ตรัง - “โกขิก” หนุ่มจับงูจงอางยักษ์ 5 เมตร พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย อ.ห้วยยอด เปิดแถลงข่าว โต้มือดีโพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาตัดต่อภาพจับงูจงอางยักษ์ ยันเป็นงูจริง และไม่ได้พ่นกัญชาทำให้งูเมาก่อนจับ พร้อมแนะผู้ชอบจับงูต้องรู้วิธี มิเช่นนั้นอาจถึงแก่ชีวิตได้
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สมาคมกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถาน อ.ห้วยยอด เลขที่ 50/1 ถ.เทศบาล 16 ซ.3 อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นายวิสิษฐ์ สังขโชติ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 10 คน รวมทั้ง นายเฉลิม จิตราวุธ หรือโกขิก อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/10 ถ.เทศบาล 16 ซ.3 อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นผู้ที่จับงูจงอางยักษ์ เล่าว่า ทุกวันนี้ยึดอาชีพชำแหละเนื้อหมูขายในตลาดสดเทศบาล ต.ห้วยยอด และเป็นร่างทรง พร้อมไปกับการยึดอาชีพเป็นจิตอาสาช่วยจับงูเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งที่ไม่เคยไปเรียน หรือฝึกวิชามาจากที่ไหน หรือใช้วิชาคาถาอาคมใด แต่ที่สามารถจับงูได้โดยที่ไม่ถูกกัด หรือทำอันตรายใดเลยนั้น น่าจะเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทวดงูที่ตนเคารพนับถือบูชามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ช่วยปกป้องคุ้มครองตนให้รอดพ้นจากคมเขี้ยวอสรพิษทำร้ายทุกครั้ง
นายเฉลิม เล่าต่อไปว่า สาเหตุที่ทำให้ตนหันมาเป็นจิตอาสาช่วยจับงู เนื่องจากที่ผ่านมามีใจรักงู ประกอบกับไม่อยากเห็นชาวบ้านทำร้ายทุบตีงู เพราะงูก็เป็นสัตว์ที่รักชีวิตเหมือนมนุษย์ ด้วยเหตุดังกล่าว ตนจึงอาสาจับงูเอง ซึ่งที่ผ่านมาจับงูมาแล้วหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นงูเห่า งูจงอาง งูเหลือม และงูพิษชนิดอื่นๆ จำนวนมาก สำหรับวิธีการจับงูของตนไม่เหมือนใคร จะไม่ใช้เชือกคล้องคองูเพราะจะเป็นการทำร้ายงูทำให้งูดุร้ายมากยิ่งขึ้น แต่ตนจะใช้วิธีจับงูด้วยมือเปล่า แล้วพาไปปล่อยกลับสู่ในป่า
ซึ่งล่าสุด ก็ได้รับแจ้งว่า พบงูจงอางยักษ์ตัวดังกล่าวเลื้อยเข้าไปหลบซ่อนตัวในบ้านหลังหนึ่ง ตนจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ และก็พบว่าการจับงูในครั้งนี้ยากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากมีชาวบ้านที่ทราบข่าวได้แห่กันมามุงดูงูตัวดังกล่าวนับ 100 คน และต่างพยายามที่จะฝ่าวงล้อมเข้ามาดูการจับงู และถ่ายคลิป เนื่องจากไม่เคยเห็นงูจงอางใหญ่ขนาดนี้มาก่อน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถกันฝูงชนออกไปในระยะห่างได้ และนอกจากไทยมุงจะมากแล้ว เสียงที่ดังของชาวบ้านยังรบกวนสมาธิในการจับงูของตนด้วย จึงทำให้การจับงูในวันดังกล่าวล่าช้ากว่า 20 นาที ซึ่งปกติตนจะใช้เวลาในการจับงูไม่นาน
ส่วนกรณีที่มีภาพตนสูบมวนใบจากพ่นควันโขมงอยู่ในคลิปขณะจับงู จนมีการโพสต์ข้อความว่าตนสูบกัญชา และฝิ่นแล้วพ่นควันใส่งูเพื่อทำให้จับงูง่ายนั้น นายเฉลิม ยอมรับว่า ในวันดังกล่าวสูบมวนใบจากจริง แต่ยืนยันว่า เป็นการสูบโดยปกติทั่วไป และไม่ได้พ่นควันใส่งูตามที่มีการโพสต์แต่อย่างใด ส่วนที่งูยอมให้จับนั้นเป็นเพราะตนได้ยกมือไหว้บอกขอให้งูยอมไปกับตน เมื่องูมีท่าทีสงบหายจากอาการตื่นตกใจแล้ว และหมอบลง ตนก็ได้ใช้มือลูบหัวงูแล้วจับคล้องคอเดินออกมา
นอกจากนั้น ยังมีการกล่าวหาว่างูตัวดังกล่าวเป็นงูปลอม ซึ่งจากกระแสข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงต้องโพสต์คลิปงูฉบับเต็ม เพื่อยืนยันว่าเป็นงูจงอางยักษ์จริง ส่วนกรณีที่มีภาพตนจับงูตีพิมพ์เผยแพร่ลงในหนังสือพิมพ์หัวสีหลายฉบับ แต่เป็นงูคนละตัวกัน โดยภาพขวามือเป็นภาพงูจงอางที่จับที่ทางเข้าน้ำตกปากแจ่ม เมื่อวันที่ 10 ก.พ.56 ขณะที่ภาพซ้ายมือเป็นภาพล่าสุดที่จับได้เมื่อวันที่ 23 ก.พ.56 ซึ่งจากกระแสข่าวดังกล่าวที่ออกมา ไม่ได้ทำให้ตนน้อยใจ หรือหมดกำลังใจ มองว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ไม่สามารถไปห้ามความคิดของใครได้ และตนขอยืนยันว่า จะทำหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านโดยการจับงูต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนไปยังผู้ที่ชอบจับงูว่า หากมีผู้คนอยู่ในละแวกดังกล่าวจำนวนมากก็ให้กันคนออกนอกพื้นที่ แล้วพยายามอย่าส่งเสียงดัง ไม่อย่างนั้นงูจะตื่นตกใจ และเวลาจับงูจงอางต้องระวังเดือยของงูซึ่งอยู่ที่หางด้วย หากงูตกใจ หรือโกรธก็อาจทำร้ายผู้ที่จับจนเสียชีวิตได้
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สมาคมกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถาน อ.ห้วยยอด เลขที่ 50/1 ถ.เทศบาล 16 ซ.3 อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นายวิสิษฐ์ สังขโชติ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 10 คน รวมทั้ง นายเฉลิม จิตราวุธ หรือโกขิก อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/10 ถ.เทศบาล 16 ซ.3 อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นผู้ที่จับงูจงอางยักษ์ เล่าว่า ทุกวันนี้ยึดอาชีพชำแหละเนื้อหมูขายในตลาดสดเทศบาล ต.ห้วยยอด และเป็นร่างทรง พร้อมไปกับการยึดอาชีพเป็นจิตอาสาช่วยจับงูเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งที่ไม่เคยไปเรียน หรือฝึกวิชามาจากที่ไหน หรือใช้วิชาคาถาอาคมใด แต่ที่สามารถจับงูได้โดยที่ไม่ถูกกัด หรือทำอันตรายใดเลยนั้น น่าจะเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทวดงูที่ตนเคารพนับถือบูชามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ช่วยปกป้องคุ้มครองตนให้รอดพ้นจากคมเขี้ยวอสรพิษทำร้ายทุกครั้ง
นายเฉลิม เล่าต่อไปว่า สาเหตุที่ทำให้ตนหันมาเป็นจิตอาสาช่วยจับงู เนื่องจากที่ผ่านมามีใจรักงู ประกอบกับไม่อยากเห็นชาวบ้านทำร้ายทุบตีงู เพราะงูก็เป็นสัตว์ที่รักชีวิตเหมือนมนุษย์ ด้วยเหตุดังกล่าว ตนจึงอาสาจับงูเอง ซึ่งที่ผ่านมาจับงูมาแล้วหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นงูเห่า งูจงอาง งูเหลือม และงูพิษชนิดอื่นๆ จำนวนมาก สำหรับวิธีการจับงูของตนไม่เหมือนใคร จะไม่ใช้เชือกคล้องคองูเพราะจะเป็นการทำร้ายงูทำให้งูดุร้ายมากยิ่งขึ้น แต่ตนจะใช้วิธีจับงูด้วยมือเปล่า แล้วพาไปปล่อยกลับสู่ในป่า
ซึ่งล่าสุด ก็ได้รับแจ้งว่า พบงูจงอางยักษ์ตัวดังกล่าวเลื้อยเข้าไปหลบซ่อนตัวในบ้านหลังหนึ่ง ตนจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ และก็พบว่าการจับงูในครั้งนี้ยากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากมีชาวบ้านที่ทราบข่าวได้แห่กันมามุงดูงูตัวดังกล่าวนับ 100 คน และต่างพยายามที่จะฝ่าวงล้อมเข้ามาดูการจับงู และถ่ายคลิป เนื่องจากไม่เคยเห็นงูจงอางใหญ่ขนาดนี้มาก่อน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถกันฝูงชนออกไปในระยะห่างได้ และนอกจากไทยมุงจะมากแล้ว เสียงที่ดังของชาวบ้านยังรบกวนสมาธิในการจับงูของตนด้วย จึงทำให้การจับงูในวันดังกล่าวล่าช้ากว่า 20 นาที ซึ่งปกติตนจะใช้เวลาในการจับงูไม่นาน
ส่วนกรณีที่มีภาพตนสูบมวนใบจากพ่นควันโขมงอยู่ในคลิปขณะจับงู จนมีการโพสต์ข้อความว่าตนสูบกัญชา และฝิ่นแล้วพ่นควันใส่งูเพื่อทำให้จับงูง่ายนั้น นายเฉลิม ยอมรับว่า ในวันดังกล่าวสูบมวนใบจากจริง แต่ยืนยันว่า เป็นการสูบโดยปกติทั่วไป และไม่ได้พ่นควันใส่งูตามที่มีการโพสต์แต่อย่างใด ส่วนที่งูยอมให้จับนั้นเป็นเพราะตนได้ยกมือไหว้บอกขอให้งูยอมไปกับตน เมื่องูมีท่าทีสงบหายจากอาการตื่นตกใจแล้ว และหมอบลง ตนก็ได้ใช้มือลูบหัวงูแล้วจับคล้องคอเดินออกมา
นอกจากนั้น ยังมีการกล่าวหาว่างูตัวดังกล่าวเป็นงูปลอม ซึ่งจากกระแสข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงต้องโพสต์คลิปงูฉบับเต็ม เพื่อยืนยันว่าเป็นงูจงอางยักษ์จริง ส่วนกรณีที่มีภาพตนจับงูตีพิมพ์เผยแพร่ลงในหนังสือพิมพ์หัวสีหลายฉบับ แต่เป็นงูคนละตัวกัน โดยภาพขวามือเป็นภาพงูจงอางที่จับที่ทางเข้าน้ำตกปากแจ่ม เมื่อวันที่ 10 ก.พ.56 ขณะที่ภาพซ้ายมือเป็นภาพล่าสุดที่จับได้เมื่อวันที่ 23 ก.พ.56 ซึ่งจากกระแสข่าวดังกล่าวที่ออกมา ไม่ได้ทำให้ตนน้อยใจ หรือหมดกำลังใจ มองว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ไม่สามารถไปห้ามความคิดของใครได้ และตนขอยืนยันว่า จะทำหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านโดยการจับงูต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอฝากเตือนไปยังผู้ที่ชอบจับงูว่า หากมีผู้คนอยู่ในละแวกดังกล่าวจำนวนมากก็ให้กันคนออกนอกพื้นที่ แล้วพยายามอย่าส่งเสียงดัง ไม่อย่างนั้นงูจะตื่นตกใจ และเวลาจับงูจงอางต้องระวังเดือยของงูซึ่งอยู่ที่หางด้วย หากงูตกใจ หรือโกรธก็อาจทำร้ายผู้ที่จับจนเสียชีวิตได้
