xs
xsm
sm
md
lg

สุดสายป่าน ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุดสายป่าน ตอนที่ 8

การผ่านตัดเป็นไปได้ด้วยดี วิเศษถูกย้ายมาจากห้องผ่าตัดมาพักที่ห้องผู้ป่วยแล้ว แต่ยังนอนแน่นิ่งอยู่ กานดามณีนั่งอยู่ข้างๆ เตียง แสร้งแสดงความห่วงใยพ่อสุดชีวิต ฐิติยืนมองอยู่ข้างๆ

“โธ่ คุณพ่อขา ลูกดีใจเหลือเกินที่มีโอกาสมาดูแลคุณพ่อ...” ช้อนสายตามองฐิติอย่างเศร้าและสำนึกในบุญคุณ “ขอบคุณนะคะติพาฉันมาหาท่าน จริงๆ ฉันตั้งใจจะมาหาท่านอยู่แล้วตั้งแต่วันที่ถูกรถชน”
ฐิตินิ่งๆ เหมือนใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว กานดามณีนิ่งคิดนิดหนึ่ง แล้วเริ่มแสดงละครบทลูกสาวแสนดีต่อ จับมือวิเศษขึ้นมาแนบแก้ม แสดงความรักและห่วงใยต่างๆ นาๆ ต่อวิเศษ
“ตั้งแต่นี้กานดามณีจะไม่ยอมจากคุณพ่อไปที่ไหนอีก คุณพ่อต้องหายเร็วๆ นะคะ ลูกอยากให้คุณพ่อรู้ว่าตอนนี้ชีวิตลูกมีความสุขแล้ว คุณพ่อจะได้หมดห่วง...ลูกได้พบคุณฐิติ ผู้ชายที่ลูกรักแล้ว และเรากำลังจะได้อยู่ด้วยกันเร็วๆนี้ค่ะ”
ฐิติขัดขึ้น “คงจะยังไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกครับ”
กานดามณีหันขวับมาอย่างลืมตัว
“ทำไมล่ะคะ”

“อะไรนะคะ ย่าของติจะรอให้คุณพ่อหายก่อน แล้วถึงจะจัดการเรื่องของเราเหรอคะ แล้วถ้าคุณพ่อไม่หาย ฉันก็คงไม่ได้เข้าไปอยู่กับคุณที่บ้านใช่มั้ยคะ”
“แต่ยังไงคุณอาวิเศษก็ต้องหาย การผ่าตัดก็เรียบร้อยดี แค่รอเวลาฟื้นตัวเท่านั้น”
“แล้วติคิดว่าครอบครัวของติจะยอมรับฉันได้เหรอคะ”
ฐิติอึ้งไป ความรู้สึกเหมือนคนที่มีบาดแผลฉกรรจ์ ใครส่งยาอะไรมาให้ก็จำต้องเอามาทา
แผลเพื่อบรรเทาไว้ก่อน
“ถึงยังไงทางบ้านผมก็ต้องยอมรับคุณ เพราะคุณเป็นคนรักของผม”
กานดามณีแอบยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะแกล้งทำสีหน้าเป็นห่วง
“แล้วถ้าพี่กานดาวสีไม่ยอมล่ะคะ”
ฐิตินิ่ง ตอบไม่ได้
กานดามณีพูดเสียงอ่อนโยน แต่ดวงตาวาววับอย่างเอาเรื่อง
“ถ้าเค้าไม่ยอม ติอนุญาตให้ฉันเป็นคนขอร้องพี่กานดาวสีเองนะคะ...นะคะติ”
ฐิติไม่ตอบ ท่าทางลำบากใจ

กานดามณีเดินยิ้มมาตามทางเดินในโรงพยาบาลอย่างโล่ง สบายใจ ก้มหาของในกระเป๋าถือมาตามทางเดิน วิสูตรกับไขนภากำลังเดินมาจะไปเยี่ยมวิเศษ
กานดามณียังก้มหาของอยู่ ไม่ทันระวังเดินไปชนกับใครคนหนึ่ง
“ขอโทษครับ”
กานดามณีเงยหน้าขึ้น ถึงกับตะลึง
“กานดามณี”
“พ่อ”
กานดามณีรีบเดินหนี วิสูตรเดินตาม พร้อมด้วยไขนภา
กานดามณีรีบเดินออกมา วิสูตรเดินตาม
“กานดามณีหยุดก่อน รอพ่อก่อน”
“นั่นคุณกานดาวสีนี่คะ” ไขนภาบอก
วิสูตรงง

“กานดาวสีไหนครับ นั่นกานดามณีลูกสาวที่ผมตามหาอยู่”

คราวนี้คุณหญิงไขนภาเป็นฝ่ายงง

วิสูตรวิ่งตามกานดามณีมาจนทัน จับมือลูกเลี้ยงตัวแสบให้หยุด

“อย่าหนีพ่อไปไหนอีกเลยนะ”
“ปล่อยฉัน ฉันมีพ่อแค่คนเดียวคือคุณวิเศษ”
วิสูตรปล่อยมือกานดามณี
“อะไรนะ ลูกเจอคุณวิเศษแล้วเหรอ”
กานดามณีบอกทันที “ใช่”
“แล้วคุณวิเศษว่ายังไงมั่ง ตอนนี้หายหรือยัง พ่อกำลังจะไปเยี่ยมอยู่พอดี เราเข้าไปพร้อมกันเถอะนะลูก”
“ไม่ ฉันกำลังจะกลับ”
กานดามณีทำท่าจะเดินออกไป วิสูตรเข้าไปจับแขนรั้งไว้ เพื่อถามไถ่
“เดี๋ยวก่อน ลูกณี แล้วตอนนี้ลูกไปอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ลำบากหรือเปล่า กลับไปอยู่บ้านเราเถอะนะลูก”
“ไม่ ฉันกำลังจะไปอยู่กับคนรักของฉัน พ่อไม่ต้องห่วงฉันหรอก เพราะถึงยังไงฉันก็ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อ”
กานดามณีรีบเดินห่างออกไป วิสูตรเจ็บหัวใจ ไขนภาเข้ามาประคอง
“ครูใหญ่คะ ครูใหญ่ เป็นอะไรหรือเปล่า”
วิสูตรมองตามกานดามณีด้วยความเสียใจ

กานดามณีเดินอารมณ์เสียเข้ามาในบ้าน วิไลวรรณเดินมาพอดี
“กลับมาแล้วเหรอยัยณี ตกลงแกได้เข้าไปอยู่ในวังแล้วใช่มั้ย”
“วังอะไรล่ะ ติยังไม่บอกฉันสักคำว่า เขากลายเป็นหม่อมไปแล้ว”
“อะไรกัน ถึงขนาดนี้แล้ว คุณฐิติยังไม่บอกแกอีกเหรอ”
“ใช่น่ะสิ ฉันก็เลยต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ฐานะของเขา เขาจะได้ตายใจ แล้วก็คิดว่าฉันพร้อมจะอยู่เคียงข้างไม่ว่าเขาจะรวยหรือจน”
“โอ๊ย แล้วนี่แกต้องรออีกนานแค่ไหนเนี่ยกว่าจะได้เข้าไปอยู่ในวัง กว่าจะถึงวันนั้น พี่สาวแกคงจะมีลูกไปแล้วล่ะ”
“ใครว่าฉันจะรอ ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันคงจะต้องใช้ตัวช่วย”
วิไลวรรณงง “ตัวช่วยอะไรของแก”

ตรงหน้าเคาน์เตอร์ในโรงพยาบาล ฐิติยืนอยู่ตรงนั้น
“รบกวนช่วยเช็คยอดค่าใช้จ่ายของคุณวิเศษ กิริเนศวร ห้อง 108 ให้ผมด้วยครับ”
“สักครู่นะคะ”
เจ้าหน้าที่หายไปข้างหลังครู่หนึ่งแล้วเดินกลับออกมา
“คุณกานดาวสีชำระไปแล้วนี่คะ แต่คนไข้ยังไม่มีกำหนดจะออกจากโรงพยาบาล เราก็เลยตัดยอดถึงแค่เมื่อวานไปก่อนน่ะค่ะ”
ฐิติอึ้ง

ครู่ต่อมาสองคนอยู่ในสวนสวยของโรงพยาบาลฐิติบอกอย่างไม่พอใจ
“คุณจ่ายเงินไปก่อนทำไม มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องรับผิดชอบค่ารักษาของคุณอาวิเศษ”
“แต่มันเป็นเรื่องในครอบครัว ฉันไม่อยากรบกวนคุณค่ะ”
“แต่เราเป็นผัวเมียกัน” ฐิติเน้นคำต่อมา “ทั้งนิตินัยและพฤตินัย”
กานดาวสีตัดใจพูด “ดิฉันตัดสินใจแล้วค่ะ ว่าจะหย่ากับคุณ”
ฐิติตะลึง
กานดาวสีบอก “ไม่มีประโยชน์ที่เราจะทนอยู่ด้วยกันต่อไปทั้งๆ ที่เราไม่ได้รักกัน”
ฐิติทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ เริ่มพาล
“พอได้อยู่กับผัวเก่าเข้าหน่อยก็ตัดสินใจได้เลยนะ นี่คงจะคิดมาดีแล้วล่ะสิว่าเลือกใครถึงจะคุ้ม เมื่อคืน เธอคงจะได้จากผัวเก่ามาเยอะล่ะสิ”
กานดาวสีฉุนจึงประชดใส่ “ค่ะ ก็เยอะพอที่จะเอามาจ่ายค่ารักษาคุณพ่อ...อย่างนี้ใช่มั้ยคะที่คุณอยากได้ยิน”
ฐิติหายใจแรงอย่างโกรธจัด พยายามระงับอารมณ์ ประชดกลับ
“ก็ดี จบง่ายๆอย่างนี้ก็ดี จริงๆ ผมต้องขอโทษคุณด้วยซ้ำที่ไม่เชื่อว่ามีกานดาวสีอีกคน แต่ตอนนี้ ผมได้เจอเธอแล้ว...ผมจะหย่าให้คุณเร็วๆ นี้ แล้วจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงที่ผมรักซะที”
กานดาวสีแปลกใจมากจนลืมความเศร้าไปครู่หนึ่ง ยิ่งทำให้ฐิติเข้าใจว่ากานดาวสีไม่ได้รักตนจริงๆ
“หมายความว่าคุณเจอผู้หญิงที่หน้าเหมือนฉัน และใช้ชื่อกานดาวสีเหมือนกับฉันแล้วเหรอคะ”

“ใช่ เธอชื่อกานดามณี เป็นน้องสาวฝาแฝดของคุณไงล่ะ”
 
อ่านต่อหน้า 2

สุดสายป่าน ตอนที่ 8 (ต่อ)

กานดามณียื่นแหวนให้วิไลวรรณซึ่งรับมาอย่างงงๆ แล้วออกอาการดีใจสุดขีด

“อุ๊ย นังณี นี่แกให้ฉันเหรอ สวยจังเลย ขอบใจนะแก”
“ไม่ได้ให้ แต่จะฝากแกเอาไปขายให้หน่อย”
“ขายทำไมล่ะ”
กานดามณีบอกอย่างมาดหมาย
“ฉันต้องการเอาเงินไปทำอะไรบางอย่าง ให้ย่าของติรู้ซะทีว่านังกานดาวสีมันไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสะใภ้ของสูรยกานต์แม้แต่นิดเดียว”

เวลาเดียวกันที่บ้านกิริเนศวร นารีรัตน์กำลังนั่งทำของชำร่วยเพื่อเอาไปขายหารายได้จุนเจือครอบครัว อุไรเดินเข้ามา มองอย่างรำคาญ
“โอ๊ย มัวแต่มานั่งทำของชำร่วยขายเนี่ย มันจะได้ซักกี่เฟื้องกี่สลึงกัน”
“ก็ดีกว่านั่งงอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ นี่คะ อย่างน้อยก็ได้ค่ากับข้าว”
“แล้วมันพอกินพอใช้ซะเมื่อไหร่ ไหนจะค่าหมอพ่อแก แล้วยังจะต้องใช้หนี้นังคุณนายราศรีอีก”
นารีรัตน์ย้อน “ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะคุณแม่ไม่ใช่เหรอคะ”
อุไรปรี๊ด “เอ๊ะ นังลูกคนนี้ ก็ฉันทำไปแล้ว จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา หรือแกคิดจะทิ้งฉันให้แก้ปัญหาอยู่คนเดียว”
“ถ้ารัตน์คิดจะทิ้งคุณแม่ ก็คงไม่มานั่งทำงานงกๆ อยู่นี่หรอก”
เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะอุไรลุกขึ้นชะงัก เดินไปรับอย่างรำคาญ
“สวัสดีค่ะบ้านคุณวิเศษ...” อุไรฟังอย่างงงๆ แล้วมีสีหน้าประหลาดใจ “นั่นใครพูด” นิ่งฟังต่อ “อะไรนะ....เอ๊ะ แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มีเงิน...เท่าไหร่นะ...งั้นก็บอกมาเลยว่าจะให้ฉันไปพบที่ไหน เมื่อไหร่”
อุไรวางสาย ท่าทางครุ่นคิด นารีรัตน์เห็นท่าทางแม่แปลกๆ รีบถาม
“ใครโทร.มาคะ”

เช้าวันต่อมา สองแม่ลูกเดินเข้ามาในสวนสาธารณะ นารีรัตน์ท่าทางลังเล พะว้าพะวัง
“นี่เราจะไปเจอผู้หญิงคนนั้นจริงๆเหรอคะ เรายังไม่รู้เลยนะคะว่ามันเป็นใคร”
“จะเป็นใครก็ช่างมันเถอะน่า แต่มันบอกว่าจะให้เงินเรา ถ้าเราจัดการนังกานดาวสีได้”
นารีรัตน์นึกขึ้นมาได้ มีสีหน้าตกใจ “หรือว่าจะเป็น...คุณนายราศรี มันรู้ว่าคุณแม่เกลียดพี่กาน มันกะจะหลอกคุณแม่ไปฆ่าแน่ๆเลยเพราะคุณแม่ไม่ยอมใช้หนี้มัน”
อุไรชะงักนิดนึง ท่าทางกลัวๆ แต่ก็ยังปากแข็ง
“แกจะบ้าเหรอ บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะยะ ไม่ใช่คิดจะฆ่าใครแล้วจะทำได้ง่ายๆ หยุดพูดได้แล้ว ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจ”
อุไรกับนารีรัตน์เดินไปถึงจุดนัดพบ อุไรมองซ้ายมองขวา
“แม่ว่าต้องเป็นยัยผู้หญิงชุดแดงคนนั้นแน่ๆ แถวนี้ก็ไม่มีใครใส่ชุดสีแดงแล้วนี่นา”
อุไรมองให้แน่ใจ ตัดสินใจเดินเข้าไปหา ร้องถามห้วนๆ
“เธอใช่มั้ยที่โทร.ไปนัดให้ฉันออกมา”
กานดามณีหันหน้ากลับมาช้าๆ สองแม่ลูกชะงัก เห็นและเข้าใจว่าเป็นกานดาวสี อุไรตาเขียว สีหน้าเจ็บใจ
“แก...นังกานดาวสี แกเองเหรอ นี่แกจะเล่นตลกอะไรกับฉัน”
กานดามณีบอก “ฉันไม่ใช่กานดาวสี”
อุไรกับนารีรัตน์งง
“พี่กาน นี่พี่พูดบ้าอะไร”
“ฉันเหมือนนังกานดาวสีมากจนแกแยกไม่ออกจริงๆ เหรอเนี่ย”
อุไรกับนารีรัตน์มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ อุไรแหวใส่
“แกพูดเพ้อเจ้ออะไรฮึนังกานดาวสี พ่อแกนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วแกยังมีแก่ใจมาเล่นตลกกับฉันอีกเหรอ”
“ฉันไม่ใช่กานดาวสี แต่ฉันคือกานดามณี น้องสาวฝาแฝดของนังกานดาวสี”
อุไรกับนารีรัตน์ตกใจพูดพร้อมกัน
“น้องสาวฝาแฝด”
กานดามณียิ้มพยักหน้าอย่างมาดมั่น ขณะอุไรกับนารีรัตน์เหมือนถูกผีหลอก

อุไรกับนารีรัตน์จับตัวกานดามณีหมุน ดูทั่วตัว ยกแขน จับหน้าพิสูจน์กันใหญ่จนกานดามณีเริ่มรำคาญโวยเสียงดัง
“โอ๊ย พอซะที จะดูให้มันได้อะไรขึ้นมาเนี่ย จับฉันหมุนไปหมุนมาจนเวียนหัวไปหมดแล้วนะ”
อุไรกับนารีรัตน์ตกใจ มองหน้ากันก่อนจะพากันเดินหลบไปห่างๆ กระซิบกระซาบ
“แกว่ายังไงยัยรัตน์”
“คุณแม่ล่ะคะ คุณแม่ว่าพี่กานเค้าเล่นตลกอะไรกับเราหรือเปล่า ถ้าเค้ามีฝาแฝด ทำไมคุณแม่ไม่เคยรู้”
“นั่นน่ะสิ...หน้าตามันก็เหมือนกันมากจนแม่ก็แยกไม่ออก แต่กิริยาท่าทางนังนี่มันดูชั้นต่ำนะ ไม่เป็นผู้ดีเหมือนนังกานดาวสี”
“หรือว่าพี่กานเค้าจะแกล้งเรา”
อุไรมองกานดามณีอย่างพิจารณาอีกครั้ง
“แต่ท่าทางอย่างนี้ ไม่ใช่นังกานดาวสีแน่ๆ”
กานดามณีรำคาญสุดๆ เดินเข้ามาท้าวสะเอวถาม
“ตกลงแกจะเอามั้ย เงินน่ะ ถ้าไม่เอาฉันจะได้กลับ”
กานดามณีหันหลังกลับ อุไรรีบเข้าไปคว้าแขนไว้รีบพูด
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน...ใจร้อนจัง เธอจะให้ฉันทำอะไรก็บอกมาเลย”

กานดามณียิ้ม มองอุไรอย่างสาสมใจมาก

ที่โต๊ะอาหารเช้าวังสูรยกานต์ ฐิติ ท่านหญิง พุดตานนั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ มีนมสายค่อยดูแลอยู่ข้างๆ ทุกคนเงียบไม่พูดเหมือนกำลังใช้ความคิด

ท่านหญิงเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“แม่กานดาวสีล่ะ”
“ตั้งแต่กลับจากหัวหิน แม่กานดาวสีไม่ได้กลับมาที่วังเลยเพคะ” พุดตานบอก
ท่านหญิงตำหนิ “อะไรกัน นี่ตาติปล่อยให้เมียอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งวันทั้งคืนได้ยังไง เป็นห่วงพ่อ อยากเฝ้าพ่อน่ะย่าเข้าใจ แต่ยังไงก็ต้องกลับมาพักผ่อนบ้าง เจ็บป่วยไปจะว่ายังไง”
“เค้าคงไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะครับ...เราตกลงกันแล้วว่าจะหย่ากัน”
ท่านหญิง พุดตาน และนมสายตกใจ
“คุณพระช่วย! หมายความว่าคุณติจะหย่าแล้วไปแต่งงานใหม่กับน้องสาวฝาแฝดของคุณกานดาวสีเหรอคะ”
ท่านหญิงขึ้นเสียง ไม่พอใจมาก “นี่เธอสองคนคิดว่ากำลังเล่นขายของอยู่รึไง จะเล่นจะเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ หรือเห็นย่าเป็นหัวหลักหัวต่อ ถึงได้ทำอะไรไม่บอกกล่าว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับท่านย่า”
“ถ้าไม่ใช่ ก็ไปตามแม่กานดาวสีมาหาย่าเดี๋ยวนี้ ย่าต้องการคุยกับเมียเธอให้รู้เรื่อง”
เดือนสาวใช้เดินเข้าขัดจังหวะ ยอบตัวลงข้างๆ บอกกับฐิติ
“คุณฐิติคะ โทรศัพท์ค่ะ...เห็นบอกว่าชื่อคุณกานดามณี”

ด้านกานดาวสีอยู่ที่โรงพยาบาล เปิดประตูเข้าไปในห้องวิเศษ
“คุณพ่อ!”
กานดาวสีรีบเดินตรงเข้าไปที่เตียงอย่างยินดี แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นวิเศษยังนอนไม่ได้สติ
“อ้าว...ไหนคุณอาบอกว่าคุณพ่อฟื้นแล้วไงคะ”
“ก็เมื่อกี้เค้าฟื้นแล้วนี่นา ไม่งั้นฉันจะรีบตามเธอมาทำไม เธอก็ลองเรียกเค้าดูสิ”
อุไรท่าทางกระสับกระส่าย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวบ่นกับตัวเอง
“ทำไมยังไม่มาอีกนะ”

ด้านฐิติกับกานดามณีเดินใกล้จะถึงห้องวิเศษอยู่แล้ว จู่ๆกานดามณีแกล้งทำเป็นกังวลใจ
“ขอโทษนะคะที่ฉันต้องรบกวนคุณให้มาเยี่ยมคุณพ่อกับฉัน...แต่ฉันไม่รู้จักครอบครัวของท่านเลย ฉันกลัวว่าพวกเค้าจะรังเกียจ”
“ไม่เป็นไรครับ”
กานดามณียิ้มในหน้า มีแผนชั่วอะไรในใจ ฐิติเดินไปถึงห้องวิเศษ เอื้อมมือไปเปิดประตูห้อง

ขณะที่อุไรเดินงุ่นง่านอยู่หันไปเห็นฐิติเปิดประตูเข้ามา อุไรรีบปราดเข้าไปหากานดาวสี
“กานดาวสี...ฉันผิดหวังในตัวเธอเหลือเกิน”
กานดาวสีหันมามองอย่างงงๆ
“คุณอาพูดเรื่องอะไรคะ”
ฐิติยืนตะลึงอยู่ที่ประตูมองอยู่ กานดามณีแกล้งทำเป็นชะงัก รั้งแขนฐิติไว้ กระซิบท่าทางหวั่นๆ
“เราอย่าเพิ่งเข้าไปเลยค่ะ เค้าคงมีเรื่องกันอยู่”
อุไรตบหน้ากานดาวสีฉาดใหญ่
กานดาวสีงง “คุณอา...ตบดิฉันทำไมคะ”
ฐิติได้ยินเสียงกานดาวสีถึงกับลืมตัว สะบัดมือจากกานดามณี พรวดพราดเข้าไปในห้องแล้วชะงักเมื่อได้ยินเสียงอุไร
“ฉันเสียใจน่ะสิที่เธอยอมลดศักดิ์ศรีไปขายตัวแลกเงิน เธอรู้ตัวมั้ย ที่คุณวิเศษหันไปเล่นการพนันก็เพราะเค้าต้องการหาเงินมาให้เธอใช้ เค้าทนไม่ได้ที่เห็นเธอทำตัวสำส่อนขนาดนั้น
กานดาวสีตะลึงมองอุไรอย่างคาดไม่ถึง อุไรแกล้งทำไม่เห็นฐิติ รีบใส่ไม่ยั้ง กานดาวสีบอกอย่างเจ็บปวด
“คุณอาต้องการอะไรกันแน่ ถึงได้พูดใส่ร้ายดิฉันอย่างนี้”
“ฉันเนี่ยนะใส่ร้าย ที่เธอผลาญเงินของคุณวิเศษไปจนหมด ฉันยังไม่เคยเอ่ยปากซักคำ แต่เธอก็ยังฟุ้งเฟ้อจนทำให้พ่อตัวเองต้องเดือดร้อน ฉันไม่เคยเห็นด้วยกับการกระทำของเธอเลย รวมทั้งเรื่องที่เธอกับคุณวิเศษรวมหัวกันจับคุณฐิติเพราะหวังสมบัติของเค้าด้วย”
ฐิติก้าวเข้ามา ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“อะไรนะครับ”
ฐิติตะลึง กานดาวสีอ้าปากค้าง อุไรแสร้งทำเป็นตกใจ แล้วตัดใจพูดกับฐิติด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“ฉันขอโทษนะคะคุณฐิติที่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น แต่ฉันไม่มีทางเลือก บ้านก็จะถูกยึด ฉันกับลูกต้องมารับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ”
“บ้านกำลังจะถูกยึดหรือครับ”
อุไรสะอื้น “ใช่ค่ะ...ดิฉันเองก็เพิ่งมาทราบว่าคุณวิเศษเอาโฉนดบ้านไปจำนอง แต่โชคดีที่ท่านหญิงมาสู่ขอแม่กานดาวสีให้คุณฐิติ คุณวิเศษเลยคิดว่าหลังแต่งงาน แม่กานดาวสีคงกอบโกยเงินจากคุณมาไถ่บ้านได้ แต่ยังไม่ทันไรเขาก็ส่งทนายมายึดบ้าน คุณวิเศษก็เลยช็อกจนต้องเข้าโรงพยาบาลนี่ล่ะค่ะ”
ฐิติอึ้งพูดไม่ออก สีหน้าผิดหวังสุด ๆ
“ไม่จริง...ไม่จริง คุณอาโกหก คุณพ่อไม่มีทางเล่นการพนัน แล้วฉันกับคุณพ่อก็ไม่ได้วางแผนที่จะแต่งงานกับคุณฐิติ คุณอาโกหก”
ฐิติหันหลังกลับเดินออกไปไม่พูดไม่จา
“คุณฐิติ”
กานดาวสีตกใจ วิ่งตามออกไป

ไม่มีใครเห็นว่าวิเศษนอนฟังอยู่ รับรู้เรื่องทุกอย่าง แต่พูดไม่ได้ ลืมตาขึ้นมา มองตามกานดาวสีออกไปน้ำตาไหลริน

 
อ่านต่อหน้า 3

สุดสายป่าน ตอนที่ 8 (ต่อ)

ฐิติเดินออกมาจากห้องอย่างหุนหันพลันแล่น กานดาวสีวิ่งตามมาเพื่ออธิบาย

“คุณฐิติ ฟังฉันก่อนค่ะ”
ฐิติหน้าตาบึ้งตึง รีบเดินไปไม่สนใจกานดาวสี ขณะที่กานดามณีแอบมองอยู่ ยิ้มกริ่มอย่างสะใจ
“ทีนี้แกต้องถูกเฉดหัวออกมาจากวังสูรยกานต์แน่ๆ และฉันก็จะได้เข้าไปครอบครองทุกอย่างที่นั่นแทนแกไงล่ะ”

ฐิติจะเดินออกจากตึกโรงพยาบาล กานดาวสีวิ่งมาถึงจับแขนฐิติ
“คุณฐิติ ไม่จริงนะคะ มันไม่ใช่เรื่องจริง”
ฐิติชะงัก มองอย่างเย็นชา กานดาวสีพยายามอ้อนวอน
“ฟังดิฉันก่อนได้มั้ย”
ฐิติปัดมือกานดาวสีออก
“จะให้ฟังอะไรอีก ในเมื่อฉันได้ยินเต็มสองหูว่าเธอแต่งงานกับฉันเพราะเงิน หรือว่าเธอจะเรียกค่าตัวเพิ่มที่นอนกับฉันที่หัวหิน...”
ฐิติหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าปึกหนึ่ง
“เอาไปสิ” ฐิติขว้างเงินใส่หน้ากานดาวสี “แค่นี้พอมั้ย หรืออยากจะได้เท่าไหร่ ฉันให้เธอได้ทั้งนั้น เอาไปเลย...” มองมาด้วยสายตาเจ็บช้ำ “แต่ขออย่างเดียว อย่าไปนอนกับคนอื่นอีกได้มั้ย”
กานดาวสีทั้งโกรธ ทั้งเสียใจมาก จนพูดไม่ออก หลังหลังจะเดินออกไป ฐิติพูดขึ้นอีก
“ทำไม เงินของฉันมันต่างกับไอ้ผู้ชายพวกนั้นตรงไหน หรือว่ามันน้อยไป ทุกครั้งเธอขายตัวได้ทีละเท่าไหร่ล่ะ บอกฉันมาสิ”
กานดาวสีหยุด หันมาตบหน้าฐิติอย่างแรง
“ถ้าฉันเต็มใจ จะเท่าไรก็ไม่สำคัญ แต่จำไว้นะ สำหรับคุณ...ถึงจะเอาเงินมากองท่วมหัว คุณก็รั้งตัวฉันไว้ไม่ได้”
กานดาวสีหันหลังเดินออกไปอย่างหัวใจสลาย
ฐิติเจ็บปวดรวดร้าวใจ ทั้งรักทั้งชัง

ฐิติขึ้นรถปิดประตูรถอย่างแรงเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ แล้วนั่งหน้าเครียด หมกมุ่นครุ่นคิดอยู่ในรถครู่หนึ่ง ก่อนจะขับรถปราดออกไป

ในที่สุดซิติพาตัวเองมาอยู่ในห้องทำงานคุณพระบรรณกิจ ที่สูรยกานต์ไหมไทย คุณพระเดินไปเดินมาด้วยความเครียด
“เป็นไปไม่ได้ ถ้าพ่อวิเศษเอาบ้านไปจำนองจริงๆ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ผมก็ต้องมีระแคะระคายอะไรบ้าง...” คุณพระบ่นพึมพำกับตัวเอง “หนูกานดาวสีก็ไม่เห็นเล่าอะไร”
ฐิติคาใจ “กานดาวสีมาหาคุณพระเหรอครับ”
“อ๋อ ป ปละ เปล่าครับ...ผมแค่คิดว่าถ้าเกิดเรื่องอย่างนี้ หนูกานดาวสีน่าจะมาปรึกษาผมบ้าง”
“เค้าอาจจะไม่กล้าเล่าให้คุณพระฟังก็ได้...ถ้าคุณอาวิเศษเล่นการพนันเพื่อหาเงินมาให้เค้าใช้”
“ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลยครับ ผมรู้จักพ่อวิเศษกับหนูกานดาวสีดี สองคนพ่อลูกนี่ไม่มีทางทำอะไรสิ้นคิดอย่างนั้นแน่ๆ...” คุณพระบอกอย่างมุ่งมั่น “ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง”
“ผมก็ตั้งใจจะมาขอให้คุณพระช่วยเรื่องนี้ล่ะครับ ผมอยากรู้ว่าคุณอาวิเศษเอาบ้านไปจำนองกับใคร เท่าไหร่...”
“หมายความว่าคุณฐิติจะ...”
“ผมจะให้คุณพระโอนการจำนองมาเป็นชื่อผมแทน อย่างน้อยบ้านหลังนั้นจะได้ไม่ตกไปอยู่ในมือคนอื่น...แต่คุณพระห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด แม้แต่ท่านย่า...”

ด้านอุไรกำลังชื่นชมกับเงินก้อนใหญ่ในมือ
“แหมถ้ามีงานง่ายๆ แบบนี้ให้แม่ทำอีกก็ดีน่ะสิ”
ฝ่ายนารีรัตน์ออกทีท่าไม่สบายใจเท่าไหร่ “แต่คราวนี้รัตน์ว่าคุณแม่ทำเกินไปนะคะ ยังไงพี่กานเค้าก็เป็นคนในครอบครัว ถึงยัยกานดามณีนั่นจะเป็นลูกคุณพ่อเหมือนกัน แต่รัตน์ก็ยังคิดว่าเค้าเป็นคนอื่นอยู่ดี”
“อย่ามาเป็นคนดีหน่อยเลยยัยรัตน์ เงินขนาดนี้ แกทำของชำร่วยขายทั้งเดือนยังไม่ได้เลย แต่ฉันก็แค่พูดตามบทที่นังกานดามณีมันเขียนมาให้ แค่นี้ คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีก”
กานดาวสีเปิดประตูเข้ามา มองสองแม่ลูกอย่างผิดหวัง
“แล้วชีวิตของดิฉันทั้งชีวิตที่ต้องถูกคุณฐิติเข้าใจผิด รวมทั้งชื่อเสียงของคุณพ่อที่ต้องมัวหมองทั้งที่ไม่จริงสักนิด มันคุ้มกันมั้ยคะคุณอา”
อุไรกับนารีรัตน์ตกใจ แล้วอุไรก็ทำเป็นเชิดไม่แคร์
“อย่ามาทำท่าเป็นนางเอกหน่อยเลย แม่กานดาวสี เธอเองก็แย่งคุณฐิติมาจากน้องสาวแท้ๆ อย่างหน้าด้านๆ ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว”
“แต่มันไม่ใช่ความจริง...ถึงคุณอาจะไม่เชื่อแต่ดิฉันก็ยังไม่เสียใจ เท่ากับที่คุณอาทำร้ายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี สามีที่รักและดูแลคุณอามาอย่างดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้”
กานดาวสีมองอุไรอย่างดูถูกเหยียดหยามก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้อุไรยืนอึ้ง

ส่วนฐิติเดินหน้าเครียดเข้ามาในโถงของวังสูรยกานต์ ท่านหญิงรีบเดินเข้ามาหาอย่างกระวนกระวายใจ
“ตาติ...แล้วแม่กานดาวสีล่ะ”
ฐิติอึ้ง พูดไม่ออก
ท่านหญิงถามอีก “หรือว่าเค้าไม่ยอมมา”
ฐิติหลบตา “ผมไม่เจอเธอครับ”
“ไม่เจอได้ยังไง โกหกย่าหรือเปล่า”
นมสายท่าทางตกใจ เดินเร็วๆเข้ามาขัดจังหวะ
“แย่แล้วเพคะ ท่านหญิง คุณกานดาวสีกลับมาแล้วเพคะ”
“แล้วมันแย่ยังไง หล่อนก็รีบไปตามแม่กานดาวสีมาพบฉันสิ”
“คือ คือว่า เธอกำลังขึ้นไปเก็บข้าวของอยู่ข้าวบนแน่ะเพคะ”

ท่านหญิงหันขวับไปมองฐิติอย่างจับผิด

กานดาวสีกำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทาง ฐิติเปิดประตูเข้ามา

“จะรีบเก็บข้าวของไปอยู่กับผัวเก่าหรือไง แค่ลักลอบพบกันคงยังไม่พอล่ะสิ”
“ฉันจะไปไหนก็เรื่องของฉัน...แต่คุณควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ คุณก็จะได้อยู่กับคนที่คุณรักซะที”
“ไม่ต้องเอาคนอื่นมาอ้างเลย ถึงไม่มีกานดามณี เธอก็อยากจะแล่นกลับไปหามันใจจะขาดอยู่แล้วนี่ ฉันอยากจะรู้นักว่ามันมีดียังไง เธอถึงยอมทิ้งเงินก้อนใหญ่ที่ควรจะได้จากสูรยกานต์ไปอยู่กับมัน”
“คุณจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ ฉันไม่มีอะไรจะอธิบายหรือแก้ตัว เพราะตั้งแต่นี้เราก็คงไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก ยังไงฉันก็จะไปจากที่นี่”
ท่านหญิง พุดตาน นมสายเดินเข้ามา
“ไม่ได้...เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ท่านหญิงมองหน้ากานดาวสีนิ่งๆอย่างคาดคั้น “ฉันอยากจะรู้ ที่ตาติบอกว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า”
กานดาวสีนิ่งไป ชำเลืองมองฐิตินิดนึง
“ว่ายังไงล่ะ”
“ดิฉันไม่เคยมีคนรักเพคะ และดิฉันก็ไม่เคยรู้จักคนที่คุณฐิติกล่าวหาว่าเป็น...เอ่อ” กานดาวสีนึกละอายปากที่จะพูด “ผัวเก่า ชู้รักหรือคู่ขาของดิฉันแม้แต่คนเดียว”
ฐิติหันขวับไปมองกานดาวสี ผิดหวังที่กานดาวสีโกหกท่านหญิง แต่ลึกๆก็ดีใจที่กานดาวสี
ปฏิเสธ ท่านหญิงย่านิ่งคิด ชำเลืองมองฐิตินิดหนึ่ง
“เอาอย่างนี้ เรื่องแม่กานดามณี ถ้าเค้าไม่มีที่ไป ย่าก็อนุญาตให้ติพาเข้ามาอยู่ที่สูรยกานต์ด้วยก็ได้...ในฐานะผู้อาศัย แต่มีข้อแม้ว่าแม่กานดาวสีต้องอยู่ที่นี่ด้วย”
พุดตานกะกานดาวสีทักท้วงพร้อมๆ กัน “ท่านหญิงเพคะ” / “ท่านย่าเพคะ”
“นี่เป็นคำสั่งของย่า...และย่าก็ไม่อนุญาตให้แม่กานดาวสีหย่าขาดจากพ่อติ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ด้วยกันไปจนกว่าพ่อวิเศษจะหาย”
ฐิติแอบโล่งใจ

นมสายแอบค้อนท่านหญิงอย่างไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้
“ท่านหญิงนึกยังไงเพคะ ถึงได้ยอมให้คุณติเอาผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ที่นี่ ทำอย่างนี้มันทำร้ายจิตใจคุณกานดาวสีชัดๆ”
“บางทีความรักมันก็เหมือนกระท้อน ต้องทุบซะก่อนถึงจะหวาน”
“กว่าจะหวาน คุณกานดาวสีเธอมิตรอมใจตายก่อนเหรอเพคะท่านหญิงเองก็แน่พระทัยว่าคุณกานดาวสีเธอรักคุณฐิติ แล้วมันเรื่องอะไรจะให้เธอต้องมาทนเห็นคุณติอยู่กับผู้หญิงอื่นตำตา”
“ฉันว่าเรื่องแม่กานดามณีที่ตาติเล่าให้ฟังมันมีอะไรบางอย่างไม่ค่อยชอบมาพากลนัก ขอเวลาให้ฉันพิสูจน์อะไรบางอย่างหน่อยเถอะ...อะไรดีอะไรไม่ดี บางทีมันก็ต้องเอามาเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ ไม่ใช่รึ นมสาย”

ด้านกานดามณีหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงบันไดด้วยท่าทางอารมณ์ดีมาก วิไลวรรณยืนยิ้มปลื้มมองอยู่
“นี่แกไม่ต้องใช้ชื่อกานดาวสีอีกแล้วล่ะสิ เพราะตอนนี้แกกลายเป็นกานดามณี สูรยกานต์ ไปแล้วนี่”
“แน่นอน ฉันบอกแกแล้วว่าฉันจะใช้ชื่อกานดามณีกับผู้ชายที่คู่ควรกับฉันเท่านั้น แล้วฉันก็เจอเค้าแล้ว”
“ทีนี้แหละแกเอ๊ย แกจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่แกต้องการ แต่ที่สำคัญแกอย่าลืมที่สัญญาไว้นะว่าจะไม่ทิ้งฉัน”
“ฉันไม่ลืมหรอกน่า ถ้าฉันเขี่ยนังกานดาวสีออกไปจากวังได้ แกจะเอาอะไรฉันจะให้แกทุกอย่าง ถือซะว่า แกเป็นเพื่อนของฉัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน”
“ร่วมสุขของแก แต่ร่วมทุกข์ของคนอื่นต่างหาก”
“นังวรรณ จะเอามั้ยเงินน่ะ”
“เอาจ้ะ อุ๊ย! ต้องพูดว่า เอาเพคะสิถึงจะถูก”
กานดามณีกับวิไลวรรณหัวเราะชอบใจ แต่มีเสียงดังขัดความชื่นมื่นขึ้น
“แล้วก็อย่าลืมเอามาเผื่อแผ่ให้ผัวเก่าด้วยนะครับ คุณกานดาวสีเอ๊ย...คุณกานดามณี”
กานดามณีกับวิไลวรรณตกใจ หยุดหัวเราะหันไปตามเสียง เห็นวสันต์มองมาอย่างมีแผนการ

ภายในห้องรับแขกเวลานั้น กานดามณีเครียด แต่ทำเป็นข่มวสันต์
“ผู้ชายหมาๆ ขายผู้หญิงกินอย่างแก ยังมีหน้ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกเหรอ”
วสันต์หัวเราะไม่สะทกสะท้าน
“อะไรกัน จะเรียกว่าขายได้ยังไง ในเมื่อทั้งเธอทั้งฉันต่างก็ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่”
“ฉันเนี่ยนะได้ประโยชน์ แกปล่อยให้ฉันต้องผจญกับไอ้ผู้กำกับกามวิปริตคนนั้น ส่วนแกก็เชิดเงินล้านไปสบายๆ”
“ก็เธอเองไม่ใช่เหรอที่อยากได้ผัวเจ้าจนตัวสั่น อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ ฉันก็สนองให้แล้วไง แต่หลังจากนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องมารับผิดชอบ”
“ถ้าไม่คิดจะรับผิดชอบแล้วแกกลับมาทำไม”
“ฉันมันนักธุรกิจ ผลประโยชน์อยู่ที่ไหน ฉันก็ตามกลิ่นไปจนเจอน่ะแหละ”
“แกต้องการอะไรจากฉันอีก”
วสันต์มองกานดามณีอย่างเป็นต่อ
“ก็แค่ค่าปิดปากเล็กๆน้อยๆ”
วสันต์มองไปที่กระเป๋าเดินทางของกานดามณี
“เธอคงเตรียมตัวจะเข้าไปอยู่ในวังสูรยกานต์ล่ะสิ...ความฝันของเธอคงจะพังไม่เป็นท่าเลยสินะ ถ้าหม่อมหลวงฐิติ สูรยกานต์รู้ความจริงจากปากฉันว่ากานดาวสีคนไหนดี คนไหนชั่ว”

ด้านไขนภายืนเซ็นเอกสารอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะส่งให้พยาบาลที่ยืนอยู่ด้านใน
“ถ้ามีอะไรเกี่ยวกับคุณวิสูตร ก็ติดต่อดิฉันได้เลยนะคะ ดิฉันจะรับเป็นเจ้าของไข้เอง”
“ค่ะ” พยาบาลรับคำ
ไขนภาหันหลังจะเดินออกไปแล้วชะงัก เห็นกานดาวสีลงจากรถรับจ้าง เดินเข้ามาในโรงพยาบาล ไขนภารีบเดินไปหา
ไขนภาลังเล “นั่นคุณกานดามณีหรือเปล่าคะ”
“ดิฉันกานดาวสีค่ะ”
“อ๋อค่ะ คือ...เมื่อวันก่อนดิฉันได้พบคุณกานดามณี เธอคงจะเป็น...”
กานดาวสียิ้มเศร้า “ดิฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกันค่ะว่าตัวเองมีน้องสาวฝาแฝด”
ไขนภาร้อนใจ “แล้วคุณกานดาวสีพอจะทราบมั้ยคะว่าจะติดต่อคุณกานดามณีได้ที่ไหน”
“คุณหญิงมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

กานดาวสีแปลกใจระคนสงสัย

 
อ่านต่อหน้า 4

สุดสายป่าน ตอนที่ 8 (ต่อ)

ไม่นานนักกานดาวสีกับไขนภายืนคุยกันอยู่ข้างเตียงวิสูตรในห้องพักฟื้น

“นี่กานดามณีทราบหรือยังคะว่าคุณวิสูตรเข้าโรงพยาบาล”
ไขนภาท่าทางไม่พอใจกานดามณีอย่างเห็นได้ชัด
“ยังค่ะ” คุณหญิงพูดด้วยเสียงตำหนิ “ท่าทางคุณกานดามณีไม่สนใจด้วยซ้ำว่าครูใหญ่จะเป็นยังไง แต่ดิฉันอยากขอให้เธอมาดูแลครูใหญ่บ้าง”
“คุณฐิติกำลังไปรับกานดามณีมาอยู่ที่วังสูรยกานต์ค่ะ”
ไขนภาแปลกใจ “เอ๊ะ ดิฉันไม่เข้าใจ ทำไมต้องรับเข้าไปอยู่ในวังด้วยล่ะคะ แล้วจะเข้าไปอยู่ในฐานะอะไร”
กานดาวสีอึ้งไปนิดนึง แต่ตัดสินใจตอบตามความจริง “ในฐานะภรรยาของคุณฐิติค่ะ”
ไขนภาตกใจ “ภรรยาของคุณฐิติ! หมายความว่ายังไงคะ”
“กานดามณีเป็นคนรักของคุณฐิติค่ะ...คุณฐิติแต่งงานกับดิฉันก็เพราะเข้าใจผิดว่าดิฉันคือกานดามณี”

เย็นนั้นฐิติขับรถเข้ามาในบริเวณวังสูรยกานต์ กานดามณีมองรอบๆ อย่างพอใจแต่แกล้งทำประหลาดใจ
“ติ นี่คุณพาฉันมาที่ไหนคะ”
“ที่นี่คือวังสูรยกานต์”
“นี่มันอะไรกันคะ ฉันงงไปหมดแล้ว”
ฐิติจอดรถหน้าตึก

ไม่นานต่อมากานดามณียิ้มบางๆ ดูเจียมตัว ขณะก้มลงกราบเท้าท่านหญิงและพุดตาน ในห้องรับแขก
“ท่านย่าเพคะ คุณแม่ขา หนูขอฝากเนื้อฝากตัว กรุณาเอ็นดูหนูด้วยนะคะ หนูเป็นแค่เด็กผู้หญิงจนๆ คนนึง เรียนมาก็น้อย หนูไม่รู้จริงๆ ว่าคุณฐิติเป็นถึงทายาทของสูรยกานต์ ไม่งั้นหนูก็คงไม่กล้าอาจเอื้อมไปรักเค้า”
นมสายมองๆแล้วแอบค้อนอย่างหมั่นไส้ พุดตานเขม้นมองอย่างพยายามประเมิน
“แล้วที่เพิ่งกลับมาเนี่ย ก็เพราะเพิ่งรู้หรือเปล่าจ๊ะ”
กานดามณีพูดไม่ออก รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่
“ไม่ใช่นะครับแม่...คุณกานเพิ่งจะรู้ก็ตอนที่ผมพาเธอมาถึงสูรยกานต์นี่เอง” ฐิติแก้ให้
“ติเล่าให้แม่ฟังแล้วล่ะว่าที่หนูหายไปก็เพราะมีเรื่องทางบ้าน...”
กานดามณีแกล้งยิ้มเศร้า กำลังคิดว่าจะเล่าอะไรอีกดีเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร
“ค่ะ ตอนนั้นหนู...”
พุดตานพูดขัดขึ้น “แต่แม่ก็อดน้อยใจแทนตาติไม่ได้ว่าหนูน่าจะหาทางส่งข่าวมาบ้าง หนูก็รู้นี่จ๊ะว่า บ้านเราขายขนมอยู่ที่ไหน”
กานดามณีแก้ตัวเสียงตะกุกตะกัก “หนู หนูทำหายไปหมดเลยค่ะ ตอนนั้นมันยุ่งมากจริงๆ เบอร์โทรศัพท์ ตำบลที่อยู่อะไรก็หายไปหมด”
ท่านหญิงมองด้วยสายตาคมกริบ พูดเปรยๆออกมา
“ไม่น่าเชื่อว่าตาคนหนุ่มจะสู้ตาคนแก่ไม่ได้”
นมสายรับลูกต่อ “ท่านหญิงหมายความว่ายังไงเพคะ”
“ก็ดูสิ แค่มองแว้บเดียว ฉันก็รู้แล้วว่าแม่กานดามณี ไม่ได้มีอะไรเหมือนแม่กานดาวสีซักอย่าง ยกเว้นหน้าตา...ไม่น่าเชื่อว่าตาติจะดูไม่ออกจนถึงขนาดแต่งงานผิดฝาผิดตัวไปได้”
ฐิติท่าทางกระอักกระอ่วน
“ว่าไงล่ะพ่อติ นี่หลานย่าตาฝ้าฟางขนาดดูไม่ออกจริงๆ เลยรึ”
ฐิติอึ้งไป กานดามณีรู้ทันทีว่าท่านหญิงไม่ชอบตน


กานดามณีเดินหน้าเศร้าออกมาจากห้องรับแขก
“ฉันว่าท่านย่าของติไม่ชอบฉันเลยนะคะ”
ฐิติปลอบอย่างไม่เต็มปาก “อย่าคิดมากเลยครับ ท่านย่าเป็นคนเฉยๆอย่างนั้นเอง...” รีบเปลี่ยนเรื่อง “ผมว่าคุณเข้าไปพักผ่อนในห้องก่อนดีกว่า”
“แล้วติจะให้ฉันนอนห้องไหนล่ะคะ”
ฐิติอึ้งไป สายตาเหลือบไปเห็นกานดาวสีเดินเข้ามาพอดี ฐิติกับกานดาวสีสบตากัน
“ก็ห้องผมสิครับ”
กานดามณียิ้มดีใจ
“โอ...ติ ฉันดีใจจังเลยค่ะ นี่เราจะได้อยู่ด้วยกันจริงๆเหรอคะ”
ฐิติดึงกานดามณีเข้ามากอด จูบอย่างปลอบขวัญ แต่ตามองไปที่กานดาวสี
ฐิติประชด “ครับ ก็พี่สาวคุณเค้ายกทุกอย่างของเค้าให้คุณแล้วนี่”
กานดามณีสะดุดใจในน้ำเสียงของฐิติ หันไปเห็นกานดาวสี แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น รีบโผเข้ากอดจูบฐิติ
“ฉันอยากขอบคุณพี่กานดาวสีจังเลยค่ะ เมื่อไหร่เธอจะกลับมาจากโรงพยาบาลล่ะคะ”
ฐิติกอดตอบกานดามณี ฝืนทำหน้าตาแจ่มใส
“เค้ามานั่นแล้วไงล่ะครับ”
กานดามณีแกล้งทำเป็นเพิ่งจะเห็นกานดาวสี โผเข้าไปกอดรัดจับไม้จับมือด้วยท่าทางดีอกดีใจ
“พี่กานดาวสี...น้องไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะได้มีโอกาสเจอกับพี่” พลางหันมาบอกกับฐิติ

“ติขา ฉันขอคุยกับพี่สาวของฉันให้สมกับที่คิดถึงก่อนได้มั้ยคะ”

กานดามณีกำลังปิดประตูห้องสมุด กานดาวสีเหลียวมองกานดามณีอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ทั้งรักและดีใจที่ได้เจอน้องร่วมสายโลหิต ทั้งปวดใจที่เห็นผู้หญิงที่ฐิติรักยืนอยู่เบื้องหน้า และเป็นน้องสาวฝาแฝดของตน

“น้องณี...พี่ดีใจนะที่ได้เจอเธอ”
“ดีใจเหรอ ฉันคิดว่าเธอจะเสียใจซะอีก”
“ทำไมพี่ต้องเสียใจ”
กานดามณีมองหน้ากานดาวสี ยิ้มเย้ยๆ ก่อนจะเดินมองกานดาวสีไปรอบๆตัว
“ไม่น่าเชื่อว่าเราสองคนจะเหมือนกันขนาดนี้ มิน่าล่ะ ติเค้าถึงได้คิดว่าเธอเป็นฉัน แต่เสียใจด้วยนะ เวลาของเธอกำลังจะหมดแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้เธอแย่งอะไรของฉันไปอีกแล้ว”
กานดาวสีฟังแล้วเสียใจ “ทำไมเธอพูดอย่างนั้นล่ะ พี่ไม่เคยแย่ง...”
กานดามณีพูดขัดขึ้น “ไม่ได้แย่ง แต่เธอก็เป็นคนที่ได้ทุกอย่างมาตลอดไงกานดาวสี...ฉันกับเธอเป็นพี่น้องกัน หน้าตาเหมือนกัน พ่อแม่เดียวกัน” แววตาของแฝดน้องแข็งกร้าวแต่ฉายแววเศร้า “แต่ทำไมต้องเป็นฉัน” จิ้มที่ตัวเองอย่างประชดประชัน “ที่ต้องปากกัดตีนถีบอยู่ในสลัมเธอคงไม่เคยรู้สินะว่าเวลาที่หิวแล้วไม่มีจะกินมันรู้สึกยังไง เพราะคงมีคนเอาอาหารมาประเคนให้เธอถึงปาก” ถึงตอนนี้กานดามณีสะเทือนใจจริงๆ “แค่เรียนหนังสือ ฉันก็ยังไม่ได้เรียนเลย แต่แกกลับไปเรียนถึงเมืองนอก”
“พี่ไม่สบายอย่างที่เธอคิดนะ”
“แต่ก็คงไม่ลำบากเท่าฉันหรอก”
กานดาวสีทั้งเศร้า เสียใจ และรู้สึกผิด “พี่เสียใจ พี่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนจริงๆ”
“เธอจะรู้ได้ยังไงในเมื่อพ่อไม่เคยคิดเลยว่ามีฉันเป็นลูกอีกคน เค้ารักแต่เธอ หาผู้ชายดีๆให้เธอ ตรงข้ามกับฉันที่เจอแต่ผู้ชายเลวๆ ที่คอยแต่จะหาประโยชน์จากตัวฉัน” คราวนี้กานดามณีพูดแทบเป็นตะคอก “บอกฉันมาสิว่าทำไม! ทำไม!ฉันต้องเจอกับความชั่วร้ายแบบนั้นอยู่คนเดียว”
“พี่เสียใจที่รู้ว่าน้องต้องลำบาก แต่จะให้พี่ทำยังไง ในเมื่อพี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น”
“แล้วเรื่องที่ตั้งใจล่ะ เธอตั้งใจจะแย่งคุณฐิติไปจากฉัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเค้าไม่ได้รักเธอ ทำไมถึงยังทำ”

ส่วนอีกมุมหนึ่งในวังสูรยกานต์ ฐิติเดินวนไปวนมาอยู่ตรงนั้น ท่าทางไม่สบายใจนัก พุดตานยืนมองฐิติอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาหา
“ตาติ ลูกคิดดีแล้วเหรอที่พาแม่กานดามณีมาอยู่ที่นี่”
“ครับ เธอไม่มีที่พึ่งที่ไหนอีกแล้ว...แม่ไม่พอใจอะไรหรือเปล่าครับ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกลูก แต่พูดตรงๆ ว่าแม่ไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้ แม่ไม่เชื่อว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอจะติดต่อลูกไม่ได้จริงๆ”
“แต่เธอก็กลับมาทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ผมคือ หม่อมหลวงฐิติ สูรยกานต์ อย่างน้อยกานดามณีก็รักที่ตัวตนของผม ไม่เหมือนผู้หญิงบางคน”
พุดตานมองฐิติอย่างเข้าใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้มากกว่านี้
“เอาเถอะ ลูกจะเลือกใคร แม่ก็ไม่อยากจะก้าวก่าย แต่ก็อย่าตัดสินใครเค้าง่ายๆ อีก ดูให้แน่ใจซะก่อน” พุดตานเตือนสติลูก“อย่าลืมว่า ที่เรื่องมันวุ่นวายอยู่ตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการตัดสินใจของลูกด้วย”
ฐิติอึ้งไป รู้สึกผิดอยู่ในใจเหมือนกัน
“แล้วนี่แม่กานดามณีเค้าทำอะไรอยู่ที่ไหนล่ะ” พุดตานถาม

สองแฝดอยู่ในห้องสมุดวังสูรยกานต์ กานดามณีคาดคั้นพี่สาว
“พูดมาสิว่าทำไมถึงยังทำ”
“พี่ไม่เคยคิดจะแย่งเค้าไปจากเธอเลย”
“ไม่ได้คิด แล้วยอมแต่งงานกับเค้าทำไม เธอก็รู้ว่าที่เค้าแต่งงานกับเธอก็เพราะคิดว่าเธอเป็นฉัน เธอสวมรอยเป็นฉัน แล้วก็แย่งคนที่ฉันรักไปต่อหน้าต่อตา”
“แต่คนที่หลอกเค้าไม่ใช่พี่ ตัวเธอนั่นแหละที่ทำให้เกิดเรื่องทุกอย่าง ถ้าเธอไม่ใช้ชื่อพี่ไปหลอกคุณฐิติและพวกผู้ชายคนอื่นๆ เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
“นี่เธอโทษฉันเหรอ”
“พี่พูดไปตามความจริง แล้วพี่ก็อยากรู้ว่าเธอทำไปเพื่ออะไร”
กานดามณีบอกออกมาอย่างสะใจ “ก็เพราะฉันอยากให้มีรอยด่างในชีวิตของกานดาวสี กิริเนศวรบ้างน่ะสิ”
กานดาวสีฟังแล้วตกใจ “กานดามณี! นี่หมายความว่าเธอตั้งใจ...เธอจะไม่ยอมรับว่าเธอคือผู้หญิงคนนั้น แล้วปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าเป็นพี่ใช่มั้ย”
“ฉันจะยอมรับได้ยังไง ในเมื่อฉันกำลังจะได้เป็นคุณผู้หญิงของสูรยกานต์...ในฐานะพี่สาว เธอจะยอมเสียสละตำแหน่งนี้ให้น้องได้มั้ยล่ะ ไหนๆ เธอก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว ครั้งนี้ เธอก็น่าจะชดเชยให้ฉันบ้าง ทำเพื่อฉันสักครั้ง ขอให้ฉันได้มีความสุขเหมือนคนอื่นเค้าบ้างเถอะนะ”

คืนนั้นกานดาวสีถือกระเป๋าเดินทางเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนที่เรือนหลังเล็กกลางสวน นมสายตามเข้ามาด้วย
“ห้องบนตึกมีตั้งเยอะแยะ คุณฐิติไม่เห็นน่าจะให้คุณมาอยู่ที่นี่เลย”
ฐิติโผล่เข้ามา
“ผมไม่ได้ให้เค้ามาอยู่ที่นี่ เค้าเลือกเองต่างหาก...ห้องบนตึกมีตั้งเยอะไม่เห็นจะต้องมาอยู่ไกลหูไกลตาขนาดนี้เลย หรือว่าทนเห็นหน้าผมไม่ได้”
“โอ๊ย...เป็นนม นมก็ไม่อยากอยู่หรอกค่ะคุณติ” นมสายแอบค้อนฐิติอย่างอดใจไม่ได้ “สามีของตัวเองแท้ๆไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ใครจะไปอยากเห็น”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะคุณนม คงเป็นไปไม่ได้ที่ดิฉันจะรู้สึกอย่างนั้นกับคุณฐิติ...ตอนนี้ดิฉันก็เหมือนคนนอก จะให้ขึ้นไปอยู่บนตึกก็จะขวางหูขวางตาคุณฐิติเปล่าๆ”
กานดาวสีพูดกับนมสายแต่สายตามองฐิติแน่วแน่ เหมือนจะย้ำสิ่งที่กำลังจะพูดออกมา
“ดิฉันกับคุณฐิติไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว แต่ที่ดิฉันยังอยู่ที่นี่ก็เพราะเป็นคำสั่งของท่านย่าเท่านั้นล่ะค่ะ”
ฐิติทำหน้าไม่แคร์ แต่จริงๆ แล้วสะเทือนใจสุดๆ

เดือน คนรับใช้ถือกระเป๋าของกานดามณีเข้ามาวางแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน เอาเสื้อผ้าในกระเป๋าฉันไปจัดใส่ตู้ให้ด้วย”
เดือนเดินไปที่กระเป๋าเสื้อผ้า
“แล้วก่อนเอาเสื้อผ้าฉันเข้าตู้น่ะ เช็ดในตู้ด้วยให้สะอาดด้วยล่ะ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนอะไรก็ต้องเปลี่ยนให้หมด อย่าให้มีกลิ่น หรือร่องรอยอะไรเดิมๆติดอยู่เลยนะ ฉันไม่ชอบ”
เดือนก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่ง

กานดามณียิ้มอย่างมีความสุข เดินนวยนาดสำรวจข้าวของในห้องอย่างพอใจ

อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น