ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 4
ในสถานการณ์อันอึมครึมที่สะพานปลาเวลานั้น ธีรดนย์หันมาบอกสุตาภัญ
“เชื่อผมแล้วใช่มั้ย ว่าชนกชนม์รักนิกกี้”
“นิกกี้ไม่เป็นอะไร กลับกันเถอะ”
สุตาภัญตัดบทบอกด้วยน้ำเสียงเบาหวิว รู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ กำลังจะเดินออกไป จังหวะเดียวกันนั้นชนกชนม์ก็หันมาเห็นสุตาภัญ รู้ได้ทันทีว่าสุตาภัญคงเข้าใจผิด ชนกชนม์ดันตัวชนิกานต์ออก
“สุตาภัญ”
ชนิกานต์ชะงัก ผิดหวังที่ชนกชนม์ไม่สนใจตัวเอง สุตาภัญไม่อยากอยู่ขัดคอ ตัดสินใจจะเดินออกไป ธีรดนย์ยิ้มพอใจ
ชนกชนม์แปลกใจที่สุตาภัญเดินหนี ชนิกานต์ยิ้มพอใจ แต่แล้วชนกชนม์วิ่งออกไปหาสุตาภัญอย่างร้อนใจ
สุตาภัญจะเดินออกไปจากสะพานปลา ชนกชนม์วิ่งมาขวางไว้
“เธอจะไปไหน มาช่วยกันก่อน”
ธีรดนย์รีบพูดแทรกเย้ยหยันอยู่ในที “ช่วยอยู่เป็นสักขีพยานรักของนายกับนิกกี้”
ชนกชนม์พยายามอธิบาย “นายกำลังเข้าใจผิด เมื่อกี้นิกกี้คิดสั้นกระโดดน้ำ...ฉันเพิ่งช่วยขึ้นมา”
พอได้ฟังสุตาภัญตกใจ “นิกกี้” และออกอาการเป็นห่วง “รีบพานิกกี้ไปพักก่อน” สั่งธีรดนย์“อาการดีขึ้นแล้วค่อยกลับบ้าน”
ชนิกานต์เข้ามาโวยใส่อย่างฉุนเฉียว
“ฉันไม่กลับ! เป็นตายร้ายดียังไงฉันก็ไม่กลับ”
สุตาภัญพูดโน้มน้าว “เธออย่าทำร้ายตัวเองอีกนะ กลับบ้านเถอะ ฉันเชื่อว่าคุณพ่อรักและเป็นห่วงเธอมาก”
ชนิกานต์ไม่ฟัง “ไม่จริง....ทุกคนเกลียดฉัน”
ธีรดนย์โมโหตะคอกใส่ “อย่าเรื่องมากน่า กลับได้แล้ว”
ชนิกานต์เย้ยหยันชีวิตตัวเอง “เธอเห็นมั้ยล่ะ ขนาดลูกคนใช้ยังเกลียดฉันเลย ไม่มีใครรักฉัน แล้วฉันจะกลับไปเพื่ออะไร...ฉันไม่อยากกลับบ้าน”
สุตาภัญกล่อมต่อ “การหนีปัญหาไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ทางออกที่ดีที่สุดคือเผชิญหน้ากับมัน”
ชนกชนม์รีบพูดเสริมสุตาภัญ “ครอบครัวฉันก็มีปัญหาไม่ต่างจากเธอ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะฉันเชื่อเสมอว่า พ่อแม่รักฉัน”
สุตาภัญเสริมชนกชนม์อีก “แล้วฉันก็เชื่อ...ว่าคุณพ่อรักเธอมาก”
ชนกชนม์และสุตาภัญพยายามช่วยกันหว่านล้อม โน้มน้าว จนชนิกานต์สงบลง อารมณ์ดีขึ้น แต่ยังไม่อยากกลับบ้าน
“ฉันเพลีย.... ฉันอยากนอนพัก” ชนิกานต์ เดินหนีออกไปเลย
สุตาภัญหันมาบอกธีรดนย์ “คืนนี้พักที่นี่ก่อนนะ แล้วตาจะช่วยคุยกับนิกกี้อีกครั้ง”
สุตาภัญเดินตามไปดูแลชนิกานต์ ธีรดนย์มองตามสีหน้าไม่พอใจ และประชดชนกชนม์
“น่าเบื่อพวกสร้างปัญหา”
“ไม่เอาน่า...ปัญหามีให้แก้”
ชนกชนม์ไม่ถือสา เดินกลับไปที่บ้านพักของรีสอร์ท ธีรดนย์ไม่พอใจนัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นโทร.รายงานอุษา
“แม่ครับ...ผมเจอตัวยัยนิกกี้แล้วครับ”
กลับมาถึงห้องชนิกานต์ถือผ้าขนหนูจะเข้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าสุตาภัญเดินเข้ามาหา ไม่พอใจนัก
“ทำไมเธอต้องแกล้งจมน้ำ”
ชนิกานต์ทำเป็นไม่รู้เรื่อง “เธอพูดอะไร ฉันเกือบตายจริงๆ นะ”
สุตาภัญไม่เชื่อ “เธอว่ายน้ำแข็งที่สุดในกลุ่ม ต่อให้เป็นน้ำลึกแค่ไหนเธอก็ช่วยตัวเองได้ ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้”
ชนิกานต์ยอมสารภาพ “ฉันอยากรู้ว่าชนกชนม์เขาคิดยังไงกับฉัน แล้วฉันก็รู้ว่า...เขาห่วงใยฉัน เขารักฉัน!”
สุตาภัญได้ฟังความในใจของชนิกานต์ก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจ
ชนิกานต์เพ้อต่อ “บอกตามตรงนะ...ตอนที่นัยธีบอกว่าชนกชนม์ชอบเธอ แล้วฉันเห็นเธอกับเขากอดกันที่หาดทราย ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเธอชอบชนกชนม์”
สุตาภัญอึ้ง พูดไม่ออก
“แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก...เพราะเธอรู้ว่าฉันรักชนกชนม์ เธอไม่เคยทำร้ายจิตใจฉันและไม่คิดแย่งแฟนเพื่อน จริงมั้ยตา”
สุตาภัญฝืนยิ้มแล้วเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่น “ยัยภาหายไปนานแล้ว ฉันไปดูยัยภาก่อน”
สุตาภัญเลี่ยงออกไปจากห้อง ชนิกานต์ยิ้มหวานเมื่อนึกถึงชนกชนม์ บอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น
“คืนนี้ฉันจะทำให้นายยอมรับฉันเป็นแฟนให้ได้..ชนกชนม์”
เย็นนั้น กฤติยาตักขนมใส่ห่อยื่นให้ลูกค้า แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเลาะกับกัณฐิกาเมื่อตอนเช้า
ขณะที่กัณฐิกา บอกด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อย่าเรื่องมากนักได้ไหม ฉันให้เวลาแกคิดดูให้ดี...จะเป็นสก๊อยในสลัม หรือเป็นคุณหนูในคฤหาสน์ใหญ่”
กฤติยานึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าก็เสียใจหน้าเศร้า
สุรเดชโผล่มาแหย่ “ว่าที่แม่ยายอยู่ไหนจ้ะ พี่เดชจะยกขันหมากไปสู่ขอ”
กฤติยามองดุ ไม่มีอารมณ์เล่นด้วย
สุรเดชกลัว “โอเคไม่กวนล่ะ...ระเบิดตัวเองตู๊มๆ” ทำท่าจะรีบชิ่งออกไป
“ช่วยพาฉันไปไหนก็ได้” กฤติยาบอกอย่างจริงจัง
สุรเดชหันกลับมามองแปลกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แอบดีใจที่กฤติยาอยากไปกับตัวเอง
ไม่นานหลังจากนั้น สุรเดชพากฤติยามาอยู่บนดาดฟ้าตึกร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตึกร้างแห่งนี้เป็นที่รวมพลของเหล่าลูกเทวดาแก๊งก๊วนของสุรเดช
กฤติยาเดินไปยังบริเวณดาดฟ้า มองจากมุมสูง เห็นวิวกรุงเทพฯ ยามเย็น กฤติยายังอยู่ในภาวะเสียใจ นึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนกัณฐิกาผู้เป็นแม่ยัดเงินใส่มือ
“หนูไม่ได้ต้องการเงิน”
กัณฐิกาสวนขึ้น “แล้วต้องการอะไร ใครๆ ก็อยากได้เงินทั้งนั้น เงินเป็นพระเจ้าซื้อได้ทุกสิ่ง”
กฤติยาเดินตรงมาไปยังขอบตึกบนดาดฟ้า คิดถึงเรื่องแม่อยู่
กัณฐิกาเดินออกไป กฤติยาเสียใจที่กัณฐิกาไม่คิดมอบความรักให้เธอ จึงทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้น....ยายแก้วเข้ามาโอบกอดหลานสาว
“ยายจ๋า...หนูไม่ได้ต้องการอะไรจากแม่...หนูอยากให้แม่กอดหนูสักครั้ง”
กฤติยาเดินตรงมา หยุดที่ขอบดาดฟ้า แล้วกรี๊ดลั่นระบายความในใจ เสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ
“อ๊าย...”
สุรเดชเดินเข้ามายืนมุมหนึ่ง มองกฤติยาด้วยความเป็นห่วง
“น้องแอนไม่สบายใจเรื่องอะไร”
กฤติยายืนน้ำตาไหลริน...เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ในเวลาเดียวกันตอนเย็นๆ ชนกชนม์เดินมาหน้ารีสอร์ท เป็นจังหวะที่สุตาภัญกำลังเดินออกจากห้องพักรีสอร์ท ทั้งสองมาเจอหน้ากัน ต่างคนต่างอึ้งๆ
สุตาภัญชิงพูดขึ้นก่อน “เป็นห่วงนิกกี้เหรอ”
ชนกชนม์อ้ำอึ้ง อ้อมแอ้มตอบ “เอ่อ..ใช่”
สุตาภัญหน้าเสีย คิดว่าชนกชนม์ชอบชนิกานต์
ชนกชนม์รีบบอกต่อ “กลัวเขาคิดสั้นอีก”
สุตาภัญพยายามเปิดทางให้ชนกชนม์ได้อยู่กับชนิกานต์
“นายไปดูแลนิกกี้เถอะ นายเป็นคนเดียวที่นิกกี้เชื่อใจ” สุตาภัญจะเดินออกไป
ชนกชนม์ถาม “เธอจะไปไหน”
“ตามหาน้องสาวฉัน” สุตาภัญเดินออกไปเลย
ชนกชนม์ลังเลคิดตัดสินใจระหว่างเข้าไปดูชนิกานต์ หรือออกไปช่วยสุตาภัญตามหาน้องสาวดี
ขณะเดียวกันสุรัมภาถือไอติมโคน เดินกินอย่างมีความสุข แล้วนึกได้ว่าเย็นแล้ว มองดูนาฬิกา
“ว้าย!! เย็นแล้ว พี่ตาบ่นแน่เลย”
สุรัมภา..เร่งฝีเท้าเดินเร็วๆ เพื่อกลับไปยังรีสอร์ท
สุตาภัญออกตามหาสุรัมภา ชนกชนม์วิ่งเข้ามา ตะโกนเรียก
“พี่ตา...น้องอยู่นี่ค่ะ”
ชนกชนม์ทำท่าออกสาวน่ารักๆ เล่นบทเป็นน้องสาวของสุตาภัญ แต่สุตาภัญไม่ขำเดินหนีไป ชนกชนม์วิ่งตามมา ทำท่าออกสาวเจ๊าะแจ๊ะ
“พี่ตาไม่รักน้องแล้วเหรอคะ”
สุตาภัญเสียงขุ่น “ไม่ตลกนะ ฉันซีเรียส”
“ขอโทษครับบบบ...” ชนกชนม์จับมือสุตาภัญ “ไปตามหาด้วยกัน”
สุตาภัญงอน เอามือชนกชนม์ออก “ฉันบอกแล้วไงให้นายไปดูแลนิกกี้”
“ฉันอยากช่วยเธอ”
“แต่นิกกี้ต้องการนาย”
ชนกชนม์ย้อนถาม “เธอไม่ต้องการฉัน”
สุตาภัญมองชนกชนม์ อึ้ง..อยากจะบอกความในใจ แต่บอกไม่ได้
สุรัมภาถือไอติมโคน วิ่งมาหยุดที่ถนน จะข้ามกลับไปรีสอร์ท มองไปฝั่งตรงข้าม
เห็นชนกชนม์ก็จำได้ โดยยังไม่เห็นสุตาภัญ
สุรัมภาดีใจมาก “พี่คนนั้น”
ชนกชนม์ตามเข้ามาเซ้าซี้ถามสุตาภัญ
“ว่าไงล่ะ? เธอต้องการฉันไหม”
สุรัมภาตะโกนเรียก “พี่คะพี่”
ชนกชนม์และสุตาภัญแปลกใจ หันกลับไปมอง เห็นสุรัมภา
สุตาภัญตกใจ “ยัยภา”
ฝ่ายสุรัมภาดีใจที่จะได้เจอชนกชนม์ จึงวิ่งข้ามถนนมาหาทันที
จังหวะนั้นรถของชยางกูรวิ่งมาด้วยความเร็ว เห็นสุรัมภาวิ่งตัดหน้า จึงเบรกกะทันหัน สุรัมภาหันมาเห็นรถกำลังพุ่งมาก็ตกใจ กรี๊ดสุดเสียง
“อ๊าย”
สุตาภัญตกใจมาก
“ภา”
ชนกชนม์หยุดมองไปเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจเช่นกัน
รถชยางกูรจอดสนิท สุรัมภายืนตัวสั่นอยู่หน้ารถ ชยางกูรเปิดประตูรถ ออกมาโวยลั่น
“ตาบอดรึไงข้ามถนนไม่ดูรถ”
สุตาภัญวิ่งเข้ามาตรงไปหาสุรัมภาที่ยืนตัวสั่นอยู่
“ภา...เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
สุรัมภายืนตัวสั่นยังตกใจอยู่....ส่ายหน้าบอกพี่สาว “ไม่เป็นไรจ้ะพี่ตา”
ชยางกูรเห็นสุตาภัญก็ดีใจ และรู้ว่าสุตาภัญเป็นพี่สาวสุรัมภา
“เธอเป็นพี่สาวยัยนี่”
ชนกชนม์วิ่งตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
“น้องเธอเป็นยังไงบ้าง”
สุรัมภาตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นชนกชนม์พูดเสียงสั่น “พี่”
แต่เพราะสุรัมภายังคงช๊อกกับเหตุการณ์เมื่อครู่จึงเป็นลมทันที
ชยางกูรร้อง “เฮ้ย”
“ภา” สุตาภัญตกใจ
“คงตกใจเป็นลม...รีบพากลับที่พักเถอะ”
ชนกชนม์เข้ามาอุ้มสุรัมภา พากลับไปยังห้องพัก สุตาภัญรีบตามไป
ชยางกูรมองตาม คิดแผนอะไรบางอย่าง
เวลาต่อมาสุตาภัญเปิดประตูห้อง ชนกชนม์อุ้มสุรัมภาเข้าไปในห้อง สุตาภัญจะตามเข้าไป แต่ชยางกูรคว้าแขนไว้
“เดี๋ยวก่อน”
ฝ่ายชนกชนม์นำร่างสุรัมภามาวางลงที่โซฟา ในห้องนั่งเล่น แล้ววิ่งไปหยิบผ้าเพื่อมาเช็ดหน้าตาให้สุรัมภา
ด้านสุตาภัญไม่พอใจที่ชยางกูรจับแขนไว้
“ปล่อยแขนฉันได้แล้ว”
ชยางกูรรีบปล่อย “ฉันไม่ได้ตั้งใจชนน้องเธอ น้องเธอวิ่งตัดหน้ารถ ดีที่ฉันเบรกไว้ทัน แต่ถ้าเธอจะโกรธที่ทำให้น้องเธอตกใจจนเป็นลม...ฉันขอโทษ”
สุตาภัญแปลกใจที่ชยางกูร พูดจาดีและยอมรับผิดเอง
“ฉันขอโทษแทนน้องสาวฉันด้วยแล้วกัน จบเรื่องก็กลับไปได้แล้ว”
สุตาภัญหาทางไล่ชยางกูร จะรีบเดินเข้าไปในห้อง ทว่าชยางกูรไม่ยอมกลับ คิดตามตื๊อต่อไป
ชนกชนม์เข้ามาเช็ดหน้าให้สุรัมภา ด้วยความเป็นห่วง สักครู่หนึ่งสุรัมภาค่อยๆ ลืมตา...ขึ้นมา เห็นหน้าชนกชนม์ สุรัมภายิ้มให้
“พี่”
ชนกชนม์แนะนำตัว “พี่ชนกชนม์ครับ.....เป็นไง ดีขึ้นไหม”
สุรัมภาพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นนั่ง ยิ้มให้ชนกชนม์
“พี่จำภาได้ไหมคะ”
“จำได้สิ...เด็กเปิ่นชอบวิ่งให้รถชนเล่น”
“ใครบอก ภาเป็นคนมีเสน่ห์ต่างหาก ใครเห็นก็ชอบวิ่งเข้าหา”
ชนกชนม์และสุรัมภาต่างหัวเราะด้วยกัน จังหวะนั้นสุตาภัญเข้ามาในห้อง
“ภาเป็นไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่เบลอๆ นิดหน่อย ยังตื่นเต้นไม่หาย หัวใจเต้นไม่หยุดเลย..ภาคงไม่ช็อกตายนะ”
ชยางกูรตามเข้ามาในห้อง โวยใส่สุรัมภา
“โรคสำออย ! แกล้งเป็นลม.. หวังเรียกค่าทำขวัญสิท่า เอาเท่าไหร่”
สุรัมภาไม่พอใจ “ขับรถไม่ดียังมาปากเสียใส่ฉันอีก...พี่ตาโทร.เรียกตำรวจมาจับเลยค่ะ ข้อหาพยายามฆ่า”
ชยางกูรเยาะ “เอาสิ.. ฉันจะแจ้งกลับว่าเธอเป็นพวกอกหักรักคุด วิ่งตัดหน้ารถประชดชีวิต”
“ฉันจะแจ้งเพิ่มว่านายหมิ่นประมาท”
สุรัมภาไม่พอใจจะเอาเรื่องชยางกูร ให้ได้
“พี่ขอโทษแทนน้องพี่ด้วย” ชนกชนม์เอ่ยขึ้น
สุรัมภาแปลกใจ “น้องพี่” เพ่งมองชยางกูร “หน้าตาไม่เหมือนเลย”
“ใครๆ ก็บอกว่าฉันหน้าตา....” ชยางกูรจะพูดว่าดี แต่ไม่ทัน
สุรัมภาสวนขึ้น “แย่....นิสัยก็แย่ยิ่งกว่าหน้า”
ชยางกูรไม่พอใจ “ยัยปากมอม”
สุรัมภาสวนกลับ “นายปากปีจอ”
สุตาภัญห้ามศึก “พอเถอะ เอาเป็นว่าผิดด้วยกันทั้งคู่” หันไปบอกชยางกูร “นายกลับไปได้แล้ว”
“แต่ภาเสียหายนะพี่ตา” สุรัมภาบอก
“น้องภา....พี่ขอโทษแทนน้องพี่อีกครั้ง” ชนกชนม์ว่า
“เห็นแก่พี่นะ...ภาถึงยอม”
ชนกชนม์ยิ้มให้สุรัมภา แล้วพาชยางกูรออกไปสุรัมภามองตามชนกชนม์ไม่วางตา จนสุตาภัญแปลกใจ
“รู้จักพี่ชนกชนม์ด้วยเหรอ”
“คนนี้แหละแฟนภา”
สุตาภัญอึ้ง นิ่งงันไป
พอออกมาพ้นห้องสองสาว ชยางกูรก็สะบัดแขนออกจากมือชนกชนม์ทันที
“นายตามฉันมาทำไม?” ชนกชนม์นึกสงสัย
ชยางกูรอ้างแม่ “ไม่คิดบ้างเหรอว่าคุณแม่สั่งให้ฉันมาดูนาย”
“ฉันจะไปไหนทำอะไร คุณแม่ไม่เคยสนใจอยู่แล้ว”
“พูดอีกก็ถูกอีก...ฉันตามมาเป็นกันชน ไม่ให้นายยุ่งกับผู้หญิงของฉัน”
ชนกชนม์ไม่อยากคุยเรื่องสุตาภัญ จึงเปลี่ยนเรื่อง
“เย็นแล้ว นายกลับเถอะ คุณแม่ไม่เห็นนาย ท่านจะเป็นห่วง”
“แสดงความเป็นพี่ชายที่ดี รึว่าหวงก้าง” ชยางกูรแดกดัน
“นายมาโดยไม่ได้บอกคุณแม่ ฉันไม่อยากให้คุณแม่กังวลใจ”
“มันจะยากอะไร ฉันโทรบอกคำเดียวว่ามาเที่ยวกับเพื่อนมันก็จบ แต่ถ้าฉันบอกว่าแกมั่วสุมกับผู้หญิง คงสนุกแน่”
ชยางกูรขู่ และได้ผลชนกชนม์มีท่าทีกังวลใจ
ชยางกูรขู่อีก “ไม่อยากให้ฉันฟ้องคุณแม่...แกต้องช่วยฉันจีบสุตาภัญ”
ชนกชนม์กังวลใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร
ขณะเดียวกันสุรัมภากำลังเล่าเรื่องราวของชนกชนม์ตาเป็นประกาย
“พี่ชนกชนม์คือเจ้าชายในฝันของภา...ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นเพื่อนพี่ตา โลกมันกลม...พรหมลิขิต...พี่ตาต้องทำตามสัญญานะ”
สุตาภัญฉงน “สัญญาอะไร”
“เป็นแม่สื่อให้ภาไง”
สุตาภัญไม่อยากให้น้องสาวมีปัญหากับชนิกานต์ จึงหาเหตุผลให้สุรัมภาเลิกคิด
“เลิกคิดเถอะ...พี่ไม่อยากให้ภามีปัญหากับคุณพ่อ”
สุรัมภาตื๊อ “เรื่องนี้เป็นความลับของเราสองคน”
สุตาภัญหาเหตุผลอื่น “ภายังเรียนอยู่นะ...อย่าริรักในวัยเรียน”
สุรัมภาไม่ละความพยายามยังตื๊อต่อ “เรื่องรักเป็นแรงขับดันให้เรียนเลิศ”
“แต่พี่ว่า...”
พี่สาวพูดไม่ทันจบคำสุรัมภาก็สวนขึ้นเป็นเชิงถาม “พี่ชอบพี่ชนกชนม์”
สุตาภัญอึ้ง แล้วรีบแก้ตัว “เปล่า....พี่เขามีคนรักแล้ว”
สุรัมภาสนใจ “ใครคะ”
จังหวะนั้นชนิกานต์เข้ามาในห้องทันได้ยินที่สองพี่น้องคุยกัน จึงบอกสุรัมภา
“พี่ไงจ๊ะ!”
สุรัมภาตกใจ “พี่นิกกี้”
ชนิกานต์ยิ้มย่องขณะบอกต่อ “คงไม่ต้องอธิบาย...ก็คนมีเสน่ห์ใครๆ ก็รัก..ไม่มีเวลาคุยด้วยแล้ว ขอตัวไปเลือกชุดชิวๆ ให้แฟนหวิวใจเล่น”
ชนิกานต์เดินออกไป สุรัมภาหน้าเศร้าหันไปถามสุตาภัญ
“ไม่จริงใช่มั้ย”
“พี่พยายามบอกให้เราเลิกคิดไง”
สุรัมภาหน้าเศร้า
สุตาภัญปลอบใจน้องสาว “ทำหน้ายังกะคนอกหัก...เรายังไม่ได้เป็นแฟนกับพี่เขาสักหน่อย ไป ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะได้สดชื่นขึ้น”
“ภาไม่ยอมแพ้หรอก...พี่ตาต้องช่วยภา”
สุตาภัญอึ้งที่สุรัมภายังจะเดินหน้าจีบชนกชนม์
กฤติยากับสุรเดชอยู่บนดาดฟ้าตั้งแต่เย็นจนมืดค่ำ กฤติยาคิดถึงเรื่องแม่ก็ร้องไห้ออกมาอีก
สุรเดชเดินเข้ามาดูกฤติยา ถามอย่างเป็นห่วง
“น้องแอน...ไหวมั้ย”
กฤติยาไม่ตอบหันกลับมา แล้วโผเข้ากอดสุรเดชทันทีเหมือนคนต้องการที่ยึดเหนี่ยว
สุรเดชอึ้ง...ตกใจเพราะที่ผ่านมา กฤติยาไม่เคยให้แตะต้องตัวเลย
กฤติยากอดสุรเดช...ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น สุรเดชรู้สึกดี และคิดไปว่ากฤติยามีใจให้เขา สุรเดชเริ่มเอามือลูบไล้ตามร่างกายเด็กสาว
กฤติยายังคงร้องไห้ด้วยความเสียใจ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงว่าสุรเดชปลอบใจเธอสุรเดชเอามือลูบไล้แผ่นหลังเพื่อหวังสร้างอารมณ์ร่วม จนกฤติยาชักเอะใจ จับมือสุรเดชไว้หมับ
“อย่าทำอย่างนี้”
สุรเดชยิ้มตอบ แต่อารมณ์เตลิดด้วยความหน้ามืด จะล้วงเข้าไปภายในเสื้อกฤติยาให้ได้
กฤติยาผลักตัวออกอย่างแรง ถามเสียงขุ่น “ทำอะไร”
“ไม่น่าถามเลย ก็เธอต้องการไม่ใช่เหรอ”
สุรเดชกำลังหน้ามืด รีบลุกเข้าไปกอดจูบซุกไซ้ใบหน้ากฤติยาอีก
“อย่า...ฉันเห็นแกเป็นพี่” กฤติยาร้องห้าม
“เป็นพี่น้องก็ได้ แต่ขอเป็นพี่น้องท้องชนกัน ไม่ไหวแล้ว”
สุรเดชหื่นสุดขีด และกำลังหน้ามืดจะเข้าไปจูบกฤติยา กฤติยาพยายามปัดป้องพัลวัน
“หยุดนะ”
สุรเดชไม่ฟัง พยายามจะซุกไซ้ กฤติยาดิ้นจนหลุด แล้วตบหน้าหนุ่มจอมกะล่อนฉาดใหญ่ พร้อมกับสบถใส่หน้า
“ผู้ชายแมร่งเชี๊ยกันหมด”
สุรเดชชักไม่พอใจ “เฮ้ย เอาไงวะ อ่อยซะขนาดนี้ยังทำเป็นเล่นตัวอีก”
กฤติยาของขึ้นโวยใส่ “กูให้กอดไม่ได้หมายความว่ากูอยากมีเซ็กส์กับมึง! กูแค่ต้องการไออุ่นจากคนเข้าใจกู”
พูดเท่านั้นกฤติยาก็วิ่งลงบันไดไป...สุรเดชวิ่งตาม
กฤติยาวิ่งหนีลงบันไดมา สุรเดชตามมาจนทันแล้วคว้าตัวไว้ กฤติยาสะบัดหนี
“ปล่อย”
สุรเดชมองจ้องหน้า “ที่กูทำไป...กูไม่ได้คิดเอามันส์ฟันแล้วทิ้ง! แต่กูรักมึง ได้ยินไหมว่ากูรักมึง”
“แล้วเคยถามกูสักคำไหม ว่ากูรักมึงรึเปล่า”
สุรเดชอึ้งที่โดนด่าแรงๆ อารมณ์โกรธปนเสียใจพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ “มึงพูดงี้ได้ไง ไม่รักแล้วมึงมาซ้อนท้ายรถกูทำไม”
“กูนั่งรถมึงไม่ได้หมายความว่ากูเป็นแฟนมึง”
สุรเดชผิดหวังอย่างแรง “ไอ้เชี๊ย...!” หนุ่มจอมกะล่อนน้ำตาไหลริน “มึงหลอกกู...มึงรักไอ้ธีรดนย์”
กฤติยาอึ้ง
สุรเดชพูดใส่หน้า “อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้ วันแข่งรถ กูเห็นสายตามึงมองไอ้ธี มึงอยากแดกมัน เพราะมันหน้าตาดีเรียนมหาลัยดี มึงถึงได้ทิ้งกู”
กฤติยาตะแบง “ฉันจะรักใครชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับแก...เพราะยังไงฉันก็ไม่ได้รักแก”
“ต่อไปไม่ต้องมาซ้อนรถกู...มาทางไหนไปทางนั้น!”
กฤติยาผิดหวังในตัวสุรเดช วิ่งออกไป สุรเดชตะโกนไล่หลัง
“กูไม่รักมึงแล้ว...” สุรเดชโมโห และเริ่มพาลเดินเตะของไปทั่ว เตะไปด่าไประบายอารมณ์ “ฉิบหาย...หลอกกู”
ฝ่ายชนิกานต์แต่งชุดเซ็กซี่เข้ามาเคาะประตูห้องพักผู้ชายที่ ธีรดนย์กับชนกชนม์พักอยู่....ขณะรอก็หันมาเช็คความสวยของตัวเอง
พอเห็นประตูเปิดออก ชนิกานต์โผเข้าไปกอดทันทีคิดว่าเป็นชนกชนม์
“ไปเดินชมทะเลด้วยกันนะที่รัก”
ที่แท้เป็นธีรดนย์ เขาด่าทันที “เป็นบ้าอะไรของเธอ”
ชนิกานต์มองหน้าเต็มๆ ถึงกับตกใจดีดตัวออกโดยอัตโนมัติ ร้องโวยวาย
“ว้าย...แล้วแฟนฉันอยู่ไหน”
“ไม่รู้ ไม่ใช่ยาม”
ชนิกานต์ชี้หน้าด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเดินออกไปตามหาชนกชนม์
ธีรดนย์ถามขึ้น “ตาอยู่ห้องไหม”
ชนิกานต์ย้อนกลับ “ไม่รู้ ไม่ใช่ยาม แล้วก็ไม่ใช่หมาเฝ้าบ้าน”
นอกจากนั้นชนิกานต์ยังทำท่ายียวนใส่ แล้วเดินเชิดออกไปตามหาชนกชนม์ ธีรดนย์หมั่นไส้ จึงคิดจะไปหาสุตาภัญ
ที่มุมหนึ่งริมชายหาด สุตาภัญยืนเศร้าทอดสานตามองไปที่ทะเลเบื้องหน้า คิดถึงคำพูดของชนิกานต์ที่ประกาศตัวจะจีบชนกชนม์ทำแฟน
“ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเธอชอบชนกชนม์...แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะเธอรู้ว่าฉันรักชนกชนม์ เธอไม่เคยทำร้ายจิตใจฉันและไม่คิดแย่งแฟนเพื่อน จริงมั้ยตา”
ยิ่งคิดสุตาภัญก็รู้สึกลำบากใจ แล้วพาลเครียดสองเด้ง เมื่อคิดถึงเรื่องของสุรัมภาที่ขอร้องให้ช่วยเป็นแม้สื่อให้เมื่อครู่นี้
โดยในขณะที่สุรัมภากำลังปัดแก้ม ทาลิปที่ปากบางๆ
“ภาจะไปรอที่หาดทราย พี่ตาต้องพาพี่ชนกชนม์มาหาภา”
สุตาภัญห้าม “มันไม่ดีนะ”
สุรัมภาไม่สนพูดแทรกสรุปเอาเอง “ตามนี้ค่ะ”
จากนั้นสุรัมภารีบออกไปจากห้อง เพื่อไปนั่งรอชนกชนม์ตามแผน
สุตาภัญกังวลใจหนัก...ตัวเธอเองก็รู้สึกแย่ ตะโกนระบายออกไปยังทะเลเบื้องหน้าสุดเสียง
“ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย”
จู่ๆ ก็มีเสียงชนกชนม์ตะโกนเสียงก้องตามมา เหมือนเสียงสะท้อน “ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย”
สุตาภัญแปลกใจ หันกลับไปมองด้านหลัง เห็นชนกชนม์ยืนยิ้มให้อยู่
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม”
สุตาภัญอึ้งปนตกใจ “ไม่มี” พูดจบก็เดินหนี แต่แล้วเกิดเปลี่ยนใจหันกลับมาบอก “มี”
ชนกชนม์แปลกใจ
สุตาภัญอยากช่วยน้องสาว “คือว่าฉันอยากให้นายไป...”
ชนกชนม์พูดแทรกขึ้นก่อน “ฉันก็มีเรื่องให้ช่วย”
ชนกชนม์พูดจบก็จูงมือสุตาภัญออกไป สุตาภัญแปลกใจ
“ไปไหน?”
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 4 (ต่อ)
ขณะเดียวกันสุรัมภานั่งเอาไม้เขี่ยที่ผืนทรายด้วยท่าทีเซ็งๆ หลังจากรอสุตาภัญนานแล้ว ใกล้กันนั้น เห็นข้อความที่สุรัมภาเขียนว่า “ภารักชนม์” บนผืนทราย
สุรัมภาชะเง้อมองหาชนกชนม์ หวังว่าสุตาภัญจะพาชายในฝันมาตามที่ขอร้อง
รอเป็นนานสองนานก็ไม่เห็นวี่แวว สุรัมภาบ่นงึมงำ “พี่ตามัวทำอะไรอยู่นะ”
ฝ่ายนิกานต์ซึ่งตามหาชนกชนม์ เดินผ่านไปที่มุมหนึ่ง ปากก็ตะโกนเรียก
“ชนกชนม์ ชนกชนม์”
สุรัมภามองชุดชนิกานต์ที่แลดูเซ็กซี่ แล้วหันกลับมามองชุดตัวเอง เด็กสาวรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า จึงคิดอะไรบางอย่างในใจ
ส่วนสองคนเดินมาจนถึงชายหาดด้านหนึ่ง สุตาภัญเอามือชนกชนม์ออก
“นายจะให้ฉันช่วยอะไร”
“ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ ต้องให้ถึงที่ก่อน”
“ฉันไม่ไป” สุตาภัญเสียงแข็ง
ชนกชนม์อ้อน “นะนะนะ...นางฟ้าเบอร์ฟ้า”
สุตาภัญคิดต่อรองเพื่อช่วยน้องสาว “นางฟ้าจะช่วยก็แต่เมื่อ...เธอทำความดีหนึ่งอย่าง...นายต้องไปเดินเล่นที่ทางโน้น” พลางชี้ไปยังชายหาดตรงจุดที่สุรัมภารออยู่
ชนกชนม์งง “ทำไมต้องทางโน้น ทางนี้ไม่ได้เหรอ”
“อย่าถามมากนะ ไปสิ”
ชนกชนม์ต่อรอง “ได้ แต่ไปกับฉันก่อน”
สุตาภัญต่อรองเช่นกัน “เลดี้เฟิร์ส”
ชนกชนม์ยิ้มรับ “ไม่มีปัญหา...ฉันเจนเทิลเมนพอ”
สุตาภัญยิ้มอย่างดีใจคิดว่าชนกชนม์จะไป แต่ชนกชนม์กลับต่อรองอีก
“เป่ายิ้งฉุบ ใครชนะได้สิทธิ์ขอความช่วยเหลือก่อน”
สุตาภัญเซ็ง แต่ไม่มีทางเลือก ทั้งสองตั้งท่าเป่ายิ้งฉุบร้องขึ้นพร้อมๆ กัน
“ยันยิงเยาปั๊กกะเป้า...ยิ้งฉุบ”
ปรากฏว่าสุตาภัญออกกระดาษ ชนกชนม์ออกกรรไกร สุตาภัญมีท่าทีผิดหวัง ชนกชนม์ทำท่าเอากรรไกรมือตัดกระดาษมืออย่างผู้ชนะ
ส่วนธีรดนย์พาตัวเองมาหยุดยืนหน้าห้องพักผู้หญิง แปลกใจที่บ้านทั้งหลังเงียบกริบ และไม่เจอสุตาภัญ
“ตาไปไหน”
ธีรดนย์มองไปเห็นชยางกูรถือกีต้าร์ เดินผ่านไปก็นึกสงสัย
“ชยางกูร...นายจะไปไหน”
ชยางกูรยกกีต้าร์โชว์ขณะบอกกวนๆ “ไปตีแบด”
ธีรดนย์หงุดหงิดไม่พอใจ “ฉันถามดีๆ”
“เห็นอยู่ว่าถือกีต้าร์ยังจะถามอีก...คนฉลาดเขาไม่ถามโง่ๆ” ชยางกูรพูดจาแดกดันตามประสา
“ถ้าไม่เห็นแก่พี่นาย ฉันไล่กลับไปแล้ว ไม่ปล่อยให้อยู่ขวางหูขวางตาหรอก”
“กลับก็กลัวดิ!” ชยางกูรบอกตัวเอง เพื่อปรับอารมณ์ให้สดใส “ไม่เอา...ชยางกูร อย่าอารมณ์เสีย...นายกำลังจะมีความสุข”
ชยางกูรสูดหายใจลึกๆ ให้ตัวเองสดชื่น แล้วยิ้มเย้ยธีรดนย์
“ส่วนนายไปซื้อแห้วกระป๋องกินซะ”
พูดจบชยางกูรถือกีต้าร์เดินหนีไป ธีรดนย์ไม่พอใจ และแปลกใจไม่หายว่าชยางกูรไปไหน?
เวลาเดียวกันชนิกานต์ยังคงเดินตามและมองหาชนกชนม์ พร้อมกับตะโกนเรียกมาเรื่อยๆ
“ชนกชนม์”
จังหวะนั้นก็มีเสียงสุรัมภาตะโกนแข่ง “พี่ชนกชนม์คะ”
ชนิกานต์แปลกใจ หันไปมองที่มุมหนึ่ง เห็นสุรัมภาแต่งชุดเซ็กซี่ ตามหาชนกชนม์
“แต่งชุดเปรี้ยวนะจ๊ะ ขอบใจมากที่ช่วยตามหาชนกชนม์ให้พี่” ชนิกานต์ยิ้มแย้ม
สุรัมภายิ้มตอบ “ใครบอกล่ะคะ ภานัดเจอพี่ชนกชนม์ต่างหาก” ว่าพลางเดินออกตามชนกชนม์ “พี่ชนกชนม์คะ”
ชนิกานต์ยืนอึ้ง แปลกใจว่าน้องสาวเพื่อนซี้กำลังคิดจะทำอะไรแน่
ฟากชนกชนม์พาสุตาภัญเดินมาที่สะพานปลาซึ่งทอดตัวออกไปในทะเล
“ให้ฉันช่วยอะไร...อย่าบอกนะว่าชวนมาตกปลา”
ชนกชนม์ยิ้มให้ แล้วผายมือไปยังปลายสะพานปลาที่ยื่นไปในทะเล เห็นแสงเทียนวิบวับถูกจุดประดับไว้อย่างสวยงาม บรรยากาศแสนโรแมนติก
สุตาภัญมองแล้วรู้สึกประทับใจ เดินตรงไปยังปลายสะพานแห่งนั้น
ชนกชนม์อยู่ที่เดิมมองตามไป ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข สุตาภัญเดินผ่านแสงเทียนที่ประดับบริเวณสะพานไปเรื่อยๆ ใบหน้ายิ้มละไม ชนกชนม์ยิ้มอย่างพอใจ มองตามสุตาภัญที่เดินไปยังปลายสะพานปลา
สุรัมภายังคงเดินหาชนกชนม์ ปากก็ตะโกนเรียกไป
“พี่ชนกชนม์คะ”
ชนิกานต์เดินตรงเข้ามาหาสุรัมภา คาใจคำพูดเมื่อครู่นี้
“ยัยภา...เมื่อกี้เธอพูดเล่นใช่มั้ย”
“ภาโตแล้วเธอนะคะ ไม่ใช่เด็กๆ”
สุรัมภาตอบยียวน แล้วจะเดินออกไป
ชนิกานต์ขึ้นเสียง “เธอรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังแย่งแฟนพี่”
สุรัมภาเถียง “พี่นิกกี้อย่าขี้ตู่สิคะ พี่ชนกชนม์ยังไม่เคยประกาศเป็นแฟนพี่นิกกี้สักหน่อย จริงมั้ยคะ”
ชนิกานต์ท้าทายอย่างถือดี “งั้นเราไปหาพี่ชนกชนม์ด้วยกัน แล้วภาจะรู้ว่าเขารักพี่มากแค่ไหน”
สุรัมภายิ้มรับคำท้า พร้อมเผชิญหน้าและรู้ความจริงจากปากชนกชนม์เอง
สุตาภัญเดินมาจนสุดสะพานปลา ซึ่งมีการตกแต่งอย่างสวยงามโรแมนติก สุตาภัญเป็นปลื้ม ขณะหันตัวกลับไปเพื่อจะถามชนกชนม์
“สวยจัง นายแต่งเองเหรอ”
แต่แล้วสีหน้าสุตาภัญเปลี่ยนเป็นแปลกใจ เมื่อเห็นชยางกูรถือกีต้าร์ยืนยิ้มรออยู่
“ชยางกูร”
ขณะเดียวกันชนกชนม์ออกมายืนที่มุมหนึ่ง รู้สึกผิดต่อสุตาภัญที่ทำเหมือนมัดมือชก
“ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้”
ชนกชนม์จะหันกลับออกไป เจอธีรดนย์ขวางอยู่
“นายเห็นตาไหม”
ฝ่ายชยางกูรเดินยิ้มเข้ามาหาสุตาภัญ
“เธอชอบไหม”
สุตาภัญไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือชยางกูร “ฉันว่าคนหยาบคายอย่างนาย ไม่น่าคิดได้”
“เธอเก่งจัง...ไอเดียแบบนี้ต้องเป็นวิธีคิดของผู้หญิงรึไม่ก็ผู้ชายใจหญิง...อย่างพี่ชายฉัน”
สุตาภัญไม่พอใจนักที่ชยางกูรต่อว่าชนกชนม์ “ฉันว่านายน่าจะฝึกคิดให้ได้อย่างพี่นาย มันจะทำให้นายดูดีขึ้นบ้าง” แล้วทำท่าจะเดินหนีออกไป
“จะรีบไปไหนล่ะ พี่ชายฉันอุตส่าห์จัดฉาก วางแผนให้เราได้อยู่ด้วยกัน”
สุตาภัญอึ้งไม่อยากเชื่อหู “นายหมายความว่าไงนะ”
“เขาบอกว่าเธอชอบอะไรที่สวยๆ เพ้อๆ โรแมนติก...ตอนแรกฉันไม่เห็นด้วยหรอก ฉันว่ามันเสียเวลา...แต่เห็นสีหน้าเธอตอนนี้แล้ว ต้องยอมรับว่าพี่ชายฉันมองขาด”
สุตาภัญรู้ความจริงก็ผิดหวังและเสียใจที่ชนกชนม์วางแผนช่วยชยางกูร โดยไม่ถามตนสักนิด
“พี่ชายนายประเมินฉันผิดแล้วล่ะ รสนิยมการตกแต่งยังต่ำรั้งฉันไว้ไม่ได้หรอก แล้วอีกอย่างฉันชอบอะไรที่ทำด้วยใจ ไม่ใช่วางกับดัก” สุตาภัญจะเดินออกไปทางชายหาด
ชยางกูรขวางไว้ “ไหนๆ ก็ติดกับแล้ว..อยู่สนุกกับมันดีกว่า”
สุตาภัญเริ่มไม่พอใจที่ถูกชยางกูรคุกคาม
ขณะเดียวกันธีรดนย์ยังคงซักถามเอากับชนกชนม์
“ว่าไง..นายเห็นสุตาภัญไหม”
ชนกชนม์โกหก “นายลองไปดูที่บ้านพักสิ”
“ไม่มี...แล้วชยางกูรไปไหน”
ชนกชนม์เฉไฉ “เฮ้ย...ถึงเราเป็นพี่น้องกัน แต่ไม่ใช่แฝดสยามตัวติดกันสักหน่อย”
“อย่าให้ฉันรู้แล้วกัน ว่านายร่วมมือกับน้องแย่งตาไปจากฉัน”
ชนกชนม์อึ้ง พูดไม่ออก
“ฉันจะลองไปดูที่สะพาน” ธีรดนย์เดินออกไป
ชนกชนม์กังวลใจ..ไม่อยากให้ธีรดนย์ไปขัดขวางชยางกูร
ที่บริเวณสะพานปลา สุตาภัญจะเดินออกไป แต่ชยางกูรเข้ามายืนขวาง สุตาภัญหนีไปอีกทาง ชยางกูรก็ดักไว้อีก
“ฉันไม่สนุกด้วยนะ” สุตาภัญเริ่มโมโห
“อย่าทำให้เสียบรรยากาศสิ ฉันแค่อยากชวนเธอมาดีดกีต้าร์ร้องเพลง ไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย”
ชยางกูรเข้ามาจับมือสุตาภัญกลับไป สุตาภัญสะบัดมือออก
“ปล่อย! ฉันจะกลับที่พัก” พร้อมกับเดินหนี
ชยางกูรขวางไว้เริ่มข่มขู่ “ไม่เอาน่า ฉันอุตส่าห์ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษแสนดีใจเย็นกับเธอมากแล้วนะ ฉันไม่เคยเสียเวลารึให้โอกาสใครเท่าเธอมาก่อน...อย่าเรื่องมากนักเลย!”
“งั้นก็อย่ามาเสียเวลากับฉัน ต่อให้นายใช้เวลาทั้งชีวิต....ฉันก็ไม่คิดสนใจนาย”
สุตาภัญยืนยันความคิดน้ำเสียงกร้าว ชยางกูรไม่พอใจ
ติดตาม "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 4 (ต่อ) เวลา 9.30 น.
ด้านธีรดนย์กำลังจะเดินยังบริเวณสะพาน ชนกชนม์วิ่งมาบอก
“เขาไม่อยู่ที่สะพานหรอก”
“ทำไมฉันต้องเชื่อนาย”
ธีรดนย์ผลักชนกชนม์ออก แล้วเดินไปยังสะพาน ชนกชนม์กังวลใจ จะตามไป แต่แล้วชนิกานต์เข้ามาดึงแขนไว้
“ชนกชนม์ นิกกี้มีเรื่องจะคุยด้วย”
ชนกชนม์แปลกใจ “มีอะไรเหรอ”
สุรัมภาเดินเข้ามาถามชนกชนม์
“พี่ชนกชนม์เป็นแฟนกับพี่นิกกี้เหรอคะ”
ชนกชนม์อึ้ง มองชนิกานต์ทีและมองสุรัมภาที ไม่รู้จะตอบยังไง?
ส่วนสุตาภัญจะออกไป ชยางกูรเข้ามาจับตัว สุตาภัญปัดป้องจะหนีออกไป
“เล่นตัวเพื่ออะไร? อยากได้แหวน สร้อย กระเป๋า? เอาสิ ดูท่าแล้วเธอยังเวอร์จิ้น ฉันยอมจ่าย ต้องการเท่าไหร่”
สุตาภัญตบหน้าชยางกูรอีกฉาด “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวที่นายจะซื้อได้ง่ายๆ แล้วจำไว้ด้วย ผู้หญิงไม่ใช่สินค้า”
สุตาภัญเดินหนีออกไป ชยางกูรโกรธเข้ามาจับตัวสุตาภัญ
“พูดดีไม่ชอบ ต้องให้ใช้กำลัง” ชยางกูรปรี่เข้าไปจับตัวสุตาภัญทันที
สุตาภัญตกใจพยายามดิ้นหนี “ปล่อยฉันนะ”
ฟากชนกชนม์มองทั้งสองสาว ไม่รู้จะตอบยังไง และต้องการไปห้ามธีรดนย์
“ชนกชนม์บอกน้องเขาไปสิ ว่าเราเป็นแฟนกัน”
“เอ่อ..คือว่าพี่...”
ชนกชนม์จะตอบปฎิเสธ..แต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องของสุตาภัญ
“ช่วยด้วย”
“สุตาภัญ”
ชนกชนม์ตกใจ รีบวิ่งไปที่สะพานปลาทันที
ชนิกานต์และสุรัมภาผิดหวังที่ไม่ได้คำตอบ..และตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
สุตาภัญพยายามดิ้นหนี แต่ชยางกูรเข้ามากอดรัด
“ปล่อยฉัน”
“แผนอ่อยของเธอได้ผลจริงๆ ทำให้ฉันห้ามใจไม่อยู่แล้ว”
ชยางกูรพยายามจะกอดจูบสุตาภัญ
“ช่วยด้วย!”
“ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอก....ชนกชนม์มันเปิดทางให้ฉันแล้ว”
สุตาภัญได้ฟังก็ยิ่งเสียใจและผิดหวังในตัวชนกชนม์มาก ชยางกูรพยายามกอดรักจูบสุตาภัญ
จู่ๆ ก็มีมือใครคนหนึ่งดึงร่างชยางกูรออก ชยางกูรมองเห็นธีรดนย์
ธีรดนย์ต่อยชยางกูรเต็มหมัด “ไอ้ชั่ว ไอ้สารเลว”
ชยางกูรถูกต่อยไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลง ธีรดนย์เข้าไปซ้ำชยางกูร ชนกชนม์เข้ามาห้ามธีรดนย์
“พอได้แล้ว”
ธีรดนย์ผลักชนกชนม์ แล้วเข้ามาต่อยไปหนึ่งหมัด “แกมันก็ชั่ว สมรู้ร่วมคิดวางแผนให้น้องชายย่ำยีตา”
ชนกชนม์ตกใจด่าชยางกูร “นายทำอย่างนี้ได้ไง!” ก่อนจะหันไปบอกสุตาภัญ “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้...”
ชนกชนม์พูดไม่ทันจบ สุตาภัญตบหน้าชนกชนม์ฉาดหนึ่ง
“ฉันเกลียดนาย”
ชนิกานต์และสุรัมภาเข้ามา เห็นภาพสุตาภัญตบหน้าชนกชนม์ก็ไม่พอใจ
“ตา..เธอทำอะไร”
สุรัมภาอึ้ง “พี่ตา...เกิดอะไรขึ้น”
ธีรดนย์ชี้หน้าชยางกูร “ไอ้ชั่วนี่ขืนใจตา พี่ชายมันก็สมรู้ร่วมคิดด้วย”
ทุกคนมองไปที่ชนกชนม์เป็นตาเดียว
ชนิกานต์ไม่เชื่อ “ไม่จริง! แกใส่ร้ายชนกชนม์! เขาไม่ใช่คนหยาบคาย”
สุรัมภาต่อว่าชยางกูร “คนที่ผิดคือนายนี่...ชั่วโดยสันดาน”
ชยางกูรโกรธด่ากลับ “พูดมากน่ายัยปากเสีย”
ไม่เท่านั้นชยางกูรยังจะเข้าไปทำร้ายสุรัมภา สุตาภัญเข้าไปปกป้องสุรัมภา ตบหน้าชยางกูรอีกฉาด
“หยุดหยาบคายป่าเถื่อนได้แล้ว! ไม่งั้นฉันเอาเรื่องนายแน่”
ชยางกูรถูกขู่จึงหยุดไม่กล้าทำอะไร
“ตา...ฉันจะโทรเรียกตำรวจ... จับเข้าคุกทั้งพี่ทั้งน้อง!” ธีรดนย์บอก
ชนิกานต์ด่า “แกหุบปากได้แล้ว ชนกชนม์ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย”
สุตาภัญหันไปมองชนกชนม์ ขณะที่ชนกชนม์มองลุ้นว่าสุตาภัญจะตัดสินใจอย่างไร
“ไม่ต้อง” สุตาภัญบอก
ธีรดนย์ไม่พอใจมาก “ตายังจะปกป้องพวกมันอีกเหรอ”
“ตาไม่อยากให้เรื่องรู้ถึงหูคุณพ่อ ไม่งั้นพวกเราจะเดือดร้อนกันหมด...ตาจะกลับบ้าน”
สุตาภัญลากสุรัมภาพเดินออกไปทันที
สุรัมภาอิดออดไม่อยากไป “พี่ตา”
ชนกชนม์มองตาม รู้สึกเสียใจที่สุตาภัญเข้าใจตัวเองผิด
สุตาภัญพาสุรัมภากลับมายังรีสอร์ท
“พี่ตา.....พี่ชนกชนม์เขาไม่ผิดนะ”
“ภาเลิกยุ่งกับคนแบบนั้นได้แล้ว ภาก็เห็นว่าเขานิสัยไม่ดี”
สุรัมภาเถียง “ไม่จริง คนที่ทำผิดคือน้องชายต่างหาก พี่ตาอย่าพาลสิ”
สุตาภัญบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ภา..รีบไปเก็บกระเป๋า”
“ค่ะ”
สุรัมภาเดินเข้าไปในห้อง สุตาภัญจะเข้าไป แต่ชนกชนม์เข้ามาเรียกไว้
“สุตาภัญฟังฉันก่อน”
สุตาภัญยังโกรธ ไม่ยอมฟัง...เดินหนีไปยังบ้านพัก
สุตาภัญจะเดินเข้าไปในบ้าน ชนกชนม์วิ่งเข้ามาขวาง
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น”
สุตาภัญพยายามเก็บอารมณ์แล้ว ถามความจริง
“นายเป็นคนตกแต่งสร้างบรรยากาศ”
ชนกชนม์พยักหน้ารับ
“นายเป็นคนวางแผนให้ฉันอยู่กับน้องชาย”
สุตาภัญมองลุ้น ว่าจะเป็นอย่างไร ชนกชนม์ยอมรับความจริง พยักหน้ารับ
สุตาภัญเสียใจมากตบหน้าชนกชนม์เต็มมือ
“นายเห็นฉันเป็นอะไร เป็นสมบัติของนายรึไง ถึงหยิบยื่นให้คนโน้นคนนี้”
“ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ”
“พอเถอะ เราไม่มีอะไรจะคุยกันอีก”
สุตาภัญจะเดินกลับเข้าไป ชนกชนม์เข้ามาจับตัวไว้ สุตาภัญพยายามดิ้นหนี
“ปล่อยฉัน อย่าให้ฉันเกลียดนายมากกว่านี้เลย”
ชนกชนม์ไม่ปล่อยแถมรวบตัวไว้ “เธอจะโกรธจะเกลียดฉันยังไงก็ได้ แต่ขอให้เธอรู้ไว้...ฉันไม่คิดว่าชยางกูรจะทำร้ายเธอ ถ้าย้อนเวลาไปได้...ฉันจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องนี้ ไม่อยากให้เธออยู่กับใครนอกจากฉัน...”
สุตาภัญอึ้งปนซึ้ง
“เพราะว่าฉัน...” ชนกชนม์กำลังจะสารภาพรัก
แต่แล้วเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขัดจังหวะ “สุตาภัญ”
สุตาภัญคุ้นหูหันไปมองที่มุมหนึ่ง ก็เบิกตาอย่างตกใจ
“คุณพ่อ”
สุทินยืนมองสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เห็นชนกชนม์จับมือถือแขนลูกสาว
สุรัมภาออกมาจากห้อง เห็นสุทินก็ตกใจแข้งขาอ่อนปวกเปียก
ธีรดนย์ผลักชยางกูรเต็มแรง ไปที่รถของชยางกูร
“กลับไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจลากแกเข้าคุก”
“ฉันไม่กลัวหรอก ฉันไม่ได้ทำผิด เพื่อนแกต่างหากที่อ่อยฉันเอง”
ชนิกานต์เข้ามาทุบตีชยางกูร
“สันดานชั่ว! โยนความผิดให้ผู้หญิง...แกมันเลวจริงๆ”
จังหวะนั้นสุรัมภาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา
“พี่ธีรดนย์แย่แล้ว....คุณพ่อมา”
ชนิกานต์กับธีรดนย์ตกใจมาก
สุทินเดินตรงเข้ามาหาชนกชนม์อย่างเอาเรื่อง ชนกชนม์ยกมือไหว้สุทิน
“สวัสดีครับคุณอา”
สุทินไม่รับไหว้ต่อยชนกชนม์เต็มหมัด “แกทำอะไรลูกฉัน”
สุทินไม่สะใจดึงตัวชนกชนม์ขึ้นมาต่อยอีก สุตาภัญพยายามห้าม
“อย่าค่ะคุณพ่อ”
“เธอหลอกฉัน” สุทินบันดาลโทสะตบหน้าสุตาภัญฉาดใหญ่ “โกหกว่ามาทำงาน แต่มามั่วสุมกับผู้ชาย เธอมันชั่วช้ามาก” จากนั้นก็ทุบตีตามตัวแบบไม่ยั้ง
สุรัมภา ชนิกานต์และธีรดนย์วิ่งเข้ามาเห็น ตกใจแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย
ธีรดนย์บอกชนิกานต์ “เข้าไปช่วยตาหน่อย”
ชนิกานต์บอกธีรดนย์กลับ “กล้าก็เข้าไปเองสิ”
เป็นชนกชนม์ที่ทนไม่ได้ มองสุทินทุบตีสุตาภัญไม่ไหว จึงเข้าไปห้ามรั้งแขนสุทินไว้
“พอเถอะครับคุณอา”
สุทินผลักออก “ไม่ต้องยุ่ง” แล้วหันมามองหน้าชนกชนม์ อย่างคุ้นตา
พร้อมกันนั้นภาพจำ เหตุการณ์ที่สุทินเจอชนกชนม์ครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยก็ผุดขึ้นในหัว
ชนกชนม์โวยใส่สุตาภัญ “จ่ายเงินค่ารถมาได้แล้ว”
สุตาภัญงง “ค่ารถ”
“เอ้า...ค่ามอ’ไซค์ไง อย่าคิดใช้ความสวยมาหลอกนั่งฟรี ขอโทษ.. ผมมีเมียแล้ว”
สุทินถึงบางอ้อ รู้ความจริงว่าชนกชนม์ไม่ใช่วินมอเตอร์ไซค์
“แกคงไม่ขี่รถวินมารับผู้โดยสารไกลถึงที่นี่”
ชนกชนม์ยกมือไหว้ขอโทษ “ผมขอโทษครับ ที่ต้องโกหกคุณอา ผมเป็นเพื่อนของสุตาภัญที่มหาวิทยาลัยครับ”
ชนิกานต์รีบเข้ามาไหว้ขอโทษ
“คุณอาคะ นิกกี้ผิดเองค่ะ ที่สร้างเรื่องโกหกคุณอา”
ธีรดนย์เสริม “นิกกี้บังคับให้สุตาภัญมาครับ ผมเพิ่งตามมา ตั้งใจจะพาสุตาภัญกับน้องสุรัมภากลับไปส่งบ้านครับ”
สุทินย้อนกลับ “วันนี้ฝนไม่ตกรึไง...ถึงไม่เป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว”
ธีรดนย์ตกใจที่เผลอทำตัวปกติ จนทำให้สุทินจับได้ว่าโกหกเรื่องเป็นตุ๊ด
“พวกเธอร้ายกาจมาก รวมหัวกันหลอกฉัน! ถ้าฉันไม่โทร.เช็กที่คณะ ฉันคงเป็นไอ้งั่งหัวหงอกที่ถูกพวกเธอหลอกไปทั้งชีวิต”
สุรัมภารู้สึกผิดที่ทำให้สุทินเสียใจ เดินน้ำตาซึมเข้ามาหาสุทิน
“คุณพ่อคะ..ภาขอโทษค่ะ”
สุทินผิดหวังและเสียใจมาก “ภา..ลูกทำอย่างนี้กับพ่อได้ยังไง”
สุรัมภาน้ำตาไหลริน พูดไม่ออก
สุทินขยับเข้ามาจับตัวสุรัมภาเขย่า พูดด้วยความผิดหวังและโกรธ
“พ่อไว้ใจลูกมาก....ทำไมถึงทำอย่างนี้ บอกมาสิ ทำไม”
สุรัมภาตกใจ ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ภา...ภา”
สุตาภัญสงสารน้อง “ตาเป็นคนบังคับภาเองค่ะ”
สุรัมภาอึ้ง สุตาภัญบอกต่อ “ตาเป็นคนขู่ให้น้องช่วยโกหก”
สุทินปล่อยมือจากสุรัมภา “ฉันนึกอยู่แล้วเชียว ลูกภาไม่มีวันโกหกหรือทำให้ฉันเสียใจ มีแต่เธอนั่นแหล่ะที่ทำตัวเสื่อมเสีย หนีมามั่วสุม”
ชนกชนม์ช่วยอธิบาย “พวกเราไม่ได้ทำอะไรเสียหายอย่างที่คุณอาคิดนะครับ”
“แกไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น...แล้วต่อไปนี้” สุทินไม่สน ชี้หน้ากราดชนกชนม์และธีรดนย์สั่งเด็ดขาด “ห้ามยุ่งกับลูกสาวฉันเด็ดขาด”
ชนกชนม์อึ้ง ธีรดนย์จ๋อย
สุทินสั่งสุตาภัญและสุรัมภา “เก็บของกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
สุตาภัญและสุรัมภาเดินกลับไปยังบ้านพัก เพื่อเก็บของ
ชนิกานต์รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุ เดินตามออกไปจ๋อยๆ
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 4 (ต่อ)
ขณะที่ทุกคนเศร้าสลดกันอยู่ ชยางกูรยืนมองเหยียดเย้ยทุกคนที่โดนเล่นงานด้วยความสะใจ ก่อนจะเดินออกไป
“กลับไปจัดการน้องชายแกซะ ฉันหวังว่ามันจะไม่มายุ่มย่าม กับตาอีกไม่งั้นฉันเอาเรื่องแน่!”
ธีรดนย์ขู่ชนกชนม์ แล้วเดินออกไป ชนกชนม์เครียดเป็นห่วงสุตาภัญ แล้วก็ไม่พอใจชยางกูร
ชยางกูรกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน จู่ๆ ชนกชนม์วิ่งเข้ามากระชากเสื้อแล้วต่อยชยางกูรหนึ่งหมัด
“แกต่อยฉัน” ชยางกูรโมโห
“ฉันต้องการเตือนสตินาย อย่าทำอย่างนั้นอีก ไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหน”
ชยางกูรย้อน “แกไม่มีสิทธิ์สั่งฉัน”
“ถ้านายยังไม่เลิก.. เรื่องนี้รู้ถึงหูคุณแม่”
ชยางกูรย้อนกลับอีก “คุณแม่เชื่อใจฉัน ไม่มีวันฟังนาย”
“แต่ตำรวจฟังความจริง” ชนกชนม์บอกเสียงแข็ง
ชยางกูรอึ้ง เพราะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ไม่อยากติดคุกก็เลิกพฤติกรรมนี้ซะ”
“แกห่วงฉันเพราะเรื่องนี้ รึว่าหวงก้างกันแน่” ชยางกูรดักคอ
ชนกชนม์ตัดสินใจบอกความจริง “ฉันชอบสุตาภัญ....อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉัน”
พูดจบชนกชนม์ก็เดินออกไปเลย ชยางกูรมองตามยิ้มเย้ย ก่อนจะพูดกับตัวเอง
“ฉันเคยบอกแล้วไง...ถึงเป็นแฟนแก...ฉันก็จะแย่ง”
ขณะที่สุตาภัญเดินเข้ามาในบ้าน เสาวนิตย์ออกมาหา
“ลูกตา...ทำไมทำอย่างนี้ล่ะลูก”
“ตาขอโทษค่ะคุณแม่...” สุตาภัญไหว้ขอโทษแม่ก่อนจะหันมาบอกสุทิน “คุณพ่ออย่าลงโทษน้องนะคะ ภาเป็นคนผิดเองค่ะ”
สุทินหันมาบอกสุรัมภา “ลูกขึ้นห้องไปได้แล้ว”
“ค่ะ” สุรัมภา
สุรัมภาเป็นห่วงพี่สาว สุตาภัญยิ้มให้ พร้อมยอมรับการลงโทษของพ่อ สุรัมภาเดินออกไปเสาวนิตย์ส่งไม้เรียวให้สุทิน สุตาภัญยืนพร้อมรอรับการลงโทษอย่างเคยชิน
“กลับห้องไปซะ” สุทินบอก
สุตาภัญแปลกใจ
“ฉันตีเธอไปก็เสียแรง กลับไปสำนึกผิดในห้อง แล้วบอกตัวเองอย่าทำให้ฉันเสื่อมเสียเกียรติอีก”
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
สุตาภัญยิ้มพอใจที่สุทินเปลี่ยนพฤติกรรม เสาวนิตย์ยิ้มให้ลูกสาว
“ลูกรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวแม่เอาอาหารไปให้”
“ค่ะ”
สุตาภัญเดินออกไปลับตัวแล้ว เสาวนิตย์หันไปบอกสุทิน
“ฉันขอตัวไปเตรียมอาหาร”
สุทินแทรกเสียงขุ่น “ไม่ต้อง..ไปหาของให้ฉัน”
เสาวนิตย์แปลกใจว่าสุทินต้องการอะไร
ครู่ต่อมาสุตาภัญเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย รออาหารนานแล้ว
“หิวจัง คุณแม่ยังไม่ยกมาให้อีก”
สุตาภัญเดินไปที่ประตูห้อง หมายจะเปิดออกไป แต่ประตูกลับเปิดไม่ได้ สุตาภัญนึกแปลกใจ
จังหวะนั้นแม่กุญแจถูกคล้องล็อคประตูห้องสุตาภัญ พร้อมกับได้ยินสุทินสั่งเสียงกร้าว
“ห้ามเปิดจนกว่าฉันอนุญาต”
“ค่ะ” เสาวนิตย์รับคำ
สุทินเดินออกไปแล้วเสาวนิตย์ยืนหน้าห้อง สงสารสุตาภัญจับใจ
ด้านสุตาภัญพยายามเคาะประตูห้อง...รู้ว่าถูกขังไว้
“คุณพ่อทำอย่างนี้กับตาไม่ได้นะ....เปิดค่ะ”
สุตาภัญพยายามเคาะห้องต่อ
เสาวนิตย์ยืนฟังเสียงเคาะประตู น้ำตาไหลริน สงสารลูกสาว
“แม่ขอโทษ...แม่ช่วยลูกไม่ได้” แม่ผู้ไม่กล้าหือของสุตาภัญเดินเลี่ยงออกไป
สุตาภัญพยายามเคาะห้องไป ร้องไห้ไป
“ขังตาไว้ไม่ได้นะคะ ตาไม่ใช่นักโทษของคุณพ่อ”
สุตาภัญร้องไห้คร่ำครวญจนหมดแรงทรุดตัวลงไปกองกับพื้น เสียใจอย่างหนักที่ถูกพ่อบังเกิดเกล้าจับขังไว้ราวกับนักโทษ
ต่อจากตอนที่แล้ว
เช้าวันใหม่ ขณะที่ชนิกานต์เดินลงมาชั้นล่าง เจอกัณฐิกากำลังจัดโต๊ะอาหาร ชนิกานต์ไม่พอใจที่เจอกัณฐิกา จะหันหลังเดินหนีไป กัณฐิกาหันมาเห็นก็เย้ยหยันเหน็บแนมทันที
“เธอไม่น่ากลับมาเลย ทุกอย่างกำลังลงเอยด้วยดี”
ชนิกานต์ฉุนกึกหันกลับมาต่อปากต่อคำทันที..
“ฉันก็ไม่คิดกลับมาเจอหน้าแก”
“แล้วกลับมาทำไม ไม่มีที่ไปสิท่า คุณหนูเอาแต่ใจเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เอาตัวไม่รอด”
ชนิกานต์เดินยิ้มเข้ามาพร้อมเผชิญหน้าปะทะฝีปากกับกัณฐิกา
“เปล่า...ฉันคิดดูแล้ว ถ้าฉันไป เท่ากับฉันยกธงขาวยอมแพ้แก ฉันควรจะอยู่เพื่อเฝ้าสมบัติพ่อฉัน ก่อนที่แกจะสูบไปหมดตัว”
กัณฐิกาเยาะ “มั่นใจว่าเป็นยันต์กันผีได้ก็เอาสิ..เธอก็เห็นว่าพ่อเธอหลงฉันหัวปักหัวปำโดยไม่ต้องทำยาเสน่ห์...ทุกอย่างต้องเป็นของฉัน”
กัณฐิกายิ้มเย้ย ตักข้าวต้มใส่ถ้วย ชนิกานต์ยิ้มตอบ
“ฉันนี่แหล่ะจะทำให้พ่อตาสว่าง ธาตุแท้เล่ห์มารยาของเธอ แล้วก็เฉดหัวเธอออกไปจากบ้านนี้”
“เกมนี้ชักสนุกแล้วสิ ฉันชอบอะไรที่ท้าทาย”
กัณฐิกาตักข้าวต้ม..ใส่ถ้วยกำลังจะนั่งลงกิน แต่ถูกชนิกานต์แย่งถ้วยข้าวต้มมาตรงหน้าตัวเอง
“แล้วแกจะเห็นว่าฉันร้ายกว่าที่แกคิด”
กัณฐิกาไม่พอใจ..ลุกหนีออกไป ชนิกานต์ยิ้มเย้ยมองตาม แล้วกระแทกช้อนกับชามข้าวต้ม ไม่อยากกินของของกัณฐิกา
กัณฐิกาเดินออกมาหน้าบ้าน อารมณ์ไม่ดี
“แกต่างหากที่ต้องถูกเฉดหัวออกไป”
ณวัตรเดินลงมาจากห้องนอนกัณฐิกาเข้าไปหา
“คุณคะ..กัณมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยค่ะ”
ณวัตรแปลกใจว่าเรื่องอะไร ชนิกานต์แอบฟังที่มุมหนึ่ง ด้วยความสงสัยและอยากรู้
เวลาเดียวกันสุรัมภาเดินมาที่โต๊ะอาหาร เห็นสุทินนั่งอยู่ โดยมีเสาวนิตย์กำลังจัดโต๊ะอาหาร
“พี่ตายังไม่ลงมา...ภาไปตามนะคะ”
สุทินบอกเสียงขุ่น “ไม่ต้อง..ทานได้แล้ว”
“ค่ะ”
สุรัมภาแปลกใจที่สุทินไม่รอสุตาภัญเสาวนิตย์เป็นห่วงสุตาภัญ
“ฉันเอาอาหารขึ้นไปให้ลูกนะคะ”
สุทินไม่พอใจ “ฉันบอกแล้วไงไม่ต้อง”
“ค่ะ” เสาวนิตย์ไม่กล้าหือ
สุรัมภารับรู้ได้ถึงความผิดปกติ...รู้สึกเป็นห่วงสุตาภัญ สุทินเหลือบมองไปยังห้องนอนสุตาภัญ..สีหน้าไม่พอใจ ต้องการลงโทษสุตาภัญต่อไป
ฝ่ายสุตาภัญเคาะประตูห้อง พยายามดันออก แต่ประตูยังล๊อคไว้..
“ตาไม่ยอมให้คุณพ่อทำกับตาอย่างนี้”
สุตาภัญคิดหาทางออกจากห้องอย่างมาดมั่น
ขณะเดียวกันกัณฐิกาตัดสินใจบอกณวัตร
“หลังจากงานแต่งแล้ว.....กัณขอพาญาติมาอยู่ด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิ...คนในครอบครัวคุณก็เหมือนครอบครัวผม ผมยินดีต้อนรับญาติคุณทุกคน”
กัณฐิกายิ้มพอใจ ที่ณวัตรเปิดทางให้ กัณฐิกาจะเปิดเผยว่าจะพาลูกมาอยู่ด้วย
“แม้ว่าจะเป็น...”
ณวัตรสวนขึ้น “คงไม่ใช่ลูกติด”
กัณฐิกาอึ้ง ที่ณวัตรพูดเรื่องนี้
“ผมรับได้หากคุณเคยมีครอบครัวมาก่อน แต่ผมไม่พร้อมรับภรรยาที่มีลูกติด”
กัณฐิกาหน้าเสียนิดๆ ที่ณวัตรดักทางไว้
“จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ผมรักลูกผมมาก ผมไม่อยากให้ลูกผมน้อยใจที่ผมต้องแบ่งปันความรักให้คนอื่น”
“ขอให้คุณสบายใจได้...กัณยังไม่เคยมีลูกค่ะ” กัณฐิกายิ้มหวาน
ชนิกานต์ยิ้มพอใจที่รู้ว่าพ่อยังรักเธอ เสียงโทรศัพท์เข้า ชนิกานต์รีบเดินออกไป
เป็นสุตาภัญที่โทร.มา กำลังคุยสายขอความช่วยเหลือจากชนิกานต์
“นิกกี้....เธอต้องหาทางมาช่วยฉันนะ”
ขณะที่ชนิกานต์คุยโทรศัพท์กับสุตาภัญ ธีรดนย์ทำงานอยู่มุมหนึ่งได้ยิน
“พ่อเธอจับขังไว้จะให้ฉันช่วยยังไง ขืนฉันเข้าไปหาเธอ พ่อเธอเอาฉันตายแน่”
ธีรดนย์ตกใจเป็นห่วงสุตาภัญ ตรงเข้ามาบอกชนิกานต์
“เธอเป็นตัวการทำให้ตาเดือดร้อน! เป็นตายยังไงก็ต้องช่วยตา”
ชนิกานต์เถียง “ฉันยังไม่อยากตายนี่”
สุตาภัญได้ยินคุยโทรศัพท์ขอร้องต่อ
“ฉันก็ไม่อยากถูกจับขังจนตาย ช่วยฉันด้วยนะ”
ธีรดนย์คิดแผนการได้...แย่งมาคุยโทรศัพท์
“ตาไม่ต้องห่วงนะ...ฉันจะรีบหาทางไปช่วยเธอ”
“ขอบใจมากนะธี”
สุตาภัญวางสาย หวังลึกๆ ว่าธีรดนย์กับชนิกานต์จะช่วยเธอได้
“ขอให้สำเร็จด้วยเถอะ”
ชนิกานต์แย่งโทรศัพท์คืนแล้วพูดจาแดกดัน
“ทำตัวเป็นฮีโร่เอาใจยัยตา คิดออกแล้วเหรอว่าทำไง”
“ให้คุณท่านไปขอให้สุตาภัญมาช่วยงานแต่ง”
ชนิกานต์คิดตาม “ช่วยงานแต่ง”
ธีรดนย์พยักหน้า “ใช่ ช่วยรับแขกหน้างานก็ได้ พ่อของสุตาภัญคงเกรงใจคุณท่าน ยอมปล่อยตัวตาออกมา”
ชนิกานต์เห็นด้วยกับความคิดของธีรดนย์ แล้วคิดไปไกลที่จะป่วนงานแต่งกัณฐิกา
“แกก็ฉลาดคิดนะ นึกว่ามีหัวไว้คั่นหูอย่างเดียว”
“เธอ” ธีรดนย์เจ็บใจ
ชนิกานต์ยิ้มเย้ยแล้วเดินออกไป ธีรดนย์นึกเป็นห่วงสุตาภัญ ภาวนาให้ณวัตรยอมช่วยสุตาภัญ
สองคนนั่งคุยกันอยู่ในห้องโถง กัณฐิกาบอกณวัตรเรื่องแพลนงานแต่ง
“ในวันงาน...กัณอยากจะให้หลานสาวกัณมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ไหมคะ”
“เอาสิ...งานนี้เชิญเฉพาะคนกันเอง ให้หลานคุณมาเพื่อนเจ้าสาวได้เลย”
ชนิกานต์ปราดเข้ามาโวย
“ไม่ได้ค่ะ”
ธีรดนย์แอบฟังอยู่มุมหนึ่งในบ้าน
“นิกกี้..ลูกเลิกขัดขวางงานแต่งของพ่อได้แล้ว”
“ถ้าหลานสาวคุณน้าเป็นเพื่อนเจ้าสาวก็เท่ากับมาแย่งหน้าที่ของนิกกี้สิคะ”
กัณฐิกาและณวัตรแปลกใจมาก
“นิกกี้ขอเป็นเพื่อนเจ้าสาวเองค่ะ”
กัณฐิกาแปลกใจที่ชนิกานต์อยากเป็นเพื่อนเจ้าสาว และไม่ไว้ใจชนิกานต์ ธีรดนย์ก็แปลกใจในความคิดของชนิกานต์
ณวัตรสงสัย “ทำไมลูกถึงยอมมาช่วยงานทั้งๆที่ก่อนหน้านี้...”
ชนิกานต์สวนขึ้น “นิกกี้อยากเป็นส่วนหนึ่งในงานแห่งความสุขของคุณพ่อกับคุณน้าค่ะ”
ณวัตรโอบกอดลูกสาวคิดว่าละพยศแล้ว ชนิกานต์ขอร้องณวัตร
“แต่คุณพ่อต้องเชิญครอบครัวสุตาภัญ แล้วให้ยัยตาเป็นเพื่อนเจ้าสาวคู่กับนิกกี้นะคะ”
“ลูกต้องการอะไร หรืออยากทำอะไร พ่อเต็มใจช่วยเสมอ”
ธีรดนย์ยิ้มพอใจที่ณวัตรจะไปช่วยสุตาภัญ
ชนิกานต์โอบกอดณวัตร แล้วหันไปถามกัณฐิกา
“คุณน้าล่ะคะ เต็มใจให้นิกกี้เป็นเพื่อนเจ้าสาวรึเปล่าค่ะ”
“ถือเป็นข่าวที่น่ายินดี...งานนี้ต้องเป็นงานแต่งที่อบอุ่นที่สุด”
“ค่ะ จะเป็นงานแต่งที่อยู่ในความทรงจำไปอีกนาน”
ชนิกานต์ยิ้มเจ้าเล่ห์ กัณฐิกาเริ่มกังวลใจ ไม่สบายใจนัก
ธีรดนย์แปลกใจในความคิดของชนิกานต์ที่ยอมเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับคู่อริ
ด้านสุตาภัญกระวนกระวายใจ ที่ยังไม่มีใครเปิดประตูให้ เสียงเปิดประตูหน้าห้อง สุตาภัญดีใจ พุ่งเข้าไปคิดว่าชนิกานต์มาหา
“ยัยนิกกี้”
สุทินตามมา สีหน้ามึนตึง สุตาภัญนิ่งไป
เวลาเดียวกันชนกชนม์กำลังดูแบบเพชร ชยางกูรนั่งเล่นเกมไอแพดไม่สนใจ ธนกรเดินเข้ามาหาชนกชนม์
“อาตั้งใจเอาเครื่องเพชรไปส่งคุณณวัตรด้วยตัวเอง แต่อากับคุณแม่ติดงานเลี้ยงลูกค้า เธอช่วยอาได้ไหม?”
“ได้ครับ ผมยินดีครับ”
ชลนิภาเดินตรงเข้ามาโวย
“ไม่ต้อง ให้ลูกกูรไปแทน”
ชยางกูรไม่อยากไปทำงาน รีบปฎิเสธ
“กูรอยากไปช่วยนะครับ แต่ช่วงนี้กูรมีติวหนังสือกับเพื่อนๆ ทุกวัน”
ธนกรถามชลนิภา “คุณจะเอายังไง”
ชลนิภามองชนกชนม์ คิดตัดสินใจ ชนกชนม์มองลุ้นว่าชลนิภาจะตัดสินใจอย่างไร
ฟากสุตาภัญยืนประจันหน้ากับสุทิน เสาวนิตย์และสุรัมภาเดินตามเข้ามา สุตาภัญยิ้มดีใจ
“ลูกรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว ลูกต้องออกไปตัดชุด” เสานิตย์บอก
“พี่นิกกี้ขอให้พี่ตาเป็นเพื่อนเจ้าค่ะ” สุรัมภาอธิบาย
สุตาภัญยิ้มดีใจ “จริงๆเหรอ”
สุทินแทรกขึ้น “ฉันไม่รู้ว่าเธอไปคุยอะไรไว้ คุณณวัตรถึงยอมมาหาด้วยตัวเอง แต่ถึงยังไง...ฉันไม่ปล่อยให้เธอใช้ชีวิตอิสระ”
“ถ้าคุณพ่อไม่ไว้ใจตา เพื่อความสบายใจ...ตาไม่ไปก็ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องประชดฉัน ถ้าฉันไม่เกรงใจที่คุณณวัตรเคยช่วยเหลือไว้อย่าหวังว่าเธอจะได้ออกไปเร็วอย่างนี้ ส่วนวันงานฉันติดประชุมที่กรม...ฉันจะให้แม่กับน้องไปคุมเธอ”
“ค่ะ..แล้วแต่คุณพ่อเห็นสมควรค่ะ”
สุตาภัญไม่วายแอบประชดผู้เป็นพ่อ สุทินไม่พอใจเดินออกไป เสาวนิตย์และสุรัมภาเข้ามาหาสุตาภัญด้วยความยินดี
ธนกรพูดโน้มน้าวชลนิภาอยู่
“ให้ชนกชนม์ไปเถอะ เขาเป็นเพื่อนสนิทกับลูกสาวคุณณวัตรด้วย ถือเป็นตัวแทนของเรา”
“ถ้าคุณแม่ไม่ไว้ใจผม ให้เลขาที่ออฟฟิศไปส่งของก็ได้ครับ”
“แกนั่นแหล่ะต้องไป” ชลนิภาบอก
ชนกชนม์แปลกใจ
“ใช่ว่าฉันไว้ใจแก ฉันยอมเพราะเห็นแก่คุณธนกร แต่ถ้าแกทำพลาด แกจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีก”
ชลนิภาคาดโทษแล้วเดินออกไปธนกรหันมาบอกชนกชนม์
“โอกาสเป็นของเธอแล้วนะ...พิสูจน์ให้คุณแม่เห็นว่าเธอทำได้”
ชนกชนม์ยิ้มรับ “ครับ ผมจะใช้โอกาสนี้ให้คุณแม่เชื่อมั่นผม”
ชยางกูรได้ยินทุกอย่าง หยุดเล่นเกมคิดแผนร้ายบางอย่าง ย่อมไม่ใช่เรื่องดีต่อชนกชนม์แน่นอน
ตกกลางคืนกฤติยากำลังนั่งเช็ดใบตองอยู่ในบ้านที่ชุมชน กัณฐิกาเข้ามาส่งเงินให้
“เอาเงินไปตัดชุดสวยๆ”
กฤติยาไม่สนใจ เดินไปหยิบของ จัดโน่นนี่นั่น
“เลิกทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนสักที ฉันเป็นแม่แกนะ”
“แล้วหนูเป็นอะไรคะ”
กฤติยาย้อนถามด้วยความเจ็บปวด กับสิ่งที่กัณฐิกาเคยทำไว้ในอดีต
“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ไม่ต้องรื้อฟื้น แกต้องไปงานแต่งฉัน”
“แล้วแม่จะให้หนูไปในฐานะอะไร”
กฤติยาย้อนถาม เพราะในใจมีปมด้อยที่กัณฐิกาไม่เคยยอมรับว่าเธอว่าเป็นลูก ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
โดยในคืนนั้นกัณฐิกากำลังหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าออกไปจากบ้าน
เด็กหญิงกฤติยาวิ่งเข้าหา “แม่จ๋า... อย่าทิ้งหนูไป”
กัณฐิกาพูดอย่างหงุดหงิด “อย่ามาขวาง.. ฉันจะไปหาเงินมาให้แกใช้”
เด็กหญิงตัวน้อยอ้อนวอน “หนูไม่อยากได้เงิน หนูอยากได้แม่”
แต่กลับถูกกัณฐิกาด่าอย่างเกรี้ยวกราด “หยุดแหกปากสักที แล้วห้ามเรียกฉันว่าแม่อีก”
จากนั้นกัณฐิกาเดินหิ้วกระเป๋าออกไปไม่แยแส เด็กหญิงกฤติยาคิดอะไรบางอย่าง
เวลาต่อที่กัณฐิกาเดินมาหาวันชัยแฟนใหม่ที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
“ไปกันเถอะค่ะ”
กัณฐิกาจะออกไปกับวันชัย แต่กฤติยาวิ่งเข้ามากอดขาไว้ อย่างน่าเวทนา
“แม่จ๋า...อย่าทิ้งหนูไป”
กัณฐิกาตกใจ “แก”
วันชัยไม่พอใจ เพราะกัณฐิกาไม่เคยบอกว่ามีลูกแล้ว “เด็กคนนี้เป็นใคร”
“เอ่อ....เด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ ชอบทึกทักว่ากัณเป็นแม่”
เด็กหญิงกฤติยาเข้าไปคุกเข่าหน้าวันชัย “คุณน้าขา...หนูกราบล่ะค่ะ อย่าเอาแม่หนูไปนะคะ”
เด็กหญิงตัวน้อยเข้าไปกราบเท้าวันชัยอย่างน่าสงสาร วันชัยโกรธที่รู้ว่ากัณฐิกามีลูก
“เธอโกหกฉัน”
วันชัยขึ้นรถ แล้วขับรถออกไปทันที .กัณฐิกาโกรธจัดปราดเข้ามาทุบตีกฤติยา
“นังโง่...ฉันกำลังจะได้เป็นคุณนายอยู่แล้วเชียว.. จำใส่กะโหลกไว้ ฉันไม่ใช่แม่แก! แกไม่ใช่ลูกฉัน!”
กัณฐิกาผลักลูกสาวล้มลง แล้วหิ้วกระเป๋าออกไป เด็กหญิงกฤติยาร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจอยู่ตรงนั้น
ฟังลูกสาวเล่าความเจ็บปวดที่ตนเขียนไว้ในใจ กัณฐิกายืนอึ้งกับสิ่งที่เธอเคยทำกับกฤติยา
“ภาพความเจ็บปวดในวันนั้น ไม่มีวันหายไปจากความทรงจำแอนได้” กฤติยาสำทับ
กัณฐิกาหน้าเศร้า รู้สึกผิดในอดีตที่เคยทำไว้
“ในเมื่อแม่เลือกใช้ชีวิตตามที่แม่ต้องการ แม่จะมาห่วงพวกหนูทำไม”
“ก็ฉันเป็นแม่แก ฉันเป็นลูกของยายแก ฉันก็ต้องรักและห่วง แล้วฉันก็รับปากคุณณวัตรไว้แล้วว่าฉันจะพาญาติไปร่วมงาน”
กฤติยานึกน้อยใจ “ในที่สุดแม่ก็ห่วงคนอื่นมากกว่า”
กัณฐิกาฉุน สั่งเสียงแข็ง “ไม่ต้องทำเสียงประชดแดกดันฉัน...แกต้องไปงานแต่งฉัน”
“แม่พร้อมที่จะเปิดตัวลูกคนนี้แล้วใช่มั้ย”
คำถามนี้ ทำเอากัณฐิกาอึ้ง จำต้องบอกความจริงว่าให้กฤติยาไปในฐานะญาติ
“ฉันจะให้แกไปในฐานะ”
เสียงโทรศัพท์ของกัณฐิกาดังขัดขึ้น เห็นชื่อณวัตร รีบรับสาย เปลี่ยนเสียงอ่อนหวานทันที
“ค่ะคุณณวัตร...กัณแวะเอาการ์ดมาแจกญาติๆ ค่ะ ทุกคนตื่นเต้นดีใจมากแล้วก็รับปากจะไปงานแน่นอนค่ะ”
กฤติยาได้ยินถึงกับน้ำตาซึม น้อยใจที่กัณฐิกาทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ระหว่างนั้นยายแก้วเดินออกมายืนมองอยู่ตรงมุมหนึ่ง
“คุณรอกัณที่คอนโดนะคะ.. กัณจะรีบกลับไปค่ะ”
กัณฐิกาวางสาย หันไปบอกยายแก้ว
“แม่ก็ต้องไปด้วย ใส่เสื้อผ้าให้ดูดีมีราคา อย่าทำให้ฉันขายหน้า”
กัณฐิกาเอาเงินยัดใส่มือกฤติยา..แล้วลุกเดินออกไป กฤติยาเจ็บปวดใจที่ต้องเป็นเครื่องมือของกัณฐิกา น้ำตาไหล
ยายแก้วสงสารหลานสาว เดินเข้าปลอบใจ “ลูกไปเถอะ แม่เขาคงสำนึกผิดแล้ว อยากจะแก้ตัว”
“ไม่ใช่หรอกยาย...เขากลัวฉากละครชีวิตของเขาไม่สมบูรณ์ต่างหาก เราเป็นได้แค่ตัวประกอบฉาก”
ยายแก้วลูบผมสอนสั่งหลานสาว “มองโลกในแง่ร้าย รังแต่จะทำร้ายตัวเราเอง แม่เขาคงพร้อมที่จะเปิดตัวหนูในฐานะลูก...และใช้ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ มีทั้งพ่อ..แม่..และลูก”
“แม่ยอมรับหนูเป็นลูกจริงๆ เหรอจ๊ะยาย”
“เชื่อยายเถอะ...ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกหรอก”
ยายแก้วยิ้มปลอบใจหลาน กฤติยาค่อยรู้สึกดีขึ้น
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 4 (ต่อ)
วันเวลาผ่านไป กรุงเทพมหานครในยามกลางคืน เต็มไปด้วยแสงสี และไฟส่องสว่าง
ค่ำคืนนี้ งานฉลองแต่งงานของ ณวัตรกับกัณฐิกา ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
ชนกชนม์ขับรถมาจอดหน้าโรงแรมสถานที่จัดงาน ก้าวเท้าลงจากรถ ในชุดสูทหรู ดูหล่อเหลาเท่สมวัย ชนกชนม์เปิดประตูรถ หยิบถุงกระดาษหรูซึ่งใส่ชุดเครื่องเพชรมาด้วย
นึกถึงเรื่องที่รับปากชลนิภาส่งกล่องเครื่องเพชรให้ณวัตรคืนนี้
“ส่งให้ถึงมือคุณณวัตร หากมีปัญหาฉันเอาเลือดหัวแกออก”
ชนกชนม์ถือถุงเดินมา ยิ้มอย่างมั่นใจ
“ผมจะทำหน้าที่แทนคุณแม่ให้ดีที่สุดครับ”
เด็กหนุ่มถือถุงเดินเข้าไปยังล็อบบี้โรงแรมหรูตรงหน้า
ขณะเดียวกันภายในห้องแต่งตัวของโรงแรม กัณฐิกามองเวลาด้วยความกังวลใจ
“นี่ก็ใกล้เวลางานแล้ว...ทางร้านเพชรยังไม่เอาเครื่องเพชรมาส่ง ทำไงคะ”
ชนิกานต์นั่งแต่งหน้าอยู่ที่มุมหนึ่ง ยิ้มสะใจ
“สมน้ำหน้า”
สุตาภัญเสียงดุ “นิกกี้”
ณวัตรบอกกัณฐิกา “เดี๋ยวผมโทร.ตามให้”
เสียงโทรศัพท์เข้า ณวัตรรับสาย
“ใช่..เอาเครื่องเพชรมาแล้วเหรอ”
กัณฐิกายิ้มพอใจ...
“มาส่งที่ห้อง..” ณวัตรเปลี่ยนใจ “นายรอที่ล๊อบบี้แล้วกัน..จะให้คนไปรับ” ณวัตรวางสาย บอกสุตาภัญ “หนูตา...อารบกวนหนูลงไปรับเครื่องเพชรให้หน่อย”
“ได้ค่ะ...ตาขอเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”
สุตาภัญรับปาก แล้วเดินเข้าไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
ชนกชนม์ถือถุง นั่งรออยู่ตรงล็อบบี้ คอยคนของณวัตรลงมารับเครื่องเพชร ชนกชนม์มองนาฬิกาแล้วหันกลับไปมองที่บันไดทางลง ชนกชนม์ตกอยู่ในความตะลึง..
สุตาภัญแต่งชุดเพื่อนเจ้าสาว..สวยงามมาก ชนกชนม์เดินตรงเข้ามายืนรอที่บันได มองสุตาภัญไม่วางตา
สุตาภัญเห็นชนกชนม์ก็อึ้ง ทำตัวไม่ถูก จนพลาดท่าเหยียบขั้นบันไดไม่เต็มเท้า หงายหลังจะล้มลง ชนกชนม์เข้าไปประคองไว้ในอ้อมกอด
ทั้งสองมองหน้ากัน สุตาภัญได้สติ ดันตัวชนกชนม์ออกไป
“ฉันมารับเครื่องเพชร”
ชนกชนม์ส่งถุงให้
สุตาภัญจะรับถุงเครื่องเพชร แต่ชนกชนม์ดึงกลับ แล้วเดินหนีไป
“นาย” สุตาภัญงง
ชนกชนม์ถือถุงเดินมาอย่างสบายใจ มีสุตาภัญเดินตามมาทวง
“ส่งของมาให้ฉันนะ”
ชนกชนม์เดินหนี
สุตาภัญเดินตาม “ใกล้เริ่มงานแล้ว เอาของมา”
สุตาภัญจะคว้าถุงเป็นจังหวะที่ชนกชนม์หันกลับมา
“เธอหายโกรธฉันรึยัง”
ทำให้ทั้งสองหน้าประชิดติดกัน ชนกชนม์ยิ้มแล้วยกนิ้วก้อยขึ้นขอคืนดี
“ดีกันนะ”
สุตาภัญยิ้มรับเหมือนจะยอมเกี่ยวก้อยด้วย..แต่แย่งถุงเดินหนีไป
ชนกชนม์ร้อง “เฮ้ย” แล้ววิ่งตาม “อย่างนี้ถือว่าขโมยนะครับ”
“หมดหน้าที่ส่งของแล้ว กลับไปได้แล้ว”
ชนกชนม์เข้ามายืนขวาง “ผมจะกลับต่อเมื่อคุณให้อภัย แล้วกลับมาเป็นเจ้าชีวิตผมเหมือนเดิม”
สุตาภัญนิ่งงันไป
ชนกชนม์ตัดสินใจคว้าดอกไม้ที่ประดับอยู่ตรงมุมนั้นของโรงแรม คุกเข่าต่อหน้าสุตาภัญ
“ผมขอร้องนะครับ...นางฟ้าเบอร์ห้าของผม”
สุตาภัญตกใจ “นายทำอะไร”
“ถ้าคุณไม่ให้อภัย ต้องเจอท่าไม้ตาย” ชนกชนม์ตะโกนขึ้น “แต่งงานกับผมนะครับ”
สุตาภัญอายมาก ผู้คนที่เดินผ่านไปมา ต่างหันมามองสุตาภัญยิ้มๆ
ระหว่างนั้น วีรภัทรและนัชชาจูงมือนิธิเพื่อมาร่วมยินดีงานแต่งของณวัตร นิธิเห็นชนกชนม์คุกเข่าขอสุตาภัญแต่งงานจึงตะโกนเรียก
“พี่ชนกชนม์”
นิธิวิ่งเพื่อไปหาชนกชนม์ทันที วีรภัทรเห็นก็ยิ้มดีใจ แต่นัชชาหน้าตึงไม่พอใจ
ด้านสุตาภัญบอกชนกชนม์
“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้! ฉันไปล่ะนะ”
สุตาภัญอายมากจะเดินหนี แต่ชนกชนม์เข้ามาจับขา คุกเข่าขอแต่งงาน ตะโกนเสียงดังอีก
“แต่งงานกับผมนะครับ นะครับ นะครับ”
สุตาภัญอายมาก “หยุดได้แล้ว”
“ไม่..จนกว่าคุณจะยอมให้อภัยผม”
“ยอมแล้ว” สุตาภัญจำใจเพราะอาย
“เย๊ ดีใจที่สุดเลย”
ขณะนั้นนิธิวิ่งมาแต่ไกล
“พี่ชนม์ครับ”
ชนกชนม์หันไปมอง
เด็กชายนิธิวิ่งมาแล้วสะดุดพื้นล้มลงอย่างจัง
“นิธิ”
ชนกชนม์รีบเข้าไปดูแลนิธิ นิธิเอามือปิดหน้า ส่งเสียงร้อง
“ฮือๆๆๆ”
สุตาภัญก็ตกใจรีบเข้าไปช่วยทันที โดยเผลอวางถุงใส่เครื่องเพชรไว้
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“ไม่ร้องนะครับคนเก่ง” สุตาภัญช่วยปลอบ
นิธิเอามือที่ปิดหน้าออก ยิ้มแฉ่ง “นิธิเก่งอยู่แล้ว...แฟนพี่ชนกชนม์สวยจัง”
สุตาภัญตกใจที่นิธิเข้าใจผิด รีบปฎิเสธในขณะที่ชนกชนม์แกล้งตอบรับ
“ไม่ใช่จ้ะ” / “ใช่ครับ”
ชนกชนม์ยิ้มยียวนใส่ สุตาภัญไม่พอใจที่ชนกชนม์แกล้ง..
“คุณพ่อบอกว่ามางานแต่ง ไม่คิดเลยว่าเป็นงานแต่งของพี่ชนม์” เด็กน้อยเข้าใจผิดไปใหญ่
สุตาภัญตกใจรีบปฎิเสธ แต่ชนกชนม์ตอบรับเพื่อแกล้งสุตาภัญ..
“ไม่ใช่จ้ะ” / “ใช่ครับ!”
สุตาภัญมองตาเขียวใส่ชนกชนม์ “นาย”
ชนกชนม์หันมายิ้มบอกนิธิ “พูดจาดีอย่างนี้ต้องมีรางวัล หอมทีนึง”
ชนกชนม์จะหอมแก้มนิธิ แต่นัชชามาลากนิธิออกห่าง
“ลูกนิธิมาหาคุณแม่”
ชนกชนม์ตกใจ เห็นนัชชาและวีรภัทร.
รีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณพ่อ”
วีรภัทรรับไหว้
ชนกชนม์ไหว้นัชชา “สวัสดีครับคุณอา!”
นัชชาไม่รับไหว้...สุตาภัญไหว้วีรภัทรและนัชชา
“สวัสดีค่ะ”
นิธิพูดจ้อยๆ “แฟนพี่ชนม์ครับ”
ชนกชนม์รีบบอกพ่อ “เอ่อ..ไม่ใช่ครับ..สุตาภัญเป็นเพื่อนผมที่มหาวิทยาลัยครับ”
วีรภัทรยิ้มให้ทักทายสุตาภัญ “ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ” แล้วนึกได้จึงหันมาถามชนกชนม์ “ลูกมางานแต่งด้วยเหรอ”
“ผมเอาเครื่องเพชรมาให้เจ้าสาวครับ”
“ดีแล้วที่ช่วยคุณแม่ทำงาน คุณแม่จะได้พักบ้าง..ต่อไปเราก็ต้องบริหารงานแทนคุณแม่”
นัชชาไม่พอใจที่วีรภัทรสนทนากับชนกชนม์
“ไปกันเถอะค่ะ”
นัชชาลากตัวนิธิไปวีรภัทรบอกชนกชนม์
“เจอกันในงานนะ”
“ครับ” ชนกชนม์รีบบอกสุตาภัญ “เธอเอาเครื่องเพชรไปให้เจ้าสาวได้แล้ว”
สุตาภัญนึกได้ “เครื่องเพชร! ฉันวางไว้ตรงโน้น”
ชนกชนม์และสุตาภัญตกใจ รีบวิ่งกลับไปทันที
สองคนวิ่งกลับมา เห็นถุงใส่เครื่องเพชรยังอยู่ก็ดีใจมาก
ชนกชนม์ถือถุงมา ใจชื้น “เกือบไปแล้ว”
“เอามา..ฉันเอาไปให้เอง”
“ฉันช่วยถือ...อย่าลืมสิว่าเราดีกันแล้วนะ”
ชนกชนม์ยักคิ้วหลิ่วตาแหย่ สุตาภัญหมั่นไส้เล็กน้อย เดินนำออกไป
ไม่นานต่อมาชนกชนม์ล้วงหยิบกล่องเครื่องเพชรออกจากถุง ส่งให้ณวัตร
“เครื่องเพชรชุดพิเศษครับ”
ทุกคนต่างตกใจ
กัณฐิกาตะลึง “นี่มันอะไร”
ชนกชนม์มองของที่ถือ เป็นกล่องทิชชู่ที่มีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับกล่องเพชร
ชนกชนม์ชะงัก “กล่องทิชชู่”
ณวัตรปากล่องทิ้ง “เธอเล่นอะไรของเธอ”
ชนกชนม์ตกใจ “เป็นไปได้ยังไง ผมเป็นคนหยิบกล่องเครื่องเพชรใส่ในถุงกับมือ”
สุตาภัญช่วยยืนยัน “เมื่อกี้ตาก็เห็นค่ะว่ามีกล่องเครื่องเพชรอยู่ด้านใน คงมีใครขโมยไป”
“คุณคะ ไม่มีชุดเครื่องเพชรแล้วกัณจะขึ้นเวทีได้ยังไงคะ”
กัณฐิกาคราง แล้วหน้ามืด ทำท่าจะเป็นลม
“คุณ!” ณวัตรประคองกัณฐิกา แล้วสั่งธีรดนย์และช่างแต่งหน้าที่อยู่ใกล้ๆ “พาคุณกัณฐิกาไปพักก่อน”
ธีรดนย์และช่างแต่งหน้าช่วยกันประคองกัณฐิกาไปนั่งพัก เสาวนิตย์และสุรัมภาเข้ามาในห้อง รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ณวัตรหันมาเล่นงานชนกชนม์
“ฉันไม่สนใจว่ามันถูกขโมยรึหาย แต่ฉันต้องการชุดเครื่องเพชรมาให้ภรรยาฉัน”
ชนิกานต์เข้ามาถามชนกชนม์อีกครั้ง
“มันหายไปได้ยังไง”
ชนกชนม์อึ้ง เครียดจัด ตอบไม่ได้!
ขณะเดียวกันชยางกูรหยิบกล่องเพชรมาวางไว้ที่โต๊ะ นึกถึงตอนที่เขายืนมองชนกชนม์เดินถือถุงเข้าโรงแรม อยู่ที่มุมหนึ่ง แล้วเดินตามไป
ชยางกูรเปิดกล่อง เห็นชุดเครื่องเพชรอยู่ภายใน นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่อีก
ตอนนั้นชนกชนม์และสุตาภัญเห็นนิธิหกล้ม จึงวิ่งออกไป สุตาภัญวางถุงใส่เครื่องเพชรไว้ ชยางกูรเดินเข้ามา..ตั้งใจจะขโมยเครื่องเพชร
ชยางกูรมองชุดเครื่องเพชร ยิ้มสะใจ ปิดกล่องทันที
“แกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่ ไอ้ชนกชนม์”
ชยางกูรยิ้มพอใจ
ส่วนภายในห้องแต่งตัว ชนกชนม์บอกณวัตรเรื่องกล่องเครื่องเพชรหาย
“ผมขอโทษจริงๆ ครับ มันเกิดจากความผิดพลาดของผมเอง”
ณวัตรตวาดลั่น “ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเธอ แต่ตอนนี้เธอจะทำยังไงก็ได้ หาเครื่องเพชรมาให้เร็วที่สุด”
“ครับ ผมขอความกรุณาอย่าโทรแจ้งคุณแม่ผมนะครับ”
ชนกชนม์เครียดมากรีบออกไป ชนิกานต์เป็นห่วงชนกชนม์
“ชนกชนม์”
“นิกกี้ไม่ต้องไปยุ่ง”
ณวัตรเรียกชนิกานต์ แต่ชนิกานต์ไม่สนใจ ออกไปช่วยชนกชนม์ ณวัตรสั่งธีรดนย์
“ออกไปตามยัยนิกกี้กลับมา”
“ครับคุณท่าน”
ธีรดนย์รีบออกไป ณวัตรโทรศัพท์แจ้งชลนิภาทันที
“ลูกชายคุณทำเครื่องเพชรหาย คุณต้องรับผิดชอบ”
สุตาภัญได้ฟังก็กังวลใจ เป็นห่วงชนกชนม์
ชลนิภาคุยโทรศัพท์กับณวัตรหน้าเครียด อยู่ตรงหน้าร้านอาหารหรู
“ค่ะ ดิฉันจะรีบไปที่งานให้เร็วที่สุดค่ะ”
ชลนิภาวางสาย ธนกรเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ลูกตัวซวยสร้างปัญหาให้ฉันอีกแล้ว”
ชลนิภาตวัดเสียงใส่ แล้วรีบออกไปจากร้านทันที ธนกรเครียดและเป็นห่วงชนกชนม์
ด้านชนกชนม์วิ่งเพื่อจะกลับไปยังจุดที่วางถุงใส่เครื่องเพชรไว้ สีหน้ากังวลใจ ชนิกานต์วิ่งตามหลังมาเรียกไว้
“ชนกชนม์”
ชนกชนม์หันกลับมา
“ฉันไปช่วยเธอ”
ชนกชนม์รู้สึกดีที่ชนิกานต์ยอมมาช่วย ชนกชนม์และชนิกานต์วิ่งออกไป
สุตาภัญมองไป เห็นณวัตรเครียด และกำลังดูแลกัณฐิกา สุตาภัญจะออกไปช่วยชนกชนม์.เสาวนิตย์ห้ามไว้
“อย่าไปยุ่งกับเขาเลย... คุณพ่อรู้เรื่องจะมีปัญหาอีก”
“ตามีส่วนผิดในเรื่องนี้นะคะ ตาปัดความรับผิดชอบไม่ได้ค่ะคุณแม่”
สุตาภัญรีบออกไปช่วย สุรัมภาก็ตามไป
“ภาไปช่วยด้วยค่ะ”
เสาวนิตย์กังวลใจ กลัวจะมีปัญหาตามมา หากเรื่องถึงหูสุทิน
เจ้าหน้าที่โรงแรมกำลังตอบคำถามชนกชนม์
“ไม่มีใครแจ้งพบกล่องเครื่องเพชรครับ”
ชนกชนม์และชนิกานต์กังวลใจ
ชนกชนม์อธิบาย “มันเอากล่องทิชชู่ใส่แทนกล่องเครื่องเพชร แสดงว่ามันตั้งใจขโมยไป”
ธีรดนย์เข้ามาต่อว่าชนกชนม์
“นายเป็นตัวซวยอย่างที่แม่นายว่าไว้จริงๆ สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน”
ชนิกานต์แหวใส่ “หยุดซ้ำเติมเขาได้แล้ว”
“แล้วมันจริงอย่างที่ฉันพูดไหมล่ะ งานคุณท่านต้องล่ม ทุกคนต้องเดือดร้อนเพราะมันคนเดียว”
ชนกชนม์รู้สึกผิดมากที่ทำให้เกิดเรื่อง สุตาภัญเข้ามาช่วยแก้ต่างให้ชนกชนม์
“ไม่ใช่ความผิดของชนกชนม์หรอก ฉันต่างหากที่ผิด ฉันเป็นคนเผลอวางถุงใส่เครื่องเพชรไว้เอง หากนายจะหาคนผิด คนคนนั้นคือฉันเอง”
ธีรดนย์อึ้งรีบแก้ตัวพัลวัน “ตา....ผมไม่ได้ตั้งใจว่าตานะ คนผิดคือชนกชนม์ เพราะเป็นหน้าที่ของมัน”
ชนิกานต์ตัดบทอย่างรำคาญ “เลิกพูดได้แล้ว แก รีบพาฉันไปแจ้งเจ้าหน้าที่เรื่องเพชรหาย แล้วขอดูกล้องวงจรปิด เผื่อจะช่วยจับโจรได้”
ธีรดนย์อิดออดไม่อยากช่วย แต่จำใจต้องเดินไป ชนิกานต์หันมาบอกชนกชนม์
“เราต้องหาเครื่องเพชรคืนมาให้ได้”
ชนกชนม์ยิ้มรับในน้ำใจ ชนิกานต์เดินตามธีรดนย์ไป
“ฉันขอโทษนะ เป็นเพราะฉันคนเดียว”
“อย่าคิดอย่างนั้นเลย” ชนกชนม์แปลกใจ “ฉันไม่เข้าใจว่ามันหายไปได้ยังไง ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าในถุงนั่นเป็นเครื่องเพชร”
ชยางกูรถือกล่องเครื่องเพชรมา ยิ้มพอใจ
“มันถูกเล่นงานอย่างหนัก ส่วนฉันเอาไปแปรรูปได้เงินหลายล้าน”
ชยางกูรยิ้มพอใจ จะเดินออกไป เจอกับสุรัมภาที่มองมาด้วยความสงสัย
“กล่องอะไร?”
ด้านชนกชนม์อยู่ตรงจุดวางถุงเครื่องเพชร พยายามมองหาแต่ไม่เจอกล่องเครื่องเพชร
สุตาภัญเสนอความคิด “ลองไปถามคุณพ่อนายสิ..เผื่อท่านจะเห็นใครเข้ามาหยิบของในถุง”
ชนกชนม์เห็นด้วยกับความคิดสุตาภัญ
ขณะที่ชยางกูรถือกล่องเดินหนี สุรัมภาเข้ามายื้อ
“กล่องอะไร”
“อย่ามายุ่ง ออกไป”
สุรัมภาไม่ยอม เข้ามากัดมือชยางกูร ชยางกูรเจ็บปล่อยมือ สุรัมภาแย่งกล่องมาได้ เปิดดู
เห็นเครื่องเพชร
“นายขโมยเครื่องเพชร”
ชยางกูรตกใจที่สุรัมภารู้ความระยำของตน
เวลานั้นนัชชาจูงมือนิธิเพื่อกลับไปจากโรงแรม วีรภัทรมองด้วยท่าทีฉงน
“คุณจะไปไหน”
“เราจะกลับบ้านกันค่ะ” นัชชาว่า
วีรภัทรไม่พอใจ “คุณไม่มีเหตุผลเลยนะ”
“เราตกลงกันแล้วไงคะ คุณจะไม่ยุ่งเกี่ยวใดๆ กับครอบครัวนั้นอีก”
ชนกชนม์และสุตาภัญเข้ามาถามวีรภัทรพอดี
“คุณพ่อครับ ผมมีเรื่องจะถามหน่อย”
นัชชาชักสีหน้าไม่พอใจ ที่ชนกชนม์กลับมาหาวีรภัทร
สุรัมภาโวยใส่ชยางกูร
“นายมันชั่วมาก ขโมยเครื่องเพชรหวังให้พี่ชนกชนม์ถูกด่า ฉันจะแฉความชั่วของนาย”
“อย่านะ เธอต้องการค่าปิดปากเท่าไหร่”
“ฉันไม่ต้องการเงินของนายแม้แต่บาทเดียว”
“แล้วทำอย่างนี้เพื่ออะไร”
“ฉันต้องการช่วยให้พี่ชนกชนม์พ้นความผิด....และคนชั่วต้องโดนลงโทษ”
สุรัมภาจะเดินออกไป ชยางกูรตะโกนไล่หลัง
“ถ้าเธออยากเป็นคนดีในสายตาพี่ฉัน เธอต้องร่วมมือกับฉัน”
สุรัมภาแปลกใจ หันกลับมา อยากรู้ว่าชยางกูรมีข้อเสนออะไร?
ชนกชนม์อธิบายความจริงกับวีรภัทร อยู่ที่มุมหนึ่งที่โรงแรม สุตาภัญอยู่ด้วย
“ตอนผมกับสุตาภัญวิ่งเข้าไปช่วยน้องนิธิ ตาเขาเผลอวางถุง แล้วเครื่องเพชรก็หายไปครับ”
วีรภัทรตกใจ “เครื่องเพชรหายไป”
“พวกเธอก็เลยคิดว่าพวกเราขโมยเพชรไป” นัชชาถามเสียงขุ่น
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” สุตาภัญรีบบอก
“ผมเพียงแต่จะถามว่า...”
ชนกชนม์พูดไม่ทันจบนัชชาพูดสวนขึ้น
“ไม่คิดแล้วทำไมมาถามหา....ฉันขอบอกให้รู้ไว้ด้วย..ต่อให้เงินเดือนข้าราชการไม่สูงนัก ไม่ใช่มหาเศรษฐีเครื่องเพชรร้อยล้านพันล้าน พวกฉันก็ไม่เคยคิดขโมยใครกิน”
“ผมขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น”
“รึอีกนัยหนึ่ง เธอกำลังจะโยนความผิดให้พวกฉัน คิดว่านิธิเป็นต้นเหตุทำให้เครื่องเพชรหายไป” นัชชาว่า
ชนกชนม์อธิบาย “ผมเพียงแต่จะถามว่าคุณพ่อเห็นใครหยิบของในถุงไปรึเปล่า เท่านั้นเองครับ”
สุตาภัญเอ่ยขึ้น “หากไม่เห็น หนูก็ขอโทษที่มารบกวนนะคะ”
ชนกชนม์และสุตาภัญจะเดินออกไป
“พ่อไปช่วยหา” วีรภัทรแทรกขึ้น
นัชชาไม่พอใจ “คุณต้องกลับค่ะ”
ชนกชนม์เกรงใจ “ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ.....ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ขณะที่ชนกชนม์จะเดินออกไป วีรภัทรหันมาบอกนัชชา
“ถ้าคุณไม่อยากเข้างานแต่ง ไปรอผมที่บ้านแล้วกัน ผมจะรีบกลับไป”
ชนกชนม์ซึ้งน้ำใจวีรภัทรมากที่ยอมช่วยเหลือ ชนกชนม์และสุตาภัญเดินนำวีรภัทรออกไป
นัชชาโกรธมาก เสียใจที่วีรภัทรไม่ฟังเธอ
อีกมุมหนึ่งของโรงแรม ชยางกูรถือกล่องเครื่องเพชรมาใส่มือสุรัมภา
“เธอเป็นคนที่พบมัน หลังจากที่โจรทิ้งไว้ในถังขยะเพื่อหนีความผิด”
สุรัมภาคืนกล่องเพชร “ฉันไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือเอาตัวรอดของนาย”
“ฉันอยากช่วยเธอต่างหาก....ฉันได้..เธอได้...วินๆทั้งคู่”
ชยางกูรเอากล่องเครื่องเพชรให้สุรัมภา
“พี่ชายฉันเป็นพวกสำนึกในบุญคุณคน มันจะทำให้เธอชนะใจเขาได้”
ชยางกูรโน้มน้าว สุรัมภานิ่งคิดตัดสินใจ
ขณะเดียวกันชนกชนม์ สุตาภัญและวีรภัทรกลับมาที่มุมหนึ่งของโรงแรม ชนิกานต์และธีรดนย์วิ่งเข้ามาอีกมุมหนึ่ง ทั้งสองกลุ่มมาเจอกัน
“เป็นไงบ้าง? ..เห็นใครหยิบกล่องเพชรไปไหม” ชนกชนม์ถามอย่างร้อนใจ
“จุดนั้นมุมอับ ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้” ชนิกานต์ว่า
สุตาภัญเครียด “แล้วจะทำยังไงดี?”
วีรภัทร แนะ “พ่อว่าเราจำเป็นต้องแจ้งตำรวจให้ช่วยแล้วล่ะ”
ชนกชนม์กังวลใจ “ช่วยกันหาอีกหน่อยได้ไหมครับ ผมไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ถึงคุณแม่”
“ไม่ใช่เวลาเล่นซ่อนตา คุณท่านรอเครื่องเพชร งานจะพังเพราะความชุ่ยของนายไม่ได้! ฉันจะเป็นคนโทร.แจ้งตำรวจเอง”
ธีรดนย์โวยใส่ แล้วตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทร.แจ้งตำรวจ จู่ๆ สุรัมภาวิ่งมาที่มุมหนึ่ง ตะโกนบอกชนกชนม์
“พี่ชนกชนม์คะ...ใช่กล่องนี้รึเปล่าคะ”
ชนกชนม์และคนอื่นๆหันกลับไปมอง ชนกชนม์เห็นกล่องเครื่องเพชรก็ยิ้มด้วยความดีใจ
ส่วนนัชชาจูงมือนิธิออกมาเพื่อพากลับบ้าน.
“คุณแม่ครับ...นิธิยังไม่อยากกลับ..นิธิอยากเล่นกับพี่ชนกชนม์” เด็กชายตัวน้อยว่า
“เลิกพูดถึงมันได้แล้ว ลูกจำไว้ด้วย..มันไม่ใช่พี่ของลูก” นัชชาโมโห
“ครับ”
นิธิหน้าเสีย นัชชาจะจูงมือนิธิออกไป แต่แล้วหยุดมองไปที่มุมหนึ่ง
เห็นชลนิภาเดินลิ่วๆ นำเข้าไปยังโรงแรม ธนกรเดินตามหลัง นัชชามองด้วยความแปลกใจ และไม่พอใจ
สุรัมภายื่นกล่องเพชรให้ชนกชนม์ ชนกชนม์รับมาเปิดดู เห็นเครื่องเพชรชุดแต่งงานอยู่ในกล่อง ทุกคนดีใจที่ได้เครื่องเพชรคืนมา
“ภาช่วยตามหาที่ด้านหลังโรงแรมค่ะ ภาเห็นผู้ชายคนหนึ่งท่าทีมีพิรุธ พอเขาเห็นภา..เขาก็ตกใจรีบโยนกล่องทิ้งที่สวนดอกไม้” สุรัมภาเล่า
“ภาเรียกรปภ.ให้ตามรึยัง”
“ภาไม่ทันได้เรียกค่ะ...ภาเป็นห่วงพี่ชนกชนม์ ก็เลยรีบเอากล่องเพชรมาให้”
“ขอบใจมากนะ พี่ขอบใจภาจริงๆ”
ชนกชนม์เข้าไปจับมือขอบใจสุรัมภาด้วยความซาบซึ้ง สุรัมภารู้สึกดีมากยิ้มหน้าบานชนิกานต์มองตาขวาง
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 5