xs
xsm
sm
md
lg

ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 8
พระปรางค์วัดอรุณตั้งตระหง่านสวยงาม เกริกไกรกับสายรุ้งเดินจูงมือกันไหว้พระ แล้วก็ถ่ายรูปคู่กัน ก่อนจะจัดการให้ยุทธการกับตะวันฉายถ่ายรูปคู่กันบ้าง
จากนั้นทั้งสี่คนก็นั่งรถรางเที่ยวรอบสนามหลวง ตะวันฉายมีสีหน้ากังวลพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมา เธอกดดูเวลาแล้วก็เก็บโทรศัพท์ พอเงยหน้ามาก็เห็นยุทธการมองอยู่ ทั้งสองยิ้มให้กัน ตะวันฉายทำฟอร์มเป็นถ่ายรูปด้วยมือถือ
ทั้งสี่มานั่งเรือหางยาวล่องแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วแวะวัดเพื่อให้อาหารปลา ตะวันฉายเห็นเกริกไกรกับสายรุ้งกำลังสนุกกับการให้อาหารปลา โดยมียุทธการคอยดูแล เธอจึงแอบเดินแยกออกมาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกก็เห็นเป็นเวลา 11:00 น.
ตะวันฉายถอนหายใจด้วยความเซ็งแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ตะวันฉายตกใจก่อนจะดูหน้าจอแล้วรีบกดรับ
“หูยย ฉันกำลังคิดถึงแกพอดีเลย”

เอวานั่งหัวฟูคุยอยู่บนเตียง
“ของฉันน่ะคิดถึงแกเป็นสองเท่าเลย เพราะมีคนมาช่วยคิดถึงด้วย” เอวาบอก
ตะวันฉายงง “ใครอ่ะ?”
“พี่เมฆน่ะสิ เขาโทรมาถามฉันว่าแกจะกลับบ้านเขาเมื่อไหร่ เขาบอกแกลาแค่วันเดียวแต่หายไปเลย”
“นี่แหล่ะที่ฉันกลุ้ม พ่อกับแม่ฉันยังไม่กลับเลย ฉันถึงจะโทรถามแกว่าจะเอาไงดี เกิดพ่อกับแม่อยู่เป็นอาทิตย์ ฉันแย่แน่ๆ.....เอวาเพื่อนเลิฟ...Help me please..please..please!”
“หืมมมม...ทุกทีเลยนะแก เอาล่ะ เรื่องนี้เจ๊จัดการเอง ส่วนเรื่องพี่เมฆแกค่อยกลับพรุ่งนี้แล้วกัน”
“แกจะทำไงเหรอ” ตะวันฉายถาม
“ฉันก็จะ...” เอวายังไม่ทันตอบเสียงยุทธการก็ดังขึ้น
“ซัน ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”
เอวาได้ยินเสียงยุทธการก็ชะงัก
“พี่ยุทธไปด้วยเหรอ” เอวาถาม
ตะวันฉายกระซิบ “ใช่...แค่นี้นะ แกอย่าลืมช่วยฉันล่ะ”
ตะวันฉายวางสายไป เอวาถอนใจด้วยความเซ็งแล้วหยิบโทรศัพท์มากดเลือกเบอร์ก่อนจะโทรออก
เอวาพูดเสียงหวาน “สวัสดีค่ะ Sunrise Beach Resort ใช่ไหมคะ......” เอวาฟังปลายสายไปด้วยหยิบน้ำมาดื่มไปด้วย พอฟังจบแล้วก็เปลี่ยนเป็นเสียงดุทันที “ทำไมพวกคุณบริการอย่างนี้”

ตะวันฉายทำฟอร์มถ่ายรูปวัดไปเรื่อยด้วยมือถือ
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหม ช่วยถ่ายรูปให้ก็ได้” ยุทธการบอก
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ยุทธ ซันเก็บภาพหมดแล้ว”
“ว้า...พระเอกคนนี้ไม่ค่อยได้ช่วยนางเอกเลย”
“ก็ช่วยดูแลพ่อแม่นางเอกไง”
ยุทธการยิ้ม “พี่ช่วยดูแลตลอดชีวิตเลยนะ”
ยุทธการยิ้มหวานซึ้งให้ตะวันฉาย ตะวันฉายหัวเราะขำแล้วเดินมากระซิบใกล้ๆ
“เอ่อ...พี่ยุทธ ในวัดนะพี่ในวัด”
ยุทธการหัวเราะเขิน
เกริกไกรกับสายรุ้งให้อาหารปลาเสร็จก็หันกลับมาเห็นยุทธการกับตะวันฉายกำลังคุยกันพอดี ทั้งสองเลยสะกิดกันดู
“เฮ้อ...นึกถึงเมื่อคืนที่ลูกเราบอกว่าไม่ได้ชอบตายุทธแล้วเสียดายนะพ่อดูสิ เวลาสองคนนี่อยู่ด้วยมันเป็นภาพน่ารักจริงๆ” สายรุ้งบอก
“เอาน่าแม่ ถ้าลูกยังไม่มีใคร แล้วมีเราสองคนช่วยกันผลักช่วยกันดันแบบนี้ พ่อว่าอีกไม่นานนายยุทธก็เข้าวิน”
“แม่กลัวลูกจะมีใครแล้วไม่บอกน่ะสิ”
เกริกไกรขมวดคิ้วแล้วคิดตามพร้อมทั้งมองไปที่ยุทธการกับตะวันฉายที่ยังยืนคุยกันอยู่

ณ ร้านกาแฟเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ริมน้ำ ทั้งสี่นั่งดื่มกาแฟโบราณและกินขนมอยู่กัน ยุทธการคอยดูแลโดยการตักแบ่งขนมให้ทุกคน
“นี่ตกลงที่ซันบอกพ่อกับแม่ว่ายุ่งหาข้อมูล ก็คือมาถ่ายรูปที่ต่างๆแบบนี้น่ะเหรอ? พ่อไม่เห็นเราจะหารายละเอียดอะไรเลย” เกริกไกรว่า
ตะวันฉายอึ้ง เธอหันไปหายุทธการก็เห็นยุทธการมองหน้าเธออยู่เหมือนกัน
“ก็วันนี้พ่อกับแม่มา ก็เลยเน้นถ่ายรูป ถ้าปกติ ซันจะเข้าห้องสมุดบ้าง ไปขอข้อมูลตามสำนักงาน กระทรวง ทบวง กรม อะไรพวกนี้แหละค่ะ”
“ตายแล้ว อย่างนี้ก็กวนพี่ยุทธเขาแย่สิ” สายรุ้งกังวล
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจช่วยน้อง” ยุทธการบอก
เกริกไกรกับสายรุ้งแอบมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มพร้อมทั้งยักคิ้วให้กัน ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเกริกไกรก็ดังขึ้น เกริกไกรหยิบมาดู
“รีสอร์ทโทรมาทำไม” เกริกไกรกดรับ “ฮัลโหล”
ตะวันฉายทำตาเป็นประกายอย่างมีความหวังแล้วก็ตั้งใจฟัง
“คุณเกริกขา เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ” อ้อที่โทรศัพท์ไปหาเกริกไกรบอก “เมื่อกี้มีแขกโทรมาวีนค่ะ เธอด่ากระหน่ำไม่มีชิ้นดีเลยค่ะ ติทุกอย่างตั้งแต่บันไดขั้นแรก ล๊อบบี้ สระน้ำ ห้องพัก ห้องน้ำ อาหาร ยันน้ำทะเลเธอยังบอกเลยค่ะว่าทำไมน้ำทะเลหน้ารีสอร์ทเราเค้มเค็ม”
“แขก In house เหรอ” เกริกไกรถาม
“ไม่ใช่ค่ะ โทรมาจากสายนอก อ้อขอชื่อเธอก็ไม่ให้ค่ะ บอกแต่ว่าเป็นVIP แน่นอน พรุ่งนี้จะกลับมาพัก และต้องการให้คุณเกริกกับคุณรุ้งมารอรับเธอด้วยค่ะ แต่อ้อเช็คแล้ว VIP สวีทเราเต็มอยู่ทุกห้อง พรุ่งนี้ก็ไม่มีวีไอพีเข้า อ้อ สุดปัญญาจะหาเธอแล้วค่ะ”
“แล้วบอกเวลาเข้าหรือเปล่า” เกริกไกรถาม
“ไม่ค่ะ”
“ได้ งั้นฉันกับคุณรุ้งจะรีบกลับไป”
เกริกไกรกดวางสาย
“มีอะไรเหรอพ่อ” สายรุ้งถาม
“เราคงต้องรีบกลับเกาะแล้ว”
ตะวันฉายลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมฆเปิดประตูห้องนอนของตะวันฉายแล้วเดินเข้ามาสำรวจรอบๆห้อง เขาเปิดตู้เสื้อผ้าดูก็เห็นเสื้อผ้าถูกจัดอย่างดี เมฆดึงลิ้นชักตู้ออกดูก็แปลกใจที่เห็นโน้ตบุ๊คซึ่งมีโพสท์อิทแปะอยู่แผ่นนึง เมฆอ่าน “ไม่สำคัญว่าจะทำได้ แต่สบายใจที่ได้ทำ”
เมฆยิ้ม

เมฆนั่งอ่านโน้ตบุ๊คของตะวันฉายแล้วคลิกดู ที่หน้าจอขึ้นว่า “Angel’s Garden”
เมฆคิดถึงตอนที่เขาคุยกับเกริกไกรและสายรุ้ง
“คือลูกสาวผมเขาอยากเป็นนักเขียนมาก เลยขอลาเพื่อไปลองทำในสิ่งที่เขารัก” เกริกไกรบอก
“ลาไปเป็นนักเขียนเหรอครับ” เมฆถาม
“ค่ะ ประมาณหนึ่งปี” สายรุ้งบอก
“งั้นช่วงนี้คุณสองคนก็คงไม่ค่อยได้พบลูกสาวสิครับ”
“ค่ะ” สายรุ้งถอนใจ “เห็นว่ายุ่งๆหาข้อมูลอะไรนี่แหละค่ะ”

เมฆมองหน้าจอโน๊ตบุ๊คแล้วขำ
“Angel’s Garden แปลไทยก็ต้องเป็น “สวนนางฟ้า”?” เมฆหัวเราะ “สาบานว่านี่ชื่อนิยาย”
แล้วเมฆก็ตั้งใจอ่านนิยายของตะวันฉาย

เก่งนั่งทำสวนอยู่หน้าบ้าน อิงฟ้าเดินออกมาหา
“เก่ง เห็นคุณเมฆไหม” อิงฟ้าถาม
“ห้องทำงานไงครับ แกก็อยู่ที่นั่งตั้งแต่เช้าแล้วนี่ครับ” เก่งบอก
“ไม่มี ฉันหาหมดแล้ว ทั้งห้องนอน ห้องหมอกก็ไม่มี”
เก่งเกาหัว “งั้นผมก็ไม่ทราบแล้วครับ เพราะครั้งสุดท้ายที่ผมเจอก็ที่ห้องทำงานครับ”
“หายไปไหนของเขานะ ข้าวกลางวันก็ไม่กิน”
อิงฟ้าเดินหงุดหงิดเข้าบ้านไป

เมฆนั่งอ่านนิยายแล้วก็ทำตาโตขึ้นมา
“มีตัวร้ายชื่อเมฆด้วยเหรอเนี่ย ชักจะไปกันใหญ่ เธอนั่นแหละร้ายไม่ใช่ฉัน”
เมฆปิดโน๊ตบุ๊คแล้วเก็บใส่ตู้ก่อนจะปิดอย่างดี แต่พอจะเดินออกก็ชะงักด้วยความสงสัย
“ตกลงเข้าบ้านเรามาเขียนนิยายเนี่ยนะ”

อิงฟ้าเดินตามหาเมฆตามที่ต่างๆ ทั้งห้องทำงาน ห้องครัว แล้วก็เดินขึ้นชั้นบน
อิงฟ้าเดินขึ้นมาแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเมฆออกมาจากห้องของตะวันฉาย แล้วก็เดินเข้านอนตัวเอง
อิงฟ้าอึ้ง “นี่เมฆอยู่ในห้องซันเหรอ”
อิงฟ้าขมวดคิ้วด้วยความงง

ยุทธการช่วยยกกระเป๋าของเกริกไกรกับสายรุ้งใส่รถลีมูซีนที่มารอรับหน้าคอนโดของตะวันฉาย ตะวันฉาย กอดเกริกไกรกับสายรุ้ง
“ถึงเกาะแล้วโทรมาบอกซันด้วยนะคะ”
“จ้ะ เราก็เถอะอยู่ที่นี่ดูแลตัวเองด้วยนะ” สายรุ้งกำชับ
เกริกไกรพูดกับยุทธการ “ยุทธ อาฝากน้องด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณอา ผมจะดูแลซันให้ดีที่สุด”
เกริกไกรกับสายรุ้งขึ้นรถแล้วรถก็แล่นออกไป ยุทธการหันมายิ้มให้กับตะวันฉาย
“เฮ้อ...สงสัยต้องให้คุณอามากรุงเทพฯบ่อยๆแล้ว พี่จะได้เจอซันบ่อยขึ้น”
“แหม...พี่ยุทธอย่ามาแซวเลย”
“ถ้าไม่อยากให้แซวคืนนี้ก็ต้องไปดินเนอร์กับพี่สิ ไหนๆพี่ก็ลางานแล้ว ไปกันนะ เสร็จแล้วไปฟังเพลงต่อ”
ตะวันฉายรู้สึกอึดอัดเพราะไม่รู้จะตอบยังไงจนยุทธการสงสัย
“มีอะไรเหรอซัน”
“คือ....ซันอยากทำงานน่ะ”
“งานเขียนน่ะเหรอ? ก็ทำพรุ่งนี้สิ”
“พี่ยุทธ ไว้คราวหน้าได้ไหม”
“คราวหน้า......” ยุทธการจ๋อย “ได้สิ ซันรีบไปทำงานเถอะ พี่กลับนะ”
ตะวันฉายยิ้มให้ แล้วยุทธการก็เดินไปขึ้นรถ

ตะวันฉายรีบเข้ามาในห้อง เธอรีบเอาวิกผม แว่นตา เสื้อผ้าออกมาวางกองไว้ที่เตียงเพื่อเตรียมจะปลอมตัว ตะวันฉายวิ่งไปเอาชุดชั้นใน เสื้อผ้า ใส่เป้อย่างเร่งรีบ แล้วรีบไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมเพื่อจะไปอาบน้ำ แต่ระหว่างนั้นชายเสื้อของเธอไปปัดแว่นจนตกพื้นโดยที่เธอมองไม่เห็น
ตะวันฉายรีบไปหน้ากระจกแล้วเอาสำลีเช็ดหน้า ใส่หมวกคลุมผมแล้วหันเพื่อจะเดินไปห้องน้ำ ทันใดนั้นเธอก็เจ็บเท้าจนแทบทรุด
“โอ๊ย”
ตะวันฉายลงนั่งกับพื้นแล้วเห็นว่าตัวเองเหยียบแว่นตาจนหักสองท่อน ตะวันฉายตกใจมาก
“ห๊า...ตายล่ะ”

“แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นของนายเป็นนักเขียนนิยายแน่นอน” จอมสยามสรุปหลังจากที่เมฆมาเล่าเรื่องให้เขาฟัง
“ก็คงแน่ครับ ผมเห็นชื่อไฟล์ว่านิยายส่งประกวด” เมฆบอก
“แต่พี่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะที่เราเห็นเขาก็มีชีวิตที่ดูดี พ่อแม่ก็ดี ไหนจะมีแฟนก็ดูดีนายว่าไหม”
เมฆทวนคำ “แฟน?”
“ใช่ แฟนผู้หญิงคนนั้น พี่ว่าดูดีเหมาะสมกันยังกับกิ่งทองใบหยก”
เมฆนิ่งคิด
“ยิ่งคิดก็ยิ่งงงว่าคนแบบนี้น่ะเหรอ จะปลอมตัวเพื่อเข้ามาจารกรรมข้อมูล พี่ว่าแต่งงานอยู่กับไอ้หน้าหล่อนั่นแล้วกินสมบัติตัวเองกับสมบัติแฟนก็สบายทั้งชาติแล้ว...ใช่ไหม”
“ไม่ว่าเขาจะอยากได้อะไรจากผม ถ้าเขามาไม่บริสุทธิ์ ผมก็จะไม่ให้เขาได้อะไรแม้แต่อย่างเดียว”
“นายจะทำอะไรเหรอวะ”
เมฆอมยิ้ม

ยุทธการเดินมาที่ทำงานอย่างเซ็งๆ เขาเดินผ่านโต๊ะจ่าสมไปนั่งที่โต๊ะตัวเองนิ่งๆ จ่าสมเห็นยุทธการนิ่งก็เลยเดินไปหา
“สารวัตรลาทั้งวันไม่ใช่เหรอครับ” จ่าสมถาม
“ผมเสร็จธุระแล้ว เลยแวะเข้ามาดูหน่อยเผื่อมีอะไรคืบหน้า” ยุทธการบอก
“แหม...ขยันจริงๆ เหลืออีกไม่นานจะเลิกงานยังอุตส่าห์มาทำอีก ผมละเชื่อเลยว่าสารวัตรไฟแรงจริงๆ”
“ขอบคุณนะจ่า”
จ่าสมจะเดินไปแต่ยุทธการเรียกไว้
“เดี๋ยวสิจ่า แล้วที่จ่าจะไปสืบเรื่องคนซื้อบ้านกับเพื่อนจ่าที่ที่ดินว่าไง”
จ่าสมอึกอัก “เอ่อ...เพื่อนผมยังหาหลักฐานไม่เจอเลยครับ”
“เหรอครับ จริงๆมันไม่น่าจะใช้เวลานานเลยนะ ไม่เป็นไร ถ้าได้เรื่องเมื่อไหร่รีบบอกผมเลยนะ”
“ครับ”
จ่าสมรีบรับปากแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ จ่าสมกำหมัดแน่น
เสียงโทรศัพท์มือถือยุทธการดังขึ้น ยุทธการเห็นเป็นสายจากสายรุ้งก็แปลกใจ
“หวัดดีครับอารุ้ง”
“ยุทธ ยังอยู่กับซันหรือเปล่า”
“แยกกันแล้วครับ อารุ้งมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“พอดีอาหากระเป๋าตังค์ไม่เจอ ไม่รู้ตกอยู่ในรถยุทธบ้างป่าว อาโทรหาซันก็ไม่ติด”
“งั้นเดี๋ยวผมดูให้นะครับ แล้วยังไงผมจะเอาไปฝากไว้ที่ซันนะครับ”
“ขอบคุณมากจ๊ะ”
“สวัสดีครับคุณอา”
ยุทธการกดวางสายแล้วเดินออกไป

นิคกับเอวายืนรอตะวันฉายอยู่หน้าคอนโด
“แกโทรหาไอ้ซันสิ ทำไมยังไม่ลงมาอีก เดี๋ยวก็ไปเล่นดนตรีไม่ทันกันพอดี” เอวาบอก
นิคกดต่อโทรศัพท์แต่เป็นเสียงเทป
“ยังไม่เปิดเครื่องเลยว่ะ”
ยุทธการเอารถมาจอดแล้วหยิบกระเป๋าตังค์รุ้งลงจากรถก่อนจะเดินไปที่ตัวตึก แต่เขาก็ต้องชะงักที่เห็นนิคกับเอวายืนอยู่ ยุทธการมองงๆแล้วจะเดินเข้าไปหา
เสียงตะวันฉายดังขึ้น “มาแล้วครับ”
ยุทธการที่อยู่อีกมุมมองไปตามเสียงก็ต้องผงะ เขารีบขยี้ตาแล้วมองใหม่

ยุทธการนึกถึงเหตุการณ์ที่ลานจอดรถของผับ...
“ซัน กระเป๋านายหมอกล่ะ” เสียงเมฆดังขึ้น
ตะวันฉายสะดุ้งที่เมฆเรียกชื่อ ยุทธการรู้สึกสะดุดหูจึงรีบหันไป ตะวันฉายหันมาเจอหน้ายุทธการก็รีบหันหนีทันที ยุทธการมองด้วยความสงสัย เมฆเห็นยุทธการมองมาแต่ก็ไม่ได้สนใจ

ตะวันฉายเดินมาหานิคกับเอวา ทั้งสามเดินไปโดยไม่รู้ว่ายุทธการเดินตามมาด้านหลัง
“แกนะแกไอ้ รู้ทั้งรู้ว่าฉันเกลียดกันการตื่นเช้า ก็ยังจะทรมานเพื่อน” เอวาบ่น
“ไม่เอาอ่ะ อย่าบ่นสิ ช่วยลูกนกลูกกาอย่างฉันได้บุญนะ” ตะวันฉายบอก
ยุทธการที่เดินตามหลังมาตัดสินใจเรียก
“นิค...เอวา”
ตะวันฉาย นิค และเอวาหยุดแล้วหันไปตามเสียง แล้วทั้งสามก็ตกใจ
“พี่ยุทธ!”
ยุทธการมองไปที่ตะวันฉาย แล้วเขาก็เดินเข้าไปจ้องหน้าตะวันฉาย
“ซันเหรอ?”

นิคกับเอวามองทะลุกระจกไปที่ระเบียงก็เห็นตะวันฉายกับยุทธการยืนคุยกันอย่างเคร่งเครียด
“ฉันว่าคราวนี้พวกเราตายยกรังแน่เลยว่ะ” นิคว่า
“ถ้าแกเป็นพี่ยุทธแกจะทำยังกับเรื่องนี้” เอวาถาม
“ตอบไม่ได้ว่ะ”
“ทำไมล่ะ บอกตรงๆฉันเห็นสีหน้าพี่ยุทธตอนนี้แล้วเดาไม่ออกเลยว่าเขารู้สึกไง ไอ้นิค แกเป็นผู้ชายเหมือนกัน แกคิดว่าพี่ยุทธเขารู้สึกยังไง”
“เอวา...ที่ฉันบอกว่าตอบไม่ได้ก็เพราะ ฉันไม่ใช่พี่ยุทธ แล้วคนที่ฉันรักก็ไม่ใช่ซัน ฉันไม่ขอออกความเห็น”
เอวามองค้อนใส่นิค
“ขอบใจ...ช่วยได้เยอะเลย”
เอวามองไปที่ยุทธการแล้วถอนใจด้วยความเครียด

ตะวันฉายถือวิกกับแว่นตาในมือ ยุทธการมองหน้าตะวันฉายอย่างคาดคั้น ตะวันฉายหลบตา
“ปลอมตัวเป็นพี่เลี้ยงเด็กเนี่ยนะ..ซัน!!! ทำไมต้องทำขนาดนี้”
“ถ้าซันนั่งเทียนเขียน ตัวละครของซันมันก็ไม่สมจริงสิ พี่ยุทธ”
“มันไม่มีวิธีอื่นเหรอ อย่างไปสัมภาษณ์คนที่เขาทำอาชีพนี้จริงๆ”
“มันก็ได้นะ เอ่อ...แต่ซันว่าลงมือทำเองนี่ล่ะดีที่สุด”
“ซันก็เลยต้องปิดทุกคน แม้แต่อาเกริกกับอารุ้ง”
“ก็ถ้าซันบอกว่าจะไปทำอะไร พี่ยุทธคิดว่าพ่อกับแม่จะยอมเหรอ?”
ยุทธการคิดสักพักแล้วพยักหน้าเหมือนยอมรับในเหตุผลของตะวันฉาย ตะวันฉายยิ้มรับด้วยท่าทางโล่งอก
“ก็จริงนะ ขนาดพี่ยังไม่ค่อยอยากจะเห็นด้วยเลย แล้วนี่ซันต้องปลอมถึงเมื่อไหร่”
“ก็คงอีกไม่นานหรอก”
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
ตะวันฉายดีใจ “ขอบคุณนะคะพี่ยุทธที่เข้าใจซัน งั้นพี่ยุทธอย่าบอกพ่อกับแม่นะ”
ยุทธการพยักหน้ารับ “แต่พี่มีเงื่อนไข”
ตะวันฉายยิ้ม “บอกมาเลย ซันรับทุกข้อ”
“ซันต้องให้พี่รู้ว่าซันไปทำงานอยู่ที่ไหน กับใคร”
ตะวันฉายหุบยิ้มเพราะลังเลว่าจะบอกดีไหม ยุทธการมองหน้าตะวันฉายนิ่งๆ อย่างรอคำตอบ
ตะวันฉายเริ่มพูด “คือ...”
“ไม่งั้นพี่ก็ต้องบอกอาเกริกกับอารุ้ง”
“พี่ยุทธอ่ะ เล่นแบบนี้เลยเหรอ?”
ตะวันฉายมองหน้ายุทธการอย่างไม่ค่อยพอใจ

ยุทธการนั่งมองตะวันฉาย เอวากับนิคจ๋อยๆ และไม่กล้าสบตา ยุทธการหันไปคุยกับตะวันฉาย
“แล้วตกลงพรุ่งนี้พี่ไปส่งซันนะ” ยุทธการพูด
“ทำไมล่ะพี่ยุทธ ก็พี่ยุทธอยากรู้อะไรซันก็บอกหมดแล้วนี่” ตะวันฉายบอก
“อย่างน้อยเผื่อเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา พี่จะได้รู้ว่าจะตามซันได้ที่ไหน”
ตะวันฉายลังเล “แต่ว่าซัน...”
เอวามองยุทธการอย่างเข้าใจความรู้สึก
“ให้พี่ยุทธไปส่งแหละ ฉันจะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปส่งแก”
“นี่ พวกแกจะทิ้งเพื่อนเหรอ”
“ไม่ได้ทิ้ง แต่มาคิดๆดูก็ดีนะ ให้พี่ยุทธรู้ว่าแกอยู่ที่ไหนความเป็นอยู่เป็นยังจะได้สบายใจทุกฝ่ายไง” เอวาบอก
ตะวันฉายมองยุทธการก็เห็นยุทธการพยักหน้ารับ
“โอเค...โอเค...พี่ยุทธไปส่งซันก็ได้”
พูดจบตะวันฉายก็ถอนใจอย่างเซ็งๆ แล้วเดินนำยุทธการออกไป ยุทธการแอบหันมาคุยกับเอวา
ยุทธการยิ้ม “ขอบใจนะ เอวา นิค”
ยุทธการเดินตามตะวันฉายไป เอวามองตามยิ้มๆ แล้วกลับมาทำหน้าเซ็งๆ เหมือนเดิม นิคเห็นอาการของเอวาก็ยิ้มเจื่อนๆตามไปด้วย

เมฆ เอวา และนิคเล่นดนตรีด้วยกันจนจบเพลง เมฆ เอวา และนิคเดินลงจากเวทีเข้าห้องพักนักดนตรีเพื่อจะเก็บของกลับ
“ตกลงถามซันให้พี่หรือยังว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมาทำงาน” เมฆถาม
“พรุ่งนี้แน่นอนค่ะพี่เมฆ ซันจะไปถึงบ้านพี่เมฆแต่เช้าเลย” เอวาบอก
“เอวานี่สนิทกับซันดีเนอะ อยากรู้อะไรเรื่องซัน ถามเอวาได้หมด นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นนายจ้าง พี่คงนึกว่าเป็นเพื่อนสนิทกันนะเนี้ย” เมฆแกล้งพูด
เอวาจ๋อย เธอมองหน้ากับนิคเพราะไม่รู้จะไปต่อยังไง

รถของยุทธการวิ่งมาถึงบริเวณบ้านเมฆ ตะวันฉายที่นั่งมาด้วยมีท่าทางกระสับกระส่าย
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะพี่ยุทธ”
ยุทธการมองไปรอบๆ “บ้านหลังไหนล่ะซัน”
ตะวันฉายชี้ไปทางบ้านเมฆ “หลังโน้นไงคะ”
ยุทธการมองตามที่ตะวันฉายชี้
“โห...มันยังอีกตั้งไกลนะ”
“ไม่เป็นไร ซันเดินต่อเอง”
“อ้าว..แล้วทำไมไม่ให้พี่ไปจอดหน้าบ้านล่ะ”
“ซันกลัวว่า..”
ยุทธการรีบต่อประโยค “จะเจอเจ้านาย”
ตะวันฉายพยักหน้ารับ “ใช่...”
ตะวันฉายเปิดประตูรถแล้วเดินลงไป ยุทธการมองตามแล้วเปิดประตูรถก่อนจะก้าวตามลงมา
ตะวันฉายงง “อ้าว...”
“พี่ขอไปส่งให้ใกล้ที่สุดได้หรือเปล่า”

ตะวันฉายเดินมาหยุดที่หน้าบ้านเมฆ ยุทธการเดินตามมาทัน
“ได้รู้ว่าซันอยู่ที่ไหนพี่ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย”
“อย่าลืมสัญญานะ”
“สัญญาด้วยเกียรติตำรวจเลยพี่ไม่บอกพ่อแม่ซันหรอก” ยุทธการนึกได้ “เดี๋ยวพี่จะหาตำรวจมาดูแลแถวนี้เป็นพิเศษด้วยดีไหม”
ตะวันฉายหัวเราะ “พี่ยุทธ ซันไม่ได้มาอยู่บ้านมาเฟียนะ ไม่ต้องเว่อร์ขนาดนั้นก็ได้ ไป....พี่ยุทธรีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นซันจะต้องอธิบายยาวอีก”
“ได้ งั้นพี่ไปก่อนนะ”
ยุทธการเดินไป ตะวันฉายจะเปิดประตูเข้าบ้าน ยุทธการนึกอะไรได้จึงรีบวิ่งกลับมา
“อย่าปิดมือถือนะ”
“ได้ค่ะคุณพ่อ เดี๋ยวลูกสาวจะทำตามคำสั่งนะคะ”
ยุทธการกับตะวันฉายหัวเราะออกมาด้วยกัน
ทันใดนั้นเสียงแตรรถก็ดังขึ้น ตะวันฉายกับยุทธการหันไปมองก็เห็นเมฆโผล่หน้าออกมาจากรถ
“คุยกับใครน่ะ ซัน” เมฆเห็นยุทธการก็จำได้ “อ้าว...นี่คุณ....”

ตะวันฉายแนะนำยุทธการให้เมฆรู้จัก
“พี่ยุทธเป็นญาติห่างๆ มาที่นี่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ครับ” ตะวันฉายบอก
“ขอโทษนะครับ แล้วอย่างนี้เป็นชาวนาเหมือนครอบครัวซันหรือเปล่า” เมฆทำเป็นถาม
ยุทธการงง “ชาวนา?”
ยุทธการมองหน้าตะวันฉาย ตะวันฉายแอบสะกิด
“ใช่ครับ นาพี่ยุทธอยู่ใกล้ๆกับของที่บ้านผมเลย ใช่ไหมพี่” ตะวันฉายบอก
“เอ่อ...ใช่ครับ” ยุทธการรับ
“เป็นชาวนา....แต่ตัวขาวกันทั้งคู่เลยนะ สงสัยเวลาไปนาคงห่อกันมิดชิดมาก ขาวกว่าคนกรุงเทพฯอีก”
เมฆแกล้งยื่นแขนให้ดูสีผิว ตะวันฉายกับยุทธการยิ้มรับเจื่อนๆ
“แล้วพ่อแม่นายล่ะ น่าจะพามาให้รู้จักบ้างนะ ทำไมมาแต่พี่ชาย” เมฆถาม
“พ่อกับแม่ผมกลับบ้านนอกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ”
“อ้าว...ถ้าพ่อแม่นายกลับไปตั้งแต่เมื่อวาน แล้วทำไมไม่กลับบ้าน เราตกลงกันแล้วใช่ไหมว่านายจะไปแค่คืนเดียว”
ตะวันฉายไม่รู้จะตอบยังไง ยุทธการรีบช่วย
“คืองี้ครับ เมื่อวานซันอยู่กับผมเอง เราคุยกันตามประสาพี่น้องไม่ได้เจอกันนาน”
เมฆยิ้ม “อ๋อ เมื่อคืนอยู่ด้วยกันนี่เอง”
อิงฟ้ายืนหลบมุมดูทั้งสามคุยกันอยู่ ยุทธการหันมามองเห็นพอดี เมฆเลยหันไปมองด้วย
“ฟ้า มานี่หน่อยสิ” เมฆเรียก
อิงฟ้าเดินเข้ามาหา
“นี่คุณยุทธพี่ชายซัน” เมฆแนะนำ
ยุทธการยิ้ม “สวัสดีครับ”
“พี่ชายซันงั้นเหรอ” อิงฟ้ามองด้วยสายตาเย็นชาแล้วยิ้มให้ “ตามสบายนะ ฉันขอตัวก่อน”
พูดจบอิงฟ้าก็เดินออกไป
“แล้วนี่คุณยุทธจะกลับเลยใช่ไหมครับ มานานแล้วนี่” เมฆถาม
“เอ่อ...” ยุทธการมองตะวันฉายแล้วลังเลเพราะไม่อยากกลับ
“ช่วงนี้ฝนตกน่าจะยุ่งทำนากันนะครับ” เมฆว่า
ยุทธการเขินที่โดนไล่ทางอ้อม
“เอ่อ ครับ ผมจะกลับพอดี”

ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 8 (ต่อ)

อิงฟ้าเดินมาแล้วหยุดคิดหนัก เธอเห็นเก่งกระโดดขึ้นไปตากเสื้อผ้าของเมฆ อิงฟ้าเดินไปหาแล้วถาม
“เก่ง เคยมีญาติมาที่นี่ไหม”
“มีครับ หลานชายมาขอเงินประจำ”
“แล้วเมฆเจอไหม”
“ก็เจอนะครับ ผมก็ให้มาไหว้คุณเมฆ ในฐานะเจ้าของบ้าน”
“แล้วเมฆทำไง”
“ทำไง? ก็รับไหว้ครับ แล้วผมก็พามาคุยหลังบ้าน”
“แค่นี้เหรอ?”
“ครับ”
“รู้ไหมว่าซันพาพี่ชายมา”
“ห๊า...คนที่คุยกับคุณเมฆในห้องรับแขกน่ะเหรอครับ โห...คุณเมฆตอนรับเองเลยนะครับเนี่ย”
“ก็ใช่น่ะสิ แค่ญาติซัน ทำไมเมฆต้องต้อนรับซะดีเลย เมฆให้เกียรติมากเกินไป”
อิงฟ้ารู้สึกหงุดหงิดและไม่ค่อยชอบใจ

เมฆกับตะวันฉายเดินมาส่งยุทธการที่หน้าบ้าน
“แล้วนี่จะกลับที่พักที่ไหน” เมฆถาม
“ก็คงกลับต่างจังหวัดเลยครับ” ยุทธการบอก
“งั้นก็ต้องไปซื้อตั๋วที่ท่ารถน่ะสิ”
“ครับ”
“งั้นให้ผมไปส่งที่สถานรถแล้วกัน”
ยุทธการกับตะวันฉายแอบมองหน้ากันแบบอึ้งๆ
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับคุณเมฆ พี่ยุทธเขามากรุงเทพฯบ่อย เขาเก่ง ให้เขาไปเองเถอะครับ” ตะวันฉายบอก
“ไม่ได้สิ เขาเป็นพี่นาย ฉันก็ต้องดูแลอย่างดี ไปครับไม่ต้องเกรงใจ”
เมฆไม่สนใจยุทธการที่จะปฏิเสธ เขารีบลากแขนยุทธการขึ้นรถ
ตะวันฉายบ่น “จุ้นจริงๆเลยตาบ้า”
ตะวันฉายรีบขึ้นรถตามไป แล้วเมฆก็ออกรถ

ยุทธการกับตะวันฉายเดินมาที่รถที่จอดอยู่ เมฆมองทั้งสองแล้วแอบยิ้ม
“อ้าว นี่มาตัวเปล่าหรือเนี่ย ไม่เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าเลย”
ตะวันฉายมองยุทธการเพราะรู้สึกเหมือนถูกเมฆจับผิด
“พี่ยุทธเขามาไม่กี่วันชุดเดียวก็พอครับ” ตะวันฉายรีบบอก
“หา...ชุดนอนชุดเที่ยวชุดเดียวกันเหรอครับ ไปครับ งั้นไปซื้อตั๋วเลย ผมพาไป”
“ไม่ต้องหรอกครับ ส่งผมแค่นี้ก็พอครับ เดี๋ยวรถก็ออกแล้ว” ยุทธการบอก
“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้จะรีบไปไหน กะว่าจะรอจนกว่ารถออกเลยดีกว่า จะได้สบายใจว่าคุณเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ”
ยุทธการกับตะวันฉายอ้าปากเหวอ แต่เมฆไม่ฟัง เขาจับข้อมือทั้งสองแล้วลากไปเลย
เวลาผ่านไป ยุทธการถือตั๋วในมืออยู่ที่ชานชาลารอรถ โดยมีเมฆกับตะวันฉายยืนอยู่ด้วย
“พวกคุณไปเถอะครับ ส่งผมแค่นี้ก็พอ” ยุทธการบอก
“ใช่ครับคุณเมฆ เรากลับกันเถอะ ผมต้องไปช่วยพี่เก่งทำงานบ้านด้วย” ตะวันฉายรีบบอก
“อ้าว..รถจะออกแล้ว รีบขึ้นรถสิครับ เดี๋ยวก็ตกรถหรอก” เมฆเร่ง
ยุทธการจำต้องขึ้นรถไปแบบเซ็งๆ ตะวันฉายยิ้มแหยๆให้ยุทธการ เมฆแอบขำ
เมฆกระซิบตะวันฉาย “ไม่โบกมือให้พี่ชายหน่อยเหรอ”
เมฆจับมือตะวันฉายขึ้นมาโบกมือให้ยุทธการ ยุทธการได้แต่เกาะกระจกรถที่กำลังออกไปจากขนส่ง เมฆขำทั้งที่ยังจับมือตะวันฉาย ตะวันฉายสะบัดมือจนหลุดอย่างโกรธๆ แล้วเดินหนีไป เมฆมองตามแล้วยิ้มสนุก

ยุทธการเดินมาที่คนขับรถทัวร์
“พี่ครับ ช่วยจอดด้วยครับ ผมขอลง”
“จอดนอกป้ายไม่ได้ครับ เดี๋ยวรอลงจุดรับคนแล้วกัน” คนขับรถบอก
“จุดรับคน? ตรงไหนครับ”
“เลยกรุงเทพฯไปหน่อยก็มีแล้วครับ”
ยุทธการตกใจ “หา! เลยกรุงเทพฯ เอ่อ...จอดก่อนไม่ได้หรือครับ”
“ไม่ได้ครับ กฎต้องเป็นกฎ”
ยุทธการเริ่มฉุนจึงหยิบบัตรตำรวจออกมาดูแล้วตัดสินใจเก็บไป
“พี่ครับ ผมไหว้ล่ะ ขอผมลงเถอะ ผมทำกระเป๋าตังค์หาย จะลงไปหากระเป๋าครับ”

รถทัวร์ที่ยุทธการนั่งมาจอดที่ริมทาง สักพักยุทธการก็ลงมาจากรถมายืนอยู่ที่ริมถนน แล้วรถทัวร์ก็แล่นไป
“เจ้านายซันนี่มันใจดีจริงๆ หรือว่ามันแกล้งเรากันแน่”
ยุทธการหน้าเครียด

ตะวันฉายเดินเข้ามาในบ้านอย่างเซ็งๆ ก่อนจะแยกตัวออกไป เมฆเดินตามมาเรียกตะวันฉาย
“เดี๋ยว..ซัน..”
ตะวันฉายถามหน้าเซ็ง “คุณเมฆอยากได้อะไรครับ”
“เป็นอะไร นายทำหน้าเซ็งมาตลอดทางเลย คิดถึงพี่ชายเหรอ”
“เรื่องที่ผมจะคิดถึงใครไม่เกี่ยวกับคุณ แต่ถ้าคุณอยากสั่งงานอะไรผมก็ว่ามา”
เมฆออกคำสั่ง “ยิ้ม!!”
ตะวันฉายชะงักไปแต่ก็ไม่ยิ้มตามคำสั่ง เมฆเข้าไปดึงแก้ม
“ยิ้มสิยิ้ม....”
ตะวันฉายจับมือเมฆแล้วพยายามดึงออก “คุณเมฆ !!!”
อิงฟ้าเดินเข้ามาเห็นตะวันฉายจับมือเมฆพอดี
“เมฆ !!!”
เมฆหันมามองตามเสียงของอิงฟ้า ก่อนจะผละออกจากตะวันฉาย ตะวันฉายรีบเดินหนีไปทันที
“ฟ้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย” อิงฟ้าถาม
“ตาฝาดอะไร” เมฆถามกลับ
“ก็เมฆกับซันเล่นอย่างกับเป็นแฟนกัน”
ตะวันฉายตกใจ “ไม่ใช่นะครับ ผมเป็นผู้ชาย ไม่มีทางเป็นอย่างที่คุณอิงฟ้าพูดแน่ๆ”
“แล้วเมฆล่ะคิดอะไรกับซันหรือเปล่า” อิงฟ้าถาม
“หึงแม้กระทั่งเด็กผู้ชายเหรอ” เมฆย้อน
“คุณฟ้าไม่ต้องห่วงหรอกครับ สมมติว่าคุณเมฆจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน แต่ผมน่ะ แมนร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมรับประทานคุณเมฆไม่ลงหรอกครับ”
“หนอย ไอ้ซัน” เมฆจะยีหัวตะวันฉาย แต่ตะวันฉายรีบจับวิกไว้แล้ววิ่งหนีไป
เมฆวิ่งไล่ตาม อิงฟ้ายิ่งโกรธ
“อะไรเนี่ย นี่เมฆไม่สนใจฟ้าเลยเหรอ”
อิงฟ้าเจ็บใจจึงกระทืบเท้าเดินออกไป

อิงฟ้าเปิดประตูรถเข้ามานั่งในรถแท็กซี่ด้วยท่าทางหงุดหงิด
คนขับแท็กซี่ถาม “จะไปไหนครับ”
อิงฟ้านิ่งคิด

รถแท็กซี่แล่นมาจอดที่หน้าแฟลตเก่าๆแห่งหนึ่ง อิงฟ้าที่นั่งอยู่ในรถมองแฟลตนั้น
“ถึงแล้วครับ แฟลตตำรวจ” คนขับบอก
“ฉันรู้แล้ว”
อิงฟ้ายังไม่ลงจากรถ เธอมองไปก็เห็นจ่าสมเดินลงมาจากชั้นสองเดินตรงมาที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ จ่าสมหันมาเห็นรถแท็กซี่แล้วก็พยายามมองคนในรถแท็กซี่ อิงฟ้าเห็นจ่าสมมองมาก็รีบหลบหน้า
อิงฟ้าบอกกับคนขับ “รีบออกรถเลย เร็วสิ”
รถแท็กซี่แล่นออกไป อิงฟ้าเหลือบมองจ่าสมอีกครั้ง จ่าสมเห็นก็มีสีหน้าตกใจรีบตะโกนเรียก
“ฟ้า นั่นฟ้าหรือเปล่าลูก” จ่าสมวิ่งตาม “ฟ้า...ฟ้า”
จ่าสมเห็นแท็กซี่กำลังจะแล่นออกไป ก็รีบกลับมาสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ แต่ก็สตาร์ทไม่ติด
“โธ่โว้ย” จ่าสมมองแท็กซี่ด้วยสีหน้าเศร้า

ตะวันฉายโทรศัพท์คุยกับยุทธการด้วยสีหน้าเป็นห่วงอยู่ที่มุมนั่งเล่นบริเวณหน้าบ้าน
“พี่ยุทธ ซันขอโทษนะ ที่ช่วยพี่ยุทธลงมาจากรถบขส.ไม่ได้ นี่พี่ยุทธไปถึงไหนแล้วเนี่ย”
ยุทธการนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ในรถแท็กซี่
“พี่ยังอยู่ในกรุงเทพนี่แหละ กำลังจะกลับไปเอารถ ซันไม่ต้องห่วงพี่หรอก พี่ห่วงซันมากกว่า พี่ว่าเจ้านายซันดูเขาแปลกๆอยู่นะ”
“จะมีอะไร นอกจากจะกวนโมโห ไม่ได้บอกให้ไปส่งซะหน่อยก็ไปเฉยเลย คิดจะทำอะไรก็ทำ คอยดูนะ ถ้าเผลอขึ้นมาเมื่อไหร่ ซันจะวางยานอนหลับ แล้วแว็กซ์หนวดมันออกให้หมดเลย” ตะวันฉายหันไปเจอเมฆก็ตกใจเลยรีบเปลี่ยนเป็นด่าใส่โทรศัพท์ “กลัวขึ้นมามั่งหรือยัง ถ้ากลัวก็เลิกเป็นโจรปล้นคนชาติเดียวกันได้แล้ว กลับตัวกลับใจซะ” ตะวันฉายตัดสายทันที
เมฆยิ้มขำ
ยุทธการถอนใจ
“มาแนวนี้ สงสัยซันงานเข้าอีกแล้ว หวังว่าคงจะรอดไปได้นะ”
ตะวันฉายยิ้มแหยให้เมฆ
“ทะเลาะกับใครเหรอ” เมฆถาม
“พวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์น่ะครับ มันบอกให้ผมจ่ายค่าบัตรเครดิต ผมมีกับเขาที่ไหน เลยด่าไปซะ”
“อ๋อ” เมฆแกล้งเหน็บ “นึกว่าซ้อมแต่งบทละครหรือนิยายซะอีก”
ตะวันฉายแปลกใจ “แต่งนิยายอะไรครับ”
“อ้าว ไม่ใช่พวกชอบแต่งเรื่องเหรอ เห็นนายจินตนาการสูง”
“ผมไม่ได้ชอบแต่งเรื่อง แต่ถ้าคุณจะหาเรื่อง ผมก็ไปล่ะ” ตะวันฉายจะเดินไป
เมฆยิ้มกวนแล้วเรียก “ซัน”
ตะวันฉายหันมาทำหน้ามู่ทู่
เมฆแกล้งทำเสียงเท่ “แค่อยากบอกนายว่า..ไม่สำคัญว่าจะทำได้ แต่สบายใจที่จะทำ” เมฆขำแล้วเดินเข้าบ้านไป
ตะวันฉายตกใจ
“นั่น.. นั่นมัน”

ตะวันฉายกลับไปที่ห้องก็เห็นโพสท์อิทหล่นอยู่ที่พื้น เธอหยิบขึ้นมา ตะวันฉายตกใจแล้วรีบไปหยิบโน้ตบุ๊คออกมาเปิดเครื่อง เธอคลิกไปที่สตาร์ท จากนั้นคลิกไปที่ recent program ก็เห็นว่ามีการเปิดดูนิยาย Angel’s garden ตะวันฉายตกใจ
“นายเมฆ”

ตะวันฉายโวยวายใส่เมฆ
“คุณมาแอบดูคอมผมเหรอ มิน่ามาทำเป็นว่าว่าผมชอบแต่งบท คุณมาเปิดดูคอมผมแล้วใช่มั้ย”
เมฆทำหน้าตาย “อะไรกัน กล่าวหาไม่มีหลักฐานอย่างนี้ เข้าข่ายหมิ่นประมาทนะ”
ตะวันฉายชูโพสท์อิทขึ้นมา
“ผมติดไว้ที่โน้ตบุ๊ค แต่เมื่อกี๊ผมเห็นมันหล่นอยู่ที่พื้น คิดๆดูแล้ว คุณนั่นแหละที่เข้าข่ายเป็นผู้บุกรุกมากที่สุด”
เมฆอึกอัก แล้วเบี่ยงประเด็น “ฉันต่างหากที่ต้องถามนาย ว่าไปเอาโน็ตบุ๊คใครเขามา คราวก่อนก็สมาร์ทโฟนไฮโซ คราวนี้ก็โน้ตบุ๊คเครื่องละหลายหมื่น”
ตะวันฉายอึ้ง เพราะจะมาเล่นงานเขา แต่โดนเขาเล่นกลับ
“เอวาให้มาอีกสิ” เมฆพูดดัก
“ผม..ซื้อต่อจากคุณเอวาต่างหาก”
“ค่าแรงวันละสองร้อยเนี่ยนะ”
“ก็คุณเอวาให้ผ่อนได้นี่ครับ” ตะวันฉายนึกได้ “คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง เอาเรื่องที่คุณไปรื้อของในห้องผมดีกว่า ว่ายังไง”
“ทำไมในโน้ตบุ๊คมันมีความลับอะไรนักหนา นอกจากนิยายห่วยๆเรื่องนึง” เมฆทำเสียงล้อเลียนนิยาย “ภัตจะอยู่ในใจวินตลอดไป..” เมฆหัวเราะ
ตะวันฉายแทบกรี๊ด แต่ก็ต้องแอ๊บแมนไว้
“ห่วยที่ไหน ซาบซึ้งกินใจจะตาย พวกที่ชีวิตขาดความหวานจะไปเข้าใจอะไร”
“อย่าบอกนะว่านายเป็นคนแต่ง นี่นอกจากเป็นคนเลี้ยงเด็กแล้ว ยังเป็นนักเขียนนิยายด้วยเหรอ แหม เก่งหลายอย่างจังนะ”
“ทำไมล่ะครับ คนเรามีสิทธิ์ฝันทั้งนั้น วันนึงผมอาจเป็นนักเขียนนิยายชื่อดังขึ้นมาก็ได้”
“ถ้างั้นความฝันของนายก็คงอีกไกล ฉันอ่านแล้ว ภาษาก็ดีหรอกนะ แต่ฉันไม่รู้สึกถึงอารมณ์รักซาบซึ้งอะไรของนายเลย มันดูเลื่อนลอย จับต้องไม่ได้”
ตะวันฉายอ้าปากค้าง เหวอ แล้วก็วิ่งหนีไป เมฆนั่งขำ

ตะวันฉายกลับมาที่ห้องแล้วก็กัดฟันร้องกรี๊ดออกมา เธอนึกถึงตอนที่ บก. วิจารณ์งานของเธอ
“ความรักของพระนางของคุณ มันเป็นความรักที่ดูไม่จริง แล้วก็จับต้องไม่ได้”
ตะวันฉายยิ่งหัวเสีย
“อะไรกันเนี่ย ทำไมนายเมฆว่าเราเหมือนที่บก.เคยว่าเลยอ่ะ”
ตะวันฉายโมโห เธอเดินไปที่โน้ตบุ๊คก่อนจะเปิดนิยาแล้วนั่งมองหน้าจอ
“คอยดูนะฉันจะต้องแต่งนิยายระดับเบสท์เซลเลอร์ให้ได้”
ตะวันฉายลงมือพิมพ์มือเป็นระวิงแบบไม่ยอมโงหัว

เสียงออดเลิกเรียนที่โรงเรียนของหมอกดังขึ้น เมฆขับรถมาจอดในโรงเรียน ตะวันฉายเปิดประตูลงมาแล้วปิดเสียงดังแถมยังมีสีหน้าบึ้งตึง
เมฆพูดแกล้ง “ปิดเบาๆหน่อย รถแพงนะเห้ย”
ตะวันฉายยังคงงอนเรื่องที่เมฆวิจารณ์นิยายของเธอ เลยแกล้งเปิดประตูใหม่แล้วปิดเบาๆ
เมฆหัวเราะหึๆ “จะพูดอะไรก็พูดเถอะ เงียบมาตลอดทาง เดี๋ยวน้ำลายบูดนะ”
ตะวันฉายจงใจบ่นให้ได้ยินแต่ไม่มองหน้า “มาคนเดียวก็ได้ คนกำลังเขียนนิยายอยู่ก็รู้”
“โห พอโชว์ว่าเป็นนักเขียนก็มาทำอีโก้เลยนะ” เมฆเอานิ้วจิ้มหน้าผากตะวันฉาย “หน้าที่หลักของนายยังเป็นพี่เลี้ยงของลูกฉันอยู่ ลืมแล้วหรือไง”
ตะวันฉายอ้าปากจะเถียง
เมฆรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “นั่นๆๆ จะพูดแล้วเหรอ”
ตะวันฉายรีบหุบปาก
“แล้วก็ห้ามลืม ว่ายังเป็นผู้ติดตามฉันด้วย” เมฆบอก
ตะวันฉายหน้ามุ่ยเพราะเถียงไม่ออก ทันใดนั้นหมอกก็วิ่งมาหาเมฆกับตะวันฉาย พร้อมชูซองเมล็ดผักกาดให้ดู
“พ่อค้าบ..พี่ซันค้าบ..ครูให้มาปลูกผักกาดเป็นการบ้านคับ” หมอกเปิดเป้แล้วหยิบสมุดการบ้านส่งให้เมฆ “นี่คับ”
เมฆรับมาเปิดอ่านแล้วยิ้มกับหมอก
“โอเค งั้นกลับไปลุยกันเลย” เมฆแปะมือกับหมอก
ตะวันฉายเห็นสองพ่อลูกรักกันก็เผลอยิ้มออกมา เมฆหันมาเห็นพอดี ตะวันฉายรีบทำหน้านิ่งแล้วไปเปิดประตูรถให้หมอก

เมฆ หมอกที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน และตะวันฉายกำลังพรวนดินในกระบะแปลงผักที่อยู่หน้าบ้านอย่างสนุกสนาน ระหว่างที่พรวนดินนั้น ตะวันฉายไม่พูดกับเมฆเลยแต่ทำเป็นเล่นกับหมอก ส่วนเมฆเห็นตะวันฉายยังงอนก็เข้าไปแกล้งขุดดินใกล้ๆ ตะวันฉายหนีไปขุดตรงอื่น เมฆก็ตามไปอีก
“ตรงนั้นฉันจองแล้ว นายไปขุดตรงอื่นสิ” เมฆบอก
ตะวันฉายไม่โต้ตอบ เธอลุกขึ้นไปคุยกับหมอกที่ยังพรวนดินอยู่ที่จุดเดิม
“คุณหมอก พี่ซันว่าเอาเมล็ดลงกันเลยดีกว่า”
“คับ” หมอกรับคำ
ตะวันฉายหยิบซองเมล็ดผักกาดมาเปิดแล้วเทเมล็ดลงที่มือหมอก เมฆเหล่มองตะวันฉายแล้วเดินไปหาหมอก
“ให้พ่อด้วยสิครับ” เมฆพูดกับหมอก
“พ่อขอพี่ซันสิคับ” หมอกไม่สนใจเมฆแต่เอาเมล็ดลงดินตรงที่ตัวเองพรวนไว้ทันที
เมฆหันไปแบมือขอเมล็ดผักกาดจากตะวันฉายโดยไม่พูดอะไร ตะวันฉายทำท่าจะเทเมล็ดผักกาดให้ เมฆอมยิ้ม แต่แล้วตะวันฉายกลับวกมือกลับมาเทใส่มือตัวเองอย่างหน้าตาเฉย แล้วเธอก็เอาเมล็ดไปลงดินใกล้ๆ หมอก เมฆรู้สึกเจ็บใจ เขาเดินไปนั่งตรงข้ามหมอกที่กำลังกลบดินอยู่
“มา พ่อช่วย” เมฆกลบเมล็ดผักกาดแล้วเหลือบมองตะวันฉาย แล้วเมฆก็หยิบดินป้ายที่หน้าตะวันฉาย

ตะวันฉายตกใจ “เฮ้ย คุณเมฆ แกล้งกันอย่างนี้เหรอ ได้” ตะวันฉายหยิบดินมาป้ายหน้าเมฆ เมฆโวยวายแล้วก็ป้ายกลับ ทั้งสองป้ายกันไปป้ายกันมา แล้วก็วิ่งหนีกัน หมอกเห็นว่าสนุกก็หยิบดินมาป้ายทั้งเมฆทั้งตะวันฉายเป็นที่สนุกสนาน
อิงฟ้าเดินมาเห็นก็มองอย่างไม่พอใจ แล้วเธอก็เดินเข้าไปพูดแบบยิ้มๆ
“สนุกกันจังเลยนะ”
ทั้งสามคนหยุด ตะวันฉายหน้าเจื่อนไป
อิงฟ้าหาเรื่อง แต่พูดด้วยเสียงหวาน “ซัน ทำไมปล่อยให้หมอกเลอะเทอะอย่างนี้ล่ะ”
ตะวันฉายเหวอเพราะไม่เข้าใจทำไมต้องโดนว่า เธออ้าปากพูด
“คือคุณครู...”
อิงฟ้ารีบแทรกขึ้นมาก่อน “ขอดุหน่อยเถอะ หมู่นี่นายนี่ชักจะบกพร่องต่อหน้าที่ใหญ่แล้วนะ”
เมฆตอบแทน “เรากำลังปลูกผักกันอยู่ ครูเขาให้หมอกทำเป็นการบ้าน เป็นการเชื่อมสัมพันธ์ในครอบครัว”
“อ้าว เหรอ ถ้าอย่างนั้น ที่ถูกต้อง ก็ควรจะเป็นฟ้าทำสิ ซันทำไมไม่บอกฉันล่ะ” อิงฟ้าถาม
ตะวันฉายงง “ผม..เอ่อ..ต้องบอกด้วยเหรอครับ”
“อ้าว ต้องบอกสิ” อิงฟ้าถามเมฆ “ใช่มั้ยคะเมฆ ก็นี่เป็นเรื่องเชื่อมสัมพันธ์ในครอบครัว เฮ้อ ซันนี่ สงสัยจะทำงานเยอะไป ถึงได้ลืมบอกฉัน เอาเถอะไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ซันอยากพักก็ได้นะ” อิงฟ้าพูดกับเมฆ “ต่อไปเราอาจจะไม่ต้องให้พี่เลี้ยงมาช่วยแล้วนะเมฆ”
ตะวันฉายอึ้ง
“..หมายความว่ายังไงครับ”

เมฆนั่งอ่านหนังสือโดยทำเป็นไม่สนใจอิงฟ้า อิงฟ้ามองเขาอย่างอึดอัดแต่ก็เก็บอาการไว้ ตะวันฉายแอบดูทั้งคู่อยู่ตรงหน้าต่างด้านนอกอย่างลุ้นๆว่าเมฆจะเอายังไง เก่งที่เพิ่งกลับจากการไปซื้อของถือถุงใส่ของเดินมาเห็นตะวันฉายแอบดูเจ้านายก็เข้าไปหา
“ทำอะไรวะซัน”
อิงฟ้าที่นั่งอยู่กับเมฆเปิดประเด็นก่อน
อิงฟ้ายิ้ม “ฟ้ารู้ว่าเมฆลำบากใจ แต่ถ้าลูกติดพี่เลี้ยงมากไปกว่านี้มันจะไม่ดีนะ อีกอย่างเขาจะมารักลูกเราจริงเหรอ บางทีก็ดูละเลยไม่ใส่ใจหมอก ฟ้าว่าให้เขาไปตอนนี้ยังจะดีกว่า”
เก่งได้ยินก็ตกใจนิดๆ
“เฮ้ย เขาจะไล่แกออกเหรอ”
ตะวันฉายพยักหน้าหงึกหงักและทำตาละห้อย
เก่งตบบ่าปลอบตะวันฉาย “ชีวิตก็งี้แหละเว้ยไอ้ซัน” เก่งทำเป็นพูดจริงจัง “อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน เออ ถ้าออกไปแล้วก็อย่าลืมติดตามผลงานพี่ด้วยล่ะ”
ตะวันฉายทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ “แต่ผมยังไม่อยากไปนี่ครับ”
“พี่ซันเสียใจที่ไม่ได้อยู่กับหมอกเหรอคับ” หมอกถามขึ้นมา
ตะวันฉายอึ้ง เพราะความจริงเธอสนใจแต่เรื่องของธีรภพ “ ..ใช่..ใช่ครับ”
หมอกกอดตะวันฉาย
“โอ๋นะคับ เดี๋ยวหมอกจะบอกแม่ให้ ว่าอย่าไล่พี่ซันออก” หมอกพูด
ตะวันฉายซึม “คุณหมอก....”
เมฆแกล้งเดินไปเดินมาทำท่าครุ่นคิดจนอิงฟ้าทนไม่ไหวจึงจับตัวเมฆให้หยุดเดิน
“เมฆ เมฆแค่ส่งซันคืนให้กับเพื่อนเมฆ เดี๋ยวเขาก็หางานให้ทำกันเอง นี่ฟ้าชักไม่เข้าใจแล้วสิ ว่าทำไมเมฆถึงต้องคิดมากขนาดนี้ด้วย”
“โอเค” เมฆแกล้งพูดให้อิงฟ้าเข้าใจผิด “ผมคิดว่าซันเขาก็นิสัยดีออก แล้วก็ดูรักหมอก แถมยัง..” เมฆเหลือบมองตะวันฉายแล้วทำหน้าแบบจำใจพูด “น่ารักด้วย”
ตะวันฉายตะลึงเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เก่งหันขวับมามองตะวันฉายแล้วมองเมฆอย่างงงๆ เหมือนกัน อิงฟ้าได้ยินแบบนั้นก็อึ้ง
“..อะไรนะ เมฆ...บอกว่าซันน่ารัก วันก่อนนี้ก็เล่นกันซะจนฟ้าคิดว่า.. เมฆ นี่เมฆคิดยังไงกับซันเนี่ย”
ตะวันฉายแอบมองลุ้นๆ อยู่ข้างนอก
เมฆพูดออกมา “ก็คิดว่า..ผมคงไม่ไล่มันออกหรอก”
ตะวันฉายเผลอร้องเฮดังลั่นพร้อมทั้งลุกขึ้นกระโดดด้วยความดีใจ
“โอ๊ย เหยียบทีน” เก่งร้องออกมา
“อุ้ย ขอโทษ”
อิงฟ้ากับเมฆหันไปมอง ตะวันฉายทำเป็นสงบเสงี่ยม อิงฟ้าจ้องหน้าตะวันฉายอย่างเอาเรื่อง แล้วเดินไปปิดม่านตรงหน้าต่างด้วยความไม่พอใจก่อนจะหันไปพูดกับเมฆต่อ
“ฟ้าเลี้ยงลูกเองได้ เมฆก็เห็นว่าตอนนี้ลูกกับฟ้ากำลังเข้ากันได้ดี”
“เวลาแค่สั้นๆ ผมยังไม่เห็นอะไรชัดนักหรอก ผม..” เมฆตัดสินใจพูด “ยังไม่มั่นใจว่าฟ้าจะไม่ทิ้งใครไปอีก” เมฆทำเป็นพูดขำๆ “ในเมื่อก่อนหน้านี้ ฟ้าก็ทิ้งใครต่อใครไปได้ง่ายๆมาแล้วนี่”
พูดจบเมฆก็หลบตาอิงฟ้า
อิงฟ้าอึ้ง “เมฆ...ฟ้าคิดว่าสิ่งต่างๆที่ฟ้าทำมา มันจะทำให้เมฆหายโกรธฟ้าแล้วซะอีก”
“ที่ฟ้ากับหมอกเข้ากันได้มันก็ดี แต่จะให้ผมทำเหมือนเราไม่เคยมีอดีตต่อกัน....ผมทำไม่ได้ ขอโทษนะฟ้า”
เมฆจะเดินหนีไป อิงฟ้ารีบพูดอย่างตัดพ้อ
“การที่ฟ้ามาอยู่ที่นี่ มันทำให้เมฆอึดอัดมากใช่มั้ย งั้นฟ้าก็ไม่สบายใจที่จะอยู่ที่นี่”
เมฆอึ้ง “ฟ้าหมายความว่ายังไง”
อิงฟ้าแกล้งพูดประชด “ฟ้าก็จะกลับไปอยู่เรือนหอของฟ้ากับธีร์ เมฆจะได้สบายใจ”
เมฆนิ่ง อิงฟ้าก็นิ่งรอความหวังว่าเมฆจะรั้งเธอไว้ แต่เมฆก็ไม่พูดอะไร อิงฟ้าเลยประชดต่อ
“ฟ้ารู้ดีว่าฟ้าทำผิดไว้เยอะ เยอะจนเมฆกับลูกจะให้อภัยฟ้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว”
“ฟ้า..ผม..”
อิงฟ้ารอฟังเพราะคิดว่าเมฆจะพูดว่าขอโทษ ในใจของเธอรู้สึกดีใจแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้
“ผมจะให้เก่งช่วยเก็บของพรุ่งนี้ ถ้าฟ้ารีบ” เมฆพูด
“เมฆ!” อิงฟ้าเดินขึ้นห้องไปด้วยความเสียใจ
เมฆสับสนเพราะไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกหรือเปล่า

อิงฟ้ารื้อกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาด้วยความโมโหแล้วก็หยุดคิด เธอหันไปมองทางหน้าห้องเพราะคิดว่าเมฆจะมาตามแต่เมฆก็ไม่มา อิงฟ้าโกรธจัดจึงปัดกระเป๋าจนกระเด็นลงพื้น

ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 8 (ต่อ)

เมฆจัดโน้ตเข้ากระเป๋าเตรียมจะไปเล่นดนตรี แต่ในใจก็ยังกังวลเรื่องอิงฟ้า เขาทรุดตัวลงนั่งด้วยความเหนื่อยใจ
เมฆพูดปลอบใจตัวเอง “ดีแล้ว เราทำถูกแล้ว” เมฆสับสน “หรือว่าไม่ถูก.. ฮึ่ย ถูกสิ”
ทันใดนั้นเสียงตะวันฉายก็พูดขึ้นมา
“ผมก็ว่าถูกครับ”
เมฆตกใจ “เฮ้ย เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ อะไรถูกของนาย”
“ก็ที่คุณเมฆไม่ไล่ผมออกไง คุณเมฆทำถูกแล้วครับ เพราะนี่แสดงว่าคุณเมฆเป็นเจ้านายที่มีจิตใจเมตตา เห็นแก่คนจนๆที่จะให้มีงานทำต่อไปขอบคุณนะครับ” ตะวันฉายฉีกยิ้มดีใจสุดๆ
เมฆยิ้มกวน “ขอบใจนะที่ชมฉัน ฉันยังไม่ให้นายออกง่ายๆหรอก”
ตะวันฉายหุบยิ้มแล้วก็ทำสีหน้างง แต่พอคิดอะไรได้ก็ยิ้มออกมา
“อ๋อ แปลว่าผมทำงานดีมากใช่มั้ยครับ”
เมฆแกล้งหัวเราะหึๆ แต่ตะวันฉายยังคงยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจเพราะไม่รู้ความคิดเมฆ

หมอกร้องไห้พร้อมกับจับมืออิงฟ้าเขย่า อิงฟ้าถือกระเป๋าเดินทางอยู่ที่อีกมือหนึ่ง เก่งซึ่งอยู่ใกล้ๆหมอกจะร้องไห้ตามไปด้วย
“แม่จะไปไหน” หมอกถาม
“นั่นสิครับ เมื่อกี๊คุณฟ้าจะให้ซันออกไป แต่ทำไมกลายเป็นคุณฟ้าจะไปซะเองล่ะครับ” เก่งงง
“หมอกไม่ให้แม่ไป แม่เอาของไปเก็บเร็วๆ” หมอกจะดึงกระเป๋าของอิงฟ้าไป
เมฆกับตะวันฉายเดินหน้าตื่นออกมาเพราะได้ยินเสียงหมอกร้องไห้
“หมอก เป็นอะไรลูก” เมฆถาม
หมอกวิ่งมาหาพ่อ “แม่จะไปไหนไม่รู้ พ่อบอกไม่ให้แม่ไปทีสิครับ”
เมฆอึ้งแล้วก็มองอิงฟ้า
อิงฟ้าแอบยิ้มเพราะคิดว่าเมฆต้องเห็นแก่ลูกจึงยิ่งทำน่าสงสาร “อย่ากวนใจพ่อเขาเลยลูก แม่ต้องไปจริงๆ” อิงฟ้าเหลือบมองเมฆนิดนึง “แม่อยู่ที่นี่พ่อเขาทำงานไม่สะดวก แม่ไม่อยากให้พ่อเขาไม่สบายใจ แม่เลยต้องไป”
“ไม่จริง พ่อไม่ได้อยากให้แม่ไป” หมอกพูดกับเมฆ “พ่อไม่ได้อยากให้แม่ไปใช่มั๊ยพ่อบอกแม่สิ”
“ฟ้าไปนะเมฆ” อิงฟ้าหันหลังจะเดินไป
เมฆเกิดสงสารขึ้นมาจึงรีบเรียกไว้
“ฟ้า ไม่ต้องไปหรอก”
อิงฟ้าชะงักแล้วหันกลับมาอย่างดีใจ
เมฆพูดต่อ “อยู่ที่นี่แหละ..อยู่กับหมอก”
อิงฟ้าไม่รอฟังว่าอยู่กับหมอก เธอเข้าไปกอดเมฆทันที
“ขอบคุณนะเมฆ ขอบคุณที่ยังดีกับฟ้าเหมือนเดิม..ไม่เคยเปลี่ยน”
เมฆยืนนิ่งไม่จับตัวหรือกอดอิงฟ้า แต่ในใจของเขาสั่นเพราะสับสนไปหมด แล้วในที่สุดเมฆก็เผลอใจกอดปลอบอิงฟ้า อิงฟ้าดีใจมากจึงกระชับกอดแน่นขึ้นพร้อมทั้งร้องไห้ตื้นตันใจและมีความสุข เก่งทำหน้าเคลิ้มตาม แต่ตะวันฉายรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“น่าปลื้มใจจริงๆ เน๊อะซันเน๊อะ” เก่งพูดกับตะวันฉาย
ตะวันฉายไม่ตอบอะไรแล้วก็เดินหนีไป

ตะวันฉายนั่งลงที่สวนข้างบ้านอย่างเซ็งๆ
ตะวันฉายบ่นแบบประชด “ปลื้มตายล่ะ” ตะวันฉายรู้สึกตัวจึงสะบัดศีรษะไล่ความคิด
เก่งผิวปากมาอย่างมีความสุข เขาเห็นตะวันฉายนั่งอยู่ก็เดินเข้าไปคุย
“นกรู้นะเอ็ง รู้ว่าเจ้านายเขาหวีดหวานกัน ก็รีบชิ่งมาก่อนไม่มีชวนกันเลยนะ ปล่อยให้ข้ายืนซึ้งเป็น กขค.เขาอยู่ได้”
“ก็ไม่อยากขัดจังหวะใครทั้งนั้นนี่” ตะวันฉายบอก
เก่งไม่ได้รับรู้ความรู้สึกตะวันฉาย จึงยังคงแสดงความปลาบปลื้มต่อ “น่าจะดีเน๊อะ ถ้าคุณเมฆกับคุณอิงฟ้าจะกลับมาคบกัน”
“พี่เก่ง...พี่ว่าคุณอิงฟ้าจะรักคุณเมฆจริงหรือเปล่า?”
“เฮ้ย ไมพูดมอมๆงี้วะ ทำเป็นรู้ดี ปากอย่างนี้ มิน่าคุณอิงฟ้าถึงได้ไม่ชอบขี้หน้าเอ็ง”
“ก็จริงนี่พี่ ความสัมพันธ์มันดูแปลกๆไงไม่รู้ เหมือนจะรักกันแต่บางทีก็เหมือนไม่รักกัน”
“โอ๊ย บางคู่เขาก็รักๆเลิกๆกับเป็นสิบๆหน ตีกันเช้าเย็นก็มี ยังรักกันยันแก่ได้เลย คู่ของเจ้านายเราก็เหมือนกันแหละ ยังไงเขาก็รักกัน ไม่งั้นคุณเมฆไม่ง้อให้อยู่ต่อหรอก เชื่อดิ”
ตะวันฉายอึ้งไปแล้วก็พูดตัดรำคาญ “เออๆ ใครจะรักกับใครก็ช่างเหอะ ผมไม่เกี่ยวอะไรอยู่แล้ว”
“ทีนี้ล่ะ พี่จะได้ประจบคุณอิงฟ้าปูทางเรื่องให้คุณเมฆรับเข้าวง”
ตะวันฉายเบะปากแล้วเหล่มอง “เห็นแก่ตัว”
เก่งงง
“อ้าวไอ้นี่ ไปอารมณ์เสียที่ไหนมาวะ”

เมฆเดินมาที่ห้องโถงแล้วหยิบรูปหมอกออกมาดูด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“ถ้าวันนึงแม่หมอกมาพรากหมอกไปจากพ่อ พ่อจะทำยังไง”
เมฆดึงรูปหมอกมาทาบที่อกด้วยความรัก ตะวันฉายแอบมองอยู่ เธออยากจะเข้าไปปลอบแต่ก็ไม่กล้า

เมฆหิ้วกระเป๋าอิงฟ้าเข้ามาให้ในห้อง ส่วนอิงฟ้าจูงหมอกเดินตามมาด้วย
“ขอบคุณอีกครั้งนะเมฆ” อิงฟ้าจะหอมแก้มเมฆ
เมฆอึ้งๆ จะปฏิเสธแต่ก็พูดไม่ออก ตะวันฉายเดินมาเห็นพอดีก็ตกใจ
“อุ้ย..ขอโทษครับ” ตะวันฉายรีบหันหลังจะเดินไป
เมฆได้ทีเลี่ยงอิงฟ้า “มีอะไรเหรอซัน”
“ผม..จะมาพาคุณหมอกไปอาบน้ำครับ”
“ก็บอกแล้วไงจ๊ะ ว่าฉันจะทำให้ลูกเอง” อิงฟ้าพูด
ตะวันฉายรับเจื่อนๆ “ครับ”
เมฆตัดปัญหา “หมอกอาบกับพ่อดีกว่า เดี๋ยวพ่อจะต้องออกไปทำงานแล้ว”
ตะวันฉายมองอิงฟ้าว่าเธอจะพูดว่าจะอาบให้เมฆด้วยหรือเปล่า อิงฟ้าอึกอักเพราะอยากพูดเหมือนกัน
เมฆรีบเลี่ยงออกมา “ไปครับหมอก” เมฆจูงมือหมอกเดินออกไปทันที
อิงฟ้ามองตะวันฉายตาดุๆ ตะวันฉายทำหน้าไม่รู้เรื่องแล้วเดินลงไปข้างล่าง

เมฆ เอวา และนิคกำลังเล่นเพลงกันอยู่บนเวทีของผับ เอวาเล่นดนตรีอย่างไม่ค่อยมีสมาธิเพราะใจลอยทำให้ตีผิดจังหวะ นิคกับเมฆหันไปมองเอวา เอวารู้สึกตัวก็พยายามตีให้เข้าจังหวะ แต่ครู่หนึ่งก็ตีผิดอีก นิคกับเมฆมองหน้ากันแต่ก็เล่นประคองเพลงไปได้ นิคเดินเล่นกีต้าร์มาตรงหน้าเอวาแล้วถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“เป็นไร”
เอวาส่ายหน้าแล้วพยายามตั้งใจตีด้วยสีหน้าเครียด แต่ยิ่งเครียดก็ยิ่งตีแรง พอจังหวะส่ง เอวากลับทำไม้กลองกระเด็นหลุดมือไป เมฆกับนิคหน้าเหวอ แล้วเมฆก็ส่งซิกให้นิคให้แก้ปัญหาด้วยการเล่นลูกจบเลย เมฆกับนิคเล่นกันจนจบเพลง คนดูปรบมือ เอวาหน้าจ๋อยก่อนจะเดินลงจากเวทีไปก่อน

เอวาขอโทษเมฆกับนิคด้วยท่าทางซึมๆ
“พี่เมฆ นิค ขอโทษนะที่วันนี้เล่นไม่ดีเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก เล่นเพลงใหม่ แล้วไม่ได้ซ้อมกันก่อนอย่างนี้ ใครก็พลาดกันได้ วันหลังเรานัดซ้อมกันหน่อยก็ดี” เมฆบอก
“ค่ะ” เอวาเดินใจลอยออกไป
เมฆมองตามอย่างงงๆ แต่นิคมองตามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เคยเห็นเอวาเป็นอย่างนี้เลยนะ ถึงจะเครียดเรื่องงานแค่ไหน ก็ยังดูมีสติกว่านี้” เมฆบอก
“ใจลอยอย่างนี้คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอกครับ”
เมฆตื่นเต้น “อกหักเหรอ จากใคร”
นิคอึกอักเพราะไม่รู้ว่าควรบอกหรือไม่
เมฆมองนิคด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “เฮ้ย...อย่าบอกนะว่า...”
นิคตกใจแล้วตอบเฉไฉไป “โอ๊ยพี่เมฆ อย่างผมน่ะเหรอ จะไปหักอกยัยเอวาได้ ผมมันคนกระจอก ยศตำแหน่งอะไรก็ไม่มีกับเขา”
“อ้าว แล้วใครอ่ะ” เมฆถาม
นิคไม่รู้จะบอกดีหรือไม่เลยตอบเลี่ยงๆไป “เดี๋ยวผมไปถามมันให้แล้วกัน” นิครีบเดินออกไปเลย
“อ้าว” เมฆตะโกนไล่หลัง “ไอ้นิค ฉันไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น” เมฆพูดไม่ทันนิคที่เดินออกไปแล้ว “...... เออ ว่าแต่ใครวะหักอกเอวา”

ยุทธการในชุดตำรวจนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขากำลังกดโทรศัพท์หาตะวันฉาย รอสายครู่หนึ่งเขาก็วางอย่างเซ็งๆ
ยุทธการถอนใจ “จะหาข้อมูลมันต้องลงทุนปลอมตัวกันขนาดนี้เลยเหรอ”

จ่าสมนั่งอยู่ที่ล็อบบี้ปปส. เขาเหม่อมองออกไปด้านนอก ในมือถือรูปถ่ายใบหนึ่งเอาไว้ด้านหลังรูปเขียนว่า “นางฟ้าของพ่อ” จ่าสมนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา...
แท็กซี่แล่นออกรถไป อิงฟ้าเหลือบมองจ่าสมอีกครั้ง จ่าสมมีสีหน้าตกใจรีบตะโกนเรียก
“ฟ้า นั่นฟ้าหรือเปล่าลูก” จ่าสมวิ่งตาม “ฟ้า...ฟ้า”
จ่าสมเห็นแท็กซี่กำลังจะออกไปก็รีบกลับมาสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์แต่ก็สตาร์ทไม่ติด
“โธ่โว้ย” จ่าสมมองแท็กซี่ด้วยสีหน้าเศร้า

ยุทธการถือกระเป๋าใส่งานและของใช้ส่วนตัวเดินมาที่ล็อบบี้ เขาเห็นจ่าสมนั่งอยู่ก็นึกว่าจ่าสมนั่งดูทีวีเลยเข้าไปทัก
“ดูละครอีกแล้วเหรอจ่า”
จ่าสมหลุดจากความคิดแล้วก็รีบซ่อนรูปถ่ายก่อนจะทำเป็นอารมณ์ดีกลบเกลื่อน
“อ๋อ ครับ เรื่องนี้นางเอกปลอมตัวอีกแล้ว”
ยุทธการสนใจขึ้นมาทันที
“ปลอมตัวเหรอ...อย่างนี้ เดี๋ยวก็คงถูกจับได้สินะ” ยุทธการว่า
“ใช่ครับ พอพระเอกจับได้ ก็โกรธกัน แล้วก็ค่อยรักกัน” จ่าสมบอก
ยุทธการนั่งลงข้างๆ ก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วกระซิบ “มีเรื่องไหนไม่รักกันมั่งมั้ย”
“ไม่มีหรอกครับ ผมดูมาสิบเรื่อง ก็รักกันทั้งสิบเรื่องนั่นแหละครับ”
ยุทธการเริ่มใจไม่ดี “แล้วถ้านางเอกมีแฟนอยู่แล้วล่ะครับ”
“ก็เห็นมันเลิกกันทุกรายละครับ” จ่าสมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ส่วนใหญ่เลิกกันแล้วแฟนนางเอกก็ไม่ได้ใครด้วยนะครับ”
ยุทธการนิ่งอึ้ง จ่าสมเห็นยุทธการเงียบไปก็แปลกใจ
“สารวัตรเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ยุทธการรีบทำเป็นปกติ “เปล่าๆ จ่าดูต่อไปเถอะ ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะ”
“ครับผม”
ยุทธการเดินออกไปแต่ก็เดินกลับมาอีกที
“เออจ่า เรื่องอินฤดีไปถึงไหนแล้ว”
จ่าสมอึกอักก่อนจะโกหกไป “ยังไม่มีเบาะแสเพิ่มเลยครับ”
“เร่งมือหน่อยนะจ่า”
“ครับ”
ยุทธการเดินออกไป จ่าสมถอนหายใจแล้วก็หน้าเครียดลงทันที

ตะวันฉายอุ้มหมอกร่อนไปร่อนมาทำเป็นเครื่องบินอยู่ในห้องนอนของหมอก
“เครื่องบินจะร่อนลงแล้วนะ...”
หมอกหัวเราะชอบใจ ตะวันฉายร่อนตัวหมอกลงนอนบนที่นอน
“ตกลงพี่ไม่ก็ไม่ต้องไป แม่ก็ไม่ต้องไปแล้วใช่ไหม” หมอกถาม
“ใช่ครับ พี่ซันจะได้อยู่กับคุณหมอกต่อไปอีกนานๆเลย”
หมอกดีใจ “เย้..”
อิงฟ้าพูดพร้อมกับเดินเข้ามา
“ไงหมอก ชอบอยู่กับพี่ซันเหรอลูก” อิงฟ้าเข้าไปโอบหมอกที่บนเตียง
“ชอบคับ”
“แล้วแม่ล่ะ”
“ก็ชอบคับ”
“ถ้าให้เลือก หมอกจะเลือกอยู่กับใคร” อิงฟ้าถาม
หมอกคิด
“อยากอยู่กับทั้งสองคน พ่อด้วย พี่เก่งด้วย อยากอยู่หมดเลย”
ตะวันฉายมองหมอกแล้วก็ยิ้มตื้นตันใจ แต่พอเหลือบมองอิงฟ้ากลับเห็นสายตาเชือดเฉือนของอิงฟ้า ตะวันฉายสะดุ้งแล้วเลี่ยงไปพูดกับหมอกแทน
“คุณหมอกครับ เดี๋ยวพี่ซันไปทำนมอุ่นมาให้นะครับ”
“คับ”
ตะวันฉายรีบออกไปทันที

ตะวันฉายเดินออกมาจากห้องหมอกได้ก็ถอนใจ
“โอ๊ย บรรยากาศมาคุไงก็ไม่รู้” ตะวันฉายบ่น
พอตะวันฉายจะเดินไป อิงฟ้าก็เดินตามออกมา
“แปลกดีนะ เป็นผู้ชาย แต่มาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก” อิงฟ้าพูด
“ผมเคยเลี้ยงน้องน่ะครับ น้องผมเยอะ ก็เลยเลี้ยงเป็น”
“ไม่คิดอยากจะทำอาชีพอื่นบ้างเหรอ”
ตะวันฉายเริ่มหงุดหงิด “ทำไมคุณถึงอยากให้ผมออกนักล่ะครับ”
“พูดกันตรงๆก็ดี เพราะฉันไม่ไว้ใจน่ะสิ”
“ไม่ไว้ใจผม.....เรื่องอะไรครับ” ตะวันฉายถามต่อ
“ก็เรื่อง...” อิงฟ้าไม่อยากจะพูดเรื่องเพศ “เอาเป็นว่ามีผู้....ชาย...อย่างนายมาอยู่ในบ้าน ฉันคงอยู่อย่างไม่สงบสุขแน่”
ตะวันฉายงง เธอคิดไปคิดมาพอคิดได้แล้วเธอก็ตกใจ
“หา...นี่คุณอิงฟ้ากลัวผมจะ...ปล้ำคุณเหรอฮะ” ตะวันฉายหัวเราะหน้าทะเล้น “ไม่ต้องกลัวเลยฮะ ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณซักกะนี๊ดดดนึงเลย สาบานได้”
“ฉันไม่ได้กลัวนายคิดอะไรกับฉัน” อิงฟ้าเดินมาจ้องหน้า “แต่ฉันกลัวนายคิดกับสามีฉันต่างหาก”
ตะวันฉายอึ้งไป

ตะวันฉายเดินหน้ามุ่ยมาด้วยความโมโห
ตะวันฉายบ่น “จะบ้าหรือไง เราเนี่ยนะจะตาต่ำไปปล้ำนายนั่น”
แล้วตะวันฉายก็จินตนกาาร...
ตะวันฉายผลักเมฆที่ดูอ่อนแอกว่าลงบนเตียง
“ซัน จะทำอะไรเค้าอ่ะ” เมฆถาม
ตะวันฉายปลดกระดุมคอเสื้อตัวเอง “เป็นของฉันเถอะนะเมฆ” ตะวันฉายกระโจนลงไปโถมทับเมฆ
“ไม่นะตัวเอง...อย่าทำเค้านะ”
เมฆร้องแล้วภาพก็เบลอไป
หลังจากคิดแบบนั้น ตะวันฉายก็หลับตาปี๋แล้วทำท่าขนลุก
“อี๋.. ไม่มีทาง แค่คิดก็รับไม่ได้แล้ว อึ๋ย..คันหน้า...แหวะ”

ยุทธการนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องนอน เขากำลังดูรูปตะวันฉายในโทรศัพท์โดยสไลด์ดูไปเรื่อยๆ บนโต๊ะทำงานของเขาเต็มไปด้วยแฟ้มและเอกสารเกี่ยวกับคดียาเสพติดที่ตามอยู่
“ยังจะมายิ้มหน้าทะเล้นอีก รู้บ้างไหมว่าพี่เป็นห่วง” ยุทธการคิดอะไรได้ “....เฮ้ย นายเมฆนั่นเล่นดนตรีตอนกลางคืนนี่หว่า อย่างนี้ซันก็อาจจะต้องมารอเปิดประตู แล้วก็ต้องอยู่กันสองคนดึกๆดื่นๆน่ะสิ”
แล้วยุทธการก็จินตนาการ...
รถเมฆแล่นเข้ามาจอดในบ้าน เมฆเดินลงมาจากรถพร้อมกับมองตะวันฉายที่มาปิดประตูรั้วด้วยแววตาเจ้าชู้ ตะวันฉายปิดประตูรั้วเสร็จก็เดินยิ้มมาหาเมฆ พอตะวันฉายเดินมาถึงเมฆก็เข้าประกบแล้วโอบเอวตะวันฉายทันที
ตะวันฉายยิ้ม “เหนื่อยไหมครับ”
“เหนื่อยมาก นวดให้หน่อยนะ”
“ครับ”
เมฆเอามือลูบผมตะวันฉายแล้วเอามาดม “ขอบใจมาก”
ทั้งสองยิ้มหวานให้กัน

ยุทธการสะดุ้งแล้วก็ทำหน้าเจื่อนเพราะใจคอไม่ดี
“เฮ้ย...จะเป็นแบบนี้ไหมนะ”

ตะวันฉายค่อยๆเปิดประตูห้องหมอกก็เห็นอิงฟ้านอนกอดหมอกหลับอยู่บนเตียง โดยในมือของอิงฟ้ายังถือหนังสือนิทานอยู่ ตะวันฉายยิ้มที่หมอกดูมีความสุข เธอจะปิดประตูแต่ยังไม่ทันจะปิดสนิทก็ต้องชะงักเพราะได้ยินเสียงเมฆถาม
“มาแอบดูอะไร”
ตะวันฉายตกใจ พอหันไปก็เจอเมฆยืนอยู่ข้างหลัง
“ ผมแค่จะมาดูว่าคุณหมอกหลับหรือยัง คุณเมฆจะเข้าไปใช่ไหมครับ”
ตะวันฉายจะถอยหลบ แต่เมฆพูดพร้อมกับเอื้อมมือผ่านตะวันฉายไปจับลูกบิดประตูที่แง้มอยู่เพื่อจะดึงปิด
“ไม่ล่ะ ไม่อยากให้หมอกตื่น” เมฆบอก
ขณะที่เมฆเอื้อมมือมาปิดประตูทำให้ตะวันฉายเหมือนถูกเมฆกอด ตะวันฉายถึงกับตาโต ตกใจ แล้วก็นิ่งไป
ตะวันฉายยืนนิ่ง ตาค้าง แล้วเสียงหัวใจเต้นก็ดังตึกตัก
เมฆดึงประตูปิดแล้วก็เห็นตะวันฉายยังยืนตัวแข็ง
“อ้าว ทำไมไม่ไปซะทีล่ะ”
เมฆเห็นตะวันฉายยังยืนนิ่ง ตาค้าง เขาจึงเอามือไปโบกอากาศที่หน้าตะวันฉาย
“เฮ้ย ซัน เป็นอะไร” เมฆถาม ตะวันฉายยังนิ่ง เขาเงื้อมะเหงกจะเขกหัวแต่ก็ชะงักเพราะรู้ว่าเป็นผู้หญิงเลยไม่อยากแกล้งแรง จึงเปลี่ยนมาใช้มะเหงกดันหัวตะวันฉายเบาๆ “หลับในหรือไง”
ตะวันฉายสะดุ้งตกใจเลิ่กลั่ก
“ผม..เอ่อ..ไปนอนนะครับ” ตะวันฉายรีบวิ่งเข้าห้องไปทันที
เมฆหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งตะวันฉาย

ตะวันฉายเดินเอ๋อโดยมือทั้งสองข้างยังกุมหัวใจอยู่ก่อนจะนั่งลงที่เตียงแล้วขมวดคิ้วเครียดหายใจแรง

เมฆเดินเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวนั่งบนเตียง ก่อนจะเอามือจับหัวใจ
เขานึกถึงคำพูดของตะวันฉายก่อนหน้านี้ “ผมแค่จะมาดูว่าคุณหมอกหลับหรือยัง คุณเมฆจะเข้าไปใช่ไหมครับ”
ตะวันฉายจะถอยหลบ แต่เมฆพูดพร้อมกับเอื้อมมือผ่านตะวันฉายไปจับลูกบิดประตูที่แง้มอยู่เพื่อจะปิด
พอดี
“ไม่ล่ะ ไม่อยากให้หมอกตื่น”
ขณะที่เมฆเอื้อมมือมาปิดประตูทำให้ตะวันฉายเหมือนถูกเมฆกอด ตะวันฉายตาโต ตกใจ แล้วก็นิ่งไป
ขณะที่เอื้อมมือจะปิดประตูนั้น เมฆได้แอบมองซันในระยะประชิดแล้วก็ใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก เสียงหัวใจของเขาดังตึกตักขึ้นมาเหมือนกัน
พอคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป เมฆก็ทำหน้าหวาดๆ เพราะไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก
“ไม่จริง ไม่ใช่!”

เอวากำลังดูรูปถ่ายในกรอบรูปต่างๆ ที่ตั้งโชว์อยู่บนโต๊ะ เป็นรูปสมัยเรียนที่ยุทธการในชุดตำรวจมาช่วยตะวันฉาย นิค และเอวายืนถือกล่องรับบริจาคค่ายอาสาฯ
เสียงเตือน MSN ในมือถือของเอวาดังขึ้น เอวาเปิดดูก็เห็นข้อความจากนิคทักมาว่า “รีบนอนซะนะ เดี๋ยวตื่นมาหน้าเหี่ยว” เอวายิ้มแห้งๆ ปิดหน้าแชทแล้วไปที่หน้าแรก พอเห็นยุทธการออนไลน์อยู่ก็ตื่นเต้น จึงรีบพิมพ์ไป
“พี่ยุทธ..” เอวาหยุดพิมพ์แล้วก็ลังเล “จะทักดีมั้ยนะ..”
ตัวอักษรคำว่าพี่ยุทธถูกลบ เอวาถอนใจเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

ยุทธการกำลังอ่านแฟ้มงานแต่ก็ไม่มีสมาธิจึงหยิบโทรศัพท์มาดูรูปตะวันฉาย แล้วก็วางโทรศัพท์ ก่อนจะเดินครุ่นคิดไปมาอยู่ในห้อง ยุทธการได้ยินเสียงเตือนข้อความจากมือถือจึงกดเปิดดู เขาเห็นเอวาส่งรูปการ์ตูนน่ารักๆ มาให้
ยุทธการยิ้มขำ แล้วกดพิมพ์
“ยังไม่นอนเหรอ”
เอวานั่งมองโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อพอมีเสียงเตือนข้อความ ก็รีบเปิดดู พอเห็นเป็นยุทธการเข้ามาทักก็ดีใจมาก จึงรีบพิมพ์ตอบกลับไป
“นอนไม่หลับค่ะ :-0 ”
มีข้อความตอบมาว่า “พี่ก็นอนไม่หลับ :-0 ”
เอวาอ่านแล้วอึ้งเธอจึงพิมพ์ตอบ “คิดถึงซันอยู่เหรอคะ” แต่พอจะกดส่งก็เปลี่ยนใจลบทิ้ง แล้วพิมพ์ใหม่ว่า “ทำงานอยู่เหรอคะ”
พอส่งไปก็ได้คำตอบกลับมา “สมาธิกระเจิงหมดแล้ว T_T”
เอวาพิมพ์ถามไป “ทำไมเหรอคะ (^_^)”
คราวนี้เอวารอคำตอบนานจนรู้สึกกระวนกระวาย แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เอวาเห็นเป็นชื่อยุทธการก็ทั้งตกใจและดีใจจึงรีบกดรับจนโทรศัพท์เกือบหลุดจากมือ
“ค่ะพี่ยุทธ”
“หิวอ่ะ ไปกินข้าวกันมั้ย” ยุทธการชวน

ตะวันฉายในม่านเมฆ ตอนที่ 8 (ต่อ)

เอวาตื่นเต้น “กินข้าว..เอ่อ..” เอวาพูดแบบปากไม่ตรงกับใจ “เอวา..กำลังลดความอ้วนน่ะค่ะ”
ยุทธการขำ “ลดความอ้วน เราเนี่ยนะ โห ผอมจะแย่อยู่แล้ว ยังจะลดอะไรอีก ผู้หญิงนี่ชอบลดความอ้วนกันซะจริง ไม่เป็นไร งั้นพี่ไม่กวนละ ฝันดีนะ” ยุทธการวางสายทันที
เอวาทั้งอึ้งทั้งเหวอ จะพูดก็พูดไม่ทัน
“เอ่อ..พี่ยุทธ..” เอวาเจ็บใจตัวเอง “โอ๊ย จะฟอร์มทำไมวะเนี่ย”
เอวาลุกเดินไปเดินมาพร้อมกับมองโทรศัพท์ในมือ แล้วก็ตัดสินใจกดโทรออก
เสียงยุทธการถาม “ว่าไง”
“เอวาชักเริ่มหิวเหมือนกันค่ะพี่ยุทธ งดไดเอ็ทสักคืนก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ได้เลย เดี๋ยวพี่ไปรับนะ”
เอวาวางสายแล้วกระโดดโลดเต้นไปรอบห้องพร้อมกับร้องลั่นด้วยความดีใจ

ตะวันฉายนอนสั่นอยู่บนเตียง เธอขดอยู่ในผ้าห่มราวกับหนอนชาเขียว สักพักตะวันฉายตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าที่มีอาการไม่สบาย
“ทำไมมันหนาวอย่างนี้ว่ะ”
ตะวันฉายเอามือแตะหน้าผากตัวเองแล้วก็สะดุ้ง
ตะวันฉายเปรย “ซวยจริงมาเป็นไข้อะไรตอนนี้ก็ไม่รู้”

เมฆเดินมาที่ตู้เย็นแล้วก็เปิดตู้รินน้ำดื่ม เขาหันไปเห็นใครห่อตัวอยู่ในผ้าห่มก็ตกใจ
“เย้ยยยยย!!!!”
ตะวันฉายยืนห่อผ้าห่มตัวสั่นอยู่พูดขึ้นมา
“ผมเองครับ”
“เป็นอะไร ดึกดื่นทำไมไม่นอน ตกใจหมดนึกว่าผี”
“ผมเป็นไข้ เลยออกมาหายากินครับ”
เมฆชะงักแล้วเอามือมาแตะหน้าผากตะวันฉายอย่างอ่อนโยน
เมฆตกใจ “ตัวร้อนจริงๆด้วย งั้นรอเดี๋ยวนะ”
ตะวันฉายยืนรอสักพักจากนั้นเมฆก็เดินเข้ามาพร้อมยาแก้ไข้ในมือ ก่อนจะรีบหยิบแก้วน้ำมารินน้ำแล้วยื่นให้ตะวันฉาย
“อ่ะกินซะ ไข้จะได้ลด”
ตะวันฉายรับยามาจากมือเมฆแล้วรีบกินทันที
“เป็นไง ไหวมั๊ย ต้องไปหาหมอรึป่าว” เมฆถาม
ตะวันฉายวางแก้วน้ำก่อนจะหันไปตอบเมฆ “ไหวครับ”
ตะวันฉายพูดจบก็ทรุดลงไปเลย เมฆรีบประคองตะวันฉายไว้
“เธอ!!!”

เมฆอุ้มตะวันฉายมานอนบนเตียง จากนั้นเมฆก็รีบเดินออกมา ตะวันฉายนอนขดตัวสั่นอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้ตัว สักพักเมฆก็กลับเข้ามาพร้อมกะละมังใส่น้ำใบเล็ก เขาเอาผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วเช็ดตามใบหน้าแขน และคอให้ตะวันฉาย สักพักตะวันฉายก็ละเมอออกมา
“ทานข้าวก่อนนะครับคุณหมอกแล้วค่อยเล่น เดี๋ยวปวดท้องนะครับ”
เมฆมองตะวันฉายยิ้มๆ ด้วยความเอ็นดูในความน่ารักของเธอ
“นี่เป็นห่วงลูกชั้นขนาดนี้เลยหรอ จะว่าไปเธอก็เป็นคนดีใช้ได้นะ”
แล้วตะวันฉายก็เอามือปัดหน้าเมฆจนหงาย เมฆเอามือกุมหน้าเพราะเจ็บสุด
ตะวันฉายละเมอ “เป็นไงพี่ซัน ปล่อยพลังบ้างแล้ว กลัวมั๊ย”
เมฆถอนหายใจเอือมๆ
“ชมไม่ทันขาดคำ ออกฤทธิ์จนได้” เมฆว่า
ตะวันฉายละเมอ “คุณหมอกต้องเป็นเด็กดีนะครับ”
ตะวันฉายพูดจบก็กอดแขนเมฆจนแน่นแล้วหลับสนิทไป เมฆมองตะวันฉายยิ้มๆก่อนจะค่อยๆ เอามือเกลี่ยผมตะวันฉายอย่างช้าๆ แล้วปล่อยความรู้สึกให้เป็นไปตามความต้องการของหัวใจ
“ขอบใจมากนะซัน”
เมฆลูบหัวตะวันฉายเบาๆ ก่อนจะร้องเพลงกล่อมลูกที่เคยร้องให้หมอกฟังบ่อยๆให้ตะวันฉายฟังไปด้วย แล้วก้มลงจูบที่หน้าผากของตะวันฉาย เวลานี้หัวใจของเมฆ รู้สึกกับตะวันฉายมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาแล้ว

เอวาในชุดสวยเป็นพิเศษนั่งคอยชะเง้อมองออกไปนอกคอนโด สักพักรถยุทธการก็แล่นเข้ามา เอวามีท่าทีตื่นเต้นดีใจแล้วก็รีบลุกออกไปหา

ยุทธการในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะเดินเข้าไปในคอนโด แต่เอวาเดินออกมาหาเขาพอดี
“อ้าว ลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นรถพี่ด้วยเหรอ”
เอวาเผลอพูดด้วยความตื่นเต้น “เห็นสิคะก็ลงมารอตั้งนานแล้ว”
ยุทธการแปลกใจ “รอตั้งนานแล้วเหรอ”
เอวารู้ตัวจึงรีบแก้ตัว “พอดีเอวาหิวมากน่ะค่ะ เลยไปซื้อซาลาเปากินรองท้องก่อน แล้วก็เลยรอพี่อยู่ที่ล็อบบี้”
“อ้าว กินก่อนซะแล้ว อย่างนี้ก็อิ่มแล้วสิ”
เอวารีบพูด “โอ๊ยยังค่ะ เอวากินไปแค่คำเดียว พอดีเจอหมาแม่ลูกอ่อนมาขอ เลยให้มันกินที่เหลือ เอ่อ ตอนนี้เอวาเริ่มหิวอีกแล้ว เรารีบไปกันเถอะ”
ยุทธการงงแต่ก็พยักหน้ารับ “โอเค”
แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไป

เอวาที่นั่งในรถยุทธการมองยุทธการแล้วทำหน้าสงสัยเพราะยุทธการขับรถไปยิ้มไป
“พี่ยุทธ ยิ้มอะไรคะ”
“ตอนแรกพี่กะว่า จะไปหาอะไรกินง่าย ๆ ใกล้ ๆ คงต้องเปลี่ยนแผนแล้วล่ะ”
เอวาทำหน้างง “ทำไมคะ”
“ก็..แต่งตัวซะสวยแบบนี้จะกินง่าย ๆ ได้ไงเล่า”
“อ้าว...นี่ก็...” เอวาเขินจนหน้าแดง “แต่งธรรมดาแล้วนะ”
“ปกติพี่ไม่ค่อยเคยเห็นเอวาในชุดแบบนี้ “
“มันเว่อร์ไปเหรอคะ”
“...น่ารักดี”
เอวาเขินจนหน้าแดง

นิคร้องเสียงหลงใส่โทรศัพท์
“ขอเงินอีกแล้วเหรอแม่!” นิคถอนใจ “ตอนนี้ยังไม่ได้หรอก ผมต้องจ่ายค่าหอ...” นิคฟัง “ผลัดไม่ได้แม่ เขาจะไล่ออกจากหออยู่แล้ว” นิคฟัง “ ..ไม่ได้ ผมบอกแล้วไง.. แม่ฟังบ้างสิ...เดี๋ยวก่อนแม่ อย่าเพิ่งวาง แม่ครับ แม่...” นิคถอนใจก่อนจะมองโทรศัพท์อย่างหนักใจ

เอวากำลังกินอาหารกับยุทธการอย่างมีความสุขในร้านอาหารหรู
“พี่เห็นว่าเราไดเอ็ท เลยสั่งแต่พวกผักปลาให้ ชอบหรือเปล่า” ยุทธการถาม
“ชอบค่ะ ไม่อ้วนแล้วยังอร่อยด้วย”
เสียงโทรศัพท์ของเอวาดังขึ้น เอวาหยิบขึ้นมาดู
เอวาพูดกับยุทธการ “แป๊บนึงนะคะ”
ยุทธการยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับเป็นเชิงบอกว่าตามสบาย เอวาลุกออกไปรับโทรศัพท์

เอวาคุยโทรศัพท์กับนิคด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง
“ไงแก นอนไม่หลับเหรอ ยังไม่เช้าผียังไม่เข้าโลงว่างั้น”
“น้ำเสียงสดชื่นจริงนะ แกก็ยังไม่นอนเหมือนกันใช่มั้ย” นิคถาม
เอวารีบเก็บความรู้สึก “ยัง ฉัน..ออกมากินข้าวเป็นเพื่อนพี่ยุทธ”
นิคอึ้งไป
“อ่อ..เหรอ.. แก..ลดความอ้วนอยู่ไม่ใช่เหรอ ไหนว่าจะไม่กินอะไรดึกๆไง” นิคถาม
เอวาพยายามทำน้ำเสียงเฉยๆ แต่ก็พูดไปยิ้มไป “ก็..พอพี่เขารู้ว่าฉันไดเอ็ท เขาก็เลยสั่งแต่ผักแต่ปลามาให้ฉัน”
“อือ ดูเขาใส่ใจแกดีนะ อาจจะเริ่มมีอะไรดีๆแล้วก็ได้”
เอวายังปกปิดความรู้สึกจึงทำเสียงห้วนใส่ “อะไร”
“เออ อะไรก็แล้วแต่เหอะ ฉันฟังแกโม้จนง่วงแล้ว แค่นี้นะ”
“เฮ้ย เดี๋ยวดิ แล้วที่โทรมาเนี่ยมีเรื่องอะไรยังไม่บอกเลย”
“ไม่มีอะไร โทรมาคุยเล่น แค่นี้นะ”
นิคกดวางสายโทรศัพท์ด้วยความเศร้า

รถยุทธการแล่นเข้ามาจอดหน้าคอนโดเอวา แล้วทั้งสองก็เดินลงมาจากรถ
“ขอบคุณนะเอวาที่ออกมาเป็นเพื่อนพี่”
“ยินดีค่ะ”
“รีบขึ้นห้องเถอะ อากาศเริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ค่ะ พี่ยุทธขับรถดีๆนะคะ” เอวาหันหลังจะเดินไป ยุทธการเห็นเศษใบไม้ติดอยู่ที่ผมด้านหลังจึงร้องเรียก
“เดี๋ยว เอวา”
เอวาหันมา
ยุทธการยื่นมือไปจะหยิบใบไม้ออกให้ เอวาตาโตและใจเต้นเพราะไม่รู้ว่ายุทธการจะทำอะไร แล้วยุทธการก็หยิบใบไม้ออกมา ยุทธการชูใบไม้ให้ดูแล้วก็ยิ้ม
เอวายิ้มเจื่อนๆ “ขอบคุณค่ะพี่ยุทธ”
ยุทธการยิ้มขำ “นึกถึงซันตอนเด็กๆเลย วิ่งเล่นมอมแมมหัวกระเซิง ใบไม้ใบหญ้าติดเต็มหัวไปหมด พี่ต้องคอยแกะออกให้ทุกที”
เอวาซึม แต่ทำเป็นยิ้ม “พี่ยุทธนี่มีแต่ซันอยู่ในหัวใจตลอดเลยนะคะ”
ยุทธการถอนใจ “พี่จะมีใครได้อีกล่ะเอวา”
เอวาจ๋อยแต่พยายามฝืนยิ้ม
“พี่ไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมซันต้องไปอยู่บ้านนายเมฆนั่นด้วย จะอยู่อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ พี่...รู้สึกไม่ดีเลย”
“พี่ยุทธกลัวว่าพี่เมฆกับซันจะชอบกันเหรอคะ” เอวาถาม
ยุทธการพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเศร้า “พี่ถึงนอนไม่หลับ จะทำงานก็ไม่มีสมาธิ”
“เลยชวนเอวาออกมากินข้าว”
“ใช่ พี่ขอโทษนะที่รบกวนเราอยู่เรื่อย”
เอวากลั้นน้ำตา “ไม่ได้กวนหรอกค่ะ แต่เอ่อ...เอวาถามอะไรพี่ยุทธหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิ”
“ถ้า...ถ้าเกิดพี่ยุทธไม่ได้แต่งกับซัน พี่ยุทธจะทำยังไงคะ”
“พี่ก็จะรักซัน และดูแลเขาไปเรื่อยๆจนกว่าจะมั่นใจว่าเขาเจอคนที่ดีพอ”
“แล้วพี่ยุทธไม่เจ็บเหรอ”
“เจ็บมาก แต่ถ้าต้องบังคับให้ซันมารักและแต่งงานกับพี่ ซันก็จะเจ็บ พี่ยอมเจ็บดีกว่าให้ซันเจ็บ”
เอวาหน้าจ๋อย เธอก้มหน้าทำให้น้ำตาเกือบร่วง

นิคนอนก่ายหน้าผากคิดเรื่องเอวา ส่วนเอวาคิดเรื่องยุทธการ ยุทธการก็คิดเรื่องตะวันฉายอยู่

เช้าวันใหม่ ตะวันฉายสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจ
“ห๊ะ!!!” ตะวันฉายจับเนื้อตัวตัวเอง “หายแล้วนี่หว่า”
ตะวันฉายเหลือบไปมองกะละมังใส่น้ำที่มีผ้าขนหนูอยู่ในนั้นสีหน้างงๆ
“ใครเช็ดตัวให้เรานะ”

ตะวันฉายเดินเข้ามาในบ้านพอเจอเมฆเธอก็ชะงัก
“ขอโทษครับ ผมตื่นสายไปหน่อย”
“แล้วไง หายป่วยแล้วหรอนายน่ะ” เมฆถาม
“หายแล้วครับ” ตะวันฉายตอบ
เมฆเดินเข้ามาเอามือแตะหน้าผากตะวันฉาย
“ตัวเย็นแล้วจริงๆ ด้วย ไปทำอะไรมาห๊ะ อยู่ๆถึงได้เป็นไข้”
“สงสัยท้องผูกมั้งครับ แฮ่”
เมฆส่ายหน้าเอือมๆ
“ว่าแต่เมื่อคืนใครมาเช็ดตัวให้ผมหรอครับ”
เมฆอึกอักก่อนจะรีบลนลานปฏิเสธ
“นายเช็ดของนายเอง ฉันแค่ให้เก่งเตรียมน้ำไปวางไว้ให้ในห้องน่ะ”
ตะวันฉายพยักหน้าหงึกๆ “อ่อ ทำไมจำไม่ได้เลยแฮะ งั้นเดี๋ยวผมรีบทำข้าวเช้าให้คุณหมอกก่อนนะครับ”
ตะวันฉายพูดจบก็เดินออกไป เมฆมองตามยิ้มๆ
ตะวันฉายเดินเข้ามาในห้องครัวก็เจอเก่งที่เดินเข้ามาพอดี
“อ่อพี่เก่ง ผมต้องขอบคุณพี่มากเลยนะ ถ้าไม่ได้พี่ผมคงแย่”
เก่งรับหน้าตาเฉย “เออ ไม่เป็นไรหรอก เรามันคนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
เก่งพูดจบก็เดินออกไปพร้อมกับทำหน้างงๆ
“มันขอบคุณอะไรของมันวะ งง”
เก่งเกาหัวแกร่กๆๆ แต่ก็ไม่คิดจะหันไปถาม

เมฆเปิดประตูห้องหมอก
“หมอก ตื่นหรือยังครับ”
เมฆเห็นอิงฟ้ากำลังหวีผมให้หมอกที่ทาแป้งจนหน้าขาวผ่องและใส่ชุดนักเรียนแล้ว หมอกหันมายิ้มแฉ่งให้เมฆ
“วันนี้หมอกหล่อมั๊ยคับพ่อ”
เมฆยิ้มกับภาพตรงหน้าก่อนจะตอบ
“หล่อที่สุดในโลกเลยครับ”
“หล่อเหมือนพ่อเมฆไง” อิงฟ้าพูดขึ้น
อิงฟ้ามองแล้วก็ยิ้มให้ แต่เมฆรีบปั้นหน้านิ่ง
“ขอบคุณนะฟ้าที่ช่วยแต่งตัวให้ลูก”
“ต่อไปไม่ต้องขอบคุณแล้วล่ะ เพราะฟ้าจะทำให้ลูกตลอดไป” อิงฟ้าเข้าไปจับมือเมฆ แล้วหันไปจูงหมอก “พ่อ แม่ ลูก พร้อมจะไปกันหรือยัง”
เมฆอึกอัก ฟ้าเห็นอาการเมฆจึงหันไปบอกหมอก
“หมอก ลูกลงไปกินข้าวก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่กับพ่อตามลงไป”
“คับแม่” หมอกวิ่งออกไป
อิงฟ้าหันมาหาเมฆ “ทำไมคะ ดูเมฆจะอึดอัดนะ ไม่ดีใจเหรอ เราจะกลับมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ มีพ่อ แม่ ลูกพร้อมหน้า”
“ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นแบบนี้ได้นานแค่ไหน ไม่รู้จะมีวันไหนที่ฟ้าจะทิ้งหมอกไปอีก”
“มันจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว ฟ้าสัญญา ฟ้าจะไม่ทิ้งหมอก....กับเมฆไปอีก” อิงฟ้าจับมือเมฆแล้วจูงเดินไป
เมฆมองที่มือที่อิงฟ้าจับอยู่แล้วก็ลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเพราะตัดสินใจว่าจะลองเชื่ออิงฟ้าดูอีกที

ตะวันฉายตักข้าวต้มปลาจากเตามาเสิร์ฟให้หมอก
“มาแล้วครับ ขอโทษนะครับที่วันนี้พี่ซันทำอาหารเช้าช้าไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรคับ หมอกจะรอทานพร้อมพ่อกับแม่” หมอกบอก
“คุณพ่อคุณแม่จะลงมาทานด้วยเหรอครับ”
เสียงอิงฟ้าดังขึ้น “ใช่”
ตะวันฉายหันไปมอง ก็เห็นเมฆกับอิงฟ้าเดินจับมือกันมา ตะวันฉายอึ้ง เมฆคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วก็ทำหน้าไม่ถูก เขาค่อยๆปล่อยมืออิงฟ้า อิงฟ้าสังเกตเห็นอาการทั้งคู่เลยเปลี่ยนจากจับมือเป็นคล้องแขนเมฆเสียเลย ตะวันฉายรู้สึกสะเทือนใจ เธอหลบตาแต่ก็พยายามทำตัวปกติ ตะวันฉายเดินไปตักข้าวต้มมาเสิร์ฟให้อิงฟ้า แต่ลืมตักให้เมฆเพราะเบลอจัด
“จะไม่ตักข้าวต้มให้ฉันด้วยเหรอ” เมฆถาม
ตะวันฉายได้สติก็เดินไปหยิบชามข้าวมาจะตักข้าวต้ม แต่อิงฟ้าพูดขัดขึ้น
“ซันจ๊ะ ฉันตักให้เมฆเองดีกว่า” อิงฟ้าลุกมาหาแล้วรับชามจากมือตะวันฉายไปตักข้าวต้มให้เมฆ
ตะวันฉายเงอะงะและทำตัวไม่ถูก

วิวัฒน์คุยโทรศัพท์อยู่ที่ล็อบบี้รีสอร์ท
“ครับคุณเมฆ ผมอยู่ที่รีสอร์ทแล้วครับ..ต้องมาเองสิครับ แหม ลูกค้าv.i.p.ขนาดนี้ ครับไม่ต้องห่วงครับ ทานข้าวต้มต่อเถอะครับ สวัสดีครับ” วิวัฒน์วางสาย
เกริกไกรกับสายรุ้งเดินเข้ามาทักทายวิวัฒน์
“คุณวิวัฒน์”
“อ้าว คุณเกริกไกร คุณสายรุ้ง สวัสดีครับ นี่มากันเองเลยเหรอครับ”
“ก็คุณอ้อบอกว่าจะมีลูกค้าวีไอพีของคุณเช็คอินวันนี้ ผมกับคุณรุ้งก็น่าจะได้อยู่ต้อนรับด้วย” เกริกไกรบอก
อ้อรีบเสนอหน้าเข้ามาทันที
“ใช่ค่ะ อ้อเป็นคนบอกเองล่ะค่ะ ว่าแขกคนนี้สำคัญ ต้องต้อนรับอย่างดี นี่อ้อยังเป็นเสนอให้เขาอัพเกรดห้องเป็นห้องสวีทด้วยนะคะ เลยกลายเป็นว่าเขาซื้อทั้งวิลล่าเลย”

“ค่า ทำดีมากเลยค่ะ เลยได้ค่าอัพเกรดห้องไปอื้อเลยเนอะ” สายรุ้งประชด
อ้อยิ้มแหยๆ “แหม คุณรุ้ง”
“เอ แล้วตกลงเราต้องพูดภาษาอะไรกับเขาเนี่ย” สายรุ้งถาม
วิวัฒน์กำลังอ้าปากจะพูด แต่อ้อแย่งพูด
“เขาเป็นอเมริกันค่ะ”
“รู้ลึก รู้ดี ผลงานดีอย่างนี้ ต้องปรับตำแหน่งขึ้นดีมั้ยนะ”
อ้อรีบพูด “ดีค่ะ”
“แต่ไม่รู้จะให้ไปอยู่ตำแหน่งไหนนี่สิ”
“คุณเกริกก็ปลดคุณซันสิคะ อ้อจะได้ขึ้นเป็นผู้จัดการแทน” อ้อบอก
สายรุ้งกับเกริกไกรมองอ้อแบบแกล้งดุ อ้อจึงเฉไฉไปพูดเรื่องอื่น
อ้อดูนาฬิกาข้อมือ “เอ..ทำไมคุณฌอนยังไม่มาอีกนะ”
วิวัฒน์มองไปด้านนอกแล้วพูดขึ้นมาอย่างดีใจ “นั่นไงครับ มาแล้ว คุณฌอน แอนเดอร์สัน”
เฮลมุทในชุดสบายๆ ใส่แว่นดำ หนวดเคราเฟิ้มท่าทางน่าเกรงขามเดินเข้ามา

อิงฟ้ากำลังเช็ดปากให้หมอก
“อิ่มแล้วนะครับ” อิงฟ้าถาม
หมอกตอบรับ “ครับ”
เมฆกำลังดื่มน้ำ ส่วนตะวันฉายกำลังเก็บโต๊ะ
“ไม่อิ่มได้ไง เช้านี้ทานตั้งสองชามแน่ะ” เมฆว่า
“พี่ซันทำข้าวต้มอร่อย” หมอกบอก
ตะวันฉายที่กำลังเก็บโต๊ะอยู่ยิ้มดีใจ อิงฟ้าเหลือบมองแล้วพูดกับหมอก
“เอ..พรุ่งนี้แม่จะทำอะไรให้หมอกทานดีนะ ทำให้อร่อยกว่าพี่ซันเลยดีมั้ย”
“ดีคับ”
ตะวันฉายหน้าเจื่อน เธอมองเมฆเหมือนขอความเห็น
“นายก็คอยมาเป็นลูกมือให้ฟ้าเขาก็ได้” เมฆบอก
ตะวันฉายมองอิงฟ้าว่าตกลงหรือเปล่า อิงฟ้ายิ้มตอบแต่สายตากลับไม่ยินดีด้วย ตะวันฉายรู้สึกแปลกๆ เลยเสไปแกะผ้ากันเปื้อนให้หมอก แต่อิงฟ้าชิงทำก่อน
“ไม่เป็นไร ฉันทำให้ลูกเอง” อิงฟ้าแกะผ้ากันเปื้อนให้หมอก
“ซัน...ขอกาแฟหน่อยสิ” เมฆบอก
“ได้ครับ”
ตะวันฉายจะเดินไปชงกาแฟแต่อิงฟ้าขัดขึ้นก่อน
“ไปทำอย่างอื่นเถอะซัน เดี๋ยวฉันทำเอง”
ตะวันฉายถอนหายใจด้วยความอึดอัด
อิงฟ้าพูดเล่นกับเมฆ “เอ..นึกก่อนนะว่าเมฆทานกาแฟแบบไหน”
“นึกแล้วว่าต้องลืม” เมฆว่า
อิงฟ้ายิ้มขำ “น้อยใจเหรอ”
เมฆทำเฉไฉ “เปล่า”
ตะวันฉายเห็นทั้งสองหยอกล้อกันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินจึงหันหลังจะเดินออกไป แต่ก็หยุดฟังอีก
เสียงอิงฟ้าดังขึ้น “ฟ้าล้อเล่น ทำไมฟ้าจำไม่ได้ว่าเมฆชอบรสไหน”
ตะวันฉายเหล่มองก่อนจะเบะปากด้วยความหมั่นไส้แล้วเดินออกไป

เกริกไกร สายรุ้งพูดกับเฮลมุทที่มายืนหน้าบ้านพัก
เกริกไกรพูดภาษาอังกฤษ “ซันไรซ์บีชยินดีต้อนรับ”
สายรุ้งพูดอังกฤษ “ขอให้พักผ่อนให้สบายนะคะ”
เฮลมุทยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร
เกริกไกร สายรุ้ง และวิวัฒน์เดินกลับออกมาจากบ้านเฮลมุท ระหว่างทางทั้งสามเดินสวนกับลูกน้องของเฮลมุท ทั้งสามยิ้มให้โดยไม่ได้คิดอะไร

ลูกน้องมาโค้งคำนับเฮลมุท
เฮลมุทพูดภาษาเยอรมัน “เลือกที่พักได้ดีนะ (Du hast die Unterkunft gut ausgesucht)”
“ผมเห็นว่าที่นี่เงียบดี ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯตำรวจมันเยอะ (Es ist hier schoen ruhig ,nicht wie in Bangkok wo es zu viele Polizisten gibt)” ลูกน้องตอบ
“หาผู้หญิงคนนี้ให้เจอ (Find diese frau fuer mich)”
เฮลมุทวางรูปของอิงฟ้าและซองเอกสารให้ลูกน้องบนโต๊ะ ลูกน้องหยิบรูปมาดู
“อ้าว แล้วคนที่แล้วที่ให้ตามล่ะครับ (was ist denn mit der letzten frau, die ich finden sollte)”
“ก็คนเดียวกันนี่แหละ นี่เป็นภาพล่าสุด เปลี่ยนไปเยอะ (Das ist die gleiche Frau. Dies ist ein aktuelleres Foto von ihr. Deshalb hast du sie immer noch nicht gefunden.” เฮลมุทสะเทือนใจในความเปลี่ยนไปของอิงฟ้า “แกถึงหากันไม่เจอซะทีไง และนั่นที่อยู่ของผู้หญิงคนนี้ ช่วงที่แต่งงานกับคนไทย ( Und
dies ist ihre alte Adresse ,als sie noch mit einem Thai verheriatet war)”
ลูกน้องเปิดซองเอกสารก่อนจะหยิบขึ้นมาดู
กำลังโหลดความคิดเห็น