xs
xsm
sm
md
lg

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 9

ทุกคนถึงที่หมายในเวลายามเย็น แอ่งน้ำตกกว้างขวางสวยงามปรากฏขึ้นต่อหน้า พีท แพท ประทิน และอะตอม ทั้ง 4 คนมองอย่างตื่นตาตื่นใจ

“แถวนี้เป็นน้ำตกแห่งใหม่เพิ่งค้นพบไม่นาน ที่ผมอยากให้คุณมาด้วยก็เพื่อที่จะได้ช่วยกันคิดกิจกรรมสำหรับแขกของโรงแรมเราที่นี่”
“น้ำแรงแบบนี้น่าจะจัดล่องแก่งได้มั้ยคะ” แพทออกไอเดีย
“ถ้าน้ำไม่ลึกมาก และไม่อันตราย ก็น่าสนใจ แต่ก็ต้องมาสำรวจเรื่องของความปลอดภัยให้ดีก่อน”
“แหงอยู่แล้วละ”
“เดี๋ยวคุณลองขึ้นไปที่ชั้นบนกับผม...มันเป็นลานกว้าง ผมอยากให้เรามีการตั้งโต๊ะอาหารเช้าแบบอัฟริกา ผมว่าแขกของเราน่าจะชอบ”
แพทลังเลด้วยห่วงลูกชาย “ต้องเดินไกลมั้ยคะ ฉันกลัวว่าอะตอมจะเดินไม่ไหว”
พีทชะงักมองมายังอะตอม
“ถ้างั้นคุณพีทขึ้นไปกับคุณแพทเลยครับ ผมจะดูคุณหนูอะตอมให้” ประทินบอก
อะตอมยิ้มแฉ่ง “ดีครับผมอยากดูปลาตรงแอ่งน้ำนั้น อะตอมไม่อยากขึ้นไปด้านบน”
แพทยังลังเล
“แต่ว่า...”
“ไปเถอะครับ ด้านบนสวยจริงๆ ผมรับรองว่าผมจะดูแลอะตอมให้เป็นอย่างดีเลย” ประทินบอก
“แต่อะตอมต้องสัญญานะว่า ห้ามลงเล่นน้ำ เพราะมันอันตราย” แพทกำชับลูกชาย
“สัญญาฮะ อะตอมจะนั่งดูปลาอยู่แค่ตรงฝั่งจริงๆ”
แพทลังเลนิดๆ
“หรือคุณจะมาอีกทีวันหลัง” พีทว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ...ขึ้นไปดูเลยก็ได้...ฝากดูอะตอมด้วยนะคะคุณประทิน ถ้าแกซนก็ดุได้เลยนะคะ”
แพทเดินกับพีทห่างออกไป อะตอมยิ้มกว้างกับประทิน แล้ววิ่งไปนั่งดูปลาที่ริมแอ่งน้ำ ประทินค่อยๆ เดินตามไป

ส่วนพีทและแพทเดินบุกป่าไปด้วยกันตามทางริมน้ำตก
“ทำไมคุณถึงไม่อยากกลับบ้าน...ที่บ้านมีอะไรเหรอ...หรือว่า น้าทิพที่พึ่งรับมาเค้าทำปัญหาอะไร ท่าทางแกดูแปลกๆ อยู่นะ ผมว่า...”
แพทแหวใส่ “คุณจะมาจับผิดอะไรครอบครัวฉัน ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายที่จะต้องจับตาดูคุณ...พฤติกรรมคุณมันไม่น่าไว้ใจเอาซะเลยสำหรับฉัน”
“แล้วคุณจะให้ผมรอไปอีกนานแค่ไหน ถึงจะยอมให้ผมแต่งานกับรัญ...คุณรู้รึเปล่าว่ารัญเค้าก็อยากจะ...”
แพทขัดขึ้น ไม่ต้องการฟัง “ทำไมคุณถึงต้องรีบร้อนนัก ใจร้อนอะไรหนักหนาเหรอถึงได้รอไม่ได้...น่ารำคาราญจริงๆ บอกตรงๆ”
แพทสะบัดหน้าพรืด เดินหนีไปอีกทาง
“อย่า” พีทจับแขนรั้งไว้
แพทมองที่มือ “อย่ามาขอร้องเสียให้ยาก...ปล่อยฉันได้แล้ว”
“ผมไม่ได้ข้อร้องคุณ แต่ผมว่าคุณอยู่เฉยๆ อย่าหันไปดีกว่าคุณ”
“เหอะๆ อย่ามาเล่นมุกนี้กับฉัน ฉันรู้ทันหรอกนะ จะหลอกว่าข้างหลังมีงู แล้วให้ฉันร้องลั่นป่าให้คุณหัวเราเยาะงั้นเหรอ ไม่มีทาง ฉันดูละครมาเยอะมุกนี้ใช้ไม่ได้กับฉัน” แพทบอกอย่างอวดเก่ง
พีทปล่อยแขน “งั้นก็ตามใจ”
แพทสะบัดหน้าหันไป มองด้านล่างแล้วก็หยักไหล่เย้ยพีทว่าไม่เห็นมีอะไร กำลังจะก้าวขาต่อแต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นงูเหลือมเกาะกิ่งไม้ที่ยื่นมา อยู่ในระดับสบสายตาแพทพอดี งูกับแม่ม่ายขาวีนสบตากันไปมาอยู่พักเดียวแพทก็ร้องกรี๊ด
“แอร๊ยยย”
แพทตกใจวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว พีทหัวเราะชอบใจ

ฟากอะตอมเอาเท้าแช่น้ำ ตามองเขม็งที่ปลาตัวที่ว่ายอยู่ในแอ่ง
“โอ้โหย...ปลาเต็มเลยครับลุงประทิน”
“อย่าลงไปนะครับอะตอม” ประทินบอก
“นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอฮะ ตอมอยากเอาเท้าแช่น้ำ” เด็กชายว่า
“แค่แช่น้ำน่ะได้ แต่ก้อนหินมันลื่น ลุงกลัวอะตอมจะตกลงไปในน้ำ เดี๋ยวแม่แพทของอะตอมเค้าจะมาฆ่าลุงทีหลัง”
“ไม่ฆ่าหรอกครับ แม่แพทใจดี ขออะตอมเอาเท้าแช่น้ำนิดนึงนะครับ”
ประทินถอนใจ “ก็ได้...แต่แช่อยู่แค่นั้นนะครับ ห้ามลงไปเล่นเกินกว่านั้น”
อะตอมดีใจ “ค๊าบ...”
อะตอมเอาเท้าลงไปแกว่งน้ำเล่น ตามองปลาสบายใจเฉิบ และมีความสุข ประทินแหงนหน้ามองฟ้า
“ฟ้าดูครึ้มพิกล...ฝนจะตกมั้ยล่ะเนี่ย โทร.เร่งคุณพีทดีกว่า ว่าให้มาวันหลัง”
ประทินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่โทรศัพท์ดังซะก่อน
“ฮัลโหล...ว่าไงฝน อะไรนะ แขกไม่พอใจเรื่องเครื่องทำน้ำอุ่นเหรอ...อ้าวทำไมล่ะ...ที่ห้องไหน...เสียตั้งแต่ตอนไหน ทำไมชั้นไม่รู้”
ท่าทางประทินดูซีเรียสมาก
จังหวะเดียวกัน อะตอมตาลุก เห็นปลาสีทองๆ ว่ายอยู่ในน้ำ ท่าทางอะตอมติดใจสุดๆ กันไปมองเห็นประทินพูดโทรศัพท์หมกมุ่นไม่ได้สนใจมองมา อะตอมก้มจะพยายามช้อนปลา แต่ปลาว่ายน้ำหนี อะตอมขยับตามปลาไปทีละนิดๆ
“ย้ายห้องสิ คุณรัญอยู่รึป่าว...บอกคุณรัญให้ช่วยดูห้องที่ว่างอยู่แล้วย้ายด่วนเลย เรื่องแค่นี้มันไม่น่าจะป็นปัญหา...มันไม่เกี่ยวหรอกว่ามันจะเสียจริง หรือเป็นแค่แขกที่เอาแต่ใจ แต่เราก็ต้องทำตามความต้องการของแขก...เข้าใจนะ งั้นแค่นี้แหละ...เดี๋ยวฉันจะรีบกลับไปจัดการ”
ประทินวางหูท่าทางหงุดหงิด แล้วหันมาทางอะตอม
“อะตอมเดี๋ยวเรากลับกันก่อนมั้ย...ลุง...”
ประทินชะงัก เพราะอะตอมไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ประทินตกใจ
“อะตอม...อะตอม”
ประทินพยายามวิ่งตามหาอะตอมแถวๆ นั้น แต่ไม่มีร่างของอะตอม ประทินตกใจสุดขีด

หลังจากหนีออกมาจาก พีระ แรนโช สำเร็จ เปลี่ยนและชิด พากันปีนเข้ามากับในรั้วบ้านกำนัน มีลูกน้องกำนัน 2 คน เฝ้าอยู่ เปลี่ยนรอจังหวะเหมาะๆ พอลูกน้องหันไปทางอื่น ก็เข้าไปล็อคตัว เอามีดปาดคอตายคาที่ ส่วนอีกคนชิดก็ต้องออกแรงแลกหมัดต่อยกันสองสามที ก่อนที่ลูกน้องกำนันจะถูกแทงตายเช่นกัน เปลี่ยนกับชิดหยิบปืนจากศพลูกน้องถือติดตัวมา

ส่วนกำนันยังไม่รู้ว่ามัจจุราชกำลังมาเยือน เพราะนอนหลับตาพริ้มให้ผู้หญิงนวดอย่างเคลิบเคลิ้ม เปลี่ยนกับชิดเข้ามาหน้าตาดุดัน ผู้หญิงร้องกรี๊ด กำนันถลาไปหยิบปืนที่วางอยู่ไม่ไกลแต่ไม่ทัน เปลี่ยนก้าวพรวดถึงตัวและเอาปืนเล็งไว้ก่อน
กำนันตกใจ “ไอ้เปลี่ยน เอ็งเองเหรอ”
“คิดว่าข้าตายไปแล้วล่ะสิ เพราะเอ็งหักหลังข้า คิดจะเผาข้าทั้งเป็น” เปลี่ยนพูดอย่างเคืองแค้น
“ข้ารู้ ว่ายังไงเอ็งก็คิดหาทางหนีเอาตัวรอดได้...ข้าจะฆ่าไอ้พีทนั่นต่างหาก” กำนันพยายามแก้ตัว
เปลี่ยนไม่เชื่อเอาปืนในมือ ตบเปรี้ยงเข้าที่ปากกำนัน
“โกหก! เอ็งอยากให้ข้าตายชัดๆ”
กำนันพับไป ชิดยืนคุมเชิงอยู่มองอย่างสะใจ จังหวะนี้ลูกน้องกำนันค่อยๆ ย่องเข้ามา ชิดเพิ่งหันไปเห็นโดนแตะปืนทิ้ง ก่อนจะเปิดฉากบู๊กัน เปลี่ยนหันไปดู กำนันได้สติลืมตาขึ้นมา คว้าเอาไม้ตะพดที่วางอยู่ใกล้ๆ หวดเปลี่ยนเต็มแรง ให้เปลี่ยนเสียจังหวะ ลูกน้องที่เหลือถลาเข้ามาสู้แทน ปืนในมือเปลี่ยนกระเด็นไป จนในที่สุดทั้งชิดและเปลี่ยน ก็ตกอยู่ในวงล้อมของกำนัน กับลูกน้อง
ลูกน้องกำนัน เล็งปืนมาที่สองคนเขม็ง สองคนไม่กล้าขยับไปไหน
“ตอนนี้....เอ็งหนีไม่รอดแล้วไอ้เปลี่ยน”

เปลี่ยนแค้นใจออกอาการฮึดฮัด ที่เสียท่าจนมุมกำนันจนได้

ส่วนที่ธารน้ำตกด้านล่าง ประทินวิ่งเข้ามาตามหาอะตอมในบริเวณนั้นด้วยอาการร้อนรน บรรยากาศมืดครึ้มคล้ายฝนจะตกเต็มที 

“อะตอม...หนูอะตอม....อะตอมอยู่ที่ไหน....วู้”
ประทินเหลียวมองรอบทิศ เมื่อไม่เจอจึงวิ่งออกไปอีกที่ อย่างร้อนใจ

ขณะเดียวกันหมัดจากมือลูกน้องกำนันถูกประเคนเข้าตามเนื้อตัวเปลี่ยนและชิดเสียงดังตุ๊บตั๊บ ลูกน้องช่วยกันรุมจนทั้งคู่ดูสะบักสะบอมไปตามๆ กัน กำนันยกมือขึ้นห้าม
“พอก่อน” พร้อมกับเดินมาจิกหัวเปลี่ยนให้เงยขึ้น “นี่เป็นบทเรียนที่ข้าอยากสอนเอ็งว่า...อย่ากล้าลองดีกลับข้าอีก....” แล้วหันไปสั่งลูกน้องเสียงเหีร้ยม “จัดการได้”
ลูกน้องควักปืนออกมาเหนี่ยวไก เปลี่ยนตัวสั่นงันงก ลนลานยกมือไหว้ขอชีวิต ก่อนจะคลานเข้าไปกราบเท้ากำนัน
“อย่า ฉันผิดไปแล้ว ฉันทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไว้ชีวิตฉันเถอะพ่อกำนัน ฉันจงรักภักดีต่อกำนันนะ เรื่องที่ดิน ฉันก็ไม่เคยปริปาก บอกไอ้พีทว่ากำนันอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ชั้นยอมให้มันไล่ออกมาเนี่ย”
ชิดรีบเสริมลูกพี่ “จริง ฉันเป็นพยานได้ เราสองคนไม่เคยเอาเรื่องของกำนันไปขายเลย”
กำนันฉุนขาด เตะอัดไปอีกโครม “โกหก ไม่ปริปากบอกแล้วทำไมไอ้เจ้าของที่สองผัวเมียมันถึงกล้าไปแจ้งตำรวจ ว่าข้าข่มขู่มันให้ขายที่ ถ้าไม่มีไอ้พีทคอยหนุนหลังมันจะกล้าเหรอ”
“งั้นไอ้พีทมันก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีก แค่นี้มันก็หนุนหลังใครไม่ได้! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชั้นเถอะกำนัน ชั้นจะจัดการกับมันเอง มันคงไม่โชคดีไปทุกครั้งหรอก เชื่อใจชั้นเถอะ” เปลี่ยนบอก
กำนันยิ้มร้ายสีหน้าเยือกเย็น “เพราะอะไร เอ็งถึงได้นึกว่า ข้าจะเชื่อใจเอ็งวะ ไอ้เปลี่ยน”
กำนันก้มมามองประเมินเปลี่ยน ดึงเอาปืนมาจากมือลูกน้องมาเล็งใส่ ก่อนจะขึ้นลำกล้อง เปลี่ยนถึงกับผงะ หน้าซีดเผือกเหงื่อแตกพลั่ก!

ทางด้านแพทวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหยุดยืนลิ้นห้อย หอบเหนื่อยแฮ่กๆ พีทวิ่งตามมาหัวเราะชอบใจ
“หัวเราะอะไร” แพทแหวใส่
พีทขำกลิ้ง “ก็หัวเราะคนที่กลัวงูยังไงล่ะ....ไหนคุณว่าไม่กลัว ที่ไหนได้...วิ่งทำสถิติโลกเลย”
แพทรู้สึกเสียฟอร์มรีบโวยวายกลบเกลื่อน “หนวกหู! พูดจาเพ้อเจ้ออยู่นั่นแหละ...จะให้ไปดูที่ตรงไหนก็รีบๆบอกมาเร็ว เสียเวลา ฝนฟ้าทำท่าจะตกแล้วด้วย”
พีทยิ้มเยาะนิดๆ “ถ้างั้นก็เชิญทางนี้สิคร้าบ...คุณวิ่งย้อนกลับมาอย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่มันจะถึงล่ะคร้าบ”
ว่าแล้วพีทแกล้งโค้งคำนับ แล้วผายมือเชิญล้อๆ แพทหมั่นไส้ถึงขีดสุด ลุกเดินกระแทกเท้าจะไปแล้วบังเอิญสะดุดก้อนหินแถวๆนั้น ร่างเสียหลักจนเซถลา
แพทร้องลั่น “ว้าย”
พีทมือไว คว้าเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่แพทจะล้มพอดิบพอดี จึงเหมือนกับว่าสองคนกอดกันอยู่ดี ทั้งคู่สบตากันตกใจนิ่งกันไปทั้งคู่ด้วยความรู้สึกประหลาดในใจ ต่างคนต่างทำอะไรไม่ถูก
จู่ๆ ฝนเทลงมาทันที ทั้งคู่ได้สติ รีบผละออกจากกัน
“ฝนตก! หลบก่อนเถอะคุณ”
“อะตอมอยู่ข้างล่าง เป็นอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้ ลงไปดูอะตอมก่อนเถอะค่ะ”
แพททำท่าจะออกไป เจอประทินที่วิ่งฝ่าสายฝน หน้าตาตื่นเนื้อตัวเปียกปอนเข้ามาพอดี
“คุณพีทครับ....คุณแพท”
“คุณประทิน” แพทมองหาลูกชาย “อะตอมล่ะคะ”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ...คือ...หนูอะตอม...หายไป”

พีทตกใจ ส่วนแพทช็อกนำไปแล้ว ตกตะลึงตัวแข็งทื่อ ไม่เชื่อหูตัวเอง
 
อ่านต่อหน้า 2

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 9 (ต่อ)

สามคนพากันมาตั้งต้นหาที่ลำธารบริเวณน้ำตกชั้นล่าง ขณะที่ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ประทิน แพท และพีท เดินตะโกนตามหาอะตอม

“อะตอม อะตอม อยู่ที่ไหนลูก...อะตอม” แพทใจจะขาดเสียให้ได้
“หนูอะตอม...ได้ยินลุงมั้ย” ประทินตะโกน
“ผมว่าพวกเราแยกย้ายกันตามหาดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยมาเจอกันตรงนี้ อะตอมคงจะไปไหนไม่ไกลหรอก...” ประทินเสนอความเห็น
“คุณประทินแน่ใจนะคะ ว่าอะตอมไม่ได้ลงไปในน้ำ” แพทสงสัย
“แน่ใจครับ ตอมผมพูดโทรศัพท์ แกก็นั่งอยู่บนฝั่ง ไม่มีเสียงตกน้ำอะไรเลย”
แพททำท่าจะร้องไห้ พีทตัดบท
“รีบไปกันเถอะ ฝนตกแบบนี้ในป่าจะมืดเร็ว...เราควรจะรีบตามหาอะตอมให้เจอให้เร็วที่สุด”
ประทินพยักหน้ารับ แล้ววิ่งไปทางหนึ่ง พีทมองหน้าแพทที่ปาดน้ำตาด้วยความตกใจ แล้วจับไหล่ปลอบๆ
“ใจเย็นๆ คุณแพท...เราจะต้องเจออะตอม ผมสัญญา”
แพทพยักหน้าอย่างมีความหวัง แล้วพีทก็วิ่งออกไปอีกทาง แพทเหลียวมองรอบๆ ตัว...

ไม่นานต่อมา แพทเดินสะเปะสะปะอยู่กลางฝนในอีกมุมของป่า เปียกปอนทั้งตัว...
“อะตอม....อะตอม..อยู่ที่ไหน....อะตอม”
แพทไม่ทันระวังลื่นพรืด ล้มลง แพทแค้นใจจนน้ำตาไหล
“อะตอม...หนูอยู่ไหนลูก”
จังหวะนี้เสียงอะตอมดังขึ้น “ตอมอยู่นี่ครับ”
แพทผงะ เหลียวมองไปรอบๆ
จนเห็นว่าที่ใต้หินก้อนใหญ่ ร่างของอะตอมค่อยๆ คลานออกมา มือยังประคองหมวกอยู่อย่างหวงแหน
“อะตอม!”
แพทถลาเข้าไปกอดอะตอม ทั้งร้องไห้และหัวเราะไปพร้อมกัน
“ฝนตก อะตอมกลัวจะเปียกแล้วแม่แพทดุ อะตอมก็เลยเข้ามาหลบฝนอยู่ตรงนี้”
แพทกอดอะตอมอีกครั้งแล้วตะโกนก้องบอก 2 คน
“คุณพีทคะ คุณประทิน ชั้นเจออะตอมแล้วค่ะ”
“อะตอมไม่ได้เหลวไหลนะครับ อะตอมไปจับปลาแล้วพอหันมาลุงประทินก็ไม่รู้หายไปไหนแล้ว...อย่าโกรธอะตอมนะครับ”
อะตอมยื่นหมวกให้ดู ข้างในนั้นมีปลาสองตัวที่ตามจับ แพทพูดไม่ออก
พีทกับประทินวิ่งกลับเข้ามาพอดี
“อะตอม” ประทินตื่นเต้นระคนดีใจ
“ลุงประทินหายไปไหนมาครับ อะตอมคอยแทบแย่” เด็กชายย้อนถาม
“อะตอมอย่าทำอย่างนี้กับลุงอีกนะ ลุงหัวใจจะวายเอา..เผลอแป๊บเดียวแท้ๆ”
พีทมองรอบตัว แล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้า ท่าทางกังวลใจ
“ผมว่า..เรารีบกลับกันดีกว่า ฝนตกขนาดนี้อยู่ในป่านานๆ มันจะไม่ดี”
ประทินเห็นด้วย “นั่นน่ะสิครับ ผมก็ว่าอย่างนั้น”
แพทก้มลงอุ้มอะตอมไว้ในอ้อมแขน อะตอมมองไปทางลำธารท่าทางตกใจ
“แม่แพทครับ..ดูอะไรนั่นสิครับ”
ทุกคนหันไปมองตามที่อะตอมบอก แล้วทำหน้าตกใจ เห็นเป็นน้ำป่าสภาพขุ่น มีทั้งเศษใบไม้ กิ่งไม้ พุ่งมาเข้าหาทุกคนอย่างแรง
เสียงพีทตะโกนสุดเสียง “ระวัง” แล้วพุ่งตัวหาแพทกับอะตอม
เสียงแพทที่กอดอะตอมแน่นร้อง “ว้าย...”

ด้านรัญธิดากลับถึงบ้านตอนเย็นจวนค่ำ ก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องฝนยังคงตกอยู่ รัญธิดาตัดสินใจดึงลิ้นชักโต๊ะหัวเตียง หยิบสร้อยที่เก็บไว้ลึกสุดออกมาดูอีกครั้ง คิดถึงความรักในอดีต แล้วจะขว้างทิ้งอีกครั้ง ทิพปภาเปิดประตูเข้ามาพอดี รัญธิดารีบเอาสร้อยใส่กลับไปในกล่องอย่างเดิม
“รัญ ทำอะไรอยู่ลูก กลับมาก็ขลุกตัวอยู่ในห้อง เป็นอะไรหรือเปล่า”
รัญธิดาต่อว่าเสียงขุ่น “หนูบอกแม่แล้วใช่มั้ย ว่าเวลาจะเข้ามาในห้อง ต้องเคาะประตูก่อน”
“จ๊ะแม่ขอโทษ...ไปกินข้าวกันเถอะ ยายแพทกับอะตอมคงจะเลยไปร้านกาแฟ ตอนบ่ายๆ เค้าบอกแม่ว่าไม่ต้องรอกินข้าวเย็น...แม่ทำของโปรดไว้ให้หนูกินด้วยนะ”
รัญธิดายิ้มเย้ย “แม่รู้ด้วยเหรอว่าของโปรดของหนูคืออะไร”
“ทำไมจะไม่รู้ ก็หนูชอบไข่พะโล้กับพะแนงเนื้อ...แม่เตรียมไวให้หมดแล้ว”
“ขอโทษนะคะ หนูเลิกกินแล้ว ของพวกนั้นไม่มีอะไรดีกับสุขภาพสักนิด” รัญธิดาบอก
ทิพปภาหน้าเสีย “อ้าว แล้ว...หนูอยากกินอะไรล่ะ...บอกแม่สิ เดี๋ยวแม่ทำให้”
“หนูไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น เลิกยุ่งกับหนูซักที”
รัญธิดาหงุดหงิดลุกขึ้นเดินหนีออกจากห้องไป ทิพมองตามเศร้าๆ

ขณะเดียวกันที่กลางป่า ฝนตกหนัก ทำให้กระแสน้ำป่าบริเวณน้ำตกไหลแรงปั่นป่วน เห็นมีหัวใครผลุบๆ โผล่ๆ ตรงธารน้ำใต้น้ำตก ปรากฏว่าเป็นพีทที่กอดอะตอมไว้แนบอก และแพทที่ลอยตามมา ทั้งหมดลอยมาตามกระแสน้ำมาอย่างรวดเร็ว
มือพีทคว้าโขดหินไว้ได้ เหนี่ยวรั้งเต็มแรง จนสำลักกระอักกระไอ
พีทพยายามเหลียวไปด้านหลังตลอด “คุณแพท...คุณแพท”
แพทโผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำ เหนี่ยวโขดหินก้อนเล็กถัดไปไว้ได้ แต่ก็เหนื่อยหอบขณะร้องบอก
“ชั้นอยู่นี่ค่ะ”
“จับไว้ให้แน่นๆ นะ”
พีทเกร็งข้อมือตะเกียกตะกาย เหนี่ยวตัวสูงขึ้นจากกระแสน้ำ มองเห็นหินขนาดใหญ่ที่อยู่พ้นกระแสน้ำ
“อะตอม..ปีนขึ้นไปบนนั้น ค่อยๆ ขึ้นไป”
อะตอมส่ายหน้า
“ไม่ครับ...อะตอมกลัว...แม่แพทครับ”
แพทตะโกนบอก “ปีนขึ้นไปอะตอม ค่อยๆ ปีนนะระวังลื่น”
อะตอมสบตาพีทอย่างหวาดกลัว พีทพยักหน้าให้
“อะตอมคนเก่ง อะตอมปืนขึ้นไปก่อน แล้วเดี๋ยวลุงจะพาแม่แพทตามขึ้นไป”
อะตอมตัดสินใจค่อยๆ ปีนขึ้นไปช้าๆ มีพลาดลื่นบ้างตามประสา พีทพยายามช่วยส่งตัวอะตอมขึ้นไปบนโขดหินใหญ่ที่สูงพ้นน้ำมากพอสมควร
ที่สุดอะตอมขึ้นไปจนได้ พีทถึงกับเหนื่อยหอบ แพทชะงักลุ้นมองแล้วโล่งอก พีทหันมามองทางแพท แล้วยื่นมืออกไป
“ทีนี้ตาคุณแล้ว...ส่งมือมาให้ผม”
แพทเลื่อนตัวมาข้างหน้าอย่างยากลำบากเพราะกระแสน้ำแรงมาก และค่อยๆ ส่งมือมาให้พีทที่เอื้อมมาสุดแขน ด้วยหินที่สองคนเกาะอยู่มีระยะห่างพอสมควร
อะตอมทั้งเชียร์ทั้งลุ้น “แม่แพทส่งมือมาใกล้ๆ สิครับ”
แพทฮึด รวบรวมแรงครั้งสุดท้ายยื่นมือมาจนสุดตัว พีทชะโงกออกไปจนมือแทบเกาะหินไม่ไหว ในที่สุดมือทั้งคู่ก็แตะกัน
อะตอมดีใจสุดขีด “ไชโย..แม่แพททำได้แล้ว”
แต่แล้วทันใดนั้นแพทเกิดเสียหลัก มือลื่นหลุดจากหินทำท่าจะลอยไปตามกระแสน้ำ
“คุณแพท” ไวเท่าความคิดพีทพุ่งตัวเข้าหาจนคว้ามือแพทไว้ได้ทัน แล้วทั้งคู่ก็เสียหลักลอยตามน้ำไป อะตอมตะลึง มองตามร่างทั้งสองไป
“แม่แพท แม่แพทครับ ลุงพีท”

กระแสน้ำพัดทั้งคู่ไกลออกไปทุกทีๆ ต่อหน้าต่อตาเด็กชายวัย 6 ขวบ ที่ตกตะลึงอยู่อย่างนั้น

ตกกลางคืน ฝนหยุดแล้ว นาฬิกาบอกเวลาเกือบสามทุ่ม รัญธิดาเปลี่ยนชุดใหม่เป็นชุดอยู่บ้านแล้ว เตรียมเข้านอน ส่วนทิพปภาชะเง้อมองออกไปหน้าประตูบ้านอย่างเป็นห่วง รัญธิดานั่งพูดโทรศัพท์อยู่ห่างออกมาคู่สนทนาเป็น ปีเตอร์ หรือนังเตอร์นั่นเอง

“จริงเหรอคะน้าเตอร์....แล้วน้าเตอร์โทร.หาน้าแพทรึยัง....ค่ะๆ โอเคค่ะ ขอบคุณมาก”
รัญธิดาวางหูด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ทิพปภาหันมาถาม “ว่าไงยายรัญ เจอน้าแพทของหนูรึเปล่า”
“น้าเตอร์บอกว่าน้าแพทไม่ได้แวะเข้าไปที่ร้านเลย แกก็คอยน้าแพทอยู่เหมือนกัน”
“เอ๋...แล้วยายแพทพาอะตอมไปไหนจนดึกดื่นแบบนี้” ทิพปภาแปลกใจมาก
“โทร.เข้ามือถือไม่ติด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร”
รัญธิดาบ่น ครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งก็ลุกขึ้น
“แล้วรัญจะไปไหน” ทิพปภาถาม
“หนูจะลองไปดูที่รีสอร์ตอีกทีว่า น้าแพทยังอยู่ที่นั่นรึเปล่า”
รัญธิดาวางโทรศัพท์ไว้ จะวิ่งขึ้นบ้านไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น รัญธิดาวิ่งกลับลงมาดู แล้วทำหน้าเซ็งนิดๆ ที่ไม่ใช่เบอร์แพท

“ฮัลโหลพี่ฝน...หนูกำลังจะโทร.หาพอดีเลย พี่ฝนเห็นน้าแพท...” รัญธิดาชะงักฟังฝนตาโต
“อะไรนะคะ...คุณพีทเป็นอะไรคะ”

ที่บริเวณห่างออกมาจากธารน้ำ ใต้น้ำตก แลเห็นว่ามีการตั้งแค้มป์กันฝน โดยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเดินกันขวักไขว่ ข้างโตรกหิน มีไทยมุงยืนจับกลุ่มวิจารณ์กันอยู่
รถของพีระ แรนโช รีสอร์ตปราดเข้ามาจอดใกล้ๆ รถกู้ภัย ชูเป็นคนขับพารัญธิดาที่หน้าตาแตกตื่นลงมาที่แค้มป์
ประทินอยู่ในสภาพบักโกรก ใบหน้ามีรอยช้ำ ท่าทางอิดโรย เนื้อตัวหมาดๆ มีผ้าห่มคลุมไหล่ เจ้าหน้าที่รินกาแฟให้ ฝนดูแลอยู่ใกล้ๆ หันไปเห็นรัญธิดามากับชู
“นั่นไงครับคุณรัญ”
รัญธิดารีบถลาไปหาประทิน ท่าทีร้อนใจ
“ผู้จัดการ”
“หนูรัญ”
รัญธิดาทิ้งตัวลงนั่ง ขณะถาม
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ”
“ผมไม่คิดจริงๆ ว่าน้ำป่ามันจะมาเร็วขนาดนั้น หันมาอีกทีก็ถึงตัวพวกเราเสียแล้ว ผมโชคดีที่มือไวคว้าต้นไม้แถวนั้นไว้ได้ก็เลยไม่ได้โดนน้ำพัดไป...เจ้าหน้าที่ก็เลยมาช่วยไว้ได้ง่ายหน่อย”
“แล้วคุณพีทล่ะคะ เค้าเจอตัวคุณพีทรึยัง”
ประทินหลบตา “ยังเลยครับ เจ้าหน้าที่กำลังออกค้นหากันอยู่ แต่ครั้งสุดท้ายที่ผมเห็น ก็คือคุณพีทคว้าอะตอมเอาไว้ จากนั้นก็โดนน้ำซัดหายไป”
“อะไรนะ อะตอม...งั้นเหรอ” รัญธิดาช็อกสุดขีด
“มีอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอกให้คุณรัญรู้ คุณแพทกับอะตอม มากับพวกเราด้วย เมื่อตอนเย็นนี้ครับ”
รัญธิดาตกตะลึงพูดไม่ออก แล้วลุกขึ้นวิ่งออกไปทันที ประทินจะลุกตามแต่ไม่ไหว ชูกับฝนวิ่งตามไปติดๆ ประทินครางเบาๆ เพราะเจ็บระบมไปทั้งตัว

รัญธิดาวิ่งเข้ามาตรงริมน้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อยู่ตรงนั้นกันตัวไว้
“คุณจะไปไหน เข้าไปไม่ได้นะครับ กระแสน้ำยังแรงอยู่ อันตรายมาก”
“ฉันจะไปตามหาอะตอม กับน้าแพท”
ฝนกับชูวิ่งตามมาทัน
“คุณรัญเธอเป็นทั้งแฟน แล้วก็ญาติของคนที่เรากำลังค้นหาอยู่ค่ะ” ฝนบอกเจ้าหน้าที่

“พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ทำไมไม่รีบตามหาให้เจอ มีทั้งผู้หญิง แล้วก็เด็กถูกน้ำพัดไปคะ” รัญธิดาเริ่มจะสติแตก
“ใจเย็นครับคุณ ผมรู้ดีว่าคุณเป็นห่วง...แต่ฝนเพิ่งจะหยุดตก น้ำอาจจะมาอีกรอบก็ได้ ทันอันตรายมากนะครับ” เจ้าหน้าที่บอก
“แล้วจะรออยู่เฉยๆ แบบนี้น่ะเหรอ จะทำอะไรก็รีบทำสักอย่างสิ” รัญธิดา
“ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงคนรักแล้วก็ญาติของคุณ...เจ้าหน้าที่ก็ออกตามหากันแล้ว...แต่น้ำมันเชี่ยวแล้วทางก็มือขนาดนี้ คุณต้องทำใจเย็นๆ ก่อน...อาจจะต้องรอถึงสว่าง”
“รอ เหรอ เราทำได้แค่รองั้นเหรอ อะตอม...ล...” รัญธิดาเกือบหลุดปากคำว่าลูก ออกมา แต่รีบกลืนน้ำลาย “ติดอยู่ในนั้นไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แต่พวกคุณจะให้ฉันรออยู่เฉย ๆ งั้นเหรอ” รัญธิดาส่ายหน้าไม่ยอม “รัญจะเข้าไปตามหาเอง”
ขาดคำรัญธิดาจะวิ่งไปทางลำธารแต่ฝนกับชูช่วยจับกันไว้
“คุณรัญ อย่าครับ มันอันตราย”
รัญธิดาดิ้นรนจะไปให้ได้
“ทำแบบนี้มันไม่ประโยชน์หรอกคะ มืดขนาดนี้คุณรัญไม่มีทางตามหาใครเจอหรอกค่ะ อย่าให้เจ้าหน้าที่เค้าลำบากใจในการทำงานเลย” ฝนปลอบ
รัญธิดายังคงดิ้นอยู่อย่างนั้น
เจ้าหน้าที่อีกคนเดินแกมวิ่งเข้ามา มือถืออะไรบางอย่าง
“ขอโทษนะครับ เราเจออะไรบางอย่าง”
“อะไรคะ”
เจ้าหน้าที่กู้ภัยยื่นหมวกใบเล็กๆ ที่เปื้อนดินของอะตอมให้ดู
รัญธิดาตะลึง “นี่มันหมวกของอะตอม”
“เราเจอฝังอยู่ในโคลนทางป่าด้านโน้นครับ” เจ้าหน้าคนนั้นบอกอีก
รัญธิดาดึงหมวกมาดูน้ำตาไหลพราก สัญชาติญาติความเป็นแม่ถูกกระตุ้น
“อะตอม”
ร่างรัญธิดาเซไป แล้วล้มพับลงไปกอง ชูกับฝนตกใจรีบเข้าประคอง
“คุณรัญ!”
ธาริศเพิ่งมาถึงตอนนี้ ทันเห็นรัญธิดาเป็นลมพอดี
“รัญธิดา”
ธาริศพุ่งปราดเข้าหารัญธิดาลงนั่งใกล้ๆ
“รัญ!”
รัญธิดาลืมตาขึ้นเห็นเงาธาริศลางๆ น้ำตารัญไหลออกมาแล้วกระซิบเสียงเบาอย่างสั่นเทา ธาริศไม่ได้ยินเลยก้มหน้าลงไปฟังใกล้ๆ
“ช่วย...อะตอม” เสียงรัญธิดาตอนนี้แผ่วมากๆ “ช่วย...ลูก...ด้วย”
“อะไรนะ รัญว่าอะไร”
ธาริศเงี่ยหูฟังแต่ไม่รู้เรื่อง รัญธิดาเป็นลมสลบไปอีกรอบ
“ช่วยด้วยครับ ช่วยคุณรัญด้วย เป็นลมไปแล้วครับ” ชูร้องบอก
ไทยมุงแถวนั้นฮือฮา เป็นไปในทางสงสาร

ห่างออกไปเห็นเปลี่ยนยืนมองสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ อย่างสะใจก่อนจะครุ่นคิดบางอย่าง แล้วเร้นตัวเดินออกไป
 
อ่านต่อหน้า 3

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 9 (ต่อ)

ที่บริเวณปลายน้ำตอนกลางคืน กระแสน้ำป่าลดความรุนแรงลงแล้ว ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่มีรากขนาดใหญ่มากมายยึดกับตลิ่งอยู่ ร่างของพีทกับแพทค้างอยู่กับรากไม้เหล่านั้น

ทั้งคู่นอนนิ่ง หมดสติ สภาพดูบอบช้ำ โดยเฉพาะพีทเนื้อตัวมีรอยขีดข่วน หน้าผากตรงชายผมแตกเลือดไหลซึมออกมา
พีทค่อยๆ ขยับตัวท่าทางจะเคล็ดขัดยอก บอบช้ำเอาการ แล้วลืมตาขึ้น พีทลุกขึ้นนั่งอย่างลำบากยากเย็น ยังอยู่ในอาการมึนงง จังหวะต่อมาจึงยกมือลูบหัวตัวเอง แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นมีเลือดติดมือตัวเองมา...พยายามสะบัดหน้าให้หายมึน แล้วมองไปที่แพท พีทได้สติ นึกออกว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วขยับไปใกล้
“คุณ...คุณ...เป็นยังไงมั่ง”
พีทเขย่าตัวแพทเบาๆ แพทรู้สึกตัว
“โอ๊ย...”
“เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า”
แพทลุกขึ้นนั่งงงๆ
“เกิดอะไรขึ้น...โอ๊ย”
“คุณมีแผลหรือกระแทกอะไรที่ไหนรึเปล่า”
แพทบิดคอบิดไหล่ตรวจสภาพตัวเอง “ไม่...ไม่เป็นอะไรคะ แค่ระบบนิดหน่อย...” ถึงตรงนี้แพทชะงักนึกขึ้นได้ลุกพรวด “อะตอม!”
พีทค่อยๆ พยุงตัวลุก “เราถูกน้ำพัดมาไกลจากตรงโขดหินนั้นมากแค่ไหนก็ไม่รู้”
“อะตอม...ป่านนี้แกคงตกใจมาก...โธ่ลูกแม่”
“ใจเย็นๆคุณ เราจะเดินกลับไปหาแกกัน...ฝนหยุดแล้วยังงี้คงไม่น่าจะยากเท่าไหร่”
ขณะพูดพีทเซไปนิดๆ ด้วยความมึนหัว แพทรีบประคอง
“คุณเป็นอะไรน่ะ” แพทเพิ่งเห็นเลือดที่หน้าผากก็ชะงัก “นั่นหัวคุณแตกใช่มั้ย”
พีทแข็งใจ “นิดหน่อย...คงจะกระแทกกับอะไรเข้า ตอนที่ลอยมาตรงนี้...เราไปหาอะตอมกันเถอะ”
แพทพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น พีทมองซ้ายมองขวาก่อนจะตัดสินใจเดินทวนน้ำขึ้นไป

ขณะเดียวกันที่หินใหญ่กลางธารน้ำ อะตอมผุดลุกขึ้นมองไปในความมืดรอบตัวอย่างเสียขวัญสุดขีดจะร้องไห้
“แม่แพทครับ...ลุงพีท...ใครก็ได้ช่วยอะตอมด้วย...ช่วยอะตอมด้วยครับ”
อะตอมร้องไห้ฮือๆ ออกมาอย่างเสียขวัญ กลัวความมืดรอบตัวอย่างจับใจอะตอมร้องตะโกนออกไป
“ใครก็ได้ช่วยอะตอมที”

เสียงร้องของอะตอมดังแว่วๆ เข้ามาในราวป่าอีกมุม รัญธิดาได้ยินถึงกับสะดุดขาตัวเองซวนเซเหมือนจะล้ม ธาริศเข้ามาจับไว้ทัน ในมือถือไฟฉายด้วย
“ระวังรัญ”
“เมื่อกี้ พี่ได้ยินมั้ย เสียงเหมือนอะตอมร้องให้ช่วย”
ธาริศพยายามฟัง
“ไม่มีเสียงอะไร รัญคงหูแว่วไปแล้ว ดูรัญเป็นห่วงอะตอมมากนะ ก่อนรัญจะเป็นลม ก็เหมือนรัญจะพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับอะตอม แต่ผมไม่ได้ยินไม่ถนัด”
รัญธิดารีบหลบตา
“รัญ ..รัญก็จำไม่ได้เหมือนกัน แต่รัญแค่คิดว่าถ้าตัวเองตัวเท่าอะตอม แล้วต้องติดอยู่ในป่าจะเป็นยังไง คิดแล้วก็สงสาร แกคงกลัวมาก”
จังหวะนี้ชาวบ้านที่นำทางเดินกลับมาถือไฟฉายเช่นกัน มือสะพายปืนด้วย เหมือนกับพรานป่า
“แน่ใจเหรอคุณว่าจะไปทางนี้เราต้องไปอีกไกลกว่าจะถึงน้ำตก เพราะทางนี้มันเป็นทางอ้อม แล้วก็รก มีแต่ชาวบ้านในพื้นที่จริง ๆ เท่านั้นที่รู้จัก นี่ผมเห็นว่าคุณเป็นห่วงญาติจริงๆ ก็เลยยอมพามา”
“ฉันแน่ใจค่ะ เราไปต่อกันเถอะ” รัญธิดาพยักหน้า
“ใช่ ยิ่งเข้าไปได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีโอกาสช่วยทุกๆ คนมากเท่านั้น ช่วยหน่อยนะครับคุณ แล้วผมจะตอบแทนคุณอย่างเต็มที่” ธาริศว่า
ชาวบ้านพรานป่า 2 คนมองหน้ากัน แล้วถอนใจเฮือก
“ถ้างั้นก็ตามใจ...แล้วถ้าเป็นอะไรขึ้นมาก็อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน”
ว่าแล้วชาวบ้านเดินนำไป รัญธิดามองธาริศอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยมาเป็นเพื่อนรัญ”
“ผมจะทนดูคุณเป็นทุกข์เป็นร้อนขนาดนั้นได้ยังไง คนที่ติดอยู่ในป่ามีแต่คนที่คุณรัก ทั้งอะตอม คุณแพท แล้วก็...พี่พีท...ผมคงจะไม่ใจร้ายพอที่จะนั่งดูคุณร้องไห้อยู่เฉยๆ หรอกนะ”
ธาริศพูดจบก็หลบตาเดินนำออกไป รัญธิดาอึ้งแล้วรีบตามไป
ด้านแพทกับพีทเดินมาตามทางกลางป่า พีทเดินนำท่าทางอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด สมองเริ่มมึนงง แต่แพทไม่ทันสังเกตุ เพราะมัวเป็นห่วงอะตอม
“คุณคิดว่าคุณจำได้มั้ยว่าเราทิ้งแกไว้ตรงไหน”
พีทออกอาการเพลียๆ “ไม่รู้สิ ไม่แน่ใจ”
แพทฉุน กระชากแขน “ทำไมอย่างงั้นล่ะ ไหนเมื่อกี้คุณบอกคงหาไม่ยากไง”
“ก็...มันมืด...ผมมองไม่ค่อยชัด”
“ไม่ได้นะ คุณต้องจำได้ซิ เราต้องหาอะตอมเจอ...ใช่มั้ยคะ อากาศเย็นขนาดนี้ ตัวก็เปียกแกอาจจะไม่สบายก็ได้ เราต้องรีบ”
แพทชะงักกึกร่างพีทที่ยืนโงนเงนอยู่ เข่าทรุดฮวบลงบนพื้นต่อหน้า แพทตกใจ
“คุณ! คุณ!..เป็นอะไรไป”
พีทยังนิ่ง แพทเขย่าตัวแล้วชะงัก
“คุณ!...ตายแล้ว ตัวร้อนจี๋เลย...คุณไม่สบายเหรอเนี่ย”
พีทพยายามรวบรวมกำลังลุกขึ้นยืน
“ผม...ไม่เป็นไร เราไปตามหาอะตอม...กัน...เถอะ”
พอขาดคำพีทก็ล้มฟาดลงบนพื้น หมดสติ แพทตกใจสุดขีด

“พีท!...คุณพีท!”

คืนเดียวกัน รุจรวี กันตา และทักษอรซึ่งรวมตัวกันอยู่ที่บ้านกันตา ทุกคนท่าทางร้อนใจขณะรุมซักถามชู

“เค้ายังตามหาคุณพีทไม่เจอเลยเหรอชู” กันตาถาม
“ยังเลยครับ ตอนนี้พบแต่คุณประทินคนเดียวเท่านั้นครับ”
กันตาพิงพนักทันที เหมือนอ่อนแรง ทักษอรหันไปมองอย่างเป็นห่วง
“คุณป้าคะ...เป็นอะไรรึเปล่าคะคุณป้า”
“ป้า...ไม่เป็นไร..แล้วคุณประทินละชู ปลอดภัยดีรึเปล่า” กันตาถามอีก
“ปลอดภัยครับ ฟกช้ำดำเขียวนิดหน่อยเพราะมีกิ่งไม้มากระแทกตอนน้ำป่ามา ตอนนี้หมอกำลังตรวจอาการอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองครับ” ชูบอก
“เจ้าพระคุณ..ขอให้คุณพระคุณเจ้า เจ้าป่าเจ้าเขาช่วยคุ้มครองตาพีทด้วยเถิด” รุจรวีว่า
“แล้วพี่ริศล่ะ...พี่ริศทำไมยังไม่กลับมากับแกหาไอ้ชู” ทักษอรถาม
“คุณธาริศเธอเข้าป่าไปตามหาคุณพีทในป่าครับ”
ทักษอรตาโต ตกใจ “หา! อะไรนะ”
“ตาธาริศจะเข้าไปทำไม มันอันตรายไม่ใช่เหรอ แกบอกเองนี่ว่าเจ้าหน้าที่ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้น้ำตก” รุจรวีซักต่อ
“ครับผม..แต่..คุณธาริศคงจะสงสารคุณรัญ...ก็เลยจ้างชาวบ้านแถวนั้นพาเข้าไปกับคุณรัญครับ”
กันตาเป็นปลื้ม “นี่หนูรัญเป็นห่วงตาพีทถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“นอกจากคุณพีทแล้ว...คนที่ถูกน้ำป่าพัดไปพร้อมๆ กันคือคุณแพทน้าคุณรัญกับลูกชายครับแม่นาย” ชูบอก
ทุกคนอึ้งๆ ช็อกๆ กันอยู่ ส่วนทักษอรของขึ้น ขบกรามด้วยความแค้น
“นังแพท...ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วเหรอ”

ทักษอรโกรธแทบคลั่ง แต่ต้องข่มใจ ไม่กล้าอาละวาดต่อหน้ากันตา

พรานป่าซึ่งเป็นชายชาวบ้านนำทาง 2 คน ธาริศ และรัญธิดา ทั้งกลุ่มเดินส่องไฟหา พีทกับแพทในป่ามืดๆ อากาศเริ่มหนาวเย็นยะเยือก ต่างร้องตะโกนหาพีท แพท และอะตอมเป็นระยะ
รัญธิดาซึ่งดูเหนื่อยล้าอ่อนแรงผสมกังวล แล้วอยู่ๆ ก็สะดุดก้อนหินอย่างแรงจนเซถลา
“ว้าย”
ธาริศที่อย่าใกล้ๆ ประคองไว้ทัน
“รัญ...เดินระวังหน่อยแถวนี้ก้อนหินมันเยอะ”
ทั้งคู่สบตากันครู่นึงแล้ว รัญธิดาถอนตัวออกห่าง
“ขอบคุณค่ะ...รัญไม่เป็นไรแล้ว”
“มันมืดมากน่ะคุณนาย...ไฟฉายก็แทบจะช่วยอะไรไม่ได้ คุณนายยังจะหาต่อไปอีกเหรอ” พรานป่าคนที่หนึ่งถาม
“หาสิ...ต้องหา เราหยุดไม่ได้หรอก...รีบไปกันต่อเถอะ”
พรานป่าชาวบ้านนำทางถอนใจ สบตากัน แล้วเดินต่อไป
“มันมืดมากอย่างที่เค้าว่าจริงๆ รัญต้องระวังหน่อยนะ” ธาริศลังเลนิดหนึ่งแล้วยื่นมือออกมา รัญธิดามองหน้า “จับมือผมไว้ ผมมีไฟฉาย คุณจะได้เดินสะดวก”
รัญธิดาลังเลอยู่อย่างนั้น
“ถ้าคุณล้มลงไปแล้วขาแพลง เราก็คงตามหาพี่พีท คุณแพทแล้วก็อะตอมไม่ได้จริงมั้ย” ธาริศว่า
รัญธิดาครุ่นคิด แล้วตัดสินใจวางมือลงบนมือธาริศ ทั้งคู่นิ่งกันไป ต่างคนต่างมองมือที่จับกันอยู่ ภาพจำในอดีต ย้อนกลับมาในห้วงคิด
ตอนนั้นทั้งคู่จูงมือกันวิ่งหัวเราะร่าเริงในทุ่งดอกไม้ดูรักกันหวานแหวว
ภาพเหล่านั้นเลือนหายไป ธาริศพยายามกลืนความรู้สึกลงไป หันมาพูดโดยไม่มองหน้ารัญธิดา
“ไปกันเถอะ...คนนำทางเค้าเดินไปไกลแล้ว”
ธาริศเดินจูงมือรัญธิดาไป มือกุมกันอย่างอบอุ่น

ด้านแพทพยายามเอากิ่งไม่มาสุมๆ จะก่อกองไฟแล้วเดินกลับไปมองพีทที่ไม่ได้สติ หน้าแดง หนาวสั่นอยู่
แพทเขย่าเบาๆ “คุณๆ มีไม้ขีดหรือไฟแช็คบ้างมั้ย”
พีทไม่ตอบ ยังคงนอนกอดอก ตัวสั่นด้วยพิษไข้...แพทหมดปัญญา ชั่งใจเล็กน้อยแล้วพยายามตบหาตามกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกงพีท จนพีทลืมตาดู
“คุณทำอะไรของคุณ”
“ก็หาไฟแช็ค หรือไม้ขีดมาก่อกองไฟไงล่ะ คุณจะได้หายหนาว”
พีทยังมีแรงด่า “คุณจะบ้าเหรอ ผมไม่สูบบุหรี่...หรือถ้ามันมีคงเปียกทั้งหมดแล้วล่ะ”
แพทนิ่งไปอย่างพึ่งนึกได้เซ็งตัวเอง พีทหลับตาเงียบไปอีก กอดอกแน่นเข้าตัวสั่น แพทมองพีทด้วยความเป็นห่วงนิดๆ
“คุณ...เป็นยังไงบ้าง”
พีทเสียงสั่น “ก็หนาวน่ะซิ หนาวยังอยู่ขั้วโลก”
แพทมองพีทเขม็งเป็นห่วงจริงๆ แล้วทีนี้ พีทดูเหมือนจะหมดสติไปอีก แพทลุกขึ้นเดินละล้าละลัง ว่าจะทำยังไงต่อไปดี แล้วกลับมายืนดูพีทที่หน้าซีดเผือด หน้าผากยังมีเลือดไหลซึมออกมาบางๆ
“คุณ...คุณ”
พีทไม่ตอบ แพทแตะหน้าผากพีทเบาๆ
แพทพึมพำ “ตัวร้อนจี๋เลย...ทำยังไงดีเนี่ย”
แล้วแพทก็คิดได้ด้วยสัญชาติญาณความเป็นแม่ แพทถอดเสื้อตัวนอกออก วิ่งเอาไปชุบน้ำแล้วกลับมาเช็ดหน้าผาก และข้อพับให้พีทเพื่อลดความร้อนให้ เหมือนที่เคยทำให้อะตอม
พีทละเมอ “หนาว....หนาว”
พีทขดตัวหนาวสั่น แพทสงสารค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ พีทละเมอออกมาเหมือนเด็กๆ
“แม่ครับ...แม่...”
แพทอึ้งไปเลย ใจอ่อนยวบ รู้ว่าพีทเป็นไข้สูงแน่นอน ค่อยๆ กอดพีทเอาไว้อย่างต้องการจะให้คลายหนาว
พีทขยับตัว แพทผวาลุกขึ้นด้วยความระแวง กลัวพีทตื่นมาล้อเรื่องกอดผู้ชาย แต่พีทกับขยับตัวเพราะกระสับกระส่าย
“หนาวจริงๆ...ขอผ้าห่มหน่อย...ใครก็ได้”
แพทถอนใจ ตัดสินใจเด็ดขาด ลงนอนใกล้ๆ กอดพีทไว้เหมือนกอดอะตอม มือตบไหล่โอ๋เหมือนปลอบเด็กๆ
พีทถอนใจเช่นกันด้วยความสบายตัวขึ้น แล้วซุกเข้าหาแพทอย่างหาความอบอุ่นสีหน้าเป็นสุข
แพทพึมพำกับตัวเอง “อะตอมลูกแม่ ทนอีกนิดนะลูก แล้วแม่จะรีบไปช่วยลูก”
แพทน้ำตาคลอด้วยความเป็นห่วงอะตอม

ฝ่ายอะตอมติดอยู่บนก้อนหินใหญ่กลางน้ำ น้ำตายังนองหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ชะเง้อชะแง้อยู่กลางความมืด และด้วยอากาศชื้นและหนาวเย็น อะตอมเริ่มไอแค่กๆ
“แม่แพทครับ แม่แพท...แม่แพทอยู่ที่ไหนครับ....ฮือๆ”

บวกกับอาการอ่อนแรง อะตอมร้องไห้ แล้วฟุบหมดสติไป
 
อ่านต่อตอนต่อไป

หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 9 (ต่อ)

ขณะเดียวกันบริเวณบ้านพักคนงานที่รีสอร์ต รถตู้ของรีสอร์ตแล่นมาจอดแถวบริเวณนั้นซึ่งไฟเปิดสว่าง หนอนลงมาเปิดประตูให้ประทินซึ่งมีฝนประคับประคองลงมา ประทินยังมีท่าทางอิดโรยอยู่

ทุกคนต่างถามขึ้นพร้อมๆ กันเซ็งแซ่ไปในทางเดียวกัน ว่า “เป็นยังไง” / “เจ็บตรงไหน” / “แล้วเจอคุณพีทหรือยัง” / “ได้ข่าวว่าคุณแพทอยู่ด้วยเหรอ” และอีก ฯลฯ
จนฝนหงุดหงิด “โอ๊ย หยุด! เลิกถามก่อน ฉันว่าตอนนี้ปล่อยให้พี่ทินไปพักผ่อนก่อน จะดีกว่านะ”
ทุกคนอึ้งไปนิดหนึ่ง ถอยไปโดยดี แต่พอประทินขยับเดินก็อดไม่ได้ ตามถามอีก นำทีมโดยเฉิดโฉม
“แล้วคุณพีทล่ะคะ คุณพีทเขาปลอดภัยดีหรือเปล่าคะ”
ทุกคนเฮละโลตามประทินไป
จากมุมมืดไม่ไกลนัก ทิพปภาปราฏกตัวขึ้น เหมือนเฝ้ารออยู่แล้ว ทิพปภาเข้าไปดึงคนที่ยังเหลืออยู่แถวๆ รถตู้
“นี่คุณ...คุณคะ...คุณพีทกับยายแพทเป็นยังไงบ้างคะ แล้วอะตอมล่ะ”
ปรากฏว่าคนที่หันมาเป็นเชอรี่ที่ทำหน้างงๆ
“ไม่รู้สิคะ...เห็นผู้จัดการว่ายังหาไม่เจอเลย ...เอ๊ะน้าเป็นใครเหรอ”
เฉิดโฉมเดินกลับมาพอดีบ่นพึมพำ
“ทำไมทำงานกันไม่ได้เรื่องขนาดนี้ หายังไงถึงยังไม่เจอคุณพีท” เฉิดโฉมชะงักเมื่อเห็นทิพปภา “เอ๊ะ!”
ทิพปภาหันมาเฉิดโฉมพอดิบพอดีแล้วรีบหันกลับ
“เดี๋ยว” เฉิดโฉมวิ่งมาดักหน้า “นี่มัน...คุ้นๆ”
ทิพปภารีบเดินหนี เฉิดโฉมตามไปติดๆ
“คนเมื่อบ่ายนี้...มาทำอะไรที่นี่”
“ฉัน....ฉัน....” ทิพปภาอึกอัก
เชอรี่ยิ่งงง “ใครเหรอเฉิด”
“เมื่อตอนบ่าย ยายคนนี้เข้ามาทำฟอร์มเป็นแขกโรงแรม ถามนู่นถามนี่ถึงคุณพีท ฉันก็ว่าแล้วว่าสารรูปไม่น่าเป็นแขกโรงแรมเรา แล้วนี่เธอจะ มาทำอะไรอีก ท่าทางไม่น่าไว้ใจนะเนี่ย”
“เขามาถามถึงคุณพีทกับยายแพทกับลูกนะ”
เฉิดโฉมชะงักจ้องทิพปภาอย่างจับพิรุธ ทิพปภาหลบตาวูบ
“ถามถึงคุณพีทอีกแล้วเหรอ ถามจริงๆ เธอเป็นอะไรกันแน่”
“ฉันกลับก่อนล่ะนะ”
ทิพปภาทำท่าจะผละหนีไปเฉิดโฉมดักไว้อีก
“ถ้าไม่ตอบว่าเป็นใคร ฉันจะเรียกรปภ.มาจัดการกับเธอเดี๋ยวนี้แหละ”
ทั้งคู่สบตากันเฉิดโฉมทำท่าเอาจริง
“ฉันเป็น....คนใช้ในบ้านของคุณแพท...ฉันก็เลยเป็นห่วงเจ้านายฉันพอใจรึยัง”

เฉิดโฉมคาใจ “คนใช้” แล้วมองหัวจรดเท้า “แล้วทำไมต้องมาสืบเรื่องคุณพีทด้วย เมื่อกลางวัน”
“ก็...ฉันเป็นห่วงคุณรัญ ว่าหมั้นหมายกับคนที่ดีรึเปล่า ก็เลยมาลองสอบถามดู มันก็เท่านั้น” ทิพปภารีบเดินหนี
“เออนี่ เฉิด...เขาว่ายายรัญตามไปช่วยตามหาคุณพีทในป่าด้วยน่ะ จริงรึเปล่า”
ทิพปภาหันขวับกลับมา “อะไรนะ...” ถลามาหาเชอรี่ “ยาย...คุณรัญ...ตามเข้าไปในป่าเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ เข้าไปในป่ามืดๆ น้ำป่าก็ยังไม่ลด ขนาดเจ้าหน้าที่กู้ภัยเขายังไม่ค่อยกล้าเข้าไปเลย ไม่รู้ปัญญาอ่อนรึเปล่า” เฉิดโฉมเยาะ
“รัญ....ทำไมทำอย่างนี้” ทิพปภาใจหล่นวูบพึมพำเบาๆ
“แต่ก็ดีเหมือนกัน ปะเหมาะเคราะห์ดีจะได้โดนน้ำป่าพัดหายไปอีกคน...เจ้าพระคุ๊ณ ขอให้มีแต่คุณพีทเหลือรอดกลับมา คนอื่นช่างมัน...โดยเฉพาะนังรัญธิดา....ตายซะได้ก็ดี” เฉิดโฉมบ่นบ้าตามประสา
ทิพปภาตบฉาดเข้าให้เต็มหน้าเฉิดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เฉิดโฉมหน้าคว่ำไป ร้องกรี๊ด
“แกไม่มีสิทธิ์จะพูดถึงรัญธิดาแบบนี้”
เฉิดโฉมลุกขึ้นโกรธมากจู่ๆ โดนตบ
“จะบ้าเหรออีแก่ มาตบฉันทำไม แกเป็นแม่นังรัญหรือไงถึงได้โกรธแค้นแทนมันขนาดนี้หา”
ทิพปภาชะงักได้สติ ท่าทางเมื่อครู่ที่ดูเหมือนจะฆ่าคนได้ เริ่มสงบลง
“จำไว้ว่าอย่าพูดถึงคนในครอบครัวของ...ของเจ้านายของฉันแบบนี้อีก ไม่อย่างจะหาว่าฉันไม่เตือน”
ทิพปภาเดินออกไป เชอรี่มาประคองเฉิดซึ่งยังคงตกตะลึงอยู่
“มันเป็นบ้าอะไรของมัน....นังคนนี้มันเป็นใครกันแน่...ฉันจะต้องรู้ให้ได้”

เฉิดโฉมแค้นจัด ฮึดฮัดอยู่ในลำคอ

เวลาเดียวกันที่กลางป่า ทั้งมืดและเย็นชื้น ธาริศกับรัญธิดามีท่าทีเหนื่อยอ่อนใกล้หมดแรง แต่ยังแข็งใจตะโกน 

“อะตอม น้าแพทคะ คุณพีท”
พรานป่าคนหนึ่งหยุดเดินมองไปรอบๆ ตัว แล้วบอก
“เราพักกันก่อนดีกว่า”
รัญธิดาตกใจ “ไม่ได้นะ เรายังตามหาใครๆ ไม่เจอจะพักได้ยังไง”
“คุณนายครับ ทางข้างในมันรกและก็มืดมาก บุกเข้าไปเรื่อยๆ จะยิ่งอันตรายนะครับ”
“แต่ว่า...”
ธาริศดูนาฬิกา แล้วบอก
“อีกไม่กี่ชั่วโมงจะสว่างแล้วนะรัญ ผมว่าทำตามที่น้าเค้าบอกดีกว่า”
“ผมจะไปหาไม้มาก่อกองไฟ คุณสองคนรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน” พรานอีกคนบอก ทั้งสองเดินออกไป
รัญธิดาน้ำตาไหลริน ด้วยเป็นห่วงอะตอมกับแพท รวมทั้งพีท
“ป่านนี้อะตอมจะเป็นยังไงบ้าง...น้าแพทและก็คุณพีทอีก”
“ผมว่า...ถ้าพวกเค้าอยู่ด้วยกัน พี่พีทคงไม่ยอมให้ใครเป็นอัตรายหรอก”
“ถ้าอะตอมเป็นอะไรไป...รัญจะไม่ให้อภัยตัวเองเป็นอันขาด”
ธาริศไม่ทันฉุกคิด มองรัญธิดาด้วยความสงสาร ค่อยๆ แตะมือลงบนบ่าของรัญธิดาพูดปลอบ
“จะโทษตัวเองทำไม...มันไม่ใช่ความผิดของรัญสักหน่อย”
รัญธิดามองธาริศอย่างทุกข์ทรมาน
“คุณไม่เข้าใจ...คุณไม่มีวันเข้าใจ”
จากนั้นรัญธิดาร้องไห้เหมือนทำนบน้ำตาแตก ธาริศตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลูบหัวเบาๆ ปลอบ
“ไม่เป็นไรนะรัญ...ทำใจดีๆ ไว้ พวกเค้าจะต้องไม่เป็นอะไร”
“รัญจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีพวกเค้า รัญอยากตาย”
รัญธิดาหมดความอดทน ร้องไห้ฟูมฟายหนัก ธาริศเลยดึงมากอดปลอบโยน มองหน้ารัญธิดาที่ซุกอยู่แนบไหล่ แล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมา ในวันที่ทั้งคู่พบกันครั้งแรก

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่สถานีรถไฟลาดกระบังตอนกลางคืน
รถไฟเปิดไฟสว่าง กำลังแล่นมาจากไกลๆ เท้าคู่หนึ่งเดินมาริมรางรถไฟแล้วหยุดยืน ที่แท้เป็นรัญธิดาในวัย 15 ปี หน้าตาเลอะไปด้วยคราบน้ำตา เด็กสาวหลับตาลงเหมือนตัดสินใจเด็ดขาด แล้วทิ้งตัวลงที่รางรถไฟ
จู่ๆ มีมือข้างหนึ่งจับแขนรัญธิดาไว้กระชากมาเต็มแรง ร่างรัญธิดาหมุนคว้างกลับมา และถูกธาริศกอดไว้แนบอก รถไฟแล่นผ่านไปอย่างหวาดเสียว
พอรถไฟผ่านไป ธาริศซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาเห็นแปลนบ้าน ปลิวกระจายเต็มข้างทาง ธาริศจับรัญธิดาออกมาดูหน้าท่าทางโมโหโทโส
“นี่น้องคิดอะไรบ้าๆ มันอันตรายรู้มั้ยที่ทำแบบนี้”
รัญธิดาผลักธาริศออก “มาช่วยฉันไว้ทำไม ยุ่งไม่เข้าเรื่อง...ปล่อยฉันนะ ฉันอยากตาย”

“อยากตาย” ธาริศมองทั่วตัว “หน้าตาก็ดีๆ แขนขาก็ครบสมบูรณ์ทุกอย่างทำไมถึงได้อ่อนแอนัก ไม่รักชีวิตเอาซะเลยรึไง”
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ก็หุบปากไปเลย ไม่ต้องพูดมาก” รัญธิดาน้ำตาไหลออกมาอีก ชีวิตที่มันมีแต่ความทุกข์มีแต่คนรังเกลียดมันสมควรจะอยู่ต่อไปอีกทำไม ตายซะดีกว่า”
รัญธิดาทำท่าจะวิ่งออกไป ธาริศวิ่งตามไปจับไว้
“เดี๋ยว.... พี่ไม่รู้หรอกนะว่าน้องเจอกับอะไรมาบ้าง แต่ใจเย็นๆ สักนิด ฟังพี่ก่อน พี่ว่าชีวิตคนเรายังมีสิ่งดีๆ อีกเยอะ น้องเชื่อพี่สิ”
รัญธิดาลังเลนิดหนึ่ง มองหน้าธาริศ

เวลาต่อมา 2 คนอยู่ในห้องพักของธาริศกับเพื่อน ภายในหอพักนักศึกษาย่านลาดกระบัง
แผลที่ถูกย่าตีมีทั้งเลือดออกซิบๆ และเป็นรอยม่วงช้ำตามแขนขาของรัญธิดา มีธาริศคอยทายาแต้มแผลให้ มีเพื่อนธาริศชื่อ กวง นั่งดูอยู่ใกล้ๆ ทำหน้าสยดสยอง
ธาริศมองหน้ารัญธิดา “ที่คุณย่าเฆี่ยนตีแบบนี้ เค้าอาจจะทำเพราะความรักและหวังดีก็ได้ น้องไม่ควรจะคิดมาก”
“หวังดีเหรอคะ” รัญธิดาปัดแขนและถลกกางเกงให้ดูเป็นรอยตีเต็มไปหมด กวงทำหน้าสยอง “แบบนี้น่ะเหรอที่เค้าเรียกว่าหวังดี...เค้าเกลียดหนูต่างหาก”
ธาริศกับกวงสบตากัน
“บางทีคุณย่าอาจจะมือหนักไปหน่อยก็ได้” กวงว่า
“ย่าเกลียดหนู เค้าไล่หนูออกจากบ้านทุกวัน หนูอยากตายไปให้พ้นๆ เค้าจะได้สบายใจเสียที” รัญธิดายกแขนปาดเช็ดน้ำตา
“แล้วพ่อกับแม่ของน้อง..” กวงถาม
รัญธิดาสวนขึ้นทันที “หนูไม่มีใครทั้งนั้น ไม่มีที่ไป ไม่มีญาติพี่น้อง ใครๆ ก็รังเกียจ หนูอยากตาย”
กวงกับธาริศถอนใจยาว
ธาริศออกไอเดีย “เอางี้ซิ ถ้าน้องไม่มีเพื่อน ไม่รู้จะคุยกับใครเวลาทุกข์ใจ น้องแวะมาคุยกับพวกพี่ได้”
“ใช่ ใช่ เราเป็นนักศึกษาสถาปัตย์ที่นี้ อยู่ปีสุดท้ายแล้ว พวกเรามาอยู่หอนี่ทุกวัน กลับบ้านเฉพาะเสาร์ อาทิตย์เท่านั้น” กวงพยักพเยิด
“เรายินดีเป็นเพื่อนกับน้อง...พี่ชื่อธาริศ แล้วเพื่อนพี่ชื่อกวง”
รัญธิดามองทั้งสองอย่างไม่ไว้ใจนัก ธาริศยื่นมือมาข้างหน้า

“น้องไว้ใจให้พวกพี่เป็นพี่ชายให้น้องได้รึเปล่า พี่ไม่อยากให้น้องคิดจะทำร้ายตัวเองอีกแล้ว”
รัญธิดายังคงลังเลอยู่ แต่ท่าทางจริงใจของธาริศและกวง ทำให้เด็กสาวค่อยๆ ยื่นมือไปให้จับช้าๆ ธาริศเขย่ามืออย่างเป็นมิตรและยินดี
“หนูชื่อรัญค่ะ รัญธิดา”

ธาริศยืนอยู่ใต้ร่มไม้ นึกเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วถอนใจยาว หันไปดูเห็นรัญธิดาหลับไปแล้ว กอดอกนอนท่าทางหนาวจัด
ห่างออกไปพราน 2 คนนอนอยู่ใกล้ๆ กองไฟ ธาริศกลับไปยืนมองรัญธิดา ดวงตาเต็มไปด้วยความรัก
ธาริศค่อยๆ เอื้อมมือไปปัดผมที่รุ่ยลงมาปิดหน้ารัญธิดาขึ้นอย่างอ่อนโยน แล้วลงนั่งข้างๆ ถอดเสื้อออกคลุมไหล่ให้ รัญธิดาขยับเข้าใกล้โดยไม่รู้สึกตัว ธาริศจับหัวรัญธิดาให้มาพิงไหล่ตน

รัญธิดานอนพิงอิงไหล่ธาริศหลับสบาย ส่วนธาริศนั่งนิ่งครุ่นคิดหนัก ทุกข์ใจในความรักที่หวนย้อนกลับมาอีกครั้ง
 
อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น