ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 8
ชนิกานต์ตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปเรียน เหลียวมองไปยังกล่องของขวัญซึ่งวางอยู่บนโต๊ะปลายเตียง เด็กสาวลุกจากเตียงเดินไปหยิบกล่องของขวัญเปิดออกดู เห็นแหวนเพชรดีไซน์เก๋สวยงามสำหรับสาววัยใส ชนิกานต์อดหวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาไม่ได้
วันนั้นชนิกานต์เดินผ่านร้านเพชร มองไปยังแหวนเพชรในตู้โชว์เครื่องประดับ ก่อนจะหันมาบอกผู้เป็นพ่อ
“แหวนวงนี้สวยมาก นิกกี้อยากได้”
“อยากได้ก็ตั้งใจเรียน พ่อจะซื้อให้เป็นของขวัญวันรับปริญญา”
“นิกกี้อยากได้วันนี้นี่”
ชนิกานต์งอนผสมงอแงที่ณวัตรไม่ซื้อให้ จึงเดินหนีไป
ชนิกานต์ดึงตัวเองกลับมา หยิบแหวนจากกล่องมาสวมนิ้วซึ่งสวมได้อย่างพอดีเป๊ะ ชนิกานต์ยิ้มอย่างมีความสุข รู้สึกดีที่ณวัตรใส่ใจและซื้อของที่ชอบมาให้ ชนิกานต์คิดทำอะไรบางอย่างทอบแทนผู้เป็นบิดา
เวลาเดียวกันที่บ้านของสุรเดช ชนกชนม์ตื่นแล้ว กำลังง่วนรื้อหาซองใส่เงินที่ได้จากการถ่ายแบบ
“ซองเงินอยู่ไหน”
ชนกชนม์รื้อหาในที่สุดก็เจอซองเงินตกอยู่ที่พื้นห้อง ชนกชนม์ดีใจ รีบเปิดซองดู แต่ไม่มีเงินเหลือเลยสักบาท
ชนกชนม์ตกใจนึกออกทันที “เงินหาย....ไอ้เดช!”
ชนกชนม์เดินมาหน้าห้องหนึ่ง ตะโกนเรียก
“ไอ้เดช เดช!”
สุรเดชเดินเข้ามาอย่างหล่อ สวมใส่ชุดเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ตะแน๊ว... ตั้งตัวหัวจรดปลายเท้า”
สุรเดชยกเท้าสูง อวดรองเท้าคู่ใหม่
ชนกชนม์ยืนมองตาค้าง
“เป็นไง...อึ้ง..อึ้ง”
สุรเดชวางมาดนายแบบเดินโพสท่ารอบตัวชนกชนม์
“อย่าบอกนะว่าแกเอาเงินฉันไปซื้อ...”
สุรเดชสวนออกมา “ถูก....ต้องครับ...”
ชนกชนม์โมโหเข้ามากระชากคอ “แกไม่รู้รึไง กว่าฉันจะหาได้เงินมาได้แทบเสียตัว..แล้วเงินนั่นต้องจ่ายค่าเทอม”
“เอ้า...แล้วไม่บอก...งั้นเอาเสื้อผ้ารองเท้าไปจ่ายแทนค่าเทอม”
สุรเดชกวน จะถอดเสื้อผ้าคืนให้ ชนกชนม์เดินหัวเสียออกไป สุรเดชยิ้มพอใจ คิดอะไรบางอย่าง
ฝ่ายชนิกานต์เดินเข้ามาในห้องทำงานของพ่อ มองเห็นเอกสารบนโต๊ะณวัตรเกลื่อนกระจาย ที่เป็นผลงานการอาละวาดของเธอเมื่อวานนี้ ชนิกานต์มองซ้ายมองขวา พอไม่มีใครเห็น ก็เริ่มเก็บ และจัดของให้ณวัตรอย่างตั้งใจ
ธีรดนย์เข้ามาดูแลตามปกติ เห็นก็แปลกใจ ถามจากด้านหลังชนิกานต์
“ทำอะไร”
ชนิกานต์สะดุ้งตกใจร้อง “ว้ายย”
ธีรดนย์มองจ้องจับผิด “โขมยเครดิตการ์ดคุณท่านไปช้อป?”
“มองฉันในแง่ดีบ้างได้ไหม”
“ไม่ได้”
ชนิกานต์หน้าตึงไม่พอใจ
“ว่าไง..เธอทำอะไร” หนุ่มคู่ปรับคาดคั้น
ชนิกานต์อาย ไม่กล้าเล่าความจริง ยืนกระมิดกระเมี้ยน และบังโต๊ะไว้ ธีรดนย์แปลกใจ เข้ามาดันตัวชนิกานต์ออก เห็นข้าวของบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ
ธีรดนย์คาดไม่ถึง “จัดโต๊ะให้คุณท่าน”
ชนิกานต์เขินอาย จะเดินหนี ธีรดนย์จับแขนไว้
“ปล่อย”
ชนิกานต์สะบัดมืออก ธีรดนย์จับมือไว้ เห็นแหวนเพชร
“เก็ตล่ะ..อยากตอบแทนคุณท่านที่ให้แหวนเพชร”
ชนิกานต์อาย สะบัดมือออก “ ยุ่งน่า”
ธีรดนย์จับมือไว้สั่งสอน “ทำดีไม่ต้องอาย....แต่จงละอายเมื่อทำชั่ว”
“อย่าหาเรื่องฉันแต่เช้านะ”
ชนิกานต์เดินหนีออกไป ธีรดนย์มองตาม แปลกใจมากขึ้นที่เห็นชนิกานต์เข้าไปในห้องครัว
“ไปป่วนอะไรในครัว”
ด้านชนกชนม์นั่งเครียดอยู่มุมหนึ่งในบ้าน สุรเดชเข้ามาคุยด้วย
“เครียดอะไรนักหนาวะกะแค่เงินสี่ห้าพัน”
“จะให้ฉันหัวเราะรึไง...ไม่เหลือเงินสักบาท”
สุรเดชส่งห่อยาให้ “ทำงานกับฉัน”
ชนกชนม์มองห่อยา
“บรื๊นๆ ไปส่งเสียค่าน้ำมันไม่กี่บาท ได้คืนมาเกือบหมื่น เป็นการลงทุนที่โคตรกำไรเลยว่ะ” จอมกะล่อนส่งห่อยายัดใส่มือชนกชนม์พูดเกลี้ยกล่อม “เลิกทำตัวเป็นคนดีได้แล้ว คนดีมีแต่ในนิยาย ชีวิตจริงแมร่ม...อดตาย”
ชนกชนม์มองห่อยาในมือ สุรเดชลุ้นว่าชนกชนม์จะยอมทำงานให้หรือไม่
“อดตายดีกว่าทำผิดกฎหมาย และที่สำคัญ...ฉันจะไม่ฆ่าคนทั้งเป็น”
ชนกชนม์ปาห่อยาทิ้งลงพื้นแล้วเดินออกจากบ้านไป สุรเดชรีบก้มลงหยิบห่อยาขึ้นมา พูดไล่ตามหลัง
“แล้วแกต้องกลืนน้ำลายตัวเอง...เพื่อนรัก”
ไม่นานต่อมา ชนกชนม์ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านแม่ เดินมาเกาะลูกกรงประตูเหล็ก มองเข้าไปยังคฤหาสน์ ชนกชนม์รู้สึกคิดถึงบ้าน และคิดถึงชลนิภาผู้เป็นแม่
ชนกชนม์เกาะลูกกรง คิดถึงเหตุการณ์ที่ชลนิภาประกาศไล่ตนออกจากบ้านแว๊บหนึ่ง ชนกชนม์ยืนหน้าเศร้ามองเหม่อเข้าไปข้างใน แต่แล้วต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อเห็นรถชลนิภากำลังแล่นตรงมายังประตู
ชลนิภานั่งอยู่ในรถ มองตรงไป เห็นใครบางคนวิ่งออกไปจากประตู ชลนิภาสงสัย
ประตูคฤหาสน์เปิดออก รถวิ่งออกมา
ชลนิภาสั่ง “หยุดรถ”
คนขับหยุดรถ ชลนิภาหันไปมองด้านข้าง ที่เห็นใครบางคนวิ่งผ่านไปไวๆ แต่ไม่เห็นใคร จึงหันไปสั่งคนขับ
“ไปได้”
คนขับ ขับรถแล่นออกไป
หากชลนิภาเงยหน้าขึ้นมองกระจกมองหลัง ก็จะเห็นชนกชนม์หลบที่มุมหนึ่งข้างประตูนั่นเอง
รถชลนิภาวิ่งออกไปไกลลับตา ชนกชนม์ออกมายืนมองด้วยความคิดถึงชลนิภา
จู่ๆ เสียงเข้มๆ ของสุตาภัญดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เธอมาทำอะไร”
ชนกชนม์สะดุ้งตกใจหันไปโดยไม่ทันมอง คิดว่าเป็นแม่ “ผม..ผม....” แล้วอึ้งเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “สุตาภัญ”
สุตาภัญยิ้มพอใจที่แกล้งชนกชนม์ได้สำเร็จ
สองคนอยู่ที่สวนหย่อมในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน ชนกชนม์ต่อว่าสุตาภัญ
“ทำเอาฉันตกใจหมดเลย”
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา อยู่กับเนื้อกับตัวนะขวัญจ๋า...” เด็กสาวทำท่าเป่ามนต์ “เพี้ยง”
ชนกชนม์ยิ้มแล้วหัวเราะตามมาที่สุตาภัญทำเหมือนเขาเป็นเด็ก จ้องมองสุตาภัญไม่วางตา สุตาภัญเขินอาย
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
ชนกชนม์ลืมตัว “มี...” รีบแก้ตัว “ไม่มี...”
สุตาภัญคาดคั้น “ตกลงมีรึไม่มี”
ชนกชนม์ไม่อยากเล่าว่าปัญหาเรื่องเงิน “ไม่มี”
สุตาภัญจ้องมองหน้าจับกิริยา “มี....ปัญหาเรื่องการเงิน”
ชนกชนม์ตกใจ “รู้ได้ไงอ่ะ”
“ฉันเป็นนางฟ้าหยั่งรู้ฟ้าดิน”
ชนกชนม์ทึ่ง
“ฉันล้อเล่น ฉันแอบไปเช็คที่สำนักทะเบียนมา นายยังไม่ได้ชำระค่าเทอม”
ชนกชนม์พยักหน้า “อืม...”
“ไม่ต้องซีเรียสน่า เอาเงินเก็บฉันไปจ่ายก่อน ถ้ามีค่อยเอามาจ่าย แต่ถ้าไม่มีก็ถือว่าฉันติดหนี้นายในชาติที่แล้ว”
“ไม่เอา” ชนกชนม์ไม่ยอม
“ฉันเป็นเพื่อนเธอนะ”
ชนกชนม์พูดจริงจัง “เพราะเพื่อน...จึงไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อน”
“ใครบอก เพื่อนต้องช่วยเพื่อนต่างหาก....รึว่านายไม่อยากรับฉันเป็นเพื่อน”
สุตาภัญย้อนถาม ทำให้ชนกชนม์จำต้องรับความช่วยเหลือนั้น
“ขอบใจนะ”
ครู่ต่อมาสุตาภัญหันไปบอกชนกชนม์
“นายรออยู่ตรงนี้ ฉันจะกลับไปเอาเงินที่บ้าน”
“ครับ”
“ห้ามหนี”
“ครับผม”
“อยู่นี่นะ”
“ตกลงฉันจะได้เงินไหมเนี่ย”
สุตาภัญหัวเราะ แล้วรีบวิ่งออกไปที่จอดจักรยาน ปั่นจักรยานออกไปเอาเงินมาให้ชนกชนม์
ชนกชนม์มองตาม รู้สึกดีที่สุตาภัญพร้อมช่วยเหลือเขา ชนกชนม์เหลียวไปที่มุมหนึ่ง แปลกใจ เมื่อเห็นสุรัมภานั่งเศร้าอยู่คนเดียว ที่มุมหนึ่งในสวนสาธารณะ
“ภา”
ฝ่ายธีรดนย์เข้ามาในห้องครัว มองไปเห็นชนิกานต์กำลังหั่นผัก เก้ๆ กังๆ พร้อมกับดูตำราทำอาหารไปด้วย
ธีรดนย์ยืนมองแล้วหัวเราะกิ๊ก ชนิกานต์หันมาเจอธีรดนย์ก็อายมาก รีบเอาตัวบังวัตถุดิบในการทำอาหาร
“ตามมาทำไม”
“มาดูคนชั่วกลับใจ” ธีรดนย์เดินตรงเข้ามา “ทำอะไร”
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ออกไป”
ชนิกานต์จะดันธีรดนย์ออก แต่ธีรดนย์ขยับเข้ามาหยิบเครื่องเคียงทำอาหารที่ชนิกานต์หั่นเตรียมไว้
“แล้วนี่อะไร”
ชนิกานต์ดันตัวธีรดนย์ออก “ออกไปได้แล้ว”
“จะกินได้ไหมเนี่ย” ธีรดนย์เย้า หยิบตำราทำอาหารที่วางอยู่ข้างโต๊ะ “ยังต้องพึ่งตำรา
“เอ๊ะ...บอกว่าไม่ต้องยุ่ง”
ชนิกานต์โมโหดันตัวธีรดนย์ให้ออกไปจากครัว ธีรดนย์หันมายื่นข้อเสนอ
“ฉันช่วย”
ชนิกานต์เสียงแข็ง “ไม่ต้อง”
“อย่าอวดดีน่า...ทำสุ่มสี่สุ่มห้าคุณท่านกินเข้าไปท้องเสีย เป็นเรื่องอีก!”
ชนิกานต์ชักเสียงอ่อย “แค่บอกขั้นตอนก็พอ...”
ธีรดนย์ยิ้มพอใจที่ชนิกานต์ยอมให้ช่วย
“เริ่มแรกตั้งกะทะ...ใช้ไฟปานกลาง”
“พูดดีๆก็ได้ ไม่ต้องสั่ง”
ชนิกานต์ยียวนกลับ ธีรดนย์กอดอกบอกขั้นตอนการทำ ชนิกานต์ทำตาม
จังหวะนั้นกฤติยายืนมองที่มุมหนึ่ง เห็นธีรดนย์ช่วยเหลือชนิกานต์ รู้สึกผิดหวังที่ธีดนย์ใกล้ชิดชนิกานต์
ธีรดนย์คอยช่วยเหลือ ชนิกานต์ทำตามและทั้งสองใกล้ชิด
มีเสียงหัวเราะสลับกับทะเลาะกันเป็นระยะประสาคู่กัด
สุตาภัญเดินเข้ามาในบ้าน กำลังจะเดินขึ้นไปยังห้องนอนที่ชั้นบนเพื่อเอาเงินเก็บส่วนตัวไปให้ชนกชนม์ยืมเป็นค่าหน่วยกิต
ขณะเดียวกันเสาวนิตย์กำลังเก็บจานอาหารเช้า ใส่ถาดเพื่อไปล้างในห้องครัว เสาวนิตย์เดินได้ไม่กี่ก้าวก็หน้ามืด ล้มลง จานชามอาหารตกพื้นแตกกระจาย
สุตาภัญหันไปมองทางเสียง ตกใจวิ่งเข้าไปหาเสาวนิตย์
“แม่...แม่เป็นอะไรรึเปล่า”
“แม่ไม่เป็นอะไร”
สุตาภัญจับเนื้อตัวเสาวนิตย์ รู้ทันทีว่าแม่ไม่สบายมีไข้
“ตัวแม่ร้อนมาก” สายตาของสุตาภัญมองเห็นร่องรอยบอบช้ำ จากการถูกทุบตีก็สงสาร “แม่ยังไม่หายดีเลย แม่ไปพักเถอะ”
“วันนี้คุณพ่อไปตีกอล์ฟกับหัวหน้า แม่ต้องไปช่วยดูแล...แม่ฝากลูกเก็บกวาดด้วย”
เสาวนิตย์ฝืนลุกขึ้น แต่ยืนได้ไม่นาน ก็ซวนเซล้มลงอีกครั้ง
เสียงสุทินเรียกเสาวนิตย์ดังเข้ามาน้ำเสียงบ่งบอกความไม่พอใจ
“ โอ้เอ้อยู่นั่นแหล่ะ ไปได้แล้ว!”
สุตาภัญมองเสาวนิตย์ซึ่งใบหน้าซีดขาวราวกระดาษด้วยความสงสาร
สุทินตะโกนโหวกเหวกเรียกเสาวนิตย์
“หูตึงหูหนวก ไม่ได้ยินที่ฉันเรียกรึไง”
เห็นสุตาภัญแบกถุงกอล์ฟเดินเข้ามาหา สุทินก็แปลกใจ ตวัดเสียงถาม
“แม่เธออยู่ไหน”
“แม่ไม่สบายค่ะ”
สุทินไม่เชื่อ จะเดินเข้าไปหาเสาวนิตย์ในห้อง สุตาภัญยืนยัน
“แม่ป่วยจริงๆ ค่ะ ให้คุณแม่พักเถอะค่ะ...ตาไปช่วยคุณพ่อเอง”
สุทินมองสุตาภัญ นิ่งคิดตัดสินใจ
“ไปช่วยก็ทำตามฉันสั่ง....อย่าสร้างภาระ”
“ค่ะ”
สุตาภัญรับคำยิ้มพอใจที่สุทินยอมให้เธอไปทำหน้าที่แทนเสาวนิตย์
ขณะเดียวกันชนกชนม์เดินเข้ามายืนมองสุรัมภาที่นั่งอยู่ เสียงข้อความมือถือเข้ามา ชนกชนม์กดอ่านข้อความ
สุรัมภาหันมาเห็นชนกชนม์ ก็รู้สึกดี ชนกชนม์อ่านข้อความในมือถือเป็นข้อความจากสุตาภัญ
“ฉันต้องไปธุระกับคุณพ่อ จะเอาเงินไปให้ที่มหาลัยนะ”
ชนกชนม์อ่านข้อความจบ หันไปมองทางสุรัมภา เจอเด็กสาวยืนอยู่ตรงหน้า ท่าทีดีใจมาก
“พี่ชนกชนม์มาหาภา”
สุรัมภาโผเข้ากอดชนกชนม์ทันที ชนกชนม์อึ้งตกใจ
ส่วนชนิกานต์ยกถาดอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะอาหาร มองดูอย่างภูมิใจ
“ทำอาหารง่ายนิดเดียวเอง น่ากินอ่ะ”
ธีรดนย์ถือจานอาหารมาวางเพิ่ม
“เป็นไงล่ะ ผลงานฉัน”
“ของฉันต่างหาก” ชนิกานต์คุยยืด
“ครับ...คุณแม่ครัว...คุณท่านคงปลื้มใจที่ลูกสาวเข้าครัวทำอาหารให้กิน”
“ไม่ต้องพูดมาก...ไปยกน้ำมา”
ธีรดนย์เดินกลับไปยังครัว ชนิกานต์มองอาหารก็ยิ่งภูมิใจ และมั่นใจว่าณวัตรต้องประทับใจ
“คุณพ่อต้องอึ้ง....ในฝืมือนิกกี้”
ชนิกานต์ยิ้มแย้ม ขณะจัดวางเรียงจานอาหารให้ดูน่ารับประทาน
ขณะที่ธีรดนย์รื้อหาเหยือกใส่น้ำอยู่ในครัว มีมือของใครคนหนึ่งถือเหยือกยื่นให้ ธีรดนย์แปลกใจ หันไปมอง
“แอนเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ” กฤติยา
ธีรดนย์อึ้งๆ “รู้ได้ไงว่าฉันจะเอาเหยือกน้ำ”
“แอนได้ยินนิกกี้สั่งธี”
ธีรดนย์แกล้งทำเสียงดุใส่ “แน่ะ...แอบฟังเราคุยกัน”
“เปล่านะ แอนได้ยินเสียงกุกกักในครัวก็เลยเข้ามาดู เห็นธีกับนิกกี้ช่วยกันทำอาหาร”
ธีรดนย์หัวเราะ “นั่น..ยอมรับปลดเปลือก....อย่างนี้ต้องลงโทษ”
กฤติยาหน้าเสีย
ธีรดนย์หัวเราะอีก “เธอนี่อำง่ายจัง....ฉันแหย่เล่น...ไปเอาน้ำก่อนนะ”
จากนั้นธีรดนย์เดินเลี่ยงไปเติมน้ำใส่เหยือก กฤติยาเดินตามไปช่วยธีรดนย์
“แอนช่วย”
ธีรดนย์ยิ้มให้ กฤติยาและธีรดนย์ช่วยกันเติมน้ำใส่เหยือก กฤติยารู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ชิดธีรดนย์
ด้านสุรัมภายังคงกอดชนกชนม์แน่นนิ่งนาน ชนกชนม์เอามือสุรัมภาออก กลัวมีใครมาเห็น
“ไม่ดีน่าภา”
“ภาทำผิดตรงไหนคะ ใครๆ บอกว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม” สุรัมภาหน้างอ
“มันสวยงาม....ถ้าเรารู้จักรักถูกที่...ถูกเวลา”
สุรัมภาย้อน “ถูกคนด้วยใช่มั้ยคะ”
ชนกชนม์อึ้ง
สุรัมภาพูดใส่หน้า “พี่ชนกชนม์รักพี่ตา”
ชนกชนม์อึกอัก “เอ่อ...ไม่ใช่...พี่กับตาเป็นเพื่อนกัน”
“ถ้าพี่ตาไม่ได้เป็นแฟนพี่ธีรดนย์ พี่ชนกชนม์ก็คงขอพี่ตาเป็นแฟน ใช่มั้ยคะ”
ชนกชนม์จุกอก เจ็บแปลบในใจ ไม่อยากพูดเรื่องนี้ รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ภาออกมานั่งเหงาคนเดียว มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า บอกพี่ได้นะ พี่ชายคนนี้ยินดีช่วยเหลือน้องสาวเสมอ”
“ไม่ค่ะ...ภาไม่ต้องการพี่ชาย ภาต้องการคนรัก...และคนรักของภาคือพี่ชนกชนม์”
สุรัมภาวิ่งร้องไห้ออกไป
“ภา...”
ชนกชนม์เป็นห่วงสุรัมภา แต่เลือกไม่ตามไป เพราะไม่อยากให้ความหวังสุรัมภา แล้วหันกลับเดินออกไป
สุรัมภาออกจากหลังต้นไม้ ยืนมองชนกชนม์ที่เดินจากไป ร้องไห้เสียใจที่ชนกชนม์ไม่รักตน
ฟากชนิกานต์กำลังลั้นลากับจัดวางอาหาร และขยับจัดแจกันดอกไม้ประดับโต๊ะให้สวยงามขึ้น ชนิกานต์ยิ้มย่องพอใจ จังหวะนั้นเหมือนมีเสียงคนเดินเข้ามา ชนิกานต์นึกว่าเป็นณวัตรหันไปหา
“คุณพ่อคะ”
แต่ต้องอึ้ง เพราะเป็นกัณฐิกาเดินเข้ามา มองอาหารบนโต๊ะตาวาว
“ป้าอุษาทำอาหารน่าทานเชียว”
“ฉันเป็นคนทำ”
กัณฐิกามองอาหาร “มีของโปรดของฉันทั้งนั้นเลย ลองชิมหน่อย”
กัณฐิกาจะตักอาหารชิม ชนิกานต์ดึงจานอาหารนั้นออก
“สำหรับคุณพ่อคนเดียวเท่านั้น! คนอื่นห้ามแตะต้อง โดยเฉพาะคนนอกอย่างเธอ!”
กัณฐิกาเหยียดเย้ย “คุณณวัตรคงตื้นตันใจจนน้ำตาไหล เมื่อลูกสาวสวยใสไร้สมองแปลงโฉมเป็นแม่ศรีเรือน”
“อย่ามายั่วโมโหฉันนะ ฉันกำลังอารมณ์ดี หลบไป...ฉันจะไปตามคุณพ่อ”
ชนิกานต์เดินไปกระแทกไหล่ใส่ กัณฐิกาไม่พอใจ
ณวัตรเดินเข้ามา ชนิกานต์ยิ้มพอใจ จะบอกอวดณวัตร
“คุณพ่อคะ”
กัณฐิกาชิงพูดก่อน
“คุณคะ อาหารพร้อมแล้วค่ะ”
ชนิกานต์ไม่พอใจ ณวัตรเดินตรงไปยังโต๊ะอาหาร ไม่สนใจฟังชนิกานต์ กัณฐิกายิ้มเย้ย
ณวัตรเดินตรงมา เห็นอาหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะ
“อาหารน่าทานมาก”
ชนิกานต์ยิ้มพอใจที่ณวัตรชื่นชม ณวัตรหันไปถามกัณฐิกา
“คุณกัณทำเหรอครับ”
ชนิกานต์ผิดหวังที่ณวัตรเข้าใจผิดว่า กัณฐิกาเป็นคนทำอาหาร
“คุณรู้ได้ไงว่าผมชอบทาน....ของโปรดผมทั้งนั้นเลย”
กัณฐิกานิ่งไม่ตอบ ยิ้มเย้ยชนิกานต์อีกชนิกานต์เข้ามาคว้าจานอาหารเททิ้ง
“ไม่ต้องกินมันแล้ว”
ณวัตรเริ่มไม่พอใจ “นิกกี้”
ธีรดนย์เตรียมน้ำเต็มเหยือก กฤติยาเอาแก้วน้ำมาวางใส่ถาด
“ขอบใจนะ”
ณวัตรแผดเสียงดังมาถึงในครัว “หยุดเดี๋ยวนี้”
ธีรดนย์และกฤติยาแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น รีบออกไป
ชนิกานต์ไม่หยุด เอาอาหารเททิ้ง ณวัตรเข้าไปห้าม
“พ่อบอกให้หยุด”
กัณฐิกาแสร้งร้องห้าม “อย่าค่ะหนูนิกกี้”
ชนิกานต์ไม่หยุด ณวัตรเข้าไปดึงตัวออกไปเต็มแรง
“ลูกจงเกลียดจงชังคุณกัณฐิกาไปถึงไหน เธอมีน้ำใจทำอาหารให้เราทาน...แล้วลูกทำอะไรบ้าง นอกจากรังควาญกลั่นแกล้งคุณกัณ!”
“ชีวิตคุณพ่อมีมันเพียงคนเดียว...อะไรมันก็ดีไปหมดทุกอย่าง ส่วนเรื่องเลวๆ เป็นของนิกกี้...ลูกคนนี้ทำดีไม่เป็นเลยใช่ไหมคะ”
ชนิกานต์ตัดพ้อด้วยความเสียใจ วิ่งออกไปจากห้อง กัณฐิกายิ้มหยัน
ส่วนณวัตรแปลกใจว่าชนิกานต์พูดอะไร
ธีรดนย์เข้ามาพร้อมกับกฤติยา
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ดูฝีมือเพื่อนแก..อาละวาดเทอาหารที่คุณกัณเป็นคนทำให้ฉัน”
กฤติยารีบบอก “คุณน้าไม่ได้ทำค่ะ คนที่ทำอาหารคือคุณนิกกี้”
พอณวัตรรู้ความจริงก็ตกใจ กัณฐิกาเข้ามาบอกณวัตรทันที
“กัณกำลังจะบอกความจริง แต่คุณเข้าใจผิด หนูนิกกี้คงจะน้อยใจและพาลโกรธ”
ธีรดนย์เสริม “นิกกี้ตั้งใจทำให้คุณท่านเป็นพิเศษเลยครับ”
“คุณอาไปขอโทษคุณนิกกี้เถอะค่ะ” กฤติยาบอก
แต่กัณฐิกากลับห้ามไว้ “กัณว่าอย่าไปตอนนี้เลย ปล่อยให้เธอใจเย็น แล้วค่อยคุยจะดีกว่า”
กฤติยาโต้แม่ บอกณวัตร “อย่าให้เธอเสียใจไปมากกว่านี้เลยค่ะ”
ณวัตรเดินออกไปจากห้องทันที กัณฐิกาไม่พอใจที่ณวัตรไปเคลียร์กับชนิกานต์ แถมหงุดหงิดเพิ่มเมื่อหันไปมองกฤติยาและธีรดนย์ ไม่พอใจที่ทั้งสองออกมาจากห้องครัวด้วยกัน
ชนิกานต์เดินมาหยุดที่มุมหนึ่ง...โวยวายลั่นบ้าน
“อะไรฉันก็ผิด ผิด ฉันผิดตั้งแต่เกิด ทำดีไม่เคยได้ดี แล้วจะ ทำไป ทำไม”
ณวัตรเดินเข้ามาหา
“นิกกี้....พ่อ”
“ไม่ต้องสนใจนิกกี้ ไปสนใจเมียของพ่อไป๊”
“ฟังพ่อก่อน พ่อ...”
“นิกกี้ไม่อยากได้มันอีกแล้ว!”
ชนิกานต์บัยนดาลโทสะถอดแหวนเพชรปาใส่หน้าพ่อ แหวนโดนคิ้วณวัตร เลือดไหลออกมา
ชนิกานต์ตกใจ “คุณพ่อ”
“ลูกทำเกินไปแล้วนะ...เอะอะก็เอาแต่ใช้อารมณ์ ทำตัวงี่เง่าแบบนี้ไงถึงไม่มีใครรัก”
ณวัตรไม่พอใจ เดินหนีกลับเข้าไปในคฤหาสน์ ชนิกานต์รู้สึกผิด แต่กลัวเสียฟรอ์ม
ธีรดนย์เข้ามาหาชนิกานต์
“รีบไปขอโทษคุณท่าน”
ชนิกานต์วึดวือ “ฉันไม่ผิด”
ธีรดนย์ก้มลงเก็บแหวนที่พื้นขึ้นมา
“ใครปาแหวน”
ชนิกานต์แย่งแหวนมา “แล้วไง”
“ยังกล้าเถียงอีกว่าไม่ผิด”
“ก็คุณพ่อไปชมยัยแม่มดนั่น ฉันอุตส่าห์ไปช่วยจัดของ ตั้งใจทำอาหารให้ คุณพ่อก็ยังมาด่าฉัน”
ธีรดนย์บอกดีๆ “แล้วทำไมไม่พูดดีๆ”
ชนิกานต์จะเถียงต่อแต่เถียงไม่ออก
“เข้าใจผิดก็อธิบายให้เข้าใจ ทำผิดก็ขอโทษ มันไม่มีอะไรยากเลย...ปัญหามันแก้ง่ายนิดเดียวเอง”
ชนิกานต์หยุดคิดตามคำพูดของธีรดนย์
“ท่องคาถาให้ขึ้นใจ....อย่ากลัวเสียหน้า...อย่ากลัวเสียฟอร์ม”
ชนิกานต์เข้าใจคำพูดของธีรดนย์ หมดหนทางเถียง เดินออกไป แล้วหันกลับมาหา
ธีรดนย์แปลกใจ กลัวชนิกานต์กลับมาโวยวาย
“ขอบใจ”
ธีรดนย์อึ้งที่ชนิกานต์พูดขอบใจ ชนิกานต์รู้สึกอาย รีบวิ่งกลับเข้าไปในคฤหาสน์ ธีรดนย์รู้สึกดีขึ้น ที่ชนิกานต์อ่อนลง และรับฟังคำแนะนำจากเขา
เด็กหนุ่มยิ้มขำในพฤติกรรมสาวขาวีนประจำบ้าน
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 8 (ต่อ)
ด้านสุตาภัญแบกถุงกอล์ฟใส่ท้ายรถ แล้วหันไปมองยังห้องนอน เสาวนิตย์โบกมือให้ สุทินหันไปมองด้วยความแปลกใจ สุตาภัญรีบวิ่งเข้าไปนั่งในรถ รถของสุทินวิ่งออกไป
เสาวนิตย์ยืนมองที่หน้าต่างห้องนอน เห็นรถที่วิ่งออกไป มองตามด้วยความเป็นห่วง
“อย่าขัดใจพ่ออีกนะลูก”
เสียงสุรัมภาเรียกมาจากด้านหลัง “คุณแม่คะ”
เสาวนิตย์หันกลับไปเจอสุรัมภา.ยืนอยู่...
“มีอะไรเหรอลูกภา”
สุรัมภาตัดสินใจ และรวบรวมความกล้า “แม่คะ...ภามีเรื่องอยากคุยด้วย”
“ลูกไม่สบายใจเรื่องอะไร”
สุรัมภาหวนคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น ตอนถูกชยางกูรข่มขืนขึ้นมาแว๊บๆ สุรัมภายืนมองเสาวนิตย์น้ำตาไหล
“ว่าไงลูก...มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
เสาวนิตย์เห็นลูกสาวร้องไห้ก็เครียดขึ้นมาทันที ค่อยๆ เดินเข้าไปหา
“คือว่าภา...” พยายามรวบรวมความกล้า “โดน...”
เสาวนิตย์กำลังเดินเข้ามา แต่พลันหน้ามืดเป็นลม
สุรัมภาตกใจ “คุณแม่”
สุทิน สุตาภัญ เกรียงศักดิ์ พงษ์ภูมิ
สุตาภัญแบกกระเป๋ากอล์ฟเข้าไปด้านใน สุทินหันมาเร่งสุตาภัญ
“เร็วหน่อย”
สุตาภัญเร่งเดินเข้าไปหา
สุทินเดินมาที่โต๊ะ เจอเกรียงศักดิ์เจ้านายนั่งรออยู่แล้ว
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบคนไม่มีวินัย”
สุทินยกมือไหว้รู้สึกผิดมาก “ผมขอโทษครับนาย ผมจะรักษาเวลาให้ดีกว่านี้ครับ...” บอกสุตาภัญ “สุตาภัญ ไหว้ท่านสิ”
“สวัสดีค่ะ”
เกรียงศักดิ์แปลกใจที่เสาวนิตย์ไม่มาเหมือนทุกครั้ง “แม่บ้านไปไหนล่ะ”
สุตาภัญตอบแทน “คุณแม่ไม่สบาย นอนพักอยู่ที่บ้านค่ะ”
สุทินไม่พอใจที่สุตาภัญตอบแทนเขา หันไปมองดุ
“คุณเสาวนิตย์ป่วยเป็นอะไรมากไหม?”
“ไม่มากค่ะ ไข้ขึ้นเพราะโดน...”
สุตาภัญมองไปยังพ่อ สุทินกังวลใจกลัวสุตาภัญฟ้องเรื่องตนทำร้ายเสาวนิตย์
“โดนฝน...เป็นไข้หวัดค่ะ”
สุทินโล่งใจที่สุตาภัญปิดบังความจริงให้ รีบเปลี่ยนเรื่อง
“เราไปกันเถอะครับ”
“ไปสิ ลูกชายฉันมาแล้ว”
พงษ์ภูมิเดินเข้ามา สุทินหันไปเจอพงษ์ภูมิ รีบยกมือไหว้ทันที
“สวัสดีครับคุณพงษ์ภูมิ”
พงษ์ภูมิยิ้มรับ ไม่ยกมือไหว้ตอบผู้ใหญ่ สุตาภัญไม่พอใจที่พงษ์ภูมิวางฟอร์มไม่มีมารยาท
“ลูกสาวคนโตครับ สุตาภัญ ไหว้พี่เขาสิลูก”
สุตาภัญจำต้องไหว้ “สวัสดีค่ะ”
พงษ์ภูมิมองสุตาภัญตาวาว สนใจในตัวสุตาภัญ
“ไปกันเถอะครับ ผมฝากคุณพงษ์ภูมิขับรถดูแลท่านด้วยนะครับ”
พงษ์ภูมิสวนขึ้น “คุณอามีหน้าที่ดูแลคุณพ่อไม่ใช่เหรอครับ ผมดูแลลูกสาวคุณอาเอง”
สุทินยิ้มรับคำ “ครับ”
พงษ์ภูมิมองสุตาภัญ ตั้งใจจะใกล้ชิดสุตาภัญ แต่สุตาภัญเริ่มไม่ไว้ใจ
เวลาเดียวกันที่ผับแห่งนั้น มีการซ้อมเพลงของวงที่จะเล่นตอนค่ำ ชนกชนม์แจมและกำลังดีดกีต้าร์ระบายอารมณ์ อย่างเมามันในท่อนสุดท้าย ชนกชนม์วางกีต้าร์ลงไปนั่งที่โต๊ะธีรดนย์เดินตามเข้ามา
“อยากได้เงินก็มาร้องเพลงวงฉัน”
“อย่าเลย เอาฉันมาอีกคน หารแล้วเหลือไม่กี่บาท”
ธีรดนย์เย้าขำๆ “รึอยากไปถ่ายแบบกับเจ๊ชาติ ฉันติดต่อให้ฉายเดี่ยวเลย”
ชนกชนม์สยองไม่หายรีบห้าม “ขอร้องล่ะเพื่อน....พูดชื่อก็เสียวสันหลังแปล๊บ”
“แล้วนายจะหาเงินจากไหน” ธีรดนย์เป็นห่วง
“ยังคิดไม่ออก” ชนกชนม์ จะเดินออกไป
“อย่าหมดหนทางถึงกับขึ้นไปข้างบนล่ะ”
ชนกชนม์รู้ดีว่าธีรดนย์หมายถึงบ่อนเฮียปรัชญา เขาส่ายหน้าแล้วเดินออกไป
ธีรดนย์ตะโกนไล่หลัง “มีอะไรให้ช่วยบอกนะเพื่อน”
ชนกชนม์เดินออกไป ยิ้มดีใจที่มีเพื่อนที่ดี ยกมือขวาขึ้นรับรู้..แล้วเดินออกไป
ขณะที่ชนกชนม์เดินออกมาจากผับ ตั้งใจจะกลับไปแต่เห็นรถชยางกูรจอดอยู่ ชนกชนม์ตกใจ ไม่คิดว่าชยางกูรจะกลับมาเล่นพนันอีก ชนกชนม์มองขึ้นไปยังชั้นสองของผับ
รถกอล์ฟของสุทินเข้ามาจอด สุทินคอยดูแลเกรียงศักดิ์ แคดดี้ซึ่งนั่งซ้อนท้าย หิ้วกระเป๋ากอล์ฟตามไป
พงษ์ภูมิขับรถมาจอด จะเข้าไปจับมือสุตาภัญให้ลงจากรถ
“เชิญจ้ะ”
สุตาภัญไม่สนใจจับมือพงษ์ภูมิ จะเดินเข้าไปหาสุทิน ถูกพงษ์ภูมิคว้าแขนสุตาภัญไว้
“สวยไม่จริงอย่าหยิ่งนะน้อง ไอ้ที่เด็ดกว่าน้อง พี่ลองมาแล้ว”
สุตาภัญยิ้มตอบ เอามือมาจับมือพงษ์ภูมิ “พี่พงษ์ภูมิกำพร้าคุณแม่ตั้งแต่เล็กใช่ไหมคะ”
พงษ์ภูมิอึ้งแปลกใจ “รู้ได้ไง พ่อเธอบอกเหรอ”
“ตาทายจากนิสัยค่ะ....ผู้ชายที่ไร้มารยาท ดูถูกผู้หญิง ส่วนใหญ่ไม่มีคุณแม่คอยอบรม”
สุตาภัญเอามือพงษ์ภูมิออก แล้วเดินไปหาสุทิน พงษ์ภูมิไม่พอใจ คิดเอาชนะสุตาภัญให้ได้
ส่วนชนกชนม์จะเดินเข้าไปในบ่อน การ์ดเข้ามาขวาง ชนกชนม์รีบยิ้มตีซี้บอก
“จำผมได้ไหมพี่ ผมเพื่อนไอ้เดช แก๊งลูกหมา”
การ์ดยิ้มตอบ “จำได้แม่นเลยละ”
“ขอบคุณครับ” ชนกชนม์จะเดินเข้าไป
การ์ดลากคอออกมา ชนกชนม์ร้องเสียงหลง
“เฮ้ยพี่! คนกันเอง”
ครู่ต่อมาการ์ดผลักชนกชนม์ล้มลงกองกับพื้นตรงประตู
“ไม่อยากเจ็บตัวออกไป”
“ผมไม่ได้เข้าไปก่อกวน...ผมจะไปหาน้อง”
การ์ดชักปืนออกมาขู่
“โอเคพี่....ผมไปแล้ว”
ชนกชนม์ยอมถอยเดินออกไป การ์ดเห็นว่าชนกชนม์ยอมกลับก็เดินเข้าไปในบ่อน ชนกชนม์หันกลับมามอง...คิดทำอะไรบางอย่าง
ส่วนที่สนามกอล์ฟ เกรียงศักดิ์หวดลูกวงสวิงสวย ลูกกอล์ฟตกห่างจากหลุมพอสมควร
สุทินเข้ามาตีลูก ลูกกอล์ฟกลิ้งนำหน้าเกรียงศักดิ์ ใกล้หลุม
เกรียงศักดิ์ไม่พอใจนัก
“วันนี้นายออมมือให้ผมอีกแล้วนะครับ”
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบเล่นอะไรง่ายๆ ยิ่งยากยิ่งภูมิใจ” เกรียงศักดิ์ว่า
“ครับนาย”
เกรียงศักดิ์และสุทินจะเดินไปยังรถกอล์ฟ เพื่อขึ้นรถ
“เท้าคุณพ่อเปื้อนนี่ครับ” พงษ์ภูมิทัก
เกรียงศักดิ์ก้มมอง เห็นเศษหญ้า แล้วหันไปมองสุทิน สุตาภัญแปลกใจที่เกรียงศักดิ์หันไปมองพ่อ เห็นสุทินรีบควักผ้าเช็ดหน้า ออกมา เพื่อจะเช็ดเท้าให้เกรียงศักดิ์
สุตาภัญตกใจ ”คุณพ่อทำอะไรคะ”
สุทินปัดมือสุตาภัญออก แล้วก้มลงเช็ดเท้าให้เกรียงศักดิ์ทันที พงษ์ภูมิยิ้มเย้ยสุตาภัญ ต้องการสื่อให้เห็นถึงอำนาจบารมีของพ่อตน เพื่อข่มสุตาภัญ
สุตาภัญรู้สึกผิดหวังที่สุทินต้องยอมเสียศักดิ์ศรี ก้มหน้าเช็ดรองเท้าให้คนอื่น
“สะอาดแล้วครับนาย”
เกรียงศักดิ์ยิ้มพอใจ เดินไปที่รถ สุทินวิ่งไปขับรถพาเกรียงศักดิ์ไปยังหลุมพาร์สาม
สุตาภัญรู้สึกสงสารสุทินที่ต้องคอยเอาใจเกรียงศักดิ์
พงษ์ภูมิเข้ามายืนข้างสุตาภัญคุยข่ม “พ่อเธอฉลาด รู้จักเอาตัวรอด เธอเองก็ต้องเรียนรู้ไว้บ้าง ว่าควรทำตัวยังไงกับคนที่มีอำนาจเหนือกว่า”
พงษ์ภูมิเดินไปนั่งที่รถกอล์ฟ หันมาสั่งสุตาภัญ
“ขึ้นรถ”
สุตาภัญไม่พอใจ แต่ต้องเดินไปนั่งเคียงข้างพงษ์ภูมิอย่างจำใจ พงษ์ภูมิยิ้มอย่างผู้ชนะ ขับรถออกไป
สุรัมภานั่งเหม่อที่มุมหนึ่งในห้องแม่ เสาวนิตย์รู้สึกตัว ค่อยๆลุกขึ้น เดินเข้ามาหาลูกสาว...สุรัมภาหันไปเห็นก็เป็นห่วง
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“ได้นอนพักค่อยยังชั่ว...ว่าไงภา...มีเรื่องอะไรจะเล่าให้แม่ฟัง”
เสาวนิตย์ยังอยากรู้เรื่องราวของสุรัมภาที่คุยค้างกันไว้
“แม่คะ..ถ้าภาเป็นลูกไม่ดี แม่ยังจะรักภาไหม”
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง แม่รักลูกเสมอ”
สุรัมภากังวลใจ “แต่คุณพ่อคงไม่พอใจ”
เสาวนิตย์สงสัย “ลูกไปทำอะไร ...เรื่องผู้ชายรึเปล่า”
สุรัมภาลังเลที่จะเล่า
“คุณพ่อเหนื่อยเพื่อพวกเรามามากแล้ว....อย่าสร้างปัญหาให้คุณพ่อไม่สบายใจอีก..แม่ขอนะ” แม่บ้านแสนดีบอก
“ค่ะ..ภาจะไม่สร้างปัญหาให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจ”
“ลูกรักของแม่”
เสาวนิตย์โอบกอดลูกสาวไว้แน่น สุรัมภาน้ำตาคลอเอาแต่สะอึกสะอื้น ไม่กล้าเล่าเรื่องที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับตัวเอง
ทางด้านสุทินเดินเข้าไปส่งไม้กอลฟ์ให้เกรียงศักดิ์ โน้มตัวค้อมหัวด้วยความเคารพเอาใจนาย
“เชิญหัวหน้าครับ”
เกรียงศักดิ์เข้ามาตีลูกกอล์ฟ ลูกลอยไปตกห่างจากหลุมพอสมควร อีกจังหวะเกรียงศักดิ์ตีลูกเฉียดหลุมไปนิดเดียวด้วยสีหน้าผิดหวัง
สุทินเดินเข้าไปที่ลูกกอล์ฟตัวเอง ซึ่งอยู่ใกล้หลุม เกรียงศักดิ์มองข่มสุทิน
สุตาภัญยืนมอง มั่นใจว่าพ่อต้องตีลงหลุมและชนะเกรียงศักดิ์ แต่สุทินกลับจงใจตีลูกผิดทิศทาง ลูกเลยหลุม ห่างออกไปไกลกว่าลูกของเกรียงศักดิ์อีก
สุตาภัญแปลกใจที่สุทินพัตลูกพลาด ขณะที่พงษ์ภูมิยิ้มเย้ยสุตาภัญ เกรียงศักดิ์ยิ้มพอใจเดินเข้ามาพัตลูกลงหลุม
สุทินพัตลูกตัวเองลงหลุม แล้วหันไปตบมือให้เกรียงศักดิ์
“ผมเอาชนะนายไม่ได้สักเกม”
“แข่งอะไรแข่งได้ แต่แข่งวาสนามันยาก” เกรียงศักดิ์ว่า
“ครับนาย”
เกรียงศักดิ์หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
สุตาภัญแปลกใจที่สุทินยอมแพ้ เพียงเพื่อเอาใจเจ้านาย
ครู่ต่อมาขณะที่สุทินเช็ดเก็บไม้กอล์ฟอยู่ สุตาภัญเข้ามาหาพ่อ ถามเรื่องที่ค้างคาใจ
“ทำไมคุณพ่อต้องยอมเขาทุกอย่างคะ”
สุทินไม่ตอบ เช็ดเก็บไม้กอล์ฟต่อไป
“ตาไม่เข้าใจ....คุณพ่อยอมเสียศักดิ์ศรีก้มหน้าเช็ดเท้าให้คนอื่น ยอมทำตัวเป็นคนโง่ ทั้งๆ ที่คุณพ่อเก่งกว่า คุณพ่อทำเพื่ออะไร? ตำแหน่งหน้าที่ หรือการเลื่อนยศ”
สุทินสวนขึ้นในท่าทีแน่วนิ่ง “ฉันทำเพื่อพวกเธอ”
สุตาภัญอึ้ง
“เรามีบ้านหลังใหม่ มีกินมีใช้สบายขึ้น ไม่ใช่เพราะหน้าที่การงานรึไง”
สุตาภัญก็ยังไม่พอใจนัก “ตาไม่อยากให้คุณพ่อก้มหัวให้เขาดูถูกเรา”
พงษ์ภูมิเข้ามาขัดจังหวะ สั่งสุทิน
“ช่วยเอาถุงกอล์ฟไปเก็บที่รถ”
“ได้ครับ”
“ผมหมายถึงลูกสาวอา”
พงษ์ภูมิมองไปยังสุตาภัญอย่างท้าทาย สุตาภัญมองพ่อเป็นเชิงขอร้อง ไม่อยากไปกับพงษ์ภูมิ
“ลูกไปช่วยพี่เขาหน่อย”
สุตาภัญผิดหวังที่สุทินให้เธอไปรับใช้พงษ์ภูมิ
“ไปได้แล้ว!”
พงษ์ภูมิยิ้มพอใจในสีหน้าขณะเดินนำไป สุตาภัญมองพ่อ ไม่พอใจนัก จำต้องแบกถุงกอล์ฟตามพงษ์ภูมิ
สุทินมองตาม สีหน้ากังวลใจเป็นห่วงลูกสาว
ขณะที่สุตาภัญจะเอาถุงกอล์ฟใส่ท้ายรถตู้
“เปิดท้ายรถสิคะ” สุตาภัญบอกพงษ์ภูมิ
“ไว้ข้างใน” เด็กหนุ่มบอกห้วนสั้น
สุตาภัญแปลกใจนิดๆ เดินไปเปิดประตูรถ เอาถุงกอล์ฟเข้าไปไว้ด้านใน พอเสร็จสุตาภัญจะออกมา แต่ถูกพงษ์ภูมิขวางไว้
“ทำอะไร”
พงษ์ภูมิจ้องหน้า พูดเป็นนัย “อยากให้พ่อเธอได้เลื่อนขั้น ก็ช่วยทำมาหากิน”
สุตาภัญตกใจมาก ถูกพงษ์ภูมิดันตัวเข้าไปในรถตู้ และเริ่มลวนลามล่วงเกิน
“ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย”
สุตาภัญ พงษ์ภูมิปิดประตูรถทันที
สุทินยืนมองเห็นเหตุการณ์ ตั้งท่าจะเข้าไปช่วยลูกสาว แต่เกรียงศักดิ์เดินเข้ามาเรียกก่อน
“ไปสั่งอาหารให้ฉันได้แล้ว”
เกรียงศักดิ์เดินนำออกไป สุทินนิ่งคิดตัดสินใจ เกรียงศักดิ์ยืนมองข่มและวางอำนาจ ในที่สุดสุทินตัดสินใจพุ่งตรงไปยังรถตู้ เกรียงศักดิ์ไม่พอใจ
ด้านพงษ์ภูมิลวนลามสุตาภัญพยายามซุกไซ้ สุตาภัญดิ้นหนี
จู่ๆ ประตูรถตู้เปิดออก พงษ์ภูมิตกใจ สุทินดึงตัวพงษ์ภูมิออกจากรถ สุตาภัญรีบตามออกมา
พงษ์ภูมิต่อว่าสุทินอย่างวางอำนาจ “แกรู้ตัวรึเปล่า กำลังเล่นกับใคร”
สุทินต่อยหน้าพงษ์ภูมิทันที พงษ์ภูมิหันขวับมามองอย่างไม่พอใจ
เกรียงศักดิ์เดินเข้ามา แสร้งไม่รู้เรื่อง
“เกิดอะไรขึ้น”
สุตาภัญหันไปมองสุทิน รอคอยฟังคำตอบของพ่อที่จะเกรียงศักดิ์
“ไม่มีอะไรครับ พอดีลูกสาวผมไม่ค่อยสบาย ผมขอตัวพาลูกกลับบ้านก่อนครับ”
เกรียงศักดิ์พยักหน้ารับรู้
สุทินพาสุตาภัญไปที่รถ แล้วขับรถออกไปทันที
เกรียงศักดิ์ต่อว่าลูกชายตัวแสบ “ทำอะไรเลือกสถานที่บ้าง อย่าให้ฉันต้องเดือดร้อน!”
“ครับ” พงษ์ภูมิรับ สีหน้าไม่รู้สึกผิดสักนิด
ชนกชนม์นัดธนกรออกมาพบตรงสวนสาธารณะในหมู่บ้าน และเล่าเรื่องของชยางกูรให้ฟังด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่อยากให้ชยางกูรติดการพนันถลำลึกไปกว่านี้ คุณอาไปห้ามน้องเถอะครับ”
ธนกรหน้าสลดลง “ขอบใจนะที่มาบอก อารู้เรื่องนี้แล้ว”
ชนกชนม์แปลกใจ “คุณอาไม่ไปห้ามล่ะครับ”
“ชยางกูรเขาฟังอาที่ไหนกัน”
“คุณแม่รู้คงไม่ยอม…”
ธนกรสวนขึ้น “อาพยายามแล้ว...แม่เราไม่ฟังใครแม้แต่อา...อาเองก็ไม่ต่างจากเรา ยังดีที่แม่เขายังไม่ไล่ออกจากบ้าน”
ชนกชนม์นึกภาพออก รู้สึกสงสารธนกรมาก ธนกรไม่อยากให้ชนกชนม์ทุกข์ใจ รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ขอบใจชนกชนม์มากที่ตั้งใจดี อาต้องหาทางช่วยเหลือชยางกูรให้ได้”
“ครับ” ชนกชนม์ดีใจ
ธนกรควักเงินให้ชนกชนม์ “เอาเงินไว้ใช้”
“ไม่เป็นไรครับ”
“รับไว้เถอะ อย่าคิดว่าอาเป็นคนอื่น อาก็เหมือนพ่อของเราคนนึง”
ชนกชนม์ซึ้งน้ำใจ ยอม รับเงินจากธนกร ธนกรเข้าสวมกอดให้กำลังใจชนกชนม์
สองคนไม่รู้ว่าชลนิภาอยู่ในรถ และเลื่อนกระจกลงมองมา สีหน้าไม่พอใจที่เห็นธนกรให้เงินและมาเจอชนกชนม์
กลับมาถึงบ้านสุทินไม่พูดไม่จาเดินเข้าบ้านไป สุตาภัญเดินตามหลัง เรียกไว้
“คุณพ่อคะ”
สุทินหันกลับมา
“ตาขอบคุณนะคะ ที่คุณพ่อปกป้องตา”
สุทินรู้สึกดีใจที่สุตาภัญพูดออกมาอย่างนั้น แต่ยังเก็บความรู้สึก ไม่แสดงออก
“ตาอยากให้คุณพ่อทำอย่างนี้กับคุณแม่ กับน้อง ให้เกียรติพวกเราบ้าง”
สุทินเสียงดัง “ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน”
“ตารู้ว่าคุณพ่อถูกกดดัน เก็บกดจากการทำงาน แต่คุณพ่อไม่ควรเอาสิ่งที่คุณพ่อไม่ชอบ มาใช้กับคนในบ้าน”
สุทินอึ้งที่สุตาภัญพูดแทงใจดำ...จังๆ
“ถึงคุณพ่อจะสูญเสียอำนาจในงาน คุณพ่อก็ไม่จำเป็นต้องแสดงอำนาจกับพวกเรา ยังไงพวกเราก็รักและเคารพคุณพ่อ คุณพ่อคือผู้นำครอบครัว”
สุทินชักไม่พอใจขึ้นเสียงปราม “สุตาภัญ”
“อำนาจมันมีพลังแต่ชั่วครู่ชั่วยาม แต่ความรักและความเข้าใจ...ทำให้เรารักกันได้ตลอดชีวิต”
สุทินหน้าตึงไม่พอใจ เดินเข้าบ้านไป สุตาภัญมองตาม หวังว่าสุทินจะคิดในสิ่งที่เธอพูดบ้าง
สุทินเดินเข้ามาในห้อง เสาวนิตย์นอนอยู่บนเตียงได้ยินเสียง รีบฝืนลุกขึ้นมา
“กลับมาแล้วเหรอคะ...ฉันขอโทษนะคะที่ไปดูแลคุณไม่ได้”
สุทินมองเสาวนิตย์ เห็นท่าทีและอาการก็รู้ว่าป่วย
เสียงสุตาภัญผู้เป็นลูกสาวดังก้องในหัว “ความรักและความเข้าใจ...ทำให้เรารักกันได้ตลอดชีวิต”
เสาวนิตย์แปลกใจที่สุทินเอาแต่จ้องมองหน้าอยู่อย่างนั้น
“คุณเหนื่อยมาก ฉันเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้นะคะ”
เสาวนิตย์จะเดินไป สุทินจับแขนไว้
“ไม่ต้อง”
เสาวนิตย์แปลกใจ หันมายิ้มให้สุทิน ทว่าสุทินกลับตบหน้าเสาวนิตย์ฉาดใหญ่
“อย่าให้ลูกมาสอนฉัน”
“ค่ะ” เสาวนิตย์กลั้นก้อนสะอื้นลงไปลึกสุดใจ
สุทินเดินเข้าไปในห้องน้ำ เสาวนิตย์น้ำตาตก เสียใจที่สุทินยังคงทำร้ายเธอตนทั้งที่ไม่สบายอยู่อย่างนี้
กลับจากสวนสาธารณะธนกรเดินเข้ามาในบ้าน เจอชลนิภานั่งดักอยู่ที่โซฟาในห้องโถง
“ไปไหนมาคะ”
“ผมออกไปคุยงานกับลูกค้า”
ชลนิภาพูดแดกดันใส่หน้า “ลูกค้ารึว่าลูกชั่ว”
ธนกรแปลกใจ “คุณ”
“มันมาฟ้องว่าลูกกูรของฉันไปทำชั่วอะไรอีก”
“คุณอย่าตั้งแง่อคติกับชนกชนม์เกินไป” ธนกรเริ่มมีอารมณ์
“มันผิดคำที่ฉันเคยพูดไว้มั้ยล่ะ? ถูกไล่ออกจากบ้านก็ไม่วายหาเรื่องเดือนร้อน แล้วยังคิดเสี้ยมให้คนในบ้านทะเลาะกัน คุณเองก็เหมือนกัน อย่าไปยุ่งหรือให้เงินมัน! ไม่งั้นฉันจะยึดบัตรคุณทั้งหมด”
ธนกรเหลืออด “ได้ครับ คุณอยากทำอะไร ตัดสินใจได้เลย จะปลดผมออกจากบริษัท หรือไล่ออกจากบ้านก็ได้ แต่ผมขอเถอะ อย่าถึงกับเอาโซ่มาคล้องล่ามผมไว้เลย ให้เกียรติสักหน่อยว่าผมก็ได้ชื่อเป็นสามีคุณ”
ธนกรเน้นเสียงตรงท้ายประโยค พูดจบก็เดินหนีขึ้นห้อง ชลนิภาไม่พอใจบ่นอุบ
“ไม่ต้องประชดฉันนะ ลูกกูรเรียนจบ ฉันจะให้บริหารงานแทนคุณ”
ชลนิภายังคงฝากความหวังที่ชยางกูร
เวลาเดียวกันเฮียปรัชญากำลังหัวเราะร่า ขณะบอกชยางกูรที่นั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยกัน โดยมีเพทายประกบอยู่ด้วยเช่นเคย
“ยืมเพิ่มอีกล้าน....ไม่มีปัญหา”
ชยางกูรยิ้มพอใจ
จู่ๆ ปรัชญาเปลี่ยนอารมณ์ “แต่เคลียร์คดีเก่าก่อน”
ชยางกูรผิดหวัง
“เฮียไม่อยากให้น้องดินพอกหางหมู ของเก่าสามล้านแล้ว”
ชยางกูรไม่พอใจนิดๆ “เฮียไม่ไว้ใจผม”
“เฮียรู้ว่าแค่สามล้านจิ๊บๆ น้องขโมยเพชรเม็ดโตมาก็ได้สิบล้านว่าไป...เฮียก็อยากได้แหวนเพชรมากระพริบใส่ตาให้บอดสักวงสองวง”
ปรัชญาหัวเราะชอบใจ ชยางกูรผิดหวังที่ปรัชญาไม่ให้ยืมเงินเพิ่ม
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 8 (ต่อ)
ชยางกูรเดินเซ็งออกมา เพทายทำเป็นหวังดีเข้ามาหว่านล้อมให้เลิกเล่น
“หาเงินคืนเฮีย แล้วเลิกเหอะ มีแต่เสียกับเสีย”
“เสียก็ต้องเอาคืน แล้วต้องได้คืนมากกว่าเดิม”
เพทายแกล้งพูดท้าทาย “ทุกคนที่พูดแบบนี้สุดท้ายก็หมดตัว เชื่อฉัน ฉันหวังดีกับแก เลิกตอนนี้ไม่เจ็บตัว”
ชยางกูรโวยใส่ “เงินของฉันไม่ต้องยุ่ง”
เพทายยิ้มสะใจที่ชยางกูรตกหลุมพราง แกล้งถาม
“แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้เฮีย รูดบัตรหมดแล้ว”
“ไม่มีบัตร แต่ฉันยังมีสมบัติ”
ชยางกูรคิดหาเงินมาใช้หนี้ปรัชญา
ชนิกานต์เดินมาหน้าห้องณวัตร ยืนมองแหวนเพชรในมือ รู้สึกผิดที่ทำร้ายพ่อ แล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่ธีนดนย์พูดให้ข้อคิด
“เข้าใจผิดก็อธิบายให้เข้าใจ ทำผิดก็ขอโทษ มันไม่มีอะไรยากเลย...ปัญหามันแก้ง่ายนิดเดียวเอง...ท่องคาถาให้ขึ้นใจ...อย่ากลัวเสียหน้า....อย่ากลัวเสียฟอร์ม”
ชนิกานต์ตัดสินใจเปิดประตู เข้าไปในห้อง เห็นณวัตรนั่งหันหลังที่มุมหนึ่ง กำลังจะเดินเข้าไปหา แต่ต้องหยุดกึก เห็นกฤติยาถือกล่องปฐมพยาบาลเดินเข้าไปหาพ่อ
“แก”
กฤติยาเห็นชนิกานต์ก็แปลกใจ ณวัตรหันกลับมาจะบอกความจริง
“ลูกกำลัง...”
“คุณพ่อไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...นิกกี้เข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้น ขอโทษนะคะที่มาขัดจังหวะ ขอให้คุณพ่อมีความสุขกับสิ่งที่คุณพ่อต้องการ”
ชนิกานต์ออกจากห้อง ปิดประตูไปทันที กฤติยาจะตามออกไป ณวัตรเรียกไว้
“ไม่ต้อง...ปล่อยไปเถอะ”
“แต่คุณนิกกี้เข้าใจผิดนะคะ”
“ฉันเบื่ออธิบายแล้ว เธอมาช่วยทำแผลให้ฉันก่อนแล้วกัน”
“คุณอาน่าจะให้คุณน้าทำให้นะคะ” กฤติยาไม่อยากให้สองพ่อลูกผิดใจกัน
“คุณกัณเขาออกไปข้างนอกยังไม่กลับ แต่ถ้าเธอไม่เต็มใจทำให้ ไม่เป็นไร” ณวัตรพูดเหมือนน้อยใจ
“แอนทำได้ค่ะ”
ณวัตรยิ้มได้...หันไปบอกกฤติยา
“ล็อคประตูด้วย”
กฤติยาแปลกใจ
“อาไม่อยากให้นิกกี้เข้ามาอาละวาดอีก”
กฤติยาจำต้องเดินไปล็อคประตูห้อง ณวัตรยิ้มพอใจ
ชนิกานต์เดินโวยวายอยู่ในบ้าน เจอกับกัณฐิกาที่เพิ่งกลับเข้ามพอดี
“ไปกินผึ้งที่ไหนมาคะ” กัณฐิกาแขวะ
“ฉันแค่กินผึ้ง แต่หลานสาวกำลังกินผัวแก” ชนิกานต์สวนกลับ
“เธอหมายถึงอะไร”
“พูดไปก็หาว่าใสร้าย ขึ้นไปดูห้องพ่อฉันสิ แล้วแกจะรู้เหตุผลว่าทำไมหลานแกถึงอยากมาอยู่บ้านหลังนี้จนเนื้อตัวสั่น มารยาทั้งน้าหลาน”
พูดจบชนิกานต์ก็เดินหนีออกไป กัณฐิกาแปลกใจ เหลียวมองไปยังห้องนอนณวัตร
ด้านกฤติยาหันกลับมาหาณวัตร แปลกใจที่เห็นณวัตรถอดเสื้อ ยืนมองมา
“ถอดเสื้อทำไมคะ”
“อากลัวเสื้อเปื้อนยาน่ะ มาสิ”
ณวัตรพูดเสียงนุ่มขณะนั่งลง รอให้กฤติยาเข้ามาทำแผลให้
ส่วนกัณฐิกาเดินขึ้นบันไดมา ตรงไปยังห้องนอนณวัตร
กฤติยาเดินเข้าไปหา แล้วเริ่มเช็ดเลือดที่คิ้วให้อย่างเบามือ ณวัตรจดจ้องมองกฤติยาตาหวานฉ่ำ กฤติยารู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เช็ดแผลให้ต่อไป
กัณฐิการีบร้อนเร่งฝีเท้า จนทำให้สะดุดบันได กัณฐิกาทิ้งของที่ถือมา แล้วรีบเดินขึ้นไป
กฤติยาเอาพลาสเตอร์ยามาปิดแผลที่คิ้วให้ ณวัตรจ้องมองกฤติยา แล้วเอื้อมมือมาจับมือกฤติยา กฤติยาสะดุ้งชักมือออก
“เสร็จแล้วค่ะ”
กฤติยาจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลเพื่อออกไป แต่ณวัตรเข้ามาจับมือไว้
“จะรีบไปไหน..อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันก่อนสิ”
“แอนต้องรีบไปอ่านหนังสือค่ะ พรุ่งนี้มีสอบ”
กฤติยารีบเก็บของ แล้วจะเดินออกไปจากห้อง
กัณฐิกาเดินมายังหน้าห้องนอน พอจะเปิดประตูเข้าไป แต่ปรากฏว่าประตูล็อคไว้ กัณฐิกาแปลกใจมาก
กฤติยาตั้งใจจะเดินไปเปิดประตูห้อง แต่ณวัตรซึ่งเปลือยท่อนบนอยู่เข้ามากอดรั้งไว้ กฤติยาตกใจ
“คุณอาทำอะไรคะ”
“อารู้ว่าเด็กกำพร้าอย่างหนูขาดความอบอุ่น หนูไม่ต้องกลัวคิดว่าอาเป็นผู้ปกครองของหนู อาพร้อมจะมอบความรักและความจริงใจให้หนู
ณวัตรเข้ามากอด มือไม้เริ่มจับเนื้อต้องตัวกฤติยาเกินเลย กฤติยาจึงค่อยๆ ถอยตัวไปชิดประตู เพื่อเปิดประตู
“ค่ะ...แอนก็รักและเคารพคุณอาค่ะ”
ณวัตรเข้ามากอดมองตาหวานฉ่ำ หลังกฤติยาพิงประตูห้องอยู่ กฤติยาใช้มือควานบิดลูกบิด
ส่วนที่ด้านนอก กัณฐิกาไม่พอใจ เตรียมจะทุบประตูห้อง
ณวัตรยิ้ม จะเข้ามาหอมแก้มกฤติยา
“อาดีใจนะที่หนู...”
กฤติยาบิดลูกบิด เปิดประตูออกไป เจอกับกัณฐิกา
ณวัตรตกใจแทบช็อก “คุณกัณ”
“ทำอะไรกันคะ?”
ณวัตรและกฤติยานิ่งอึ้ง ไม่ทันมีใครได้อธิบาย ชนิกานต์ปราดเข้ามาทันที
“ตาไม่บอดก็แหกตาดูสิ พ่อฉันจะกินหลานสาวเธอ” ชนิกานต์มองเหยียดกฤติยา “ไม่ใช่สิ หลานสาวเธอต่างหากที่กินพ่อฉัน”
กัณฐิกาหันขวับไปมองกฤติยา ณวัตรรีบแก้ตัว
“หนูแอนมาทำแผลให้ผม ใช่มั้ยจ้ะหนู”
“แอนเอากล่องยาไปเก็บก่อนนะคะ”
กฤติยาออกตัวไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ตรงนี้ รีบออกไป ชนิกานต์รั้งไว้
“จะหนีไปไหน หน้าด้านกล้าแย่งผัวน้า ก็ต้องกล้ายอมรับความจริง”
กฤติยาดิ้นจะหนี “ฉันไม่ได้ทำอย่างที่เธอคิด”
ชนิกานต์จับตัวบังคับ “สารภาพความเลวออกมาให้หมด”
กัณฐิกาบอกชนิกานต์ “ปล่อยหลานฉันเถอะค่ะ หลานฉันไม่มีนิสัยแบบนั้น”
ชนิกานต์แปลกใจที่กัณฐิกาไม่เล่นงานกฤติยา แหวใส่ “แต่แกก็เห็น...”
กัณฐิกาสวนขึ้น “คุณพ่อหนูบอกแล้วนี่คะ หลานฉันมาช่วยทำแผล ถึงหนูจะไม่เชื่อกฤติยา ก็ควรเชื่อใจคุณพ่อนะคะ”
ณวัตรยิ้มพอใจที่กัณฐิกาไม่คิดอย่างที่ชนิกานต์ตั้งใจแฉ
กฤติยาปัดมือชนิกานต์ออก แล้วเดินออกไปเร็วๆ ชนิกานต์ไม่พอใจ หันมาต่อว่ากัณฐิกา
“แกสองคนรวมหัว ช่วยทำมาหากินมาจับพ่อฉัน!”
ณวัตรขึ้นเสียง “นิกกี้! พ่อยังไม่ได้เอาเรื่องเราที่ทำคิ้วพ่อแตก อย่าก่อเรื่องอีก”
ชนิกานต์ไม่ยอม “แต่...”
ณวัตรมองดุ ชนิกานต์ไม่พอใจ ที่ณวัตรไม่ยอมฟังเธอ มองข่มกัณฐิกาแล้วสะบัดตัวพรึ่ดออกไป
“กัณขอโทษนะคะที่ไม่ได้อยู่ดูแลคุณ”
“ไม่เป็นไร...หนูแอนเขาทำหน้าที่แทนคุณแล้ว”
“มีอะไรก็เรียกใช้หนูแอนได้นะคะ หนูแอนว่านอนสอนง่าย”
“ครับ”
ณวัตรยิ้มพอใจที่กัณฐิกาไว้ใจ ไม่รู้ว่าตนตั้งใจเคลมกฤติยา
กฤติยาอยู่ในห้อง กัณฐิกาเดินเข้ามา
“แม่มีอะไร เจ็บปวดตรงไหน แอนจะช่วยทำแผลให้”
กัณฐิกาตบหน้ากฤติยาเต็มแรง กฤติยาไม่สะทกสะท้านแม้สักนิด
“สารเลว คิดแย่งแม้กระทั่งผัวแม่”
“แม่คิดมากไปรึเปล่าคะ”
“ถึงฉันไม่ได้เป็นกล้องวงจรปิดเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ฉันก็ไม่โง่ แกจงใจฉวยโอกาสที่คุณณวัตรได้รับบาดเจ็บ...เข้าไปอ่อย หวังให้คุณณวัตรรักและเอ็นดู” กัณฐิกาบันดาลโทสะกระชากสร้อยเพชร ที่กฤติยาใส่ ซึ่งเป็นสร้อยของณวัตร “เพราะแกอยากได้สร้อยเพชรเม็ดใหญ่กว่านี้”
กฤติยาพูดนิ่งๆ “แม่เข้าใจผิดแล้วล่ะ ต่อให้เป็นเพชรเม็ดโตเงินร้อยล้าน...ไม่มีค่าสำหรับแอน”
กัณฐิกาขึ้นเสียง “แล้วแกต้องการอะไร บอกฉันมานะ แกทำเพื่ออะไร”
กฤติยาไม่ตอบ
“ฉันรู้ละ...แกมันโตในสลัม อยู่กับชีวิตต่ำต้อยไร้ค่า...พอมีชีวิตที่ดีขึ้น ก็อยากสร้างความมั่นใจภูมิใจ...เที่ยวโปรยเสน่ห์เช็คเรตติ้ง เหมือนที่แกเข้าไปยั่วยวนธีดนย์ในครัวเมื่อเช้านี้”
กฤติยาแปลกใจที่แม่พูดเรื่องธีรดนย์
“เลิกทำตัวแพศยาน่ารังเกียจได้แล้ว!”
“แอนจะพยายามค่ะ”
กัณฐิกาไม่พอใจ “ไม่ใช่แค่พยายาม แต่แกต้องทำตามฉันสั่ง!”
กฤติยาย้อนเอา “มันยากมากนะคะแม่...ที่จะให้แอนเลิกนิสัยยั่วยวนผู้ชาย เพราะเชื้อแพศยาของแม่อยู่เต็มตัวแอน”
กัณฐิกาโกรธจนตัวสั่น ตบหน้ากฤติยาเต็มแรง “แก”
กฤติยาหันขวับมาสู้หน้าแม่
“อย่ามาย้อนฉัน...จำใส่หัวไว้ อย่ายุ่งกับผู้ชายของฉัน หรือให้ท่าธีรดนย์อีก!”
กัณฐิกาเดินออกไปจากห้อง กฤติยาไม่สะทกสะท้าน แต่เมื่อกัณฐิกาเดินลับตัวไป กฤติยาร้องไห้โฮ มองไปยังภาพถ่ายของยายแก้วด้วยตวามคิดถึง
“ยายเห็นแล้วใช่ไหม ว่าแม่รักตัวเอง แม่ไม่ได้รักแอน”
กฤติยาเข้าไปหยิบรูปยายแก้วขึ้นมากอด
“ยายอย่าโกรธแอนนะจ๊ะ...แอนไม่ได้คิดแย่งผู้ชายของแม่...แต่แอนอยากให้แม่รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด เมื่อเราไม่มีใคร เหมือนที่แม่เคยทอดทิ้งแอน”
กฤติยากอดรูปยายแก้วร้องไห้โฮๆ
กัณฐิกาออกมาห้องอย่างหัวเสีย จะเดินกลับไปยังห้องตัวเอง ชนิกานต์เดินออกจากมุมหนึ่ง มองตามแล้วยิ้มเย้ย
“เล่นงานแกไม่ได้ ฉันก็จะใช้หลานแกเป็นเครื่องมือทำร้ายพวกแก”
เวลาผ่านไป สุตาภัญยื่นเงินค่าเทอมให้...ชนกชนม์ยิ้มรับ สองคนอยู่มุมหนึ่งที่มหาวิทยาลัย
“ขอบคุณครับ”
สุตาภัญยิ้มยินดี ชนกชนม์กลับส่งเงินคืนให้
“คืนละ”
สุตาภัญแปลกใจ “ทำไมล่ะ เอาไปจ่ายค่าเทอมสิ”
“อาธนกรให้เงินฉันไปจ่ายแล้ว”
สุตาภัญผิดหวังเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ช่วยเธอเลย”
“ช่วยได้สิ...หางานให้ฉันทำ...ฉันอยากมีเงินไว้ใช้” ชนกชนม์นึกขึ้นได้รีบเข้าไปรบเร้า “รับฉันเป็นคนใช้บ้านเธอ..ฉันปัดกวาดเช็ดถูงานสวน งานครัว ซ่อมท่อ เปลี่ยนหลอดไฟทำได้ทุกอย่าง”
“แค่แมลงวันตัวผู้บินเข้าบ้านยังโดนช๊อตเลย หมดสิทธิ์จ้ะ”
ชนกชนม์ทำหน้าเศร้า เหม่อมองฟ้า
“เฮ้อ...คนดีไม่มีทางออก...สวรรค์...โปรดเห็นใจส่งนางฟ้ามาช่วยชนกชนม์ด้วยครับ”
สุตาภัญทำท่าน่ารักเป็นนางฟ้า “นางฟ้าเบอร์ห้าจะเสกงานให้นายเอง”
ชนกชนม์ออกอาการตื่นเต้นดีใจ “ผมของานที่ไม่เสียการเรียน ไม่เปลืองตัว ไม่เหนื่อยด้วยครับ...นางฟ้า”
สุตาภัญเล่นตามกันทำท่าเสกคฑาให้พร “ปิ๊ง”
ไม่นานหลังจากนั้นชนกชนม์แต่งชุดยูกาตะเป็นหนุ่มญี่ปุ่นน่ารักๆ ที่หัวคาดผ้าสีขาว มีจุดสีแดงดวงใหญ่ตรงกลางของรอยพับ สัญลักษณ์ อาทิตย์อุทัย และโค้งคำนับแบบญี่ปุ่นให้คนที่เดินผ่านไปมา
“ร้านอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ เปิดใหม่ ขอเชิญใช้บริการครับ”
ชนกชนม์ยืนแจกใบปลิว..โฆษณาร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่
บรรดานักศึกษาเดินรับใบปลิว ผ่านไปมา สุตาภัญถือแก้วน้ำมาส่งให้ชนกชนม์
“ถูกใจไหม”
ชนกชนม์ส่ายหน้า
“ฉันเสกให้ตามคำขอทุกอย่างนะ”
“อาชีพนี้ทำลายสิ่งแวดล้อมอ่ะ”
สุตาภัญแปลกใจ ชนกชนม์หันไปมองที่มุมหนึ่ง สุตาภัญมองตาม เห็นใบปลิวโฆษณาที่แจกเกลื่อนถังขยะที่วางอยู่ข้างๆ
สุตาภัญเห็นก็ตกใจ....ชนกชนม์มองหน้า ประมาณว่าทำอะไรต่อดี..
“เราก็ช่วยโลกได้นี่”
คราวนี้ชนกชนม์เป็นฝ่ายแปลกใจ
สุตาภัญเดินไปที่กองขยะ เก็บใบโฆษณาขึ้นมา หันมาบอกชนกชนม์
“รียูส....นำกลับมาใช้ใหม่”
สุตาภัญนำใบปลิวเหล่านั้นมาแจกคนที่เดินผ่านไปมา
“ร้านอาหารเปิดใหม่..รสชาติต้นตำรับค่ะ”
ชนกชนม์เห็นวิธีแก้ปัญหาของสุตาภัญ ก็รู้สึกดี เข้าไปช่วยเก็บใบปลิวที่พื้น แล้วก็แจกต่อไป
จู่ๆ มีเท้าของใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ชนกชนม์ยื่นใบปลิวให้โดยไม่ได้มองหน้า
“บริการทุกระดับประทับใจครับ”
ชนกชนม์แจกใบปลิว แต่ใครคนนั้นจับมือชนกชนม์ไว้ ชนกชนม์จึงเงยหน้ามอง
“นิกกี้”
ธีรดนย์เดินเข้ามาถามสุตาภัญอย่างสงสัย
“ทำอะไรกันอ่ะ”
สุตาภัญยิ้มแล้วหันไปชี้ทางชนกชนม์ ชนิกานต์และธีรดนย์แปลกใจว่าชนกชนม์ทำอะไร?
ส่วนที่คฤหาสน์ชลนิภาเวลานั้น ชลนิภารีบเดินลงมาจากบันได แต่งตัวพร้อมไปบริษัท ตะโกนเรียกธนกร
“คุณธนกร ไปได้แล้ว”
ชลนิภาเดินมาเจอชยางกูร ก็เข้าไปหาทันที
“ลูกไม่มีเรียน ออกไปช่วยงานที่บริษัทกับคุณแม่นะ”
“กูรอยากไปครับ แต่ใกล้สอบแล้ว กูรต้องเร่งอ่านหนังสือครับ”
ชลนิภาสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
“แต่ถ้าคุณแม่อยากให้กูรไป กูรค่อยกลับมาอ่านก็ได้ครับ”
ชยางกูรรีบวางหนังสือ จะไปกับช่วยงานแม่ ชลนิภารีบห้าม
“ไม่ต้องหรอกลูก แค่รู้ว่าลูกมีใจอยากช่วย คุณแม่ก็ภูมิใจแล้ว”
ธนกรเดินลงมา ชลนิภาหันไปโวยใส่ธนกร
“ต้องให้ฉันรอทุกครั้ง อืดอาดยังกะเต่า” ปากด่าสามีแต่ตรงเข้าไปหอมชยางกูร “คุณแม่ไปก่อนนะลูก”
“กูรรักคุณแม่ครับ”
ชยางกูรหอมแก้มตอบ ชลนิภาเดินออกไป
ธนกรบอกชยางกูร “พ่อไปทำงานแล้ว”
ชยางกูรไม่สนใจ ก้มหน้าอ่านหนังสือ เพราะยังโกรธอยู่ ธนกรเดินออกไป
รถของชลนิภาวิ่งออกไป ชยางกูรเข้ามายืนมองยิ้มย่อง มีแผนการบางอย่าง แต่พอหันกลับเข้าไปในบ้านเจอหน้าแป๋วเต็มๆ
ชยางกูรตกใจร้องลั่น “เฮ้ย! โผล่มายังกะผี”
แป๋วทำท่าน่ารักใส่ “ผีที่ไหนน่ารักเท่าแป๋วล่ะคะ”
ชยางกูรหัวเสีย เดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ แป๋วเดินตามต้อยๆ
“ตามฉันทำไม”
“ไม่ได้ตามค่ะ แต่จะประกบรับใช้”
ชยางกูรรู้ทัน “คุณพ่อสั่งให้แกควบคุมฉัน”
“ฉลาดอ่ะค่ะ”
ชยางกูรไม่พอใจ เดินหนีไป แป๋วเดินตามไปประหนึ่งเป็นเงาตามตัว ชยางกูรยิ่งหัวเสียใหญ่
ที่โต๊ะคณะ ธีรดนย์รู้เรื่องราวของชนกชนม์ก็ชวนไปร่วมวงดนตรี
“ไม่ต้องหางานอื่น ไปร้องเพลงกับฉัน”
ชนกชนม์ยืนกรานคำเดิม “บอกแล้วไง ไม่อยากเป็นตัวหาร”
ชนิกานต์ยื่นบัตรเครดิตให้ “เอาไปใช้! วงเงินเป็นแสน เราเป็นแฟนกันก็เหมือนคนคนเดียวกัน”
ธีรดนย์หมั่นไส้เลยพูดเหน็บ “ทำยังกะแต่งงานกันแล้ว”
“เรียนจบก็แต่งทันทีมีลูกสองคนนะ...” ชนิกานต์ยิ้มถามชนกชนม์
“เอ่อ...ขอบใจนะ แต่ผมรับไม่ได้จริงๆ ผมอยากทำงานด้วยตัวเอง”
ชนิกานต์ออดอ้อน “ก็แฟนเป็นห่วงนี่ เอางี้ แฟนย้ายไปอยู่บ้านแฟน”
“ไม่ดีหรอก มันไม่เหมาะ เราเป็นแค่แฟน..ไม่ควรทำตัวเกินเลย”
ชนกชนม์ยืนกรานจะหางานทำ ชนิกานต์หันไปบอกสุตาภัญที่นั่งนิ่ง
“ตา...เธอช่วยหว่านล้อมให้แฟนฉันยอมฉัน”
ทุกคนอึ้ง มองหน้าชนิกานต์ ชนิกานต์หัวเราะเขินๆ
“ฉันหมายถึง ยอมรับบัตร หรือความช่วยเหลือจากฉันน่ะ”
สุตาภัญถามชนกชนม์ “นาย...ชอบงานขายไหม”
ชนิกานต์ผิดหวัง “เอ้า...ไม่ช่วยฉันเลย”
“เธอก็รู้ว่าชนม์รักศักดิ์ศรี อยากอยู่ได้ด้วยตัวเอง.. เธอน่าจะภูมิใจในตัวเขานะ”
ธีรดนย์เหน็บอีก “รึอยากได้แฟนที่เกาะเป็นแมงดา”
ชนิกานต์มองชนกชนม์ แล้วเข้าไปเกาะแขนไว้แน่นพูดอ้อล้อ “ยอมให้เกาะ”
ชนกชนม์ขยับตัวออกพูดขึงขัง “แต่ผมไม่อยากเป็นแมงดา...” พลางถามสุตาภัญ “ตกลงเอาไงอ่ะนางฟ้าเบอร์ห้า”
สุตาภัญครุ่นคิด “เป็นลูกจ้างท่าจะไม่รอด” แล้วคิดขึ้นมาได้ “เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส เป็นเจ้าของกิจการดีกว่า”
ธีรดนย์ส่ายหัว “เงินทุนต่ำอย่างพวกเราเนี่ยนะ”
“เงินน้อยไม่ใช่ปัญหา...มันอยู่ที่นี่”
สุตาภัญชี้ที่สมอง คิดถึงอาชีพบางอย่าง ทุกคนสงสัยอยากรู้
ขณะเดียวกันชยางกูรเดินไป มีแป๋วคอยตามเป็นเงา ชยางกูรหัวเสียหันกลับมาชนกับแป๋วจังๆ
แป๋วร้อง “ว้าย”
ชยางกูรล้วงเข้าไปในกระเป๋า แป๋วตกใจคิดว่าชยางกูรควักอาวุธ
“แป๋วทำไปตามหน้าที่...อย่าฆ่าแป๋วเลยค่ะ”
แป๋วหลับตาปี๋ แล้วลืมตาอีกครั้ง เจอเงินแบงก์พันบาทตรงหน้า
“หน้าหมู่บ้านมีตลาดนัด ไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ใส่”
“แป๋วไป ก็บกพร่องในหน้าที่....งั้นเก็บเงินไว้ซื้ออาทิตย์หน้าก็ได้ค่ะ”
แป๋วจะรับเงิน แต่ชยางกูรชักเงินกลับ
“โอกาสทองมีวันเดียวเท่านั้น!”
แป๋วยอมตกลง “เอาค่ะ! ไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
สาวใช้ขาเม้าธ์รับเงินแล้วรีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันที ชยางกูรยิ้มพอใจ
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 8 (ต่อ)
เวลาต่อมาประตูห้องนอนชลนิภาเปิดออกขณะที่ชยางกูรเดินเข้ามาในห้อง มองไปที่ตู้เซฟ ชยางกูรเดินตรงมา พยายามเปิดแต่เปิดไม่ได้ ชยางกูรกวาดตามองไปยังบริเวณในห้องนอน
“มันต้องมีซ่อนที่ไหนบ้างล่ะ”
ที่แท้ชยางกูรคิดจะขโมยเครื่องเพชรของมารดา
เวลาต่อมาชนกชนม์และธีรดนย์ยกผ้าที่ซื้อมา กองไว้บนโต๊ะ
“ขายเสื้อ” ชนิกานต์ร้องถาม
สุตาภัญพยักหน้ารับ “ใช่...ลงทุนไม่สูง ซื้อง่ายขายคล่อง วัยอย่างพวกเราก็เป็นเจ้าของกิจการได้”
ธีรดนย์กังวลใจ “เสื้อแบบนี้มีขายออกเกลื่อน ใครจะซื้อ”
“เราก็สร้างมูลค่าเพิ่ม...ทำให้มันไม่เหมือนใคร? ปักถักลายใส่ลูกเล่นเพิ่มเติม”
ชนกชนม์คิดตาม นึกได้ “สกรีนด้วย ฉันออกแบบเอง”
“แน่ใจนะว่าเจ๋ง ไม่เจ๊ง” ชนิกานต์ถาม
สุตาภัญตอบตรงๆ “ไม่รู้”
ทุกคนอึ้ง “เอ้า”
“มาถึงขั้นนี้แล้วจะถอยได้ไง...” สุตาภัญถามเย้าเปลี่ยนสรรพนามชนกชนม์ “จริงมั้ยคะเฮีย”
ชนกชนม์รับมุกกอดอกวางมาดอาเฮีย “ลงทุนไปแล้ว...ก็ต้องสู้...งานนี้เฮียขอสั่งลุย!”
ชนกชนม์หันไปพยักเพยิดบิ้วท์เพื่อนๆ ธีรดนย์และชนิกานต์มองหน้ากัน แล้วยกมือทำท่าสู้ด้วย
“สู้ๆ”
บ้านเช่าของสุรเดชตอนกลางวันวันนั้น ได้กลายเป็นโรงงานผลิตเสื้อยืด ชนกชนม์เอาเสื้อขาวไม่มีลวดลายวางไว้ แล้วลงมือสกรีนเสื้อโดยมีธีรดนย์เป็นลูกมือ
ส่วนสุตาภัญเอาตุ๊กตา และดอกไม้ประดิษฐ์ และเพชรเทียม มาเย็บติดกับเสื้อ ให้เป็นลายใหม่
ชนิกานต์ผู้หยิบโหย่งกรีดกราย ทำหน้าที่ยกแก้วน้ำใส่หลอดเดินบริการเพื่อนๆ
จู่ๆ รถชลนิภาที่แล่นมาเพื่อตรงไปยังบริษัทก็ชะลอจอดริมถนน ชลนิภาซึ่งนั่งอยู่ตอนหลังต่อว่าธนกร
“หยุดรถทำไม”
“ผมลืมแบบเครื่องเพชรไว้ที่ห้อง” ธนกรสั่งคนรถ “แวะกลับไปบ้านก่อน”
“ไม่ต้อง” ชลนิภาเสียงแข็ง แล้วบอกธนกร “ฉันมีนัดลูกค้า ไม่อยากสาย คุณเรียกแท็กซี่ไปเอาแบบแล้วไปบริษัทเอง”
ธนกรรู้สึกเสียหน้าที่ชลนิภาไม่สนใจเขา แต่ไม่อยากแย้งให้เป็นปัญหา จึงยอมลงจากรถ
ธนกรโบกแท็กซี่ แต่แท็กซี่ไม่จอดรับสักคัน ธนกรต้องวิ่งข้ามถนนไปเรียกอีกฝั่ง
ชลนิภานั่งในรถ มองเห็นธนกรเรียกรถอย่างลำบาก
ในที่สุดมีแท็กซี่ยอมจอดรับธนกรขึ้นไปนั่งรถแล่นไป ชลนิภามองรู้สึกสงสารสามี จึงหันไปสั่งคนรถ
“วนกลับไปบ้าน”
“คุณผู้ชายคงดีใจนะครับที่คุณผู้หญิงเป็นห่วงท่าน” คนรถพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่ต้องพูดมาก ไปได้แล้ว”
คนรถยิ้มพอใจที่ชลนิภายังเป็นห่วงธนกร ขับรถเพื่อเลี้ยวกลับไปยังบ้าน
ธนกรเดินเข้ามาในบ้าน แปลกใจที่ไม่เจอชยางกูรหรือแม้แต่แป๋ว
“ชยางกูรไปไหน?” ธนกรมองหาแป๋ว “แป๋ว...แป๋ว”
ธนกรแปลกใจไม่เจอใครอยู่ในบ้าน มองขึ้นไปยังห้องนอนชลนิภาอย่างกังวล
ชนกชนม์แบกถุงผ้ามาหยุดที่มุมหนึ่งบนริมถนน ตั้งแผงแบกะดิน
“ขายตรงนี้ละ” สุตาภัญบอก
ชนกชนม์หวั่นใจ “จะขายได้เหรอ กลับเหอะ”
ชนกชนม์จะหอบถุงผ้ากลับ
“ใจไม่สู้ก็เจ๊งแล้ว”
ชนิกานต์เดินตามเข้ามา มองบรรยากาศข้างถนน แล้วรับไม่ได้
“เอาไปลงห้างไหม ฉันจะให้คุณพ่อลองคุยให้”
“หน้าบางขึ้นมาเชียว แต่เรื่องอื่นล่ะกล้านัก” ธีรดนย์แขวะ
ชนิกานต์หน้าคว่ำ “หาเรื่องฉันอีกแล้วนะ”
“ตรงนี้ละ ใครผ่านไปผ่านมาก็เห็น....มั่นใจสิ ว่าของเราดี”
สุตาภัญพูดให้กำลังใจ ชนกชนม์ฮึดยิ้มสู้
“ดีที่สุดในโลกอ่ะ”
เวลาต่อมาเสื้อยืดจัดวางอยู่ที่พื้นพร้อมขาย บางส่วนใส่ราวแขวน
ชนกชนม์ตะโกนเรียกลูกค้า “เร่เข้ามาครับ เสื้อผ้าทำมือ หาซื้อได้ราคาประหยัด 159 บาท”
มีคนวิ่งกรูเข้ามาชนกชนม์ดีใจ
“พูดไม่ทันขาดคำ มากันแล้ว”
แต่ปรากฎว่าวิ่งกรูมาแล้วผ่านไปแผงข้างๆ แย่งกันซื้อต่างหู สร้อย และเครื่องประดับจิปาถะ ชนกชนม์หน้าเสีย...ที่ไม่มีลูกค้าสนใจเสื้อของพวกเขา
ชนิกานต์ผิดหวังพูดเนือยๆ “ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”
“อย่าเพิ่งท้อ นั่นยังไม่ใช่ลูกค้าเรา...โน่นมาแล้ว”
ชนกชนม์โบ้ย มองไปยังลูกค้าอีกคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
“เข้ามาดูเลยครับพี่ เสื้อผ้าทำมือมีตัวเดียวในโลก ตัวนี้เหมาะกับพี่มากครับ”
“สวย พี่ชอบ ลดได้เท่าไหร่” ลูกค้าถาม
“159 หาซื้อที่ไหนไม่ได้แล้วนะพี่” ชนกชนม์บอก
“ร้านโน้นขาย 59”
ลูกค้าชี้ไปที่แผงอื่น มีป้าย 59 ทุกตัวเด่นหรา
ชนิกานต์มองหน้า ไม่พอใจ “อยากได้ของก๊อปของโหลเกรดต่ำก็ไปเลย ที่นี่ขายเฉพาะคนมีสไตล์ ไป๊!”
ชนิกานต์ตะเพิดไล่ ลูกค้าตกใจวิ่งหนีไป พวกสุตาภัญต้องรีบห้าม
“เขาเป็นลูกค้านะ”
“ไม่มีใครกล้าเข้ามาเลย”
ชนกชนม์มองไป เห็นลูกค้าต่างเดินผ่านหน้าร้าน ไม่กล้าเข้ามาใกล้
ธีรดนย์คิดได้ “ของดีต้องมีโปรโมท...” มองไปยังเพื่อนๆ “พวกเธอพร้อมมั้ย”
ชนกชนม์ สุตาภัญ และชนิกานต์ แปลกใจว่าต้องช่วยโปรโมทอย่างไร
ฟากชยางกูรยังคงคร่ำเคร่งรื้อหาเครื่องเพชร เห็นแต่แบบสเก็ตเครื่องเพชรก็โยนทิ้ง ชยางกูรเปิดลิ้นชัก เจอกล่องเครื่องเพชร ชยางกูรตาลุกวาวเปิดกล่องดูมีต่างหู และแหวนเพชรหลายวงในนั้น
ธนกรอยู่หน้าห้องนอนชลนิภา เปิดประตูเข้ามา ในจังหวะที่ชยางกูรหยิบแหวนเพชร ธนกรเข้ามาเห็นพอดี
ชยางกูรตกใจหน้าถอดสี “คุณพ่อ”
“ลูกขโมยเครื่องเพชรคุณแม่?”
ชยางกูรหน้าเสีย รีบปฎิเสธ “กูรเปล่านะครับ”
“ลูกจะเอาแหวนเพชรไปทำอะไร” ธนกรคาดคั้น
ชยางกูรอึกอัก “กูร...”
“พ่อรู้แล้ว...ลูกติดหนี้พนัน จะหาเงินไปใช้หนี้ใช่ไหม”
ชยางกูรอึ้งเถียงไม่ออก ชลนิภาเข้ามาในห้อง
“หยุดใส่ร้ายลูกฉัน!”
ชยางกูรดีใจที่ชลนิภากลับมา วิ่งไปหาชลนิภา
“คุณแม่ครับ ช่วยกูรด้วย”
ธนกรหันมาบอกชลนิภาอย่างมีอารมณ์ “คุณเลิกโอ๋เลิกเข้าข้างลูกได้แล้ว ให้ท่าจนลูกเสียคนกลายเป็นหัวขโมย!”
ชลนิภาเริ่มเอะใจ หันไปถามชยางกูร อยากฟังความจริงจากลูก
“ลูกกูร...บอกแม่มา..ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“กูรเห็นห้องคุณแม่เปิดทิ้งไว้ กล่องเครื่องเพชรวางอยู่นอกลิ้นชัก กูรกลัวนังแป๋วเข้ามาขโมย กูรจะเก็บเครื่องเพชรให้คุณแม่คุณพ่อก็มาใส่ความว่ากูรขโมย คุณแม่ครับ กูรเสียใจครับ”
ธนกรไม่พอใจที่ชยางกูรสร้างเรื่องโกหก
“โกหก...พ่อเห็นลูกกำลังขโมยเพชร”
ชลนิภาตัดบท “เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”
ชยางกูรยิ้มใจ คิดว่าชลนิภาปกป้องเขา
ชลนิภาบอกชยางกูร “ให้คุณพ่อค้นตัว”
ชยางกูรตกใจหน้าเสีย “คุณแม่”
“คุณแม่เชื่อลูก แล้วก็อยากให้คุณพ่อหมดข้อสงสัยในตัวลูกด้วย” ชลนิภาขู่ธนกร “ถ้าไม่พบอะไร...คุณต้องรับผิดชอบ”
ธนกรพอใจที่ชลนิภาเปิดทางให้เขาพิสูจน์ความจริง เดินตรงไปหาลูกชาย
ชยางกูรเหยื่อแตก กลัวพ่อจะค้นเจอ ธนกรค้นภายในกระเป๋าเสื้อและกางเกง แต่ไม่พบอะไรเลย ธนกรผิดหวัง
“กูรบอกแล้วว่ากูรไม่ได้ขโมย คุณพ่อไม่ไว้ใจกูร”
ชยางกูรทำเป็นน้อยใจ วิ่งออกไปจากห้อง ชลนิภาหันมาเล่นงานธนกร..
“เด็กเลี้ยงแกะสร้างเรื่องโกหก ยังพอให้อภัยได้ในความเป็นเด็ก แต่คนเป็นพ่อที่คอยเอาแต่จับผิดลูกตัวเอง มันเลวร้ายเกินให้อภัย หลังจากนี้ ความคิดของคุณ มันจะเป็นเสียงนกเสียงกาไม่มีค่ากับฉันอีกต่อไป!”
ธนกรพูดไม่ออก จำต้องรับสภาพ ธนกรสงสัยเรื่องที่ชลนิภากลับมาบ้านทั้งๆ ที่บอกว่ารีบ
“คุณบอกว่ารีบไปหาลูกค้า...แล้วกลับมาทำไม”
ชลนิภากลัวเสียหน้า ปากแข็งไม่ยอมบอกความจริงว่าตั้งใจมารับธนกร
“คุณไม่ไว้ผม...” ธนกรคิดไปโน่น
ชลนิภาประชดกลับ “ใช่! เหมือนที่คุณไม่ไว้ใจลูก”
ธนกรรู้สึกผิดหวัง เหมือนชีวิตรัก ชีวิตครอบครัวได้พังลงแล้ว
ธนกรน้ำตาตกใน เดินไปหยิบแบบเพชร จะเดินออกไปจากห้อง...
“ฉันไม่มีอารมณ์เข้าบริษัทแล้ว...เอาของไปส่งลูกค้าด้วย”
“ครับ..ท่านประธาน”
ธนกรประชดแล้วเดินออกไปจากห้อง ชลนิภาไม่พอใจ
ส่วนชยางกูรเข้ามาในห้องตัวเอง แล้วเปลี่ยนสีหน้าจากเศร้า เป็นยิ้มเย้ยสะใจ
ชยางกูรนั่งลงบนเตียง ถอดรองเท้าที่ใส่ในบ้านออก เผยให้เห็นแหวนเพชรใส่อยู่ที่นิ้วเท้านั่นเอง ชยางกูรถอดแหวนออก หยิบขึ้นมามองแหวนเพชรเม็ดใหญ่ ยิ้มพอใจที่ขโมยสำเร็จ
ฟากชนกชนม์ที่ใส่เสื้อแบบเดียวกับที่ทำขายหันไปถามธีรดนย์
“แน่ใจนะว่าแผนนี้ได้ผล”
“ไม่ลองไม่รู้”
ชนกชนม์สูดลมหายใจเข้า แล้วเดินตรงไปยืนบริเวณหน้าร้าน
ทันใดนั้นสุตาภัญก็วิ่งเข้ามา หยุดมองชนกชนม์แล้วกรี๊ดเสียงดังลั่น
“อ๊ายยยย”
ผู้คนที่เดินผ่านไปมา เริ่มหันมามองอย่างสนใจ
สุตาภัญกรี๊ด “เท่มาก เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็นคนหล่อ...เป็นแฟนกันนะคะ”
พลันสุตาภัญคุกเข่าถือดอกกุหลาบยื่นให้ ชนกชนม์รับดอกไม้มาทำท่าเขินอาย
“ครับ”
ทันใดนั้น ชนิกานต์ก็วิ่งเข้ามาดึงตัวชนกชนม์ออกไป
“ไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นแฟนฉัน”
ผู้คนเริ่มเข้ามามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น กลายเป็นไทยมุงขนาดย่อมๆ
สุตาภัญเถียง “ได้ไงอะ ฉันเจอก่อน”
“ก็ฉันห้ามใจไม่ไหวนี่” ชนิกานต์จ้องมองชนกชนม์ตาเยิ้ม “มันโดนอ่ะ!”
สุตาภัญไม่ยอม “ไม่ได้ ฉันจองก่อน”
“ฉันจะเอาอ่ะ”
ทั้งสองแย่งดึงทึ้งแย่งตัวชนกชนม์พัลวัน
บรรดาลูกค้าต่างยืนมุงดูด้วยความสนใจ ระหว่างนั้นธีรดนย์วิ่งตรงเข้ามากระชากคอเสื้อชนกชนม์
“นายมีดีอะไร...สาวๆ ถึงสนใจนาย!”
“ก็เพราะเสื้อตัวนี้ไง....ลายแบบเดียวในโลก”
สุตาภัญเข้าไปซบชนกชนม์ แล้วลูบไล้นำเสนอเสื้อ
“เนื้อผ้านุ่มบางเบา..ให้ความรู้สึกละมุนอุ่นใจ”
ชนิกานต์เข้าซบอีกข้าง “...อยากอยู่ใกล้ 24 ชั่วโมง”
สองสาวดี๊ด๊าร้องประสานเสียง “มันโดนอ่ะ”
“แบบนี้ชอบไหมล่ะ”
ธีรดนย์ตะโกนลั่น แล้วกระชากเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ออก เผยให้เห็นว่าเสื้อยืดลายที่วางขาย
สุตาภัญ กะชนิกานต์กรี๊ดแตก “อ๊าย... ถูกใจใช่เลย”
ชนกชนม์และธีรดนย์ยืนโพสท่ามาดเท่ บอกคนที่มุงดู
“อยากเท่ไม่ซ้ำใคร”
สุตาภัญและชนิกานต์ถอดเสื้อที่คลุมออก เผยให้เห็นเสื้อยืดที่ใส่ เป็นแบบที่วางขาย แล้วพูดพร้อมกัน
“สวยใสมีสไตล์!”
ทั้งสี่คนประสานเสียง “ขายเพียง...159 บาท”
จากนั้นทุกคนโพสท่าผายมือเปิดตัวร้านค้า
ไทยมุงปรบมือชอบใจ ต่างกรูเข้ามาจับดูแบบเสื้อเนื้อผ้าที่สุตาภัญและชนิกานต์ใส่ แล้วแย่งกันซื้อ
ชนกชนม์ยกหัวแม่โป้งชื่นชมความคิดธีรดนย์ ธีรดนย์ยิ้มยืดช่วยขายเสื้อต่อ
ชนกชนม์รู้สึกดีมากๆ หันไปมองสุตาภัญ สุตาภัญยิ้มให้ แล้วช่วยกันขายเสื้อต่อ
พอธนกรออกไป ชลนิภาเดินมายังกล่องเครื่องเพชร หยิบกล่องเครื่องเพชรขึ้นมา คิดถึงเหตุการณ์คืนก่อนหน้านั้น
ชลนิภาติดต่างหูเพชร แล้วปิดกล่องเครื่องเพชร เอาใส่ลิ้นชัก แล้วรีบออกไปจากห้องไป
ชลนิภาเริ่มเอะใจที่ ชยางกูรบอกว่าเครื่องเพชรอยู่ข้างนอกลิ้นชัก มองเครื่องเพชร สังเกตว่ามีแหวนเพชรวงหนึ่งหายไป
“แหวนหายไปวงนึง”
ชลนิภาเดินตามหาชยางกูร
“ลูกกูร”
ชยางกูรขับรถแล่นออกไปจากบ้านแล้ว
ชลนิภาผิดหวังที่เรียกไว้ไม่ทัน อยากสอบถามชยางกูร แป๋วเดินถือถุงใส่เสื้อผ้าเข้ามา
“นังแป๋ว อู้งานหายหัวไปไหน”
“แป๋วไม่ได้อู้งานนะคะ คุณชยางกูรอนุญาตให้แป๋วไปช้อป”
“เอาเงินไหนไปช๊อป แกขโมยเงินฉัน” ชลนิภาแว้ดใส่
“คุณกูรให้แป๋วพันนึง สาบานให้บ้านบึ้ม.. ไม่เชื่อถามคุณกูรได้ค่ะ”
ชลนิภาแปลกใจ “ลูกกูรให้เงินแก”
“ค่ะ...แป๋วก็ตกใจเหมือนคุณผู้หญิงค่ะ...คุณกูรใจดีผิดปกติ วันนี้ฟ้าผ่าฝนตกห่าใหญ่แน่ค่ะ..รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ”
แป๋ววิ่งโร่เข้าบ้านไป ชลนิภาคิดตาม เอะใจในพฤติกรรมลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
เวลาเดียวกันที่แผงขายเสื้อ แก้วน้ำหวานน้ำอัดลมของทั้งสี่คนถูกยกชนกันฉลอง
“เย๊!!”
ชนิกานต์ลุกขึ้นยืนมือถือแก้ว “ฉลองให้กับยอดขายทะลุเป้า ขายหมด ในพริบตา”
ธีรดนย์ลุกขึ้นยืนถือแก้ว “ฉลองให้กับ...ไอเดียโปรโมทสุโค่ยย!”
สุตาภัญลุกขึ้นยืนถือแก้ว “ฉลองให้กับ...เสื้อผ้าไม่ซ้ำใคร หนึ่งเดียวในโลก”
ชนกชนม์ลุกขึ้นยืนถือแก้ว “ฉลองให้กับเถ้าแก่น้อยคนใหม่ของเมืองไทย”
“ฉันด้วยสิ ฉันก็ลงขันเป็นหุ้นส่วน!” ธีรดนย์ร้อง
“เอาเป็นว่า..ทุกคนในที่นี่...เป็นหุ้นส่วน เราหารสี่โอเคปะ?” ชนกชนม์ว่า
สุตาภัญบอก “ไม่ต้องแบ่งฉันนะ ฉันเต็มใจช่วย”
ธีรดนย์ซึ้ง “ขอบใจนะตา” หันมาบอกอวดชนกชนม์ “แฟนฉันน้ำใจสุดยอด”
ชนกชนม์ยิ้มให้ สุตาภัญยิ้มตอบ
ชนิกานต์เย้ยธีรดนย์ “แฟนชนม์ก็สุดยอดย่ะ...” หันมาบอกชนกชนม์ “ไม่ต้องแบ่งให้นิกกี้นะ ขอให้รักนิกกี้มากขึ้นก็พอ”
ทุกคนหัวเราะขำท่าทีชนิกานต์
“พรุ่งนี้ฉันจะสกรีนเสื้อให้มากขึ้น จะได้เงินเยอะๆ ฉันจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง..เอ้า..ชน”
ชนกชนม์ยกแก้วน้ำตัวเอง ชนกับแก้วน้ำของเพื่อนๆ
เด็กหนุ่มสาวชนแก้วยิ้มแล้วให้กันอย่างมีความสุข ชนกชนม์หันไปสบตายิ้มให้สุตาภัญ ในขณะที่สุตาภัญยิ้มเป็นกำลังใจให้ชนกชนม์
ตอนเย็นนั้นธีรดนย์เดินยิ้มร่าเริงเข้ามายังห้อง อุษามองอย่างสงสัย
“ทำไมกลับมาป่านนี้ล่ะลูก”
“แม่... ผมเป็นเจ้าของกิจการแล้วนะ ผมขายเสื้อกับเพื่อน อีกหน่อยมีเงินเก็บเยอะพอ...เราออกไปอยู่ที่อื่นด้วยกัน”
“ลูกยังคิดเรื่องนี้อีกเหรอ เราไม่อยู่แล้วใครจะดูแลคุณท่านคุณหนู”
“แม่เลิกห่วงคุณอื่น หันมาสนใจตัวเองบ้าง ผมอยากให้แม่มีความสุข..มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น”
“จ้ะ...แม่ไปเตรียมอาหารให้คุณท่านก่อน...ลูกรีบไปรดน้ำต้นไม้ได้แล้ว”
“ครับ จะแปลงร่างภายในห้านาที”
อุษายิ้มขำ แล้วเดินออกไป ธีรดนย์รีบถอดเสื้อเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปรดน้ำต้นไม้
โดยไม่รู้ว่าที่มุมหนึ่งกัณฐิกาหยุดมองเรือนร่างแกร่งกำยำของธีรดนย์ ขณะที่ถอดเสื้อ ยิ้มอย่างพอใจ
ธีรดนย์ยืนรดน้ำต้นไม้ ร้องเพลงไปอย่างมีความสุข แต่แล้ว จู่ๆ ปริงเกอร์ที่สนาม ประมาณสี่ห้าตัว ก็หันมาฉีดใส่มาโดนธีรดนย์เต็มๆ
“เฮ้ย...ใครเปิดน้ำ.....
ธีรดนย์แปลกใจ กำลังจะวิ่งหลบน้ำที่ฉีดเข้ามา กัณฐิกาวิ่งเข้ามาหาแสร้งทำเป็นตกใจ
“ธีรดนย์ โทษทีฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังรดน้ำต้นไม้”
ธีรดนย์ยืนอยู่ในวงสปริงเกอร์ “เอ่อ..ผมไปปิดสปริงเกอร์ก่อนครับ”
ธีรดนย์นึกได้ รีบวิ่งไปปิดสปริงเกอร์ กัณฐิกามองตามตาวาวยิ้มมีแผนบางอย่าง
ขณะที่ธีรดนย์เดินกลับมา พยายามสะบัดหัว บิดเสื้อที่เปียกน้ำ มองตรงไป เห็นกัณฐิกาใช้สายยางที่ธีรดนย์รดน้ำต้นไม้ ช่วยรดน้ำต้นไม้ ธีรดนย์ตกใจรีบวิ่งเข้าไปแย่งสายยาง
“อย่าครับ ผมทำเอง”
“ให้ฉันทำเถอะ เป็นการไถ่โทษที่ฉันเปิดสปริงเกอร์ ทำให้เธอเปียก”
“ไม่เป็นไรครับ ส่งสายยางให้ผมครับ”
“โบราณว่าไว้ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย..ให้ฉันช่วยเธอ”
“ไม่ได้ครับ..คุณท่านคงไม่พอใจ”
ธีรดนย์จะเข้ามาเอาสายยาง กัณฐิกาแกล้งฉีดน้ำใส่ธีรดนย์
“นี่แน่ะ ดื้อกับฉันอีกแล้ว”
เนื้อตัวธีรดนย์เปียกปอน “คุณกัณ”
กัณฐิกานึกสนุกฉีดสายยางใส่ตัวธีรดนย์อย่างร่าเริง ธีรดนย์ปัดป้องพัลวัน กัณฐิกาไล่ฉีดอีก ธีรดนย์จับสายยางไว้ ทำให้น้ำพุ่งไปโดนตัวกัณฐิกา
ธีรดนย์ตกใจ “ผมขอโทษครับ...ผมไม่ได้ตั้งใจ”
กัณฐิกายิ้มตอบ “หายกันแล้วนะ ต่างคนต่างเปียก”
ไก่แก่แม่ปลาช่อนเดินเข้ามาจับเนื้อต้องตัวธีรดนย์อย่างพึงใจ
“ถอดเสื้อสิ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
กัณฐิกาจะถอดเสื้อให้ ธีรดนย์ปัดป้อง
“ไม่เป็นไรครับ”
กัณฐิกามองดุ “ดื้อนัก...ฉันฟ้องคุณณวัตรว่าเธอแกล้งฉีดน้ำใส่ฉัน”
ธีรดนย์จำต้องเอามือลง กัณฐิกาเข้ามาถอดเสื้อให้เด็กหนุ่ม จ้องมองลำตัวด้วยความพอใจ
กฤติยาเดินเข้ามา เห็นการกระทำของกัณฐิกาก็แปลกใจ หยุดยืนมอง
“เด็กเอ๋ยเด็กน้อย เปียกยังกะลูกนกตกน้ำ”
กัณฐิกาวาบหวิวเดินเข้ามาลูบเช็ดน้ำที่ใบหน้าให้ ธีรดนย์ยืนอึ้ง แต่คิดแค่ว่าเป็นความเมตตาของกัณฐิกา
กฤติยายืนมอง รู้ดีว่าแม่หาทางกินธีรดนย์
กัณฐิกาเอามือเช็ดน้ำบนใบหน้าธีรดนย์อย่างอ่อนโยน
เย็นนั้นขณะที่ชนิกานต์ขับรถเข้ามาในเขตบ้านแล้ว มองตรงไปเห็นกัณฐิกายืนคุยอยู่กับธีรดนย์ซึ่งถอดเสื้อเปลือยท่อนบนโชว์หุ่นล่ำสันสุดเซ็กส์ ชนิกานต์หยุดรถกึกมองดู
กัณฐิกาลูบหน้าธีรดนย์ไม่ปล่อย ธีรดนย์รู้สึกตัวว่าไม่เหมาะ จับมือกัณฐิกาออก
“ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนครับ” ธีรดนย์เดินออกไป
ไก่แก่กัณฐิกาผิดหวัง แสร้งเดินแล้วลื่นหกล้ม
“โอ๊ย”
ชนิกานต์มองอยู่ ก็รู้ทันทีว่ากัณฐิกามารยา ไก่อ่อนธีรดนย์หันกลับมาเข้ามาดูกัณฐิกา
“คุณกัณเป็นอะไรครับ”
“ลื่นหกล้มนะ...ข้อเท้าพลิก...ช่วยพาฉันไปส่งห้องหน่อย”
“ครับ”
ธีรดนย์จำต้องเข้ามาช้อนร่างกัณฐิกาขึ้น
“ขอโทษนะครับ”
ธีรดนย์อุ้มกัณฐิกาขึ้นแล้ว กัณฐิกายิ้มพอใจ เอามือโอบคอไว้แน่น ธีรดนย์อุ้มพากัณฐิกาเดินเพื่อเข้าบ้าน ใกล้กับถนนทางวิ่งรถ
ชนิกานต์นั่งมองจากในรถระยะห่างออกไป ไม่พอใจกดแตรเสียงดังลั่นติดๆ กัน
ธีรดนย์อุ้มกัณฐิกาเดินใกล้ทางรถในบ้าน หันไปมอง เห็นรถชนิกานต์พุ่งมาก็ตกใจ กฤติยายืนมองตัวแข็งทื่อ ตกใจที่ชนิกานต์เห็นเหตุการณ์เช่นกัน กลัวเกิดเรื่องไม่ดี
ชนิกานต์กดแตรเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่องและเอาเรื่อง
ติดตามเอาใจช่วย ชนกชนม์ ใน "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 9