มายาสีมุก ตอนที่ 9
จินจูจับมือไข่มุกอย่างดีใจ
“ชั้นดีใจมากที่เจอหนูเสียที พยายามจะถามคนอื่นว่าไปไหน แต่ใครๆ ก็พูดแต่ไม่รู้ มีอะไรเกิดขึ้นหรือไง”
“หนูเองก็นึกว่าจะไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว ขอโทษนะคะ”
“ขอโทษทำไม ทำอะไรผิดเหรอถึงต้องขอโทษ”
ไข่มุกมองจินจูอย่างสำนึกผิด
“ค่ะ หนู หนูไม่ได้ชื่อลูกไก่ แต่ชื่อไข่มุก แล้วก็ไม่ใช่ลูกสาวคุณชลลดาอย่างที่ทุกคนคิด หนู หลอกทุกคน หลอกคุณ”
จินจูนิ่งมองไข่มุกที่มีสีหน้าสำนึกผิด จินจูยิ้มจางๆ แล้วจับมือไข่มุกเบาๆ
“พอเถอะ ไม่ต้องอธิบายแล้ว ชั้นเชื่อว่าทุกอย่างที่ทำไปคงมีเหตุผล จะชื่ออะไรก็ช่าง สำหรับชั้น หนูก็คือหนู”
ไข่มุกเงยหน้าสบตาจินจูอย่างซึ้งใจ
“คุณไม่โกรธเหรอคะที่หลอกคุณ”
“ไม่หรอก อืมนี่ รู้มั้ย ชื่อเราเป็นชื่อเดียวกันเลยนะ จินจู แปลว่าไข่มุก พอรู้ว่าหนูชื่อนี้ชั้นยิ่งคิดว่าชะตาเราต้องกันมากจริงๆ” ไข่มุกตื่นเต้น
“ไข่มุก จินจู แปลว่าไข่มุกเหรอคะ”
จินจูโอบไข่มุกเข้ามากอด
“ใช่ แล้วต่อไปนี้ถ้ามีเรื่องอะไร ขอให้หนูคิดถึงชั้น อย่าหนีหายกันไปแบบนี้ คิดเสียว่าเป็นญาติผู้ใหญ่คนนึง ที่จะคอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษา สำหรับชั้นเอง หนูก็เป็นเหมือนลูกสาวคนนึง”
ไข่มุกยกแขนขึ้นกอดเอวจินจู ซบใบหน้าลงอย่าตื้นตันใจ จินจูลูบหัวเบาๆ ทั้งสงสารและเอ็นดู
ที่ฟิตเนสมี กีกี้ แองจี้ น้องแพรวยืนอยู่กับไข่มุก ผู้จัดการยืนมองอยู่ด้วย สามสาวมองไข่มุกอย่างเหยียดหยาม
“กลับมาคราวนี้ จะหลอกอะไรอีกล่ะ”
“ไปอยู่ในสลัมตำพาพาย่าป็อกๆ มา ตัวงี้ติดกลิ่นไทยแอนโชวี่ ปลาร้าเหม็นหึ่ง อย่าเข้าใกล้ชั้นนะยะ กลิ่นโซสเม็ล”
ไข่มุกมองหน้าทั้งสามคนนิ่งๆ ไม่ตอบโต้อะไร ผู้จัดการที่ยืนดูอยู่ทนไม่ไหวต้องรีบพูดแทน
“เริ่มคลาสดีกว่าครับ เถียงกันเดี๋ยวจะเลิกเลท มีลูกค้าเก่ามารอทำคลาสอยู่เยอะนะครับ”
ผู้จัดการพูดจบก็เดินไป วัฒนาเดินเข้ามาพร้อมช่อดอกไม้
“ยินดีที่กลับมาทำงานครับ ดอกไม้นี้ผมให้ ดีใจจังครับที่คุณกลับมา” ไข่มุกเอื้อมไปรับ“ขอบคุณมากค่ะ แต่ชั้นมีสอนคลาส...”
“งั้นเดี๋ยวผมเอาไปเก็บในห้องสต๊าฟให้ แล้วไว้มีโอกาสเราไปทานข้าวกันนะครับ”
ไข่มุกไม่ทันตอบวัฒนาก็ดึงดอกไม้เดินไป สามสาวมองอย่างไม่ชอบใจ
“หมั่นไส้ แค่กลับมาสอน จะอะไรกันนักหนา”
“นี่คงหว่านเสน่ห์หลอกไปทั่วเลยสินะ น้องแพรวจะฟ้องคุณรินทร์”
“ชั้นบริสุทธิ์ใจ ใครอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะค่ะ”
“อย่ามาแอ็บเป็นคนดีเลยย่ะ เขารู้กันหมดแล้วว่าเธอน่ะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ สะตอเรียกป้า” ไข่มุกมองไม่พูดอะไร
ไข่มุกนำเต้นอยู่ตรงกลาง สาวๆ มองสบตากันออกท่าทางลวดลาย น้องแพรวแกล้งเตะขาจะให้พลาดไปโดน เอียงตัวหลบวูบจนน้องแพรวเซไปเองทำท่าจะล้ม ไข่มุกดึงช่วยไว้
“ไม่ต้องมาช่วย อย่าแตะชั้น สกปรก”
น้องแพรวสะบัดตัวออก กีกี้ลองบ้างแกล้งขัดขาไข่มุก ไข่มุกเซถลาแต่ประคองตัวไว้ได้แล้วทำเฉยเต้นต่อไป กีกี้ยิ่งงง บ่นกับตัวเอง
“นี่ไปลอกคราบพิษมารึไง ปกติต้องเอาคืนแล้วนี่”
จินจูมองเข้ามา ทำท่านึกรู้ปนสงสัย กีกี้สบตาแองจี้ แองจี้แกล้งหมุนตัวเข้าไปจะชน ไข่มุกหลบทันแต่พอแองจี้จะล้มก็เอามือดึงไว้ แองจี้อึ้งไป
“อิท นอท เรียล ยู อย่าหลอกชั้นดีกว่า หึ ทำเป็นหงิม แต่ที่จริงก็แค้นพวกชั้นล่ะสิ”
ไข่มุกมองนิดๆ แต่ไม่ตอบโต้ เต้นนำต่อ สามสาวเต้นด้วยแบบทั้งงงทั้งอึ้ง จินจูลอบมองอย่างนึกสงสาร
คีรินทร์นั่งเซ็นเอกสารหน้าเครียด วัฒนานั่งอยู่ด้วยถามขึ้นอย่างจงใจเยาะ
“นายว่าไงเรื่องคุณไข่มุก จะให้ประกาศเลยมั้ยว่าไม่ใช่ภรรยาแล้ว”
คีรินทร์เงยหน้ามองวัฒนา
“ไม่ต้อง”
“ทำไมล่ะ เดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันไปใหญ่ แถมตอนนี้คุณไข่มุกเป็นแค่แม่ค้าส้มตำ ใครๆ ก็เห็นกันหมด พนักงานก็ไปเป็นลูกค้าด้วย จะยังมาเป็นเมียนายได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ดูนายเดือดร้อนมากกว่าตัวชั้นอีกนะ”
“ก็แค่เตือน ขืนปล่อยไปจะปกครองลูกน้องยังไง ไหนชาวบ้านจะนินทา แล้วอีกอย่าง ถ้าพวกในวงการรู้ว่าเมียผู้บริหารระดับสูงไปยืนเต้นขายส้มตำ เขาจะว่ายังไง”
คีรินทร์วางปากกาลงอย่างแรง
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของชั้น ไม่ใช่เรื่องของนาย ขอบใจที่ห่วงแทน แต่อยู่เฉยๆ อย่ายุ่งดีกว่า เอาเวลาไปทำงานของนายเถอะ”
คีรินทร์เซ็นเอกสารต่อทำท่าไม่สนใจ วัฒนาหน้าตึง แววตามองอย่างแค้นที่โดนว่าให้เสียหน้า
คีรินทร์ มณี ชลลดา ภัททิมา เขมทัต กีกี้ รัตนา นั่งประจำอยู่โต๊ะอาหารบ้านคีรินทร์ กีกี้นั่งข้างมณียิ้มอย่างเป็นต่อ ปรายตามองไปทางภัททิมาอย่างเยาะนิดๆ ภัททิมาหน้าบึ้ง
“ขอบใจที่มานะกีกี้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ขา ช่วงนี้กีกี้ว่าง จะมาช่วยดูแลบ้านบ่อยๆ นะคะ เรื่องนี้กีกี้ถนัด”
“ว่างหรือเขาเลิกจ้างกันแน่” ภัททิมาพูดขึ้นลอยๆ
กีกี้หันไปถลึงตาใส่ ไข่มุกเดินเข้ามาทำท่าดึงเก้าอี้จะนั่ง มณีปรายตามอง
“ใครบอกให้เธอกินที่นี่ โน่น หน้าที่เธอ ไปช่วยยกกับข้าวมาสิ”
“เร็วๆ นะยะ หิว”
ชลลดากับภัททิมาหัวเราะชอบใจ กีกี้มองไข่มุกอย่างไว้ท่าแกมสะใจ
ไข่มุกยกอาหารมาวางเสิร์ฟ ช้อยตักข้าวให้ ไข่มุกทำท่าจะถอยออก มณีเรียกไว้อีก
“จะยืนเฉยทำไม ช่วยกันตักข้าวสิ”
ไข่มุกตักข้าวให้ภัททิมา
“เยอะไป ให้หมูกินเหรอยะ” ไข่มุกตักออก “ข้าวคนนะ ไม่ใช่ให้แมวดม อีกนิดสิ”
ไข่มุกเติมให้แล้ววนไปที่ชลลดา ชลลดาไม่พูดอะไรแต่มองไข่มุกอย่างสะใจ วางท่าเป็นคุณนายเต็มที่
ไข่มุกเดินไปตักให้คีรินทร์ คีรินทร์ทำปึ่งใส่
“ของชั้นไม่เอาข้าว กำลังไดเอท” กีกี้บอก คีรินทร์แกล้งทำหวานกับกีกี้
“กินสลัดสิกีกี้ น้ำสลัดแบบใส ไม่อ้วน”
กีกี้หอมแก้มคีรินทร์โชว์
“คุณรินทร์ น่ารักอ่ะ รู้ใจกีกี้ไปหมดเลย วันนี้เอาใจจัง มีอะไรพิเศษเปล่าคะ”
“มีสิ เดี๋ยวคืนนี้ผมพาไปดริ๊งค์ แล้วไปนอนที่คอนโดกันนะ”
“ได้เลยค่ะ พร้อมสำหรับคุณเสมอ”
ภัททิมาเบ้หน้าหมั่นไส้ ไข่มุกนึกน้อยใจแต่ทำนิ่งไว้ ไข่มุกเดินไปตักให้รัตนา รัตนายิ้มให้
“ขอบคุณค่ะ เอ แล้วทำไมไม่มานั่งกินข้าวด้วยกันเหมือนเคยล่ะคะ ของโปรดพี่มุกทั้งนั้นเลยนะ หนูนาจำได้”
ไข่มุกไม่ตอบ ยิ้มนิดๆ แล้วถอยออก
“ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทานข้าวเถอะ” คีรินทร์บอก
“ทำไมละคะ”
“ถามมากจริง ยัยหนูนา”
รัตนาเงียบไป คีรินทร์ไม่ตอบแต่สบตาไข่มุก เขมทัตลอบมองไข่มุกกับคีรินทร์ ชลลดาทำท่าตักข้าวกินอย่างอร่อยสมใจ
“อยากรู้ใช่มั้ย เดี๋ยวน้าบอกให้ ต่อไปนี้นังมุกจะเป็นคนใช้ของที่นี่ ส่วนว่าที่พี่สะใภ้ของหนูนา ก็คือพี่ลูกไก่ตัวจริง จบนะคะ”
ทุกคนหันมองชลลดาเป็นตาเดียว แต่ชลลดาไม่สน ทำท่ากินข้าวโชว์อย่างมีความสุข ภัททิมายักคิ้วเยาะใส่กีกี้
ช้อยกับไข่มุกนั่งอยู่ในครัว บนโต๊ะมีอาหารสองสามอย่าง ช้อยวางจานข้าวกระแทกตรงหน้าไข่มุก
“เอ้า รีบกินจะได้รีบเก็บล้าง จะมาพิรี้พิไรเป็นคุณนายแบบแต่ก่อนไม่ได้แล้วนะยะ ตกสวรรค์แล้ว ก็ต้องมากินข้าวแกงแบบคนธรรมดานี่ล่ะ” ไข่มุกเลื่อนจานข้าวเข้ามาตักกินเงียบๆ ไม่พูดอะไร กินไปก็ทำหน้าเศร้าไป ช้อยยิ่งหมั่นไส้ “คิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว ห้ามทำหน้าเศร้านะ กินไม่อร่อย จะเศร้าก็ไปเศร้าไกลๆ เกะกะลูกตา”
ไข่มุกกินไม่ตอบโต้ ช้อยเริ่มงง สงสัย มองอย่างไม่ไว้ใจนัก
ไข่มุกพับผ้าปูที่นอน ตบหมอนเงียบๆ ช้อยนอนกระดิกเท้าอยู่บนเตียงดูทีวีทำท่าอินจัด เห็นไข่มุกทำท่าจะนอนก็ชะงักมอง เรียกอย่างเจือสงสารนิดๆ
“ไม่ดูละครเหรอยะ กำลังมัน พระเอกโง๊โง่ โดนแม่เลี้ยงนางเอกหลอก ทะเลาะกับนางเอกจะตบจูบๆ กันอยู่แล้ว แหม เห็นแล้วอยากเอาทุเรียนฟาดหน้านังแม่สักที”
ช้อยเห็นไข่มุกนอนนิ่งหันหลังให้ก็ถอนใจ หรี่เสียงทีวีให้นิดๆ ปรายตามองแล้วส่ายหน้า ไข่มุกนอนนิ่งน้ำตาไหลเงียบๆ พยายามกลั้นสะอื้น
“ตามใจ ไม่ดูก็อย่าดู นอนเป็นหมาหงอยไปเถอะ”
ช้อยบ่นแต่ก็อดชะโงกหน้าดูไม่ได้
ส่วนที่ห้องคีรินทร์ คีรินทร์นอนแผ่อยู่บนเตียง มองเพดาน หมอน ผ้าห่ม ทำท่าคิดถึงไข่มุก แต่พอรู้สึกตัวก็เม้มปากแน่น ประตูค่อยๆ เปิดออก คีรินทร์มองอย่างนึกว่าเป็นไข่มุก แต่เป็นเขมทัตเดินเข้ามา
“อ้าว นึกว่านอนที่คอนโดซะอีก”
“แค่พาไปดริ๊งค์ต่อนิดหน่อยครับ กีกี้ลืมว่ามีถ่ายแบบพรุ่งนี้ พ่อมีอะไรหรือเปล่า”
“ชั้นน่ะไม่มี แต่เราล่ะรินทร์ ตกลงเรื่องไข่มุกจะเอายังไง”
“ผมยังไม่ได้คิด ยังคิดไม่ออก”
“ถ้าไม่ได้รักเขา แล้วเอาตัวกลับมาทำไม ให้เรื่องมันแล้วๆ ไปไม่ได้เหรอ”
เขมทัตมองสบตาอย่างค้นหา คีรินทร์หลบสายตา
“ไม่ ผู้หญิงคนนี้ต้องชดใช้ให้ผม”
สีหน้าคีรินทร์ทั้งรักทั้งแค้น เขมทัตมองอย่างนึกรู้และเป็นห่วงคีรินทร์
วันต่อมาคีรินทร์ยืนอยู่ในห้องทำงานกับไข่มุก ไข่มุกมองคีรินทร์แววตาเศร้า แต่พอคีรินทร์สบตาก็หลบตาหนี
“ชั้นให้เธอทำงานทุกอย่างที่อยากทำ จะทำอะไรก็ได้ จะได้ใช้หนี้ให้หมดๆ เสียที”
“ฟิตเนสไม่นับ แล้วขายส้มตำล่ะคะ”
“ห้ามไปก็เท่านั้น อยากทำก็ทำไป”
“รับจ็อบตัวประกอบก็ได้ใช่มั้ย”
“เชิญตามสบาย” ไข่มุกมองงงๆ
“แล้ว คุณไม่อายเหรอ ที่ชั้นจะไปทำงานพวกนั้น”
“ไม่แคร์ จะอายทำไม ถ้าเธอไม่ไปขายยาบ้า ไม่ได้โกงใคร ไม่ทำงานทุจริตเสี่ยงๆ ที่จะเดือดร้อนถึงชั้นก็ทำได้ทั้งนั้น ใช้หนี้หมดเมื่อไหร่ เธอก็เป็นอิสระ”
ไข่มุกมองคีรินทร์น้อยใจนิดๆ
“รับรองว่าจะไม่ทำให้เดือดร้อนแน่ๆ ชั้นจะรีบหาเงินมาให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องอยู่ให้คุณรำคาญสายตาอีก”
คีรินทร์อึ้ง แต่ทำเฉย
“ก็ดี จะได้จบๆ กันไปเสียที ไม่ต้องมารู้จักกันอีกแล้ว”
“ค่ะ ดีจริงๆ”
ไข่มุกเม้มปากแน่นอย่างเสียใจปนน้อยใจ คีรินทร์ทำท่าเย็นชาแต่แววตาแอบเจ็บปวดเอง
ทวยไทยอยู่ในห้องทำงานกับวัฒนา ทวยไทยมองออกไปด้านนอกเห็นเป็นตึกแถวเตี้ยๆ มีร้านค้าสองสามร้าน แผงลอยขายอยู่เต็ม
“ฮะฮะฮะ ใครจะไปนึกว่าเพลย์บอยอย่างไอ้คีรินทร์ จะมาตกหลุมแม่ค้าส้มตำ แต่ก็ดี เราจะได้จัดการมันง่ายขึ้น ใช้ประโยชน์จากความลังเลของมัน มาทำลายมันเอง”
วัฒนายิ้มนิดๆ เจ้าเล่ห์อย่างคนมีแผนการในหัว
ไข่มุกวางจานส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ลงบนโต๊ะ มีลูกค้าเป็นวัฒนาคนเดียว วัฒนาตักชิม
“อร่อยมากเลยครับคุณไข่มุก ผมไม่เคยกินเจ้าไหนแซ่บอย่างนี้เลย”
“ขายมาตั้งนานแล้วค่ะ สูตรลับจากแม่”
“นายรินทร์นี่ก็แปลกนะครับ ปล่อยให้คุณมาขายส้มตำได้ยังไง ถึงจะโกรธแค่ไหน แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้”
“ชั้นก็ ไม่ได้ลำบากอะไร ขายส้มตำก็สบายใจดี”
“แต่ผมว่านายรินทร์ใจร้ายเกินไป อยู่ด้วยกันตั้งนาน ไม่เห็นใจคุณเลย” ไข่มุกนิ่ง ยิ้มจางๆ วัฒนาลอบมองอย่างหงุดหงิดนิดๆ “คุณเป็นเมียเขานะครับ อย่างน้อยก็น่าจะเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองบ้าง ถ้าคุณกลัวก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมหาทนายให้”
“อย่าดีกว่าค่ะ ชั้นอยู่แบบนี้ก็พอใจแล้ว”
วัฒนาอึ้ง มองไข่มุกอย่างผิดหวังที่ยุไม่ขึ้น
ที่ห้องประชุม ทวยไทยยืนดูฝั่งตรงข้ามโรงแรมปิดม่านลงแล้วเดินมาที่โต๊ะ
“คุณทำอะไรไม่ได้เลยหรือไง คุณคีรินทร์ หาบเร่แผงลอยหน้าโรงแรมเยอะขนาดนี้ แขกที่ไหนจะอยากมาพัก มันทำให้ภาพลักษณ์โรงแรมเราตกต่ำมาก โรงแรมจิ้งหรีดยังวิวดีกว่านี้เลย”
“ผมจะทำอะไรได้ ขนาดเจ้าของที่ไล่เขายังไม่ไปเลย”
“ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ ผมได้ข่าวว่าภรรยาคุณเป็นขาใหญ่ที่นั่นด้วยนี่ อะไรนะ ส้มตำลอยฟ้าใช่มั้ย”
ทุกคนทำหน้าฮือฮา
“เอ ผมว่าอย่างนี้ไม่เหมาะนะ เป็นถึงภรรยาผู้บริหาร แต่ไปขายส้มตำที่ฟุตบาทอย่างนั้น”
“นั่นสิ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ผมถามจริงเหอะ คุณไม่อายเหรอคุณริน”
“เรื่องนั้น...”
“หรือไม่จริง พวกพนักงานยังไปซื้อกินกันประจำ”
วัฒนาแอบยิ้มเยาะ
“เขาทำมาหากินสุจริต ก็ไม่เห็นแปลกเลย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โกงใคร หรือคิดจะฮุบกิจการของใคร ไม่เห็นมีอะไรต้องอาย”
“นี่แสดงว่าคุณส่งเสริมให้ภรรยาไปตำส้มตำงั้นเหรอ”
“ผมว่าอย่าพูดเรื่องนี้มากไปดีกว่า แค่นี้ก็เหมือนรังแกผู้หญิงอยู่แล้ว ลูกผู้ชายดีๆ เขาไม่ทำกันหรอก จะเล่นกันก็ต้องเอาตรงๆ อย่าใช้ใครมาเป็นเครื่องมือ”
คีรินทร์มองกร้าวสบตาทวยไทย ทวยไทยนิ่งอึ้ง บอร์ดทุกคนเงียบกริบ วัฒนาลอบมองอย่างเครียดๆ
ไข่มุกกำลังปิ้งไก่หมุนสลับไปมา รถเข็นว่าง มีโต๊ะเหล็กตั้งสองสามโต๊ะว่างไม่มีคน วันดีนั่งนับเงินแล้วเอาเก็บใส่กระเป๋า
“เฝ้าร้านไปนะ ข้าไปเดินเล่นเม้าท์กับนังนวลก่อน”
วันดีเดินไป ไข่มุกปิ้งไก่ต่อ จินจูเดินเข้ามาใกล้รถเข็น
“ส้มตำไทยจานนึงจ้ะ”
ไข่มุกเงยหน้าขึ้นหน้ามันแผล่บ เห็นเป็นจินจูก็ยิ้มเขินๆ เอามือเช็ดหน้าตัวเอง จินจูนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างทางกับไข่มุก มีส้มตำ ไก่ย่างวางอยู่
“น่าอร่อยนะ” จินจูตักชิม “อื้ม ใช้ได้เลย หนูตำเก่งมาก”
“ขอบคุณค่ะ ดีจังที่คุณชอบ”
จินจูจับมือไข่มุกให้นั่งลงด้วยกัน
“หนูสบายดีหรือเปล่า เห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ อยากไปทำงานอย่างอื่นมั้ย ชั้นพอจะหาทางช่วยได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูชอบตำส้มตำ” ไข่มุกยิ้มเศร้าๆ จินจูมองอย่างกังวล
“ถ้ามีอะไรอยากให้ชั้นช่วยก็บอกได้นะ จะเรื่องเงินหรืออะไรก็ได้ อย่าเห็นว่าเป็นคนอื่นเลย”
ไข่มุกยกมือไหว้
“ขอบคุณมากนะคะ แต่เรื่องนี้เป็นหน้าที่ ที่หนูต้องจัดการเอง แค่นี้สบายมากค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวเมื่อไหร่ หนูจะบอกคุณแน่ๆ”
“พูดแล้วก็อย่าลืม ต้องนึกถึงกัน ชั้นพร้อมจะช่วยหนู เสมอ พึ่งเคยกินส้มตำของไทย ไม่แปลกใจเลยที่ขายดี อร่อยกว่าอาหารแพงๆ อีก”
“ไว้มาทานบ่อยๆ นะคะ หนูจะตำให้สุดฝีมือเลย”
ไข่มุกแสร้งยิ้มแย้มร่าเริง จินจูมองสังเกตสีหน้าเป็นห่วง นึกรู้ว่าฝืนทำร่าเริง
ไข่มุกล้างอุปกรณ์ ขัดหม้อไหอยู่ที่บ้านเช่าหลังใหม่ ส่วนวันดีนั่งนับเงินสบาย ไข่มุกกวาดถูบ้านพลางเช็ดเหงื่อตัวเองพลาง วันดีนั่งดูทีวีหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ไข่มุกนั่งลงบนพื้นข้างวันดีอย่างเหนื่อยอ่อนหอบแฮ่ก
“แหม ย้ายมาบ้านใหม่ก็ดีเว้ย ใกล้ตลาดดีซื้อของง่าย” วันดีหันมองไข่มุกที่นั่งหอบ “อะไร แค่นี้นั่งเป็นหมาหอบแดด เตรียมของไว้ขายพรุ่งนี้ยัง อย่าคิดหนีกลับก่อนเชียว”
“ทำแล้วจ้ะ เดี๋ยวหนูกลับบ้านก่อนนะ”
“จะรีบไปไหนวะ ผัวเอ็งหลงถึงขนาดไม่เห็นหน้า กินข้าวไม่ลงเลยหรือไง แหม ลูกชั้น เสน่ห์แรงเหมือนแม่มันไม่มีผิด”
วันดีหัวเราะลงลูกคอเอิ๊กอ๊ากอย่างถูกใจ ไข่มุกยิ้มรับแต่ดวงตาเศร้า
ผักบุ้งเทลงในกระทะ ไฟลุกฉ่า ช้อยกำลังผัดอยู่ มณียืนอยู่ใกล้ๆ ไข่มุกเดินเข้ามาในครัว
“เพิ่งนึกได้ว่าต้องกลับบ้านเหรอ เขารอกินข้าวกัน หิวจะตายอยู่แล้ว”
“ขอโทษค่ะ เดี๋ยวหนูจะรีบทำ”
“ไม่ต้องเดี๋ยว ทำเลย ไปหั่นหมูไป”
มณีพูดเสร็จก็เดินออกไป ไข่มุกหยิบหมูมาหั่นเงียบๆ ช้อยผัดสองสามทีก็หันมา
“เอาจานมาหน่อย” ไข่มุกละมือหยิบจานให้ ช้อยตักใส่ “เอ้า ผักบุ้งไฟแดง ไม่ใช่ผักบุ้งลอยฟ้าเหมือนส้มตำเธอ หมูน่ะหั่นเร็วเข้า ตั้งโต๊ะวันนี้นะไม่ใช่พรุ่งนี้ หั่นเสร็จก็เอาไปผัดกระเพราด้วย อย่าให้ต้องสั่งซ้ำ ชั้นไปจัดจานก่อน”
ช้อยเดินไป ไข่มุกกำลังผัดกระเพรา กีกี้เดินเข้ามากอดอกมองยิ้มเยาะ
“เสร็จรึยัง ทุกคนรอกินฝีมืออดีตลูกสะใภ้อยู่นะยะ ให้ไวหน่อย”
“ใกล้แล้ว รอแป๊บ”
กีกี้ทำท่ามองเหยียด
“ยังไงโคลนตมก็เป็นโคลนอยู่วันยังค่ำ จะล้างจะเช็ด ให้มาเป็นคุณนายในบ้าน ก็เหม็นปิดไม่มิด ทีหลังจำไว้ อย่าสะเออะมาเทียบชั้นกัน หัดเจียมกะลาหัวซะบ้าง”
ไข่มุกหันมามองสบตากีกี้ กีกี้มองอย่างเป็นต่อวางท่าเยาะเย้ย ช้อยเดินเข้ามาเห็นควันในกระทะก็โวยลั่น
“ว้าย นังมุก ไหม้หมดแล้ว”
ไข่มุกสะดุ้ง หันไปมองในกระทะ ผัดกระเพราไหม้ดำติดกระทะ
กคนนั่งอยู่ที่โต๊ะกำลังกินข้าวกัน ไข่มุกยืนอยู่ใกล้ๆ ภัททิมามองหน้าทำท่าเชิ่ดๆ
“เติมข้าวให้หน่อยสิ ช้อนเดียวนะ”
ไข่มุกทำท่าจะตัก กีกี้พูดแทรก
“มื้อละสองจาน ระวังอีกหน่อยจะกลิ้งแทนเดิน”
“อะไรของเธอยะ”
กีกี้ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ มองภัททิมา
“เปล่า อยากกินก็กินไปสิ ถ้าไม่กลัวเป็นหมูตุ่ม”
ภัททิมาชะงัก ไข่มุกทำท่าจะตักข้าวลงจาน ภัททิมาแหวใส่
“พอ ไม่เอาแล้วย่ะ อิ่มก็ได้”
ชลลดานั่งมองอดปากไม่ได้
“ถ้าอาการกำเริบ อยากกัดคนอื่น ก็กินยามั่งนะ กลัวติดเชื้อ ลูกชั้นไม่ใช่นางแบบ ไม่ต้องมานั่งอดอยากให้หน้าโทรมตัวเหลือง เหมือนคนขาดสารอาหารหรอกย่ะ”
กีกี้หันไปมองชลลดา
“เขาเรียกว่ารักษาหุ่นค่ะคุณน้า เคยได้ยินมั้ยคะ ยูอาร์ว้อทยูอีท ไม่ดูแลตัวเอง ระวังจะตายเร็วทั้งแม่ทั้งลูก”
ชลลดาอึ้งไปสนิท มณียิ้มสะใจนิดๆ มองสบตากีกี้พยักหน้าอย่างพอใจ
“แล้วเราล่ะไข่มุก ได้ข่าวว่าร้านส้มตำลอยฟ้ากิจการดี ไว้วันหลังทำให้ลุงชิมบ้างนะ” เขมทัตบอก มณีแทรกทันที
“อย่าคิด เหม็นปลาร้า ชั้นไม่เอาหรอก” ไข่มุกยิ้มเศร้าๆ
“ก็พอไปได้ค่ะ ลูกค้าเยอะเป็นช่วงๆ”
“ทำหลายงานเหนื่อยไปหรือเปล่า ถ้าไงเดี๋ยวลุงขึ้นเงินเดือนให้ จะได้ไม่เหนื่อยมาก”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูทำได้ ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ”
คีรินทร์รวบช้อน แค่นยิ้ม
“ช่างเขาเถอะพ่อ ถึกแบบนี้ แค่นี้ชิลชิล ไม่ต้องไปห่วงหรอก อึดได้อีกเยอะ”
คีรินทร์มองสบตาไข่มุก ไข่มุกนิ่งหลบสายตา เขมทัตมองทั้งสองคนอย่างหนักใจ
ไข่มุกยืนเช็ดจานอยู่ในครัว คีรินทร์เดินเข้ามาใกล้ ไข่มุกหันกลับมาสีหน้าตกใจ
“ชั้นไม่ใช่ผี ไม่ต้องตกใจเว่อร์ขนาดนี้หรอก”
“ก็คุณเข้ามาเงียบๆ มีอะไรจะให้ชั้นทำให้เหรอคะ”
“เปล่า แค่อยากมาคุย ชั้นว่าเธอเลิกขายส้มตำเหอะ เหนื่อยก็เหนื่อย วิ่งรอกทำงานหลายที่เดี๋ยวก็ป่วยตายคาบ้าน”
“เลิกแล้วแม่จะขายกับใคร ไม่ได้หรอกค่ะ”
“งั้นชั้นให้คนไปช่วย โอเคมั้ย”
ไข่มุกมองอย่างสงสัย
“ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่อยากรับน้ำใจให้เป็นบุญคุณเยอะ กลัวใช้คืนไม่หมด”
“แต่มาขายอย่างนี้ เกิดใครรู้จักเธอ คิดว่าเธอยังเป็นเมียชั้น เขาจะมองยังไง เอาเป็นว่าเธอเลิกขายซะ แล้วจะขึ้นเงินเดือนให้”
ไข่มุกมองหน้าคีรินทร์อย่างเจ็บปวด
“แต่คุณเคยบอกเองว่าแค่ชั้นทำงานสุจริต ไม่โกงใคร คุณก็โอเค ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหน”
“แต่ตอนนี้ชั้นเปลี่ยนใจแล้ว ว่าไง จะเอาเพิ่มเท่าไหร่ หมื่น สองหมื่น ให้เธอเพิ่มสามหมื่นเลยก็ได้ แต่ต้องเลิกขายตั้งแต่พรุ่งนี้”
ไข่มุกหอบจานมาวางบนโต๊ะ นั่งเช็ดไม่พูดไม่จา คีรินทร์เดินเข้ามาตรงหน้าดึงผ้าเช็ดจานออก
“ชั้นจะรีบไปนอนค่ะ ขอผ้าคืนด้วย”
“ไม่ เธอต้องคุยให้รู้เรื่องก่อน เลิกขายซะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”
ไข่มุกดึงผ้าคืน เอามาเช็ดต่อ
“ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ไม่เลิก ชั้นก็มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ให้เอาเงินฟาดหัวได้ง่ายๆ ถึงคุณจะว่าเป็นอาชีพต่ำต้อย ไม่มีเกียรติ แต่ก็เป็นอาชีพสุจริตที่น่าภูมิใจ ไม่ต้องพึ่งใครทั้งนั้น”
คีรินทร์ถอนหายใจ ยืนหันหลังให้
“ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่ จะทำให้สงสารหรือไง ชั้นเลิกโง่แล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่าที่เธอมาขายส้มตำหน้าโรงแรม ก็เพราะอยากให้ชั้นขายหน้าคนอื่น ให้ลูกน้องมันหัวเราะเยาะเอา ขอบอกเลยว่าชั้นจะไม่หลงกลเธออีกแน่นอน” ไข่มุกนิ่งไม่ตอบ “ไงล่ะ เถียงไม่ออกล่ะสิ เงียบไปเลย”
คีรินทร์หันกลับมามอง เห็นไข่มุกท้าวโต๊ะนอนหลับคากองผ้าเช็ดจาน คีรินทร์มองนิ่ง แววตาเปลี่ยนเป็นสงสารโดยไม่รู้ตัว
คีรินทร์อุ้มไข่มุกเข้ามาในห้องนอน ค่อยๆวางลงบนเตียง คีรินทร์มองไข่มุกด้วยความสงสาร ทำท่าจะเอื้อมมือไปแตะแต่ก็ชะงัก คีรินทร์เม้มปากแน่น หยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้
เช้าวันรุ่งขึ้น ไข่มุกลืมตาขึ้นช้าๆ มองเพดานนิ่งครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ หันไป เห็นคีรินทร์นอนกอดอยู่ ไข่มุกมองนิ่งแววตาบ่งบอกทั้งรักทั้งขอโทษ ไข่มุกเอื้อมมือช้าๆไปแตะหน้าคีรินทร์ ไล้ปลายนิ้วเบาๆ บนแก้ม คีรินทร์ลืมตาขึ้นมอง ไข่มุกชะงัก คีรินทร์จับมือไข่มุกออก ลุกนั่ง
“เธอลงไปได้แล้ว”
คีรินทร์ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ไข่มุกมองตามหลังแววตาเศร้า
ไข่มุกเปิดประตูออกมาจากห้องนอนคีรินทร์ มณีเปิดออกมาพอดีเห็นไข่มุกกำลังจะปิดประตู พอมณีเห็นไข่มุกก็ชะงัก ท้าวเอวใส่
“ขึ้นมาห้องตารินทร์ได้ยังไง”
ไข่มุกอึ้ง ประตูห้องชลลดากับภัททิมาเปิดออก สองแม่ลูกในชุดนอนทำท่างัวเงีย
“เสียงใครอู๊ดๆ แต่เช้า ว้าย นังมุก”
ภัททิมากรี๊ดลั่น
“แก นังมุก แกมาอยู่หน้าห้องคุณรินทร์ได้ไง หรือว่าแก แกนอนที่ห้องนี้เมื่อคืนใช่มั้ย” ไข่มุกไม่ตอบ เดินผ่านไป
“หนอย ทำไม่ตอบ เดี๋ยวก็ตบให้ต่อมหยิ่งหลุดหรอก”
กีกี้เดินขึ้นมาจากชั้นล่าง
“มอร์นิ่งคะคุณแม่ กีกี้มาแต่เช้า จะเอาของมาฝากคุณรินทร์” กีกี้หน้าเห็นไข่มุกก็ชะงัก “แกมาทำอะไรตรงนี้ยะ”
“อุ๊ย โง่หรือเซ่อจ๊ะ มันออกมาจากห้องนอนคุณรินทร์ มาทำกับข้าวบนนี้มั้ง”
กีกี้มองภัททิมาตาดุ ภัททิมามองกลับ ชลลดายิ้มร้าย ได้ทีใส่ไฟ
“เธอนี่ร้ายไม่เลิก คงอยากจะเป็นสะใภ้บ้านนี้อีกครั้งจนตัวสั่นถึงขั้นลงทุนปีนบันไดมานอนด้วย แหม แรงได้อีก”
“อยากนักต้องเจอสั่งสอน”
กีกี้กระโดดใส่ไข่มุก ตบจนหน้าหัน แล้วทำท่าจะตบต่อ ไข่มุกปัดมือออก ภัททิมารีบเข้าไปล็อคตัวจากด้านหลัง จิกหัวไว้ ไข่มุกดิ้นใหญ่
“คิดจะแย่งคุณรินทร์เหรอ ข้ามศพชั้นไปก่อนเถอะ”
“ว้าย อะไรกัน มาทะเลาะอะไรตรงนี้ พอ พอได้แล้ว”
“คุณรินทร์ของชั้น ใครอย่าแตะ”
กีกี้กระโจนเข้าใส่ไข่มุก ช่วยกันกับภัททิมรุมตบไข่มุก ทั้งหยิกทั้งทึ้งพัลวันไปหมด
อ่านต่อเวลา 17.00น.
มายาสีมุก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ไข่มุกนั่งเอายาหม่องแต้มรอยช้ำอยู่ในห้องช้อย ช้อยกินขนมชั้นไปพูดเยาะไป
“ไงล่ะ อยู่ดีไม่ว่าดี อยากกลับไปเป็นคุณนาย โดนเขาตบกลับมาอย่างงี้สะใจมั้ยยะแม่คนสวย เจ็บจี๊ดแสบเข้าไปถึงทรวง ฮ่าๆ”
ช้อยเคี้ยวขนม ทำท่าติดคอตะกายอากาศ ไข่มุกรีบลุกมาตบหลัง ช้อยตาเหลือกขาดอากาศ ไข่มุกตบแรงขึ้นอีก
“ออกยังป้าช้อย ป้าช้อย”
ช้อยส่ายหน้า ตาถลน หายใจไม่ออก ไข่มุกฮึดตบสุดแรง ขนมชั้นลอยในอากาศ ช้อยหน้าซีด ทำท่าหายใจโล่งขึ้น ไข่มุกช่วยลูบหลังให้ ช้อยไอโขลกน้ำหูน้ำตาไหล
“เป็นไงบ้าง”
“โอ๊ย เกือบตาย โอย”
ช้อยไอแค่กๆ ไข่มุกประคองลูบหลังให้เบาๆ
ช้อยนั่งอยู่บนแคร่ ไข่มุกลอกกอเอี๊ยะแปะให้ที่หลัง
“ทีแรกนึกว่าขนมจะติดคอตาย แต่ตอนนี้เห็นทีจะตายเพราะหลังหักมากกว่า”
“ขอโทษนะป้า ตบแรงไปหน่อย กลัวขนมไม่ออก” ช้อยหันมามอง
“ไม่เป็นไร ชั้นสิต้องขอบใจ ถ้าไม่ช่วยป่านนี้ได้หามเข้าวัดแล้ว มือหนักไปหน่อย แต่ยังดีกว่าต้องเด๊ดสะมอนเล่” ไข่มุกยิ้มให้ช้อย ช้อยมองไข่มุกแววตาอ่อนลง เป็นมิตรและมีความรู้สึกที่ดีขึ้น “ขอบใจนะ”
ไข่มุกยิ้มเขินๆ
“ไม่เป็นไรจ้ะป้าช้อย เรื่องเล็ก”
วันต่อมาที่ห้องทำงานคีรินทร์ คีรินทร์กับวัฒนากำลังคุยกันหน้าเครียด
“วันนี้กรุ๊ปทัวร์จากยุโรปขอยกเลิกอีกแล้ว ก็เพราะพวกหาบเร่แผงลอยหน้าโรงแรม ภาพพจน์โรงแรมเสียหมด รู้มั้ยว่าตอนนี้แขกยกเลิกไปกี่กรุ๊ปแล้ว”
“รู้แล้วน่า เดี๋ยวจัดการให้เอง”
“ขืนยืดเยื้อนานไป งบประกอบการสิ้นปี ไม่สวยแน่”
“นี่เป็นโรงแรมของชั้น ไม่ปล่อยให้ขาดทุนหรอก ขอบใจที่เตือน”
ภัททิมาเปิดประตูเข้ามา
“แย่แล้วค่ะบอส สงสัยฝั่งตรงข้ามจะไฟไหม้ ควันโขมงเต็มไปหมดเลย”
คีรินทร์มีสีหน้าร้อนใจ รีบลุกออกไป
ขณะนั้นวันดีกำลังปิ้งไก่ ยืนพัดเตาจนควันโขมงทั่ว คีรินทร์เดินฝ่าควันเข้ามา มองหน้าอย่างโกรธมาก
“ทำอย่างงี้ได้ไง ควันโขมงยังกับไฟไหม้ รู้มั้ยว่ามันเป็นมลพิษโพลูชั่น ที่โลกร้อนก็เพราะเจอคนไม่มีจิตสำนึกแบบป้านี่ล่ะ” วันดีเกาหัว งง
“ชั่นเชิ่นอะไร ไม่รู้จัก รู้แต่ชั้นปิ้งไก่ขาย แล้วหนักหัวใคร”
“ไม่หนัก แต่เป็นพิษ ดับเตา เลิกขายได้แล้ว”
“หนอย ทำมาเป็นสั่ง ใหญ่โตมาจากไหนกัน ไอ้ลูกเขยเฮงซวย เพราะแกนั่นแหละ ชั้นถึงต้องมาตากแดด ขายของริมถนนแบบนี้ ไม่ดับ มีปัญหาอะไรมั้ย”
ไข่มุกเดินเข้ามาที่วันดี เห็นคีรินทร์ก็ชะงักไป คีรินทร์หันมาเห็นก็เดินตรงเข้ามาหา
“มีอะไรคะ คุณมาที่นี่ทำไม”
“ก็แม่เธอปิ้งไก่จนควันขโมง แขกในโรงแรมตกใจกันหมด ชั้นบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้เลิกขาย ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง”
“คุณนั่นแหละไม่รู้เรื่อง ถ้าเลิกขาย แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้หนี้”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะขึ้นเงินเดือนให้”
“ก็บอกแล้วเหมือนกันว่าไม่เอา อย่าเอาเงินมาฟาดหัวชั้น” คีรินทร์เดินเข้าใกล้รถเข็น ไข่มุกเอาตัวขวาง จ้องหน้าคีรินทร์ “หวงนักหรือไง ไอ้รถเข็นเก่าๆ ซังกะบ๊วยเนี่ย”
“ซังกะบ๊วยแต่ก็เป็นเครื่องมือทำมาหากิน คนรวยอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก”
“เออ ชั้นไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นแหละ พอใจยัง บอกให้เลิกก็เลิกซะสิ จะทำตัวมีปัญหาอะไรนักหนา โธ่เว๊ย”
คีรินทร์โมโหเผลอปัดครกหล่นลง ครกหล่นลงแล้วแตกกระจาย คีรินทร์อึ้งมองสบตาไข่มุก ไข่มุกมองครกแล้วเงยหน้ามองคีรินทร์อย่างโกรธมาก คีรินทร์มองไข่มุกแล้วทำเก๊กแข็งใส่
“ไหนๆ ก็แตกแล้ว ก็เลิกขายมันเลย”
“เสียใจ รู้จักแม่ยายอย่างนังวันดีน้อยไปแล้ว” วันดีเปิดรถเข็นออกจึงเห็นครกวางซ้อนกันหลายครก วันดีหยิบออกมาโชว์คีรินทร์ ยิ้มเยาะใส่ “แตกได้แตกไป ยังมีอีกหลายอันเว้ย”
คีรินทร์มองอย่างอึ้งๆ ปนไม่อยากเชื่อ วันดีถือครกยักคิ้วใส่อย่างท้าทาย
จินจูกับไข่มุกเดินเล่นในมุมสวยๆ ของโรงแรม จินจูมองไข่มุกที่ทำหน้าเหนื่อยแล้วถอนใจ
“ชั้นรู้จักบริษัทเกาหลีในไทยหลายแห่ง พอฝากหนูให้ทำงานได้นะ จะได้ม่ต้องเหนื่อยมากขนาดนี้”
“คุณรินให้คุณมาพูดใช่มั้ยคะ”
“เปล่า ชั้นเป็นห่วงหนู”
ไข่มุกยิ้มเศร้า
“คนจน ไม่มีทางเลือกมากหรอกคะ อะไรที่หาเงินได้ก็ต้องทำ”
“ใช่ แต่คนมีความสามารถอย่างหนู ยังทำอย่างอื่นได้เยอะแยะ ไข่มุก เลิกทำร้ายตัวเองเพื่อประชดคนอื่นสักทีเถอะ”
ไข่มุกมองจินจูแววตาเจ็บปวด ทั้งน้อยใจและคิดว่าตัวเองไม่มีค่า จินจูสบตานิ่ง จะเอื้อมมือไปจับ แต่ไข่มุกหดหนี
“คนที่มาจากข้างถนน จะทำอะไรได้คะ นอกจากเป็นแม่ค้าอยู่ตามถนน ทำดีแค่ไหนก็ยังโดนดูถูกเหยียดหยาม ขอบคุณที่อยากช่วย แต่หนูขอไปตามทางของหนู ไม่รบกวนคุณหรอกคะ”
ไข่มุกเดินผละออกมาสวนกับคธา คธาอ้าปากจะทักแต่ไข่มุกรีบเดินหนีไป คธามองอย่างกังวลแล้วเดินเข้ามาหาจินจู จินจูสบตาคธา
“ไม่รู้ทำไม ชั้นถึงรู้สึกเจ็บ และเสียใจแทนแด็กคนนี้เหลือเกิน ทั้งที่เราไม่ได้เกี่ยวข้องกันสักนิด”
“คงเพราะเขาอายุพอๆ กับลูกเรา อย่าคิดมากนะจินจู”
จินจูยิ้มให้คธาอย่างยังกังวล
“จะพอมีทางไหนช่วยเขาได้บ้างมั้ยคะ ชั้นอยากเห็นไข่มุกกลับมาสดใสเหมือนเดิม ไม่ใช่มีแต่ความทุกข์แบบนี้”
ไข่มุกเดินมาถึงหน้าฟิตเนส กีกี้ น้องแพรว แองจี้ ยืนอยู่มองไข่มุกอย่างหยามปนรังเกียจ
“ไงจ๊ะแม่ค้า วันนี้ไปตำส้มตำลอยฟ้า โชว์เก็บตังค์เหรอ”
“รับหลายจ็อบวิ่งรอกซะหมดท่าเมียคุณรินทร์เลยนะ สมน้ำหน้า เป็นเมียได้แป๊บเดียวก็โดนทิ้ง เตะโด่งไปเป็นคนใช้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
ไข่มุกมองหน้าสามสาวนิ่ง
“หลบด้วยค่ะ ชั้นจะเข้าไปห้องสตัฟฟ์”
“ทนฟังความจริงไม่ได้หรือไง”
ไข่มุกเดินหลบแต่กลับไปกระแทกกีกี้
“แก แกล้งชั้นเหรอ”
กีกี้เงื้อมือตบแต่ไข่มุกหลบไปอีกทาง สองสาวพุ่งเข้าหาไข่มุกย่อเข่าลงแองจี้กับน้องแพรวชนกันเอง กีกี้กระชากไข่มุกแล้วเอาแขนล็อคไว้
“พวกคุณจะทำอะไร”
“ก็สั่งสอนนังลูกแม่ค้าอย่างแกไง”
แองจี้ตวัดมือตบ แต่วัฒนาจับมือแองจี้ไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ปล่อยคุณมุกได้แล้ว” แองจี้ไม่สนใจ น้องแพรวทำท่าจะตบแทน “ผมบอกให้ปล่อยไง”
วัฒนาตะคอกแล้วกระชากแขนแองจี้ออกแล้วดึงไข่มุกมาไว้ข้างหลัง แองจี้ร้องว้ายมองไข่มุกอย่างคาดโทษ
“มาขวางทำไม ผู้หญิงเขาจะคุยกัน น็อทยัวร์บิสิเนสนะ”
“แต่ที่เห็น พวกคุณกำลังรุมทำร้ายเขาอยู่ พอเถอะครับ” กีกี้ยิ้มหยัน
“ดูเป็นห่วงกันมากจริงนะ ขออนุญาติคีรินทร์รึยัง”
คีรินทร์เดินผ่ากลางวงเข้ามา
“ฝันไปเหอะไอ้วัฒ”
“นายเข้าใจผิด ชั้นแค่ไม่อยากให้คุณมุกถูกรุมทำร้าย นายเองก็เหมือนกัน เป็นสามีแท้ๆ ทำไมไม่ปกป้องบ้าง อย่าทำร้ายจิตใจคุณมุกนักเลย”
คีรินทร์จ้องหน้าวัฒนาเขม็ง
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของชั้น จะยกขึ้นหิ้งหรือจะเตะลงดินมันก็อยู่ที่ชั้น หน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”
ไข่มุกอึ้ง มองคีรินทร์อย่างตัดพ้อ
“นายเป็นบ้าไปแล้ว” วัฒนาหันไปหาไข่มุกแตะข้อศอก “ไปเถอะครับ อย่าสนใจพวกนี้เลย”
สามสาวทำหน้าเย้ยไข่มุกเต็มที่ วัฒนาจะพาเดินไป คีรินทร์กระชากข้อมือไข่มุกกลับมา จ้องตาไข่มุกอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
“จะพาไปไหน ตราบใดที่ชั้นยังไม่เบื่อ จะกิ๊กใหม่หรือใครก็แตะไม่ได้ทั้งนั้น รอไปก่อนนะ ถ้าเบื่ออาจจะโอนต่อให้” วัฒนาหน้าเสีย
“คุณ”
ไข่มุกมองอึ้ง ทั้งผิดหวังและเสียใจ ไข่มุกสะบัดมือคีรินทร์ออกแล้ววิ่งร้องไห้ออกไป คีรินทร์มองตาม
“ทำเกินไปแล้วนะรินทร์”
“อ๋อเหรอ ชั้นว่านี่ยังแค่เริ่มต้น ต่อไปจะมีมากกว่านี้ ถ้านายยังไม่เลิกยุ่งกับเมียชั้น”
วัฒนากับคีรินทร์ประสานสายตากัน คีรินทร์มองอย่างดูถูกและถือไพ่เหนือกว่า
ไข่มุกก้มหน้าร้องไห้อยู่ในห้องน้ำสะอึกสะอื้น ไข่มุกเงยหน้ามองตัวเองในกระจก สูดจมูก ปาดน้ำตาออก
“เข้มแข็งสิ ไข่มุก”
ไข่มุกก้มลงล้างหน้าแล้วเงยหน้าขึ้น ไข่มุกยิ้มให้ตัวเองในกระจก แววตาเด็ดเดี่ยวอย่างไม่ยอมแพ้ ไข่มุกเดินออกมาจากห้องน้ำเจอสามสาวยืนดักรอ
“โถๆๆ ถึงกับต้องมาแอบร้องไห้ในห้องส้วมเลยหรอเนี่ย”
“ไม่เจียมตัวต้องโดนแบบนี้แหละ สะใจน้องแพรวที่สุด”
ไข่มุกมองสบตาอย่างไม่ยอมแพ้
“ถ้าจะตามมาเยาะเย้ยก็ไม่ต้องพูด หลบไป”
“ต๊าย ปากดี ตายังแดงอยู่เลย หึ แกจะทำอะไรชั้น นังไข่มุก”
สามสาวล้อมตัวไข่มุก ไข่มุกยิ้มมุมปาก สาวสามงง
“ยิ้มอะไรยะ คนด่ายังจะยิ้ม ปัญญาอ่อนหรือเปล่า”
“ชั้นขำพวกหมาหมู่ อยู่คนเดียวทำอะไรไม่ได้ ต้องอยู่เป็นกลุ่มเป็นฝูง ถอยออกไป ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน”
กีกี้ปราดเข้าหา
“แกว่าชั้นเหรอ ว้าย” ไข่มุกจับแขนกีกี้ที่เงื้อมือจะตบแล้วบิดเบาๆ จ้องตาเขม็ง กีกี้ร้องโอดโอย “โอ้ย ช่วยด้วย นังมุก ช่วยด้วย มันจะหักแขนชั้นแล้ว”
น้องแพรวกับแองจี้มองหน้าซีด ไข่มุกปล่อยแขนกีกี้แล้วผลักตัวกีกี้เข้าหาอีกสองสาว ไข่มุกเดินออกไปอย่างมั่นใจและเข้มแข็ง
คีรินทร์นั่งอยู่ในห้องทำงาน ภัททิมายืนรอยู่ใกล้ๆ ทำเป็นเปิดเสื้อนิดๆ
“เดี๋ยวเอาแฟ้มนี้ไปให้หัวหน้าฝ่ายจัดเลี้ยงเซ็นนะ”
“จัดให้ค่ะบอส”
คีรินทร์ยื่นแฟ้มส่งให้ ภัททิมารับมา คีรินทร์ก้มหน้าเซ็นต่อ ภัททิมาทำเปิดดูแล้วกระเถิบตัวนั่งเกยโต๊ะหมิ่นๆ
“บอสขา คือว่าตรงนี้เซ็นด้วยมั้ยคะ”
คีรินทร์เงยหน้ามอง ภัททิมาเอนตัวเกือบชิด ทำสีหน้ายั่วใส่ คีรินทร์มองทั้งขาทั้งหน้าอกแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก
ภัททิมาแกล้งสะบัดผมไปข้างหลัง ยิ้มหวานให้ ไข่มุกเปิดประตูผาง คีรินทร์สะดุ้ง มองว่าเป็นไข่มุกก็ยิ้มนิดๆ
“ไงแม่ค้า ไม่ไปขายส้มตำล่ะ ป่านนี้ลูกค้ารอแย่แล้ว”
ไข่มุกเดินฉับๆ เข้ามา ผลักภัททิมาบนโต๊ะกลิ้งลงพื้นหน้าคว่ำ ภัททิมาจะกรี๊ดแต่เจอไข่มุกมองหน้าก็หุบปากแทบไม่ทัน คีรินทร์อึ้ง ลุกขึ้นยืน ไข่มุกหันขวับกลับมามองแล้วตบหน้าคีรินทร์ฉาดใหญ่
“เฮ้ย ตบชั้นทำไม” ไข่มุกเชิดหน้า
“ถึงชั้นจะจน จะมาจากข้างถนน แต่ก็มีศักดิ์ศรี ชั้นจะไม่ยอมให้คุณเหยียดหยามอีกต่อไปแล้ว” คีรินทร์อึ้งหนัก ทำท่าจะพูด แต่ไข่มุกชี้หน้าให้หยุด “หยุด ยังพูดไม่จบ แล้วต่อไปถ้ายังว่าชั้นต่อหน้าคนอื่นอีก ชั้นก็จะตบคุณต่อหน้าคนพวกนั้น”
“พูดจบยัง”
“จบแล้ว” ไข่มุกทำท่าจะเดินออกไป คีรินทร์คว้าแขนเอาไว้แล้วดึงมาจูบ “คุณ ปล่อยชั้นนะ”
ไข่มุกผลักออกทำท่าเงื้อมือตบอีก คีรินทร์ชี้หน้าส่ายนิ้วไปมาทำหน้ายิ้มยั่วใส่
“เอาสิ แลกกัน ตบอีกจูบอีก จะฟัดให้ปากบานเลยคราวนี้”
ไข่มุกอึ้งทั้งโกรธทั้งเขิน เอามือลงแล้วเดินออกไป ภัททิมาทำท่าลุก เกาะโต๊ะดูแบบเซๆ ทำหน้าเคลิ้มๆ บ่นกับตัวเอง
“ยากโดนแบบนี้จัง ตบจูบ ช้อบชอบ”
คืนนั้นขณะที่ไข่มุกกำลังเก็บของอยู่ที่แผงลอย จินจูเดินมาหา ไข่มุกเงยหน้าขึ้นมามอง จินจูยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“เก็บร้านเสร็จแล้วไปกินข้าวกันนะ”
“เอ่อ หนูต้องรอแม่กลับด้วยกันน่ะค่ะ คงไปไม่ได้”
“งั้นเอารถเข็นไปเก็บแล้วชวนแม่หนูไปกินด้วยกันสิ ชั้นเลี้ยงเอง”
ไข่มุกทำท่าอิดออด จินจูตบบ่าพยักหน้าคะยั้นคะยอ ห่างออกไปเป็นวันดีกำลังเดินหิ้วถุงโอเลี้ยงมา วันดีเห็นจินจูแล้วชะงักหน้าเสีย รีบเดินหันกลังออกไปทันที
“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปดูแม่ก่อน อยู่ไหนไม่รู้”
จินจูมองไข่มุกยิ้มๆ อย่างนึกเอ็นดู
วันดีเดินมองซ้ายขวา ปาถุงโอเลี้ยงใส่ถังขยะแล้วถอนใจเฮือก ไข่มุกเดินมาเห็นแว้บๆ รีบเรียก
“แม่”
“ว้าย ตาเถรตกใต้ถุน นังมุก ข้าตกใจหมด” ไข่มุกมองงงๆ
“ไปกินข้าวกับคุณจินจูกัน เขาอยากเจอแม่ จะเลี้ยงข้าวด้วย” วันดีหน้าซีด ปาดเหงื่อ
“ไม่ไป เรื่องไรต้องไปปั้นหน้ากินหรูเป็นผู้ดี นังคุณจินจูอะไรของเอ็งก็ด้วย มาตีสนิทอย่างงี้ต้องการอะไรหรือเปล่า มาเที่ยวหามาเลี้ยงข้าวกันอยู่ได้”
“หนูไม่เห็นมีอะไรที่เขาอยากได้เลย เราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ รู้จักกันตั้งแต่เกาหลี เขาคงถูกชะตามั้ง”
“ชะตาจะขาดล่ะไม่ว่า อยู่ห่างๆ ไว้เลยนะ ไอ้พวกคนรวย ไว้ใจไม่ได้ ยิ่งดังยิ่งรู้หน้าไม่รู้ใจ ระวังโดนจับไปขายเนื้อสดนะโว้ย”
“โธ่แม่ เขาเป็นซุปตาร์ในดวงใจหนูนะ ไม่ทำอย่างนั้นหรอก” วันดีฟึดฟัดขัดใจ
“จะยังไงก็ช่าง แม่สั่งให้เอ็งห้ามยุ่งเด็ดขาด เอาเวลาไปง้อผัวเศรษฐีดีกว่า จะได้สบายทั้งคู่” วันดียื่นมือหาไข่มุก “เอากระป๋องตังค์มาแล้วจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวเก็บร้านเอง”
“สรุปว่าให้ไปใช่มั้ยแม่ พูดตั้งนานนึกว่าไม่ให้ไปแล้ว”
“เออ แต่ให้วันนี้วันสุดท้าย ต่อไปห้ามยุ่งอีกเด็ดขาด ไม่งั้นไม่ต้องมาเรียกข้าว่าแม่”
วันดีเดินออกไป ไข่มุกมองตามอย่างงงๆ หน้าเสียที่โดนสั่งห้าม
“ไหง จัดหนักขนาดนี้”
จินจู ไข่มุก คธา นั่งกินข้าวต้มอยู่ที่ร้านข้างทาง จินจูกินอย่างเอร็ดอร่อย ไข่มุกมองแล้วยิ้มนิดๆ
“ท่าทางคุณจะชอบข้าวต้มกุ๊ย”
“ชั้นชอบร้านข้างทาง นึกถึงตอนเด็กๆ ที่บ้านไม่ค่อยมีเงิน ได้กินร้านแบบนี้ก็หรูแล้ว” ไข่มุกทำหน้าไม่เชื่อ จินจูยิ้มให้“เรื่องจริง เชื่อสิ จำไว้นะไข่มุก คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกจะเป็นคนดีได้ หนูเองก็เป็นคนดี แถมยังสวยและเก่ง รับรองว่าไปได้อีกไกล เชื่อสายตาชั้นเถอะ เก่งไม่แพ้แมวมองหรอกน่า”
“คงยาก ไม่สิ คงไม่มีทางเป็นไปได้คะ”
“เชื่อชั้นเถอะ หนูต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้แน่นอน”
จินจูกอดไข่มุกปลอบใจ วัฒนาเดินเข้ามายิ้มแล้วทักทาย ไข่มุกยิ้มตอบ
“อ้าว สวัสดีครับ ไม่นึกว่าจะเจอกันแถวนี้ ใจตรงกันเลย”
“พอดีคุณจินจูนึกอยากทาน มาคนเดียวเหรอครับ”
“ครับ คนโสดก็อย่างนี้ทั้งปี”
“งั้นเชิญนั่งด้วยกันเลยคะ” วัฒนายิ้มรับ
“แหม รอให้ชวนตั้งนานแล้ว มื้อนี้ผมขอเป็นเจ้ามือนะ” วัฒนาหันไปทางไข่มุก แบมือรอ “จัดตะเกียบมาเลยครับคุณมุก ผมหิวท้องกิ่วแล้ว”
คธา จินจู ไข่มุก ยิ้มขำกับท่าทางของวัฒนา วัฒนาหัวเราะแต่แววตาแอบร้ายกาจ
คีรินทร์เดินมาที่ร้านแผงลอย เจอวันดีกำลังเก็บของขึ้นรถเข็น วันดีเห็นก็เท้าเอวมองตาขวาง
“มาทำไรอีกยะ เห็นหน้าแล้วรมย์เสีย”
“ไข่มุกไปไหน”
“ไปกินข้าวกับยายซุปตาร์เกาหลีนู่น ถามทำไม จะมาง้อก็ฝากชั้นง้อได้ คิดไม่แพง”
“แล้วรู้มั้ยว่าไปที่ไหน”
“ไม่รู้ เอ๊ย อาจจะรู้ แต่...” วันดีแบมือ “เอามาสักห้าพันก่อน จะได้คิดออก”
คีรินทร์ถอนหายใจ
“ไม่ให้ จะเอาไปทำไม ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน”
“ก็เป็นแม่ยายไง หนอย เมียคุณน่ะลูกชั้นนะวุ้ย ไอ้ลูกเขยขี้งก ไม่ให้ก็ไป เลยไป๊ เกะกะคนเก็บของ” วันดีทำท่าจะเข็นรถไป
“นิสัยเหมือนคุณชลลดาไม่มีผิด เป็นพี่น้องกันเปล่าเนี่ย นิสัยผิดกับลูกสาวลิบลับ ถามจริงเหอะเก็บไข่มุกมาเลี้ยงรึเปล่า”
“เออ ถ้าไม่เอามา ตอนนั้นได้นอนให้มดแทะไปแล้ว” วันดีตอบอย่างหงุดหงิด คีรินทร์ถึงกับชะงัก
“ว่าไงนะป้า” วันดีทำท่านึกได้ รีบเอามือปิดปาก แล้วจะเข็นรถหนี คีรินทร์ตามไปดักทางข้างหน้า “เอามาเลี้ยงใช่มั้ย”
“เปล่า ถอยไป ถอยไปสิ ไม่งั้นชนนะ”
คีริทร์ไม่ถอย ยืนเฉย
“ไปเอามาจากไหน ขโมยลูกใครมา พ่อแม่จริงๆ ของเขาเป็นใคร”
“จะใคร ก็ชั้นนี่ไง” วันดีทำโมโหกลบเกลื่อน “นังมุกน่ะลูกชั้นเอง อย่าถามมาก รำคาญ เงินไม่ให้ยังจะถามเยอะ เซ็งโว้ย”
วันดีเข็นรถหนีไป คีรินทร์มองตามอย่างนึกสงสัยว่าวันดีดูมีพิรุธ
จินจูเดินมากับไข่มุก แล้วหันมายิ้มอย่างเอ็นดู
“ขอบใจนะที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นหนูกลับก่อนนะคะ”
โทรศัพท์ดังขึ้น จินจูกดรับ
“ค่ะ คุณนักสืบ ทำไมล่ะ ถึงยังหาข้อมูลไม่ได้ ก็พยายามต่อไปได้นี่ จะขอปิดงานง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะ คุณต้องหาเขาให้พบก่อนสิ นี่...”
จินจูจะพูดต่อ แต่ทางโน้นวางสายไปแล้ว จินจูอึ้ง กดวางสายโทรศัพท์ น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา ไข่มุกมองอึ้งๆ จับมือจินจูอย่างให้กำลังใจ จินจูบอกอย่างหมดหวัง
“ชั้นจะไม่ได้เจออีกแล้วใช่มั้ยไข่มุก ไม่มีวันได้เจอแล้ว”
“ใครคะ คุณกำลังตามหาใครกันแน่คะ”
“ยองแอ” ไข่มุกนิ่งคิด งง
“มีดาราชื่อนี้ด้วย ไหงเราตกข่าวไม่รู้ เขาเป็นใครคะจินจู”
อ่านต่อพรุ่งนี้เวลา 09.30น.
จินจูนิ่ง แล้วบอกหน้าเศร้า
“ลูกสาวชั้นเอง”
จินจูร้องไห้สะอึกสะอื้น ไข่มุกอึ้ง
“คุณ...มีลูกสาว”
ไข่มุกมองอย่างตกใจ นึกไม่ถึง
“ใช่ ลูกของชั้น ลูกที่ไม่ใครรู้”
จินจูร้องไห้อย่างขมขื่น นึกถึงความหลังแล้วตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ไข่มุกฟัง
“เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ชั้นเพิ่งเข้าวงการ หนังเรื่องแรกที่พี่แทยอนกำกับ ทำให้ชื่อเสียงเราทั้งคู่ดังในชั่วข้ามคืน”
จินจูกับแทยอนเดินเคียงคู่กันบนพรมแดง นักข่าวถ่ายรูป แสงไฟวูบวาบ จินจูกับแทยอนสีหน้ามีความสุขมาก
“ชั้นได้มาเล่นหนังร่วมทุนระหว่างไทยเกาหลี แล้วก็ได้พบผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นรักแรก และเป็นพ่อของยองแอ
แต่เพราะใครคนหนึ่ง ทำให้...เราถูกแยกจากกัน ชีวิตตอนนั้นเหลือแต่ลูกในท้อง ที่เป็นความหวัง ทำให้ชั้นยังหายใจอยู่ได้ จนวันที่คลอด เขาบอกว่ายองแอตาย ชั้นถูกพากลับเกาหลีทันที”
จินจูเล่าไป น้ำตาหยดไป
“ชั้นพึ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เองว่าที่แท้ยองแอยังไม่ตาย ถึงได้กลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง ให้นักสืบไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ออกตามหา แต่ก็ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ยองแออยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง”
“นักดนตรีคนนั้น คือคุณคธาใช่มั้ยคะ”
จินจูสบตา แล้วพยักหน้า ไข่มุกนิ่งอึ้ง ได้แต่กอดปลอบเงียบๆ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไข่มุกเดินไปเปิด เป็นคธาเดินเข้ามาหาจินจู
“ได้โทรศัพท์จากนักสืบแล้วใช่มั้ย”
จินจุพยักหน้า น้ำตาไหลออกมาอีก คธาเดินเข้าไปหาแล้วกอด จินจูซบคธาสะอื้น
“เราจะไม่มีวันได้เจอลูกแล้วใช่มั้ย คธาคะ ชั้นอยากเจอลูก อยากกอดลูก”
“อย่าพึ่งใจเสีย ถึงเขาจะไม่สืบต่อ แต่ผมจะช่วยคุณตามหายองแอเอง ไม่ต้องห่วงนะจินจู ลูกของเราต้องปลอดภัย เขากำลังรอเราอยู่”
ไข่มุกยิ้มน้ำตาคลอ
“ใช่ค่ะ หนูก็เชื่อ ว่าคุณสองคนต้องได้พบยองแอแน่นอน”
จินจูสบตาไข่มุก แล้วดึงเข้าไปกอดรวบกับคธา ไข่มุกกอดจินจูอย่างสงสารและเห็นใจ
วันต่อมาที่ตลาดแผงลอย เทศกิจเข้ามาจับกุมพ่อค้าแม่ค้าหนีกันอุตลุด แตกกระเจิงไปคนละทาง วันดีกำลังตำส้มตำอย่างเมามันเงื้อสากสูง เทศกิจจับสากที่เงื้อไว้ วันดีหันไปด่า
“ใครกวนวะ เฮ้ย เทศกิจ”
“เออ เทศกิจ มาๆ ตามมาเลย”
“พอดีชั้นมีธุระด่วน ต้องรีบกลับบ้าก่อนนะจ้ะพี่”
วันดีโยนสากใส่ครก จับรถเข็นจะออกวิ่งแต่ไม่ไป หันไปดูเห็นเป็นเทศกิจอีกคนมาดักดันหน้ารถเข็นข้างหน้าไว้
ไข่มุกเดินมาเห็นรีบเข้าไปช่วยดึงรถเข็นออก
“ปล่อยรถนะ”
“ดึงแรงๆ เลยไอ้มุก อย่าให้โดนจับได้ ปล่อยดิ จะกลับบ้านแล้ว”
“ทำผิดกฎหมายแล้วยังซ่า ขัดขืนการทำงานเจ้าหน้าที่อีกนะป้า ปล่อย ผมทำตามหน้าที่”
ไข่มุกชะงัก เทศกิจได้ทีคว้ารถ
“ปล่อยทำไมเล่าไอ้มุก เอ๊ย แบบนี้รังแกคนจนชัดๆ ยายคุณนายละเมียดก็ใจร้าย แค่ขายของก็ไม่ได้ รวยแล้วงก เห็นแก่ตัว”
“โอ๊ย คุณนายเขาชิลแล้วป้า ไม่มายุ่งหรอก คนสั่งน่ะนู่น เจ้าของโรงแรมนู่นแหละ”
ไข่มุกมองไปเห็นคีรินทร์ยืนอยู่
“จับให้หมด อย่าให้เกะกะทางเท้า อะไรที่รกๆ ก็จัดการด้วย”
ไข่มุกมองอย่างนึกไม่ถึง
“หนอย นึกว่าใคร ที่แท้ไอ้ลูกเขยตัวแสบนี่เอง เอาสากแพ่นหัวสักทีเถอะ”
“เดี๋ยวโดนทำร้ายร่างกายอีกกระทงหรอกป้า ไปๆ อย่าซ่าให้มาก”
เทศกิจพาวันดีเดินผ่านหน้าคีรินทร์ ไข่มุกเดินรั้งท้าย ไข่มุกมองสบตาคีรินทร์อย่างตัดพ้อน้อยใจ คีรินทร์สบตากลับแล้วทำเมินอย่างไม่แยแส ไข่มุกก้มหน้าเม้มปากแน่นเดินผ่านไปอย่างเสียใจและขมขื่น
ไข่มุกกับวันดียืนอยู่หน้าโต๊ะรับค่าปรับ วันดีถอนหายใจเซ็งๆ
“เซ็งเว้ย ขายของทั้งวันไม่ทันได้กำไร ต้องเอามาเสียค่าปรับซะหมดตัว คนรวยสมัยนี้ใจร้าย ไม่นึกถึงใจคนจนเลยโว้ย”
“จะจนจะรวยก็ต้องอยู่ในกฎหมาย ทำผิดก็ต้องจ่ายค่าปรับ”
“ก็รู้ แต่ขอบ่นหน่อยไม่ได้หรือไง มันคันปาก”
ไข่มุกหยิบเหรียญออกมานับ แล้วกำเหรียญจะส่งให้เทศกิจ ลูกน้องทวยไทยเดินเข้ามาวางเงินบนโต๊ะให้แทน
“เอ้า เอาไป จ่ายแทนพ่อค้าแม่ค้าทุกคน”
ไข่มุกเงยหน้ามองลูกน้องทวยไทยอย่างสงสัยแกมแปลกใจ
ไข่มุกกับวันดีเดินออกมา ไข่มุกเห็นหลังลูกน้องทวยไทยก็วิ่งตามไปหา
“คุณเป็นใคร มาจ่ายค่าปรับแทนพวกเราทำไม”
“เอ้า น้องคนสวย มีคนมาเสียเงินให้ไม่ดีเหรอ”
“ก็ดี แต่ชั้นสงสัย อยู่ดีๆ จะมาช่วยพวกเรา”
“อยากช่วยเหลือสังคม สงสารคนจนโดนรังแก”
“อย่ามาโกหกดีกว่า โลกนี้ไม่มีของฟรีหรอก ถ้าไม่หวัง จะช่วยทำไมถ้าไม่หวังผล บอกมาดีกว่า ว่าต้องการอะไร”
ลูกน้องทวยไทยชักสีหน้าใส่
“สงสัยมากจริงนะน้อง ไปๆๆ ไปขายต่อกันได้แล้ว เคลียร์จบ แยกย้าย”
ลูกน้องทวยไทยรีบเดินไป ไข่มุกเดินกลับมาที่วันดีบ่นเบาๆ
“ต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ ไม่ใช่ญาติไม่ใช่เพื่อน จะมาช่วยทำไม”
“จะสงสัยอะไรนักหนาวะ จะยังไงก็ช่าง มันมาช่วย มาจ่ายค่าปรับให้ก็ดีแล้ว จะไปสนใจทำไม คิดมากปวดหัว กลับไปขายส้มตำต่อ”
ไข่มุกทำหน้าสงสัยแต่ยอมเดินไป ทั้งสองเข็นรถเข็นจากไปโดยไม่รู้ว่าวัฒนายืนแอบมองจากที่ไกลๆ ยิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ
มายาสีมุก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ไข่มุกกลับมาขายส้มตำต่อโดยไม่รู้ว่ามีนักข่าวแอบถ่ายรูปไข่มุกเป็นระยะจนกระทั่งหมดลูกค้าไข่มุกกำลังเก็บจานเปล่า วันดีเหน็บเงินใส่กระเป๋าแล้วทำท่าเดินไป นักข่าวสองสามคนเดินเข้ามาหา ยื่นไมค์ยื่นกล้องตรงหน้าไข่มุก
“ขอสัมภาษณ์หน่อยครับ คุณเป็นภรรยานายคีรินทร์ เจ้าของโรงแรมฝั่งตรงข้ามใช่มั้ย”
ไข่มุกทำหน้างง ทำท่าจะพูด
“มีสามีเป็นเจ้าของโรงแรม ฐานะระดับเศรษฐีใหญ่ แล้วทำไมยังมาขายส้มตำ”
“ไม่ใช่ค่ะ เข้าใจผิดแล้ว ชั้นไม่ใช่” ไข่มุกจะปฏิเสธแต่นักข่าวไม่สนใจ
“ไม่ใช่อะไรครับ แหล่งข่าวยืนยันว่าคุณเป็นภรรยาโดยถูกต้องของนายคีรินทร์”
ไข่มุกอึกอัก ตัดบท
“ชั้นต้องล้างจาน ขอตัวคะ”
ไข่มุกเดินเลี่ยงไป นักข่าวมองหน้ากันแล้วหันไปทางวันดี นักข่าวมองหน้ากันยิ้มอย่างนึกรู้ว่าจะหาข้อมูลได้จากไหน
วันดีเดินฮัมเพลงหงุงหงิง นักข่าวโผล่มาดักหน้า วันดีตกใจสะดุ้ง
“ป้า ขอสัมภาษณ์หน่อย” วันดีท้าวเอว
“ได้ แต่ให้เท่าไหร่ ให้มากปากเบา ให้น้อยปากหนัก เรตค่าตัวข่าวกรองตัวแม่อย่างนังวันดี พื้นๆ ไม่ได้นะ”
“ป้าเป็นแม่ยายคุณคีรินทร์ใช่มั้ย”
วันดีทำเงียบ ยื่นมือมาตรงหน้า นักข่าวมองหน้ากันยื่นแบงก์ห้าร้อยให้
“แค่นี้เนี่ยนะ เอามาอีกสามใบ จะแฉให้เกลี้ยง”
วันดียักคิ้ว นักข่าวมองหน้ากันเอง
วันดีให้สัมภาษณ์อย่างเมามัน นักข่าวเอาเทปจ่อ วันดีออกท่าทางตบๆๆ ลม โม้ใส่ใหญ่ นักข่าวมองหน้ากันเองอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
กระทู้ในอินเตอร์เนตหลายๆ กระทู้เรียงกัน ภาพข่าวในเว็บต่างๆ ลงรูปไข่มุก คีรินทร์มีสีหน้าเคร่งเครียดกำลังเลื่อนไอแพดดูกระทู้ด่าตัวเอง
“นักธุรกิจเลว เสือผู้หญิงเห็นแก่ตัว สมัยนี้ ด่ากันง่ายจังเนอะ ตั้งกระทู้ด่า ไม่ต้องรับผิดชอบ ด่าพอใจก็ไป คนถูกด่าซวยไป”
ทวยไทยเปิดหน้าเวบขึ้นจอโปรเจคเตอร์ เป็นภาพมุกกำลังตำส้มตำ พาดหัวข่าว “เธอคือใคร?” “ภรรยาเจ้าของโรงแรมตกอับขายส้มตำ”
“ไง อ่านไปได้กี่กระทู้แล้วล่ะ นี่แค่ข่าวในเว็บ ไม่รวมหนังสือพิมพ์ นักข่าวเล่นกันใหญ่แล้ว”
“อย่างนี้ไม่ได้แล้วนะคุณรินทร์ เสียชื่อเสียงโรงแรมเราหมด”
“ใช่ แค่เรื่องผู้หญิงคนเดียวยังจัดการไม่ได้ คงต้องพิจารณาตำแหน่งงานกับความสามารถใหม่แล้วมั้ง”
คีรินทร์นั่งเงียบ
“รินทร์” คีรินทร์หันมาสบตาเขมทัต “ขอให้ไข่มุกเลิกได้แล้ว”
คีรินทร์นั่งนิ่ง ดูกระทู้หน้าเครียด ทวยไทยมองแล้วยิ้มเยาะอย่างสมใจ
ไข่มุกกำลังจะเดินเข้าไปในห้องฟิตเนส คีรินทร์เดินเข้ามาดึงแขนจากด้านหลัง ไข่มุกหันกลับมา คีรินทร์โยนหนังสือพิมพ์ใส่แล้วร่วงลง ไข่มุกหยิบขึ้นมาดูแล้วเงยหน้ามองคีรินทร์
“ตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องเลิกขาย รู้มั้ยว่าข่าวออกซะป่นปี้หมดแล้ว”
“ไม่ได้ ชั้นจะขายต่อ ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนใช้หนี้ แค่ค่ากินค่าอยู่ก็ไม่พอแล้ว” คีรินทร์ตาวาว“อยากหยิ่งไม่ยอมให้ขึ้นเงินเดือนเอง ช่วยไม่ได้ เธอน่ะพูดอะไรไม่เชื่อกันบ้าง ก่อเรื่องตลอด เคยนึกถึงชั้นบ้างมั้ย เห็นแก่หน้าไอ้คนนี้บ้างรึเปล่า ยังจะขายส้มตำให้ชั้นโดนด่าอีก คิดได้ไง”
ไข่มุกมองหน้าคีรินทร์อย่างโมโหพอกัน
“งั้นก็บอกทุกคนไปสิ ว่าชั้นไม่เกี่ยวข้องกับคุณแล้ว ไม่ใช่ภรรยาคุณอีกต่อไป ชื่อเสียงจะได้ไม่เสียไง” คีรินทร์อึ้ง
“พูดแล้วไม่เสียใจทีหลังนะ”
ไข่มุกมองสบตาคีรินทร์นิ่ง
“ไม่มีวันเสียใจค่ะ ระหว่างเรา มันจบแล้ว”
คีรินทร์อึ้ง ไข่มุกเองพูดแล้วก็ใจหายสบตาคีรินทร์อย่างน้อยใจ แล้วจะเดินไป คีรินทร์จับแขนไว้ ไข่มุกหันมาสบตา
“เธอแน่ใจนะ ไข่มุก แน่ใจแล้วหรอ”
ไข่มุกสบตาคีรินทร์ จับมือคีรินทร์ออก แล้วเดินจากไป คีรินทร์มองตามอย่างใจหาย อึ้ง
ที่ห้องประชุม คีรินทร์นั่งซึมๆ ทวยไทยยืนอยู่หน้าบอร์ด
“งั้นวันนี้ฝ่ายขายอย่าลืม เอารายงานผลประกอบการส่งผมด้วยนะครับ ใครมีปัญหาอะไรถามผมได้ เรื่องบริหารผมถนัด ประสบการณ์เยอะ” วัฒนานั่งมองสังเกตคีรินทร์ แล้วสบตาทวยไทย ทวยไทยยิ้ม หันไปหาคีรินทร์
“หรือว่าปรึกษาเรื่องอื่นก็ได้นะคุณคีรินทร์ อย่างเรื่องภรรยาคุณล่ะ ว่าไง จัดการได้หรือยัง”
ทุกคนหันมามองคีรินทร์
“ไม่ต้องจัดการอะไรทั้งนั้น เราไม่เกี่ยวข้องกัน”
“หมายความว่าไง”
คีรินทร์นิ่ง แล้วพูดเสียงหนัก
“ไข่มุก ไม่ใช่ภรรยาผมอีกต่อไปแล้ว”
คีรินทร์ลุกออกไปจากห้อง เขมทัตมองตามอย่างสงสาร วัฒนากับทวยไทยสบตากันอย่างสะใจ
ที่ห้องฟิตเนส ไข่มุกเต้นนำอย่างคล่องแคล่ว คีรินทร์เดินผ่านแล้วหยุดมองไข่มุกอย่างคิดถึงนิดๆ ไข่มุกสอนเสร็จกำลังจะเดินออกมาจากห้อง คีรินทร์ขยับจะเข้าไปหา แต่วัฒนาเดินมาจากอีกทางส่งผ้าขนหนูให้ไข่มุก ไข่มุกรับมายิ้มให้วัฒนา คีรินทร์ชะงักมองตาขมึง วัฒนายิ้มนิดๆ แล้วแตะข้อศอกไข่มุกให้เดินไปอีกทางด้วยกัน คีรินทร์มองตามข้างหลังไปด้วยแววหาหึงหวง ไม่พอใจ
คีรินทร์เดินมาที่ห้องอาหารพนักงานมีภัททิมาเดินตามมากระดี๊กระด๊า ไข่มุกนั่งคนเดียว คีรินทร์มองไกลๆแล้วทำท่าเดินเข้าไปหา วัฒนาถือถาดเดินตัดหน้าเข้ามานั่งกับไข่มุก เลื่อนน้ำให้ คีรินทร์ชะงัก ไข่มุกมองคีรินทร์แล้วหลบตา คีรินทร์อึ้ง มองวัฒนาสลับไข่มุก ภัททิมานั่งลงอย่างไม่ทันนึก พยักเพยิดดึงให้คีรินทร์นั่งลง ไข่มุกเงยหน้ามองอีกทำสายตาเหมือนถามว่ามาทำไม คีรินทร์มองสบตาอย่างฉุนๆ แล้วเดินไป ภัททิมาหันซ้ายขวาอย่างงงๆ แล้วรีบลุกตามไป
ไข่มุกมองตามหลังไปแล้วนิ่งจนวัฒนาสะกิด ไข่มุกแกล้งหยิบน้ำมาดื่ม ดวงตาครุ่นคิด
วัฒนาขับรถมาส่งไข่มุกที่บ้านคีรินทนร์ วัฒนาเดินลงมาเปิดประตูให้ไข่มุก ไข่มุกถือของหอบลงมา วัฒนาเข้าไปช่วยถือ ไข่มุกส่ายหน้าไม่ต้อง วัฒนาตื้อ คีรินทร์นั่งอยู่ในรถแอบมองอย่างหึงมาก
“โอ๊ย แสบตา เช็ดเหงื่อให้หน่อยสิครับคุณมุก”
“คุณนี่เหมือนเด็กๆ เลยนะคะ บอกแล้วว่าไม่ต้องช่วย ถือเองได้”
ไข่มุกซับเหงื่อที่ตาให้ คีรินทร์อยู่ในรถมองอย่างหึงสุดๆ กดแตรดังลั่น ไข่มุกกับวัฒนาตกใจสะดุ้ง ไข่มุกทำถุงมะเขือเทสหล่นลงพื้น มะเขือเทศค่อยๆ กลิ้ง ไข่มุกนั่งลงเอื้อมมือตามเก็บ รองเท้าคีรินทร์เหยียบจนแบนเละ ไข่มุกชะงักมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองสายตาโกรธมาก คีรินทร์ก้มลงมองไข่มุกทำยิ้มเยาะอย่างไม่แคร์แล้วเดินเข้าบ้านไป
ไข่มุกนั่งนิ่งมองลูกมะเขือเทศเละๆ
“ไม่เป็นไรนะครับ เอ้า ผมเก็บให้”
วัฒนาหยิบมะเขือเทศที่คีรินทร์เหยียบใส่มือไข่มุก ไข่มุกมองอย่างเศร้าใจปนน้อย กำมะเขือเทศในมือแน่น วัฒนามองตามคีรินทร์ ยิ้มร้ายอย่างเจ้าแผนการ
คีรินทร์เดินผ่านเข้ามาใกล้หลังครัว ได้ยินเสียงหัวเราะของช้อย
“ฮ่าๆๆๆ เออ แล้วชั้นก็เหยียบถังหกคะเมนลงท่าน้ำไปเลย”
คีรินทร์หยุดฟัง ได้ยินเสียงไข่มุกหัวเราะยิ้มอย่างนึกเอ็นดูแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงวัฒนา
“อย่างงี้ก็เจ็บแย่เลยสิครับ”
คีรินทร์ขมวดคิ้ว เดินฉับๆ ออกมา เห็นวัฒนา ช้อย ไข่มุกกำลังนั่งกินข้าวที่โต๊ะม้าหินหลังครัว
“แกมาทำไมนายวัฒ”
วัฒนายิ้ม พูดเหมือนไม่คิดอะไร
“ก็มาส่งคุณมุกตั้งแต่เย็น แต่ติดลมคุยเพลิน ป้าช้อยเลยชวนกินข้าว”
คีรินทร์หันควั่บไปมองช้อย
“รวยนะ ใครมาชวนกินข้าวหมด เดี๋ยวจะตัดเงินเดือนมาเป็นค่าข้าว”
ช้อยสะดุ้ง อึกอัก รีบลุก
“อะ เอ่อ เดี๋ยวป้าเข้าไปรีดผ้าก่อนนะคะ ลืม”
ช้อยหน้าเจื่อนเดินเลี่ยงออกไป
“นายก็ด้วย หัดเกรงใจซะบ้าง มานั่งกินข้าวกับเมียคนอื่น ทั้งที่ผัวยืนอยู่ทนโท่”
“แต่นายประกาศในที่ประชุม ว่าคุณมุกไม่ใช่ภรรยาแล้วนี่ แล้วจะมาบอกว่าเป็นอะไรกันอีกได้ไง”
ไข่มุกอึ้ง มองหน้าคีรินทร์อย่างนึกไม่ถึงปนเสียใจ คีรินทร์ก็อึ้ง มองแววตาตัดพ้อของไข่มุกแล้วเสหลบ
“ก็พูดไปงั้นแหละ รำคาญไอ้พวกชอบไล่บี้คนอื่น”
“ลูกผู้ชาย พูดแล้วไม่คืนคำไม่ใช่เหรอคะ” ไข่มุกถามเสียงเรียบ
“ใช่ แต่ชั้นไม่ใช่ลูกผู้ชาย เป็นผู้ชายเฉยๆ คืนคำก็ไม่แปลก น่า งอน อะไรนาน เสียเวลาจู๋จี๋หมด ยิ้มหน่อยเร็ว”
ไข่มุกอึ้ง วัฒนามองอึ้งด้วย คีรินทร์ทำยิ้มเข้าไปโอบไหล่ไข่มุกไว้ คีรินทร์หันมาบอกวัฒนา “กลับไปได้แล้ว ขัดคอ ขวางหูขวางตาว่ะ”
ไข่มุกผลักมือคีรินทร์ออก
“คุณไม่มีสิทธ์ไล่คุณวัฒนา เขาเป็นแขกของชั้น”
“แต่นี่บ้านชั้น เธอก็เมียชั้น ทำไมจะไล่คนที่มายุ่งกับเมียคนอื่นไม่ได้” ไข่มุกมองหน้าคีรินทร์
“มันจบแล้วค่ะ เรื่องระหว่างเราไม่มีอีกแล้ว คุณเองก็ไปประกาศให้ทุกคนรู้แล้ว จะมายุ่งอะไรกับชั้นอีก พอเถอะคุณรินทร์ ชั้นเป็นคนนะคะไม่ใช่ของที่เดี๋ยวคุณก็จะเอาเดี๋ยวก็เตะทิ้ง”
“ในเมื่อชั้นทำสิ่งดีๆ ที่นายทำให้คุณมุกไม่ได้ จะมาเดือดร้อนทำไม ประกาศโจ่งแจ้งขนาดนั้น ก็น่าจะทำตามที่ตัวเองพูดสิ”
คีรินทร์มองหน้าไข่มุกสลับวัฒนา
“ไม่ปล่อยให้คนที่หลอกชั้นไปมีความสุขง่ายๆ หรอก นายอย่ายุ่งดีกว่า เดี๋ยวตำแหน่งจะหลุดไม่รู้ตัว”
ไข่มุกเข้าขวาง สบตาคีรินทร์
“คุณเกลียดชั้น มากเลยใช่มั้ย”
“ใช่ แต่ถึงโคตรเกลียดยังไง ชั้นก็ไม่มีวันปล่อยเธอ”
“คุณอยากเห็นชั้นทรมาน อยากให้เจ็บปวด เสียใจ ไปอีกนานแค่ไหน บอกมาสิคุณคีรินทร์ แค่ไหนถึงจะสาแก่ใจ”
คีรินทร์จ้องหน้าไข่มุกอย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน ไข่มุกน้ำตาคลอแต่พยายามกลั้นไว้
“จนกว่า เธอจะได้รับโทษอย่างสาสม”
คีรินทร์มองไข่มุกอย่างรักปนแค้น วัฒนาเอาตัวเข้ามาขวาง โอบไหล่ไข่มุกเอาไว้
“หยุดเสียที จะทำร้ายคุณมุกไปถึงไหน”
“แส่อะไรด้วย”
คีรินทร์ผลักวัฒนาออก ไข่มุกแทรกตัวเข้าไปกั้น มองคีรินทร์อย่างไม่ยอมแพ้
“ห้ามทำร้ายคุณวัฒนะ”
“อ๋อ ปกป้อง ห่วงเหลือเกิน ไข่มุก เลือกมาเลยดีกว่า ระหว่างชั้นกับมัน เธอจะเลือกใคร”
ไข่มุกสบตาคีรินทร์นิ่ง ไม่ตอบ แล้วหันไปหาวัฒนา
“ไปเถอะค่ะ”
คีรินทร์อึ้ง ไข่มุกเดินออกไป
“ไข่มุก” คีรินทร์เรียกอย่างเผลอตัว
ไข่มุกหยุดนิ่ง ชะงักครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไปไม่หันมาดู คีรินทร์มองตามอย่างน้อยใจ
วันต่อมาไข่มุกกำลังตำส้มตำอยู่ที่แผงลอยหน้าเศร้าๆ ชลลดากับภัททิมาเดินมายืนหน้าร้าน ไข่มุกเงยหน้าขึ้นแล้วมองอึ้ง
“นั่งกินตรงนั้นได้ใช่มั้ยยะ เอาตำไทยไม่เผ็ด ไม่ใส่ถั่วกับกุ้งแห้ง แล้วก็ลาบหมู ข้าวเหนียวไม่เอาเดี๋ยวฟิลเตอร์ดั้งยุบ”
ไข่มุกอึ้ง มองตามชลลดากับภัททิมาที่เดินไปนั่งที่โต๊ะ ชลลดากับภัททิมาทำสีหน้ามีแผน
ชลลดานั่งเขี่ยส้มตำในจาน มองอย่างอี๋ๆ
“อี๋ สกปรก อาหารโลว์ๆ”
ชลลดาหันมองซ้ายขวา หยิบเอากล่องเล็กๆ ขึ้นมา เปิดกล่องเป็นแมลงสาบสองสามตัว ภัททิมาทำหน้าขยะแขยง ชลลดาเทใส่ลงจานแล้วเอาส้อมเขี่ยๆ หันมองซ้ายขวาอีกรอบ
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ภัททิมาแกล้งปัดตกลงบนพื้น เห็นแมลงสาบอยู่ในส้มตำ ไข่มุกมองหน้าซีด ลูกค้าคนอื่นที่นั่งกินอยู่ทำหน้าเหยเก มองซุบซิบ
“สกปรก โสโครก แกเอาอะไรมาให้ชั้นกิน ชั้นจะฟ้องตำรวจ ฟ้องสาธารณสุขมาปิดร้าน”
“อี๋ ขยะแขยง ส้มตำไส้แมลงสาบ” ไข่มุกหน้าเสีย ทำท่าจะอธิบาย “หยุด แกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เตรียมปิดร้านได้เลย”
คธากับจินจูก้าวเข้ามา
“คุณต่างหากที่ต้องเงียบ ไม่งั้นเตรียมโดนข้อหาได้เลย” ชลลดาหันขวับ
“ได้ไง ชั้นเป็นผู้เสียหาย นี่ไม่รู้ว่าจะต้องเข้าโรงบาลหรือเปล่า”
“ผู้เสียหาย หรือคนร้ายกันแน่”
“เอาอะไรมาพูด ไหนล่ะหลักฐาน แมลงสาบทนโท่ในจาน จะหาว่าพวกชั้นเป็นคนร้ายได้ไง”
คธาหยิบมือถือ เปิดคลิปโชว์ เป็นภาพชลลดามองซ้ายมองขวาเทแมลงสาบลงในจาน ชลลดากับภัททิมาช็อค
“ถ่ายตอนไหนเนี่ย”
คธายิ้มนิดๆ ก่อนหน้านี้จินจูกับคธาเดินมาเห็นสองแม่ลูกลับๆ ล่อๆ คว้าของออกจากกระเป๋า คธารีบยกมือถือขึ้นมาถ่ายไว้
ชลลดากับภัททิมามองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี
“คุณสองคนรีบไปก่อนที่จะโดนแจ้งกลับดีกว่า หลักฐานขนาดนี้ ไม่รู้ติดคุกกี่เดือน อ่อ ระวังเจอข้อหา แจ้งความเท็จอีกกระทง” สองแม่ลูกหน้าซีด
ไข่มุกไหว้ขอบคุณคธากับจินจู วันดีที่เดินจะเข้ามาหาเห็นเข้าก็ตกใจหน้าซีด รีบเดินหลบออกไป
วันดีกับไข่มุกเดินเข้ามาในบ้าน วันดีหน้าเครียดอย่างเป็นกังวล
“โชคดีนะแม่ ที่คุณคธากับคุณจินจูมาช่วยไว้ ไม่งั้นต้องโดนปิดร้านแน่”
“แม่ว่าไปหาที่ขายใหม่กันมั้ย ไปไกลๆ หน่อย” ไข่มุกมองงงๆ
“อ้าว ย้ายทำไมล่ะแม่ ที่นี่ก็ขายดี ลูกค้าติดกันเยอะ”
“ผัวเก่าแกก็ไม่อยากให้ขายนี่ ไหนๆ ก็ไหนๆ ย้ายเหอะ”
ไข่มุกทำท่าคิด ถอนใจ
“เรื่องคุณรินทร์ช่างเขาเถอะ ถ้าเราจะย้ายไปที่อื่น ที่ไหนๆ ก็มีเจ้าที่เจ้าทาง ขายกันอยู่แล้ว ขืนไปขายแข่งเดี๋ยวก็โดนไล่ โดนแกล้งอีก มุกว่าเราปักหลักสู้ตรงนี้แหละแม่ อย่าไปเริ่มต้นใหม่อีกเลย”
วันดีฟังแล้วก็อึ้ง แววตาสับสน กลัวเรื่องจินจู ประตูเปิดผาง เม่นถีบประตูเข้ามาแล้วเดินเซๆ มาหาวันดี
“เฮ้ย ขอเงิน เอิ๊ก ไปกินเหล้า หน่อยสิวะ”
“ไม่มี ไม่ช่วยหาแล้วยังมาไถอีก ไปไกลๆ คนกำลังหงุดหงิด”
เม่นโมโห เดินเซๆ เข้าไปดึงผมวันดี
“กล้าไล่ข้าเหรอวะ เดี๋ยวเหอะ” ไข่มุกเข้าไปดึงเม่น
“พ่อ อย่าทำแม่ ปล่อยนะ”
“โว้ย เกะกะจริง”
เม่นผลักไข่มุกกระเด็นล้มไปหัวกระแทกขอบตู้ นั่งพับอยู่ที่พื้น เม่นดึงเงินจากกระเป๋าวันดี
“โอ๊ย”
“อย่า ข้าต้องเอาไปซื้อของขายพรุ่งนี้นะโว้ย”
วันดีแย่งคืน เม่นตบฉาดคว่ำลงพื้น
“หือเหรอ หนอย ห่างเท้าข้าไปนานใช่มั้ย ต้องเจอซะหน่อยแล้ว”
เม่นตามเข้าไปเตะวันดีที่นอนอยู่บนพื้นซ้ำ วันดีร้องโอดโอย ไข่มุกคลานเข้าไปกอดวันดีไว้
“อย่าทำแม่เลย หนูขอร้องล่ะ” ไข่มุกยกมือไหว้ แล้วกอดวันดีเอาไว้จึงโดนเตะไปด้วย เม่นเตะจนหนำใจ
“ถุย นึกว่าแน่ สมน้ำหน้า จำใส่กบาลไว้ อย่ามาสั่งข้า”
เม่นเดินออกไป วันดีหน้าบวมช้ำ ร้องไห้น้ำตาคลอ ไข่มุกกอดวันดีเอาไว้ วันดีมองตามหลังเม่นไปอย่างแค้นจัด
“คราวหน้า ข้าไม่ยอมเอ็งแน่ ไอ้เม่น”
วันดีมองอาฆาต ไข่มุกมองวันดีอย่างสงสาร
จินจูเปิดประตูให้แทยอน แทยอนมองจินจูทำท่าจะเข้าไปกอดแต่เห็นคธาเลยชะงัก
“พี่ชายจะกอดน้องสาว ต้องขออนุญาตมั้ย”
คธามองยิ้มนิดๆ
“ขอหน่อยก็ดี”
จินจูส่ายหัวมองคธายิ้มๆ แล้วเดินเข้าไปกอดแทยอน แทยอนกอดเบาๆ
“ชั้นคิดถึงเธอมาก สบายดีใช่มั้ย ยังโกรธอยู่หรือเปล่า”
“ชั้นก็คิดถึงพี่เหมือนกัน เราเลิกพูดเรื่องเก่าๆ เถอะนะ ทางเกาหลีว่าไงบ้างคะ” แทยอนยิ้ม
“เร่งเรื่องโปรเจ็คใหม่น่ะ อาทิตย์หน้าจะเปิดแถลงข่าว จัดประกวดคัดเลือกสาวไทย เป็นนางเอกใหม่ประกบปาร์คจินจู”
จินจูยิ้ม แทยอนหันสบตากับคธา
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากเชิญคุณมาร่วมโปรเจ็คด้วย เราต้องการคนที่มีความสามารถ ช่วยหน่อยได้มั้ย”
“ผมจะลองดู”
แทยอนกับคธาสบตากันแล้วยิ้มนิดๆ จินจูทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมา
“นางเอกคนใหม่ เป็นใครก็ได้ใช่มั้ยพี่แทยอน”
แทยอนพยักหน้า จินจูยิ้มอย่างมีจุดมุ่งหมาย
แทยอนจัดแถลงข่าวที่โรงแรมของคีรินทร์ แทยอน จินจู ซอนซา นั่งอยู่บนเวที นักข่าวยื่นอยู่เต็ม แองจี้ กีกี้ น้องแพรวยืนอยู่ในงานด้วย
“โปรเจ็คนี้ เราต้องการนางเอกหน้าใหม่ที่มีทั้งความรู้และความสามารถเข้ามาร่วมงาน และต้องเป็นคนพิเศษที่ครบเครื่อง ทั้งร้อง เล่น เต้น บู๊”
“เราได้จัดการออดิชั่นผ่านทางเว็บไซต์ ให้คนที่สนใจส่งคลิปแนะนำตัวและแสดงความสามารถ เข้ามาออดิชั่นในรอบแรกหรือจะมาออดิชั่นสดด้วยตัวเองก็ได้”
“ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะถูกเก็บตัว เพื่อฝึกในด้านต่างๆ ผู้ชนะเลิศจะได้เป็นนางเอกภาพยนตร์เรื่องใหม่ แสดงร่วมกับดิชั้น และคุณปาร์คจินจู”
“เชื่อว่าน่าจะได้ไข่มุกเม็ดงามไม่แพ้ไข่มุกเกาหลีแน่นอน”
จินจูยิ้มอ่อนหวาน นักข่าวถ่ายรูปแฟลชวูบวาบ ซอนซารีบประกบ ถ่ายภาพคู่แทยอน สามสาวฟังอย่างสนใจและตื่นเต้น ภัททิมายืนแอบฟังอยู่ที่ประตู สีหน้าสนใจและมั่นใจมาก
คืนนั้นจินจูแวะมาหาไข่มุกที่ร้านส้มตำ จินจูยื่นใบสมัครให้ไข่มุก ไข่มุกรับมาดู ส่ายหน้าปฏิเสธ
“ให้หนูไปแข่งกับคนเป็นพันเป็นหมื่น คงไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไง หนูมีความสามารถ จะเก็บไว้ไม่ให้คนอื่นเห็นสักครั้งก็น่าเสียดาย นี่แหละ...โอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตหนู”
“แต่คนอย่างหนู แม่ค้าส้มตำจนๆ จะทำได้เหรอ” จินจูยิ้มเอ็นดู
“ลองดูก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่ แต่บอกไว้ก่อนนะ ชั้นสนิทกับหนูก็จริง แต่งานนี้ไม่มีเส้นสายเด็ดขาด ถ้าได้...ก็เพราะความสามารถของหนูเอง ถึงเวลาที่ต้องออกจากหลังม่านมาเป็นนางเอกตัวจริงแล้วนะไข่มุก”
ไข่มุกนิ่งคิด มองกระดาษในมืออย่างตัดสินใจไม่ถูก จินจูจับมือไข่มุกแน่น สบตากัน
“อนาคต อยู่ในมือหนูเองนะ”
ไข่มุกคิดหนัก ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง
แทยอนตั้งโต๊ะรับสมัครนางเอกหน้าใหม่ที่ห้องโถงของโรงแรม กีกี้ แองจี้ น้องแพรวเดินเข้ามา
“งานนี้มีแต่ตัวแม่ย่ะ แต่ถ้าเธอสองคนอยากลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ก็เอา แต่อย่าหวังมากนะ”
“วายล่ะ ชั้นว่าเฟรชๆ อย่างชั้นน่าจะเหมาะกว่า ดาราหน้าช้ำนะ”
กีกี้มองแองจี้ค้อนๆ แล้วเดินเชิ่ด หันกลับไปชนภัททิมาที่แต่งตัวมาอย่างจัดเต็ม
“อุ๊ย มาด้วยเหรอยัยลูกไก่ จะมาหาอาหารกุ๊กๆ กั๊กๆ อะไรแถวนี้ไม่มีนะยะ”
“ถึงว่า แต่งตัวซะเต็ม นึกว่าเอาตาข่ายพันตัว” ภัททิมาทำเชิ่ดใส่
“สวยนักแหละ คนนึงดาราตกงาน คนนึงแอ๊บแบ๊วสมองกลวง อ่อ อีกคนลูกครึ่ง ครึ่งผีครึ่งคน น่าเลือกทั้งนั้น” ภัททิมาทำเสียงสูงประชด กีกี้ น้องแพรว แองจี้ ทำท่าจะเข้าไปตบภัททิมา ไข่มุกเดินฝ่าวง ทุกคนชะงักนิ่ง สามสาวหัวเราะ
“งานนี้เขาให้สิบแปดมงกุฎสมัครด้วยเหรอ ช่างกล้า”
“ภาษาไทยว่าไงนะ จนแล้วไม่เจียม ซัมติงไลค์แดทอ่ะ” ไข่มุกนิ่งมองเฉยๆ
“ คิดว่าจะได้เหรอยะ โถ กลับไปขายส้มตำดีกว่า เดี๋ยวจะขายขี้หน้าไปมากกว่านี้”
“พูดจบแล้วใช่มั้ยคะ”
ไข่มุกเดินเฉียดไหล่กีกี้กับภัททิมาไปที่โต๊ะประกวด ยื่นเอกสารอย่างมั่นใจ สี่สาวมองตามเหวอๆ ปนอึ้ง
คืนนั้นคีรินทร์นั่งกินเหล้าอยู่ในห้องนอน ใบหน้าหม่นหมอง ภัททิมาในชุดเซ็กซี่เปิดประตูเข้ามาเกาะที่แขน
“กลุ้มใจเรื่องนัง เอ้อ ไข่มุกไปประกวดดาราเหรอคะ”
“เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา ผมไม่เกี่ยวข้องแล้ว”
ภัททิมาเข้าไปกอด เอนหัวซบ
“คงคิดว่ามีจินจูเป็นเส้นก๋วยจั๊บหนุนหลัง ถึงไม่ชนะ แต่ก็คงมีพวกเสี่ยๆ มาขอเลี้ยงหรอก ต่อไปเขาก็ต้องไม่ง้อคุณแล้ว มีทางที่ดีกว่าให้เกาะ”
คีรินทร์นิ่ง ภัทรินเหล้าใส่ให้
“ตอนนี้เขาก็ไม่ง้อผมแล้ว”
“ว่าแล้ว สงสัยกำลังหาคนใหม่ให้ควั่ก ลูกไก่เข้าใจค่ะ คุณคงเหงามาก ไม่เป็นไรนะคะ ยังไงก็จะอยู่ข้างคุณ”
คีรินทร์ดื่มเหล้าแล้วสบตาภัททิมา ภัททิมายิ้มหวานทำหน้าเข้าอกเข้าใจดี ภัทรินเหล้าให้แก้วตัวเองแล้วยกชู “ดื่มให้กับความเหงาของเราค่ะ”
คีรินทร์ชนแก้ว แล้ววางลง สบตาภัททิมาแล้วดึงเธอเข้ามากอดอย่างรู้สึกเคว้งคว้างในใจ ภัททิมายิ้มอย่างสมใจ
วันต่อมากีกี้เดินมาหามณีที่หน้าบันได มีของมาฝากเต็มไปหมด
“มอร์นิ่งค่ะคุณแม่ขา กีกี้เอาขนมมาฝาก เอาไว้ทานกับกาแฟตอนเช้านะคะ เนี่ย บึ่งไปซื้อหลังเลิกกองตอนตีห้าแล้วแวะมาเลย อยากให้ทานตอนยังร้อนๆ”
“ขอบใจนะ เอ้า ไข่มุก รับไปจัดสิ”
ไข่มุกเดินมารับไป
“เอาใจกันน่าดู โถ แต่น่าสงสาร ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ อะไรๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว”
ไข่มุกสะดุดหู มณีแหวใส่
“อะไรเปลี่ยนไปยะ พูดให้รู้เรื่องหน่อย”
คีรินทร์เดินลงมา
“รินทร์ขา มอร์นิ่งค่ะ มาให้กีกี้มอร์นิ่งคิสหน่อยเร็ว”
กีกี้ก้าวเข้าไปหาคีรินทร์ ภัททิมาใส่ชุดเซ็กซี่เดินตามลงมา มองกีกี้ยิ้มเยาะเลยไปถึงไข่มุกแล้วเข้ามายืนควงแขนคีรินทร์กอดซบไว้ คีรินทร์ยืนนิ่งให้กอด
“ลูกลิง ลูกชะนีที่ไหนมาร้องแต่เช้า” ภัททิมาเขย่งหอมคีรินทร์ “ถอยไป ห่างๆ สามีชั้นเลย”
“แค่คู่กิ๊กอย่างเธอ ทำมาเรียกว่าสามี ทึกทักไปรึเปล่ายะ” ภัททิมามองยิ้มๆ
“ถามผู้ชายเขาดูสิ ชั้นน่ะไม่ใช่คู่กิ๊กคู่กั๊กอย่างเธอหรอกย่ะ อย่างชั้นน่ะ ของจริง”
มณีมองอึ้ง ชลลดายิ้มอย่างสะใจ ไข่มุกมองคีรินทร์ด้วยแววตาเสียใจปนน้อยใจ
“แก แกมอมเหล้าหลอกคุณรินทร์ใช่มั้ย ใช่มั้ยคะรินทร์ หนอย วางแผนเป็นนางร้ายเกรดบีเลย อย่านึกว่าชั้นโง่นะยะ”
กีกี้มองหน้า คีรินทร์นิ่ง
“เปล่า ผมตั้งใจ แล้วก็รู้ตัวดีด้วย” คีรินทร์สบตาไข่มุก “เรื่องเมื่อคืน ผมเต็มใจ”
กีกี้ช็อค ทุกคนอึ้งไป ภัททิมายิ้มเยาะใส่กีกี้กับไข่มุก ไข่มุกมองหน้าคีรินทร์อย่างเศร้าใจมาก คีรินทร์มองตอบไข่มุกอย่างเย็นชา
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
มายาสีมุก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ไข่มุกเดินมาตามทาง หน้าซีด ดูเคร่งเครียด นึกถึงสิ่งที่ผ่านมา ไข่มุกหลับตาขมขื่น สะบัดหน้าให้ภาพออกไปจากความคิดพยายามเดินต่อไปทั้งที่แทบไม่มีเรี่ยวแรง เครียด เสียใจ
ไข่มุกหน้าซีด เดินเซ จะเป็นลม ทั้งเครียดทั้งเสียใจ เหมือนจะล้ม คธาที่เดินมากับจินจูมารับไว้ทัน
“คุณไข่มุก เป็นอะไรไป ไหวไหม”
จินจูเข้ามาช่วยประคองอย่างเป็นห่วง
“หน้าซีดเชียว หนูไม่สบายรึเปล่า” จินจูเห็นไข่มุกมองมาอย่างใจสลายก็ชะงัก “เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องอะไร ไข่มุก”
ไข่มุกมองหน้าจินจู
“คุณจินจู”
ไข่มุกกอดจินจู ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเสียใจมาก จินจูกอดตอบ ลูบหลังอย่างปลอบโยน
“ร้องเถอะ ร้องออกมาให้หมด จะได้ไม่ต้องเสียน้ำตาให้เขาอีก”
ไข่มุกร้องไห้อย่างหัวใจแตกสลาย
บ้านคีรินทร์ คีรินทร์นั่งเฉยอยู่ในห้องนั่งเล่น เขมทัตนิ่ง มณีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ ภัททิมาลอยหน้าลอยตามีความสุขมาก ชลลดาก็ยิ้มร่า
“ชลอดตื้นเต้นแทนคุณพี่ทั้งสองไม่ได้จริงจริ๊ง ที่จะได้ลูกสะใภ้ของจริงนิ้งกว่าเพชร ฤกษ์ดีสิ้นเดือนนี้ แต่งเลยนะคะ”
ภัททิมายิ้มแพรวพราว
“ลูกไก่ก็ปลื้มแทนคุณรินทร์ค่ะ คราวนี้ได้เมียเกรดเอสมใจ ไม่ใช่ฉบับก๊อปปี้เกรดห่วยอย่างนังไข่มุก”
คีรินทร์ทำหน้าเฉย มณีทำขยับฟึดฟัด
“สิ้นเดือน ใครจะไปเตรียมงานทันกันยะแม่คุ๊ณ งานแต่งงานนะ ไม่ใช่กินแชร์โต๊ะจีน”
ชลลดาชี้หน้าอกตัวเอง
“จัดเต็มให้เองค่ะพี่มณี จะดูแลให้เหมือนเป็นแม่คุณรินทร์ เป็นเมียพี่เขมเลย รับรองสามวันเสร็จ” มณีค้อนให้“เป็นแม่ยายนายรินทร์ก็พอ ไม่ต้องถึงเมียพี่เขม”
เขมทัตหันมองคีรินทร์
“ลูกไก่ตัวจริงเขาเสนอมาแล้ว แกจะว่าไง” คีรินทร์ส่ายหน้า
“เพ้อกันไปใหญ่แล้ว ผมยังไม่เคยพูดว่าจะแต่งงานสักคำ”
ชลลดากับภัททิมาอึ้ง
“อ้าว พูดแบบนี้จะชิ่งเหรอคะคุณรินทร์” คีรินทร์มองชลลดา
“ไม่ใช่ชิ่งครับ แต่เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับการแต่งงานอะไรเลย ลูกไก่เป็นฝ่ายเข้ามาหาผมในห้อง มันก็แค่นั้น คบกันแบบนี้ก็ดีแล้ว จะต้องไปคิดเรื่องแต่งงานอะไรกัน”
ภัททิมาอ้าปากค้างจะร้องไห้หันมองชลลดาที่อึ้งกับคำตอบคีรินทร์ มณีครุ่นคิด ลึกๆ นึกตำหนิลูกชายว่าทำไม่ถูก เขมทัตหน้าขรึมอย่างไม่ชอบใจคีรินทร์
จินจูยื่นกระดาษทิชชูให้ไข่มุกที่ร้องไห้จนตาบวม ไข่มุกมองจินจูอย่างเศร้าๆ
“อยากเล่าให้ชั้นฟังมั้ย”
ไข่มุกเช็ดน้ำตา ส่ายหน้า
“มันจบไปแล้วค่ะ หนูไม่อยากพูดถึง เหมือนคุณเคยพูดไว้ เวลาเขาทำให้เราเจ็บ มันทรมานจริงๆ”
จินจูพยักหน้าช้าๆ
“เวลา จะช่วยให้หนูลืม ถ้ามีความรักแล้วต้องร้องไห้ สู้ไม่มีดีกว่า”
“หนูควรจะรู้ ว่าตัวเองไม่มีค่าอะไรเลย”
จินจูจับไหล่มองไข่มุก พูดเสียงเข้ม
“อย่าตำหนิตัวเอง หนูต้องเข้มแข็ง อย่าให้ชีวิตต้องเสียหลักเพราะผู้ชายคนเดียว”
ไข่มุกนิ่งมองจินจูแล้วป้ายน้ำตาออก พูดอย่างคิดได้
“ขอบคุณค่ะคุณจินจู ต่อไปหนูจะไม่ร้องไห้ให้ผู้ชายใจร้ายคนนี้อีก” จินจูยิ้มอ่อนโยน
“ดีมาก อย่าให้ชั้นต้องเห็นน้ำตาหนู หนูยังมีอนาคตอีกยาวไกล ยังมีเรื่องดีๆ รออยู่ข้างหน้า อะไรไม่ดี ก็ลืมมันซะ อย่าลืมว่าเรามีงานสำคัญที่ต้องทำ”
ไข่มุกพยักหน้ารับคำ แววตาเข้มแข็ง คิดตัดใจจากคีรินทร์
ภัททิมาโวยวาย ทุบคีรินทร์อย่างเจ็บใจ ผิดหวัง หยิกแขน คีรินทร์ปัดมืออย่างหงุดหงิด
“นี่แน่ะๆ คนใจร้าย ทำกับลูกไก่แบบนี้ได้ไง”
“โอ๊ยเจ็บ พอแล้ว ผีบ้าสิงหรือไง” ภัททิมาทำหน้างอน
“จะไม่ให้บ้าได้ไง คุณรินทร์ปู้ยี่ปู้ยำลูกไก่ บุบสลายทั้งกายทั้งใจขนาดนี้ ไม่รู้ล่ะยังไงก็ต้องแต่ง”
คีรินทร์มอง แล้วพูดอย่างรู้ทัน
“อย่างคุณ ผ่านมาเท่าไรแล้ว จะมาแอ๊บเป็นสาวไร้เดียงสา ให้ผมรับผิดชอบ ไม่อายปากบ้างหรือไง” ภัททิมากรี๊ดลั่น
“คุณ ทำไมใจร้ายกับลูกไก่แบบนี้ ถึงจะเคยมีใครต่อใคร แต่ก็ไม่มีใครเหมือนคุณ ลูกไก่รักคุณนะคะคีรินทร์”
ภัททิมาร้องไห้ คีรินทร์ถอนใจ
“ไม่ต้องมาบังคับทั้งทางตรงทางอ้อม ไม่ต้องคิดเลย คนอย่างผมถ้าจะแต่งกับใครก็เพราะอยากแต่งเอง ไม่ใช่ให้ใครมากดดัน”
คีรินทร์ลุกเดินไป ภัททิมากรี๊ดอีก ขว้างแจกันใส่หลังตามหลัง เขมทัตเดินมา เห็นแจกันลอยมาในอากาศ มองตาค้าง อ้ามือ แจกันหล่นใส่มือพอดี แล้วรีบฉวยตัวคีรินทร์แอบหลบมุมไม่ให้ภัททิมาเห็น เขมทัตมองหน้าคีรินทร์
“ชอบเขวี้ยงของแบบนี้ ต่อไปแกงานหนักแน่ ถามจริงเถอะที่แกทำกับลูกไก่เพราะประชดไข่มุกใช่มั้ย”
คีรินทร์อึ้งไปนิดแล้วทำแค่นยิ้ม
“พ่อเข้าใจผิดแล้วครับ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีค่าให้ผมต้องทำขนาดนี้”
ตุ๊กตาเซรามิกลอยมาหล่นแตกเพล้งข้างเขมทัตและคีรินทร์ สองคนสะดุ้ง มองหน้ากัน
“เอาไงก็ค่อยคิด แต่ตอนนี้ไปก่อน แถวนี้เขตอันตราย”
สองพ่อลูกรีบเดินออกไป
ระหว่างนั้นมีม็อบพ่อค้าแม่ค้าอยู่หน้าโรงแรมคีรินทร์ ต่างยืนถือป้ายด่าโรงแรมและประท้วงที่จะไล่ไม่ให้ขายของ
“โรงแรมเฮงซวย...ทำร้ายคนจน... เราไม่ไป...เราไม่ออก...เราจะขายของ...อย่ารังแกคนจน”
วันดีตื่นเต้นลากไข่มุกมาเข้าม็อบ
“โธ่แม่ มายุ่งอะไรกับเขา กลับไปขายของดีกว่า ม็อบอะไรก็ไม่รู้”
“ก็มาประท้วงไง คนเยอะดี มันส์จะตาย ชอบ”
“ประท้วงใครกันแม่” วันดีแสยะยิ้ม
“ใคร ถามมาได้ ก็ผัวเอ็งไง ไอ้คีรินทร์น่ะ งานนี้มันเสร็จแน่”
ไข่มุกอึ้ง กังวล นึกห่วงคีรินทร์ไม่รู้ตัว ลูกน้องทวยไทยเอาป้ายเขียนด่ามาให้พวกแม่ค้า รวมทั้งวันดี
“เอ้า ชูสูงๆ ด่าดังๆ เอาให้สะใจไปเลย”
“ดี ดี แบบนี้ชอบ”
วันดีส่งต่อให้ไข่มุก ได้ป้ายเขียนว่า “คีรินทร์คนเลว รังแกคนจน” ไข่มุกมองอย่างไม่สบายใจ จับแขนวันดี
“แม่อย่ายุ่งกับเขาเลย หยุดขายวันนึง รายได้หดนะ ไม่คุ้มหรอก”
“ใครว่าไม่คุ้ม ไอ้ลูกโง่ เดี๋ยวคอยดูนะ”
ลูกน้องทวยไทยเอากล่องข้าวมาแจก คนมุงกันใหญ่ แย่งข้าวกล่องกัน วันดีรุดเข้าไปเอา
“ขอชั้นสามกล่องนะ หิ๊ว...หิว พ่อคุ๊ณ”
ลูกน้องวัฒนาหยิบให้สองกล่อง
“มาแค่สอง จะเอาสาม รู้มากไปป่ะ มีแค่นี้จะเอาไม่เอา”
วันดีหน้าม่อย รีบรับกล่องข้าวมายื่นให้ไข่มุก ไข่มุกทำท่าจะกิน วันดีร้องห้าม
“เฮ้ย เดี๋ยวสิ นังนี่ ตะกละจริง”
วันดีเอาช้อนคุ้ยจนเจอเงินที่ซุกอยู่ใต้กล่อง เงินใส่ซองพลาสติกเรียบร้อย วันดียิ้ม โชว์เงินให้ไข่มุกที่มองอย่าง
นึกไม่ถึง
“คุ้มยังละ แค่เย้วๆ ตามพวกมันไป ได้คนละตั้งห้าร้อย ตำทำไมวะส้มตำ มาชูป้าย แหกปากในม็อบดีกว่า”
“แบบนี้ก็ม็อบจัดตั้งน่ะซิแม่”
“หนอย ทำพูดดี จะม็อบจัดหรือม็อบตั้ง ข้าร่วมหมด ไม่สนเว้ย ขอให้ได้เงินเป็นพอ”
วันดีหัวเราะร่า ยัดเงินใส่กระเป๋า กินข้าวกล่องอย่างสบายใจ ชูมือเย้วๆ กับพวกม็อบ ไข่มุกมองอย่างไม่สบายใจ
คีรินทร์ขับรถมาเห็นพวกม็อบถือป้ายด่าตัวเองกับโรงแรมอยู่ริมถนน พอเห็นรถคีรินทร์ก็โห่ไล่จะกรูกันเข้าไป รปภ.เป่านกหวีดห้าม ผลักให้ถอยไป วันดีร่วมในม็อบ ไข่มุกคอยรั้งวันดีอย่างเป็นห่วงและกลัว
“ลุยมันเลย ไอ้คนใจร้าย โรงแรมเฮงซวย”
“ไอ้คนใจร้าย รังแกคนจน”
ม็อบเฮเข้าไปล้อมรถคีรินทร์ไว้ จนคีรินทร์ต้องหยุดรถ วันดีเตะล้อ จะทุบกระจก รปภ.เป่านกหวีด รีบมาห้าม
“ถ้าทุบมีจับนะป้า” รปภ.ผลักพวกม็อบ “ถอยไป ถอย”
“แน่จริงจับซิวะ มีสู้นะโว้ย”
ม็อบชูป้าย โห่ลั่น ล้อมรถคีรินทร์ นักข่าวกรูกันเข้ามาถ่ายรูปใหญ่ ไข่มุกรั้งแขนวันดีให้ออกมา คีรินทร์มองมาที่ไข่มุก ทั้งคู่สบตากัน คีรินทร์มีสีหน้ากังวล ไข่มุกนึกเป็นห่วงแต่ก็มองอย่างเย็นชา วันดีมองไข่มุกแล้วยื่นป้าย “คีรินทร์คนเลว โรงแรมเฮงซวย” ให้ไข่มุกถือ ไข่มุกลืมตัวรับไว้ คีรินทร์มองป้ายแล้วนึกฉุน เปิดกระจก บีบแตรลั่น แล้วตะโกน “ถอยไป” คีรินทร์มองรปภ. “กั้นไว้สิ บอกให้ถอยไป รถชนไม่รู้ด้วยนะ”
ชายในม็อบคนหนึ่งจะเอาป้ายแยงเข้าไปที่กระจกรถที่เปิดออก เข้าหน้าคีรินทร์
“จะขับรถชนเหรอว่ะ ไอ้เศรษฐีใจร้าย”
ไข่มุกเห็นก็เบียดเหมือนไม่เจตนา แต่ชนชายคนนั้นจนเซถลาห่างไป คีรินทร์รีบปิดกระจก ออกรถไปอย่างไม่แยแส ม็อบกระจายหลบแทบไม่ทัน โห่ไล่ตามหลัง วันดีหันมาพูดกับไข่มุก
“เห็นผัวเอ็งมั้ย ทำหยิ่งยโส มองเราเหมือนตัวไส้เดือนอยู่ริมถนนแบบนี้ต้องเอาให้โรงแรมมันเจ๊งไปเลย”
ว่าแล้ววันดีก็เข้าร่วมม็อบต่อที่รวมตัวกันใหม่ ชูป้ายด่าคีรินทร์อีกทีอย่างคันปาก ไข่มุกหน้าเสียไม่รู้จะห้ามยังไง
คีรินทร์เดินออกจากลิฟต์จะเข้าห้องทำงาน วัฒนาเดินมาหา
“นายเห็นพวกม็อบแล้วใช่มั้ย เมื่อเช้านักข่าวมากันเต็มไปหมด งานนี้จงใจทำลายชื่อเสียงนายกับโรงแรมชัดๆ”
“อยากทำอะไรให้ทำไป ชั้นไม่สนใจคนพวกนี้ ดีแต่ใช้ความรุนแรง ไม่เคยคุยกันด้วยเหตุผล”
คีรินทร์เดินเข้าห้องทำงานอย่างหงุดหงิด วัฒนามองตามแล้วยิ้มหยัน สะใจ
ที่ห้องฟิตเนส ไข่มุกวอร์มร่างกายเตรียมสอนเต้น คีรินทร์เดินมา มองนิ่ง ไข่มุกอึ้ง แล้วตั้งสติทำไม่เห็นไม่สนใจ
คีรินทร์เดินมาใกล้
“จะไม่แสดงความยินดีกับชั้นและลูกไก่ตัวจริงหน่อยรึไง อย่างน้อยเขาก็ไม่เสแสร้ง ไม่โกหกชั้นเหมือนเธอ” ไข่มุกทำไม่ได้ยิน จะเดินไปอีกทาง คีรินทร์กระชากแขน ดึงเข้ามาใกล้ “ได้ยินที่พูดไหม” ไข่มุกมุกตีหน้าเฉย ไม่สบตา “ทีตอนนี้ทำเงียบ เมื่อกี้พึ่งไปถือป้ายด่าชั้นอยู่หยกๆ เธอนี่แสบสันต์จริงๆ บทจะแอ๊บเป็นคนดีก็เนียนมาก แต่เสียใจ ชั้นไม่หลงกลคนอย่างเธออีก” คีรินทร์บีบไหล่ ขึ้นเสียงใส่หน้า “ไอ้เซ่อคนนี้มันตาสว่าง หายโง่แล้ว รู้ไว้ด้วย”
คีรินทร์สบตาไข่มุกด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้น ไข่มุกอยากอธิบาย แต่พูดไม่ออก คีรินทร์เหวี่ยงไข่มุกไปจนเธอล้มลง คีรินทร์ชะงักนิดนึง ตกใจ ไข่มุกสบตานึกว่าเขาจะมาช่วย แต่คีรินทร์กลับเดินผ่านไปอย่างไม่แยแส ไข่มุกน้ำตาหยดด้วยความน้อยใจและคับแค้นใจ
ไข่มุกเดินเข้ามาในห้องคัดเลือกเจอคนสมัครมากมาย ขณะนั้นกีกี้ แองจี้ น้องแพรวและภัททิมากำลังแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก กีกี้ส่องกระจกตลับแป้งสะท้อนเห็นไข่มุกก็ปิดฉับ สะบัดหน้าไปมองแล้วเชิ่ดเดินเรียงแถวออกไป ทำสีหน้าขยะแขยงใส่ ภัททิมาที่กำลังปัดมาสคาร่าก็งงๆ แต่พอเห็นไข่มุกก็ทำหน้าเบ้เดินหนีไปเหมือนกัน ไข่มุกทำหน้าเฉย ถอนหายใจ กัสจังเดินเข้ามาทักไข่มุก
“อุ๊ยตาย คุณน้องขา มาประกวดกับเขาด้วย”
“เจ๊ก็มาประกวดด้วยเหรอคะ”
“แหม ถ้าเขาเอากระเทย สวยๆ อย่างเจ๊ก็เข้าวินไปแล้วล่ะย่ะ นี่มาช่วยงานกองประกวด งานช้างชนช้างแบบนี้เลิฟที่สุด ว่าแต่น้องสาวเจ๊ ไปไงมาไงถึงยอมออกจากหอยสังข์มากับเขาได้ล่ะ”
ไข่มุกยิ้มแหยๆ
“เจ๊จะว่าหนูไม่เจียมก็บอกมาเหอะ หนูชินแล้ว โดนมาเยอะ”
กัสจังโบกมือปฏิเสธ
“โน้ว ใครบอก เธอนี่แหละเริ่ดมาก แววฉาย ออร่าเจิดเลิศ นี่ถ้าโชคช่วยฟ้าเปิดเบิกทาง มีหวังได้หนึ่งในสิบแน่นอน กระเทยคอนเฟิร์ม”
กัสจังจับตัวไข่มุกหันไปมา
“เจ๊ยอซะหนูบินได้แล้ว ขอบคุณเจ๊มากนะคะ”
“ย่ะ สู้ๆ แล้วกัน วงการเนี้ยโหดนะ ไม่เจ๋งจริงอยู่ไม่ได้หรอก มีฝีมืออย่ากั๊ก ใส่ให้เต็มไปเลย”
กัสจังทำท่าสะดีดสะดิ้ง จับแก้มไข่มุก ไข่มุกยิ้มอย่างมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง
จินจู แทยอน ซอนซา เดินอยู่ในห้องห้องสัมภาษร์มองอย่างพอใจ
“ทำไมคุณถึงมาสมัครที่นี่ครับ”
น้องแพรวยืนบิดแบบแอ๊บๆ
“น้องแพรวอยากเป็นดารา เป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่ยังเด็กค่ะ อยากแสดงคู่กับดาราดังๆ ที่แอบปลื้ม อยากเล่นเป็นเจ้าหญิงรอเจ้าชายมาจุมพิต อยากใส่ชุดสวยๆ แล้วก็มีคนมาขอลายเซ็นค่ะ”
กรรมการทำหน้าเหย แทยอนส่ายหน้า
แองจี้ยืนมาดมั่นโพสท่าเหมือนนางแบบ
“ดิชั้นอยากแสดงหนังกับทีมงานระดับอินเตอร์เนชั่นแนล อยากโชว์พาวเวอร์ในการแสดงให้คน อราวน์ เดอะ เวิร์ลได้รู้จักค่ะ” กีกี้เบ้หน้าใส่
“กีกี้เคยแสดงละครมาเยอะ เลยอยากทำงานกับทีมต่างประเทศดูบ้าง เชื่อว่าความสามารถน่าจะเป็นที่พอใจ เอ่อ แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นมืออาชีพนะคะ ของแบบนี้อยู่ในสายเลือด”
ภัททิมาทำท่าพึมพำคนเดียว
“มั่นใจเว่อร์อ่ะ”
ภัททิมายืนหน้าอยู่หน้ากรรมการ
“ลูกไก่อยากจะโชว์ความสามารถให้คนรักเห็นค่ะ เราจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ เลยอยากให้เขาภูมิใจ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ”
กีกี้มอง พูดลอดไรฟัน
“ภูมิใจตายล่ะ ถามรึยังว่าอยากแต่งหรือเปล่า”
ภัททิมาทำหน้าโก๊ะๆ มองเหมือนได้ยินอะไร กีกี้ทำท่าหุบปากเงียบไม่รู้ไม่ชี้
ไข่มุกก้าวออกมายืนด้านหน้ากรรมการ จินจูหยุดดูยิ้มนิดๆ ซอนซาชะงัก สงสัย แทยอนมองนิ่งอย่างสนใจ
“ดิชั้นเป็นลูกแม่ค้าส้มตำและเป็นแฟนหนังของคุณจินจู มาตั้งแต่เด็ก และก็ทำงานเป็นนักแสดงแทนคิวบู๊ในกองถ่าย เลยทำให้ชอบการแสดงถึงจะไม่เคยมีหน้าโผล่บนจอสักครั้ง” กรรมการหัวเราะอย่างถูกใจ “ที่มาสมัครเพราะรักในการแสดงและอยากจะพิสูจน์ตัวเองว่า สามารถทำงานนี้ได้ดีแค่ไหน และข้อสำคัญที่สุด อยากได้ร่วมทำงานกับซุปเปอร์สตาร์ในดวงใจคะ”
กรรมการฟังแล้วปรบมือเกรียว ไข่มุกมองไปทางจินจูแล้วยิ้มให้ จินจูยิ้มตอบ มองส่งกำลังใจ แทยอนยิ้มนิดๆ อย่างพอใจ ซอนซามองอย่างสังเกตตลอดเวลา
ผู้สมัครยืนอยู่หน้ากล้องถ่ายรูปทีละคน น้องแพรวแอ๊คท่าชูสองนิ้วจิ้มแก้มอย่างแอ๊บแบ๊ว ตากล้องส่ายหน้าแองจี้ทำท่าโพสท์เซ็กซี่ ปากเผยอเหมือนดาวยั่ว ตากล้องถอนหายใจ ภัททิมาทำหน้าเกร็ง ยิ้มแข็งๆเหมือนแยกเขี้ยว
ตากล้องกุมขมับ แทยอนเดินเข้ามาดูไกลๆ กีกี้โพสท์ท่าอย่างชำนาญ ยิ้มเก๋อย่างรู้มุมกล้อง ตากล้องกดชัตเตอร์รัวไข่มุกมายืนหน้ากล้อง แทยอนมองอย่างสนใจ ไข่มุกยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ ดูเขินๆ นิดๆ แต่น่ารัก
ไข่มุกโพสท์ท่าต่างๆ กับเสียงชัตเตอร์ ตากล้องพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจ แทยอนยิ้มนิดๆ อย่างพอใจเหมือนกัน
ผู้สมัครออกมาแสดงความสามารถบนเวทีเล็กๆ มีกรรมการนั่งอยู่ด้านหน้า กัสจังยืนอยู่ไกลๆ น้องแพรวทำท่าเดินแฟชั่นออกมายืนกลางเวทีแล้วโพสท์ท่าหมุนตัวเดินเข้าไป แองจี้เต้นแด๊นซ์กระจายแบบไม่ค่อยเข้าจังหวะเงอะๆ งะๆ แต่หน้าเป๊ะอย่างมั่นใจมาก กีกี้โชว์การแสดง ทำท่าเหมือนทะเลาะกับคนรักแล้วร้องไห้ออกมา กรรมการปรบมือให้ กัสจังแอบทำท่าหมั่นไส้เบะปาก กีกี้ปาดน้ำตาออกกลับเป็นตัวเอง หน้าตามั่นใจมาก ภัททิมาเดินขึ้นเวทีออกมา ตอนแรกทำท่าเดินแอ็คโบกมือเหมือนนางงามสวยๆ กรรมการมองเลิกคิ้ว ส่ายหน้านิดๆ ภัททิมามองเห็นท่าไม่ดี เลยเต้นท่าต๊องๆ ทำมือรูปหัวใจอย่างเชยๆ ส่งจูบอย่างเซ็กซี่ หมุนตัวแล้วย่อเข่าสวัสดี กรรมการทำท่าหัวเราะชอบใจ กัสจังขำเอามือกุมท้อง ตีกำแพงป้าบๆ ภัททิมามองงงๆ แต่ก็ทำท่าหัวเราะแหะๆ ยิ้มหวาน
ไข่มุกเดินออกมาบนเวที ทำท่ารำออกหมัดแบบมวยบู๊ กระโดดตีลังกากลับหลัง ใช้เท้าเตะดาบขึ้นมารำดาบต่อ กรรมการมองอย่างทึ่งมากไข่มุกรำดาบอย่างคล่องแคล่ว สีหน้าตั้งใจ กัสจังแอบเชียร์ปรบมือกระดี๊กระด๊า กรรมการก้มหน้าให้คะแนนสลับกับดูอย่างตื่นเต้น ชอบใจมาก
ในห้องออดิชั่น กรรมการยืนอยู่ด้านหน้า กลุ่มกีกี้ น้องแพรง แองจี้ยืนอย่างมั่นใจว่าได้แน่ ภัททิมามองสามสาวก็ทำท่ายืดไม่แพ้กัน ไข่มุกมองนิ่งๆ ใบหน้ามีความหวัง คนอื่นๆ มองอย่างตื่นเต้นพอกัน
“สิบคนสุดท้าย ที่จะได้เข้ารอบ มีดังนี้...คนที่เก้า คุณกีกี้ครับ”
กีกี้ยิ้มอย่างมั่นใจ ปรายตามองมุก
“ตาถึงใช้ได้ เหลือที่สุดท้าย หวังว่าคงไม่ตาต่ำเลือกผิดแล้วกัน ไปก่อนนะ อย่ามาร้องไห้กลางงานนะยะ”
กีกี้มองเยาะๆแล้วเดินไปรวมกลุ่ม
“คนสุดท้ายที่ได้เข้าร่วมโครงการเก็บตัวฝึกซ้อมได้แก่” คีรินทร์เดินเข้ามาในห้องมองที่ไข่มุก ไข่มุกมองกรรมการอย่างตื่นเต้น “คุณ ไข่มุกครับ” ไข่มุกลุกขึ้นยืนอย่างดีใจ สี่สาวตาค้างอย่างไม่เชื่อสายตา ไข่มุกเดินเข้ามารวมกลุ่ม ยิ้มอย่างดีใจมาก จินจูสบตายิ้มดีใจแทน “ตอนนี้เราก็ได้ผู้เข้าประกวดครบสิบคนแล้ว”
กีกี้ยกมือพูดเสียงดัง
“ไม่ได้ค่ะ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีสิทธิ์เข้ารอบ มีผัวแล้ว”
ทุกคนอึ้ง ภัททิมารีบช่วยเสริม
“ใช่ กรรมการเฉดหัวมันไปเลย นังคนนี้สิบแปดมงกุฎ หลอกผู้ชายให้แต่งงานด้วย”
คีรินทร์สะดุ้งหน้าเจื่อน มองไปที่ไข่มุก ไข่มุกสบตาคีรินทร์อย่างวางตัวไม่ถูก คนที่มาดูส่งเสียงฮือฮา กลุ่มกรรมการมองหน้ากัน นักข่าวถ่ายรูปแฟลชวูบวาบ สี่สาวสีหน้าสะใจมาก ไข่มุกมองซ้ายขวาหน้าเสีย เป็นกังวล
จินจูมองอย่างเป็นห่วง
“ไล่มันออกไปเลย”
“ไล่มันออกไป”
กรรมการต้องประชุมเรื่องนี้ ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด แทยอนมองสบตาจินจู
“ผมว่าคัดอีกคนมาแทนดีกว่า ป้องกันปัญหา” จินจูยืนขึ้น
“แต่เด็กคนนี้มีความสามารถ คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยซ้ำ แล้วเรื่องมีสามี...ในเมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็เรียกว่าแต่งงานไม่ได้”
ซอนซามองอย่างนึกแปลกใจ
“ผมเห็นด้วยกับคุณปาร์ค เราไม่ควรตัดสิทธิ์ เพราะเขาไม่ได้ทำผิดกติกา เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องส่วนตัว”
ซอนซาเลิกคิ้วมองจินจูกับแทยอน ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างนึกรู้ว่าจินจูเข้าข้างไข่มุก
ที่ห้องออดิชั่นเหลือแต่คนผ่านเข้ารอบ แทยอนประกาศผล จินจูมองไข่มุกอยู่ไกลๆ สบตาให้กำลังใจกัน
“ผมในฐานะตัวแทนคณะกรรมการทุกคน ขอประกาศให้คุณไข่มุก มีสิทธิ์ในการเข้าประกวด และเก็บตัวฝึกซ้อมเหมือนผู้เข้าประกวดทั้งเก้าคน” กีกี้รีบค้าน
“แต่เขาเคยแต่งงานแล้ว แถมยังมีประวัติฉาวโฉ่ จนผู้ชายทนไม่ไหว ไล่ออกจากบ้านด้วยซ้ำ”
“เครซี่ เครซี่ไปแล้ว ชั้นไม่ยอมเด็ดขาด”
จินจูเดินขึ้นไปฉวยไมค์มาพูด ซอนซามองแบบยิ่งเอะใจหนัก
“ถ้าอย่างนั้น พวกคุณมีใบทะเบียนสมรสมายืนยันหรือเปล่า ถ้าไม่มีแสดงว่ายังไม่ได้แต่ง และมีสิทธิ์เข้าร่วมการคัดเลือกอย่างถูกต้อง”
กีกี้ชะงัก ภัททิมาไม่ยอมแพ้
“แต่มันไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ผ่านผู้ชายมาตั้งกี่คนไม่รู้ นังนี่จะทำให้ภาพลักษณ์ของหนังเสื่อมเสียนะคะ”
“นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่ได้มีกฎห้าม แต่ถ้าคุณบอกอย่างนั้นเพื่อความเหมาะสม ชั้นจะให้หมอมาตรวจความบริสุทธิ์ทุกคน ถ้าคนไหนไม่ใช่ ก็ตกรอบไป ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย”
สามสาวมองหน้ากัน ภัททิมาหน้าซีด สาวๆ อีกห้าคนซุบซิบ ซอนซาเหลือบเห็นจินจูที่สบตาไข่มุก
“อะ เอ่อ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นมั้งคะ น้องแพรวว่า เราหยวนๆ กันไปดีกว่า ปรองดองไงคะปรองดอง ฮ่ะๆๆ”
น้องแพรวทำท่าปรบมือ ทุกคนปรบตามอย่างงงๆ กีกี้หันมองภัททิมากระซิบลอดไรฟัน
“แกเกือบทำเราตกรอบทุกคนแล้วมั้ยล่ะ นังลูกเป็ดเน่า”
“ใครจะรู้ว่าแบ็คดีขนาดนี้ เซ็งไก่”
ทั้งสิบสาวที่ได้รับเลือก จินจู แทยอน ซอนซา ถ่ายรูปรวมหน้าเวที แสงแฟลชวูบวาบ ภัททิมากับกีกี้ถองกันไปมาแต่ปั้นหน้ายิ้มหวาน
วันดีกระแทกตัวนั่งลงอย่างแรง ไข่มุกนั่งอยู่ใกล้ๆ เก็บของใส่กระเป๋าเล็กๆ
“แล้วอย่างงี้ใครจะช่วยแม่ขายของ ล่ะ เล่นหนีไปเล่นละเม็งละคร เก็บตัววุ่นวายอีก”
“ตอนนี้แม่ขายที่ไหนล่ะ หนูเห็นไปรับจ้างม็อบ ยืนเย้วๆ อยู่”
“ถึงงั้นก็เหอะ แกคนเดียวก็ขายได้นี่หว่า นี่ดั๊นนน ดันไปออดิช่งดิชั่น แถมยังเข้ารอบอีกซะงั้น แล้วจะให้แม่ทำไง”
ไข่มุกกอดแขนประจบ
“แต่ถ้าชนะ ได้เงินรางวัลห้าแสนนะแม่ ไม่รวมค่าแสดงหนังอีก”
วันดีหันมองตาเหลือก เปลี่ยนท่าที
“แล้วไม่บอกแต่แรก ไปเลย เอาให้ได้นะยะ แล้วก็ไม่ต้องมาย่งมาเยี่ยมข้า เดี๋ยวใครเขารู้ว่าขายส้มตำ คะแนนจะตกเอา”
“หนูไม่ได้ปิดนะ บอกเขาไปตั้งแต่แรก ไม่เห็นน่าอายตรงไหน”
วันดีอึ้ง มองหน้าไข่มุกจับแขนเบาๆ
“เฮ้อ แกนี่มันดีเหมือนแม่ไม่มีผิด สายเลือดแรงไม่ทิ้งแถวจริงๆ”
ไข่มุกยิ้ม กอดวันดีแน่น
“จะชมตัวเองก็ไม่บอก อ้อมค้อมจริงๆ แม่เรา ก็แม่เลี้ยงมา หนูก็ต้องดีเหมือนแม่สิ”
วันดีมองนิ่ง ตาเศร้า ขืนตัวไข่มุกออก
“แต่วันนึง ถ้าได้ดิบได้ดี อาจจะทิ้งแม่คนนี้ก็ได้”
ไข่มุกสบตาวันดี
“ไม่มีทางหรอก แม่เป็นแม่ หนูไม่มีวันทิ้งเด็ดขาด”
“แน่นะ แกพูดแล้วห้ามลืมนะ” ไข่มุกหัวเราะ
“จ้ะแม่ ยังไงๆ หนูก็จะอยู่กับแม่ ดูแลแม่ให้ดีที่สุด ถึงสบายแล้วก็ไม่ทิ้งแน่นอน สัญญาจ้ะ”
ไข่มุกเข้าไปกอดวันดีอีกครั้ง วันดีกอดตอบ แต่สายตาหม่นๆ ไม่วางใจ กลัวความแตกเรื่องจินจู
จบตอนที่ 9
อ่านต่อตอนที่ 10 เวลา 17.00น.