กุหลาบไฟ ตอนที่ 8
อาจารย์ค่อยๆหลับตาละสังขารตนไป
“อาจารย์...อาจารย์...อาจารย์...”
เมฆาเสียใจ ร้องไห้ออกมา ไศลาก็เช่นกัน ร่างของไศลาค่อยๆจางไปเรื่อยๆจนเธอรู้สึกได้ ตัวเธอกำลังจะหายไป จนหายไปในที่สุด
ไศลารู้สึกตัวอีกครั้ง...ในห้องของโยคีศิลาดำในมือเธอกำกล่องไม้โบราณเอาไว้ด้วย ไศลาหยิบกล่องไม้โบราณขึ้นมาดู เธอรู้ว่ามันไม่ใช่แค่ฝันไป ไศลารีบเก็บกล่องไม้ใส่กระเป๋ากางเกงของเธอทันที โยคีศิลาดำกับนักพรตเมฆขาวยังจ้องตากันไม่วางตา
“เจ้าฆ่าอาจารย์ ขโมยคัมภีร์อาจารย์ไป จนป่านนี้เจ้าไม่สำนึก บ้างเลยเหรอ”
“ไม่เจอกันนาน พี่ก็ยังพูดจาแบบคนดีเหมือนเดิมนะทั้งที่จริงๆ แล้วพี่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าคัมภีร์นั่น มันไม่มีหน้าสุดท้าย เคล็ดลับสุดยอดวิชามันอยู่ที่หน้านั้นไม่มีมันจะฝึกสำเร็จได้ยังไง ถ้าพี่อยากได้คนของพี่คืน พี่ก็เอาหน้าสุดท้ายมาให้ข้า”
นักพรตเมฆขาวตกใจ เพราะเขาเองไม่รู้มาก่อน
“ข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน”
“จะให้ข้าเชื่อเหรอ เพราะข้ารู้ว่าอาจารย์สอนพี่แล้ว”
นักพรตเมฆขาวส่ายหน้า
“ข้าไม่เชื่อ”
โยคีศิลาดำจะใช้พลังทำร้ายนักพรตเมฆขาว ไศลาที่หายเป็นปกติ เดินมาขวาง
“แผลเจ้า...เกิดอะไรขึ้น” นักพรตเมฆขาวแปลกใจ
“เรื่องมันยาวค่ะ”
โยคีศิลาดำยิ้มหยัน
“ข้าไม่กลัวที่จะต้องสู้กับใครทั้งนั้น ต่อให้เจ้าสองคนรวมกันข้าก็ไม่กลัว แต่ข้าต้องการคัมภีร์หน้าสุดท้าย เดี๋ยวนี้”
“ไม่จำเป็นต้องสู้นี่ เพราะยังไงฉันก็อยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
นักพรตเมฆขาวชะงัก
“ไศลา”
“หลวงปู่ไม่ต้องห่วงไศนะคะ เชื่อใจไศก็พอ”
นักพรตเมฆขาวมองตาไศลาเขาก็มั่นใจโดยไม่ถามเหตุผลใดๆ นักพรตเมฆขาวค่อยๆสลายไปกลายเป็นหมอก จางหายไปในที่สุด โยคีศิลาดำโกรธไศลาที่ปล่อยนักพรตเมฆขาวไป เขากระชากเธอด้วยความโกรธ
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ รู้มั้ยว่าข้ารอเจอพี่เมฆามานานแค่ไหน”
“คุณจำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ”
ไศลาจ้องโยคีศิลาดำ
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า”
“ช่างเถอะ ยังไงเราก็มีนายคนเดียวกัน ไม่ควรทำตัวเป็นศัตรูกันนะ จริงมั้ย”
ไศลายิ้มกวนๆส่งให้โยคีศิลาดำ ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพอดี โยคีศิลาดำถูกขัดจังหวะเดินมาเปิดประตู สมุนดุลยศักดิ์ยืนอยู่หน้าประตู
“นายเรียกทุกคนคุย”
ธีรธรจอดรถที่หน้าบ้านดุลยศักดิ์
“ไศลา หวังว่าฉันจะไม่เจอเธอที่นี่นะ”
ธีรธรมองเข้าไปในบ้าน
ดุลยศักดิ์นั่งเก้าอี้หรูอยู่ในห้องรับแขก พร้อมสั่งการ ไศลากับโยคีศิลาดำเดินมาสมทบ
“จะมีการส่งสินค้าล็อตใหม่เพิ่มเติมขึ้นมา ถือเป็นลูกค้าสำคัญซะด้วย ซึ่งคราวนี้ฉันจะมอบหน้าที่ให้กับ...ไศลาเป็นคนดูแล”
โยคีศิลาดำรีบขัดขึ้นทันที
“ทำไมถึงให้ไศลา ทำไมไม่ให้นาถสุดา”
“เพราะนาถสุดาน่ะ ต้องจัดการเรื่องงานแต่งงาน”
“แต่ก็ไม่ควรไว้ใจมือใหม่แบบนี้รึเปล่าครับ ในเมื่อมันเป็นลูกค้าสำคัญ”
“ยิ่งสำคัญยิ่งต้องลองเสี่ยงดู จริงมั้ยล่ะ”
ไศลาค้อมหัวรับ
“ขอบคุณค่ะที่ให้โอกาส”
“หวังว่านาย” ดลุยศักดิ์มองโยคีศิลาดำ “คงจะไม่มีปัญหาอะไร ใช่มั้ย”
โยคีศิลาดำเงียบเถียงไม่ออก ไศลาแอบดีใจอยู่ลึกๆ
ธีรธรแอบด้อมๆมองๆอยู่ เห็นไศลาเดินออกมา เขารู้สึกผิดหวังไม่น้อย
“เธออยู่ที่นี่จริงๆ”
ไศลาเดินออกมาแหงนมองดาว
“ขอให้ทำสำเร็จด้วยเถอะ”
ธีรธรแอบดูอยู่จากพุ่มไม้ การเคลื่อนไหวของพุ่มไม้ ทำให้ไศลาสังเกตได้ เธอจึงหันไปดู ธีรธรพยายามจะนิ่ง ไศลาเดินมาที่พุ่มไม้ พอไศลาเดินเข้ามาใกล้ธีรธรก็รีบรวบเธอลงไปกับพื้นทันที เอามือปิดปากทั้งคู่ล้มลงไปนานทับกันบนพื้น
“คุณอย่าส่งเสียงใดๆเลยนะ”
“ฉันไม่ต้องส่งเสียงหรอกมั้ง แค่สิ่งที่คุณทำก็เรียกคนให้มาดูแล้ว”
สมุนดุลยศักดิ์ได้ยินเสียงผิดปกติเดินมาดู ธีรธรต้องหมอบให้พ้นแนวต้นไม้ เขาจึงแนบตัวติดกับไศลาเอาหน้าชนแก้มเธอ กอดเธอแน่น ไศลาตัวเกร็ง สมุนเดินมาดูไม่เห็นอะไรก็เดินกลับเข้าไป ธีรธรยังกอดไศลาอยู่อย่างนั้น ไศลารีบบอก
“นี่คุณ มันไปแล้ว”
“ตัวคุณนี่หอมจังเลย”
ไศลาเคลิ้ม แต่แล้วก็คิดได้
“หยุดพูดแบบนี้ได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะพาออกไปจากที่นี่”
“อยากอยู่อย่างนี้ไปตลอดเวลา”
“คุณธี”
ไศลาผลักออก
“เดี๋ยวกล้องวงจรปิดเห็นผมนะ”
“ก็ช่างคุณสิ ฉันไม่สนหรอก”
“ถ้าคุณไม่สนแล้วคุณไปรักษาผมทำไม”
ไศลาเงียบ พยายามหันมองไปทางอื่น แต่ธีรธรจับหน้าเธอให้หันมาทางตนในระยะประชิด
“มองผมแล้วตอบมา”
“กฎของฉันคือห้ามฆ่าใคร ฉันเลยปล่อยให้คุณตายไม่ได้”
“ตาคุณไม่ได้ตอบแบบนั้น”
ไศลาพยายามเหลือบตาหันไปมองทางอื่นไม่ให้รู้ว่าเธออ่อนไหวเพียงไหน แต่ธีรธรก็ยังจ้องเธอ และไม่ลุกจากเธอง่ายๆ เขาเอามือจับที่ท้องของเธอบริเวณที่เป็นแผลโดนยิงจากที่ช่วยเขา
“เจ็บมั้ย”
ไศลารู้สึกดีเหลือเกินแต่ได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ ธีรธรค่อยๆบรรจงจูบเธอภายใต้แสงจันทร์ ไศลาเคลิ้มไปกับธีรธร แต่เธอนึกได้รีบผลักเขาออกจากตัว แล้วรีบลุกขึ้นทันที
“ตามฉันมา ฉันจะพาคุณออกไปจากที่นี่ มันอันตรายเกินไป”
ธีรธรมองไศลาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ไศลาไม่มองเขา
ไศลาพาธีรธรมาที่สวนสาธารณะ
“คุณไปซะเถอะ แล้วอย่าเสี่ยงทำแบบนี้อีก”
“คุณยังไม่ตอบผมเลย คุณยิงผมแล้วช่วยผมไว้ทำไม”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันฆ่าใครไม่ได้ คุณกลับไปเถอะ อย่ามายุ่งกับฉันอีก”
“ผมเป็นห่วงคุณ ออกมาจากที่นั่นเถอะ มันอันตราย”
“คุณกลับไปเถอะ ฉันเลือกแล้ว”
“คุณไม่ใช่คนเลว ผมรู้”
“คุณไม่รู้จักฉันดีขนาดนั้น เราเพิ่งรู้จักกันไม่นานเอง”
ธีรธรหงุดหงิด
“แฟนเก่าคุณมันดีกว่าผมตรงไหน”
“คุณเอาชนะอดีตไม่ได้หรอก กลับไปเถอะ”
“ทั้งที่เขาเลวงั้นเหรอ”
“ใช่...ไม่ว่าคุณทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์หรอก แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก”
ไศลาหันหลังเดินจากไปธีรธรเจ็บปวด ไศลาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน ธีรธรตะโกนไล่หลัง
“แล้วคุณช่วยผมทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ตายไปเลยล่ะ”
ไศลาไม่ตอบอะไร เดินจากไปเหมือนเดิม
ชูชิตเคลียร์เอกสารต่างๆบนโต๊ะ นาถสุดาเดินมาจากฉันบน
“มัวแต่วุ่นอยู่นี่ จะรู้มั้ยว่านางไศลาอยู่ที่บ้านนายน่ะ ตกเป็นเมียของนายไปรึยัง”
“ไศไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ใครจะไปรู้...ทำไมอยู่ๆนายก็ไว้ใจมัน ให้มันส่งของล็อตใหญ่ล่ะ”
ชูชิตชะงัก
“ส่งของล็อตใหญ่”
“ก็ใช่น่ะสิ ลูกค้าสำคัญซะด้วย อย่างกับเอาตัวเข้าแลก”
ชูชิตโกรธ
“ไศลาไม่ใช่คุณนะนาถสุดา”
นาถสุดาไม่พอใจ
“ทำไม...เป็นฉันแล้วเป็นไง”
ชูชิตปิดแฟ้มงานอย่างหงุดหงิด
“นายนะนาย”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงมือถือชูชิตดังขึ้น เขากดรับสาย
“เออ ว่าไง...ไม่สำเร็จ...เรื่องแค่นี้ทำไมทำพลาดได้...ฉันไม่น่าไว้ใจพวกแกเลยจัดการเองก็ดี”
ชูชิตวางสายหงุดหงิดกับทุกอย่าง
“โอ๊ย...มีแต่เรื่องไม่ดี”
นาถสุดาแทรกขึ้น
“แล้วก็อย่าลืมเรื่องงานหมั้นด้วยล่ะ ฉันจัดการคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ”
ชูชิตหันขวับมาพูดเสียงแข็งใส่
“ฉันไม่หมั้น”
นาถสุดาเบ้หน้า
“ฉันอยากหมั้นตายล่ะมั้งน่ะ ถ้าไม่อยากแกก็ไปคุยกับนายเองสิ”
ชูชิตแววตามุ่งมั่น
ไศลาเดินออกมาที่ระเบียง เธอแหงนมองฟ้าหน้าตาเศร้าหมอง
“พ่อคะ...ถ้าไศเลือกแล้วที่จะทำเพื่อคนอื่นแล้วไศจะต้องเดียวดายตลอดไปรึเปล่าคะ ไศเดินถูกทางอยู่ใช่มั้ยคะพ่อ ทำไมไม่มีใครอยู่ข้างไศเลย”
ไศลาพูดกับลมกับฟ้า น้ำตาซึม
ธีรธรขับรถเข้ามาจอดที่บ้าน เขาลงจากรถหน้าตาไม่รับแขก นิ่มนวลรีบถลาเข้ามาหาทันที
“พี่ธีหายไปไหนมาคะ นิ่มโทรไปก็ปิดเครื่องตลอด เกิดอะไรขึ้นคะ รู้มั้ยว่านิ่มกับคุณป้าเป็นห่วงพี่ธีมาก”
ธีรธรไม่ตอบนิ่มนวล เดินเหม่อจะขึ้นห้อง นิ่มนวลเริ่มอารมณ์เสีย
“พี่ธีคะ นิ่มพูดกับพี่ธีนะคะ อย่าทำเหมือนนิ่มไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้”
ธีรธรถอนหายใจเซ็ง
“นิ่ม พี่เหนื่อยมาก ไม่อยากคุยกับใคร”
“แค่ตอบว่าไปไหนมา มันคงไม่ทำให้หอบ หรือหายใจไม่ทันหรอกมั้งคะ”
ธีรธรมองหน้าไม่พอใจ
“นิ่ม...เราไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่ไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถาม”
“ใช่ค่ะนิ่มทราบ ถ้าพี่ธีไม่แคร์นิ่มก็แคร์แม่พี่ธีบ้าง พี่ธีอาจจะยุ่งทั้งวันจนไม่มีเวลาบอกใครไม่อยากตอบคำถามใคร แต่พี่ธีรู้มั้ยเวลาของคนที่รอกับคนที่จากไปมันไม่เท่ากัน เรารอพี่ธีอยู่ที่บ้านโดยติดต่อไม่ได้มันยาวนานจนกังวลใจกันไปหมด”
“พี่จะไปขอโทษแม่เองพรุ่งนี้”
ธีรธรเดินหันหลังจากไป นิ่มนวลน้ำตาคลอเบ้าที่เขาไม่แคร์เธอเลย
ธีรธรเดินออกมาที่ระเบียง แหงนมองฟ้า
“คุณดีหรือร้ายกันแน่นะไศลา ผมจะทำยังไงกับคุณดี”
สายวันใหม่...ดุลยศักดิ์กำลังให้ข้อมูลไศลาเกี่ยวกับการส่งของ ไศลาฟังอย่างตั้งใจ
“เธอก็แค่ปลอมตัวให้คนจำไม่ได้ แล้วก็เข้าไปส่งของ ภายในจะมีคนพวกเราแฝงอยู่ด้วยตลอด เธอไม่ต้องกลัว”
ชูชิตเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของดุลกับไศลา
“นายครับ งานนี้ให้ผมทำแทนไศเถอะครับ”
ดุลยศักดิ์หัวเราะเสียงดัง
“อะไรทำให้แกมาขอฉันแบบนี้ห๊าชูชิต”
“ผมว่างานนี้มันจะเสี่ยงอันตรายเกินไปกับไศครับ”
“แกคิดว่าแกศักยภาพดีพอที่จะทำงานใหญ่รึไง งานง่ายๆแกยังล้มเหลวเลยชูชิต”
“แล้วนายมั่นใจในตัวไศขนาดนั้นเลยเหรอครับ เธออาจจะหักหลังเรามอบหลักฐานให้ตำรวจอีกก็ได้”
ดุลยศักดิ์หันไปมองไศลา
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นอย่างนั้นรึเปล่า”
ดุลยศักดิ์หน้าตาเจ้าเล่ห์มอง ไศลาส่งยิ้มกลับไปให้ดุลยศักดิ์ไม่ตอบอะไร
“แกไปจัดการเรื่องงานหมั้นให้เรียบร้อยก็แล้วกัน”
ไศลาแปลกใจ
“งานหมั้นอะไรเหรอคะ”
ชูชิตรีบบอก
“ไม่มีอะไรจ้ะไศ”
“จะไปโกหกเขาทำไม ก็บอกไปว่าแกจะหมั้นกับนาถสุดา”
“มันแค่จัดฉากเพื่องานเท่านั้นจ้ะไศ ผมไม่ได้รักนาถสุดาเลย”
“แกไปจัดการเรื่องของแกให้เรียบร้อยไป อย่ามาวุ่นวายตรงนี้”
ชูชิตไม่กล้าขัดคำสั่งนาย ได้แต่เดินออกไป ไศลาเก็บข้อมูล
ธีรธรลงมาจากบ้าน พบวงทองและนิ่มนวลรออยู่
“คุณแม่”
“ไปไหนมาลูก แม่เป็นห่วงแทบแย่”
“ทำงานน่ะครับ”
“แล้วหนูไศเขาก็...”
ธีรธรรีบบอก
“เขาคงไม่กลับมาแล้วละครับ”
“เขาก็มาลาแม่แล้วล่ะ บอกว่าจะไปทำงาน แล้วนี่ไม่ได้ทำงานด้วยกันหรอกเหรอ”
นิ่มนวลสอดขึ้น
“ก็คงทำมั้งคะคุณป้า เพราะไม่งั้นพี่ธีคงไม่หายไปจนไม่สนใจใครที่บ้านหรอกค่ะ”
ธีรธรไม่พอใจ
“พี่ว่าถ้านิ่มไม่รู้อะไร ก็ปล่อยให้พี่ตอบดีกว่ามั้ย” ธีรธรหันไปตอบแม่ “เราแยกกันทำแล้วน่ะครับ”
วงทองพยักหน้ารับทราบ
“เอาเป็นว่าถ้าเจอก็ฝากบอกให้มาเยี่ยมแม่บ้างก็แล้วกันนะ”
นิ่มนวลขัดใจ
“คุณป้า”
ธีรธรยิ้ม
“ครับแม่”
“ธี พักนี้แม่ฝันไม่ค่อยดีเลย”
วงทองหยิบพระเลี่ยมทองไม่มีสร้อยขึ้นมา
“แม่อยากให้ลูก พกสิ่งนี้ไว้กับตัว ท่านจะได้คุ้มครองลูกให้แคล้วคลาดปลอดภัยนะ”
ธีรธรรับพระมาจากแม่
“ขอบคุณครับแม่ ผมจะพกติดตัวไว้ตลอดเวลาเลยครับ”
ธีรธรเอาใส่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายเข้ากอดแม่ของตน นิ่มนวลได้แต่มอง
ไศลาแต่งตัวเปรี้ยวมากผิดกับไศลาคนเดิม เธอนุ่งสั้นรัดรูปโชว์เนินอกและเรียวขา แต่งหน้าจัด แล้วหยิบวิกผมสุดเปรี้ยวมา ใส่เพื่ออำพรางตัว ไศลามองตัวเองหน้ากระจก ก่อนจะเอามือเปิดสวิตช์กล้องกระดุมที่ติดอยู่กับเสื้อของเธอ
จ่านิดและตำรวจอีก 2 นายกำลังดูหน้าจอบางอย่างลุ้นกันซี้ดซ้าด มีคนหนึ่งเป็นคนคุมเครื่องมือ จ่านิดตาลุก
“แม่เจ้าเว้ย พอแต่งตัวแบบนี้แล้วมัน...ขนลุกเลยนะเนี่ย”
ธีรธรเดินเข้ามาในห้อง
“ทำอะไรกันอยู่ ทำไมไม่ไปทำงาน”
“ก็นี่ละครับทำงานอยู่” จ่านิดมองจอแล้วส่งเสียงซี้ดซ้าดไปด้วย “ผู้การสั่งมาให้มาดู...ว้าว”
“ดูอะไร”
“ก็ภารกิจ”
เสริมพงษ์เดินเข้ามาตอบธีรธรแทนจ่านิด
“ก็ภารกิจการซื้อยาบ้าข้ามชาติไงล่ะ”
ธีรธรงง ไม่รู้เรื่องด้วย เขารีบเดินมาดูที่หน้าจอ แล้วเขาก็ต้องตกใจที่เห็นไศลาในลุคที่เปรี้ยวมาก
“นี่คืออะไรครับ”
เสริมพงษ์ยิ้ม
“คุณไศลารายงานผมมาว่าวันนี้ จะมีการส่งยาข้ามชาติโดยเธอจะเป็นคนปฏิบัติภารกิจนี้ เพราะได้รับมอบหมายจากเอเย่นต์รายใหญ่ของบ้านเราผมก็เลยให้ คุณไศลาซ่อนกล้องไว้แล้วก็บันทึกทุกอย่างไว้เป็นหลักฐาน”
“ทำไมไม่มีใครบอกผมเลย นี่มันอันตรายมากเลยนะครับ”
“คุณไศลาเขาอาสาเอง”
ธีรธรเครียดจะเดินออกไปจากห้องไปช่วยไศลา เสริมพงษ์ห้ามไว้
“คุณคิดดูดีๆผู้กอง ถ้าคุณบุกเข้าไปช่วยคุณไศลาตอนนี้ ไม่มีผลดีกับใคร ไม่ได้หลักฐาน แล้วคุณไศลากับคุณอาจจะตายเปล่า”
ธีรธรนิ่งคิดตามที่เสริมพงษ์ว่า ถอนหายใจ เครียด จ่านิดดูหน้าจอแล้วส่งเสียงซื้ดซ้าดมาอีก
“โอ้วแม่เจ้าเว้ย”
ธีรธรได้ยินก็โมโห รีบเดินไปปิดหน้าจอทันที จ่านิดหน้าเหวอ
“อ้าวผู้กอง”
“เขายังไม่เริ่มงานเลย จะมาดูอะไรเนี่ย ไปทำอย่างอื่นไปตรงนี้ฉันจัดการเอง”
“นั่นแน่ะ...หวงไว้ดูคนเดียวนะผู้กอง”
“อะไร...ไม่ใช่เว้ย”
เสริมพงษ์มองดูธีรธรและจ่านิดยิ้มๆ
“ถ้าเราได้หลักฐานชิ้นใหญ่ คราวนี้ไม่ว่าใครก็ดิ้นไม่หลุดแน่”
จ่านิจเห็นด้วย
“จริงครับผู้การ”
ธีรธรก็อยากจะเห็นด้วย แต่ก็ห่วงไศลา
ไศลาเดินลงมาจากชั้นบน ดุลยศักดิ์ ชูชิต นาถสุดา ทุกคนพร้อมกันรอเธออยู่ ชูชิตตะลึงในสไตล์ใหม่ของไศลา ดุลยศักดิ์มองอย่างชื่นชม
“เธอแต่งตัวแบบนี้แล้วสวยจริงๆ”
ชูชิตเคลิ้มๆ
“สวยมาก”
“สวยไม่แพ้นาถสุดาเลย”
นาถสุดาทำหน้าเบื่อหน่าย
“ระวังเถอะ จะทำล่มไม่เป็นท่า”
“ทำตามรายละเอียดที่ฉันบอกเธอไว้” ดุลยศักดิ์กำชับ
ไศลาพยักหน้ารับ
“ตอนนี้รถมารอเธออยู่แล้ว พร้อมทั้งของที่จะจัดส่งด้วย โยคีจะคุมอยู่ ห่างๆอีกที”
“ค่ะ”
ไศลาหวั่นๆกับสิ่งที่เธอทำอยู่
รถข้ามาจอดเทียบ คนขับรถเปิดประตูให้ไศลา ชูชิตมองอย่างเป็นห่วง
“ไศดูแลตัวเองดีๆนะ”
“กลัวจะกลายเป็นศพกลับมาละไม่ว่า” นาถสุดาแดกดัน
ชูชิตตวาด
“หุบปากไปเลย”
ดุลยศักดิ์มองนิ่งไม่พูดอะไร ไศลาก้าวขึ้นรถไป รถออกไป ดุลยศักดิ์ยังมองตาม
“นายนี่ก็ใจร้ายเนอะ งานใหญ่ขนาดนี้แถมเสี่ยงอีกต่างหากปล่อยให้นางไศลาไปทำคนเดียว” นาถสุดาประชดประชัน
“ถ้าอยากจะดูใจคนมันก็ต้องทำแบบนี้แหละ จริงมั้ย”
ดุลยศักดิ์มองที่ชูชิตและนาถสุดา ทั้งสองหลบตา
ธีรธรอยู่ในห้องคนเดียวมองหน้าจออย่างลุ้นๆ ไปหมด กลัวไศลาจะเป็นอันตราย
“ทำไมคุณทำแบบนี้นะไศลา”
อยู่ๆจ่านิดก็โผล่มา
“คุณไศทำเพื่อคนอื่นไม่ดีเหรอครับผู้กอง”
“มันก็ดี” ธีรธรพูดอย่างไม่เต็มใจนัก
จ่านิดแซวๆ
“แต่อยากให้ทำเพื่อผู้กองคนเดียวมากกว่าใช่มั้ย”
ธีรธรเขินๆที่จ่านิดรู้ความในใจตน เขาบ่ายเบี่ยง
“เตรียมทำงานได้แล้ว มัวแต่พูดเล่นอยู่นั่นแหละ”
จ่านิดยิ้มล้อๆ
“นั่นแน่...ทำเป็นเข้ม”
ธีรธรเขินๆทำเป็นมองจอต่อไป เขาถอนหายใจเป็นห่วงไศลา
สุทธิพงษ์ยืนรอธิดารัตน์อยู่ด้านหน้า สถานบันเทิงยามค่ำคืน ไม่นานธิดารัตน์รีบวิ่งมาหา
“รอนานมั้ย”
“นึกว่าจะมาไม่ได้ซะแล้ว”
“ต้องแอบที่บ้านออกมาน่ะสิ กว่าจะเข้าห้องนอนกันหมด”
“วันหลังก็บอกสิ...ว่ามาไม่ได้ไม่ได้อยากให้เสี่ยงขนาดนี้ซะหน่อย”
“ก็ที่ไม่บอก...ไม่เข้าใจรึไงว่าเพราะอยากมาด้วยกัน”
สุทธิพงษ์อมยิ้ม
“ไปเถอะ...เดี๋ยวดึก”
ธิดารัตน์เอื้อมมือไปจับมือสุทธิพงษ์ แล้วจูงเดินนำหน้า สุทธิพงษ์เห็นแล้วก็รู้สึกดี
ลูกค้ากลุ่มใหญ่กำลังจะเข้าไปในผับ สุทธิพงษ์กับธิดารัตน์จะแอบเนียนเข้าไปด้วย คนตรวจบัตรด้านหน้ากักไว้
“ขอดูบัตรประชาชนหน่อยครับ”
ธิดารัตน์กับสุทธิพงษ์มองหน้ากันเลิกลั่ก
“อายุไม่ถึงใช่มั้ยเนี่ย”
“ขอเข้าไปหน่อยเถอะพี่ น้องอยากเห็นว่าเป็นยังไง”
“ไม่ได้หรอกน้อง พักนี้ตำรวจเข้ม พี่ไม่เสี่ยงด้วยหรอก”
ธิดารัตน์อ้อนวอน
“เข้าไปดูแป๊บเดียวเองพี่”
คนตรวจบัตรเสียงแข็งใส่
“บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ”
ธิดารัตน์กับสุทธิพงษ์ทำหน้าเซ็ง กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินมาวัยรุ่นคนหนึ่ง หยิบบัตรเชิญขึ้นโชว์เพื่อน
“นี่เว้ย พี่กูให้มา ปาร์ตี้ในเซฟเฮาส์อย่างเด็ด”
เพื่อนดีใจ
“จริงเหรอวะ กูไปด้วยดิ”
“เออดิ เดี๋ยวเข้าไปหาพวกมันแล้วเราค่อยไป แต่มึงอย่าบอกพวกมันนะเว้ย กูมีบัตรแค่สองใบ”
วัยรุ่น เก็บบัตรใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง สุทธิพงษ์มองดูวัยรุ่นสองคนคุยกัน ธิดารัตน์ไม่ได้สนใจหันมาถามสุทธิพงษ์
“แล้วเราจะเอาไงล่ะทีนี้”
สุทธิพงษ์ยิ้มๆไม่พูดอะไร เขาพาไก่น้อยเดินชนกับวัยรุ่น ทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจ วัยรุ่นมองหน้าจะเอาเรื่อง
“ขอโทษครับพี่ ขอโทษครับ”
“วันหลังก็เดินให้มันดีๆหน่อย”
“ครับพี่”
พอวัยรุ่น เดินเข้าไป สุทธิพงษ์ก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ธิดารัตน์หันมาชวน
“ไปร้านนมกันมั้ย”
“ไปที่เด็ดกว่านั้นดีกว่า”
สุทธิพงษ์หยิบบัตรเข้าเซฟเฮาส์ขึ้นมาโชว์ยิ้มๆ ไก่น้อยมองงงๆไม่เข้าใจนัก
อ่านต่อหน้าที่ 2
กุหลาบไฟ ตอนที่ 8 (ต่อ)
รถของไศลาเข้ามาจอดเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง เธอเดินลงจากรถ พนักงานออกมาต้อนรับ พาเธอเข้าไป สมุนของดุลยศักดิ์ตามประกบ พร้อมกับกระเป๋าที่ใส่ยา
ไศลาเดินเข้ามาภายใน เห็นผู้คนมากมายกำลังเต้นสนุกกับเพลง ทุกคนดูไฮโซ เธอมองคนตามโต๊ะต่างๆที่ดูเมาๆ...เพ้อ...บางคนหยิบยาไอซ์ขึ้นมากินกันอย่างโจ่งแจ้ง จึงรู้ทันทีว่านี่เป็นปาร์ตี้ยาเสพติด ชายชุดดำใส่สูทท่าทางภูมิฐานเดินมาต้อนรับไศลา
“เชิญทางนี้ครับ”
ไศลาพยักหน้า เดินตามชายชุดดำเข้าไป
ธีรธร จ่านิด เสริมพงษ์ จ้องดูจอที่ถ่ายจากกล้องกระดุมของไศลา
“นี่มันปาร์ตี้ยากันกลางเมืองแบบนี้เลยเหรอเนี่ย” จ่านิดหน้าตื่น
ธีรธรหันมาถามเสริมพงษ์
“เซฟเฮ้าส์นี่มันของใครกันครับผู้การ”
“ของนักการเมืองคนนึง”
“นี่มันเหยียบจมูกเรามากเลยนะครับ”
จ่านิดแปลกใจ
“เราจะไม่ทำอะไรกันหน่อยเหรอครับผู้การ”
เสริมพงษ์หน้านิ่ง
“รอเก็บหลักฐานให้มันดิ้นไม่หลุดดีกว่า”
ธีรธรมองในจอเห็นไศลาเดินเข้าไปด้านใน เขาถอนหายใจขึ้นมา จ่านิดหันมาถาม
“เป็นห่วงคุณไศลาเหรอครับผู้กอง”
ธีรธรมองจ่านิดนิ่งๆ ไม่ตอบอะไร
ไศลาเดินเข้ามาในห้องวีไอพี ชายชุดดำผายมือเชิญไศลานั่ง
“เชิญคุณนั่งก่อนสิรับ”
ไศลานั่งตามคำเชิญ ชายชุดดำมองสมุนที่ตามประกบ
“ขอผมคุยกับผู้หญิงคนนี้เป็นการส่วนตัว ได้มั้ยครับ”
สมุนมองมาที่ไศลา เธอพยักหน้าให้ออกไปตามคำขอ สมุนเดินออกไป เหลือเพียงไศลากับชายชุดดำตามลำพังในห้อง ไศลาตื่นเต้นไม่น้อย เพราะไม่รู้ว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ชายชุดดำมองไศลาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ พนักงานยกเครื่องดื่มสีสันสดใสมาเสิร์ฟให้แล้วออกไป
“ดื่มหน่อยสิครับ”
“ฉันอยากทำงานให้เสร็จก่อนค่ะ”
ชายชุดดำเหล่มอง
“กลัวเราวางยารึไงครับ”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่อยากดื่มเวลางาน”
“งั้นก็แย่หน่อยละ เพราะผมไม่ชอบคุยกับคนที่ไม่ดื่ม มันไม่สนุก”
ไศลาเริ่มลังเล ไม่แน่ใจว่าจะเอายังไงดี
ธีรธรเป็นห่วงไศลามาก
“คุณ...อย่ากินเชียวนะ”
ธีรธรเคาะโต๊ะรัวเป็นกลอง มองภาพลุ้นๆ
ไศลาหยิบแก้วขึ้นมา ตัดสินจะดื่ม ชายชุดดำถือโอกาสยกแก้วตน เพื่อมาชนกัน ไศลาชนเก้วกับชายชุดดำ เธอยกมันเพียงแค่จิบเท่านั้น ชายชุดดำมองไศลาด้วยแววตาลวนลาม
“คุณจะไม่แนะนำตัวหน่อยเลยเหรอคะ”
“นึกว่าคุณจะไม่ถามซะแล้ว”
“มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ถามละคะ เราอาจต้องทำธุรกิจกันระยะยาวไม่ใช่เหรอคะ”
“ถ้างั้นผมว่าเราน่าจะรู้จักกันมากกว่าแค่ชื่อนะครับ”
ชายชุดดำเอื้อมมือมาจับมือ ไศลาตกใจแต่ทำนิ่งไว้
ธีรธรถึงกับเอามือทุบโต๊ะ โมโหขึ้นมาทันที จนเสริมพงษ์ต้องปราม
“ผู้กอง...ใจเย็นๆ”
“ผมดูเฉยๆไม่ได้แล้วนะครับ แบบนี้มันอันตรายเกินไป”
“ผมเชื่อว่าคุณไศลาน่าจะเอาตัวรอดได้น่า ดูๆไปก่อนเถอะ”
ไศลารีบเปลี่ยนเรื่องเข้าเรื่องงาน เธอทำเป็นพูดยั่วๆ
“เรื่องนั้นค่อยว่ากันดีมั้ยคะ”
ไศลาเอามือลูบไล้ชายชุดดำเบาๆ เป็นการยั่วยวน
“จัดการให้เสร็จทีละเรื่อง...”
ไศลาส่งยิ้มหวานยั่วยวน ชายชุดดำแทบอดใจไม่ไหว
“ผมไม่เคยทำธุรกิจกับใครที่สวยขนาดคุณมาก่อนเลย”
“งั้นก็บอกให้คุณเฉินเจ้านายคุณสิคะว่า ให้วางแผนธุรกิจระยะยาวกับเรา”
“ไว้คุณคุยกับท่านเองดีกว่าครับ”
เด็กเสิร์ฟเดินเข้ามากระซิบชายชุดดำ เขารีบลุกขึ้นไปยืนรอรับที่ประตูทันที เฉินชายจีนท่าทางสูงอายุท่าทางภูมิฐาน พร้อมกับสมุนอีก 4 คนเดินเข้ามา ชายชุดดำโค้งให้เป็นการแสดงความเคารพ ไศลาลุกขึ้นยืนเป็นการต้อนรับ เฉินพูดไทยไม่ชัดนัก
“เธอเป็นคนที่ดุลยศักดิ์จัดไว้ให้สินะ”
ไศลาเริ่มหน้าเสีย ไม่ค่อยเข้าใจคำของเขานัก เฉินนั่งลงที่เก้าอี้ สมุนตามประกบ ไศลาพยายามดึงเข้าเรื่องงาน
“จะดูของของเราก่อนมั้ยคะ”
“ฉันขอดูเธอก่อนเลยดีกว่า ว่าดุลยศักดิ์น่ะจัดของดีมาแค่ไหน”
ไศลาเริ่มรู้สึกแปลกๆ กวาดสายตามองไปทั่ว
สมุนของเฉินเข้ามาประกบ เธอเริ่มระแวงกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นแต่พยายามคุมสติไว้
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ดุลยศักดิ์คงไม่ได้บอกเธอสินะ ก็ดีเหมือนกัน...น่าตื่นเต้นดี”
“ฉันว่าเรามาคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่า”
“นี่ไงธุรกิจ ทำอย่างกับไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน”
“หมายความว่ายังไง”
เฉินกับสมุนหัวเราะเสียงดัง ขำไศลาที่ไม่รู้เรื่องอะไร ชายชุดดำมองหน้าไศลา
“อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้ว่ายากับผู้หญิงเป็นของคู่กันแล้วเธอไม่รู้ว่าที่ ธุรกิจของดุลยศักดิ์มันเฟื่องฟู...เพราะอะไร”
เฉินยิ้มๆ
“เพิ่งมาทำงานใหม่สินะ”
ไศลาหวาดระแวงมองไปทุกทางเพื่อหาทางหนีทีไล่
ธีรธรนั่งไม่ติดอีกแล้ว เขาหยิบเสื้อคลุมลุกออกจากตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรเลยรีบเดินออกไป เสริมพงษ์เรียกไว้
“ผู้กอง...ผู้กอง”
ธีรธรไม่ฟังเสียงใครแล้ว เขาเดินจ้ำออกไปเร็วสุดเท่าที่จะทำได้”
เสริมพงษ์หันมาสั่งจ้านิด
“จ่า ตามไปถ่วงเวลาเท่าที่จะทำได้ อย่าให้ทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด ไม่งั้นเราไม่ได้หลักฐานอะไรเลยแน่ๆ”
“ครับผู้การ”
จ่านิดรีบวิ่งตามธีรธรไป
ธีรธรขึ้นรถสตาร์ทเตรียมไปช่วยไศลาที่เซฟเฮาส์ทันที จ่านิดวิ่งกระหืดกระหอบมาดักหน้ารถธีรธรที่กำลังจะออกตัว ธีรธรเบรกกะทันหันเปิดกระจกออกมาโวยวาย
“จ่าจะทำอะไรของจ่าเนี่ย”
“ผมทำตามคำสั่งผู้การครับ”
จ่านิดวิ่งมาเปิดประตูขึ้นรถฝั่งคนนั่งทันที
“ผู้กองไปไหนผมไปด้วยครับ”
ธีรธรไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะอยากรีบไปช่วยไศลาให้เร็วที่สุด
สุทธิพงษ์พาธิดารัตน์มายืนที่หน้าเซฟเฮาส์ คนเฝ้าประตูมองไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก ธิดารัตน์เองก็ไม่ค่อยจะมั่นใจนัก
“แน่ใจเหรอว่าเราจะเข้าไปได้ ดูมันเป็นที่ส่วนตัวนะ”
“ไม่น่ามีปัญหาหรอก”
สุทธิพงษ์ยื่นบัตรเชิญให้คนเฝ้าประตู คนเฝ้าประตูมองทั้งคู่ แล้วพยักหน้าให้เข้าไปได้ สุทธิพงษ์ และธิดารัตน์ยิ้ม แล้วเดินเข้าไปข้างใน
สุทธิพงษ์ตื่นตาตื่นใจมากเมื่อเข้าไปด้านใน ธิดารัตน์ก็ไม่ต่างกันนัก
“ที่นี่คือที่ไหน ทำไมเขาไม่ตรวจบัตรเหมือนที่อื่นล่ะ”
“ที่นี่คือเซฟเฮาส์ เป็นที่ส่วนตัวของคนรวยน่ะ เขาอยากจะจัดอะไรในนี้ก็ได้”
“มีแต่คนรวยในนี้เหรอ...”
สุทธิพงษ์หยิบไวน์ที่เด็กเสิร์ฟถือใส่ถาดมาเสิร์ฟ เขาหยิบเผื่อสำหรับเธอ ธิดารัตน์หยิบมาอย่างว่าง่าย เธอยกดื่มอย่างไม่คิดอะไรแต่ก็แทบสำลักกับรสชาติ
“ขมปี๋ ไม่เห็นอร่อยเลย”
ธิดารัตน์คืนแก้วให้ สุทธิพงษ์รับมากินอย่างอร่อย ธิดารัตน์มองหาที่นั่ง เธอมุ่งไปยังทีว่าง สุทธิพงษ์รีบวิ่งตามไป
ไศลาหวาดระแวงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัว ชายชุดดำ เฉิน และสมุนต่างก็ยิ้มในความไม่รู้ของเธอ เฉินมองเยาะๆ
“ถามจริงๆ เธอไม่สงสัยบ้างเหรอ ว่าฉันสั่งยาล็อตใหญ่ขนาดนี้ทำไมเสี่ยดุลถึงไม่มาส่งด้วยตัวเองแต่ส่งเธอซึ่งดูไม่รู้เรื่องอะไรเลยมาต้อนรับลูกค้ารายใหญ่อย่างฉัน เธอไม่คิดว่ามันผิดปกติเหรอ”
ไศลายังไม่เข้าใจ
“หมายความว่า...”
เฉินยิ้ม
“เธอเป็นบริการเสริมไง ตอนแรกฉันคิดว่าจะได้ลองกับยายดารานั่นซะอีกแต่ก็ดี...” เฉินมองด้วยสายตาลวนลาม “เธอก็สวยไม่ใช่เล่นเลย”
เฉินพูดจบก็เอามือลูบไล้ไศลาทันที
“ทำตัวไม่ถูกนัก เธอหันมองหาสมุนของดุลยศักดิ์ที่มากับตนก็ไม่มีใครโผล่มาสักคน ไศลารีบแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าทันที พยายามข่มความกลัวทั้งหมด
“คุณพูดถูก...ที่งานนี้เป็นงานแรกของฉัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้หน้าที่นะคะว่า ฉันต้องทำอะไร คุณอาจยังไม่รู้กฎข้อหนึ่งของการค้าขายสิคะ ว่าถ้าอยากได้ของแถม...ก็ต้องจ่ายเงินซื้อของใหญ่ก่อน จริงมั้ยคะ”
เฉินมองไศลาไม่เชื่อใจนัก
“ฉันอยู่ในที่ของคุณ คนของฉันก็มาแค่เท่าที่เห็นฉันจะหนีคุณไปไหนได้คะ จริงมั้ย”
ไศลาไม่ลืมทิ้งแววตายั่วยวนส่งไปให้ เฉินมองแล้วคิดตาม เขาหันไปมองชายชุดดำพยักหน้าส่งสัญญาณ ชายชุดดำพยักหน้ารับ หันไปมองลูกน้องด้านหลัง ลูกน้องหยิบกระเป๋ามาให้ ชายชุดดำนำมาวางบนโต๊ะพร้อมเปิด ภายในกระเป๋าเป็นเงินสดเรียงเต็มกระเป๋าไปหมด สมุนของเฉิน เปิดประตูให้สมุนของดุลยศักดิ์เข้ามา สมุนรู้หน้าที่หยิบกระเป๋าของทุกคนมาวางทั้งหมด 4 ใบ เปิดมาข้างในเป็นยาบ้าล้วนๆ
ไศลามองยาบ้าในกระเป๋าและมองเฉินอย่างเกลียดชัง สมุนดุลศักดิ์รับกระเป๋าเงินมา สมุนเฉินรับของไป
สมุนต่างแยกย้ายออกไป เหลือเพียงชายชุดดำ เฉิน และไศลาในห้องเท่านั้น
สุทธิพงษ์ยื่นไวน์ให้ ธิดารัตน์ส่ายหน้าเซ็งๆปฏิเสธ
“ไม่เห็นจะสนุกเลย มีแต่คนเมา”
“เธอแค่ยังไม่ชินต่างหาก”
“เราเลือกเรื่องที่จะชิน ในเรื่องที่ทำให้เราสบายใจ”
“ทำไม ไม่ชอบที่นี่เหรอ”
“ใช่...ฉันว่ามันแปลกๆ”
“โอเค...วันหลังฉันจะพาเธอไปในที่ที่เธอชอบบ้าง”
“จำคำพูดตัวเองไว้ละกัน”
ธิดารัตน์ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ สุทธิพงษ์มองตามห่วงใย
เฉินถอดเนคไทด์ของตนออก ปลดกระดุมเสื้อ ไศลาเริ่มอึกอัก พยายามจะหาทางเลี่ยงออกไปให้ได้
“เธอไม่ควรปล่อยให้ฉันทำสิ่งเหล่านี้เองหรอก จริงมั้ย”
ไศลาหน้าเจื่อนๆ และจำใจปลดกระดุมเสื้อ ถอดสูทให้เขา ในใจเธอพยายามจะคิดหาทางออกไปจากตรงนั้นทุกวิถีทาง ชายชุดดำก็จ้องเธออยู่เหมือนคอยดูอาการ
ธิดารัตน์เดินผ่านห้องวีไอพี เธอเดินไปดูว่าห้องอะไรตามประสาเด็กอยากรู้อยากเห็น ธิดารัตน์มองซ้ายขวาไม่เห็นใคร เธอจึงค่อยๆแง้มประตูห้องเผื่อแอบดู ภาพที่เธอเห็นคือ ไศลากำลังโดนเฉินลวนลาม เธอตกใจรีบปิดประตูทันที ทุกคนไปตามเสียงปิดประตู เฉินตะโกนถาม
“นั่นใครน่ะ”
ชายชุดดำรีบทะยานตามไปทันที ทุกอย่างหยุดชะงัก เฉินสั่งการ จับตัวมันมาให้ได้ ไศลาได้โอกาสนี้จึงรีบผละตัวออกจากเฉินเพื่อจะหนี แต่แค่มือเธอกำลังจะแตะประตูเธอก็ได้ยินเสียงเหนี่ยวไกปืนทันที ไศลาชะงักค่อยๆหันไปดูช้าๆ ก็พบว่ากระบอกปืนได้จ่ออยู่ที่หัวเธอแล้ว
“อย่าทำอะไรตุกติกกับฉัน ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นที่จะมาวิ่งไล่เธอ ฉันเป่าหัว เธอดับแน่”
ไศลามองกระบอกปืน มองหน้าเฉิน คิดแล้วเธอแสงก็สว่างวาบไปทั้งห้อง ดวงตาที่สามเธอเปิด เธอเตะกระบอกปืนจากมือของเขา เฉินเองก็มีวิชาอยู่พอตัว ต่อสู้กันเล็กน้อย แล้วเฉินก็พลาดถูกไศลาผลักกระเด็นออกไปเสียงโครมครามทำให้สมุนของเฉินวิ่งเข้ามาดู เฉินลงไปกองกับพื้น ไศลารีบเปิดประตูวิ่งหนีออกไป เฉินตะโกนลั่น
“จับมันกลับมาให้ได้”
ธิดารัตน์หนีเข้ามาในห้องน้ำ เธอไม่รู้จะทำยังไงดีเข้าไปในห้องส้วมห้องริมสุดแล้วปิดประตู ชายชุดดำวิ่งตามเข้ามามองคนที่อยู่ในห้องน้ำทีละคน นิ่งๆ คนที่อยู่ในห้องน้ำไม่รู้เรื่อง มองงงๆ ชายชุดดำยังมองแบบพินิจที่ละคน... ธิดารัตน์ตัวสั่นอยู่ในห้องน้ำ เธอปิดชักโครกลงแล้วนั่งกอดเข่าอยู่บนนั้น ภาวนาว่าขออย่าให้พวกมันมาเจอเธอเลย...
ไศลาวิ่งมาที่ห้องรวม มีผู้คนมากมายกำลังปาร์ตี้ สุทธิพงษ์กำลังสนุกกับการหยิบยาบ้าจากมุมต่างๆ ไศลาวิ่งมาต่อสู้กับเหล่าสมุน คนเริ่มกระจัดกระจาย แต่คนที่เมายาก็ไม่ได้ลุกไปไหน ไศลาหันไปเห็นสุทธิพงษ์ที่ยังยืนงงว่าเกิดเรื่องอะไร
“พงษ์ มาทำอะไรที่นี่”
สุทธิพงษ์หน้าตื่น
“พี่ไศ คือพงษ์...”
“ไม่ต้องเล่าแล้ว”
ไศลาคว้ามือสุทธิพงษ์พร้อมกับสู้กับเหล่าสมุนที่เข้ามารุมเธอ สุทธิพงษ์เองก็ได้แต่เป็นภาระทำอะไรไม่ได้ ขณะต่อสู้ กระดุมที่เป็นกล้องก็หลุดลงที่พื้น
ธีรธรจอดรถอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งออกจากรถ จ่านิดจะออกตาม ได้ยินเสียงโทรศัพท์ธีรธรดังซึ่งวางอยู่ในรถ จ่านิดหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์ที่เขียนว่า “บ้าน” จ่านิดเลยรับโทรศัพท์แทน
“ฮัลโหล”
กมลาหน้าตาเครียดมากถือหูโทรศัพท์
“นั่นใครน่ะ ฉันจะคุยกับนายธี”
“ผมจ่านิดครับ ผู้กองติดธุระสำคัญครับ”
“ไปเอานายธีมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้ ไม่มีอะไรสำคัญกว่าเรื่องของฉันอีกแล้ว”
“เอ่อ...คือผู้กองออกไปจับคนร้ายน่ะครับ”
“ก็ช่างคนร้ายมันปะไรล่ะ หลานในไส้ตัวเองหายไปทั้งคน คนร้ายมันจะสำคัญกว่าได้ยังไงไปเรียกนายธีมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้”
จ่านิดอึ้ง
“เอ่อ...”
“เดี๋ยวนี้”
“ครับ ถือสายรอสักครู่นะครับ”
จ่านิดวิ่งกระหืดกระหอบตามธีรธรไป
ธีรธรมาถึงหน้าเซฟเฮาส์ กำลังจะเข้าไป คนเฝ้าประตูห้ามไว้
“เข้าได้เฉพาะผู้มีบัตรเชิญเท่านั้นครับ”
ธีรธรจะหยิบบัตรตำรวจโชว์ เขาล้วงกระเป๋า
“แล้วบัตรนี้ล่ะ เข้าได้มั้ย”
แต่ยังไม่ทันที่ธีรธรจะได้โชว์ จ่านิดก็มาขัดจังหวะเสียก่อน
“รับโทรศัพท์ก่อนครับ สายสำคัญมาก”
“ไศลาเหรอ”
ธีรธรคิดว่าไศลา รีบรับโทรศัพท์ทันที
“คุณอยู่ไหนน่ะไศลา ผมอยู่ด้านหน้าแล้วเดี๋ยวผมจะเข้าไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้”
กมลาตวาดแว้ดทันทีที่ได้ยินธีรธรพูดถึงไศลา เข้าใจว่าอยู่ด้วยกัน
“กลับมาที่บ้านเดี๋ยวนี้เลยนะธี”
“มีอะไรครับเนี่ย ผมทำงานสำคัญอยู่”
“น้ำเสียงเปลี่ยนทันทีเลยนะตาธี พี่บอกให้เรากลับบ้านมาเดี๋ยวนี้”
“ก็ผมบอกว่าแล้วไงว่าทำงาน”
“งานอะไรของแก แกอยู่กับนางไศลา ฉันได้ยินนะที่แกพูดเมื่อกี้”
“คุณไศลาเขาทำงานให้ผม เขากำลังตกอยู่ในอันตราย”
“งั้นเธอก็ต้องเลือกแล้วว่าระหว่างยายผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่น กับไก่น้อยหลานแท้ๆของเธอ เธอจะเลือกใคร”
ธีรธรแปลกใจ
“ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับไก่น้อยครับ”
“ไก่น้อยหายออกไปจากบ้าน จนป่านนี้ยังไม่กลับ”
ธีรธรเครียด
“หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“เมื่อตอนหัวค่ำก็ยังคิดข้าวด้วยกันอยู่ แต่พอพี่จะเดินเข้าไปหยิบของที่ห้องไก่น้อย ปรากฏว่าแกหายไปแล้ว หาทั่วบ้านก็ไม่มีแถมกระเป๋าตังค์โทรศัพท์ก็หายไปหมด”
“แกออกไปหาเพื่อนรึเปล่าครับ”
“แล้วทำไมไม่บอกฉันหรือพ่อมันหน่อยล่ะเธอรีบกลับบ้านมา เดี๋ยวนี้เลยนะ ตาธีตอนนี้ไม่เป็นอันทำอะไรกันทั้งบ้านแล้ว”
ธีรธรลำบากใจ
“ฉันหวังว่าเธอคงไม่เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าหลานหรอกนะ อย่าลืมล่ะเธอเป็นตำรวจ แล้วก็เป็นความหวังเดียวของบ้าน”
ธีรธรเครียดหนักว่าเดิมหันมองประตูเซฟเฮาส์ อยากเข้าไปช่วยไศลาใจจะขาด เขาตัดสินใจบอกจ่านิด
“จ่า ผมฝากทางนี้ด้วย”
“ได้ครับผู้กอง”
ธีรธรแยกกลับไปที่รถเพื่อกลับไปที่บ้าน ปล่อยให้จ่านิดยืนดูลาดเลาอยู่หน้าเซฟเฮาส์
สมุนยิงปืนใส่ไศลา ผู้คนพากันแตกตื่นหลบกันจ้าละหวั่น ไศลาต้องต่อสู้ทั้งคนที่เข้ามาถึงตัวและหลบกระสุนปืน โดยมีภาระเป็นสุทธิพงษ์อีก
“เดี๋ยวพงษ์วิ่งหนีไปทางประตูนะ ถ้าพี่ไม่ตามออกไปพงษ์หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“พงษ์ไม่ไป พงษ์มากับเพื่อน พงษ์ต้องพาเพื่อนออกไปด้วย”
“คนที่นี่จะไม่มีใครเป็นอะไร พงษ์เชื่อพี่ ตอนนี้พงษ์ต้องดูแลตัวเองก่อน เพื่อพี่กับพี่อร”
“ไม่เห็นต้องทำเลย ไม่เห็นจะมีใครห่วงพงษ์จริงๆสักคนมีแต่ห่วงตัวเองกันทั้งนั้น”
“พงษ์...”
“พี่ไศจะไปไหน จะทำอะไรก็ทำเลย พงษ์ดูแลชีวิตของพงษ์ได้ พงษ์โตแล้ว”
“พงษ์...”
สุทธิพงษ์สะบัดมือจากไศลา แล้วจะวิ่งเข้าไปด้านใน
“ไก่น้อย...ไก่น้อย เธออยู่ไหนน่ะ”
สมุนไม่สนใจใครเป็นใคร ส่องปืน ลั่นไกมาที่สุทธิพงษ์ ไศลาจะวิ่งไปช่วย แต่ก็มีสมุนคนหนึ่งจู่โจมเข้ามา เธอจำเป็นต้องจัดการสมุนคนนั้นก่อนจึงไม่สามารถเข้าไปช่วยน้องได้ทัน สุทธิพงษ์โดนยิงเข้าอย่างจังล้มลง ไศลาเห็นก็ตกใจ
“พงษ์”
ผู้คนได้ยินเสียงปืนก็แตกตื่นกันออกไปจากห้องน้ำ ชายชุดดำถือปืน ค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำทีละห้อง ธิดารัตน์นั่งกอดเข่าบนฝาชัดโครก ร้องไห้ แต่พยายามจะร้องไห้ให้เงียบที่สุด ชายชุดดำเปิดไล่ดูประตูห้องน้ำทีละห้องจนมาถึงห้องธิดารัตน์ เธอรู้สึกได้ว่าประตูถูกผลัก เพราะกลอนขยับ ชายชุดดำค่อยๆก้มมองลอดได้ประตู ปรากฏว่าไม่มีขาของใคร แต่ดันประตูก็ไม่เปิด ชายชุดดำพอเดาได้ทันที
“ออกมาเถอะ ยังไงเธอก็หนีไม่พ้นหรอก”
ธิดารัตน์กลัวตัวสั่น ไม่รู้จะทำยังไง ชายชุดดำเขย่าประตู แล้วเขาก็เริ่มถีบประตูอย่างแรง เสียงโทรศัพท์ธิดารัตน์ดังขึ้น ขณะที่ชายชุดดำกำลังพังประตูเข้ามา เธอทำอะไรไม่ถูก ค่อยๆล้วงกระเป๋าไปกดรับ แต่เธอเองไม่พูดอะไร
ธีรธรโทรหาธิดารัตน์ มีการกดรับ แต่ไม่มีใครพูด
“ไก่น้อย...ไก่น้อย อยู่ไหนน่ะไก่น้อย”
ไม่มีเสียงตอบรับจากธิดารัตน์ แต่ได้ยินแต่เสียงปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ธีรธรร้อนใจ
“ไก่น้อย ไก่น้อย นี่น้าธีนะ ไก่น้อย ไก่น้อยอยู่ที่ไหน”
เสียงปึ้งๆจากโทรศัพท์หายไป ธีรธรได้ยินเสียงชายคนหนึ่งลอยเข้ามาในสายว่า
“เป็นเธอเองสินะ”
ธีรธรเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เสียงธิดารัตน์แว่วมาในสาย
“อย่าทำอะไรหนูเลย หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
ธีรธรฟังก็ตกใจ รู้ว่าธิดารัตน์อยู่ในอันตรายแน่ๆ แล้วสายก็ตัดไป
“ไก่น้อย”
ธีรธรเครียดจัด รีบขับรถออกไป
ไศลารีบเข้าไปประคองสุทธิพงษ์ที่ล้มลงไปกอง
“พงษ์อย่าเป็นอะไรนะ พงษ์ อย่าทิ้งพี่ไปอีกคนนะพงษ์”
ไศลาประคองพงษ์ขึ้นมาพร้อมกับสู้กับพวกสมุนทั้งหลายไปด้วย แม้ว่าจะมีตาที่สามทำให้มีพลังมากกว่าคนอื่น แต่การที่มีสุทธิพงษ์ที่แทบจะไม่ได้สติอยู่ด้วยนั้น ก็ตัดกำลังเธอไปมาก ไศลาพยายามจะแบกน้องชายออกไปจากที่นั่นให้ได้ จึงโดนยิงที่ไหล่เช่นกัน ก่อนที่เธอจะหนีพ้นประตูออกไปได้
ไศลาแบกสุทธิพงษ์มาด้านหน้า พยายามเรียกแท็กซี่แต่ไม่มีใครจอดเลย
“พงษ์อย่าเป็นอะไรนะ อดทนไว้ พี่จะต้องช่วยพงษ์ให้ได้”
ไศลาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ห่วงน้องชายมากกว่าตัวเอง
จ่านิดโทรรายงานเสริมพงษ์
“มีเสียงยิงกันภายในครับผู้การ ผมเข้าไปไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ...”
เสริมพงษ์ยืนอยู่หน้าจอ คุยโทรศัพท์กับจ่านิด
“สัญญาณภาพหายไป คิดว่ากล้องคงมีปัญหาหรือไม่ก็หลุดจากตัวคุณไศลาแล้ว”
“แล้วจะให้ผมทำอะไรกับเหตุการณ์นี้ดีครับ”
“กลับมาที่นี่ก่อน”
“แล้วคุณไศลาละครับ”
“ผมเชื่อว่าเธอเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าเราแสดงตัวตอนนี้ถ้าไศลาตกอยู่ในมือพวกมัน นั่นแหละจะอันตรายกว่า”
จ่านิดพยักหน้ารับ
“ครับผู้การ”
จ่านิดวางโทรศัพท์ มองที่จอดรถที่ว่างเปล่า
“กลับยังไงละเราทีนี้”
ไศลาโบกรถอยู่ข้างถนนไม่มีใครจอดเลย ตัวเธอเองเต็มไปด้วยเลือดทั้งของเธอและของสุทธิพงษ์ ไศลาร้องไห้ในชะตากรรมแล้วรถคันหนึ่งก็จอดตรงหน้าเธอ คนที่ลงมาจากรถคือชูชิตนั่นเอง
“ไศ...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“ชิตช่วยพงษ์ด้วย พงษ์แย่แล้ว”
“ผมกะแล้วว่าไอ้ดุลยศักดิ์มันไว้ใจได้ที่ไหน ไศขึ้นรถก่อน”
ไศลาเปิดประตูหลังรถให้ชูชิตแบกสุทธิพงษ์ขึ้นรถไป ชูชิตรีบเปิดประตูให้ไศลาเข้าไปนั่ง แล้วรีบขับรถไปโรงพยาบาลทันที
ชูชิตขับรถมามาจอดที่โรงพยาบาล บุรุษพยาบาลเข็นรถมาจอดรีบหามสุทธิพงษ์ขึ้นรถเข็น
“ช่วยน้องฉันด้วยนะคะ ช่วยน้องฉันด้วย”
พยาบาลรีบพาไศลานั่งรถเข็นเข้าไปเช่นกัน ชูชิตวิ่งตามไปอย่างห่วงๆ
อ่านต่อหน้าที่ 3
กุหลาบไฟ ตอนที่ 8 (ต่อ)
ธีรธรเข้าจอดรถในบ้าน ทุกคนก็แห่กันเข้ามาหาธีรธรทันที ธีรธรลงจากรถมา กมลาก็ใส่เป็นชุด
“ทำไมกว่าจะมาเอาป่านนี้ รู้มั้ยคนที่บ้านจะเป็นบ้าตายกันอยู่แล้ว”
“ผมอยู่ไกลจากที่นี่ ต้องให้เวลาเดินทางกันบ้าง”
“มัวแต่ห่วงผู้หญิง ใช้ได้ที่ไหน”
พันธ์พงษ์ปราม
“พอเถอะคุณ”
กมลาหันไปตวาดพันธ์พงษ์
“ถ้าไม่ช่วยอะไรก็หุบปากไปเลย”
ธีรธรมองหน้าทุกคน
“เรื่องมันเป็นยังไงกันครับ ใครช่วยเล่าให้ผมฟังที”
“ตอนหัวค่ำไก่น้อยก็ยังมากินข้าวด้วยกันอยู่เลยค่ะ แต่ก่อนจะขึ้นไปห้องนอน ไก่น้อยมาถามนิ่มว่า ...รถเมล์สายไหนที่จะไปอาร์ซีเอได้บ้าง นิ่มยังแซวแกเลยค่ะว่า ถึงไปก็เข้าไม่ได้ เพราะอายุไม่ถึง แกก็บอกว่าแกถามไปแบบนั้นแหละ” นิ่มนวลเล่า
กมลามองหน้านิ่มนวล
“แล้วทำไมเธอไม่บอกฉันล่ะนิ่มนวล”
“ก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่คะ”
ธีรธรตัดบท
“เอาละครับอย่าเพิ่งทะเลาะกัน หลังจากนั้นมีใครคุยกับไก่น้อยอีกมั้ย”
“ตอนสองทุ่มพี่ขึ้นไปส่งไก่น้อยที่ห้องนอน แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะ” พันธ์พงษ์บอก
กมลาคิดๆ
“ตอนสามทุ่มพี่ขึ้นไปจะเอาของที่ห้องไก่น้อย ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว โทรหาก็ไม่รับสายเลย ล่าสุดโทรไปก็ปิดเครื่องไปแล้ว”
วงทองนึกได้
“แม่เห็นไก่น้อยเดินลงมาข้างล่าง แกบอกว่าแกหิวเลยมาหานมดื่ม แม่เลยไม่ได้สงสัยอะไร”
ธีรธรครุ่นคิด
“เอาละครับ เท่าที่ได้ข้อมูล แปลว่าแกเป็นคนออกไปจากบ้านเอง มีใครรู้บ้างมั้ยครับว่า แกมีเพื่อน หรือคบใครที่นี่รึเปล่า”
กมลาสวน
“ไม่มีหรอก ฉันดูแลลูกฉันอย่างดี จะมีโอกาสไปเจอใครที่ไหนได้”
ธีรธรหนักใจ
“โอเคครับ...เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งกังวลกันไปนะครับ ผมจะออกไปลองตามหาดูตามที่ที่แกน่าจะไป”
นิ่มนวลรีบบอก
“นิ่มไปด้วยค่ะ”
“อย่าดีกว่าครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่าทุกคนรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านเนี่ยแหละ เผื่อว่าแกกลับมาผมขอตัวก่อนนะครับ”
ธีรธรเครียดมากกว่าทุกคน เพราะเสียงที่เขาได้ยินจากโทรศัพท์ธิดารัตน์ ส่วนคนอื่นๆก็ได้แต่ห่วงๆ
เฉินมองธิดารัตน์ด้วยแววตาอันดุดัน
“เธอเข้ามาแอบฟังตั้งแต่เมื่อไหร่”
ไก่น้อยร้องไห้
“หนูไม่ได้ยินอะไรเลยหนูแค่หาห้องน้ำ หนูไม่รู้ว่าห้องไหนเป็นห้องไหนหนูก็เลยเปิดไปมั่วๆ พอหนูเห็นหนูก็ตกใจ หนูไม่ได้เห็นไม่ได้ยินอะไรเลยจริงๆนะคะ”
ชายชุดดำหันมาถามเฉิน
“เอาไงดีครับนาย”
“เด็กสาวแบบนี้จะเอาไปทำอะไรล่ะ” เฉินหน้าเจ้าเล่ห์
ธิดารัตน์ร้องไห้
“ปล่อยหนูไปเถอะ หนูขอร้อง”
แต่ดูเหมือนน้ำตาของเธอจะไม่มีประโยชน์อะไร
ธีรธรขับรถผ่านถนนที่เป็นผับวัยรุ่น เขาค่อยๆมองหาธิดารัตน์ แต่ก็ไม่มีวี่แวว...ธีรธรขับมาผ่านหน้าเซฟเฮ้าส์ ก็เห็นมันปิดเงียบไปเสียแล้ว ธีรธรจอดรถธรมองที่เซฟเฮาส์ห่วงๆไศลาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาก็เห็นรอยเลือดเป็นทาง เขาใจไม่ดี
ธีรธรเข้ามาในห้องสืบสวน เจอจ่านิดนอนหลับฟุบโต๊ะอยู่ ธีรธรปลุกจ่าทันที
“จ่านิด คุณไศลาล่ะ”
จ่านิดงัวเงีย
“เอ่อ... ผมก็ไม่ทราบครับ”
“ไม่ทราบได้ไง ผมให้จ่าเฝ้าอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ผมได้ยินเสียงปืนครับ แต่หลังจากนั้นก็ไม่เจอคุณไศลา แล้วผู้การก็สั่งให้ผมกลับมาเนี่ยแหละครับ”
“แล้วกล้องถ่ายอะไรได้บ้าง”
“ตั้งแต่ชุลมุนกัน กล้องก็หลุดจากคุณไศแล้วครับ เราเลยไม่ได้ภาพอะไร ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
ธีรธรทุบตู้ปั้ง หงุดหงิดกับคำตอบที่ได้ จ่านิดเกรงๆ
“งั้นเอาแบบนี้นะ คุณไปหาพิกัดสายที่ผมโทรออกล่าสุดว่าอยู่ที่ไหน มาให้ด่วนที่สุด”
“ได้ครับผู้กอง”
“อย่าให้พลาดอีก”
“ครับ”
ธีรธรพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด จ่านิดเกรงๆรีบเดินออกไป ธีรธรทุบผนังอีกปั้ง เพราะหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้
นพรัชเดินเข้ามาในห้องผ่าตัด พยาบาลท่องเคสให้ฟัง
“คนไข้สองรายถูกยิงมาค่ะ รายนึงเป็นชายถูกยิงที่ชายโครงด้านขวา อีกรายนึงเป็นหญิงถูกยิงที่ไหปลาร้าด้านซ้ายค่ะ”
“โอเคครับ”
นพรัชใส่ถุงมือ ใส่เสื้อคลุมแล้วก็หันมาเห็นคนที่นอนอยู่เป็นไศลา ที่ใกล้หมดสติเต็มที นพรัชตกใจ
“คุณไศ”
ไศลาแทบไม่มีแรงพูด
“หมอช่วยน้องชายฉันด้วยนะ อย่าให้เขาตาย”
“คุณไศ...”
“ช่วยน้องฉันด้วยค่ะ”
ไศลาพูดประโยคสุดท้ายก่อนที่เธอจะสลบไป นพรัชมองไศลาอย่างเห็นใจ
ชูชิตเดินเครียดมาตามทางเดินในโรงพยาบาล เขาเห็นนาถสุดาเดินอยู่ ชูชิตเข้ามาตามประกบ
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
นาถสุดาชำเลืองมอง
“กลัวฉันจะมาฆ่านังชู้รักคุณรึไง”
ชูชิตไม่พอใจ
“ฉันถามว่าเธอมาทำอะไรที่นี่”
“ไม่ต้องกังวลหรอก เรื่องระหว่างนังนั่นกะฉัน มันยังไม่ถึงเวลาสะสาง”
“เธอต้องการอะไร”
นาถสุดายิ้มหยัน
“เราต้องการอะไร บางทีมันก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันนะ”
“ยุ่งกับไศลา ฉันฆ่าเธอแน่”
ทั้งคู่นิ่งมองหน้ากัน หยั่งเชิง ชูชิตดูถูก
“เธอไม่มีทางเหนือไศลาไปได้หรอก เลิกพยายามเหอะ”
“เลิกพยายาม...คิดอย่างงั้น...คนเราจะหายใจไปทำไม ทั้งๆที่รู้วันนึงก็ต้องตายอยู่ดี...”
นาถสุดานิ่งมองชูชิต แล้วเธอก็เดินจากเขาไปเงียบๆ
เช้าวันใหม่...นพรัชเดินเข้ามาในห้องตรวจเครียดๆ และยังไม่ได้นอน เขาเอามือนวดหว่างคิ้วเพื่อผ่อนคลาย นพรัชเปิดม่านเตียงตรวจคนไข้ หวังว่าจะได้งีบสักหน่อย แต่เขาก็ต้องตกใจ เพราะว่าธีรธรหลับอยู่ตรงนั้น
“เฮ้ย...ไอ้ธี แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
ธีรธรงัวเงียตื่นตามเสียง
“ทำไมไม่กลับไปนอนบ้าน มานอนทำไมที่นี่”
“ทำไมมาทำงานเช้าจังวะ”
“ยังไม่ได้นอนเลยเว้ย มีเคสผ่าตัดด่วนเมื่อคืน”
“เออ...เหมือนกันเลยวะ”
“อ้าว แกก็มีผ่าตัดเหมือนกันเหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าแกผ่าตัดเป็นด้วย”
“ตลกละ หมายถึงยังไม่ได้นอนเว้ย”
“มีเรื่องอะไรวะ”
ธีรธรลุกขึ้นนั่งมองหน้านพรัช ถอนหายใจ
นพรัชกับธีรธรกินกาแฟด้วยกันในโรงอาหาร
“แล้วเรื่องไก่น้อยนี่ได้ความคืบหน้ารึยังวะ”
“ยังเลยว่ะ แต่ฉันมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลย แต่ไม่ได้บอกที่บ้านหรอกนะ”
นพรัชเห็นด้วย
“ก็ไม่ควรจะบอกหรอก”
“นี่ก็ได้แต่นั่งรอให้ลูกน้องไปหาพิกัดจากสัญญาณโทรศัพท์ ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น”
“เออ...เรื่องบางอย่างก็ทำได้แค่รอจริงๆว่ะ ฉันเข้าใจ”
ธีรธรถอนหายใจ
“ยังมีเรื่องอะไรไม่สบายใจอีกเหรอ” นพรัชถาม
“รู้ได้ไงวะ”
“ก็หน้าแกยังไม่ได้หายเครียดไปเลย”
“เดาเก่งนี่”
“ให้ฉันเดาอีกมั้ยล่ะว่าเรื่องอะไร”
“ลองดิ”
“เรื่องคุณไศลา”
“หน้าฉันมันบอกขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“แกรู้มั้ย...ตั้งแต่ฉันเป็นหมอมานะ ฉันไม่เคยรักษาคนไข้รายเดิมซ้ำๆเลยว่ะอันนี้ไม่รวมที่นัดมาเองนะ”
“เกี่ยวอะไรกับเรื่องของฉันวะ”
“เออ ฟังให้จบสิ...แต่มีคนไข้รายนึง ต้องมีเรื่องมาให้ฉันรักษาตลอดเลย จนฉันอดคิดไม่ได้ว่าเราอาจจะเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ”
ธีรธรขำๆ
“เนื้อคู่แกดูขี้โรคนะ ดูลำบากนะคนจะเป็นเนื้อคู่แกได้”
“เออ...แล้วแกรู้มั้ยใคร”
“จะไปรู้เหรอ วันนึงแกรักษาคนเป็นร้อยเป็นพัน ฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไง”
“เดาสิ”
ธีรธรมองหน้านพรัช แล้วก็เริ่มคิดได้
“ไศ...”
นพรัชพยักหน้า
“ใช่... รู้มั้ยเมื่อคืนที่ฉันไม่ได้นอนก็เพราะ...”
ธีรธรแทบนั่งไม่ติด
“ไศอยู่ไหน ปลอดภัยมั้ย”
“แต่ทำไมวะ คนที่ฉันคิดว่าจะเป็นเนื้อคู่ฉัน จะต้องมีแกมาขัดทุกครั้งไป”
“เฮ้ยไอ้นพ บอกมา ว่าไศอยู่ไหน”
ธีรธรเขย่าตัวคาดคั้น นพรัชหน้าตาเซ็งๆ ไม่ค่อยอยากบอกเท่าไหร่นัก
ธีรธรวิ่งเร็วจี๋ไปตามทางเดินในโรงพยาบาลเพราะเป็นห่วงไศลา นพรัชได้แต่ยืนมองเศร้าๆ...ธีรธรเปิดประตูเข้ามาในห้องพักฟื้นของไศลา แต่ก็พบว่าชูชิตนั้นหลับฟุบอยู่ข้างๆไศลาไม่ห่างไปไหน ธีรธรถึงกับชะงัก ได้แต่ยืนดูไศลาอยู่ห่างๆ แล้วเขาก็ค่อยๆถอยออกจากห้อง
ธีรธรออกมาจากห้อง นพรัชเองก็ยืนรอเพื่อนอย่างเข้าใจ
“เขาเป็นคนพาคุณไศลา กับน้องชายมาที่โรงพยาบาล”
ธีรธรพยักหน้าเข้าใจ
“ซึ่งจริงๆมันควรจะเป็นฉัน”
นพรัชพยายามจะพูดให้เพื่อนหายเครียด
“คู่แข่งเยอะจังเลยนะ ว่ามั้ย”
ธีรธรไม่เล่นด้วย หน้าเครียด เสียงโทรศัพท์ธีรธรดังขึ้น เขาดูเบอร์แล้วกดรับ
“ว่าไงจ่า”
จ่านิดถือข้อมูลที่ปริ้นออกมาไว้ในมือ คุยโทรศัพท์ไปด้วย
“ผู้กองต้องไม่เชื่อแน่ๆครับ ว่าสายสุดท้ายที่ผู้กองโทรไป พิกัดอยู่ที่ไหน”
ธีรธรร้อนใจ
“ที่ไหนล่ะจ่า”
“ก็จากเซฟเฮาส์ที่มีเรื่องเมื่อวานนั่นแหละครับ”
ธีรธรตกใจ
“ห๊า...เซฟเฮาส์”
“ครับผม ผมเช็คชัวร์อีกรอบแล้วก็เป็นที่เดิม”
ธีรธรวางหู ยังลำดับเหตุการณ์ได้ไม่ถูกนัก นพรัชมองดูอาการของธีรธรก็เป็นห่วง
“เรื่องอะไรวะ”
“ไก่น้อยก็อยู่ในเซฟเฮาส์ที่ไศถูกยิง เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่”
ธีรธรหน้าเครียดหนักกว่าเดิม นพรัชเองก็พยายามคิดแต่ก็ยังงงไม่ต่างกัน
สุทธิพงษ์ยังโคม่าอยู่ในห้องไอซียู มีสายระโยงรยางค์เต็มไปหมด เขาเพ้อออกมา
“ไก่น้อย...ไก่น้อยอย่าเป็นอะไรนะ”
ไศลาลืมตาขึ้นมา พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องพักฟื้น เมื่อมองไปที่ระเบียงก็เห็นชายคนหนึ่งในชุดนักพรตที่ระเบียง เธอมองอย่างสงสัยว่าเป็นใคร ค่อยๆประคองตัวเองลงจากเตียงเดินไปหา
“คุณคะ คุณ...”
ชายคนนั้นค่อยๆหันมา เป็นอาจารย์ของ เมฆาและศิลา
“อย่าลืมที่รับปากกับข้า...”
ไศลานึกถึงครั้งที่เขาฝากกล่องไม้โบราณขนาดเท่าฝ่ามือไว้
“ดูแลรักษาเท่าชีวิตของเจ้า”
อาจารย์จ้องตาไศลาราวกับเตือนความจำ...
ไศลาสะดุ้งตื่นขึ้นจากเตียง ชูชิตกำลังเตรียมอาหารเช้าให้เธออยู่เห็นพอดี
“อ้าวไศ...ฟื้นพอดีเลย”
ไศลาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เธอพึมพำเบาๆ
“กล่องนั่น...อยู่ที่...”
“กล่องอะไรเหรอไศ ให้ผมไปเอาให้มั้ย”
“ไม่มีอะไร” ไศลานึกถึงสุทธิพงษ์ขึ้นมาได้ “พงษ์ล่ะ พงษ์เป็นยังไงบ้าง”
“พงษ์อยู่ในไอซียู ยังโคม่า”
ไศลารีบลุกพรวดจะไปหาน้องทันที ชูชิตห้ามไว้
“อย่าเพิ่งเลยไศ ไศก็ยังไม่แข็งแรงดี”
“ไศจะไปช่วยน้อง น้องจะได้หาย” ไศลาดื้อ
“ไศจะไปช่วยได้ยังไง ปล่อยให้เป็นหน้าที่หมอเถอะ”
ไศลาพยายามลุกจากเตียงแต่ก็ต้องทรุดไปอีก
“บอกแล้ว...เห็นมั้ยล่ะ”
ชูชิตประคองไศลาให้กลับไปบนเตียง
“ผมรู้ว่าคุณห่วงพงษ์ แต่คุณต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรงเพื่อพงษ์ด้วย ไม่งั้นถึงพงษ์หาย แต่คุณเป็นอะไรไป ก็แย่น่ะสิ”
“นี่อรรู้เรื่องพงษ์รึยัง”
ชูชิตก้มหน้าปิดบังสายตาตัวเอง
อรชรบุกมาที่บ้านดุลยศักดิ์ เพราะว่าชูชิตหายไปจากบ้าน
“พี่ชิต...พี่ชิตอยู่ไหน...พี่ชิต”
นาถสุดาเดินออกมา
“นี่เธอมาโวยวายอะไรที่นี่ นี่ไม่ใช่สวนสนุกนะ”
“พี่ชิตอยู่ไหน”
“เธอมาหาผิดที่แล้ว”
“ฉันไม่เชื่อ...พี่ชิตหายไปทั้งคืน พี่ชิตต้องอยู่นี่แน่ๆ”
นาถสุดายิ้มยั่ว
“เอ๊ะ...หรือว่านอนกกอยู่กับนางไศลาข้างบนกันนะ”
“พี่ไศยังไม่ตายอีกเหรอ”
“ตายอะไรล่ะ ฉันก็เห็นมันสบายดีออกนะ ป่านนี้อาจจะนอนสบายใจเฉิบกับชูชิตข้างบนก็ได้”
อรชรปรี๊ด โมโหจัด รีบขึ้นไปทันที นาถสุดายิ้มสะใจที่ปั่นหัวอรชรได้
อรชรเดินขึ้นมาเปิดประตูเข้าไป กะเหวี่ยงเต็มที่แต่ไม่เจอใคร เธอเดินหาทั่วห้อง
“พี่ชิต...พี่ชิตอยู่ไหน...พี่ชิต”
ห้องเงียบกริบ ไม่มีวี่แววใครอยู่ อรหงุดหงิดเดินมาระบายอารมณ์กับของของไศลาที่วางบนโต๊ะ เธอกวาดทั้งหมดลงพื้น และในนั้นมีกล่องไม้โบราณรวมอยู่ด้วย นาถสุดาเดินตามมามองยิ้มๆ
“อ้าว...ไม่มีเหรอ หรือเปลี่ยนบรรยากาศไปที่ไหนนะ”
อรชรโกรธ
“ทำไมพี่ไศมาอยู่ที่นี่”
“ก็เขากลับมาหาชิตแล้ว มาทำงานด้วยกันนี่ชิตไม่ได้บอกอะไรเธอเลยเหรอ แย่จังนะ”
อรชรยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
“ทำไมไม่มีใครบอกฉัน”
“เราสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แล้วนี่มันไปไหน”
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ออกไปทำงานให้นายตั้งแต่เมื่อคืนป่านนี้ชิต คงไปรับไปพลอดรักกันที่ไหนแล้วละมั้ง”
อรชรกรี๊ด
“ทำไมไม่ลองโทรหาชิตดูล่ะ”
“หน้าแบบนี้...คงโทรแล้วแต่เขาไม่รับสินะ”
อรชร เจ็บใจที่ถูกนาถสุดาถากถาง เธอรีบเดินออกไปจากที่นั่นทันที นาถสุดายิ้มสะใจ เธอจะเดินออกจากห้อง เท้าเธอไปเตะโดนกล่องไม้โบราณขนาดเล็ก
“กล่องอะไร...สวยดีจัง”
นาถสุดาชายตามองของชิ้นอื่นๆ
“ฉันขอละกันนะชิ้นนี้”
นาถสุดาถือมันเดินออกไปจากห้อง
อรหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาชูชิต อย่างร้อนใจ...ชูชิตกำลังป้อนข้าวให้ไศลาอยู่ โทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะสั่นครื้ดๆ ชูชิตทำไม่สนใจ ป้อนข้าวให้ไศลาต่อ
“ไม่รับโทรศัพท์เหรอ”
“ไม่เป็นไร ไศสำคัญกว่า”
อรชรหงุดหงิดที่ชูชิตไม่รับโทรศัพท์ โยคีศิลาดำเดินเข้ามา
“เจอกันอีกแล้วนะ...”
อรชรชะงัก
“แกอีกแล้วเหรอ”
“กำลังร้อนใจสินะ”
“รู้แบบนั้นก็ดี ก็อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ตามใจ...ถ้าไม่อยากให้ข้าช่วยละก็...”
ยคีศิลาดำจะเดินไป อรชรเรียกไว้
“เดี๋ยว...จะช่วยยังไง”
โยคีศิลาดำยิ้ม กระชากเธอเข้ามาประชิดตัวตน
“แกจะทำอะไรฉัน”
อรชรตกใจ พยายามผลักออก โยคีศิลาดำไม่ปล่อย
“อยู่เฉยๆเหอะน่า”
อรชรพยายามดิ้นแต่ไม่หลุด
“ปล่อยนะ”
โยคีศิลาดำหลับตา พยายามใช้สมาธิกับบางอย่าง อรชรเองก็ดิ้นไม่ยอมหยุด จนหลุดออกมาได้ อรชรเงื้อมมือตบโยคีศิลาดำเต็มแรง
“แกนี่มันเลวจริงๆ เอาแต่ฉวยโอกาส”
โยคีศิลาดำนิ่งกับสิ่งที่อรชรทำกัดฟันพูดด้วยความโมโห
“ไอ้ผู้ชายคนที่เจ้าตามหาอยู่ อยู่ที่โรงพยาบาลกับ...พี่สาวของเจ้าไง”
อรผงะกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่ช้าความโกรธก็เข้ามาแทนที่ทุกอย่าง โยคีศิลาดำมองหน้า
“ให้ข้าช่วยอะไรมั้ย”
“ไม่ต้อง ฉันจัดการเอง”
“ข้าช่วยเจ้าได้มากกว่าที่เจ้าคิด ให้จำข้อนี้ไว้”
อรชรไม่สนใจโมโห เดินผลุนผลันออกไป โยคีศิลาดำมองตามด้วยแววตาหลงใหลในตัวอรชร
ธีรธรมองอยู่ในห้องทำงาน ดูในมอนิเตอร์จากกล้องกระดุมไศลาที่ถ่ายมาได้ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของธิดารัตน์ ในเซฟเฮ้าส์เลย
“ดูจากกล้องแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีไก่น้อยอยู่ในปาร์ตี้นี่เลย”
“อาจจะเข้าไปที่หลังก็ได้นะครับ” จ่านิดออกความเห็น
“แล้วตอนนี้จ่าได้เช็คให้ผมรึยังว่าตอนนี้โทรศัพท์เครื่องนี้มันอยู่ที่ไหน”
“มันถูกปิดเครื่องไปแล้ว เช็คไม่ได้ครับ”
“หาพยานได้มั้ย ใครสักคนในเหตุการณ์น่ะ”
“ลองถามคุณไศลารึยังครับ” จ่านิดแนะ
ธีรธรพอได้ยินชื่อไศลา ภาพที่ชูชิตนอนเฝ้าไศลาอย่างใกล้ชิดก็แว่บเข้ามา เขาเบือนหน้า ถอนหายใจ
“จะให้ผมไปถามให้มั้ยครับ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ธิดารัตน์ถูกจับมัดติดกับเก้าอี้ สมุนสองคนเปิดประตูเดินเข้ามา
“กินข้าวให้เรียบร้อย”
“ปล่อยหนูไปเถอะนะ หนูไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆป่านนี้พ่อแม่หนูเป็นห่วงหนูแย่แล้ว”
“อย่าพูดให้เสียแรงเปล่าเลย กินข้าวไปซะ”
ธิดารัตน์ร้องไห้ขอความสงสาร แต่ไม่มีใครสนใจ สมุนอีกคนจัดแจงเอาสายรัดแขนของธิดารัตน์เอาสลิงยาขึ้นมา หญิงสาวตกใจ
“นั่นจะทำอะไรน่ะ”
“ทำไม...กลัวเข็มฉีดยารึไง” สมุนหัวเราะ
“คุณจะฉีดอะไรให้หนู”
“ยาวิเศษที่จะทำให้ที่นี่กลายเป็นสวรรค์น่ะสิ”
สมุน 2 คน หัวเราะกันร่วน สมุนจับธิดารัตน์ฉีดยาเข้าเส้นเรียบร้อย เธอนิ่ง เคลิ้มราวกับเป็นคนละคน สมุน 2 คนออกจากห้องปิดขังเธอไว้เหมือนเดิม
อ่านต่อหน้าที่ 4
กุหลาบไฟ ตอนที่ 8 (ต่อ)
สุทธิพงษ์ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่เอาแต่เพ้อถึงธิดารัตน์
“ไก่น้อย...ไก่น้อยฉันขอโทษ ไก่น้อยอย่าเป็นอะไรนะ”
ชูชิตเข็นรถเข็นของไศลามาเยี่ยมพอดี ได้ยินสุทธิพงษ์เพ้อ
“พงษ์ฟื้นแล้วเหรอ พงษ์พูดกับพี่ว่าอะไรนะ พงษ์พูดอีกทีซิ”
ชูชิตขัดขึ้น
“ก็แค่เพ้อน่ะ...ดูสิ พงษ์ยังไม่ได้ฟื้นหรอก”
ไศลามองพงษ์เศร้าๆ จริงอย่างที่เขาบอก สุทธิพงษ์ยังเพ้อถึงไก่น้อยเบาๆ
“ไก่น้อย...”
ไศลาแปลกใจ
“พงษ์เพ้อเรื่องอะไรน่ะ”
“ก็คงเป็นเรื่องที่ฝังใจเขาน่ะ”
“หมอว่ายังไงบ้าง”
“ก็…ว่าต้องดูอาการไปเรื่อยๆ”
“ทำไมไม่เป็นไศที่อาการหนัก พงษ์ยังเด็กไม่น่าต้องมาเจออะไรแบบนี้ เพราะไศแท้ๆ”
ไศลามองน้องชายสงสารแทบขาดใจ ชูชิตดึงเธอเข้ามากอดปลอบใจ อรชรเดินเข้ามาเห็นพอดี เธอแทบจะทนไม่ได้ เดินนิ่งเข้ามาอย่างแค้นๆ ไศลาเห็นอรชรรีบผลักชูชิตออก
“มีความสุขกันมากเลยสินะ ทั้งที่พงษ์นอนปางตายอยู่ตรงนี้”
ไศลาพยายามอธิบาย
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะอร”
อรชรมองอย่างเกลียดชัง
“แล้วที่พงษ์เป็นแบบนี้ เพราะพี่อีกใช่มั้ย”
“เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”
ชูชิตดึงแขนอรชรให้ออกไป แล้วก็เข็นรถไศลาออกไปข้างนอก
ชูชิตพาอรชรกับไศลามาที่ห้องพักฟื้น ชูชิตแล้วหันไปต่อว่าอรชร
“จะพูดอะไรก็เอาให้มันมีเหตุผลนะอร”
“อรไม่สบายพี่ชิตก็ไม่ไปเยี่ยม ออกจากโรงพยาบาลก็ไม่ไปรับมัวแต่...” อรชรหันไปมองไศลาตาขวาง “อรไม่สบายนะคะพี่ชิตแค่นี้เหตุผลพอมั้ยค่ะ”
“อรไม่สบายเหรอ ดีขึ้นแล้วรึยัง เป็นอะไรมากรึเปล่า” ไศลาถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องมาห่วง ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”
“ทำไมพูดกับพี่ตัวเองแบบนั้น”
“แล้วมันควรจะพูดดีๆมั้ยล่ะอยากจะทิ้งครอบครัวไปก็ทิ้งไปยายดาตายไปคนนึงแล้ว นี่พงษ์ก็เจ็บหนักอีก ทั้งหมดนี่เพราะใครล่ะ”
ชูชิตปราม
“พอแล้วอร มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น”
ไศลาเสียใจ
“พี่ขอโทษ”
อรชรจ้องหน้า
“พี่น่าจะตายๆไปซะนะ”
ไศลาอึ้ง
“อร...”
ชูชิตโกรธ
“พอแล้วอร มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”
“อรไม่กลับ ถ้าพี่ชิตไม่กลับ”
ไศลาตัดบท
“ชิตกลับไปเถอะ ไศดูแลตัวเองได้”
ชูชิตมองไศลา แล้วหันไปพูดกับอรชร
“ไม่กลับ อรนั่นแหละกลับไป”
“พี่ชิต เออ...ก็ได้...อรจะดูว่าถ้าอรอยู่แล้วฆ่าพี่ไศให้ตายพี่ชิตจะกลับมั้ย”
อรชรดึงไศลาขึ้นจากรถเข็นแล้วผลักไปที่พื้น ธีรธรเปิดประตูเข้ามาพอดี อรชรกำลังจะลงไปซ้ำไศลาที่เดิมก็เจ็บอยู่แล้ว ธีรธรรีบเข้าไปเอาตัวกันทันที ชูชิตดึงอรชรมาตบฉาด อรชรนิ่งสนิทมองชูชิตและธีรธร ทุกคนต่างปกป้องไศลา
“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ยพี่สาวคุณบาดเจ็บอยู่ไม่เห็นรึไง” ธีรธรหันหาชูชิต “คุณพาคนของคุณออกไปจากที่นี่เลยนะ”
ชูชิตหงุดหงิดลากแขนอรชรออกไป ธีรธรเข้าประคองไศลา
“คุณเป็นไงบ้าง”
“คุณไม่ควรมาที่นี่ตอนนี่”
“คุณอยากจะพลอดรักกับแฟนเก่าสินะ”
“ฉันกลัวเขาจะสงสัยได้ ว่าทำไมฉันยังติดต่อกับตำรวจอยู่”
“สงสัยก็สงสัยไปสิ ไม่เห็นจะเป็นไร”
“มันจะอันตรายกับงานที่ฉันทำอยู่”
“นี่คุณยังคิดจะกลับไปทำอีกเหรอ”
“เราขาดแค่หลักฐานการส่งมอบของแค่นั้นเอง เราจะรวบพวกมันทั้งแก็งค์ได้แล้วนะคะ”
“แน่ใจว่าไม่ใช่เหตุผลที่คุณอยากจะอยู่กับไอ้ชูชิตนั่น”
ไศลานิ่ง ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย
“แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรผมก็ทนไม่ได้ที่เห็นคุณเสี่ยงอันตรายแบบนั้น”
“นี่ตกลงคุณห่วง หรือหวงฉันกันแน่”
“ก็ทั้งสองอย่าง”
ไศลารู้สึกดีแต่ก็เก็บไว้ในใจ
“กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวจะมีคนสงสัย”
“ผมห้ามคุณไม่ได้ให้ทำไม่ได้สินะ”
ไศลานิ่ง เป็นการยอมรับ ธีรธรถอนหายใจ
“ถ้างั้นคุณก็ต้องทำหน้าที่พยานผู้เห็นเหตุการณ์ให้ผม”
ไศลางงๆ
ชูชิตลากอรชรมาในที่ปลอดคน อรชรสะบัดสะบิ้ง ไม่เต็มใจมานัก
“กลับไปเลยนะ อย่ามาก่อเรื่องที่นี่”
“พี่ชิตง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ ไม่มีใครสักคนรับผิดชอบความรู้สึกอรเลยใช่มั้ย”
“อรอยากจะทำอะไรที่บ้านพี่ก็ให้ทำทุกอย่างแล้ว ต้องการอะไรอีก”
“ต้องการให้พี่ชิตไม่ไปยุ่งกับพี่ไศไง”
“อรขอในสิ่งที่พี่ทำให้ไม่ได้ อรอยากทำอะไรพี่ให้ได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องเดียว ห้ามมายุ่งกับคนที่พี่รัก” ชูชิตพูดด้วยอารมณ์หลุดปาก
อรชรชะงักอึ้ง
“แล้วแบบนี้อรเป็นอะไรสำหรับพี่ชิตคะ”
“กลับไปก่อนไป เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้าน”
“อรเป็นได้แค่เมียน้อย เมียเก็บใช่มั้ย เอะอะอะไรก็ซ่อนไว้ที่บ้าน”
ชูชิตรำคาญ
“ถ้าอรยังเรียกร้องอยู่แบบนี้ อรจะไม่ได้เป็นอะไรเลยจำไว้ด้วย”
อรชรช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน ชูชิตพูดจบก็เดินออกไป อรชรโกรธจัด กำหมัดแน่น
“ถ้าไม่มีพี่ไศหายไป...แกจะพูดกับฉันแบบนี้มั้ย”
อรชรไม่ยอมให้เรื่องมันจบง่ายๆ
ธีรธรเล่าเรื่องหลานสาวให้ฟัง ไศลาตกใจมาก...
“ไก่น้อยอยู่ในเซฟเฮ้าส์ด้วยเหรอคะ
“ใช่...คุณเห็นแกบ้างมั้ย”
ไศลาพยายามนึก
“ฉันว่าฉันไม่เห็นเด็กๆรุ่นเดียวกับไก่น้อยเลยสักคนนะคะ เพราะถ้าฉันเจอไก่น้อย ฉันจำเธอได้แน่”
ธีรธรกุมขมับ เพราะไม่รู้จะสาวหาสาเหตุจากไหน ไศลาจับบ่าปลอบใจธีรธร
“อย่าเครียดไปเลยค่ะ ฉันเชื่อว่าแกจะต้องปลอดภัย”
“ผมไม่รู้ทำไมผมถึงไม่คิดแบบนั้น”
ไศลาจับมือธีรธรปลอบใจ
“ฉันจะช่วยตามหาแกเองนะคะ”
ธีรธรมองตาไศลาแล้วดึงมากอด
“ผมขอบคุณที่คุณยอมเสี่ยงอันตราย คุณไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว ที่เหลือผมจัดการเอง”
ชูชิตเปิดประตูเข้ามาเห็นพอดี ปรี่เข้าไปกระชากตัวธีรธรออก แล้วปล่อยหมัดใส่โดยไม่ฟังเสียงอะไร ธีรธรพอตั้งสติได้ก็สวนกลับไป ทั้งคู่ชุลมุนกัน ไศลาพยายามตะโกนห้าม ไม่มีใครฟัง ไศลาจึงเอาตัวเข้าป้องกันชูชิต จนธีรธรชะงัก
“พอได้แล้ว คุณกลับไปเถอะ”
“ใช่...แค่นี้ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าผู้หญิงเขาไม่เอา”
ธีรธรช้ำใจที่ไศลาปกป้องชูชิต เขาเดินออกไปจากผู้แพ้ ไศลาสงสารธีรธรจับใจ
นาถสุดาถือกล่องไม้โบราณ มองดูความงามของมัน ก่อนจะหย่อนมันใส่กระเป๋าสะพาย แล้วจะเดินออกไป โยคีศิลาดำเดินเข้ามารู้สึกประหลาดเมื่อก้าวเข้ามาในห้อง
“ข้ารู้สึกประหลาดเมื่อก้าวเข้ามาในห้องนี้”
“ประหลาดอะไร”
“ข้ารู้สึกถึงของที่ต้องมนต์บางอย่าง เจ้าเอาอะไรของใครเข้ามาในบ้านรึเปล่า”
“ก็เปล่านี่คะ”
“รู้สึกประหลาดจริงๆ มันใกล้มากซะด้วย”
นาถสุดามองโยคีศิลาดำงงๆ โยคีศิลาดำยังคงเพ่งมองไปนอกห้อง
“นาถขอตัวก่อนนะคะ นาถจะต้องไปธุระ”
โยคีศิลาดำแตะตัวนาถและก็พบว่ามันร้อนราวกับไฟ เขารีบชักมือออก มือปัดไปโดนกรอบรูปของนาถสุดาร่วงแตก นาถสุดาตกใจ
“เป็นอะไรคะอาจารย์”
โยคีศิลาดำมองนาถอย่างไม่ไว้ใจนัก
“ไม่มีอะไร ระวังตัวด้วยก็แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์”
นาถสุดาเก็บกรอบรูปมองมันใจไม่ดีนัก เพราะกรอบรูปของเธออันนั้น เธอซ่อนรูปเทพไว้ด้านหลัง เธอใจไม่ดีนักคิดว่าการที่กรอบรูปตกจะเป็นลางไม่ดี แต่พยายามจะไม่คิดอะไร เดินออกไปทันที โยคีศิลาดำมองระแวงว่านาถสุดาจะคิดร้ายกับตน
ธีรธรเดินเข้ามาในห้องสืบสวน จ่านิดรีบรี่วิ่งเข้าไปถาม
“เป็นไงครับผู้กอง คุณไศลาว่ายังไงบ้าง”
ธีรธรส่ายหน้า ปฏิเสธ
“ทำไมทำหน้ายังงั้นล่ะผู้กอง ไปเจอคุณไศลามาน่าจะสดชื่นนะครับ”
ธีรธรนึกถึงไศลาที่ปกป้องชูชิตก็หงุดหงิดทันที
“จะถามทำไมซอกแซกเนี่ยงานอื่นไม่มีรึไงเทปวงจรปิดที่ลานจอดรถได้ดูรึยัง”
“ครับผู้กองครับ”
จ่านิดรีบปลีกตัวไปทันที ธีรธรอารมณ์ไม่ดี เอามือทุบโต๊ะระบายอารมณ์
โยคีศิลาดำครุ่นคิดเรื่องนาถสุดา เขานึกถึงตอนที่แตะตัวนาถสุดาเมื่อครู่แล้วรู้สึกร้อนเป็นไฟ
“มันมนต์อะไรกัน...นาถสุดาคิดจะหักหลังฉันเหรอ”
อรชรเดินเข้ามาในห้องรับแขก โยคีศิลาดำหันไปเห็นก็ยิ้ม รู้ทันว่าเธอต้องมาขอความช่วยเหลือแน่ๆ
“เจ้ามาเร็วกว่าที่ข้าคิด”
“ฉันอยากฆ่าไศลา”
โยคีศิลาดำหัวเราะร่วน อรชรไม่พอใจ
“ขำอะไร”
“ขำที่เจ้าอยากจะฆ่าพี่สาวแท้ๆของตัวเองน่ะสิ”
“ไม่ตลก”
“เจ้าอยากให้ข้าช่วยงั้นเหรอ”
“ใช่”
“มีอะไรมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนล่ะ”
“ต้องการเงินเท่าไหร่ก็ว่ามา”
โยคีศิลาดำมองอรชรด้วยแววตาเล้าโลม
“เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่ต้องการเงิน”
“แล้วต้องการอะไร”
“เจ้าไงล่ะ”
“บ้ารึไง ไม่มีทางหรอก”
“เจ้าคิดดูให้ดีก็แล้วกันนะว่ามันจะคุ้มมั้ย เจ้าก็น่าจะพอรู้ฝีมือของข้าอยู่แล้วนี่”
อรชรนิ่งไปกับคำพูดโยคี
“เอาเป็นว่าถ้าสำเร็จได้ ค่อยมาว่ากันก็แล้วกัน”
“เจ้าแน่ใจนะ...ใครพูดอะไรกับข้าไว้ กลับคำไม่ได้”
อรชรไม่มั่นใจนัก แต่เธอก็คิดว่าตนเอาตัวรอดไปได้แน่
ไศลานั่งรถเข็นมาตามลำพัง มานั่งมองดูสุทธิพงษ์ที่ยังไม่รู้สึกตัว เธอาเอามือจับมือของน้องชายอย่างห่วงใย พยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดเพื่อเปิดตาที่สาม แต่ตัวเธอเองไม่เข้มแข็งพอ ตาที่สามจึงไม่สามารถเปิดมาทำหน้าที่ได้เต็มที่ได้ เธอถึงกับสำลักออกมาเป็นเลือด แล้วสุทธิพงษ์ก็เริ่มเพ้อถึงธิดารัตน์อีกครั้ง
“ไก่น้อย...ไก่น้อย…”
“พงษ์ว่าอะไรนะ พงษ์”
“ไก่น้อย...ไก่น้อยอย่าเป็นอะไรนะ ฉันจะช่วยเธอออกมาเอง”
“ไก่น้อย”
ไศลานึกถึงเหตุการณ์ในเซฟเฮ้าส์อีกครั้ง ตอนที่เธอพยายามจะพาสุทธิพงษ์หนี แต่เขาไม่ยอมพยายามจะหาทางกลับไปช่วยเพื่อนตนให้ได้ ไศลาเริ่มพอจะประติดประต่ออะไรได้บางแล้ว สุทธิพงษ์บีบมือที่ไศลาจับอยู่ เธอรีบหันไปดูหน้าน้องชายทันที
“ช่วยไก่น้อยด้วยพี่ไศ ช่วยไก่น้อยด้วย”
แล้วสุทธิพงษ์ก็หลับไปอีกครั้ง ไศลาเริ่มร้อนใจจนนั่งไม่ติด
“หรือไก่น้อยคือ...”
ไศลานึกถึงเหตุการณ์ที่มีเด็กมาแอบมองที่ประตู ที่ราวกับเป็นคนมาช่วยชีวิตเธอไว้จากสถานการณ์
“แย่แล้ว...ไก่น้อย”
ไศลารีบเข็นรถเข็นออกไปจากตรงนั้นทันที
ธิดารัตน์นั่งบนเก้าอี้สภาพโทรม ข้าวปลาก็ไม่ได้กินแต่เคลิ้มไปไกล จากฤทธิ์ยาเสพติดที่ถูกฉีดให้ ไปไหนไม่ได้
“พ่อจ๋า...พ่อมาหาไก่น้อยเหรอ พ่อเดินได้แล้ว แม่ก็มา”
ธิดารัตน์พูดไปยิ้มไป
ไศลารีบเข็นรถเข็นของตัวออกมา หวังจะไปช่วยธิดารัตน์ แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจ เมื่อเจอดุลยศักดิ์มาขวางหน้าไว้ ดุลยศักดิ์ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ตามสไตล์ของเขาให้เธอ
“เก่งนี่ที่รอดชีวิตมาได้ โดยที่ไม่บุบสลายเอาซะเลย”
“ที่ฉันโดนยิงอยู่นี่...เรียกไม่บุบสลายยังไง”
“แต่เรื่องอื่น...พวกมันก็ไม่ได้แตะต้องเธอ ไม่ใช่เหรอ”
ไศลานิ่ง
“คุณส่งฉันไปเป็นนางบำเรอ โดยที่ไม่บอกกันสักคำ”
“ถ้าฉันบอกเธอ...ฉันจะรู้ศักยภาพของเธอจริงๆได้เหรอ”
ไศลานิ่ง
“หรือถ้าฉันบอกเธอ ฉันก็จะไม่รู้ว่าตกลงเธอยังเป็นสายให้ตำรวจรึเปล่า”
ไศลาหน้าเสีย คิดว่าโดนจับได้
“บอกตรงๆว่าฉันไม่คิดว่าเธอจะรอดกลับมาได้โดยที่ไม่มีตำรวจ โผล่หัวมาช่วยสักคน”
ไศลาชะงัก
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่า... ต่อจากนี้ ฉันจะให้เธอเป็นคนของฉันจริงๆ”
ไศลากลืนน้ำลาเอื๊อก คิดว่าโดนจับได้
“ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
ดุลยศักดิ์ยิ้มพอใจ ไศลายังระแวง
ธีรธรอยู่ในห้องทำงาน นั่งหาเอกสารต่างๆเกี่ยวกับธิดารัตน์ เขาหยิบรูปของหลานสาวขึ้นมาดู แล้วก็ไม่เจออะไรสักอย่างก็หงุดหงิด
“โว้ย...นี่มันอะไรกันเนี่ย”
ธีรธรรมกวาดข้าวของลงจากโต๊ะด้วยความหงุดหงิด
นาถสุดามาที่โรงแรมเปลี่ยวแห่งหนึ่ง เธอลับๆล่อเดินเข้าไป พอเข้าไปในห้องเธอก็โผเข้ากอดเทพด้วยความคิดถึงทันที เทพกอดเธอกลับด้วยความรัก
“คุณเป็นยังไงบ้างเทพ”
“ผมคิดถึงคุณมาก”
“ฉันคิดถึงคุณแทบทนไม่ไหวทุกนาทีฉันอยากจะฆ่าไอ้ดุลยศักดิ์ให้ตายไปซะ เราจะได้มาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
“อย่าต้องฆ่าใครเลยนาถ เราหนีไปด้วยกันเถอะ”
“เทพคิดว่าพวกมันจะปล่อยเราไปง่ายๆเหรอ ไอ้ดุลยศักดิ์มันกว้างขวางมันต้องตามตัวเราได้แน่ๆ”
“แต่การที่ฆ่ามัน ก็อาจไม่ได้ช่วยให้เราปลอดภัยขึ้นหรอกนะ นาถก็รู้ว่าวงการค้ายามันแตกแขนงราวกับรากของต้นไม้”
นาถสุดาเถียงไม่ออก นิ่งไป
“หนีไปกับผม...ไปอยู่ในโลกที่เราจะมีความสุขแบบจริงๆโดยที่ไม่ต้องไปวิ่งแข่งกับใคร”
นาถสุดานิ่ง...คิดตามคำเทพ
“ชีวิตในฝันแบบนั้น มันมีอยู่จริงเหรอเทพ”
“นาถไม่เชื่อใจผมเหรอ”
“เชื่อสิ...แต่นาถแค่มองหาทางที่ดีที่สุด”
“ดุลยศักดิ์มันไม่ใช่คนไว้ใจใครเหมือนจะเข้าถึงง่ายแต่จริงๆไม่ใช่คุณอย่าเสี่ยงอันตรายเลยนาถแค่การที่ผมต้องอยู่เฉยๆมันก็ทรมานมากมายแล้ว”
นาถสุดาคิดตามทุกคำพูด
“นาถเชื่อเทพค่ะ พรุ่งนี้เราจะหนีไปด้วยกัน”
นาถสุดากับเทพโผเข้ากอดกันอย่างมีความสุข โดยหายรู้ไม่ว่ามีสมุนดุลยศักดิ์แอบตามเธอมาด้วย
เทพกับนาถสุดากอดลากันก่อนที่นาถสุดาจะกลับ
“รีบมานะ”
นาถสุดาพยักหน้า
“อืม”
ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กัน นาถสุดาเดินแยกไป เทพมองจนลับตา เขากำลังจะหันหลังเดินเข้าห้องตนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน เทพชะงักกับที่
“พวกแกเป็นใครน่ะ ต้องการอะไร”
ดุลยศักดิ์เดินเข้ามาประชิดตัวไศลา เขาเอามือลูบแขนของเธอ
“เธอนี่มันสวยจริงๆ ถึงว่าไอ้ชูชิตถึงหลงเธอหัวปักหัวปำ”
“เชิญคุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันเพลีย อยากพักผ่อน”
“ตามสบาย”
เสียงโทรศัพท์ดุลยศักดิ์ดังขึ้น เขากดรับสาย
“อืม... เจอมันแล้วเหรอ...ดี ให้ฉันจัดการมันเอง”
ไศลาจ้องดุลยศักดิ์ อยากรู้ว่าคนที่จะจัดการหมายถึงใคร ดุลยศักดิ์เดินนำคนอื่นๆออกไปจากห้อง เขาเห็นเสื้อของโรงพยาบาลวางอยู่ จึงหยิบติดมือมาด้วย
“เสื้อสวยดี ขอยืมหน่อยนะ”
ดุลยศักดิ์เดินออกไป ไศลาเครียดขึ้นมา รู้สึกได้ว่าจะมีเรื่องไม่ดี
“พวกมันจะทำอะไรใครน่ะ”
ไศลาเป็นกังวล แต่เมื่อนึกถึงธิดารัตน์ขึ้นมา เธอตัดสินใจเปลี่ยนชุดของโรงพยาบาล เป็นชุดของตัวเอง แล้วลอบออกไปจากโรงพยาบาลทันที
เทพถูกล้อมด้วยสมุนและกระบอกปืน เขานิ่ง แต่รู้ตัวดีว่าการมาหาครั้งนี้ด้วยจุดประสงค์อะไร ดุลยศักดิ์เดินเข้ามา
“สวัสดี...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ มือขวาของฉัน ได้ข่าวว่าเบื่อฉัน เบื่องานของฉันแล้วงั้นเหรอ”
เทพตกใจที่เห็นดุลยศักดิ์
“นาย...”
“ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วย”
ดุลยศักดิ์หยิบปืนที่เอวออกมา
“ฉันคิดว่าเราอาจมีเรื่องต้องคุยกันยาวนิดนึง”
ไศลายืนมองหน้าเซฟเฮ้าส์ หาวิธีที่จะเข้าไป เธอยืนซุ่มดูอยู่ด้านหน้า สักพักประตูเซฟเฮ้าส์ก็เปิดออก มีแม่บ้าน เดินถือถุงขยะออกมาทิ้ง ไศลาจึงถือโอกาสนี้แอบเข้าไปภายใน
ไศลาเดินเข้ามามองซ้ายมองขวา ไม่เห็นใครสอดส่ายสายตาหาธิดารัตน์ภายใน แต่ก็ไม่มีวี่แวว ขณะเดียวกันนั้น มีสมุนเดินสวนออกมา เธอต้องหาที่หลบ สมุนเดินสวนออกมาคุยกัน
“เด็กนั่น...มันน่าเปรี้ยวปากจริงๆนะ”
“อายุเท่าไหร่กันเชียว”
“อยากเกิดเป็นนายมั่งนะ จะได้มีโอกาสเปิดซิงบ้าง”
“นั่นสิ”
ไศลาได้ฟังก็ตกใจ พอสมุนเดินผ่านไป เธอก็แอบเข้าไปในห้องเดิมที่ซื้อขายยา แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครอยู่ในห้อง เธอหาประตูที่จะเปิดไปยังห้องอื่น ก็ไม่มี ขณะเดียวกันนั้นมีคนเปิดเข้ามา ไศลารีบเข้าไปแอบที่โซฟาชายชุดดำคุยโทรศัพท์เดินมา
“คอนเฟิร์มได้เลยว่าสดและซิงมากเพิ่งได้มาเลยครับเสี่ย...แน่นอนครับ มีของดีผมต้องโทรหาเสี่ยคนแรกอยู่แล้ว...ครับผมแล้วเดี๋ยวเราเจอกัน”
ไศลาแอบฟัง ชายชุดดำเดินไปที่มุมห้อง เคาะเพียงสองครั้ง ประตูลับก็เปิดออก ชายชุดดำเดินเข้าไป เธอแอบเดินออกมาเมื่อไม่เห็นใครแล้วจึงไปเคาะๆหาประตูลับ แต่ก็ไม่เห็นเจอ
ธีรธรขับรถมาจอดที่หน้าเซฟเฮ้าส์ เขาเหม่อมองเซฟเฮ้าส์และครุ่นคิด
“จะมีเหตุผลอะไรที่ไก่น้อยหลานอาจะมาที่นี่”
ธีรธรคิดหาข้อสันนิษฐานไม่ถูก ว่าเหตุผลคืออะไรกันแน่
จบตอนที่ 8