รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 8
สุนทรีนั่งมองพงษ์ตักกับข้าวหลายอย่างใส่จานให้เธอ
“กินข้าวสิแม่”
“ไอ้พงษ์ แกไปเอาเงินมาจากไหน”
“โธ่แม่ ไม่ได้ไปปล้นเขามาหรอกน่า”
สุนทรีใช้สายตาคาดคั้น เขายอมแพ้
“พี่ชายที่แสนดีให้มา”
“ใครกัน พี่ชายที่แสนดี”
“ก็พี่ทง พี่ทินอะไรของพิชชานั่นไง”
สุนทรีวางช้อน คิดๆ
“พวกบ้านนั้นกลับมาแล้วเหรอ”
พงษ์ไม่เข้าใจ
“แล้วมีอะไรเหรอ”
สุนทรีนั่งซึม พงษ์เห็นท่าทีแม่เปลี่ยนไป
อาทิตย์ต่อมา...แพนขับรถมาจอดที่ลานจอดของโรงแรม เธอลงจากรถเดินไปที่ตึก...พิชชาขี่มอเตอร์ไซค์ มาทำงานตามปกติ จิราพัชรขี่จักรยานไล่ตามมา พิชชาชะลอเครื่องรอเขา
“ออกกำลังกายเหรอคะ”
“อือ”
พิชชามองจักรยานใหม่
“เพิ่งซื้อมาเหรอ”
“ถึงจะใหม่ แต่ก็แรงกว่าเศษเหล็กของเธอเยอะเลย”
พิชชามองเขาหมั่นไส้
“เก่าแต่ก็ไปถึงโรงแรมก่อนคุณก็แล้วกัน”
“งั้น มาแข่งกัน ถ้าเธอชนะฉันเลี้ยงข้าว ถ้าแพ้ขอหอมแก้มเธอ”
จิราพัชรไม่รอคำตอบรับจากพิชชา เขาเร่งปั่นมันออกไปอย่างเร็ว
“เดี๋ยวสิ”
พิชชายังงงเงื่อนไขที่จิราพัชรเสนอ เมื่อตั้งสติได้เธอก็เร่งมอเตอร์ไซค์ไล่ตามเขา
มนตรีพาแพนเดินดู แนะนำเรื่องรายละเอียดต่างๆ ของงาน จิราพัชรและพิชชา นั่งกินข้าวในห้องอาหาร แพนเห็นทั้งคู่จากไกลๆ มนตรีมองๆ
“อืม ยังคบกันอยู่”
แพนได้ยินมนตรีเปรย เธอรู้แล้วว่าคนที่จิราพัชรคบตอนนี้คือพิชชานั่นเอง
แพนแนะนำตัวกับพนักงานในส่วนบริการ
“สวัสดีค่ะทุกคน ขอแนะนำตัวนะคะ ดิฉัน คุณัญญา วชิรวิทย์ ยินดีได้รู้จักทุกคน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดิฉันจะเข้ามาดูแลบริหารงานในส่วนบริการ คงต้องความร่วมมือจากทุกๆ คน ขอให้ตั้งใจทำงานเพื่อโรงแรมนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ”
พนักทุกคนปรบมือต้อนรับแพน กิ่งเทียน หันไปหาพิชชาที่ยืนอยู่ในแถว
“นั่นมันยายแพนจริงๆ เหรอ”
พิชชาไม่ตอบอะไรกลับ เธอปรบมือยินดีกับแพน
แพนเดินถือเอกสารออกจากห้อง...กิ่งเทียนกึ่งลาก กึ่งดึงแขนพิชชา เดินตามแพนออกมา
“แพน”
แพนหันมา
“กิ่งเทียน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“นั่นสิ จำเกือบไม่ได้”
พิชชายิ้มให้แพน
“ดีใจที่ได้ทำงานกับเธอนะ”
“ฉันขอพี่พัชร มาทำที่แผนกนี้เองแหละ”
“เหรอ”
“มีคนบอกว่า ที่คุณพาณีถูกย้าย เพราะเธอน่ะ จริงหรือเปล่า”
พิชชานิ่ง ไม่ปฏิเสธ
“ไปอ้อนให้พี่พัชรจัดการให้เหรอ”
กิ่งเทียนไม่พอใจ
“นี่เธอ มากไปหน่อยแล้วนะ”
แพนยิ้มเยาะ
“เธอนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ ออกรับแทนเขาตลอด ระหว่างทำงาน เธอไม่ควรมาตีเสมอฉันนะกิ่ง”
พิชชานิ่งรับสิ่งที่แพนบอก กิ่งเทียนเสียความรู้สึก แพนตัดบท
“กลับไปทำงานกันสิ ไว้คุยกันทีหลังนะ”
แพนเดินจากไป ทันใดนั้นเสียงสุนทรีดังขึ้น
“แพน”
แพนหันไปตาม เสียงเรียกที่ฟังดูคุ้นเคย สุนทรียืนมองเธอที่โถงของโรงแรม แพนตะลึง คิดไม่ถึงว่าสุนทรีจะมาหาเธอ พิชชาตกใจ
“แม่”
สุนทรีจ้องแพน
“แพนใช่ไหม”
แพนพูดอะไรไม่ออก ทั้งตกใจและแปลกใจในคราวเดียวกัน
“แพน ลูกแม่”
แพนก้าวถอย เมื่อสุนทรีขยับเข้าไปหา เธอส่ายหน้าไม่ยอมรับ ก่อนจะวิ่งออกไป พิชชาคว้าแขนสุนทรีเอาไว้ เมื่อเธอพยายามวิ่งตามแพน
“แม่คะ”
“แพน” สุนทรีพยายามร้องเรียก
แพนวิ่งมาจนถึงโถงด้านสนามกอล์ฟ ที่ไม่มีคน เธอหลบอยู่ที่ด้านหนึ่งคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น นึกถึงหน้าของสุนทรี น้ำตาก็ไหล หญิงสาวนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่นาน
สุนทรีและพิชชานั่งที่เก้าอี้ในสวนของโรงแรม สุนทรียังรู้สึกเสียใจกับท่าทีของแพนที่มีต่อเธอ ก่อนจะถอนใจออกมา
“แม่น่ะ ทั้งดีใจ โล่งใจ ได้เห็นกับตาของตัวเอง บ้านนั้นเขารักษาคำพูดดีนะ”
พิชชานั่งฟังสุนทรีระบายความในใจอย่างเงียบๆ
“พวกเขาคงเลี้ยงและเอาใจใส่อย่างดี เขาสวยขึ้นนะ”
พิชชายิ้มเศร้าๆ พยักหน้ารับเห็นด้วย
“คงได้เรียนสูงสินะ”
พิชชาพยักหน้ารับ สุนทรีเห็นพิชชา เธอสะดุดคิด นึกเปรียบเทียบ ก้มหน้าไม่กล้าสบตาพิชชา
“แล้วดูแม่สิ ดูสภาพของแก แม่ทำตามคำ ที่สัญญากับเขาเอาไว้ไม่ได้ แม่เอาลูกมาลำบาก”
พิชชาที่นิ่งฟังน้ำตาไหล สงสารสุนทรีที่ต้องคับแค้นใจ เพราะตัวเธอ สุนทรีเองก็น้ำตาไหลเช่นกัน เธอสงสารพิชชา ที่ต้องลำบากมาตลอด
“เราไม่น่าสลับตัวลูกทั้งสองกลับคืนเลย แม่ขอโทษนะพิชชาที่ทำลายอนาคตของแก แม่เสียใจจริงๆ แม่น่าจะเก็บเขาเอาไว้ แล้วปล่อยแกไป”
สุนทรีสะอื้น
“แพน...แพนเอ๋ย”
สุนทรีซบหน้ากับฝ่ามือ ร้องไห้ พิชชารู้ว่าสุนทรีก็ยังคงรักและคิดถึงแพนมาตลอด
ดนัยทำงานศิลปะ ที่มุมหนึ่ง ส่วนพาทินก็นั่งขึ้นรูปปั้นดินเหนียว อยู่อีกด้านหนึ่งของสตูดิโอ เขามีรูปที่พิมพ์ออกมาจากวีดีโอของพิชชา วางไว้ข้างๆ ดนัยวางมือไปนั่งพัก เห็นพาทินใจจดใจจ่อกับภาพ เขาลุกขึ้นเดินไปดู
“พิชชาเหรอ”
“แค่ลองขึ้นโครงผู้หญิงดู น่ะพี่”
“ดูตั้งใจนี่ คงไม่ใช่แค่ลูกพี่ลูกน้องมั้ง”
พาทินหยุดมือ คิดถึงความรู้สึกจริงๆ ของตัวเอง
อ่านต่อหน้า 2
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
พิชชาเดินกลับเข้ามา แพนนั่งรออยู่ พิชชาเข้าไปถาม
“คุณแม่ไม่สบายเหรอ ป่วยมากไหม”
“มีช่วงนึง ที่แม่จำใครไม่ได้สักคน ท่านคิดไปเองว่าเธอยังอยู่ใกล้ๆ”
พิชชาน้ำตาซึม สงสารพจนินท์ที่ล้มป่วยเพราะเธอ
“ความผิดของฉันเอง”
“ไม่มีใครเขาโทษเธอหรอกนะ แต่ถ้าเธอมาอยู่กับพี่ทินแบบนี้ แม่คงได้มาเจอเธอเข้าสักวัน ฉันกลัวว่าอาการของแม่จะแย่ลงไปอีก”
พิชชานั่งนิ่งยอมรับ แพนพูดต่อ
“ยังมีเรื่องของพี่อรอีก เธอกับพี่ทินไม่ได้เป็นญาติกันเลยนะ พี่อรเขายังไม่รู้เรื่องอะไรหรอก”
แพนรู้สึกลำบากใจที่ต้องพูดเรื่องทั้งหมดออกมาให้พิชชาทำใจยอมรับ
“ฉันไม่ได้ดีใจเลยนะ ที่ต้องมาพูด มาบอกเธอแบบนี้ เธอไม่ใช่คนเดียวที่ต้องเจ็บ ต้องเสียใจนะ ลองคิดดู”
พิชชาเสียใจและปวดใจที่ต้องยอมรับความจริง
“พิชชา ฉันกลัวนะ เราย้อนอดีตกลับไปไม่ได้”
“ถ้าทุกอย่างจะดีขึ้น ฉันก็จะไป มันคงต้องเป็นแบบนั้น”
พิชชาเสียใจ แต่ก็ยอมรับทางออกที่แพนแนะ แพนมองการตัดสินใจของพิชชาด้วยความรู้สึกขัดแย้งในใจ ทั้งดีใจและเสียใจในคราวเดียวกัน
เย็นนั้น พิชชาทำมื้อเย็นให้พาทิน เธอวางกับข้าวลงบนโต๊ะ
“ของที่พี่ชอบทั้งนั้นเลยนะ”
พาทินนั่งมองอย่างแปลกใจ
“ทำซะเยอะเลย โอกาสพิเศษอะไรล่ะนี่”
“แค่อยากทำของที่พี่ชอบให้กิน พี่ชอบไหม”
พาทินพยักหน้ารับ
“ขอบคุณมากเลยครับ”
พาทินลงมือกินอย่างอร่อย พิชชามองเขาด้วยสายตาโหยหา พาทินเห็นเธอมอง เขาหยุดมือ
“ทำอย่างไม่เคยเห็นพี่กินข้าว”
“แต่ไม่เคยเห็นพี่กินอร่อยแบบนี้มาก่อน อยากจำมันเอาไว้”
“คงได้เห็นไปอีกนานล่ะ”
พาทินกินต่อ พิชชาลุกไปจากโต๊ะ เดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำ วางมันลงข้างเขา พาทินมองเห็นแก้วน้ำเขาจำได้ มันเป็นแก้วที่เขาให้เธอเมื่อคราวจากกัน
“แก้วของพี่ ฉันคืนให้นะ”
พาทินละมือจากการกินรู้สึกว่าพิชชามีบางอย่างที่อยู่ในใจ
“เก็บเอาไว้ตั้งหลายปี คืนพี่ได้ซะที เก็บเอาไว้ดีๆ นะพี่ อย่าให้มันแตก”
พาทินยังคงมอง พิชชาเก็บความรู้สึกต่างๆ เอาไว้ไม่ให้เขารู้
“เดี๋ยวฉันไปเติมนี่ให้นะ”
พิชชาหยิบจานกับข้าวเดินออกไป
ค่ำนั้น...พาทินยังทำงานในสตูดิโอ เขารู้สึกติดใจกับท่าทีของพิชชาเมื่อตอนเย็น เขาเดินไปสูดอากาศริมทะเลเห็นพิชชาเดินอยู่ในเงามืดถือกระเป๋าเดินออกจากสตูดิโอไปตามทาง พาทินชะงัก
“พิชชา”
พิชชาหยุดฝีเท้าลง ตามเสียงเรียก พาทินเดินเข้าไปหา
“ดึกแล้วจะไปไหน”
พิชชาเสียงเครือ
“พี่คะ”
พาทินมองกระเป๋าที่อยู่ในมือของเธอ เดาออกว่าเธอจะทำอะไร เขาหยิบกระเป๋าจากมือเธอมาถือ
พิชชายื้อเอาไว้
“พิชชา”
“พี่คะ ฉันไม่ใช่น้องของพี่อีกแล้วนะ ฉันเป็นลูกบ้านอื่น ไม่ใช่คนที่พี่เคยรู้จักแล้ว”
พาทินแปลกใจในสิ่งที่พิชชาระบายออกมา
“ตอนแรก ฉันคิดว่าได้เจอกับพี่แล้วคงมีความสุข มีวันเก่าๆ ด้วยกัน ฉันฝันว่าจะได้พบกับพี่อีกสักครั้ง ฉันพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้มันดี พี่จะได้ไม่ผิดหวังในตัวฉัน มันทำให้ฉันมีกำลังใจ ภูมิใจ แต่ว่าฉันไม่มีความสุขเลย แม้ว่าเราจะได้พบ ได้อยู่ด้วยกันอีก ทำไมฉันถึงรู้สึกยิ่งช้ำใจอย่างนี้ หรือว่าจริงๆ แล้วเราไม่ควรได้พบกันอีก”
พาทินกลืนความรู้สึกเจ็บเอาไว้ข้างใน
“พิชชา อย่าพูดแบบนั้นเลย มานี่ กลับเข้าไปข้างในเถอะ”
“พี่คะ ปล่อยให้ฉันไปนะ ทำเหมือนว่าเราไม่เคยรู้จักกัน ทุกคนจะได้สบายใจทำเพื่อฉันนะ”
พาทินดึงพิชชาเข้ามากอด เพื่อปลอบเธอและตัวเขาเอง
“เธออย่าไปเลย ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น อยู่กับพี่”
พิชชานิ่งสงบในอ้อมกอดของเขา
“เธอไม่ต้องเป็นน้องสาวของพี่...แต่ขอให้เธออยู่กับพี่ แค่นั้นก็พอ อย่าทิ้งพี่ไป”
พิชชากอดตอบเขาเบาๆ แทนคำพูดทั้งหมดที่เธออยากบอกเขา ทั้งคู่กอดกันเนิ่นนาน ส่งความรู้สึกให้กัน
ริมทะเลในยามเช้า ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก พิชชาและพาทินเดินเล่นด้วยกัน ทั้งคู่ดูมีความสุขต่างจากเมื่อคืน ต่างก็นึกถึงภาพความหลังที่เคยมีความสุขช่วงสั้นๆ ที่นี่
จิราพัชรช่วยอรอินทุ์ขนของลงจากรถ พาเดินไปที่ห้องของเขา
“นี่ขับรถมาเองเลยเหรอ”
“ก็ขนของที่เหลือของทินมาไว้ที่สตู”
“สมกับเป็นภรรยาที่ดีเลยนะ เทียวไปเทียวมาแบบนี้ไม่เหนื่อยเหรอ”
“แหม ทินเขาตัดสินใจทำงานอยู่ที่นี่ ส่วนฉันก็ต้องช่วยคุณพ่อดูงานบ้านอยู่”
“ก็รีบแต่งๆ สิ เธอก็จะได้ย้ายมาที่นี่ไง”
“อยากให้สมพรปากเธอจัง”
“มันยังไงกันล่ะ หมั้นกันแล้วนี่”
“ทินเขาคงยังไม่อยากแต่งหรอกมั้ง ดูเขาไม่รีบร้อน หรือเร่งรัดอะไรเลย”
“ถ้ามันไม่อยากแต่งกันเธอ มาแต่งกับฉันเอาไหม”
อรอินทุ์หัวเราะ
“พิชชาได้มาแหวกอกฉันสิ”
จิราพัชรหัวเราะ
“ล้อเล่นหรอกน่า พิชชาเขาไม่ทำแบบนั้นหรอก”
อรอินทุ์มองจิราพัชรตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นั่นสิ ฉันสงสัยจังว่า เขาเห็นอะไรดีในตัวเธอ”
“บอกอะไรให้ ก็เพราะฉันดีกับเขามากไง ตอนเขาลำบากฉันก็อยู่ข้างเขาตลอด ถึงย้ายผู้จัดการแผนกเพื่อเธอจะได้กลับมาทำงานโดยไม่ลำบากใจ”
อรอินทุ์ชะงัก
“เธอทำแบบนั้นเหรอ”
“อือ เพื่อเธอฉันทำให้ได้ทุกอย่าง”
“นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกลำบากใจมากกว่า”
“ทำไม ลำบากตรงไหนเหรอ”
“ก็เพื่อนร่วมงานของพิชชานะสิ ใครจะกล้ามาสุงสิงกับเธอล่ะ”
จิราพัชรคิดๆ
“งั้นหรอกเหรอ”
อ่านต่อหน้า 3
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
จิราพัชรอยู่ที่ครัวชงกาแฟ อรอินทุ์เดินมองภาพวาดที่อยู่บนผนัง
“ฉันคิดว่าเธอเลิกวาดรูปแล้วซะอีก”
จิราพัชรยกแก้วมาวางไว้ที่โต๊ะ
“จริงๆ แล้ว ฉันก็เลิกไปพักใหญ่แล้วล่ะ ทั้งงานบริหาร การเล่นกอล์ฟ มันกินเวลาไปหมดเลย...แต่หลังๆมานี่ มันดันมีไฟอยากวาดรูปขึ้นมาซะงั้น”
อรอินทุ์ยิ้ม เธอรู้ว่าสิ่งที่ทำให้เขากลับมาวาดรูปคืออะไร
“เป็นเพราะเธอสินะ พิชชาน่ะ”
จิราพัชรยิ้มรับแบบเขินๆ อรอินทุ์ยิ้มเข้าใจ
“แรงบันดาลใจของศิลปินผู้ชาย ส่วนใหญ่ก็มากจากผู้หญิงที่ตัวเองหลงรักทั้งนั้นแหละ”
“แต่ฉันไม่เคยวาดภาพผู้หญิงสักครั้งเลยนะ”
“ตอนนั้นเธอไม่ได้หลงรักใครนี่ แต่คราวนี้ ฉันเห็นว่าเธอหลงรักเขาหัวปักหัวปำเลยล่ะ”
จิราพัชรเอามือตัวเองทาบที่อกด้านซ้ายของเขา
“หัวใจมันเต้นตูมตาม ผิดปกติหรือเปล่านี่”
อรอินทุ์หัวเราะจิราพัชรที่เขาแสดงออกเหมือนเป็นเรื่องสบายๆ
“เฮ้ย มันเห็นชัดเลยเหรอ”
“ยิ่งกว่าชัดอีก”
“ทินมันคงวาดรูปเธอบ่อยสินะ”
อรอินทุ์สะดุดกับคำทักของจิราพัชร อารมณ์เธอเปลี่ยนไป จิราพัชรจับอาการนั้นได้
“ไม่เคยเหรอ”
อรอินทุ์ยิ้มกลบเกลื่อน
“ยังหรอก เขาบอกว่าฉันสวยเกินกว่าที่เขาจะวาดได้”
จิราพัชรไม่เชื่อ
“อะไร ใครจะเชื่ออย่างมันนี่นะ”
จิราพัชรหาเหตุผลมาปลอบใจอรอินทุ์
“ไอ้ทินมังคง...”
“ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรหรอก ฉันเข้าใจเขานะ ฉันจะอดทนรอวันนั้น”
จิราพัชรยิ้ม
“เป็นผู้หญิงที่แสนดีจริงๆ”
“ฉันอดกลั้นและอดทนเอาไว้น่ะ ไม่ได้แสนดีอะไรหรอก”
จิราพัชรฟังอรอินทุ์พูดถึงความคิดจริงๆของเธอ เขาหนักใจแทนพาทินและอรอินทุ์
อรอินทุ์เข้ามาหาพาทินที่สตูดิโอแต่ไม่พบใคร เธอเก็บของที่บางส่วนยังค้างไว้ให้เป็นระเบียบ อรอินทุ์จัดระเบียบบนโต๊ะทำงานของเขา เธอเห็นผ้าขาวปิดโครงรูปปั้นก็เปิดออกดู รูปปั้นนั้นเป็นผู้หญิง ถึงรายละเอียดจะไม่ครบ แต่เธอรู้สึกว่ารูปปั้นนั้นคือพิชชา อรอินทุ์เกิดความสงสัยบางอย่างขึ้นในใจ
พาทินเดินเข้าสตูดิโอ เขาเห็นกล่องอาหารของอรอินทุ์ ที่วางไว้บนโต๊ะ พาทินมองเข้าไปในสตูดิโอ แต่ไม่เห็นใคร เขาออกเดินไปรอบๆ...เขาเห็นอรอินทุ์นั่งอยู่ที่ม้าหินใต้ต้นไม้จึงเดินเข้าไปหา อรอินทุ์หันมามองเขา ทั้งคู่รู้ได้ด้วยความรู้สึก ว่ามีบางอย่างที่ติดอยู่ในใจ พาทินนั่งลงข้างๆ
“ไปเจอพัชรมาเหรอ”
อรอินทุ์พยักหน้ารับ พาทินไม่รู้จะตั้งต้นคุยกับเธออย่างไรดี
“ผมมีอะไรอยากคุยกับคุณ”
“ฉันก็มีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยเหมือนกัน”
พาทินรู้ว่าอรอินทุ์จะพูดเรื่องอะไรกับเขา
“ฉันเบื่อที่จะต้องขึ้นล่องกรุงเทพกับที่นี่แล้ว เราแต่งงานกันเถอะนะ”
พาทินก้มหน้ารับฟัง
“ฉันเหนื่อยค่ะ”
พาทินลำบากใจที่จะพูด
“อร”
“ฉันลำบากใจตั้งแต่คุณตัดสินใจจะมาทำงานที่นี่ คุณให้พิชชาเข้ามาอยู่กับคุณโดยไม่เคยถามฉัน แล้วยังโกหกฉันว่าเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณอีก”
พาทินพูดอะไรไม่ออก
“แต่งงานกันเถอะนะคะ”
พาทินหาเหตุผลมาแย้งเรื่องที่จะไม่แต่งงานไม่ได้ อรอินทุ์จ้องหน้าเขา
“ทิน มองหน้าฉันสิคะ”
พาทินค่อยๆ เงยหน้ามองอรอินทุ์
“คุณไม่รักฉันเหรอคะ”
พาทินไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ เขาสับสน อรอินทุ์ชักหวั่นใจ
“ไม่สักนิดเลยเหรอ”
พาทินหลบสายตา
“ผมคิดว่าผมจะรักคุณได้”
อรอินทุ์คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้จากเขา แววตาเธอเศร้าสลดลง
“ผมเป็นห่วงความรู้สึกคุณมาก จน...ผมคิดว่าผมจะต้องบอกคุณด้วยตัวเอง”
อรอินทุ์รู้ว่าเขาจะเอ่ยปากบอกเลิก เธอทนไม่ไหวลุกขึ้นยืน
“ฉันจะกลับล่ะ ไม่อยากได้ยิน ฉันทนฟังมันไม่ได้หรอก ฉันไม่ฟัง”
เธอเดินหนีไป ทิ้งให้เขาคิดไม่ตก...อรอินทุ์หยิบกระเป๋าที่สตูดิโอ พาทินตามมา
“อร”
อรอินทุ์หยุดฝีเท้า เก็บอารมณ์ที่พลุ่งพล่านไว้
“ฉันจะไม่ยอมเสียคุณให้ใครไป แล้วฉันจะโทรมานะคะ”
อรอินทุ์เดินจากไป พาทินถอนใจด้วยความหนักอก
พาณีตรวจบัญชี เบิกจ่ายอุปกรณ์สันทนาการ พลางทักทายเด็กๆ ที่เล่นน้ำ จิราพัชรเดินตามเธอห่างๆ เขารู้สึกเคอะเขินที่จะเข้าไปเผชิญหน้าเธอ เพื่อขอโทษ พาณีหันกลับมาเก็บห่วงยางของเล่นที่ลูกค้าวางทิ้งไว้ เธอเห็นจิราพัชรยืนมองเธออยู่ เธอมองเขาว่าจะมาไม้ไหน จิราพัชรค้อมหัวขอโทษ
พิชชาเตรียมของสำหรับแขก กิ่งเทียนนอนเล่นบนเตียงแขก
“ขอนอนสักตื่นได้ไหม หลับฝันหวานถึงผู้ชายหล่อๆ สักคน”
“เอาอีกแล้ว นี่เวลางานนะ ใครเข้ามาเห็นเข้าเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง”
“ โธ่ พิชชาจ๋า ขอฝันกลางวันก็ไม่ได้หรือจ๊ะ หรือเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องผู้ชายในฝัน”
พิชชาหยุดมือ
“ฉันน่ะเหรอ”
“ฉันฝันอยากมีใครสักคนแบบรุ่นพี่พาทินบ้างจัง จริงๆ แล้วพี่พาทินก็ไม่ใช่พี่แท้ๆ ของเธอแล้ว เธอไม่ฝันถึงเขาบ้างเหรอ”
พิชชาไม่ตอบ คำพูดของกิ่งเทียนทำให้เธอ วุ่นวายใจเรื่องของเขา
พิชชายืนอยู่ที่ครัว จิราพัชรลงมาจากชั้นบน เธอค้อมหัวทักทายเขา
“มีอะไรให้รับใช้คะ”
“เธอลืมคำว่า ท่านนะ”
พิชชาทวนคำตาม
“มีอะไรให้รับใช้คะท่าน”
พิชชาพูดยิ้มๆ จิราพัชรหัวเราะ
“ผมล้อเล่นนะ แต่ทำให้คุณยิ้มได้ก็โอเคแล้วล่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ”
พิชชาหมุนตัวเดินออก จิราพัชรคว้ามือเธอไว้ พิชชาหันมามองสิ่งที่เขาทำ จิราพัชรรู้ตัวเขารีบปล่อยมือจากเธอ
“ขอโทษๆ”
“มีอะไรหรือคะ”
“นั่งก่อนสิ”
จิราพัชรดึงเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ผายมือให้เธอนั่งลง พิชชาเกรงใจที่เขาทำไม่เหมือนเธอเป็นแม่บ้าน
“คุณพาณี หัวหน้าเก่าของคุณน่ะ”
พิชชาชะงัก
“ทำไมเหรอคะ”
“เขาจะกลับมาทำหน้าที่เดิม ผมเซ็นโอนกลับมาที่แผนกแม่บ้านเอง...คือผมไปขอโทษเขาด้วยตัวเองเลยนะ”
พิชชารู้ว่าเขาเปลี่ยนแปลงไป
“คุณเปลี่ยนไปนะคะพัชร”
จิราพัชรรู้สึกดีใจที่เธอเรียกชื่อเขาอย่างสนิทใจขึ้น
“พัชรเหรอ...ผมดีใจนะ ชอบที่คุณเรียกแบบนี้”
อ่านต่อหน้า 4
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 8 (ต่อ)
พิชชายิ้มเมื่อเห็นเขาแสดงอาการดีใจเหมือนเด็กๆ เธอเอามือทาบอกตัวเอง จิราพัชรยิ้มๆแล้วเอ่ยถาม
“เธอชอบผู้ชายแบบนี้ใช่ไหม”
พิชชามองชายหนุ่มที่ส่งสายตาจริงจังมาให้ จิราพัชลุกขึ้นจากเก้าอี้ ย่อตัวลงข้างๆ
“ผมรู้เลยว่า คุณเป็นคนที่ผมอยากยกย่องให้อยู่ในใจ มาคบกับผมได้ไหม”
จิราพัชรมองตาหญิงสาว
“จะรับรักผมได้ไหม”
พิชชาไม่รู้จะแสดงความรู้สึกอย่างไรต่อเขาดี
ค่ำนั้น พาทินนั่งวาดรูป พิชชานั่งอยู่ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาว
“หิวไหม”
พิชชาเงยหน้าจากสิ่งที่ทำ มองเขา
“พี่หิวเหรอคะ เดี๋ยวฉันทำอะไรให้กิน”
“ไม่ต้องหรอก พี่จะออกไปซื้ออะไรแถวนี้ดีกว่า ไม่ต้องยุ่งยาก พี่จะซื้อมาฝากเธอด้วย”
“ขอบคุณค่ะ”
“เดี๋ยวมานะ” พาทินบอกแล้วเดินออกไป
พิชชาเตรียมจานไว้บนโต๊ะรอเขากลับมา เสียงฝีเท้าก้าวขึ้นบันไดมา
“พี่คะ ซื้ออะไรมาบ้างน่ะ”
พิชชาหันไปที่บันไดคิดว่าเป็นพาทิน อัจฉราโผล่เข้ามา
“ขอโทษนะจ๊ะ”
“มาหาใครหรือคะ”
“คุณพาทินอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
พิชชาพยักหน้า
“ค่ะ”
พิชชาและอัจฉรานั่งคุยกันที่โซฟารับแขก
“ฉันเป็นแม่ของอร เธอคือคนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพาทินเขาใช่ไหม”
พิชชารู้ว่ามันไม่จริง แต่จำยอมรับออกไป
“ค่ะ”
“อรเล่าเรื่องเธอให้ฉันฟังอยู่บ้าง” อัจฉรามองไปรอบห้อง “เธอพักที่นี่เหรอ”
“ค่ะ”
อัจฉราถอนใจ
“เธอพอรู้ไหมทำไมทินเขาถึงบอกเลิกกับอร”
พิชชาตกใจที่รับรู้เรื่องของอรอินทุ์
“เลิกกันเหรอคะ”
“เธอไม่รู้สินะ”
พาทินกลับมาจากซื้อของ เดินขึ้นมา เห็นอัจฉรา เขาวางตัวกับเธอไม่ถูก พิชชาเดินหลบลงมาให้อัจฉราคุยกับพาทินตามลำพัง อัจฉราเห็นพาทิน เธอลุกขึ้นต่อว่าเขา
“พาทิน รู้ไหมว่าอรเป็นยังไงบ้าง กับสิ่งที่เธอทำ”
พาทินยืนก้มหน้ารับผิด
“อรน่ะร่างกายเขาไม่ค่อยแข็งแรง เขาเข้าโรงพยาบาลเพราะเรื่องของเธออีกแล้ว รู้ไหม”
พาทินเป็นห่วง
“เธอเป็นไงบ้างครับ”
“เธอเปลี่ยนไปนะ ไม่มีน้ำใจที่จะคิดไปเยี่ยมเขาเลยเหรอ ทำอย่างนี้ได้ยังไง เธอกลายเป็นใจดำแบบนี้ได้ยังไง”
พาทินได้แต่ยืนรับคำต่อว่าของอัจฉรา
“เธอเปลี่ยนไปเพราะคบอยู่กับคนอื่นหรือไง”
พาทินนิ่ง ไม่ปฏิเสธ อัจฉราถือว่านั่นเป็นการยอมรับ เธอโมโหแทนลูกสาว ตบหน้าเขาระบายอารมณ์ พิชชาที่ยืนอยู่ข้างล่างได้ยินเรื่องทั้งหมด เธอเสียใจที่เขาถูกต่อว่าและโดนตบหน้าเพราะเธอ
เช้าวันต่อมา พาทินช่วยพิชชาตากผ้าที่ลานสตูดิโอ พิชชามองท่าทีของเขาที่ยังดูปกติ ทั้งที่เกิดเหตุการณ์เมื่อคืน
“พี่คะ”
“อะไรเหรอ”
“ทำไม...พี่ถึงเลิกกับคุณอรล่ะคะ”
พาทินหยุดมือมองพิชชา
“พี่ไปชอบคนอื่นแล้ว”
พิชชานิ่งฟัง เธอรู้ความหมายของเขา ว่าคนอื่นนั้นคือใคร
พิชชาเข็นรถ เดินออกจากอาคารโรงแรม ไปตามทางระหว่างตึก เธอเห็นอรอินทุ์ที่ดูยังป่วย ตาบวมจากการร้องไห้มาตลอด ยืนรอเธอที่สวน พิชชารู้ว่า อรอินทุ์อยากมาคุยกับเธอเรื่องพาทิน...ทั้งคู่นั่งลงที่ม้านั่งคุยกัน
“แม่แวะไปที่สตูใช่ไหม”
“ค่ะ”
“แม่ไปคุยอะไรเหรอ เธออยู่ตรงนั้นด้วยหรือเปล่า”
พิชชานั่งก้มหน้ารับฟังสิ่งที่อรอินทุ์พูด เธอไม่สบตาอรอินทุ์
“พี่กับคุณทะเลาะกันเหรอคะ”
“มันไม่ได้มีอะไรรุนแรงหรอกนะ คุณแม่ทำเกินไปหน่อย”
อรอินทุ์ไม่แน่ใจว่าจะถามพิชชาดีหรือไม่ ทั้งคู่นิ่งเงียบ บรรยากาศดูอึดอัด อรอินทุ์เอื้อมมือไปจับมือของพิชชา
“พิชชา ช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
พิชชารู้ว่าอรอินทุ์อยากให้เธอช่วยเรื่องอะไร
“ฉันรู้ว่าเธอน่ะ ช่วยได้ เธอคนเดียวที่ฉันพอจะพึ่งได้ ทินเขาถือว่าเธอคือน้องสาวของเขา แล้วเขาก็ห่วงเธอ ห่วงมาก”
พิชชาจำนนต่อคำขอของอรอินทุ์ที่อ้างถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพาทิน
“ฉันเป็นเด็กที่ไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เกิด เลยไม่ค่อยมีเพื่อนนัก”
พิชชาน้ำตาซึม อดเอาตัวเองเข้าไปเทียบกับอรอินทุ์ไม่ได้
“มีหลายครั้งที่เคยคิดไปจากเขาเหมือนกัน เพราะฉันเหมือนไม่มีคุณค่าพอสำหรับเขา แต่ฉันก็รู้ตัวว่าถ้าไม่มีเขา ฉันก็ไม่เหลืออะไรในชีวิตเลย”
พิชชาเช็ดน้ำตาของตัวเองที่กำลังไหลออกมา เธอเห็นใจอรอินทุ์ และสงสารตัวเอง
“ฉันเข้าใจค่ะ”
“ฉันรู้ว่า ที่เขาอยู่กับฉันมาตลอด เพราะความรับผิดชอบ แต่ฉันก็ไม่อยากเสียเขาไป ไม่ว่ายังไง...ขอโทษนะ พิชชา”
พิชชานิ่งฟังมาตลอด เธอตัดสินใจช่วย
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ คุณอร ไม่ต้องเสียใจนะคะ”
พิชชาเจ็บปวดใจ แต่ก็เก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้กักอยู่ข้างใน
พิชชาทำความสะอาดอยู่ในห้องจิราพัชร คิดถึงภาพของทุกคนที่เกี่ยวข้องเรื่องของเธอกับพาทินไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ แพนขอให้เธอแยกตัวออกมาจากพาทิน จิราพัชรขอคบกับเธอ อรอินทุ์ที่ขอร้องให้เธอช่วยเรื่องพาทิน พิชชาทำความสะอาดไปน้ำตาไหลไป ขณะเดียวกันนั้น จิราพัชรเดินเข้าห้องมา เขาส่งเสียงทัก
“พิชชา”
พิชชาเหม่อคิด รู้สึกตัวหันไปมองเขา จิราพัชรเห็นน้ำตาของเธอ เขาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ พิชชาเช็ดน้ำตานั้น ไม่อยากให้เขากังวล
พิชชาและจิราพัชร ยืนที่ระเบียงห้อง
“บอกตามตรงนะ ผมเป็นคนเอาแต่ใจ อะไรที่ไม่ชอบผมจะโยนมันทิ้ง หรือยกให้คนอื่นไปโดยไม่เสียดาย แต่ถ้าสิ่งไหนที่ผมรักผมชอบ ผมจะเก็บรักษาเอาไว้ ทะนุถนอมอย่างดี ผมอยากจะเก็บคุณเอาไว้”
พิชชามองเขาอย่างตื้นตันใจ จิราพัชรส่งยิ้มอันอบอุ่นให้
“คุณไว้ใจผมได้”
พิชชารู้สึกขอบคุณความรู้สึกที่เขามีให้ในใจ
โปรดติดตาม รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 9