xs
xsm
sm
md
lg

ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 6

พอแท็กซี่จอดสนิท จึงเห็นว่าเป็นชนกชนม์และธีรดนย์ที่เปิดประตูลงจากรถอย่างรีบเร่ง ชนกชนม์เหลียวมองเห็นรถชยางกูรจอดอยู่ ก็มั่นใจว่ามาถูกที่แน่ ธีรดนย์วิ่งนำเข้าไปในโรงแรมแล้ว

ประตูลิฟต์เปิดออก สุตาภัญและชยางกูรเข้าไปในลิฟท์ ธีรดนย์และชนกชนม์วิ่งเปิดประตูเข้ามาในล็อบบี้โรงแรมในจังหวะที่ประตูลิฟต์ปิด ชนกชนม์และธีรดนย์จึงไม่เห็นสุตาภัญ
สองหนุ่มวิ่งตรงไปที่เคาน์เตอร์ทันที

พนักงานตรงเค้าน์เตอร์ปฎิเสธชนกชนม์ตามเคย
“ตั้งแต่หัวค่ำยังไม่มีใครเปิดห้องเลยครับ”
“ฉันเห็นรถน้องฉันจอดอยู่ที่นี่” ชนกชนม์บอก
ธีรดนย์ข่มขู่ทันที “อยากถูกปิดโรงแรมเพราะสมรู้ร่วมคิดคดีข่มขืนก็เอา”
ธีรดนย์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจะโทร.แจ้งตำรวจ
พนักงานตกใจรีบบอก “ผมพาไปที่ห้องเองครับ”
ชนกชนม์เร่ง “เร็วสิ”

ชยางกูรขึ้นมาถึงชั้น 7 ทำทีเป็นไขกุญแจห้อง 707 อย่างเร่งรีบ เหมือนว่าจะเข้าไปช่วยสุรัมภา ประตูเปิดออก สุตาภัญรีบผลักประตู วิ่งเข้าไปด้านในห้องทันที
สุตาภัญวิ่งเข้ามาในห้อง เห็นเตียงนอนว่างเปล่าไม่มีแม้เงาสุรัมภา
“ภาอยู่ไหน”
ชยางกูรยิ้มร้ายออกมา สุตาภัญตกใจ รู้ได้ทันทีว่าตัวเองถูกหลอก และเริ่มใจเสีย
“แกหลอกฉัน”

พนักงานโรงแรมถือกุญแจเดินนำมาที่ชั้น 3 เพื่อไปเปิดห้องให้ชนกชนม์และธีรดนย์ สองหนุ่มไม่ทันสังเกตว่าพนักงานยิ้มมีเลิศนัย
นึกถึงตอนที่ชยางกูรกระชากคอเสื้อ แต่ตนจับมือชยางกูรไว้ โดยพนักงานแอบรับเงินหนึ่งพันบาทที่ชยางกูรกุมไว้ในมือ พนักงานสบตารู้กันกับชยางกูร

พนักงานไขกุญแจห้องพักห้องหนึ่งที่ชั้น 3 ให้ ธีรดนย์ร้อนใจผลักประตูห้อง วิ่งเข้าไป ไม่เจอใคร
“ตา”
พนักงานรีบบอก “โทษที ผมจำห้องผิด อยู่ชั้นสี่”
ชนกชนม์รู้ทันที “แกตั้งใจถ่วงเวลาพวกฉัน!”
ชนกชนม์ต่อยพนักงานคนนั้น
“ไม่ต้องเสียเวลากับมัน หาเองเร็วกว่า”
ธีรดนย์กระชากพวงกุญแจจากพนักงาน ชนกชนม์หันไปตะคอกถามพนักงานอีกครั้ง
“บอกมามันเปิดห้องไหน”
พนักงานไม่ยอมตอบดีๆ ชนกชนม์จะต่อยซ้ำ พนักงานรีบบอก
“จำห้องไม่ได้ แต่อยู่ชั้นเจ็ด!”
ชนกชนม์และธีรดนย์ดีใจที่รู้ข้อมูลเพิ่มเติม

ส่วนสุตาภัญกำลังจะวิ่งออกไปจากห้อง แต่ถูกชยางกูรขวางไว้
“หลีกไป ฉันจะไปช่วยน้องฉัน”
“อย่าไปกวนใจพวกเขาเลย ป่านนี้น้องเธอคงสนุกกับเพื่อนฉัน”
สุตาภัญตกใจ “พวกแกวางแผนจับตัวน้องฉัน”
ชยางกูรเยาะ “รวมทั้งเธอด้วย”
สุตาภัญโกรธจัดจะตบหน้าชยางกูร แต่ถูกชยางกูรจับมือไว้
“ไม่เอาน่า...ฉันได้เธอก็ได้...สนุกด้วยกัน”
ชยางกูรเข้ามาจับตัวสุตาภัญไว้ สุตาภัญดิ้นหนี แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจะโทร.แจ้งตำรวจ ชยางกูรเข้ามาแย่งโทรศัพท์ ปาทิ้งทันที
“วันนี้เธอต้องเป็นเมียฉัน”
ชยางกูรเข้าไปกอดปล้ำสุตาภัญพัลวัน สุตาภัญดิ้นสู้สุดแรงเกิด พร้อมกับร้องตะโกนสุดเสียง
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

ธีรดนย์ออกจากลิฟท์วิ่งนำมาเห็นป้ายบอกชั้น 7 ธีรดนย์โยนพวงกุญแจพวงใหญ่ให้ชนกชนม์
“แยกย้ายกันตามหา! น้องนายทำอะไรตา นายต้องรับผิดชอบ”
ธีรดนย์คาดโทษแล้ววิ่งไปด้านหนึ่งเพื่อเปิดห้องตามหาสุตาภัญ ชนกชนม์มองพวงกุญแจในมือ แล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูเพื่อช่วยสุตาภัญ

ภายในห้อง 707 ชยางกูรเข้ามาปลุกปล้ำสุตาภัญบนเตียง สุตาภัญดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต แล้วจังหวะหนึ่งสุตาภัญกัดแขนชยางกูรเต็มเขี้ยว ชยางกูรเจ็บมาก
สุตาภัญดิ้นหนีหลุดออกมาได้ และจะลุกไปจากเตียง ชยางกูรดึงตัวกลับมา แล้วขึ้นคร่อมไว้
“ฤทธิ์มากนักนะ”
ชยางกูรเลือดขึ้นหน้า ทำท่าจะตบหน้าสุตาภัญ วินาทีนั้นสุตาภัญยกเข่าแทงเข้ากลางเป้าชยางกูรจังๆ
ชยางกูรร้องโอดโอย
สุตาภัญรีบลุกขึ้นจะวิ่งออกไป แต่แล้วชยางกูรวิ่งเข้ามาจับขาไว้ได้ สุตาภัญล้มลงกับพื้นห้อง
“ปล่อยฉันนะ”

ด้านธีรดนย์ไขกุญแจเข้าไปในห้องหนึ่ง แล้ววิ่งพรวดเข้าไป เจอชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดกันนัวเนียอยู่บนเตียง
“เข้ามาทำอะไรวะ” ฝ่ายชายตะคอกถามอย่างไม่พอใจ

ธีรดนย์ตกใจ “ขอโทษครับ”

ฝ่ายสุตาภัญพยายามดิ้นหนี ชยางกูรเข้ามาดึงขาไว้ สุตาภัญฮึดถีบหน้าชยางกูรอย่างแรงสุตาภัญลุกขึ้นจะวิ่งหนีไป ปากร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วย”

ชนกชนม์กำลังจะไขกุญแจห้องหนึ่ง ได้ยินเสียงร้องจากห้องตรงข้ามเป็นเสียงของผู้หญิง
“ช่วยด้วย”
ชนกชนม์เหลียวขวับไปที่ห้องตรงข้ามทันที
“สุตาภัญ”
ชนกชนม์รีบหากุญแจห้องแล้วไขเข้าไปแต่ผิดดอก
ขณะเดียวกันสุตาภัญวิ่งมาถึงประตู ดึงที่ล๊อคประตูออก กำลังจะบิดลูกบิดเปิดประตู
ชยางกูรเข้ามาดึงตัวสุตาภัญกลับเข้าไปในห้องแล้วตบหน้าฉาดใหญ่
สุตาภัญเจ็บมากร้อง “โอ๊ย”

ชนกชนม์ได้ยินเสียงร้องก็ตกใจ รีบไขกุญแจแล้วเปิดประตู วิ่งเข้าไปจะไปช่วยสุตาภัญ
“ตา”
ที่แท้ในห้องป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่แสร้งร้องให้คนช่วย เพื่อยั่วแฟนหนุ่ม ทั้งสองมองชนกชนม์ด้วยความตกใจ
“เอ่อ..ขอโทษครับ”
ชนกชนม์รีบออกจากห้องปิดประตู แล้วมองหาสุตาภัญด้วยความเป็นห่วง

สุตาภัญดิ้นรนต่อสู้สุดแรงเกิด จะวิ่งหนีออกไปจากห้องให้ได้ ชยางกูรจับตัวไว้ แล้วตบหน้าสุตาภัญอย่างแรง จนสุตาภัญทรุดตัวลงกับเตียง
“เธอบังคับให้ฉันต้องใช้ความรุนแรงกับเธอเองนะ”
ชยางกูรถอดเสื้อโยนไปมุมห้อง แล้วถอดกางเกงอย่างรีบเร่งหื่นกระหาย เตรียมโผนเข้ามาหาสุตาภัญ สุตาภัญเจ็บปวดไปทั้งตัว ร้องขออย่างน่าเวทนา
“อย่านะ....อย่าทำอะไรฉันเลย”
“ฉันสัญญา..จะไม่ทำให้เธอผิดหวัง”
ขณะที่ชยางกูรจะเข้าไปซุกไซ้ใบหน้าสุตาภัญ ก็มีมือใครคนหนึ่งดึงไหล่ชยางกูรไว้ ชยางกูรหันหน้ามา เจอหมัดพุ่งเข้าเต็มหน้า ที่แท้เป็นชนกชนม์มาช่วยสุตาภัญไว้ทันท่วงที ชยางกูรจับจมูกมีเลือดไหลซึมออกมา
“แก”
“ไอ้สารเลว” ชนกชนม์ด่าอย่างเกรี้ยวกราด
สุตาภัญเห็นชนกชนม์มาช่วยไว้ ก็ดีใจ
“ชนกชนม์”
ชยางกูรตวาดชนกชนม์ “อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน”
ชยางกูรโผนทะยานเข้ามาต่อยชนกชนม์ แต่ชนกชนม์หลบทัน แล้วต่อยติดๆ กันลายหมัด เล่นงานชยางกูรอย่างหนัก
ชยางกูรพยายามสู้ แต่สู้ไม่ได้ โดนชนกชนม์ต่อยจนหมอบคาพื้น ชนกชนม์หันไปมองสุตาภัญ ที่ถอยหนีไปยืนตัวสั่นที่มุมหนึ่งของห้อง
“เธอไม่เป็นอะไรแล้ว”
สุตาภัญขวัญกระเจิงน้ำตาไหลพราก วิ่งเข้ามาสวมกอดชนกชนม์ร้องไห้โฮ
“ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย”
“ไม่ต้องกลัว...เธอปลอดภัยแล้ว..ฉันจะปกป้องดูแลเธอเอง”
ชนกชนม์กอดปลอบใจสุตา สุตาภัญกอดชนกชนม์ด้วยความอุ่นใจและไว้วางใจ
จังหวะนั้นธีรดนย์โผล่พรวดเข้ามาในห้อง เห็นภาพชนกชนม์กอดกับสุตาภัญ ธีรดนย์ก็ไม่พอใจ
“ตา”
ชนกชนม์และสุตาภัญหันไปมอง เจอธีรดนย์ ชนกชนม์ปล่อยตัวสุตาภัญออก
ธีรดนย์รีบเข้ามาหาสุตาภัญอย่างห่วงใย “ตาเป็นยังบ้าง ผมเป็นห่วงตามากนะ” ธีรดนย์มองไปเห็นชยางกูรนอนหมอบอยู่ “มันทำอะไรตา...ผมจะฆ่ามัน!”
ว่าแล้วธีรดนย์ก็เข้าไปกระชากตัวชยางกูรขึ้นมาต่อยอย่างโกรธแค้น
“ไอ้สารเลว แกทำอะไรตา”
ธีรดนย์เข้าไปต่อยชยางกูรไม่ยั้ง จนชยางกูรนอนแน่นิ่งไป สุตาภัญร้องบอกธีรดนย์
“พอเถอะ รีบไปช่วยภา”
ชนกชนม์และธีรดนย์แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“พวกมันจับตัวพามาที่นี่ เราต้องไปช่วยภา”
“ผมไปช่วยเอง”
ธีรดนย์พาสุตาภัญออกไปจากห้อง ชนกชนม์หันไปมองชยางกูรที่นอนนิ่งอยู่ แล้วหันกลับตามออกไปเพื่อช่วยสุรัมภา

จังหวะนั้นสุรัมภาค่อยๆ รู้สึกตัว ฟื้นลืมตาตื่น ลุกขึ้นมา มองไปรอบๆ รู้ว่าเป็นห้องพักโรงแรมก็เริ่มกลัว
เพทายเดินยิ้มเผล่ออกมาจากห้องน้ำทั้งเนื้อทั้งตัวมีผ้าขนหนูผืนเดียว เดินตรงมาหาสุรัมภา
“ตื่นแล้วเหรอที่รัก”
สุรัมภาตกใจถดตัวหนี “แก..แกจะทำอะไรฉัน”
“มอบความสุขให้เธอไง รับรองว่าอร่อย กินแล้วอยากขอเบิ้ล”
เพทายโผเข้าไปกอดสุรัมภาบนเตียง สุรัมภาดิ้นพลิกตัวหนี
“แน่ะ..มียั่วยวนด้วย...ชอบ”
เพทายชอบใจจะเข้ามากอดสุรัมภาใหม่ สุรัมภาหนีมาถึงโต๊ะหัวเตียง คว้าโคมไฟจะฟาดหัว แต่เพทายหลบได้
“ไม่เอาน่า เก็บแรงไว้สนุกกันดีกว่า”
เทพายจะเข้ามากอดสุรัมภา คิดว่าไม่มีสิ่งของที่จะทำร้ายเขาได้อีก สุรัมภาคว้าที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะหัวเตียงตีเข้าที่หัวเพทายเต็มแรง
เพทายเจ็บปวดร้องเสียงหลง “โอ๊ยย”
เพทายยกมือกุมหัว เลือดไหลติดมือ สุรัมภาฉวยโอกาสจังหวะนั้น วิ่งหนีลงจากเตียง

ธีรดนย์ประคองสุตาภัญมาตามทางเดินหน้าห้อง สุตาภัญกระวนกระวายเป็นห่วงสุรัมภามาก
“ภาอยู่ไหนล่ะ”
“ฉันมีกุญแจสำรอง ฉันจะเปิดห้องตามหาภา”
“กว่าจะเปิดครบทุกห้องภาคงเสร็จพวกมัน ลงไปถามพนักงาน! ถ้ามันไม่บอก ฉันจะเรียกตำรวจมาจัดการ”
ธีรดนย์พูดจบก็ประคองสุตาภัญไปที่ลิฟท์ โดยไม่รู้ว่าเดินผ่านห้องพักสุรัมภากับเพทายไป

สุรัมภาวิ่งหนีมาถึงประตูห้อง เปิดประตูห้องออกมา มองไป เห็นด้านหลังชนกชนม์ ธีรดนย์และสุตาภัญ
สุรัมภาดีใจจะวิ่งออกไปอ้าปากจะตะโกนเรียกชื่อสามคน

แต่เพทายเข้ามาปิดปากหมับ แล้วดึงตัวสุรัมภากลับเข้าห้อง พร้อมกับเสียงปิดประตูเสียงดังปัง!

ชนกชนม์เดินจะถึงลิฟท์อยู่แล้ว แปลกใจที่ได้ยินเสียงปิดประตูดังมากๆ จึงหันไปมอง ธีรดนย์กับสุตาภัญเข้าไปในลิฟท์ ตะโกนเรียกชนกชนม์

“ลงไปได้แล้ว”
ชนกชนม์จึงต้องรีบเข้าไปในลิฟท์ ประตูลิฟท์ปิดลง

สุรัมภาจะวิ่งกลับไปผลักเพทายออก เพื่อเปิดประตูหนีไปให้ได้
“ปล่อยฉันนะ! พี่ตา พี่ตาช่วยภาด้วย”
เพทายเอามือปิดปากสุรัมภา แล้วเอาหน้ามาซุกไซ้กอดปล้ำ
“เตียงนุ่มๆไม่ชอบ ชอบที่แปลกๆได้..จัดให้..
เพทายเข้ามาซุกไซ้ใบหน้าสุรัมภาตรงประตูห้องนั่นเอง แต่แล้วประตูถูกถีบเข้ามาอย่างแรงจนร่างเพทายและสุรัมภากระเด็นเข้าไปในห้อง เพทายหันกลับไปมอง
“ชยางกูร”
สุรัมภาดีใจ คิดว่าชยางกูรเข้ามาช่วย
“นาย...ช่วยฉันด้วย! ช่วยฉันด้วยนะ”
สุรัมภาวิ่งเข้าไปหลบหลังชยางกูร เพทายจะเข้ามาดึงตัวสุรัมภา ชยางกูรต่อยหน้าเพทายเต็มแรง
“อย่าทำระยำกับเพื่อนฉัน”
“นายรีบพาฉันไปจากที่นี่ ฉันกลัว” สุรัมภาบอก
ชยางกูรพาสุรัมภาออกไป โดยหันมาส่งสัญญาณให้เพทายรู้ว่า จะจัดการเอง เพทายไม่พอใจที่ถูกเพทายแย่งสุรัมภาไป ระหว่างนั้นปอนเดินเข้ามาในห้อง
“โดนปาดหน้าเค้กจนได้”
“แย่งกินจนเคยตัว สักวันมันจะต้องสำนึก”
เพทายแค้นมากเลยผูกใจเจ็บชยางกูร คิดหาทางแก้แค้นเอาคืนให้ได้

ธีรดนย์พาสุตาภัญมาที่เคาน์เตอร์ พนักงานตกใจกลัว..
“วัยรุ่นสองคนพาผู้หญิงเปิดห้องไหน”
“ตั้งแต่หัวค่ำยังไม่มีใคร...” พนักงานอ้าปากจะพูดประโยคเดิมตามความเคยชิน
ชนกชนม์กำหมัดตั้งท่าจะต่อย
พนักงานกลัวรีบอาสา “ผมพาไปถึงที่เลยครับ”
สุตาภัญโล่งใจที่รู้ห้อง แต่ยังเป็นห่วงสุรัมภา

ไม่นานต่อมา ชยางกูรผลักร่างสุรัมภาเข้ามาในห้องนอนภายในโรงแรม
“นายทำอะไร...ไหนบอกว่าจะพาฉันไปส่ง” สุรัมภางวยงง
“ส่งให้ถึงสวรรค์ไง”
สุรัมภาตกใจ “แก...แกหลอกฉัน”
สุรัมภาตกใจ จะวิ่งหนีไปทางประตู ชยางกูรเข้ามาจับตัวไว้
สุรัมภาตะโกนสุดเสียง “ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

ชนกชนม์เดินคู่กับพนักงาน เพื่อไปยังห้องที่สุรัมภาอยู่ ธีรดนย์พาสุตาภัญเร่งฝีเท้าตามมา
ชนกชนม์สั่งพนักงาน “เร็วๆ สิ”
พนักงานเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

ด้านชยางกูรเหวี่ยงตัวสุรัมภาลงบนโซฟาในห้อง สุรัมภาร้องไห้อ้อนวอนชยางกูรอย่างน่าสงสาร
“ปล่อยฉันไปเถอะ...ฉันรู้ว่าฉันเคยทำไม่ดีกับนาย ฉันขอโทษ ต่อไปฉันจะไม่ทำอย่างนั้นอีก”
“สายไปแล้วมั้ง ฉันเป็นพวกเจ็บแล้วจำ”
“นายอย่าลืมสิ...ฉันเคยช่วยนาย เราเคยร่วมมือกัน ถ้านายชอบพี่สาวฉัน ฉันจะช่วยเชียร์ให้พี่ตารักนาย”
“รักเหรอ? มันเลยเส้นรักมาแล้ว แต่ฉันต้องการเอาชนะ...ฉันต้องการจัดการพี่สาวเธอหักหน้าพี่ชายฉัน”
ชยางกูรย่างสามขุมเข้ามาหาสุรัมภา
สุรัมภาพยามวิงวอน “นายไม่ได้ชอบฉัน...ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิ...พี่สาวเธอเล่นตัว เธอก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่พี่สาวเธอทำกับฉัน”
ชยางกูรจะเข้ามา สุรัมภายกมือไหว้
“ฉันไหว้ล่ะ...ปล่อยฉันไปเถอะ”
ชยางกูรคำราม “เธอต้องชดใช้แทนพี่สาวเธอ”
จากนั้นชยางกูรก็ปราดเข้ามาซุกไซ้สุรัมภา

ทางด้านพนักงานชี้ไปที่ห้องพักห้องหนึ่ง
“ห้องนี้”
ชนกชนม์ไขกุญแจห้องแล้วผลักประตูเข้าไปทันที ธีรดนย์และสุตาภัญวิ่งพรวดเข้าไป
“ภา”
ทุกคนแปลกใจที่ไม่พบใครเลย

ที่แท้ชยางกูรพาสุรัมภามาที่โรงแรมอีกแห่ง และเข้าไปขืนใจสุรัมภาอย่างหื่นกระหาย สุรัมภาหมดหนทางสู้ ร้องเสียงหลง
“ช่วยด้วย”

สุตาภัญแปลกใจที่ไม่พบสุรัมภา แต่มีร่องรอยการต่อสู้ข้าวของเกลื่อนกระจาย
“ภาอยู่ไหน”
ชนกชนม์เข้าไปกระชากตัวพนักงาน
“แกโกหก”
“ผมสาบานได้ มันเปิดห้องนี้ มันคงกลัวถูกจับเผ่นหนีไปแล้ว...ไม่เชื่อเอากุญแจไปไขทุกห้องได้เลยครับ”
“ภา..ภาอยู่ไหน? พี่ห่วงภานะ”
สุตาภัญเป็นห่วงสุรัมภามาก เครียดจัดจนเป็นลมล้มลงไป
“ตา”
ธีรดนย์เข้าไปประคองสุตาภัญ ชนกชนม์มองสุตาภัญด้วยความเป็นห่วง

เวลาต่อมาสุตาภัญนอนอยู่บนโซฟาที่บ้าน และค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา มีธีรดนย์นั่งดูแลอยู่ใกล้ชิด
“ตาเป็นยังไงบ้าง?
สุตาภัญค่อยๆ รู้สึกตัว และรู้ว่านอนอยู่ที่บ้าน ยังคงเป็นห่วงสุรัมภา
“ธี ภาล่ะ ภาอยู่ไหน ภากลับมาแล้วใช่ไหม” สุตาภัญร้องเรียกหา “ภา”
“ภายังไม่กลับมา”
สุตาภัญกังวลใจมาก “เราต้องออกไปตามหาภา”
ชนกชนม์เดินหน้าเศร้าเข้ามาบอกสุตาภัญ เพราะเขาได้เช็คทุกห้องพักที่โรงแรมแล้ว

“ฉันเช็คดูทุกห้องแล้ว ภาไม่ได้อยู่ที่นั่น”

สุตาภัญจิตตกขวัญกระเจิง ถลาเข้ามาจับมือชนกชนม์เขย่าๆ ถาม

“แล้วภาอยู่ไหน? เราต้องออกไปตามหาภา”
สุตาภัญจะออกไปตามหาสุรัมภา ชนกชนม์จับสุตาภัญให้ตั้งสติ
“ใจเย็นๆ ภาอาจไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เราคิดก็ได้ ภาคงสับสน ต้องการอยู่คนเดียว พอภารู้สึกดีขึ้น ภาต้องกลับมา”
สุตาภัญเริ่มนิ่งลง “นายแน่ใจนะว่าภาจะกลับ”
ชนกชนม์พยักหน้ารับ “ที่นี่เป็นบ้านของภา..ภาต้องกลับบ้าน”
สุตาภัญค่อยคลายความกังวลลงไป “ขอบใจนายมากนะ”
สุตาภัญจับมือขอบใจชนกชนม์ ธีรดนย์เห็นแล้วก็ไม่พอใจ เข้ามาประคองสุตาภัญ บอกกับชนกชนม์
“ขอบใจนายมากที่ช่วยเป็นธุระให้ตา”
ชนกชนม์รู้สึกสะอึกที่ธีรดนย์ประกาศตัวชัดเจน สุตาภัญมองชนกชนม์ ทำตัวไม่ถูก
“นายกลับไปได้แล้ว ฉันจะดูแลแฟนฉันเอง”
ธีรดนย์เข้าจับไม้จับมือสุตาภัญอวดเต็มที่ ชนกชนม์ไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกิน
“ฉันกลับก่อนนะ”
ชนกชนม์บอกลาธีรดนย์แล้วหันไปมองสบตาสุตาภัญ สุตาภัญยิ้มเยื้อนให้ชนกชนม์
ธีรดนย์เห็นสายตาทั้งสองคนก็ไม่พอใจ ชนกชนม์เดินออกไป ธีรดนย์คิดอะไรบางอย่าง..

ไม่นานหลังจากนั้น ธีรดนย์เดินมาตามมา และขณะที่ชนกชนม์จะเข้าไปในบ้าน ธีรดนย์ก็เข้ามาขวางไว้
“จัดการสั่งสอนน้องนายด้วย อย่ามายุ่งกับตาอีก”
“ฉันขอโทษแทนชยางกูรด้วย...ฉันจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องขึ้นอีก”
ธีรดนย์มองหน้าชนกชนม์ “แล้วอีกอย่าง....ฉันไม่ชอบที่นายใกล้ชิดกับตา”
ชนกชนม์อึ้ง
“ไม่ว่าจะด้วยความจำเป็นหรือเหตุบังเอิญ นายอยู่ห่างตาไว้ นายก็รู้ว่าตาเป็นแฟนฉัน! เพื่อนกันไม่หักหลังกัน!”
ธีรดนย์ย้ำเตือนชนกชนม์
ชลนิภาเดินเข้ามา ได้ยินประโยคสุดท้ายของธีรดนย์ที่บอกชนกชนม์
“ชนกชนม์”
ชนกชนม์หันไปเจอชลนิภา ธีรดนย์จึงเดินออกไป
“น้องไปไหน”
ชลนิภาถามเพราะแปลกใจที่ชยางกูรหายไป ชนกชนม์อยากเล่าเรื่องเกี่ยวกับชยางกูรเหมือนกัน

เวลาเดียวกันที่ห้องพักในโรงแรม ชยางกูรใส่เสื้อเสร็จแล้ว หันไปบอกสุรัมภา
“เลิกร้องได้แล้ว น้ำตาไม่ทำให้ฉันใจอ่อนยอมรับเธอเป็นแฟนหรอก” แล้วโยนเงินทิ้งให้ “ค่ารถ”
สุรัมภาด่า “ไอ้สารเลว....ฉันจะแจ้งตำรวจจับแก”
“ไม่อยากเป็นดาราหน้าจอก็หุบปากซะ”
ชยางกูรหยิบมือถือกดเปิดคลิปที่ถ่ายไว้ให้ดู
สุรัมภาตกใจ ไม่มีทางเลือกอื่น...ร้องไห้โฮ
“ครั้งแรกก็งี้ล่ะ อีกหน่อยก็ชิน”
ชยางกูรเดินหัวเราะร่าออกไปอย่างสบายใจเฉิบ
สุรัมภาหยิบเสื้อผ้าปกปิดร่างกาย ร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

ชนกชนม์จะเดินเข้ามาที่หน้าคฤหาสน์ ชลนิภารออยู่ท่าทีร้อนใจ ถามย้ำชนกชนม์
“ฉันถามว่าแกเห็นน้องไหม”
“เห็นครับ เห็นว่าน้องไปไหน ทำอะไรบ้าง คุณแม่อยากฟังความจริงรึเปล่าครับ”
ชลนิภางง “แกหมายความว่าไง”
“ชยางกูรไปเที่ยวผับ! ออกจากผับก็ไปก่อเรื่อง”
ชนกชนม์จะเล่าต่อ ชลนิภาขัดขึ้น
“ไม่จริง ลูกกูรไปติวหนังสือ! แกใส่ความลูกฉัน ฉันไม่อยากฟัง”
ชลนิภารับไม่ได้ที่ชนกชนม์กล่าวหาชยางกูร เดินหนีเข้าบ้าน ชนกชนม์รีบเดินตามไป

ชลนิภาเดินหนี จะกลับไปที่ห้อง..ชนกชนม์ตามมาพูดต่อ
“คุณแม่ควรรู้ไว้ว่าลูกรักของคุณแม่ไปก่อเรื่องอะไรไว้”
ธนกรเดินเข้ามาที่มุมหนึ่ง...แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฉันไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระ แกคิดจะปั่นหัวฉันให้ฉันเกลียดชังลูกกูร” ชลนิภาฉุน
“คุณแม่จะคิดยังไงก็ช่าง แต่ความจริงคือชยางกรูคิดข่มขืนเพื่อนผม”
ชลนิภาตกใจแทบช็อก ธนกรได้ฟังก็ตกใจไม่ต่างกัน
ชลนิภาเถียงลั่น “เป็นไปไม่ได้! ลูกกูรไม่มีทางทำชั่วเหมือนแก”
ธนกรอยากรู้เรื่องราว “ชนกชนม์ เล่าความจริงมาให้หมด”
ชลนิภาไม่พอใจ “คุณเสียสติไปรึไง ยืนทนฟังเรื่องบัดสีที่มันใส่ร้ายลูกคุณอยู่ได้!”
“ผมอยากรู้ความจริง มากกว่าปิดหูปิดตารับฟังสิ่งที่คุณอยากฟัง”
ชลนิภาไม่ยอม “ฉันไม่ยอมฟังเรื่องงี่เง่า” หันมาด่าทอต่อว่าชนกชนม์ “แกมันอิจฉาลูกกูรรู้ว่าฉันรักน้องก็เลยสร้างเรื่องมาทำลายน้อง”
ชนกชนม์มองหน้าแม่ “ชยางกูรลวงเพื่อนผมไปข่มขืนที่โรงแรม ผมตามเข้าไปช่วยไว้ได้ ผมบอกคุณแม่ คุณแม่จะได้มีสติคิดหาวิธีช่วยเหลือลูกรักคุณแม่ ก่อนตำรวจจะลากคอเข้าคุก”
ชลนิภาใจเสียเริ่มตกใจ จังหวะนั้นชยางกูรตีหน้าเศร้าเดินคอตกเข้ามาในบ้าน และทันได้ยินที่ชนกชนม์เล่า
“เมื่อไหร่พี่จะเลิกใส่ร้ายผมสักที”
ทุกคนหันไปมองชยางกูร ชนกชนม์แปลกใจที่เห็นชยางกูรใส่หมวกและแว่นตาเดินเหมือนคนร้องไห้เข้ามาร้องไห้

ชยางกูรเดินตรงเข้ามาต่อว่าชนกชนม์อย่างน้อยใจ
“คราวก่อนฟ้องคุณแม่ว่ากูรไปขี่รถแข่ง คราวนี้หาว่ากูรขืนใจผู้หญิง”
ชนกชนม์ตกใจที่ชยางกูรเข้ามาแก้ต่าง และเล่นบทผู้น่าสงสาร
“พี่ทำทุกอย่างเพื่อเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้น้อง เป็นเพราะกูรไม่ใช่น้องของพี่ใช่ไหม ตอบผมสิครับ”
ชนกชนม์ตั้งสติความความจริงเข้าสู้
“ชยางกูร หากนายเป็นลูกผู้ชาย นายต้องพูดความจริง”
“ลูกกูร บอกแม่สิ...เรื่องมันเป็นยังไง”
“คุณแม่เชื่อพี่ชนกชนม์เถอะครับ กูรพูดไปก็เหมือนแก้ตัว” ชยางกูรทำทีเป็นน้อยใจ
ธนกรคาดคั้น “แล้วมันจริงอย่างที่พี่เขาพูดรึเปล่า”
“เห็นมั้ยครับ คุณพ่อก็ไม่ฟังกูร แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่กูรจะพูด เรียกตำรวจมาจับผมเข้าคุกเลยครับ”
ชยางกูรแสร้งร้องไห้เรียกร้องความเห็นใจ
“ลูกกูร..บอกมา..แม่พร้อมรับฟังความจริงจากลูก”
ชนกชนม์ลุ้นว่าชยางกูรจะเล่าอย่างไร
“พี่ชนกชนม์ต่างหากที่จะขืนใจผู้หญิงคนนั้น”
ชนกชนม์อึ้ง
“กูรไม่อยากให้พี่เขาทำผิดกฎหมายและทำลายชื่อเสียงคุณแม่ กูรไปช่วยเธอ แต่พี่เขากลับทำร้ายกูร...คุณแม่ดูสิครับ ว่าพี่เขาทำกับกูรยังไงบ้าง”
ว่าพลางชยางกูรถอดหมวกและแว่นตาเปิดเผยหน้าและร่างกายที่ถูกทำร้าย ชลนิภาเห็นสภาพฟกช้ำก็สงสารชยางกูรใจแทบขาด
“ลูกกูรของแม่”
“ไม่ใช่นะครับคุณแม่”
ชนกชนม์จะอธิบายความจริง ว่าตนต่างที่เข้าไปห้าม แต่ชลนิภาไม่ฟัง ตบหน้าฉาดใหญ่
“แกมันเลวสิ้นดี”
“คุณ ฟังชนกชนม์บ้างสิ” ธนกรปราม
“ไม่จำเป็นต้องฟังคำแก้ตัวชั่วๆ เมื่อกี้ฉันได้ยินมันทะเลาะกับเพื่อนเรื่องแย่งชิงผู้หญิง เมื่อเช้าก็มีผู้หญิงบุกมาหามันถึงบ้าน จะให้ฉันคิดยังไงอีก ถ้าไม่ใช่มันบ้าผู้หญิงมักมากในกาม”
“คุณแม่กำลังเข้าใจผิด ผมอธิบายได้ครับ”
“พอที...ฉันเหลืออดกับพฤติกรรมต่ำทรามของแกเต็มทน แล้วฉันจะไม่ทนอีก”
“คุณแม่ครับ...” ชนกชนม์พยายามอธิบาย
ชลนิภาสวนขึ้น “ไม่ต้องเรียกฉันว่าแม่..ต่อไปนี้...ฉันไม่ใช่แม่แก!”
ชนกชนม์อึ้ง
ชลนิภาพูดต่อเสียงเฉียบขาด “และแกไม่ใช่ลูกฉัน”
ชนกชนม์ตกใจที่ชลนิภาตัดขาดความเป็นแม่ลูก..
ธนกรตกใจและสงสารชนกชนม์ ชยางกูรยิ้มพอใจ
ชลนิภาจดสายตามองหน้าชนกชนม์..พูดเสียงสั่น “ออกไปจากบ้านฉัน!”

ชนกชนม์ตกใจแทบช็อก ที่คราวนี้ผู้เป็นแม่ถึงกับประกาศกร้าว ขับไล่ตนออกจากบ้าน

ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 6 (ต่อ)

ทางด้านสุตาภัญพยายามโทร.หาสุรัมภาตลอดเวลา แต่ติดต่อไม่ได้ สุตาภัญหันมาบอกธีรดนย์ด้วยท่าทีกังวลหนัก

“ภายังไม่เปิดเครื่องเลย”
“แบตอาจหมดก็ได้...ผมเชื่อนะ ภาสบายใจแล้วต้องกลับมา”
ธีรดนย์ให้กำลังใจ จู่ๆ สุรัมภาเดินเข้ามาในบ้าน ธีรดนย์เห็นก็รีบบอกสุตาภัญ
“นั่นไง..ภากลับมาแล้ว”
“ภา”
สุตาภัญวิ่งเข้าไปหาสุรัมภาด้วยความดีใจ
“ภาไปไหนมา ภารู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงภามาก”
สุรัมภาปัดมือสุตาภัญออกพูดด้วยเสียงเย็นชา
“ไม่ต้องยุ่งกับฉัน”
สุตาภัญอึ้ง
“เธอไม่ใช่พี่ฉัน”
สุรัมภาเดินหนีขึ้นไปบนห้องทันที สุตาภัญงวยงง ตกใจ และเสียใจ
“ภา” สุตาภัญวิ่งตามน้องไป
ธีรดนย์มองตามด้วยความเป็นห่วง

ชนกชนม์เสียใจที่ถูกไล่ออกจากบ้าน
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง ออกไปจากบ้านฉัน บ้านนี้ไม่ต้องการแก”
ชลนิภาหยิบแจกันใกล้มือ ปาใส่ชนกชนม์..โดนหัวจังๆ เลือดไหลออกมาเป็นทาง ชนกชนม์เสียใจที่แม่เกลียดเขามาก ชยางกูรยิ้มพอใจ ส่วนธนกรสงสารชนกชนม์
ชนกชนม์ร้องไห้ออกมา “ที่ผ่านมา...เวลาคุณแม่ด่าว่าผมเป็นตัวซวย ทำให้ธุรกิจคุณแม่พัง ทำให้คุณพ่อทิ้งคุณแม่ไป ผมพยายามหลอกตัวเองว่าคุณแม่คงพูดด้วยอารมณ์โมโห แต่ผมเพิ่งรู้ความจริงวันนี้เอง...คุณแม่เกลียดผมจริงๆ”
ชนกชนม์เดินเข้ามาหาชลนิภา
“ผมขอโทษครับ...ที่ผมเป็นตัวซวย ทำให้ชีวิตคุณแม่มีปัญหา ต่อไปนี้...ผมจะไม่อยู่สร้างความเดือดร้อนให้คุณแม่อีกแล้ว”
ชนกชนม์ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าชลนิภา
“ไม่ว่าคุณแม่จะเกลียดชังผมมากแค่ไหน แต่ขอให้คุณแม่รู้ไว้...ผม..ยังรักคุณแม่เสมอครับ”
ชนกชนม์ก้มลงกราบเท้าลาชลนิภา แต่ชลนิภาชักเท้าหนี ธรกรสงสารชนกชนม์มาก กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ขณะที่ชยางกูรยิ้มเย้ยสะใจ
ชนกชนม์ลุกขึ้นแล้วหันไปยกมือไหว้ลาธนกร ธนกรรับไหว้สงสารแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ชนกชนม์หันไปมองลาชยางกูร ชยางกูรยิ้มเย้ย
จากนั้นชนกชนม์หันกลับไปมองชลนิภาอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป

ขณะเดียวกันนั้นยินเสียงฟ้าร้องคำรามดังสนั่น ตารมด้วยฟ้าแลบแปลบปลาบ ส่อเค้าว่าฝนจะเทกระหน่ำลงมาในอีกไม่นาน
สุตาภัญเดินมาหยุดแล้วเคาะประตูห้องเรียกสุรัมภา
“ภา..เปิดประตูให้พี่เข้าไป..ภา..เราต้องคุยกันนะ”

สุรัมภาอยู่ในห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำราดรดร่างกายตัวเอง เด็กสาวใจแตกร้องไห้สะอึกสะอื้น เอามือขัดเนื้อตัว ทั้งๆ ที่ยังสวมใส่เสื้อผ้า ก่อนจะทรุดตัวลงอย่างโรยแรง ขยะแขยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วยฝีมือชยางกูร

เวลาเดียวกันชนกชนม์เดินออกมาด้านนอกคฤหาสน์ เสียงฟ้าร้องคำรามครืนครัน จู่ๆ ฝนตกลงมาห่าใหญ่ ชนกชนม์เหลียวมองไปข้างนอกบ้าน เวิ้งว้างเศร้าใจและไร้จุดหมาย ธนกรเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“เธอจะไปไหน”
“ผมจะไปอยู่กับคุณพ่อครับ”
ธนกรฟังแล้วรู้สึกคลายความกังวล
“ไปเถอะ คุณพ่อคงดีใจที่เธอไปอยู่ด้วย พ่อแม่รักลูกเสมอ”
“ครับ อย่างน้อย ผมยังมีคุณพ่อที่รักและต้องการผม”
ธนกรตบบ่าให้กำลังใจ ชนกชนม์ยิ้มรับแล้วเดินตากฝนออกไป ธนกรยืนมองส่งด้วยความเป็นห่วง ชลนิภาเดินเข้ามายืนมองตามชนกชนม์
“แล้วมันจะรู้ว่ามันคิดผิด โลกนี้ไม่มีรักมันแม้แต่คนเดียว”
ชลนิภายิ้มเย้ยชนกชนม์ ธนกรแปลกใจในคำพูดของชลนิภา

ชนกชนม์เดินออกจากประตูบ้าน หันหลังกลับไปมองคฤหาสน์หลังใหญ่โตอีกครั้ง
ประตูบ้านปิดลง ชนกชนม์ถอนหายใจ เคว้งคว้างไม่รู้จะไปไหน จังหวะนั้น ชนกชนม์คิดถึงคำพูดของสุตาภัญ
“น่าแปลกนะ....คนอื่นมองว่าฉันดี แต่แม่กลับมองฉันเป็นตัวซวยและไม่รักดี”
สุตาภัญพูดปลอบใจ “อย่าท้อสิ...ถ้านายไม่อยากให้แม่รู้สึกอย่างนั้น นายก็ต้องพิสูจน์ให้แม่นายเห็น ว่านายรักดี..” พลางจับมือชนกชนม์ให้แรงใจ “ฉันเป็นกำลังใจให้นาย”
ชนกชนม์ดึงตัวกลับมาคิดถึงสุตาภัญจับใจ

สุตาภัญเดินเข้ามา ธีรดนย์เข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
“ภาเป็นยังไงบ้าง”
“ภาไม่ยอมคุยกับฉัน ฉันเป็นพี่สาวที่แย่มากใช่มั้ยธี”
สุตาภัญร้องไห้ ธีรดนย์เข้าไปจับมือปลอบใจ
“อย่าโทษตัวเองเลย ตาทำดีที่สุดแล้ว”
“น้องเกลียดฉันมาก”
“ภาคงกำลังสับสน ปล่อยให้ภาได้อยู่คนเดียวสักพัก แล้วทุกอย่างต้องดีขึ้น”
ธีรดนย์มองหน้าสุตาภัญ เช็ดน้ำตาให้
“จำไว้นะตา ในวันที่คุณไม่มีใคร ขอให้คุณรู้ไว้ ผมจะอยู่กับคุณเสมอ”
ธีรดนย์ดึงตัวสุตาภัญเข้ามาสวมกอดปลอบใจ...
ชนกชนม์ยืนอยู่หน้าบ้าน มองเข้าไป เห็นภาพสุตาภัญกอดกับธีรดนย์ก็รู้สึกเสียใจ และ
หันหลังกลับเดินออกไป
สุตาภัญมองตรงไปเห็นชนกชนม์เดินออกไปลิบตา สุตาภัญถอยตัวออกห่างธีรดนย์ แล้วเดินไปที่หน้าบ้าน ธีรดนย์แปลกใจ

สุตาภัญมองออกไปนอกบ้าน ส่องสายตาหาชนกชนม์แต่ไม่มีใคร สุตาภัญแปลกใจที่ชนกชนม์หายตัวไปแล้ว

ที่แท้ชนกชนม์กำลังเดินมากดกริ่งบ้านวีรภัทรผู้เป็นพ่อ สักครู่หนึ่งวีรภัทรกางร่มเดินออกมา เจอชนกชนม์ก็แปลกใจ

“ชนกชนม์”
ชนกชนม์ดีใจ “คุณพ่อครับ ให้ผมเข้าไปได้ไหมครับ”
วีรภัทรอึกอักไม่กล้าตอบ

สุตาภัญอยู่ที่หน้าบ้าน ชะเง้อมองหาชนกชนม์ ธีรดนย์เข้ามาถามอย่างสงสัย
“มีใครมาเหรอ”
“เปล่าจ้ะ ธี...ดึกแล้วธีกลับไปได้แล้วล่ะ”
“ผมอยู่เป็นเพื่อนตาได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจธีมากนะ”
สุตาภัญยิ้มให้ ธีรดนย์ยิ้มรับ แล้วเดินออกไปจากบ้าน สุตาภัญแปลกใจ ว่าชนกชนม์จะมาที่นี่ทำไม?

วีรภัทรไม่พอใจหลังฟังเรื่องราวจากชนกชนม์
“แม่เขาทำอย่างนี้ได้ยังไง เดี๋ยวพ่อจะโทรคุยกับคุณแม่ให้”
“ไม่ต้องหรอกครับ คุณแม่โกรธผมมาก”
“โกรธยังไงก็ไม่ควรไล่ลูกออกจากบ้าน”
“ช่างเถอะครับ ผมออกมาน่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นคุณพ่อครับ...ผมขออยู่กับคุณพ่อได้ไหมครับ”
ชนกชนม์ขอร้องพ่อเพราะไม่มีที่จะไป วีรภัทรอึดอัดใจ
ระหว่างนั้นนัชชายืนอยู่ที่หน้าต่าง มองดูเหตุการณ์ว่าวีรภัทรจะทำอย่างไร

ชนกชนม์ขอร้องวีรภัทรอีก
“ผมอยากพักกับคุณพ่อ”
วีรภัทรรีบสวนขึ้น “พอดีญาติคุณนัชชามาพักด้วย ห้องพักไม่ว่างเลย”
ชนกชนม์อึ้ง
“ลูกไปพักโรงแรมดีกว่า...เอาเงินพ่อไป”
วีรภัทรจะควักเงินให้ชนกชนม์ ชนกชนม์ไม่รับ
“ไม่ต้องครับ ผมไปกับพักเพื่อนได้”
“เอาเงินติดตัวไว้ใช้” วีรภัทร์คะยั้นคะยอ
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมมีครับ...ผมไปก่อนนะครับ เดี๋ยวเพื่อนรอ”
วีรภัทรส่งร่มให้ชนกชนม์
“เอาร่มไป...ระวังเป็นหวัด...รักษาตัวด้วยนะ”
วีรภัทรบอกชนกชนม์แล้ววิ่งกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ชนกชนม์ยืนมอง สงสัยในกิริยาของพ่อ

วีรภัทรเข้ามาในบ้าน สภาพเปียกปอน เจอกับนัชชาที่เดินมาถาม
“ใครมาคะ”
นัชชาถามเพื่อลองใจวีรภัทร
“เขามาหาญาติ แต่กดกริ่งผิดบ้าน เขาไปแล้วล่ะ”
นัชชายิ้มพอใจ ถือผ้าขนหนูเข้ามาเช็ดตัวให้วีรภัทร
“แย่จัง ทำให้คุณต้องเดือดร้อน..ดูสิเปียกหมดเลย...ฉันเช็ดให้ค่ะ”
นัชชาเข้ามาเช็ดตัวให้วีรภัทร วีรภัทรพอใจคิดว่านัชชาไม่รู้เรื่องชนกชนม์
ชนกชนม์ยืนอยู่นอกบ้าน ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมด ก็เสียใจ ทิ้งร่มแล้วเดินตากฝนออกไป

ด้านสุตาภัญซึ่งอยู่ในห้องนอนรู้สึกเป็นห่วงชนกชนม์มาก ตัดสินใจโทร.หา

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชนกชนม์อยู่ตรงมุมหนึ่งของถนนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง เห็นภาพและชื่อสุตาภัญ
ในขณะที่สุตาภัญรอสายชนกชนม์

ชนกชนม์มองภาพสุตาภัญที่หน้าจอนิ่ง ทำท่าเหมือนจะกดรับ แต่เปลี่ยนใจกดตัดสายทิ้ง
สุตาภัญแปลกใจที่ชนกชนม์ตัดสายทิ้ง จะโทร.อีกครั้ง แต่เปลี่ยนใจไม่โทร. สุตาภัญหยิบสร้อยของชนกชนม์ที่เก็บไว้ ขึ้นมามอง รู้สึกผิดหวังที่ชนกชนม์ไม่รับสายเธอ

เวลาต่อมาชนกชนม์เดินมาหยุดที่หน้าบ้านสุรเดช สุรเดชซึ่งอยู่ในอาการเมายาเดินออกมารับด้วยตัวเอง
“ไอ้เดชฉัน...” ชนกชนม์เสียงเศร้าตั้งท่าจะเล่าเรื่องราว และรู้สึกเกรงใจสุรเดช
“พอ...มองตาก็รู้ใจเว้ย...ไป..กลับสวรรค์ด้วยกัน”
สุรเดชเข้ามาคล้องคอลากชนกชนม์เข้าไปในบ้าน

ควันสีขาวลอยคละคลุ้งอยู่ทั่วห้องพักของสุรเดช มองผ่านแสงสลัวในห้องเห็นเป็นแสงสีระยิบระยับ ทั้งห้องประดับด้วยไฟมะยมหลากสี ชนกชนม์เดินเข้ามา เห็นเปี๊ยกเพื่อนสนิทอีกคนของสุรเดชและผองเพื่อนกำลังปาร์ตี้ยา ชนกชนม์มองด้วยความสับสนในใจ สุรเดชเอ่ยขึ้น
“กูบอกมึงหลายครั้งแล้ว ไม่มีใครรักมึงหรอก พวกเขาไม่ใช่พ่อแม่มึง เรามันลูกเทวดา”
ชนกชนม์เดินเข้าไปมองเปี๊ยกและเพื่อนๆ ที่เมาเคลิ้มและเยิ้ม ทุกสีหน้าดูมีความสุขเหลือล้น บ้างลุกขึ้นมาเต้น ร่ายรำกันอย่างสุขสมเปรมปรีดิ์
“โลกมนุษย์มีแต่เรื่องวุ่นวายใจ..กลับไปวิมานเรา...ที่ที่จะทำให้เรามีความสุขชั่วนิรันดร์”
สุรเดชเอาหลอดดูดยามาให้ ชนกชนม์รับไว้ นิ่งคิดตัดสินใจ สุรเดชบิ้วท์สุดๆ
“แค่อึดใจเดียวก็ถึงบ้าน....ลูกเทวดา”
“ฉันไม่ยอมหนีปัญหาด้วยการหลอกตัวเอง หรือแปลงกายเป็นอะไรทั้งนั้น ฉันเป็นคน ฉันก็จะใช้ชีวิตและสู้แบบคน”
ชนกชนม์บอกพร้อมกับปาหลอดยาทิ้ง สุรเดชไม่พอใจ
“ไอ้เชี่ย...”
ชนกชนม์เดินตรงเข้าห้องนอนอีกห้อง สุรเดชมองตามแล้วยิ้มเย้ย
“ใครที่พลัดหลงเข้ามาดินแดนอาถรรพ์แห่งนี้ ไม่มีวันรอดไปได้”
สุรเดชหัวเราะชอบอกชอบใจ เหมือนพวกเมายาจนเสียสติ

ชนกชนม์เดินเข้ามาในห้องนอนสุรเดช ตรงไปยังหิ้งพระ แล้วเดินเข้าไปพนมมือไหว้
“เมื่อไหร่ทุกคนจะเข้าใจผม รักผมสักทีล่ะครับ เกิดเป็นคนมันเหนื่อยนะครับ ทำความดีก็ยากเหลือเกิน ผมจะไม่ไหวแล้วนะครับ”

ชนกชนม์ทรุดตัวลงร้องไห้โฮต่อหน้าพระพุทธรูป

เวลาผ่านไปอีกหลายวัน ขณะที่กฤติยาเดินถือแจกันใส่ดอกไม้จะเข้าไปไหว้กระดูกยายแก้ว ตรงฐานข้างกำแพงโบสถ์ แต่ต้องหยุดชะงัก เมื่อมองไปเห็นกัณฐิกาแต่งชุดดำ ใส่แว่นตาดำ ถือพวงมาลัยมะลิเดินผ่านเธอไป กฤติยามองด้วยความไม่พอใจ

ครู่ต่อมากัณฐิกาเดินมาหยุดตรงหน้าที่เก็บกระดูกยายแก้วข้างกำแพงโบสถ์ กัณฐิกาถอดแว่นตาดำออก น้ำตาไหลพราก นั่งลงคุยต่อหน้าภาพถ่ายยายแก้ว
“แม่...กัณขอโทษ กัณไม่ได้มาเผาแม่..กัณเป็นลูกที่เลวแม่ให้อภัยลูกคนนี้ด้วยนะจ๊ะแม่”
กัณฐิกาจะก้มลงกราบต่อหน้ายายแก้ว แต่แล้วกฤติยาเข้ามาดึงตัวขึ้น
“ออกไปนะ ยายฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแก”
“ลูก” กัณฐิกาอึ้ง
“ฉันไม่ใช่ลูกแก...ออกไป”
“แอน..แม่ขอโทษ”
กฤติยาย้อน “ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ แม่รู้ไหมฉันฟังคำนี้มากี่ครั้งในชีวิต ฉันเบื่อที่จะฟังมันอีกแล้ว”
“แม่มางานศพยายไม่ได้ แม่มีความจำเป็นจริงๆ” กัณฐิกาอ้าง
กฤติยาตอกกลับ “ไปฮันนีมูนกับผัวใหม่มันสำคัญกว่าการทำศพแม่ตัวเอง”
กัณฐิกาพูดไม่ออก
กฤติยาใส่ต่อ “แม่คิดได้ไง? แม่ทำอย่างนี้ได้ไง”
กัณฐิกาโพล่งออกมา “แม่ทำเพื่อลูก แม่ทำเพื่อแอน”
กฤติยาแปลกใจ “เพื่อฉัน”
“แม่ต้องเอาใจคุณณวัตร แม่จะขอให้คุณณัวตรรับลูกไปอยู่กับแม่ ลูกจะได้สุขสบาย”
กฤติยาประชด “นี่แอนต้องกราบขอบคุณแม่ใช่ไหม ที่เสียสละทำทุกอย่างเพื่อแอน”
“เราไม่มีใครอีกแล้ว ครอบครัวเราเหลือเพียงเราสองคน ต่อจากนี้แม่จะดูแลลูกเอง”
“ไม่ แอนไม่ไป”
“ไปอยู่กับแม่นะ แม่รักลูก”
กัณฐิกาเข้ามากอดเรียกหาความรักจากกฤติยา แต่ถูกกฤติยาผลักออก
“ฉันไม่มีแม่ แม่ฉันตายแล้ว”
กฤติยาตะโกนใส่หน้ากัณฐิกา แล้ววิ่งหนีไป กัณฐิกาทรุดตัวลง แล้วเข้าไปยกมือไหว้วิงวอนยายแก้วผู้ลาลับ
“แม่..ช่วยดลใจให้ลูกเข้าใจฉันด้วยเถอะ..
กัณฐิกาทรุดตัวร้องไห้ต่อหน้ารูปยายแก้ว

ชนิกานต์แต่งตัวเดินลงบันไดมายังห้องโถง เห็นณวัตรกำลังแจกของฝากให้ธีรดนย์และอุษาอยู่ จึงหยุดมอง ไม่ยอมเข้าไปเพราะยังโกรธพ่อ และคิดว่ายังไงพ่อก็ต้องมาง้อตัวเอง
“ฉันซื้อขนมมาฝากเธอ”
“ขอบคุณคุณท่านมากค่ะ” อุษาไหว้รับของ
ณวัตรส่งถุงเสื้อให้ธีรดนย์ “เสื้อนี้ของเธอ คุณกัณเลือกให้”
ธีรดนย์ไหว้ “ขอบคุณมากครับ”
อุษาเห็นมีถุงใส่ของอีกใบ คิดว่าณวัตรซื้อมาฝากชนิกานต์ จึงหันไปบอกชนิกานต์
“คุณหนูคะ มาสิคะ คุณพ่อซื้อของมาฝากค่ะ”
ชนิกานต์ยิ้มพอใจ เดินเชิดเข้าไปหา
ณวัตรบอกกับอุษา “ฉันซื้อฝากหลานคุณกัณ”
ชนิกานต์หยุดกึก ยืนนิ่ง เสียหน้า อย่างแรง ธีรดนย์แอบยิ้มเย้ย
“แล้วของฝากคุณหนูล่ะคะ” อุษาถาม
ณวัตรไม่ยอมตอบ “เที่ยงนี้ไม่ต้องทำอาหารเผื่อฉัน ฉันจะออกไปทานกับคุณกัณ”
ณวัตรเดินออกไปเลย สวนกับชนิกานต์ที่ยืนอยู่ ณวัตรมองหน้าแวบหนึ่งแต่ไม่พูดไม่จากับชนิกานต์
ชนิกานต์ผิดหวังที่ณวัตรไม่ง้อ
ธีรดนย์ถามอุษา “แม่ครับ แม่ได้กลิ่นอะไรตุๆรึเปล่าครับ”
“ลูกเหม็นอะไร กลิ่นขนมนี่หอมออก” อุษาไม่ทันมุกลูกชาย
“ขนมน่ะหอม แต่กลิ่นเน่าโชยมาทางโน้น”
ธีรดนย์โบ้ยมองไปทางชนิกานต์ ชนิกานต์ตาขวางไม่พอใจ
“ผมไปก่อนนะครับ ทนดมกลิ่นเหม็นหัวเน่าๆ ไม่ไหว”
ธีรดนย์พูดจาเยาะเย้ยชนิกานต์ แล้วถือถุงของฝากเดินออกไป
อุษาบอกชนิกานต์ “คุณหนูอย่าถือสานะคะ”
“หัดสั่งสอนลูกบ้าง ไม่งั้นจะไม่ได้อยู่บ้านนี้”
ชนิกานต์เดินออกไป อุษากังวลใจ

ครู่ต่อมาตรงมุมหนึ่งภายในคฤหาสน์ ธีรดนย์ถือถุงจะเดินกลับไปยังห้องพัก ชนิกานต์ปราดเข้ามาแย่งถุงในมือ
ชนิกานต์หยิบเสื้อออกจากถุง แล้วทิ้งลงพื้น เอาเท้าเหยียบพร้อมกับขยี้ๆ
“นี่แน่ะๆๆ”
“เธอทำอะไร” ธีรดนย์ผลักชนิกานต์ออก หยิบเสื้อที่สกปรกขึ้นมา
ชนิกานต์เย้ย “โทษฐานที่แกเยาะเย้ยฉัน ด่าว่าฉันเป็นหมาหัวเน่า”
ธีรดนย์หัวเราะเย้ยกลับ “เฮ้ย ฉลาดนี่ รู้ตัวด้วย”
“แก” ชนิกานต์ปราดเข้ามาจะตบตี ธีรดนย์จับมือยั้งไว้
“ระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกัน วันนี้คุณท่านไม่เห็นหัว วันหน้าอาจถูกตัดหางปล่อยวัด ไม่มีใครสนใจเหมือนที่แฟนเธอทิ้งไว้ที่ผับ”
ชนิกานต์ไม่พอใจ
ธีรดนย์แดกดันต่อ “น่าสงสารจริงๆ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ค่า...ใครๆ ก็เขี่ยทิ้ง”
“ไม่จริง ชนกชนม์รักฉัน ไม่งั้นไม่อยากเป็นแฟนฉันหรอก”
ธีรดนย์เยาะ “เหรอ...ฉันจะบอกให้ คนที่ตกลงเป็นแฟนกันมีเหตุผลแค่สองอย่าง หนึ่งรัก...สอง..สงสาร เท่าที่ฉันรู้จักชนกชนม์ มันเป็นคนขี้สงสาร ความรู้สึกที่มีต่อเธอก็คือ สงสารและสมเพช”
ชนิกานต์ย้อนกลับ “เหรอ? รู้มั้ยว่าทำไมยัยตาถึงยอมคบแก”
ธีรดนย์สงสัยและอยากรู้
“ไม่ได้รัก ไม่สงสาร แต่แก้ขัด” ชนิกานต์พูดเน้นเสียง
“ฉันไม่มีวันตกหลุมพราง คำพูดเพ้อเจ้อของเธอ”
ธีรดนย์จะเดินหนีไป ชนิกานต์พูดเย้ยไล่หลัง
“ฉันเป็นเพื่อนยัยตามาสิบกว่าปี ฉันรู้ดีว่ายัยตาคิดอะไร ตอนแรกยัยตาไม่ได้รู้สึกอะไรกับแกเลย แต่พอชนกชนม์ประกาศเป็นแฟนฉัน ยัยตาก็เสียหน้า ต้องหาใครสักคนมาควงแก้เก้อ แกมันก็เป็นแค่เครื่องมือของยัยตา”
ชนิกานต์หัวเราะเยาะอย่างสะใจ ธีรดนย์ไม่พอใจ เข้ามาจับตัวชนิกานต์เขย่า
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ชนิกานต์ไม่หยุด “ยัยตาไม่ได้รักแก”
ธีรดนย์ขึ้นเสียง “ตารักฉัน รักฉันคนเดียว”
“ไม่ได้รักแก”
“ตารักฉัน ตารักฉัน”
ธีรดนย์ไม่พอใจ บีบตัวชนิกานต์แรงขึ้นๆ จนชนิกานต์เจ็บ
“ฉันเจ็บนะ”
ธีรดนย์รู้สึกตัว ปล่อยชนิกานต์ไป
“ฉันจะทำให้เธอเห็นว่าตารักฉัน” ธีรดนย์ประกาศกร้าว
“ฉันก็จะทำให้แกเห็นว่าชนกชนม์ฉันรัก”

ชนิกานต์พูดจบก็เดินออกไป ธีรดนย์คิดตามที่ชนิกานต์พูด และเริ่มหวั่นไหว

ชนิกานต์พาตัวเองมาอยู่ที่หน้าคฤหาน์บ้านชลนิภา และจะเข้าไปภายในบ้าน แป๋วเข้ามาขวาง ชนิกานต์ยิ้มร่าบอก

“ฉันมาหาแฟนจ้ะ”
แป๋วเล่นด้วยพูดตอบเพรพริ้ง “คุณชนกชนม์ไม่อยู่ค่ะ”
ชนิกานต์ยิ้มให้ พูดเป็นเชิงถาม “คุณแม่สั่งไม่ให้ฉันเข้าไป”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณแฟนของคุณไม่อยู่จริงๆ ค่ะ”
ชนิกานต์ยิ้ม “ฉันรู้ว่าเธออยู่ข้างฉัน” พลางควักเงินออกมาส่งให้
“ไม่ดีมั้งคะ” แป๋วรับเงินหมับแต่ยังยืนขวาง
ชนิกานต์ควักเงินเพิ่มให้อีก
แป๋วรับไว้ไว้ “แป๋วไม่ใช่พวกเห็นแก่เงินนะคะ ที่รับไว้จะเอาไปทำบุญค่ะ คืองี้ค่ะ...”
แป๋วตั้งท่าจะเล่าเรื่องชนกชนม์ พอหันกลับมา ชนิกานต์เดินปร๋อเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว
“ว้าย... บ้านบึ๊ม!”

ชลนิภาตรงเข้ามาไล่ชนิกานต์
“ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ”
“นิกกี้ขอโทษนะคะไม่ได้โทรบอกล่วงหน้า พอดีนิกกี้เช็คตารางเรียนรู้ว่าลูกคุณแม่มีเรียนเช้า จะมารับไปเรียนด้วยกัน ประหยัดน้ำมัน แฟนอยู่ไหนคะ”
“ไม่รู้”
ชนิกานต์เซ้าซี้ “ไม่เอาน่าคุณแม่”
ชลนิภาสวนกลับ “ฉันไม่ใช่แม่เธอ”
“ค่ะ..ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของอนาคต..เอางี้ค่ะ ดูหน้าแล้ว...ขออนุญาตเรียกคุณป้านะคะ”
ชลนิภายิ่งไม่พอใจ ตะเพิดส่ง “เธอ ฉันไม่มีเวลาเสวนาต่อปากกับเธอ ไปได้แล้ว”
“คุณป้าคะ นิกกี้รู้ค่ะว่าคุณป้าไม่เต็มใจให้เราคบหากัน แต่ฟังนะคะ นิกกี้ไม่ใช่เด็กใจแตก ไม่ริรักจนเสียการเรียน นิกกี้กับชนกชนม์เราจะเป็นกำลังใจให้กัน เพื่อไปสู่ฝันวันรับปริญญาค่ะ และไม่ต้องกังวลเรื่องท้องก่อนแต่งนะคะ นิกกี้มีอุปกรณ์ป้องกัน”
ขาดคำชนิกานต์ควักหยิบถุงยางอนามัยออกมาจากกระเป๋าแบรนด์เนม
ชลนิภาร้องลั่น “ว้าย...บัดสี”
แป๋วเข้ามาก็ตาโต
“กรมอนามัยมาเอง”
ชนิกานต์เดินเข้าไปบอกชลนิภา
“ยืดอกพกถุงแต่ไม่ใช้ค่ะ ถ้ารักกันจริงต้องรอเมื่อพร้อม จริงมั้ยคะคุณป้า”
ชลนิภาหยัน “เหมาะสมกันจริง ผีเน่ากับโลงผุ ตื่นมาก็ตะลอนหาผู้ชาย ส่วนผู้ชายก็บ้ากามตัณหาจัด ไม่อยากตกเป็นเหยื่อรายต่อไปก็เลิกยุ่งกับมัน”
ชนิกานต์งวยงง “เอ่อ..คุณป้าหมายถึงอะไรคะ”
ชลนิภาพูดใส่หน้า “ผู้ชายของเธอไปก่อคดีข่มขืน ฉันไล่ออกไปจากบ้านแล้ว”
ชนิกานต์ไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ค่ะ”
แป๋วสอดเสนอหน้าทันที “เป็นไปแล้วค่ะ”
ชลนิภาตะเบ็งเสียงบอก “นังแป๋ว...ส่งแขก”
“ค่ะ”
แป๋วพาชนิกานต์เดินออกไปจากบ้านไป ชนิกานต์งวยงงกับสิ่งที่ได้ยิน เสียงชลนิภาบ่นดังตามมา
“จะไม่ให้ฉันคิดว่าแกเป็นตัวซวยได้ไง ออกไปไม่ทันข้ามวันก็เอาปัญหามาให้”

ชนิกานต์เดินออกมาที่หน้าคฤหาสน์ แล้วหันไปถามแป๋วอีกครั้ง
“คุณป้าโกหกฉันใช่ไหม”
“ค่ะ! ..เอ้อ..ไม่ใช่ค่ะ” แป๋วงงๆ อยู่
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ” ชนิกานต์ร้องลั่น
“แป๋วก็ไม่อยากจะเชื่อค่ะ! คนดีศรีสังคมอย่างคุณชนกชนม์ไม่มีวันทำเรื่องระยำตำบอน ถ้าเป็นคุณชยางกูรล่ะ แป๋วมั่นใจ...” แป๋วจะพูดคำว่าแน่นอน....แต่เห็นชยางกูร..รีบเปลี่ยนคำ “เป็นไปไม่ได้”
ชยางกูรมองดุ แป๋วรีบชิ่งหนีออกไป ชนิกานต์หันไปมองชยางกูร
“เสียใจด้วยนะ คนรักของเธอกลายเป็นเด็กเร่ร่อนไปซะแล้ว”
ชนิกานต์ถามออกไป “แฟนฉันอยู่ไหน”
“ลองโทร.ไปสอบถามที่ศูนย์สงเคราะห์ผู้ไร้ญาติ” ชยางกูรว่า
ชนิกานต์ไม่อยากคุยกับชยางกูร จึงเดินหนีไป
“รึไม่ก็ไปดูตามวัด..แปลงร่างเป็นหมาจรจัดไปแล้ว”
ชยางกูรหัวเราะเยาะ ชนิกานต์ไม่พอใจหันกลับมาด่าใส่หน้า
“คนที่ควรถูกขับไล่น่าจะเป็นแก”
“มันทำเรื่องอัปรีย์เธอยังปกป้องมันอีก”
“เพราะฉันเชื่อใจคนดี หากเป็นคนชั่วอย่างแก ฉันจะเชื่อสนิทใจ”
ชนิกานต์มองหน้าชยางกูร แล้วเดินออกไป ชยางกูรเหยียดยิ้มอย่างสะใจ
“ขอโทษด้วยนะ...ผู้โชคร้ายคือมัน”

ช่วงบ่ายวันนั้นสองสาวอยู่ตรงมุมหนึ่งที่มหาวิทยาลัย สุตาภัญตกใจมากหลังรู้ข่าวจากชนิกานต์
“ชนกชนม์ถูกไล่ออกจากบ้าน”

ชนิกานต์พยักหน้ารับ น้ำตาซึม สุตาภัญกังวลใจเป็นห่วงชนกชนม์มาก

สุตาภัญเดินออกไปอย่างร้อนใจ ชนิกานต์วิ่งไล่ตาม

“ตา เธอจะไปไหน”
“ฉันต้องไปเอาเรื่องกับตัวการที่ทำลายชีวิตคนอื่น”
ชนิกานต์แปลกใจ “เธอหมายถึงใคร ใครทำลายใคร”
สุตาภัญไม่กล้าเล่าความจริงที่เกิดขึ้น
ชนิกานต์บ่นต่อ “นี่ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าคุณแม่แฟนไล่แฟนเพราะอะไร พูดยังกะแฟนไปข่มขืนใครมา”
สุตาภัญบอก “ชนกชนม์ไม่ได้ทำ”
ชนิกานต์ชักสงสัย “เกิดขึ้นจริงเหรอ? ใครทำใคร”
สุตาภัญตัดบท “อย่าไปสนใจเลย...ให้เธอรู้ไว้ว่าชนกชนม์เป็นคนดีเท่านั้นก็พอ”
สุตาภัญพูดจบก็รีบออกไปเพื่อจัดการชยางกูร
“เธอจะไปไหน? ไม่อยู่ปลอบใจฉันก่อนสิ.. ฉันเสียใจอยู่นะ”
ชนิกานต์ตะโกนไล่หลัง ยังรู้สึกเสียใจเรื่องชนกชนม์ พอหันกลับจะเดินไปยังโต๊ะคณะ ก็เห็นธีรดนย์ถือดอกกุหลาบทอดยิ้มมาให้ ชนิกานต์แปลกใจ

ชยางกูรกำลังนั่งกินขนมอยู่ที่โต๊ะ ตรงมุมหนึ่งในมหา’ลัยเดียวกัน สุตาภัญเดินเข้ามาเอาเอาเรื่อง
ชยางกูรเห็นก็ยิ้มหยัน พูดเย้ย “กลับมาหาฉัน...เพราะติดใจการซุกไซ้เมื่อคืน...”
ชยางกูรพูดไม่ทันจบ สุตาภัญคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะ สาดใส่ชยางกูรเต็มๆ พร้อมกับชี้หน้าด่าชยางกูร
“แกเลวมาก คิดข่มขืนฉันแล้วโยนความผิดให้พี่ชายตัวเอง คนอย่างแกต้องติดคุกถึงจะสำนึก”
“อย่าคิดไกลถึงแจ้งความเลย หน้าบางอย่างเธอไม่กล้าแม้แต่บอกพ่อแม่ด้วยซ้ำ” ชยางกูรเยาะ
สุตาภัญอึ้ง
ชยางกูรพ่นต่อ “ฉันสืบเรื่องเธอมาหมดแล้ว กลับบ้านผิดเวลาก็กลัวตัวสั่น นับประสาอะไรจะกล้าบอกว่าไปเที่ยวผับ ไหนจะเรื่องน้องสาวแย่งผู้ชาย..ดักตบเพื่อนสนิท”
สุตาภัญตกใจที่ชยางกูรรู้ทุกอย่าง
ชยางกูรยักคิ้วกวนใส่ “เอาสิ กล้าไหมล่ะ”
สุตาภัญนิ่งงันไป จำต้องยอมรับสภาพ ไม่อยากให้พ่อแม่รู้เรื่องนี้
ชยางกูรยิ้มเย้ยมั่นใจว่าสุตาภัญไม่กล้าทำอะไรตน สุตาภัญตบหน้าชยางกูรฉาดใหญ่
“ฉันไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ...ฉันต้องปกป้องศักดิ์ศรีของฉัน”

พูดจบสุตาภัญเดินออกไป ชยางกูรมองตาม หวั่นใจนิดๆ ว่าสุตาภัญจะทำอย่างไร?

ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 6 (ต่อ)

ชนิกานต์มองธีรดนย์ด้วยความแปลกใจ ธีรดนย์ส่งดอกกุหลาบให้ ชนิกานต์รับมางงๆ เดาส่ง

“โอกาสอะไร รึว่าสำนึกได้ว่าทำเลวกับฉันไว้มาก อยากขอโทษฉัน”
“เปล่า แสดงความเสียใจและสะใจที่แฟนเธอถูกเฉดหัวออกจากบ้าน”
ธีรดนย์หัวเราะเยาะ ชนิกานต์เจ็บใจ ยีกลีบดอกกุหลาบแล้วซัดใส่หน้าธีรดนย์
“ไอ้บ้า! กล้าดียังไงมาเยาะเย้ยฉัน”
“คนรักเธอไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน กลายเป็นหมาข้างถนน เอ..แต่ก็เหมาะกับเธอนะ ยัยหมาหัวเน่า” ธีรดนย์หัวเราะเยาะ
ชนิกานต์ไม่พอใจ ด่ากลับ “นอกจากเป็นขี้ข้าที่ใช้ไม่ได้ แกยังเป็นเพื่อนที่เลวมาก ชนม์ลำบากแทนที่จะช่วยกลับมาซ้ำเติม”
“เพื่อนแล้วไง คนอย่างมันเอาตัวรอดได้น่า”
“อย่าลืมว่าเขาเป็นแฟนฉัน...แกต้องให้เกียรติและเคารพเขา เสมือนเจ้านายแก”
ธีรดนย์พูดไม่ออก ชนิกานต์เข้ามาเย้ยธีรดนย์
“เป็นขี้ข้า..อย่าลืมกำพืด”
ชนิกานต์เดินเชิดออกไป ธีรดนย์เจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้!

ไม่นานต่อมา แป๋วเดินเข้ามารายงานชลนิภาที่กำลังเดินลงบันไดมา
“คุณผู้หญิงคะ เพื่อนคุณชนกชนม์มาหาค่ะ”
ชลนิภาฉุนปนรำคาญ สั่งแป๋ว “ตื๊อไม่เลิก เอาน้ำร้อนสาดไล่ไปซะ”
สุตาภัญเดินเข้ามาถึงพอดี ชลนิภาแปลกใจ ที่ไม่ใช่ชนิกานต์
สุตาภัญไหว้ “สวัสดีค่ะ”
ชลนิภาชักสีหน้าไม่พอใจ “ที่นี่ไม่ใช่สวนสาธารณะ จะเดินเข้าเดินออกได้ตามอำเภอใจ! ไร้มารยาท”
สุตาภัญไหว้ขอโทษ “ตาขอโทษค่ะ แต่ตาร้อนใจ มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้คุณอาทราบ”
ชลนิภาไม่แยแส “พอๆ ฉันเบื่อฟังปัญหาชู้สาวแย่งชิงผู้ชาย นี่ท่าจะมาแสดงตัวเป็นแฟนชนกชนม์เหมือนยัยหน้าฝรั่งนั่น ไปได้แล้ว! ที่นี่ไม่ใช่ศูนย์รับร้องทุกข์ แล้วอีกอย่าง ตัวซวยลูกนอกคอกก็ไม่อยู่!”
ชลนิภาพูดจบจะเดินเลี่ยงไป
สุตาภัญโพล่งขึ้นมา “ตามาคุยเรื่องชยางกูรค่ะ”
ชลนิภาเหลียวขวับ สนใจฟังขึ้นมาทันที “เรื่องอะไร”
แป๋วมองลุ้น อยากรู้เรื่องด้วย
ชลนิภาไล่ “นังแป๋วออกไป”
แป๋วลืมตัวลามปาม “เดี๋ยวสิคะ คุณเขายังไม่ได้บอกอะไรเลย แป๋วอยากรู้ค่ะ”
ชลนิภาหันไปมองดุ แป๋วนึกได้ รีบชิ่งออกไปทันที
“ค่ะ”
ชลนิภาเดินเข้ามาหาสุตาภัญ
“เธอเป็นอะไรกับลูกกูร? อย่าบอกนะว่าอุ้มท้องมาร้องขอความเห็นใจ”
สุตาภัญพยายามตั้งสติ รวบรวมความกล้าที่จะบอกเล่าความจริง
ชลนิภาตะคอกถาม “มีเรื่องอะไร”
“ชยางกูรจะข่มขืนตา”
ชลนิภาอึ้งตกใจ
ธนกรอยู่ที่มุมหนึ่งได้ยินด้วยและ ตกใจเช่นกัน
สุตาภัญบอกย้ำคำ “ลูกชายสุดที่รักของคุณอาจะข่มขืนตา”
“เธอพูดบ้าอะไร ใส่ร้ายลูกชายฉัน ออกไปได้แล้ว! ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอเธอข้อหาสบประมาทลูกกูรของฉัน”
สุตาภัญไม่ถอย “ตามาวันนี้ไม่ได้คิดมาเอาเรื่อง แต่ตาต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ชนกชนม์”
ชลนิภาฉงน “มันเกี่ยวอะไรด้วย”
“ชนกชนม์ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เขาต่างหากที่ช่วยเหลือตาให้รอดพ้นจากการเป็นเหยื่อของชยางกูร”
ชลนิภาไม่เชื่อ “ฉันไม่เชื่อ! แกต้องเป็นผู้หญิงของชนกชนม์ มันสั่งให้แกสร้างเรื่องหลอกฉัน ล้างมลทินชั่วของมัน หวังให้ฉันใจอ่อนรับมันกลับเข้าบ้าน”
สุตาภัญอึ้งนึกไม่ถึงว่าชลนิภาจะมีอคติกับชนกชนม์มาก และรักชยางกูรเกิน จนไม่ยอมฟังความจริง
“ตาพูดความจริงนะคะ”
“ฉันไม่หลงกลพวกแกหรอก คนชั่วอย่างมันไม่มีวันคิดดีทำดี! ไม่เหมือนลูกกูรของฉัน เป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสอนของฉัน ไม่เคยนอกลู่นอกทางแม้แต่ครั้งเดียว” ชลนิภาตะคอกใส่ “เธอออกไปได้แล้ว”
สุตาภัญจำต้องยอมออกไป แต่ไม่วายย้ำคำ “ขอให้คุณอารับรู้ไว้นะคะ ชนกชนม์เป็นสุภาพบุรุษ และเป็นลูกที่ดี แต่หากคุณอายังปิดหูปิดตาตัวเอง สักวันคุณอาต้องเสียใจเพราะลูกรักของคุณอา”
ชลนิภาโกรธ “ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน! ฉันบอกให้ออกไป”
สุตาภัญไหว้ลาชลนิภา แล้วเดินออกไป
ธนกรฟังอยู่ติดใจในคำพูดของสุตาภัญ

สุตาภัญเดินออกมายังหน้าคฤหาสน์ชลนิภา เจอกับชนกชนม์ ทั้งแปลกใจและดีใจ
“ชนกชนม์”
ชนกชนม์ทักเสียงแปร่งปร่า “นึกแล้วเธอต้องมา”
“นายมาก็ดีแล้ว เข้าไปกับฉัน ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า...แม่นายจะได้รู้ความจริงสักที เขาจะได้รักและเห็นใจนาย รับนายกลับเข้าบ้าน...ไปกับฉัน”
สุตาภัญดึงมือชนกชนม์จะพาเข้าไปในบ้าน แต่ชนกชนม์รั้งไว้
“อย่าเอาเรื่องชยางกูรได้ไหม”
สุตาภัญตกใจ “เธอว่าอะไร”
“ชยางกูรเป็นน้องฉัน ฉันไม่อยากเห็นเขาหมดอนาคต” ชนกชนม์วิงวอน “ฉันขอร้อง”
สุตาภัญไม่พอใจ “เขาทำร้ายนายทุกอย่าง นายยังคิดปกป้องเขา แล้วที่เขาทำลายศักดิ์ศรีฉันล่ะ”
“ฉันเข้าใจเธอ...” ชนกชนม์พูดได้ไม่เต็มปาก “อย่างน้อยเธอก็ปลอดภัย”
สุตาภัญไม่พอใจมากขึ้น “แล้วถ้านายช่วยฉันไม่ทัน นายยังจะกล้าขอร้องให้ฉันปล่อยน้องนายไปอีกไหม”
ชนกชนม์พูดไม่ออก “ฉัน...”
“ฉันผิดหวังในตัวนายมาก ฉันรู้สึกอับอายที่ต้องมาพูดเล่าเรื่องตัวเองเพื่อช่วยนาย แต่นายกลับไม่ปกป้องศักดิ์ศรีของนาย และไม่เคยคิดถึงความรู้สึกฉัน”
สุตาภัญระเบิดอารมณ์ใส่ชนกชนม์
“สุดท้ายแล้ว นายก็เป็นคนเห็นแก่ตัวเหมือนกับน้องนาย”
ชนกชนม์น้ำตาซึม รู้สึกผิด
“การที่นายทำอย่างนี้เท่ากับนายสมรู้ร่วมคิดชยางกูร...ข่มขืนฉัน!”
สุตาภัญร้องไห้ แล้วเดินออกไป
ชนกชนม์ใจหล่นวูบ “สุตาภัญ”
สุตาภัญเดินออกไป ชนกชนม์เสียใจและรู้สึกผิด
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายความรู้สึกเธอ แต่คุณแม่ผิดหวังเพราะฉันมามากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้คุณแม่ผิดหวังในตัวชยางกูรอีก”
ชนกชนม์จำต้องยอมให้สุตาภัญเข้าใจเขาผิดอีกครั้ง

ส่วนสุตาภัญวิ่งมาหยุดยืนร้องไห้ที่บริเวณสวนสาธารณะในหมู่บ้าน ผิดหวังในตัวชนกชนม์เหลือแสน เด็กสาวพยายามทำใจปาดน้ำตา
“ในเมื่อนายขอ ฉันก็จะให้ แต่หลังจากนี้เราไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก”

สุตาภัญตัดใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชนกชนม์อีกต่อไป

ด้านกฤติยานั่งอยู่หน้าที่เก็บกระดูกยายแก้วภายในวัดของชุมชน เอามือลูบภาพถ่ายยายแก้วผู้ล่วงลับด้วยความคิดถึง

“ยายจ๋า หนูรักยาย หนูจะทำตามคำสั่งของยายนะจ้ะ เพื่อความสุขของยาย และครอบครัวของเรา”
กฤติยายิ้มให้ยายแก้ว ตัดสินใจเด็ดขาด...และหวังว่าจะได้เจอชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น

เวลาผ่านไปอีก เสียงกริ่งประตูหน้าคฤหาสน์ณวัตรดังขึ้น อุษาเดินมาดูที่ประตูบ้าน
“มาหาใครคะ”
“มาหาคุณณวัตรค่ะ”
กฤติยาแต่งตัวเปรี้ยวปนเซ็กซี่ ถอดแว่นตาดำ ยืนยิ้มให้ อุษาแปลกใจแต่ก็เปิดประตูให้
กฤติยาเดินเข้ามา หยุดมองคฤหาสน์หลังใหญ่ แล้วเดินตรงไป

ขณะที่กัณฐิกานั่งป้อนผลไม้ให้ณวัตร หันไปถามอุษา
“ใครมาจ้ะป้า”
กัณฐิกาและณวัตรหันไป เห็นกฤติยาเดินตรงเข้ามา กัณฐิกาแปลกใจ ไม่คิดว่ากฤติยาจะมา และยังแต่งตัวเซ็กซี่แปลกตา
“แอน...”
กฤติยายกมือไหว้ณวัตร “สวัสดีค่ะคุณอา”
ณวัตรรับไหว้ เห็นกฤติยาในชุดเปรี้ยวเซ็กซี่ ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
“สวัสดีจ้ะ”
กฤติยาไหว้กัณฐิกา “สวัสดีค่ะคุณแม่”
กัณฐิกาอึ้งที่กฤติยาเรียกตนอย่างนั้น
“ขอโทษนะคะ แอนควรเรียกคุณน้าจะเหมาะกว่า ไม่งั้นใครๆ จะเข้าใจผิดว่าเราเป็นแม่ลูกกัน ทั้งๆ ที่เราเป็นแค่ลูกบุญธรรม”
กัณฐิกาลุกเดินเข้ามาหากฤติยาใบหน้ายิ้มแย้ม “หลานยอมมาอยู่กับน้าแล้วใช่มั้ย”
“แอนไม่อยากมากวนใจคุณน้าค่ะ แต่ยายของแอนเสียแล้วค่ะ คุณน้าคงยังไม่ทราบเรื่อง แอนไม่เหลือใครอีกแล้ว แอนขออยู่กับคุณน้าได้ไหมคะ”
“ได้สิ น้ายินดีให้หลานอยู่ด้วยกัน” กัณฐิกาหันมาถามณวัตร “คุณคะ ถ้าฉัน...”
ณวัตรสวนขึ้น “ฉันเคยบอกเธอแล้วไง ฉันยินดีช่วยเหลือญาติของเธอ”
กัณฐิกาดีใจมาก “ไปกราบขอบคุณคุณณวัตรสิจ๊ะ”
กัณฐิกาพากฤติยา หวังให้ไปกราบเท้าขอบคุณ แต่กฤติยากลับเข้าไปกราบที่อกณวัตร
กัณฐิกาตกใจ ไม่คิดว่ากฤติยาจะทำอย่างนั้น อุษาเห็นก็แปลกใจ แต่เก็บอาการไว้
“แอนไม่อยากมาสร้างภาระให้คุณอา..แอนขออยู่ในฐานะคนใช้ แอนยินดีช่วยทำงานทุกอย่างค่ะ” กฤติยาบอกอย่างถ่อมตน
ณวัตรสวนขึ้นอีก “ไม่ได้..ฉันจะรักและดูแลหนูเป็นหลานของฉัน..ฉันจะส่งเสียให้หนูเรียนสูงๆ อยากได้อะไรให้บอก ฉันให้หนูได้ทุกอย่าง”
กฤติยายิ้มดีใจ “แอนกราบขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ”
กฤติยาเข้าไปกราบที่อกณวัตรอีกครั้งอย่างมีจริต กัณฐิกาไม่พอใจนัก เข้ามาดึงตัวกฤติยาออกห่าง
“ไปจ้ะ...น้าจะพาหลานไปห้องพัก”
กัณฐิกาพากฤติยาเดินออกไป
ณวัตรมองตามกฤติยาด้วยสายตาชื่นชอบจนปิดไม่อยู่ อุษารู้ดีว่าณวัตรคิดอะไร แต่ต้องเก็บอาการไว้ ไม่แสดงออก แม่บ้านชรารู้สึกกังวลใจ

กัณฐิกาเข้ามาในห้อง แล้ว รีบปิดประตู หันมาต่อว่ากฤติยาด้วยท่าทีไม่พอใจ
“ลูกทำอะไร”
“แอนทำอะไรผิดเหรอคะคุณน้า”
“อย่ามาย้อนแม่ ลูกทำอย่างนี้ทำไม” เดินมาเข้ามาจับเสื้อผ้าลูกสาว “ใครสั่งให้แต่งตัวโป๊แบบนี้”
กฤติยาย้อนอีก “แม่บอกให้แอนมาใช้ชีวิตหรู แอนก็ต้องเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวใหม่” พร้อมกับมองจ้องหน้ากัณฐิกาด้วยแววตาว่างเปล่า “ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรามาจากสลัม แล้วแม่ก็ควรเปลี่ยนสรรพนามเรียกน้าหลานเหมือนที่เคยเล่นละครไว้ ไม่งั้นเขาจะจับได้ว่าเราเป็นแม่ลูกกัน”
กัณฐิกาไม่พอใจนัก แต่ไม่อยากต่อปากต่อคำ เปลี่ยนเรื่องคุย
“ลูกให้อภัยแม่แล้วใช่ไหม ถึงยอมมาอยู่กับแม่”
กฤติยามีท่าทีเฉยชาพูดจายอกย้อนอีกคำ “แอนไม่ได้มาอยู่กับแม่ แอนมาอยู่กับคุณน้าค่ะ”
“จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะ แม่ดีใจนะที่ลูกมา ชีวิตแอนหลังจากนี้ไม่ลำบากอีกแล้ว แม่จะทำให้ชีวิตแอนมีความสุข เป็นครอบครัวที่อบอุ่น...พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก”
กัณฐิกาตัดบทแล้วเข้ามาโอบกอดกฤติยาเหมือนรักใคร่เสียเต็มประดา
“ปล่อยแอนเถอะค่ะ แอนไม่ชิน”
กฤติยาไม่ยินดียินร้าย กัณฐิกาไม่พอใจนักเอามือออก
“ขาดเหลืออะไรก็บอกป้าอุษา ฉันจะไปดูแลคุณณวัตร”
กัณฐิกาจะออกไป แต่หันกลับมาพูดเตือนลูกสาว
“ต่อไปสำรวมกริยาด้วย โตเป็นสาวแล้ว อย่าประเจิดประเจ้อกับคุณณวัตรให้มากนัก”
กัณฐิกาเดินออกไปจากห้อง กฤติยาเดินมานั่งที่เตียง หยิบภาพถ่ายของยายแก้วมาดู
“ยายจ๋า...หนูมาอยู่บ้านใหม่แล้ว ยายต้องเป็นกำลังใจให้กับชีวิตใหม่หนูด้วยนะจ๊ะ”
กฤติยายิ้มทั้งน้ำตา กอดรูปยายแก้วไว้แน่น

เช้าวันต่อมา ขณะที่สุรเดชนอนหลับเป็นตายอยู่ ชนกชนม์วิ่งโวยวายเข้ามาหา ปากร้องตะโกน
“ไอ้เดชหนีเร็ว มวลน้ำก้อนใหญ่ไหลมาท่วมบ้านแล้ว”
สุรเดชลุกขึ้นอาการงัวเงียไม่เชื่อ “ไม่เห็นมีน้ำเลย”
ชนกชนม์ถือถังน้ำมา สาดน้ำใส่สุรเดชทันที
สุรเดชตกใจ “เฮ้ย น้ำท่วม” ลุกขึ้นโวยวายลั่น “รีบเอากระสอบทราย กั้นบิ๊กแบ๊ค เร็ว”
สุรเดชจะวิ่งออกไป ชนกชนม์ยืนหัวเราะก๊าก สุรเดชได้สติมองไปรอบๆ รู้ว่าโดนหลอก
“ไอ้ชนม์” หัวหน้าแก๊งลูกเทวดาวิ่งไล่เตะชนกชนม์
ชนกชนม์วิ่งหนี แล้วจับขาสุรเดชไว้ข้างนึง จนกางเกงเป้าขาดทันที สุรเดชตกใจเอามือกุมเป้า
“ปล่อย...น้องชายโผล่”
“ปล่อยก็ได้..พาฉันไปหางานทำ”

สุรเดชแปลกใจที่ชนกชนม์อยากไปทำงาน

สุรเดชเดินเข้ามามองหน้าถามชนกชนม์ ซึ่งกำลังใส่เสื้อผ้า เตรียมพร้อมจะออกไปสมัครงาน

“ลูกมหาเศรษฐีอย่างแกยังต้องทำงานอีกเหรอวะ”
“ฉันกลายเป็นคนไร้ขาดมิตรญาติแล้ว เงินที่ติดตัวมาก็จะหมด รึแกจะแบ่งเงินให้ฉันใช้”
“ไปทำน่ะดีแล้ว อยากทำงานแล้วเกี่ยวไรกับฉันด้วย”
“แกเคยบอกว่าแถวนี้แกเส้นใหญ่ แนะนำหน่อยดิ”
สุรเดชได้ทีโม้โอ้อวดเอามือตบหัวชนกชนม์ “มาหาถูกคนแล้วน้อง..ใครๆ ก็รู้ว่าสุรเดชกว้างฝาง” จอมกะล่อนหมายถึงกว้างขวาง แต่จงใจพูดไม่ชัด
ชนกชนม์ดีใจ “พาไปเลย”
“หลบฝาไปเลยฟาย” สุรเดชหมายถึง...หลบขวาไปเลยควาย
พูดจบหันหลังกลับเข้าไปด้านใน ชนกชนม์งงดึงตัวไว้
“กลับเข้าไปทำไม”
สุรเดชชี้ที่ตัวเอง “ฟายจะไปอาบน้ำ”
จากนั้นสุรเดชเดินเข้าไปอาบน้ำ ชนกชนม์ยิ้มขำเพื่อนซี้ขี้ยาที่พึ่งคนเดียวของตัวเองในยามยาก

ฝ่ายสุตาภัญเดินเข้ามาหาสุรัมภาซึ่งนั่งไกวเปลซึมเศร้าอยู่ที่หน้าบ้าน
“ภา” สุตาภัญยิ้มทัก
สุรัมภาไม่ทักตอบเดินหนีไปทันที สุตาภัญตามไป


สุรัมภาจะเดินเข้าห้อง สุตาภัญเข้ามาดึงประตูรั้งไว้
“ภา...เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะ ภาโกรธเกลียดพี่ได้ แต่พี่ไม่ยอมให้ภาตัดความเป็นพี่น้อง”
สุรัมภาพูดอย่างเฉยชา “ฉันไม่มีอะไรคุยกับเธอ”
“มันไร้สาระมากเลยนะภา ที่ภาจะโกรธพี่เพราะเรื่องชนกชนม์ ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ดีอย่างที่ภาคิด”
สุรัมภาสวนขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “พี่ไม่มีสิทธิ์มาว่าพี่ชนกชนม์ของภา”
“เชื่อพี่เถอะ เขาไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษแสนดีอย่างที่เห็น เขาก็แค่ผู้ชายขี้แพ้ เห็นแก่ตัว”
สุรัมภาจ้องหน้าพี่สาว “ฉันตัดสินใจไม่ผิดเลย..ที่เลิกคบเธอ”
จากนั้นสุรัมภาปิดประตูกระแทกใส่หน้าสุตาภัญดังปัง สุตาภัญกังวลใจที่น้องสาวยังไม่ยอมคุยด้วย
“ภา”

สุรัมภาเข้ามาในห้อง เสียงข้อความจากมือถือดังขึ้น สุรัมภาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง อ่านข้อความ
“คิดถึงจังเลย...อยากกอด..อยากหอม...อยาก...”
ข้อความภาพดีดขึ้นมา สุรัมภากดเปิดดู เป็นภาพชยางกูรทำท่าหื่นใส่
“ไอ้บ้า..ฉันเกลียดแก!”
สุรัมภาตกใจ ปาโทรศัพท์ทิ้งไป กระโดดขึ้นไปนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงนอนอย่างขวัญเสีย

ชยางกูรส่งข้อความเสร็จก็ยิ้มสะใจ เพทายเข้ามาถาม
“แหย่มากๆ ไม่กลัวมันฟ้องตำรวจเหรอ”
“คลิปนี้เป็นพระเจ้า มีอำนาจสั่งยัยนั่นได้ทุกอย่าง”
ชยางกูรยิ้มอย่างมั่นใจ
“ไม่มีเรียนแล้ว ไปหาอะไรทำสนุกกัน”
ชยางกูรแปลกใจ “ไปไหนวะ”
เพทายยิ้มให้ หวังจะลากชยางกูรไปเล่นการพนันที่บ่อนประจำ

ชนกชนม์เดินมาที่หน้าร้านอาหารกึ่งผับของขาใหญ่ละแวกนั้น...เฮียปรัชญา มีทั้งผับที่เดียวกับที่ธีรดนย์มาร้องเพลง แต่ด้านหน้ามีโซนเอ้าท์ดอร์ บริการอาหาร ส่วนด้านในจะเป็นผับเต้นรำ และชั้นบนเป็นบ่อนการพนันของเฮียปรัชญา
“ร้านเดียวกับที่วงไอ้ธีมาเล่น”
“เออ....ฝากงานเสิร์ฟอาหารให้แก ไม่ต้องใช้สมอง ใช้แต่ร่างกายและหน้าตา”
ชนกชนม์แปลกใจ “หน้าตา”
“หล่ออย่างแก..ทิปเยอะแน่...” สุรเดชยิ้มกริ่ม แล้วทำเสียงตุ๊ดใส่ “จริงๆ นะฮ้า”
ชนกชนม์ผลักออก “เฮ้ย ขนลุก”
สุรเดชใส่จริตทำไม้ทำมือ เล่นบทตุ๊ดต่อ “ตามเจ๊มาเลยฮ่า”
สุรเดชควงแขนชนกชนม์ เดินก้นบิดเข้าไปด้านในผับ

ระหว่างนั้นรถชยางกูรวิ่งเข้ามาจอด โดยที่ไม่ทันเห็นชนกชนม์และสุรเดช ชยางกูรออกมายืนนอกรถมองเข้าไปในร้าน
เพทายเข้ามายืนข้างชยางกูร ส่งสายตาชวนขึ้นไปบ่อนด้านบน

ชนกชนม์เดินขึ้นมายังชั้นสอง แปลกใจที่เห็นคนหน้าตาดุ ยืนคุมเชิง จึงกระซิบถามสุรเดช
“ร้านอาหารรึแก๊งยากูซ่ากันแน่วะ”
“เฮียเขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลเว้ย ต้องมีบอดี้การ์ดประดับบารมี”
สุรเดชเดินมาถึงหน้าห้องเฮียปรัชญา บอดี้การ์ดหน้าเหี้ยมคุมหน้าห้องกันท่าไว้
“ฉันนัดเฮียไว้”
การ์ดคุมห้องจึงเปิดประตูให้ ชนกชนม์เพ่งมองเข้าไปด้านในเห็นคนอยู่เต็ม แต่ยังไม่ทันเห็นว่าที่นี่เป็นบ่อนการพนันด้วย เพราะสุรเดชเข้ามายืนบังระดับสายตาชนกชนม์พอดี
“แกรออยู่นี่”
“ฉันไปด้วย ฉันจะได้ไหว้เฮีย”
“ไม่ต้อง”
สุรเดชเดินเข้าไปในห้องชนกชนม์มองตามเข้าไป การ์ดคุมห้องปิดประตู และมองเขม่นชนกชนม์ที่ทำท่าสอดรู้
ชนกชนม์ยิ้มให้ ถอยออกมายืนรอห่างประตู

เวลาเดียวกันเพทายเดินนำมาที่ประตูทางขึ้นไปยังชั้นสอง ซึ่งไม่ใช่ประตูเข้าผับ เป็นทางเข้าของขาพนันและลูกค้าวีไอพี
“รับรองว่านายต้องติดใจ”

เพทายว่าขณะเดินนำ ชยางกูรเดินตามขึ้นไป

ฝ่ายชนกชนม์ยืนแกร่วรออยู่ที่หน้าห้องเฮียปรัชญาครู่หนึ่ง สุรเดชก็เปิดประตูเดินยิ้มเผล่ออกมาหา

“โอเคเซย์เยส คืนนี้เริ่มงานได้เลย”
ชนกชนม์แปลกใจ “เฮ้ย รับง่ายจัง”
สุรเดชโม้ วางกล้าม “ก็บอกแล้วว่าฉันเส้นใหญ่”
“ฉันขอเข้าไปกราบขอบคุณเฮีย”
ชนกชนม์อยากเข้าไป แต่สุรเดชลากตัวไปก่อน
“เฮียเค้างานยุ่ง ไปเตรียมตัวทำงานได้แล้ว”
สุรเดชลากชนกชนม์ออกไป
ขณะที่เพทายนำชยางกูรเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง เป็นจังหวะเดียวกับที่ชนกชนม์ และสุรเดชเดินออกมาจากประตูอีกด้านหนึ่ง คนละประตูกับชยางกูร
ชนกชนม์มองเห็นทางขึ้นอีกด้านนึกสงสัย “ประตูโน้นไปไหนวะ”
“แกมันลูกอีช่างถามจริง” สุรเดชขู่ “นั่นมันเขตอันตราย! ห้องเชือด”
ชนกชนม์ไม่เชื่อ “พูดยังกะโรงฆ่าสัตว์”
“ยิ่งกว่านั้น มันเป็นโรงฆ่าคน ผีเต็มไปหมด แฮ่ๆ”
สุรเดชทำทีเป็นกลัว แล้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ชนกชนม์ เลยถูกชนกชนม์ไล่เตะ

ด้านเพทายเดินนำมา ส่งสัญญาณ การ์ดเปิดประตูให้ ชยางกูรเดินเข้าไปในห้อง
ชยางกูรเดินเข้ามาด้านในแล้วมองตรงไปเบื้องหน้า เห็นมีคนเล่นการพนันมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น และมีชาร์ตโต๊ะบอลอยู่ด้วย
“ตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่าเข้าสวนสนุกอีก ถูกใจไหม” เพทายถาม
ชยางกูรยิ้มถูกใจ ควักเงินแล้วเดินเข้าไปเล่นการพนันทันที เพทายยืนยิ้มพอใจ ที่หลอกชยางกูรมาลงเล่นการพนัน
เฮียปรัชญาเดินเข้ามาตบไหล่เพทาย
“ค่าน้ำของลื้อ” พลางยื่นเงินให้เพทาย
เพทายไหว้นอบน้อม “ขอบคุณครับเฮีย”
“ลูกค้าเกรดเอซะด้วย” ปรัชญามองไปยังชยางกูรที่นั่งเล่น “ไม่ใช่แค่รวยแต่ต้องโง่ด้วย” เฮียปรัชญาหัวเราะสะใจ
เพทายยิ้มสะใจที่หลอกชยางกูรมาเล่นการพนันได้สำเร็จ คิดจะทำให้ชยางกูรการเป็นผีพนัน

ธีรดนย์ขับรถมาจอดหน้าคฤหาสน์ ชนิกานต์รีบลงจากรถ เพื่อเข้าไปในบ้าน กัณฐิกาเดินเข้ามาขวาง
“กลับมาซะดึกเชียว”
“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของฉัน”
ชนิกานต์เดินผ่านไป กัณฐิกาพูดไล่หลัง
“ไปแรดที่ไหนมาล่ะ”
ชนิกานต์ไม่พอใจ หันกลับมาจะตบ แต่กัณฐิกาจับมือค้างไว้
“อย่าลืมสิคะคุณหนู ฉันเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้แล้ว มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายได้ ฉันเป็นภรรยาพ่อของคุณหนูและฉันกลายเป็นแม่เธอ”
กัณฐิกาผลักชนิกานต์ออก
“แกไม่ใช่แม่ฉัน แกเป็นได้แค่โสเภณีที่มีเงินเดือนประจำอย่าคิดวางตัวเหนือฉัน”
กัณฐิกาตีบทอ่อนน้อมต่อชนิกานต์
“อุ๊ย จริงสิคะ ฉันนี่เป็นวัวลืมตีน ขอโทษด้วยนะคะที่ลืมกำพืด”
“แล้วไม่ต้องมาเสนอหน้าให้ฉันเห็น ไปหลบซ่อนอยู่ในรังโลกีย์ของแก”
“ค่ะ ดิฉันไม่กวนใจอีกแล้ว ขอเชิญคุณหนูเข้าบ้านไปพักผ่อนให้สำราญใจ” กัณฐิกาผายมือเชิญเข้าบ้าน “เชิญค่ะ”
ชนิกานต์เดินตรงเข้าไปในบ้าน กัณฐิกามองเย้ยด้วยความสะใจ
ครู่ต่อมาชนิกานต์ก็แผดเสียงขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “แก...ออกไป”
ธีรดนย์แปลกใจว่าชนิกานต์เจอใคร

ภายในห้องโถงใหญ่ ชนิกานต์เข้าไปผลักกฤติยา
“ออกไปจากบ้านฉัน ยัยโกหกตลบแตลง”
กฤติยามองชนิกานต์ ไม่ตอบโต้ ชนิกานต์เข้ามากระชากตัวให้ออกไป
“ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งรึไง ออกไป!”
กฤติยาเจ็บจนร้อง “โอ๊ย...ปล่อยฉันนะ”
“พูดดีๆ ไม่ชอบ” ชนิกานต์ตบหน้ากฤติยาเต็มแรง
กฤติยาจ้องมองหน้าสู้สายตาชนิกานต์อย่างไม่พอใจ
“ยังจะมองหน้าอีก”
ชนิกานต์จะตบอีก กฤติยาจับมือไว้แล้วตบชนิกานต์กลับ สองทีติดๆ กัน
“แก” ชนิกานต์ตกใจ
“ฉันไม่ยอมให้ใครมาตบฟรี! ฉันมีมือมีเท้าเหมือนกัน”
“คิดว่ามีคนเดียวรึไง”
ชนิกานต์ไม่พอใจ ถีบกฤติยาล้มลง แล้วเข้าไปทำร้าย กฤติยาลุกขึ้นสู้ สองสาวตบตีกันพัลวัน กัณฐิกาตามเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“ยัยแอน!”
กัณฐิกาดึงตัวชนิกานต์ออก เข้าไปปกป้องกฤติยา ประกาศก้อง
“หยุดนะ ใครก็ทำร้ายลูกฉันไม่ได้”
ธีรดนย์วิ่งเข้ามาหยุดดูอยู่ที่มุมหนึ่ง
กฤติยาอึ้งแปลกใจที่กัณฐิกาพูดคำนี้ต่อหน้าทุกคน
“แกยอมรับแล้วใช่ไหม ว่าแกสองคนเป็นแม่ลูกกัน” ชนิกานต์แหวใส่
กฤติยามองลุ้น อยากรู้ว่ากัณฐิกาจะตอบอย่างไร
ธีรดนย์เองก็รอฟังคำตอบ
“ถึงเราจะเรียกน้าหลาน แต่แอนเป็นลูกบุญธรรมฉัน”
กฤติยาผิดหวังที่กัณฐิกายังไม่กล้าบอกความจริง
ชนิกานต์ด่า “แกมันชั่วไม่มีที่เปรียบ สองมือโกยไม่พอ ต้องให้มันเข้ามาช่วยโกยสมบัติพ่อฉัน” หันมาด่ากฤติยา “ออกไป ที่นี่ไม่ต้อนรับแก”
กัณฐิกาสวนขึ้น “หลานไม่ต้องไป ที่นี่คือบ้านของหลาน”
ชนิกานต์ขู่กฤติยา “แกอยากโดนฉันเล่นงานทุกวันก็เอาสิ ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลย ชีวิตแกไม่สงบสุขแน่ ฉันจะราวีแกไม่มีวันหยุด”
กฤติยาเริ่มใจเสียไม่อยากอยู่ที่นี่ กฤติยาอยากจะวิ่งหนีออกไป
ณวัตรยืนอยู่มุมหนึ่งของบ้านนานแล้ว
“หนูไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
ชนิกานต์ไม่พอใจ “คุณพ่อ”
กัณฐิกาเหยียดยิ้ม มั่นใจว่าณวัตรมาปกป้องกฤติยา

ณวัตรเดินเข้ามา บอกกฤติยา
“หนูเป็นหลานของฉัน ขอให้หนูอยู่ที่นี่อย่างสุขสบาย กลับขึ้นห้องไปเถอะ”
“ไม่ได้นะคะ นิกกี้ไม่ยอม”
ณวัตรไม่ใส่ใจชนิกานต์ พูดให้ท้ายกฤติยา “หนูไม่ต้องฟังใคร ฉันเป็นใหญ่ในบ้านนี้แต่เพียงผู้เดียว”
ชนิกานต์ไม่พอใจที่ณวัตรหักหน้า ส่วนกฤติยาสับสน
“แต่ฉันเกลียดแก เหมือนที่ฉันเกลียดน้าแก แล้วฉันก็จะบอกให้ทุกคนที่นี่” ชนิกานต์เหลียวมองไปที่ธีรดนย์ “รวมทั้งขี้ข้าเกลียดแก”
กฤติยารู้สึกสับสนและเสียหน้าที่ถูกชนิกานต์ไล่ต่อหน้าธีรดนย์ จึงวิ่งเตลิดออกไป
กัณฐิกาไม่พอใจ “ยัยแอน”
ธีรดนย์ยืนอยู่มุมหนึ่ง เป็นห่วงกฤติยา รีบตามออกไป
ชนิกานต์ตะโกนไล่หลัง “ไปเลย..ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก!”
ณวัตรรีบบอกกัณฐิกา “ไปตามหนูแอนกลับมา”
“ค่ะ” กัณฐิการีบตามออกไป
ชนิกานต์ไม่พอใจมากๆ “คุณพ่อทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”
ณวัตรไม่สนใจ จะเดินออกไปตามกฤติยา ชนิกานต์เข้ามาดึงตัวไว้
“คุณพ่อใจร้ายกับนิกกี้ไม่ได้”

ณวัตรหันมาตบหน้าลูกสาวเต็มแรง จนชนิกานต์ล้มลง เด็กสาวเงยหน้ามองพ่ออย่างตื่นตระหนก และเสียใจ

ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 6 (ต่อ)

กฤติยาตั้งใจจะวิ่งออกไปพ้นๆ จากบ้าน เจอธีรดนย์เข้ามาขวางไว้

“ไม่ต้องไปไหนหรอก คุณท่านบอกแล้วไง ที่นี่เป็นบ้านของเธอ”
“แต่เจ้าของบ้านไม่ต้อนรับ ฉันไม่อยากอยู่เป็นกาฝาก เป็นที่รังเกียจของใครปล่อยฉันไปเถอะ”
กฤติยาจะวิ่งออกไปอีก แต่ธีรดนย์คว้าแขนไว้ จนทำให้ร่างกฤติยาเซเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของธีรดนย์โดยไม่ตั้งใจ
“อย่าไปสนใจคำพูดของนิกกี้เลย นิกกี้ขี้อิจฉาอย่างนี้ล่ะ เขากลัวว่าทุกคนจะรักเธอมากกว่าเขา....เชื่อฉันสิทุกคนที่นี่ยินดีต้อนรับเธอ”
กฤติยามองธีรดนย์
“ฉันเองก็อยากให้เธออยู่”
กฤติยาจ้องมองธีรดนย์ ด้วยความซาบซึ้งใจ จนน้ำตาไหลรินออกมา
ธีรดนย์หยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้กฤติยา
“หยุดร้องได้แล้ว โตแล้วนะ”
กัณฐิกาตามมาถึง ยืนมองว่ากฤติยาจะรับผ้าเช็ดหน้าหรือไม่

ฝ่ายชนิกานต์ร้องไห้ฟูมฟาย เสียใจที่ณวัตรตบหน้า
“คุณพ่อไม่รักนิกกี้แล้ว....คุณพ่อใจร้าย”
ณวัตรรู้สึกผิด เพราะยังรักลูกมาก แต่ไม่พอใจที่นับวันชนิกานต์ก้าวร้าวและเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นๆ
“ลูกต่างหากที่ทำร้ายตัวเอง”
“แต่คุณพ่อทำเหมือนนิกกี้เป็นอากาศ ไม่มีตัวตน คุณพ่อยังตบตีนิกกี้”
“พ่อเคยบอกลูกหลานครั้งแล้ว ว่าพ่อตัดสินใจแต่งงานกับคุณกัณ เพราะอยากให้เขามาดูแลลูก คุณกัณเป็นคนดี หนูแอนเธอก็น่ารัก น่าจะเป็นเพื่อนที่ดีกับลูกได้ พ่อทำทุกอย่างเพื่อลูก”
“เลิกอวดอ้างสรรพคุณพวกมันได้แล้ว นิกกี้ไม่อยากฟัง”
ชนิกานต์แหวใส่ยังโกรธพวกกัณฐิกา ณวัตรเอือมระอา จะเดินออกไปตามกฤติยา ชนิกานต์เข้ามากอดไว้ ร้องไห้โฮ
“นิกกี้รักคุณพ่อนะคะ นิกกี้ไม่มีใครแล้ว อย่าเย็นชากับนิกกี้เลย”
“ลูกก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง ..ถ้าลูกไม่มอบความรักให้ใคร ก็จะไม่มีใครรักลูก ยังไม่สายที่จะเริ่มต้นใหม่”
ณวัตรสั่งสอนลูกสาวแล้วเดินออกไป ชนิกานต์เสียใจน้อยใจที่ณวัตรยังไม่สนใจเธอ
“คุณพ่อ”
ณวัตรเดินลับตัวไปแล้ว ชนิกานต์ยิ่งเกลียดกัณฐิกาและกฤติยามากขึ้น
“ฉันจะเล่นงานพวกแกให้ถึงที่สุด”

ธีรดนย์ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ กฤติยาตัดสินใจรับผ้าเช็ดหน้า มาซับน้ำตา
ธีรดนย์ยิ้มให้พูดเย้า “ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์สยอง”
กฤติยาตกใจ
“ฉันล้อเล่น...ยินดีต้อนรับสู่บ้านใหม่”
ธีรดนย์ยื่นมือไปจับกฤติยา กฤติยายื่นมือมาจับด้วย
“ขอบใจมากนะ”
กัณฐิกาปราดเข้ามาแทรก แยกทั้งสองออก จับเนื้อต้องตัวธีรดนย์
“ธีรดนย์ ฉันขอบใจมากที่ช่วยพูดจนหลานใจอ่อน..ยอมอยู่ที่นี่”
“ไม่เป็นไรครับ”
กัณฐิกาจับตัวธีรดนย์ไม่ยอมปล่อย “ฉันขอบใจจริงๆ เธอต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
กฤติยามองกัณฐิกา เริ่มเอะใจในพฤติกรรมที่กัณฐิกาแสดงออกต่อธีรดนย์
ณวัตรเข้ามาหากฤติยา
“หนูแอน”
กัณฐิกาจึงรีบออกห่างธีรดนย์เข้าไปประคองกฤติยา
“หนูไม่ต้องกังวล ฉันพูดกับลูกสาวฉันรู้เรื่องแล้ว...หนูจะอยู่ในบ้านนี้อย่างมีความสุข”
“แอนขอบคุณคุณอามากค่ะ” กฤติยาไหว้ณวัตร
ณวัตรเสนอตัวจะเข้าไปประคองกฤติยา “ไป... ฉันไปส่ง”
กัณฐิกาไม่อยากให้ณวัตรใกล้ชิดกฤติยา รีบเข้าไปกันไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ กัณพาไปเองค่ะ”
กัณฐิกาพากฤติยาเดินกลับเข้าไปด้านใน ธีรดนย์มองตาม ดีใจที่กฤติยายอมอยู่ที่นี่ต่อ
ณวัตรเห็นธีรดนย์มองตามตาละห้อยก็ไม่พอใจนัก และสั่งธีรดนย์
“เธอคอยดูแลยัยนิกกี้ให้ดี อย่าให้อาละวาดทำร้ายหนูแอนอีก”
“ได้ครับ”
ณวัตรขวางหูขวางตาไปหมด “ฉันเบื่อฟังคำ ได้ครับ ครับ ของแก รับปากแล้วก็ทำให้ได้สักที”
“ครับ”

ณวัตรเดินเข้าบ้านไป ด้วยอาการไม่พอใจที่ตนถูกสั่งตลอดเวลา

ขณะที่อุษากำลังเช็ดถูห้องนอน ธีรดนย์เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงบ่นงึมงำเข้ามา

“อีกไม่นานฉันจะพาแม่ไปจากบ้านหลังนี้”
อุษาแปลกใจ “จะไปไหน? อยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว คุณท่านคอยดูแลลูกเป็นอย่างดี”
“แต่เขาก็มองว่าผมเป็นแค่คนใช้”
อุษาย้อนถาม “ลูกบอกแม่ได้ไหม เกิดเป็นคนใช้มันผิดตรงไหน”
ธีรดนย์เหลืออด ระบายอารมณ์ออกมา..
“ผิดสิแม่ ไม่มีศักดิ์ศรี ถูกโขกสับเป็นที่รองรับอารมณ์ ผมอยู่มหาลัยก็ถูกยัยนิกกี้กดขู่เรียกใช้ขี้ข้า ต่อให้ผมเก่งผมดียังไง คำว่าลูกคนใช้ก็ทำให้ผมดูต่ำต้อย เป็นที่สองรองจากคนอื่น”
อุษาสะท้อนใจจนน้ำตาตก “แม่ขอโทษ ที่แม่ทำให้ลูกต้องเป็นอย่างนี้”
อุษาร้องไห้ออกมา รู้สึกผิดที่ทำให้ชีวิตธีรดนย์ลำบาก พยายามปาดน้ำตา
ธีรดนย์รู้สึกผิด “แม่ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้แม่เสียใจ ผมแค่อยากให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น แม่อดทนหน่อยนะครับ ผมจะเล่นดนตรีเก็บเงิน เรียนจบได้ทำงานดีๆ ผมจะพาแม่ออกไปอยู่บ้านของเราเอง”
“จ้ะลูก อย่าให้แม่รอนานนะ” อุษาสวมกอด แล้วลูบหัวลูกชาย “ไปอาบน้ำไปร้องเพลงได้แล้ว”
“ครับ”
ธีรดนย์เดินออกไป อุษาเห็นความรักและความดีของลูกก็ภูมิใจ

ค่ำนั้นบรรยากาศร้านอาหารเป็นไปอย่างคึกคัก ชนกชนม์อยู่ในชุดพนักงานประจำร้าน เสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า อย่างแข็งขัน
“อาหารจานเด็ดมาแล้วครับ” ยกอาหารเสิร์ฟให้ลูกค้า “มีอะไรเพิ่มเติมเรียกใช้บริการได้ครับ....ทานให้อร่อยนะครับ”
ชนกชนม์โค้งให้อย่างสวยงาม ลูกค้ามองประทับใจในการบริการ กัปตันร้านเดินเข้ามายืนข้างชนกชนม์
“มัวยืนประจบสอพลอรอทิปอยู่นั่นแหละ ทั้งร้านไม่ได้มีโต๊ะเดียว โน่น..ลูกค้าฝั่งโน้นรอนานแล้ว”
“ครับ”
ชนกชนม์รีบเดินออกไป กัปตันมองตาม ไม่พอใจ

ชนกชนม์เดินตรงมายังโต๊ะลูกค้า ยังไม่ได้มองหน้า ยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
ชนกชนม์เงยหน้ามอง จึงเห็นเป็นลูกค้าชื่อ ชาติ เป็นเกย์สาวบุคลิกประมาณดีเจบุ๊คโก๊ะ น่ารักๆ ส่งสายตาหวานมาให้
ชนกชนม์ยิ้มตอบ...ยื่นเมนูให้ “รับอะไรดีครับ”
ชาติจับมือชนกชนม์ไว้ ชนกชนม์อึ้ง
“สุดหล่อมีอะไรแนะนำสุดสวยบ้างอ่ะคะ”
“อร่อยทุกอย่าง ครบทุกเชื้อชาติครับ ไทยจีนฝรั่ง รึจะรับขนมจีบซาลาเปา”
ชาติกรี๊ด “วะวะว้าว มีมุกด้วย หล่อด้วยไรด้วย ช๊อบชอบ เอาไส้กรอกเยอรมันมาที่หนึ่งจ้ะ”
“ครับผม”
ชนกชนม์จะรับเมนูคืน แต่ชาติยื้อจับมือไว้ ชนกชนม์ตะล่อมเอามือชาติออก แล้วเดินออกไป ชาติเอามือตัวเองขึ้นมาดม..ชื่นใจ
“น่าร็อกอ่ะ”

ขณะเดียวกันชยางกูรเดินนับเงินก้อนโตที่ได้จากบ่อนชั้นสอง
“ขอบใจแกมากนะเพทาย บ่อนนี้ท่าจะถูกโฉลกกับฉัน”
“วันหน้าก็ต้องมาอีก”
“ใครไม่มาก็โง่แล้ว”
เพทายยิ้มย่อง “อย่างนี้ต้องฉลอง มีร้านเปิดใหม่เด็กเสิร์ฟเซ็กซี่ โคโยตี้ยังอาย”
เพทายจะนำชยางกูรออกไป แต่ชยางกูรหันไปเห็นชนกชนม์กำลังเสิร์ฟอาหารอยู่ คิดอะไรบางอย่าง!

ชนกชนม์เอาจานไส้กรอกมาเสิร์ฟชาติ
“ไส้กรอกมาแล้วครับ”
ชาติร้อง “วะว้าววว” มองชนกชนม์ตาเป็นมัน “น่ากิ๊นน่ากิน”
“หมายถึงไส้กรอกใช่ไหมครับ” ชนกชนม์ถาม
“จ้ะ..สั่งตรงมาจากเยอรมัน รสชาติคงเข้มข้น”
“ทานให้อร่อยนะครับ”
ชนกชนม์จะเดินไป ชาติจับมือไว้
“ช่วยหั่นให้หน่อยสิ สุดสวยเจ็บมืออ่ะ”
“ได้ครับ”
ชนกชนม์จะต้องหั่นไส้กรอกให้
จู่ๆ ชยางกูรก็ร้องโหวกเหวกโวยวาย “ตุ๊ดให้ทิปดีรึไง ถึงไม่สนใจโต๊ะอื่น”
ชนกชนม์หันไปเจอชยางกูร ก็ตกใจ
กัปตันเข้ามาต่อว่าชนกชนม์
“รีบไปดูรับออเดอร์สิ ยืนบื่อให้เขาด่าอยู่ได้”
ชนกชนม์เดินไปรับโต๊ะชยางกูร กัปตันหันไปจะหั่นไส้กรอกให้ชาติ
“ผมหั่นให้นะครับ”
“ไม่ต้อง กินเป็นดุ้นก็ได้” ชาติใช้ส้อมจิ้มกินเอง “รมณ์เสีย”


ชนกชนม์ถือเมนูเข้ามายื่นให้ชยางกูร
“รับอะไรดีครับ”
ชยางกูรดึงเมนูมาแล้วโยนทิ้ง “ส่งยังไงวะ มือไม้อ่อนยังกะเป็นตุ๊ด”
ชนกชนม์ไม่พอใจที่ชยางกูรตั้งใจหาเรื่อง
“ยังจะมองหน้าอีก หยิบขึ้นมาสิ”
ชนกชนม์จำต้องหยิบเมนูขึ้นมา วางไว้บนโต๊ะ ชยางกูรยิ้มเย้ยอย่างผู้ชนะ
“แม่มาเห็นแกสภาพนี้นี้คงตรอมใจตาย อุตส่าห์ส่งเสียให้เรียนสูง แต่ใฝ่ต่ำทำงานเสิร์ฟ”
ชนกชนม์ไม่ตอบโต้ “รับอะไรดีครับ”
“ฉันเข้าใจ คนจนตรอกไม่มีอะไรกินก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ฉันว่าอย่าเสียเวลาทำงานเลย อยากได้เงินก็ไปขายตัวให้ตุ๊ด”
พูดจบชยางกูรและเพทายหัวเราะเยาะอย่างขบขัน ชนกชนม์เก็บอารมณ์ไม่ตอบโต้
“ดูเมนูก่อนนะครับ...ถ้าคิดออกอยากทานอะไร เรียกใช้นะครับ”
ชนกชนม์จะเดินออกไป ชยางกูรเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
ชนกชนม์หันกลับมา
“เอายำตีนไก่ที่นึง เอาแต่ไก่นะ...ตีนมีแล้ว”
ชยางกูรหัวเราะเยาะชนกชนม์
“เอาเครื่องดื่มมาชุดนึง” เพทายสั่งของ
ชนกชนม์ก้มหน้ารับออเดอร์แล้วออกไป
“คืนนี้มีอะไรสนุกๆ เล่นอีกแล้ว”

ชยางกูรหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อถ่ายคลิปตัวเอง เพทายแปลกใจว่าชยางกูรทำอะไร?

ไม่นานต่อมา มีเสียงข้อความมือถือดังขึ้นที่ในห้อง สุรัมภาเพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังจะเข้านอน ต้องสะดุ้งตกใจหวาดผวาไม่ยอมกดดู จะเดินไปทีเตียงนอน แต่กลับมีเสียงข้อความดังขึ้นอีก

สุรัมภาตกใจมาก วิ่งมาจะปิดเครื่อง แต่แล้วเปลี่ยนใจ กดเปิดดูเป็นคลิปวิดีโอของชยางกูร
“ฮัลโหลที่รัก...ผมรอคุณอยู่ที่ร้านนะ”
ชยางกูรภาพถ่ายไปที่ด้านหน้าร้าน เพื่อให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน
“รีบออกมา..ไม่งั้น..คุณจะกลายเป็นดาราหน้าจอในคืนนี้”
ชยางกูรทำเสียงข่มขู่คุกคามสุรัมภาพร้อมกับหัวเราะเยาะ
สุรัมภาตกใจ ปาโทรศัพท์ทิ้ง สับสน ไม่อยากไปหาชยางกูร แต่ก็กลัว

ส่วนชยางกูรยิ้มร่าพออกพอใจมาก
“มันไม่กล้าออกมาหรอก มันกลัวนาย”
“ใครบอก...ความกลัวจะทำให้มันกล้า”
ชยางกูรยิ้มอย่างลำพอง

คืนนั้นสุตาภัญเคาะประตูห้อง
“ภา...ขอพี่เข้าไปคุยด้วย เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
สุตาภัญเคาะแต่ทุกอย่างเงียบกริบ จึงลองเปิด ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล๊อค สุตาภัญเข้าไปในห้อง แปลกใจไม่เจอสุรัมภา

สุตาภัญออกมาดูที่ระเบียงห้อง ก็ไม่เจอแต่พอมองออกไปที่สนามและประตูหน้าบ้าน ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นสุรัมภาแอบเปิดประตู วิ่งหนีออกไปจากบ้าน
สุตาภัญตกใจและแปลกใจว่าสุรัมภาไปไหน?
“ภา”

เวลาเดียวกันเท้าของใครคนหนึ่งเดินตรงมาหยุดหน้าผับ ที่แท้เป็นชนิกานต์ที่ คืนนี้ตั้งใจจะมาดื่มเพื่อหนีปัญหาจากบ้าน
ชนิกานต์จะเดินเข้าไปในผับ แต่เห็นชนกชนม์กำลังถืออาหารไปเสิร์ฟก็ดีใจมาก ตาเป็นประกาย
“แฟน”

ชนกชนม์นำอาหารมาเสิร์ฟให้ชยางกูร
“อาหารและเครื่องดื่มมาแล้วครับ”
ชยางกูรหันไป หยิบจานอาหารเททิ้ง
“ฉันไม่ได้สั่ง”
ชนกชนม์ชักไม่พอใจ “นายต้องการอะไร”
ชยางกูรเหยียดยิ้ม “สอนการทำงานให้แกไง....คิดทำงานชั้นต่ำต้องจำกฎไว้สามข้อ ข้อแรก...ลูกค้าคือพระเจ้า ข้อสองลูกค้าถูกเสมอ”
เพทายรับลูก “แล้วข้อสามล่ะ”
ชยางกูรพูดใส่หน้าชนกชนม์ “ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้กลับไปอ่านกฏข้อแรก”
ขาดคำชยางกูรหยิบแก้วน้ำสาดใส่หน้าชนกชนม์ ชนิกานต์ปราดเข้ามาผลักชยางกูร
“ไอ้บ้า หยุดแกล้งแฟนฉัน!”
ชนกชนม์แปลกใจระคนตก “นิกกี้”
ชยางกูรถากถางชนกชนม์ “ทำบุญด้วยอะไรวะ มีผู้หญิงออกโรงช่วยตลอดฉันแนะนำให้ วันหน้าใส่กระโปรงหรือเอากระโปรงครอบหัวซะ”
ชนิกานต์ปรี๊ด “หยุดด่าว่าแฟนฉัน คนที่ควรใส่กระโปรงคือพวกแก ชอบข่มเหงรังแกคนอื่น! ทำตัวหมาหมู่! ไอ้หน้าตัวเมีย”
“ปากดีนัก”
ชยางกูรจะเข้ามาทำร้ายชนิกานต์ ชนกชนม์กันไว้ ชยางกูรหยุดกึก ชนกชนม์รีบดึงตัวชนิกานต์ออกไปจากร้าน
“นิกกี้ไปเถอะ”
ชยางกูรไม่พอใจ..นั่งลงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“สักวันฉันต้องสั่งสอนให้รู้สำนึก”
ชยางกูรวางแก้วเหล้าลง เห็นสุรัมภายืนอยู่เบื้องหน้าพอดี ชยางกูรยิ้มอย่างพอใจ
เพทายยิ้มดีใจที่ได้เจอสุรัมภาอีกครั้ง สุรัมภาใจสั่นกลัวพวกชยางกูรมาก

สุตาภัญเดินเข้ามาหน้าร้าน มองหาสุรัมภา แต่พอหันไปเห็นรถชยางกูรก็จำได้
“ชยางกูร”
สุตาภัญกังวลใจ รีบตรงไปยังบริเวณร้านอาหาร

สุรัมภามองชยางกูร และมีท่าทีหวาดกลัวเพทาย
ชยางกูรสั่งเพทาย “แกกลับไปได้แล้ว”
เพทายไม่พอใจที่ชยางกูรไล่
ชยางกูรขึ้นเสียง “นั่งเซ่ออยู่ทำไม ผัวเมียจะคุยกัน”
เพทายไม่พอใจที่ถูกชยางกูรเย้ย เก็บอารมณ์ไว้แล้วเดินออกไป..
ชยางกูรบอกสุรัมภา “นั่งสิ”
สุรัมภาจะนั่งฝั่งตรงข้าม ชยางกูรสั่ง
“ตรงนี้”
ชยางกูรสั่งให้สุรัมภาเข้ามานั่งข้างตน สุรัมภาจำต้องทำตามสั่งเพราะกลัว ชยางกูรเหยียดยิ้มด้วยความพอใจ
เพทายยืนมองอยู่อีกมุมหนึ่ง แค้นใจในตัวชยางกูรมากขึ้นไปอีก

“อย่าให้ถึงวันของฉันก็แล้วกัน”

ฟากชนกชนม์กับชนิกานต์คุยกันอยู่ด้านนอกของร้าน ชนิกานต์เป็นห่วงชนกชนม์มาก

“แฟนเป็นไงบ้าง รู้ไหมว่าแฟนเป็นห่วงแฟนมาก เกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่แฟนต้องไล่แฟนออกจากบ้าน แฟนไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหม”
“มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“แฟนว่าแล้วเชียว กลับบ้านเถอะ แฟนจะช่วยพูดให้แม่แฟนเข้าใจ”
“ไม่เป็นไร..ออกมาอยู่ข้างนอกก็สบายดี เป็นอิสระ”
“แต่แฟนไม่อยากให้แฟนทำงานแบบนี้เลย มันน่าอาย”
ชนกชนม์บอกอย่างจริงจัง “อายทำไมกันงานสุจริต แล้วฉันก็หาเงินด้วยตัวเอง คนที่เอาแต่แบมือขอเงินคนอื่น สิต้องอาย”
ชนิกานต์อึ้ง
ชนกชนม์รีบบอกต่อ “ฉันไม่ได้ว่าเธอนะ”
จังหวะนั้นกัปตันเข้ามาต่อว่าชนกชนม์
“ตกลงจะทำงานรึจีบสาว”
ชนิกานต์เม้งสวนกลับ “ไม่ได้จีบ ฉันเป็นแฟน แฟนคุยกันไม่ได้รึไง”
กัปตันไม่พอใจ “อยากคุยก็ไปคุยที่บ้าน นี่มันที่ทำงาน ไม่อยากทำก็ออกไปซะ”
ชนิกานต์ไม่พอใจ
ชนกชนม์รีบบอกกัปตัน “ทำครับ” ก่อนจะหันไปบอกชนิกานต์ “เธอกลับไปเถอะไว้เจอกันที่มหา’ลัย”
ชนกชนม์รีบเดินกลับเข้าไปทำงาน กัปตันจะเดินออกไป ชนิกานต์เข้าไปต่อว่ากัปตัน
“อย่ากดขี่ข่มเหงแฟนฉัน ไม่งั้นฉันเอาเรื่อง”
กัปตันไม่สน “เธอเป็นใคร กล้ามาสั่งฉัน”
“ฉันเป็น...” ชนิกานต์จะบอกว่าเป็นไฮโซลูกเศรษฐี แต่คิดได้ว่าคงไม่ช่วยอะไร “เป็นลูกค้า! หาโต๊ะให้ฉันเดี๋ยวนี้”
พร้อมกันนั้นชนิกานต์ควักแบงค์พันออกมา กัปตันตาโตรีบรับเงินก้มหน้าหาโต๊ะให้ทันที
“เชิญด้านนี้เลยครับคุณผู้หญิง”
ชนิกานต์มองเชิด เดินเข้าร้านไป

ชยางกูรเข้าไปจับตัวสุรัมภา สุรัมภาขยะแขยงดันมือชยางกูรออก
“อย่านะ”
ชยางกูรจับเนื้อตัวต่อ
สุรัมภาเสียงแข็ง “อย่าแตะต้องตัวฉัน”
“กล้าปฎิเสธฉันเหรอ” ชยางกูรขึ้นเสียง
สุรัมภากลัว “ฉันขอล่ะ ลบคลิปนั่นซะ ฉันจะไม่บอกใครไม่เอาเรื่องนาย”
ชยางกูรยิ้มหยัน “เธอเป็นลูกไก่ในกำมือฉัน...ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
สุรัมภานึกสงสัย “แล้วนายต้องการอะไร ให้ฉันมาทำไม”
“ฉันเป็นคนใจดี..อยากให้เธอได้เจอสุดที่รัก”
สุรัมภาฉงน
ชยางกูรมองไปที่มุมหนึ่ง สุรัมภามองตาม เห็นชนกชนม์
“พี่ชนกชนม์”
ชนกชนม์เดินเข้ามาเห็นสุรัมภาก็แปลกใจ
“ภามาได้ยังไง ภาไม่ควรมาที่นี่ กลับบ้านไปเถอะ”
ชยางกูรด่า “อย่าเสียมารยาท ผู้หญิงคนนี้เป็นแขกของฉัน”
ชนกชนม์แปลกใจที่สุรัมภานั่งอยู่กับชยางกูร
“ภา”
“ไม่ต้องสงสัยว่าเรารู้จักกันได้ยังไง....เอาเป็นว่าเราสนิทกันมาก...”
สุรัมภากลัวชยางกูรจะหลุดปากรีบแก้ตัว “รู้จักกันเพราะเขาเป็นเพื่อนกับเพื่อนภาค่ะ”
“กลับบ้านเถอะ พี่ส่งขึ้นรถ” ชนกชนม์ว่า
สุรัมภาอยากกลับออกไป
ชยางกูรมองขู่ “อยู่กับฉัน”
สุรัมภาจำต้องนั่งอยู่กับชยางกูร ชนกชนม์แปลกใจ ที่สุรัมภาเชื่อฟังชยางกูร
ชยางกูรหัวเราะเยาะ “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว...” หันมาบอกชนกชนม์ “เห็นหน้าแกแล้วกร่อย..ไปหาอะไรอร่อยๆกินที่อื่นดีกว่า...” บอกสุรัมภาเป็นเชิงสั่ง “ลุกขึ้นสิ!”
สุรัมภารีบลุกขึ้นตามสั่ง ชนกชนม์แปลกใจที่สุรัมภาเชื่อฟังชยางกูรขนาดนี้
ชยางกูรควักเงินวางบนโต๊ะ “ค่าอาหาร แล้วนี่ก็...” แกล้งทิ้งแบงก์พันร่วงลงพื้น “ทิปของแก”
ชยางกูรเดินออกไป ชนกชนม์มองสุรัมภา เป็นเชิงบอกไม่ให้ไปกับชยางกูร
“ภา”
สุรัมภามองชนกชนม์แต่ไม่กล้าปฎิเสธชยางกูร สองคนเดินผ่านไป ชนกชนม์มองตามด้วยความเป็นห่วง
ชนกชนม์ก้มเก็บเงินที่ชยางกูรทิ้งไว้ แล้วลุกขึ้นมา เจอกับสุตาภัญพอดี
“นายเห็นภารึเปล่า”
-ชนกชนม์อึ้งตกใจที่เจอสุตาภัญ...
ตัดไป

ชยางกูรกำลังเดินไปที่รถ สุรัมภาตะโกนบอกชยางกูร
“ฉันขอร้องล่ะ....ลบคลิปนั่นทิ้ง....ให้ฉันกลับบ้านเถอะ”
ชยางกูรยิ้ม แล้วเดินไปยังมุมมืดของลานจอดรถ
สุรัมภายืนมองอย่างหวาดกลัว ชยางกูรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาขู่ สุรัมภาจึงเดินตามไป

สุตาภัญมองชนกชนม์ แล้วนึกได้
“ว่าไงนายเห็นภาไหม..ฉันเห็นรถชยางกูรอยู่ที่นี่”
ชนกชนม์กำลังจะตอบ “เมื่อกี้...”
สุตาภัญสวนขึ้นท่าทีหงุดหงิด “ฉันไม่น่าเสียเวลาถามนายเลย ถึงนายรู้นายก็คงไม่ตอบ มีอะไรเกิดขึ้นนายก็ต้องเข้าข้างน้องนาย”
สุตาภัญเดินออกไปเลยไม่ฟังคำตอบชนกชนม์
“ฟังฉันก่อน”
จังหวะนั้นชนิกานต์นั่งอยู่มุมหนึ่งในร้าน เห็นสุตาภัญก็แปลกใจ
“ยัยตามาทำอะไร”
ชนิกานต์ลุกขึ้นตามสุตาภัญไป
ชนกชนม์จะไปบอกสุตาภัญ แต่ถูกกัปตันมาขวางไว้
“จะอู้งานไปไหนอีก...ไปรับออเดอร์ลูกค้า”
“แต่ผม...” ชนกชนม์เป็นห่วงสุตาภัญ
“ไปทำงาน ไม่ทำก็ออกไปซะ”
ชนกชนม์นิ่งคิดตัดสินใจ ถอดผ้ากันเปื้อน ที่เป็นสัญลักษณ์ของร้านให้กัปตัน
“ผมลาออก!” ชนกชนม์วิ่งออกไปทันที
กัปตันงง “อะไรวะ”

สุรัมภาเดินเข้ามาหาชยางกูร ซึ่งยืนรอที่ด้านท้ายรถตรงมุมมืดในลานจอดรถ ใบหน้าเด็กสาวนองน้ำตา
“ฉันยอมมาหานาย...ทำตามที่นายสั่งแล้ว สงสารฉันเถอะ ลบคลิปฉันทิ้ง ฉันไหว้ละ”
สุรัมภาร้องไห้ ไหว้ขอร้องอย่างน่าสงสาร ชยางกูรเปิดมือถือไปที่หน้าคลิป แล้วกดลบทิ้ง สุรัมภายิ้มพอใจ
“ฉันจะลบความทรงจำทุกอย่าง ว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้น...แล้วเราก็คงไม่ต้องเจอกันอีก”
สุรัมภาจะเดินกลับออกไป แต่ชยางกูรดึงมือไว้
“เดี๋ยวสิ ลบแล้วก็ถ่ายใหม่ได้”
สุรัมภาตกใจ “นายว่าอะไรนะ”
ชยางกูรผลักสุรัมภาลงกับกระโปรงหลังรถ เริ่มลวนลามสุรัมภา
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” สุรัมภาตะโกนสุดเสียง
จู่ๆ มือหนึ่งของใครคนหนึ่ง มากระชากตัวชยางกูรออกจากสุรัมภา
“ไอ้ชนกชนม์”
สุรัมภาตกใจระคนดีใจที่ชนกชนม์มาช่วยไว้
“ฉันเตือนแกแล้วใช่ไหม อย่าทำอย่างนี้อีก”
“มันเรื่องของฉัน”
ชนกชนม์ไม่พอใจต่อยชยางกูรหลายหมัด ชยางกูรโดนเล่นงานพอสมควร ในที่สุดชยางกูรควักปืนออกมาขู่ ชนกชนม์หยุด!
“เข้ามาแกตาย” ชยางกูรหันมาขู่สุรัมภา “เอาเรื่องฉันเธอก็ต้องตาย”
สุรัมภาตกใจกลัวจนตัวสั่น ชยางกูรรีบขึ้นรถ แล้วขับรถออกไปอย่างเร็วและแรง โดยมีรถคันหนึ่งขับตามรถชของชยางกูรไป
ชนกชนม์เป็นห่วงสุรัมภา “ภา...”
สุรัมภาขวัญกระเจิงวิ่งเข้ากอดชนกชนม์ร้องไห้โฮ “พี่ชนกชนม์ด้วยภาด้วย ช่วยภาด้วย”
ชนกชนม์กอดปลอบใจ “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ไม่มีใครทำร้ายภาได้อีก...มันเกิดอะไรขึ้น ภาบอกพี่สิ”
สุรัมภาไม่กล้าบอกความจริง เอาแต่กอดชนกชนม์ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น

ฝ่ายสุตาภัญเดินเข้ามาเห็นสุรัมภาร้องไห้กอดชนกชนม์อยู่ ก็ยืนนิ่ง อึ้ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ชนิกานต์เดินเข้ามายืนข้างสุตาภัญด้วยท่าทีไม่พอใจมาก
“เธอปล่อยให้มันเกิดเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง”
สุตาภัญตกใจ “นิกกี้”
ชนิกานต์ผลักอกสุตาภัญ “เข้าไปเคลียร์ให้ฉัน ไม่งั้นฉันจะตบเธอ ที่เธอไม่สั่งสอนน้องสาวให้เลิกแย่งแฟนฉัน”
สุตาภัญอึ้ง
“ถ้าเธอไม่จัดการ...หาว่าฉันใจร้ายไม่ได้”
ชนิกานต์ปราดเข้าไปหาสุรัมภาทันที
“นิกกี้”
สุตาภัญตกใจมาก นึกเป็นห่วงน้องสาว

ติดตามเอาใจช่วย "ชนกชนม์" ใน "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 7
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 2
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 2
สุตาภัญพยายามปฏิเสธและอธิบายให้ผู้เป็นพ่อฟัง “ตาไม่ได้โกหกนะคะ ตาไปแสดงละครที่สลัม เพิ่งกลับมา” “เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดการโกหกมากที่สุด ฉันจะตีเธอให้ตายจนกว่าเธอจะพูดความจริง” สุทินฟาดไม้เรียวตีสุตาภัญไม่ยั้ง เสาวนิตย์ผู้เป็นแม่ยืนมองจนทนไม่ได้ รีบเข้ามาบอกสุตาภัญ “บอกความจริงคุณพ่อเถอะลูก แม่ขอร้องล่ะ” สุตาภัญสงสารเสาวนิตย์ จึงรีบบอกสุทิน “ตายอมบอกแล้วค่ะ” สุทินหยุดตี รอฟังคำตอบสุตาภัญ “หลังจากแสดงละครเสร็จ ตาไป...” สุทินและเสาวนิตย์รอฟังความจริงจากปากลูกสาว “ติวหนังสือให้ชนิกานต์กับธีรดนย์ที่บ้านค่ะ”
กำลังโหลดความคิดเห็น