ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 2
สุตาภัญพยายามปฏิเสธและอธิบายให้ผู้เป็นพ่อฟัง
“ตาไม่ได้โกหกนะคะ ตาไปแสดงละครที่สลัม เพิ่งกลับมา”
“เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดการโกหกมากที่สุด ฉันจะตีเธอให้ตายจนกว่าเธอจะพูดความจริง”
สุทินฟาดไม้เรียวตีสุตาภัญไม่ยั้ง เสาวนิตย์ผู้เป็นแม่ยืนมองจนทนไม่ได้ รีบเข้ามาบอกสุตาภัญ
“บอกความจริงคุณพ่อเถอะลูก แม่ขอร้องล่ะ”
สุตาภัญสงสารเสาวนิตย์ จึงรีบบอกสุทิน
“ตายอมบอกแล้วค่ะ”
สุทินหยุดตี รอฟังคำตอบสุตาภัญ
“หลังจากแสดงละครเสร็จ ตาไป...”
สุทินและเสาวนิตย์รอฟังความจริงจากปากลูกสาว
“ติวหนังสือให้ชนิกานต์กับธีรดนย์ที่บ้านค่ะ”
สุทินยิ้มให้สุตาภัญ....แล้วมองไปที่มุมหนึ่ง เห็นชนิกานต์และธีรดนย์เดินออกมาจากมุมนั้นของบ้าน
สุตาภัญตกใจที่ชนิกานต์และธีรดนย์อยู่ที่นี่
“กานต์ ธี”
ชนิกานต์บอกเสียงอ่อยๆ “คุณพ่อเธอไปรับเธอที่มหาลัย พอไม่เจอเธอ ก็คาดคั้นจากพวกเรา!”
ธีรดนย์เสริม “พวกเราตอบไม่ได้ว่าตาไปไหน? ท่านก็พาเรามาที่นี่”
สุทินตาวาววับ “ในที่สุดเธอก็โกหกฉันอย่างหน้าตาย สุตาภัญ!”
สุตาภัญฮึดฮัด “คุณพ่อไม่ควรทำอย่างนี้กับเพื่อนตา เพื่อนตาไม่ใช่ลูกน้องคุณพ่อที่จะสั่งซ้ายหันขวาหัน!”
สุทินไม่ใส่ใจ “ทุกคนที่อยู่ในชีวิตเธอต้องอยู่ในการควบคุมของฉัน” แล้วหันไปบอกชนิกานต์ กับธีรดนย์เสียงแข็ง “ถ้าพวกเธอไม่พอใจ ก็ไม่ต้องคบลูกสาวฉัน!”
ธีรดนย์รีบออกตัว “ผมยินดีที่จะเป็นเพื่อนตาครับ”
สุทินสวนออกมา “ฉันไม่ต้องการคำตอบ ฉันแค่บอกให้รู้บทบาทของพวกเธอ”
“ค่ะ” ชนิกานต์รับคำ
สุทินหันมาเล่นงานสุตาภัญต่อ
“สุตาภัญเธอไปไหน? ไปทำอะไร? รึไปหาผู้ชาย?”
สุตาภัญตกใจ และเสียใจที่สุทินตราหน้าดูถูกเธอต่อหน้าเพื่อนๆ
เวลาเดียวกันนั้น ชนกชนม์เดินเข้ามาในบ้าน...เจอธนกรที่รออยู่ตรงห้องโถงใหญ่
“ชนกชนม์...อาขอโทษแทนชยางกูรด้วยที่ก้าวร้าวเธอ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองที่ทำตัวไม่ดีอย่างที่น้องพูด”
“อย่าโทษตัวเองเลย อาเชื่อว่าเธอไม่ใช่คนอย่างนั้น” ธนกรรีบบอก “คุณแม่สั่งว่าถ้าเธอกลับมา ให้เข้าไปหา”
ชนกชนม์แปลกใจ
“คุณแม่คงอยากจะขอโทษที่พูดจาไม่ดีกับเธอ....ไปสิ..อาพาไป”
“ครับ”
ชนกชนม์ยิ้มรับ...รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง คิดว่าชลนิภาคงจะให้อภัยเขาแล้ว
ทางด้านสุทินยังคงคาดคั้นสุตาภัญอย่างหนัก
“ตอบฉันมา..เธอไปมั่วสุมกับผู้ชายที่ไหน”
สุตาภัญเสียใจที่สุทินยังคง ตราหน้าว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่าย จึงประชดกลับ
“ได้ค่ะ...ในเมื่อคุณพ่ออยากรู้ความจริง ตาก็จะเล่าให้ฟังอย่างละเอียด”
ธีรดนย์ ชนิกานต์ และเสาวนิตย์อยากรู้ความจริง ต่างรอฟัง
“ตาไปหาแฟนมาค่ะ” สุตาภัญบอก
ทุกคนต่างตกใจกับคำพูดของสุตาภัญ
“ตา” ชนิกานต์ร้องอุทาน
“ทุกเย็นหลังเลิกเรียนเรานัดเจอกันที่สะพานพุทธ แฟนตากับเพื่อนๆ รวมกลุ่มกันที่นั่น..แล้วเราจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปทุกที่ที่เราต้องการ” สุตาภัญบอกสิ่งที่พ่ออยากฟัง!
ชนิกานต์ตกใจ “ตา..เธอพูดอะไรของเธอ”
“มันสนุกจริงๆ นะกานต์ เธอต้องลองสักครั้ง นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ให้ลมตีหน้า มันรู้สึกสดชื่นมาก”
สุทินมองลูกสาวด้วยดวงตาวาววับ ความโกรธพุ่งมาเป็นริ้วๆ ด้วยความไม่พอใจ
เสาวนิตย์รีบห้าม “ลูกหยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว”
สุตาภัญเล่าให้พ่อฟังต่อเป็นคุ้งเป็นแคว “วันนี้ที่ตาหายไปจากมหาลัย เพราะตาไปหาแฟนที่โรงพักค่ะ เขาโดนจับข้อหาไม่มีใบขับขี่ แต่งรถ ขับขี่เร็วเกินกำหนด ตาต้องไปประกันตัวเขา...”
สุตาภัญเล่าไม่ทันจบ สุทินตบหน้าฉาดใหญ่ตวาดลั่น
“หยุดได้แล้ว”
สุตาภัญร่างสั่นสะท้านแต่ไม่ยอมหยุด “ตายังเล่าไม่ตบเลยค่ะ ว่าเราคบกันนานแค่ไหน เคยมีอะไรกันกี่ครั้ง...”
สุตาภัญจะพูดต่อ..สุทินทะยานเข้ามาตบหน้าไม่ยั้ง เสาวนิตย์ร้องไห้เข้ามาห้าม
“พอเถอะค่ะคุณ...ลูกหยุดพูดได้แล้ว”
สุตาภัญถูกตบหน้าจนร้องไห้ออกมา เสาวนิตย์เข้าไปกอดสุตาภัญ
“ตา”
ธีรดนย์ครางอย่างเป็นห่วง และอยากเข้าไปดูแล แต่สุทินมองตาขวาง ชนิกานต์รั้งตัวธีรดนย์ไว้ ยกมือไหว้ลา ชิงหนีออกไปจากสถานการณ์มาคุนี้ทันที
“หนูขอตัวกลับก่อนค่ะ”
ชนิกานต์ยกมือไหว้ ธีรดนย์ยังไม่ขยับเพราะห่วงสุตาภัญ จนชนิกานต์ต้องลากตัวธีรดนย์ออกไปทันที
สองคนเดินออกมาที่หน้าบ้านสุตาภัญแล้ว ธีรดนย์ฮึดฮัดโพล่งขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจ
“เธอไม่ห่วงตาบ้างรึไง”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเหอะ ยัยตานะยัยตา ไม่น่าทำตัวเหลวแหลก”
ธีรดนย์ผิดหวังในตัวชนิกานต์ “เธอเชื่อที่ตาพูด”
“เอ้า..ก็ยัยตาเป็นคนสารภาพเองนี่”
ธีรดนย์ฉุน “เธอเป็นเพื่อนประสาอะไร ไม่รู้ว่าตาสร้างเรื่องประชดพ่อเขา”
ชนิกานต์อึ้ง “ไม่ต้องมาหลอกด่าฉัน ฉันรู้น่า..” แล้วย้อนด่าเอาคืนธีรดนย์ “ถ้ายัยตามีแฟนจริงๆ ฉันจะสะใจมาก แกจะได้เลิกหวังลมๆแล้งๆ ลูกขี้ข้ากับลูกนายทหารใหญ่ มันคนละชั้นกัน!”
ชนิกานต์ต่อว่าธีรดนย์แล้วเดินไปที่รถ ธีรดนย์หันกลับไปมอง คาใจสงสัยเรื่องสุตาภัญหายตัวไปเช่นกัน
“ตาไปไหนมา”
ชนกชนม์เดินเข้ามาในห้องนอนชลนิภา พร้อมกับธนกร
“คุณแม่มีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ”
ชยางกูรกำลังบีบนวดชลนิภา ซึ่งนั่งอยู่โซฟาตัวใหญ่ในห้อง
ชลนิภาบอกธนกร “คุณออกไปก่อน”
ธนกรคิดว่าชลนิภาคงอยากคุยส่วนตัวตามประสาแม่ลูก หันไปบอกชยางกูร
“ชยางกูรออกไปกับพ่อ”
ชยางกูรจะออกไป แต่ชลนิภาห้ามไว้
“ลูกกูรอยู่นี่”
ชยางกูรแปลกใจ แต่ก็แอบยิ้มพอใจที่ชลนิภาเอาใจเขา ธนกรแม้จะแปลกใจ แต่ก็เดินออกไป
ชลนิภา เดินมาหาชนกชนม์ พูดเสียงขุ่น “ฉันถือว่าสิ่งที่แกทำวันนี้ มันเลวร้าย..เกินกว่าจะให้อภัย!”
ชนกชนม์ก้มกราบชลนิภา “ผมกราบขอโทษคุณแม่ด้วยครับ ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว”
“ดี!ที่แกรู้สำนึก แต่ผิดก็ต้องเป็นผิด ฉันต้องลงโทษให้แกหลาบจำ และไม่เป็นเยี่ยงอย่างให้น้อง” ชลนิภาหันไปบอกชยางกูร “ลูกกูรไปเอาไม้เรียวมา!”
“ครับ” ชยางกูรยิ้มรับ แล้วเดินไปหยิบไม้เรียว..มาส่งให้ชลนิภา
“ผมขอยืนยันอีกครั้ง...ผมไม่มีความคิดจะทำชั่ว หรือทำให้คุณแม่เดือดร้อน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว..ผมยอมรับการลงโทษครับ”
ชนกชนม์ยืนยืดตัวตรง พร้อมให้ชลนิภาลงโทษเขา
“แกเป็นพี่ แต่ไม่สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องได้ ฉันก็จะให้น้องเป็นคนลงโทษแก” ชลนิภาว่า
ชนกชนม์ตกใจ “อะไรนะครับ”
“ลูกกูรเป็นเด็กดี เป็นลูกที่ดี เขามีสิทธิ์ที่จะลงโทษสั่งสอนพี่ชายที่ไร้สำนึก คนดีเท่านั้นที่สามารถควบคุมคนเลวได้”
ชนกชนม์อึ้ง ส่วนชยางกูรจ้องมองพี่ชายต่างบิดาด้วยความสะใจ
ส่วนสุตาภัญพูดจายอกย้อนกับสุทินต่อ
“คุณพ่ออยากรู้เรื่องอะไรอีกคะ รึคุณพ่ออยากฟังจากปากแฟนตา ตาจะโทรให้แฟนมาไหว้คุณพ่อ แต่ตอนนี้คงจะไม่ได้ค่ะ เขากำลังแข่งรถ!”
สุทินหักไม้เรียวทิ้ง...จ้องมองสุตาภัญราวกับจะกลืนกิน
“สุตาภัญ เธอต้องการอะไร”
“ตาก็พูดในสิ่งที่คุณพ่ออยากฟังไงคะ คุณพ่อตราหน้าว่าตาเป็นผู้หญิงไม่รักดี!”
“ถ้าไม่จริงอย่างที่ฉันพูด มันจะเกิดเรื่องได้ยังไง”
สุทินขุดคุ้ยเรื่องในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง
กลางดึกคืนนั้นสุตาภัญถือกระเป๋าเดินมาในซอยเข้าบ้านหลังเก่า เธอเพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัย...เดินมาเจอวิทย์ นักเลงประจำซอย
“น้องตากลับมาซะค่ำเชียว พี่ไปส่งนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ...ตากลับเองได้”
สุตาภัญรู้สึกไม่ไว้ใจ จะเดินหนี แต่วิทย์จับแขนไว้
“ไม่ต้องเกรงใจ บ้านใกล้กันกลับด้วยกัน”
“ปล่อยตาค่ะ”
สุตาภัญเริ่มกลัว และดิ้นหนีจากวิทย์ แต่เห็นพงษ์นักเลงอีกคนเข้ามาดักไว้ สุตาภัญเริ่มตกใจกลัว จะวิ่งหนี แต่ชายทั้งสองเข้ามาจับตัวไว้ เพื่อลากไปข่มขืน
“ช่วยด้วยค่ะ”
วิทย์กับพงษ์เข้ามาจับปิดปากเตรียมจะลากไป
จังหวะนั้นรถของสุทินวิ่งเข้ามาจอด....สุทินลงจากรถ ยิงปืนขู่ วิทย์กับพงษ์รีบวิ่งหนีเตลิดไป สุตาภัญวิ่งเข้าไปกอดเสาวนิตย์ด้วยความตกใจกลัว
เหตุการณ์วันนั้นสุทินต่อว่าโทษเป็นความผิดของสุตาภัญ
“ถ้าเธอไม่อ่อยหรือให้ท่า มันคงไม่คิดจะ”
สุตาภัญสวนขึ้นเสียงดัง “ตาต้องบอกคุณพ่อกี่ร้อยครั้งว่าตาไม่เคยทำอย่างนั้น คุณพ่อถึงจะเชื่อตา”
เสาวนิตย์ปรามสุทิน “คุณคะอย่าพูดถึงอดีตอีกเลย ไหนๆ เราก็ย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว สังคมรอบข้างดีขึ้น ชีวิตลูกก็ต้องดีขึ้น”
“ต่อให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่สันดานใจง่ายเหมือนเดิม มันก็มีแต่แย่ลง”
สุตาภัญเสียใจ “คุณพ่อ”
“ต่อไปนี้..ไม่ว่าเธอจะไปไหน ทำอะไร เธอต้องอยู่ในสายตาฉัน!”
สุทินพูดจบก็เดินออกไป สุตาภัญร้องไห้ที่ถูกพ่อนายทหารบังคับตลอดเวลา
เสาวนิตย์กอดปลอบโยนและขอร้องสุตาภัญ
“แม่ขอเถอะ เลิกเถียง เลิกประชดคุณพ่อ ยอมรับฟังและทำตามที่คุณพ่อบอก ทุกอย่างจะดีขึ้น”
สุตาภัญย้อนกลับ “ตาต้องยอมเหมือนที่คุณแม่ยอมมาทั้งชีวิตเหรอคะ”
เสาวนิตย์ฟังคำนี้ก็สะเทือนใจ...น้ำตาซึม
สุตาภัญรู้สึกผิด “ตาขอโทษค่ะแม่”
สองแม่ลูกกอดกันกลมร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา สุตาภัญสงสารเสาวนิตย์ผู้เป็นแม่จับใจ
ฟากชนกชนม์ยืนจ้องมองชยางกูรที่ถือไม้เรียวเดินเข้ามาหา
ชลนิภาบอกต่อ “ลูกกูรลงโทษจนกว่าพี่แกจะสำนึก แม่จะออกไปไหว้พระที่ห้องพระ”
ชยางกูรรับคำ “ครับคุณแม่”
ชลนิภาจ้องมองชนกชนม์ แล้วเบนหน้าหนีก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ชยางกูรถือไม้เรียวเข้ามาหาชนกชนม์
“ฉันจะลงโทษแกให้สาสม..” ชยางกูรฟาดไม้เรียวไม่ยั้ง พร้อมด่าชนกชนม์ “แกควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้ฉัน...ไม่ใช่ทำตัวเลวอย่างที่เป็น”
ชยางกูรฟาดไม่เรียวใส่ไม่ยั้งอย่างเต็มแรง ชนกชนม์เจ็บ แต่ก็ยอมทน ชยางกูรพ่นต่อ
“จำให้ขึ้นใจด้วย....ฉันคือลูกรักของคุณแม่ ไม่มีวันที่แกจะได้ดีไปกว่าฉัน ไอ้ลูกนอกคอก!”
ชยางกูรพูดไป ตีชนกชนม์ไปไม่ยั้ง ชยางกูรตี อีก แต่ถูกชนกชนม์จับไม้เรียวไว้ แล้วถาม“ชยางกูร...ฉันทำอะไรให้นาย นายถึงเกลียดฉันนัก”
ชนกชนม์คาดคั้นความรู้สึกจากชยางกูร
“แกลืมไปแล้วเหรอ ว่าแกทำอะไรไว้”
ชนกชนม์มองน้องชายต่างบิดาด้วยความแปลกใจ
วันนั้นในอดีต ที่ห้องนั่งเล่นภายในคฤหาสน์ ช่วงตอนกลางวัน ชลนิภาเปิดดูสมุดผลการเรียนของเด็กชายชยางกูร
“เก่งจังลูกแม่ ได้สามได้สี่เกือบทุกวิชาเลย”
ชยางกูร “กูรขอโทษครับ ที่กูรไม่ได้ที่หนึ่ง”
“แค่นี้ก็เก่งที่สุดแล้วล่ะ คนดีของแม่ต้องได้รางวัล
ชลนิภากอดจูบชยางกูร ชยางกูรยิ้มพอใจ
ธนกรเดินเข้ามาพร้อมชนกชนม์ ชื่นชมชนกชนม์มาก
“คุณ...ชนกชนม์สอบได้สี่หมด แถมยังเป็นที่หนึ่งของระดับชั้นด้วย”
ชยางกูรไม่พอใจทันที ชลนิภาเห็นชยางกูรหน้าเสียก็ไม่พอใจสามี
ชนกชนม์ยิ้มดีใจ ถือสมุดยื่นให้ชลนิภา
“คุณแม่เคยสัญญาว่าใครสอบได้คะแนนดี คุณแม่จะมีรางวัลให้”
ชยางกูรไม่พอใจ ปาสมุดของตัวเองแล้ววิ่งออกไป ชลนิภาสงสารชยางกูร..ดึงสมุดของชนกชนม์มาฉีกทิ้งต่อหน้า
“เพราะแกคนเดียวทำให้น้องเสียใจ...”
ชลนิภาปาสมุดใส่หน้าชนกชนม์อย่างฉุนเฉียว
อีกเหตุการณ์หนึ่ง วันนั้นขณะที่ธนกรนั่งอยู่ในห้องโถงคฤหาสน์ ก็แปลกใจที่เห็นครูจากโรงเรียนชยากรมาหาที่บ้าน
“ดิฉันจะมาแจ้งเรื่องเกี่ยวกับชยางกูรค่ะ”
เด็กชายชยางกูรยืนฟังที่มุมหนึ่ง เห็นเด็กชายชนกชนม์เดินเข้ามา ชยางกูรหันไปเย้ยชนกชนม์
“คุณครูมาบอกคุณพ่อว่าฉันได้เป็นนักเรียนดีเด่นปีนี้”
ครูท่านนั้นบอกธนกร “คุณชลนิภาเสนอให้ชยางกูรรับรางวัลนักเรียนดีเด่น แต่ชยางกูรมักทะเลาะกับเพื่อนๆ และเกเรมาก ท่านผอ. จึงไม่อนุมัติเรื่องนี้ค่ะ”
เด็กชายชยางกูรไม่พอใจ กำมือแน่น
ธนกรพยักหน้า “ครับ ผมเข้าใจ”
จากนั้นครูก็หันมาชื่นชมเด็กชายชนกชนม์แทน “แต่ท่านผอ.ให้ชนกชนม์ เป็นนักเรียนดีเด่นแทนค่ะ เพราะชนกชนม์เป็นนักเรียนเรียนดีและมีน้ำใจมากค่ะ”
ชนกชนม์ได้ฟังก็ยิ้มพอใจ แต่สงสารชยางกูร
ชยางกูรโกรธชนกชนม์มาก ที่ชนกชนม์ดีกว่า เก่งกว่าเขาทุกอย่าง
ชยางกูรดึงตัวเองกลับมา และต่อว่าชนกชนม์
“แกทำอะไรก็ได้ดีมีคนชม แกไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง”
“มันไม่ใช่ความผิดของฉันเลย ถ้านายอยากเก่งอยากดี นายก็ทำได้ด้วยตัวนาย”
“ฉันจะเก่งและดีได้ไง เมื่อฉันกลายเป็นคนเดินตามรอยเท้าแก แต่วันนี้....ฉันจะใช้ความรักที่แม่มีต่อฉัน เป็นอาวุธทำร้ายแก”
พูดจบชยางกูรฟาดไม้เรียวใส่ชนกชนม์อีก ชนกชนม์จับไม้เรียวไว้ ชยางกูรตกใจ
“แกคิดจะสู้ฉันเหรอ ฉันจะฟ้องคุณแม่” ชยางกูรขู่
“ไม่ว่านายทำร้ายฉันยังไง ฉันจะไม่โกรธนาย เพราะนายเป็นน้องของฉัน”
ชยางกูรแปลกใจ ประหลาดใจ
“ฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่า ฉันเป็นลูกที่ดี และฉันจะทำให้นายรักฉัน”
ชยางกูรหัวเราะแค่นๆ ออกมา “แกเลิกเพ้อฝันได้เลย.. แกจะไม่มีวันนั้น เพราะฉันจะศัตรูหมายเลขหนึ่งของแก!”
ชยางกูรฟาดไม้เรียวไม่ยั้ง...ชนกชนม์ยอมทนเจ็บปวด ชยางกูรฟาดจนไม้เรียวหัก
ชยางกูรเจ็บใจ เดินออกไปจากห้อง ชนกชนม์หันไปบอกชยางกูร
“ฉันจะถือว่าสิ่งที่นายตีฉัน เป็นการสั่งสอนให้ฉันมีสติ และมันจะตอกย้ำให้ฉันทำดีและรักนายให้มากขึ้น!”
นอกจากจะไม่ซึ้งแล้วชยางกูรยิ่งเกลียดชังชนกชนม์มากขึ้น เดินออกไปจากห้อง
ชนกชนม์เจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์ แต่เขากลับมีพลังที่จะสู้เพื่อชนะใจทุกคนให้ได้
ตกกลางคืนสุตาภัญนั่งอยู่คนเดียวตรงมุมในสวนหน้าบ้าน และกำลังทายาหม่องที่แผลซึ่งโดนพ่อตี
“โอ๊ย..เจ็บ...”
สุตาภัญเจ็บแสบจนต้องร้องออกมา แต่ยังฝืนทายาต่อ แต่แล้วจังหวะนั้นเธอก็มองเห็นเงาใครบางคน ปีนกำแพงเข้ามาในบ้าน ร่างนั้นร่วงตกลงมาดังตุ๊บ
สุตาภัญตกใจ “โจร!”
ครู่ต่อมาสุตาภัญถือไม้ เดินตรง..มายังบริเวณกำแพง ร่างของใครคนนั้นกำลังจะลุกขึ้นมาแล้ว สุตาภัญเงื้อไม้ในมือจะฟาดใส่
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”
ที่แท้เป็นชนกชนม์ซึ่งเงยหน้าร้องห้ามสุตาภัญ
“อย่า...ฉันเอง!”
สุตาภัญมองเห็นเป็นชนกชนม์ก็แปลกใจ
“นาย! มาทำอะไรที่นี่”
ชนกชนม์ลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัว แล้วยิ้มให้สุตาภัญขณะบอก “ก็มาหาเธอไง บ้านเราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน”
สุตาภัญยิ่งแปลกใจ “เอ้าเหรอ..ไม่เคยบอกฉันเลย”
“ก็อยากเซอร์ไพร้ส์ แต่เซอร์ไพร้ส์สุดๆ ตกมาดังตุ๊บ” เด็กหนุ่มพูดแซวขำๆ
“แล้วทำไมไม่กดกริ่งเรียกล่ะ”
“มีลูกสาวสวยน่ารักอย่างเธอ...คุณพ่อต้องพกปืนไว้แน่..ปัง”
ชนกชนม์ทำท่าโดนยิงปืน แล้วแลบลิ้นแกล้งตาย....สุตาภัญขำ
“ฉันตกใจแทบแย่....ห้ามทำอย่างนี้อีกนะ!”
สุตาภัญจิ้มโดนแผลที่โดนชยางกูรตี..ชนกชนม์ร้องเสียงหลง
“โอ๊ย”
“เป็นอะไรอ่ะ”
สุตาภัญตกใจ เพ่งมองดู จึงเห็นรอยไม้เรียวตามแขนขาของชนกชนม์ สุตาภัญสงสัยอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
สุตาภัญเดินนำชนกชนม์มาที่โต๊ะมุมสวน..บ่นเรื่องชลนิภาและชยางกูร หลังฟังเรื่องราวจบ
“คุณแม่นายไม่น่าทำอย่างนี้เลย...เท่ากับส่งเสริมให้น้องชายไม่เคารพพี่ชาย” แล้วสุตาภัญก็นึกได้ว่ากำลังว่าแม่ชนกชนม์ “อุ๊ย..ขอโทษนะที่ตาเผลอตำหนิคุณแม่นาย”
ชนกชนม์ยิ้มรับ “ไม่เป็นไรหรอก ...พูดไปหมดแล้วนี่...” เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง “เมื่อกี้นั่งทำอะไรอยู่?” มองไปเห็นยาหม่องพอดี “ยาหม่อง...เป็นอะไร?”
สุตาภัญอึ้ง ไม่อยากตอบว่าโดนตีเหมือนกัน...ชนกชนม์ชิงตอบ
“ฉันรู้แล้ว...เธอเตรียมไว้ให้ฉันใช่มั้ย”
สุตาภัญอึ้ง ก่อนจะพยักหน้ารับสมอ้าง “ใช่....นายเคยช่วยชีวิตสโนไวท์ สโนไวท์ก็ต้องตอบแทน...มานั่งสิ...ฉันทายาให้”
ชนกชนม์นั่งที่เก้าอี้...สุตาภัญนั่งลงที่พื้นหญ้า ชนกชนม์รู้สึกตกใจ
“ไม่ต้อง..ฉันทาเอง”
สุตาภัญปัดมือออก “ไม่ต้องยุ่งน่า”
สุตาภัญทายาหม่องที่ขาให้ ชนกชนม์มองประทับสุตาภัญ นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาของเขาและเธอ
เหตุการณ์ที่หน้าผับตอนเจอกันครั้งแรก สุตาภัญพยายามจะเข้าไป แต่ถูกวัยรุ่นเบียด ทำให้สุตาภัญเซไปด้านหลัง ทำท่าจะล้ม...แต่แล้วมีชายคนหนึ่งเข้ามาประคองไว้ สุตาภัญเงยหน้ามอง...เห็นชนกชนม์มาช่วยประคองสุตาภัญไว้..โดยมีช่อดอกกุหลาบคั่นไว้กลางใจทั้งสอง
ทั้งสองคนตกอยู่ในภวังค์....ชนกชนม์ยิ้มให้สุตาภัญ รู้สึกถูกชะตา
ชนกชนม์ดึงตัวเองกลับมายังคงจ้องมองสุตาภัญ..ที่ทายาให้เขานิ่งอยู่อย่างนั้น พร้อมๆ กับภาพตอนเล่นละครสโนว์ไวท์ผุดขึ้นมา
ชนกชนม์ในชุดเจ้าชายมองยังร่างสุตาภัญในชุดสโนว์ไวท์...แล้วอึ้ง ไม่กล้าจูบ สุตาภัญมองชนกชนม์สีหน้ากังวลใจ ว่าชนกชนม์จะทำอะไร
จังหวะนั้นสารวัตรและจ่าเดินเข้ามาด้านหน้าของศูนย์ มองตรงไปยังเวทีการแสดง พอชนกชนม์มองเห็นสารวัตรและจ่ากำลังมองตรงมา จึงตัดสินใจก้มลงจูบสุตาภัญทันที! สุตาภัญอึ้ง และตกใจ...ที่ถูกจูบ
นึกขึ้นมาแล้วชนกชนม์ก็ยิ้ม มองสุตาภัญที่ทายาให้อยู่อย่างนั้น...เช่นเดียวกันสุตาภัญคิดถึงเหตุการณ์ที่ชนกชนม์ช่วยชีวิตเธอไว้ที่ลานแข่งรถในสวนรถไฟ
ตอนนั้นสุตาภัญพยายามเรียกหาเพื่อน แต่กลุ่มมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนเข้ามา ตัดหน้าตัดหลัง..หนีการไล่ล่าของตำรวจ.....มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอด จะรับสุตาภัญ
“น้องขึ้นรถ”
สุตาภัญรู้สึกกลัว ชายคนนั้นเข้ามาคว้ามือให้ขึ้นรถ
“ไปสนุกต่อด้วยกัน”
จังหวะนั้นชนกชนม์เข้ามาผลักชายคนนั้นออก แล้วพาสุตาภัญวิ่งออกไป
“ตามฉันมา”
ชนกชนม์จับมือสุตาภัญวิ่งหนีไปที่รถ ท่ามกลางความวุ่นวายของมอเตอร์ไซค์ ที่หนีตำรวจโกลาหล
สุตาภัญดึงตัวเองกลับมา ทายาหม่องให้ชนกชนม์ต่อ ชนกชนม์จับมือไว้
“พอเถอะ....ขอบใจมากนะ”
สุตาภัญยิ้มให้ชนกชนม์ ทั้งสองรู้สึกดีต่อกัน สุตาภัญรู้ตัวเอามือออก
“ดึกแล้ว...กลับไปได้แล้วล่ะ”
“ครับ...”
ชนกชนม์จะเดินไปยังประตูหน้าบ้าน
“ออกทางประตู...ไม่กลัวพ่อฉันยิงรึไง!” สุตาภัญสัพยอก
“แล้วจะให้ฉันกลับทางไหนล่ะ”
สุตาภัญยิ้มขำ....รู้ว่าจะให้ชนกชนม์กลับไปทางไหน?
เวลาต่อมาชนกชนม์กำลังปีนขึ้นไปนั่งพักที่ขอบกำแพง พร้อมกับบ่นงึมงำ
“คนบ้านนี้ใจร้ายจัง”
“มาทางไหนก็ต้องไปทางนั้น”
“ไปแล้วนะ.....ขอบใจอีกครั้งนะ”
สุตาภัญยิ้มรับ
ชนกชนม์ทำท่าจะกระโดดลงไป แต่หันกลับมาบอก “ขอบใจนะ”
สุตาภัญขำ “รู้แล้ว”
“ขอบใจจริงๆ นะ”
ชนกชนม์ยื้อเวลาไว้ สุตาภัญจึงผลักชนกชนม์ให้ลงไปจากกำแพง
“ไปได้แล้ว”
ชนกชนม์เสียหลักตกลงไปจากกำแพง....เสียงดังตุ๊บใหญ่
ชนกชนม์ลุกขึ้นมายืนพูดกับกำแพง
“ที่ฉันมานี่..ฉันจะมาบอกเธอว่า...”
สุตาภัญได้ยินก็อยากรู้...ยืนพิงกำแพงรอฟัง
“ฉันจะทำตามคำแนะนำของเธอ...ฉันจะทำให้คุณแม่ภูมิใจในตัวฉัน”
สุตาภัญยิ้มรับ
“ขอให้เธอเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ”
สุตาภัญยิ้มอย่างมีความสุข
ชนกชนม์ยิ้มให้สุตาภัญผ่านกำแพง แล้วเดินออกไปด้วยความสุขใจ
สุตาภัญพูดกับตัวเอง “ปัญหาของเราไม่เหมือนกัน...แต่ความทุกข์ใจก็ไม่ต่างกัน...” เด็กสาวหันกลับไปทางที่ชนกชนม์เดินออกไปบอกอย่างมุ่งมั่น
“ฉันบอกให้นายสู้...แล้วฉันจะถอยได้ไง เราจะสู้ไปด้วยกันนะ...ชนกชนม์”
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 2
ชนิกานต์ก้าวลงจากรถ กำลังเดินเข้ามายังตึกใหญ่ และคุยโทรศัพท์อยู่กับสุตาภัญ ส่วนธีรดนย์ขับรถเข้าไปที่โรงจอด
“ตา...เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันโอเค..แล้วเธอล่ะ...ถึงบ้านแล้วเหรอ?”
“ไม่ต้องสนใจฉันเลย บอกมานะ..เธอไปไหน? ไปทำอะไร?ฉันเป็นเพื่อนรักเธอ...ห้ามโกหก"
สุตาภัญอยู่ในห้องนอนคุยโทรศัพท์กับชนิกานต์ซึ่งอยู่หน้าบ้านแล้ว
“จ้ะ....ฉันบอกก็ได้...คือว่าฉัน...”
สุตาภัญจะเล่าความจริง
ชนิกานต์กำลังรอฟัง แต่แล้วพอมองเข้าไปในบ้าน...ก็มีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันควัน รีบบอกสุตาภัญ
“แค่นี้ก่อนนะ” แล้วตัดสายทิ้งทันที
สุตาภัญแปลกใจ
“เอ้า...ตัดสายไปซะดื้อๆ มีอะไรรึเปล่า?”
ชนิกานต์รีบเร่งเดินเข้าไปในบ้าน ด้วยอารมณ์โกรธ ธีรดนย์เดินเข้ามา มองด้วยความแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ธีรดนย์มองไปยังหน้าบ้าน...เห็นรองเท้าส้นสูงสีแสบตาวางอยู่ จึงเงยหน้าขึ้นมองไปยังตำแหน่งห้องนอนของณวัตร เมื่อเห็นไฟเปิดอยู่ รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ชนิกานต์ผลักประตูห้องนอนณวัตรผู้เป็นพ่อ กัณฐิกากำลังใส่เสื้อผ้าก็อุทานด้วยความตกใจ..
“อุ๊ย หนูควรแคะประตูห้องก่อนนะ... ฉันยังแต่งตัวไม่เสร็จ”
ชนิกานต์เดินตรงเข้ามา ควักเงินสองพันยื่นให้กัณฐิกา
“สองพัน!”
กัณฐิกาฉงน “เงินค่าอะไรคะ?”
ชนิกานต์พูดตอกหน้า “ค่าตัวเธอไง ไม่พอเหรอ คงรับจ๊อบไซด์ไลน์” ควักเงินเพิ่มให้อีกพัน “ฉันเพิ่มให้อีกพัน แล้วรีบไปซะ”
กัณฐิกาแสร้งทำเป็นงง “หนูพูดอะไร? ฉันไม่เข้าใจ”
“ฉันชื่อชนิกานต์ เป็นลูกสาวผู้ชายที่เธอเพิ่งนอนด้วย หมดหน้าที่บำเรอความสุขให้คุณพ่อฉันแล้ว...ไปได้แล้ว!”
ระหว่างนั้น ณวัตรกำลังแต่งตัวใส่เสื้อผ้าเดินออกมาจากมุมห้องน้ำ
“ลูกพูดอย่างนั้นไม่ได้นะชนิกานต์..ลูกต้องให้เกียรติ…”
ณวัตรพูดไม่ทันจบชนิกานต์สวนขึ้นมา “ทำไมต้องให้เกียรติด้วยคะ ก็แค่ผู้หญิงขายตัวแลกเงิน ได้เงินแล้วก็จบ!”
“ลูกกำลังเข้าใจผิด คุณกัณฐิกาเป็นผู้หญิงของพ่อ เรากำลังจะแต่งงานกัน”
ชนิกานต์ตะลึงตกใจมาก “อะไรนะคะ”
กัณฐิกายิ้มเยื้อน “ขอแนะนำตัวอีกทีนะจ๊ะ....ฉันชื่อกัณฐิกา.. เรียกฉันคุณน้าก็ได้จ้ะ...” พลางเดินเข้ามาจับเนื้อตัวชนิกานต์ “ได้ยินคุณณวัตรพูดถึงหนูบ่อยๆ หนูเป็นเด็กที่น่ารักมากเลย”
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน...ออกไปจากบ้านฉันนังโสเภณี!”
ชนิกานต์เข้าไปลากตัวกัณฐิกาออกไปจากห้องนั้นทันที ณวัตรตกใจ รีบใส่เสื้อผ้าแล้วตามไป
ชนิกานต์ลากกัณฐิกาออกมาบริเวณโถงของบ้าน แล้วชี้ไปที่ภาพถ่ายครอบครัว
“แกดูไว้... นี่คือครอบครัวของฉัน! บ้านนี้มีคุณแม่ฉันคนเดียวเท่านั้นที่เป็นภรรยาคุณพ่อ แกเป็นได้แค่นางบำเรอ!”
กัณฐิกาแย้ง “ภรรยาคุณณวัตรเสียชีวิตไปนานแล้วนี่คะ”
“แต่จะไม่มีผู้หญิงคนไหนมีสิทธิ์เทียบแม่ฉันได้อีก รวมทั้งแกด้วยนังโสเภณีชั้นต่ำ”
ณวัตรเข้ามาต่อว่าชนิกานต์
“หยุดก้าวร้าวคุณกัณฐิกาได้แล้ว เขากำลังจะเป็นแม่ใหม่ของลูก”
ชนิกานต์เถียง “ไม่ค่ะ! กานต์ไม่มีวันยอมรับมัน กานต์เกลียดมัน!”
ณวัตรขึ้นเสียง “พ่อบอกให้ขอโทษคุณกัณฐิกา!
ชนิกานต์โกรธมาก เดินเข้ามาบอกณวัตร
กัณฐิกาเข้ามาห้าม “อย่าดุแกเลยค่ะ มันคงเร็วเกินไป ให้โอกาสแกได้ตั้งตัว กัณเชื่อว่าแกต้องเข้าใจและยอมรับกัณได้”
ชนิกานต์สวนขึ้นทันควัน “ไม่มีทาง! ไม่ว่าชาตินี้ชาติหน้ารึชาติไหนๆ ฉันจะเกลียดแก!”
ชนิกานต์เข้าไปตบตีกัณฐิกาพัลวัน กัณฐิกาได้แต่ปัดป้อง ไม่ตอบโต้ ณวัตรเข้ามาห้ามไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
กัณฐิการู้สึกผิดที่ทำให้พ่อลูกทะเลาะกัน “กัณขอโทษนะคะที่ทำให้ลูกคุณไม่สบายใจ กัณขอไปเองดีกว่าค่ะ”
ชนิกานต์ไม่ซึ้งด่าซ้ำ “ไม่ต้องมาเล่นละครสตรอเบอรี่ นังผู้หญิงขายตัว ออกไปจากบ้านฉัน!”
ชนิกานต์คว้าแจกัน และของตกแต่งใกล้มือปาใส่กัณฐิกา ณวัตรรีบพากัณฐิกาออกไปจากบริเวณนั้นทันที ชนิกานต์ตะโกนสั่งณวัตร
“คุณพ่อต้องอยู่กับกานต์ ห้ามไปกับมัน!”
ณวัตรอึ้งหันมามองชนิกานต์...แล้วเดินกลับมาหาชนิกานต์ ชนิกานต์ยิ้มเย้ยกัณฐิกา
“แกเห็นแล้วใช่มั้ย ว่าคุณพ่อรักฉันมากกว่าแก!”
“ลูกสงบสติอารมณ์ให้ได้แล้วเราค่อยคุยกัน พ่อจะไปส่งคุณกัณฐิกา”
ณวัตรบอก คราวนี้กัณฐิกายิ้มเย้ยสะใจที่ชนะชนิกานต์ ณวัตรพากัณฐิกาเดินออกไปชนิกานต์ยิ่งหัวเสีย หยิบข้าวของปาใส่ร้องกรี๊ดๆ ไม่พอใจ
“อ๊ายยย”
จังหวะนั้นธีรดนย์เดินเข้ามายังมุมหนึ่งตรงประตูบ้าน มองเข้าไปในห้องโถง แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น กัณฐิการีบเดินออกมาเร็วๆ ชนกับธีรดนย์อย่างจัง ธีรดนย์ประคองไว้
“ขอโทษจ้ะ”
กัณฐิกาสบตาธีรดนย์ก็ยิ้มให้ ณวัตรวิ่งตามออกมา รีบเข้าไปดูแลกัณฐิกา
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ”
ณวัตรสั่งธีรดนย์ “ธีรดนย์ นายดูแลยัยกานต์ให้ดี อย่าให้ตามไปอาละวาดได้!”
“ครับ” ธีรดนย์รับคำ
ณวัตรรีบพากัณฐิกาออกไปที่โรงจอดรถเพื่อพากัณฐิกาไปส่ง
ชนิกานต์ถือแจกันวิ่งตามออกมา ณวัตรขับรถพากัณฐิกา ออกไปจากบ้านแล้ว ชนิกานต์ระเบิดอารมณ์ปาแจกันใส่ตามหลังรถ ตะโกนก้อง
“ไปแล้วไม่ต้องมา! ฉันไม่มีวันให้แกมาเหยียบที่นี่ได้อีก นังโสเภณี!”
ธีรดนย์หัวเราะเยาะหึๆๆ ชนิกานต์หันไป เห็นธีรดนย์ยืนหัวเราะที่มุมหนึ่งของบ้าน
ชนิกานต์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ธีรดนย์ยืนหัวเราะอยู่...ชนิกานต์เดินตรงเข้ามาอย่างเดือดดาล
“แกหัวเราะทำไม”
“จะมีเหตุผลอะไรนักหนาที่คนเราจะหัวเราะ นอกจากรู้สึกสนุก มีความสุข” ธีรดนย์เน้นคำ “และสะใจ!”
ชนิกานต์โกรธตบหน้าธีรดนย์จนหน้าหัน
“การที่พ่อฉันมีเมียใหม่มันน่าสนุกรึไง?”
“สนุกสิ ต่อไปนี้ฉันคงเห็นเธอวี๊ดๆ กรี๊ดเป็นลมชัก”
ชนิกานต์โกรธมาก กรี๊ดใส่ “อ๊ายยย”
“ไม่เอาน่า เก็บแรงกรี๊ดไว้ดีกว่า พอคุณผู้หญิงคนใหม่เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ เธอคงได้กรี๊ดทุกวัน!”
ธีรดนย์จะเดินไป แต่หันกลับมาพูดเย้ย
“แต่ขอชมนะ วันนี้เธอระงับอารมณ์ได้ดีขึ้น..ไม่ถึงขั้นเป็นลมชักหรือขู่จะฆ่าตัวตายเหมือนที่ผ่านมา”
ธีรดนย์หัวเราะเยาะ ชนิกานต์ดึงตัวไว้ แล้วตบหน้าอีกฉาดใหญ่
“อย่าสะเอะมาเยาะเย้ยฉัน สำเหนียกไว้ด้วยว่าแกเป็นลูกคนใช้!”
ธีรดนย์สวนกลับ “ถึงเธอจะได้ชื่อว่าเป็นลูกเจ้านาย เธอก็เป็นคนเหมือนฉัน!”
“แต่คนที่มีเงินมากกว่าย่อมมีอำนาจมากกว่า!”
ขาดคำ ชนิกานต์ตบหน้าธีรดนย์อีกฉาด แต่ถูก ธีรดนย์ตบกลับทันที ชนิกานต์อึ้งตกใจ
“แก” ชนิกานต์จะตบหน้าธีรดนย์อีก
ธีรดนย์ตบกลับอีกสองครั้งติดๆ กัน ชนิกานต์จะตบธีรดนย์เอาคืน ถูกธีรดนย์จับมือไว้
“กำลังที่เหนือกว่าก็มีอำนาจได้เหมือนกัน และฉันจะสอนให้เธอรู้ว่ากำลังที่เหนือกว่าสามารถทำอะไรที่เธอคาดไม่ถึง”
ธีรดนย์เข้าไปดึงตัวชนิกานต์ไว้ ชนิกานต์ดิ้นหนีด้วยความตกใจ “แกจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!”
ธีรดนย์ใช้แรงที่เหนือกว่า รั้งตัวมากอดไว้ได้ แล้วจะจูบชนิกานต์
จังหวะนั้นเสียงอุษาดังแทรกขึ้น “ธีรดนย์!”
ธีรดนย์ชะงัก เหลียวมองไป...เห็นอุษายืนมองที่มุมหนึ่ง
“แม่”
ณวัตรมาส่งกัณฐิกาที่คอนโดกัณฐิกา กัณฐิกาเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่มุมหนึ่งในคอนโด
“เราเลิกกันเถอะค่ะ กัณไม่อยากทำให้ลูกสาวคุณผิดใจกับคุณ”
“ผมผิดเองที่ตามใจลูกจนเสียคน และแกก็ขาดแม่มานาน ผมเชื่อว่าคนดีอย่างคุณจะดูแลลูกสาวผมได้”
“ขอบคุณนะคะที่เชื่อใจกัณ” กัณฐิกาซึ้งใจ เดินเข้ามาโอบกอด “กัณจะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ”
ลับหลังณวัตรกัณฐิกายิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ คิดกำราบชนิกานต์ให้อยู่หมัด
ณวัตรเป็นปลื้ม “ที่รักของผม”
กัณฐิกายิ้มรับ เริ่มปลดกระดุมณวัตรอย่างมีจริต ณวัตรโน้มดันตัวกัณฐิกาลงที่พื้น
ด้านอุษาเดินตรงเข้ามาหาสองคน ธีรดนย์อึ้ง ชนิกานต์ผลักตัวธีรดนย์ออก ชนิกานต์เข้าไปแผดเสียงโวยใส่อุษาทันที
“ป้าอุษาหัดลูกสอนลูกชายชั่วๆบ้าง อย่าทำรุ่มร่ามกับฉัน ไม่งั้นฉันจะไล่ป้าออก”
“ป้าขอโทษค่ะที่สั่งสอนลูกไม่ดี คุณหนูให้อภัยธีรดนย์ด้วยนะคะ”
ชนิกานต์เสียงแข็ง “สั่งให้มันกราบเท้าขอโทษฉัน”
ธีรดนย์โกรธมาก โวยใส่ชนิกานต์
“มันจะมากไปแล้วนะ”
อุษาปรามธีรดนย์ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ทำตามที่คุณหนูสั่ง”
“แม่..แต่เขาจงใจดูถูกและหยามศักดิ์ศรีเราตลอดเวลา ผมไม่มีวันยอมก้มหน้าให้กับคนแบบนี้!”
ชนิกานต์โกรธจนตัวสั่น “ทำตามที่ฉันสั่ง!”
ธีรดนย์ไม่อยากทำ อุษาจึงนั่งลง จะทำแทนลูกชาย
“ป้าขอกราบแทนลูกชายป้าค่ะ”
อุษาจะก้มกราบอยู่แล้ว ธีรดนย์ตกใจ รีบมาดึงตัวอุษาไว้
“แม่อย่า”
ชนิกานต์มองเย้ย ธีรดนย์สงสารอุษา จึงก้มลงกราบเท้าชนิกานต์อย่างเสียไม่ได้ ชนิกานต์ชักเท้าออก หัวเราะสะใจ
“จำใส่กะโหลกกลวงๆ ของแกด้วย..คนรับใช้หมายถึงขี้ข้าหรือทาส มีหน้าที่ทำตามที่เจ้านายสั่ง ถ้าแกยังตอแยทำกร่างใส่ฉันอีก ฉันจะเอาโซ่มาล่ามคอให้รู้สำนึกว่าแกเป็นแค่สุนัขรับใช้!”
ธีรดนย์ขบกรามแน่น ไม่พอใจ จะตอบโต้ แต่อุษามองดุ ธีรดนย์จึงต้องก้มหน้ารับฟัง
ชนิกานต์ยิ้มเย้ยอย่างผู้ชนะ หันตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน ธีรดนย์ไม่พอใจชนิกานต์มาก
ครู่ต่อมาอุษาคุกเข่าเก็บกวาดเศษแจกันและข้าวของที่ชนิกานต์ปาใส่กัณฐิกาเกลื่อนห้อง ธีรดนย์เข้ามาช่วยอุษาเก็บ หันไปถามอุษา
“ทำไมแม่ต้องไปขอโทษเขาด้วย ทั้งๆ ที่เขากดขี่ข่มเหงเรา ศักดิ์ศรีความเป็นคนของเราอยู่ตรงไหนครับแม่”
ธีรดนย์คาดคั้นจากแม่...อุษาหันกลับมาน้ำตาไหลริน
“ทำเพื่อแม่ได้มั้ย?”
ธีรดนย์ตกใจและเสียใจที่ทำให้อุษาร้องไห้
“แม่ครับ..ผมไม่เข้าใจ...แม่พร่ำสอนให้ผมรักศักดิ์ศรี แต่แม่กลับยอมก้มหน้าให้เขาย่ำยี”
อุษาสอนลูกชาย “ลูกลืมไปแล้วเหรอ...ว่าทุกวันนี้เรามีชีวิตอยู่ได้เพราะใคร คุณผู้ชายส่งเสียให้ลูกได้เรียนดีๆ เทียบเท่าลูกของท่าน คุณผู้ชายมีพระคุณกับเรามากนะ”
ธีรดนย์มองไปยังภาพถ่ายของณวัตรที่ติดอยู่บนผนังห้องโถง
“เขาทำดีกับเรา...เพราะเป็นการใช้หนี้ชีวิตของพ่อ”
พร้อมกันนั้นภาพจำในอดีตแสนปวดร้าวก็ผุดขึ้นมาในหัวของเด็กหนุ่ม
เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นในห้องโถงบ้านชนิกานต์ตอนกลางคืน ณวัตรพาจันทร์สาวสวยคนหนึ่ง เดินลงจากห้องนอนชั้นบน ด้วยอาการเร่งรีบ สักครู่หนึ่งปิยมนแม่ของชนิกานต์ก็วิ่งตามมาแผดเสียงตะโกนเรียกดังลั่น
“คุณอย่าหนีนะ....กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง”
อุษาเข้ามาห้ามปิยมนไว้
“ใจเย็นๆ ก่อนค่ะคุณผู้หญิง”
“ฉันไม่ทนอีกแล้ว เขากล้าพานังเมียน้อยเข้าบ้าน ฉันจะไปฆ่ามัน”
ปิยมนคำราม แล้วผลักอุษาออก จากนั้นก็วิ่งตามณวัตรไป อุษาตกใจและเป็นห่วง
ขณะที่ณวัตรขับรถพาจันทร์ออกไปจากบ้านแล้ว ปิยมนวิ่งมาเจอสมชาย ตะโกนเรียกหากุญแจรถ
“นายสมชาย...เอากุญแจรถมาให้ฉัน”
สมชายวิ่งเข้ามาห้ามปิยมน
“อย่าตามไปเลยครับ เดี๋ยวคุณผู้ชายก็กลับมาครับ” สมชายบอก
ปิยมนไม่ฟังชักปืนออกมาขู่ “ฉันบอกให้เอากุญแจมา”
สมชายจำต้องให้กุญแจรถกับปิยมน สักครู่ปิยมนรีบวิ่งไปที่รถ อุษาวิ่งตามออกมาจากบ้าน บอกสมชาย
“พี่รีบไปกับคุณผู้หญิง คอยปรามให้คุณผู้หญิงใจเย็น...ไปสิ”
สมชายรีบวิ่ง ปิยมนกำลังจะขับรถออกไป สมชายวิ่งไปเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านข้าง อุษามองด้วยความเป็นห่วง
ธีรดนย์วิ่งเข้ามา เห็นภาพพ่อตัวเองนั่งข้างปิยมน ก่อนที่รถของปิยมนแล่นออกไป
“พ่อไปไหน? จะกลับมาเมื่อไหร่ครับ” เด็กชายธีรดนย์ร้องถามผู้เป็นพ่อ
เวลาต่อมาณวัตรขับรถ พาจันทร์หนีออกไป ส่วนที่ด้านหลัง...ปิยมนขับรถ ไล่ตามรถของณวัตร เร่งความเร็วสูงมาตรงถนนบริเวณทางแยก
“เบาหน่อยครับ...คุณผู้หญิง” สมชายเตือน
ปิยมนไม่ฟัง กลับเหยียบคันเร่ง เร่งเครื่องแรงกว่าเดิม
สมชายเห็นรถวิ่งตัดหน้าตรงทางแยกก็ตกใจ “ระวังครับ”
ปิยมนตกใจ หักรถหลบ แต่ไม่ทันแล้ว เสียงรถชนโครมใหญ่
ธีรดนย์ดึงตัวเองกลับมา ขณะปักธูปที่หน้าภาพสมชายผู้เป็นพ่อ
“เขาเป็นต้นเหตุทำให้พ่อตาย เขาถึงต้องรับผิดชอบพวกเรา”
“แม่บอกกี่ครั้งแล้วอย่าคิดอย่างนั้น มันเป็นคราวเคราะห์ของเราเอง ยังไงท่านก็มีบุญคุณ ท่านเกื้อหนุนพ่อกับแม่ก่อนลูกเกิดด้วยซ้ำ”
อุษาเดินเข้ามาพูดจาหว่านล้อมธีรดนย์
“แม่ขอล่ะ...คุณหนูเธอน่าสงสาร ขาดแม่...พ่อก็ไม่มีเวลาให้...อย่าทำร้ายจิตใจเธออีกเลย”
ธีรดนย์คิดในใจยังโกรธชนิกานต์ แต่ไม่อยากทำให้อุษาไม่สบายใจ จำต้องพยักหน้ารับคำ
กฤติยากลับจากมหาวิทยาลัยเดินเข้ามาในบ้าน เห็นยายแก้วกำลังจัดเช็ดถาดขนม กฤติยายกมือไหว้
“ยายจ๋า...หนูกลับมาแล้วจ้ะ หนูช่วยนะจ้ะยาย”
กฤติยาจะเข้าไปช่วยเช็ดถาดขนม แต่ยายแก้วเอาถาดหนี
“ลูกอายไม่ใช่เหรอที่ต้องเป็นแม่ค้าขายขนมในสลัม”
กฤติยาแปลกใจท่าทีและน้ำเสียงของยาย “ยาย”
“ยายรู้...เมื่อเช้าลูกหลบหน้าหนุ่มสาวที่มาซื้อขนม”
กฤติยารู้สึกผิด ยกมือไหว้ยาย “หนูขอโทษจ้ะ”
“ไม่ต้องขอโทษยายหรอก ยายเข้าใจ...ลูกก็โตเป็นสาวแล้ว ถ้าผู้ชายคนไหนรู้ว่าลูกเป็นแค่หลานยายแก่ๆ ขายขนมในสลัม ใครเขาจะสนใจ”
กฤติยายอมรับความจริง “หนูยอมรับจ้ะยาย หนูอายเขา” เด็กสาวสำนึกผิดแต่หนูรู้แล้วว่าสิ่งที่หนูทำมันไม่ดีเลย...ยายมีบุญคุณกับหนู เลี้ยงหนูมาด้วยการขายขนม ซึ่งเป็นสิ่งที่หนูควรภูมิใจ แต่หนูกลับอายที่จะช่วยเหลือยาย...หนูเป็นหลานที่ไม่ได้เรื่อง...หนูขอโทษจ้ะ”
กฤติยาร้องไห้ด้วยความเสียใจ ยายแก้วเข้ามาเช็ดน้ำตาให้
“ยายดีใจที่ลูกคิดได้ จำไว้นะลูก...เกิดเป็นคน..อย่าลืมบุญคุณคน โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเรามา”
“ชีวิตนี้หนูไม่มีใครแล้ว พ่อไม่มี แม่ก็มาจากไป”
ฟังคำหลาน ยายแก้วถึงกับอึ้ง
“ชีวิตนี้หนูมียายเพียงคนเดียว ยายอย่าทิ้งหนูนะ หนูรักยายจ้ะ”
กฤติยาเข้าสวมกอดยายแก้วด้วยความรัก ยายแก้วน้ำตาคลอ สงสารหลานสาวที่เกิดมาไม่มีใคร
เช้าวันนี้ ชลนิภาและธนกรกำลังเดินลงมา พร้อมกับชยางกูร ชนกชนม์เดินเข้ามายิ้มให้ทุกคน
“คุณแม่ครับ เช้านี้ผมทำอาหารที่คุณแม่ชอบ เชิญทานอาหารฝีมือผมนะครับ”
ชลนิภามองหน้าไม่สนใจนัก ชยางกูรก็ยิ้มเย้ย
“ไปทานกันเถอะคุณ ชนกชนม์อุตส่าห์ตั้งใจทำ” ธนกรว่า
ชนกชนม์มองลุ้น ว่าชลนิภาจะตัดสินใจอย่างไร
“คุณแม่อย่าทานเลยครับ กูรว่ารสชาติอาหารคงจะแย่พอๆ กับนิสัย...เราไปทานข้างนอกเถอะครับ”
ชยางกูรจะพาชลนิภาไป แต่ชลนิภารั้งมือไว้
“ให้โอกาสพี่เขาได้แก้ตัวสิลูก”
ชนกชนม์ยิ้มดีใจ ส่วนชยางกูรไม่พอใจ
“เชิญครับคุณแม่”
ชลนิภาเดินนำไปที่ห้องครับ ชยางกูรหันมามองชนกชนม์อย่างไม่พอใจ
ธนกรยิ้มเยื้อนเป็นกำลังใจให้ชนกชนม์
ภายในห้องทานอาหารที่คฤหาสน์ ทุกคนนั่งประจำที่อยู่ที่โต๊ะอาหาร ชนกชนม์ยกข้าวต้มกุ้งมาเสิร์ฟให้ทุกคน โดยมีแป๋วสาวใช้ขาเม้าท์คอยช่วยและออกอาการเข้าข้างชนกชนม์อย่างเว่อร์ๆ
“คุณผู้หญิงขา นี่เป็นข้าวต้มกุ้งที่อร่อยที่สุดค่ะ เพราะคุณชนกชนม์คัดสรรวัตถุดิบด้วยหัวใจ....นำของไปตั้งไฟใส่ความรักเต็มที่....ปรุงรสด้วยความปรารถดี...โรยผักชีแห่งความผูกพัน...แป๋วเห็นแล้วน้ำตาพาลจะไหล.....มันซึ้งจนจุกอก หาไม่ได้แล้วนะคะ ที่มีลูกประเสริฐอย่างนี้”
ธนกรยิ้มขำในอารมณ์ขันของแป๋ว ส่วนชยางกูรมองด้วยความหมั่นไส้ แป๋วช่วยตักข้าวต้ม แล้วพูดกระทบชยางกูร
“ไม่เหมือนลูกบางคนค่ะคุณผู้หญิงขา นอนตื่นสายตะวันโด่ง ไม่สนใจช่วยเหลืออะไรเลย”
ชยางกูรไม่พอใจ “แป๋ว แกว่าใคร”
แป๋วแก้ตัว “แป๋วเม้าท์ลูกคนข้างบ้านค่ะ วันๆ เอาแต่ออกไปเที่ยวกับเพื่อน แต่พ่อแม่ไม่ว่าอะไรค่ะ...ลูกคนนี้ประจบพ่อแม่เก่งม๊ากมากก”
ชลนิภาเสียงขุ่น “นังแป๋ว”
แป๋วปิดปากเงียบทันที
“ลองทานนะครับคุณแม่”
ชนกชนม์เอาข้าวต้มมาเสิร์ฟให้แม่...ชลนิภายิ้มรับ ชนกชนม์ลุ้นว่าชลนิภาจะว่าอย่างไร ชลนิภาลุกขึ้น หยิบถ้วยข้าวต้มเททิ้งทั้งหมด
ชนกชนม์ตะลึง “คุณแม่”
ชยางกูรยิ้มพอใจและสะใจ
“อย่าคิดเอาข้าวต้มห่วยๆ มาทำให้ฉันใจอ่อน....ความผิดที่แกทำให้ฉันเสียหน้าพ่อและแม่เลี้ยงแก...มันลบล้างไม่ได้ด้วยอาหารมื้อนี้!”
ชนกชนม์นึกเสียใจ “แต่ผมตั้งใจทำให้คุณแม่นะครับ”
“แล้วฉันก็ไม่มีวันเชื่อด้วย...ว่าคนอย่างแกจะลุกมาทำอะไรดีๆ แกคงออกไปซื้อจากร้านอาหารมาหลอกพวกฉัน!”
แป๋วแหลมขึ้นมาการันตี “คุณชนกชนม์ทำเองนะคะ แป๋วเห็นกับตาเลยค่ะ คุณผู้หญิงไม่เชื่อลองเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดสิคะ”
ชลนิภากำราบเสียงดุ “นังแป๋ว”
ธนกรเอ่ยขึ้น “คุณ...คุณควรให้โอกาสชนกนม์ได้แก้ตัวบ้าง”
“คนดีต้องแก้ไข คนจัญไรต้องแก้ตัว ฉันถือว่าสิ่งที่แกทำ...เป็นการทำดีเข้าตัว ฉันไม่มีวันตกเป็นเหยื่อการประจบสอพลอของแก!” ชลนิภาพูดใส่หน้าชนกชนม์
ชยางกูรผสมโรง “ดีแล้วครับที่คุณแม่ไม่ทาน แค่ดมกลิ่นกูรก็รู้ว่าข้าวต้มรสห่วย”
แป๋วเหน็บตามประสา “คุณชยางกูรจมูกไวนะคะเหมือนกับ...”
ชยางกูรมองดุ แป๋วรีบหลบหน้าทันที
“คุณแม่ไปทานข้างนอกเถอะครับ กูรจะแนะนำร้านอร่อย ถูกปากคุณแม่ครับ”
ชลนิภาเดินออกไป ชยางกูรพูดกับแป๋วแต่หันมาเย้ยชนกชนม์
“แป๋ว เอาไปทิ้งทั้งหม้อ....อ้อ...ไม่ต้องให้หมากิน หมาก็คงไม่รับประทาน”
ชยางกูรหัวเราะร่าออกไป
“ให้เวลากับแม่เขานะ”
“ครับ”
ธนกรเดินออกไปแล้ว แป๋วเข้ามาบอก
“สู้ๆ นะคะคุณชนกชนม์ แม่แป๋วเคยสอน มารไม่มีบารมีไม่เกิด” แป๋วรีบตบปากตัวเองที่นึกได้ว่าเม้าท์เจ้านายต่อหน้าลูกชาย
ชกนชนม์ยิ้มรับ...มุ่งมั่นจะสู้ต่อไป
รถของสุทินวิ่งเข้ามาจอดหน้าคณะนิเทศ สุตาภัญลงจากรถ แล้วข้ามถนนเพื่อไปยังตึกที่จะเรียน
“พี่ตา”
สุรัมภาในชุดนักเรียนม.ปลาย วิ่งถือกระเป๋าสุตาภัญวิ่งเข้ามายื่นให้
“ดีใจที่คุณพ่อมาส่ง ถึงกับลืมกระเป๋าเลยเหรอ”
สุตาภัญประชด “ใครจะไม่ดีใจล่ะ..มีคุณพ่อรักและห่วงยิ่งกว่าเชลยศึก”
สุรัมภาหัวเราะกิ๊ก “เหมือนกลับมาเป็นเด็กประถมเลยนะ” พลางยกมือขึ้นยีหน้าพี่สาว “แต่เด็กประถมคนนี้หน้าแก๊แก่”
สุตาภัญหยิกสุรัมภาที่แซวตัวเอง
“นี่แน่ะ..ปากดีนัก พี่ไปเรียนแล้ว”
สุตาภัญจะเดินไป สุทินเดินเข้ามา เอ่ยขึ้น
“ฉันไปส่ง! ไม่งั้นเธออาจหนีเรียน รึนัดใครไว้”
สุตาภัญรู้ว่าผู้เป็นพ่อต้องการควบคุม “ด้วยความยินดีค่ะ...อะไรที่คุณพ่อทำแล้วสบายใจก็เชิญค่ะ”
สุทินไม่พอใจนัก สุรัมภาตกใจที่สุตาภัญกล้าท้าทายสุทิน แอบแหล่ตามองดุสุตาภัญ
สุตาภัญไม่สนใจ หันไปยกมือโบกลาสุรัมภา
สุรัมภาโบกมือให้ “เจอกันเย็นนี้นะคะพี่ตา”
สุทินหันมาสั่งสุรัมภา “กลับเข้าไปรอในรถ อย่าออกมายืนประเจิดประเจ้อให้พวกผู้ชายมันมองเป็นของสนุก!”
“ค่ะ” สุรัมภารับคำ
สุทินเดินไปส่งสุตาภัญ สุตาภัญเดินนำไป ยอมทำตามสั่งสุรัมภาทำท่าล้อเลียนสุทิน “กลับเข้ารถ...อย่าให้ผู้ชายมองเป็นเรื่องสนุก” แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นเซ็งๆ “โธ่..แล้วเมื่อไหร่ภาจะมีแฟนล่ะคะคุณพ่อ”
สุรัมภายิ้มเย้ย แล้ววิ่งข้ามถนนเพื่อกลับไปยังรถที่จอดอยู่ สุรัมภาวิ่งโดยไม่ได้มองรถ
รถมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้ามาตรงถนนหน้าคณะนิเทศฯ สุรัมภาหันไปเห็นก็ตกใจร้อง
“ว้าย”
มอเตอร์ไซค์จอดหน้าสุรัมภา เกือบชน...ชนกชนม์ถอดหมวกนิรภัยออกถามอย่างเป็นห่วง
“น้องเป็นอะไรรึเปล่า”
สุรัมภาได้สติ มองเห็นชนกชนม์ก็เกิดความประทับใจ ยืนยิ้มนิ่งๆ
ชนกชนม์จอดรถ เข้ามาดูสุรัมภา เป็นห่วง
“เอ่อ..น้อง” ชนกชนม์เอามือโบกเรียกผ่านหน้าสุรัมภา “หายตกใจรึยัง”
สุรัมภาสั่นเล็กน้อย ยังอยู่ในภาวะตกใจ “ภาไม่เป็นอะไรค่ะ” แล้วยกมือไหว้ “ภาขอโทษนะคะ ภาข้ามถนนไม่ได้ดูรถ”
“พี่เองก็ขี่เร็ว งั้น...”
ชนกชนม์พูดเท่านั้นก็กลับไปที่รถ ซึ่งมีช่อดอกกุหลาบวางไว้ ดึงดอกกุหลาบออกมาหนึ่งดอก ส่งให้สุรัมภา
“เป็นค่าทำขวัญแล้วกัน”
สุรัมภาอึ้งในความน่ารักของชนกชนม์ มารับดอกไม้จากชนกชนม์
“พี่ขอตัวไปเรียนก่อนนะ!”
“ค่ะ”
ชนกชนม์กลับไปขึ้นรถ แล้วขี่รถออกไป สุรัมภามองตามตาเป็นประกายด้วยความประทับใจ
“เท่จัง” สุรัมภามองดอกกุหลาบในมือ “แถมโรแมนติกด้วย”
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 2
ขณะเดียวกัน สุตาภัญเดินนำผู้เป็นพ่อมาใกล้ถึงโต๊ะของชมรมคนรักเด็กในคณะแล้ว ชนิกานต์เข้ามาหาสุตาภัญจากอีกทาง...ไม่ทันเห็นสุทิน ธีรดนย์ซึ่งเดินตามหลังเห็นสุทินก็ตกใจ
“ยัยตา วันนี้ห้ามหนีไปไหนอีกนะ ไม่งั้นฉันต้องโดนพ่อเธอลากไปสอบสวน โบยแส้ฟาดโซ่แน่!” ชนิกานต์เย้า
สุทินเดินเข้ามา ยืนนิ่งอึ้งที่ถูกนินทาซึ่งๆ หน้า ธีรดนย์เห็นสุทินจึงรีบสะกิดเตือน
“ชนิกานต์”
ชนิกานต์ไม่รู้คัวปัดมือออกอย่างรำคาญ “ยุ่งน่า!” แล้วบอกสุตาภัญต่อ “พ่อเธอน่ะร้ายมาก สงสัยชาติที่แล้วต้องเป็นผู้คุมเชลยศึก!”
สุทินทนฟังไม่ไหว จึงกระแอมออกมา ชนิกานต์หันไปเห็นสุทินก็ตกใจ รีบยกมือไหว้ทันที
“ว้าย..คุณพ่อ เอ่อ...กานต์ไม่เคยคิดอย่างนั้นนะคะ กานต์พูดตามที่นายธีเม้าท์ค่ะ”
ธีรดนย์สะดุ้งโหยงที่ชนิกานต์โยนความผิดมาให้ ธีรดนย์ยกมือไหว้ สุทินชักสีหน้าท่าทางไม่พอใจ พูดจาแดกดัน
“ฉันคงต้องคุยกับทางมหาวิทยาลัยให้บรรจุวิชาว่าด้วยมารยาทการเคารพผู้ใหญ่บ้างแล้ว”
ชนิกานต์ไหว้สุทินอีกครั้ง “กานต์ขอโทษค่ะ”
สุตาภัญอึดอัด อยากให้สุทินกลับไป “คุณพ่อรีบไปส่งภาเถอะค่ะ”
สุทินย้อนกลับเสียงเขียว “ฉันจะมั่นใจได้ยังไง ว่าเธอจะไม่หนีเรียนไปหาใคร รึมีใครมาหาเธอ”
ชนกชนม์ถือช่อดอกกุหลาบเดินตรงมายังคณะนิเทศ ในขณะที่สุตาภัญยังต่อปากต่อคำกับสุทิน
“ถ้าคุณพ่อไม่เชื่อใจตา คุณพ่อก็เข้าไปเรียนหนังสือกับตาสิคะ”
ชนิกานต์และธีรดนย์ตกใจที่สุตาภัญย้อนสุทิน
“ยัยตา!” สองคนประสานเสียง
“ไม่ต้องมาท้าทายฉัน ถ้าฉันทำได้ฉันทำไปแล้ว”
ชนิกานต์และธีรดนย์อึ้ง ที่สุทินมีความคิดอย่างนั้นด้วย
สุทินหันมาบอกชนิกานต์ “ชนิกานต์ ฉันฝากดูแลสุตาภัญด้วย”
“ค่ะ” ชนิกานต์รับคำ
สุทินมองธีรดนย์ “ส่วนนาย! ถ้าลูกฉันไม่บอกว่านายเป็นเกย์ ฉันไม่มีวันให้คบกับลูกสาวฉันเด็ดขาด”
ธีรดนย์อึ้งกลายเป็นเกย์ไปซะแล้ว “ผมนะเหรอครับเกย์”
ชนิกานต์แอบหัวเราะขำ สุตาภัญหยิกชนิกานต์ไม่ให้หัวเราะ
สุทินมองเหล่ สงสัย “รึนายไม่ใช่เกย์”
สุตาภัญรีบขยิบตาให้ธีรดนย์ สวมรอยเล่นบทเกย์
ธีรดนย์จำเป็นต้องตามน้ำ “ฮ่ะคุณพ่อ เป็นมานานแล้วฮ่ะ” พร้อมกับยิ้มหวานให้สุทิน
“ไม่ต้องมองหน้าฉันอย่างนั้น ฉันไม่ใจกว้างพอที่จะยอมรับเพศอย่างนายได้”
ธีรดนย์หุบยิ้มแทบไม่ทัน
“แต่อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่าไม่มีผู้ชายเข้าใกล้ลูกสาวฉัน” สุทินว่า
ขณะเดียวกันนั้น ชนกชนม์ถือช่อดอกไม้มองจากระยะไกลๆ เห็นสุตาภัญยืนอยู่ที่มุมหนึ่งในคณะนิเทศแต่ไม่เห็นสุทิน ชนกชนม์ยิ้มร่าดีใจจะเดินเข้าไปที่ตึก แต่แล้ว โจ เพื่อนร่วมคณะ และเล่นดนตรีวงเดียวกับธีรดนย์ ก็เข้ามาขวางทางไว้
“ชนกชนม์ บ่ายนี้นายไปช่วยร้องเพลงงานของชมรมรึเปล่า”
ชนกชนม์แปลกใจ “ธีไม่ได้บอกฉัน คงโกรธที่ฉันทิ้งวงวันออดิชั่น”
“เสียดายว่ะ ไม่งั้นแกคงได้ร้องเพลงคู่กับดาวคณะ”
ชนกชนม์สงสัย “ใครเหรอ”
ด้านสุตาภัญรีบบอกให้สุทินกลับไปได้แล้ว
“คุณพ่อควรไปส่งภาได้แล้วนะคะ สายแล้วค่ะ”
“เย็นนี้ไปยืนรอที่หน้าคณะให้ตรงเวลาด้วย” สุทินกำชับ
“ค่ะ” สุตาภัญรับคำ สามคนไหว้ลาสุทิน
ธีรดนย์ไหว้เสียงแมน “สวัสดี...”
สุตาภัญและชนิกานต์ขยิบตามอง ธีรดนย์ต้องปรับเสียงลงท้ายสาวแตก
“...ฮ่ะ”
สุทินมองแล้วส่ายหัว ก่อนจะเดินออกไป
ชนกชนม์ถือช่อดอกกุหลาบมาตามทางเดินที่มุมหนึ่งในคณะ คิดถึงเหตุการณ์ที่โจเล่า
“ดาวคณะก็สุตาภัญไง สุตาภัญจะร้องเพลงกับวงเราด้วย”
ชนกชนม์มองช่อดอกกุหลาบในมือ ยิ้มกริ่ม
“ฉันอยากร้องเพลงกับเธอจัง”
ชนกชนม์เดินเหม่อไม่มองทาง ทำให้ชนสุทินที่กำลังเดินสวนมา ชนกชนม์ตกใจ ช่อดอกไม้หลุดมือ ชนกชนม์ก้มเก็บช่อดอกไม้ สุทินมองอย่างไม่พอใจ ชนกชนม์หยิบช่อดอกไม้ขึ้นมารีบขอโทษ
“ขอโทษครับ”
สุทินพูดไม่จาเดินออกไป ไม่สนใจชนกชนม์เลย ชนกชนม์เห็นแต่เพียงด้านหลังของสุทิน
ชนิกานต์เดินหัวเราะเยาะธีรดนย์ ตะโกนบอกเพื่อนๆ ที่เดินผ่านไปเพื่อยังห้องเรียน
“ใครไม่เคยเห็นกะเทยถึก กะเทยควาย กะเทยคูโบต้าเชิญทางนี้...ตัวจริงเสียงจริงจ้า...นะฮ้า นะฮ้า”
ชนิกานต์ชี้ชวนให้เพื่อนๆ หันมามองธีรดนย์ เล่นเอาธีรดนย์อายมาก พยายามยกมือปฏิเสธ สุตาภัญสงสารธีรดนย์เข้าไปห้าม
“พอได้แล้วยัยกานต์” สุตาภัญบอกธีรดนย์ “ธี....ตาขอโทษนะที่ต้องสร้างเรื่อง ไม่งั้นพ่อตาไม่ยอมให้ธีเข้ากลุ่ม”
ธีรดนย์ยิ้มแหยๆ “จะให้ผมเป็นอะไรก็ยอม ขอให้เราได้อยู่ด้วยกัน”
สุตาภัญดีใจที่ธรดนย์ไม่เคือง “ให้ได้อย่างนี้สิ เพื่อนที่แสนดีของตา”
สุตาภัญยิ้มให้ธีรดนย์ แล้วมองไปตรงหน้า ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“นาย”
ธีรดนย์แปลกใจ หันกลับไปมอง ชนิกานต์ก็หันหลังไปมองด้วย
สามคนเห็นชนกชนม์ยืนถือช่อดอกกุหลาบอยู่ในมือ ยิ้มให้สุตาภัญ ชนกชนม์จะเดินเข้ามาหาสุตาภัญ แต่ชนิกานต์วิ่งปราดเข้าไปรับช่อดอกไม้ในมือชนกชนม์ทันที
“ขอบใจมากค่ะที่เอามาให้กานต์”
ชนกชนม์อึ้ง “เอ่อ”
ชนิกานต์พูดต่อ “นี่คงเป็นดอกไม้แทนคำขอบคุณที่กานต์เชียร์นายแข่งรถ แล้วก็ต่อว่านักเลงอันธพาลที่โกงนาย ใช่มั้ย”
ชนกชนม์จำต้องสมอ้างยอมรับ “ครับ”
“ชนกชนม์...นายมาทำอะไรที่นี่” ธีรดนย์สงสัย
ชนิกานต์ชิงตอบ “ก็เขาเอาดอกไม้มาให้ฉันไง...” พร้อมกับคว้ามือชนกชนม์มาหาสุตาภัญ “ยังไม่ได้แนะนำเป็นทางการเลย..นี่สุตาภัญ..เพื่อนสนิทของกานต์”
สุตาภัญยิ้มให้ชนกชนม์
ชนิกานต์บอกต่อ “เรียกเธอว่านางฟ้าเบอร์ฟ้า รักเด็ก รักความยุติธรรม รักโลก รักสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญ...รักการประหยัดพลังงาน”
ชนกชนม์ยิ้มขำๆ “ยินดีที่ได้รู้จักครับนางฟ้าเบอร์ห้า”
“ค่ะ” สุตาภัญยิ้มตอบ
จากนั้นชนิกานต์ชี้ไปที่ธีรดนย์ “ส่วนนั่นก็รู้จักกันแล้ว อ้อ...แต่มีความลับที่นายไม่รู้คือ นายนี่เป็นแต๋ว อย่าเข้าใกล้เชียว”
ชนกชนม์รับมุกอำต่อ “เฮ้ย จริงเหรอธี? ว่าแล้วทำไมถึงติ๋มๆ”
ธีรดนย์เสียฟอร์ม
สุตาภัญรีบแก้ให้ “ไม่ใช่หรอก กานต์เค้าอำเล่นนะ”
ชนกชนม์เข้ามากอดธีรดนย์ “ฉันแซวเล่น เป็นเพื่อนกับธีมานาน ธีมันแมนทั้งแท่ง”
ชนิกานต์แนะนำตัวเอง “ส่วนฉัน...ชนิกานต์ ไม่ต้องจำนามสกุลก็ได้ แค่รู้ว่าเป็นลูกสาวนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตัวพ่อก็พอ” พร้อมกับยิ้มหวานให้ชนกชนม์ “อ้อ..เรียกสรรพนามเขากับตัวเองก็ได้นะ เพราะเราเป็นแฟนกันแล้ว”
ชนกชนม์อึ้ง “เอางั้นเลยเหรอครับ”
สุตาภัญเอ่ยขึ้น “อย่าไปถือสายัยกานต์เลยค่ะ ยัยนี้ชอบอำ”
ธีรดนย์ถามชนกชนม์ “คณะบริหารอยู่ทางโน้น นายมานี่ทำไม”
“ฉันจะขอไปร้องเพลงงานชมรมคนรักเด็กด้วย”
ธีรดนย์รีบปฎิเสธ “ฉันวางคิวเต็มแล้ว แล้วอีกอย่าง..ฉันไม่อยากให้งานพังเพราะนายอีก” จากนั้นก็หันมาบอกสุตาภัญ “ตา..ไปเข้าเรียนกันเถอะ”
สุตาภัญพยักหน้ารับ แล้วหันไปบอกชนกชนม์ “ฉันไปก่อนนะ”
ธีรดนย์เดินนำเข้าห้องเรียน ไม่สนใจชนกชนม์...สุตาภัญ เดินตามธีรดนย์ไป
ชนิกานต์รีบบอกชนกชนม์ “ตัวเองไม่ต้องกังวล..เรื่องนี้เขาเคลียร์ให้”
ชนกชนม์ยิ้มให้ชนิกานต์ หวังว่าชนิกานต์จะช่วยได้
ครู่ต่อมาชนิกานต์เดินเข้ามานั่งข้างสุตาภัญในห้องเรียน ซึ่งสุตาภัญนั่งคั่นกลางระหว่างสองคน ชนิกานต์บอกเป็นเชิงสั่งธีรดนย์
“นายต้องให้แฟนฉันร้องเพลงด้วย”
“ฉันเป็นหัวหน้าวง เธอไม่มีสิทธิ์สั่งฉัน”
“แต่ฉันเป็นเจ้านายเธอ”
ธีรดนย์ย้อน “ที่นี่ไม่ใช่บ้าน สิทธิ์อำนาจของเธอกับฉันเท่าเทียมกัน”
ชนิกานต์ไม่พอใจจะโวยอีก สุตาภัญปรามไว้ แล้วหันมาบอกธีรดนย์
“ตารู้นะว่าธีไม่พอใจที่ชนกชนม์ทิ้งวงไปกลางคัน...แต่ธีควรให้โอกาสเขาได้แก้ตัว ถ้าเขาทำผิดพลาดอีก ธีค่อยตัดออกจากวง”
ธีรดนย์แปลกใจ “ทำไมตาถึงคอยเข้าข้างมันตลอด”
สุตาภัญอึ้ง พูดไม่ออก ตอบไม่ได้
“เพราะยัยตาเห็นว่าเขาเป็นแฟนฉัน ตาไม่อยากให้ใครมาทำร้ายจิตใจแฟนฉัน ใช่มั้ย” ชนิกานต์บอกแทน
สุตาภัญจำต้องตามน้ำพยักหน้ารับชนิกานต์ “ใช่...” แล้วหันมาถามธีรดนย์ “ว่าไงธี..ให้โอกาสเขาสักครั้งได้มั้ย ตาขอนะ”
ธีรดนย์มองไปยังประตูห้องเรียน จ้องชนกชนม์ที่ยืนลุ้นผลอยู่ตรงนั้น
เวลาต่อมา ที่ห้องกิจกรรม โจกำลังขนเครื่องดนตรีออกไป สักครู่หนึ่งธีรดนย์เข้ามาขนกลอง ตามด้วยชนกชนม์เข้ามาช่วย
“ขอบใจมากนะ” ชนกชนม์บอกธีรดนย์
“ฉันยอม เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่นายเคยช่วยติวเอ็นทรานซ์”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเอามาคิดเป็นบุญคุณหรอก ฉันยินดีช่วยเพื่อนอยู่แล้ว”
“แต่แม่ฉันสอนว่าเรื่องบุญคุณคนเป็นสิ่งสำคัญ...ฉันก็อยากให้นายจดจำไว้ วันนี้ฉันช่วยนาย ต่อไปนายก็ต้องช่วยฉัน”
ธีรดนย์มองชนกชนม์จริงจัง..ชนกชนม์ยิ้มตอบ
“ด้วยความยินดีเพื่อน”
ชนกชนม์เข้ามาจับมือสัญญากับธีรดนย์
สุตาภัญยืนมองทั้งสองจับมือกัน ก็รู้สึกดี..ยิ้มให้ทั้งสองหนุ่ม
บ่ายวันนั้นชยางกูรเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น ยืนมองหาใครสักคน สักครู่เพทายและเพื่อนเดินเข้ามายืนข้างชยางกูร
“เด็กที่แกจัดให้ฉันอยู่ไหน” ชยางกูรถามเพทาย
“โน่นไง..ใช้ได้มั้ย?”
ชยางกูรหันไปมองตามสายตาเพทาย
สามสาววัยใส นานา เจน และพลอย กำลังเลือกเสื้อผ้าในร้านเสื้อผ้าวัยรุ่น
ชยางกูรยิ้มพอใจ ควักเงินห้าพันให้เพทาย แล้วเดินตรงไปยังร้านเสื้อผ้าทันที
เพทายนับเงินในมือ...พอใจกับเงินที่ได้รับเป็นค่าแรง เพื่อนชยางกูรเข้ามาถามเพทาย
“เพทาย...นั่นมันเมียแกไม่ใช่เหรอวะ”
“ก็แค่เมีย ไม่ใช่แม่ของลูก...เงินนี่มีค่ากว่ามันเยอะ”
เพทายมองเงินในมือแล้วมองไปยังนานาแฟนสาวซึ่งอยู่ในร้าน
ขณะที่นานาถือเสื้อผ้าในมือสองตัว หันไปถามเพื่อนๆ
“พวกแกว่าตัวไหนดีอะ ฉันเลือกไม่ถูก มันสวยทั้งสองตัวเลย”
ชยางกูรเดินหล่อเข้ามา “ถูกใจก็เอาทั้งสองตัวสิ”
พร้อมกันนั้น ชยางกูรชูบัตรเครดิตพร้อมจะจ่ายให้นานาเต็มที่
“แล้วถ้าถูกใจทั้งร้านล่ะ” นานาพูดทีเล่นทีจริง
“ไม่มีปัญหา” ชยางกูรว่า
นานายิ้มอย่างพอใจ เจนและพลอยก็หลงใหลชยางกูร ครู่ต่อมานานาเดินไปดูเสื้อผ้าเพิ่มเติม ชยางกูรเดินตามไปดูแลนานา
ระหว่างนั้นสุรเดชเดินคุยโทรศัพท์มาหน้าร้าน
“น้องยารีบมานะ...มื้อนี้พี่เดชเลี้ยงปิ้งย่างเต็มที่...ยี่สิบ” สุรเดชพูดแล้วหัวเราะขำ “ไม่ขำเหรอ”
สุรเดชมองเห็นผู้หญิงสองคนเดินผ่านไป สายตามองตามทันที
“เจอกันที่เดิมนะ....จุ๊บๆ” เด็กหนุ่มจอมกะล่อนกดวางสาย...มองตามสาวๆ “เนื้อขาวนวล...น่าจับปิ้ง”
สุรเดชเปิดกล้องวีดิโอมือถือ แล้วเดินตามสาวๆ ไป
เวลาเดียวกันธีรดนย์ทบทวนคิวการแสดงให้ทุกคนฟัง หลังจากเซ็ตเครื่องดนตรีเสร็จ ด้านหลังเวทีตรงลานกิจกรรมมีป้ายเขียนว่า “ โครงการ...จิตอาสาร่วมระดมทุนจัดกิจกรรมให้เด็กในสลัม จากชมรมคนรักเด็ก”
“ฉันทวนคิวอีกทีนะ” ธีรดนย์บอกชนกชนม์ “นายร้องหนึ่งเพลง คั่นด้วยการรับบริจาคเงิน คิวที่สองฉันร้องเพลงกับตา”
“จ้ะ” สุตาภัญรับคำ
“แล้วคั่นด้วยการรับบริจาค ทางห้างสรรพสินค้ามีเวลาให้เราครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เราต้องช่วยกันระดมทุนให้มากที่สุด” ธีรดนย์บอกต่อ
ชนิกานต์บ่นอุบ “ไม่น่าเสียเวลามาจัดกิจกรรมบ้าบอเลย...จะได้กี่บาทเชียว ไปขอจากพ่อฉันก็ได้เป็นแสนแล้ว”
สุตาภัญท้วง “เราไม่ได้ต้องการแค่เงิน แต่เราอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเป็นจิตอาสา และร่วมแบ่งปันให้เด็กๆ ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ”
ชนิกานต์แซว “จ้า...แม่นางฟ้าเบอร์ห้า”
ธีรดนย์เอ่ยขึ้น “เหลือเวลาหนึ่งชั่วโมง ทุกคนสแตนด์บายอยู่แถวนี้แล้วกัน”
ทุกคนพนักหน้ารับ แล้วแยกย้ายเดินออกไป ชนกชนม์จะเดินไป ธีรดนย์เรียกไว้
“ชนกชนม์ หวังว่านายไม่ทำงานฉันล่มอีก”
“เชื่อใจเพื่อนสิวะ”
ชนกชนม์ยิ้ม รับปากอย่างมั่นใจ
สุตาภัญแยกมาเพื่อเตรียมกล่องรับบริจาค และตรวจเช็กโบว์ชัวร์ที่จะแจกตอนเล่นดนตรี
“ฉันฝากเช็กของด้วยนะ” ชนิกานต์บอก
“เธอจะไปไหน” สุตาภัญสงสัย
“ไปเสริมสวยหน่อย” ชนิกานต์เหล่มองไปที่ชนกชนม์ ซึ่งอยู่ที่มุมหนึ่ง “ฉันอยากให้เขาประทับใจฉัน”
สุตาภัญยิ้ม ชนิกานต์รีบเดินออกไป
ขณะที่สุตาภัญเช็กของอยู่ชนกชนม์เดินเข้ามาช่วย
“ฉันดีใจด้วยนะที่นายได้กลับมาร้องเพลง นายคงชอบร้องเพลงมากสิ”
“ก็ชอบ แต่ที่ฉันมาที่นี่ มีเหตุผลอื่นมากกว่านั้น”
“เหตุผลอะไรเหรอ”
ชนกชนม์แหย่ถาม “อยากรู้จริงอ่ะ”
“เล่นตัวนัก ไม่อยากรู้แล้ว” สุตาภัญทำเป็นงอน
“อยากบอกอ่ะ เหตุผลมันมีสามข้อ”
“เยอะจัง อ่ะ...ข้อแรกคือ”
ชนกชนม์ขยับเข้าไปจับมือสุตาภัญ แล้วพาเดินออกไป
สุตาภัญแปลกใจ แต่ก็ยอมตามไปไม่ขัดขืน
ไม่นานหลังจากนั้น ชนกชนม์พาตัวเองมาหยุดหน้าร้านเสื้อสตรีวัยทำงานในห้างแห่งนั้น สุตาภัญเดินเข้ามายืนมองหุ่นที่ใส่เสื้อผ้าผู้ใหญ่
“อย่าบอกนะว่าจะซื้อเสื้อผ้าให้ฉัน เอ่อ..มันดูสูงวัยไปนะ”
“ใครบอกล่ะ...ฉันจะซื้อเสื้อผ้าให้คุณแม่ฉัน ฉันอยากให้ท่านให้อภัยและประทับใจฉันบ้าง...เธอต้องช่วยเลือก”
สุตาภัญแปลกใจ “ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”
“ก็เธอเป็นคนสอนให้ฉันทำดีกับคุณแม่ ดังนั้น..เธอต้องร่วมรับผิดชอบด้วย”
“ถ้าฉันบอกอะไรนายก็จะทำตามที่ฉันสั่ง..ว่างั้น”
ชนกชนม์โค้งคำนับยิงมุกพูดล้อๆ “เจ้าชายตกอยู่ใต้อำนาจของเธอแล้ว..สโนไวท์”
สุตาภัญขำในมุกของชนกชนม์ ชนกชนม์ผายมือเชิญให้สุตาภัญเข้าไปข้างใน สุตาภัญยิ้มรับแล้วถอนสายบัว..เดินเข้าไปในร้านนั้น
ขณะเดียวกันชยางกูรและสาวๆ เดินถือถุงใส่เสื้อผ้า มาหยุดที่หน้าร้านเดียวกัน
“ขอบใจกูรมากนะ” นานาบอก
ชยางกูรโอบเอวนานา “กลับกันเถอะ....ไปนั่งรถเล่นกับฉัน”
นานาเล่นตัวพอเป็นพิธี พูดอ้อนๆ “เดี๋ยวก่อนสิ...นานาขอไปทำสปาเล็บก่อนนะ”
ชยางกูรควักเงินส่งให้ “เสร็จแล้วโทร.มา”
นานายิ้มดีใจเข้ามาหอมแก้มชยางกูร แล้วเดินออกไปกับเพื่อนๆ ในจังหวะที่เพทายและเพื่อนๆ เดินเข้ามาหาชยางกูรพอดี
“ถูกใจไหม” เพทายถาม
“แก้ขัด” ชยางกูรว่า แล้วหันบอกทุกคน “ไปหาอะไรกินกัน เย็นนี้ต้องใช้แรงอีกเยอะ”
ชยางกูรเดินนำออกไป เพทายและเพื่อนๆตามเป็นโขยง
นานาถือเงินยิ้มเข้ามาอย่างมีความสุข
“ชยางกูรเป็นถึงลูกเจ้าของจิวเวอรี่ ฉันต้องจับให้อยู่หมัด” นานาอวด
“ใครได้เป็นแฟนสบายไปทั้งชาติ” เจนว่า
“อิจฉาอ่ะแก..วันหน้าแบ่งปันให้ตกถึงท้องฉันบ้าง” พลอยเย้า
สามสาวเดินหัวเราะออกไป
สุรเดชยืนอยู่มุมหนึ่ง เห็นสาวๆ นุ่งสั้น ก็สนใจ
“วันนี้วันศุกร์...คนดีใส่สีอะไรนะ”
สุรเดชยิ้มกริ่มแล้วเดินตามสาวๆ ไปทันที
ด้านชนิกานต์กลับมาบริเวณจัดกิจกรรม...ส่องสายตามองหาชนกชนม์
“ชนกชนม์ไปไหนอ่ะ จะอวดสวยสักหน่อย”
ธีรดนย์เข้ามาถามชนิกานต์
“เธอเห็นตามั้ย”
“ไม่เห็น”
ธีรดนย์มองหน้าตาชนิกานต์ “มัวห่วงสวย...ไม่เคยห่วงเพื่อน”
“แล้วไง แกก็เลิกทำตัวเป็นหมาเห่าเครื่องบินได้แล้ว ยัยตาไม่มีวันเอาแกหรอก”
“อย่าหาเรื่องทะเลาะได้มั้ย นี่ใกล้เวลาแสดงแล้ว ทั้งตาและไอ้ชนม์หายไป!”
ชนิกานต์และธีรดนย์กังวลใจและแปลกใจว่าทั้งสองหายไปไหน?
ส่วนภายในร้านเสื้อผ้าสำหรับผู้ใหญ่ ชนกชนม์เลือกเสื้อผ้ามาได้หนึ่งชุด ถือให้สุตาภัญดู
“ชุดนี้สวยมั้ย”
“ไม่ดี.. มันเปรี้ยวไป”
ชนกชนม์จึงหยิบอีกชิ้นมาทาบตัวเอง
สุตาภัญบอกอีก “ไม่ไหว..แก่มาก!”
ชนกชนม์ฉงน “หมายถึงชุด”
สุตาภัญยิ้มขำ “หมายถึงนาย”
สุตาภัญหัวเราะชนกชนม์ ชนกชนม์หยิบอีกชุดมา แล้วทาบตัว ทำท่าสาวแตกพรีเซ้นต์เป็นผู้หญิง
“ชุดนี้ล่ะ สวยมั้ยคะ”
“ทะลึ่งน่า”
“แล้วชุดไหนเหมาะกับแม่ฉันล่ะ”
สุตาภัญมองไปที่ราวอีกมุมหนึ่ง สุตาภัญเดินไปเลือกชุด ได้มาชุดหนึ่งเอามาให้ชนกชนม์ดู
“นายบอกว่าคุณแม่นายเป็นเวิร์คกิ้งวูแมน ชุดนี้น่าจะเหมาะ”
ชนกชนม์ยืนมอง ยิ้มรู้สึกพอใจเช่นกัน
“สวยจัง”
“ชุดเหรอ”
“เปล่า..หมายถึงเธอ”
สุตาภัญยิ้มรับเขินๆ “เอาชุดนี้นะ!”
“ต้องลองก่อน! ฉันอยากรู้ว่าเวลาสวมแล้วจะสวยมั้ย”
สุตาภัญแปลกใจ “ให้ฉันลองชุดแม่นายเนี่ยนะ”
“เธอก็คิดว่าเป็นแม่ฉันสิ” ชนกชนม์เย้า
สุตาภัญทำเสียงดุล้อเลียนชลนิภา “ไม่ต้องมาสั่งฉันชนกชนม์ เธอต่างหากที่ต้องฟังคำสั่งฉัน!”
ชนกชนม์อึ้งยืนนิ่งงันไป
สุตาภัญรู้สึกผิด คิดว่าชนกชนม์ไม่พอใจ “ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
จู่ๆ ชนกชนม์กลับหัวเราะสวนขึ้นมา “เธอเล่นละครเหมือนคุณแม่ฉันมาก...” แล้วดันตัวสุตาภัญ “ไปลองได้แล้ว”
สุตาภัญมองนาฬิกา “ไม่ต้องลองหรอก ใกล้เวลาเล่นดนตรีแล้วนะ”
ชนกชนม์จับข้อมือสุตาภัญดูนาฬิกา “เหลืออีกตั้งสิบนาที ทันน่า”
ชนกชนม์ดันตัวสุตาภัญให้เข้าไปลองชุด
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 2
ตรงลานกิจกรรมห้างสรรพสินค้าในตอนนั้น ชนิกานต์พยายามโทร.หาสุตาภัญแต่ติดต่อไม่ได้
“ยัยตาปิดเสียงแน่เลย”
โจเดินเข้ามาถามธีรดนย์ “ชนกชนม์มารึยัง จะถึงเวลาเล่นแล้ว”
ธีรดนย์ไม่พอใจ “ฉันไม่น่าให้โอกาสมันเลย” ก่อนจะหันไปตำหนิชนิกานต์ “เป็นไงล่ะคนดีของเธอ สร้างปัญหาทุกครั้ง”
“เลิกบ่นสักทีได้มั้ย แทนที่จะยืนด่าแฟนฉัน เอาเวลาไปคิดแก้ปัญหาเถอะ” ชนิกานต์หงุดหงิด
ธีรดนย์ไม่พอใจที่ชนิกานต์หันมาย้อนด่ากลับ จึงหันมาบอกโจ
“คิวแรกฉันร้องเอง”
โจพยักหน้า แล้วรีบกลับไปเตรียมตัว ธีรดนย์หันไปบอกชนิกานต์
“คราวนี้ฉันตัดคนดีของเธอออกจากวงเด็ดขาด”
ธีรดนย์โมโหเดินไปเตรียมตัวเล่นดนตรี ชนิกานต์แปลกใจว่าชนกชนม์กับสุตาภัญหายไปไหน
“หายไปไหนกันนะ”
ส่วนชนกชนม์มองดูเวลา เริ่มกังวลใจ
“เหลืออีกห้านาที น่าจะทัน”
ขณะพูดชนกชนม์เหลียวมองไปทางหน้าร้านก็ต้องตกใจ
“คุณแม่”
ชลนิภาเดินมาหยุดที่หน้าร้าน แล้วมองเข้าไปในร้าน ชนกชนม์รีบฉากหลบ แอบอยู่ที่มุมหนึ่ง มองตรงไปอย่างลุ้นๆ
“อย่านะ อย่าเข้ามา”
ชลนิภาเดินเข้ามาในร้าน มีธนกรเดินตามเข้ามาด้วย
“ให้ได้งี้สิ”
ชนกชนม์ตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกังวล...รีบเดินไปยังห้องลองชุด
สุตาภัญเดินออกมาจากห้องลองชุดพอดี
“เป็นไง...สวยถูกใจมั้ย?” บังเอิญสุตาภัญเหลียวมองไปที่มุมหนึ่ง เห็นชลนิภาเดินเข้ามา “ผู้หญิงคนนั้นเหมื๊อนเหมือนแม่นาย”
“ไม่ใช่แค่เหมือน..แต่ใช่เลยล่ะ” ชนกชนม์บอก
“ถ้าแม่นายมาเห็นก็ไม่เซอร์ไพร้ส์นะสิ”
ชนกชนม์กังวลใจ “แถมฉันต้องโดนด่า”
สุตาภัญตกใจ “เอาไงดี”
ชนกชนม์กังวลใจ คิดหาทางรอด
ครู่ต่อมาสุตาภัญยืนอยู่ในห้องลองเสื้อ โดยมีชนกชนมเบียดอยู่ด้านในด้วยกัน
“ทำไมนายต้องมาหลบในนี้ด้วย”
“ก็คิดไม่ออกอ่ะ เดี๋ยวคุณแม่ก็คงกลับไปแล้วล่ะ”
ด้านชลนิภาหยิบเสื้อขึ้นมา แล้วหันไปถามพนักงาน
“ห้องลองอยู่ไหน”
ชนกชนม์และสุตาภัญตกใจ
“เชิญทางด้านโน้นค่ะ”
พนักงานบอกพลางเดินนำชลนิภาและธนกรไปที่ห้องลองเสื้อ
สองคนยังอยู่ในห้องลองเสื้อ ชนกชนม์บอกสุตาภัญ
“รีบออกไปตอนนี้น่าจะทัน”
ชนกชนม์เปิดประตูจะออกไปเพื่อหลบแม่ แต่กลับเห็นชลนิภาเดินตรงมาที่ห้องลอง รีบปิดประตูทันที
สุตาภัญตกใจ “สายไปแล้วใช่มั้ย”
ชนกชนม์พยักหน้ารับ “ไม่ต้องกังวลหรอก ร้านนี้มีห้องลองหลายห้อง”
พนักงานเดินนำชลนิภามาบริเวณห้องลอง
“ขอประทานโทษด้วยนะคะ ห้องอื่นกำลังปรับปรุงใหม่ เหลือเพียงห้องเดียวค่ะ”
ชนกชนม์และสุตาภัญต่างตกใจ ประมาณว่า อะไรเนี่ย ซวยซ้ำซวยซ้อน
สองคนพูดพร้อมกัน “ซวยแล้ว” / “แย่แล้ว”
ทั้งสองนึกได้ว่าอุทานเสียงดังไป ต่างรีบเอามือปิดปากฝ่ายตรงข้าม
ทางด้านธีรดนย์ร้องเพลงจบแล้ว คนที่ยืนฟังอยู่บริเวณนั้นปรบมือให้เกรียว ธีรดนย์ลงจากเวที โจทำหน้าที่เป็นพิธีกร
“หากประทับใจเสียงเพลงของพวกเรา เชิญร่วมบริจาคกันได้เลยครับ เงินทุกบาทจะนำไปจัดกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อเด็กๆ ในสลัมครับ”
ระหว่างที่โจพูดเชิญชวนอยู่นั้น ธีรดนย์ลงมาถามชนิกานต์ที่ยืนอยู่มุมหนึ่ง
“มารึยัง”
ชนิกานต์ส่ายหน้า “ฉันพยายามโทร.ตามแล้ว ติดต่อไม่ได้”
“คิวต่อไปต้องร้องคู่กับตา”
“จะยากอะไรก็ร้องเพลงเดี่ยวสิ”
“ฉันออกแบบให้ร้องเพลงคู่กัน เพื่อสื่อถึงการร่วมแรงร่วมใจของผู้ชายกับผู้หญิงที่มีส่วนร่วมในการดูแลเด็ก”
“คิดคอนเซ็ปท์บ้าบอ..ก็แก้ปัญหาเองแล้วกัน!”
ธีรดนย์คิดหาทางแก้ปัญหา จับแขนชนิกานต์ไว้หมับ
“เธอต้องร้องเพลงกับฉัน!”
ชนิกานต์ตกใจร้อง “ห๊า”
ส่วนชนกชนม์และสุตาภัญเบียดกันอยู่ในห้องลองเสื้อผ้าด้วยความกังวลใจ ชลนิภาเดินมาหน้าห้องลองเสื้อผ้า...โวยวายหน้าห้อง
“นี่คุณ ฉันรอนานแล้วนะ หัดมีมารยาท รู้จักแบ่งปันบ้าง”
“ใจเย็นนะคะ ฉันจัดการให้ค่ะ”
พนักงานเดินเข้ามาแคะประตูห้องลองชุด
“ขอโทษนะคะ คุณลูกค้าลองชุดเสร็จรึยังคะ?”
ชนกชนม์กับสุตาภัญตกใจ สุตาภัญคิดแก้ปัญหาตอบไป
“เอ่อ..ยังค่ะ พอดีซิปติดค่ะ”
“งั้นดิฉันเข้าไปช่วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยตัวเองได้ค่ะ”
ชลนิภาได้ยินไม่พอใจ โวยวายใส่
“นี่คุณ...ห้องลองเสื้อผ้านะคะ ไม่ใช่ห้องส่วนตัว”
“ผมว่าเราไปดูของร้านอื่น แล้วค่อยกลับมาลองก็ได้” ธนกรบอก
ชลนิภาส่งเสื้อผ้าคืนพนักงาน “เอาคืนไป ฉันไม่ซื้อแล้ว”
ชลนิภาเดินเหวี่ยงออกไป ธนกรเดินตามชลนิภาไป ชนกชนม์และสุตาภัญได้ยินค่อยคลายความกังวลขึ้น
พนักงานไม่พอใจนัก ที่สุตาภัญลองเสื้อผ้านานทำให้เสียลูกค้า
“คุณเปิดได้แล้วค่ะ คุณทำให้เราเสียลูกค้านะคะ”
ชนกชนม์ตะโกนถามออกมา “เขาไปรึยังครับ?”
พนักงานได้ยินเสียงผู้ชายก็ตกใจ “เสียงผู้ชาย”
สุตาภัญรีบแก้ตัว “ฉันถามว่าเขาไปรึยังคะ ฉันไม่กล้าออกไปตอนนี้ กลัวโดนตบค่ะ”
“ไปแล้วค่ะ”
“ช่วยออกไปดูที่หน้าร้านให้ชัวร์ค่ะ ฉันกลัวเขาดักตบหน้าร้านค่ะ ไม่ไปดูฉันก็ไม่ออกไปนะคะ”
สุตาภัญทำเสียงขู่ พนักงานจำต้องไปดูให้
“ค่ะ” พนักงานเดินออกไปเลย
ชนกชนม์เปิดประตูออกมา...ไม่เจอชลนิภาก็โล่งใจ...สุตาภัญถอนหายใจที่รอดมาได้หวุดหวิด
ชนกชนม์บอกสุตาภัญ “ตกลงเอาชุดนี้นะ”
สุตาภัญส่ายหน้า “มีชุดที่สวยกว่านี้อีก”
สุตาภัญมีความคิดใหม่ในการเลือกชุดให้ชลนิภา ชนกชนม์แปลกใจ
สองคนอยู่หน้าร้านเสื้อ สุตาภัญส่งถุงใส่เสื้อผ้าให้ชนกชนม์
ชนกชนม์หยิบเสื้อออกมา เห็นเป็นเสื้อตัวที่ชลนิภาตั้งใจจะลอง
“คุณแม่นายปลื้มใจที่ลูกชายเลือกเสื้อผ้าได้ถูกใจ” สุตาภัญมั่นใจ
ชนกชนม์ยิ้ม “ขอบใจเธอมากนะ”
สุตาภัญยิ้มรับ แต่แล้วก็นึกได้ “ว้าย”
ชนกชนม์สะดุ้งตกใจ คิดว่าชลนิภากลับมาที่ร้าน
“คุณแม่ย้อนกลับมาเหรอ”
“เปล่า...เลยเวลาร้องเพลงมาสิบกว่านาทีแล้ว!”
ชนกชนม์และสุตาภัญตกใจที่ไปไม่ทันร้องเพลง
ขณะเดียวกันชยางกูรและพวกเพทายเดินออกจากร้านอาหาร เพทายมองไปที่มุมหนึ่ง
“ไม่ไปเป็นกำลังใจให้เพื่อนพี่นายหน่อยเหรอ”
ชยางกูรแปลกใจ มองไปลานกิจกรรม เห็นธีรดนย์และชนิกานต์ร้องเพลงด้วยกันอยู่
“ยัยตัวแสบนั่นเอง...สนุกล่ะงานนี้!”
ชยางกูรยิ้มร้ายขณะมองไป คิดแผนอะไรบางอย่างในใจ
จังหวะที่ชนกชนม์เดินจูงมือสุตาภัญมาตามทางเดิน เพื่อไปยังลานกิจกรรม ระหว่างนั้นนิธิยืนชี้ไปที่ร้านไอศกรีม สองคนไม่เห็น
“คุณพ่อคุณแม่ครับ นิธิอยากกินไอศกรีม”
วีรภัทรและนัชชาเดินเข้ามาหานิธิ
“คุณแม่ซื้อให้นะคะ”
วีรภัทรและนัชชาจูงมือนิธิเดินตรงไปที่ร้านไอศกรีม
ธีรดนย์และชนิกานต์ร้องเพลงด้วยกันบนเวทีตรงลานกิจกรรม สักครู่หนึ่งกฤติยาเดินเข้ามาในห้าง มองหาสุรเดช และหันไปเห็นธีรดนย์ร้องเพลงอยู่
กฤติยาเนื้อเต้นที่ได้เจอธีรดนย์อีก เธอเดินตรงมายังหน้าเวทียิ้มให้ธีรดนย์
ธีรดนย์เห็นกฤติยายิ้มก็ยิ้มตอบ ชนิกานต์มองกฤติยา พอรู้ว่ากฤติยาชื่นชอบธีรดนย์ก็หมั่นไส้
กฤติยาเอาเงินหยอดกล่องบริจาคหน้าเวที ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องโห่ดังขึ้น กฤติยาหันไป เห็นก๊วนชยางกูรเดินเข้ามายืนหน้าเวที โห่แซวธีรดนย์และชนิกานต์
“ฮู้ว”
กฤติยาเลี่ยงเดินหลบออกไป ยืนดูอยู่ห่างๆ ไม่อยากเจอพวกชยางกูร
“เสียงแบบนี้กลับไปเห่าที่บ้านเหอะ” ชยางกูรเย้ย
เพื่อนๆ ร้องโห่ฮารับ “ฮู้ว”
ชนิกานต์ไม่พอใจ จะลงไปด่า แต่ธีรดนย์คว้ามือไว้ แล้วร้องเพลงต่อไป ชยางกูรและพวกโห่ร้องแซวต่อ ทำให้คนที่ยืนฟังอยู่บริเวณนั้นถอยห่างออกไป
ธีรดนย์และชนิกานต์ร้องจบเพลงลงจากเวที โจทำหน้าที่เป็นพิธีกรต่อทันที
“เชิญร่วมบริจาคเงินได้ครับผม”
ชนิกานต์ไม่พอใจ เดินตรงไปหาพวกชยางกูรอย่างเอาเรื่อง
“ไอ้พวกปากมอม”
ธีรดนย์ห้าม “อย่าไปยุ่งกับพวกมัน”
ชนิกานต์ไม่ฟัง เดินตรงไปยังพวกชยางกูร ธีรดนย์ได้แต่ยืนส่ายหัวในความรั้นของชนิกานต์
ชยางกูรและพวกเป่าปากโห่ร้องแซวไม่หยุด
ชนิกานต์ตวาด “หยุดเห่าได้แล้ว! ไอ้พวกหมาขี้เรื้อน!”
พวกชยางกูรหยุดโห่ทันที ชนิกานต์ด่าต่อ
“อยากแสดงความป่าเถื่อน ทำตัวไร้สาระก็ไปในที่ของพวกแก ไม่เห็นรึไงว่าเขาทำบุญกัน อ๋อ..น้ำหน้าอย่างพวกแกคงไม่รู้จักการทำดีสิ ทำบาปจนเคยตัวทำชั่วเป็นนิสัย คงสะกดเป็นแต่คำว่านรก!”
“ปากดีนักนะยัยตัวแสบ”
ชยางกูรโกรธ เงื้อมือหมายจะตบชนิกานต์ แต่ชนกชนม์เข้ามาคว้ามือไว้
“ชนกชนม์” ชนิกานต์รู้สึกดีที่ชนกชนม์มาช่วยไว้
ชยางกูรด่าชนกชนม์ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก ออกไป”
“แกไม่ควรรังแกผู้หญิง และผู้หญิงคนนี้ก็เป็นเพื่อนพี่”
สุตาภัญเข้ามามองชยางกูร แปลกใจเมื่อรู้ว่าชยางกูรเป็นน้องของชนกชนม์
“น้องนายเหรอ”
ธีรดนย์เข้ามาสมทบ บอกสุตาภัญเป็นเชิงตำหนิชนกชนม์
“ถึงเป็นพี่น้องคนละพ่อ...แต่นิสัยไม่ต่างกันหรอก”
ชยางกูรเดินตรงเข้ามาหาสุตาภัญ
“เจอกันคราวก่อนยังไม่ได้ทักทายเลย...ฉัน...ชยางกูร” พลางยื่นมือออกมาจะจับมือสุตาภัญ “ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันไม่อยากรู้จักคนที่คิดทำลายงานของฉัน” สุตาภัญบอกเสียงขุ่น
ชนกชนม์บอกธีรดนย์
“ธี...ยังพอมีเวลาเหลือใช่มั้ย ฉันขอร้องเพลงไถ่โทษ น่าจะได้เงินบริจาคเพิ่มขึ้น”
ธีรดนย์ไม่พอใจ “นายหมดเวลาแก้ตัวแล้ว วงเราไม่ต้องการนายอีก”
ชนิกานต์รีบทักท้วง “ไม่ได้นะ นายต้องให้เขาร้อง เขาเสียงดีกว่านายอีก”
ชยางกูรหัวเราะเยาะ “ร้องเพลงหาเงิน ทำตัวยังกะขอทานข้างถนน เอางี้..ถ้าแกทำให้คนที่เดินผ่านไปมา เข้ามาฟังเพลงแล้วสนุกไปกับพวกแกได้ ฉันบริจาคหนึ่งหมื่น” น้องชายต่างบิดาของชนกชนม์หยิบเงินออกมาหนึ่งหมื่น
ธีรดนย์และสุตาภัญยิ้มพอใจ มั่นใจว่าสามารถทำได้
ชยางกูรบอกชนกชนม์ “แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ....กราบตีนฉันตรงนี้”
ชนกชนม์อึ้ง
สุตาภัญโมโห “ไม่ต้องรับคำท้านะ..นายไม่จำเป็นต้องเดิมพันด้วยศักดิ์ศรี”
ชยางกูรเย้ยหยัน “ว่าไงพี่ชายอวดเก่ง แกมันก็แพ้ทั้งชีวิต”
ชยางกูรจะเก็บเงินใส่กระเป๋า...ชนกชนม์จับมือชยางกูรไว้
“ตกลง” ชนกชนม์บอกอย่างเด็ดเดี่ยว
ด้านชลนิภาเดินบ่นไม่หยุด หงุดหงิดเรื่องที่ไม่ได้ลองชุด
“ฉันล่ะเกลียดนัก..พวกไม่มีน้ำใจแบ่งปันคนอื่น..พวกเห็นแก่ตัว”
ชลนิภาเดินบ่น แต่แล้วจังหวะนั้น เด็กน้อยนิธิวิ่งก็ถือไอศกรีมโคนมาชน ทำให้ไอศกรีมเลอะตัวชลนิภาร้องลั่น
“ว้ายย!”
นิธิรีบยกมือไหว้ “ผมขอโทษครับ”
“ไอ้เด็กบ้า ทำเสื้อผ้าฉันเลอะหมดเลย วิ่งเล่นไม่ดูตาม้าตาเรือ พ่อแม่ไม่สั่งสอนรึไง”
ชลนิภาด่าทันที แล้วผลักนิธิล้มลงกับพื้น นิธิร้องไห้ วีรภัทรและนัชชาวิ่งเข้ามาหานิธิ
“ลูกนิธิ” วีรภัทรตกใจ
นัชชาไม่พอใจชลนิภามาก “เธอ”
ชลนิภาและธนกรต่างก็ตกใจที่เจอวีรภัทรกับนัชชา
ตรงลานกิจกรรม เสียงดนตรีจังหวะเพลงสนุกสนานดังไปทั่วบริเวณ ชนกชนม์ดีดกีต้าร์ร้องเพลง ผู้คนต่างเดินไปมา ยืนฟังห่างๆ
ชยางกูรมองเย้ย “ไม่มีใครสนุกกับแกเลย เล่นไปก็เสียเวลา ลงมากราบตีนฉันดีกว่า”
ชยางกูรและพวกหัวเราะเยาะชนกชนม์
สุตาภัญตัดสินใจวิ่งไปยังหน้าเวที ชนิกานต์แปลกใจ
“ยัยตา เธอจะทำอะไร”
ชนกชนม์ร้องเพลงอยู่ และแล้ว..สุตาภัญก็เข้ามาร้องเพลงร่วมกับชนกชนม์ ทำให้บรรยากาศสนุกมากขึ้น
ผู้คนที่เดินผ่านไปมา เดินเข้ามาฟังเพลงมากขึ้น
ชนิกานต์อยากช่วยชนกชนม์ จึงลากเพื่อนผู้หญิงที่คอยช่วยถือกล่องบริจาค เอากล่องไปวางไว้หน้าเวที ชนิกานต์เต้นประกอบเพลง สร้างสีสันให้สนุกยิ่งขึ้น
กฤติยาปรบมือเป็นจังหวะให้วงของชนกชนม์ คนดูก็ปรบมือตาม คนดูสนุกกับเพลงของชนกชนม์ เพื่อนๆ ของชยางกูรก็ดันลืมตัว ร้องเพลงและเต้นตามไปด้วย ชยางกูรหันไปตวาด
“หยุดเต้นได้แล้ว”
เพทายกระซิบบอกชยางกูร “เห็นทีต้องเสียเงินให้มันแล้วละ”
ชยางกูรไม่พอใจ ที่แพ้ชนกชนม์จนได้
ชนกชนม์และสุตาภัญร้องเพลงด้วยกัน สบตากันอย่างมีความสุข ดีใจที่ทำได้สำเร็จ
ฟากวีรภัทรและนัชชากำลังช่วยกันปลอบใจนิธิ
“ไม่ร้องนะคนเก่ง”
วีรภัทรหันไปบอกชลนิภา
“ผมขอโทษแทนลูกนิธิด้วย แกไม่ได้ตั้งใจ”
นัชชาไม่พอใจต่อว่าวีรภัทร “คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษคนแบบนี้”
ชลนิภาย้อน “คนแบบนี้หมายถึงแบบไหน?”
“ลูกฉันขอโทษคุณ...แต่คุณไม่ให้อภัยกลับซ้ำเติมด่าถึงบุพการี คนแบบนี้ไม่ควรขอโทษหรือให้ความเคารพ” นัชชาแดกดัน
ชลนิภาพูดเหยียดเย้ย “เพราะมีแม่ถือหางอยู่อย่างนี้ไง ลูกถึงได้ซนทะโมนไม่มีมารยาท! และได้เชื้อเลวๆของพ่อมา.. โตขึ้นก็คงเป็นพวกวัยรุ่นสร้างปัญหา เป็นขยะสังคม”
วีรภัทรและนัชชาได้ฟังก็ไม่พอใจ
ธนกรตำหนิชลนิภา “คุณพูดแรงเกินไปแล้วนะ” ธนกรรีบบอกวีรภัทรและนัชชา “ผมขอโทษแทนภรรยาผมด้วยครับ”
“คุณชลนิภา..คุณไม่ควรพูดต่อหน้าเด็ก และควรให้เกียรติผมบ้าง” วีรภัทรต่อว่าอดีตภรรยา
“รึไม่จริง เชื้อชั่วๆของคุณทำให้ชนกชนม์..ทำตัวเลวทรามต่ำช้า” ชลนิภาสวนคำ
นัชชาย้อนกลับ “คุณอย่าลืมสิว่าชนกชนม์ก็เป็นลูกของคุณเหมือนกัน! จะดีจะชั่วก็มีเชื้อมาจากคุณ”
“ไม่ค่ะ...ฉันถือว่าชนกชนม์เป็นลูกพ่อ ลูกของฉันคือชยางกูร” ชลนิภาบอกอย่างภาคภูมิใจ “และฉันก็มั่นใจว่าชยางกูรจะเป็นคนเก่งคนดีกว่าเด็กเลวๆคนนี้”
ชลนิภาหันไปตวาดใส่นิธิ วีรภัทรและนัชชาไม่พอใจ
“เธอ” นัชชาแค้น
ขณะเดียวกันชนกชนม์ถือกล่องบริจาคเดินตรงมาหาชยางกูร ในขณะที่ภาพด้านหลัง คนดูเฮเข้ามาบริจาคเงินให้ชนิกานต์และธีรดนย์มากมาย
“นายต้องทำตามสัญญา” ชนกชนม์บอก
ชยางกูรเล่นแง่ “สัญญาอะไร”
สุตาภัญทวนความจำ “สัญญาว่านายจะร่วมบริจาคเงินให้ชมรมเราหนึ่งหมื่นบาท”
ชยางกูรไม่สามารถบิดพริ้วได้ เพราะต้องเอาหน้ากับสุตาภัญ ยอมควักเงินใส่กล่องบริจาคทันที
ชนกชนม์และสุตาภัญยิ้มพอใจ
พวกเพทายรู้สึกเสียหน้า เพทายบอกชยางกูร “กลับกันเถอะ..ฉันจะโทร.ตามพวกสาวๆ ให้”
เพทายจะเดินออกไป แต่ชยางกูรเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
เพทายและเพื่อนๆ แปลกใจว่าชยางกูรจะทำอะไรต่อไป
ส่วนนานา เจนและพลอยขึ้นบันไดเลื่อนมา โดยไม่รู้ว่าสุรเดชรีบตามไป พร้อมกับกดเปิดกล้องวิดีโอ ดักช้อนเพื่อถ่ายภาพชุดชั้นในของนานากับเพื่อน
ทางด้านกฤติยาเดินมองหาสุรเดช
“นัดตรงนี้แล้วไปไหน” เมื่อไม่เจอจึงกดเบอร์โทร.หาสุรเดช
สุรเดชจดจ่อกับการถ่ายภาพชุดชั้นในของสามสาว แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
สุรเดชตกใจสบถเสียงดัง “ ไอ้เชี่ย”
นานา เจน และพลอยได้ยินเสียงโทรศัพท์และเสียงอุทานก็หันกลับมามอง เห็นสุรเดชถือมือถือจ่อใต้กระโปรง
สามคนโวยลั่น “ไอ้โรคจิต”
สุรเดชตกใจ “ฉิบหาย”
พวกนานากรี๊ดเสียงดังลั่น สุรเดชต้องเอามืออุดหูตัวเอง
เวลาเดียวกันชยางกูรบอกสุตาภัญเพื่อเอาหน้า
“ฉันคิดว่าเงินหมื่น..มันน้อยเกินไปที่จะช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส”
ชยางกูรควักเงินหมดกระเป๋าเทใส่กล่องต่อหน้าสุตาภัญ
“ฉันจะบริจาคเพิ่มมากกว่านี้ ถ้าเธอไปทานข้าวมื้อค่ำกับฉัน” ชยางกูรบอก
“ขอบใจนะที่ร่วมทำบุญ แต่เราต้องการเงินจากคนใจบริสุทธิ์ที่คิดทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน” สุตาภัญว่า
ชนิกานต์ปราดเข้ามา เย้ยชยางกูร
“ไม่ใช่เงินจากคนใจบาปหยาบช้าอย่างพวกแก”
ชยางกูรและพวกเพทายไม่พอใจ แต่แล้วก็มีเสียงกรี๊ดดังแทรกเข้ามา
“อ๊าย... ช่วยด้วยค่ะ”
พวกชนกชนม์และพวกชยางกูรหันไปมองที่มุมหนึ่ง เห็นสุรเดชวิ่งหนี...โดยมีพวกนานาวิ่งไล่ตาม สุรเดชวิ่งมาหาชนกชนม์ เหนื่อยหอบลิ้นห้อย
“ไอ้ชนม์ ช่วยด้วย”
“มีอะไรวะ”
นานาและเพื่อนๆ วิ่งตามเข้ามาที่มุมหนึ่ง ตะโกนฟ้องบอกชยางกูร
“กูรคะ....ไอ้โรคจิตมันถ่ายคลิปกางเกงใน” นานาชี้มาที่สุรเดช
สุรเดชหันไปมองชยางกูรและพวกเพทาย หน้าเสียที่สาวๆ เป็นเด็กของพวกนี้
“รู้จักกันด้วย....เชี๊ยยกกำลังสอง”
ชยางกูรโกรธจัดชี้หน้าสุรเดช “จับมันมากระทืบ”
ขาดคำพวกชยางกูรวิ่งไล่สุรเดช ขณะที่สุรเดชวิ่งหนีไปทันที
“ไอ้เดช” ชนกชนม์เป็นห่วง
“อย่าไปยุ่งกับพวกอันธพาลเลย กลับกันเถอะ”
ชนิกานต์จะห้าม แต่ชนกชนม์วิ่งออกไปแล้ว เพราะเป็นห่วงสุรเดชมาก สุตาภัญเป็นห่วงชนกชนม์จะตามไปด้วย แต่ธีรดนย์คว้ามือไว้
“ตาต้องกลับให้ถึงมหาลัยก่อนพ่อตามารับนะ”
สุตาภัญกังวลใจเรื่องสุทิน จึงยอมหยุด แต่มองตามชนกชนม์ด้วยความเป็นห่วง
โปรดติดตาม "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 3