xs
xsm
sm
md
lg

เลือกผู้ว่าฯ กทม.ใครจะชนะ

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

​เหลืออีกเพียงอาทิตย์เดียวคนกรุงเทพฯ ก็จะได้ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่แล้ว

​วันที่ 3 มีนาคม เป็นวันหย่อนบัตรเลือกตั้งเพื่อดูว่าคำตอบสุดท้าย คนกรุงเทพฯ จะมอบความไว้วางใจให้ใคร ในการแข่งขันที่เข้มข้นนี้บรรยากาศการหาเสียงจึงคึกคักมาก ต่างฝ่ายต่างสรรหากลยุทธ์ งัดไม้เด็ดออกมาสร้างกระแสดึงมวลชนไว้ข้างตน ต่างคนต่างก็ลุยเก็บคะแนนใช้กลเม็ดทุกรูปแบบเก็บกวาดเสียงไว้ให้มากที่สุด​

​นอกเหนือจากวิธีการต่างๆ ที่ใช้กันตามปกติแล้ว ยังมีวิชามารใช้กันดังเป็นข่าวตั้งแต่การทำลายป้าย ตัดต่อภาพในโซเชียลมีเดีย ทั้งการเกทับบลัฟแหลก ปล่อยข่าวโจมตีกันให้ร้ายป้ายสีไม่เว้นแต่ละวัน สรุปได้ว่าชิงความได้เปรียบกันทุกรูปแบบ เงื่อนไขเวลาใกล้เข้ามาเท่าไร การหาเสียงก็เร่าร้อนเท่านั้น

​ผู้สมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.มีทั้งสิ้น 20 กว่าคน แต่คู่ชิงถูกสื่อหยิบขึ้นมาโฟกัสแค่ 2 คน คือพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญจากพรรคเพื่อไทยกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรจากพรรคประชาธิปัตย์ สองพรรคสองขั้ว สองอุดมการณ์ คู่แข่งวัดดวงระหว่างเจ้าถิ่นแชมป์เก่ากับหน้าใหม่ที่หวังขี่กระแสนิยมเข้ามาเป็นฟอร์มสดๆ ซิงๆ

​ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พงศพัศ เกาะกระแสโพลสำนักต่างๆ นำหน้าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มาตลอด จนกระทั่งโค้งสุดท้ายโพลต่างๆ ให้เปอร์เซ็นต์สูสีกันมากจนเรียกว่าบอกไม่ได้ว่าคนกรุงเทพฯ จะเทใจให้ใครเมื่อเข้าคูหาจริงๆ

​ดังนั้น ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าปักใจกับกระแสโพล ต้องตัดสินใจเดินหน้าใช้ยุทธศาสตร์เก็บคะแนนในโค้งสุดท้ายช่วงชิงคะแนนกันแบบไม่ให้พลาดเป็นอันขาด

​พรรคเพื่อไทยกระตุ้นสมาชิกพรรคให้ร่วมกันรณรงค์หาเสียงช่วยพล.ต.อ.พงศพัศในช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อเปลี่ยนกระแสให้เป็นคะแนนโดยขอให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยใช้เครือข่ายรณรงค์ให้คนกรุงเทพฯ ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากที่สุด วิธีนี้เพื่อให้คะแนนดิบมากกว่าฐานดิบของพรรคประชาธิปัตย์ที่ว่ามีอยู่ประมาณ 9 แสนคะแนนให้จงได้

​สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้นเชิญชวนผู้สนับสนุนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ให้ไปเลือกด้วย 3 วิธีคือ 1. บอกต่อๆ กันไป 2. โทร.ไปชวนญาติพี่น้อง 3. บอกเพื่อนร่วมงาน โดยเชื่อว่า 3 วิธีนี้จะช่วยให้เป็นเครือข่ายที่หนาแน่นพอที่จะสร้างอำนาจของฐานคะแนนที่ทรงพลังได้และเป็นการหาเสียงแบบถึงลูกถึงคน

​ประเมินคะแนนกันแบบวงในของทั้งสองพรรคแล้ว พรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะชนะคู่แข่งแบบเฉียดฉิวประมาณ 5 หมื่นเสียง ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็เชื่อว่าพล.ต.อ.พงศ์พัศจะชนะประมาณ 1 แสนเสียง

​เรียกว่าไม่ชนะกันขาดลอยถึง 2- 3 แสนเสียงเหมือนครั้งที่ผ่านมา

​ในแง่จุดหลักของการโฆษณา พรรคเพื่อไทยมีคำขวัญอยู่ที่การบริหารแบบไร้รอยต่อหรือบริหารเชื่อมโยงระหว่างกทม.กับรัฐบาลกลมกลืนกันไปซึ่งในทางยุทธศาสตร์เชิงบริหารเป็นเรื่องสร้างสรรค์ และทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าถ้าได้ผู้ว่าฯ กทม.เป็นคนพรรคเดียวกับรัฐบาลการประสานงานก็จะมีความคล่องตัว การผลักดันนโยบายหรือโครงการต่างๆ และการแก้ปัญหาจะเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็วแบบไร้รอยต่อจริงๆ ซึ่งเท่ากับไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกซ้อนถ่วงการทำงานนั่นเอง

​ไม่เป็นอุปสรรคเหมือนสถานการณ์ตอนน้ำท่วมใหญ่ครั้งที่ผ่านมา

​ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้นโฆษณา “เดินหน้าสานต่อทำทันที” เป็นการขายความต่อเนื่องในเชิงบริหารการยึดครอง กทม.มา 3-4 สมัย ซึ่งเป็นการโฆษณาที่ตรงเป้าเพราะเท่ากับเป็นการได้ทีมงานคนเก่า ไม่ต้องเสียเวลาฝึกงานเข้ามาสานต่องานได้ทันที

​แต่ผลงานในสมัยที่ผ่านมาของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์นั้น ไม่ค่อยเข้าตาคน กทม.ตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมใหญ่ที่ลุยแก้ปัญหาแบบโหลยโท่ย มาเจอกับฝนกลางปีน้ำท่วมถนนล้นท่อรถติดวินาศสันตะโร และการสร้างสนามฟุตซอลเสียหายนับพันล้านที่ทำแล้วไม่ได้ใช้งาน เท่ากับว่าที่ผ่านมาทำแล้วยังทำไม่ได้ดี จะกลับมาทำอีกรอบจะทำอะไรได้เล่า

​เดิมพันครั้งนี้พรรคเพื่อไทยถ้าเอาชนะได้ก็จะลบคำสบประมาทว่าเป็นพรรคต่างจังหวัด ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะแพ้ไม่ได้ เพราะหากเสียแชมป์ไปก็เท่ากับว่ากลายเป็นพรรคปักษ์ใต้ไป

กำลังโหลดความคิดเห็น