กุหลาบไฟ ตอนที่ 1
กลางดึกคืนนั้น ไศลา หญิงสาวหน้าตาสวยคม เดินอยู่ท่ามกลางความมืด มีกลุ่มหมอกหนาทึบอยู่รอบตัว เธอเดินไปเรื่อยๆ ในท่าทีหวาดระแวง ทันใดนั้น...ชายชุดดำสองคนออกมายืนขวางตรงหน้าด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร
ไศลาจะหนีไปทางซ้ายก็เจอชายชุดดำอีกสองคนดักรออยู่ พอขยับจะหนีไปทางขวาก็เจอชายชุดดำอีกสองคนรออยู่เหมือนกัน ชายชุดดำเดินดาหน้าเข้ามาหาพร้อมกัน ไศลาตัดสินใจต่อสู้กับกลุ่มชายชุดดำจนเริ่มรู้สึกอ่อนล้า เธอโดนชายชุดดำจัดหนักไปชุดใหญ่ จนถึงกับเข่าอ่อนสลบไปในที่สุด
นักพรตเมฆขาว ผู้บำเพ็ญบุญจากดินแดนไกลโพ้น มีพลังจิตกล้าแข็ง จิตใจเปี่ยมด้วยคุณธรรม มีเมตตาสูง ลอยตัวลงมากลางวงต่อสู้ และเอาร่างตัวท่านเองเข้าไปซ้อนร่างไศลาที่นอนอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว ไศลาค่อยๆ ยืดตัวขึ้นและเริ่มต่อสู้กับกลุ่มชายชุดดำอย่างอีกครั้ง
ชายชุดดำอีกสองคนเข้ามาลอบกัดทางข้างหลัง ไศลาหันไปทำท่าใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางมือขวาจิ้มไปขมับตัวเอง ทันใดนั้นมีแสงเลเซอร์ออกมาจากดวงตาของเธอยิงไป ชายชุดดำที่จะเข้ามาลอบกัดโดนแสงเลเซอร์จากตาไศลาหายวับไปในพริบตา ไศลาต่อสู้กับชายชุดดำที่เหลือจนหมอบราบคาบอยู่รอบๆตัว นักพรตเมฆขาวลอยออกจากร่างไศลาแล้วหายไป ไศลาเริ่มได้สติค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาเห็นตัวเองนอนอยู่ท่ามกลางกลุ่มชายชุดดำก็ตกใจรีบลุกขึ้นวิ่งหนีไป
ในป่าลึก ไศลาเดินอยู่กลางป่าใหญ่ในความมืด ความหนาวทำให้ต้องเอามือมาถูกันเพื่อเรียกความอบอุ่น สายตาของเธอมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง เธอเดินมาเรื่อยๆจนเห็นนักพรตเมฆขาวนั่งบำเพ็ญเพียร ไศลานั่งลงกราบ
“ท่านคะ หนูมาอยู่นี่ได้ยังไงไม่รู้ หนูอยากกลับบ้าน ท่านช่วยหนูด้วยนะคะ”
นักพรตเมฆขาวยังคงหลับตานิ่ง
“ท่านคะ ท่านได้ยินหนูพูดหรือเปล่าคะ”
ไศลาพยายามจะเข้าไปใกล้ นักพรตเมฆขาวพูดทั้งยังหลับตา
“วิถีของเจ้ามิใช่เหตุบังเอิญ ชะตาของผู้ถูกเลือก ฟ้าดินเท่านั้นกำหนด”
“ท่านว่าอะไรนะคะ”
ไศลานั่งอยู่ตรงหน้าของนักพรตเมฆขาวในระยะประชิด สายตาจ้องอยู่ใบหน้า นักพรตเมฆขาวยังคงหลับตานิ่งอยู่จู่ๆ ดวงตาที่สามของนักพรตเมฆขาวก็เบิกโพลงจ้องตรงมาไศลา พร้อมกับเปล่งเสียงออกมา
“เอมา”
ไศลาตกใจสะดุ้งสุดตัว
ไศลาตกใจสุดขีดสะดุ้งตื่นจากฝัน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอหันไปหยิบขึ้นมาดูเบอร์เป็นชูชิต เจ้าของเต้นท์รถ ซึ่งเป็นคนรักของเธอโทรมา เธอกดรับสาย
“มอร์นิ่ง ตื่นหรือยังคะรัก”
ไศลาเสียงยังไม่ค่อยดี
“ไม่ตื่นแล้วจะรับสายได้ยังไงล่ะคะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่า ฟังน้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย”
ไศลาถอนหายใจ
“ไศฝันเหมือนเดิมอีกแล้วล่ะชิต ฝันมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ”
ไศลาหันไปมองนาฬิกาบอกเวลา 6.30 น.
“อุ้ย...ไศต้องไปอาบน้ำแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวจะสาย แค่นี้ก่อนนะคะ”
“อย่าลืมนัดส่งรถให้คุณนพพรก่อน 10 โมงนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ไศนัดนายศักดิ์ไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ไศลาวางโทรศัพท์แล้วลุกไปอาบน้ำ
ไศลารีบวิ่งลงมาจากบันไดตึงๆ ผ่านดารณี น้องสาวคนเล็กที่กำลังกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอตรงไปหยิบรองเท้าผ้าใบมาใส่ ดารณีเงยหน้ามาถาม
“พี่ไศลาไม่กินข้าวเช้าก่อนเหรอ”
“ไม่ทันแล้วล่ะดา”
ดารณีหยิบขนมปังปิ้งมาทาแยม ใส่จานแล้วเดินเอาไปให้ ไศลาหยิบขนมปังเข้าปาก
“ขอบใจมากจ้ะ แล้วนี่อรกับพงษ์ไปเรียนแล้วเหรอ”
ไศลาถามถึงอรชร น้องสาวคนรอง กับสุทธิพงษ์น้องชายคนที่สาม ดารณีส่ายหัว
“วันนี้ไม่มีเรียนทั้งคู่ คงตื่นเยงเหมือนเคย”
“เงินค่าขนมของเดือนนี้พี่เอาเข้าบัญชีให้แล้วนะ ฝากบอกอรกับพงษ์ด้วยนะ”
ดารณีไหว้
“ขอบคุณพี่ไศลามากนะ ดารู้ว่าพี่ต้องเหนื่อยมากเพราะพวกเราแค่ไหน”
ไศลาดึงดารณีเข้ามากอด
“ไม่เป็นไร เราก็มีกันอยู่แค่นี้นี่นา พี่ไปก่อนนะ”
ตรงป้ายรถเมล์ปากซอยบ้านไศลา เช้าวันนี้มีคนยืนรอรถเมล์อยู่ค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและสาวออฟฟิศ รถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกลนัก
ร้อยตำรวจเอก ธีรธร นายตำรวจหนุ่มจากกองปราบ กับจ่านิดตำรวจคนสนิท นั่งอยู่ในรถ ทั้งสองจับตามองไปป้ายรถเมล์ เสียงเตือนดังขึ้นจากจอวิทยุในรถ จ่านิดกดหน้าจอ LCD บนรถหน้าจอขึ้นรูปพร้อมประวัติผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนเดียวกับในจอ LCD เดินมาหาผู้ชายที่ยืนรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ ทั้งสองคนโผกอดกันแล้วจับมือเหมือนเป็นคู่รักกัน แต่มือของทั้งคู่จริงๆแล้วกำลังแลกยากับเงินกันอย่างเนียนๆ ธีรธรกับจ่านิดวิ่งลงจากรถไปที่ป้ายรถเมล์พร้อมกัน ผู้หญิงหันมาเห็นธีรธรกับจ่านิดก็รีบผละตัวออกจากผู้ชายแล้ววิ่งหนีไป
“จ่า...ตามผู้หญิงไป”
จ่านิดเร่งสปีดตัวเองวิ่งตามผู้หญิงไป ผู้ชายหันมาเห็นธีรธรวิ่งมาจะถึงตัวแล้วก็จะหนีบ้างแต่ไม่ทัน ธีรธรดึงไหล่ผู้ชายเอาไว้ได้ ผู้ชายหันมาพร้อมมีดพกจะแทงแต่ธีรธรกระโดดหลบทัน
คนรอรถเมล์อยู่แตกกระเจิง เหตุการณ์เริ่มชุลมุนวุ่นวาย ธีรธรเข้าชาร์จจนคนร้ายทำมีดตกพื้น แต่คนร้ายยังไม่ยอมแพ้ ธีรธรสู้กับคนร้ายหมัดต่อหมัดจนกดคนร้ายลงไปนอนคว่ำพื้นแล้วค้นตัวจนได้ของกลาง ธีรธรใส่กุญแจมือให้คนร้าย จ่านิดกลับมาพร้อมคนร้ายผู้หญิงใส่กุญแจมือแล้วเรียบร้อย
จ่านิดโชว์ของกลางให้ธีรธรดู ทั้งสองคนพาตัวผู้ร้ายทั้งสองคนขึ้นรถ ดารณียืนกอดกระเป๋านักเรียนมองตามธีรธรกับจ่านิดด้วยความชื่นชม
โชว์รูมรถยนต์ของชูชิต...เป้ยซึ่งเป็นกะเทยกำลังอธิบายสมรรถนะของรถให้ลูกค้าชายคนหนึ่งฟัง ไศลาเดินเข้ามาในโชว์รูม ถึงแม้ว่าเธอจะใส่ชุดฟอร์มเดียวกับคนอื่น แต่ไศลาก็ดูโดดเด่นจนทุกคนต้องมองตาม ลูกค้าชายมองตามไศลาตั้งแต่เดินเข้ามาจนเดินหายเข้าไปทางออฟฟิศข้างหลัง เป้ยเห็นอาการลูกค้าตัวเองแล้วเซ็ง
“น้องๆ ผู้หญิงคนเมื่อกี้ทำงานนี่เหมือนกันเหรอ”
เป้ยพยักหน้าเซ็งๆ
“ใช่ค่ะ”
“สวยจัง ชื่ออะไรเหรอ”
เป้ยมองค้อนลูกค้าที่สนใจแต่ไศลา
ชูชิตนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“ไศลาเองค่ะ”
“เข้ามาได้เลยค่ะ”
ไศลาเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้าเป็นไศลาไม่ต้องเคาะประตูก็ได้”
“ก็ไศไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกว่าไศได้รับสิทธิพิเศษอะไรนี่ แค่นี้ก็เกรงใจคนอื่นจะแย่อยู่แล้ว”
“จะไปเกรงใจคนอื่นทำไม นี่มันบริษัทของชิต แล้วชิตก็เป็นแฟนไศลา ใครๆ ก็รู้”
“ก็เพราะใครๆ ก็รู้นี่ล่ะ ไศถึงไม่อยากให้เขาว่าชิตเอาได้”
ชูชิตถอนใจ
“เฮ้อ...คิดมากไปได้ แล้วมาหาชิตนี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไศเอารายงานสรุปความคืบหน้าของลูกค้าชิตบอก ให้ไศลองโทรไปเสนอขายรถมาให้ดูค่ะ”
ไศลายื่นแฟ้มเอกสารให้ ชูชิตเปิดแฟ้มเอกสารดูรายงาน
“โอ้โห...ขายได้ทุกคนเลยเหรอเนี่ย”
ชูชิตเข้ามากอดไศลาด้วยความดีใจ
“แบบนี้ต้องฉลองกันหน่อยแล้ว”
ตึกกองบังคับการปราบปรามยามเย็น ธีรธรกับจ่านิดเดินเข้ามาในห้องทำงานแล้วแยกย้ายไปนั่งโต๊ะของตัวเอง
“ไม่น่าเชื่อนะครับผู้กอง ว่าเดี๋ยวนี้จะถึงขนาดกล้าส่งยากันป้ายรถเมล์”
“จ่าไม่เคยได้ยินเหรอว่า...ไหนอันตรายที่สุด นั่นปลอดภัยที่สุด”
“แหม...ผู้กองก็พูดเป็นหนังเป็นละครไปได้”
โทรศัพท์โต๊ะทำงานดังขึ้น ธีรธรพยักหน้าให้จ่านิดรับสาย
“สวัสดีครับ โต๊ะผู้กองธีรธรครับผม ครับท่าน ได้ครับท่าน”
จ่านิดวางสาย
“ท่านผู้การเสริมพงษ์ให้เราสองคนไปรับงานด่วนที่ห้องท่านตอนนี้เลยครับ”
ธีรธรพยักหน้าแล้วลุกขึ้น
“งั้นเรารีบไปกันเลย”
ธีรธรกับจ่านิดรีบเดินออกจากห้องไป
ดารณี อรชร สุทธิพงษ์นั่งกินข้าวเย็นกันอยู่โต๊ะอาหาร ไศลากับชูชิตเดินเข้ามาในบ้าน
“พี่ไศลากลับมาแล้ว พี่ชิตก็มาด้วย” ดารณีดีใจ
อรชรยิ้มดีใจที่เห็นชูชิต แต่ก้มหน้าเก็บอาการ
“โอ้โห...ซื้ออะไรกันมาเยอะแยะคะ”
สุทธิพงษ์กับดารณีลุกไปรับถุงของ ถุงกับข้าวจากชูชิต
“เดือนนี้พี่ไศลาทำยอดขายได้ทะลุเป้า เราเลยตั้งใจกลับบ้านมาเลี้ยงฉลองกัน”
สุทธิพงษ์กับดารณีร้องเย๊พร้อมกัน
“วันนี้ดามีเรื่องตื่นเต้นเล่าให้พี่ฟังด้วย”
สุทธิพงษ์เซ็ง
“โอ๊ย...นี่พี่ต้องฟังอีกรอบแล้วเหรอเนี่ย ตั้งแต่กลับมา ฟังจะร้อยรอบแล้วมั้งเนี่ย”
ไศลาหัวเราะ
“มีอะไรตื่นเต้นเหรอดา ถึงได้เล่าซ้ำจนพี่พงษ์เขาเบื่อ”
ดารณีเล่าเหตุการณ์ธีรธรจับผู้ร้ายป้ายรถเมล์เมื่อเช้าให้ไศลากับชูชิตฟังอย่างตื่นเต้น
ไศลา ชูชิต อรชร สุทธิพงษ์ นั่งกินข้าวด้วยกันโต๊ะอาหารอย่างมีความสุข ดารณียังชื่นชมธีรธรไม่เลิก
“ขอบอกว่าเท่ห์ระเบิดไปเลย ถ้าไม่ติดว่าพี่ไศลามีพี่ชิตอยู่แล้วนะ ดาจะเชียร์คุณตำรวจมาจีบพี่ไศลาซะเลย”
ไศลากับชูชิตขำกับท่าทางของดารณี อรชรเบ้หน้า
“ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรมากมาย เล่าอยู่ได้ไม่รู้จักเบื่อ”
“โธ่...ถ้าพี่อรเจอกับตัวแบบดา พี่อรก็ต้องเป็นเหมือนกันล่ะจะบอกให้”
ชูชิตหันมาเตือน
“ต่อไปเราก็ต้องรู้จักระวังตัวมากกว่าเดิม เห็นมั้ยว่าสังคมเดี๋ยวนี้น่ากลัวขึ้นทุกวัน”
ไศลาเห็นด้วย
“ใช่ แล้วเรื่องสิ่งเสพติดเราก็ไม่ควรแม้แต่จะคิดไปข้องเกี่ยวไม่ว่าจะเป็นแค่เหล้าหรือบุหรี่ พี่ขอสั่งห้ามทุกคนไว้เลยนะ โดยเฉพาะพงษ์”
ไศลาจ้องตา สุทธิพงษ์หลบก้มลงตักข้าวกินงุดๆ
“พี่ไศลา ดาขอไปเรียนเป็นตำรวจได้มั้ย ดาอยากจับผู้ร้ายเหมือนคุณตำรวจเมื่อเช้า”
“จะบ้าเหรอดา แกเป็นผู้หญิงนะ จะไปทำอย่างเขาได้ยังไง” อรชรแย้ง
“ไม่บ้าหรอกพี่อร ตำรวจหญิงมีออกเยอะแยะ ใช่มั้ยพี่ไศลา”
ไศลาหน้าเจื่อนไปนิด
“อย่าดีกว่านะดา พี่ไม่อยากต้องคอยมานั่งห่วงเราทั้งวันทั้งคืน”
ดารณีทำหน้าเสียดายนิดหน่อย
“ว้า...เสียดายจัง แต่ไม่เป็นไร ดาไม่อยากให้พี่ไศลาไม่สบายใจ”
ไศลาลูบหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู
เสริมพงษ์นั่งคุยกับธีรธรและจ่านิดที่โต๊ะทำงาน
“ผลงานของพวกคุณวันนี้น่าพอใจมาก”
ธีรธรกับจ่านิดลุกขึ้นทำความเคารพ
“ขอบคุณครับผม”
“แต่การจับคนร้ายแบบนั้นมันเสี่ยงเกินไป”
ธีรธรกับจ่านิดสลดลง เสริมพงษ์ลุกขึ้นมาบีบไหล่ธีรธร
“อย่าให้หน่วยเราต้องสูญเสียบุคลากรมีคุณภาพไป เหมือนตอนพ่อผู้กองอีกเลยนะ”
ธีรธรทำความเคารพ
“ครับผม”
เสริมพงษ์เลื่อนแฟ้มเอกสารตรงหน้าให้ธีรธร
“นี่เป็นงานใหม่ ถ้าสำเร็จ โอกาสเราจะเข้าถึงตัวบงการขององค์กรนี้อยู่ไม่ไกล”
เช้าวันใหม่...ลานจอดรถหน้าสวนสาธารณะ มีรถจอดเรียงกันอยู่หลายคัน หนึ่งในนั้นมีรถตู้โดยสารสีขาวติดฟิล์มทึบจอดอยู่หนึ่งคัน ในรถตู้เป็นศูนย์ปฏิบัติการย่อมๆ มีหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ตอนนี้แบ่งเป็นช่องมอนิเตอร์หลายช่องกำลังแสดงผลภาพวงจรปิดเป็นมุมต่างๆ จากในสวนสาธารณะและประตูทางเข้าออกทุกทาง พร้อมแผงควบคุมขนาดใหญ่ และโน้ตบุค สเปคเทพอีก 2 ตัวตั้งอยู่ข้างกัน มีตำรวจอีกคนคอยควบคุมระบบการทำงานทั้งหมดนั่งอยู่ด้วย ธีรธรกำลังใช้ไอแพดดูแผนผังทั้งหมดของสวนสาธารณะอยู่ จ่านิดเอ่ยขึ้น
“ผู้กองครับ”
ธีรธรรีบหันมามองมอนิเตอร์
“เป้าหมายมาแล้วเหรอจ่า”
“เป้าหมายหัวใจครับผู้กอง คนนี้ล่ะครับ แม่ของลูกผม”
ในจอมอนิเตอร์ ไศลาเดินเข้าประตูสวนสาธารณะ ธีรธรแอบทึ่งกับความสวยของหญิงสาวไปพักหนึ่ง แล้วถามเสียงเข้ม
“มันใช่เวลามั้ยจ่า”
จ่านิดจ๋อย
“ขอโทษครับผู้กอง”
เรดาร์ GPS จากหน้าจอร้องเตือนแสดงผลจุดแดง ผู้ต้องสงสัยกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้กลุ่มจุดเขียวฝ่ายตำรวจมากขึ้นเรื่อยๆ ธีรธรพูดผ่านบลูทูธ
“เป้าหมายมาถึงแล้ว ทุกจุดเข้าประจำ พร้อม”
จอมอนิเตอร์เป็นภาพตำรวจนอกเครื่องแบบทยอยกลับเข้ามาประจำจุดของตัวเอง รถเก๋งสีขาวรถเป้าหมายขับผ่านรถตู้ไปจอดตรงช่องว่างข้างหน้าถัดไปอีกสองช่อง ผู้ชายคนขับลงมาจากรถใส่เสื้อยืด กางเกงวอร์มเหมือนจะมาออกกำลังกายก่อนจะรีบเดินเข้าไปในสวนสาธารณะ ธีรธรแอบมองผู้ต้องสงสัยจากในรถ แล้วสั่งผ่าน บลูทูธ
“เป้าหมายกำลังเดินเข้าประตู 1 ให้ยามค้นตัวด้วย”
ภาพในจอมอนิเตอร์เห็นยามเดินออกมาขอค้นตัวเป้าหมาย แต่ไม่พบอะไร จึงปล่อยเข้าไปจ่านิดรายงานผ่านบลูทูธ
“มีแค่กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือแล้วก็กุญแจรถครับผม”
“รับทราบ เฝ้าระวังต่อไป”
ในจอมอนิเตอร์ยังจับตามเป้าหมายกำลังเดินต่อไปเรื่อยๆ เป้าหมายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก ธีรธรสั่งการทันที
“เช็คได้มั้ยจ่าว่าเป้าหมายโทรไปไหน”
จ่านิดเริ่มพิมพ์คำสั่งในโน้ตบุคทันที
“สักครู่ครับผม”
หน้าจอโน้ตบุคแสดงผลจุดแดงเพิ่มอีกจุดหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้กลุ่มจุดเขียวเหมือนกัน จุดแดงทั้งสองจุดมีเส้นลากเชื่อมระหว่างกัน
“ปลายสายกำลังมุ่งหน้ามาหาเราครับ”
ธีรธรหันไปมองตามทิศเรดาร์ เห็นชายคนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาลงตรงข้างๆ รถตู้ แล้วเดินตรงไปที่รถเป้าหมาย มองซ้ายมองขวาอย่างมีพิรุธ
ธีรธรหันมาดูในจอโน้ตบุคเห็นว่าตำแหน่งจุดแดงมาใหม่ตรงกับของชายคนนั้นชัดเจน
ผู้ต้องสงสัยหยิบกุญแจรถขึ้นมาจะไขประตู ธีรธรและตำรวจเปิดประตูรถตู้แล้วพุ่งตรงไปล็อคตัวผู้ต้องสงสัย แล้วยึดกุญแจรถไปเปิดรถดูแต่ไม่เจออะไร
ธีรธรค้นตัวผู้ต้องสงสัยเจอมีดพก จึงลองใช้กรีดใต้เบาะนั่งดูพบว่ามีผงสีขาวไหลออกมาจากใต้เบาะจำนวนหนึ่ง เขากรีดเบาะหลังรถก็พบว่ามีผงสีขาวไหลออกมาเหมือนกัน จึงลองใช้นิ้วจิ้มมาดมและชิมดู...ใช่เลย
“พบเฮโรอีนของกลางแล้ว เข้าจับกุมได้”
คนร้ายทำเป็นวิ่งออกกำลังกายอยู่ดีๆ ก็มีตำรวจนอกเครื่องแบบวิ่งมาประกบซ้ายขวา
คนร้ายเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ก็พยายามจะเร่งตัวเองให้เร็วขึ้นไปอีก แต่ก็มีตำรวจอีกคนวิ่งเข้ามาดักข้างหน้า คนร้ายจะหันหลังกลับก็มีตำรวจอีกคนวิ่งรออยู่แล้วข้างหลัง...
ไศลาซึ่งสอนคาราเต้เป็นงานเสริม พาเด็กๆมาเรียนคาราเต้กันบริเวณนั้น เธอตบมือเรียกความสนใจของเด็กๆ กลับมาจากการตื่นเต้นกับสถานที่
“เอาล่ะค่ะเด็กๆ วันนี้ครูพามาสวนสาธารณะในวันนี้ เพราะเราจะมาเรียนเรื่องความสำคัญของลมหายใจกับคาราเต้กันนะคะ”
ไศลาสอนไปก็เห็นเหตุการณ์ไปด้วยก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็เนียนสอนต่อไม่ให้เด็กตกใจ พยายามหันสายตาไปคอยมองสถานการณ์อยู่บ่อยๆ...ตำรวจซ้ายขวาเข้าล็อคแขนเป้าหมายพร้อมกัน คนร้ายตัดสินใจสะบัดแขนตำรวจแล้ววิ่งหนีสุดแรงเกิดพุ่งไปยังกลุ่มเด็กนักเรียน ไศลาตกใจมากเห็นคนร้ายพุ่งมาทางกลุ่มเด็กๆ เธอตัดสินใจว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ไศลาวิ่งออกมาสกัดคนร้ายเอาไว้ก่อนคนร้ายจะเข้าถึงกลุ่มเด็กๆ เธอใช้วิชาคาราเต้ซัดคนร้ายไปหลายหมัด ธีรธรตามมาทันเห็นสิ่งที่ไศลาทำพอดี ก็ยิ่งรู้สึกชื่นชม จ่านิดตามมา
“ลีลาบู๊ก็ไม่ธรรมดานะครับผู้กอง”
คนร้ายตัดสินใจคว้าปืนมายิงขึ้นฟ้าหนึ่งนัดแล้วเอาปืนจ่อหัวไศลาเป็นตัวประกัน หันหน้าไปทางกลุ่มตำรวจวิ่งตามมา คนร้ายตวาดลั่น
“หยุดอยู่ตรงนั้นล่ะ ใครกล้าเข้ามากูยิงอีนี่ทิ้งแน่”
ธีรธรพยายามเกลี้ยกล่อม
“ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่านะครับ”
คนร้ายอารมณ์ขึ้นกว่าเดิม
“ไม่เย็นโว้ย ไปหารถมาคันนึง น้ำมันเต็มถัง เงิดสดอีกห้าแสน ภายในครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่ได้ ก็มาเก็บศพนังนี่ได้เลย”
ไศลาอยู่ดีๆ ก็มีอาการหน้ามืด เซจะเป็นลม เธอเห็นใบหน้านักพรตเมฆขาวหลับตาลอยซ้อนไปมาอยู่ตรงหน้า พร้อมเสียงสวดมนต์ที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนวนเวียนอยู่ในหัวจู่ๆ ตาดวงที่สามของนักพรตเมฆขาวก็เบิกขึ้น ทันไดนั้นไศลาก็ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น คนร้ายหันปืนไปที่ธีรธร
“ยังไม่รีบไปอีก นี่คิดว่าไม่กล้าใช่มั้ย ถ้างั้นศพแรกเลยละกัน”
ยังไม่ทันคนร้ายจะพูดจบประโยค ไศลาก็สะบัดตัวออกจากคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้ลีลาการต่อสู้เหนือชั้นซัดคนร้ายให้หมอบกระแตลงได้อย่างราบคาบและสวยงาม ทุกคนปรบมือให้กับฮีโร่หญิงคนใหม่
แต่หลังจากสู้เสร็จไศลากลับเป็นลมฟุบลงไปกลางวงทันที
กุหลาบไฟ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ไศลานอนหลับอยู่บนตักธีรธรที่ใต้ต้นไม้ เขาจ่อยาดมและพัดให้อย่างตั้งใจ ไศลาค่อยๆ สะลึมสะลือลืมตาขึ้น ธีรธรเขย่าไหล่
“คุณๆ เป็นไงบ้างครับ”
สายตาไศลาค่อยๆ เบลอจนชัดเห็นหน้าธีรธรเต็มๆ ไศลาตกใจรีบลุกพรวดขึ้นมาจนหัวไปโขกกับหน้าของธีรธรอย่างจัง ต่างคนต่างเจ็บร้องดังลั่น ไศลากับธีรธรอายไทยมุง ต่างคนต่างพยายามลุกขึ้นมายืนห่างกัน แต่ด้วยความยังมึนทั้งคู่ ทำให้ทั้งสองเซชนกันพากันล้มลงไปกองโดยมีไศลานอนทับอยู่บนตัวธีรธร ใบหน้าทั้งสองใกล้ชิดกัน ทั้งสองสบตากันแล้วเหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้ทั้งคู่รู้สึกว่าโลกหยุดหมุนต่างรู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ ไม่เคยเกิดขึ้นในใจ ทันใดนั้นเสียงมือถือดังขึ้นจากกระเป๋าของไศลา เธอได้สติก่อนรีบผละตัวออกจากธีรธรมารับโทรศัพท์
“ฮัลโหล” เธอตกใจ “รอมาครึ่งชั่วโมงแล้วเหรอ”
ไศลายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู นาฬิกาบอกเวลา 9.30 น.
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้”
ไศลากดวางสายแล้วรีบเก็บของ ก่อนจะรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ธีรธรยืนอึ้งไปสักพักก่อนจะรีบวิ่งตามไป แต่จ่านิดวิ่งมาดักไว้ซะก่อน
“ผู้กองครับ ท่านผู้การเสริมพงษ์มีคำสั่งด่วนให้ไปดักจับคนร้ายขนยาบ้าครับผม”
ธีรธรแอบเซ็ง
“ต้องตอนนี้เลยเหรอจ่า”
“ในคำสั่งว่า...ต้องเดี๋ยวนี้ครับผม”
ธีรธรพยักหน้า
“โอเค งั้นไปกันเลย”
อรชรเพิ่งตื่น บิดขี้เกียจแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“รัก...คิดถึงจังเลย วันนี้จะให้อรไปหาไหนดีคะ...ติดงานด่วนอีกแล้วเหรอ โอเค...ไว้วันหลังก็ได้ค่ะ”
อรชรกดวางสายแล้วขว้างโทรศัพท์ลงบนเตียงด้วยความโมโห อรชรได้ยินเสียงดารณีโวยวายจากข้างล่างดังมาถึงในห้อง
“โอ๊ย...อะไรกันอีกเนี่ย”
อรชรลุกเดินออกจากห้องไปอย่างหงุดหงิดสุดๆ
ดารณีกำลังยืนรัวทุบประตูห้องน้ำมีกุญแจในมือ
“พี่พงษ์ จะออกมาดีๆ หรือจะให้ดาไขกุญแจเข้าไปเดี๋ยวนี้”
อรชรเดินปึงปังลงมาจากชั้นบน อรชรตวาดแว้ด เหวี่ยงเต็มที่
“โวยวายเสียงดังอะไรกันแต่เช้า”
“ก็พี่พงษ์น่ะสิ สูบบุหรี่ในห้องน้ำอีกแล้ว คอยดูเหอะ ดาจะฟ้องพี่ไศ”
อรชรได้ยินดารณีพูดถึงไศลาแล้วหงุดหงิดหนักกว่าเก่าเบ้ปากหมั่นไส้
“อะไรๆ ก็พี่ไศ เป็นไรมากป่ะดา”
อรชรเดินมาดึงกุญแจจากมือดารณี
“เอามานี่ พี่เอง”
อรชรกำลังจะไขประตูห้องน้ำ ดารณีมายืนจ่อติดประชิดตัวอยากรู้เต็มที่
“โอ๊ย...จะมาเกะกะทำไมเนี่ย ถอยไปเลย”
ดารณียอมถอยออกมาอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ยังคอยจับตาดู อรชรไขกุญแจเปิดประตูเห็นสิทธิพงษ์กำลังพยายามหาที่ซ่อนยาบ้าอยู่อย่างลุกลี้ลุกลน อรชรรีบเดินเข้าไปผลักสุทธิพงษ์ให้ถอยหลังไปนั่งบนชักโครก แล้วรีบหยิบยาบ้าที่อยู่ในมือสุทธิพงษ์มาใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง อรชรเขย่าตัวสุทธิพงษ์ทำเป็นปลุก
“พงษ์ มาหลับอะไรในห้องน้ำเนี่ย ตื่นเดี๋ยวนี้”
สุทธิพงษ์มองอรชรงงๆ อรชรขยิบตาส่งซิกส์ให้ สุทธิพงษ์ตามน้ำตามแผนของอรชร ทำเป็นหลับงัวเงียเมาขี้ตา ดารณีเข้ามาไม่สนใจใคร เอาแต่ค้นหาหลักฐาน แต่ไม่เจออะไร ดารณีหันมามองอรชรกับสุทธิพงษ์อย่างสงสัย อรชรโมโหกลบเกลื่อน
“มองแบบนี้หมายความว่าไง”
ดารณีพูดกับทั้งคู่
“อย่าให้พลาดมาก็แล้วกัน”
ดารณีพูดแล้วเดินหันหลังออกจากห้องน้ำไป สุทธิพงษ์รอจนแน่ใจว่าดารณีไปแน่แล้ว ก็ แบมือขอยาบ้าคืนจากอรชรอย่างไม่มีท่าทีสำนึกผิด แต่อรชรยังไม่คืนให้
“อย่าคิดว่าฉันจะช่วยแกฟรีๆ นะ ถือว่าแกเป็นหนี้ฉันอยู่ 1 ครั้ง”
สุทธิพงษ์แอบอึ้งปนระแวง
“แล้วพี่จะให้ผมทำอะไร”
“ตอนนี้ยังนึกไม่ออก แต่ถ้านึกได้แล้ว...แกไม่มีสิทธิปฏิเสธ เข้าใจมั้ย”
สุทธิพงษ์เอือมในความเจ้าเล่ห์และเห็นแก่ตัวของพี่สาว แต่ต้องจำใจพยักหน้า อรชรคืนยาบ้าให้สุทธิพงษ์แล้วยิ้มอย่างมีชัย
ไศลานั่งแต่งหน้าอยู่บนรถสปอร์ตสีดำมีศักดิ์ขับอยู่ เธอกำลังจะเขียนคิ้ว
“ไม่ต้องชะลอนะนายศักดิ์ เหยียบไปเลย ฉันสามารถ”
โทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายของลูกค้าโทรเข้ามา ไศลาหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย
“ค่ะคุณนพพร กำลังเดินทางค่ะ พอดีเจอรถติดนิดหน่อยเลยทำให้เสียเวลา เดี๋ยวพบกันนะคะ”
ไศลาวางสาย กำลังจะเขียนคิ้วต่อ ศักดิ์จู่ๆ ก็เบรกรถกะทันหันจนไศลาหัวทิ่ม ไศลาวีนแตก
“โอ๊ย...นายศักดิ์ จะเบรกทำไมไม่บอกกันก่อน”
ศักดิ์หน้าเสีย
“ขอโทษครับคุณไศลา พอดี...ผมเห็นด่านตำรวจข้างหน้าน่ะครับ ผมก็เลยตกใจ”
ไศลางง
“ตกใจด่านเนี่ยนะ จะตกใจทำไม รีบไปได้แล้ว”
ศักด์ยังลังเล ไม่กล้าออกตัวรถ
“เอ่อ...คุณไศลาครับ เรามีทางอื่นจะไปได้อีกมั้ยครับ”
ไศลาปิดแป้งพัฟอย่างเซ็งสุดขีด
“มี...แต่ไม่ไป เพราะทางนี้ใกล้สุดแล้ว วันนี้ทำไมเรื่องเยอะนัก หรือต้องให้ฉันขับ”
ไศลาทำท่าขยับจะลงจากรถไปขับแทนศักดิ์จริงๆ ศักดิ์รีบยกมือห้าม
“ไม่เป็นไรครับ ผมขับเองครับ”
ศักดิ์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วขับรถออกตัวไปอย่างกังวล
ธีรธรอยู่บนรถตู้ ด่านตรวจ กำลังคุยกับผู้การเสริมพงษ์ ผ่านคอมพิวเตอร์
“สรุปว่าท่านต้องการให้ผมขยายผลการจับกุมครั้งนี้ เพื่อโยงไปถึงเอเยนต์รายใหญ่อย่างนายชูชิตและผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด”
เสริมพงษ์พยักหน้า
“เราต้องการรู้ว่าแบ็คอัพใหญ่ของนายชูชิตคือใคร ถ้าเราทำสำเร็จ ก็เท่ากับว่าเราสามารถโค่นองค์กรค้ายาบ้าใหญ่สุดในประเทศได้เลย”
เสริมพงษ์ส่งรูปรถต้องสงสัยให้ธีรธรดู หน้าจอขึ้นเป็นรูปรถสปอร์ตคันหนึ่ง สีดำเงา ดูโฉบเฉี่ยวสมราคา ธีรธรใช้นิ้วสไลต์รถดูรอบๆ คัน บางส่วนของรถขึ้นไฮไลท์สีแดงกะพริบๆ เสริมพงษ์อธิบาย
“สีแดงคือจุดสายรายงานว่าคนร้ายทำการซุกซ่อนยาบ้าไว้”
“ถึงกับเจาะตัวถังรถสปอร์ตยัดกันเลยทีเดียว ลงทุนจริงๆ”
“ธุรกิจบังหน้าของนายชูชิตคือค้าขายรถยนต์ และนอกจากเป็นเอเย่นต์ค้ายาแล้ว หมอนี่ยังมีธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ อีกเพียบ”
หน้าจอมีจอเล็กของตำรวจแทรกขึ้น จ่านิดรายงาน
“ขออนุญาตครับผม ขณะนี้รถต้องสงสัยได้เข้ามาอยู่ในรัศมี 1 กม. ของด่านเราแล้วครับผม”
ธีรธรสั่งการ
“ดีมากจ่า บอกทุกคนเตรียมพร้อมได้เลย”
ศักดิ์ขับรถเข้ามาจอดที่ด่าน ตำรวจเดินตรงมาที่รถ
“ขออภัยในความไม่สะดวกครับ เราได้รับรายงานว่าจะมีการขนส่งยาเสพติด ขอความร่วมมือให้ลงจากรถเพื่อให้เจ้าหน้าทำการตรวจค้นรถด้วยนะครับ”
ศักดิ์อึกอัก ทำอะไรไม่ถูก ไศลาหงุดหงิดดูนาฬิกาข้อมือ
“นี่ต้องตรวจละเอียดกันขนาดนั้นเลยเหรอ”
ธีรธรกับจ่านิดและตำรวจอีกคนเดินตรงมารถ ไศลากำลังปลดเข็มขัดนิรภัยจะลงจากรถ. ศักดิ์เครียด
“คุณไศลา”
“มีอะไรนายศักดิ์”
ศักดิ์ตัดสินใจกระชับพวงมาลัย เหยียบคันเร่ง ขับรถแหกด่านออกไปด้วยความเร็วสูง
ไศลาหน้าเหวอหลังติดเบาะเพราะแรงกระชากของรถ ธีรธรกับลูกน้องทั้งหมดแตกกระเจิงหลบรถของไศลา
พอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งขึ้นรถตำรวจขับตามไปทันที
ศักดิ์ตั้งใจขับรถหนีตำรวจ และต้องคอยปาดซ้ายขวาหลบรถคันอื่นบนถนน เข็มความเร็วรถขึ้นไปถึง 140 ไศลาตัวติดเบาะ มือจับจับตรงประตูแน่น
“นายศักดิ์ รู้หรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่”
“เราไม่มีทางเลือกนะครับคุณไศลา”
“ไม่มีทางเลือก...หรือว่านี่นายกล้าใช้รถคุณชูชิตขนยาเหรอ นายนี่มันเลวมากเลยนะ จอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันต้องส่งตัวนายให้ตำรวจ”
ศักดิ์ไม่ยอมจอด ยังคงเร่งเครื่องพุ่งทะยานไปข้างหน้า เข็มความเร็วยังคงขึ้นไปเรื่อยๆ
“ฉันบอกให้หยุดรถเดี๋ยวนี้”
ศักดิ์เหลืออด
“อย่าทำอะไรโง่ๆ ดีกว่าคุณไศลา ถ้าผมถูกจับ คุณชูชิตก็ต้องไม่รอด ยังไงตำรวจต้องสาวถึงตัวคนสั่งอยู่ดี”
ไศลาหน้าชาด้วยความตกใจและคาดไม่ถึงคนรักของตัวเองจะกลายเป็นพ่อค้ายาเสพติดไปได้ เธอไม่เคยระแคะระคายมาก่อนเลยจริงๆ
รถธีรธรขับรถไล่ตามรถไศลาอย่างไม่ลดละ แต่ก็ทำได้ในระยะห่างพอสมควร เนื่องจากสมรรถนะของเครื่องยนต์มันผิดกันมาก ธีรธรหยิบ ว. ในรถขึ้นมาสั่งการ
“ขณะนี้มีรถผู้ต้องสงสัยขนยาเสพติด เป็นรถสปอร์ตสีดำ ป้ายแดงทะเบียน กข 8999 ขับแหกด่านตรวจถนนพระราม 5 มุ่งตรงไปทางเส้นวงแหวนรอบนอก ขอกำลังเสริมตั้งด่าน สกัดและตามจับด้วย ผู้ต้องสงสัยในรถมีสองคน เป็นชายหนึ่งคนเป็นคนขับ มีผู้หญิงนั่งหน้าคู่กันอีกหนึ่งคน ขอให้จับเป็น เพราะต้องการขยายผลการจับกุมและขอให้เจ้าหน้าทุกท่านใช้ความระมัดระวังขณะปฏิบัติหน้าด้วย”
รถไศลาพุ่งตรงมาอย่างเร็ว เห็นรถตำรวจจอดขวางอยู่กลางถนน ศักดิ์ตัดสินใจเลี้ยวกลับเพื่อหนีไปทางเดิม ก็เจอรถตำรวจขับตามมาอยู่แล้วอีก 2 คัน ศักดิ์ตัดสินใจจอดรถ
รถตำรวจ 2 คันข้างหน้าวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ศักดิ์เร่งเครื่องรถรอดังสนั่น ไศลาเอามือปิดหน้าด้วยความหวาดเสียว คิดว่าศักดิ์คงจะดับเครื่องชนแน่ๆ รถตำรวจใกล้เข้ามาในระยะหวังผล ศักดิ์หยิบปืนขึ้นเล็งแล้วยิงใส่ยางหน้ารถตำรวจทั้งสองคัน ธีรธรตกใจ
“จ่า เบรก”
รถตำรวจทั้งสองคัน ยางหน้าระเบิดจนเซเสียหลักกระแทกกันไปมาจนเสียขบวน ศักดิ์เร่งเครื่องยนต์ พุ่งเข้าหาช่องว่างเกิดจากการเสียหลักของรถตำรวจทั้งสองคันออกจากวงล้อมไปได้อย่างฉิวเฉียด รถตำรวจคันจอดรออยู่ก่อนก็ไม่สามารถขับตามศักดิ์ไปได้ เพราะติดรถของพวกตัวเอง 2 คันมาขวางกว่าความชุลมุนของฝั่งตำรวจจะยุติ ศักดิ์และไศลาก็หนีไปได้ไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับไปตามทัน ธีรธรลงมาจากรถมองตามท้ายรถไศลาอย่างเจ็บใจ หัวเสียสุดๆ ธีรธรโมโหจนเงื้อมือขึ้นตบกระโปรงหน้ารถดัง ปัง !
ชูชิตฟาดลงโต๊ะทำงานอย่างแรงดัง ปัง !
“ทำงานภาษาอะไรวะ ถึงได้ปล่อยให้ไอ้พวกตำรวจรู้ได้”
ศักดิ์ก้มหน้าสำนึกผิด
“ผมขอโทษครับนาย ผมไม่รู้จริงๆครับว่าพวกมันรู้กันได้ยังไง”
ชูชิตตบหัวศักดิ์
“ก็หัดฉลาดให้มันมากกว่านี้สิ...ไอ้โง่ จะไปตายไหนก็ไป ไม่ต้องมาคอยเสนอหน้าอีกนะ เห็นแล้วมันขึ้น”
ศักดิ์จ๋อยสนิทเดินกลับไปเปิดประตูจะออกจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน...แล้วตอนนี้คุณไศลาอยู่ไหน”
เย็นนั้น ชูชิตขับรถมาจอดหน้าบ้านไศลา ที่เบาะหน้ามีดอกไม้ช่อโตวางอยู่ ชูชิตดับเครื่องกำลังจะลงจากรถ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูเบอร์อย่างหนักใจ
“จะโทรมาทำไมตอนนี้วะ” เขากดรับสาย ปรับเสียงประจบสุดฤทธิ์ “สวัสดีครับนาย ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมยินดีรับใช้ครับ”
เสียงดุลยศักดิ์ นายใหญ่แก๊งค้ายา ดังมาจากปลายสาย
“เรื่องวันนี้เคลียร์ได้เรียบร้อยดีใช่มั้ย”
“เรียบร้อยแล้วครับนาย รับรองว่าพวกตำรวจไม่มีทางต่อยอดมาถึงเราได้แน่นอนครับ”
“แล้วไอ้เด็กทำงานพลาด มันเป็นยังไงบ้าง”
“ผมสั่งให้มันเก็บตัวยาวเลยครับนาย ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ทำเรื่องขนาดนี้ ยังคิดจะเลี้ยงมันไว้อีกเหรอ”
“ไอ้ศักดิ์มันยังใหม่ แล้วนี่ก็ผิดครั้งแรก ให้โอกาสมันหน่อยเถอะครับนาย”
ดุลยศักดิ์เสียงเย็น
“ฉันเคยเตือนแล้วใช่มั้ยว่าถ้าแกรักจะโตทางนี้ ต้องเลิกใจอ่อน”
ศักดิ์เสียงลอดเข้ามาในโทรศัพท์
“นายครับ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วยครับนาย”
ชูชิตได้ยินเสียงปืนดัง ปัง 3 นัดติด เสียงศักดิ์เงียบหายไปหลังเสียงปืน ชูชิตอึ้ง พูดไม่ออก
“คราวนี้เห็นว่าพลาดครั้งแรก ยังเหลือเมียไว้ให้ แต่คราวหน้าพลาดอีกล่ะก็ แม้แต่ชีวิตแกเอง...ก็จะไม่มี”
ดุลยศักดิ์หัวเราะสะใจแล้ววางสายไปดื้อๆ ชูชิตแค้น
“ไอ้แก่เอ๊ย...อย่าให้ถึงคราวเราบ้างก็แล้วกัน”
สุทธิพงษ์นั่งเล่นวิดีโอเกมอยู่หน้าทีวี อรชรนั่งเล่นโน้ตบุ๊คอยู่โต๊ะกินข้าว มีดารณีนั่งทำการบ้านอยู่ข้างๆ ชูชิตเดินยิ้มแย้มเข้ามาในบ้านพร้อมดอกไม้ช่อโต อรชรยิ้มหน้าบานอย่างตื่นเต้น
“เป็นไงบ้างทุกคน แล้วนี่พี่ไศลาอยู่ไหนล่ะ”
อรชรเบ้ปากทำหูทวนลมเล่นคอมต่อไป สุทธิพงษ์ก็เอาแต่สนใจเกมตรงหน้าดารณีต้องเงยหน้ามาบอก
“พี่ไศลาอยู่ในห้องนอน เห็นบ่นว่าปวดหัว ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน”
ไศลาเดินลงมาพอดี
“ชิต คืนนี้ว่างหรือเปล่า พาไศออกไปกินข้าวหน่อยสิ”
ชูชิตยิ้มหน้าบาน
“ได้เลย ไศอยากทานร้านไหน เดี๋ยวชิตจัดให้”
ไศลาดูเนือยๆ
“ออกไปก่อนแล้วค่อยคิดก็แล้วกัน”
ชูชิตยื่นดอกไม้ให้ ไศลารับแล้ววางไว้บนโต๊ะกินข้าวแล้วเดินนำออกไป ชูชิตรีบเดินตามออกไปติดๆ อรชรจู่ๆ ก็ลุกขึ้นทำกระฟัดกระเฟียดปึ้งปั้งเก็บโน้ตบุ๊คจนช่อดอกไม้ของไศลาตกก็ไม่ยอมเก็บแล้วเดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดไปข้างบน ดารณีส่ายหัวเอือมๆ
ในร้านอาหารบรรยากาศโรแมนติค ไศลานั่งเงียบเขี่ยข้าวไปมา ชูชิตคอยตักนั่นตักนี่ให้เอาใจตลอดเวลา
“ไศเป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่ขึ้นรถมา ยังไม่พูดกับชิตเลยซักคำ”
ไศวางช้อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่มน้ำตารื้น เสียงสั่น
“ชิต เราเลิกกันเถอะนะ”
ชูชิตตะลึง
“เลิกกัน...ทำไมต้องเลิกกันล่ะ ก็เรายังรักกันดีอยู่นี่”
ไศลาหยิบกระดาษมาเช็ดน้ำตา พยายามข่มอารมณ์
“ชิตพูดเหมือนไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ชิตรู้มั้ยว่าไศเกือบจะต้องตายเพราะชิต แล้วถ้าไศตายไป น้องๆ จะอยู่กันยังไง”
ชูชิตจับมือไศลามากุมไว้
“ชิตขอโทษ ชิตผิดไปแล้ว”
ไศลาดึงมือกลับ ปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“แต่นั่นมันยังไม่เจ็บเท่ากับชิตหลอกใช้ไศ ตลอดเวลาคบกันมาไศไว้ใจชิตมาตลอด แต่ชิตทำเหมือนกับว่าไศโง่มาก โง่หลงเชื่อชิตทุกอย่าง ไศไม่เข้าใจ ชิตต้องการอะไรจากไศกันแน่”
ชูชิตน้ำตาไหล กอดไศลาไว้
“ชิตไม่ได้ต้องการอะไรจากไศเลย ชิตแค่พยายามทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของเรา”
“เพื่ออนาคตของเราเหรอ ทั้งๆ ชิตก็รู้ว่าคุณพ่อของไศต้องตายเพราะไปรบกับพวกค้ายา แล้วชิตก็รู้ว่าไศเกลียดเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน แต่วันนี้ชิตกลับบอกว่าทำเพื่ออนาคตของเรา ชิตคิดว่าไศจะดีใจมากใช่มั้ยได้ยินชิตพูดแบบนี้”
“ไศลาฟังชิตอธิบายก่อนนะ”
ดารณีนั่งเตรียมของไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้นอยู่โต๊ะอาหาร อรชรเดินลงมาจากข้างบนมาไปเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้วเดินมานั่งโต๊ะด้วย
“นี่พี่ชิตยังไม่มาส่งพี่ไศอีกเหรอ”
ดารณีมองนาฬิกาบอกเวลา 22.30 น.
“ยังเลย เดี๋ยวก็คงมาแล้วมั้ง”
“ไม่รู้ว่าอย่างพี่ไศนี่มีดีอะไรนะ พี่ชิตถึงได้ทั้งรักทั้งเอาใจมากมาย หน้าตาก็พื้นๆ เรียนก็ไม่จบ อย่างพี่ชิตน่าจะหาได้ดีกว่านี้เยอะ”
“แรงไปหรือเปล่าพี่อร ยังไงพี่ไศก็เป็นพี่เรานะ พูดอะไรก็น่าจะเกรงใจกันบ้าง”
“ฉันก็เป็นพี่แกนะ ทำไมไม่หัดเกรงใจบ้างล่ะ ชอบมาทำตัวเป็นแม่อยู่เรื่อย”
“อยากให้คนอื่นเกรงใจ ก็หัดทำตัวเองให้มันน่านับถือสิ”
อรชรปรี๊ดแตก เขวี้ยงแก้วในมือเฉี่ยวหน้าดารณีไปโดนกำแพงแตกกระจาย ดารณีตะลึงอรชรกล้าทำขนาดนั้น
“ถ้ายังไม่เลิกปากดีใส่ฉันอีก มันจะไม่ใช่แค่เฉี่ยวแน่”
ดารณีปาดน้ำตาเก็บของบนโต๊ะแล้วลุกเดินขึ้นข้างบน ทั้งโกรธทั้งผิดหวังที่พี่กล้าทำกับเธอขนาดนี้ อรชรอึ้งเห็นดารณีร้องไห้ อยากจะขอโทษ แต่พูดไม่ออก อรชรเดินไปเก็บเศษแก้วแตก แล้วจะเอาเศษแก้วไปทิ้ง ระหว่างทางคิดแผนชั่วขึ้นมาได้ อรชรเอาเศษแก้วเล็กๆ บางส่วนไปยัดในรองเท้าใส่อยู่บ้านของไศลา
“สำหรับแก ไศลา โทษฐานเป็นสาเหตุของเรื่องแย่ๆทั้งหมด”
ไศลากับชูชิตยังอยู่ในร้านอาหาร
“มองตาฉันแล้วตอบมา วันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกคุณหลอกใช้ฉันไปทำเรื่องชั่วๆ ใช่มั้ย”
ชูชิตหลบสายตาไศลา พูดไม่ออก ไศลาปาดน้ำตาไหลด้วยความเจ็บใจ
“พอเถอะชิต ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก”
ชูชิตจับมือไศลาไว้
“ไศ ให้โอกาสชิตอีกซักครั้งนะ จะให้ชิตทำ ยังไงก็ได้ ขอแค่ให้ไศยกโทษให้ ชิตยอมทำทุกอย่าง”
ไศลาจ้องตาชูชิตอย่างเด็ดเดี่ยว
“งั้นชิตก็ต้องเลิกทำงานชั่วๆที่ทำอยู่ ชิตเลิกได้มั้ยล่ะ”
“เลิกได้สิ เลิกได้แน่ๆ...แต่ขอเวลาชิตอีกหน่อยนะ ตอนนี้ชิตยังไม่พร้อม”
ไศลาดึงมือออกจากชูชิต จะลุกขึ้นยืน แต่ชูชิตยังรั้งไว้
“ไศลาลองคิดดูดีๆ นะ น้องๆ ยังเรียนอยู่ทั้งนั้นเลย เราต้องใช้เงินอีกเยอะ ถ้าให้ชิตเลิกตอนนี้ เราจะพากันลำบากนะ ครอบครัวไศลาก็คือครอบครัวชิต ไศลาก็รู้ว่าชิตจริงใจกับไศลาแค่ไหน แล้วอีกอย่างถ้าชิตเลิกตอนนี้ ไอ้พวกนั้นมันไม่ปล่อยชิตไว้แน่ ไศลารู้มั้ยว่าตอนนี้ศักดิ์มันโดนฆ่าตายไปแล้ว เพราะมันทำงานวันนี้พลาด”
“คงต้องให้ศพต่อไปเป็นฉันก่อนสินะ คุณถึงจะพอใจ”
ไศลาลุกขึ้นยืนหยิบเงินในกระเป๋าวางบนโต๊ะ
“มื้อสุดท้าย ฉันขอจ่ายเองนะ เก็บเงินสกปรกๆ ของคุณไว้เถอะ”
ไศลาเดินออกไปจากร้าน ไม่สนใจชูชิตพยายามรั้งไว้แม้แต่น้อย
ฝั่งบาร์เหล้าในร้านเดียวกัน ธีรธรนั่งกึ่มกระดกเหล้าเพียวๆ แก้เครียดอยู่หน้าบาร์ ธีรธรไม่ทันสังเกตเห็นไศลาเดินออกมาเรียกแท็กซี่หน้าร้าน ทันเห็นแต่ชูชิตวิ่งไล่ตามเคาะกระจกแท็กซี่อย่างบ้าคลั่ง ธีรธรยิ้มเยาะ
“มานั่งร้านนี้ทีไร ทำไมเจอแต่ผู้ชายอกหักวะ เห็นแล้วเซ็ง”
ธีรธรหันไปเรียกบาร์เทนเดอร์
“น้อง ออนเดอะร็อคอีกแก้ว...เดี๋ยวๆ สามเลยดีกว่า คืนนี้พี่จัดหนัก”
รถแท็กซี่จอดหน้าบ้าน ไศลาลงจากรถไขกุญแจประตูรั้วเห็นไฟในบ้านยังเปิดอยู่ก็รู้ว่าน้องยังไม่นอน ก่อนจะเปิดเข้าประตูบ้าน ไศลายืนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เอามือปาดน้ำตา ลูบหน้าลูบตาจัดทรงผมให้ดูดีที่สุดก่อนเข้าบ้าน ไศลาเปิดประตูเข้ามาในบ้าน เห็นอรชร สุทธิพงษ์ ดารณีนั่งเรียงกันอยู่โซฟาหน้าทีวี
“ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนกันอีก”
อรชรหันมา
“ก็มานั่งรอพี่นั่นล่ะ เป็นห่วง เห็นว่าไม่ค่อยสบาย ยังจะออกไปข้างนอกอีก”
ไศลาซึ้งใจจนน้ำตาคลอ แต่พยายามกลั้นไว้
“พี่ไม่ได้เป็นไรแล้วซักหน่อย”
ไศลาหยิบรองเท้าใส่ในบ้านมาใส่แล้วร้องเสียงดังมาก ทุกคนรีบวิ่งไปดู เห็นไศลายืนเขย่งเท้าเลือดไหลโชก อรชรรีบออกตัวสั่งการ
“พงษ์ ดารีบเข้าไปพยุงพี่ไศลาไปนั่งโซฟาเร็ว”
ดารณีกับสุทธิพงษ์เข้าไปประคองไศลาไปนั่งโซฟา อรชรเดินเข้ามาพร้อมกล่องยาและอุปกรณ์ทำแผล ดารณีขยับจะทำแผลให้ อรชรขัดขึ้น
“ไม่ต้องหรอกดา เดี๋ยวพี่ทำเอง”
ดารณีชะงักถอยไม่อยากยุ่ง เพราะยังเคืองอรชรอยู่ สุทธิพงษ์มองแผล
“แผลแบบนี้น่าจะโดนแก้วบาด พี่ไศลาไปเหยียบเศษแก้วไหนมา”
“น่าจะอยู่ในรองเท้าใส่ในบ้านนี่ล่ะ แต่ไม่รู้ว่าไปเหยียบติดมาตอนไหน”
ดารณีพูดแบบรู้ทัน
“หรือว่าจะมีคนตั้งใจทำร้ายพี่ไศลา”
อรชรสะดุ้งเล็กๆ แต่ยังเนียนทำแผลต่อไป
“พูดไปเรื่อยน่ะดา บ้านนี้ก็มีแต่ครอบครัวเรา จะมีคนคิดร้ายกันได้ยังไง ดาเองนั่นล่ะ อย่าซุ่มซ่ามทำอะไรแตกหักบ่อยนัก อรกับพงษ์ก็เหมือนกัน พี่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านยังโดนได้ จะเดินจะหยิบอะไร ก็คอยดูให้ดีๆ”
อรชรทำแผลเสร็จพอดีเก็บของแล้วลุกขึ้น
“งั้นอรไปนอนก่อนนะพี่ไศ พรุ่งนี้มีเรียนเช้า”
“พงษ์ก็เหมือนกัน”
อรชรกับสุทธิพงษ์เดินแยกย้ายกันไปนอน ดารณีมองตามอรชรสายตาชิงชัง ไศลาหันมาบอก
“ดาก็เหมือนกัน ไปนอนได้แล้ว”
“ให้ดาไปนอนด้วยมั้ย ดาเป็นห่วงพี่ไศลา”
“แผลแค่นี้เอง เดี๋ยวก็หาย ไม่เป็นไรหรอก”
“งั้นดาไปนอนก่อนนะ พี่ไศลาดูแลตัวเองดีๆ นะ”
ไศลาดึงดารณีเข้ามากอด
“ขอบใจมากนะ น้องรัก”
ดารณีกอดตอบ
“ไม่เห็นต้องขอบใจเลย ก็เรามีกันอยู่แค่นี้นี่”
ธีรธรไขกุญแจเข้ามาในบ้านแล้วล้มตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง หยิบรีโมททีวีขึ้นมาเปิดในทีวีเป็นรายการข่าวมีไศลาเป็นผู้ประกาศ ธีรธรสะดุ้งโหยงขยี้ตาดูทีวีอีกครั้ง คราวนี้เห็นเป็นผู้ประกาศตัวจริง
“สงสัยจะเมาจริงแฮะเรา ทำไมมองอะไรก็เห็นเป็นหน้าผู้หญิงคนนั้นเต็มไปหมด”
เสียงเตือนอีเมล์เข้าจากโทรศัพท์ของธีรธรดังขึ้น เขาหยิบมาเปิดดู เห็นเป็นเมล์เบาะแสตั้งโชว์รูมรถของชูชิต
“อยู่แถวนี้เองนี่หว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ลองแวะไปดูซักหน่อย”
ธีรธรวางโทรศัพท์แล้วลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
ไศลากำลังจะสวดมนต์ก่อนนอน ได้ยินเสียงเคาะประตู
“เข้ามาได้จ้ะ”
อรชรเดินถือแก้วนมเข้ามาให้
“อ้าว...อร มีอะไรหรือเปล่า”
“พี่ชิตโทรมา ฝากบอกว่าให้พี่โทรกลับ อรก็เลยถือโอกาสเอานมมาให้พี่ดื่มด้วย”
ไศลารับแก้วนมมาวาง อรชรมานั่งข้างๆ
“ขอบใจมากนะอร”
“พี่ทะเลาะกับพี่ชิตเหรอ”
ไศลายกแก้วนมขึ้นดื่ม ทำเป็นไม่ตอบ
“อรถามจริงๆ ทะเลาะกันใช่มั้ย”
ไศลาหยุดดื่ม วางแก้วแล้วถอนหายใจ
“พี่ยังไม่พร้อมจะคุยเรื่องนี้”
อรชรทำเป็นน้อยใจ
“ก็ได้ ถ้าพี่เห็นว่าอรเป็นคนอื่นก็ไม่เป็นไร อรไปนอนละ”
“เดี๋ยวก่อนอร...”
อรชรหันมาหาไศลาอย่างมีความหวัง
“พี่ฝากปิดไฟด้วย แล้วปิดประตูให้สนิทนะ พักนี้ยุงเยอะ”
อรชรเดินเซ็งไปปิดไฟ แต่พอจะออกจากห้อง กลับตั้งใจเปิดประตูแง้มไว้ อรชรสะใจ
“ดูซิว่ายุงมันจะกัดคนหยิ่งเข้ามั้ย”
ไศลาเดินวนในป่าใหญ่อยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ความสว่างทำให้ความกลัวในใจลดลง
ไศลาเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ จนเจอศาลาหลังเล็กๆ หลังหนึ่งอยู่บนเนินเขา เห็นไกลๆ ว่ามีคนนั่งอยู่สองคนในนั้น ไศลาตัดสินใจเดินไปดู เมื่อเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆก็ได้เห็นนักพรตเมฆขาวคนเดิมที่เคยฝันเห็นอยู่บ่อยๆ แต่คราวนี้นักพรตเมฆขาวดูไม่น่ากลัวแล้ว ถึงแม้เขาจะยังนั่งสมาธิหลับตาอยู่ แต่ไศลากลับรู้สึกได้ถึงพลังงานอบอุ่นและปีติวิ่งแล่นเข้าสู่หัวใจยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ยิ่งรู้สึกได้ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชายอีกคนนั่งหันหลังให้ไศลาก็ดูคุ้นตาอย่างประหลาด ไศลาเดินมาถึงหน้าศาลา ผู้ชายนั่งอยู่หน้านักพรตเมฆขาวก็หันมามอง ไศลาดีใจมาก
“คุณพ่อ คุณพ่อจริงๆ ด้วย”
ไศลาวิ่งเข้าไปกอดพ่อด้วยความคิดถึงอย่างสุด พ่อกอดตอบและหอมหน้าผากและแก้มทั้งสองข้างลูกสาวคนโตเหมือนอย่างเคยทำเป็นประจำก่อนเสียชีวิต
“คุณพ่อ ไศลาคิดถึงคุณพ่อมากสุดในโลก”
พ่อหันไปกราบนักพรตเมฆขาว
“หลวงปู่ท่านเมตตาพาพ่อมาพบลูก”
ไศลาชะงัก
“หลวงปู่”
“ใช่แล้ว ไศลากราบท่านเสียสิลูก ท่านเมตตาลูกมากนะ”
ไศลาก้มกราบนักพรตเมฆขาวตามพ่อบอก แต่ก็ยังอดเกรงๆ เมื่อนึกถึงภาพในฝันก่อนๆ หน้านี้น่ากลัวไม่ได้
“คุณพ่อคะ ไศลามีหลายเรื่องอยากจะเล่า อยากจะปรึกษาคุณพ่อ”
“พ่อมีเวลาไม่มาก แต่พ่ออยากให้ลูกรู้ว่า ไม่ว่าจะลูกจะคิด จะทำอะไรก็ตาม อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน และอย่าลืมพ่อเคยสอนลูกเสมอว่า ชีวิตของคนเราจะไม่มีค่าเลย หากไม่รักชาติ ไม่รักแผ่นดิน”
ไศลากราบอกพ่อ
“ลูกขอบคุณคุณพ่อมากค่ะ ลูกจะจำสิ่งที่คุณพ่อบอกไปจนวันตาย”
“พ่อต้องไปแล้ว เข้มแข็งไว้นะลูก จำไว้ว่าความดีเท่านั้นจะคุ้มครองลูกได้”
พ่อหันไปกราบลานักพรตเมฆขาว
“ผมขอกราบลาท่านครับ และขอฝากลูกสาวคนนี้ให้ท่านช่วยปกป้องคุ้มครองแทนผมด้วยนะครับ”
ไศลาโผเข้ากอดพ่อเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาจาก
ไศลามีน้ำตาอาบแก้มสะดุ้งตื่นขึ้นมา หันมองนาฬิกาบอกเวลา 6 โมงตรง เธอหันไปหยิบรูปถ่ายพ่อหัวเตียงมาดูเอานิ้วมือลูบหน้าพ่อด้วยความคิดถึง
“คุณพ่อ”
ดารณีเดินเข้ามาในห้องไม่ได้เคาะประตู เพราะประตูแง้มไว้
“อ้าว พี่ไศลาตื่นแล้วเหรอ”
“ตื่นแล้ว ดามีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า ดาแค่เห็นประตูห้องพี่ไศลาเปิดไว้ เลยลองเข้ามาดู”
ดารณีสังเกตเห็นคราบน้ำตาของพี่สาวก็ตกใจ
“พี่ไศลาร้องไห้ทำไม”
ไศลาส่ายหน้ายิ้มๆ
“เมื่อคืนพี่ฝันถึงพ่อ”
ดารณีเอามือขึ้นแตะหน้าผากพี่สาวเพื่อวัดไข้
“ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย”
“ดา เราไปเตรียมของใส่บาตรให้พ่อกับแม่กันนะ”
ไศลาดึงแขนน้องสาวให้ลุกจากเตียงไปเตรียมของใส่บาตรด้วยกัน ดารณีสังเกตแขนไศลาเป็นจ้ำแดงๆ เต็มไปหมด
“โห...ทำไมพี่ไศลาแขนลายแบบนี้ ดูดิ จุดเต็มตัวไปหมดเลย จะเป็นไข้เลือดออกมั้ยเนี่ย”
อรชรเดินผ่านหน้าห้องได้ยินพอดี เดินยิ้มผ่านไปด้วยความสะใจ
ไศลาอยู่ในห้องพระ กราบพระพุทธเสร็จ ก็เขยิบมากราบกระดูกของพ่อกับแม่ ที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะหมู่บูชา ไศลาเอาพวงมาลัย 2 พวงไปวางหน้าโกศของพ่อกับแม่คนละพวงแล้วพนมมือ
“คุณพ่อ คุณแม่คะ วันนี้ลูกจะขอไปทำหน้าที่คนดี ทำในสิ่งถูกต้อง คุณพ่อ คุณแม่ช่วยเป็นกำลังใจ และคุ้มครองลูกสาวคนนี้ด้วยนะคะ”
โปรดอ่านต่อหน้า 3
กุหลาบไฟ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ที่บริเวณด้านหลังโชว์รูมรถ ชูชิตเดินสำรวจรถที่บ๊วยนายหน้าขับมาส่งให้อย่างพอใจมาก ลูกน้องชูชิตยืนประกบบ๊วยอยู่ 2 คน
“ก็ดูโอเคนะ แล้วจะปล่อยเท่าไหร่”
“รถใหม่ป้ายแดง ขอซักแปดแสนแล้วกันพี่”
“เฮ้ย...แพงไปมั้งบ๊วย กว่าจะขายได้ พี่ต้องทำอีกเยอะ”
“โหพี่ชิต... รุ่นนี้เค้าแย่งออเดอร์กันจะแย่ แล้วคันนี้แทบไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากเอกสารนิดๆ หน่อยๆ”
ชูชิตมองรถอย่างชั่งใจว่าจะเอาไงดี
“หกห้าแล้วกันนะ”
บ๊วยส่ายหัว
“ถ้าพี่ชิตสู้ไม่ไหว ผมว่าไว้คราวหน้าแล้วกันนะพี่”
“โอเค ถ้าเปลี่ยนใจยังไงก็โทรมาแล้วกัน”
บ๊วยเปิดประตูจะขึ้นรถ ชูชิตหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้อง ชูชิตตกใจเมื่อหันกลับมาเห็นปืนบ๊วยจ่ออยู่ที่คอ
“อย่าคิดไม่ซื่อกับผมดีกว่าพี่ชิต”
ชูชิตพยักหน้าเข้าใจ ทำเป็นยกสองมือขึ้นยอมแพ้ แต่เปลี่ยนเป็นล็อคข้อมือบ๊วยไปกระแทกกับตัวถังรถจนปืนหลุดออกจากมือ ชูชิตต่อยเข้าที่ท้องและหน้าของบ๊วยอย่างแรงชุดใหญ่ด้วยความโมโหจนบ๊วยทรุดลงไปกองกับพื้น ชูชิตเดินมาใช้เท้าเขี่ยปืนส่งไปทางลูกน้อง
“รีบจัดการแล้วเคลียร์ศพให้เรียบร้อย ส่วนรถนี่เอาไปล้างแล้วส่งทำสีเลยนะ อย่าลืมบอกให้ไอ้อู๊ดจัดการเรื่องเปลี่ยนทะเบียนด้วย”
ชูชิตเดินกลับไปทางออฟฟิศ ได้ยินเสียงร้องขอชีวิตจากบ๊วยและเสียงปืนดังจากข้างหลัง
ธีรธรวิ่งลงมาจากชั้นบนลงมานั่งใส่ถุงเท้าอย่างรีบร้อน กำลังจะเปิดประตูออกจากบ้าน พบกับนิ่มนวล ญาติห่างๆซึ่งมาอยู่ดูแลวงทอง มารดาของเขาที่มีโรคประจำตัวหลายโรค
“มีอะไรเหรอนิ่ม มาหาพี่แต่เช้า”
“คุณป้าให้มาตามพี่ธีไปทานมื้อเช้าด้วยค่ะ”
ธีรธรหันไปดูนาฬิกาที่บอกเวลา 7 โมงเช้า
“วันนี้พี่มีงานด่วนจริงๆ นะนิ่ม ฝากบอกคุณแม่ด้วย”
“แต่ว่าพี่ธีให้คุณป้ารอเก้อมาหลายวันแล้วนะคะ”
ธีรธรมองนาฬิกาข้อมืออย่างชั่งใจ
“วันนี้พี่รีบมากจริงๆ นะ ฝากขอโทษคุณแม่ด้วยนะ”
ธีรธรรีบเดินออกไป ทิ้งให้นิ่มนวลมองตามด้วยความไม่สบายใจ
ไศลายกหม้อข้าวต้มมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร ดารณีถือถ้วยช้อนตามมาจัดวางบนโต๊ะ ไศลาตักข้าวต้มใส่ถ้วยให้ดารณีกับตัวเอง สองพี่น้องนั่งกินมื้อเช้าไปคุยกันไปอย่างมีความสุข เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ดารณีลุกไปรับ
“ฮัลโหล พี่ชิตเหรอคะ”
ไศลาส่งสัญญาณให้ดารณีรู้ว่าไม่อยากคุย
“พี่ไศลายังไม่ตื่นเลยค่ะ ได้ค่ะ...ถ้าตื่นแล้วดาจะรีบบอกให้นะคะ”
ดารณีวางสายแล้วเดินกลับมานั่งกินข้าวต่อที่โต๊ะอาหาร ไศลาแปลกใจที่ดารณีไม่สนใจซักถามอะไร
“ไม่อยากถามอะไรหน่อยเหรอ”
ดารณีพยักหน้า
“อยากถาม แต่อยากให้พี่ไศลาอยากเล่าด้วยมากกว่า”
ไศลาลูบหัวน้องด้วยความเอ็นดู
ธีรธรขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถหน้าสวนสาธารณะ เขาลงจากรถกำลังจะรีบวิ่งเข้าไปในสวนสาธารณะเสียงโวยวายแว่วๆ ดังอยู่ไม่ไกล ธีรธรมองตามเสียงไปเห็นเป็นชายคนหนึ่งกำลังเอามีดจี้และเอามือปิดปากหญิงชราที่มาออกกำลังกายตอนเช้าขู่ให้เอากุญแจรถออกมา
“บอกแล้วไงถ้าไม่อยากตาย...ก็อย่าส่งเสียง เอากุญแจรถมา เร็ว”
ธีรธรค่อยๆ ย่องเข้าไปข้างหลังของโจรแล้วพุ่งเข้าชาร์จจนโจรปล่อยมือออกจากหญิงชรา
แต่มันหันมาเอามีดเหวี่ยงใส่เขา ธีรธรเข้าไปล็อคข้อมือบิดจนมีดหลุดมือ โจรใช้หัวโขกหน้าผากธีรธรอย่างแรงจนมึนผละหงายหลังไป โจรตามไปสอยธีรธรสามหมัดติดๆ แล้วจับหัวจะฟาดกับตัวถังรถ ธีรธรหมุนเอาตัวเองออกมาจากมือโจรได้สำเร็จ เขาตั้งหลักสู้กับโจรจนน็อคโจรลงได้ในที่สุด หญิงชราเข้ามาขอบคุณยกใหญ่ ธีรธรจัดการเรียกตำรวจมารับตัวโจรไป จากนั้นจึงเข้าไปด้านใน พยายามมองหาไศลา แต่ก็ไม่พบ
ไศลากับดารณีช่วยกันล้างจานอยู่ในครัว
“ดาว่าพี่ชิตเขาดีมั้ย”
“ก็ต้องดีสิ ไม่งั้นพี่ไศลาจะเลือกเป็นแฟนเหรอ จริงมั้ย”
ไศลายิ้มแทนคำตอบ
“แล้วถ้าพี่จะไม่ได้เป็นแฟนกับชิตแล้วล่ะ”
ดารณีตกใจ
“อ้าว...ทำไมล่ะ พี่ชิตเขาก็ดีกับพี่ไศลาจะตายไป หรือว่าพี่ดา...มีคนอื่น”
ไศลารีบส่ายหัว
“ไม่มี พี่จะไปมีใครที่ไหนล่ะ”
“แล้วพี่ไศลาไม่รักพี่ชิตแล้วเหรอ”
ไศลาถอนหายใจ
“บางทีแค่ความรักมันก็ไม่พอที่จะทำให้คนอยู่ด้วยกันได้นะดา”
“แล้วตอนนี้...ยังมีโอกาสทำให้ทุกอย่างดีขึ้นมั้ย”
“พี่กำลังพยายามจะทำอยู่ หวังว่า...มันคงจะสำเร็จไปได้ด้วยดี”
ไศลาบอกน้องสาวอย่างเศร้าๆ
รถแท็กซี่คันหนึ่งขับมาจอดหน้าโชว์รูมของชูชิต ธีรธรจ่ายเงินแล้วลงจากรถมายืนมองป้ายโชว์รูมเพื่อเช็คความมั่นใจ ธีรธรเดินตรงเข้าไปในโชว์รูม ทำทีเป็นสนใจจะซื้อรถที่โชว์อยู่
เป้ยกุลีกุจอเดินออกมาต้อนรับ ท่าทีนางสนใจอยากจะให้ธีรธรเป็นมากกว่าลูกค้าอยู่ไม่น้อย เป้ยย่อตัวไหว้อย่างสวยงาม
“สวัสดีค่ะคุณพี่ หนูเซลล์เป้ยนะคะ ไม่ทราบว่าคุณพี่สนใจรุ่นไหนเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่าคะ”
ธีรธรทำเป็นเปิดประตูรถเข้าไปทดลองนั่ง ลองจับพวงมาลัยแต่สายตาคอยสอดส่องลอดกระจกหน้า กระจกมองหลังเพื่อสำรวจสถานที่ทั้งหมด
“รถของเราที่นี่รับประกันความเริ่ด เจิดทั้งคุณภาพและราคาเลยนะคะ”
ธีรธรไม่ได้สนใจฟังเลย แค่อยากจะถ่วงเวลาเพื่อสำรวจเท่านั้น
“ขอดูคันอื่นด้วยได้มั้ยครับ”
“เชิญทางนี้เลยค่ะคุณพี่”
ธีรธรกำลังจะเดินไปตามทางที่เป้ยชี้ พลันสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับไศลา
ที่กำลังเดินเข้ามาในโชว์รูมมุ่งตรงไปที่ส่วนออฟฟิศด้านหลังอย่างรวดเร็ว ธีรธรมองตามไศลาอย่างไม่คลาดสายตา เป้ยกระแอม
“คุณพี่คะ เชิญทางนี้ค่ะ”
“อ๋อ...เอ่อน้องผู้หญิงที่เดินผ่านไปเมื่อกี้ทำงานที่นี่หรือเปล่าครับ”
“อ๋อ...คุณไศลา เป็นแฟนคุณชูชิต เจ้านายเป้ยเองค่ะ”
ธีรธรอึ้งไปที่มาเจอจุดไต้ตำตอว่าไศลาเป็นแฟนของชูชิต
“งั้นตกลงผมเอาคันนี้เลย ตอนนี้มีโปรโมชั่นอะไรบ้างมั้ย”
เป้ยแสนดีใจที่ปิดการขายได้
“มีมากมายให้เลือกเลยค่ะคุณพี่ รับตุ๊กตาหน้ารถน่ารักอย่างเป้ยไปด้วยเลยก็ได้นะคะ”
ธีรธรทำเป็นไม่ได้ยิน
“วันนี้อากาศร้อนมากเลยนะครับ”
เป้ยแอบแป้ก
“ถ้างั้นเดี๋ยวเชิญคุณพี่ไปนั่งรอในออฟฟิศก่อนนะคะ เดี๋ยวเป้ยจะได้รีบเตรียมเอกสารให้คุณพี่ดู”
เป้ยพาธีรธรมานั่งที่โซฟารับแขก ธีรธรพยายามสำรวจไปรอบๆ เขามองเห็นบันไดขึ้นชั้นบนจัดแจงย้ายที่นั่งของตัวเองให้เป็นมุมที่เห็นคนขึ้นลงบันไดตลอดเวลา เป้ยเอาน้ำมาให้ ธีรธรทำเป็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา
ไศลาเดินลงบันไดมาได้เกือบครึ่งทางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นชูชิตเปิดประตูออฟฟิศเข้ามาพอดี ไศลารีบย้อนกลับขึ้นไปข้างบน ชูชิตเดินแวะมาหยิบแฟ้มทำงานที่โต๊ะลูกน้องแล้วเดินขึ้นบันไดไปอย่างไม่ทันสังเกตเห็นอะไร ธีรธรมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมไศลาต้องหลบชูชิตแบบนั้น
ไศลาเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของชูชิต พยายามปิดให้เบาที่สุด เธอกวาดตามองทั่วห้องหาที่ซ่อนให้เร็วที่สุด เสียงเดินขึ้นบันไดของชูชิตใกล้เข้ามาทุกที จนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง ชูชิตเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง พยายามเดินหา แต่ก็ไม่รู้ว่าตรงไหน เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วเริ่มเซ็นเอกสารทันที
ใต้โต๊ะทำงานของชูชิต ไศลานั่งคุดคู้บีบตัวเองให้เป็นก้อนกลมๆ ให้พ้นจากขาของเขาที่อาจจะเหวี่ยงมาเตะจนทำให้ความแตกได้ ชูชิตเปลี่ยนท่านั่งหลายรอบ ทำให้ไศลาที่ซ่อนอยู่ต้องคอยหลบตามตลอดเวลา ชูชิตยืดขาสุดแก้เมื่อย ปลายเท้าเฉี่ยวโดนเข่าของไศลานิดหนึ่งแต่ก็พอทำให้เขารู้สึกสะดุดจนตัดสินใจก้มลงดู สายตาไศลาเห็นชูชิตก้มตัวลงจนอีกนิดเดียวจะเห็นตัวเอง
ธีรธรพิมพ์ข้อความลงไปในโทรศัพท์ คอยจับตาดูไศลาไประหว่างรอสังเกตการณ์ หน้าจอโทรศัพท์ใช้โปรแกรมสนทนา คุยโต้ตอบกับจ่านิด
“หมี่เหลืองแล้วจ่า”
“มีอะไรเหรอครับผู้กอง”
“ก็คนสวยที่จะเป็นแม่ของลูกจ่าในอนาคตน่ะสิ...เป็นแฟนของนายชูชิต”
จ่านิดส่งภาพการ์ตูนแสดงอารมณ์อกหักมาให้
“แล้วตอนนี้ผู้กองอยู่ที่ไหนครับ”
“โชว์รูมของนายชูชิต”
ไศลาลุ้นตัวโก่งเมื่อช๔ชิตก้มลงมา เสียงโทรศัพท์มือถือของชูชิตดังขึ้น ชูชิตหันไปรับโทรศัพท์ ไศลาแอบถอนหายใจโล่งอกสุดๆ ชูชิตลุกออกไปจากโต๊ะ เดินไปเดินมาคุยอยู่ในห้อง
“สวัสดีครับนาย จะให้ผมเข้าไปคุยเรื่องของล็อตใหม่พรุ่งนี้ ได้ครับนาย ของที่เพิ่งมาตอนนี้อยู่ที่เดิมครับ ถ้านายอยากให้ย้ายที่ ผมว่ารออีกซักพักดีกว่ามั้ยครับ จริงๆ ที่อู่ผมก็ไม่ให้ใครเข้าไปวุ่นวายอยู่แล้ว ลูกน้องผมก็จัดเวรยามเฝ้าไว้อย่างดี ผมอยากรอให้เรื่องมันเงียบกว่านี้อีกหน่อยครับนาย พรุ่งนี้พบกันครับ สวัสดีครับ”
ไศลาตั้งใจฟังชูชิตคุยโทรศัพท์เต็มที่ ชูชิตวางสายแล้วทำท่าจะกลับมานั่งเคลียร์งานแต่เปลี่ยนเป็นหันไปเข้าห้องน้ำแทน ไศลารีบฉวยโอกาสออกจากที่ซ่อน
โทรศัพท์เป้ยที่วางอยู่ตรงหน้าธีรธรดังขึ้น เป้ยเดินมาหยิบโทรศัพท์ไปรับสาย ขณะที่ไศลาวิ่งลงมาจากชั้นบนแล้ววิ่งออกไปทางประตูหลังของออฟฟิศ ธีรธรจะรีบลุกตามไศลาไป แต่เป้ยเดินเอาเอกสารการซื้อรถมาให้ดูก่อน
“เอ่อ...ขอเข้าห้องน้ำก่อนได้มั้ยครับ”
“ได้สิคะ แต่ต้องรบกวนคุณพี่ไปใช้ห้องน้ำลูกค้าที่โชว์รูมนะคะ”
ธีรธรพยักหน้าแล้วรีบวิ่งตามไศลาไปทางประตูหลังของออฟฟิศ
ไศลาวิ่งไปทางหน้าโชว์รูม แล้วรีบโบกแท็กซี่ ธีรธรวิ่งตามมาไม่ไกล ไศลาขึ้นรถแท็กซี่แล้วออกตัวไป ธีรธรรีบโบกแท็กซี่ตามไป
ไศลาขึ้นรถแล้วบอกปลายทาง
“ไปเพชรเกษม 42 ค่ะ”
แท็กซี่ขับไปเรื่อยๆ คนขับเริ่มหยิบวาเปกซ์ขึ้นมาดม มาถูมือ เอามืออังไปที่ช่องแอร์ ไศลาเริ่มรู้สึกมึนหัวแปลกๆ จะหลับเสียให้ได้ คนขับหันมาถาม
“จะเป็นลมเหรอน้อง เดี๋ยวพี่เร่งแอร์ให้นะ”
คนขับปรับแอร์ให้แรงขึ้นอีก ไศลาเริ่มรู้สึกถึงความมีพิรุธมากขึ้นเรื่อยๆ พยายามกลั้นลมหายใจ
“พี่คะๆ เดี๋ยวพี่จอดข้างหน้านี้เลยค่ะ”
“จะรีบลงไปไหนล่ะน้อง อีกตั้งไกล ถ้าง่วงก็หลับไปก่อนได้เลย เดี๋ยวถึงแล้วพี่ปลุกฟรี ไม่คิดเงิน”
ไศลาเริ่มจะทนไม่ไหว ตัดสินใจเฮือกสุดท้าย เปิดประตูรถจะกระโดดลงกลางถนน คนขับตกใจรีบหักเข้าช่องซ้ายกะทันหันเพื่อจอดรถ...ธีรธรอยู่บนรถแท็กซี่อีกคันที่ตามมาเห็นไศลาเปิดประตูจะโดดลงตั้งแต่แรกก็ตกใจมาก เขารีบบอกคนขับ
“พี่ๆ เดี๋ยวชิดซ้ายแล้วจอดเลยครับ”
คนขับเปลี่ยนช่องไม่ทัน เพราะข้างหลังมีรถต่อเนื่อง จึงขับไปจอดเลยไป ธีรธรรีบจ่ายเงินแล้วลงจากรถวิ่งย้อนไปหาไศลาทันที
ไศลาพยายามจะลงจากรถคนขับ รีบลงมาผลักให้กลับไปอยู่ในรถ แต่ไศลาไม่ยอมคนขับกับไศลาเกิดการยื้อกันอยู่ที่ประตูรถ ธีรธรวิ่งมาถึงตรงเข้าไปกระชากคนขับออกจากประตูรถ เขาเห็นไศลาเริ่มหมดสติก็เปิดประตูจะพาเธอออกมา คนขับชกหน้าธีรธรเข้าอย่างแรงจนเซถอยไปคนขับตะคอกเสียงดัง
“เรื่องของผัวเมีย คนอื่นอย่าแส่”
ธีรธรสวนหมัดกลับไปให้คนขับไปหนึ่งดอก คนขับและธีรธรเกิดการบู๊กันชุดใหญ่ คนขับเริ่มเสียท่าโดนธีรธรต่อยจนเลือดกำเดากระจาย จ่านิดเข้ามาช่วยแยกธีรธรกับคนขับออกจากกัน คนขับเช็ดเลือด
“เรียกตำรวจมาจับมันเลยครับ มันพยายามลักพาตัวเมียผม”
ธีรธรเข้าไปล็อคคอคนขับแล้วใส่กุญแจมือ
“ฉันนี่ล่ะตำรวจ แล้วผู้หญิงที่แกบอกว่าเป็นเมียน่ะ...แฟนฉันเอง”
คนขับส่ายหัวในความซวยของตัวเองจ่านิดกระซิบกับธีรธร
“แต่งงานไม่บอกกันบ้างเลยนะครับผู้กอง”
ไศลานอนหลับอยู่โซฟารับแขกในห้องทำงานของธีรธรกับจ่านิดที่กองปราบ จ่านิดนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ธีรธรเปิดประตูถือถุงร้านสะดวกซื้อเดินเข้ามาในห้อง เขาหันไปมองไศลาที่ยังหลับอยู่แล้วยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้จ่านิด
“นี่ยังไม่ฟื้นอีกเหรอ”
“คงอีกพักล่ะครับผู้กอง คนขับบอกว่าจัดยาไปหนักพอตัว”
ไศลาเริ่มขยับตัวพูดเบาๆ
“หิวน้ำ”
จ่านิดทำเป็นไม่ได้ยิน พิมพ์งานหน้าเครียด ธีรธรส่ายหัวขำท่าทางของจ่านิด เขาหยิบขวดน้ำเปล่าจากในถุงขึ้นมาเปิดแล้วใส่หลอดเดินไปตั้งบนโต๊ะตรงหน้าไศลา จ่านิดส่งเสียงแซว
“ผมว่าผู้กองคงต้องหาหลอดยาวกว่านั้นอีกซักสองเมตรล่ะครับ ถึงจะเข้าปากคุณไศลาได้พอดี”
ธีรธรชี้หน้าจ่านิดให้รู้ว่าจำไว้ๆไศลาพูดออกมาเสียงแหบแห้ง
“หิวน้ำ”
ธีรธรยกขวดน้ำขึ้นเอาหลอดใส่ปากป้อนให้ เขามองหญิงสาวที่ค่อยๆ ดูดน้ำอย่างแอบเคลิ้มไปความน่ารักของเธอ ไศลาได้ดื่มน้ำไปแล้วก็ค่อยๆ รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาเห็นธีรธรก็ตกใจลุกพรวดขึ้น แต่เธอเซจะล้ม ธีรธรเข้าไปประคองไว้ทันเวลา ทั้งสองมองตากันแล้วต่างรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนอีกครั้งจ่านิดจงใจกระแอม
“เอ่อ...อะแฮ่มๆ”
ไศลากับธีรธรได้สติต่างผละตัวออกจากกัน
“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วที่นี่ที่ไหน”
“นี่คือห้องทำงานผม”
ธีรธรเอื้อมมือไปหมุนป้ายชื่อตั้งโต๊ะของตัวเองมาให้ดู ไศลาอ่านตามป้ายชื่อ
“ร้อยตำรวจเอกธีรธร สุริยาฉาย”
ธีรธรผายมือไปที่จ่านิด
“แล้วนี่ ดาบตำรวจนิรุจ ผู้ช่วยผม”
ไศลาตาใสซื่อ
“แล้วไงคะ”
ธีรธรอ่อนใจพยักหน้าให้จ่านิดอธิบาย
“เอ่อ...พอดีคุณไศลาโดนรถแท็กซี่มอมยาน่ะครับ ผู้กองกับผมก็เลยเข้าไปช่วย แล้วก็เลยพามาพักที่นี่ก่อนน่ะครับ”
ไศลางงหนักกว่าเดิม พยายามลำดับเหตุการณ์จนพอนึกได้
“อ๋อ...ฉันนึกออกแล้ว ขอบคุณคุณทั้งสองคนมากนะคะ ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยเหลือเป็นการตอบแทน บอกฉันมาได้เลยนะคะ แต่วันนี้คงต้องขอตัวก่อน ฉันมีธุระต้องรีบไป”
ไศลาหยิบกระเป๋าลุกขึ้นจะออกจากห้อง จ่านิดไปยืนขวางประตูไว้ ธีรธรพูดขึ้น
“แต่พอดีว่าเรื่องที่ผมอยากให้คุณช่วย...มันต้องเป็นวันนี้ด้วยสิ”
ไศลาหันมามองธีรธรด้วยความสงสัย
บ่ายวันนั้น...นิ่มนวลป้อนข้าวต้มวงทองที่นอนอยู่บนเตียง วงทองยกมือห้ามไม่ให้ป้อนต่อ
“พอเถอะหนูนิ่ม ป้าอิ่มแล้ว”
“แต่คุณป้าเพิ่งทานไปได้ 3 คำเองนะคะ”
“คนแก่ก็แบบนี้ อย่าฝืนใจป้าเลยนะ”
นิ่มนวลยอมวางช้อนแล้วยกจานให้เด็กเอาไปเก็บ แล้วลุกขึ้นจะไปหยิบน้ำและยามาให้แต่วงทองดึงมือไว้
“แล้วเย็นนี้พ่อธีจะกลับมาทานข้าวกับเรามั้ยลูก”
นิ่มนวลกุมมือวงทองไว้อย่างอ่อนโยน
“นิ่มก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณป้า พี่ธีเธอบอกแค่ว่าช่วงนี้งานเธอยุ่งมากจริงๆ ค่ะ”
วงทองเหม่อถอนหายใจอย่างคนหมดหวัง น้ำตาคลอ
“พูดกันตั้งแต่เด็กจนโต ทะเลาะกันไปไม่รู้ต่อกี่ครั้ง พ่อธีก็ยังจะยืนยันว่าจะเป็นตำรวจ จะไม่ลาออก ช่างไม่เห็นใจหัวอกแม่บ้างเลย”
“คุณป้าอย่าน้อยใจพี่ธีเลยนะคะ มันเป็นความฝันของพี่ธีตั้งแต่เด็กๆ แล้ว”
“ป้าก็เข้าใจลูกนะ แต่ก็อดกลัวว่าประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอยเหมือนตอนพ่อของเขา”
วงทองเริ่มร้องไห้ นิ่มนวลเข้าไปกอดปลอบใจอย่างเห็นใจ
ไศลานั่งอยู่ในห้องคนเดียว ธีรธรเปิดประตูเข้ามา ในมือหอบแฟ้มเอกสารขนาดกลางมาวางบนโต๊ะ แล้วยื่นให้ดู ไศลาหยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดดู พบว่าเป็นแฟ้มประวัติอาชญากรของชูชิต เธอเปิดดูไปเรื่อยๆ มือเริ่มสั่น น้ำตาเริ่มไหล เริ่มเก็บอาการเสียใจไม่อยู่ ธีรธรมองด้วยความเห็นใจ อยากจะปลอบแต่ก็ไม่กล้า ในที่สุดไศลาก็ตัดสินใจปิดแฟ้มแล้วร้องไห้ ธีรธรพยายามมองหาทิชชูแต่ไม่มี เขายื่นผ้าเช็ดหน้าตัวเองให้
“คุณเป็นแฟนกับนายชูชิต แต่กลับบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่านายชูชิตทำงานแบบนี้”
ไศลาส่ายหน้าพร้อมรับผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดน้ำตา
“คุณรู้มั้ยว่าทั้งโดยพยานและหลักฐาน คุณเป็นผู้ค้าคนสำคัญเลยนะ”
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ ฉันก็เพิ่งรู้ตัวว่าถูกเขาหลอกใช้มาตลอดก็คราวนี้”
“แล้วคุณรู้จักกับนายชูชิตได้ยังไง”
“เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม”
ในอดีตตอนอยู่มัธยมปลาย วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียน เพื่อนๆกำลังแลกสมุดเฟรนด์ชิพกันเขียน บางคนกำลังเซ็นบนเสื้อนักเรียนเพื่อน ไศลาเขียนให้เพื่อนคนหนึ่งอยู่ ชูชิตยืนถือสมุด เฟรนด์ชิพตัวเองแอบมองไศลาอยู่ห่างๆ เก้ๆ กังๆ ไม่กล้าเดินเข้าไปหา ไศลาเงยหน้าขึ้นมาเห็นชูชิตพอดี ยิ้มหวานให้ ชูชิตตะลึงกับรอยยิ้มของเธอ
“ชิต เจอพอดีเลย มาเขียนเฟรนด์ชิพให้ไศเลย เหลือชิตคนเดียวแล้วเนี่ย”
ชูชิตเดินเกาหัวเขินๆมาหา
“เราก็ว่าจะเอาของเรามาให้ไศลาเขียนเหมือนกัน”
ไศลาหยิบสมุดเฟรนด์ชิพจากมือชูชิต แล้วยื่นของตัวเองให้
“ได้เลย งั้นเรามาแลกกันเขียนนะ”
ชูชิตรับสมุดจากไศลาแล้วเดินหันหลังไปจะไปนั่งเขียนที่อื่น
“อ้าว...จะไปไหนล่ะชิต มานั่งข้างไศก็ได้ ตรงนี้ก็ว่าง”
ชูชิตแอบยิ้มแก้มปริค่อยๆ ถอยหลังกลับมานั่งข้างๆ ไศลาด้วยความปลื้ม ไศลาหันไปก้มหน้าก้มตาเขียนต่อไป ชูชิตเขียนไปแอบมองไศลาที่กำลังตั้งใจเขียนเฟรนด์ชิพให้ตัวเองไป ไศลาเขียนไปคุยไป
“จบแล้วชิตตั้งใจจะไปเรียนต่อที่ไหน”
ชูชิตเสียงอ่อย
“เราคงจะไม่ได้เรียนต่อแล้วล่ะ สงสารที่บ้าน”
ไศลาวางปากกาหันมามองหน้าชูชิตอย่างเห็นใจ
“ไม่เป็นไรนะชิต คนเก่งๆ ที่ประสบความสำเร็จแต่ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยก็มีตั้งหลายคน ชิตอย่าเสียใจเลยนะ”
ชูชิตพยักหน้ายิ้มเศร้าๆ
“ไหนดูซิ ชิตเขียนให้ไศว่าไงบ้าง”
ไศลาอ่านที่ชูชิตเขียน
“เราจะไม่มีวันลืมเธอ เขียนแค่เนี้ยอ่ะนะ”
“เราเขียนได้แค่นี้ล่ะ แต่ที่เหลือ...เราจะทำ”
ชูชิตมองตาไศลาอย่างมีความหมาย ไศลาเขินจนต้องก้มหน้าหลบสายตาของเขา
ไศลานั่งก้มหน้าเก็บอาการเสียใจ
“พอเรียนจบต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป จนวันที่พ่อฉันเสียชีวิต ชิตมาช่วยงานศพ แล้วเราก็กลับมาติดต่อกันอีก ต่อจากนั้นไม่นานแม่ฉันก็ตาย”
งานวันเผาศพแม่ ไศลากับน้องๆ ยืนกอดกันอยู่ข้างเมรุ ชูชิตยืนอยู่ห่างๆ งานเผาศพเสร็จ แขกทยอยกลับไปเกือบหมดแล้ว ญาติผู้ใหญ่กลุ่มสุดท้ายเดินมาหาไศลา
“หลานไศลา ลุงต้องกลับแล้วล่ะนะ พงษ์กับดาไปเอากระเป๋าสิลูก”
“อรก็ด้วยนะ ป้าก็จะต้องกลับแล้วเหมือนกัน”
ไศลาน้ำตานองหน้า
“คุณลุงคุณป้าจะพาน้องๆ ไปวันนี้เลยเหรอคะ ไศอยากให้น้องๆ ได้อยู่เก็บกระดูกคุณแม่ก่อน”
“ลุงก็เห็นใจนะ แต่ว่าลุงติดราชการด่วน ไอ้ครั้นจะมารับอีกที ช่วงนี้งานลุงก็เยอะมาก ไม่อยากห่วงหน้าพะวงหลัง”
“ป้าก็เหมือนกันนะลูก ลางานมาหลายวันแล้ว เกรงใจเขา”
ไศลาไหว้
“กราบขอบพระคุณคุณลุงคุณป้ามากนะคะ ไศฝากน้องๆ ด้วยนะคะ”
ไศลาหันมาหาน้อง
“ไปอยู่กับคุณลุงคุณป้าต้องทำตัวดีๆ พี่สัญญาว่าพี่จะทำให้พวกเรากลับมาอยู่ด้วยกันให้เร็วที่สุด”
ลุงกับป้าเข้ามากอดปลอบใจไศลา ก่อนจะพาน้องๆ เดินออกไป ไศลายืนร้องไห้มองตามน้องๆ เดินไป ชูชิตเดินเข้ามาบีบไหล่ให้กำลังใจ ไศลาหันมากอดชูชิตร้องไห้โฮ
“ไศไม่เหลือใครแล้วชิต ไศไม่เหลือใครแล้ว”
โปรดอ่านต่อหน้า 4
กุหลาบไฟ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ธีรธรยื่นกล่องทิชชู่ให้ ไศลารับมาเช็ดน้ำตา
“ตอนนั้นฉันรู้สึกแย่มาก ไม่รู้จะจัดการกับชีวิตตัวเองยังไงดี ก็มีแต่ชิตที่คอยช่วยเหลือหลายอย่าง ไม่สิ...เรียกว่าทุกอย่างเลยจะดีกว่า”
ชูชิตจอดรถแล้วลงไปเปิดประตูรถจูงมือไศลาที่มีผ้าปิดตาอยู่พาเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน
“เอาล่ะ ถึงแล้ว ไศลาพร้อมหรือยัง”
ไศลาพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น ชูชิตแกะผ้าปิดตาไศลาออกเธอเปิดตามาเห็นบ้านก็ตกใจจนพูดไม่ออก
“ชิตซื้อบ้านใหม่เหรอ”
“ใช่ ไศลาชอบมั้ย”
“ชอบสิ สวยดีนะ”
“มันไม่เล็กไปใช่มั้ย”
“เล็กที่ไหนกัน ใหญ่เกินไปมากกว่า ชิตอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ”
“ชิตอยู่คนเดียวน่ะใช่ แต่บ้านหลังนี้...ชิตไม่ได้ซื้อไว้อยู่เอง”
ไศลาหันมามองชูชิตอย่างไม่แน่ใจ ชูชิตยิ้มหวานพยักหน้า ไศลารีบปฏิเสธ
“ไศรับไม่ได้หรอกนะชิต มันยิ่งใหญ่เกินไป”
“ไม่ยิ่งใหญ่หรอก ยังไงๆ อนาคตเราก็ตั้งใจจะอยู่ด้วยกันอยู่แล้วนี่”
ไศลาเสียงจริงจัง
“เรื่องนั้นมันยังอีกไกล ชิตก็รู้ว่าไศยังไม่พร้อม”
ชูชิตจับมือไศลา
“ชิตตั้งใจซื้อบ้านนี้ให้ไศลาได้ไปรับน้องๆ มาอยู่ด้วยกัน”
ไศลาสบตาชูชิตอย่างซึ้งใจ
“ขอบใจชิตมากนะที่คอยช่วยเหลือไศมาตลอด”
ชูชิตดึงไศลาเข้ามากอด
“ชิตอยากให้ไศลากับน้องๆ ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่บ้านหลังนี้ชิตอยากเห็นไศลามีความสุข”
ธีรธรมองหน้าไศลา
“แล้วคุณไม่เอะใจเลยเหรอว่าเขาไปรวยมาจากไหน”
“เขาบอกว่าทำธุรกิจเต็นท์รถ ตอนแรกเป็นแค่เซลล์ แต่ตอนหลังจังหวะดีเจอลูกค้าใหญ่สนใจร่วมหุ้นเปิดเต็นท์ เขาก็เลยตั้งตัวได้”
“แล้วคุณก็เชื่อเขา”
“ตอนแรกก็ไม่ได้เชื่อ แต่ตอนหลังเขาให้ฉันมาเป็นผู้ช่วย พอฉันได้เห็นการทำงาน เห็นสังคม เห็นอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตเขา มันก็ทำให้ฉันไว้ใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ”
เย็นนั้นระหว่างทางที่ธีรธรขับรถมาส่งไศลาที่บ้าน เขาบอกกับเธอตรงๆ
“เอาล่ะ...ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ ตอนนี้ทางการกำลังต้องการตัวนายชูชิตมาขยายผลการจับกุม ถ้าคุณยอมร่วมมือ ผมจะกันคุณไว้เป็นพยานปากสำคัญในคดีนี้”
ไศลาส่ายหน้า
“แต่ฉันทรยศชิตไม่ได้ เขามีบุญคุณกับฉันและน้องๆ มากจริงๆ”
ธีรธรแอบรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ได้รู้ว่าไศลายังรักชูชิตอยู่มาก
“เดี๋ยวคุณจอดข้างหน้านี่ก็ได้ค่ะ ฉันจะแวะซื้อของก่อนเข้าบ้าน”
ธีรธรชะลอรถเข้าจอดตามที่ไศลาบอก เขาหยิบนามบัตรแล้วยื่นให้
“คุณกลับไปคิดดูให้ดีก่อน แล้วค่อยโทรมาบอกคำตอบผม”
ไศลาสายตาเด็ดเดี่ยว
“แล้วฉันจะโทรบอกว่าพร้อมจะให้คุณจับวันไหน ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง”
ธีรธรมองตามไศลาที่ลงรถไปอย่างไม่เข้าใจ เสียงโทรศัพท์ของธีรธรดังขึ้นเขากดขึ้นดูเป็นข้อความจากกองปราบ
“ทีมฉลามขาวกำลังเข้าจับกุมผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ เป้าหมายร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอยเพชรเกษม 42”
ธีรธรเงยหน้ามองหาป้ายซอย
ในร้านอาหารตามสั่ง ปากซอยบ้านไศลา สุทธิพงษ์ใส่หมวก เดินก้มหน้าก้มตาอย่างระวังตัวลงรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“เหมือนเดิมนะ”
“ติดลูกค้าอยู่ รอ 5 นาที”
สุทธิพงษ์วางสายแล้วเดินไปร้านข้าว กำลังจะเข้าไปก็ต้องตกใจที่เห็นไศลายืนรอกับข้าวอยู่ร้านเดียวกัน สุทธิพงษ์รีบซ่อนตัว แต่โผล่มามองอีกทีก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อสีเดียวกับไศลาเดินออกจากร้านไป เขาคิดว่าเป็นพี่สาว ไศลาได้กับข้าวที่สั่งไว้พอดี จ่ายเงินเสร็จแล้วก็รีบเดินไปซื้อของร้านอื่นต่อ สุทธิพงษ์หลบจนเห็นว่าไศลาไปไกลแล้ว จึงรีบเดินเข้าไปในร้าน สุทธิพงษ์เดินไปนั่งที่โต๊ะคนส่งยาที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“อ้าว กำลังจะโทรหาพอดีเลย”
“ลูกค้าที่เฮียว่าคือผู้หญิงเสื้อน้ำเงิน ผมยาวๆ ที่เพิ่งออกไปหรือเปล่า”
“ถูกต้อง...คนนั้นล่ะตัวเบ้งเลย สนใจล่ะสิ ไว้เฮียแนะนำให้รู้จัก”
สุทธิพงษ์อึ้งกับเรื่องของไศลาที่เพิ่งได้ยิน เด็กเสิร์ฟเอาจานข้าวผัดกะเพรามาวางตรงหน้า สุทธิพงษ์หยิบช้อนส้อมขึ้นมาเขี่ยข้าวในจาน มียาบ้าที่ซ่อนอยู่ใต้ข้าว เขามองซ้ายมองขวาหาจังหวะหยิบยาบ้าไปอย่างรวดเร็ว วางเงินลงบนโต๊ะแล้วรีบเดินออกจากร้าน ธีรธรและทีมตำรวจบุกเข้าจับค้นยาบ้าในร้านอาหารตามสั่ง
“หยุดนะ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายไปหมด สุทธิพงษ์หันไปเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจรีบออกตัววิ่งหนี แต่ไม่ทันธีรธรที่สังเกตอยู่แล้ววิ่งมากระชากเสื้อแต่สุทธิพงษ์สะบัดเอาตัวรอดจนเสื้อยืดขาดติดมือ ธีรธรจะออกวิ่งตามแต่โดนคนในร้านที่ชุลมุนออกมากระแทกเสียหลัก ทำให้วิ่งตามไม่ทัน
ธีรธรมองตามสุทธิพงษ์อย่างเจ็บใจ
เสริมพงษ์นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ธีรธรเดินเข้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานแล้วทำความเคารพ
“ผลการสอบสวนเป็นยังไงบ้าง”
“ได้ข้อมูลนายชูชิตพอสมควรครับ แต่ไศลายินดีที่จะถูกจับมากกว่ายอมเป็นพยาน”
“แล้วคุณทำยังไงต่อ”
“ผมให้โอกาสเธอกลับไปคิดใหม่อีกครั้งครับ ผมเชื่อว่าเธอน่าจะเปลี่ยนใจ”
“แล้วคุณไม่คิดว่าเธอจะกลับไปบอกนายชูชิต คนรักของเธอบ้างเหรอ”
ธีรธรอึ้ง ตอบคำถามผู้การไม่ได้ เสริมพงษ์ลุกขึ้นเดินมาตบไหล่เตือนสติ
“รอบคอบกว่านี้หน่อยนะผู้กอง”
ไศลาลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างเดินเข้าบ้านมีถุงกับข้าวและของอื่นมาด้วย ได้ยินเสียงดารณีกับสุทธิพงศ์ทะเลาะกันดังออกมาจากในบ้าน เธอเดินไปยืนแอบฟังที่หน้าบ้าน
“เอามาคืนพี่เดี๋ยวนี้นะดา”
“ไม่ ยังไงดาก็ไม่คืนให้พี่พงษ์หรอก”
สุทธิพงษ์เสียงกร้าวขึ้น
“อย่าให้พี่ต้องโมโหมากกว่านี้นะ จะหาว่าพี่ไม่เตือน”
“ก็ลองดูสิ ถ้าพี่พงษ์ทำอะไรดาแม้แต่นิดเดียว ดาจะฟ้องพี่ไศลา”
ไศลาได้ยินเสียง “เพี้ยะ” ดังสนั่นรีบเดินเข้าไปในบ้าน เห็นสุทธิพงษ์กับดารณีกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ดารณียืนเอามือจับแก้ม ตาแดงก่ำ ไศลารีบเข้าไปหาดารณี แกะมือที่จับแก้มของดารณีออก เห็นรอยฝ่ามือเป็นปื้นแดงอยู่บนแก้มของดารณี ไศลาหันไปหาสุทธิพงษ์ สายตาแข็งกร้าว
“พงษ์ ตบน้องทำไม”
สุทธิพงศ์หลบสายตา แต่ยังไม่สำนึกผิด
“ก็ดามายุ่งกับของๆ พงษ์ก่อน”
“ของอะไร ถึงขนาดจะต้องโกรธจนลงไม้ลงมือกับน้อง”
สุทธิพงษ์ไม่ตอบ ไศลาหันไปถามดารณี
“ดาไปเอาของอะไรของพี่เขามา”
ดารณีมองหน้าสุทธิพงษ์ แล้วก้มหน้าไม่กล้าตอบ ไศลาสังเกตมืออีกข้างของดารณีเหมือนกำลังกำอะไรอยู่ ไศลาเข้าไปแกะของในมือดารณีมาดู พบว่าเป็น...ห่อยาบ้าไศลาตะลึงกับสิ่งที่ตัวเองเห็น เธอหันมามองสุทธิพงษ์ที่ยืนก้มหน้าหนีความผิดอยู่ ไศลาน้ำตาไหล
“ทำไมพงษ์ทำแบบนี้ พงษ์อยากได้อะไรพี่หาให้ทุกอย่าง ขอแค่ให้พงษ์เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน เคยคิดบ้างมั้ยว่าถ้าพ่อแม่ยังอยู่ จะรู้สึกยังไง”
สุทธิพงษ์ตวาดกลับ
“อย่ามาทำตัวเป็นคนดีนักเลย พี่ไศลาน่าจะดีใจมากกว่านะ ที่อีกหน่อยเราจะได้ช่วยกันทำมาหากิน”
ไศลาตบหน้าสุทธิพงษ์อย่างแรงด้วยความเสียใจ
“ใครสั่งใครสอนให้คิดหากินด้วยอาชีพสกปรกแบบนี้”
“แล้วพี่จะต้องเสียใจที่ทำกับผมแบบนี้เหมือนกัน”
สุทธิพงษ์พูดจบก็เดินกลับไปห้องนอนปิดประตูดัง ปัง ไศลาทรุดลงไปนั่งร้องไห้ที่พื้น มีดารณีที่ร้องไห้ย่อตัวลงไปกอดให้กำลังใจ สองพี่น้องกอดกันร้องไห้
ไศลาเดินถือนามบัตรของธีรธรเดินไปมาในห้องอย่างครุ่นคิด แล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ผู้กองธีรธรเหรอคะ นี่ฉันไศลาเองนะคะ พอดีฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณค่ะ คือฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันตกลงร่วมมือกับคุณ...”
ค่ำคืนนั้นในโรงแรมม่านรูด ชูชิตนอนหลับกอดกับอรชาอยู่บนเตียงอย่างหวานชื่น เสียงโทรศัพท์มือถือของชูชิตดังขึ้น เขางัวเงียลุกขึ้นมารับสาย
“สวัสดีครับนาย”
“ได้ข่าวว่าเลิกกับเมีย”
ชูชิตอึ้งไปนิด
“ครับนาย แต่นายไม่ต้องห่วงนะครับ ไศลาไม่รู้เรื่องงานของเราเลยจริงๆ”
“อย่าให้เป็นปัญหาขึ้นมาก็แล้วกัน”
ยังไม่ทันที่ชูชิตจะพูดอะไรต่อ สายก็ถูกตัดไปแล้ว ชูชิตดูนาฬิกาก็ตกใจรีบปลุกอรชรที่นอนข้างๆ
“ตื่นได้แล้วอร สี่ทุ่มแล้ว”
อรชรลุกมากอดนัวเนียออดอ้อน
“ยังไม่อยากกลับเลย เรานอนค้างที่นี่ไม่ได้เหรอคะ”
ชูชิตพยายามแกะมือออกแล้วลุกขึ้นใส่กางเกง ใส่เสื้อ
“ถ้าไศลารู้เข้าจะว่ายังไง”
อรชรงอน
“จนป่านนี้แล้วยังจะต้องแคร์อยู่อีกเหรอ ไหนบอกว่าคราวนี้เลิกแน่”
“จะเลิกหรือไม่เลิกก็ไม่อยากมีปัญหาเพิ่ม แค่นี้ก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว”
อรชรเข้ามากอดจากข้างหลัง มือไม้เปะปะคอยยั่วยวนสุดฤทธิ์
“ก็มีอรแค่คนเดียวสิ รับรองว่าสบายเนื้อสบายตัวไปตลอดชีวิต”
ชูชิตพยายามขัดขืนการยั่วยวนของอรชร แต่สุดท้ายก็แพ้ทางเธอนอนลงไปบนเตียงด้วยกัน
รุ่งเช้า...ไศลายืนอยู่หน้าโชว์รูม ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วเดินเข้าไป รถแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดตรงที่ไศลาเคยยืนอยู่ ธีรธรลงจากรถเดินตามเข้าไป
ไศลารีบวิ่งตรงไปยังอู่ทำสี ซ่อมรถของชูชิตที่อยู่ข้างหลังอีกฟากของโชว์รูม ธีรธรรีบวิ่งตามมาอย่างรักษาระยะห่าง หน้าอู่มีสมุนของชูชิตยืนคุมอยู่ 4-5 คน ไศลาตัดสินใจเดินเข้าไป ลูกน้องมาขวาง
“คนที่เข้าที่นี่ได้ ต้องได้รับอนุญาตจากคุณชูชิตก่อนนะครับคุณไศลา”
ไศลาทำใจดีสู้เสือ
“รวมถึงฉันด้วยเหรอ”
สมุนเน้น
“ทุกคนที่จะเข้าที่นี่ได้ ต้องได้รับอนุญาตจากคุณ ชูชิตก่อนครับ”
ไศลาพยักหน้าแล้วเดินกลับออกมาอย่างครุ่นคิดว่าจะทำยังไงถึงจะเข้าไปในนั้นได้ ทันใดนั้นมีก้อนหินเล็กๆพุ่งมาโดนหัว ไศลาเจ็บจนร้องโอ๊ย เธอหันไปมองหาที่มาเห็นแต่สมุนของชูชิตยืนที่เดิม ไศลางงว่าใครปาหินใส่หัวเธอ ยังไม่ทันหันหลังกลับก็โดนอีกก้อน ไศลาหันไปเห็นธีรธรยืนแอบอยู่ข้างอู่ด้านใน ส่งภาษามือให้เธอเดินอ้อมเข้าไปหา ไศลาหันไปมองสมุนอย่างระวังตัว แล้วค่อยๆ เดินอ้อมเลี่ยงไปตามสัญญาณมือธีรธรบอก จนสามารถหลบสมุนเข้าไปหาเขาได้สำเร็จ
“คุณรู้ทางเข้ามาตรงนี้ได้ไงเนี่ย”
ธีรธรชี้ที่หัวอย่างภูมิใจ
“มันสำคัญตรงนี้”
ไศลาเบ้ปากใส่ในความหลงตัวเองของธีรธร
“แล้วนี่รู้ทางเข้าไปข้างในด้วยหรือเปล่า”
ธีรธรส่ายหัว
“ไม่อ่ะ...”
ไศลาเซ็งจนพูดไม่ออก ธีรธรหัวเราะ
“ล้อเล่นน่ะ มา...ผมจะพาคุณเข้าไปข้างในเอง”
ธีรธรจับมือไศลา
“อะไรของคุณเนี่ย”
“ก็จับมือคุณเดินไง เดี๋ยวหลงกันก็แย่พอดี”
ไศลาทำหน้าตาจำยอม แต่ลึกๆแล้วก็รู้สึกอุ่นในใจ ธีรธรพาไศลาเดินหาทางลัดเลาะจนเข้าไปข้างในได้สำเร็จ ไศลาพยายามมองหาที่ซ่อนยาบ้า โดยมีธีรธรคอยเป็นต้นทางระวังให้ ในที่สุดไศลาก็หาเจอว่ายาบ้าล็อตใหญ่มากถูกเก็บอยู่ในห้องอบสีที่ปิดตาย เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดห่อยาบ้า เพื่อให้ถ่ายเห็นหลักฐานได้ชัดขึ้น ไศลาถ่ายรูปหลักฐานทั้งหมดไว้จนพอใจแล้ววิ่งกลับออกมาหาธีรธรที่เฝ้าต้นทางอยู่
“เรียบร้อยแล้ว เรารีบออกไปกันเถอะ”
ผ้าเช็ดหน้าของไศลาถูกลืมไว้อยู่ในห้องอบสี
ธีรธรพาไศลาออกจากอู่ไปถึงหน้าโชว์รูมโบกรถเรียกแท็กซี่ทั้งคู่ขึ้นรถไปด้วยกัน ธีรธรบอกคนขับแท็กซี่
“ไปปั๊มน้ำมันข้างหน้าครับ”
“อ้าว...แล้วไม่ไปที่ทำงานคุณเลยล่ะ”
“ก็ต้องไปเอารถก่อนสิคุณ ผมจอดรถไว้ที่ปั๊ม”
“แล้วทำไมคุณไม่เอารถมาแต่แรก”
“มาทำงานแบบนี้ จะเอารถมาทำไมให้มันเกะกะ”
“เออจริง...คิดได้เหมือนกันนะเนี่ย”
ธีรธรชี้ที่หัว
“เอ๊า...มันสำคัญตรงนี้”
ทั้งสองคนหัวเราะพร้อมกัน ต่างคนต่างมองตากันแล้วเหมือนมีแรงดึงดูดให้เข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ปั๊มซ้ายมือข้างหน้านี่ใช่หรือเปล่าครับ” คนขับแท็กซี่ถาม
ทั้งสองได้สติแยกตัวออกห่างกัน
“ปั๊มหน้าซ้ายมือนี่ล่ะครับ เลี้ยวเลยครับพี่”
ทั้งสองคนต่างหันหน้าหนีออกทางกระจกของแต่ละฝั่ง...ต่างคนต่างแอบยิ้ม
ธีรธรเดินถือน้ำอัดลม ขนมออกมาจากร้านสะดวกซื้อในปั๊มชุดใหญ่ ไศลารับน้ำอัดลมมาดูดอึกๆ ไม่พักหายใจ
“เฮ้ย...คุณ กินดีๆดิ เดี๋ยวก็จุกตายหรอก”
“ก็คนมันหิวน้ำนี่นา ดูดิ๊มีอะไรกินมั่ง หิวไส้จะขาดอยู่แล้วเนี่ย”
ไศลาแกะขนมกินอย่างเอร็ดอร่อย ธีรธรหยิบกล้องออกมาจากกระเป๋าดูรูปที่ไศลาไปถ่ายหลักฐานในอู่ของชูชิตมา
“เป็นไง...ใช้ได้มั้ย”
ธีรธรพยักหน้าด้วยความพอใจมาก
“ถ้างั้น...เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านนะ”
ไศลาพยักหน้าตกลง
ธีรธรจอดรถส่งไศลาที่หน้าบ้าน ไศลากำลังจะลงจากรถเขาเรียกไว้
“เดี๋ยวๆ คุณๆ”
ไศลาหันมามองงงๆ
“มีอะไรเหรอคุณ”
“ขอผมเข้าห้องน้ำบ้านคุณหน่อยนะ”
“อ๋อ...ได้สิ”
ไศลาเดินนำธีรธรเข้าไปในบ้านชี้ไปทางห้องน้ำ
“ห้องน้ำอยู่ทางนั้นนะ เชิญคุณตามสบาย”
ธีรธรเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วบ่นกับตัวเอง
“เอาไงต่อดีนะเรา ทำไมเกิดมาไม่ถนัดเรื่องนี้เอาซะเลยวะ”
ไศลาเดินมาเคาะประตูห้องน้ำ
“ท้องเสียหรือเปล่าคุณ”
ธีรธรอึกอัก
“ปละ...เปล่าครับ กำลังจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
ธีรธรออกมาจากห้องน้ำ เห็นไศลาเอาแก้วน้ำมาวางไว้ให้บนโต๊ะอาหาร เธอกำลังเก็บของที่รกอยู่แถวหน้าทีวี
“น้ำอยู่บนโต๊ะนะคะ ขอโทษด้วยที่บ้านรกไปหน่อย”
ธีรธรเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารพลางมองไศลากำลังเก็บบ้าน
“ผมว่า...เราออกไปกินข้าวกลางวันกันดีมั้ยครับ”
ไศลาหันกลับมามอง
“คุณว่าอะไรนะคะ”
ธีรธรเห็นเสื้อของสุทธิพงษ์ในมือของไศลา
“เอ๊ะ...นั่นแขนเสื้อคุณทำไมมันขาดอย่างนั้นล่ะครับ”
“อ๋อ...ไม่ใช่เสื้อฉันหรอกค่ะ เสื้อน้องชาย”
ธีรธรเดินมาหยิบเสื้อในมือไศลาไปกางดู เขานึกย้อนไปที่เหตุการณ์ตอนที่กระชากเสื้อของสุทธิพงษ์ขาด ธีรธรยื่นเสื้อคืนให้
“เมื่อกี้คุณถามอะไรฉันนะคะ”
“อ๋อ...ไม่มีอะไรครับ ผมแค่จะบอกว่าคงต้องขอตัวกลับก่อน ไปนะครับ”
ธีรธรลาแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ธีรธรเข้ามาในรถเปิดลิ้นชักหยิบเศษเสื้อของสุทธิพงษ์ออกมาดูแล้วมั่นใจว่าเป็นเสื้อตัวเดียวกันกับที่ไศลาถือแน่
“ไศลา...ผมไว้ใจคุณได้จริงๆ ใช่มั้ย”
วันใหม่...ในห้องประชุมเล็กในกองปราบ สริมพงษ์ ไศลา ธีรธร จ่านิดกำลังนั่งดูรูปหลักฐานที่ไศลาไปถ่ายมาบนจอโปรเจคเตอร์ ไศลากับธีรธรสบตากันอย่างลุ้นผล เสริมพงษ์ดีดนิ้ว จอเปลี่ยนเป็นเว็บแคม โชว์ภาพนายตำรวจหน้าห้องของเสริมพงษ์
“ออกคำสั่งขอกำลัง 400 นายเข้าจับกุมคลังยาบ้าของนายชูชิตพรุ่งนี้ ตามพิกัดที่ผู้กองธีรธรกำลังจะส่งให้”
ธีรธรรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมากดส่งพิกัดให้ทันที เสริมพงษ์หยิบรีโมทมาปิดจอโปรเจคเตอร์แล้วหันมาพูดกับไศลา
“เพื่อความปลอดภัย ผมแนะนำว่าคุณอาจจะต้องเปลี่ยนที่อยู่สักพัก”
“แต่ว่าดิฉันไม่สะดวกที่จะย้ายที่อยู่จริงๆ ค่ะ ดิฉันเป็นห่วงน้องๆ”
“ยิ่งห่วงมาก ยิ่งควรต้องย้าย ผมรับรองว่าเราจะคอยดูแลและให้ความปลอดภัยให้คุณและน้องๆ อย่างดีที่สุด”
ไศลาฟังแล้วเครียดทันที
ธีรธรกับไศลาเดินมาที่รถ
“เดี๋ยวผมพาคุณไปซื้อของใช้ส่วนตัวก่อน ส่วนจ่านิดต้องไปจัดการเรื่องที่พัก”
ไศลาพยักหน้ารับรู้แล้วขึ้นรถ ธีรธรสตาร์ทรถขับออกไปจากกองปราบ ชายในรถคันข้างๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร สายตามองตามรถธีรธรกับไศลาไป
ธีรธรกับไศลาเดินเข้าห้างสรรพสินค้า
“เดี๋ยวฉันขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
ไศลาเดินเข้าไปในห้องน้ำ เห็นพนักงานทำความสะอาดคนหนึ่งกำลังถูพื้นอยู่ ไศลาเปิดประตูเข้าห้องน้ำไป พนักงานทำความสะอาดเดินเอาป้ายขออภัยในความไม่สะดวกมาวางที่หน้าประตูห้องน้ำ
ไศลากำลังจะถอดกางเกง แต่มีเสียงเคาะประตูจากข้างนอก เธอเปิดประตูห้องน้ำพนักงานทำความสะอาดกลายเป็นคนร้ายในมือถือมีดพยายามดันตัวเองเข้ามาในห้องน้ำจนสำเร็จ ไศลาพยายามต่อสู้จนมีดในมือคนร้ายหลุดจากมือ ทั้งคู่มองหน้าหยั่งเชิงกัน ไศลาอาศัยจังหวะอัดคนร้ายจนเสียจังหวะ แล้วพยายามก้มไปหยิบมีด คนร้ายได้ทีจับหัวไศลากดแล้วจับโขกกับกำแพงห้องน้ำอย่างแรงหลายครั้ง ไศลาอ่อนแรงลง ที่กลางหน้าผากมีแผลแตกเลือดออก คนร้ายได้ทีก้มลงไปหยิบมีดที่พื้น
ไศลางกำลังจะหมดสติ เหมือนเห็นใบหน้านักพรตเมฆขาวหลับตาลอยซ้อนไปมาอยู่ตรงหน้า พร้อมเสียงสวดมนต์ที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนวนเวียนอยู่ในหัว คนร้ายยกมีดขึ้นเตรียมจะปักเข้าที่กลางหลังของไศลา แผลกลางหน้าผากไศลามีแสงสว่างวาบออกมาคล้ายรูปดวงตา ไศลาออกแรงขืนมือคนร้ายที่กดหัวอยู่ให้หลุดได้สำเร็จ แล้วหันมาจับข้อมือที่ถือมีดของคนร้ายไว้แล้วบีบจนคนร้ายหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดและปล่อยมีดในที่สุด คนร้ายมองหน้าไศลาแล้วเห็นเงาใบหน้าของนักพรตเมฆขาวซ้อนสลับไปมาที่จู่ๆ แผลที่หน้าผากของไศลาก็กลายเป็นตาดวงที่สามของนักพรตเมฆขาวก็เบิกขึ้น คนร้ายตกใจมากับสิ่งที่ตัวเองเห็น
“โอ๊ย...ผีหลอก ช่วยด้วย ผีหลอก”
คนร้ายวิ่งออกไปจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
ธีรธรได้ยินเสียงผู้ชายร้องดังออกมาจากในห้องน้ำหญิง ก็รีบวิ่งไปดูพนักงานทำความสะอาดวิ่งหนีออกมาชนธีรธรจนเซไป ธีรธรรีบเข้าไปในห้องน้ำ เห็นไศลานั่งหัวแตกเลือดออกยืนพิงผนังห้องน้ำอยู่ เขารีบเข้าไปประคอง
“ไศลา คุณเป็นยังไงบ้าง”
ไศลาหมดสติไปในอ้อมแขนของธีรธร
โปรดอ่านต่อตอนที่ 2