“แกส่งตำราอะไรนั่นมาให้ฉันก่อนสิ”
ไศลาไม่เข้าใจ
“ตำราอะไร”
“ก็ที่อาจารย์ฉันจะเอาจากแกน่ะ ส่งมา”
“ฉันไม่มี ต่อให้เธอค้นจนหมดชีวิตของฉันมันก็ไม่เจอเพราะฉันไม่มี”
“โกหก อาจารย์ฉันไม่เคยพลาดเรื่องพวกนี้ ตำรานั่นต้องมีอยู่จริง เราต้องสามารถชุบชีวิตคนตายได้จริงๆสิ แกต้องมี”
“ถ้าฉันมีฉันคงจะชุบชีวิตพ่อแม่ฉัน น้องสาวฉันขึ้นมาแล้ว”
“ฉันไม่สนว่าแกจะมีหรือไม่มี แต่แกต้องหามาให้ฉัน ไม่งั้น...ฉันจะฆ่าน้องแกทีละคนทั้งนางอรชรและก็ไอ้สุทธิพงษ์ที่อยู่ในห้องไอซียูนั่น”
“อย่ายุ่งกับพวกเขา...พวกเขาไม่เกี่ยว”
“ฉันให้เวลาแก 7 วันที่จะหาตำรามาให้ฉัน ไม่งั้นน้องแกตายหมดแน่”
นาถสุดาพูดด้วยแววตาไร้ความปราณีก่อนจะเดินออกไป ไศลากลุ้มใจ ไม่รู้เรื่องอะไรนักหนากับเธอ
นาถสุดากลับมาที่พัก เธอยังเก็บศพของเทพแช่ในโลงเย็นไว้ นาถสุดาทำเหมือนเขายังมีชีวิตอยู่
“เทพ...นาถมีวิธีช่วยเทพแล้วนะ เดี๋ยวเทพก็จะกลับมาหานาถ เราจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะเทพ”
นาถสุดาพูดกับร่างไร้วิญญาณราวกับว่าเขายังมีชีวิต
ไศลาถอนหายใจเครียดกับสิ่งที่ตัวเองเจอมา เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอมองตามเสียงไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นเรื่องอะไรเข้ามาหาเธออีก เป็นธีรธรที่เดินเข้ามา
“คุณฟื้นแล้วเหรอไศ”
“คุณคงไม่ได้เอาเรื่องอะไรมาให้ฉันหรอก ใช่มั้ย”
“ผมแค่ห่วงคุณ”
“ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก คุณก็น่าจะรู้”
“แต่ถ้าคุณไม่ได้เลือดผมไปเมื่อคืน...ป่านนี้ก็คงแย่นะ”
“เลือด...”
ไศลามองไปที่ถุงเลือดที่เพิ่งหมดไป ยังคงแขวนอยู่ ธีรธรยิ้ม
“ตอนนี้ในตัวคุณมีเลือดผมอยู่นะ เราก็เหมือนคนๆเดียวกันแล้ว”
ไศลานึกย้อนถึงฝันของตนที่นักพรตเมฆขาวบอกว่า ตนพลังอ่อนและไม่มีตาที่สาม ไศลาพึมพำ
“เพราะเลือดคนอื่น...”
ธีรธรมองหน้า
“นี่...คุณน่าจะขอบคุณผมสักคำนะ”
ไศลาหน้าเครียด
“คุณไม่รู้หรอกว่าคุณทำอะไรลงไป...”
ธีรธรชะงักงงๆ
“คุณพูดเหมือนผมทำอะไรผิดงั้นแหละ”
ไศลาถอนหายใจ
“แต่ยังไงผมก็ต้องขอบคุณคุณมากเลยนะ ที่ช่วยไก่น้อยออกมา”
“ไก่น้อยเป็นยังไงบ้าง”
“ก็แย่หน่อย...แต่เดี๋ยวก็คงดีขึ้นแล้วล่ะว่าแต่คุณรู้ได้ยังไงว่า ไก่น้อยอยู่ในนั้น...”
“คือฉัน...”
“อีกอย่างไก่น้อยถามถึงแต่คนชื่อพงษ์ว่าปลอดภัยมั้ย...คุณพอจะรู้มั้ยว่าพงษ์นี่เป็นใคร”
“พงษ์...”
ไศลานึกถึงพงษ์ได้ก็ห่วงน้องขึ้นมา
ธีรธรพาไศลามาที่ห้องไอซียู สุทธิพงษ์รู้สึกตัวแล้ว
“พงษ์...พงษ์เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“พงษ์...”
ธีรธรมองหน้าสุทธิพงษ์อย่าพินิจ สุทธิพงษ์เป็นห่วงธิดารัตน์มาก
“พี่ไศ ไก่น้อยเป็นยังไง ผมเป็นห่วงไก่น้อย”
ธีรธรเข้ามาถาม
“เธอกับไก่น้อยรู้จักกันได้ยังไง”
สุทธิพงษ์หันไปมองธีรธรก็ตกใจ ผวา ธีรธรเองก็คลับคล้ายคลับคลา
“พี่ไศพาเขาเข้ามาทำไม จะมาจับพงษ์เหรอ พงษ์เปล่านะ พงษ์ไม่ได้ทำอะไร”
“เปล่านะพงษ์ คุณธีรธรเขาเป็น...” ไศลานิ่งคิด “หัวหน้างานพี่เอง”
ธีรธรเซ็งๆที่ไศลาตอบน้องไปแบบนั้น...ธีรธร นึกถึงตอนที่เขาไล่ตามจับสุทธิพงษ์ที่ร้านขายข้าวแกง แล้วสุทธิพงษ์ก็หนีไปได้
“ฉันจำเธอได้แล้ว...”
ไศลาแปลกใจ
“เคยเจอกันด้วยเหรอ”
สุทธิพงษ์โวยวาย
“พี่ไศพาเขาออกไปที พงษ์ไม่อยากเจอเขา”
ธีรธรพูดขึ้น
“ก็แค่เคยเดินสวนกันบ่อยๆเท่านั้นแหละครับ”
ไศลาหันมาบอกน้องชาย
“พงษ์...คุณธีรเขาคือน้าแท้ๆของไก่น้อย”
สุทธิพงษ์ชะงัก อึ้ง
“น้าของไก่น้อย...”
ธีรธรจ้องหน้า
“ทีนี้ฉันอยู่ได้รึยัง”
สุทธิพงษ์ลังเลใจ อยากรู้เรื่องไก่น้อยก็อยาก กลัวโดนจับก็กลัว ธีรธรมองสุทธิพงษ์อย่างเข้าใจ
“ถ้าเธอลุกไหวเมื่อไหร่ ฉันจะพาไปเยี่ยมไก่น้อยดีมั้ย”
สุทธิพงษ์ตอบทันที
“ครับ”
ไศลายิ้มให้น้องชาย
“รีบๆหายนะพงษ์ จะได้ไปเยี่ยมไก่น้อยกัน”
สุทธิพงษ์ยิ้มมีความสุข ไศลาเห็นน้องยิ้มตัวเองก็ยิ้มไปด้วย เธอมองรอยยิ้มของน้องเธอคิดได้เพียงสิ่งเดียวในใจว่า...เธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรพงษ์ได้อีก
อ่านต่อหน้าที่ 3
กุหลาบไฟ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ดุลยศักดิ์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ มีชูชิตคอยประจบอยู่ข้างๆ
“งานหมั้นงานแต่งนั่นไปถึงไหนแล้ว”
“เรียบร้อยดีครับ”
“ให้มันเรียบร้อยจริงๆเถอะ ถ้ามีปัญหาแม้แต่นิดแกรู้ใช้มั้ยว่าพวกแกต้องเจออะไรบ้าง”
“ทราบดีครับนาย”
“แล้วนี่นาถสุดาไปไหน ไม่เห็นหน้ามาหลายวันแล้ว”
“ก็ไปจัดการเรื่องงานที่จะจัดนี่แหละครับ”
“แล้วไศลาเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ยังอยู่โรงพยาบาลครับ”
“ถ้าหายดีเมื่อไหร่แจ้งฉันด้วย ฉันมีงานจะให้ไปทำ”
“ทำไมไม่ใช้นาถสุดาละครับนาย”
“ฉันจะใช้ใครมันเรื่องของฉัน”
นาถสุดาเดินเข้าในห้องรับแขกพอดี แววตาของเธอบอบช้ำ ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ดุลยศักดิ์มองนาถสุดาอย่างรู้ทัน ทักเป็นพิธี
“พักนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะ”
“พอดีช่วงนี้มีคิวถ่ายละครแทบทุกวันเลยค่ะ นายมีอะไรคะ”
“ฉันแค่อยากเตือนว่าอย่าลืมเรื่องเธอกับชูชิต”
“ค่ะ นาถรู้หน้าที่ดีว่าต้องทำอะไร นาถขอตัวนะคะ”
นาถสุดาเดินปลีกตัวออกไป ชูชิตยุยง
“คุยกับนายโดยไม่มองหน้าแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหนเดี๋ยวผมไปจัดการให้ดีมั้ยครับนาย”
“ปล่อยไปก่อน” ดุลยศักดิ์ยิ้มแบบรู้ทัน “หน้าที่ของแกตอนนี้คือจับตาดูไศลาให้ดี”
“ครับนาย”
ดุลยศักดิ์ก้มอ่านหนังสือต่อไปอย่างสบายใจ
ค่ำนั้น ไศลาเดินอยู่กลางป่า เธอไม่แน่ใจว่าเธอจะได้พบกับใครในฝันของเธอกันแน่ ไศลาเริ่มรู้สึกว่าในความมืด มีบางอย่างซุ่มโจมตีเธออยู่ แต่แล้วเธอก็หลบไม่ทันเจอซัดซะกระเด็น โดยที่ยังไม่รู้ว่าคือใครกันแน่
“แกเป็นใครกันแน่”
ความมืดยังลอบโจมตีอีก ไศลาพยายามจะสู้แต่ก็สู้ไม่ได้ เธอโดนโจมตีจนถึงกับสลบไป
ไศลาค่อยๆรู้สึกตัวอีกที เธอนอนอยู่ริมน้ำตกมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร
“แกเป็นใครกันแน่ ทำไมทำกับฉันแบบนี้”
“เจ้ามองไม่เห็นข้าแล้วจริงๆ ไศลา”
ร่างของนักพรตเมฆขาวค่อยๆปรากฏขึ้นบนโขดหินไม่ไกลนัก
“เจ้าสูญเสียตาที่สามและพลังเหนือธรรมชาติของเจ้าไป”
ไศลาหน้าตื่น
“หลวงปู่...”
“ของเหลวที่ไหลเวียนในตัวเจ้าเปลี่ยนไป ความสมดุลก็เปลี่ยน”
“คงเพราะไศรับเลือดจากคนอื่นมา...”
“คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก กว่าร่างกายเจ้าจะปรับสมดุลคืนมาได้ ระหว่างนี้เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากคนที่ปองร้ายเจ้าทั้งปวง”
“หลวงปู่คะ...หลวงปู่รู้เกี่ยวกับตำราหน้าสุดท้ายที่หายไปรึเปล่าคะ”
“ใครบอกเจ้า”
“ทุกคนคิดว่ามันอยู่กับไศ แต่ไศไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยไศไม่รู้ว่าไศจะต้องไปหามันที่ไหน”
“น้องศิลาสินะที่ตามหาสิ่งนั้นกับเจ้า”
ไศลาพยักหน้า
“สิ่งนั้นมันหายไปตั้งนานแล้ว แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่เคยได้เห็น อาจารย์ของข้าบอกกับข้าว่าได้เก็บมันไว้กับคนที่ไว้ใจได้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะข้าก็ไม่เคยเห็นอาจารย์ของข้าใกล้ชิดกับใครมาก่อนแล้วป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าตำรานั่นจะเป็นตายร้ายดียังไง”
ไศลาชะงัก
“ฝากไว้กับคนที่ไว้ใจได้เหรอคะ”
ไศลา ครุ่นคิดนึกย้อนไปถึงตอนที่อาจารย์ให้กล่องไม้โบราณให้เธอดูแล และตอนที่อาจารย์มาเข้าฝันเธอที่เธอนอนอยู่โรงพยาบาลให้ดูแลกล่องไม้นั้นให้ดี ไศลาเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
“กล่องไม้”
นักพรตเมฆขาวสงสัย
“กล่องไม้อะไร”
สายวันใหม่...ไศลาสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“กล่องไม้ กล่องไม้”
เธอรีบหาโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรออกทันที...ชูชิตนอนหลับอยู่ เสียงโทรศัพท์ปลุกเขาให้งัวเงียมารับอย่างไม่เต็มใจนัก
“ใครเนี่ย โทรมาแต่เช้า”
“นี่ไศเองนะชิต”
ชูชิตตาสว่างทันที
“ไศเหรอ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
“ไศอยากรบกวนชิตให้เอาของๆไศ จากบ้านนายดุลยศักดิ์มาให้หน่อยน่ะ”
“ของอะไร”
“เอามาทั้งหมดที่มีอยู่นั่นแหละ เอามาให้ด่วนที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะ”
“มีเรื่องอะไรเหรอ”
“ไศต้องใช้ของสำคัญในนั้นน่ะ ชิตต้องเอามาให้หมดนะ”
“ได้ เดี๋ยวชิตจะแวะไปเอามาให้
“เร็วๆนะชิต”
ชูชิตสงสัยท่าทางพิรุธของไศลา แต่ก็ไม่อยากถามอะไรมาก
นาถสุดาควานหาของในกระเป๋าตัวเองแต่ไม่เจอ เธอจึงจับกระเป๋าตัวเองเทออกมาหมด แล้วเธอก็ไปสะดุดตากลับกล่องไม้โบราณที่เธอเก็บมาจากไศลา เธอหยิบมันมาดูและพยายามจะเปิด แต่กลับเปิดไม่ออก
“นี่มันกล่องอะไรของยายไศลามันเนี่ย เปิดเท่าไหร่ก็ไม่ออกสักที”
นาถสุดาหงุดหงิดจับกล่องโยนไว้
“มันอะไรกันนักหนา”
กล่องถูกวางทิ้งไว้ในห้องนาถสุดา ไม่ห่างจากศพเทพ นาถสุดาเดินไปหาจับมือเทพที่เป็นศพแช่แข็งพูดคุยราวกับเขามีชีวิตอยู่
“เทพ...อีกไม่นานนะเทพจะฟื้นขึ้นมาเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”
นาถสุดายิ้มหวานให้เทพ
สุทธิพงษ์นั่งอยู่ในรถเข็น มีธีรธรเป็นคนเข็น
“ขอบคุณนะครับที่ไม่จับผม”
“เธอเป็นคนป่วย”
“ขอบคุณที่ไม่บอกพี่ไศเรื่องที่ผมค้ายา...”
“แต่เธอรู้ใช่มั้ยสิ่งที่เธอทำอยู่ จะทำให้พี่สาวของเธอเสียใจแค่ไหน”
สุทธิพงษ์นิ่งเงียบ
“ฉันอยากให้เธอเลิกมันซะ”
สุทธิพงษ์ยังนิ่ง ไม่ตอบอะไร
“ถ้าเธอเจอไก่น้อย เธอจะรู้เอง...”
สุทธิพงษ์ชักสงสัย
“หมายความว่ายังไงครับ”
ธีรธรเข็นสุทธิพงษ์มาถึงหน้าห้องธิดารัตน์ เขาไม่ตอบอะไร อยากให้สุทธิพงษ์เห็นภาพตรงหน้าด้วยตัวเอง
โยคีศิลาดำรื้อของในห้องไศลากระจุยกระจายไปหมด ทั้งกระเป๋า ตู้เสื้อผ้าและลิ้นชักต่างๆ
“มันต้องมีสิ ตำราหน้าสุดท้าย...ไม่งั้นมันจะไปอยู่ไหนได้”
ชูชิตเดินเข้ามาในห้อง เห็นโยคีศิลาดำอยู่ข้างใน
“นี่มาทำอะไรในห้องนี้เนี่ย นี่มันห้องของไศลาไม่ใช่เหรอ”
โยคีศิลาดำเองตกใจที่อยู่ๆชูชิตก็โผล่มา
“ข้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของข้า”
“แล้วทำไมห้องมันรกกระจุยกระจายแบบนี้”
โยคีศิลาดำนิ่ง ทำไม่รู้ไม่เห็น ชูชิตจ้องหน้า
“แกมาหาอะไรในห้องของไศ”
“เจ้านั่นแหละเข้ามาทำอะไร เจ้าไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้สักหน่อย”
“ทำไมฉันต้องบอกแกด้วย”
“ข้าก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องบอกเจ้าเช่นกัน”
โยคีศิลาดำเดินออกไปจากห้องนิ่งๆ ยิ่งทำให้ชูชิตสงสัยมากขึ้นไปอีก ชูชิตเดินไปเก็บของไศลาเข้ากระเป๋า
ธีรธรเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นธิดารัตน์กินยาแล้วก็อ้วกออกมามากมาย ท่าทางทรมานมาก สุทธิพงษ์มองห่างๆด้วยความสงสาร พันธ์พงษ์คอยดูแลลูกอยู่ใกล้ ส่วนกมลาได้แต่ยืนมองทำท่าขยะแขยงอ้วก สุทธิพงษ์ถามอย่างเป็นห่วง
“ไก่น้อยเป็นอะไรครับ”
“ตอนที่เธอโดนยิงแล้วอยู่ในห้องไอซียูน่ะ ไก่น้อยถูกพวกแก๊งค้ายามันจับตัวไปแล้วมันก็ฉีดเฮโรอีนให้ไก่น้อยเพื่อไม่ให้หนีไปไหนได้ แต่เธอรู้ใช่มั้ยว่าเฮโรอีนมันติดกันง่ายขนาดไหนกว่าพี่สาวของเธอจะเข้าไปช่วยไก่น้อยออกมาได้...ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ” ธีรธรอธิบาย
“เพราะผมแท้ๆ ผมเองที่ชวนไก่น้อยให้หนีออกมาจากบ้าน ผมเองที่พาไก่น้อยไปที่นั่น แต่ผมไม่รู้จริงๆนะครับว่ามันเป็นปาร์ตี้ยา”
“ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก ยังไงมันก็เกิดขึ้นแล้วถ้าเธอรู้สึกผิดจริงๆ นะ ฉันขอแค่เธออย่าไปยุ่งกับยาเสพติดอีกก็พอ”
สุทธิพงษ์หันไปมองธิดารัตน์ที่ดูทรมาน น่าสงสารมาก
“ครับ...ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งพวกนั้นอีก ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม”
“ถ้าพี่สาวเธอมาได้ยิน คงจะดีใจมาก”
“ผมขอเข้าไปเยี่ยมไก่น้อยนะครับ”
ธีรธรมองที่กมลาแล้วส่ายหน้า
“ตอนนี้อย่าเพิ่งดีกว่า ให้ไก่น้อยพักผ่อนแล้วเธอค่อยมาเยี่ยมอีกทีจะดีกว่า”
สุทธิพงษ์พยักหน้าเข้าใจ
“ได้ครับ”
สุทธิพงษ์มองธิดารัตน์อย่างสงสารจับใจ ธีรธรเข็นสุทธิพงษ์ที่อยู่บนรถเข็นกลับไป
ชูชิตกำลังจะขับรถออกไป แต่ก็ต้องตกใจที่อรชรมาขวางหน้ารถ ชูชิตเบรคเอี๊ยดแล้วลงจากรถด้วยความโมโห
“นี่มันอะไรกันเนี่ยอร”
“พี่ชิตจะไปไหน”
“ไปธุระ”
“ธุระอะไร หายไปจากบ้านแต่เช้าไม่บอกอรสักคำจะไปหาพี่ไศใช่มั้ยล่ะ”
ชูชิตนิ่งไม่ตอบ
“หาข้อแก้ตัวไม่ทันเลยละสิ”
ชูชิตเซ็งๆ
“อร...พี่ต้องไปทำงานให้นาย”
“ไม่เชื่อ”
“งานหมั้นพี่กับนาถสุดาไง ลืมไปแล้วรึไงอรนี่วันงานก็ใกล้มาถึงแล้วด้วย”
“ถ้าไม่พี่ไศ ก็ยายนาถสุดา พี่ชิตเอาอรไปทิ้งไว้ไหนคะเนี่ย”
“อรก็ดูตัวเองบ้างสิ เป็นบ้าอะไรเนี่ย เที่ยวมาตามอาละวาดแบบนี้ จะบอกให้นะอร ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงที่เป็นแบบนี้หรอก ถ้าอรได้ครึ่งของไศก็คงจะดี”
ชูชิตขึ้นรถหักหลบอรชาไปไม่สนใจ อรชรได้แต่เจ็บใจยืนกรี๊ดๆ โยคีศิลาดำยืนมองดูไกลๆ
โยคีศิลาดำเข้ามามองอรชรด้วยสายตาลวนลาม อรชรไม่สนใจ เอาแต่คิดเรื่องชูชิต
“ฉันเกลียดพี่ไศลา เมื่อไหร่จะฆ่ามันซักที”
“ใจเย็นๆก่อนสิ ข้าต้องได้สิ่งที่ต้องการมาก่อนข้าถึงจะทำตามที่ เจ้าต้องการได้”
อรชรหงุดหงิด
“โอ๊ย ไม่ได้ดั่งใจสักคน”
“แต่ถ้าเจ้าอยากให้อะไรๆมันรวดเร็วเจ้าก็ไปเอาสิ่งที่ข้าต้องการจากพี่เจ้ามาสิ บางทีถ้าเป็นเจ้า อะไรๆมันอาจจะง่ายก็ได้”
“จะให้เอาอะไรล่ะ”
“ตำราหน้าสุดท้าย สุดยอดวิชาที่จะไม่มีใครเอาชนะข้าได้อีก”
อรชรหัวเราะ
“บ้ารึเปล่า นี่เหรอของที่อยากได้ ไร้สาระชะมัด”
“เจ้าอย่ามาดูถูกตำรานั่นเด็ดขาด เจ้ามันก็แค่คนโง่ ไม่รู้อะไร”
“ถ้าแกเก่งนัก แกก็ใช้ตาทิพย์ ใช้พลังเหนือมนุษย์ของแกหามันเองสิ”
“ตำรานั่นถูกพรางตาด้วยคาถาชั้นสูง ไม่มีใครใช้วิชาใดค้นหามันได้ทั้งนั้น”
“ก็เลยต้องใช้คนธรรมดาหางี้ ตลกชะมัด”
โยคีศิลาดำใช้พลังผลักอรชรติดฝาผนัง เขาเข้ากระชิดตัวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ อรชรตกใจพยายามดิ้นแต่แรงไม่มากพอ
“อย่าลืมว่าเราร่วมมือกันอยู่...ถ้าเจ้าอยากสมหวังก็ควรทำให้ข้าสมหวังเช่นกัน”
“รู้แล้วน่า”
โยคีศิลาดำมองอรชรแทะโลมด้วยสายตา
“เจ้านี่มันงามหมดจดจริงๆ ข้าไม่เข้าใจผู้ชายพวกนั้นที่ละเลยเจ้าเลย”
อรชรมองโยคีศิลาดำแบบกลัวๆ
ชูชิตยืนดูไศลาที่กำลังรื้อกระเป๋าดูอย่างกระวนกระวายใจ ไศลาพยายามหากล่องไม้โบราณหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“นี่ชิตเอามาหมดแล้วเหรอ”
“ทั้งห้องก็ไม่ได้มีของอะไรมาก ก็มีเสื้อผ้าแล้วของใช้แค่นี้ไม่ใช่เหรอ”
“แต่มันไม่มี”
“ไศหาอะไรอยู่ล่ะ”
“กล่องไม้เล็กๆ ชิตเห็นมั่งมั้ย”
ชูชิตคิดๆ
“กล่องไม้เหรอ ไม่เห็นอะไรที่เป็นไม้ๆเลย”
ไศลาเริ่มกังวล
“ต้องมีใครหยิบไปแน่ๆ”
“เห็นไอ้โยคีศิลาดำนั่นมันมาค้นห้องซะกระจุยเลย”
ไศลาหน้าเสีย
“จริงเหรอ...”
“ถามว่าหาอะไรก็ไม่ยอมบอก”
ไศลากังวลขึ้นมาจับใจ ชูชิตเดินเข้าไปจับมือเหมือนตอนเป็นคนรัก
“ผมต้องมีพิธีหมั้นกับนาถสุดาสุดสัปดาห์นี้ เพื่องานของนาย ไศอย่าโกรธผมนะ”
ไศลานิ่ง คิดเรื่องกล่องไม้
“มันก็แค่งานหมั้นหลอกๆ ไศอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ นายสั่ง ไศก็รู้ว่ามันปฏิเสธไม่ได้”
ไศลาไม่ได้สนใจเรื่องชูชิตเลย ชูชิตหน้าเสีย
“ไศ ขอร้องล่ะ อย่าทำท่าทางแบบนี้ ผมไม่สบายใจเลย”
ชูชิตดึงไศลามากอด ธีรธรเดินเข้ามาเห็นพอดีก็มองอย่างเศร้าใจก่อนจะค่อยๆเดินออกไป
นิ่มนวลนั่งขัดเครื่องเพชร วงทองเดินมาดู
“ขอบใจมากแม่นิ่มที่ช่วยดูแลทำความสะอาดให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“มีแต่แม่นิ่มเท่านั้นแหละที่ฉันไว้ใจขนาดนี้”
นิ่มนวลยิ้ม ภูมิใจ
“เครื่องเพชรพวกนี้มันสวยจริงๆเลยนะคะ”
“ถ้าแม่นิ่มอยากจะยืมใส่ไปออกงานอะไรก็บอกได้เลยนะ”
นิ่มนวลดีใจ
“ได้เหรอคะ”
วงทองยิ้มเอ็นดู
“สำหรับแม่นิ่มน่ะ ได้เลยจ้ะ”
นิ่มนวลหยิบแหวนเพชรขึ้นมาวงหนึ่ง
“แหวนวงนี้สวยมากเลยนะคะ”
“นี่เป็นแหวนที่พ่อของตาธีขอป้าแต่งงานน่ะ ถ้าวันหนึ่งตาธีจะเป็นฝั่งเป็นฝาเมื่อไหร่ป้าก็คงให้แหวนวงนี้ตาธีไปขอหมั้นเจ้าสาวนั่นแหละ”
นิ่มนวลฟังแล้วอมยิ้ม คิดว่าจะต้องเป็นตน
“เดี๋ยวทำความสะอาดพวกนี้เสร็จแล้ว เราไปเยี่ยมไก่น้อยกัน”
นิ่มนวลกำแหวนไว้แน่น ในใจคิดแผนอะไรบางอย่าง
ธีรธรนั่งเหม่ออยู่ในห้องนพรัชเพียงลำพัง เขานึกภาพไศลากับชูชิตกอดกันแล้วถอนหายใจ นพรัชเปิดประตูเข้ามาแล้วสะดุ้ง
“เฮ้ย...ตกใจหมด มาไม่บอกเลยนะ”
“เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ววะ”
“โห...ไม่เคยนับหรอก ตั้งแต่มัธยมแล้วนี่”
“นั่นสินะ ความทรงจำมันยาวนานจนนับไม่ถ้วน”
นพรัชมองเพื่อนอย่างสงสัย
“เป็นอะไรวะ”
“ก็แค่คิดว่าถ้ารู้จักกันตั้งแต่มัธยม...มันก็ยิ่งมีเรื่องมากมายที่รู้กันแค่สองคน”
“เพ้อแล้วแกเนี่ย”
“ไม่มีทางไหนที่เราจะเอาชนะอดีตได้เลยสินะ”
“เป็นอะไรของแกวะ”
“เปล่า...ก็คิดอะไรไปเรื่อย”
นพรัชมองหน้าเพื่อนอย่างวิเคราะห์
“ฉันรู้ละเรื่องคุณไศลากับแฟนเก่าใช่มั้ยล่ะ”
“ความทรงจำของฉันมีแค่ไม่กี่เดือน แต่เขาสองคนมีกันมาเป็นสิบปี ความผูกพันมันจะอยู่ตรงไหนวะ”
นพรัชเห็นใจเพื่อน ธีรธรเหม่อ น้อยใจโชคชะตา
ดุลยศักดิ์ดูแผนงานหมั้นที่ชูชิตกับนาถสุดาเอาข้อมูลมาวางให้ นาถสุดาเหม่อๆ ไม่ได้สนใจมากนัก
“คนเยอะขนาดนี้จัดการให้ดี อย่าให้มาเพ่นพ่านในส่วนของฉัน”
ชูชิตรับคำ
“ครับนาย ผมจัดคนที่ดูแลส่วนนี้ไว้แล้วครับ”
“นักข่าวน่ะตัวดี อย่าให้หลุดมาได้เชียว”
“ครับนาย”
“แล้วเรื่องตำรวจว่ายังไงบ้างนาถสุดา”
นาถสุดาเหม่อ ไม่ได้ยินที่ดุลยศักดิ์พูด ชูชิตต้องสะกิดเรียก
“คะ”
ดุลยศักดิ์เหล่มอง
“เป็นอะไรของเธอ”
“เปล่าค่ะ”
“เรื่องไอ้ผู้กองธีรธรนั่นที่ฉันให้เธอไปตีสนิท ไปถึงไหนแล้ว”
นาถสุดาอึกอัก
“คือ...”
“ข่าวเรื่องงานหมั้นรั่วไปถึงมันรึเปล่า”
“เอ่อ...เดี๋ยวนาถจะเช็คให้ค่ะ”
ดุลยศักดิ์มองหน้า
“เช็คให้ แปลว่าตลอดเวลาที่ฉันไม่ได้ถามเนี่ยเธอไม่ได้ตามงานเลยรึไง”
“คือ...”
“นี่เธอเอาเวลาไปทำอะไรหมด...หรือคิดจะหักหลังฉัน”
นาถสุดาหน้าตื่น
“เปล่าค่ะ นาถ...”
ชูชิตช่วยแก้สถานการณ์ให้
“คือเรื่องงานหมั้นน่ะครับ นาถเขาเป็นคนดูแลทั้งหมดเลย ก็เลยคงไม่มีเวลาไปตามเรื่องไอ้ตำรวจนั่น”
ดุลยศักดิ์หันมาถามชูชิต
“แล้วเรื่องไศลาล่ะ”
“ตอนนี้ไศลายังอยู่โรงพยาบาลครับ แต่เดี๋ยวอีกไม่นานก็คงออกมาได้แล้ว ส่วนไอ้ตำรวจนั่นมันก็ยังมาคอยดูไศลาตลอดครับ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าไศลาจะไปยุ่งกับมัน ผมว่ามันคงยังไม่ได้ระแคะระคายเรื่องงานหมั้นน่ะครับ”
“งั้นฉันฝากแกส่งคนไปจัดการ โทษฐานที่มันชอบเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องของเราหน่อย มันจะได้ถอนตัวจากเรื่องนี้สักที”
“ได้ครับนาย ผมจะรีบจัดการให้ทันที”
“พวกแกรู้อยู่แล้วใช่มั้ย ไม่ว่างานไหน ฉันไม่ชอบอะไรที่ผิดพลาด”
“ครับนาย"
ดุลยศักดิ์ชำเลืองมองนาถสุดาอย่างไม่ไว้วางใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4
กุหลาบไฟ ตอนที่ 9 (ต่อ)
นาถสุดายืนคิดกังวลอยู่เกี่ยวกับเรื่องเทพ
“เราต้องรีบหาตำรามาทำให้เทพฟื้นขึ้นมาให้ได้ ต้องหาให้เจอเร็วที่สุด”
นาถสุดานึกเทพก่อนที่จะออกมาจากห้อง...เธอเช็ดตัวให้ศพของเทพอย่างอ่อนโยน แต่เธอก็พบว่าผมเทพเริ่มร่วงติดมือของเธอมา เล็บของเขาหลุดออกมา นาถสุดาใจเสีย ไม่รู้จะทำยังไง
“ฉันจะต้องได้ตำรามาก่อนที่อาจารย์จะได้ไป”
โยคีศิลาดำมาปรากฏตัวด้านหลังของนาถสุดา
“เจ้าพูดถึงข้าเหรอ นาถสุดา”
นาถสุดาสะดุ้งสุดตัว หน้าเสีย
“พักนี้เจ้ากับข้า ห่างเหินกันจังนะ”
“นาถมีหลายอย่างต้องทำ”
“เช่นอะไร”
“ก็เรื่องงานหมั้น”
“แน่ใจว่าแค่นั้น”
“อาจารย์มีอะไรจะใช้นาถเหรอคะ”
โยคีศิลาดำใช้ฝ่ามือควบคุมพลังใส่นาถสุดา เธอโต้กลับด้วยความว่องไว
“สัญชาตญาณเจ้าที่โต้กลับข้า บอกข้าว่าเจ้าไม่ไว้ใจข้าอีกต่อไป ข้ามองไม่ผิดจริงๆ”
“เอ่อ...คือนาถเปล่านะคะ”
“เจ้าก็รู้ว่าโกหกข้าไม่ได้ เจ้ากำลังจะหักหลังข้า”
“นาถจำเป็น เพราะถ้าอาจารย์ได้เป็นใหญ่ นาถก็รู้ว่าอาจารย์จะถีบหัวนาถส่งแน่ๆ ถ้าอาจารย์มีวิชาที่ชนะได้ทั้งโลกก็คงไม่สอนใครอยากจะเป็นใหญ่คนเดียว หรือไม่จริง”
โยคีศิลาดำโกรธสิ่งที่นาถสุดาพูด ใช้พลังใส่เธอกระเด็นออกจากชั้นสองของบ้านไปที่สนาม โยคีศิลาดำตามไปซ้ำทันที...นาถสุดาลุกขึ้นมาจากพื้น โยคีศิลาดำกะเข้ามาซ้ำ นาถสุดาไม่ยอมต่อสู้กลับไปเช่นกัน การต่อสู้ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์จึงเริ่มต้นขึ้น โยคีศิลาดำเป็นต่อนาถสุดาอยู่ทั้งความที่แก่วิชากว่าและความเป็นผู้ชาย แต่นาถสุดาเองก็ไม่ยอมแพ้
“ถ้าข้าสร้างเจ้ามาได้ ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าได้เหมือนกัน”
“ฉันมีสิ่งสำคัญต้องทำ ฉันก็ไม่ยอมตายเหมือนกัน”
ทั้งคู่ต่อกรกันไม่ลดละ จนคนในบ้านเริ่มมามุงดูกันใหญ่ นาถสุดาบาดเจ็บแต่ก็ไม่ยอมแพ้ แต่สุดท้ายเธอก็จนมุม โยคีศิลาดำที่เหนือกว่าจะใช้ฝ่ามือไฟกับนาถสุดา ดุลยศักดิ์เห็นคนมุงจึงเดินมาดู เข้ามาขัดจังหวะการต่อสู้พอดี
“นี่พวกแกมาทำอะไรในบ้านฉัน”
ฝ่ามือไฟของโยคีศิลาดำจึงชะงัก นาถสุดาจึงรอดชีวิตจากเงื้อมมืออาจารย์ตัวเองมาได้
“เราซ้อมการต่อสู้นิดหน่อยค่ะ”
“แล้วดูสภาพเธอ งานหมั้นก็จะมีอยู่แล้วอยากให้มันเป็นข่าวใหญ่โตว่าโดนผัวซ้อมรึไง”
“ก็เห็นว่าไม่ได้ซ้อมมานาน เผื่อว่าจะมีเหตุฉุกเฉินใดๆ”
“จะซ้อมก็ไปซ้อมที่อื่น อย่ามาวุ่นวายในบ้านฉันแล้วก็ให้มันรู้เวล่ำเวลารู้กาลเทศะบ้าง” ดุลยศักดิ์หันไปดุสมุน “ไอ้พวกนี้ก็มาดูกันอยู่ได้ มีอะไรก็ไปทำ”
ดุลยศักดิ์เดินจากไป สมุนต่างๆก็แตกฮือกันไป โยคีศิลดำกับนาถสุดายังจ้องกันไม่วางตา
“ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นศิษย์คนเดียวของข้า ข้าจะไว้ชีวิตเธอตราบใดที่ เธอจะไม่มาเป็นอุปสรรคของข้า”
โยคีศิลาดำเดินจากไป นาถสุดาเองก็โล่งใจที่ตนยังรอดชีวิตอยู่ได้
วงทองกับนิ่มนวลเข้ามาเยี่ยมธิดารัตน์ในห้องพักไข้ ธิดารัตน์นอนอยู่บนเตียงอาการดีขึ้น
“เป็นไงบ้างไก่น้อยหลานยาย”
“ตอนนี้ดีขึ้นค่ะ”
กมลาโวยวาย
“ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าไอ้คนที่มันชวนแกหนีฉันออกไปเที่ยว จนกลายเป็นแบบนี้มันเป็นยังไง อย่าให้มานะ จะแจ้งตำรวจมาจับให้”
พันธ์พงษ์ปราม
“พอเถอะคุณ ลูกยิ่งรู้สึกไม่ดีอยู่”
กมลาไม่สน
“รู้สึกไม่ดีอะไร ทำไมก่อนทำแล้วไม่รู้จักคิดล่ะห๊าฉันสอนให้แกเป็นแบบนี้เหรอ”
วงทองปรามกมลา
“พอเถอะน่า เห็นแก่แม่บ้างเถอะ”
กมลาชักสีหน้า แต่ก็หยุดเพราะเกรงใจแม่ นิ่มนวลยิ้มแย้มถาม
“ไก่น้อยอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยจ้ะ เดี๋ยวน้าไปซื้อให้”
ธิดารัตน์ส่ายหน้า นิ่มนวลนึกได้
“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวน้าไปดูแล้วก็เลือกมาให้ไก่น้อยดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เชื่อน้าเถอะ ถ้าได้ทานขนมอร่อยๆอาจจะดีขึ้นก็ได้นะจ้ะ”
ธิดารัตน์พยักหน้ารับ นิ่มนวลยิ้มดีใจ หันไปถามคนอื่นๆ
“มีใครอยากได้อะไรมั้ยคะ เดี๋ยวนิ่มจะได้ซื้อมาด้วยเลย”
กมลาส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันก็ออกไปกินข้าวข้างนอกอยู่แล้วกินในนี้ สกปรกจะตาย”
“ค่ะ”
นิ่มนวลปลีกตัวออกไป กมลาเปรยๆ
“แม่นิ่มนี่ดีจังเลยนะคะคุณแม่”
“อืม เอาใจเก่งตามประสาผู้หญิงนั่นแหละ”
“ผู้หญิงดีๆแบบนี้ คุณแม่จะปล่อยหลุดมือไปเหรอคะ จัดแจงหมั้นหมายให้ตาธีซะ ก็หมดเรื่อง”
“ให้ตาธีเขาจัดการชีวิตเขาเองเถอะ”
“อย่างตาธีจะมีเวลาที่ไหนจัดการล่ะคะ คงต้องให้หนูจัดการให้ซะละมั้ง”
กมลาพูดราวกับวางแผนทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ
นิ่มนวลเดินมาจากห้องหันซ้ายหันขวาไม่เห็นใคร เธอค่อยๆหยิบแหวนประจำตระกูลที่เธอแอบหยิบใส่กระเป๋าตอนที่ทำความสะอาดออกมาสวม เธอมองมันด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อมันอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ...นิ่มนวลมองแหวนในมือตัวเองแล้วยิ้ม มีความสุข
“ทีนี้ล่ะ...ฉันอยากเห็นหน้าแกจริงๆ นางไศลา”
นิ่มนวลแอบสะใจอยู่ลึกๆ
ไศลากำลังเพ่งสายตาไปที่แก้วน้ำใกล้ๆกับเตียง เธอพยายามจะใช้พลังเปิดตาที่สามของเธอเพื่อเคลื่อนแก้วนั้น แต่แก้วนั่นก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย จนเธอปวดหัว เลือดกำเดาไหล ไศลาใช้มือปัดออก
“ทำไมทำไม่ได้ แล้วงานหมั้นที่จะถึงนี่ฉันจะทำยังไง”
นิ่มนวลเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะ ไศลาหันไปมองเห็นเป็นนิ่มนวลเธอก็รู้สึกได้ว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ
“เป็นไงบ้างจ้ะ นอนโรงพยาบาลไม่ยอมหายสักทีนะ”
“นี่คือคำถามของคนมาเยี่ยมใช่มั้ยคะ ดูเป็นมิตรดีค่ะ”
“นั่นเลือดกำเดาเธอไหลนี่”
นิ่มนวลมองเห็นเลือดกำเดาไศลาไหล เธอหันไปหยิบทิชชู่ส่งให้ด้วยมือซ้าย พยายามจะให้เห็นแหวน ไศลาเหลือบไปเห็นแหวนเพชรบนนิ้วนิ่มนวลที่พยายามทำให้เห็น ก็อดสงสัยไม่ได้
“อ๋อแหวน เธอคงสงสัยละสิ”
ไศลาเบือนหน้าหนี ใจลึกๆก็แอบอยากรู้
“นี่เป็นแหวนเพชรที่พ่อของพี่ธีขอคุณแม่พี่ธีแต่งงาน เธอก็คงเข้าใจนะว่ามันสำคัญขนาดไหน ซึ่ง...ตั้งแต่เธอไม่อยู่บ้านเราก็หมั้นกันเงียบๆ ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร ฉันพูดแบบนี้หวังว่าเธอคงเข้าใจนะ”
ไศลาตกใจที่ได้ยินแบบนั้น เธอผิดหวังในตัวธีรธรอยู่ลึกๆ แต่ไม่แสดงออกมา
“งั้นฉันก็ควรยินดีด้วยสินะคะ ดีค่ะ ยินดีด้วยค่ะ”
นิ่มนวลยิ้มเย้ย
“ขอบใจนะ...เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว เธอก็คงเข้าใจใช่มั้ยว่าของใครเป็นของใคร”
“ที่คุณมาที่นี่ คงเพื่อมาบอกเรื่องนี้กับฉันมากกว่าตั้งใจมาเยี่ยมใช่มั้ยคะ”
“ก็แล้วแต่เธอจะคิดก็แล้วกันนะ แต่ก็ขอให้หายไวๆ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ถ้าเธอเจอพี่ธี ก็ฝากบอกด้วยนะ ว่าคุณแม่บอกให้ไปพบ”
“ค่ะ”
นิ่มนวลยิ้มสะใจเดินออกไปจากห้อง ไศลาอึดอัดทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกอะไรดี...นิ่มนวลออกมาจากห้องด้วยรอยยิ้มสะใจ เธอถอดแหวนใส่กระเป๋าเหมือนเดิม
ภาพแหวนบนนิ้วมือนิ่มนวลยังชัดเจนอยู่ในสายตาของไศลา เธอพยายามจะสลัดลืมความคิดนั้นไปให้ได้ แต่แล้วภาพรอยยิ้มของธีรธรต่างๆก็ตามเข้ามาหลอกหลอนเธอ ที่ธีรธรทำดีกับเธอ และที่สำคัญตอนที่เขาบอกว่าเขาให้เลือดเธอ
“คุณทำให้ฉันเป็นแบบนี้ทำไม ทำไมคุณใจร้ายแบบนี้”
ไศลาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโง่ ที่โดนเขาหลอก อรชรเปิดประตูเข้ามา ลึกๆเธอไม่กล้าเข้ามานัก ไศลามองเห็นน้องสาวตนในเวลาแบบนี้เธอยิ่งดีใจเป็นพิเศษ เพราะอยากได้ใครสักคนเข้าใจ เธอส่งยิ้มให้น้องสาว
“อร...อรมาเยี่ยมพี่เหรอ อรไม่โกรธพี่แล้วใช่มั้ย”
อรชรจ้องหน้า
“เมื่อไหร่จะตายสักที”
ไศลาอึ้ง
“อร”
“ฉันมาเยี่ยมพงษ์ พี่ไศยังไม่ได้ฆ่าพงษ์ไปอีกคนใช่มั้ยล่ะ”
“อรทำไมพูดแบบนั้นล่ะ เราก็เหลือกันอยู่แค่ 3 คนนะ”
“อรแค่พูดอย่างที่ตัวเองคิด”
“อร...”
“พี่ไศ อรขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย อรไม่อยากให้พี่โกหก”
“พี่ไม่เคยโกหกอรนะ”
“เหรอ...พี่ไศบอกอรทุกครั้งว่าจะไปจากพี่ชิต แล้วพี่ไศก็ไม่เคยทำ”
“พี่ทำ...แต่...”
“พอเถอะ...อรอยากได้ยินความจริง”
“คำถามของอร จะทำให้อรหายโกรธพี่รึเปล่า”
“ตอบมาเถอะน่า”
“พี่จะตอบ...”
“อรอยากรู้ว่า...ตำราหน้าสุดทายอยู่ที่ไหน”
ไศลาชะงัก
“อรก็เป็นไปกับเขาอีกคนเหรอเนี่ย”
“ตอบมา...แล้วเราจะได้ไม่ต้องมายุ่งกันอีก”
“พี่ไม่รู้”
“ทำเพื่อน้องแค่นี้ไม่ได้รึไง”
“พี่ไม่รู้จริงๆ รู้แต่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ที่พี่”
อรชรคาดคั้นอย่างไม่พอใจ
“พี่ไศ...บอกมาเดี๋ยวนี้”
“พี่บอกหมดทุกอย่างที่พี่รู้แล้ว”
“ไม่จริง”
“จริงที่สุดแล้ว”
“ไม่จริง”
อรชรโมโห โผเข้าบีบคอไศลา
“อรเกลียดพี่ไศ อรอยากให้พี่ไศตายไปซะให้พ้นๆพี่ไศชอบบอกว่าทำเพื่อคนอื่น แต่สุดท้ายที่ไศก็ทำเพื่อตัวเองคนเดียวอรเกลียดๆ”
อรชรบีบคอไศลาไม่หยุดด้วยความโมโห ไศลาได้แต่ดิ้น...ธีรธรเดินมาถึงหน้าห้องไศลา จะเข้าไปแต่ก็ชะงัก นึกหน้าชูชิตขึ้นมา เขาถอยออก
“ไม่ดีกว่า”
ธีรธรจะเดินจากไป แต่เขาก็ลังเลไปมา...ในห้องไศลาใกล้จะหายใจไม่ออกเต็มที
“ถ้าพี่ตายไป พี่ชิตก็จะรักอรคนเดียว”
หน้าห้อง ธีรธรก็ยังลังเลจะเข้าไปดีมั้ย...ไศลาเริ่มแย่ๆ จะไม่ไหวแล้ว เธอไม่สู้อรชรแม้แต่นิดเดียว ธีรธรรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจผลักประตูเข้าไป แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นภาพอรชรกำลังขึ้นคร่อมและบีบคอไศลาและไม่มีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ ธีรธรถลาเข้าช่วยไศลาทันที
“หยุดนะ หยุด คุณจะทำอะไรน่ะ”
ธีรธรแยกอรชรออกมา ไศลาได้แต่สำลักอากาศ
“คุณเป็นบ้าไปแล้วรึไง”
อรชรยืนหอบด้วยความโกรธ
“ไศเขาบาดเจ็บอยู่ไม่รู้เหรอ”
“ก็ฉันอยากให้มันตายๆไปน่ะสิ”
“ผมเป็นตำรวจ ผมจับคุณข้อหาเจตนาฆ่าได้นะ”
อรชรไม่พอใจ บวกกับกลัวโดนจับ
“ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก”
อรชรเดินออกไปอย่างเชิดๆ ธีรธรรีบเข้าไปดูไศลาทันที
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ไศลาตอบไปแล้วน้ำตาก็ค่อยๆไหลมา ธีรธรเช็ดน้ำตาให้เธอ
“พ่อกับแม่ต้องเสียใจมากแน่ๆ ที่ฉันกับอรต้องเป็นแบบนี้”
“คุณทำดีที่สุดแล้ว”
ธีรธรดึงไศลามากอด ไศลานึกถึงแหวนบนมือของนิ่มนวลขึ้นมาได้ ผละออกจากเขา ธีรธรงงกับการปฏิเสธของเธอ
“ฉันไม่เป็นไร คุณกลับไปดูแลคุณนิ่มเถอะ”
“จริงๆมันไม่ใช่เรื่องของนิ่มนวลหรอกผมว่า...เพราะแฟนเก่าคุณมากกว่า”
ไศลาสวนทันที
“ใช่...คุณจะคิดแบบนั้นก็ได้”
“ก็ดี คุณน่าจะพูดตรงๆแบบนี้ตั้งนานแล้ว”
“คุณก็เหมือนกันนะ…น่าจะบอกฉันตรงๆ”
ทั้งธีรธรและไศลาต่างก็เงียบ เจ็บปวด
“วันอาทิตย์ที่จะถึง จะเป็นงานหมั้นของชิตกับนาถสุดาซึ่งจะเป็นงานที่จัดขึ้นมาเป็นฉากบังหน้าเพื่อให้ นายดุลยศักดิ์ส่งของให้คนค้ายารายใหญ่...ฉันคงหายทันพอดี”
“ผมไม่ให้คุณต้องมาเสี่ยงกับเรื่องนี้อีกแล้ว”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากทำงานกับฉัน แต่ช่วยแยกงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันด้วยนะคะ”
“ครับ...ก็แล้วแต่คุณก็แล้วกันครับ ผมขอตัว”
ธีรธรรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาเดินออกไปอย่างเจ็บปวด ไศลาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน พอธีรธรเดินออกไป น้ำตาเธอก็ไหลออกมาอย่างฉุดไม่อยู่
ธีรธรเดินออกมาหน้าห้อง เขาพยายามสะกดความรู้สึกเขาไว้ให้นิ่งที่สุด แต่จริงๆแล้วเขาก็เสียใจไม่แพ้กับไศลาเลย
อรชรเดินเข้ามาในห้องสุทธิพงษ์ด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก สุทธิพงษ์กำลังเอาดอกไม้ที่ตนเก็บมาจัดเป็นช่อๆเพื่อจะไปเยี่ยมธิดารัตน์ อรชรปึงปังเข้ามา สุทธิพงษ์เลื่อนดอกไม้ไปให้ห่างตัว
“อ้าว พี่อร”
“เออ ก็ฉันน่ะสิ เป็นไงบ้างเนี่ย นึกว่าจะตายไปซะละ”
“ก็อย่างที่เห็นพี่อรเป็นอะไรเนี่ย หงุดหงิดมาจากไหน”
“นี่พงษ์เธออยู่กับพี่ไศ พี่ไศเคยพูดถึงอะไรแปลกมั่งมั้ย เช่นตำราวิเศษอะไรแบบนี้”
สุทธิพงษ์ส่ายหน้า
“ผมก็ไม่ได้สนิทกับพี่ไศขนาดนั้นนะ”
“ก็นี่ไง ไหนๆก็ป่วยอยู่โรงพยาบาลเหมือนกัน ก็สืบให้ฉันทีว่าตำราวิเศษเนี่ยพี่ไศเก็บไว้ที่ไหน”
สุทธิพงษ์ไม่เข้าใจ
“ตำราวิเศษบ้าบออะไร ผมไม่เอาด้วยหรอกคราวก่อนที่พี่ใช้ให้ผมไปตามสืบอะไรนั่น ผมโดนซ้อมปางตายไม่เห็นว่าพี่จะช่วยอะไรผมได้เลย”
“แกไม่ได้อยากได้ยาเหรอ อย่าลืมสิว่าฉันหาให้แกฟรีๆได้”
“ยาพวกนั้น...ผมเลิกหมดแล้ว”
อรชรไม่อยากจะเชื่อ
“แกเนี่ยนะเลิกยา เทวดาแสนดีองค์ไหนเข้าสิงแกวะ”
“ไม่ต้องมีอะไรมาสิง ผมก็คิดเองได้...มันไม่คุ้มหรอกที่จะเอาชีวิตใครไปแลกกับยาเสพติดพวกนั้น”
“พี่ไศมันมาพูดล้างสมองแกรึไง แกเปลี่ยนไปมากนะ”
“พี่ไศไม่เคยมาพูดอะไรเลย แต่พี่ไศทำให้เห็นต่างหากว่าพี่ไศปกป้องผม ต่างจากพี่ที่ปล่อยให้ผมนอนปางตายอยู่คนเดียวอีกอย่าง...สิ่งที่ผมทำเลวทั้งหมดมันไปลงกับคนที่ผมรัก กรรมมันมีจริงนะพี่อรอย่าไปยุ่งกับเรื่องพวกนั้นเลย”
“ฉันไม่กลัวหรอกกรรมพวกนั้นน่ะ”
“บางทีมันก็ไม่ได้ลงที่พี่นะ มันอาจจะไปลงกับคนที่พี่รักก็ได้ผมว่าพี่ก็ทนไม่ได้หรอก ที่จะทนเห็นพี่ชิตต้องทรมานรับกรรมแทนพี่”
อรชรเกรงๆอยู่เหมือนกัน
“ฉันก็ไม่ได้ให้แกทำอะไรมากมายนี่ แค่ให้ช่วยฉันหาตำราวิเศษโบราณก็แค่นั้น หรือแกไม่เห็นว่าฉันเป็นพี่แกแล้ว”
“เออ รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาแกมบังคับหรอก”
สุทธิพงษ์หน้าบึ้ง หยิบดอกไม้มาจัดต่อไป อรชรสังเกตเห็นสุทธิพงษ์จัดดอกไม้
“แกมีแฟนแล้วเหรอ”
สุทธิพงษ์นิ่งไม่ตอบอะไร อรชรมองแบบคิดว่าตัวเองเดาไม่ผิดแน่
ไศลาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เธอไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ในสภาพนี้ได้ต่อไปกับหลายเรื่องที่เธอเจอ เธอพยายามจะลืมเรื่องของธีรธรให้ได้
“ฉันไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
ไศลาหยิบของยัดใส่กระเป๋า ทำแข็งใจ
“ฉันมีเรื่องอีกมากมายต้องทำฉันต้องไปตามหาตำราที่อาจารย์ฝากฉันไว้ ฉันจะให้มันไปตกในมือคนชั่วไม่ได้ฉันไม่มีเวลามาเสียใจกับเรื่องพวกนี้หรอก”
ขณะที่ไศลาพูดและเก็บของเธอก็พยายามกลั้นน้ำตา แต่มันก็ไม่หยุดไหลเสียที
สุทธิพงษ์นั่งอยู่บนรถเข็นที่เข็นมาเอง โดยเอาดอกไม้ที่ตนจัดไว้บนตัก เขามองประตูห้องพักไข้ของธิดารัตน์อย่างลังเลว่าจะเข้าดีหรือไม่เข้าดี อรชรแอบมองดูพฤติธรรมของน้องชายอยู่ห่างๆ พันธ์พงษ์เดินออกมาจากห้องพอดี สุทธิพงษ์รีบเข็นรถเข็นหนีไม่กล้าเข้าไป พันธ์พงษ์มองงงๆว่าเป็นใคร แล้วเขาก็เดินไปอีกทาง อรชรเดินไปดูป้ายชื่อที่หน้าห้องเขียน ชื่อ “ธิดารัตน์”
“ธิดารัตน์เหรอ...”
อรชรแง้มประตู เห็นธิดารัตน์กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง อรชรปิดประตูแล้วยิ้ม ในใจคิดบางอย่างได้
ค่ำนั้น นาถสุดานั่งคุยกับศพเทพที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็น
“นาถรู้แล้ว...นาถจะลองไปหาอาจารย์ของนางไศลามันจะต้องรู้แน่ว่าสิ่งที่จะทำให้เทพฟื้นขึ้นมาได้อยู่ที่ไหน หรือต้องทำยังไงมันต้องรู้สิ เทพไม่ต้องกลัวนะ ยังไงนาถก็จะช่วยเทพให้ได้”
นาถสุดาครุ่นคิดราวกับคนเสียสติ
นิ่มนวลกับวงทองกลับเข้ามาในบ้าน ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องตกใจ เพราะมีชายในชุดไอ้โม่งพรางหน้าตา ปรากฏตัวขึ้นมา 4 คน ล้อมทั้งคู่ไว้ วงทองตกใจ
“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร”
“บ้านนี้ลูกชายเป็นตำรวจนะ ถ้าแกไม่อยากเจอดี อย่ามายุ่งดีกว่า” นิ่มนวลขู่
“ก็เพราะมีลูกชายเป็นตำรวจ ที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นดีนักก็ต้องเจอแบบนี้แหละ”
ชูชิตในคราบชายโม่งหันไปพยักหน้ากับอีก 3 คนให้จัดการบ้านกับวงทอง โม่งชาย 2 คนกระจายไปรื้อค้นทำลายข้าวของในบ้าน โม่งชายอีกคนเข้าไปตบวงทองฉาดใหญ่จนล้มลงกับพื้นสลบไป ชูชิตลากนิ่มนวลไปที่ห้องนอน เธอพยายามดิ้นสุดเหวี่ยงไม่รู้จะทำยังไง
“พี่ธี...พี่ธีช่วยด้วย พี่ธีช่วยนิ่มด้วย”
“ร้องไปก็ไม่มีใครมาช่วยเธอหรอกน่า ทำตัวให้ว่าง่ายๆดีกว่า”
ชูชิตฉุดกระชากนิ่มนวลไปยังห้องนอนโยนขึ้นไปบนเตียง นิ่มนวลหวาดกลัวสุดขีด
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันจะบอกพี่ธีให้ว่าไม่ให้ไปยุ่งกับพวกแกอีก”
“เรื่องนั้นฉันไม่ถือสาหรอกเรื่องเดียวที่ฉันถือก็คือการที่มันมายุ่งกับผู้หญิงของฉัน ดังนั้นฝากไปบอกมันด้วยว่า...นี่คือสิ่งที่มันควรจะได้รับ เมื่อมันทำกับฉันแบบนั้น”
ชูชิตถอดหมวกไอ้โม่งออก เผยตัวว่าเป็นใคร ก่อนจะขืนใจ นิ่มนวลพยายามดิ้นสุดแรงแต่ก็สู้ไม่ได้
เวลาผ่านไป...ชูชิตลุกขึ้นติดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตน นิ่มนวลร้องไห้สะอึกสะอื้นบนเตียง
“ถ้าเธออยากจะแจ้งตำรวจประจานตัวเองก็ตามใจนะแต่บอกไว้ก่อนว่า ไม่มีตำรวจหน้าไหนทำอะไรฉันได้มีแต่เธอที่จะได้อายใครต่อใครไปทั่วแน่ๆ”
ชูชิตแต่งตัวเสร็จจะเดินออกไป เขาหยิบเสื้อผ้านิ่มนวลที่กองที่พื้นโยนให้ ก่อนจะเดินออกไปเท้าของชูชิตไปเหยียบบางอย่าง เขาหยิบมันขึ้นมาดูเป็นแหวนประจำตระกูลที่นิ่มนวลขโมยไปหลอกไศลานั่นเอง ชูชิตดูแหวนเห็นว่าสวย เขาจึงหยิบใส่กระเป๋าเสื้อเอาไอ้โม่งคลุมหัวแล้วเดินออกไปจากห้อง นิ่มนวลหยิบเสื้อผ้าที่ชูชิตโยนให้มากอดไว้กับตน สะอึกสะอื้นไม่หยุด
จบตอนที่ 9