มายาสีมุก ตอนที่ 8
ขณะที่วันดีนั่งเตรียมของขายส้มตำอยู่ในบ้าน เห็นชลลดา ภัททิมาเดินเข้ามาหน้าหงิกก็มองอย่างสงสัย
“อ้าวคุณนาย มาตามไอ้มุกกลับไปให้ผัวมันเหรอ”
“นังลูกสาวตัวดีเอาคุณคีรินทร์ไปกกที่ไหนยะ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ” วันดีงง
“ผัวมันก็อยู่บ้านซิ คุณนายพูดอะไรชั้นไม่รู้เรื่อง นี่ไล่ไอ้มุกทุกวันมันยอมกลับไปหาผัวซะที่ไหน” ภัททิมาชี้หน้า“สะตอพอกันทั้งแม่ทั้งลูก ถ้าไม่บอก พวกแกได้ติดคุกหัวโตแน่ ข้อหาลักพาตัว”
วันดีงง ไม่รู้เรื่องที่ภัททิมาพูด
นุชนารถมากระซิบข้างหูคีรินทร์ที่นั่งนิ่ง ตาเหม่อลอยดูทีวี นุชนารถมองยิ้มอย่างสุขใจ
“ถ้าคุณยังไม่อยากนอน เดี๋ยวนุชลงไปซื้อโจ๊กให้ทาน เป็นเด็กดีนะคะ”
นุชนารถจะเดินไป ตัวไปโดนรีโมททีวีที่วางที่โต๊ะหล่นพื้นก็ก้มลงเก็บ เหลือบไปใต้โซฟา เห็นที่มัดผมตกอยู่ หยิบมาดูอย่างสงสัย
“มาอยู่ที่นี่ได้ไง” นุชนารถมองคีรินทร์แล้วยิ้มค้อน “สงสัยของสาวๆ ที่รินทร์ เคยพามาล่ะซิ คุณนี่ร้ายจริงๆ”
ไข่มุกที่แอบข้างตู้โชว์ของ ถอนใจโล่งอก นุชนารถเดินออกไป ไข่มุกรุดมาหาคีรินทร์ที่นั่งนิ่งตาค้างมองทีวี ไข่มุกสั่นมือไปมาเรียกสังเกต
“คุณรินรู้สึกตัวไหม คุณโดนเขาวางยาแน่ เดี๋ยวชั้นพาคุณหนีเอง”
ไข่มุกดึงตัวคีรินทร์ขึ้น แต่หนักไม่ไหว จึงย่อตัวคุกเข่ากับพื้นยกแขนคีรินทร์อุ้มแบกขึ้นหลังได้ พอจะเริ่มเดินก็ตัวเซเพราะคีรินทร์ตัวหนักมาก ไข่มุกหงายหลังทรุดนั่งเอนที่โซฟาอีกครั้ง ไข่มุกเขย่าไหล่คีรินทร์เรียกสติ จ้องหน้าพูดเสียงเข้ม
“คุณรินทร์มีสติหน่อย เร็วซิ เราต้องหนีกันแล้วนะ ไม่งั้นคุณแย่แน่” คีรินทร์มองไข่มุกตาปรือ จะคอยหลับตาลง
“คุณรินหลับไม่ได้” ไข่มุกเห็นคีรินทร์หลับตาลง “โทษทีนะ” ไข่มุกตบหน้าคีรินทร์ฉาดใหญ่เพื่อ เรียกสติ แต่คีรินทร์ก็ไม่ตื่น ไข่มุกไม่รู้จะทำยังไง “โอ๊ย...ทำไงดี...งั้น เหลือวิธีเดียว”
ไข่มุกจูบที่ริมฝีปาก คีรินทร์ลืมตา
“ลูกไก่”
ไข่มุกยิ้มอย่างหมั่นไส้
“ทีแบบนี้หละตื่น นึกแล้วว่าชอบตบจูบ”
ไข่มุกรีบประคองคีรินทร์ที่เริ่มมีสติ พอก้าวเท้าได้ก็รุดไปที่ประตูเพื่อหนี
ประตูลิฟต์เปิดออก นุชนารถเดินเข้ามาในลิฟต์กอดอกยืนนิ่ง หยิบที่คาดผมมาดูพลิกไปมาอย่างครุ่นคิด แล้วก็นึกได้ว่าเคยเห็นที่มัดผมแบบเดียวกันนี้วางอยู่ในห้องนอนคีรินทร์ รวมกับของใช้อื่นๆ ของไข่มุก ที่คีรินทร์ซื้อให้
นุชนารถเงยหน้าจากที่มัดผม หน้าเหี้ยม ประตูลิฟต์เปิดออก
ไข่มุกประคองคีรินทร์มาที่ประตูห้อง คีรินทร์ก้าวเท้าตามแต่ยังอ่อนแรง
“คุณเร็วอีกนิดซิ แข็งใจเดินหน่อย”
คีรินทร์มีสีหน้าอ่อนแรง
“ผมเดินแล้ว แต่ขาก้าวไม่ค่อยออกเลย”
ไข่มุกเปิดประตูก็ต้องผงะ นุชนารถโผล่มายืนจังก้า หน้าโหด ไข่มุกรีบปิดประตู นุชนารถเอามือรั้งไว้ กระชากประตูอย่างแรง ตรงเข้าไปตบไข่มุก
“นังสารเลว ถ้าจะเอาคีรินทร์ไป ข้ามศพชั้นไปก่อน”
ไข่มุกเซไปอีกทางมองอย่างกลัว คีรินทร์ล้มลงมองนุชนารถที่โกรธแทบคลั่ง
นุชนารถผลักไข่มุกเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู คีรินทร์ล้มลงกับพื้นหน้าประตู แต่นุชนารถไม่สนใจ เดินปรี่เข้าหาไข่มุกที่ตกใจถอยคอยระวังตัว ยืนหลบหลังเก้าอี้ นุชนารถตาขวางเดินเข้าไปอย่างเหี้ยม
“นังตัวแสบ แกเข้ามาได้ยังไง”
ไข่มุกถามอย่างเป็นห่วงคีรินทร์
“ใจเย็นซินุชนารถ คุณรินทร์หายไป ทุกคนเป็นห่วงมาก เขาเป็นอะไรทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“เขาก็สบายดี ไม่เห็นเป็นไร ลุกขึ้นมาเร็ว ลุกสิคุณรินทร์ ชั้นบอกให้ลุกขึ้นได้ยินมั้ย เงื่องอยู่นั่นแหละ โดนแค่นี้จะอะไรนักหนา”
นุชนารถไปปลุกคีรินทร์ที่ฟุบอยู่แรงๆ แต่คีรินทร์อ่อนแรงมาก ไข่มุกทนไม่ไหวกระชากมือนุชนารถออกจากคีรินทร์
“พอได้แล้ว ชั้นไม่นึกว่าเธอจะกล้าทำกับเขาถึงขนาดนี้” นุชนารถเริ่มโมโห
“แกยุ่งอะไรด้วย ชั้นจะทำอะไรกับผัวต้องบอกแกด้วยเหรอ จะไปไหนก็ไปให้พ้น”
คีรินทร์เค้นเสียงพูด
“ลูกไก่ พาผมกลับบ้าน พาไปที”
“เห็นไหมว่าเขาอยากกลับบ้าน เธอกักตัวคุณรินทร์ไว้ทำไม”
นุชนารถชี้หน้าไข่มุกอย่างโกรธจัด
“เอ๊ะนังนี่ รนหาที่ตายเหรอ”
นุชนารถเดินรี่เข้าไปหาไข่มุก ผลักเก้าอี้จนล้มอย่างโมโห ไข่มุกตกใจหลบไปอีกทาง
“รู้นะว่าเธอฉีดยาให้คุณรินทร์เป็นแบบนี้ เธอทำเกินไปนะนุชนารถ”
นุชนารถคว้าผ้าเช็ดตัวที่วางใกล้ จับบิดเป็นเกลียวขึงตึง กะรัดคอไข่มุก นุชนารถเดินเข้าใกล้ ไข่มุกหน้าตื่น ระวังตัวดูเชิง
“สู่รู้นักนังนี่ ดูซิตายไปจะมายุ่งกับผัวชั้นได้อีกมั้ย”
นุชนารถวิ่งไล่ ไข่มุกหลบ ดักกันไปมา ไข่มุกพลาดชนโซฟาล้ม นุชนารถจับขาไว้แล้วขึ้นคร่อม เอาผ้ากดรัดคอ ไข่มุกตาเหลือก
“โอ๊ย ปล่อย หายใจ ไม่ออก”
ไข่มุกดิ้นยกต้นขากระแทกหลังนุชนารถจนล้ม พลิกตัวลุกได้อย่างหวุดหวิด นุชนารถลุกจะตามแต่ลื่นผ้าเช็ดตัวล้มหัวโขกโซฟา มองไข่มุกตาขวาง
“โอ๊ย”
ไข่มุกวิ่งไปเขย่าตัวคีรินทร์ที่นอนอยู่ตรงพื้นหน้าประตู
“คุณรินทร์ ตื่นเร็ว เราต้องหนีแล้ว”
คีรินทร์ได้สติ พยายามลุกแต่ไม่ไหว ไข่มุกมองนุชนารถที่ลุกได้ เดินรี่มา
“แกตายแน่ คิดแย่งผัวชั้น” นุชนารถแผดเสียง ไข่มุกตาค้าง รีบก้มบอกคีรินทร์
“เฮ้ย อยู่ไม่ได้แล้ว คนบ้า เดี๋ยวชั้นตามคนมาช่วย อดทนหน่อยนะ”
ไข่มุกเปิดประตูวิ่งหนีออกไปจากห้อง นุชนารถตามไปที่ประตู มองซ้ายขวา
“หายไปไหนแล้ว นังนี่ ชั้นฆ่าแกแน่”
นุชนารถจะวิ่งตามไข่มุก คีรินทร์ที่พอมีกำลังเหลือคว้าข้อเท้านุชนารถไว้ไม่ให้ไป นุชนารถล้มลง คีรินทร์รีบรวบขาไว้
“อย่าทำอะไรลูกไก่”
“หนอย เดี้ยงจะแย่อยู่แล้วยังห่วงมันอีก”
นุชนารถยิ่งโกรธและหึงขึ้นหน้า สะบัดขาแต่ก็ไม่หลุด เลยกัดมือคีรินทร์ให้ปล่อย
“โอ๊ย”
นุชนารถมองคีรินทร์ตาขวาง รีบลุกตามไข่มุกไป
ไข่มุกหน้าตาตื่น วิ่งมากดลิฟต์ มองตัวเลขลิฟต์ใจระทึก พอหันกลับไปอีกที นุชนารถประชิดตัวแล้วดึงผมไข่มุกไว้จนหน้าหงาย
“จะหนีไปไหน จิกให้หนังหัวหลุดเลย”
“โอ้ย เจ็บ ปล่อยนะ เธอจะคลั่งไปถึงไหน”
ไข่มุกรั้งมือนุชนารถ ยื้อกันไปมา ไข่มุกพลิกตัวหันหลังจะหนีนุชนารถยิ่งดึงแรงขึ้น ไข่มุกกระทุ้งศอกเข้าลิ้นปี่จนนุชนารถจุก ตัวงอลงไปนั่งกับพื้น
“โอ้ย แก”
ไข่มุกกุมหัวอย่างเจ็บ
“บอกให้ปล่อยก็ไม่ปล่อยเอง”
ประตูลิฟต์เปิด ไข่มุกรีบวิ่งเข้าไป กดปิดอย่างเร็ว ประตูลิฟต์เลื่อนจะปิด นุชนารถเห็นรีบถอดรองเท้าปาใส่ประตูลิฟต์หนีบรองเท้าคาไว้ ไข่มุกตาตั้ง
“แม่นเหมือนกันนี่หว่า”
ไข่มุกกดเปิดลิฟต์ พอรองเท้าหล่นก็เตะลอยกลับไปเข้าตัวนุชนารถอย่างจัง นุชนารถกุมท้องอย่างเจ็บปวด ไข่มุกรีบกดปิดลิฟต์
“โอ้ย นังบ้า”
ไข่มุกหน้าแหย
“โทษทีไม่ได้ตั้งใจ แค่ส่งคืน”
นุชนารถพุ่งตัวหน้าเกือบชนประตูลิฟต์ที่ปิดพอดี นุชนารถขัดใจ ตาขวาง มองไปทางบันได ก็รีบลงไปทางนั้น
ไข่มุกอยู่ในลิฟต์ ผมเผ้ากระเซิง ไข่มุกลูบผมที่โดนดึง คลำตามแขนตามตัวอย่างเจ็บ
“กรรมเวรจริง เกือบโดนคนบ้าฆ่าแล้ว”
นุชนารถวิ่งลงบันไดอย่างไม่รู้จักเหนื่อย หน้าเครียด ตาขวาง พอมาถึงอีกชั้น รีบกดลิฟท์แต่ลิฟต์เลยไปแล้ว ก็วิ่งลงบันไดต่อ
นุชนารถวิ่งลงบันไดมาถึงชั้นล่าง หอบเหนื่อย จ้องมองประตูลิฟต์อย่างขึงขัง พอลิฟต์เปิดคนเดินออกมา นุชนารถเข้าไปหาไข่มุกอย่างบ้าขึ้นสมอง คนในลิฟต์กลัว กรูกันออกมา นุชนารถไม่เจอไข่มุกก็ยิ่งคลั่ง
“หายไปไหน นังไข่มุก นังไข่มุก”
นุชนารถมองไปรอบตัวเหมือนคนบ้า วิ่งหาไปทั่ว
ไข่มุกเดินเร็วออกมาริมถนนด้วยท่าทางยังไม่หายกลัว ไข่มุกหอบเหนื่อยหันกลับไปมองไม่เห็นนุชนารถตามก็ถอนใจโล่งอก พยายามจับผมให้หายกระเซิง หยุดยืนคิดจะทำยังไงต่อ
วันต่อมา วัฒนาเดินพูดโทรศัพท์อย่างใจเย็น ผ่านหน้าภัททิมาก็ยิ้มให้อย่างไม่มีพิรุธ
“ตั้งสติ ควบคุมอารมณ์หน่อยนุช ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมช่วยคุณเอง”
คนของวัฒนาเข็นรถเข็นที่มีคีรินทร์นั่งมาที่จอดรถของคอนโด นุชนารถตามมาข้างๆ คอยมองไปรอบตัวอย่างระแวงกลัวพวกบ้านคีรินทร์หรือตำรวจ ทั้งหมดพาคีรินทร์มาขึ้นรถที่จอดอยู่ โดยไม่รู้ว่าไข่มุกซุ่มดูอยู่ บ่นอย่างสงสัย
“สองคนนี่ใครกัน จะเอาตัวคุณรินทร์ไปไหน”
รถแล่นออกไปจากคอนโด
รถแล่นมาตามถนน ไข่มุกซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามมา ทำสัญญาณให้มอเตอร์ไซค์ขึ้นตีคู่กับรถ โบกมือให้หยุด
“หยุดก่อน เบารถหน่อย”
นุชนารถเห็นไข่มุก มองตาขวาง
“นังนี่มันตื้อวอนตายจริง” นุชนารถหันไปสั่งคนขับ “ไม่ต้องหยุด ขับไปเลย อย่าสนใจมัน”
คนขับรถเร่งความเร็วหนีไป
รถแล่นมาถึงถนนอีกสาย ไข่มุกให้มอเตอร์ไซค์ตามประกบ นุชนารถเห็นก็สั่งคนขับ
“บี้มันเลย เอาให้กลายเป็นศพข้างถนน”
คนขับรถหักพวงมาลัยเร็วเข้าใส่มอเตอร์ไซด์ที่หัวส่ายไปมา เสียหลักจะล้ม ไข่มุกหน้าเหย่จับคนขี่ไว้แน่น
“เฮ้ย มันเล่นแรง เป๋แล้ว”
“เฮ้ย ระวังนะพี่ โอ้ย”
รถพุ่งลงข้างทาง ไข่มุกรีบกระโจนตัวหนี ล้มกลิ้งตัวไปแล้วรีบลุกขึ้น มองตามรถอย่างห่วงคีรินทร์ หันมามองคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่ล้มกับพื้น กำลังประคองรถขึ้น ก็เข้าไปหา
“พี่เป็นไงบ้าง ไหวไหม ตามต่อเร็ว เดี๋ยวชั้นให้เพิ่มร้อยนึง”
คนขี่มอเตอร์ไซด์ส่ายหน้า
“ห้าร้อยก็ไม่เอา มันกะฆ่ากันนิหว่า ไปคนเดียวเถอะ”
คนขี่มอเตอร์ไซด์บึ่งรถจากไป
“เอ๊ย พี่เดี๋ยวก่อนซิ โธ่”
ไข่มุกจ๋อย มองตามรถที่พาคีรินทร์ ซึ่งแล่นไปห่างอย่างจนปัญญาจะตาม
รถแล่นเข้ามาจอดบ้านเช่าหลังหนึ่ง ทุกคนลงจากรถ วัฒนามองไปเห็นลูกน้องประคองคีรินทร์ที่หลับไม่ได้สติลงจากรถเพื่อนั่งรถเข็นก็มองยิ้มสะใจ เดินออกมารับนุชนารถ
“ทำไมรินทร์ หมดท่าไปแบบนั้น”
“เขาไม่ค่อยสบาย เลยฉีดยานอนหลับอย่างแรงให้ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เขาไม่ตื่นมาเห็นคุณหรอก”
วัฒนามองหน้านุชนารถ
“ถ้างั้นพาเข้าข้างในก่อน เดี๋ยวผมพาไปเอง”
วัฒนาไม่เดินเข้าประตูหน้าบ้าน แต่เดินไปข้างบ้าน ตรงไปบ้านอีกหลังที่อยู่ด้านหลัง นุชนารถเดินตาม แต่เอะใจแล้วหยุด
“ทำไมไม่เข้าหลังนั้น จะพาซิกแซกไปไหน”
“เพื่อความปลอดภัย เชื่อผมแล้วดีเอง”
ทั้งหมดเข้ามาในบ้านอีกหลัง นุชนารถเห็นสภาพบ้านไม่ค่อยพอใจ
“ไม่หรูเลย”
“ถึงจะเล็กไปหน่อย แต่มันลับตาคนมาก รับรองไม่มีใครหาเจอแน่”
“นังมารไข่มุก มันตื้อดื้อด้าน โดนเขาเฉดหัวไปแล้วยังกลับมาวุ่นวายอีก”
วัฒนามองคีรินทร์แล้วแสยะยิ้ม
“เจ้าเนี่ยเสน่ห์แรง ใครเจอก็รัก ไข่มุกคงรักมาก ถึงไม่ยอมเลิก”
“ฝันไปเถอะ ก็เพราะเขาเป็นแบบนี้ ชั้นถึงต้องจัดการให้เด็ดขาด รินทร์ต้องเป็นของชั้นคนเดียว”
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ ต้องฉีดยาดองมันไว้ตลอดชีวิตแบบนี้เหรอ”
“ไม่ ชั้นมีวิธีแล้วกัน”
นุชนารถเดินเข้าไปเข็นรถเข็นคีรินทร์เข้าห้องไป วัฒนามองตามอย่างครุ่นคิด แล้วยิ้มเหยียดเจ้าเล่ห์ คิดใช้สองสาวทำลายชื่อคีรินทร์
มณี ชลลดา และภัททิมานั่งอยู่ที่โซฟา ช้อยวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณผู้หญิงขา นังนั่นกลับมาอีกแล้วคะ”
มณีหันไป ไข่มุกเดินหน้าเครียดเข้ามาในห้อง ชลลดาและภัททิมา ลุกขึ้นจะมาล้อมตัวไข่มุกไว้
“แกเข้ามาทำไมอีก หนอย ยังกล้ามาเสนอหน้า จับมันเดี๋ยวนี้”
ชลลดา ภัททิมา ช้อย ทำท่าจะจับ
“เดี๋ยว ฟังก่อนซิคะ หนูมีเรื่องด่วนมาบอก คุณเขมทัตอยู่ไหมคะ”
“พี่เขมไม่อยู่ไปเรื่องงานที่เกาหลี ก็เพราะคุณรินทร์ทิ้งงานไม่สนใจคุณพี่เลยต้องลำบากไปแทน” ชลลดาบอก มณีค้อนชลลดา
“พี่เขมหนะผัวชั้นย่ะ ชั้นตอบเองได้”
“ที่คุณรินทร์หายไป เพราะนุชนารถอยู่เบื้องหลัง เขาเอาตัวคุณรินทร์ไป คุณรินทร์กำลังตกอยู่ในอันตราย ต้องไปช่วยเร็วที่สุด หนูไปเจอเขาที่...”
มณีส่ายหน้าโมโห แผดเสียงใส่
“หยุดพล่ามซะที แกอย่ามาสร้างเรื่อง มีหลักฐานอะไร มาใส่ร้าย นุชเขาอยู่บ้านนี้มานาน ไม่มีวันทำแบบนั้นแน่”
“หนอย...โยนขี้ให้คนอื่น กะให้ตัวเองดูดีหรือไงยะ อย่าจับมันขังเป็นเสนียดบ้านเลย เอาไอ้นี่ไล่ดีกว่า” ช้อยยื่นไม้กวาดให้ “ออกไป ชิ้วๆ”
ไข่มุกหลบซ้ายขวา
“เชื่อหนูซิคะ ถ้าไม่ไปช่วยคุณรินแย่แน่”
“ถ้าไม่ไป แกแหละจะตายก่อน ออกไปเดี๋ยวนี้”
“ไป๊ ช้อย จัดการ”
“ไม่รู้ภาษาคนใช่มั้ย งั้นเอานี่ไปละกัน”
ช้อยจะเอาไม้กวาดตีไข่มุก
“โอ๊ย อย่าป้า คุณรินกำลังเดือดร้อนจริงๆ นะ ทำไมไม่ฟังกันบ้าง”
มณี ชลลดา เดินหนีไป ภัททิมาและช้อยช่วยกันเอาไม้กวาดไล่ไข่มุกที่ออกไปอย่างทุลักทุเล
ไข่มุกเดินกลุ้มใจเรื่องคีรินทร์เข้ามาในบ้าน วันดีนั่งเตรียมของขายอยู่เห็นก็บ่น
“หายหัวไปไหนมา ปล่อยให้ข้าเตรียมของงกๆ อยู่คนเดียว เอ็งไม่ได้เรื่องสักอย่าง มีผัวรวยก็ไม่รู้จักอ้อนเอาเงินมัน อยากให้ข้าลำบากจนแก่ตายเหรอนังโง่”
ไข่มุกร้องไห้ออกมา วันดีรำคาญ
“ว่านิดหน่อย ทำน้ำตาร่วง หยุดแหกปาก ไปซื้อข้าวกินที หิวจะตายแล้ว”
ขณะนั้นวัฒนาใส่แว่นดำ นั่งอยู่ในรถ ซุ่มมองไข่มุกที่ออกมาซื้อของ วัฒนาเคลื่อนรถไปใกล้แล้วบีบแตรให้ไข่มุกหยุด วัฒนาลงจากรถแล้วแกล้งแปลกใจทัก
“คุณลูกไก่ เอ๊ย คุณไข่มุก ต้องเรียกแบบนี้ซินะ”
ไข่มุกตกใจ
“คุณรู้เรื่องหมดแล้ว”
วัฒนาทำพยักหน้ายิ้มเรียบๆ
“ไม่นึกเลยว่าเรื่องจะชุลมุนขนาดนี้ นายรินทร์เขาโกรธคุณมากนะ คนอย่างเขาไม่ชอบโดนหลอก โดยเฉพาะลูกสาวขอทาน...ขอโทษนะ ผมไม่ได้พูดเอง นายรินทร์มันว่า” ไข่มุกเจ็บที่ใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
วัฒนายิ้มปลอบ
“แต่ผมเห็นใจคุณนะ ถ้าไม่ลำบาก คงไม่มาหากินแบบนี้ รินทร์คงเซ็งมาก นี่ไม่เข้าที่ทำงานหลายวันแล้ว เห็นว่าที่บ้านก็ตามตัวกันอยู่ คุณรู้ไหมว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน”
ไข่มุกมองหน้าวัฒนาอึกอัก ชั่งใจว่าจะบอกดีมั้ย
“คือ คุณรินทร์” วัฒนาแกล้งทำจริงจัง
“นายรินทร์ทำไม คุณรู้เหรอว่าเขาอยู่ไหน ไว้ใจได้นะ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน”
วัฒนายิ้มให้ไข่มุกตายใจ ไข่มุกสบตาอย่างไว้ใจ คิดจะเล่าความจริงให้ฟัง
วัฒนาฟังนิ่ง หน้าเครียด
“นึกไม่ถึงเลย ว่านุชนารถจะกล้าเล่นขนาดนี้”
“เขาฉีดคือยากล่อมประสาท จนคุณรินทร์เบลอไปหมด เดินไม่ไหวเลย”
วัฒนามีสีหน้าห่วงใยทำครุ่นคิด
“ตอนนี้ที่ต้องทำคือช่วยนายรินทร์ออกมาก่อน”
“แต่ไม่รู้เขาเอาคุณรินทร์ไปไว้ไหนซิคะ”
“เดี๋ยวผมให้คนช่วยสืบ อีกไม่นานต้องได้เรื่องแน่”
ไข่มุกซึ้งใจ ยิ้ม ยกมือไหว้
“ขอบคุณมากนะคะ มีคุณอีกคน เราต้องช่วยคุณรินทร์ได้แน่” วัฒนายิ้มตอบ
“นายรินทร์เป็นเพื่อนสนิทผม ยังไงก็ต้องช่วย อีกอย่าง” วัฒนามองสบตาไข่มุก “ผม ทำเพื่อคุณด้วย”
ไข่มุกงง ไม่เข้าใจ
“เพื่อชั้น...”
“ผมอยากเห็นคุณมีความสุข อะไรที่ผมทำให้ได้ บอกนะ เต็มใจทำให้ทุกอย่าง”
วัฒนายิ้มอย่างมีความหมาย เอื้อมมือไปกุมมือไข่มุก ไข่มุกค่อยๆ ดึงมือออกอย่างเกรงใจ ทำหน้าไม่ถูก
ที่ห้องนั่งเล่นบ้านคีรินทร์ กีกี้และภัททิมาต่างคนต่างกระหน่ำโทรหาคีรินทร์ กีกี้หันมองภัททิมาอย่างไม่สบอารมณ์
“ให้ชั้นโทรก่อนซิยะ เดี๋ยวสายซ้อน รินทร์รำคาญปิดเครื่องหนีเธอแล้ว”
“หนีเธอนั้นแหละ ไปออเซาะ เกาะแข้งขาจนเขาเบื่อ ถึงหายหน้าไป”
ช้อยที่นั่งคิดอยู่ก็พูดขึ้น
“หรือว่า...คุณนุชจะเอาตัวคุณรินทร์ไปจริง”
นุชนารถเดินเข้ามา
“เอาตัวอะไรช้อย”
ทุกคนมอง นุชนารถยกมือไหว้มณี
“มาแล้วเหรอนุช รินทร์ล่ะอยู่ไหน ไปกับเธอหรือเปล่า”
นุชนารถตีหน้าซื่อส่ายหน้า
“ไม่นี่คะ นุชเพิ่งกลับมาจากบ้านญาติ คิดถึงเป็นห่วงหนูนา เลยแวะมาดูเดี๋ยวต้องรีบกลับไปแล้วค่ะ ญาติยังอาการไม่ค่อยดีเลย”
“ว่าแล้ว นังนั่นใส่ร้ายนุชจริงด้วย ดูซิแสนดีนักหนา อุตส่าห์คิดถึงหนูนา”
ชลลดามองนุชนารถแล้วกระซิบภัททิมา
“นังพยาบาลนี่สตอเบอร์รี่เรียกพี่รึเปล่าเนี่ย”
กีกี้ยินแอบกระซิบด้วย
“ถึงแสบแค่ไหน คงไม่กล้าทำกับรินทร์เหมือนนังไข่มุกใส่ร้ายหรอก”
นุชนารถตีหน้าซื่อแต่แอบยิ้มเยาะในใจที่ทุกคนไม่รู้ความจริง
นุชนารถเข้ามาในห้องรัตนา รัตนายิ้มเคลื่อนรถเข้าไปหา
“ดีใจจัง พี่นุชกลับมาแล้ว”
นุชนารถมองหน้ารัตนา ขยับหนีแล้วตวาด
“ออกไปห่างๆ รำคาญ” รัตนายิ้มค้าง
“ทำไมเดี๋ยวนี้พี่นุชแปลกๆ ไม่ใจดีเหมือนเดิม พี่นุชเอาตัวพี่รินทร์ไปใช่มั้ยพี่ไข่มุกไม่โกหกหรอก”
นุชนารถหันมองรัตนาตาขวาง
“ถ้าเอาไปแล้วแกมีปัญญาทำอะไรมั้ย อย่าสู่รู้จุ้นจ้านเหมือนมันหน่อยเลย”
รัตนาเริ่มน้ำตาคลอ เสียงเครือ
“ทำไมพี่นุชพูดแบบนี้”
นุชนารถเดินเข้าใกล้แล้วกระแทกเสียงใส่
“เออ...ชั้นจะพูดกับแก รู้ไว้ด้วย อีกไม่นานชั้นจะมาเป็นเจ้าของบ้านนี้ จะไม่มีพยาบาลจนๆ ที่ต้องทนเลี้ยงเด็กง่อยอย่างแกอีกต่อไปแล้ว” รัตนาร้องไห้โฮเสียใจมาก นุชนารถเดินเข้าไปเขย่าตัว จ้องตาเขม่ง พูดเสียงเหี้ยมเบาๆ
“หยุดร้องนะ ชั้นเบื่อแก เกลียดแก ต้องทนแกสารพัด พอกันทีชีวิตงี่เง่าบ้านนี้รอนายคนใหม่อย่างชั้นอยู่”
นุชนารถเดินปิดประตูออกไป รัตนาร้องไห้ไม่หยุด
ไข่มุกเปิดประตูคอนโดคีรินทร์ มองไปรอบๆ ไม่มีร่องรอยนุชนารถหรือคีรินทร์ ไข่มุกเดินมาที่รูปคีรินทร์ที่ตั้งไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบมาดูอย่างเศร้าใจ
“ชั้นจะช่วยคุณได้ยังไง”
ไข่มุกวางรูป พอมองเลยไปก็เห็นซองยาวางบนโต๊ะ หยิบดู ครุ่นคิดแล้วสีหน้ามีความหวังเมื่อได้ความคิดบางอย่าง
มายาสีมุก ตอนที่ 8 (ต่อ)
วันต่อมาที่สำนักงานเขต ในห้องฝ่ายจดทะเบียนสมรส นุชนารถเข็นรถคีรินทร์มาหยุดหน้าโต๊ะเจ้าหน้าที่เขต
คีรินทร์ดูเบลอ นั่งนิ่งเพราะฤทธิ์ยา เจ้าหน้าที่มองคีรินทร์แปลกๆ
“คุณผู้ชายเป็นอะไรเหรอครับ”
คีรินทร์ลืมตาแต่เฉย เริ่มตัวเอียง ตาจะปิด นุชนารถทำสะกิดให้สะดุ้ง จับหัวให้ตั้งขึ้นแล้วหันมาฝืนยิ้มให้เจ้าหน้าที่
“ไม่สบายนิดหน่อยนะคะ แต่เขาว่าฤกษ์ดี เลยอยากจดทะเบียนวันนี้”
เจ้าหน้าที่ยิ้ม ถามคีรินทร์
“โธ่ไม่สบายอุตส่าห์มา รักแท้จริงๆ ไหวแน่นะครับคุณ” เจ้าหน้าที่ยื่นปากกาให้
“สบายอยู่แล้วคะ เดี๋ยวดิชั้นช่วยพี่เขาเอง”
นุชนารถรับปากกามายัดใส่มือคีรินทร์ จะจับมือให้เซ็นชื่อ แต่คีรินทร์กำปากกาไม่ได้ ไม่มีแรง นุชพยายาม
“กำมือสิ กำหน่อย จับปากกาไว้ อย่าพึ่งปล่อยมือสิ เอ้า”
นุชนารถจับมือคีรินทร์จะให้เซ็นชื่อ เจ้าหน้าที่ห้ามไว้
“เดี๋ยว...จะมีภรรยาต้องเซ็นเองครับ”
นุชนารถทำหน้าไม่พอใจ พอปล่อยมือจะให้คีรินทร์เซ็นเอง ปากกาก็ตก คีรินทร์ตาปรือจะหลับ นุชนารถยันคางไว้ ให้แหงนหน้า ถ่างตาคีรินทร์ หยิบปากกาใส่มืออีกที่แล้วกระซิบ
“เซ็นซิคะรินทร์ แล้วนุชจะพาคุณกลับบ้าน”
คีรินทร์หันมองนุชนารถแล้วสัปหงกลงกับโต๊ะ เจ้าหน้าที่มองแล้วส่ายหน้า
“ถ้าง่วงขนาดนี้ ไว้จดวันหน้าดีกว่าครับ”
นุชนารถค้อนใส่เจ้าหน้าที่ มองคีรินทร์อย่างผิดหวัง
นุชนารถต้องพาคีรินทร์กลับมาที่บ้านเช้า นุชนารถนั่งเซ็งที่ไม่ได้จดทะเบียนขณะคุยกับวัฒนาที่มองนุชนารถอย่างมีแผน
“มันไม่น้อยไปหน่อยเหรอแค่จดทะเบียน ทีเมียปลอม นายรินทร์ยังควักให้ตั้งสิบล้าน เมียจริงอย่างคุณต้องได้มากกว่าถึงจะถูก” นุชนารถคิดตาม
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ต่อไปทุกอย่างของรินทร์ก็คือของชั้น”
“พอจดเสร็จ ให้นายรินทร์เซ็นเช็คสักสิบห้าล้าน เป็นค่าสินสอดและปลอบขวัญ ที่เขาชอบทำให้คุณเสียใจ”
นุชนารถยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“คุณนี่ความคิดเข้าท่า ไม่ต้องห่วงนะ ชั้นได้เป็นเมียตามกฎหมายของรินทร์เมื่อไร คุณไม่เหนื่อยฟรีแน่”
วัฒนายิ้มให้นุชนารถที่หวังได้จดทะเบียนและได้เงินจากคีรินทร์
นุชนารถป้อนโจ๊กให้คีรินทร์ที่นั่งบนรถเข็น กินอย่างฝืนใจ มองหน้านุชนารถที่ยิ้มให้คอยบริการ
“นุช ทั้งรักทั้งเอาใจสารพัด คุณก็ต้องทำตัวให้น่ารัก แล้วนุชจะลดยาให้ ถ้าไปไม่ไหวจริงๆ จะให้เจ้าหน้าที่มาจดทะเบียนที่บ้านก็ได้นะคะ”
คีรินทร์พูดอย่างไม่พอใจ
“นุช เลิกทำเรื่องไร้สาระเถอะ คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“เพื่อชีวิตคู่ของเราไงคะ นุชรักรินทร์มากนะ”
คีรินทร์น้ำเสียงจริงจัง
“พอได้แล้ว ก่อนที่ผมจะไม่เหลือความรู้สึกดีๆ ให้กับคุณ”
นุชนารถน้ำตาร่วงมองคีรินทร์
“คุณไม่เคยเห็นค่าของนุช ได้แล้วก็จะทิ้ง นุชไม่มีวันยอมเป็นเมียเก็บของคุณไปตลอดชีวิตแน่”
“ผมเคยพูดสักครั้งไหมว่าจะทิ้งคุณ”
“แต่คุณก็ไม่เคยคิดจะให้นุชเป็นเมียออกหน้า เป็นเมียมีทะเบียน...คุณมีสองทางเลือก ถ้ารวมกันเราอยู่ ถ้าทิ้งนุชเราตายพร้อมกัน” นุชนารถเสียงแข็ง
นุชนารถตักโจ๊ก ทำเค้นให้คีรินทร์อ้าปาก คีรินทร์สะบัดหน้า มือปัดจนช้อนตกพื้นแตก มองนุชนารถอย่างโมโห
คีรินทร์นอนที่โซฟาเห็นนุชนารถเดินจะออกไปข้างนอก นุชนารถหันมามองคีรินทร์แกล้งทำเป็นหลับ นุชนารถยิ้มเบาใจเดินออกไป คีรินทร์ลืมตา พยายามฝืนตัวเองจนลุกได้ เดินมามองที่หน้าต่างเห็นลูกน้องวัฒนา 2 คนเฝ้าอยู่แต่นั่งหลับ คีรินทร์ค่อยเปิดประตูย่องออกมานอกตัวบ้านอย่างระวังตัว พยายามรวบรวมกำลังเดิน คอยจับโน่นนี่ให้ประคองตัวเองได้ แต่เดินพลาดจนชนปีบเสียงดัง ลูกน้องวัฒนาตื่น รีบเข้ามาจับตัว
“เดินจะไม่ไหวอยู่แล้ว ยังคิดหนีอีก เข้าไปข้างในเร็ว”
คีรินทร์สะบัดตัวไม่ให้จับ
“ใครส่งพวกแกมา”
“อย่าทำเป็นเรื่องมากน่า หรืออยากให้ใช้กำลัง”
คีรินทร์พยายามดิ้นรน แต่สู้กำลังสองคนไม่ไหว
“เดี้ยงแล้วยังฤทธิ์มากอีก จับมันมัดไว้เลยลูกพี่”
ลูกน้องอีกคนมัดมือคีรินทร์ไว้ด้านหลัง ลากเข้าไปในบ้าน แล้วปิดประตูบ้าน คีรินทร์เอาเท้าถีบประตูอย่างโมโห
“เปิดประตูซิ ชั้นบอกให้เปิด โธ่โว้ย”
คีรินทร์ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดหวัง มองไปรอบตัวอย่างครุ่นคิด แกมขัดใจ
นุชนารถใส่แว่นดำเข้ามาซื้อยาที่ร้านขายยา ยื่นสลากยาให้เภสัช
“ขอแบบเดิมคะ เพิ่มให้อีกสักโหลนะ จะได้ไม่ต้องมาซื้อบ่อย”
เภสัชอ่านสลากยา มองหน้านุชนารถ
“ได้คะ เดี๋ยวจัดให้ รอแป๊บนะ”
เภสัชเข้าไปหลังร้าน หยิบมือถือมองไปหน้าร้านอย่างกลัวๆ แล้วรีบโทรหาไข่มุก ไข่มุกพูดโทรศัพท์อย่างตื่นเต้น
“มาแล้วเหรอคะ ช่วยถ่วงเวลาให้ด้วย ชั้นจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
ไข่มุกพูดไม่ทันจบ รีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างเร็ว
ไข่มุกโบกให้มอเตอร์ไซด์รับจ้างจอดอย่างร้อนรน
“ซิ่งด่วนเลย เหาะไปก็ได้พี่”
ไข่มุกสวมหมวกกันน็อก มอเตอร์ไซด์เร่งเครื่องบิดไปอย่างเร็ว
นุชนารถมองเข้าไปหลังร้านเภสัชไม่ออกมาซักทีก็หงุดหงิด
“เร็วหน่อยซิคะ ชั้นรีบ”
เภสัชเดินถือยาออกมา
“มีแค่โหลเดียวนะคะ ถ้าเอาสองโหล รอแป๊บนะ ให้เด็กไปเอาร้านพี่สาวให้ ตรงนี้เอง”
นุชนารถลังเลใจ ดึงถุงยา
“งั้นเอาแค่นี้แล้วกัน”
เภสัชดึงถุงกลับ
“รอแป๊บซิคะ ได้ไม่ต้องมาบ่อยๆ”
“ไม่เอาแล้วชั้นรีบ”
นุชนารถดึงถุงยากลับ ควักเงินจ่าย แล้วรีบรุดออกไปจากร้าน
ไข่มุกซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มา เห็นนุชนารถออกจากร้านขายยาพอดี รีบบอกคนขับ
“จอดตรงนี้เลยพี่ จอด จอด”
ไข่มุกรีบลงจากรถ ยื่นเงินให้ เห็นนุชนารถรีบเดินไปก็รีบตามไปทางด้านหลัง นุชนารถรีบเดินไป หันมามองซ้ายขวาอย่างระแวง ไข่มุกรีบหลบ ตามต่อ สักพักนุชนารถก็หันมามองไปรอบๆ อีก ด้วยความระแวดระวัง ไข่มุกหลบเข้าซอกตึกแต่นุชนารถสังเกตเห็นชายกางเกงที่แลบออกมา นุชนารถนึกรู้รีบโบกวินมอเตอร์ไซค์ ก้าวขึ้น
“ตรงไปก่อน เดี๋ยวบอกทางอีกที”
รถนุชนารถวิ่งไป ไข่มุกโบกอีกคัน
“ซิ่งตามคันนั้นไปเลยพี่”
นุชนารถสั่งคนขับ
“เลี้ยวซอยหน้า เลยไปสองแยกแล้วเลี้ยวขวา จอดเลย”
คนขับเลี้ยวเข้าซอย รถไข่มุกตามอยู่ไกลๆ ไข่มุกชี้ให้คนขับเลี้ยว
“พี่ๆๆ เลี้ยวไปนู่นแล้ว ตามโลด”
รถไข่มุกเลี้ยวตาม เข้าไปในซอยแคบๆ เจอรถของนุชนารถวิ่งสวนมาแต่ไม่มีนุชนารถแล้ว ไข่มุกมองตาม มอเตอร์ไซค์หันมาถาม
“ไปไหนต่อน้อง เดี๋ยวพี่แว้นซ์ให้”
ไข่มุกอึ้ง ทำหน้าผิดหวัง
ไข่มุกยืนเคว้งอยู่กลางซอย มองไปทางไหนก็ไม่มีนุชนารถเลย
วัฒนานั่งอยู่กับไข่มุก ไข่มุกเปิดไอโฟนคอยโทรเข้าเครื่องบ้าง เช็คสัญญาณบ้าง วัฒนามอง
“ไม่นึกว่าลูกสาวขอทานจะมีไอโฟนใช้ด้วย”
“คุณรินทร์ซื้อให้ค่ะ แล้วจำได้คะว่าอยู่ในฐานะอะไร”
วัฒนายิ้มร้ายนิดๆ
“อย่าโกรธนะครับ ผมล้อเล่น นายรินทร์มันพูดย้ำจนผมติดไม่รู้ตัว พอคุณออกจากบ้านไปแล้ว ผมติดต่อคุณไม่ได้ เลยนึกว่าเขาทวงมือถือคืนไปแล้ว อันตั้งแพง อาจจะอยากเอาไปให้สาวอื่นต่อ”
“ปิดเครื่องไว้น่ะค่ะ ถ้าเจอกันอีกก็จะคืนให้เขา แต่ตอนนี้กำลังรอสัญญาณเช็คว่าอยู่ที่ไหน เครื่องก็ไม่เปิดเลย ...นุชนารถคงปิด”
ไข่มุกนั่งมองโทรศัพท์ วัฒนามองนิ่ง ยิ้มออกมานิดๆ
นุชนารถยืนอยู่กับวัฒนาหน้าบ้านเช่า
“จะเอามือถือคุณรินทร์ไปทำไม คิดจะตุกติกเหรอ”
“จะทำไปทำไมล่ะ เอามาเถอะ ผมจะแกล้งส่งข้อความบอกแม่มันไง ว่าไม่ต้องห่วง อีกไม่กี่วันจะกลับบ้านแล้ว พวกนั้นจะได้ไม่ไปแจ้งความ หายไปหลายวัน เดี๋ยวตำรวจรับแจ้งนะ เอามาเถอะน่า แป๊บเดียว เดี๋ยวรีบคืน”
นุชนารถมองหน้าวัฒนาพักนึง แล้วถอนใจยื่นโทรศัพท์ให้
“จำไว้นะ ว่าเราเป็นพวกเดียวกัน ถ้าชั้นโดนจับ ชั้นซักทอดแน่”
“ผมไม่ให้คุณโดนจับหรอก”
วัฒนารับมาพิมพ์ข้อความ แล้วกดส่ง ก่อนจะปิดเครื่องคืน วัฒนาแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
ที่ร้านเสริมสวย มณีนั่งโพกหัวอบไอน้ำ โทรศัพท์ดังขึ้น มณีควานหาในกระเป๋า เปิดมาเห็นเป็นข้อความขึ้น
“ใครส่งมาเนี่ย กวนจริง”
จอโทรศัพท์เป็นข้อความ “ช่วยด้วย ผมถูกจับตัวไป อยู่ที่.....” มณีกรี๊ดลั่นร้าน
“ตารินทร์”
มณีรีบลุกจากเก้าอี้ชนกับที่อบไอน้ำนั่งลงกระแทกพื้น ร้องโอดโอยแต่ตะกายลุกขึ้นมาได้ ผลุนผลันออกไปทั้งที่มีผ้าโพกหัว
ไข่มุกกำลังตำส้มตำอยู่ โทรศัพท์เสียงข้อความเข้า ไข่มุกหยิบมาดูสีหน้าตกใจมาก ไข่มุกโยนสากใส่ครก ลูกค้ามองงงๆ
“แม่ มาตำต่อที หนูต้องรีบไปแล้ว”
ไข่มุกถอดผ้ากันเปื้อนโยนไว้แล้ววิ่งออกไป วันดีมองชะงัก บ่นดังๆ
“จะรีบไปไหนของมันวะ”
วันดีเงยหน้าขึ้น มองเห็นคิวส้มตำยาวเหยียดแล้วทำท่าอยากจะกรี๊ด “โอย ตายแล้ว นังมุกนะนังมุก เดี๋ยวนะจ้ะพวกพี่ๆ ใจเย็น วันนี้ตัวแม่ตำเอง รับรอง หร่อยแซ่บ”
หน้าบ้านเช่าไข่มุกวิ่งมาจากอีกทาง เจอกับพวกมณีพอดี มณีเห็นมุกก็ชะงัก
“หล่อนมาทำไมยะ”
“คุณรินทร์ส่งข้อความให้มาช่วยค่ะ”
ชลลดากับภัททิมาทำท่าซุบซิบ
“ทำไมเราไม่เห็นได้เลยล่ะคะแม่”
“ช่างเหอะ ได้ตามมาเอาหน้าก็พอ”
พวกไข่มุกมองเข้าไปในบ้านเช่า เห็นเป็นนักเลงสามคน มีคนนึงกำลังคุยโทรศัพท์กับวัฒนา
“มาถึงแล้วใช่มั้ย ปะทะกันพอเป็นพิธี แล้วรีบถอยให้เร็วที่สุด ห้ามให้เจ็บเด็ดขาด”
พวกไข่มุกซุ่มดู มณีมองเข้าไปแล้วหันกลับมาคุย
“จะเอายังไง บุกเลยมั้ย”
“เข้าไปก็ตายเปล่าสิ เรียกตำรวจดีกว่า”
“ขืนรอ ลูกชั้นโดนเชือดพอดี”
“แต่เข้าไปเราก็โดนเชือดก่อน ลูกไก่ไม่เอาหรอก ยังไม่ได้แต่งงานยังตายไม่ได้”
“อย่าเยอะ ลูกชั้นตายจะแต่งกับใครยะ”
มณีมองสองแม่ลูกแล้วถอนหายใจ หันไปทางไข่มุกก็เห็นไข่มุกวิ่งเข้าไปแล้ว ไข่มุกเตะต่อยนักเลงอย่างคล่องแคล่ว มณีมองแล้วหันไปหาสองแม่ลูก
“แม่นั่นวิ่งเข้าไปแล้ว มองอยู่ได้ ลุยเลย ตายเป็นตายสิยะ”
มณีวิ่งนำเข้าไป ชลลดากับภัททิมามองหน้ากันแล้ววิ่งเข้าไปด้วย มณีกระโดดเกาะตัวแล้วต่อย แต่โดนเหวี่ยงออกมา ชลลดากระโดดเตะแต่นักเลงหลบ พลาดล้มก้นจ้ำเบ้า ภัททิมาเข้าไปต่อย
“คุณแม่ ลุกมาช่วยกันสิคะ”
ชลลดากับมณีลุกขึ้นมา ทำท่ากระโจนใส่นักเลง พวกไข่มุกกำลังต่อสู้กันชุลมุน
นุชนารถเปิดม่านดู เห็นพวกไข่มุกกำลังสู้กัน นุชนารถกระชากม่านปิดแล้ววิ่งไปปลุกคีรินทร์ คีรินทร์ลืมตาขึ้น
“คุณริน ตื่นเถอะ ต้องไปแล้ว”
คีรินทร์มองนุชนารถเบลอๆ ปัดมือออก
“ไม่ไป อย่ามาบังคับชั้น”
นุชนารถกระชากตัวคีรินทร์ให้ลุก คีรินทร์พุ่งตัวเข้าใส่จนตกเตียงไปด้วยกัน คีรินทร์ทำท่าคลานไปที่ประตู นุชนารถลุกขึ้นคว้ายามาถือ
“รีบไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นชั้นฉีดยาอีกแน่”
นุชนารถเดินเข้ามานั่ง ทำท่าจะฉีด คีรินทร์รวบรวมแรงผลักนุชนารถออกกลิ้งไปกับพื้น
“ชั้นไม่ยอม...ไม่...ไม่ไป”
คีรินทร์คลานไปถึงประตู นุชนารถกระโดดนั่งคร่อมหลังล็อคคอคีรินทร์ไว้ ถือเข็มฉีดยา สายตาโรคจิต
“ไม่มีทางหนีไปได้หรอก คุณต้องเป็นของนุชคนเดียว”
คีรินทร์มองประตู สีหน้าเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้
ที่หน้าบ้านเช่า ไข่มุกกระโดดเตะก้านคอนักเลง ชลลดาจับตัวนักเลงให้ภัททิมาเตะ มณีกระโดดเกาะหลังทุบหัวนังเลง
“ปล่อยสิวะ คุณนายหมูตอน”
“แกตาย”
มณีทุบดังอั่กติดต่อกัน นักเลงสามคนมองสบตากัน นักเลงที่อยู่กับชลลดาสะบัดชลลดาออก
นักเลงที่อยู่กับมณีสลัดมณีตกลงพื้นร้องโอดโอย นักเลงทั้งสามคนวิ่งหายเข้าไป ไข่มุกมองอย่างงงๆ
“เชอะ สู้ไม่ได้แล้วชิ่ง รีบเข้าไปช่วยกันเถอะ”
ไข่มุกมองหลังนักเลงที่วิ่งไปอย่างนึกแปลกใจ แต่ก็วิ่งนำเข้าไปที่บ้าน
ประตูเปิดออก พวกไข่มุกมองข้างใน เห็นคีรินทร์นอนบนพื้น มีนุชนารถนั่งคร่อมทำท่าจะฉีดยาใส่ มณีร้องกรี๊ดลั่น
“แก ที่แท้ก็แกนี่เองนังนุช ออกมาให้ห่างเดี๋ยวนี้นะ นังงูพิษ”
นุชนารถหัวเราะ
“ตามมาจนได้ โง่ตั้งนาน ไขมันอุดตันสมองหรือไง”
“อ๊ายยย นัง นังเลี้ยงไม่เชื่อง ตารินทร์ดีกับแก แกยังทำได้ลงคอ”
“ดีสิ เลยจะจับจดทะเบียนทำผัวอยู่นี่ไง”
ประตูเปิดออกอีกครั้งเป็นนักข่าวสองสามคนเข้ามา กดถ่ายรูปแฟลชวูบวาบ นุชนารถชะงัก ไข่มุกได้ทีวิ่งเข้าไปกระชากนุชนารถออกจากคีรินทร์ คีรินทร์ค่อยๆ เลื่อนตัวขึ้นนั่ง มองอย่างงงๆ เบลอๆ นุชนารถสะบัดไข่มุกออกแล้วตรงไปหาคีรินทร์ มณีดึงนุชนารถเอาไว้สุดแรง
“อย่านะนังนุช แกบ้าไปแล้ว ห้ามแตะลูกชั้น”
“โดนทิ้งก็รู้ตัวบ้างสิยะ กลับบ้านนอกแกไป๊”
นุชนารถชะงัก หันกลับมามองมณีกับชลลดา ชลลดากับมณีถอยกรูด นุชนารถยกเข็มขึ้น มองมณียิ้มอย่างคนเป็นโรคประสาท หัวเราะไปพลางพูดไปพลาง
“ด่านักเจอสักเข็มเป็นไง จะได้หายซ่าสักสามวัน ฮ่าๆๆ มานี่เลย”
นักข่าวถ่ายรูปวูบวาบ นุชนารถปัดกล้องออกจับแขนมณีเอาไว้ มณีหน้าซีดตัวสั่น
“นะ นะ นุช อย่าทำชั้นเลย อย่าแทงชั้นนะ”
“สายไปแล้วล่ะ”
นุชนารถจิ้มเข็มลงไป แขนไข่มุกมาบังรับเข็มไว้แทน ไข่มุกปัดนุชนารถออกไป ไข่มุกเห็นห้องเบลอๆ ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างคนเสียสติ ได้ยินเสียงมณีร้องวี้ดว้าย แฟลชถ่ายรูปมากมาย ไข่มุกล้มลง คลานไปหาคีรินทร์ที่นั่งอยู่กำลังจะถึงตัว ชลลดากับภัททิมารีบแทรก
“คุณรินทร์ของลูกไก่ เป็นไงบ้างคะ”
นุชนารถปราดเข้าไปผลักภัททิมา กอดคีรินทร์ไว้ ไข่มุกคลานเข้าไปใกล้ นักเลงลูกน้องวัฒนารวบตัวนุชนารถยกจนตัวลอย นุชนารถไม่ยอม
“ปล่อยชั้น ชั้นจะเอาคุณรินทร์ไปด้วย ปล่อย”
ลูกน้องวัฒนาไม่ยอมปล่อย นุชนารถดิ้น ไข่มุกถึงตัวคีรินทร์ คีรินทร์แตะที่ผมไข่มุก มองอย่างเบลอๆ ภัททิมารีบเข้ามาหา ผลักไข่มุกออกไป คีรินทร์กำผมไข่มุกตรงที่รัดผม ที่รัดผมค่อยๆ รูดติดตามมือมา คีรินทร์กำไว้แน่นแล้วสลบไป ไข่มุกมองหน้าคีรินทร์แล้วภาพค่อยๆ มืดลง
ห้องพักคนไข้ ชลลดานั่งอ่านนิตยสารอยู่กับภัททิมาทีททำหน้าเซ็งๆ คีรินทร์กระพริบตาทำท่าครึ่งหลับครึ่งตื่น มือขยับ ชลลดาเห็นรีบสะกิด
“ฟื้นแล้ว”
ทั้งสองคนรีบปราดเข้ามาเกาะเตียง
“บอส บอสคะ ฟื้นแล้วเหรอคะ”
คีรินทร์ขยับตัวยังหลับตา
“ปวด...หัว...”
“อุ๊ยๆ ทำไงดีคะคุณแม่”
“กดปุ่มเรียกพยาบาลสิ” คีรินทร์ละเมอ
“ลูกไก่ ลูกไก่ เธออยู่ไหน”
ภัททิมาทำกระดี๊กระด๊า จับมือคีรินทร์แนบแก้ม
“อยู่นี่ค่ะ แหม ฟื้นขึ้นมาก็เรียกลูกไก่คนแรก แอบปิ๊งก็ไม่บอก ให้อ่อยซะนาน” ภัททิมาทำท่าจะเข้าไปหอม แต่เห็นคีรินทร์หลับไปก่อน ภัททิมาทำท่าเซ็งๆ วางมือคีรินทร์ลง “หลับซะงั้น เซ็งไก่”
“อย่ามัวแต่เซ็ง นี่โอกาสทองแล้วนะลูกไก่ หนูต้องรีบรวบรัดปิดจ๊อบ จัดการคุณรินทร์ให้อยู่หมัดให้ได้”
“ไม่มีปัญหาค่ะคุณแม่ขา เรื่องนี้เชี่ยวชาญ ทั้งรวยทั้งหล่อแบบนี้ ไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่”
ภัททิมาทำท่าลูบไล้ใบหน้าคีรินทร์อย่างยั่วยวน ชลลดามองอย่างพอใจมาก
วันดีเข้ามาในบ้าน เห็นไข่มุกที่แต่งตัวจะออกจากบ้าน ลุกจะเดินแล้วต้องลงนั่งเพราะยังไม่หายเบลอดี
“ยังไม่ค่อยดี แล้วจะออกไปไหนอีก”
ไข่มุกนิ่งไป พูดไม่เต็มเสียง
“จะไปดูคุณรินทร์หน่อย”
“โอ๊ย ยังจะห่วงมันทำไม แกโดนฉีดยาซะแทบตาย บ้านมันมีใครสนใจมั่งมั้ย ปล่อยให้นอนสลบเป็นลูกหมาอยู่คนเดียวแบบนั้น จะไปดูมันอีกทำไม”
“คุณรินทร์เขาไม่รู้เรื่องหรอกแม่ ว่ามุกโดนฉีดยากล่อมประสาทขนาดหนัก เขาเองตอนนั้นก็ไม่ค่อยจะได้สติเลย ไม่รู้ป่านนี้คืนชีพดีรึยัง”
“จะอยู่หรือตาย ก็ไม่เกี่ยวกับเรา ถ้ามันไม่ให้เงิน ไม่ต้องไปสนใจเข้าใจมั้ย”
ไข่มุกยิ้มทะเล้น
“เข้าจายจ้า แต่ฟังแล้ว มันเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวาออกไปเล้ย”
วันดีจะว่าต่อ ไข่มุกรีบแผล๋วออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
“ทำเป็นคนดี โธ่เอ๊ย โง่ไม่ว่า”
ภัททิมากับชลลดาเดินออกมาพร้อมพยาบาลหยุดยืนหน้าห้องคนไข้ ไข่มุกเห็นรีบหลบเข้าซอกตึกแอบฟัง
“เดี๋ยวดิชั้นมานะคะ อ่อ แล้วก็ฝากดูคนไข้ด้วย ห้ามไม่ให้ใครเข้าเยี่ยมเด็ดขาด นอกจากพ่อแม่เขาแล้วก็ชั้นสองคน”
“ได้ค่ะ”
“อ่อ โดยเฉพาะยัยผู้หญิงผอมๆ สูงๆ หน้า สวยน้อยกว่าชั้นหน่อย ห้ามเข้าเด็ดขาดเลยนะ ยัยเนี่ยแหละตัวแสบ”
พยาบาลพยักหน้ารับคำ ภัททิมากับชลลดาเดินไป ไข่มุกได้ยินก็นิ่งทำท่าคิด เสียงฝีเท้าเดินมาหยุดตรงหน้าเธอไข่มุกสะดุ้งเฮือก มองเห็นเป็นนางพยาบาลอีกคนมายืนยิ้มให้
“มาเยี่ยมคนไข้เหรอคะ”
“ปละ เปล่าค่ะ เดินผ่านมาเฉยๆ”
พยาบาลยิ้มให้แล้วเดินผ่านไป ไข่มุกชะโงกหน้ามองห้องคีรินทร์ สีหน้ากังวล
ไข่มุกทำท่าหลบๆ ซ่อนๆ มองซ้ายขวาจะก้าวออกจากที่ซ่อน พยาบาลผ่านมา ไข่มุกหลบกลับ ชะโงกหัวออกมามองแล้วเคลื่อนตัวทีละนิดจนจะถึงห้องคีรินทร์ ประตูเปิดออกไข่มุกซ่อนตัวหลังรถเข็นใส่ผ้าปูที่นอนที่ใช้แล้ว
พยาบาลเดินเอาผ้าปูในห้องคีรินทร์ออกมาใส่รถ ไข่มุกก้มตัวหลบ พยาบาลเดินเข้าไปอีกห้อง ไข่มุกเข้าไปในห้องคีรินทร์ได้ ไข่มุกยืนมองคีรินทร์ที่นอนอยู่แล้วเดินเข้าไปใกล้แตะที่หน้าคีรินทร์ คีรินทร์ครางรับในลำคอ ไข่มุกนั่งลงข้างเตียง จับมือไว้
“คุณรินทร์” เป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นหรือยัง”
“อือ”
ไข่มุกมอง ก้มลงหอมมือที่กุมไว้
“ชั้นดีใจที่คุณไม่เป็นอะไร รู้ไหม ชั้นเป็นห่วงคุณมาก”
คีรินทร์ลืมตานิดๆ มองเบลอๆ
“ลูกไก่ เธอกลับ มาแล้ว”
ไข่มุกนิ่ง น้ำตาไหลช้าๆ
“ค่ะ ชั้นอยู่กับคุณ อยู่ข้างคุณเสมอ”
คีรินทร์ยิ้มนิดๆ ละเมอพูด
“ลูกไก่ ชั้นรักเธอนะ”
ไข่มุกโถมกอดคีรินทร์ร้องไห้สะอึกสะอื้น คีรินทร์ไม่ค่อยรู้ตัวแต่ลูบหัวไข่มุกเบาๆ
“ชั้นก็รักคุณค่ะ”
คีรินทร์ยิ้มน้อยๆ แล้วหลับไป ไข่มุกกอดคีรินทร์นิ่งร้องไห้เบาๆ
วัฒนาเปิดห้องเข้ามากับนุชนารถ เป็นอพาร์ตเม้นท์เก่าๆ นุชนารถมองรอบๆ อย่างไม่ชอบใจนัก วัฒนามองหน้าถอนหายใจ
“ทนๆ เอาหน่อยแล้วกัน ผมหาให้ได้เท่านี้แหละ ไม่หรูเหมือนบ้านไอ้รินทร์หรอก”
“แค่นี้ก็ดีแล้ว ขอบคุณมาก”
“ช่วงนี้ก็อยู่เงียบๆ เก็บตัวไปก่อน เรื่องยังวุ่นวาย อย่าเพิ่งออกไปไหนแล้วกัน”
“พวกเขาแจ้งความรึเปล่า” วัฒนาทำท่าคิด
“ไม่มีนะ เรื่องไอ้รินทร์ก็ปิดข่าวเงียบ ออกข่าวแต่ว่าไม่สบาย อีกสองสามวันจะกลับมาทำงาน คุณเอง อยู่ที่นี่ให้เรื่องเงียบสักพัก แล้วจะกลับบ้านต่างจังหวัดก็ตามใจ”
“ไม่ ไม่มีวันยอมแพ้ ชั้นจะเอาคืนทุกอย่าง ทุกคน เอาคืนเป็นสองเท่า คอยดูฝีมือนุชนารถคนนี้แล้วกัน”
วัฒนายิ้มเจ้าแผนการ
“ดี อย่างงี้ค่อยได้ใจหน่อย ผมจะคอยช่วยแล้วกัน”
วัฒนากับนุชนารถมองสบตากันแล้วยิ้มร้ายอย่างคนคิดล้างแค้นทั้งคู่
มายาสีมุก ตอนที่ 8 (ต่อ)
คีรินทร์รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมามองไปรอบๆ ห้องอย่างคนเพิ่งได้สติสลับกับเบลอ
“ลูกไก่”
ใบหน้าไข่มุกยิ้มหวานค่อยๆ ก้มลงมาเรื่อยๆ คีรินทร์ยิ้มรับ ภาพเปลี่ยนเป็นใบหน้าภัททิมาทำปากจู๋จะจูบเกือบถึงหน้าคีรินทร์ คีรินทร์ได้สติผลักออกภัททิมาหงายท้องนอนลงบนเตียง
“โอ๊ย บอสอ่ะ ผลักทำไม คนกำลังได้ฟีล”
“ลูกไก่ไปไหน”
“ลูกไก่ก็อยู่นี่ไงคะ” ภัททิมาทำตาปิ๊งๆ คีรินทร์อึ้ง มองนิ่งๆ
“แล้วผมเป็นอะไร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ก็นังนุชคนดีของคุณ มันวางยา แล้วก็ลักพาตัวคุณไปไงคะ คนใจยักษ์ โรคจิต นี่ถ้าลูกไก่ไม่ไปช่วย ป่านนี้นังนั่นจะทำอะไรก็ไม่รู้ อี๊ คนอะไร น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งกว่าไส้เดือน ดีนะที่คุณไม่เป็นไร ไม่งั้นลูกไก่จะตบๆๆ นังนุชให้ตายเลย”
คีรินทร์อึ้งหนัก
“แล้ว ไข่มุกไม่ได้มาช่วยผมเหรอ”
ภัททิมาชักสีหน้าใส่
“ช่วยเช่ยอะไรกันคะ ตั้งแต่มาโรงพยาบาลยังไม่เคยเห็นหน้าสักนิดคนหลอกลวง ปลิ้นปล้อน จะไปคิดถึงทำไม มันสนใจคุณที่ไหนนี่สิ ลูกไก่ตัวจริงอยู่ด้วยทั้งคน มีแต่คนนี้แหละ ที่รักและหวังดีกับคุณรินทร์”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ถึงนังมุกจะใจดำไม่ยอมมาดู แต่ลูกไก่จะอยู่กับคุณ คอยดูแลจนกว่าจะหาย รับรองว่าจะปรนนิบัติอย่างดี”
ภัททิมาซบอกคีรินทร์ยิ้มอย่างกระหยิ่มใจ คีรินทร์ปล่อยให้ซบสีหน้าน้อยใจปนตัดพ้อ
“ถึงขนาดนี้แล้ว ยังไม่มาดูสักนิดเลยหรือไง”
คีรินทร์บ่นกับตัวเอง
ภัททิมาเข็นคีรินทร์อยู่บนสนามหญ้า ไข่มุกแอบยืนดูคีรินทร์อยู่หลังต้นไม้ มองคีรินทร์อย่างคิดถึง
“คุณรินทร์ผอมลงนะคะ เดี๋ยวกลับไปบ้าน ลูกไก่จะทำกับข้าวให้ทาน จะได้หล่อเหมือนเดิม” ภัททิมาหัวเราะขำตัวเอง “ที่จริงทำไม่เป็นไรหรอก พูดให้ดูดีไปงั้นแหละ แต่ลูกไก่ซื้อเก่งนะ ซื้อของจากร้านอร่อยๆ มาโด้ปคุณได้ ไม่เชื่อให้มาแสนนึงสิ ซื้อแป้บเดียว หมดแสนเลย เอามั้ยคะ”
“อืม ไม่เป็นไร”
ภัททิมาเห็นดอกไม้ ทำท่าตกใจเว่อร์ๆ
“อุ๊ย สวยจัง เด็ดเอาไปใส่แจกันในห้องมั้ยคะ จะได้สดชื่น”
ภัททิมาทำท่าเดิน คีรินดึงแขนไว้
“ไม่เห็นป้ายหรือไงว่าห้ามเด็ด ของโรงพยาบาล หรือไม่ได้ทำงานนานจนอ่านหนังสือไม่ออก”
ภัททิมาอึ้ง คีรินทร์เข็นรถเองช้าๆ ไปหยุดจุดที่ตรงข้ามกับไข่มุก ภัททิมามองเซ็งๆ ชักสีหน้าเบื่อใส่ คีรินทร์ทำท่าเขม้นมอง ไข่มุกสะดุ้งวูบรีบหลบ
“เข้าห้องเถอะค่ะ เบื่อเดินเล่นแล้ว”
“คุณเห็นเงาใครตรงนั้นมั้ย”
ภัททิมาทำชะเง้อมอง
“ไม่มีนี่คะ สงสัยยังตาเบลอเพราะยาอยู่”
“แต่ผมเห็นเหมือน...ไข่มุก”
“หึ นังมุกมันไม่มีหน้ามาหาหรอกค่ะ ดีไม่ดีป่านนี้เดินตัวปลิวกิ๊กคนใหม่ไปแล้ว ไปนอนพักดีกว่านะคะ ลูกไก่ดูแลคุณเอง”
ภัททิมาทำท่าจะเข็นไป ไข่มุกมองตามหลังอย่างห่วงหาปนเป็นห่วง
หมอคลายที่เช็คความดันพยักหน้าพอใจ คีรินทร์นอนอยู่แบบเอนๆ
“โอเคครับ ทุกอย่างดีสมบูรณ์เหมือนเดิม ออกจากโรงพยาบาลได้”
“ขอบคุณมากครับ”
“หมอขอตัวก่อนนะครับ”
คีรินทร์ใส่ชุดธรรมดาเตรียมกลับบ้าน พยาบาลเดินเข้ามาในห้องพร้อมของของคีรินทร์
“คุณคีรินทร์คะ นี่ของๆ คุณตอนวันที่มาโรงพยาบาลค่ะ ดิชั้นเก็บไว้ให้”
คีรินทร์หยิบมาดู เห็นเป็นที่รัดผม คีรินทร์มองแล้วทำท่านึกได้
ภาพคีรินทร์กับไข่มุกยืนอยู่ในร้านพวกกิ๊ฟช็อปของศูนย์การค้าย้อนกลับมา ไข่มุกเลือกที่มัดผมอยู่แล้วหมุนดูป้ายราคา
“เอาอันนี้สิ สวยดี เหมาะกับเธอ” ไข่มุกวางลง
“ไม่ดีกว่าค่ะ แพง อันตั้งเกือบสามร้อย”
“สามร้อยยังว่าแพง รู้หรือเปล่าว่ามากับใคร”
“รู้สิคะ แต่มันแพงไปสำหรับชั้น สามร้อยเอาไปทำอย่างอื่นได้ตั้งเยอะ”
“แต่ชั้นถือคติ เมื่อเจอของที่อยากได้ ต้องรีบเอามาเป็นของตัวเองทันที” คีรินทร์หยิบขึ้นมาแล้วยื่นเงินให้คนขาย ไข่มุกอ้าปากจะห้ามแต่คีรินทร์แกล้งทำตาดุใส่ “ชั้นจะซื้อให้เมีย มีปัญหาหรือไง”
คีรินทร์ทำหน้ากวนใส่ ไข่มุกยิ้มขำ คีรินทร์จับผมไข่มุกขึ้นมามัดให้ ไข่มุกหันหน้ามาสบตากันหวานซึ้ง ไข่มุกจับผมแบบเขินๆ
“นั่นไง เหมาะจริงๆ ด้วย”
ไข่มุกยิ้มหวาน คีรินทร์มองอย่างรักใคร่
คีรินทร์นั่งอยู่ในห้องนอนมือถือที่มัดผม ประตูเปิดออก ภัททิมาเดินเข้ามาในห้องใส่ชุดเลขาสีแสบตาสั้นฟิต คีรินทร์รีบโยนที่มัดผมใส่ใต้หมอน ภัททิมาเดินเข้ามานั่งไขว้ห้างเซ็กซี่เอามือแตะอกคีรินทร์
“มอร์นิ่งค่ะบอส ไปอาบน้ำนะคะ เดี๋ยวลูกไก่ดูแลจัดการเสื้อผ้าให้เอง ส่วนเซอร์วิสอื่นๆ ค่อยนอกรอบนะคะ”
คีรินทร์นิ่งมองอย่างงงๆ ภัททิมากระพือขนตาทำท่ายั่วยวน
คีรินทร์ออกจากห้องน้ำใส่ชุดคลุมเดินออกมา มองเสื้อผ้าที่ภัททิมาจัดไว้ให้ ทั้งสีทั้งแบบไม่เข้ากันเลย คีรินทร์เบ้หน้าขัดใจ
“ผมไม่ใส่สีแบบนี้”
“อ้าว ไม่ใส่แล้วซื้อมาทำไมคะ สีก็สวยออก แฟชั่นจะตาย”
“ทางร้านเขาจัดมาให้ เสื้อผ้าของผมแต่ละแบบมีเจ็ดสี ผมซื้อหมด ไม่ชอบให้ใครมาใส่ซ้ำ เพราะงั้นบางสีซื้อมาก็ไม่ได้ใส่”
คีรินทร์ผละออกไปเลือกเอง ภัททิมาพูดกับตัวเองเบาๆ
“หล่อเลือกได้ แถมรวยอีก ไม่ได้เป็นสามีไม่ต้องมาเรียกว่าลูกไก่แล้วล่ะ”
ภัททิมาเดินตามไปหน้าตู้ คีรินทร์กำลังระมือเลือกเสื้อ
“งั้นบอสสอนหน่อยสิคะว่าชอบแบบไหน สีอะไร จะได้จัดให้ถูกใจ มีคนดูแลให้อย่างนี้ชอบมั้ยคะ”
“ไม่ต้อง ขอบคุณ”
“แต่ลูกไก่อยากปรนนิบัติบอสนี่คะ”
ภัททิมาสบตาให้ท่า คีรินทร์ถอนใจ
“ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว”
คีรินทร์เลือกเสื้อผละออกไปแต่งตัว ภัททิมามองตามอย่างผิดคาดปนเสียหน้า
คีรินทร์เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ถือกระเป๋าเตรียมไปทำงาน มณีกับชลลดาที่นั่งดูหนังสือพิมพ์อยู่รีบพับเก็บ
“รีบไปทำงานทำไม ไม่นอนพักต่ออีกนิดล่ะ ไปๆๆ ขึ้นห้อง พักผ่อนเยอะๆ”
“นอนมาหลายวันแล้วแม่ ป่านนี้มีงานให้เคลียร์เพียบแน่”
“ค่อยไปก็ได้ รอให้เรื่องซา เอ๊ย ให้หายป่วยก่อน”
คีรินทร์เห็นหนังสือพิมพ์ในมือเลยหยิบมาดู มณีหน้าเสีย
“พวกนี้ชอบลงข่าวมั่ว รินทร์อย่าไปใส่ใจนะ แค่สองสามวันเดี๋ยวคนก็ลืมๆ ไปแล้ว อย่าเครียดนะ”
คีรินทร์ยิ้มไม่ยี่หระ
“ลงข่าวซะผมเป็นคาสโนว่าสิ้นลาย เสียเชิงชายหมด ข่าวพวกนี้ผมไม่แคร์หรอก ลงสิยิ่งดี เรทติ้งจะได้พุ่งกระฉูด สาวๆ ได้มากันอีกเพียบ”
มณีกับชลลดาอึ้งที่คีรินทร์ไม่แคร์ คีรินทร์หยิบมาดูแล้วหัวเราะโยนใส่เก้าอี้ไปอย่างไม่ใส่ใจ ภัททิมาเดินหน้าตูมตามมา
“รีบแต่งตัวเอาของมาสิลูก จะได้ไปพร้อมคุณรินเลย ไหนๆ ก็ไปที่เดียวกัน พาน้องไปด้วยนะ”
“อย่าดีกว่า ผมไม่ชอบให้ใครมาตาม”
“แต่...”
“ทุกวันก็ไปเองได้ไม่ใช่เหรอ”
คีรินทร์เดินออกไป ภัททิมายิ่งหน้าตูม ชลลดามองเหวอๆ ปนอึ้ง มณีแอบสะใจนิดๆ
“ไงล่ะ อยากยัดเยียดลูกสาวให้ลูกชั้นดีนัก หน้าแตก หกคะเมน หัวฟาดสลบไปเลย สม”
มณีหัวเราะคิกอย่างชอบใจ
“ถึงจะไม่ชอบลูกไก่ แต่ลูกสาวดิชั้นก็ยังดีกว่านังนุชใจยักษ์ กับนังไข่มุก ลูกขอทาน หรือว่าคุณมณีชอบลูกสะใภ้แบบนั้น จะได้ไปตามกลับมาให้ อุ๊ย แต่ระวังข่าวลือหน่อยนะ เดี๋ยวพวกคุณนายไฮโซจะแอบนินทาเอา”
มณีอึ้งอย่างคาดไม่ถึง ชลลดาเห็นยิ่งหัวเราะเยาะชอบใจ มณีคอแข็งเชิดใส่ทำหน้าคิดหนัก
ไข่มุกตำส้มตำอย่างออกลีลาที่รถเข็น ควงสากรำแล้วตำต่อ กลุ่มเทศกิจเดินเข้ามาลูกค้าแตกฮือ ไข่มุกทิ้งสากลงในครกมองอย่างโมโหนิดๆ
“มาอีกแล้วเหรอ วันนี้ยังขายไม่ได้ ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับหรอก”
“เปล่า วันนี้หยุด จะมาชิมสักที ได้ข่าวว่าแซ่บ”
“ดูต้ะ ฮ่าย น้ำลายอิไหล”
ไข่มุกมองยิ้มๆ เทศกิจมองเป็นมิตรนิดๆ
ไข่มุกเอาส้มตำ ลาบ มาเสิร์ฟ
“เอาเลยพี่ ตำให้เป็นพิเศษ แซ่บจี๊ดถูกใจแน่”
เทศกิจกินกันทำท่าอร่อยมาก
“หร่อยอย่างแรงนิ”
“อร่อยอย่างนี้ขายที่ไหนก็ขายได้ พี่ว่าไปหาที่อื่นเหอะ อยู่นี่ก็โดนไล่โดนจับ พี่ทำไปตามหน้าที่ไม่ได้อยากรังแกคนจนด้วยกัน แต่ฟุตบาทตรงนี้ ขายของไม่ได้ มันทำให้บ้านเมืองสกปรก เกะกะการจราจรด้วย หากินน่ะได้ แต่อย่าทำให้ประเทศชาติเดือดร้อน จะจนหรือรวย ก็ต้องนึกถึงส่วนรวมด้วย” ไข่มุกทำท่าคิดหนัก
ไข่มุกกำลังเช็ดโต๊ะเก็บ วันดีเดินเข้ามาท้าวเอวมองส่ายหน้า
“นังมุกเอ๊ยนังมุก จะมามัวขายส้มตำให้ลำบากทำไม เอ็งไปง้อผัว หน่อยสิวะ จะได้กลับไปสบายเหมือนเก่า แล้วเผื่อแผ่มาถึงข้าด้วย”
“ไม่เอาหรอกแม่ เขาไม่ยอมหรอก”
“เว้ย หรือจะให้ข้าง้อแทน เอ็งนี่มันโง่ชิบเป้ง เป็นคุณนายดีๆ ไม่ชอบ ดันอยากมาใช้แรงงาน ผัวเอ็งลงทุนง้อนิดหน่อยเดี๋ยวก็หาย หยิ่งนักนะเอ็งเนี่ย” ไข่มุกเดินไปอีกทาง วันดีเดินตามมาซักไซ้ต่อ “ถามจริงเหอะ เอ็งเป็นเมียมันหรือยัง”
ไข่มุกเงียบไม่ตอบ เม้มปากแน่นนัยน์ตาเศร้า วันดีมองอย่างสงสัยปนงงๆ เดาไม่ถูก
คีรินทร์เดินเข้ามาในโรงแรม เดินผ่านป้ายโฆษณาฟิตเนสเป็นภัททิมาในชุดเซ็กซี่ คีรินทร์หยุดยืนมอง มองเป็นภาพไข่มุกในโปสเตอร์ซ้อนขึ้นมา
ภาพไข่มุกเต้นนำ ออกหมัดทะมัดทะแมง สมาชิกพากันเต้นตามอย่างสนุก คีรินทร์ วัฒนา เขมทัต ยืนอยู่นอกสตูดิโอกำลังมองเข้าไป คีรินทร์แอบยิ้มชอบใจ
คีรินทร์มองเหม่อดูโปสเตอร์ คีรินทร์ถอนหายใจหนักแล้วหันหลังเดินไปอีกทาง วัฒนาเดินเข้ามาชะงักเกือบจะชนกัน
“อ้าวรินทร์ พอดีเลย จะไปไหนน่ะ”
“ก็ไม่ได้ไปไหน มีอะไร”
“คุณทวยไทยอยากเจอนาย อยากเลี้ยงข้าวต้อนรับที่นายหายป่วย”
“มีเงินซื้อกินเอง ไม่ต้องให้ใครเลี้ยง”
“ยังไงเขาก็เป็นผู้ใหญ่ ยอมลงให้หน่อยจะเป็นไรไป”
คีรินทร์มองหน้าวัฒนา แค่หัวเราะ
“ชั้นเป็น แล้วก็อย่าพูดเรื่องแบบนี้ให้ได้ยินอีก ไอ้นายทวยไทย ทุยไทยอะไรนั่นมาไม่กี่วัน ก็ตามไปกระดิกหางเลียมือมันแล้ว มีศักดิ์ศรีซะบ้างสิ”
วัฒนาอึ้ง พยายามปรับสีหน้า
“ชั้นแค่อยากให้นายกับเขาปรับความเข้าใจ อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ ได้มั้ยรินทร์
“อยากทำอะไรก็เชิญทำไปเลย อย่าเอาชั้นไปยุ่ง แล้วก็ขอเตือนไว้หน่อยนะ เลียเยอะๆ ระวังลิ้นจะด้านหมด”
คีรินทร์เดินจากไป วัฒนากำมือแน่น มองตามสายตาอาฆาต
แทยอน จินจู ซอนซา นั่งอยู่ในห้องโถงของโรงแรม ซอนซาทำเป็นยิ้มกับจินจูแต่สายตาร้าย
“แหม พาตัวพี่แทยอนมาอยู่ที่นี่ตั้งนาน รู้มั้ยว่าที่เกาหลีเขาลำบากกันแค่ไหน ชั้นถามจริงๆ เถอะจินจู เธอมาทำอะไรกันแน่”
จินจูไม่ตอบ คธาเดินมาจากด้านหลังโค้งตัวขึ้น นั่งเล่นเปียโนสลับกับมองจินจูอยู่ไกลๆ ซอนซานิ่งชะงัก แล้วหันไปมองคธา ยิ้มอย่างนึกรู้
“อ๋อ ชั้นรู้แล้ว เพราะโรงแรมนี้มีของดีนี่เอง”
“พูดอะไรของเธอ”
ซอนซามองยิ้มๆ
“เป็นซุปตาร์นี่ดีเนอะ คั่วผู้ชายทีละสองคนไม่มีใครว่า คนนึงไทย คนนึงเกาหลี เก่งนะเธอเนี่ย”
“พอได้แล้วซอนซา อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก จินจูเขาเป็นรุ่นพี่เธอเกรงใจกันบ้าง” แทยอนต่อว่า
“ก็แค่หยอกเล่น แต่ถ้าพี่ไม่สบายใจ ชั้นไม่พูดก็ได้”
ซอนซาแกล้งทำเสียงอ่อย แต่มองสบตาจินจูอย่างตาวาว แอบยิ้มเยาะใส่
ที่ห้องประชุม ทวยไทยโยนหนังสือพิมพ์ที่มีรูปคีรินทร์ วันที่ไข่มุกเข้าไปช่วยลงหน้าหนึ่ง บอร์ดบริหารคนอื่นหันมามองคีรินทร์
“พ่อคาสโนว่าของเรา ได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ อีท่าไหนถึงได้เป็นข่าวขนาดนี้”
“ไม่ยักรู้ว่าคุณเป็นห่วงผม หรือกลัวผมไม่เสียชื่อเสียงพอกันแน่”
“เปล่าเลย ห่วงโรงแรมต่างหาก รู้มั้ยว่าข่าวออกไปแบบนี้ ลูกค้าจะไม่เชื่อมั่นในตัวผู้บริหารที่ทำตัวไร้สาระไปวันๆ แถมยังอื้อฉาว เรื่องคาวๆ”
“ก็ช่วยไม่ได้ คนมันหน้าตาดี ลืมไป คนหน้าตาไม่ดีไม่มีวันเข้าใจหรอก ขอโทษนะที่หล่อเลือกได้ สาวๆ เลยต้องมารุมแย่ง ไม่เหลือไปถึงแก่หน้าเหี่ยว”
คีรินทร์พูดกระแทกแล้วเดินออกไป ทวยไทยมองตามอย่างโกรธมาก เขมทัตยิ้มพอใจที่คีรินทร์ย้อนได้ วัฒนาแอบมองเงียบๆ แววตาเจ้าเล่ห์
แทยอนยืนคุยกับจินจู
“ซอนซาเขาอยากมาเที่ยวไทย เลยตามมาด้วย เธออย่าคิดมากนะจินจู”
“ชั้นจะคิดมากทำไม ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าพี่มีความสุข ชั้นก็ยินดีด้วย”
แทยอนอึ้ง จับมือจินจู
“แต่ชั้นไม่เคยคิดอะไรกับซอนซา เธอเองก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”
จินจูปลดมือออกเบาๆ ยิ้มจางๆ
“ใช่ แต่พี่ก็รู้ ว่าพี่เป็นพี่ชายของชั้นเสมอ”
“พี่ชาย ชั้นเป็นได้แค่นี่สำหรับเธอใช่มั้ยจินจู ตลอดยี่สิบกว่าปี ชั้นทำทุกอย่างก็เพื่อเธอ ที่ผ่านมาไม่มีความหมายเลยหรือไง”
“พี่สำคัญกับชั้นเสมอ แต่ชั้นรักใครไม่ได้อีกแล้ว”
จินจูสบตาแทยอน แทยอนนิ่ง นัยน์ตาเศร้า
คีรินทร์นั่งดื่มกาแฟอยู่ในล็อบบี้โรงแรมอย่างเซ็งๆ แทยอนนั่งลงข้างๆ แล้วถอนใจเฮือก คีรินทร์ก็ถอนหายใจแทบจะจังหวะเดียวกัน
“คนหนุ่มอย่างคุณ มีเรื่องกลุ้มใจอะไร ถึงกับต้องถอนใจ”
“ก็...นิดหน่อยครับ”
“หืม การงานก็ดี ภรรยาก็น่ารักเนี่ยนะจะมีปัญหากลุ้มใจ”
“ตอนนี้ไม่มีแล้ว”
“ไม่มี ไม่มีอะไร”
“ตอนนี้ผมไม่มีภรรยาแล้ว”
แทยอนอึ้ง มองงงๆ อย่างนึกไม่ถึง คีรินทร์ถอนหายใจหนัก พูดเสียงแค้นนิดๆ
“เฮอะ ผู้หญิง ไว้ใจไม่ได้ ช่างโกหก ลองลวงกันได้หน้าซื่อๆ จิตใจทำด้วยอะไรกัน”
แทยอนถอนใจหนัก
“แต่ผู้ชายบางคนก็โกหก จนต้องมานั่งถอนใจรับผลกรรมตัวเองก็มี”
คีรินทร์หันกลับมามองหน้า แทยอนทำหน้านิ่งอย่างครุ่นคิด
ไข่มุกมองเข้าไปโรงแรม สีหน้าเป็นกังวลและรู้สึกผิด ค่อยๆ เดินตัวลีบเรื่อยๆ ไปทางสวน สายตามองซ้ายขวาพยายามหาคีรินทร์แล้วก็ถอนใจ เดินออกมาจากด้านใน ไข่มุกรีบหลบหันไปชนกับซอนซา
“เอ๊ะ เดินประสาอะไร เสื้อผ้าชั้นเลอะหมด” ซอนซาทำท่าปัด
“ขอโทษค่ะ หนู...”
“ไม่ต้องมาขอโทษ เดินไม่รู้จักดู นี่ถ้าชั้นเป็นแผล เธอมีปัญญาชดใช้มั้ย รู้หรือเปล่าว่าชั้นเป็นใคร ชั้นน่ะ...โฮซอนซา ซุปตาร์เกาหลีชื่อดังนะยะ”
“หนู จำได้แต่จินจู”
ซอนซาปรี๊ดแตก
“จินจูๆ ใครๆก็พูดถึงแต่จินจู โอ๊ย มีอะไรดีนักห้ะ”
แทยอนเดินเข้ามา ซอนซากอดแขนแทยอน แทยอนดึงออกอย่างไม่สนใจ ซอนซาทำหน้าเซ็ง
“อ้าว คุณลูกไก่ อยู่ที่นี่เองเหรอ ไม่เห็นหน้าตั้งหลายวัน”
ไข่มุกยิ้มแห้งๆ เจื่อนๆ
“อะ เอ่อ ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
ไข่มุกเดินไป แทยอนมองตาม
“แม่นี่ เอ๊ย เขาเป็นใครคะ พี่แทยอนรู้จักด้วยเหรอ ท่าทางจนเชียว”
ซอนซาทำหน้ารังเกียจ เบ้ปากใส่ แทยอนมองตามไป
ไข่มุกเดินออกมาด้านนอกของโรงแรม หยุดยืนมองโรงแรมอย่างเศร้าใจ น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา ไข่มุกปาดน้ำตาออก มองอย่างอาลัย
“คุณรินทร์ ชั้นขอโทษ”
ไข่มุกร้องไห้เงียบๆ พลางเช็ดน้ำตา
จินจูนั่งอยู่ในห้องทำงานคีรินทร์ ใบหน้าเครียด มองคีรินทร์อย่างจับผิด
“ที่ชั้นมาถามก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณหรอกนะ แต่ลูกไก่เขาทำผิดอะไร คุณถึงได้ทำเรื่องใจดำกับเขาถึงขนาดนี้”
“ผมทำที่ไหน เขาต่างหากที่...” คีรินทร์เงียบไม่พูดต่อ
“ที่อะไร นี่จะกล่าวหาว่าลูกไก่เป็นฝ่ายผิดงั้นสินะ”
“ผมเปล่า ก็แค่...”
“ชั้นไม่ต้องการข้ออ้าง แต่ต้องการคำอธิบาย”
“ได้ ผมจะอธิบายให้ฟัง เรื่องทุกอย่างที่คุณหาว่าผมใจร้ายใจดำ ที่จริงผมต่างหากที่ควรพูดกับผู้หญิงคนนั้น เขาหลอกลวงผมทุกอย่าง ไม่เคยจริงใจ ไม่เคยเห็นความสำคัญผมสักนิด หึ ป่านนี้คงนั่งหัวเราะ หาว่าผมเป็นไอ้หน้าโง่อยู่ล่ะมั้ง” จินจูอึ้งไปนิด
“งั้นลูกไก่ก็คงโง่เหมือนกัน ที่ยอมลงทุนโทรทางไกลจากเกาหลี ให้ช่วยคนไม่สำคัญอย่างคุณ”
คีรินทร์ชะงัก หันหน้ามองจินจูสีหน้าอึ้งปนสงสัย
คีรินทร์เดินคุยมากับจินจู
“ลูกไก่เขารู้ว่าชั้นสนิทกับประธานลีซอนมุล เลยโทรมาขอให้ชั้นช่วยพูดเรื่องคลิปของคุณ ไม่งั้น คุณคิดเหรอว่าเขาจะยอมยกโทษแล้วเซ็นสัญญากับคุณง่ายๆ”
คีรินทร์อึ้งอย่างตกใจ
“ที่แท้เพราะคุณนี่เอง ผมก็ยังสงสัย ทำไมเขาเปลี่ยนใจเร็วขนาดนั้น”
“เพราะลูกไก่ต่างหาก คิดให้ดีสิ ถ้าไม่รักคุณ เขาจะหาทางช่วยคุณถึงขนาดนี้เหรอ คุณอยู่กับเขาตั้งนาน ยังดูไม่ออกอีกหรือไง”
คีรินทร์นิ่ง อึ้งไปอย่างคิดได้
คีรินทร์เดินมานั่งเงียบๆ คนเดียว สีหน้าคิดถึงอดีตเกี่ยวกับไข่มุกตั้งแต่เจอหน้าไข่มุกครั้งแรก จนกระทั่งถึงวันที่ทั้งคู่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน
ที่กองถ่ายละคร กัสจังบิดตัวไปมาทำอิดออด
“แหม ลำบากใจจังฮ่ะ เรื่องส่วนตัวแบบนี้ กัสจังไม่ชอบยุ่ง”
กัสจังมองคีรินทร์ทำอิดออด คีรินทร์รู้แกว หยิบเงินขึ้นมาส่งให้ห้าพัน
“อ่ะ เอาไป ค่าลำบากใจ ทีนี้หายใจออกยัง แล้วอย่าบอกนะว่าไม่รู้ อย่างเธอต้องมีเบอร์ มีที่อยู่ตัวประกอบทุกคนอยู่แล้ว”
กัสจังรับมาเก็บ ยิ้มหวานใส่
“เอาเบอร์ไปแล้วอย่าบอกน้องมุกนะฮะ กัสจังสงสารคุณนะเนี่ย ถึงยอมให้ กลัวคนหล่อลำบาก”
กัสจังยื่นกระดาษเบอร์โทรให้ คีรินทร์รับมาทำท่าจะเดินออกไป กัสจังเรียกไว้อีกครั้ง
“เอ่อ ตอนนี้น้องอยู่ที่กองถ่ายต่างจังหวัด เข้าป่าถ่ายฉากบู๊อยู่ ยังไงก็อย่าไปกวนมากนะฮะ”
คีรินทร์พยักหน้าแล้วเดินไป กัสจังมองตาม กีกี้เดินออกมาจากหลังฉาก
“น่าไปเล่นละครนะ ตีบทแตกกระจุย ได้เงินสองต่อ แล้ว เบอร์ที่ให้ไปน่ะเบอร์ใคร” กัสจังแบมือ“อยากรู้ป่ะ อยากรู้เอาเงินค่าบอกเบอร์ผิดมาให้เจ๊ก่อน”
กีกี้จิ๊ปาก หยิบเงินส่งให้หมื่นนึง
“จะบอกได้หรือยัง”
“ก็ให้เบอร์คุณนายกำนันที่มาถ่ายแบบชุดไทยไป ป้านั่นชื่อมุกดา มีผัวขี้หึงขั้นเทพ งานนี้ท่าจะมันส์พะยะค่ะ”
กัสจังหัวเราะอย่างถูกใจ กีกี้ยิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์ พอใจมาก
คีรินทร์เสียบสมอลทอล์คโทรหาไข่มุก มีเสียงรอสายสองสามครั้งแล้วกดรับ คีรินทร์รีบพูด
“อย่าวางสายนะมุก เธออยู่ไหน บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้ ชั้นจะขับรถไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”
“เอ็งเป็นใคร โทรมาหานังมุกทำไมวะ”
คีรินทร์อึ้ง นึกโกรธ
“แล้วคุณเป็นใคร มารับโทรศัพท์เขาได้ยังไง”
“อุวะ ทำไมจะไม่ได้ นี่โทรศัพท์เมียข้า แต่เอ็งนั่นแหละ โทรมาก็ถามหาแต่เมียคนอื่น เป็นใครกันแน่”
“ผมเป็น เป็นผัวมุกน่ะสิ คุณอย่ามาแอบอ้างดีกว่า ไอ้สิบแปดมงกุฎ เอาโทรศัพท์ให้มุกเดี๋ยวนี้”
“ไม่ให้โว้ย ข้าเป็นผัวมันมาตั้งนาน เอ็งนั่นแหละ อ๋อ หรือว่าจะเป็นชู้ มายุ่งกับเมียคนอื่นระวังจะไม่ตายดีนะเว้ย”
คีรินทร์เร่งเครื่อง
“งั้นบอกมาว่าบ้านคุณอยู่ไหน จะได้เคลียร์กันให้รู้เรื่อง”
“มาเล้ย จะได้รู้ว่าเลือกใคร”
กัสจังเดินผละมาจากทีมงานเดินมาหาไข่มุก แต่มองซ้ายมองขวาแล้วลากไข่มุกไปหลบมุมฉาก ไข่มุกมองกัสจังนิ่งๆ ตาเศร้าๆ กัสจังทำสีหน้าลำบากใจทั้งสงสารแต่ก็พูดไม่ได้
“หน้าอย่างงี้ทะเลาะกับผัว เอ๊ย แฟน มาล่ะสิ หน้าคล้ำอย่างกับใช้แป้งผิดเบอร์” ไข่มุกนิ่งเม้มปาก กัสจัสยิ่งสงสาร“เอางี้สิ ใครผิดใครถูกช่างประไร เราก็โทรหาเขา ไปอ้อนๆ หน่อย ไม่แน่นะ อาจจะกำลังตามหาเธออยู่ก็ได้ แม่ไข่มุกเซ้าซี ชะนีอย่าทำหน้าเครียด กระเทยปวดตับ”
ไข่มุกยังคงฟังนิ่ง ทำหน้าเศร้า กัสจังเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ รวบตัวมากอดไว้เบาๆ
คีรินทร์เดินจะเอาเรื่องมาถึงหน้าบ้านกำนัน กำนันเดินออกมาพร้อมปืนลูกซองกับพวกลูกน้อง คีรินทร์ผงะ
“มาแล้วเหรอ หน้าตาก็ดี ไม่น่าชอบยุ่งกับเมียชาวบ้าน”
“แต่มุกเป็นเมียผมก่อน เขาอยู่ไหน บอกให้ออกมาสิ”
คีรินทร์ทำท่าจะก้าวเข้า กำนันยกปืนขึ้นทำท่าเล็ง คีรินทร์ชะงัก พวกลูกน้องเริ่มรุมล้อมคีรินทร์ไว้
“เมียหรือแม่ จะเป็นผัวเก่าข้าก็ไม่สน เฮ้ย เด็กๆ จัดการสั่งสอนมันหน่อยโว้ย”
คีรินทร์มองรอบๆ ลูกน้องกำนันเดินเข้าใกล้หักมือกร็อบๆ ทำท่าจะใส่ ประตูเปิดออก เป็นมุกดาในชุดผ้าถุงยืนถกผ้าท้าวเอวอยู่
“เอะอะอะไรกันวะ ไหน ใครผัวเก่าอะไรชั้น พูดไม่รู้เรื่องหรือไงฮะ ไอ้กำนัน ด่ามากเดี๋ยวแม่ตบบ้องหูซะที บอกว่าไม่มีๆ ไง”
ทุกคนชะงัก คีรินทร์เงยมองเห็นก็อึ้ง รู้ทันทีว่าคนละมุก กำนันพูดเสียงอ่อย
“ก็ไอ้นี่น่ะจ้ะแม่มุกดา มันโทรมาบอกเป็นผัวน้อง”
มุกดาเดินเข้ามาใกล้
“แก่หัวหงอกป่านนี้แล้วยังขี้หึงอีก แล้วปืนไม่มีลูกเอาออกมาทำไมห้ะ” มุกดาหันมาทางคีรินทร์ “ไปเอาเบอร์มาจากไหนล่ะพ่อคุณ ถึงได้มาถึงนี่”
“กัสจัง กระเทยที่กองถ่ายครับ” คีรินทร์บอกเสียงอ่อย
“อ๋อ คนนั้นน่ะเอง สงสัยโดนหลอกแล้วมั้ง”
คีรินทร์หน้าเสีย รีบขอโทษ
“ขอโทษนะครับ สงสัยผมจะเข้าใจผิดจริงๆ”
“เออ แล้วทีหลังอย่าไปมั่วๆ อีกล่ะ เดี๋ยวโดนดีเข้าสักวัน”
มุกดาบิดหูกำนัน
“เก่งนัก เก่งนักนะเอ็ง เมื่อกี้เรียกใครนังมุก มานี่เลย หนอย”
มุกดาลากหูกำนันจากไป คีรินทร์มองอึ้งๆ ปนเสียฟอร์มนิดๆ
วันต่อมาที่กองถ่าย กัสจังยืนหน้าซีด คีรินทร์มองหน้าโหดใส่
“เล่นซะแสบเชียวนะ เมื่อวานชั้นเกือบโดนปืนยิงหัว เสียทั้งงาน เสียทั้งเวลา จะให้ทำยังไงห้ะ”
กัสจังหน้าซีดปากสั่น
“ขะ ขะขอโทษฮ่ะ เผลอหยิบเบอร์ให้ผิดไปจิ๊ดเดียว เดี๋ยวเอาให้ใหม่ จดนะฮะ ศูนย์แปด...” คีรินทร์ปัดมือถือ กัสจังร้องว้าย “อย่ารุนแรงสิฮะ กระเทยเป็นเพศที่อ่อนแอ ห้ามรังแกนะฮะ”
“ไม่ต้องเอาเบอร์แล้ว ลีลาดีนัก เธอพาชั้นไปหาไข่มุกเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นก็เอาเงินมาคืน แล้วจะฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วย”
“แต่กัสจังไปไม่ได้นะฮะ ติดกองที่นี่จริงๆ เอางี้นะฮะ เดี๋ยวจะติดต่อไปที่กองถ่ายหนังบู๊ในป่าให้ ไข่มุกเพิ่งไปเป็นสตั้นเมื่อวานเองต้องอยู่แน่ๆ ฮ่ะ”
กัสจังทำสีหน้าอ้อนวอน คีรินทร์ยังคงมองหน้าเหี้ยม ตาดุใส่
มายาสีมุก ตอนที่ 8 (ต่อ)
กองถ่ายในป่า คีรินทร์เดินเข้าไปเห็นสตั้นชุดเซ็กซี่ใส่หน้ากากกำลังวาดลวดลายต่อสู้ตีลังกาอยู่ คีรินทร์หยุดมอง
“เจอซะที ไข่มุก”
“คัท โอเค พักกองเซ็ทฉากใหม่”
สตั้นเดินสวยๆ กำลังจะไป คีรินทร์เข้าไปหาแล้วดึงแขนเอาไว้ สตั้นทำท่างง
“เธอมานี่เลย เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
สตั้นส่ายหน้า ทำอิดออด คีรินทร์กอดเอาไว้ก้มลงกระซิบข้างหู
“ถ้าไม่ตามมา ชั้นจะจูบโชว์คนทั้งกอง อยากอายก็ดิ้นสิ”
สตั้นเลิกดิ้น กอดคีรินทร์เอาไว้ คีรินทร์กอดตอบ สตั้นถอดหน้ากากออก เป็นกระเทยสาวที่รับบทสตั้นแทนนางเอก
“จูบเลยค่ะคุณพี่ขา คนหล่อๆ มาขอจูบแบบนี้ หนูเป็นปลื้ม”
คีรินทร์สะดุ้ง รีบปล่อยมือออก
“เฮ้ย กระเทยนี่หว่า”
“ก็กะเทยสิคะ พี่นึกว่าใคร ไหนว่าจะจูบโชว์ มาสิคะ”
“อย่า ปล่อยนะ”
“คัมมอนเบ่เบ๊ ไม่เข้ามางั้นคุณน้องเข้าไปเองนะคะ”
ไข่มุกในชุดสตั้นนางร้ายมองยืนอยู่ไกลๆ สตั้นพุ่งเข้าหาคีรินทร์กอดนัวเนียทำท่าจะหอม ทำปากจุ๊บๆ คีรินทร์ดันออกอย่างหวาดเสียว หน้าเหยเก
คธานั่งเล่นเปียโนอยู่ในห้องซ้อมเปียโน แทยอนเดินเข้ามามองคธา คธาหยุดมือ ยิ้มหยันนิดๆ แทยอนเดินเข้ามาใกล้
“ต้องการอะไรจากจินจู คุณจะมายุ่งกับเขาอีกทำไม เรื่องมันตั้งยี่สิบกว่าปี จะรื้อฟื้นให้ได้อะไร” คธาแค่นยิ้ม“ใช่ เป็นยี่สิบกว่าปีที่ผมจะไม่มีวันยกโทษให้คุณ ผม จะหาลูกของผมให้พบให้ได้” แทยอนอึ้ง“จินจูบอกคุณเรื่องยองแอ”
“ใช่ แล้วอย่าคิดจะแยกผมจากจินจู ด้วยวิธีสกปรกๆ อีก ต่อให้คุณส่งไอ้พวกนักเลงมารุมอัดแบบเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนี้ วันนี้ ผมก็จะไม่ยอมคุณ ไม่ยอมให้คุณทำร้ายเราอีกต่อไปแน่นอน”
จินจูเดินเข้ามาได้ยินพอดี สีหน้าอึ้งมากปนผิดหวัง แทยอนหันกลับไปสบตาจินจูอย่างตกใจ
คีรินทร์นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างใจลอยคิดเรื่องอื่น ภัททิมาเอนตัวลงเบียดกระแซะ ตักกับให้
“ทานไก่อบหน่อยนะคะคุณรินขา”
ภัททิมาวางใส่จาน คีรินทร์ไม่สนใจ
“ใจลอยอะไรอยู่คะ อันนี้ตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ ทานหน่อยนะ ไม่ทานลูกไก่เสียใจนะคะ”
“ทำเองที่ไหนยะ ซากกล่องยังกองอยู่ในครัวตั้งเยอะ ยังมีหน้ามาโม้อีก กล้าจริ๊ง” มณีบอกอย่างหมั่นไส้
“ก็ตั้งใจไปซื้อ แล้วก็ตั้งใจจัดใส่จานเองไงคะ ของแบบนี้ใครทำก็อร่อย แต่จัดสวยไม่ใช่ว่าทำได้ทุกคน”
“ดู๊ ยังพูดไม่อายปาก ไม่มีเสน่ห์ปลายจวักใครที่ไหนจะสน”
“แหม สาวๆ สมัยนี้ก็ทำกับข้าวไม่เป็นกันทั้งนั้นแหละค่ะ เคยได้ยินมั้ยคะ แม่บ้านถุงพลาสติกน่ะ สะดวกสบายจะตาย”
“ย่ะ พลาสติกไปทั้งตัวด้วยมั้งเนี่ย ทั้งแพง ทั้งไม่สะอาด กินไปไม่รู้จะติดโรคฉี่หนูหรือเปล่า”
ชลลดามองค้อน แต่แค่นยิ้มเยาะ
“แต่แม่บ้านแบบลูกไก่ ก็ยังดีกว่าอีกหลายคนนะคะ ยังไงน้า แม่บ้านข้างถนน อะไรประมาณนี้ พี่มณีว่าจริงมั้ย”
มณีมองอึ้ง ได้แต่ถอนใจ ยอมรับแบบไม่สบอารมณ์ เขมทัตกับรัตนากินข้าวเงียบๆ ไม่สนใจใคร ภัททิมาได้ทีตักให้คีรินทร์เอาใจอีกยกใหญ่
“ทานต้มยำมั่งมั้ยคะคุณรินทร์ เจ้านี่อร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำ”
“ไม่ต้อง” คีรินทร์หันหาชลลดา “ผมอยากเจอไข่มุก คุณพอจะติดต่อเขาได้มั้ย”
ทุกคนฟังแล้วอึ้ง
“จะติดต่อแม่นั่นอีกทำไม ให้มันพานักเลงบ่อนเข้าบ้านอีกเหรอ”
คีรินทร์นิ่ง พูดอย่างตัดสินใจ
“ผมมีเรื่องต้องคุยกับเขา ขอที่อยู่ด้วยครับคุณชลลดา”
ชลลดาอึ้งมองหน้ากันกับภัททิมา สีหน้าอย่างคนมีชนักติดหลัง
แทยอนหยุดยืนด้วยสีหน้าเจ็บปวดนิดๆ จินจูเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง มองแทยอนอย่างผิดหวังมาก ทั้งโกรธและเสียใจ
“ไม่นึกเลยว่าพี่จะเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด พี่กีดกันชั้นกับเขามาตลอด ทำเหมือนคธาไม่รักไม่สนใจ ไม่ต้องการชั้นกับลูก ทั้งๆ ที่เขาทำทุกอย่างเพื่อชั้น ทำไมพี่แทยอน ทำไม”
“จินจู ฟังก่อน ชั้นแค่คิดว่าการที่เธอรักกับคธาไม่เหมาะสม เธอเป็นดาราชื่อดัง เขาเป็นแค่นักดนตรีต่างชาติ มันไม่มีทาง เข้าใจไหม”
“ใครกำหนดว่าเหมาะสม พี่เหรอ แล้วการที่แยกลูกไปจากชั้น แยกผู้ชายที่รักที่สุดไป ถูกต้องนักหรือไง ชั้นทำผิดอะไร พี่แทยอน ชั้นทำอะไรให้พี่โกรธเกลียด ถึงต้องทำร้ายกันซ้ำ แล้วซ้ำเล่าแบบนี้” จินจูพูดไปร้องไป แทยอนหันกลับมาสบตา
“ชั้นไม่เคยเกลียด ไม่เคยโกรธเธอเลย”
“พี่ไม่เคยเกลียด แต่สิ่งที่ทำมันทรมานชั้นยิ่งกว่าตายทั้งเป็น ทำไมไม่ฆ่ากันเลยล่ะ จะปล่อยให้อยู่คนเดียว ทั้งที่พรากหัวใจชั้นไปแล้วทำไม”
จินจูร้องสะอึกสะอื้น แทยอนแตะที่ไหล่ตั้งใจจะปลอบ จินจูปัดมือออก แทยอนมองมือตัวเองนิ่งอย่างเจ็บปวด
“ชั้น ขอโทษ กับสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด”
“รู้มั้ย ชั้นเคยคิดว่าพี่จะเป็นคนเดียวที่ไม่ทำร้ายกันในวันที่ไม่มีใคร แต่จริงๆ แล้ว พี่ต่างหากที่ทำให้ชั้นไม่เหลือใคร ชั้นผิดที่หลงไว้ใจพี่มาตลอด ทำไม ทำไมล่ะ ทำไปเพื่ออะไร”
แทยอนสบตานิ่ง
“ที่ชั้นทำไปทั้งหมด เพราะรักเธอ”
จินจูตบหน้าแทยอนอย่างแรงแล้ว
“แต่ชั้นไม่มีวันรักพี่ ไม่มีวัน”
จินจูเดินออกมา แทยอนมองตามนิ่งอย่างสำนึกผิด สีหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง
จินจูเดินแกมวิ่งมาตามทางเดิน คธามองเห็นจินจูก็ทำท่าจะถาม จินจูโผเข้ากอดคธาร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คธา ชั้น ขอโทษ ชั้นผิดเองที่ไม่รู้อะไรเลย”
คธากอดปลอบอย่างอ่อนโยน
“ไม่หรอก ไม่เป็นไรจินจู”
จินจูซุกในอ้อมกอดคธา แทยอนที่ตามมาเห็นก็ชะงัก มองอย่างเสียใจสุดซึ้งแล้วค่อยๆ หันหลังเดินกลับไปอย่างขมขื่น สีหน้าเจ็บปวดและรับรู้ว่าจินจูไม่เคยลืมคธาเลย
คืนนั้นขณะที่ชลลดานั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องนั่งเล่น คีรินทร์เดินเข้ามา ชลลดาขยับลุก คีรินทร์ขยับตามมาขวาง
“ผมขอเบอร์ติดต่อไข่มุกหน่อย”
“น้าติดต่อไม่ได้”
“ผมไม่เชื่อ อย่ามาโกหกกันดีกว่า”
“โอ๊ย จะไปสนใจผู้หญิงพรรค์นั้นทำไม แค่นี้ยังโดนมันหลอกไม่พอเหรอ น้าเตือนด้วยความหวังดี ว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า”
“จะยุ่งหรือไม่ก็เรื่องของผม ขอเบอร์ไข่มุกด้วย”
“จะหาให้จากไหน เบอร์เก่าลบไปแล้ว ถึงไม่ลบพวกสิบแปดมงกุฏพวกเนี้ยมันก็เปลี่ยนเบอร์หลอกคนไปเรื่อยๆน่ะแหละ”
คีรินทร์นิ่ง สบตาอย่างรู้ว่าชลลดาโกหก ชลลดาแกล้งมองไม่รู้ไม่ชี้ใส่
“ถ้าอยากบอกอย่างนั้นก็ช่างเถอะ แต่คนอย่างผมถ้าตั้งใจทำอะไร ต้องทำให้ได้ ยังไงก็ต้องหาเขาให้พบ คอยดูแล้วกัน”
คีรินทร์พูดเสร็จก็เดินจากไป ชลลดายืนนิ่งอยู่ในห้องนั่งเล่น สีหน้าเครียด ไม่สบายใจมาก
วันต่อมาชลลดาใส่แว่นดำค่อยๆ ย่องลงมาจากบ้าน หันซ้ายหันขวาขึ้นรถแล้วขับออกไป คีรินทร์จอดแอบซุ่มดู มองอย่างรู้ทัน คีรินทร์ขับรถตามชลลดาไปห่างๆ โดยที่ชลลดาไม่รู้ตัว
วันดีเดินถือตะกร้าร้องเพลงมา
“วันงานเทศกาล ผ่านมา แค่ปี กว่าๆ....” วันดีเขม้นมอง เห็นรถชลลดาเข้ามาจอดหน้าบ้าน วันดีทำหน้างง “รถใครวะ คุ้นๆ แฮะ” ชลลดาลงมาจากรถ มองซ้ายขวา ชะโงกหน้ามองเข้าไปในบ้าน วันดีชะงัก ถอยออกมานิดๆ แอบบ่นเบาๆ “นังคุณนายตัวแสบนี่หว่า หนอย คิดจะมาทวงหนี้ข้า ฝันไปเหอะหลบก่อนล่ะโว้ย”
วันดีหลบไปอีกทาง ชลลดายืนรออยู่หน้าบ้านอย่างกระสับกระส่าย มองแล้วมองอีก ปาดเหงื่ออย่างหงุดหงิด
“มันหายไปไหนทั้งแม่ทั้งลูกเนี่ย โอ๊ย ร้อน ไปตายกันอยู่แถวไหนห้ะ”
รถของคีรินทร์แล่นเข้ามาจอดห่างๆ คีรินทร์นั่งมองอยู่ในรถ ชลลดากดโทรศัพท์โทรหา แต่ติดต่อไม่ได้ ชลลดาตัดสายอย่างหงุดหงิด
“เออดี ตายไปจริงๆ ซะได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องสะเออะ เสนอหน้าไปบ้านนั้นให้วุ่นวาย โอ๊ย เสียเวลา เสียอารมณ์”
ชลลดาขึ้นรถแล้วขับหลบออกไป คีรินทร์นั่งซุ่มอยู่รอจนชลลดากลับก็เดินลงมาดูรอบๆ บ้าน คีรินทร์เห็นรถขายส้มตำก็ยิ่งงง
“รถส้มตำ ไม่ใช่ขอทาน งั้นคงไม่ใช่บ้านไข่มุก”
คีรินทร์ถอนหายใจแล้วกลับขึ้นรถไป คีรินทร์หักเลี้ยวกลับออกจากซอยไป ไข่มุกเดินมาอีกทาง มาที่ประตูรั้วบ้านไขกุญแจจะเข้า มองไม่เห็นคีรินทร์ที่เพิ่งออกไป
วันดีเดินเลี่ยงๆ มาอยู่ในซอย คธากับจินจูเดินเข้ามาใกล้ วันดีเห็นก็ชะงักอย่างคุ้นตานิดๆ ทำท่าจะเดินหนี คธาหันไปเห็นเดินเข้าไปใกล้
“ป้าครับ รู้มั้ยว่าบ้านนางวันดีอยู่ไหน” วันดีชะงัก
“มะ มีธุระอะไรกับเขา”
“เขาอยู่กับเด็กผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าๆ ใช่มั้ยคะ แล้วเด็กเป็นยังไงบ้าง”
“ถามทำไม เป็นอะไรกับนัง เอ้อ กับเขา”
“ชั้นเป็น...” คธามองสบตาจินจู ส่ายหน้าห้าม “ชั้นรู้จักกับเขา อยากเจอเด็กคนนั้น ตอนนี้วันดีอยู่ที่ไหนคะ”
วันดีมองหน้าจินจู นึกย้อนอดีต
เหตุการณ์เกิดขึ้นทางใกล้โรงพยาบาล ทารกร้องไห้จ้า วันดีตัวมอมๆ อุ้มขึ้นมา ยิ้มอย่างพอใจแล้วกอดไว้ มองซ้ายขวา
“โชคดีของข้าแล้วโว้ย ลาภสองเท้าซะด้วย”
จินจูเดินออกมามีแทยอนประคองอยู่ จินจูร้องไห้คร่ำครวญ
“ลูกแม่ ยองแอ ฮือ ไม่จริง ลูกชั้นยังไม่ตาย”
รถแล่นเข้ามาจอด แทยอนประคองขึ้นรถ วันดีมองใบหน้าจินจูที่เศร้าเหมือนหัวใจสลาย แล้วหันมาก้มดูทารกในเบาะ นึกรู้ว่าเป็นลูกของจินจู
“แปลก แม่มันก็อยากได้ลูก แต่ทำไมเขาถึงเอาเอ็งมาทิ้งที่นี่ หรือว่า ไม่ใช่ลูกกับไอ้ผู้ชายคนนั้น”
กลับมาปัจจุบัน วันดีทำท่าเลิ่กลั่ก คธากับจินจูมองอย่างสงสัย
“อ๋อ ตอนนี้นังวันดีไม่อยู่หรอก ไปต่างจังหวัด เดือนหน้านู้นแน่ะถึงกลับ”
“เด็กผู้หญิงไปด้วยหรือเปล่า”
“ไม่เห็นมีนี่ มันอยู่คนเดียว ลูกผัวไม่มี จำคนผิดแล้ว”
“ไม่ผิดหรอก ป้ามีเบอร์โทรเขามั้ย”
“ไม่มี้ไม่มี จะไปมีได้ยังไง เอางี้ เดือนหน้าค่อยมาดูใหม่ละกัน ชั้นไปล่ะ คนกำลังรีบ”
วันดีรีบผละออกไป คธากับจินจูมองตามงงๆ
ไข่มุกเดินเข้ามาในบ้านเห็นวันดีกำลังเก็บข้าวของยัดใส่กระเป๋า ข้าวของกองเกลื่อนกลาด วันดีเห็นไข่มุกก็รีบเรียก
“นังมุก เก็บของเร็ว เราต้องรีบย้ายแล้ว เร็วเข้า กระเป๋าล่ะอยู่ไหน”
“อะไรกันแม่ จะไปไหน”
“เออน่า ข้าบอกให้เก็บก็เก็บสิวะ ไป รีบๆ เข้า ไปตายเอาดาบหน้าอยู่ไม่ได้แล้วโว้ย”
“แม่บอกมาก่อนสิว่าหนีใคร หรือไปก่อหนี้มาอีก วงไพ่หรือหวยใต้ดิน แม่นะแม่ แค่ขายของก็จะไม่พอกินแล้ว”
“ข้าเป็นแม่เอ็งนะโว้ย ด่าข้าเดี๋ยวนรกกินกบาล ไม่ต้องถามไรมาก ไปๆๆ ไปเก็บของเร็ว”
วันดีโยนกระเป่าให้ไข่มุก ไข่มุกรับมา เสียงเคาะประตูดังขึ้น วันดีตกใจตาโตมองประตู
“ใครมา” ไข่มุกทำท่าจะเดินไปเปิด วันดีตวาดลั่น
“อย่าเปิด นังมุก อย่าเปิ๊ด”
ไข่มุกไม่เชื่อเดินไปเปิด วันดีทำท่าจะหอบข้าวของหนี เมื่อไข่มุกเปิดประตูเม่นยืนอยู่เดินเซๆ เข้ามา วันดีโยนกระเป๋าทิ้ง
“โว้ย ไอ้เม่น เคาะทำไมวะ ไอ้นี่นิ หัวใจจะวาย”
“ตกใจอะไรวะ ทำอย่างกับจะหนีหนี้ใคร เออ นังเป้ามันให้ข้ามาบอก จะชวนเอ็งไปขายส้มตำที่ใหม่ จะไปมั้ยวะ”
ไข่มุกกับวันดีมองตาโตอย่างสนใจ
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ฝั่งตรงข้ามหน้าโรงแรมคีรินทร์มีแผงลอยอยู่หลายเจ้า มีคนมาซื้อกันเยอะพอสมควร วันดีกับไข่มุกเดินอยู่ใกล้ๆ“เออ ท่าจะดีแฮะ คนเยอะใช้ได้ ไหนจะพนักงานโรงแรมอีก ที่นี่ท่าจะขายดี เอ็งว่ามั้ย”
“แต่ นี่มันหน้าโรงแรมคุณรินทร์นะแม่ หนูไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวเขาว่าเอา”
“วุ้ย จะไปสนใจทำไม ทีมันยังไม่สนเอ็งเลย ให้มาย่ำต็อกๆ ตากแดด ตำส้มตำ กล้ามขึ้นแล้วเนี่ย”
“แต่ถ้าเขารู้เข้า...”
“ก็ให้รู้ไปสิวะ หนอย มันคงสนเอ็งหรอก”
ไข่มุกอึ้งกับคำพูดวันดี วันดีเดินเลยไปดูร้านค้าต่างๆ ปล่อยไข่มุกทิ้งไว้คนเดียว
คีรินทร์กับวัฒนาเดินมาด้วยกัน หยุดยืนหน้าโรงแรม คีรินทร์ขมวดคิ้วไม่พอใจมาก
“มาจากไหนเยอะแยะวะเนี่ย”
“คงบอกต่อๆ กันมามั้ง วันก่อนยังไม่เยอะเท่านี้เลย”
“ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว นี่วัฒ นายไปจัดการพวกนี้ให้หน่อยแล้วกัน ได้ใช่มั้ย” คีรินทร์มองหน้าวัฒนา “ถ้าไม่ได้ เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”
คีรินทร์มองอย่างหงุดหงิด วัฒนามองแผงลอยอย่างคิดแผนการไว้ในใจ
ที่ห้องทำงานทวยไทย ทวยไทยปิดม่านที่แอบดูแผงลอยลง หันมายิ้มกับวัฒนา
“ดี ปล่อยให้มันจัดการไป คราวนี้ได้ทีดิสเครดิตเทวดาขี้หลีอย่างไอ้คีรินทร์แล้ว”
ทวยไทยยิ้มอย่างสะใจ วัฒนายิ้มอย่างพอใจ สะใจด้วยกันทั้งคู่
ไข่มุกก้มหน้าก้มตาตำส้มตำรถเข็น สลับกับปิ้งไก่ย่าง
“น้องๆ สั่งส้มตำหน่อย”
ไข่มุกหยิบกระดาษ
“จ้า เอาอะไรดีคะ”
ไข่มุกเงยหน้ามองอึ้ง เห็นเป็นผู้จัดการกับพนักงานสองสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะ พวกพนักงานเองก็อึ้ง เหวอไปเลยเมื่อเห็นไข่มุก
“คุณ คุณลูกไก่ มาทำอะไรที่นี่ครับ อย่าบอกนะว่า...”
ทุกคนมองไข่มุก ไข่มุกนิ่งไปอย่างนึกอาย แต่แสร้งทำยิ้มไม่สนใจ
“เอาอะไรดีคะผู้จัดการ ลาบหมู ไก่ย่างร้อนๆ หรือตำปูปลาร้าแซ่บๆ ดี”
พวกพนักงานยังอึ้ง ได้แต่มองไข่มุกตาค้าง ไข่มุกมองตอบ เม้มปากแน่น
คธากับจินจูมาหยุดยืนหน้าบ้านวันดี กำลังจะเดินเลยไป คธาเห็นชาวบ้านเดินผ่านมาก็เรียกไว้
“ขอโทษนะครับ รู้จักนางวันดีมั้ยครับ”
“อ๋อ นี่ไงคุณ บ้านมันน่ะ แต่ตอนนี้ย้ายไปแล้ว ไม่รู้หนีหนี้ใครเขารึเปล่า เห็นรีบย้ายกันฉุกละหุกทั้งแม่ทั้งลูก หอบของไปกันเต็มมือหมด” จินจูชะงัก
“เขามีลูกด้วยเหรอ”
“มีสิคุณ ลูกสาวสวยเชียวล่ะ แต่ท่าทางผู้ดี๊ผู้ดี ผิดกับแม่มันลิบลับ ไม่รู้นังวันดีไปเอาลูกใครมาเลี้ยงหรือเปล่า ไม่ได้เหมือนแม่มันสักนิด เฮ้อ”
จินจูกับคธาอึ้ง หันมาสบตากันอย่างนึกเอะใจ จินจูเม้มปากแน่นสายตากังวล เดินเลยมากับคธา จับแขนคธาอย่างตื่นเต้น
“คุณได้ยินมั้ย เด็กคนนั้นต้องเป็นยองแอแน่ๆ เลย...ยองแอ” คธาพยักหน้า แววตามีความหวัง กุมมือจินจูอย่างดีใจ จินจูนึกได้หน้าเสีย “หรือวันดีจะรู้ที่เรามาตาม เลยพายองแอหนี แล้วแบบนี้เราจะเจอลูกได้ยังไง”
“ต้องได้สิ ยังไงเราก็ต้องหาลูกให้เจอ ใจเย็นๆ นะคุณ อย่างน้อยเราก็ได้รู้แล้ว ว่า...ยองแอยังมีชีวิตอยู่”
จินจูหันมายิ้มรับ น้ำตาคลอ
คีรินทร์เดินเข้ามาในโรงแรม ผ่านกลุ่มพนักงานกำลังซุบซิบกันหัวเราะคิกคัก
“จริงเหรอแก ทำไปได้เนอะ”
“ไม่เห็นกับตาไม่เชื่อเลยนะ ว่า...”
เพื่อนพนักงานสะกิด เห็นคีรินทร์ก็ทำหน้าตกใจ คีรินทร์มองแบบงงๆๆ แต่ไม่ได้สนใจ เดินผ่านไป พนักงานมองตามมองอย่างอนาถใจ แล้วจับกลุ่มคุยต่อ
คีรินทร์เดินอยู่กับคุณนายละเมียด เจ้าของที่ที่รถเข็นหาบเร่มาพากันมาขายของ คุณนายละเมียดมองข้างทางอย่างไม่ชอบใจ
“ทำไมอยู่พวกรถเข็นหาบเร่ถึงมากันเต็มแบบนี้ก็ไม่รู้ เมื่อวันสองวันก่อนมีแค่ไม่กี่เจ้า ตอนนี้ตั้งกันเต็มไปหมด ไล่ก็ไม่ไป แถมยังด่าชั้นกลับอีกนะ”
“แต่ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ภาพลักษณ์ของโรงแรมเสียหายแน่ ดูสิครับ ทั้งขยะ ทั้งเศษอาหาร ผมว่าเราน่าจะจัดระเบียบกันให้เรียบร้อยกว่านี้”
“ชั้นเห็นด้วย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง พวกห้องแถวเขาก็บ่นกันจะแย่”
“งั้น เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”
ที่ร้านรถเข็นของไข่มุกมีคนมามุงอยู่เต็มไปหมดจนมองไม่เห็นคนขาย คุณนายละเมียดมองแล้วส่ายหน้า
“เนี่ย ร้านนี้มาเปิดใหม่ แต่ลูกค้าเยอะมาก ขายดีจะตายยังจะมาเปิดแผงลอยอีก”
คีรินทร์ชะโงกหน้าไปดู เห็นไข่มุกซึ่งหันหลังให้กำลังขายส้มตำควงสากโชว์ วันดีเสียงดังลั่นเรียกลูกค้า
“เอ้า ถอยๆๆ พ่อแม่พี่น้องถอยหน่อย โชว์ส้มตำลอยฟ้าจะเริ่มแล้ว ใครไม่ถอยโดนปลาร้าแปะหน้า อย่าหาว่าไม่เตือน”
คนที่มุงถอยแหวกทาง คุณนายละเมียดกับคีรินทร์เดินเข้ามาตรงกลางอย่างงงๆ วันดีเดินถือจานร่อนมายืนหันหลังให้ไม่ทันสังเกต ไข่มุกปั่นสากโชว์บนปากครกแล้วโยกสากขึ้นฟ้า ทุกคนเงยตาม สากหล่นลงเสียบเข้ากระเป๋าผ้ากันเปื้อนพอดี คนมุงปรบมือเกรียว คุณนายละเมียดเผลอตบมือแล้วเอาลง ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“แหม แม่คนนี้โชว์ซะมันเลย ไม่น่าล่ะ คนมากันตรึม”
คีรินทร์มองหน้าเครียด ไข่มุกใช้ทัพพีคลุกส้มตำในครกแล้วหันหลังให้คนดู ยกครกขึ้นใช้เข่าเดาะครกลอยสูงหมุนติ้ว
“ส้มตำลอยฟ้าสะท้านวิญญาณ”
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวสิวะนังมุก ข้ายังไม่พร้อม”
ส้มตำค่อยๆ ลอยช้าๆ ทุกคนมองเป็นตาเดียวกัน วันดีทำท่าถอยเก้ๆ กังๆ จะเอาจานรองรับไปชนเข้ากับคุณนายละเมียด ส้มตำค่อยๆ ร่วงลงช้าๆ ครกหล่นลงในมือไข่มุกพอดี ส้มตำลอยมาตกตรงหน้าคีรินทร์พอดี คีรินทร์ตะคอกเสียงดัง
“ใครให้มาขายที่นี่ รู้มั้ยว่า...”
ไข่มุกหันมาเห็นคีรินทร์ก็ตกใจ คีรินทร์เองก็ตกใจ อึ้งไปทันที มองมุกอย่างไม่เชื่อสายตา
คีรินทร์ลากแขนไข่มุกเข้ามาในห้องทำงานแล้วปิดประตูดังปัง ไข่มุกบิดแขนออก ยืนนิ่ง
“ไปอยู่ที่ไหนมายัยตัวแสบ ชั้นตามหาเธอแทบตาย”
“ตามหาชั้นทำไมคะ ยังด่าไม่สะใจ หรือจะเอาอะไรอีก”
คิรินทร์นิ่งข่มอารมณ์
“ช่างมันเถอะ แล้วเธอมาขายส้มตำซังกะบ๊วยหน้าโรงแรมได้ยังไง หรือว่านึกอยากจะทำให้ชั้นขายหน้าขึ้นมาบ้าง มิน่าล่ะ พวกพนักงาน ถึงได้ซุบซิบนินทากัน เธอนี่ร้ายขั้นเทพจริงๆ”
“เปล่านะคะ แต่ที่เก่าโดนเทศกิจไล่จับประจำ เลยต้องหาที่ใหม่”
“แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่ อ๋อ อยากเจอชั้นก็บอกมาเหอะ”
ไข่มุกมองคีรินทร์อย่างนึกโกรธปนงอน
“ไม่ใช่ ใครจะอยากเจอคนอย่างคุณ เราสองคนต่างคนต่างไปดีแล้ว ไม่ต้องเจอหน้ากันเลยยิ่งดี”
คีรินทร์นึกโกรธ เดินเข้าใกล้ไข่มุกจนชิด ไข่มุกตกใจถอยหนี
“นี่ คุณจะทำอะไร”
“ต่างคนต่างไป หึ ไม่ง่ายอย่างงั้นมั้ง”
“หมายความว่ายังไง”
คีรินทร์นิ่งคิด มองไข่มุก
“ถามจริงๆ นะ ตอนนี้เธอคบใครอยู่ มีชู้ เอ่อ ต้องเรียกว่ากิ๊กสินะ กี่คน บอกมาสิ”
“เรื่องส่วนตัว ไม่ตอบ”
“ทำไม เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องอายเลย บอกมาเถอะน่าว่ามีกี่คน”
ไข่มุกนิ่ง มองหน้าคีรินทร์
“ถ้าจะดึงมาพูดเรื่องแค่นี้ ก็พอเถอะ เสียเวลาทำมาหากิน ชั้นไปได้แล้วใช่มั้ย”
คีรินทร์นิ่งคิด ไข่มุกมองหน้า ส่ายหน้าช้าๆ แล้วทำท่าจะเดินออกไป คีรินทร์ดึงมือไข่มุกเอาไว้ ไข่มุกหันมามอง
“เดี๋ยวก่อน เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“อะไรอีกล่ะคะคราวนี้”
“เพราะเธอกับไอ้บ่อนบ้าๆ ชั้นถึงต้องช่วยล้างหนี้คุณชลลดาไปตั้งล้านห้าแสน”
“แล้วไงคะ ชั้นไม่ได้ไปเล่นด้วยสักหน่อย”
“จะยังไงก็เถอะ เท่ากับว่าตอนนี้เธอเป็นหนี้ชั้นอยู่ล้านห้า อยากจะไป ก็เอาเงินคืนมาก่อน”
คีรินทร์มองกวน ไข่มุกชักโมโห
“เงินเยอะขนาดนั้นชั้นไม่มีหรอก”
“ไม่มีก็ต้องมี ชั้นเป็นนักธุรกิจไม่ใช่ประชาสงเคราะห์ ทำอะไรก็ต้องได้คืน ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่คิดดอกเบี้ยด้วย”
“ชั้นจะไปหาที่ไหน อย่าว่าแต่ล้านห้าเลย หมื่นนึงยังไม่มี ชั้นไม่ใช่คนรวยนี่ จะได้เสกเงินได้ตามใจแบบคุณนี่”
คีรินทร์ยิ้มอย่างเป็นต่อ
“ถ้าไม่มี ก็ต้องทำงานใช้หนี้ให้ชั้น”
ไข่มุกมองหน้าคีรินทร์อย่างงงๆ คีรินทร์ยิ้มเป็นต่อ หน้าตาเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ
ไข่มุกหิ้วกระเป๋าเดินเข้ามาในบ้านคีรินทร์ ไข่มุกเงยหน้ามองเห็น มณี ชลลดา ช้อย ยืนจังก้าขวางทาง ไข่มุกยกมือไหว้ ทั้งสามคนเชิ่ดไม่รับสักคน คีรินทร์ทำท่าจะเดินนำไปข้างบน ไข่มุกเดินตาม
“ใครให้อยู่ข้างบนย่ะ โน่น ไปนอนห้องยายช้อย ตอนนี้เธอเป็นแค่คนอาศัย หัดเจียมกะลาหัวซะบ้าง อย่าให้ต้องบ่น” ไข่มุกชะงัก มองมณีนิ่งๆ “ยังจะมองหน้าอีก ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง”
ช้อยมองเซ็งๆ แล้วทำท่าเสียไม่ได้
“นี่สงสารหรอกนะยะถึงให้นอนด้วย ตามมา อย่าชักช้า”
“ไม่รู้จะให้กลับมาทำไม พวกหลอกลวง” ชลลดาบ่นขึ้นลอยๆ
“ใช่ แม่ไม่เข้าใจเลย ให้มันไปๆ ก็ดีอยู่แล้ว อยู่นี่ก็เปลืองเปล่าๆ ดีไม่ดีพาพวกมายกเค้า...”
“ปาดคอคนแถวนี้ตาย จะทำยังไง”
มณีสบตาชลลดา ชลลดาทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ มณีแหวใส่
“แช่งชั้นเหรอ”
“ปล๊าว แค่เป็นห่วง ชั้นกลัวผีไขมันน่ะ”
คีรินทร์หันมองไข่มุก พูดนิ่งๆ
“เอาเป็นว่า ผมมีเหตุผลของผม แล้วผมก็ตัดสินใจแล้ว”
คีรินทร์เดินไปอีกทาง มณีกับชลลดาทำฮึดฮัดจะฟัดกันเอง ไข่มุกเดินตามช้อยไปอีกทางผ่านหน้าภัททิมาที่ยืนดักอยู่ ภัททิมากระซิบลอดไรฟัน
“อย่าคิดจะมาชูคอแข่งกับชั้นเชียวนะ จำใส่กะลาหัวไว้ ว่าคุณรินทร์ต้องเป็นของชั้น”
ไข่มุกมองเมิน เดินไปเงียบๆ ภัททิมาเจ็บใจทำท่ากรี๊ดๆ ไม่มีเสียงอยู่คนเดียว
ห้องนอนช้อย มีเตียงใหญ่อยู่กลางห้อง ช้อยเท้าเอวมองไข่มุกทำท่ารังเกียจ
“โน่น ไปนอนมุมห้องเลยย่ะ อย่านึกว่าชั้นจะให้นอนเตียงด้วย มันร้อน อึดอัด รำคาญคนโกหก”
ช้อยบ่นยาว ไข่มุกพยักหน้ารับ
“ไม่เป็นไร ชั้นนอนตรงโน้นได้”
ไข่มุกวางของแล้วทำท่าจะปูผ้านอน ช้อยมองอย่างจับผิดปนเยาะนิดๆ
“ไม่ต้องมาทำเป็นน่าสงสารย่ะ แม่นางฟ้าตกกระป๋อง เชอะ ทำเป็นตีหน้าซื่อที่แท้ก็ตำแยชุบน้ำเกลือ ไงล่ะ พอโดนจับได้ ต้องมานอนครางอืดๆ เป็นนกถืดทือ สะใจนังช้อยจังโว้ย”
ช้อยบ่นลั่นอย่างสะใจ ไข่มุกไม่ตอบโต้ เก็บสีหน้าเสียใจไว้คนเดียว
วันต่อมาคีรินทร์เดินนำไข่มุกมาหน้าฟิตเนส เห็นภาพภัททิมากับผู้จัดการฟิตเนสกำลังเถียงกันหน้าดำหน้าแดง
“คุณแหละผิด ลูกค้าหายไปไหน ไม่รู้จักเทคแคร์น่ะสิ”
“ที่ลูกค้าหายเพราะคุณมากกว่า สมัยคุณลูกไก่คนเยอะเต็มคลาส เปลี่ยนคนสอนแป๊บเดียว หายจ้อย จิ้งจกยังหนีเลย”
“นี่จะโทษชั้นเหรอ เอ่อ แล้วรู้ไว้นะ ลูกไก่น่ะชื่อชั้นย่ะ นังนั่งชื่อไข่มุก อย่าเรียกผิดอีกล่ะ”
ผู้จัดการ งงมาก คีรินทร์เดินเข้ามา
“มีอะไรกัน เสียงดังอย่างงี้ลูกค้าก็หนีหมดสิ”
“ไม่หนีหรอกครับ ไม่มีตั้งแต่แรกต่างหาก” ผู้จัดการปรายตามองภัททิมา “คุณลูกไก่ เอ่อ คุณไข่มุก จะกลับมาสอนแล้วเหรอครับ ผมดีใจจริงๆ”
ภัททิมาทำท่าเข้าไปควงแขนคีรินทร์
“ไม่มีทางย่ะ ใครจะกล้าให้พวกชั้นต่ำมาสอน บอสขา นักเรียนไม่รู้หายไปไหนหมด สงสัยจะเบื่อเครื่องเล่นเก่าๆ เบื่อผู้จัดการแก่ๆ พูดไม่รู้เรื่อง ลูกไก่ว่าโละใหม่หมดทั้งคนทั้งเครื่องเลย บอสว่าดีมั้ยคะ”
คีรินทร์สบตาผู้จัดการ
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง คุณกลับไปเป็นผู้ช่วยเลขาอย่างเก่า ที่นี่ให้ลูกไก่ เอ๊ย ไข่มุกเขาทำดีกว่า”
คีรินทร์มองสบตาไข่มุก ไข่มุกมองกลับ ภัททิมาหน้าเจื่อนฮึดฮัดแต่ไม่ยอมปล่อยแขน จินจูที่เดินผ่านมาเห็นไข่มุก ดีใจเดินเข้ามาใกล้
“ลูกไก่ หนูอยู่นี่เอง”
จินจูกอดไข่มุกอย่างคิดถึง ไข่มุกไม่กล้ากอดตอบ สบตาคีรินทร์กล้าๆกลัวๆ
จบตอนที่ 8
อ่านต่อตอนที่ 9 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.