ข้าวนอกนา ตอนที่ 7
ในวัด...เขมวรรณสวดมนต์เสร็จก็ก้มลงกราบพระ พอลุกขึ้นมาสีหน้าก็เก็บความเบื่อหน่ายไว้ไม่มิด แม้จะพยายามยิ้มตามมารยาท เสียงจรูญศรีดังเข้ามา
“สวัสดีค่า ดีใจจังได้เจอคุณเข็มที่นี่อีก”
“สวัสดีค่ะคุณศรี”
เขมวรรณทำท่าจะเดินหนี แต่จรูญศรีเข้าไปดักคุย
“คุณเข็มจะรีบไปไหนเหรอคะ”
“เดี๋ยวต้องไปธุระต่อค่ะ ขอตัวนะคะ”
เขมวรรณเดินหนีไปบริเวณวัด จรูญศรีตามติด...เขมวรรณเร่งฝีเท้าเพราะไม่ชอบคุยกับจรูญศรี แต่จรูญศรียังตามมา
“พรุ่งนี้ฉันจะไปทำบุญสะเดาะเคราะห์กับหมออารยา คุณเข็มไปด้วยกันไหมคะ”
เขมวรรณบ่ายเบี่ยง
“พรุ่งนี้ไม่ว่างค่ะ”
“งั้นไว้วันหลังก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันนัดหมออารยาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องสะเดาะเคราะห์สักเท่าไร”
“เชื่อไว้ก็ดีนะคะ โดยเฉพาะช่วงนี้คุณเข็มน่าจะต้องทำบุญหนักหน่อย จะได้ล้างเคราะห์ล้างโศกให้หมดไปซะที”
“เคราะห์โศกอะไรกันคะ”
“แหม...ก็เห็นคุณเข็มโดนข่าวลือหนักอยู่นี่คะ”
เขมวรรณหันมาถามแบบรำคาญ
“ข่าวลืออะไรกัน”
“ก็ข่าวลือ...เกี่ยวกับหนูเดือนไงละคะ”
เขมวรรณอึ้งๆ รู้ว่าจรูญศรีหมายถึงอะไร แต่ทำเป็นไม่เข้าใจ
“ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่คะ คุณศรีไปได้ยินมาจากไหน”
“โอ๊ย...ข่าวออกจะดังค่ะ ที่ว่านักร้องนิโกรคนนึงอ้างตัวว่าเป็นน้องสาวของหนูเดือนไงละคะ”
เขมวรรณเสียงเข้ม
“ดิฉันมีลูกคนเดียว เพราะฉะนั้นยัยเดือนไม่มีน้องสาวที่ไหนค่ะ”
“เหรอคะ งั้นก็แล้วแต่คุณเข็มนะคะ ฉันอยากให้สะสมบุญเอาไว้ เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบาก็ยังดีค่ะ”
“ฉันทำบุญเพื่อชำระล้างจิตใจให้สะอาด ไม่ใช่ทำบุญเพื่อหวังผล หวังล้างบาป ถึงทำบุญมากแค่ไหน แต่ถ้ายังทำบาปอยู่ทุกวัน มันก็คงไม่ได้ผลหรอกค่ะ”
จรูญศรีถึงกับสะอึก มองตามเขมวรรณอย่างเข่นเขี้ยว
“ฮึ เดี๋ยวก็รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า”
เดือนนั่งเท้าคางเหม่อลอยครุ่นคิดอยู่ในสวน ตรงหน้ามีหนังสือที่เปิดค้างไว้แต่ไม่ได้อ่าน เสียงโจ้ยังดังก้องในหัว
“นั่นสิ ถึงแม้น้องเดือนจะหน้าออกแนวลูกครึ่ง แต่น้องเดือนไม่ใช่ลูกครึ่งนี่นา พ่อแม่เป็นไทยแท้ทั้งคู่ คงไม่เกี่ยวกันใช่ไหมครับน้องเดือน”
ดนัยธรเดินเข้ามาด้านหลัง แตะไหล่เดือนเบาๆ เดือนสะดุ้งเฮือก หันไป
“คุณพ่อ...”
“คิดอะไรอยู่เหรอลูก”
“เอ้อ...เปล่าค่ะ”
“เปล่าอะไร พ่อเห็นลูกเปิดหนังสือค้างไว้นานแล้ว ไม่สบายหรือเปล่า”
ดนัยธรเอามือแตะหน้าผาก เดือนส่ายหน้า
“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆค่ะคุณพ่อ”
“มีเรื่องเครียดอะไรปรึกษาพ่อได้นะ”
“ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ เดือนขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
เดือนหยิบหนังสือลุกหนี ดนัยธรมองตามเป็นห่วง
วันรุ่งขึ้น...ดำนั่งรอเวลาอยู่หน้าห้องอัดรายการ อย่างตื่นเต้น แล้วผุดลุกขึ้นเดินไปมา ใจหวานมองอย่างรำคาญ
“ผ่านรอบแรกมาแล้วยังตื่นเต้นอีกเหรอดำ”
“ตื่นเต้นสิพี่หวาน รอบแรกหนูไม่ได้คาดหวังอะไร แต่รอบนี้เขาต้องคัดคนออกด้วย หนูอาจจะไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น”
จอร์จลุกขึ้น จับมือดำมานั่ง แล้วตบหลังมือเบาๆ ให้กำลังใจ
“ไม่ต้องตื่นเต้นนะดำ ทำให้เหมือนรอบแรกนั่นแหละ พวกเราจะคอยให้กำลังใจ เธอต้องทำได้แน่”
ใจหวานเหลือบมองมือของจอร์จ ดำรีบชักมือออก
“ขอบคุณค่ะครู”
โปรดิวเซอร์ออกมาเรียก
“เชิญคุณดลิน เป็นคนต่อไปครับ”
ดำลุกขึ้น ใจหวานเข้าไปกอด จอร์จตบบ่าให้กำลังใจ
ในห้องอัดรายการ...เสียงดนตรีลูกทุ่งดังดังขึ้น แสงไฟบนเวทีสว่างขึ้น เสียงตบมือดังลั่น ดำทั้งร้องทั้งเต้นอย่างเซ็กซี่ กรรมการมองดูการแสดงของดำด้วยความทึ่ง ต่างคุยกันแล้วให้คะแนน
เวลาผ่านไป...ผู้เข้าแข่งขันประมาณ 50 คนยืนเรียงแถวรอ พิธีกรออกมาประกาศ
“ต่อไปนี้ผมจะเรียก 20 หมายเลขผู้เข้ารอบต่อไป ซึ่งจะเป็นรอบการแสดงสด ผู้เข้ารอบคนแรกได้แก่หมายเลข...”
ดำยืนรออย่างตื่นเต้น
“RS 3 คุณอัครา สมวิเศษสกุล”
ผู้เข้าแข่งขันต่างกอดกันอย่างดีใจ พิธีกรประกาศชื่อคนต่อไป
“คนต่อไป RS 8 คุณวิลาสินี อินทุวรเดช”
ดำหันไปมองคนที่เข้ารอบอย่างเซ็งๆ ที่ไม่ถึงชื่อตนสักที
“RS 11 คุณธารารัตน์ ดุษณีพิไล”
ดำหันไปมอง เห็นคนต่อไปที่ได้เป็นคนถัดจากเธอ ดำรู้สึกหมดหวัง
ใจหวานกับจอร์จนั่งดูอยู่มุมหนึ่ง ลุ้นไปด้วยอย่างตื่นเต้น
“เหลืออีกแค่คนเดียว ดำคงไม่ได้แน่ๆ”
จอร์จปลอบ
“อย่าเพิ่งหมดหวังสิ ยังเหลืออีกตั้งคนนึง”
พิธีกรประกาศ
“ผู้เข้ารอบคนสุดท้าย ได้แก่คุณ...”
ใจหวานตื่นเต้นมาก
“โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว”
ใจหวานปิดหู ไม่อยากฟัง จอร์จกระโดดตัวลอยขึ้นมาอย่างดีใจ
ดำสีหน้างุนงง มองหน้าพิธีกรอย่างไม่แน่ใจ พิธีกรประกาศซ้ำ
“คุณดลินครับ...”
เพื่อนสะกิด ดำรู้สึกตัวรีบก้าวออกไป ยกมือไหว้แล้วยิ้มโบกมือให้กับทุกคน
ผู้เข้าแข่งขันทยอยออกมาจากห้อง เข้ามาหาครอบครัวแต่ละคนอย่างดีใจและเสียใจตามแต่ผลที่ได้
ดำออกมาด้วยสีหน้าสดชื่นปนตื่นเต้น แล้วโผเข้ากอดกับใจหวานและจอร์จ
“ครูจอร์จ พี่หวาน”
“ดีใจด้วยนะดำ เธอสุดยอดมาก”
ใจหวานยังตื่นเต้นไม่หาย
“โอย...ตื่นเต้นมาก ลุ้นหัวใจจะวาย นึกว่าแกจะไม่ได้ซะแล้ว”
นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์ดำ
“ขอสัมภาษณ์มิสดอลลี่หน่อยนะคะ”
“เชิญเลยค่ะ”
ใจหวานผลักดำไปยืนข้างหน้า นักข่าวเอาไมค์มาจ่อ
“ตอนรอฟังประกาศผลรู้สึกยังไงบ้างคะ”
“ตื่นเต้นมากค่ะ ไม่นึกว่าตัวเองจะได้เข้ารอบ เพราะเขาข้ามเราไปแล้วด้วย”
“แต่เราก็เป็นตัวเต็งคนนึงนะครับ เพราะตอนอยู่บนเวทีแสดงได้ดีมาก”
“หนูทำเต็มที่ค่ะ คิดว่าไม่เข้ารอบก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้ร้องเพลงก็พอแล้ว”
“ตอนนี้ดลินดังแซงหน้าผู้เข้ารอบคนอื่นๆไปแล้ว เพราะความแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร คิดว่ารอบหน้าจะเป็นยังไงคะ”
“หนูก็ยังทำเต็มที่เหมือนเดิมค่ะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง”
“หลังจากดลินพูดถึงแม่กับพี่สาวออกทีวีไปแล้ว ทั้งสองได้ติดต่อกลับมาบ้างหรือเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ”
“ดลินอยากให้พวกเขามาเชียร์ไหม”
“ไม่จำเป็นค่ะ หนูมีพี่หวานกับครูจอร์จก็พอแล้ว”
“แล้วอยากเจอพวกเขาหรือเปล่าคะ”
ดำหน้าหมองลงไป
“ที่จริงก็อยากเจอค่ะ แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะอยากเจอหนูหรือเปล่า หนูก็อยากมีครอบครัวเหมือนคนอื่นเขา แต่พวกเขาอาจจะรังเกียจหนูก็ได้”
ใจหวานเข้ามาแทรกเพื่อเรียกคะแนนสงสาร
“ถ้าแม่กับพี่สาวของดำดูอยู่นะคะ อยากจะบอกว่าดำยังคิดถึงพวกคุณอยู่ตลอดเวลา ชีวิตที่ผ่านมาของดำน่าสงสารมากค่ะ ไร้ญาติขาดมิตร ลำบากเกือบตาย ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก จนได้มาเจอฉัน ฉันสอนให้ดำร้องเพลงจนมีทุกวันนี้ได้...”
ทุกคนมองดำอย่างเห็นใจ และชื่นชมใจหวาน
“ดลินมีอะไรอยากจะพูดกับแม่กับพี่สาวหรือเปล่า”
“หนูอยากเจอแม่กับพี่เดือนค่ะ...”
วันใหม่...ใจหวานดีดนิ้วเปาะ ขณะดูสัมภาษณ์ผ่านทางทีวี
“โอ้โฮ นังดำ งานนี้แกได้ใจแฟนคลับไปเต็มๆเลยว่ะ ไม่ทันไรคนก็ลืมเรื่องที่แกเคยโกหกไปหมดแล้ว”
“ก็หนูไม่ใช่คนที่โกหกนี่”
“เอาละๆ เลิกโทษฉันกับเสี่ยซะที ฉันดีใจกับแกด้วยนะ ต่อไปรอบแสดงสดจะอาศัยคะแนนกรรมการกับผลโหวต รับรองแกได้ใจทุกคนไปเต็มๆแน่”
ใจหวานยิ้มอย่างมั่นใจ ดำหน้าตาเต็มไปด้วยความหวัง
ดนัยธรกับเขมวรรณนั่งดูทีวี หน้าเครียด
“เห็นไหมคะนัย เรื่องมันใกล้ตัวเราเข้ามาทุกทีแล้ว เด็กนั่นประกาศให้พี่สาวกับแม่กลับไปหา เราจะทำยังไงดี”
“งั้นเราคงต้องคุยกับยัยเดือนแล้ว”
เขมวรรณมองหน้าดนัยธรอย่างนึกไม่ถึง
ดนัยธร เขมวรรณ คุยกับเดือนที่มุมหนึ่งของบ้าน เดือนอุทานออกมาอย่างตกใจ
“อะไรนะคะ คุณพ่อคุณแม่จะส่งเดือนไปอเมริกาเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ พอดีแม่มีเพื่อนอยู่ที่โน่น เขาจะช่วยดูแลลูกให้ด้วย แม่อยากให้รีบไปเพราะมหาวิทยาลัยจะเปิดเทอมเดือนหน้าแล้ว”
“แต่เดือนยังเรียนปี 2 เองนะคะ ให้เดือนเรียนจบตรีก่อนแล้วค่อยไปต่อโท ไม่ดีกว่าเหรอคะ”
ดนัยธรขัดขึ้น
“ไปตอนนี้ดีกว่า ลูกจะได้ฝึกภาษาแต่เนิ่นๆ”
เดือนพยายามแย้ง
“แต่เดือนไม่อยากไปตอนนี้นี่คะ มันรู้สึกเหมือนครึ่งๆกลางๆ เดือนไม่อยากไปเริ่มต้นใหม่ มันเสียเวลา”
ดนัยธรเสียงเข้ม
“ลูกต้องไปนะเดือน พ่อกับแม่คุยกันแล้ว”
“เดือนไม่เข้าใจ มันเรื่องอะไรกันคะ หรือว่า...”
เดือนหน้าสลดลงรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องดำ แต่ไม่อยากพูดออกมา เขมวรรณมองลูกสาว
“หรือว่าอะไรลูก”
“หรือว่าอยากให้เดือนไปให้พ้นๆ หน้า เดือนทำอะไรผิดเหรอคะ ถึงขับไล่ไสส่งเดือนแบบนี้”
เดือนน้ำตาไหล เขมวรรณกับดนัยธรมองหน้ากันอย่างรู้สึกเจ็บปวด
“พ่อกับแม่ทำเพื่ออนาคตของลูกนะ ยังไงลูกก็ต้องไป พ่อกับแม่ติดต่อทางมหาวิทยาลัยให้แล้ว”
“หนูไม่อยากไปไหนไกล หนูยังอยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แล้วก็คุณยายที่นี่”
“ถ้าลูกเรียนจบแล้วเราก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ”
เดือนกัดริมฝีปากแน่น
“เดือนไม่มีทางเลือกอื่นเลยเหรอคะ”
เขมวรรณเสียงเครือ
“ไม่มีจ้ะ พ่อกับแม่ปรึกษากันแล้ว”
ข้าวนอกนา ตอนที่ 7
เขมวรรณจะเข้าไปกอดเดือน แต่เธอเบี่ยงตัวหนีเสียก่อนเดินออกไปอย่างยอมรับ ป้ายน้ำตาไปด้วย เขมวรรณน้ำตาคลอ ดนัยธรเข้าไปจับมือเขมวรรณไว้
“เราต้องใจแข็งนะเข็ม เราตัดสินใจแล้ว คุณเป็นคนเสนอทางเลือกนี้เองไม่ใช่เหรอ”
เขมวรรณพยักหน้า น้ำตาไหลอย่างสงสารลูกใจจะขาด
วันใหม่...เดือนนั่งร้องไห้อยู่ในรถ โดยมีไวภพกอดปลอบ
“เดือนไม่อยากไปอยู่ไกลขนาดนั้นเลยค่ะ”
“ผมก็ทนไม่ได้ถ้าเราต้องห่างกัน”
“เดือนจะทำยังไงดีคะไว”
“ผมจะไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่เดือนเอง”
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ถ้าไวไปคุยพวกท่านจะยิ่งให้เดือนไปเร็วขึ้น”
“โธ่...เราไม่มีทางออกอื่นเลยเหรอ”
เดือนน้ำตาไหลสะอึกสะอื้น ไวภพปาดน้ำตาให้ ทั้งสองหน้าใกล้กัน ไวภพหอมแก้มแล้วค่อยๆ ไล่มาจนถึงปาก เดือนตกใจรีบดันตัวเขาออก
“เดือน...รังเกียจผมเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่...มันไม่ดีค่ะ”
ไวภพจะรุกต่อ แต่เดือนเบือนหน้าหนี
“เดือนยังไม่พร้อม ยิ่งมีปัญหาแบบนี้ก็ยิ่งไม่อยากให้เกิดเรื่องอื่นอีก ไวเข้าใจเดือนนะ”
“ครับ ผมเข้าใจ เดือนอย่าร้องไห้อีกนะ ถึงเราห่างกัน ยังไงผมก็จะรอเดือน”
“ขอบคุณค่ะ เดือนก็จะไม่มีคนอื่น จะรอไวคนเดียว”
ไวภพกอดเดือนไว้อย่างแสนรัก
“วันนี้ให้ผมไปส่งเดือนนะ”
เดือนพยักหน้า ไวภพกอดเดือนไว้อย่างดีใจ
ไวภพกับเดือนเดินจูงมือกันในสวนสาธารณะหมู่บ้าน
“วันนี้เดือนอย่าเพิ่งรีบกลับบ้านนะครับ”
“ค่ะ วันนี้เดือนไม่รีบกลับหรอกค่ะ เดือนอยากจะดื้อกับคุณพ่อคุณแม่บ้าง”
ดนัยธรนั่งรถมาตามทาง มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้าเห็นไวภพกับเดือนจูงมือกันแนบแน่น ดนัยธรรีบสั่งต๋อง
“หยุดรถ ต๋อง จอด...จอดตรงนี้เลย”
ต๋องเบรกรถกะทันหัน รถยังไม่ทันจอดดี ดนัยธรก็รีบเปิดประตูลงไป
“ลูกไม่รักดี”
ดนัยธรกำมือแน่น ปราดเข้าไปจะไปหาไวภพ แต่แล้วก็ยั้งไว้ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเปิดประตูกลับขึ้นรถ
“ขับกลับบ้านเลยต๋อง”
“ครับผม”
ต๋องมองเจ้านายงงๆ ก่อนจะขับออกไป ดนัยธรยังหันไปมองไวภพกับเดือนอย่างไม่คลาดสายตา
ดนัยธรเดินเข้ามาในบ้านเขายกหูโทรศัพท์หาใครบางคน
“ฮัลโหล นิภา คุณช่วยติดต่อรายการ The Song ให้หน่อย ผมจะขอคุยกับฝ่ายบริหาร...”
ดนัยธรขึงขังจริงจัง
วันใหม่...จอร์จนั่งรอดำอย่างกระวนกระวาย ใจหวานเดินออกมา
“มาแล้วค่ะ ดำแต่งตัวเสร็จแล้ว”
ใจหวานหลีกทางให้เห็นดำแต่งตัวสวยเซ็กซี่ จอร์จมองตะลึง
“วันนี้เธอสวยมากดำ เข้ากับคอนเซ็ปต์เพลงเลย”
“ไม่ชมหวานบ้างเหรอคะครูจอร์จ”
“ใจหวานสวยทุกวันอยู่แล้ว ผมไม่จำเป็นต้องชม”
ใจหวานยิ้มปลื้มกับคำชม
“แต่วันนี้เราต้องให้กำลังใจดำเป็นพิเศษหน่อย สู้เขาให้ได้นะดำ”
ดำชูมือขึ้นอย่างมั่นใจ
“รับรองค่ะ หนูจะไม่ให้ครูกับพี่หวานผิดหวัง”
บนเวทีในห้องอัดรายการแสงไฟสว่างขึ้น ดำปรากฏตัวอยู่บนเวทีด้วยท่าทางมั่นใจอย่างมืออาชีพ ดำร้องเพลงอย่างสุดพลัง ผู้ชมส่งเสียงกรี๊ดลั่น...จอร์จนั่งดูการถ่ายทอดสดการร้องเพลงของดำผ่านทางทีวีอยู่หน้าห้องอัดรายการ ใจหวานกดมือถือรัวๆ เพื่อส่งผลโหวตไป
“วันนี้นังดำร้องได้ดีมาก ไม่เข้ารอบก็ให้มันรู้ไป”
จอร์จประสานมือช่วยอธิษฐานให้ดำ
เวลาผ่านไป พิธีกรประกาศผลการตัดสิน
“คะแนนในรอบนี้ได้มาจากคณะกรรมการและผลโหวตอย่างละครึ่งนะครับ ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของผู้เข้ารอบสิบคนสุดท้าย คนแรกได้แก่... RS 01คุณอัครา...”
ดำตบมือดีใจกับผู้ที่เข้ารอบด้วย ผู้ที่เข้ารอบเดินออกมาข้างหน้า
“คนที่สองคือ RS 05 คุณดาวรรณ”
ดำหน้าเสีย แต่ก็ยังมีความหวังเหลืออยู่
ดนัยธรนั่งดูผลการประกวดอย่างรอผลอะไรบางอย่าง เขมวรรณเดินเข้ามาดู แปลกใจ
“เดี๋ยวนี้คุณดูรายการนี้ด้วยเหรอคะ”
“ผมอยากเห็นหน้าเด็กที่ชื่อดำคนนั้น”
ดนัยธรยิ้มด้วยสีหน้าเหี้ยมอย่างมีเลศนัย
พิธีกรประกาศผลมาถึงคนสุดท้าย...
“และผู้เข้ารอบคนที่สิบ คือคนสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบต่อไปคือ...”
ดำซึ่งยังยืนอยู่ในกลุ่มผู้ยังไม่ได้เข้ารอบรอฟังอย่างลุ้นจัด...ใจหวานกับจอร์จนั่งลุ้นแทบไม่ติดเก้าอี้ ใจหวานพูดขึ้น
“ดลิน...ดลิน ดลิน...”
ดำนั่งซึมอยู่คนเดียวอยู่ในบ้าน จอร์จเดินเข้ามาตบบ่าปลอบ
“อย่าคิดมากนะดำ เธอทำดีที่สุดแล้ว”
“หนูชินแล้ว เพราะหนูแพ้มาตลอดชีวิต แต่ไม่นึกว่าจะแพ้เร็วขนาดนี้”
ใจหวานครุ่นคิดอย่างสงสัย
“มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ดำร้องดีกว่าหลายคนที่เข้ารอบซะอีก ทำไมตัดสินออกมาห่วยแตก”
ดำหน้าเศร้า
“คงเป็นเพราะหน้าตาของหนูละมั้งพี่หวาน”
“แกไม่ได้มาประกวดเป็นดาราหรือนางแบบนี่ ถึงต้องเอารูปร่างหน้าตาตอนแกร้องเพลงใครๆ ก็ชอบฟัง ฉันไม่เข้าใจทำไมแกถึงตกรอบ”
จอร์จหน้าเครียด
“ผมก็ไม่เข้าใจ แต่เราคงต้องยอมรับคำตัดสินของกรรมการและคนดูด้วย”
ดำสลดลง
“ครูอุตส่าห์พาหนูมาประกวด แต่หนูทำให้ครูผิดหวัง”
“ครูไม่ผิดหวังในตัวเธอเลยนะดำ เธอทำได้ดีมาก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผลถึงออกมาแบบนี้ แต่ครูเชื่อว่าถึงยังไงก็ต้องมีคนเห็นความสามารถของเธอ เธอยังไปได้อีกไกลแน่นอน”
ดำยังไม่แน่ใจนัก ใจหวานมองอย่างเห็นใจ
ค่ำนั้น ดนัยธรเดินมาแอบดูเดือนที่นั่งเท้าคางอย่างเซื่องซึมเหม่อลอย ดนัยธรแอบดูเงียบๆ ครู่หนึ่ง ยิ้มอย่างมีแผน ก่อนจะเดินออกไป
ดนัยธรฮัมเพลงเข้ามาในห้องนอนอย่างอารมณ์ดี เขมวรรณซึ่งนั่งทาครีมอยู่หันมามองเขาอย่างแปลกใจ
“วันนี้ทำไมอารมณ์ดีจังคะนัย”
ดนัยธรเข้ามาโอบเขมวรรณไว้จากด้านหลัง
“เรื่องที่ค้างคาใจมันถูกปลดออกไปแล้วน่ะสิ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“เด็กดำนั่นตกรอบไปแล้ว”
เขมวรรณมองหน้าสามีทางกระจกอย่างนึกไม่ถึง เธอเห็นหน้าตาเขาในกระจกสะใจนิดๆ เขมวรรณหันมามองหน้า ดนัยธรกลับยิ้มอารมณ์ดี
“คุณนั่งดูจนจบเลยเหรอคะ”
“เพราะมันเกี่ยวกับเดือน ผมถึงต้องตามดูจนจบ แล้วมันก็จบจริงๆ”
“เด็กคนนั้นให้สัมภาษณ์อะไร เกี่ยวกับเดือนอีกหรือเปล่าคะ”
“เขาจะไม่ได้พูดอะไรอีกแล้ว พอตกรอบไป เขาก็ไม่มีโอกาสพูดถึงยัยเดือนอีก ถึงแม้อยากพูดก็ไม่มีใครอยากฟัง คนเขาเลิกสนใจแล้ว ไม่มีสื่อไหนตามไปสัมภาษณ์ต่อ เด็กคนนั้นก็กลายเป็นแค่ผู้เข้าประกวดที่ตกรอบไปเท่านั้นเอง”
ดนัยธรหยิบเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำ เขมวรรณมองอย่างรู้สึกแปลกๆ แต่อีกใจก็โล่งอก
จรูญศรีตบโต๊ะอย่างหงุดหงิด
“แหม...เสียดายจริงๆ นังดำไม่ได้เข้ารอบต่อไป เรื่องพี่สาวของมันก็ต้องเงียบหายไปล่ะสิ”
“แต่ได้ข่าวว่าทางบ้านเดือน จะส่งเดือนไปเรียนต่อเมืองนอกเพื่อหลบข่าวนี้ด้วยนะแม่”
“ถึงกับยอมลงทุนส่งไปเมืองนอก แสดงว่าเขารักเขาหวงลูกสาวคนนี้มากจริงๆ ถึงไม่ใช่ลูกแต่ก็มีบุญนะที่เขารักเหมือนลูกแท้ๆ”
โจ้ยิ้มหยัน
“ผมรอสมน้ำหน้าไอ้ไวนี่แหละ รับรองว่าเดือนไปไม่ถึงสามเดือนก็ต้องเลิกกันแน่”
“ในเมื่อลูกไม่ได้ คนอื่นมันก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน”
โจ้กับจรูญศรียิ้มให้กันอย่างสะใจ
วันใหม่...เดือนกับไวภพเดินจูงมือกันในสวนหมู่บ้าน
“อีกสองอาทิตย์เดือนก็ต้องไปแล้วนะคะ เฮ้อ...เดือนไม่อยากไปเลย”
“เดือนเปลี่ยนใจคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เหรอ”
“เดือนพยายามแล้วค่ะ แต่ไม่ได้จริงๆ”
“เดือนไปแล้วอย่ามีคนอื่นนะครับ ยังไงผมก็จะรอเดือน”
“ไวน่ะสิ จะมีคนอื่นหรือเปล่า”
“ผมสัญญาว่าผมจะรักเดือนคนเดียว แล้วผมจะหาทางไปเยี่ยมบ่อยๆ”
“เดือนจะรีบเรียนจบให้เร็วที่สุด จะได้รีบกลับมานะคะ”
ไวภพโอบเธอไว้ เดือนซบกับไหล่ของเขาอย่างเศร้าสร้อย...ดนัยธรแอบดูอยู่มุมหนี่ง มือกำแน่น สายตาที่มองไวภพเต็มไปด้วยความหมั่นไส้ สายตาที่มองเดือนเต็มไปด้วยความหวงแหน แต่สีหน้าครุ่นอย่างรอคอยเวลาบางอย่าง
ดำมานั่งรอพลางชะเง้อเข้าไปในห้องอัดรายการอย่างกระวนกระวาย แฟนคลับวัยรุ่นหญิงสองคนนั่งนินทากันอยู่แถวนั้น
“วันนี้ใครจะโดนโหวตออกเนี่ย”
“อย่าให้เป็นพี่แจ๊คของฉันก็แล้วกัน ฉันเตรียมโหวตให้พี่เขาไม่อั้นเลย”
วัยรุ่นหญิงสองคนสะกิดกันพลางหันมามองดำ
“เฮ้ย...นั่นมิสดอลลี่ใช่เปล่าวะ”
เพื่อนหันไปมอง
“เออใช่ ตกรอบแล้วมาทำไมอีก”
“คงมาเชียร์เพื่อนๆมั้ง”
ดำเห็นทั้งสองมอง จึงโบกมือแล้วยิ้มให้ วัยรุ่นทั้งสองคนทำหน้างงๆ แล้วหันไปคุยกันต่ออย่างไม่สนใจดำอีก
“แกเติมเงินมาเท่าไร พอค่าโหวตหรือเปล่า”
“พอ แต่ไม่มีให้ยืมนะเว้ย”
ดำผิดหวัง แต่แล้วเธอก็เห็นนักข่าวกลุ่มหนึ่งเข้ามาจากด้านหน้า จึงรีบถลาเข้าไปไหว้
“สวัสดีค่ะ พี่ๆ...”
นักข่าวรับไหว้ดำด้วยท่าทางเร่งรีบ
“อ้าว...ดำ สวัสดีจ้ะ...”
แต่แล้วนักข่าวก็วิ่งกรูผ่านดำไปด้านหลัง ดำหันไปมองตาม
“พี่คะ พี่ๆ...”
ข้าวนอกนา ตอนที่ 8
นักข่าวไม่มีใครสนใจดำ วิ่งผ่านหน้าดำไปตามไปสัมภาษณ์นักร้องชายคนหนึ่ง
“น้องปอนด์คะ ขอสัมภาษณ์หน่อยค่ะ รู้สึกยังไงคะที่ได้เข้ารอบต่อไป”
ดำหน้าละห้อย แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ จะเดินเข้าไปอยู่ในกลุ่ม แต่แล้วใครบางคนเข้ามาดึงแขน ดำตกใจ
“ครู...”
จอร์จดึงตัวดำออกไป
“มานี่ก่อนดำ”
“จะไปไหน หนูจะคุยกับพี่ๆนักข่าวก่อน”
จอร์จไม่ฟัง ดึงดำไปอย่างรวดเร็ว
จอร์จดึงดำออกมา หน้าตึกรายการ ดำสะบัดแขนให้หลุดจากเขา
“ครูตามหนูมาที่นี่ทำไม”
“แล้วเธอล่ะมาทำอะไรที่นี่อีก”
“หนูอยากมาให้พี่ๆ นักข่าวเห็นหน้า”
“แล้วเป็นยังไงล่ะ พวกเขาสนใจเธอหรือเปล่า”
“พวกเขาต้องสนใจหนูสิ เพราะหนูมีเรื่องเด็ดๆ มาเล่าให้พวกเขาฟังอีก”
จอร์ดมองหน้า
“ฟังครูนะดำ ตอนนี้พวกเขาไม่สนใจเธอหรอก เพราะเขามีคนอื่นที่อยู่ในความสนใจมากกว่าเธอแล้ว เธอต้องยอมรับความจริงสิ”
ดำอึ้งไปอย่างถูกจี้ใจดำ
“งั้นครูก็ปล่อยหนูไว้อย่างนี้เถอะ อย่ามายุ่งกับหนูอีกเลย หนูมันก็แค่นักร้องตกรอบ”
“ตกรอบแล้วเธอทำอย่างอื่นไม่ได้เลยหรือไง ไปเรียนหนังสือต่อสิ”
“หนูไม่อยากกลับไปเรียนแล้ว หนูอยากเป็นนักร้องให้ได้ก่อน”
“อยากเป็นนักร้องแล้วมาที่นี่ทำไม ใครจะไปได้ยิน”
“หนูหมดหวังแล้วนี่ ประกวดก็ตกรอบ เสี่ยพรก็ยังไม่ยอมให้หนูกลับไปร้องเพลง จะให้หนูทำยังไง”
“เธอไปกับฉัน”
“ไปไหนคะ”
“พาเธอไปร้องเพลงไงล่ะ”
“ไม่เอา หนูไม่อยากไปร้องที่อื่น”
จอร์จจับแขน ดำขัดขืน
“ปล่อยนะ หนูไม่อยากไป”
“เธอต้องไป เพื่ออนาคตของตัวเอง”
จอร์จกึ่งจูงกึ่งลากดำออกไป
จอร์จพาดำมาที่หน้าคาเฟ่แห่งหนึ่ง เห็นติดป้าย “รับสมัครนักร้องสาวสวย ด่วน!” ดำเบ้หน้า
“จะให้หนูร้องเพลงในร้านกระจอกงอกง่อยแบบนี้น่ะเหรอ”
“อย่าดูถูกงานสิดำ ถ้าเธอมีความสุขกับการเป็นนักร้อง เธอร้องที่ไหนก็ได้”
“แต่หนูเป็นถึงมิสดอลลี่นะ”
“งั้นเธอก็กลับไปเป็นมิสดอลลี่สิ”
“หนูก็พยายามจะกลับไปเป็นอยู่นี่ไง”
“ที่นี่ไม่มีใครสนใจเธอแล้ว ทำไมยังดันทุรังอยู่อีกล่ะ เธออยากเป็นมิสดอลลี่ที่ทุกคนฟังเพลงของเธอแล้วมีความสุข หรือจะเป็นมิสดอลลี่ที่ดังเพราะมีแต่ข่าวทุกวันล่ะ”
ดำอึ้ง
“หรือเธออยากกลับไปเป็นแค่ดำ เด็กรับใช้บ้านใจหวานอย่างเดิม”
ดำอ่อนลงอย่างยอมรับ
จอร์จพาดำเข้ามาสมัครเป็นนักร้องในคาเฟ่ ผู้จัดการร้านมองดำหัวจรดเท้าอย่างรังเกียจ
“ตอนนี้ยังไม่รับนักร้องใหม่นะครับ”
จอร์จแย้ง
“แต่เห็นติดป้ายที่หน้าร้านว่ารับสมัครนักร้องนี่ครับ”
“อ๋อ...เราเพิ่งได้คนใหม่มาเมื่อกี้นี้เอง เลยยังไม่ได้เอาป้ายออก”
ดำไม่เชื่อ
“จริงเหรอ หรือเพราะเห็นหน้าฉันเลยไม่รับ”
ผู้จัดการมองหน้าดำเซ็งๆ
“งั้นคุณก็น่าจะรู้ตั้งแต่เห็นป้ายแล้วนะครับ เราระบุว่ารับสมัครนักร้องสาวสวย”
ดำโกรธ
“ถ้าอยากได้นักร้องแบบนั้นมีเป็นโหลตามท้องถนนทั่วไป ไม่แปลกใจที่คุณได้คนเร็วขนาดนี้ แต่ได้คนแล้วคุณก็น่าจะรีบเอาป้ายออกซะ คนอื่นจะได้ไม่เสียเวลาหลงเข้ามาอีก”
จอร์จปราม
“ดำ” จอร์จรีบบอกกับผู้จัดการ
“ขอบคุณครับ”
จอร์จพาดำออกไป
ดำออกมาพลางโวยวาย
“โธ่เอ๊ย...ไอ้ร้านเฮงซวย หนูเห็นสายตามันก็รู้แล้วว่ามันคิดยังไง”
“อย่าเพิ่งท้อนะดำ เธอต้องใช้เสียงเพลงของเธอเอาชนะคำสบประมาทของคนที่ดูถูกเธอให้ได้”
“หนูไม่ท้อหรอก แต่เบื่อคนที่มองหนูแบบนี้ ถ้าผู้หญิงคนไหนถูกคนเบ้หน้าใส่บ่อยๆ อย่างที่หนูเจอก็จะเข้าใจความรู้สึกของหนู หนูเจอมันมาตลอดชีวิต เจอแล้วก็เจอซ้ำอีก หนูไม่อยากเจออีกแล้ว”
“ใช่ว่าเธอจะเจอแบบนี้ทุกครั้งนะดำ”
“มันเกือบทุกครั้งค่ะครู หนูเบื่อจนสุดจะทนแล้ว หนูขอกลับบ้านดีกว่า”
“ดำ...”
ดำไม่ฟัง สะบัดหน้าหันไปจะเดินหนี แต่กลับไปชนกับใครบางคน
“โอ๊ย...”
ผู้หญิงคนนั้นล้มลง แต่ดำไม่ล้ม จอร์จรีบเข้าไปประคองหญิงคนนั้น ดำเข้าไปช่วยด้วย เจ๊ต่ายโวยใส่ทันที
“โอ๊ย...เดินประสาอะไรเนี่ย”
“ขอโทษที ฉันไม่ทันระวัง คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เป็นสิ กระดูกกระเดี้ยวฉันพังหมดแล้วเนี่ย ทีหลังก็หัดระวังสิยะ”
“ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลไหม”
“ไม่ต้อง ๆ” เจ๊ต่ายเขม้นมองหน้าดำ “เอ๊ะ...เธอ...ใช่มิสดอลลี่ดอลล่าอะไรนั่นหรือเปล่า”
“ไม่ใช่มิสดอลล่าค่ะ แค่มิสดอลลี่เฉยๆ”
เจ๊ต่ายมองหน้าดำแล้วมองหัวจรดเท้าอย่างเหยียดๆ ดำจ้องกลับไปอย่างท้าทาย จอร์จเข้ามาถาม
“คุณเดินไหวไหมครับ จะไปไหนเดี๋ยวผมพาไปส่ง”
เจ๊ต่ายมองหน้าจอร์จอย่างชั่งใจ
จอร์จกับดำช่วยกันประคองเจ๊ต่ายเข้ามาในผับ ทั้งสองมองบรรยากาศโดยรอบอย่างแปลกใจ
“คุณทำงานที่ผับนี้เหรอครับ”
“ฉันเป็นเจ้าของที่นี่”
จอร์จมองหน้าดำอย่างตื่นเต้น แต่ดำเฉย จอร์จรีบถามเจ๊ต่าย
“อยากได้นักร้องใหม่หรือเปล่าครับ”
“ตอนนี้ไม่รับนักร้องใหม่หรอก มีแต่จะเอาคนออกด้วยซ้ำ เศรษฐกิจแบบนี้คนเที่ยวน้อยลงทุกวัน นักร้องคนไหนดึงลูกค้าไม่ได้ฉันก็ไม่เอา”
“ลองฟังเสียงดำดูก่อนก็ได้ครับ ถ้าคุณได้ยินดำร้องเพลงจะลืมเรื่องอื่นไปได้เลย”
“ฉันเคยได้ยินในรายการเดอะซองอะไรนั่นแล้ว แต่ว่าหน้าตาอย่างนี้ คนดูเห็นมันก็พาลจะกินไม่ลงน่ะสิ”
ดำฉุนกึกสวนทันที
“หนูขายเสียงนะ ไม่ได้ขายหน้าตา”
“มันก็ต้องไปด้วยกันทั้งสองอย่าง ดูอย่างนักร้องดังๆ สิ ถ้าหน้าตาไม่ดี มันก็ดังได้ไม่เท่าไรหรอก”
“ถ้าเสียงดีจริง หนูเชื่อว่ายังไงก็ขายได้”
“แล้วเธอทำไมขายไม่ได้ล่ะ ทำไมถึงตกรอบ”
“นี่เจ๊...”
ดำเท้าสะเอวอ้าปากจะเถียงอีก แต่จอร์จยกมือห้ามไว้เกือบโดนปากดำจนดำผงะ แล้วหันไปพูดกับเจ๊ต่าย
“อย่ามัวแต่เถียงกันเลย ขอร้องละครับคุณเจ๊”
“ฉันชื่อต่าย”
“ครับคุณต่าย ให้โอกาสดำลองทดสอบดูสักครั้งเถอะ ไม่เอาก็ไม่เป็นไร”
เจ๊ต่ายมองหน้าจอร์จแล้วมองดำอย่างชั่งใจ
ดำอยู่บนเวที เจ๊ต่ายพยักหน้า จอร์จช่วยกดปุ่มเครื่องคาราโอเกะ ดำร้องเพลงเร็วและวาดลวดลายอย่างเมามัน เจ้ต่ายยกมือห้าม
“พอๆ พอแล้ว”
ดำชะงัก
“อ้าว...เจ๊ไม่ชอบเหรอคะ”
“ชอบ แต่อยากฟังเพลงช้า ร้องเพลงแบบช้าๆซึ้งๆให้ฟังหน่อย”
“ได้ค่ะ”
ดำหันไปกระซิบบอกชื่อเพลงกับจอร์จ เสียงดนตรีดังขึ้น ดำร้องเพลงช้าๆ ซึ้งๆ แต่ระหว่างที่อินไปกับเพลง เจ๊ต่ายก็ยกมืออีก
“พอแล้ว พอก่อนๆๆ”
ดำชะงัก มองเจ๊ต่ายอย่างชักรำคาญ
“จะให้ร้องอะไรอีกคะเจ๊”
“พอแค่นี้ก่อน”
ดำมองเจ๊ต่ายงงๆ
“ยังไม่ทันฟังจนจบสักเพลง เจ๊ตัดสินแล้วเหรอ”
“ใช่ ตัดสินแล้ว ไม่ต้องเสียเวลา”
จอร์จพยายามขอร้อง
“ขอให้ดำร้องจนจบก่อนนะครับ”
“บอกแล้วว่าไม่ต้องๆ ฉันมีธุระต้องรีบไป” เจ๊ต่ายหันมาหาดำ “แกรีบไปแต่งตัว แล้วคืนนี้
มาร้องได้เลย”
ดำดีใจมาก หันไปสบตากับจอร์จอย่างนึกไม่ถึง
ในห้างสรรพสินค้า วัยรุ่นหญิงสองคนเดินสวนกับเขมวรรณที่กำลังเดินดูของอยู่ เด็กวัยรุ่นหลบทางให้เดิน เขมวรรณยิ้มให้ แล้วเดินต่อไปใครบางคนเข้ามาจับแขนเธอไว้ เธอตกใจ หันไปมอง คนที่เข้ามาจับแขนคือจรูญศรี
“สวัสดีค่าคุณเข็ม เจอกันอีกแล้ว”เขมวรรณเซ็งทันที
“นั่นสิคะ เจอกันอีกแล้ว”
โจ้ยกมือไหว้ เขมวรรณรับไหว้
“ได้ข่าวว่าหนูเดือนจะไปเรียนต่ออเมริกาเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ อีกสองอาทิตย์ก็จะไปแล้ว”
“แหม...น่าเสียดายจริงๆ เรียนมาจนจะจบปีสองแล้ว ต้องไปเริ่มต้นใหม่อีก ทำไมไม่เรียนที่นี่ให้จบก่อนละคะ”
เขมวรรณอึกอักเล็กน้อย
“คือ...พอดีลองสมัครไปแล้วมหาวิทยาลัยตอบรับน่ะค่ะ ยูนี้เข้ายากมากด้วย ถึงต้องเริ่มใหม่ก็น่าจะดีกับยัยเดือนมากกว่า”
จรูญศรีลากเสียงยาว
“เหรอ...คะ ฉันก็นึกว่ามีเรื่องอื่น
ข้าวนอกนา ตอนที่ 8 ต่อ
เขมวรรณเสียงแข็ง
“ไม่มีหรอกค่ะ”
จรูญศรีหัวเราะ
“อ๋อค่ะ หนูเดือนเรียนเก่ง เรียนที่ไหนก็ได้อยู่แล้ว”
โจ้แทรกขึ้น
“ไปอยู่ไกลกันแบบนี้ แฟนของเดือนเศร้าเลยนะครับ”
เขมวรรณชะงัก
“แฟน...ยัยเดือนมีแฟนแล้วเหรอจ๊ะ”
“ใช่ครับ อ้าว...คุณน้าไม่ทราบเหรอครับ ขอโทษที ผมไม่น่าหลุดเลย”
“ไม่เป็นไร น้าก็ไม่ได้กีดกันอะไร เดือนโตพอที่จะตัดสินใจอะไรๆเองได้แล้ว”
จรูญศรีถามแทรก
“แล้วเรื่องไปเรียนต่อนี่หนูเดือนตัดสินใจเองหรือเปล่าคะ”
“แก...ก็มีส่วนตัดสินใจด้วย”
โจ้ขัด
“แต่ท่าทางเดือนไม่ค่อยอยากไปนะครับ คงไม่อยากไปเริ่มใหม่ ที่ไปอาจเพราะเกรงใจคุณน้า”
เขมวรรณหาทางเลี่ยง
“จ้ะ เดือนเขายังไงก็ได้อยู่แล้ว...ขอโทษทีนะคะ ต้องรีบไปแล้ว พอดีนัดเพื่อนไว้”
“จะไปไหนเหรอคะ...”
เขมวรรณรีบเดินออกไป โดยไม่รอให้จรูญศรีพูดจบ โจ้กับจรูญศรียิ้มให้กันอย่างรู้แกว
“เฉไฉไปได้เรื่อยๆนะ ยัยคุณนายเข็มเนี่ย”
เย็นนั้น เดือนกลับเข้ามาในบ้าน ชะงักเมื่อเห็นพ่อนั่งรออยู่
“คุณพ่อ...”
ดนัยธรหันมา มองเดือนอย่างตำหนิ
“ไปไหนมาเดือน ทำไมกลับซะค่ำ”
“ไปที่มหาวิทยาลัยค่ะ”
“ทำไมยังต้องไปที่นั่นอีก”
“เดือนอยากไปลาเพื่อนๆค่ะ เพราะอีกสองอาทิตย์ก็ต้องไปแล้ว”
“ไปไหน”
“ก็ไปเรียนต่อที่อเมริกาไงคะ...”
“ไม่ต้องไปแล้ว”
เดือนอึ้ง ทั้งแปลกใจและดีใจอย่างนึกไม่ถึง
“อะไรนะคะคุณพ่อ เดือนฟังไม่ผิดใช่ไหมคะ”
“ไม่ผิดหรอก พ่อเปลี่ยนใจแล้ว อยากให้ลูกเรียนต่อที่เดิมจนจบก่อน”
เดือนเข้าไปกอดพ่อไว้แน่น ดนัยธรยิ้มกริ่ม
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ เดือนรักคุณพ่อม้ากมาก”
“แต่พ่อมีข้อแม้นะลูก”
“ข้อแม้อะไรคะ”
“ถ้าพ่อบอกแล้ว เดือนจะยอมทำตามหรือเปล่า”
“ถ้าไม่ต้องไปเรียนต่อเมืองนอก เดือนยอมหมดทุกอย่างค่ะ”
เดือนมัวแต่ดีใจ จนไม่ทันนึกว่าพ่อจะมีข้อแม้อะไร ดนัยธรมองลูกสาวอย่างมีเลศนัย
ใจหวานร้องอุทานออกมาเสียงหลง
“ไม่ได้นะดำ แกจะไปร้องเพลงที่นั่นไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ละพี่หวาน ก็หนูตกงานอยู่นี่”
“อย่าทำเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณคนหน่อยเลย เจ้าของผับนั่นเป็นคู่แข่งกับเสี่ยพร แกไม่รู้เรอะ ไอ้ดำ”
“ก็รู้อยู่เหมือนกัน แต่หนูอยากร้องเพลง พี่หวานก็เห็นแล้วนี่ ว่าหนูมีความสามารถ ถ้าเสี่ยไม่กล้าให้หนูกลับไปร้องเพลงกับเขา หนูก็ต้องหาทางอื่น”
“ไม่ใช่ไม่กล้า เขาเองก็กำลังตัดสินใจอยู่ แกต้องรู้ตัวของแกสิดำ ถ้าแกสวยกว่านี้อีกนิด มันก็ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก”
“พูดแบบนี้อีกแล้ว หนูไม่ได้เอาตัวร้องอย่างพี่หวานนี่ เอาเสียงเอาความสามารถร้อง ไม่ต้องสวยไม่ต้องโป๊หรอกน่ะ”
ใจหวานฉุนกึก
“เอ๊ะ...อีดำนี่...”
ใจหวานตบหน้า ดำอึ้งไป
“พี่หวานตบหน้าหนูทำไม”
“ก็แกแดกดันฉันน่ะสิ”
“เปล่า หนูพูดตรงๆนี่แหละ เพราะหนูไม่สวยอย่างที่พี่หวานว่าไงล่ะ หนูถึงต้องใช้เสียงแค่อย่างเดียว ที่หนูได้ไปร้องเพลงในผับของเจ๊ต่าย ก็เพราะเสียงหนูนี่แหละ”
“ยังไงแกก็ห้ามไปร้องเพลงที่นั่นเด็ดขาด”
“แต่หนูรับปากเขาไว้แล้วว่าจะไป ยังไงหนูก็ต้องไป”
“ถ้าแกไปร้องเพลงที่นั่น แกออกจากบ้านฉันไปเลย ไม่ต้องกลับมาอีก”
ดำอึ้ง ถึงกับกลืนน้ำลายอย่างลำบาก ก่อนจะพยายามขอร้องใจหวาน
“หนูอยากเป็นนักร้อง อยากมีรายได้นะพี่ หนูผิดตรงไหนเหรอ”
“ผิดที่แกเนรคุณฉันกับเสี่ยไงล่ะ เสี่ยอุตส่าห์ปั้นแกขึ้นมาให้เป็นมิสดอลลี่แต่แกกลับจะไปร้องเพลงให้คู่แข่ง เนรคุณชัดๆ”
“หนูไม่ได้เนรคุณ หนูทำตามที่พี่หวานกับเสี่ยบอกทุกอย่าง แต่หนูก็ต้องคว้าโอกาสให้ตัวเองเหมือนกัน พี่หวานจะให้หนูดักดานเป็นมิสดอลลี่ของเสี่ยหรือเป็นนังดำของพี่หวานไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก”
“ที่แกพูดมาทั้งหมดก็เพื่อจะไปร้องเพลงคืนนี้ให้ได้ใช่ไหม”
“ใช่...”
ใจหวานยิ่งโกรธ เดินออกไป
“พี่หวาน...”
ดำรีบตามไป
ใจหวานเข้ามารื้อเสื้อผ้าของดำกระจัดกระจายด้วยความโมโห
“ออกไป แกออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“หนูขอร้องละพี่หวาน หนูขอไปร้องแค่คืนนี้ก็พอ”
“จะร้องคืนนี้หรือคืนไหนก็ไม่ได้ มันเท่ากับทรยศเสี่ยเขา” ใจหวานโกยแยกเสื้อผ้านักร้องออกมา “เสื้อผ้านักร้องที่ฉันซื้อให้แกห้ามเอาไปใส่อีก”
“พี่หวาน...”
“ถ้าแกยังยืนยันว่าจะไปร้องเพลง ก็ไม่ต้องอยู่บ้านนี้อีกต่อไป”
“ยังไงคืนนี้หนูก็ต้องไป”
ดำกัดริมฝีปากแน่น โกยเสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัวลงกระเป๋า ใจหวานมองอย่างเจ็บใจ แล้วเดินออกไป
เย็นนั้น ดำหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าออกมา เจอใจหวานนั่งอยู่ ดำเข้าไปหา
“พี่หวาน จะตรวจดูไหมว่าหนูเอาของพี่หวานไปหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอก ถ้าแกเอาไปจริงฉันจะตามไปทวงคืน”
“พี่หวานจะรู้เหรอว่าหนูอยู่ที่ไหน”
“ฉันก็จะตามไปถึงผับที่แกร้องเพลงอยู่นั่นแหละ ไปประจานให้คนเขารู้กันทั่วว่านอกจากแกรูปชั่วตัวดำแล้วยังเนรคุณแล้วก็ขี้ขโมยอีกด้วย”
ดำสะอึก รู้ว่าใจหวานหลอกด่า
“ตัวหนูดำแต่ใจหนูไม่ดำหรอกนะ”
“จะไปรู้เหรอ แกอยู่กับฉันมานานยังไปอยู่กับคู่แข่งได้เลย”
“ขอโทษนะพี่หวาน หนูต้องไปจริงๆ”
ดำยกมือไหว้ ใจหวานสะบัดหน้าใส่
“ขอบคุณพี่หวาน ที่อุตส่าห์ให้ที่พักพิง ส่งเสริมให้หนูเป็นมิสดอลลี่ หนูไม่เอาชื่อนี้ไปใช้หรอกนะ”
“เออ แกไปใช้ชื่อดลินดแล็นอะไรของแกเลย จะไปไหนก็ไปเถอะ”
ดำเดินออกไปเศร้าๆ ใจหวานไม่หันไปมอง แต่พอดำออกไปแล้ว ใจหวานก็แอบเบือนหน้าไปมองอย่างเริ่มรู้สึกสงสาร แต่ต้องทำใจแข็ง
ค่ำนั้น เขมวรรณถามดนัยธรอย่างแปลกใจ
“ทำไมจู่ๆ ถึงมาเปลี่ยนโดยพลการแบบนี้คะ”
“คุณไม่เห็นหน้าของลูกเรา ว่าแกดีใจขนาดไหน”
“แต่เราเตรียมการไว้หมดแล้วนะคะ ที่พักก็จองแล้ว วีซ่าก็จองแล้ว”
“ทุกอย่างยกเลิกได้ เพื่อความสุขของยัยเดือน ตอนนี้เรื่องของนักร้องดำนั่นก็เงียบไปแล้ว ไม่มีสื่อไหนให้ความสนใจอีก คุณน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอที่ลูกไม่ต้องห่างจากเรา”
“ก็ดีใจค่ะ แต่มันเปลี่ยนกะทันหันมาก ฉันตั้งรับไม่ทัน”
“ถ้ายัยเดือนไป เราอาจจะต้องตั้งรับอะไรๆ มากกว่านี้อีก”
“ทำไมคะ เราต้องตั้งรับอะไร”
“ผมกลัวยัยเดือนจะใจแตกก่อนเรียนจบ”
“เดือนเป็นคนมีความรับผิดชอบนะคะ ตอนเด็กๆ แกก็เรียนดีมาตลอดไม่เคยมีปัญหาเรื่องเกเรใจแตกอะไรเลย”
“เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนกัน เดือนโตเป็นสาวแล้ว ผมมีความรู้สึกว่าลูกเปลี่ยนไป ไม่เป็นเด็กดีน่ารักเหมือนเมื่อก่อน”
“คงเพราะแกโตขึ้น เลยมีความคิดเป็นตัวของตัวเองมากกว่า”
“มันก็ใช่ แต่เราต้องควบคุมให้ลูกอยู่ในกรอบบ้าง ถ้าส่งไปเรียนเมืองนอกจะ ยิ่งไปกันใหญ่”
ขจิตเดินเข้ามา
“รู้สึกว่าตานัยจะเป็นห่วงลูกสาวเกินเหตุนะ”
“เกินเหตุยังไงครับ”
“ก็ไม่ยอมให้ลูกมีชีวิตของตัวเองบ้าง มีอะไรก็ควบคุมไปซะหมด ระวังลูกจะไม่ทันคนอื่นนะ”
“โลกสมัยนี้ต้องควบคุมบ้างครับ ไม่อย่างนั้นเด็กจะเตลิดไปกันใหญ่ จะทันหรือไม่ทันคนนั่นเราสอนได้ ไม่จำเป็นต้องให้มีประสบการณ์ด้วยตัวเองหรอกครับ”
ดนัยธรเดินเลี่ยงออกไป ขจิตหันมาทางเขมวรรณ
“ดูตานัยสิ เลี้ยงลูกสาวเหมือนเลี้ยงนกในกรงทอง ถ้าตัดปีกตัดเท้าได้ก็คงทำไปแล้ว”
เขมวรรณถอนใจ
“ช่างเถอะค่ะคุณแม่ ในเมื่อนัยเขาตัดสินใจแล้ว ดีเสียอีก ยัยเดือนไม่ต้องไปไหนไกล”
“ทีอย่างนี้ละเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย อยากรู้จริงๆ ยัยเดือนจะยอมอยู่ในกรงทองไปอีกนานแค่ไหน”
ขจิตค้อนใส่ เขมวรรณได้แต่ถอนใจเครียด
เจ๊ต่ายโวยวายดังลั่น
“อะไรกันแม่ดำ จะมาเป็นนักร้องแต่ไม่มีชุดใส่ เครื่องสำอางก็ไม่ได้แต่งอีก” เจ๊ต่ายกุมขมับ “โอ๊ย...”
ดำยกมือไหว้
“หนูขอโทษด้วยค่ะเจ๊ วันนี้มันฉุกละหุกจริงๆ หนูขอยืมชุดนักร้อง ของเจ๊ก่อน พรุ่งนี้หนูจะไปหาเช่าเอง”
“โฮ้ย...แล้วฉันจะไปหาที่ไหนมาให้ละยะ ไซส์ของหล่อนนะมันหายากด้วย งั้นวันไหนพร้อมค่อยมาร้องก็แล้วกัน”
“เจ๊ให้หนูร้องเถอะ คืนนี้หนูร้องให้ฟรีก็ได้ หนูแค่อยากร้องเพลงให้ทุกคนเห็นก็พอ”
“ร้องฟรีก็ไม่คุ้มหรอก อะไรๆก็ไม่มีแบบนี้ ไปที่อื่นเถอะย่ะ”
เจ๊ต่ายเดินออกไป ดำจะตามไป แต่ใครบางคนเข้ามาขวางไว้ ดำแปลกใจ
“ครู...”
“ตามฉันมา”
“ทำไมต้องตามด้วย หนูต้องคุยกับเจ๊ให้รู้เรื่องก่อน ไม่งั้นเจ๊แกไม่ให้หนูร้องเพลง”
“เดี๋ยวเธอได้ร้องแน่ มากับฉันก่อน”
ดำจำใจตามจอร์จไปแต่โดยดี