อาญารัก ตอนที่ 9
ด้านสนกำลังจีบปากจีบคอฟ้องทองจันทร์กับขุนภักดีและเรียม ที่นั่งรวมญาติอยู่บนเรือนคุณนายทองจันทร์ มีเทิดศักดิ์ตามมาอธิบายเรื่องราว
“สนหวังดี เกรงว่า จะเรียนหนังสือหนังหากันไม่ทันจบ กลัวว่าจะชิงสุกก่อนห่าม สนเสียใจที่เจตนาดีของสนกลายเป็นเจตนาร้าย แต่เรื่องทำนองนี้มันเสียหายมานักต่อนักเห็นๆ กันอยู่นะคะ”
เทิดศักดิ์พูดแย้ง อธิบายแรงๆ ใส่อารมณ์
“น้องติ๋วเขาไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ผมต่างหากที่ทำให้เกิดความเสียหายกับเขา ผมจับมือกุมมือเขา เนื่องจากเขาโดนหนามกุหลาบตำเลือดออก คุณแม่สนวู่วามไม่ถามไถ่ไปฉุดกระชากลากน้องจนล้มลง ยังกล่าวหาเขากับน้าเนียนว่าสมคบกันยั่วยวนผม”
“อืม...ก็จริงแม่สนวู่วามไปนิด ฉันจับตาดูเด็กนี่มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนตีนใหญ่เท่าไม้พาย ตะแรกไม่คิดจะดูดำดูดี แต่ดูไปดูมามันดีจนเอาชนะใจคนแก่อวดดีหัวดื้ออย่างฉันได้ ฉันขอรับรองว่าเด็กนี่รักดี” ทองจันทร์ว่า
“ลูกเทิดศักดิ์ทำเกินไป กะอีแค่หนามกุหลาบตำ ไม่ใช่โดนมีดผาหน้าไม้บาด ทำไมต้องไปกุมมือกุมไม้ให้แม่เขาเข้าใจผิดแม่เขาหวังดีนะลูก” ขุนภักดีไม่วายตำหนิลูกชาย
“หวังดีมีสองแบบ หวังดีด้วยเจตนาดี กับหวังดีแต่เจตนาร้าย เอาเป็นว่าจะหาตัวว่าใครผิดให้ได้ก็มาลงที่อีแก่หัวหงอกนี่ เพราะฉันใช้เด็กมันไปเก็บดอกไม้มาใส่แจกันหน้าหิ้งพระ” ทองจันทร์ตัดบท
เนียนเอ่ยขึ้น “เนียนต้องกราบขอประทานโทษเจ้าคะ ความจริงเนียนน่าจะเป็นคนไปเก็บดอกไม้เอง ตำหนิเนียนคนเดียวเถิดเจ้าค่ะ”
สนได้ที แดกดันให้ร้ายเนียน “ก็ถึงว่าละสิ ทำไมต้องใช้ลูกสาวไปเก็บ มีเจตานาอะไรแอบแฝงรึเนียน”
เรียมทนไม่ไหว “ถ้าจะไล่กันเป็นลูกระนาดหรือพูดหยาบๆว่าไล่กันแบบหมาป่ากับลูกแกะ มาตำหนิฉัน เพราะฉันใช้ให้เนียนไปถักผ้าคลุมเตียงที่ค้างไว้ให้เสร็จ เนื่องจากผืนเก่ามันขาด”
ขุนภักดีหันขวับ
“ผ้าคลุมเตียงของคุณแม่รึ”
“ของเรียมค่ะ”
“ของคุณพี่เรียมก็ของพี่ขุนนั่นแหละคะ จะพูดเฉไฉให้แชเชือนไปทำไม” สนประชด
“ก็แค่ของใช้ ถ้าพ่อเทพรังเกียจก็เอามาให้แม่สิจ๊ะ” ทองจันทร์ออกรับแทน
“เอ้อ เอ้อ...” ลึกๆ ขุนภักดีแอบพอใจ แต่รั้น และพาลต่อ “ไอ้เรื่องชอบไม่ชอบไม่ใช่ประเด็น ผมไม่ใช่คนบ้าจี้ใครทักอะไรไม่ได้ เอาละ เอาละ อย่าให้มีเรื่องเช่นนี้อีก กินข้าวกงสีเดียวกันแท้ๆ”
ขุนภักดีเดินปึงปังออกไป สนจะเดินตาม ถามประจบ
“พี่ขุนจะไปกินน้ำพริกปลาทูเรือนสนใช่ไหมคะ เชิญค่ะ”
“เปล่า”
ขุนภักดีตอบห้วนๆ แล้วเดินปึงปังออกไปต่อ สนจ๋อย เรียมมองตามยิ้มๆ ทองจันทร์หัวเราะหึๆ เนียนนั่งก้มหน้า สนเฉียดกรายมาด่าเนียนเบาๆ
“แกทำฉันอับอายขายหน้า ระวังให้ดี”
สนเดินกระแทกส้นปังๆ ออกไป
“แม่สน กระแทกเท้าแรงอย่างนั้น พื้นบ้านฉันจะสึกเอานะจ๊ะ” ทองจันทร์พูดไล่หลัง
แมวกับกบกำลังคลุมเตียงด้วยผ้าถักฝีมือเนียน สองคนหัวเราะคิกคัก
“ผ้าคลุมเตียงผืนนี้สวยแท้ๆ เนียนเขามีฝีมือไปซะทุกเรื่อง” แมวว่า
“ยกเว้นฝีมือในการต่อสู้กับอันธพาลที่หมายมุ่งร้ายทำลายตัวเอง” กบเสริม
“ตอนนี้พวกมันเพิ่มคนที่มุ่งร้ายหมายขวัญมาอีกหนึ่งคน คือหนูติ๋ว” แมวบอก
“หนูติ๋ว จะรอดปากเหยี่ยวปากกา ปากหมาปาก…”
ขุนภักดีเดินเข้ามา สองคนรีบปิดปากตกใจ สายตาท่านขุนจ้องเป๋งไปที่ผ้าคลุมเตียงฝีมือเนียน
“ออกไปซะ”
สองคนมองหน้ากันงงๆ
“เอ้อ ยังคลุมเตียงไม่เสร็จนะเจ้าคะ” แมวท้วง
“บอกให้ออกไป”
“ไปเจ้าค่ะ” กบกระซิบแมว “โกรธอะไรมาน้อ”
แมวสะกิดกบพากันออกไป พอสองคนพ้นไป ท่านขุนเดินไปที่ผ้าคลุมเตียงที่คลุมค้างกระชากออก ทำท่าจะขว้างทิ้ง แล้วชะงัก รวบๆ เอามาไว้ในมือทั้งหมด ก้มหน้ามอง
ขุนภักดีมองผ้าคลุมเตียงในมือ กลับมีดวงหน้าของเนียนที่ทอดสายตามองมาเว้าวอนน้ำตาซึมเหมือนตัดพ้อต่อวาท่านขุน
ขุนภักดีดึงตัวเองกลับมา “โธ่เว๊ย ฉันไม่มีวันใจอ่อนกับนางแพศยาคบชู้ดอก”
ท่านขุนใช้อีกมือลูบไล้ผ้าคลุมเตียงไปมาเบาๆ อย่างลืมตัว
ระหว่างนั้นเรียมที่เดินตาม หยุดชะงักมอง เห็นทุกอิริยาบถ เรียมเดินไปหาแล้วแบมือขอผ้าคลุมเตียง
“ส่งมาให้เรียมสิคะ เรียมจะเอาไปไว้ให้ไกลตาพี่เทพ”
“ไม่ต้อง เรียกกบกับแมวให้มันเอาไปคลุมเตียงซะ”
พูดจบขุนภักดีก็เดินหนีเรียมไปอีก เพื่อซ่อนความรู้สึกที่ทำอย่างไรก็ตัดเนียนไม่ขาดทั้งที่เชื่อว่าเนียนมีชู้
เรียมได้แต่มองตาม ให้แปลกใจว่าท่านขุนจะเอายังไงกันแน่
ครู่ต่อมากบกับแมวปูผ้าคลุมเตียงเสร็จแล้วหัวเราะคิกคักต่อ
“เกลียดตัวกินๆไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” กบว่า
“สายอะไรตัดขาดได้ แต่สวาทตัดไม่ขาดดอกจะบอกให้” แมวบอก
สองคนหัวเราะกันอีก
ส่วนสนนั่งหน้าตึงเพราะจัดการเล่นงานเนื้อทองกับเนียนไม่สำเร็จ
“โธ่ แม่สนขา ทำไมคุณย่าถึงเข้าข้างนังเด็กติ๋วกับแม่มันแทนที่จะเข้าข้างแม่สน มันคนละชั้นกับเรานะคะ” ทานตะวันติดนิสัยชั่วร้ายมาจากสนที่เสี้ยมตั้งแต่เด็ก
“ก็เพราะนางสองคนแม่ลูกนั่นมันอยู่เรือนเดียวกับคุณย่าน่ะสิคะ มันเป่าหูคุณย่าสามเวลาหลังอาหาร คุณย่าทำท่าจะรักมันมากกว่าหนูอี๊ดซะแล้ว” สนเสี้ยมอีก
“จริงหรือคะ”
“ไม่จริง คุณย่าจะออกค่าเรียนมหาวิทยาลัยให้มันหรือคะ คุณแม่น่ะให้มันทุกอย่างเท่าหนูอี๊ดมานานแล้ว คุณพ่อก็ทำท่าจะโอนเอน หนูอี๊ดจะกลายเป็นหมาหัวเน่าประจำบ้านสักวัน”
“ไม่นะ หนูอี๊ดไม่ยอม เด็ดขาด”
“หนูอี๊ดไม่ยอม แต่คนอื่นเขาพร้อมใจกันเอ็นดูมันไปแล้ว นะคะ คอยดูเถิดมันจะปะเหลาะขอโน่นแอบขโมยนี่ของคุณย่าไปเรื่อยๆ ดีไม่ดีมันถึงขั้นเป่าหูให้คุณย่าเกลียดหนูอี๊ด”
“โอ๊ย หนูทนฟังไม่ได้แล้วหนูเกลียดมัน หนูไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับมัน แม่สนจ๋าช่วยหนูนะ นะคะ นะคะ”
“จ้ะ ตอนนี้นางช้อยมาแล้ว อีกไม่นานดอก มันโดนเราสำเร็จโทษแน่ๆ”
สนทำเป็นสวมกอดทานตะวันแล้วแอบยิ้มเยาะ พูดไม่มีเสียง
“อีเด็กโง่”
ทานตะวันเป็นปลื้ม “ขอบคุณมากค่ะแม่สน มีแต่แม่สนคนเดียวที่ใจเรื่องความรู้สึกของหนู”
สนหันมายิ้ม “แม่สนจะสอนวิธีทำให้พวกมันช้ำใจเป็นอันดับแรก”
ทานตะวันฟังที่สนกระซิบกระซาบแผนร้ายให้ฟัง
ฝ่ายเนียนกอดเนื้อทองแน่น สองแม่ลูกน้ำตาคลอ เนื้อทองปลอบใจแม่
“ไม่ต้องเสียใจดอกนะจ๊ะแม่เนียน เราไม่ผิด ใครเขาจะว่าอย่างไร ก็ช่างเขาปะไร”
“เขาว่าแม่ แม่ทนได้แต่เขาว่าหนูแม่เจ็บที่หัวใจ เจ็บจนปวดร้าวไปหมด”
“หนูก็เช่นเดียวกับแม่เนียน ใครว่าหนูหนูทนได้ แต่ใครว่าแม่เนียน หนูก็เจ็บจนหัวใจปวดร้าวไปหมด พอหนูเรียนจนเป็นครู ไปสอนหนังสือมีรายได้ หนูจะพาแม่เนียนกลับไปบ้านเดิมของแม่นะคะ”
เนียนน้ำตาไหลพราก เป็นปลื้มนัก ซึ้งในน้ำใจของลูก แต่เนียนยังมีใจรักขุนภักดีไม่อาจจากไปได้ ตราบใดที่ไม่ได้โดนไล่
“ขอบใจมากทูนหัวของแม่ แต่...”
“แต่อะไรจ้ะ”
“แม่ไปไม่ได้ดอก”
“ทำไมจ๊ะ เขากดหัวกดขี่ทั้งกายและหัวใจของแม่ ขนาดนี้ทำไมแม่ไม่ไปในเมื่อมีโอกาส”
“ตาของหนู สั่งเอาไว้ให้แม่อยู่รับใช้ทดแทนพระคุณบ้านนี้ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แม่ผิดคำสั่งตาไม่ได้ดอกลูก”
“คำสั่งที่โหดร้าย ผูกมัดเกินไป ทำไมตาถึงสั่งอย่างนั้นจ๊ะ”
“เรื่องมันยาว มันลึกซึ้ง สรุปง่ายๆ คือแม่ไปจากที่นี่ไม่ได้ถ้าเขาไม่เฉดหัว”
“ถ้าตารู้ได้ตาจะยอมให้แม่กลายเป็นทาสของเขาหรือ เขาทารุณเหยียดหยามแม่เหมือนไม่ใช่คน ทำไมแม่ต้องทน แม่ยิ่งทนหนูยิ่งเกลียดเขา หนูเกลียดขุนภักดีภูบาลที่สุดในโลก”
เนียนตวาดลูก
“หยุดนะ ถ้ายังรักยังเคารพแม่ เห็นแม่ว่าเป็นแม่ห้ามพูดถึงเขาอย่างนี้อีก”
เนื้อทองตกใจ “แม่เนียน โกรธหนู หนูทำอะไรผิดหรือคะ”
“หนูไม่มีสิทธิ์เกลียดเขา”
“หนูมีสิทธิ์เกลียดทุกคนที่ทำร้ายแม่หนู อย่ามาห้ามไม่ให้หนูเกลียดเขา”
เนื้อทองน้อยใจ ไม่เข้าใจ ร้องไห้โฮวิ่งหนีออกไป เนียนมองตามน้ำตาไหล
“คนเราเกิดมา ไม่ว่าพ่อแม่จะใจไม้ไส้ระกำ ทำกับเราอย่างไร ก็ไม่มีสิทธ์ประณามตำหนิ ไม่มีสิทธิ์เกลียดเขา เพราะเรามีหน้าที่กตัญญูเทิดทุนเขา จึงจะเป็นคนที่สมบูรณ์ หนูติ๋วจ๋าแม่ขอโทษ ที่ไม่อาจอธิบายให้ลูกเข้าใจได้”
เนียนร้องไห้สะอื้นอยู่คนเดียว
แทนกระหืดกระหอบหน้าตาผิดหวังขึ้นเรือนเข้ามาบอกสน
“คุณนายสนขอรับ คือว่า เรื่องที่ให้ผมไปตามนางช้อยน่ะ…”
“ขอบใจมาก”
“ขอบใจที่ผมตามหานางช้อยไม่พบหรือขอรับ”
สนปรี๊ด “อ้าว นี่เอ็งยั่วโมโหชั้นรึ ถ้าเอ็งตามหามันไม่พบ แล้เอ็งกลับมาหาข้าได้ยังไง”
“มันกลับมาแล้ว ผีผลักมันมา หรือว่ามีพรายกระซิบให้มันมากันแน่ ก้อ...”
ทานตะวันหงุดหงิด “ไอ้แทน แกพูดจาไม่เป็นประสาคน มันน่าโดนโบยนัก ก็แม่สนบอกว่านางช้อยมันกลับมาแล้ว แกพูดราวกับว่าแกไม่ได้เจอนางช้อย”
“เกือบเจอขอรับ เจอแม่ชีแม่ของมัน บอกผมว่าคลาดกันไปเส้นยาแดงผ่าแปด”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันให้ไปตามมัน” สนงง
“ผมก็แปลกใจนะขอรับ แม่ชีเล่าว่า จู่ๆ ก่อนที่ผมจะมาถึงมันก็ลนลานวิ่งหนีพระธุดงค์กับลูกศิษย์พระคู่หนึ่งไปซึ่งๆ หน้าแม่ชีขอรับ”
“แปลกจริงๆด้วย ทำไมมันต้องหนีพระ กับลูกศิษย์ เอ็งไปตามมันมาสิ”
แทนหันออกไป สนเริ่มกังวลว่าช้อยหนีพระเรื่องอะไร?
ติ๋วมาแอบซุกตัวร้องให้เงียบๆ อยู่มุมหนึ่ง
“แม่เนียนไม่เข้าใจหนู แม่เนียนไม่รู้ว่าหนูรักสงสารแม่ โกรธแค้นแทนแม่มากมายเพียงใด เขาดูถูกเหยียดหยามแม่ ทำไมยังปกป้องเขา”
มีเสียงเดินสวบสาวใกล้เข้ามา เนื้อทองรีบกระเถิบตัวแอบซ่อนลึกเข้าไปอีก
เนื้อทองมองไปเห็นขุนภักดี เดินทอดถอนใจมานั่งแปะที่เก้าอี้ใกล้ๆ บริเวณนั้น สักครู่หนึ่งเนียนเดินปาดน้ำตาไปทางครัวเพื่อทำกับข้าว
“หนูเกลียดเขา หนูเกลียดเขา หนูเกลียดขุนภักดีภูบาลที่สุดในโลก”
เนียนสะอื้น ครวญคร่ำร่ำไห้ออกมาดังๆ “โธ่ ไม่นะไม่ได้เด็ดขาด”
เนียนเดินน้ำตากบตาผ่านซุ้มไม้ที่มีเก้าอี้ ที่ขุนภักดีแอบมานั่งคร่ำครวญตัดเนียนไม่ขาดจากใจ
“ทำไม ทำไม ทำไม มันถึงต้องเป็นอย่างนี้ ทำไม”
เนียนเดินเร็วๆ พรวดมาเจอเอาท่านขุนนั่งอยู่เนียนตะลึงยืนนิ่ง
ขุนภักดีรู้สึกว่ามีคนเดินมาใกล้ๆ หันขวับไปเห็นเป็นเนียน เผลอลุกพรวด แล้วชะงักกึก
สองคนยืนนิ่งมองหน้ากัน ขุนภักดีทำท่าเหมือนจะอ้าปากพูดแต่ไม่ได้พูด
เนื้อทองเห็นอาการของสองคนชัดเจน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม เนื้อทองนึกกลัวว่าท่านขุนจะทำอะไรแม่
“เขามองแม่เหมือนแค้นอยากฆ่าให้ตาย แต่ทำไมแม่ถึงมองเขาเหมือนเทิดทูนบูชา”
เนื้อทองขยับตัวจะก้าวออกไป
ฝ่ายขุนภักดีรีรอทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกับเนียน แล้วสะบัดหน้าเดินด่ากระทบกระเทียบก่อนเดินปังๆ ออกไป
“ตะบิดตะบอยร้องไห้หาไอ้มหาโจรนั่นไม่เลิกไม่ราสักทีสินะ”
เนียนยืนนิ่งได้แต่มองตามทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหลอย่างเดียว
เนื้อทองชะงักไม่เดินออกไป เพราะเห็นท่านขุนไปแล้ว
“ทำไมเขาถึงด่าว่าแม่อย่างนั้น ทำไมเขาถึงหาว่าแม่ร้องไห้หาโจรนั่นโจรนั่นเป็นใครกันนะ”
เนื้อทองไม่เข้าใจเอาเลย
ฟากพระหนักกำลังนั่งสมาธิ มีเสน่ห์นั่งห่างออกมา ตาคอยระแวดระวัง พระหนักเกิดนิมิตเห็นผลกรรมที่ตัวเองทำเอาไว้มากมาย
ในนิมิตนั้นเสือหนักกำลังหนีไปสู้ไป มีเสียงตะโกนเรียก
“เสือหนัก อย่าหนีนะ นี่ตำรวจ ยอมให้จับเสียดีๆ” เสียงนั้นเป็นเสียงของเทิดศักดิ์
ตามมาด้วยเสียงของแดงน้อย “นี่ปลัดอำเภอ เราไม่อยากจับตาย แต่เราอยากให้มอบตัว”
หนักตะโกนตอบออกไป
“กูไม่ยอมให้ใครมาจับกูทั้งนั้น ไม่ว่าจับเป็นหรือจับตาย”
หนักยิงโต้ตอบ สู้กับแดงน้อยและเทิดศักดิ์ สองคนบุกมาใกล้จนหนักที่แอบอยู่เห็นหน้า หนักยกปืนขึ้นเล็งกำลังจะยิงใส่สองคน ต้องตกตะลึง
หนักเห็นเทิดศักดิ์กับแดงน้อยตะลุยเข้ามา หนักยกปืนค้างไม่กล้าลั่นกระสุนออกไป
พระหนักหลุดจากสมาธิที่แตกซ่านตะโกนดังลั่น
“เทิดศักดิ๋ แดงน้อย”
หมอเสน่ห์ตกใจไปด้วย
“ท่านเรียกหาใครหรือ”
พระหนักลืมตา สอดส่ายสายตาหาแล้วถอนใจ พึมพำเบาๆ
“เทิดศักดิ์ แดงน้อย”
“ใครนะครับ” หมอเสน่ห์ได้ยินไม่ถนัด
“เจ้ากรรมนายเวร ที่อาตมาทำกับเขาไว้กำลังไล่ตามอาตมาน่ะ”
พระหนักหลับตาลงไปใหม่ หมอเสน่ห์ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน แต่ไม่กล้าสอบถามต่อ
ฟากช้อยมายืนเท้าสะเอวมองเนียนกับแมวกำลังทำอาหาร ทำตัวเจ๋อเหมือนเดิม
“เป็นยังไงยะเนียน ฉันจากไปทำบุญทำกุศลมาตั้งนาน กลับมาแกก็ยังประพฤติตนบาปหนาหน้าไม่มียางอายเหมือนเดิมนะยะ”
เนียนไม่ได้โต้ตอบกำลังเสียใจหลายเรื่อง
“ต๊าย นางช้อย แน่ใจรึว่าที่เอ็งจากไปนี่เอ็งไปทำบุญทำกุศล ข้าเห็นตราบาปหนาเป็นศอกประทับกลางหน้าผากเอ็งไปตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูบาปที่มันติดหน้าเอ็งบ้างสิโว๊ย” กบด่าเป็นชุด
แมวด่าต่อ “ไอ้บาปที่เอ็งทำไว้นั่น มันล้นมาจากหัวจิตหัวใจของเอ็ง ลามออกมาถึงหน้าถึงปาก ยังมาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นบุญเป็นกุศล นรกรอให้เอ็งไปเกิดเป็นหมาหน้าเป็นคนยังไม่สำเหนียก”
“วุ๊ย ตาบอดรึ คนที่กำลังตกนรกหมกไหม้ ไส้เกรียมอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ข้าดอก ข้าไม่เคยคบชู้ ข้าไม่เคยมีผัวแล้วมาหลอกว่าไม่เค๊ยไม่เคย เอ็งสองคนอยากเลียนแบบแล้วโดนโบยไปเลี้ยงหมูบ้างก็เอาสิ” ช้อยขุดเรื่องเก่ามาด่าเนียน
กบกะแมวลุกพรวด ชี้หน้า ประสานเสียง
“จะมากไปแล้วนางตัวดี”
ช้อยทำท่ากร่างใส่สองคน ที่ลุกมายืนเท้าสะเอวสู้ไม่ลดละลอยหน้าลอยตา
“ก็พอสมควร ไม่มาก ไม่น้อยไม่มีวี่แววลงนรก เหมือนเอ็งสองคน”
ช้อยถลกซิ่นสู้ แมวกับกบถลกซิ่น ช้อยผลักอกกบกะแมวด้วยสองมือ กบกะแมวผลักช้อยคนละมือ
จึงแรงกว่า ช้อยเซล้มลงไป สองคนถลกซิ่นไปยืนค้ำไว้ กลายเป็นตบตีกัน
“ช่วยด้วย เนียนมันสั่งให้นางกบนางแมวมารุมข้า”
เทิดศักดิ์เดินเข้ามา ไม่ห้ามแถมยังสั่งให้รุมต่อ
“รุมเข้าไปเลย กบแมว ไม่ต้องไปช่วย คนสอพลอต้องโดนสั่งสอนให้หลาบจำ”
ช้อยตกใจ “คุณเทิดศักดิ์”
“กลับมาอีกครั้งนึกว่าจะสงบเสงี่ยมเจียมตัว กลับแย่กว่าเดิมจำไว้นะช้อย ฉันอยู่ตรงไหนอย่าได้เฉียดกรายเข้ามาให้อยู่ในสายตาของฉันเด็ดขาด” เทิดศักดิ์คาดโทษ
กบกะแมวมองหน้ากันแอบยิ้ม
“เข้าใจไหม ก่อนไปยกสองมือขึ้นเอ่ยคำขอโทษน้าเนียน เดี๋ยวนี้” เทิดศักดิ์สั่ง
กบกะแมวแอบหัวเราะกันอีก
“เอ้อ...”
“หายไปนาน หูหนวกหรือว่าไปกินแกลบกินรำมา เลยพูดภาษาคนไม่เข้าใจ”
กบทวนความจำให้ “จำวันที่เอ็งโดนเฉดหัวไปได้ไหม สตางค์แดงเดียวเอ็งไม่มีติดตัว”
“ผู้เมตตาคนไหนให้เงินเอ็งหนึ่งตำลึง ไม่ใช่เนียนคนนี้รึ” แมวว่า
“คุณเทิดศักดิ์คะ ไม่ต้องให้เขาขอโทษฉันดอกค่ะ ขอโทษด้วยปากแต่ใจยิ่งเพิ่มเกลียดชังอาฆาตไม่มีประโยชน์ดอกค่ะ ไปเถิดช้อย”
ช้อยอึ้งไป กบกะแมวยกมือสองมือประนม
“สาธุ”
ช้อยรู้สึกแย่นิดหน่อยแต่ก็รีบหนีไป เทิดศักดิ์มองเนียนอย่างชื่นชม ยกมือขอโทษเนียนยกใหญ่
“ผมเองก็ต้องขอโทษน้าเนียน สำหรับเรื่องทีเกิดขึ้น คนที่ก่อเหตุคือผม…”
เทิดศักดิ์จ้องหน้ากบกับแมว สองคนรีบออกไป
“ไม่ใช่ดอกค่ะ เราสองคนแม่ลูกต่างหากที่ต้องระวังตัว”
“ผมบริสุทธิ์ใจ ผมจะปกป้องน้าเนียนกับน้องติ๋วเอง”
“โธ่ ทำไมดื้อดึงนักคะ”
“ทุกคนดื้อดึงกันทั้งนั้น ยกเว้นน้าเนียนกับน้องติ๋ว ถึงต้องตกเป็นเหยื่อ ผมมาตามหาน้องที่นี่ แต่เขาไม่อยู่ ผมขอตัว ไปขอโทษเขาก่อน”
พูดจบเทิดศักดิ์หันตัวเดินออกไป เนียนพยายามห้าม แต่ไม่ทัน
ส่วนเนื้อทองกำลังบีบๆ นวดๆ ให้ทองจันทร์ ที่ทำท่าสบายใจมาก เพลิดเพลินกับการนวดของเด็กสาว
“ยัยติ๋วมือแกทั้งเบาทั้งนิ่มนวล นวดแล้วพาลจะหลับเอาแน่ะ” หญิงชราเคลิ้ม
เนื้อทองยิ้มเศร้าๆ
ระหว่างนั้นทานตะวันแอบมองเนื้อทองนวดให้ทองจันทร์เขม็ง
เสียงเสี้ยมสอนของสนที่บอกว่า ทองจันทร์อาจรักเนื้อทองมากกว่าตนดังก้องในหู
“คุณย่าทำท่าจะรักอีเด็กติ๋วมากกว่าเรา อย่างที่แม่สนบอกจริงๆ”
ทานตะวันไม่พอใจมาก
ทองจันทร์เยื้อนยิ้มพอใจ ขณะที่เนื้อทองนวดไปใบหน้าหม่นหมองมาก ครุ่นคิดเรื่องที่ได้ยินขุนภักดีว่าแม่ และเรื่องทะเลาะกับแม่ เนื้อทองนวดไปน้ำตาซึมไป แต่ทองจันทร์ไม่เห็น เพราะหันหลังให้
“อืม แกไปเรียนนวดที่ไหนมารึ”
“แม่เนียนสอนให้เจ้าค่ะ”
“แม่เนียนของแกมันเก่งทุกอย่างจริงๆ”
“เอ้อ...เจ้าค่ะ”
“ตอนแกไปเป็นนิสิต แกควรมีนาฬิกาใส่สักเรือน”
“เอ้อ...ไม่มีก็ไม่เป็นไรดอกเจ้าค่ะ”
“เอ๊ะแกนี่ มีแต่คนเขาอยากได้อยากมี นี่มาตัดรอนผู้ใหญ่ เสียมารยาท”
ทานตะวันเดินเข้ามาทำเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว โถมมากอดทอง พลางผลักมือเนื้อทองออก ทานตะวันนวดอยู่ด้านหลัง ทองจันทร์จึงไม่เห็น
“คุณย่าขา หนูอี๊ดจะนวดให้คุณย่าค่ะ”
ทานตะวันจ้องหน้าเนื้อทองตอนมากอดทองจันทร์ ทำปากไม่มีเสียง
“ไปให้พ้น”
เนื้อทองผละตัวถอยออกมา ทำท่าจะออกไป คลานผ่านหลังทองจันทร์แล้วอ้อมมาด้านหน้า
“นั่นจะไปไหน ยัยติ๋ว เอ๊ะ” ทองจันทร์เขม้นมอง “นั่นแกร้องไห้”
“เอ้อ...”
“เขาไม่อยากนวดดอกค่ะ ยัยติ๋วเขาบอกหนูอี๊ดว่าเขาเมื่อยแล้วค่ะ” ทานตะวันใส่ไคล้
“บอกตอนไหนย่าไม่ได้ยินสักหน่อย”
“เขาอ้าปากบอกโดยไม่ส่งเสียง หนูอี๊ดอ่านปากเขาได้ค่ะ”
“มันไม่อยากนวดย่าถึงขนาดร้องไห้เลยรึ”
ทองจันทร์ชักไม่แน่ใจ แถมทานตะวันก็ออดอ้อนต่อ หอมแก้มย่าซ้ายขวา
“ช่างเถิดค่ะ หนูอี๊ดก็นวดเป็น หนูอี๊ดเสียใจน้อยใจกลายเป็นเด็กมีปมด้อย มีปัญหา แล้วนะคะเพราะคุณย่าไม่ยอมให้รับใช้”
“ไม่เอาน่า ย่าจะไปว่าอะไร ย่าดีใจด้วยซ้ำที่หนูอี๊ดใจดีกับย่าถึงเพียงนี้”
“อย่ามัวมาสำออยร้องไห้ จะไปไหนก็ไปสิยัยติ๋ว ย่าหลานเขาจะเอาใจกัน”
เนื้อทองเลยคลานออกไป ทานตะวันหัวเราะคิกคัก
“หัวเราะอะไรหนูอี๊ด”
“ยัยติ๋วมันจะไปหาพี่เทิดศักดิ์จะไปพลอดรักกันค่ะ”
“ไฮ้ เหลวไหล”
“เขารักกัน คุณย่าว่าเหลวไหลหรือคะ”
ทานตะวันเกิดแค้นเนื้อทองเลยเผลอทุบทองจันทร์อย่างแรงระบายแค้น
“โอ๊ย ทุบย่าทำไมไหปลาร้าย่าหักแน่ๆ”
“หนูอี๊ดขอโทษค่ะ เอ้อ...คือนี่เป็นท่านวดที่...”
ทองจันทร์สวนออกมา “แม่สนสอนรึ”
“เอ้อ ค่ะ” ทานตะวันรับมั่วๆ
“สักวันมันคงสอนให้หักคอย่า อย่าไปเชื่อไปฟังมันมากนะ หลาน”
“เอ้อ ค่ะ คุณย่าขา เรื่องที่ยัยติ๋วกับพี่เทิดศักดิ์นัดกันหนูไม่ได้ปดนะคะไม่เชื่อคุณย่าไปแอบดูสิคะ”
ทานตะวันขยำๆ ไปอย่างนั้น แต่ทองจันทร์ก็พอใจเพราะหลานสาวมาคอยเอาใจ
ขณะที่เนื้อทองเดินน้ำตาซึมมาจากทางเรือนทองจันทร์ โดยจะรีบไปหาแม่ แต่เทิดศักดิ์โผล่มาขวางหน้าไว้
“พี่มีเรื่องจะพูดด้วย”
“แต่หนูไม่มีค่ะ เราไม่ควรมีเรื่องพูดคุยกันค่ะ”
“เพราะเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อตอนสายนั่นหรือ”
“นั่นก็เหตุหนึ่งค่ะ”
“แล้วมีอะไรอีกหรือ”
“แม่เนียนบอกว่า หนูควรมุ่งหน้ารับใช้ตอบแทนพระคุณท่านที่นี่ทุกคน และตั้งใจเรียนให้จบสถานเดียวค่ะ”
เทิดศักดิ์สะอึกนิ่งไป มองเห็นเนื้อทองน้ำตาซึม จึงขยับตัวจะไปเช็ดให้
“หนูติ๋วร้องไห้ นี่พี่ทำหนูติ๋วต้องร้องไห้อีกแล้ว”
เนื้อทองถดตัวถอยหนี
“อย่าค่ะ เราไม่ข้องแวะกันดีที่สุดค่ะ เราแตกต่างกัน ตั้งแต่ฐานะจนถึงชาติกำเนิด”
“หนูติ๋ว”
เนื้อทองขยับจะหนี เทิดศักดิ์กั้นไว้
ฝ่ายทานตะวันชวนทองจันทร์มายืนดูพิสูจน์ว่าสองคนนัดพบกัน
“หนูอี๊ดไม่ได้ปดหรือใส่ใคล้ใส่ความยัยติ๋วดูสิคะ”
“เขาคุยกันไม่ได้แปลว่ามาพลอดรัก”
“แล้วทำไมต้องจ้องแต่จะเจอกันทั้งวันคะ คุณย่า นี่แค่ที่พวกเราเห็นวันนี้ก็สองครั้งแล้วนะคะ แล้วไอ้ที่ไม่มีใครเห็นเล่าคะกี่ครั้ง”
ถูกเป่าหูถี่ๆ ทองจันทร์เริ่มลังเล
ส่วนสองคนกำลังต่อล้อต่อเถียงกันต่อ
“พี่ไม่เคยคิดว่าเราแตกต่างกัน ที่ผ่านมาเราคบหาเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ทำไมจึงตัดรอนพี่ง่ายดายนัก”
“หนูไม่ใช่เด็กตอนนี้หนูอายุสิบแปด โตพอที่ต้องรู้ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดควรหลีกเลี่ยง หนูถือว่านี่คือการลดความขัดแย้ง”
เนื้อทองเลี่ยงจะหลบที่เทิดศักดิ์ยืนขวาง เทิดศักดิ์ก็หลบแต่กลับไปทางเดียวกัน ทำให้สองคนชนกัน
“อุ๊บ”
“อุ๊ย”
เทิดศักดิ์รีบจับเนื้อทองไว้ไม่ให้ล้ม
ฝ่ายทองจันทร์ปแอบดูอยู่ ชักหวั่นไหวไปตามทานตะวัน
“เขากอดกันอย่ามาบอกว่าบังเอิญนะคะ วันๆ เอาแต่บังเอิญจับมือกุมมือ บังเอิญมาโอบกอดกัน”
“นั่นสินะ”
“ใช่ว่าหนูอี๊ดจะดูแคลนยัยติ๋วว่าต่ำต้อยลูกนางแพศยา แต่ว่า ยัยนั่นไม่คู่ควรกับกับพี่เทิดศักดิ์หรือคุณย่าว่าเขาคู่ควรคะ”
ทองจันทร์อึกอักนิดหนึ่ง “ไม่คู่ควรดอก แม้ว่าย่าจะเอ็นดูยัยติ๋วมากแค่ไหนย่าก็เห็นว่ามันไม่คู่ควรกับเทิดศักดิ๋”
ทานตะวันยิ้มสาแก่ใจ
ขณะเดียวกันเนียนยืนหน้าเศร้าใกล้ๆ นั้นเอง แต่อยู่ในมุมที่ทองจันทร์กับทานตะวันไม่เห็น เนียนได้ยินหมดทุกคำพูด เนียนยิ้มออก พูดเบาๆ กับตัวเอง
“คุณท่านพูดถูกเจ้าค่ะ พี่น้องพ่อเดียวกัน ชอบพอกันมันบาปหนาที่สุด”
เนียนหันตัวกลับไม่เดินเข้าไปหาทองจันทร์ ท่าทีสบายใจมาก
อาญารัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ทางด้านช้อยวิ่งโร่กลับมาฟ้องสน
“เรื่องที่เอ็งโดนนางกบนางแมวมันหมาหมู่ ข้าไม่สนใจดอก ข้าสนใจอยากรู้ว่า ที่เอ็งวิ่งโร่กลับมาหาข้านั่น เพราะอะไร”
“เอ้อ ช้อย ช้อย…”
“เอ็งมาก่อนที่ไอ้แทนจะไปเจอเอ็ง เอ็งอย่ามาแชเชือนบอกความจริงมานะ”
“เอ้อ เจ้าค่ะ...”
ภาพตอนเห็นหมอเสน่ห์กับ พระหนักแล้ววิ่งหนีผุดขึ้นในหัวนางช้อยใจบาป
สนตกใจมาก แต่ยังไม่รู้ว่าพระคืออดีตเสือหนัก
“นี่นี่ ไอ้หมอเสน่ห์ยังไม่ตาย จริงๆ ด้วย ใครนะช่วยมันเอาไว้”
“พระเจ้าค่ะ”
“พระ ที่มันมาด้วยหรือ เอ็งรู้จักไหม”
“คลับคล้ายคลับคลาเจ้าค่ะ”
“คนที่สามารถช่วยไอ้หมอเสน่ห์นั่นได้ ต้องเป็นคนที่มีฝืมือ”
“เสือหนักหรือเปล่าเจ้าคะ” ช้อยว่า
สนสะดุ้ง “โอย นี่ศัตรูตัวร้ายของเราสองรายไปรวมหัวกัน รึนั่น”
“บอกท่านขุนไปจับมันดีไหมเจ้าคะ” ช้อยออกความคิด
“ถ้าไม่ใช่มัน ข้าก็กลายเป็นคนบาปหนามดเท็จ ใส่ความพระสิ”
“แต่ถ้าเกิดใช่ คุณสนก็ได้ความดีความชอบนะเจ้าคะแถมได้กำจัดศัตรู ได้ลบมลทินที่กลบฝังไว้”
“หยุดเอ็งอย่ามาฟื้นฝอยหาตะเข็บ ใช่ไอ้หนักหรือไม่ แกกับไอ้แทนรีบรายงานพี่ขุน”
ช้อยครวญ “คุณสนผลักกรรมใส่ช้อยอีกแล้วหรือเจ้าคะ”
“หรือว่าจะให้ข้าส่งเอ็งกลับไปที่วัดนั่นให้พวกมันมาถลกหนังเอ็ง”
ช้อยส่ายหน้า
ฟากขุนภักดีกำลังหงุดหงิด ส่ายหัวจะหนีขึ้นเรือน
“ทำไมเราต้องพะวงถึงผู้หญิงใจง่ายใจต่ำแบบนั้นตลอดเวลา”
แล้วท่านขุนก็ได้ยินเสียงช้อยกับแทนเถียงกัน
“มีผัวเป็นท่านขุนผู้ยิ่งใหญ่เป็นมหาเศรษฐีดีๆ ไม่ชอบ”
“ชอบไปมีชู้เป็นไอ้มหาโจร สมน้ำหน้าชะตาขาดทั้งเป็น”
ขุนภักดีตวาดก้อง
“หุบปากเดี๋ยวนี้”
ช้อยกับแทนยืนตัวสั่นตกใจ ท่านขุนก้าวออกไปยืนจังก้า
“ท่านขุน” สองคนประสานเสียง
สองคนทรุดลงไปคุกเข่ากองที่พื้น
“พวกมึงนินทากูรึ”
“หามิได้ขอรับ” / “หามิได้เจ้าค่ะ” แทนและช้อยประสานเสียง
“แล้วมึงเอ่ยถึงท่านขุนคนไหน ถ้าไม่ใช่กู”
“ท่านขุนที่เมียคบชู้น่ะขอรับ”
แทนตกใจตอบออกไปเจอช้อยดีดปากโดยเร็ว
“หามิได้เจ้าค่ะ ช้อยกำลังเอ่ยถึงไอ้เสือหนักเจ้าค่ะ”
“อย่ามาเอ่ยชื่อมันให้กูได้ยิน” ขุนภักดีตวาด
“เอ้อ...ขอประทานอภัยเจ้าค่ะ ท่านขุนไม่ต้องการจับตัวมันแล้วหรือเจ้าคะ”
“กระผมสองคนรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนขอรับ”
ขุนภักดีชะงัก “มึงว่าอะไรนะ”
“มันหนีไปบวชเจ้าค่ะ”
“อุเหม่ บังอาจนักเอาผ้าเหลืองมาบังหน้าหาทางรอด ไปตามไอ้เอกมาเดี๋ยวนี้”
สองคนวิ่งขาขวิดออกไป เทิดศักดิ์เดินเข้ามาพอดี เห็นขุนภักดีหน้าถมึงทึงจึงรีบถาม
“คุณพ่อโกรธใครอีกแล้วครับ”
“ยิ่งกว่าโกรธอีก ไอ้มหาโจรที่พ่อตามล่ามาเท่าอายุลูก มันไปกบดานเอาผ้าเหลืองบังหน้า”
“เสือหนัก” เทิดศักดิ์ตะลึง
“ใช่! เสือหนัก พ่อจะไปตามจับเอาตัวมันมารับโทษให้ได้”
“ผมไปด้วย”
ท่านขุนมองหน้าเทิดศักดิ์ พยักหน้าอนุญาต
วันต่อมา เทิดศักดิ์แวะมาหาแดงน้อยที่ร้านกาแฟไทยเจริญ นำเรื่องจะไปตามจับโจรชื่อดังมาบอก แดงน้อยมีสีหน้าตื่นเต้นมากๆ ขอไปด้วย
“กันไปด้วย”
โพล้งกับแพรนั่งอยู่ห่างๆ พอได้ยิน จึงหันมาถามสนุกๆ
“ทำหน้าตายินดีขนาดนั้นจะไปจีบสาวที่ไหนกัน”
“ไปจับโจรครับ ลุงโพล้ง” แดงน้อยว่า
“จับโจรอะไรที่ไหนยังเด็กยังเล็ก”
“ไปกับคุณพ่อของเทิดศักดิ์ครับ เท่ากับได้ฝึกฝนการจับโจรไปในตัว”
“ผมก็จะได้ฝึกฝนการเป็นตำรวจมือปราบไปด้วยซะเลย”
“ระวังนะโจรมันจะเล่นงานเอา พวกนี้ใจมันดำอำมหิตผิดมนุษย์นัก” โพล้งเตือน
“ขึ้นชื่อว่าโจรมันไม่เคยปราณีใครดอก ยิ่งถ้าโจรชื่อกระฉ่อน มันยิ่งเหี้ยมโหด” แพรผสมโรง
“นั่นสิเทิดศักดิ์โจรนั่นมันชื่ออะไร” แดงน้อยถาม
“เสือหนัก”
แพรกับโพล้ง ผวามากอดกัน ตกใจแทบลมจับ
“แย่แล้ว”
สองคนเข่าอ่อนไปตรงหน้าเทิดศักดิ์กับแดงน้อย ที่มองมาโดยคิดว่าแพรและโพล้งกลัวเสือหนัก
ตกกลางคืนเนียนนอนไม่หลับ มานั่งซึมใจลอยอยู่ในสวนหลังบ้านภักดีภูบาล เนื้อทองเข้ามากอดจากด้านหลัง เนียนสะดุ้ง
“แม่เนียนจ๋า หนูมาขอโทษที่วิ่งหนีแม่เนียนเมื่อตอนกลางวันยกโทษให้หนูนะจ้ะ”
“แม่ไม่มีอะไรจะยกโทษให้ลูก ลูกไม่เคยผิดจนต้องอภัยให้ แม่เองสิ...ที่ต้องขอโทษลูก ที่บังคับจิตใจของลูก”
“แม่ไม่ได้บังคับจิตใจหนู หนูเข้าใจแล้ว ว่าแม่ต้องมีเหตุผลที่บอกหนูไม่ได้ หนูจะไม่พูดถึงเขาอีกต่อไปแล้วจ้ะแม่”
สองแม่ลูกกอดกันน้ำตาซึมครู่หนึ่งแล้วผละออกจากกัน
เนียนพยายามถามติ๋วถึงเรื่องที่แดงน้อยจะมากินอาหารที่บ้านภักดีภูบาล
“เอ้อ..เพื่อนของคุณเทิดศักดิ์เขาจะมากินข้าวอาทิตย์นี้ใช่ไหมลูก”
“เขาไม่มาแล้วจ้ะ”
“โธ่...” เนียนผิดหวัง
“หนูได้ยิน คุณท่านบอกคุณนายแม่ว่าเขาจะพากันไปจับโจร”
เนียนตกใจ “จับโจร”
“เสือหนักจ้ะ”
เนียนตะลึง ทำท่าจะเป็นลม
“แม่” ติ๋วตกใจมาก
บนเรือนคุณนายทองจันทร์วันถัดมา เห็นนาฬิกาเรือนสวยวางอยู่ในกล่องข้างๆ ทานตะวันก้มกราบที่ตักทองจันทร์ แล้วโผเข้ากอด หอมคุณย่ายกใหญ่
“ขอบพระคุณมากค่ะ คุณย่า สำหรับนาฬิกา ที่คุณย่าซื้อให้หนูอี๊ด”
“ย่าซื้อให้หนูได้ทุกอย่าง เว้นเดือนกับดาว”
“ดีใจจังค่ะ คุณย่าขา คุณย่าอย่ารักใคร มากกว่าหนูอี๊ดได้ไหมคะ”
“ไม่ได้ดอกจ้ะ”
“คุณย่าน่ะ” ทานตะวันออกใส่
“เด็กขี้อิจฉา พี่เทิดศักดิ์ก็เป็นหลานของย่าเหมือนกัน มันก็ต้องยกไว้ให้สักคนสิ แต่หนูเป็นเด็กผู้หญิงช่างฉอเลาะมากกว่า ย่าเอ็นดูหนูมากกว่าจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ รักคุณย่าที่สุดค่ะ”
“รักย่าก็ทำตัวดี ได้ยินว่าหนูจะไม่ยอมเรียนต่อ”
“แหม..หนูกำลังคิดอยู่ต่างหาก” ทานตะวันบ่ายเบี่ยง
“ย่าแก่แล้ว ห่วงลูกห่วงหลานหนูจะมีเหย้ามีเรือน เลือกผู้ชายให้คู่ควรนะหลาน” หญิงชราอบรม
“ปลัดอำเภอคู่ควรไหมค่ะ...คุณย่า”
“ต้องดูยศ ดูกำพืด ของพ่อแม่ปู่ย่าตาทวดด้วยจ้ะ”
“คนกำพร้าก็ไม่ต้องดูใช่ไหมคะ คุณย่า” ทานตะวันถามหยั่งเชิง
“เรามาถามย่าแบบนี้ ไปมีใจให้ปลัดที่ไหนรึ ตระกูลของทั้งพ่อทั้งแม่หนูน่ะสืบเชื้อสายจากขุนน้ำขุนนาง เราเป็นคนชั้นสูง รู้ไหม”
“ค่ะ เอ้อ...คุณย่าขา หนูได้ยินว่าคุณย่าจะซื้อนาฬิกาให้เด็กติ๋วเหมือนกัน”
“จริงด้วย กบ แมว อยู่ที่ไหนไปเรียกยัยติ๋วมาสิ”
ว่าพลางทองจันทร์หยิบกล่องนาฬิกาออกมาออกมาอีกกล่อง ทานตะวันหน้าคว่ำ
ฟากขุนภักดีเดินมาที่ท่าเรือ เตรียมไปจับเสือหนัก โดยมีเรียมตามส่ง
“พี่เทพระวังตัวด้วยนะคะ สูงอายุแล้ว ไม่แคล่วคล่องเหมือนเมื่อก่อนจะเสียท่าโจร”
สนผวามาเกาะอีกข้าง
“เล่นงานมันให้ถึงตายให้ได้นะคะพี่ขุน มันเลวมาก แต่ถ้าพี่ขุนฆ่ามันตาย คงมีใครแถวนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นเดือนเป็นปี”
“แม่สนจ๊ะ พูดจาอะไรทำไมต้องเลี้ยวลดไปแขวะคนอื่นเขา ถ้าสักวันเรื่องมันไม่จริงขึ้นมา มิต้องหาปี๊บมาคลุมหัวกันทั้งบ้านหรือ” เรียมค่อนขอด
“แหม...” สนหน้างอ
“พอที เลิกพูดเรื่องในบ้าน เรื่องโจรเป็นเรื่องของประชาชน เป็นเรื่องของกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องล้างแค้นกัน”
ขุนภักดีพูดจบแล้วมองเลยสองคนไกลออกมา
ขุนภักดี เห็นพุ่มไม้ด้านหลังของสนกับเรียมไหวๆ อยู่ เป็นเนียนนั่นเองที่มาแอบดูการไปจับเสือหนักใจระทึกไปหมด เนื้อตัวเนียนสั่นเทา
ทานตะวันเข้าทางมาด้านหลังตะโกนลั่น
“เจ้าข้าเอ๊ย..ยัยเนียนมาแอบดูคุณพ่อไปจับโจร ออกมานี่นะ มาแอบดูทำไม”
ทานตะวันกระชากแขนเนียนออกไป เนียนพยายามขัดขืน แต่ไม่กล้าฝืนมาก จำต้องให้ลูกสาวคนเล็กลากออกไป
เรียม เนียน และขุนภักดี รวมทั้งสนมองไปเห็นทานตะวันกระชากลาก ดึง เนียนที่หน้าสลดก้มหน้างุดออกมาจากพุ่มไม้ ทุกคนได้ยินเสียงทานตะวันเอ็ดตะโรตะโกนแล้วกำลังมองมา สนยิ้มสบตาทานตะวัน
“หนูอี๊ด ปล่อยเนียนนะ” เรียมโกรธมาก
“ไม่ปล่อย ใครใช้ให้มาแอบดู ตัวเองเกี่ยวอะไรกับเรื่องไปจับเสือหนักด้วย”
“นั่นสิคะไม่เกี่ยวจะมาแอบดูทำไม เฮ้อ..แต่ หนูอี๊ดเป็นเด็กจะไปรู้กับวันคืนเก่าๆ หรือคะ เอ...หรือว่าเกี่ยวจ๊ะเนียน”
สนถากถาง ทานตะวันมองแล้วสงสัยเนียนก้มหน้านิ่ง
“หนูอี๊ด ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ” เรียมตำหนิ
“ทำไมคะ ก็นี่คนใช้ กินบ้านเรานอนบ้านเรา ไม่มีเราก็ต้องไปขอทานแล้ว” ทานตะวันย้อนเรียม
“แม่บอกให้หยุดนะ” เรียมขึ้นเสียง
“คุณพ่อขา คุณแม่เข้าข้างคนใช้มากกว่าลูก”
“ฉันผิดเองค่ะ ที่ละลาบละล้วง ฉันขอประทานโทษ”
เนียนถอยออกมาเสียงเทิดศักดิ์ดังขึ้น
“แดงน้อย นี่ไงบ้านกัน”
คำว่า “แดงน้อย” ทำให้ร่างเนียนกระตุกพรืด ก้าวขาไม่ออก ตกตะลึงตัวแข็งตัวชา ราวหุ่นปั้น
แดงน้อยก้าวขึ้นจากเรือ มาบนท่า ยกมือไหว้ท่านขุนกับเรียม
“สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่”
แดงน้อยกวาดตามองหน้าทุกคน ทานตะวันดี๊ด๊าปราดไปหาแดงน้อย
“สวัสดีค่ะ พี่แดงน้อย”
ขุนภักดีถลึงตาใส่ท่าทีกระริกกระเร่อของลูกสาว สนมองออกว่าทานตะวันพึงใจแดงน้อย
“แดงน้อย นั่น คุณแม่สนแม่ของกัน” เทิดศักดิ์แนะนำ
“สวัสดีครับ คุณแม่สน”
เทิดศักดิ์มองไปยังเนียน “นั่น น้าเนียนที่กันเอ่ยถึงว่าเคารพเหมือนน้าของกัน”
เนียนยืนสั่นมากขึ้น แดงน้อยยกมือไหว้เนียน
“สวัสดีครับ น้าเนียน ผมอยากกินอาหารฝีมือน้าเนียนมาก เพราะเทิดศักดิ์บอกว่าฝีมือเหมือนลุงโพล้งกับแม่แพรทำเปี๊ยบ”
เนียนแทบจะเป็นลมทั้งยืน
“พี่แดงน้อยขาเนียนเป็นคนรับใช้ ไหว้ให้เสียมือทำไมกันคะ” ทานตะวันแหวขึ้นมา
ขุนภักดีฟังแล้วหงุดหงิด จึงเอ่ยตัดบท “ไปกันได้แล้ว ทุกคนรีบลงเรือ”
ทุกคนทำตามที่ท่านขุนบอก
ฝ่ายแดงน้อยแปลกใจมากกับสายตาของเนียนที่มองมา ราวกับว่ารักตนเหลือแสน และมองไม่เลิกและมีน้ำตาคลอเบ้า แดงน้อยจึงหันมามองเนียนอีกครั้ง
สองแม่ลูกสายตาสบกันจังๆ เนียนค่อยๆ เซทำท่าจะล้มลง
“น้าเนียน”
แดงน้อยปราดมาประคองเนียนทันที เนียนยิ่งสั่นไปหมดทั้งร่าง
“สำออยอีกแล้ว นั่นเด็กคราวลูกแท้ๆ” สนด่า
“เทิดศักดิ์ช่วยพาแดงน้อย อุ้มน้าเนียนไปพักที่ห้องเขาสิ” เรียมบอกสองหนุ่ม
เนียนหมดสติไปแล้ว แดงน้อยอุ้มเนียนออกไป เรียมส่งสายตามองตามไปอย่างห่วงใย
“ห่วงชู้ถึงขั้นลมใส่เลยนะคะพี่ขุน” สนใส่ไฟต่อ
เรียมตัดรำคาญ “เรียมส่งพี่ขุนแค่นี้นะคะ โชคดีนะคะพี่ขุน”
ขุนภักดีพยักหน้าให้ แต่ไม่อยากพูดอะไรต่อทั้งนั้น เงียบอย่างเดียว
“พี่ขุนคะ สนว่า...” สนอ้าปากจะใส่ไฟต่อ
“พี่ไม่อยากฟัง” ขุนภักดีขึ้นเสียงใส่
ทานตะวันสะกิดสน
“แม่สนขา หนูว่ามันแปลกๆ”
สนพยักหน้ารับรู้จูงทานตะวันออกไป ขุนภักดีวึดวือ หันมาเหวี่ยงตะพดในมือไปทางพุ่มไม้
“มันห่วงใยกับขนาดนี้ จะไม่ให้เชื่อได้ยังไงว่าไอ้เสือหนักไม่ได้เป็นชู้ของมัน”
เอกไม่พูดไม่จา รีบวิ่งไปหยิบตะพดมายื่นส่งคืนให้
ทางด้านแดงน้อยวางเนียนลงบนฟูกบางๆ ของเนียน ในใจให้นึกผูกพันอยากใกล้ชิดเนียน โดยไม่รู้ตัว
“น้าเนียนคงทำงานหนักจนเป็นลม” เทิดศักดิ์ว่า
“น้าเนียนดูเศร้าเหลือเกินนะเทิดศักดิ์”
“น้าเนียนมองแกเหมือนแม่มองลูก”
“อืม...” แดงน้อยรู้สึกได้เช่นกัน
“เป็นสายตาเดียวกับที่น้าเนียนมองน้องติ๋ว” เทิดศักดิ์บอก
ทานตะวันเข้ามาพร้อมกับเรียม
“แม่เนียนจ๋า พี่แดงน้อย พี่เทิดศักดิ์” เนื้อทองหันไปเห็นสองคน
แดงน้อยสบตาเนื้อทองยิ้มให้ เนื้อทองเองก็ส่งสายตายิ้มตอบ เทิดศักดิ์ลอบถอนใจ เรียมสังเกตเห็นหมด จึงรีบบอก
“สองหนุ่มรีบไปเถิดจ้ะ คุณพ่อรอนานจะหงุดหงิด ทางนี้แม่ดูแลกับหนูติ๋วเอง”
แดงน้อยไหว้ลาเนียนแล้วออกไปกับเทิดศักดิ์ ติ๋วปฐมพยาบาลแม่ เอายาดมมาให้ดม เนียนลืมตาขึ้นมาส่ายตามองหา
“แดงน้อย”
“ไปแล้วจ้ะแม่เนียน พี่แดงน้อยเข้าอุ้มแม่เนียนมาส่งให้ที่ห้องด้วยจ้ะ”
เนียนตื้นตันนัก ยิ้มสดใสในรอบหลายปี เรียมเห็นมองอย่างแปลกใจ
สามคนอยู่บนเรือนของสน ทานตะวันตั้งคำถาม
“ทำไมยัยเนียนมันต้องมาแอบดูคุณพ่อไปจับไอ้เสือหนักคะ ทำไมแม่สนพูดจากำกวมเรื่องไอ้เสือหนักคะ”
สนกับช้อยสบตากัน
“ไอ้เสือหนักมันก็คือ...พูดแล้วบาปกินปาก ช้อยเอ็งบอกคุณหนูอี๊ดต่อสิ” สนนำก่อน
“แหม เอากาลกิณีมาให้ช้อยเอ่ยถึงอีกแล้ว” ช้อยผสมโรง
“กาลกิณีเลยหรือ” ทานตะวันสงสัย
“เจ้าค่ะ ฟังแล้วเหยียบเอาไว้ อย่าแพร่งพรายนะเจ้าคะ” ช้อยทำเป็นตาโตมองซ้ายมองขวา
“ทำไมทุกคนต้องดูปิดๆ บังๆ กันกับไอ้เรื่องไปจับเสือชั่วๆ คนเดียวเท่านั้น” ทานตะวันยิ่งอยากรู้
“ก็ได้เจ้าค่ะ ไอ้เสือหนักมันเป็นพ่อของเด็กติ๋ว” สนบอก
ทานตะวันตาเบิกโพลง
“นางเนียนเป็นเมียเสือหนัก เจ้าค่ะ” ช้อยบอกต่อ
ทานตะวันหัวเราะชอบใจ “ที่แท้นางเด็กติ๋วเป็นลูกโจร นางเนียนเป็นเมียโจร สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ นี่พวกมันต่ำต้อยกว่าที่หนูคิดอีก”
“ใช่ค่ะ แม่สนถึงบอกให้หนูระวังตัว”
“แล้วทำไมคุณแม่เรียมเมตตามัน ทำไมคุณย่าก็เอ็นดูมัน มีแต่คุณพ่อ ที่ดูแค้นๆ มัน”
“เพราะนางเนียนมันพยายามมาหลอกเป็นเมียน้อยท่านขุนท่านขุนโดนมันหลอกเจ้าค่ะ” ช้อยเสริม
“ดีไม่ดีมันไปอ้างกับคนข้างนอกว่าเป็นลูกเป็นเมียคุณพ่อ หนูอี๊ดจะตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นพี่น้องกับลูกโจร”
“สุดจะทนฟังแล้วค่ะ หนูไม่อยากเห็นหน้ามันในบ้านนี้อีกต่อไป”
สนกะช้อยมองหน้ากัน
เรือแล่นออกมากลางแม่น้ำ ทุกคนในเรือ ต่างมีอาวุธครบมือ
“คุณพ่อครับ เล่าเรื่องเสือหนักให้ผมกับแดงน้อยฟังตั้งแต่มันเริ่มปล้นได้ไหมครับ”
“นายเอกแน่ะเล่าไป พ่อจะวางแผนจับกุมมันให้ได้ในคราวนี้” ท่านขุนบุ้ยใบ้ไปทางเอก
“จับเป็นหรือว่าจับตายครับ” แดงน้อยถาม
“เราพยายามจับเป็นทุกราย นอกจากซะว่าเขาต่อสู้ขัดขืน ก็อาจต้องจับตาย เพราะถ้าเขาไม่ตายเราก็ต้องตายซะเอง”
“คุณเทิดศักดิ์ยิงปืนเป็นหรือเปล่าครับ” เอกเอ่ยถามขึ้น
“เป็นบ้าง แต่ยังไมเก่งเท่า แดงน้อย แหมผมอยากเห็นหน้าคนใจดำอำมหิต ปล้นฆ่าคนอื่น หน้าตามันเป็นยังไงครับ ใครเคยมันเห็นบ้างไหม” เทิดศักดิ์ไม่รู้สักนิดว่าคนที่กำลังด่าคือ บิดาผู้ให้กำเนิด
“ไม่เคยเห็นจะๆ ชัดเจนดอกครับ แต่เท่าที่เขาเล่าลือ หน้าตามันดีมาก ถึงขั้นหล่อเลยแหละครับ”
เอกเล่า สองคนฟังตื่นเต้น และสนใจมาก
สามคนพากันมาแถวเรือนทองจันทร์ สนกับช้อยกำลังเสี้ยมทานตะวัน
“เรื่องแผนจัดการนางเด็กติ๋วไม่มีปัญหา แต่เอาเรื่องเฉพาะหน้าก่อนค่ะ อีเนียนมันทุกข์ระทมกลัวเสือหนักโดนจับตาย” สนว่า
“คุณหนูอี๊ด แสร้งไปทำเห็นใจมันหน่อยสิคะ เอาให้มันกระอักเลือดตาย ไหนจะห่วงผัวกำลังจะโดนจับกุม ไหนจะอับอายที่มีผัวเป็นโจร” ช้อยเสี้ยมต่อ
“ไปทดสอบฝีมือที่แม่สนอบรมมาให้ได้แล้วค่ะ”
ทานตะวันพยักหน้า
ส่วนเนียนนอนห่มผ้าอยู่ในห้อง นึกถึงภาพแดงน้อยที่ปรากฏตัว ต่อหน้าต่อตาอย่างไม่นึกฝันและไหว้เรียมอย่างนอบน้อมและสุภาพ
“แดงน้อยของแม่ช่างงดงาม กิริยามารยาทแสนดี พูดจามีน้ำใจขอบใจพี่แพรกับพี่โพล้งเหลือเกินที่ดูแลลูกเนียนอย่างดีที่สุดไม่มีอะไรที่แม่จะยินดีไปกว่านี้อีกแล้ว ในที่สุดเราก็พบกันอีกแม้ไม่อาจบอกความจริงต่อกันได้ ใจแม่ก็สุขเหลือล้น”
เนียนยิ้มปลื้มตื้นตันใจ
ส่วนที่วัดที่แม่ชีแม่ของช้อยจำศีลอยู่ แดงน้อยกับเทิดศักดิ์ไหว้แล้วสอบถามแม่ชี
“ผมมาตามหาพระธุดงค์กับลูกศิษย์รูปหนึ่งครับ” แดงน้อยถามก่อน
“แม่ชีพอทราบไหมว่าท่านไปธุดงค์แถวไหน”
“ได้ยินว่า...”
แล้วชีก็ชะงักเมื่อเห็นหมอเสน่ห์ยืนอยู่เบื้องหลังของเทิดศักดิ์และแดงน้อย
“ว่ายังไงครับ” สองคนถามพร้อมกัน
หมอเสน่ห์จ้องชีถมึงทึง แล้วหันกลับออกไปอย่างรวดเร็ว ชีหน้าซีดเผือด
“มีอะไรหรือครับ แม่ชี” แดงน้อยสงสัย
ท่านขุนกับคนอื่นพากันเข้ามา
“ตำรวจ” แม่ชีตื่นเต้นตกใจ
“มาจับโจรที่แอบอาศัยผ้าเหลืองหนีการจับกุม” ขุนภักดีบอก
แม่ชีชี้ไปทางที่เสน่ห์เดินไป “มัน...มัน ไอ้คนที่เป็นลูกศิษย์มันเพิ่งหนีออกไปตอนที่สองหนุ่มนี่มาถามหาพระ”
“รีบไปเร็วๆ” ขุนภักดีสั่ง
ทุกคนพากันรีบไปทันที
พระหนักปักกลดหน้าถ้ำ กำลังทำสมาธิ เห็นภาพสนกับช้อยที่หนักกับโพล้งลากไปข่มขืน และภาพล่าสุดที่ช้อยมาเจอหนักบวชเป็นพระที่วัดแล้ววิ่งหนีไป
หนักลืมตาโพลง
“นางสน...นางช้อย”
เสน่ห์วิ่งหน้าตั้งเข้ามา รวบกลด
“โยมเสน่ห์ทำอะไรน่ะ”
“มีไอ้หนุ่มสองคน มาถามหาท่านกับผมที่แม่ชีแม่นางช้อย”
“ใครกัน”
“ใครก็ช่าง ไม่ได้มาดีแน่ รีบไปจากทีนี่กันเถิด”
หนักถอนใจพึมพำ
“นางช้อย นางสน”
“นางมารผจญ”
เสน่ห์แค้นรีบรวบกลด หนักลุกขึ้น
ส่วนเนียนน้ำตาไหลอีกเริ่มนึกถึงเรื่องหนัก เนียนพนมมือ
“พี่หนักจ๋า แม้ว่าพี่จะทำผิดกฎหมายบ้านเมือง แต่เนียนเป็นน้องของพี่ เนียนไม่ต้องการเห็นพี่มีอันเป็นไป ขอให้พี่รอดปลอดภัยจากคมกระสุนของเขาด้วยเถิดจ้ะ”
ระหว่างนั้นทานตะวันเดินเข้ามาโดยไม่เคาะห้อง กวาดตามองห้องเล็กๆ แต่น่าอยู่ของเนียน
“โถน่าสงสารจริงๆ แต่มันช่วยไม่ได้นะยัยเนียน”
“คุณหนูอี๊ด”
เนียนทั้งดีใจทั้งตกใจยื่นมือออก ทานตะวันปัดทิ้งเต็มแรง
“อย่าเอามือโสโครก มาแตะต้องตัวฉัน แม้แต่เสื้อผ้าฉันก็ไม่ได้”
“คุณหนู เอ้อ มีอะไรจะให้เนียนรับใช้หรือคะ”
“ฉันไม่อยากใช้คนมีราคีล้างไม่หมดดอก แต่ฉันเป็นคนมีเมตตา ก็เลยมาสมเพชแกอยากมาเป็นเมียน้อยคุณพ่อ แถมไพล่มีชู้เป็นโจร”
“คุณหนูขา อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ”
“ฉันจะพูด ใครจะทำไม”
ทานตะวันยิ้มเย้ยเนียนหัวใจสลาย
เนื้อทองยืนถือยาจะเอาไปให้แม่กิน ชะงักงันเมื่อได้ยินเสียงทานตะวันพูดว่าเนียนมีชู้เป็นโจร
“ก้อแกมีชู้เป็นโจรจริงๆ นี่นา”
เนื้อทองยืนนิ่งตกตะลึงพรึงเพริด ทานตะวันด่าต่อ
“น่าสงสารยัยติ๋วลูกของแก มันรู้ตัวไหมว่าพ่อของมันเป็นโจร จะให้ฉันเอ่ยชื่อไอ้โจรตอกย้ำความจำของแกไหม”
“กรุณาพอทีค่ะ คุณหนู ได้โปรดหยุดพูดนะคะ จะให้กราบก็ได้ค่ะ ขออย่าได้พูดต่อนะคะ” เนียนอ้อนวอนขอร้อง
“กลัวหรือ ทียอมเป็นเมียโจรยังกล้า จะเอ่ยชื่อมันทำไมต้องกลัว กลัวเด็กติ๋วมันจะรู้ว่าพ่อมันเป็นโจรชื่อ...”
เนียนร้องไห้โฮ
“อย่า อย่าค่ะ”
เสียงทานตะวันดังลอดออกมา
“ไอ้เสือหนัก”
เนื้อทองทำชามยาหม้อตกแตกกระจาย แล้ววิ่งหนีออกไปจากที่นั่นทันที แทบจะชนเอากับเรียมที่กำลังสวนเข้ามาเพื่อดูอาการของเนียน
“หนูติ๋ว เกิดอะไรขึ้น”
แต่เนื้อทองไม่หยุด วิ่งเตลิดไปแล้ว เรียมมองตาม แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“หรือว่าเนียน เนียนเป็นอะไร”
เสียงทานตะวันตะโกนถามมา “ใครน่ะ”
เรียมตกใจมาก“หนูอี๊ด”
อาญารัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ส่วนในห้องเนียน ทานตะวันกำลังคุกคามเนียนอย่างหนัก จนเนียนตกใจ
“ทำไมใจร้ายอย่างนี้ ทำไมต้องทำร้ายกันถึงเพียงนี้คะ เนียนกราบนะคะ อย่าพูดต่อนะคะ”
เนียนยกมือจะพนม ทานตะวันยืนหัวเราะ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำบาปมหันต์
“ดีกราบมาเลย กราบมาที่พื้นตรงหน้าฉัน ฉันจะไม่ไปบอกเด็กติ๋วว่าพ่อมันคือเสือหนักโจรที่กำลังจะโดนคุณพ่อฆ่าตาย”
“ทนไม่ไหวแล้ว ไม่อยากฟังแล้ว”
เนียนลุกจะหนี ทานตะวันดึงไว้ เนียนพยายามจะหนีไม่ฟังแล้ว แต่ทานตะวันพยายามจะดึงรั้งไว้
“ต้องฟัง ฟังให้จบ ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้นนะ”
ทานตะวันผลักเนียนเซล้มลงไป เรียมปราดเข้ามาเห็นภาพเนียนล้มลงไปที่พื้น เรียมโมโหตวาดแว้ดใส่อี๊ด
“ทำเกินไปแล้ว เด็กอกตัญญู”
เรียมตบหน้าอี๊ดทันที
“อย่าค่ะ..อย่าทำคุณหนูอี๊ด”
เนียนผวาไปหาทานตะวันเหมือนจะปกป้อง แค่กลับถูกผลักอีกครั้ง
“บอกว่าอย่ามาแตะต้องตัวฉัน ฉันเกลียดแก ๆๆๆๆ”
เรียมโกรธจัด กระชากอี๊ดมาเต็มแรง
“กราบขอโทษ เขาเดี๋ยวนี้”
“หนูจะยอมขอโทษคนสามคนเท่านั้น คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่นี่จะให้กราบขอโทษคนใช้ คุณแม่เป็นอะไรไป คุณแม่ คุณแม่เห็นคนเลี้ยงหมูดีกว่าลูก ยัยเนียนแกทำให้คุณแม่ตบหน้าฉัน คุณพ่อไปฆ่าไอ้เสือหนักกลับมาฉันจะให้คุณพ่อไล่แกไปเป็นขอทานฉันเกลียดแก เกลียดแก ได้ยินไหม”
“เนียน ฉันขอโทษด้วยที่เลี้ยงดูอบรมเขาไม่ดีเหมือนหนูติ๋ว”
เรียมกระชากอี๊ดออกไปจากห้อง
เนียนซบหน้าร้องไห้ด้วยความขมขื่น แล้วเนียนก็นึกได้ว่าเนื้อทองหายไป
“หนูติ๋ว หนูติ๋วอยู่ไหน”
เนียนวิ่งออกมาตามหาลูกสาว
เนื้อทองหลบมุมมานั่งร้องไห้ ปากก็พูดพร่ำเสียใจ
“ที่แท้เรามีพ่อเป็นโจร พ่อเราคือไอ้เสือหนัก ทำไมชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้”
เนื้อทองคร่ำครวญอยู่คนเดียว
พวกขุนภักดีมาถึงหน้าถ้ำสำรวจหลักฐานที่หลงเหลือ
“ใบตองห่ออาหารยังสดใหม่อยู่ แสดงว่าเพิ่งจากไปไม่นาน”
“ลูกศิษย์พระที่ชีบอกคงรีบมารายงานเขา” แดงน้อยบอก
“รีบตามไปเถิดครับ น่าจะไปไม่ได้ไกล” เอกเร่ง
“ถ้าเราพบเขาเป็นพระ จะทำยังไงครับคุณพ่อ” เทิดศักดิ์สงสัย
ท่านขุนนิ่งคิด
“บอกให้เขาสึก”
“ถ้าเขาไม่สึก เราจะทำยังไงกับเขาครับ” แดงน้อยสงสัย
“จับสึก”
“ถ้าเขาขัดขืน เราจะยิงเขาทั้งผ้าเหลืองหรือครับ” เทิดศักดิ์ถามอีก
ขุนภักดีเจอคำถามสองหนุ่ม มึนไม่น้อย
หนักไม่ใส่ผ้าเหลืองแล้ว ทำการสึกตัวเอง สวมใส่ชุดฆราวาส มีเสน่ห์อยู่ด้วย
“มีทางออกอยู่หลังถ้ำ เอ็งรีบหนีไป”
“ผมไม่หนี ผมจะตอบแทนลูกพี่ด้วยชีวิตผม”
“แต่ข้าต้องการให้เอ็งตอบแทนข้าด้วยการ เอาความลับและความจริงทั้งหมด ที่เป็นทั้งของข้าและน้องสาวข้า ไปเปิดเผยให้คนในบ้านภักดีภูบาลรับรู้เมื่อสบโอกาส”
“โอกาสไหนเล่าลูกพี่”
“หลังจากที่ข้าตายแล้ว”
“แต่...”
เสน่ห์อิดออด หนักยกปืนขึ้นจ้องใส่
“กูบอกให้หนีไป”
เสน่ห์พยักหน้ายกมือไหว้ลา รีบผลุนผลันออกไป หนักแอบย่องไปมองที่ช่องโหว่ของถ้ำ ตกใจมาก
หนักมองไปที่หน้าถ้ำ เห็นเทิดศักดิ์ยืนคู่กับแดงน้อยกำลังส่ายตามองมาที่ในถ้ำ ส่วนขุนภักดีกับตำรวจ และเอกยืนล้อมรอบแถวนั้นไว้
เทิดศักดิ์กับแดงน้อย สองคนชี้เข้ามาในถ้ำ หนักตื่นตกใจมาก
“เทิดศักดิ์ลูกพ่อ แดงน้อยหลานลุง”
หนักทำอะไรไม่ถูก เสียงท่านขุนสั่งเข้ามา
“เข้าไปสำรวจในถ้ำ”
หนักปวดร้าวหัวใจ รู้สึกสับสน
“นรกมารุมเร้ากูแล้วหรือนี่”
ขณะเดียวกันเรียมลากทานตะวันมาด้วยสองมือ ทานตะวันดิ้นรน อาละวาดหนัก
“หยุดนะ บอกให้หยุดอาละวาด”
“ไม่หยุด คุณย่า คุณย่าขา คุณแม่ตบหน้าหนูอี๊ดจนหน้าหันค่ะ”
ทองจันทร์กระย่องกระแย่งออกมีแมวกบประคองซ้ายขวา
“อะไรกัน แม่เรียมไปฉุดกระชากลากหนูอี๊ดทำไม ปล่อยซะ”
“ไม่ปล่อยค่ะ เด็กคนนี้ทำตัวใจร้ายผิดพ่อผิดแม่มากเกินไป ไปฟังใครสั่งใครสอนมาจนกลายเป็นเด็กอำมหิตไปแล้ว”
ทานตะวันเถียง “คุณแม่ว่าแม่สนใช่ไหม ในบ้านมีแม่สนนี่แหละที่เข้าใจหนู”
“เล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น แม่เรียม” ทองจันทร์อยากรู้มากๆ
“กบ แมวไปตามหาหนูติ๋วแล้วช่วยไปดูแลเนียนด้วย เขายังไม่หายป่วย”
สองคนรีบไป
แดงน้อยหยิบสบง ส่วนเทิดศักดิ์หยิบจีวรขึ้นมาดู
“มันอยู่ในนี้แน่นอน ตำรวจ แยกย้ายกันตามหามัน”
“ผมกับแดงน้อยไปกันสองคนนะครับ” เทิดศักดิ์บอก
“ไม่ได้ สองคนไปกับพ่อ เกิดเจอมันตามลำพัง มันเล่นงานถึงตายแน่”
“แล้วผมเล่าครับ” เอกถาม
“เอ็งดูลาดแถวนี้ไว้ ถ้ามีอะไรผิดปกติ เอ็งยิงปืนสองนัด ข้าจะมาสมทบ”
พูดจบขุนภักดี เดินออกไปจากที่นั้น พอท่านขุนลับตัวหายไป มีใครบางคนกระโจนมาจากที่สูงมายืนตรงหน้าเอกที่กำลังหมุนตัวไปรอบๆ
“เฮ้ย”
“ยิงปืนสิ แล้วเอ็งจะได้ตายสมใจ”
เอกนิ่งงันไป
ทองจันทร์ส่ายหน้าปวดหัว
“หัวหงอกปวดหัว ที่สุด แม่เรียมก็แรงกับลูกมากไปส่วน หนูอี๊ดก็ไม่น่าทำอย่างนั้น”
“ก็มันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่หรือคะ คุณย่า ทำไมเราพูดความจริงไม่ได้”
“มันยังอึมครึมกันอยู่”
“แต่แม่สนกับยายช้อยบอกว่ามีหลักฐานมัดแน่นหนานะคะ”
“สนกับช้อยอีกแล้วเชื่อกันเข้าไป ภัยจะมาถึงตัวยังไม่รู้” เรียมยิ่งฏมโห
ทานตะวันอวดเก่ง “ไม่มีวันที่แม่สนจะทำให้ภัยมาถึงตัวหนูดอก คุณแม่ต่างหากทำไมคะ ทำไมคุณแม่โกรธหนูที่หนูด่าว่าคนใช้ ถึงขนาดตบหน้าหนูด้วย”
“ก้อจริงนะแม่เรียม แม่ก็ปวดขมับไปหมด ว่าทำไมแม่เรียมโกรธลูกขนาดนั้น”
“รอให้คุณพ่อฆ่าไอ้มหาโจรนั่นกลับมา หนูจะฟ้องคุณพ่อ ว่าคุณแม่ใจร้าย”
เรียมไม่สนใจฟังหันตัวเดินออกไป ทองจันทร์มองตาม
“วันนี้นอนกับย่าเถิดนะหนูอี๊ดคนดี”
ทานตะวันร้องไห้อ้อนย่า
เอกกับหนักที่ปิดหน้าไว้ ยังคุมเชิงกันอยู่
“ข้าจะออกไปทางหน้าถ้ำ เอ็งนับหนึ่งถึงร้อย แล้เอ็งค่อยยิงปืนเรียกนายเอ็งกับ...เอ้อ” หนักไม่เอ่ยชื่อ
“คุณเทิดศักดิ์กับคุณแดงน้อย” เอกบอก
“ความจริงข้าควรจะยิงเอ็งให้ไส้ทะลุ” หนักบอก
“ทำไมไม่ยิง”
“เพราะเอ็งปล่อยชั้นไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ข้าไม่ใช่คนเนรคุณ” หนักว่า
“แล้วเอ็งรู้ไหมว่าทำไมข้าปล่อยเอ็งไป...” เอกรู้ความจริงแล้วว่า หนักเป็นพี่ชายเนียน
หนักนิ่งงันไป นึกไม่ออก “เป็นอันว่าวันนี้ข้าจะปล่อยเอ็งไป”
เอกพยักหน้า หนักถอยออกไปทางหน้าถ้ำ
เนื้อทองมาซุกตัวร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง เนียนตามหาลูก
“หนูติ๋ว หนูติ๋ว อยู่ไหนลูกรัก”
เนื้อทองแอบอยู่ ได้ยินเสียงแม่ ไม่อยากออกไป เอามือปิดหูไว้ไม่ยอมฟัง และไม่ยอมออกไป เนียนพูดต่อ
“แม่ห่วงลูกใจจะขาด แม่รู้ว่าหนูได้ยินที่คุณหนูอี๊ดพูด ระหว่างแม่กับเขา หนูจะเชื่อใครลูกรัก”
เนื้อทองสุดทนฟังต่อ ร้องไห้โฮวิ่งมากอดแม่ เนียนกอดลูกร้องไห้
“หนูเชื่อแม่เนียน หนูไม่มีวันเชื่อใครมากกว่าแม่เนียน”
“ถามแม่สักคำสิลูกรัก ว่าจริงไหม”
“หนูไม่ถาม หนูไม่เสียใจ หนูไม่โกรธหนูไม่อายไม่ว่าพ่อหนูจะเป็นใครก็ตาม เขามีพระคุณที่ให้ชีวิตหนู”
“ทูนหัวของแม่ ช่างมีจิตใจประเสริฐสุด แม่จะบอกความจริงให้ลูกรับรู้ เรื่องเสือหนัก”
“บอกมาสิจ๊ะ”
“เขาไม่ใช่พ่อของหนู แต่เขาคือผู้ที่แม่เคารพรักและมีพระคุณต่อแม่ เหนือกว่าคนใดๆ ในโลกนี้”
“แม่จ๋า หนูจะเคารพรักและรับรู้ว่าเขาคือผู้มีพระคุณต่อแม่ ซึ่งก็เท่ากับเขามีพระคุณต่อหนูจ้ะ”
“ชื่นใจ” เนียนหอมแก้มลูก “แม่สบายใจที่สุดลูก ต่อไปนี้ไม่ว่าใครจะมาว่าอะไรพูดอะไรเรื่องนี้อีก เราสองคนจะอดทนไม่หวั่นไหว เราจะรอวันที่ความจริงเปิดเผย”
สองแม่ลูกกอดกันกลม ปรับความเข้าใจกันดีแล้ว
หนักใส่ผ้าโพกหัวปิดหน้ามิดชิดเห็นแต่ดวงตาวิ่งลัดเลาะหลบหนีมาทางด้านหน้าปากถ้ำ ใจคอว้าวุ่นเพราะเห็นแดงน้อยกับเทิดศักดิ์อยู่ในขบวนการตามล่าตนเอง หนักหยุดยืนพักในมือยังถือปืนอยู่
“แดงน้อย เทิดศักดิ์ ในที่สุดเราก็ต้องเผชิญหน้ากัน ระหว่างคนดีกับคนชั่ว รอให้เทิดศักดิ์ แดงน้อยเรียนจบก่อนเถิด จะขอก้มหน้ารับกรรมของคนชั่วโดยไม่มีข้อแม้”
หนักบอกตัวเองน้ำตาซึม
เอกยืนพึมพำอยู่ในถ้ำ เหมือนนับเลข
“สองร้อย”
เอกยกปืนขึ้นทำท่าจะยิงตามที่ขุนภักดีสั่ง
ทางด้านเสน่ห์ไม่ยอมหนีออกไปพ้นถ้ำ หันกลับมาแอบมองเหตุการณ์ลุ้นตัวโก่งยังห่วงหนัก
“ลูกพี่มีน้ำใจ กลัวเราไม่รอดพ้นเงื้อมมือกฎหมาย ให้โอกาสเราหนีคนอย่างนี้ ไม่มีสันดานโจรโดยกำเนิดดอก เราจะไม่ทิ้งเขา”
ตำรวจอีกส่วนพากันมาท้ายถ้ำ ตำรวจที่เป็นหัวหน้าสั่งการ
“มีทางทะลุออกไปด้านนอก พวกมันหนีไปทางนี้แน่ๆ รีบตามพวกมันไป”
ตำรวจเดินมาใกล้จุดที่เสน่ห์ซ่อนอยู่ เสน่ห์กระชับปืนแน่น จู่ๆ มีเสียงปืนดังขึ้นสองนัด ปัง ปัง
ตำรวจชะงัก
“เกิดเหตุด้านใน ท่านขุนพบมันแล้ว พวกเราหันกลับ”
ตำรวจพากันหันกลับ ส่วนเสน่ห์ใจหายวับ
“ลูกพี่แย่แน่ๆ”
เสน่ห์ย่องกลับเข้าไปในถ้ำอีกครั้ง
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยพากันวิ่งมาหน้าถ้ำ ท่าทีระวังตัวถือปืนในมือเข้ามา ขุนภักดีตามมาติดๆ
“มันอยู่ไหน นายเอก” ขุนภักดีร้องถาม
“วิ่งออกไปข้างนอกเดี๋ยวนี้แหละครับ”
“มันกลัวขนาดวิ่งหนีแกรึ”
“เอ้อ เปล่าขอรับ มันเอ้อ มันกระโดดมาล๊อคคอผม เอาปืนขู่ผม ว่าอย่าเอะอะโวยวาย แล้วมันถึงวิ่งหนีไป”
“แปลก ดุร้ายขนาดนั้นทำไมไม่ยิงนายเอก” เทิดศักดิ์ประเมินเหตุการณ์ตามเอกบอก
“แสดงว่าตลอดเวลาที่เราเข้ามาในถ้ำเราอยู่ในสายตามันตลอดเวลา” แดงน้องวิเคราะห์
สองหนุ่มเงยหน้ามองไปตามเพดานถ้ำ และตามซอกตามหลืบ ระหว่างนั้นตำรวจพากันมาสมทบ
“ผมยังไม่ได้ออกไปพ้นด้านหลังถ้ำ ได้ยินเสียงปืนจึงหวนกลับมา”
“ตอนมันมาล๊อคคอนายเอกมันอยู่คนเดียวรึ” เทิดศักดิ์ซัก
“ครับ”
แดงน้อยแปลกใจ “ลูกศิษย์มันหายไปไหน”
ท่านขุนนึกได้ “เราหลงกลมันแล้ว มันส่งลูกศิษย์มันไปทางออกด้านหลังถ้ำมันยังไม่ไปไม่ไกลแยกย้ายกันไปทั้งหลังและหน้าถ้ำ”
“ผมกับแดงน้อยขอไปดักมันทางด้านหลังถ้ำ เผื่อว่ามันจะย้อนกลับมาอีก” แดงน้อยอาสา
“ไปตามลำพังกันสองคนไม่ได้ ลูกกับแดงจะโดนมันยิงตาย ตำรวจแบ่งกำลังไปกับลูกชายฉันกับเพื่อนเขา ไอ้เอกไปกับฉัน”
ท่านขุนพยักหน้า แบ่งกำลังไปสองฝ่าย ส่วนหนึ่งไปหลังถ้ำ และอีกส่วนออกไปนอกถ้ำ
เสน่ห์ห่วงหนักมาก ย่องมาตามแอบดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ ไม่มีเสียงการยิงต่อสู้ หรือว่า ลูกพี่โดนเล่นงาน”
แล้วเสน่ห์ก็ยิ่งตกใจ เมื่อเห็นเทิดศักดิ์ แดงน้อย และตำรวจจำนวนหนึ่ง ถือปืนค่อยๆ เดิน ท่าทีระมัดระวังใกล้เข้ามา
“เอาวะ ไม่สู้ก็ตาย ไม่สู้ก็ตาย ขอสู้แค่ตาย ตายเป็นตาย ไว้ลายชาตินักเลง”
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยเขยิบเข้ามาใกล้ เสน่ห์ถอย แล้วล้มลง พวกเทิดศักดิ์หยุด
“ระวังครับ มันอยู่ตรงนั้น”
กลุ่มเทิดศักดิ์ระวังตัว ย่อต่ำ ค่อยๆ ย่องเข้าไปยังเสียงที่เกิด
“อย่าจับตายนะ พี่ตำรวจ ผมอยากถามเขาว่าทำไมต้องเป็นโจร” เทิดศักดิ์บอก
“ผมก็อยากถามว่า เขาปล้นฆ่าคนแล้วเอาเงินไปทำอะไรมากมาย” แดงน้อยว่า
“มันไม่ได้ปล้นมานานแล้วครับ แต่โจรก็คือโจร จะให้พ้นเงื้อมมือกฎหมายไม่ได้”
ทั้งหมดเดินมาถึงที่เสน่ห์แอบอยู่
ตำรวจคนแรกตะโกน “มันอยู่นั่น”
ตำรวจอีกคนสั่งเสน่ห์ “อย่าขยับเขยื้อน”
แต่ถูกเสน่ห์ยิงสวนออกไปทันที
“แดงน้อยหลบ” / “เทิดศักดิ์ระวัง”
สองคนพูดพร้อมกันต่างดึงกันหลบ
ตำรวจยิงใส่เสน่ห์เพื่อป้องกันตัว แต่ยังไม่ทันลั่นกระสุน ก็มีกระสุนนัดหนึ่งยิงมาที่ตำรวจล้มลง
“โอ๊ย”
ทุกคนเหลียวมองไปเห็นชายร่างใหญ่กำยำ โพกหน้าด้วยผ้าสีดำ อยู่ทางด้านไปท้ายถ้ำ คือคนยิงตำรวจ
ชายคนนั้นตะโกนสั่งเสน่ห์ พลางยิงออกมาเป็นชุด ยิงไปหลบไปกระสุนที่โต้ตอบไปด้วย
“ถอยออกมาข้าจะยิงคุ้มกันให้”
เสน่ห์รีบทำตาม ตำรวจที่เหลือพยายามยิงโต้ตอบ แดงน้อยกับเทิดศักดิ์ที่แอบมองอยู่
“เอายังไงดีแดงน้อย ยิงสู้มันหรือ”
“ไปช่วยพี่ตำรวจที่โดนยิงก่อน”
แดงน้อยพรวดออกไปหาตำรวจที่ล้ม เด่นเป็นเป้า
“ระวังแดงน้อย”
เทิดศักดิ์พุ่งออกไปอีกคน เพื่อช่วยตำรวจ หนักโผล่มายิงคุ้มกันเสน่ห์ ตกตะลึงตาค้าง
“เทิดศักดิ์ แดงน้อย”
หนักเห็นแดงน้อยกับเทิดศักดิ์ สองคนกระโดดมาหาตำรวจ หนักเอาแต่มองจนลืมหลบลืมยิง
เสน่ห์ที่กำลังวิ่งลัดเลาะถอยมาหาหนักแปลกใจตกใจ
“ระวังพี่หนัก”
ตำรวจคนหนึ่ง ยิงใส่หนักทันที แดงน้อยกับเทิดศักดิ์มองไปเห็นหนักผงะไปด้านหลัง
“เสือหนักโดนยิงเราจะตามมันไป” เทิดศักดิ์ร้องบอก
“พี่ตำรวจช่วยพี่คนนี้ ได้ไหมครับ” แดงน้อยว่า
“ได้ครับ ระวังตัวด้วยครับ มันมีฤทธิ์เดชมาก ต่อให้บาดเจ็บปางตายมันก็ไม่กลัวใครดอกครับ ท่านขุนท่านได้ยินเสียงปืนท่านคงรีบมาแล้วครับ”
สองหนุ่มผละจากตำรวจที่บาดเจ็บ มุ่งหน้าไปทางเสือหนัก
เสน่ห์ประคองหนักถอยออกมา
“ไอ้เด็กหนุ่มสองคนนั่นมันตามมาแล้วลูกพี่ ท่าทางกระดูกยังอ่อนฉันจะยิงมันให้คว่ำ” เสน่ห์ว่า
จังหวะนั้นเทิดศักดิ์กับแดงน้อยถือปืนวิ่งตามมา
“อย่านะ อย่ายิง” หนักร้องห้าม
“ลูกพี่”
“ทำตามที่กูบอก รีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ไอ้ท่านขุนจะมาสมทบ”
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยตามใกล้เข้ามา สองคนแปลกใจ
“ทำไมมันไม่ยิงใส่เรา อย่างที่พี่ตำรวจบอก”
“มันคงบาดเจ็บมาก จนคิดแต่จะหนี”
สองคนตะโกนออกไป “อย่าหนีนะ”
หนักกับเสน่ห์หนีต่อไป เทิดศักดิ์ชักปืนออกมา
“แกจะทำอะไร ยิงมันหรือ” แดงน้อยแปลกใจ สองคนเลยโต้กันไปมา
“ยิงที่ขาหรือที่แขนให้ล้ม กันอยากจับมันมาถามให้ได้”
“ถ้าแกยิงพลาดจนมันตาย แกคิดว่าแกกล้าฆ่าคนหรือ”
“กัน กันคงฝันร้ายไปจนตาย แกล่ะแกกล้าฆ่าคนหรือยัง”
“กัน กัน ก็คงฝันร้ายไปจนตายเหมือนแก แต่แกกำลังจะเป็นตำรวจหน้าที่แกโดยตรง กันแค่ผู้ช่วยตำรวจ”
สองหนุ่มยกปืนแล้วรีๆ รอๆ
“หยุดนะ”
หนักหยุดมองสองคนจนเต็มตา มองเอามองเอา เห็นเทิดศักดิ์กับแดงน้อยเดินกลัวๆ กล้าๆ เพราะไม่เคยคิดฆ่าคน
เสน่ห์งงใหญ่ “หยุดทำไมลูกพี่ ไปต่อสิ”
หนักเหมือนไม่ได้ยิน ยืนเฉย จังหวะนั้นมีเสียงมาจากด้านหลัง
“ทิ้งปืนไอ้เสือหนัก แกถูกจับแล้ว” เป็นเสียงขุนภักดี
หนักยังเหมือนไม่ได้ยิน แต่เสน่ห์ได้ยิน ตกใจมาก
“เราถูกจับแล้วลูกพี่”
“บอกให้ทิ้งปืน”
ทันใดนั้นหนักที่บาดเจ็บอยู่ ทิ้งปืนก็จริงแต่กลับกระโจนใส่เทิดศักดิ์และแดงน้อย ชิงปืนมาจากสองหนุ่ม แล้วเอาปืนดันหลังสองคนไว้ เหตุการณ์เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เสน่ห์รีบตามมาทันที
“ท่านขุนกับพวกนั่นแหละทิ้งปืน ถ้าไม่ต้องการให้ลูกชายตาย”
“บังอาจ นี่มึงจะจับลูกกูไปเป็นตัวประกันรึ” ขุนภักดีโกรธจัด
“รึท่านขุนจะเอาตัวเองมาแลกให้จับแทน”
“อย่านะครับ คุณพ่อ แกอย่าเอาพ่อฉันมาเป็นตัวประกันนะ ฉันยอมตายเพื่อพ่อแน่”
“เอาตัวฉันไปแล้วปล่อยเพื่อนฉันไปหาพ่อเขา”
คำพูดของทั้งลูกและหลานกระแทกเข้าที่หน้าหนัก จนเห็นน้ำตาซึมออกมาที่ดวงตานิดหนึ่ง ซาบซึ้งในความดีงามของสองคน
“ฉันขอยืนยันคำพูดเดิม แกกับพวกทิ้งปืน พาตำรวจที่โดนยิงไปรักษาตัว พรุ่งนี้แต่เช้าตรู่ ฉันจะส่งตัวลูกชายแกกับเพื่อนเขากลับบ้านโดยไม่มีแม้แต่รอยข่วน”
“ไม่เด็ดขาด”
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยมองหน้ากัน
“ทำตามที่มันบอกเถิดครับ คุณพ่อ”
“จะเอาอะไรมารับรองว่ามันจะไม่ตระบัดสัตย์”
แดงน้อยกับเทิดศักดิ์หันไปมองจ้องเข้าไปในดวงตาของเสือหนัก นอกจากจะไม่ได้ดุร้ายแล้วกลับดูเศร้าคล้ายมีน้ำตา
แดงน้อยกับเทิดศักดิ์หันมามองหน้ากัน พยักหน้าให้ท่านขุน
“ผมเชื่อเสือหนัก”
“แต่มันหยามศักดิ์ศรีขุนภักดีภูบาลจนไม่อาจยินยอมได้”
“ผมอยากถามมันว่าทำไมต้องเป็นโจร” เทิดศักดิ์ว่า
“ผมอยากถามมันว่า ปล้นเอาเงินไปทำอะไรมากมาย” แดงน้อยบอก
ขุนภักดี ยืนใคร่ครวญและไตร่ตรอง
ฟากเนียนพนมมือสวดมนต์เบาๆ นิ่งนาน จนเนื้อทองแปลกใจ
“พี่หนักจ๋า อย่าทำร้ายแดงน้อย อย่าทำร้ายคุณเทิดศักดิ์ อย่าขัดขืนถ้าเขาจับได้”
เนียนก้มลงกราบ หันมาเจอเนื้อทองที่ยังคงนั่งมองอยู่ท่าทีฉงนฉงาย
“แม่สวดมนต์นานจังเลยจ้ะ”
“แม่สวดมนต์ให้พระคุ้มครองคนที่แม่รักจ้ะ”
“เสือ เอ๊ย เขาหรือจ๊ะ”
“ทุกคนจ้ะ รวมทั้งคุณเทิดศักดิ์กับเพื่อน”
“แล้วเขา ขุนภักดีภูบาลเล่าจ้ะ แม่เนียนอยากเห็นเขามีอันเป็นไปไหมจ๊ะ”
“พอแล้วจ้ะ หนูกลับไปดูแลคุณท่านที่เรือนใหญ่ เถิด เผื่อคุณท่านเรียกหา”
“หนูจะนอนกับแม่เนียนจ้ะ หนูจะนอนกอดแม่ เราไม่ได้นอนกอดกันมานานแล้ว”
“ใครจะดูแลคุณท่าน”
“คุณท่านให้น้ากบน้าแมวลงมาบอกหนูว่า ถ้าจะให้บ้านสงบ คืนนี้หนูนอนกับแม่เนียนเถิดค่ะ เพราะคุณหนูอี๊ด จะนอนกับคุณท่าน”
“ท่านพูดถูก”
“แม่เนียนจ๋า แม่ไม่อึดอัดไม่ทุรนทุราย ไม่คิดแม้จะต่อสู้โต้เถียง เวลาโดนรังแกบ้างสักนิดหรือจ๊ะ”
“แม่ก็มีหัวจิตหัวใจ แต่ชีวิตแม่มันทุกข์ทนแสนสาหัสมามาก จนแม่ยอมรับความจริง ว่าถ้าสู้ไม่ได้ไม่ต้องสู้อดทนเข้าไว้จ้ะ”
“ทำไมแม่ไม่คิดว่าถ้าสู้แล้ว เราอาจชนะบ้างจ้ะ”
“ตัวแม่เปรียบเสมือนไข่ในกำมือ เขาขว้างไข่ก็แตก เอาอะไรมาขว้างใส่ไข่ก็แตกวันยังค่ำ มีประโยชน์อันใดที่จะไปเผชิญ กับอำนาจนั่น”
“หนูเข้าใจแล้วจ้ะ ว่าเราอ่อนแอเหมือนไข่ แต่พวกเขาแข็งแรงเหมือนหิน เราไม่อาจต้านทานเขาได้”
“หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเอาไว้อย่างที่แม่บอก อดทน นะลูก นอนซะคนดีของแม่ นอนหนุนตักแม่นะทูนหัวของแม่”
เนียนอบรมลูกสาวเสร็จก็นั่งพิงผนังห้อง เอาเนื้อทองนอนหนุนตักตัวเองลูบไล้หัวหน้าตาหลังและไหล่ลูกสาว เนื้อทองเอามือเนียนอีกข้างมากอดมาหอม มาแนบแก้ม
เนียนร้องเพลงกล่อมลูก “ เอ่...เอ๊...”
เพียงไม่นานเนื้อทองหลับคาตักเนียน ส่วนเนียนเขยิบตัวเอาลูกนอนเข้าที่แล้วล้มตัวลงนอนกอดลูกไว้แนบอก
ยิ้มทั้งที่ยังหลับกันทั้งสองแม่ลูก
อาญารัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ภายในป่าที่หนักเอาสองคนมาเป็นตัวประกัน หนักยังโพกหัวปิดพรางใบหน้า มีเสน่ห์คอยคุมเชิงให้
กองไฟลุกโชนตรงหน้าหนัก ส่องให้เห็นแผลที่โดนยิง และหนักนั่งอยู่เงียบๆ จดสายตาจ้องมาแต่มือใช้มีดลนไฟไว้
ข้างๆ เป็นแดงน้อยกับเทิดศักดิ์โดนมัดเอามือไพล่หลังไว้ที่โคนต้นไม้ จ้องแบบไม่ละสายตา หนักไม่ได้พูดจาอะไรกับสองคนทั้งสิ้น สองคนกระซิบกัน
“แดงน้อย กันไม่เข้าใจว่าเสือหนักจับเรามามัดเพื่อเป็นตัวประกันหนีคุณพ่อ หรือว่าจับเรามานั่งจ้องหน้าเอาจ้องหน้าเอากันแน่”
“กันก็แปลกใจอยู่นี่แหละ ว่าทำไมเสือหนักไม่ข่มขู่ดุร้ายใส่เราสองคน ดังคำร่ำลือ”
หนักเอ่ยขึ้น “เอาเหล้ามาสิ”
สองคนมองหน้ากันว่าเสือร้ายชื่อก้องมันจะทำอะไรตัวเองหรือ สักครู่เห็นเสน่ห์เอาเหล้ามา หนักแกะผ้าที่พันแผลออก เอาเหล้ามาดื่มอั้กๆ แล้วเอาเหล้าที่เหลือราดลงบนแผล มีสีหน้าเจ็บปวดมากแต่ทนไว้
เสน่ห์ส่งมีดมาให้หนักรับมีดมากรีดลงบนแผล สองหนุ่มน้อยมีสีหน้าหวาดเสียวมาก
แผลของหนักเหวอะหวะเลือดไหลย้อย หนักเอามีดชอนไชกลั้นความเจ็บปวด ครู่เดียวหนักยกมีดขึ้นมา เห็นกระสุนปืนของตำรวจอยู่บนปลายมีด หนักก้มลงไปเอาปากคาบ แล้วพ่นกระสุนออกไปแรงๆ กระสุนกระเด็นไปไกล หนักเอาเหล้าราดลงไปที่แผลอีก เสียงหนักครางด้วยความเจ็บปวด
หนักมองจ้องลูกและหลานที่ดูออกว่ากลัวมาก
“กลัวหรือ จะเป็นตำรวจจะเป็นปลัดอำเภอ ขืนกลัวโจรจะตายก่อนปราบโจรสำเร็จ จำไว้”
หนักพูดคล้ายอบรม จนสองคนมองหน้ากันแปลกใจอีก
เสน่ห์ฉีกผ้ามาพันแผลให้หนัก ที่ยังไม่ยอมละสายตาไปจากสองคน บางครั้งเงยหน้าแหงนขึ้นไปมองดวงจันทร์บนท้องฟ้า หนักมองหน้าสองคนถอนใจเฮือกๆ
สองคนสบตากันแดงน้อยกระซิบ
“ถามเสือหนักสิ เทิดศักดิ์”
“แกจะถามก่อนหรือจะให้กันถามก่อน”
หนักได้ยิน ชี้มาที่เทิดศักดิ์แล้วสั่ง
“ถาม”
เทิดศักดิ์อึ้งไปเลย
หนักย้ำอีก
“ถามสิ”
ฟากขุนภักดีและกำลังตำรวจ รวมทั้งเอก ถึงท่าน้ำโรงพยาบาลแล้ว เรือแล่นมาจอดท่าน้ำ เพื่อนตำรวจพาตำรวจที่บาดเจ็บลงจากเรือ
“ไปไหนต่อขอรับ ท่านขุน” เอกถาม
ขุนภักดีคั่งแค้น รู้สึกว่าเสียเหลี่ยมมาก
“ยังมีหน้ามาถามตอกย้ำความอับอาย มันให้ไปรอรับสองคนที่บ้าน”
“ได้ขอรับ เอ้อ...ท่านขุนอย่ากังวลไปเลยขอรับ เสือหนักไม่ทำอะไรคุณเทิดศักดิ์ดอกขอรับ”
“แกเป็นพ่อเป็นโคตรเหง้าศักราชมันรึ ถึงรู้หัวจิตหัวใจมัน”
เอกบอก “ถ้ามันทำ มันทำไปแล้วขอรับ”
“แค่นั้นรึ แกมีเหตุผลอะไรมารับรองว่ามันจะไม่ทำร้ายลูกชายฉัน”
เอกอึ้งไป คิดแล้วบอกออกไปตามคิด
“มันเลิกปล้นฆ่ามานานมากแล้วนะขอรับ มันอาจตั้งใจไปบวชจริงๆ การบวชอาจทำให้มันจิตใจหายอำมหิตได้ อีกประการ มันแค่หวังรอดจากการจับกุมน่ะขอรับ”
ท่านขุนเงื้อตะพด
“เดี๋ยวพ่อฟาดหัวหูแตก แกไม่ยอมห่วงลูกชั้น แถมยังไปเห็นใจไอ้คนอำมหิตนั่นอีก”
ท่านขุนเหวี่ยงตะพดลงน้ำ เอกกระโดดไปรับไว้ทัน เรือเอียงวูบ
ส่วนเทิดศักดิ์ตัดสินใจถามหนัก
“ทำไมถึงอยากเป็นโจรปล้นฆ่าชีวิตผู้อื่น ไม่เกรงกลัวบาปหรือ”
“ความจำเป็นของคนเราไม่เหมือนกัน แต่สักวัน ความจริงจะเปิดเผยว่าทำไม แล้วคุณจะได้คำตอบ”
“วันไหนหรือ” เทิดศักดิ์ฉงน
“วันที่ ชีวิตไอ้เสือหนักหาไม่แล้ว อีกไม่นานดอก”
“รู้ด้วยหรือว่าจะตายวันไหน ใครจะเป็นคนเปิดเผยในเมื่อความลับติดอยู่กับเสือหนัก” เทิดศักดิ์ซักต่อ
“ความลับไม่มีในโลก ความลับนี้มีคนรู้หลายคน เพียงแต่เขาไม่เอ่ยออกมาเพราะต้องการปกป้องอีกหลายคนหลายชีวิต”
หนักไม่รอให้เทิดศักดิ์ถามต่อชี้ไปที่แดงน้อย
“จะถามไหม”
“อยากรู้ว่าเสือหนัก เอาเงินที่ปล้นฆ่ามากมายไปไว้ที่ไหน”
หนักมองหน้าแดงน้อยน้ำตาแทบร่วง “เอาไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับชีวิตของคนอีกหลายคน”
“ลูกเมียเสือหนักหรือ”
“ฉันไม่มีเมีย”
“แปลว่ามีลูก”
หนักไม่ตอบคำถามนี้ของแดงน้อย แต่กลับถาม
“ถ้าก่อไฟแล้วมันจะไหม้บ้าน จะโยนฟืนใส่กองไฟต่อ รึว่าจะดึงฟืนที่อยู่ในกองไฟออก”
สองหนุ่มน้อยมองหน้ากัน
“เอากลับไปคิด สำหรับดำเนินชีวิตในภายภาคหน้า”
เทิดศักดิ์และแดงน้อยมองหน้ากันอีกในคำพูดอันแสนคมคายของหนัก ที่เหมือนอบรมสั่งสอนพวกตน
สักครู่หนึ่งหนักเดินมาใกล้ชิดสองคน มองจ้องหน้าเหมือนอาลัยอาวรณ์เหลือแสน หากสังเกตก็จะว่ามีน้ำตาซึม คลอเบ้าตายเสือร้าย
“พบกันครั้งต่อไป ไม่ต้องยั้งมือ ทำตามกฎหมายที่มีไว้ให้จับคนทำผิดแม้ว่าคนทำผิดนั่นสำคัญอย่างไรกับตนเองก็ละเว้นไม่ได้ เพราะบ้านเมืองต้องมาก่อน”
สองคนมองหน้ากันอีก มองหน้าหนักสงสัยแปลกใจมาก
“ใกล้รุ่งแล้ว กลับไปหาพ่อหาแม่เถิด”
หนักก้มลงเอามือตัดเชือกที่มัดสองคน จากนั้นหันกลับ น้ำตาไหลพรากเต็มสองตา
เทิดศักดิ์และแดงน้อยมองหนัก เห็นร่างสูงใหญ่ แกร่งกำยำของหนักเดินหายจากใปในความมืด มีเสน่ห์หอบของวิ่งตาม
“นี่หรือเสือหนัก”
สองหนุ่มมองหน้ากันงวยงง
ฟากเนียนกับติ๋วตื่นแต่เช้ามืดกำลังทำข้าวต้ม
“อย่าเพิ่งยกข้าวต้มลงนะลูก คุณท่านฟันไม่ค่อยจะดีแล้ว เคี่ยวอีกนิด”
“จ้ะแม่เนียน แม่เนียนจ๋า เมื่อคืนนี้หนูนอนหลับฝันดีมากจ้ะ ตื่นมายิ่งมีความสุข เพราะแม่นอนกอดหนูไว้”
“ทั้งคืนเลยจ้ะ ลูกรัก”
เนียนยิ้มให้ลูก ระหว่างนั้นกบกับแมววิ่งกันเอะอะโครมครามเข้ามา
“เกิดเรื่องใหญ่โตมโหระทึกแล้ว”
“คุณเทิดศักดิ์กับเพื่อนชื่อคุณแดงน้อยโดนเสือหนักจับตัวไว้”
เนียนกับเนื้อทองตกใจมาก
“ไม่นะ ไม่”
“โธ่ คุณเทิดศักดิ๋ พี่แดงน้อย” เนื้อทองคราง
แต่แล้วเนียนก็เกิดนึกได้ว่า หนักไม่มีทางทำอะไรแดงน้อยแน่ แต่เนียนก็ประสาทเสีย
“รู้ได้อย่างไรกบแมว”
“ไปดูที่ท่าน้ำสิ ท่านขุนกับนายเอกกลับมาตามลำพัง คุณท่านกับคุณนายเรียมกำลังร้องไห้ กันใหญ่” แมวบอก
เนื้อทองรีบดึงแขนเนียนออกไป
“เอ้อ..เราไม่ควรไปปรากฏตัวให้ทุกคนไม่สบายใจนะลูก”
“อ้าว” กบงง
“ไม่อยากรู้เรื่องไม่ตื่นเต้นดอกรึ”
“กบกับแมวไปเถิด ฉันกับหนูติ๋วจะตามไปทีหลัง”
สองคนพากันออกไป เนื้อทองมองแม่
“แม่รับรองว่า เสือหนักไม่ทำอะไรพี่แดงน้อยคนนั้นกับคุณเทิดศักดิ๋ดอก”
“ทำไมแม่เนียนมั่นใจอย่างนั้น”
“เพราะ เพราะ ..เชื่อแม่สักครั้งเถิด”
“แต่หนูก็ยังอยากรู้ เราไปดูแต่อยู่ห่างๆ พวกเขานะจ๊ะ”
เนียนพยักหน้า
ทุกคนคณะใหญ่อยู่ที่ท่าน้ำ ขุนภักดีปลอบโยนทองจันทร์ที่เอาแต่ร้องไห้ มีเรียมช่วยโอบประคองอยู่อีกด้าน สนยืนหน้าเครียดมีช้อยปะกบข้างๆ มีทานตะวันมายืนใกล้สน แทนที่จะใกล้แม่ตัวเอง
เอกยืนสงบนิ่งถอนใจเฮือกๆ แทน กบ แมว และคนรับใช้อื่นๆ ยืนซุบซิบไปมา
“คุณแม่ขา ขอให้มันทำตามสัญญา ปล่อยสองคนนั่นมาเถิดค่ะ” เรียมว่า
“แม่ไม่เชื่อดอกว่าคนโฉดชั่วอย่างมันจะไม่ตระบัดสัตย์ พ่อเทพ น่าจะยิงมันให้ตายซะ”
“มันเสี่ยงมากครับ ยิงมันอาจโดนลูกเทิดศักดิ์ ยังมีแดงน้อยอีกคน”
“ทำไมพี่ขุนไม่ให้มันจับนายแดงน้อยเอาไว้คนเดียว ปล่อยให้มันเอาลูกเทิดศักดิ๋ไปได้ยังไงกัน”
ทานตะวันออกอาการไม่พอใจสนเป็นครั้งแรก
“อ้าวแม่สนพูดแบบนั้นได้ยังไงกันคะ”
เรียมเข้าข้างทานตะวัน “แดงน้อยเขาก็มีพ่อมีแม่เหมือนเรานะจ้ะ แม่สน”
ช้อยกับสนสบตากัน ช้อยกระซิบ
“ถ้ามันเกิดฆ่าคุณเทิดศักดิ์ละก้อ ช้อยไม่กล้าคิดต่อแล้วค่ะ”
สนตบปากช้อยโดยแรง
“แล้วแกพูดออกมาทำไม ฉันจะกำลังจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ถึงเขาจะขัดคอฉันไม่เข้าฉันบ้าง แต่ฉันก็รักของฉัน ลูกฉันทั้งคน”
สนเลยร้องโฮๆๆ แข่งกับทองจันทร์
“เทิดศักดิ์หลานย่า โฮๆๆ” / “เทิดศักดิ์ลูกแม่ โฮๆๆๆ”
ช้อยเหลือบไปเห็นเนียนกับเนื้อทองมาแอบมอง สะกิดสนชี้ไป เห็นว่าเนียนกับลูกมายืนหลบดูอยู่ห่างๆ
ช้อยร้องขึ้น “ตัวต้นเหตุมาแอบดูนั่นค่ะ”
สนโวยลั่น
“พี่ขุนขา อีเนียนมันมาสาแก่ใจที่ไอ้เสือหนักจะฆ่าลูกสน ดูหน้ามันสิคะ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน เผลอๆ มันนั่นแหละเป็นคนวางแผนเรื่องนี้”
ทุกคนมองไปที่เนียนกับเนื้อทองเป็นตาเดียว
“นางแพศยา”
ขุนภักดีปราดออกไป เรียมตะโกนห้าม
“อย่าค่ะ พี่เทพ”
เอกก็ห้าม “อย่าขอรับท่านขุน”
สนวิ่งไปอีกทางเช่นกัน
“ฉันจะไปเอาแส้ม้า”
เนียนกับลูกยืนตกใจที่เห็นขุนภักดีพรวดเข้ามาหา
“แม่เนียน เขาวิ่งมาเหมือนจะมาทำร้ายแม่เนียน”
“เขากำลังเข้าใจผิดอีกแล้ว”
“หนูไม่ยอม”
เนื้อทองกางกั้นแม่เอาไว้ ขุนภักดีปราดมาถึง
“หลีกไปนะ”
เนื้อทองยกมือพนม “แม่หนูผิดอะไรคะ”
“ผิดสิ แม่เอ็งนั่นแหละวางแผนให้ลูกชายฉันโดนจับตัวไว้”
ช้อยรีบสอพลอ “แอบนัดกันไว้แน่ๆ เจ้าค่ะ”
เรียมฉุน “ช้อย แกเริ่มก่อกองไฟไว้กลางบ้านฉันอีกแล้วนะ”
ขุนภักดีตวาด “เงียบทุกคน เอาเด็กนี่ออกไปให้พ้นแม่มัน ลากแม่มันมาโยงไว้กับต้นไม้คู่บาปของมัน”
“อย่านะคะ พี่เทพ เรื่องนี้มันคนละเรื่องกันแท้ๆ พี่เทพอย่าเอามาโยงกันสิคะ”
“จะไม่ให้โยงกันได้ยังไงคะ ก็ในเมื่อไอ้เสือหนักมันคือพ่อของเด็กติ๋ว” ทานตะวันแหลมขึ้น
“หนูอี๊ดหยุดนะ” เรียมขึ้นเสียง
แม้ขุนภักดีชะงักกับคำพูดของเนื้อทองนิดหนึ่ง แต่ดึงดันต่อ
“ใครไปเอาแส้ม้ามาทีสิ”
สนวิ่งแจ้นกลับมาถึง ยื่นแส้ม้าให้ทันทีทันใด
ทานตะวันกับช้อยเข้าไปกระชากเนื้อทองออกมาจากเนียน แทนกับสนปราดมาดึงเนียน
“อย่า อย่าบอกว่าอย่านะ”
เนียนยกมือห้ามสนกับแทน “ไม่ต้องมาฉุดกระชากลากฉันดอก ฉันก็แค่เศษสวะที่บ้านนี้ ยอมให้โบยแต่โดยดี เชิญสิเจ้าคะ ท่านขุน โบยอีเนียนแพศยาคนนี้ให้สาแก่ใจ ให้ตายคามือก็ย่อมได้ ชีวิตอีเนียนอยู่ในกำมือท่านขุนนี่เจ้าคะ”
เนียนนอนหมอบลงไปกับพื้น หันมาเชื้อเชิญให้ขุนภักดีโบย
ขุนภักดีผู้หูเบาชะงักกับคำพูดของเนียนที่บาดหัวใจยิ่งนัก
“มันท้าทายพี่ขุนค่ะ” สนรีบยุส่ง
เนื้อทองน้ำตานองหน้า ร่ำร้องอ้อนวอน
“อย่าโบยแม่หนู ปล่อยหนูนะ”
เรียมน้ำตาไหลพราก
“พี่เทพอย่าทำเวรทำกรรมกับเนียนอีกนะคะ ถ้าเรื่องมันไม่จริงพี่ขุนจะเสียใจตัวเอง แล้วมันก็อาจจะสายเกินแก้”
“เนียน แกสั่งให้ไอ้เสือหนักไปจับหลานฉันรึ แกกับมันเป็นอะไรกันแน่”
เนียนไม่ตอบ แต่เนื้อทองกลับทนไม่ได้ตอบแทนเนียน
“เขาไม่ใช่พ่อหนู แต่เขาคือผู้มีพระคุณต่อแม่เนียนเจ้าค่ะ”
ทุกคนหันไปมองเนื้อทอง ไม่เว้นแม้แต่สองนายบ่าวใจชั่ว
“หนูติ๋ว อย่านะลูกอย่าพูด ไม่มีประโยชน์ดอก เรามันต่ำต้อยเกินกว่าใครจะเชื่อคำพูด อดทนสิลูก”
เนื้อทองส่ายหน้าน้ำตานอง
“ไม่มีลูกคนไหน ที่ทนดูแม่โดนโบยต่อหน้าแล้วต้องทนดอกแม่เนียนจ๋า”
“แกไม่ต้องออดอ้อนให้คุณพ่อใจอ่อน โบยมันสิคะ คุณพ่อ” ทานตะวันว่า
ขุนภักดีขยับแส้แล้วค้าง สนดึงแส้มาจากมือท่านขุน ฟาดบนหลังเนียนโดยแรงไม่ยั้งหลายครั้งอย่างเร็วมาก
“ลูกชั้นโดนผัวแกทำร้าย ฉันไม่ทำร้ายแกฉันก็ไม่ใช่ คน”
เสียงเทิดศักดิ์ร้องตะโกนห้ามสนดังลั่นมาจากท่าน้ำ
“คุณแม่สน หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ทุกคนหันไปมอง ตาค้าง
เทิดศักดิ์ยืนเด่นกลางท่าน้ำ มีแดงน้อยยืนข้างๆ สองคนสีหน้าตื่นตกใจเทิดศักดิ์นั้นโกรธกรุ่น
ตรงจุดที่โบยเนียนทุกคนอึ้งตะลึงค้างไปทั้งแถบ โดยเฉพาะเรียม ทองจันทร์ร้องประสานเสียงอย่างดีใจ
“เทิดศักดิ์”
เนียนพึมพำเบาๆ “แดงน้อย”
สองสาวแฝดดีใจมาก อุทานประสานเสียง “พี่แดงน้อย”
“เทิดศักดิ์”
สนยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ทองจันทร์เดินไปหาสน กระชากแส้ม้าออกมาจากมือสนเหวี่ยงลงพื้น
“แม่สนทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม เอะอะก็คว้าแส้ นางช้อยแกเป็นบ่าวตัวดีห้ามปรามเจ้านายแกบ้างนะ อย่าทำตัวเป็นนางผีผลักนักเลยย่ะ เทิดศักดิ์มาหาย่า นะลูก”
ขุนภักดีหันไปมองเนียน ที่เรียมกับเนื้อทองกำลังประคองให้ลุก ท่านขุนพยายามสบตาเนียน แต่เนียนเมินหนีไปมองทางอื่น
สนสวมบทแม่แสนดี กางแขนรอรับเทิดศักดิ์
“แม่เป็นห่วงลูกแทบขาดใจตายทั้งคืน ไอ้คนทมิฬหินชาติมันทำอะไร ลูกแม่บ้าง”
เทิดศักดิ์กลับเดินปราดเลยแม่ไปหาเนียน มีแดงน้อยตามมาติดๆ
“มีคนใส่ไคล้น้าเนียนอีกแล้วใช่ไหมครับ ใจดำกันเป็นที่สุด”
“น้าเนียนเลือดออกนะครับ ผมว่า ไปหายาใส่เถิดครับ น้องติ๋ว”
เนียนสุดปลื้มที่แดงน้อยมาดูแล ยิ้มทั้งน้ำตา “ขอบคุณมากค่ะ คุณแดงน้อย ม..เอ้อ ฉันไม่เป็นอะไรมากดอกค่ะ ใส่ยาอีกสามวันแผลก็หายค่ะ”
เรียมเอ่ยขึ้นเป็นนัย “แผลที่กายใส่ยาสามวันก็หาย แต่แผลที่ใจ ใส่อะไรสามปีก็ไม่มีวันหาย”
“บ้านเรามีแต่คนวู่วาม บ้าอำนาจ” ทองจันทร์ฉุนเฉียว
“ผม ขอพาน้าเนียนไปใส่ยานะครับ” แดงน้อยบอกอย่างมีมารยาท
ทองจันทร์สนใจมองดู “นี่รึ แดงน้อยที่เขาลือกันว่า จะเป็นตำรวจ”
ทุกคนเลยนึกได้ว่ายังไม่ได้แนะนำให้แดงน้อยรู้จักทองจันทร์ แดงน้อยจึงรีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับ”
“คุณย่าของกันเอง”
“ทุกอย่างไม่มีเรื่องราวให้ตื่นเต้นกันแล้ว หน้าที่ใครมีไปทำเสีย” ขุนภักดีบอกเสียงดัง
บ่าวไพร่ทุกคนจึงแยกย้ายกันไป สนเสียหน้าที่ยกมือค้างเทิดศักดิ์ไม่มาหา กบแมวประคองทองจันทร์ออกไป
“เนียนเอ๊ย นึกว่าโดนกรรมเก่าเล่นงานก็แล้วกัน ฉันจะสวดมนต์ภาวนา ให้มันเป็นครั้งสุดท้ายของแกแล้ว”
“แม่ดีใจที่ทั้งสองคนปลอดภัย ไปพักผ่อนในบ้านให้หายเหนื่อยหายเครียดกันเถิดจ้ะ ทุกคน”
เรียมพยายามคลี่คลายสถานการณ์
“ผมขออนุญาตพาน้าเนียนไปส่งก่อนนะครับ” แดงน้อยขอร้องเรียมอีกครั้ง
“ผมก็จะไปด้วย” เทิดศักดิ์ว่า
ทานตะวันดี๊ด๊า “หนูก็จะไปบ้าง” อยากไปใกล้ชิดกับแดงน้อย
“ไปกับคุณย่าเถิด น้องอี๊ด ครับ กรุณาเถิด” เทิดศักดิ์ขอร้องดีๆ
“ย่ามีอะไรจะถาม มาสิ”
ทองจันทร์พยักหน้าให้ ทานตะวันจึงตามทองจันทร์ไป แต่อดหันไปยิ้มหวานให้แดงน้อยไม่ได้
ทุกคนพากันไปจนหมด คงเหลือเพียงบ่าวนายใจชั่ว ช้อยกับสนที่ยืนจ๋อย สนหันไปจิ๋มหน้าช้อย
“แกนังหมาหัวเน่า เอาแต่เรื่องเน่าๆ มาทำให้ฉันปวดกบาล ดูสิลูกฉันแท้ๆ มันยังไม่แลนางคนใช้ ไม่สนใจความรู้สึกแม่”
“เพราะเธอเป็นลูกเสือหนักด้วยไงคะ เธอเหมือนพ่อค่ะ ไม่สนใจคุณสนดอก”
“อีช้อย”
สนเดินปึงปังออกไป
“ก็มันจริงนี่หว่า คุณเทิดศักดิ์ได้เลือดพ่อมาเต็มๆ รักเพราะคำว่าแม่ แต่ไม่ได้รักเพราะความเป็นแม่ ไม่ใช่เพราะหนีภัยไอ้เสือหนักกับไอ้หมอเสน่ห์ อีช้อยไม่บากหน้ากลับมาให้รับกรรมดอก”
ช้อยยิ้มเยาะสน เพราะไม่รักและบูชาสักเท่าไหร่แล้ว
เนียนได้รับความห่วงใยจากแดงน้อยปลื้มจนล้นอก ไม่แสดงออกทางกิริยา แต่แสดงออกที่แววตา
สองคนส่งเนียนแล้ว
“ขอบใจมาก ที่ห่วงใยค่ะ คุณเทิดศักดิ์ แดง เอ้อ คุณแดงน้อย รีบไปเรือนใหญ่เถิดค่ะ คุณท่านคุณพ่อคุณแม่กำลังรอค่ะ”
“อย่าเรียกผมว่าคุณเลยครับ เรียกแดงน้อยเฉยๆ เถิดครับ ผมอยากรู้สึกว่าเป็นการเรียกขานของญาติผู้ใหญ่ ผมญาติผู้น้อยน่ะครับ”
“แดงน้อยเขามีแต่ลุงโพล้งกับแม่แพร มานับญาติดูแล้ว แต่มีลุงแท้ๆ แกที่ต้องทำงานไกลๆ นานทีถึงจะมาหาน่ะครับ”
“แถมตอนนี้ลุงคงไม่มาอีกแล้ว เพราะลุงไปบวช และคงไม่สึกแล้วครับ ลุงบอกว่าบวชสร้างกรรมดีให้คนที่ลุงรักและเป็นหนี้กรรมครับ”
เนียนตื้นตันน้ำตาแทบร่วง บอกเสียงสั่น
“รีบไปเรือนใหญ่กันเถิดค่ะ ท่านผู้ใหญ่รออยู่นะคะ”
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ห่วงแม่หนู ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
เนื้อทองยกมือไหว้สองคน สองหนุ่มรับไหว้ และไหว้ลาเนียน
เนียนส่งสายตารักห่วงใยเอื้ออาทรไปที่แดงน้อยโดยไม่รู้ตัว แดงน้อยกับเทิดศักดิ์รู้สึกได้ รวมทั้งเนื้อทองด้วย
แดงน้อยกับเทิดศักดิ์เดินมาถึงหน้าเรือนใหญ่ แดงน้อยรู้สึกบอกไม่ถูกกับสายตาของเนียน ขณะเดินนึกถึงสายตาของเนียนมาตลอดทาง ภาพใบหน้าเนียนส่งสายตามามองแดงน้อยตลอดเวลา ผุดขึ้นมาในมโน
เทิดศักดิ์ก็รู้สึก
“กันเห็นสายตาของน้าเนียนที่มองแกแล้วกันอิจฉาแกแฮะ แดงน้อย ช่างเหมือนกับสายตาของน้าเนียนเวลามองน้องติ๋ว ยังไงยังงั้น”
“แกว่าอย่างนั้นจริงหรือ”
“จริงสิ สายตานั้นทั้งอ่อนหวาน รักใคร่ อ่อนโยนนิ่มนวล แม้ไม่ได้โอบกอดก็เหมือนโอบกอดแกไว้ แต่ด้วยสายตาของน้าเนียน”
“อืม น้าเนียนคงอยากมีลูกชาย หรือว่ากันจะไปเสนอตัวเป็นลูกชายของน้าเนียนดีไหม”
“ดี เสนอตัวเป็นลูกชายเท่านั้นนะ อย่าไปเสนอตัวเป็นลูกเขยทีเดียว แกกับกันเป็นต้องโกรธกันร้อยปีอย่ามาดีร้อยชาติ จะชกแกให้คว่ำ”
เทิดศักดิ์ทำท่าชกแดงน้อยเล่นๆ แดงน้อยก็ทำท่าชกตอบ สองคนหัวเราะกันร่าเริง
ส่วนเนียนตามมาแอบมองแดงน้อยต่ออีก เนียนยิ้มทั้งน้ำตา
“ลูกแม่ช่างน่ารัก บุญของแม่ที่มีลูกเช่นนี้ ขอบคุณพี่หนักพี่โพล้งพี่แพรที่สุด ที่ช่วยปั้นลูกของเนียนงดงาม เหลือเกิน”
สนโผล่มาสะกิดเนียน
“แกแอบดูหนุ่มๆ คิดอะไรอยู่ หาผัวให้ลูกตั้งแต่ยังเด็กเหมือนแกหรือ”
“ฉันไม่บังอาจดอกค่ะ”
“ดี อย่าบังอาจก็แล้วกัน ลูกฉันน่ะ ต่อให้ข้ามศพไปยังไม่ให้แกเลย ส่วนตาแดงน้อยนั่นก็อย่าหวัง ฉันจะหวงไว้ให้หนูอี๊ด เขาชอบของเขา แกอย่ามาขัดขวางจำไว้”
สนพูดจบเดินออกไป
“ฉันต้องขัดขวางแน่ ฉันจะยอมให้เรื่องบัดสีเกิดแก่ลูกสามคนของตัวเองไม่ได้”
เนียนเริ่มไม่สบายใจเรื่องลูกสามคน เนื้อทองวิ่งมาหาเนียน
“หนูห่วงจะแย่แม่มาทำอะไรตรงนี้จ้ะ”
“แม่ เอ้อ แม่ แม่...”
สนเดินย้อนกลับมา
“มาหาพระสังข์ให้แกเสี่ยงพวงมาลัยมั้ง แม่แกเขานึกว่าแกเป็นนางรจนาอย่างแก คงหาได้แค่เจ้าเงาะที่ถอดรูปไม่ได้เท่านั้นแหละ ไอ้คนงานหลังบ้านนั่นเป็นโขยงไปเสี่ยงพวงมาลัยเอาตามสบาย”
สนหัวเราะคิกคักเดินออกไป
“นี่หรือผู้ดี นี่หรือ ภรรยาท่านขุน วาจาช่างละม้ายคล้ายกับพวกคนถ่อย”
“หนูติ๋ว อดทนจ้ะลูก อดทนรอวันของเรา”
เนียนเตือนสติลูกสาว
หนักเดินทางมาที่ร้านกาแฟไทยเจริญ หนักยังใส่เสื้อปิดแขนที่โดนยิง โพล้งและแพรคุยกันใจคอไม่ดีเรื่องที่แดงน้อยกับเทิดศักดิ์บอกว่าจะพากันไปจับเสือหนัก
“ฉันกำลังจะเป็นโรคเส้นประสาทแล้วยัยแพร”
“ฉันก็ไม่ด้อยไปกว่าแกดอกตาโพล้ง จนป่านนี้แดงน้อยยังไม่กลับมา”
“หายไปข้ามวันข้ามคืน หลานลุงเจอกันแล้วมันจะทำยังไง แดงน้อยมันจะหัวใจสบายแค่ไหน ถ้ารู้ว่า ลุงผู้แสนดีที่มันเทิดทูนเป็นใคร”
“วุ๊ย จะไปทำยังไงได้ ความจริงก็คือความจริง เพราะคนเรามันไม่ยอมความจริงนี่แหละเรื่องมันถึงได้เกิด ไอ้ข้าน่ะคิดเพียงแต่ว่า ถ้าอีตาท่านขุนมันจับพี่หนักได้ หรือว่ายิงพี่หนักต...” แพรจะหลุดคำว่า...ตาย
หนักเดินใส่หมวกหลุบหน้าเข้ามา
“ฉันถูกยิงแต่ยังไม่ตายดอก”
สองคนตกใจมาก
“พี่หนัก”
“อืม คราวนี้ฉันรอด แต่คราวหน้าถ้าพวกมันเรียนจบ ฉันไม่อยากจะรอดดอก เพราะมันหมดภาระและหน้าที่ของฉันแล้ว”
สองคน ตกใจ “พี่หนัก”
หนักพยักหน้าให้สองคน ที่เอาแต่ตกใจอยู่อย่างนั้น
ติดตาม "อาญารัก" ตอนที่ 10