ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 7
สองคนยังยืนอยู่ที่ลานจอดรถ ชนกชนม์สอบเค้นความจริงเรื่องชยางกูรจากสุรัมภา
“ว่าไงภา..บอกพี่ได้รึยัง มันเกิดอะไรขึ้น”
สุรัมภาไม่กล้าเล่าเรื่องที่ถูกข่มขืน “พี่ก็รู้นิสัยน้องพี่ดีว่าต่ำทรามขนาดไหน”
ชนกชนม์สงสัยอีก “แล้วทำไมภาถึงยอมออกมาพบชยางกูร”
สุรัมภาอัดอั้นจนร้องไห้ออกมา “ภาขอล่ะค่ะ...อย่าพูดชื่อนี้อีก ภาไม่อยากฟัง”
ชนกชนม์ตกใจ รีบปลอบใจ “พี่ขอโทษ”
สุรัมภาขอร้อง “พี่ชนกชนม์อย่าทิ้งภาไปนะคะ ภารักพี่ชนกชนม์”
สุรัมภากอดชนกชนม์ไว้แน่น แต่ชนกชนม์ดันตัวเองออกห่าง
“เราคุยเรื่องนี้จบแล้วนะ”
“แต่ภาตัดใจจากพี่ไม่ได้ พี่เป็นผู้ชายคนเดียวที่ภารัก พี่รู้มั้ย...ว่าภาเสียใจมากแค่ไหน? ภาอยากให้พี่ปกป้องภาตลอดไป”
สุรัมภาโผเข้ากอดชนกชนม์ไม่ยอมปล่อย ชนกชนม์อึดอัดแต่ทำอะไรไม่ได้
จู่ๆ ชนิกานต์โผล่พรวดเข้ามาดึงตัวสุรัมภาออก
“อย่ามายุ่งแฟนฉัน”
ชนกชนม์ตกใจ “นิกกี้”
ทว่าสุรัมภาไม่ยอมออกง่ายๆ ตกใจร้องไห้สวมกอดชนกชนม์ไว้แน่นกว่าเดิม
“พี่ชนกชนม์ช่วยภาด้วย”
ชนิกานต์ไม่พอใจ เข้ามายื้อยุดสุรัมภาให้ออกไปจากตัวชนกชนม์
“ยัยหน้าด้าน! ฉันบอกให้ออกไปอย่ามาแตะต้องแฟนฉัน”
ชนิกานต์ดึงตัวสุรัมภาเป็นการใหญ่ ชนกชนม์ต้องเข้าไปห้าม กันชนิกานต์ออก
“พอได้แล้ว..เธอกำลังเข้าใจผิด”
ชนิกานต์พูดใส่หน้าชนกชนม์ “นายใจดีเกินไป..ไม่ทันแผนร้ายยัยนี่หรอก”
ว่าแล้วชนิกานต์หันกลับมาต่อว่าสุรัมภา
“วันก่อนเอาเพื่อนมาดักตบฉัน วันนี้ยังหน้าด้านมาแย่งแฟนฉันอีก เธอมันไร้ยางอายจริงๆ” ชนิกานต์ระเบิดอารมณ์ตะคอกถาม “ขาดผู้ชายไม่ได้รึไง ฉันแนะนำให้ดักรอหน้าผับรึไปยืนรอหน้าถนนใหญ่ หน้าตาอย่างเธอหาเหยื่อได้ไม่ยาก แต่ระวังโดนลากไปข่มขืน!”
สุรัมภาได้ยินคำว่าข่มขืนก็ตกใจและโกรธ เข้าไปผลักชนิกานต์ ร้องไห้โฮ แล้ววิ่งเตลิดหนีไป สุตาภัญตามมาเห็นพอดี
“ภา”
สุตาภัญรีบวิ่งตามสุรัมภาออกไป ชนกชนม์เป็นห่วงความรู้สึกของทั้งสองคน จะตามไป
“เลิกสนใจยัยภาได้แล้ว..สำออยเรียกร้องความสนใจ…”
ชนิกานต์พูดไม่ทันจบ..ชนกชนม์วิ่งตามออกไปแล้ว
“ชนม์..กลับมาก่อน”
ชนิกานต์ผิดหวังที่ชนกชนม์ไม่สนใจตัวเอง รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ...
สุรัมภาเรียกรถแท็กซี่ตรงหน้าผับ สุตาภัญวิ่งตามมา ตะโกนไล่หลัง
“ภา..รอพี่ด้วย”
สุรัมภาขึ้นรถได้ ก็สั่งให้รถแท็กซี่วิ่งออกไป
“ออกรถ”
รถแท็กซี่สุรัมภาวิ่งออกไปเลย สุตาภัญวิ่งตามหลังแล้วหยุด ชนกชนม์เข้ามาหางงๆ
“ภายังโกรธเธอ...เรื่องอะไรกัน”
“ช่างเถอะ นายกลับไปดูแลแฟนนายดีกว่า”
ชนกชนม์สะอึก รู้สึกจุกอกกับคำพูดว่า “แฟนนาย” จากนั้นสุตาภัญจะเรียกรถแท็กซี่ ชนกชนม์รั้งมือไว้
“ฉันเป็นห่วงเธอมากนะ มีอะไรให้ฉันช่วย บอกฉันได้”
สุตาภัญหงุดหงิดจนพาลพาโล “ช่วยไปบอกให้น้องชายเลิกรังควาญน้องฉัน! แล้วก็เก็บห่วงใยของนายไว้ ฉันไม่ต้องการ..ฉันไม่อยากคบหากับคนเห็นแก่ตัว อย่างนาย”
ชนกชนม์จับมือสุตาภัญให้มาตบหน้าตัวเอง
สุตาภัญตกใจ “นายทำอะไร”
“เธอจะด่าจะตบตีฉันยังไงก็ได้ ฉันยอม แต่ขอให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิม กลับมาเป็นนางฟ้าของฉัน...”
สุตาภัญพยายามสะบัดมือ แต่ชนกชนม์กุมไว้แน่น “ฉันบอกให้ปล่อย”
“ฉันต้องการกำลังใจจากนางฟ้า...ฉันจะสู้ต่อไปได้ไง ถ้าฉันไม่มีเธอ”
ชนกชนม์ดึงตัวสุตาภัญเข้ามากอดไว้แน่น สุตาภัญแปลกใจ
ด้านชนิกานต์ซึ่งวิ่งตามเข้ามาเห็นภาพนี้ก็ หยุดมอง อย่างตกใจ
ชนกชนม์กอดสุตาภัญอยู่อย่างนั้น ในจังหวะที่ธีรดนย์กำลังแบกกีต้าร์จะเข้าไปเล่นดนตรีในผับ เห็นเข้าพอดี
“สุตาภัญ...ฉัน...”
ชนกชนม์จะบอกรักสุตาภัญ แต่สุตาภัญได้สติ ผลักตัวออกแล้วตบหน้าชนกชนม์ฉาดใหญ่
“ตบหัวแล้วลูบหลัง...อย่าทำอย่างนี้กับฉัน”
สุตาภัญวิ่งไปโบกรถ แล้วขึ้นรถแท็กซี่ออกไปทันที
ชนกชนม์หันกลับมา เจอธีรดนย์ที่ทิ้งกระเป๋ากีต้าร์พุ่งตรงเข้ามาต่อยเต็มหมัด
“ชนม์ แกบอกว่าเป็นเพื่อนฉัน แกทำกับฉันได้ไงวะ”
ธีรดนย์ต่อยชนกชนม์ไม่ยั้ง ชนกชนม์ไม่คิดสู้ ปล่อยให้ธีรดนย์ต่อยตีตามอำเภอใจ
“พูดมา! ว่าแกไม่ได้คิดอะไรกับตา”
ชนกชนม์มองหน้าธีรดนย์ ไม่ตอบ นั่นยิ่งทำให้ธีรดนย์โกรธมากขึ้น ต่อยชนกชนม์จนล้มลงไป
ชนิกานต์วิ่งเข้ามากระชากธีรดนย์ออก “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! แกต่อยแฟนฉันอีกหมัด ฉันไล่แม่แกออก!”
ธีรดนย์จึงหยุด ผลักชนกชนม์ล้มลงไปกองกับพื้น
“เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ เราต้องเคลียร์กัน”
ธีรดนย์หัวเสีย คว้ากระเป๋ากีตาร์เดินไปในผับ
ชนิกานต์เข้าไปดูชนกชนม์ “เป็นยังไงบ้าง”
ชนกชนม์เช็ดเลือดที่มุมปาก ยิ้มตอบ “ฉันไม่เป็นอะไร อย่าไปโกรธธีมันเลย ธีเข้าใจผิด ฉันกลับก่อนนะ…” พูดจบก็เดินออกไป
ชนิกานต์โพล่งขึ้น “เธอยอมเป็นแฟนฉัน เพราะรัก หรือสงสาร”
ชนกชนม์หยุดกึก แปลกใจที่ชนิกานต์คาดคั้นความจริง และร้องไห้ออกมา
“บอกฉันมาสิ เธอรักฉันเพราะอะไร”
ชนกชนม์มองชนิกานต์ กำลังจะบอกความจริงเพื่อตัดปัญหา “ฉัน...”
ชนิกานต์เข้ามาสวมกอดชนกชนม์จากด้านหลัง...ร้องไห้...เรียกหาความรักจากชนกชนม์
“ไม่มีใครรักฉันเลย คุณพ่อไม่สนใจฉันอีกแล้ว...ฉันมีเธอเพียงคนเดียว...ฉันรักเธอ...” ชนิกานต์อ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “เธอรักฉัน..รักฉันใช่ไหม”
ชนกชนม์ไม่อยากให้ชนิกานต์เสียใจ และไม่อยากทำลายความรู้สึกธีรดนย์ จำยอมสวมบทแฟนต่อไป
“แฟนใครน้อ ขี้แยจัง”
ชนกชนม์หันตัวกลับมาเช็ดน้ำตาให้ ชนิกานต์ยิ้มมีความสุข
“แฟน?”
ชนกชนม์แหย่ “ไม่อยากเป็นแฟนฉันแล้ว? เสียใจนะเนี่ย”
ชนิกานต์เข้ามากอดซบชนกชนม์..ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ
“กลับบ้านเถอะ.... ฉันไปส่ง”
ชนิกานต์ยิ้มอย่างดีใจ
ชนกชนม์พาชนิกานต์ไปที่รถ ธีรดนย์ยืนมองที่มุมหนึ่ง แววตาไม่พอใจชนกชนม์ที่เป็นแฟนชนิกานต์ แต่ยังมายุ่งมาวอแวกับสุตาภัญไม่เลิก
ขณะที่สุรัมภาวิ่งเข้าบ้าน เจอกับสุทินที่ยืนรออยู่ในห้องโถง
“ภา..ลูกหายไปไหนมา”
สุรัมภายืนอึ้ง ไม่กล้าเล่าความจริง เสาวนิตย์เองก็อยากรู้ว่าสุรัมภาออกไปไหนมาดึกๆ ดื่นๆ
ส่วนชยางกูรขับรถเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์ เวลาไม่ห่างกันนักรถธนกรที่ขับตามชยางกูรมาทั้งคืนปราดเข้ามาจอดขวางรถชยางกูร ชยางกูรลงจากรถ แปลกใจมาก
ธนกรลงจากรถมองชยางกูรอย่างเอาเรื่อง ชยางกูรเดินหนี
ชยางกูรเดินหนี ธนกรวิ่งเข้ามาขวาง ต่อว่าชยางกูร
“ลูกทำเรื่องเลวร้ายนั้นได้ยังไง”
“คุณพ่อหมายถึงอะไร”
ชยางกูรตึมึนแสร้งทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง
ที่แท้ธนากรขับรถตามชยางกูรไปทุกคืนคืนนี้ ทั้งตอนที่เพทายพาชยางกูรเข้าไปยังบริเวณทางขึ้นไปบ่อน ธนกรขับรถมาจอด สะกดรอยตามดูพฤติกรรมชยางกูร
แม้กระทั่งตอนที่ชยางกูรพยายามลวนลามสุรัมภา ธนกรนั่งดูอยู่ในรถ เห็นเหตุการณ์ตลอด และกำลังจะเข้าไปช่วยแต่เห็นว่าชนกชนม์ช่วยสุรัมภาไว้ก่อน
ฟังธนากรเล่าจบชยางกูรไม่พอใจมาก
“คุณพ่อสะกดรอยตามกูร คุณพ่อไม่ไว้ใจกูร”
“พ่อเชื่อใจลูกมานานพอแล้ว นานพอที่พ่อรู้ว่าเชื่อคนผิด”
“คุณพ่อคิดมากไป มันก็แค่สนุกๆ คุณพ่ออย่าซีเรียสนักเลย”
“ลูกยังคิดว่าเป็นเรื่องสนุก ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย เป็นเพราะแม่ตามใจลูกจนเสียคน...ไปสารภาพกับแม่ ว่าลูกเป็นคนข่มขืนหนูตา”
ชยางกูรตกใจ “กูรบอกแล้วไงว่าไอ้ชนกชนม์เป็นคนทำ”
“เลิกโกหกซะที...” ธนกรจับตัวลูกชายเพื่อพาไปหาชลนิภา “ไปบอกความจริงทั้งหมด...แม่เขาจะได้ให้อภัยพี่ชนกชนม์”
ชยางกูรโกรธสะบัดตัวออก “ทำไมคุณพ่อต้องเอาใจมัน”
“พ่อทำเพื่อความถูกต้อง และเพื่อลูก”
“ไม่จริง! คุณพ่อทำเพื่อตัวเองต่างหาก”
ธนกรอึ้ง นิ่งงันไป
“ที่ผ่านมา ในบ้านนี้ไม่มีใครเห็นหัวคุณพ่อ คุณพ่อจึงคอยช่วยเหลือและเข้าข้างมัน หวังให้มันรักและนับถือคุณพ่อ....คุณพ่อทำลายลูกตัวเองเพื่อเอาใจมัน กูรเกลียดพ่อ!”
ธรกรบันดาลโทสะตบหน้าให้สติลูกชาย ชยางกูรตกใจและเสียใจ
“คุณพ่อไม่รักกูร”
ชยางกูรร้องไห้วิ่งหนีออกไป ธนกรรู้สึกผิด มองตามน้ำตาซึม
“พ่อทำไปเพราะรักลูก.....พ่อไม่อยากให้ลูกหลงผิดไปกว่านี้”
ขณะเดียวกันชลนิภาเดินลงบันไดมา เห็นชยางกูรร้องไห้วิ่งผ่านไป ชลนิภาแปลกใจมาก
“ลูกกูร”
ชยางกูรวิ่งหนีขึ้นห้องไป ชลนิภากังวลใจ เห็นธนกรเดินเข้ามาในบ้าน ชลนิภาปรี่เข้าไปต่อว่าธนกรทันที
“ชยางกูรร้องไห้ทำไม? คุณทำอะไรลูก”
“ผมตีลูกเอง”
ชลนิภาไม่พอใจ “ฉันเลี้ยงลูกมาไม่เคยตีลูกสักครั้ง คุณกล้าดียังไงมาตีลูกฉัน!”
ธนกรย้อนถาม “ชยางกูรเป็นลูกคุณรึลูกของเรา”
ชลนิภานิ่ง
“คุณควรตอบผมได้แล้ว ผมอยู่ในบ้านนี้ฐานะอะไร สามี พ่อของลูก หรือพนักงานถือกระเป๋าให้ประธานบริษัท นังแป๋วคนใช้ในบ้านมีตัวตนมากกว่าผมซะอีก”
ชลนิภาไม่อยากฟัง “หยุดพูดได้แล้ว” พร้อมกับเดินหนีไป
“ผมถามจริงๆ เถอะ คุณแต่งงานกับผม เพราะรักผมหรือประชดคุณวีรภัทร”
“อย่ากดดันแล้วก็อย่ามาขัดใจฉัน!”
ธนกรนิ่ง
“แล้วก็อย่าทำให้ลูกกูรเสียใจอีก”
ชลนิภาพูดจยก็เดินออกไปไม่สนใจฟังธนกรเลย ธนกรน้ำตาตก ในความสัมพันธ์อันร้าวฉานที่เกิดขึ้นแล้วในครอบครัว
ด้านสุตาภัญเดินตามเข้ามาในบ้าน เจอสุทินและเสาวนิตย์
“คุณพ่อ คือว่าตา”
สุตาภัญไม่ทันพูดอะไร สุทินเอาไม้ฟาดสุตาภัญไม่ยั้ง
“ลูกภาเล่าให้ฟังหมดแล้ว ว่าแกหนีออกจากบ้านไปหาผู้ชายที่ผับ”
สุตาภัญอึ้ง
“ยัยภาเป็นห่วงกลัวแกเสียคน นี่ถ้าภาไม่เข้าไปห้าม แกคงมั่วสุมไม่ยอมกลับบ้าน”
สุทินฟาดสุตาภัญไม่ยั้ง สุตาภัญเหลือบไปมองเห็นสุรัมภายืนอยู่ที่มุมหนึ่งในบ้าน และเห็นแววตาของสุรัมภามองมาด้วยความสะใจ ได้แก้แค้นสุตาภัญ
สุตาภัญจ้องมองสุรัมภา เสียใจที่สุรัมภาโกหกสุทิน สุรัมภาเดินหนีไป สุทินฟาดไม้ใส่สุตาภัญไม่ยั้ง สุตาภัญเม้มปากแน่นยอมถูกตี ไม่แก้ตัวใดๆ
“พอเถอะค่ะ ลูกตาสำนึกแล้ว” เสานิตย์บอกสุตาภัญ “ลูกบอกคุณพ่อสิ ลูกจะไม่ทำอีกแล้ว”
สุตาภัญยอกย้อน “ถ้าคุณพ่อยังอคติไม่มีเหตุผล ตาคงมีเรื่องผิดได้ตลอดเวลา”
เสาวนิตย์ผิดหวังที่สุตาภัญท้าทายสุทิน “ยัยตา”
สุทินโกรธจัด ฟาดไม้ใส่ลูกสาวไม่ยั้ง “สารเลว! ทำผิดแล้วไม่สำนึก”
สุทินตีจนไม้เรียวหักคามือ หยุดมองสุตาภัญ
“คุณพ่อจะล่ามโซ่ตีตรวน ทำอะไรก็เชิญค่ะ ทำอย่างที่คุณพ่ออยากทำ”
สุทินตะคอก “กลับไปห้อง”
สุตาภัญแปลกใจที่สุทินไม่ลงโทษต่อ
“คุณพ่อให้อภัยลูกแล้ว...กลับไปห้องสิลูก”
เสาวนิตย์จะประคองสุตาภัญกลับไปยังห้อง แต่สุทินเรียกไว้
“เธออยู่นี่”
สุตาภัญจึงเดินขึ้นไปคนเดียว สุทินมองหน้าผู้เป็นภรรยา คิดจัดการเสาวนิตย์แทน
สุตาภัญเดินมา เจอสุรัมภายืนดักรออยู่
“ภาทำอย่างนี้ทำไม ภาเกลียดพี่นักใช่ไหม”
“ใช่..ฉันเกลียดเธอ”
สุตาภัญเสียใจ
“ฉันต้องโชคร้ายที่เกิดมาเป็นน้องเธอ”
สุรัมภานึกไปถึงตอนที่ชยางกูรเข้ามาหากำลังจะข่มขืน
“นายไม่ได้ชอบฉัน...ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย” สุรัมภาอ้อนวอน
“เกี่ยวสิ...พี่สาวเธอเล่นตัว เธอก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่พี่สาวเธอทำกับฉัน”
จากนั้นชยางกูรก็โผนเข้าหาและข่มขืนสุรัมภา
สุตาภัญแปลกใจที่น้องสาวเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ “มันเกิดอะไรขึ้น”
สุรัมภาไม่อยากพูดถึงเรื่องชยางกูรข่มขืน จึงหนีเข้าห้อง ปิดประตูใส่หน้าดังปัง
“ไม่ว่าภาจะเกลียดพี่ ทำร้ายพี่ พี่ก็ยังรักภาเสมอ”
ค่ำคืนนั้นเด็กหนุ่มสาวเพื่อน พี่ และน้อง ต่างกำลังเดินดุ่มไปตามบาทวิถีแห่งชีวิตของตน เรื่องราวเหล่านั้นร้อยเรียงกันเสมือนเป็นบทเพลงแสนเศร้า ทุกคนต่างมีน้ำตาเป็นพาหะนำทางและคอยเยียวยา ชำระล้างความทุกข์ขมในจิตใจ
ที่ผับของเฮียปรัชญา แสงไฟท็อปสาดส่องลงมาที่ร่างสูงโปร่งของธีรดนย์บนเวที เด็กหนุ่มร้องเพลงเนื้อหาเศร้าสร้อย บอกเล่าความเจ็บปวดในชีวิต ประสานไปกับเครื่องดนตรีอย่างไพเราะ
ในขณะที่ชนกชนม์กำลังดุ่มเดินไปที่ดาดฟ้า ของตึกร้างอันเป็นอาณาจักรส่วนตัวของแก๊งลูกเทวดา ชนกชนม์คิดถึงเหตุการณ์ที่แม่ไล่ตนออกจากบ้าน ชนกชนม์น้ำตาซึม เดินตรงไปยังขอบดาดฟ้า
ส่วนสุตาภัญเดินเข้ามาในห้อง สำรวจร่องรอยบนร่างกายที่ถูกพ่อทำร้าย เด็กสาวสะท้อนใจร้องไห้โฮออกมาด้วยความอัดอั้น พ่อนายทหารผู้เคร่งครัดกระหน่ำตีเธอด้วยไม้เรียวจนไม้หักคามือ และถูกขังในห้องมาใช้ผุดขึ้นมาในหัว
สุตาภัญร้องไห้ เสียใจกับปัญหาในครอบครัวที่มองหาทางออกไม่เจอ
ฟากชนิกานต์ก้าวลงจากรถ เดินทอดอารมณ์ไปยังท่าน้ำ เศร้าเสียใจนักที่ณวัตรผู้เป็นบิดาไม่รักตัวเองแล้ว โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ชนิกานต์กอดรั้งพ่อไว้ แต่ณวัตรไม่สนใจไยดีผุดขึ้นมาตอกย้ำ
ชนิกานต์ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ น้อยใจที่ถั่งโถม
ขณะเดียวกันกฤติยานั่งอยู่ริมสระน้ำในคฤหาสน์ใหญ่โตเพียบพร้อมทุกสิ่งอย่าง แต่ทว่าเธอกลับอ้างว้าง คิดถึงและโหยหาความรักจากกัณฐิกาผู้เป็นแม่ แต่กัณฐิกากลับตีค่าและมอบกลับแต่เงินและสิ่งของให้ ไม่เคยแยแสว่ากฤติยาต้องการความรัก
กฤติยามองรูปถ่ายยายแก้วในมือถือ ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ทางด้านชยางกูรยืนมองรูปถ่ายธนกรผู้เป็นพ่ออยู่ในห้อง คิดถึงเหตุการณ์ที่ถูกพ่อตบหน้าและไม่เชื่อตน
ชยางกูรปัดกรอบรูปตกพื้นแตกกระจาย โกรธเกลียดธนกรมาก
ธีรดนย์ร้องเพลง ด้วยความเศร้าและเจ็บปวดกับเรื่องราวความรักที่วุ่นวนไม่สิ้น ภาพชนกชนม์กอดสุตาภัญที่หน้าผับตามมาหลอกหลอน
ธีรดนย์ร้องเพลง ใส่อารมณ์ความรู้สึกไปกับเนื้อหาเต็มที่
ชนกชนม์เดินตรงมายืนที่ขอบดาดฟ้า...คิดถึงเหตุการณ์ตอนที่ตนสวมกอดสุตาภัญเพื่อขอแรงใจ แต่ถูกสุตาภัญผลักแล้วตบหน้าเขาอย่างแรง
ฟากสุตาภัญเดินไปยังระเบียงห้อง หยิบสร้อยชนกชนม์ขึ้นมามอง นึกถึงเรื่องราวที่ตนขอร้องให้ชนกชนม์เข้าไปหาชลนิภาอธิบายความจริงด้วยกัน แต่ชนกชนม์ปฎิเสธ
สุตาภัญยืนเสียใจที่ระเบียงห้องนอน เสียใจที่ชนกชนม์เข้าข้างอำพรางความเลวระยำให้ชยางกูร
ฝ่ายชยางกูรนั่งเล่นเกมในห้องกระหน่ำยิงปืน ด้วยอารมณ์โกรธเกลียดผู้เป็นพ่อ
ฟากสาวน้อยสุรัมภานั่งนิ่งอยู่บนเตียง คิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ชยางกูรข่มขืนเธอ และตอนถูกชยางกูรลวนลามที่ลานจอดรถเมื่อไม่นานมานี้
สุรัมภาร้องไห้เสียใจ
ธีรดนย์ร้องเพลงอยู่ในผับน้ำตาซึม อินจัดใส่อารมณ์ทุกเนื้อความของบทเพลง
ชนิกานต์ยืนมองสายน้ำเบื้องหน้า น้ำตาไหลอาบแก้ม คิดถึงเหตุการณ์ที่คล้ายกับว่าเธอไม่มีใครรักสักคน ถูกธีรดนย์ด่าทอต่อว่า จนต้องเดินหนีไปที่ทะเล และตัดสินใจกระโดดลงน้ำเพื่อเรียกร้องความรักจากชนกชนม์ ทว่าชนกชนม์ยืนยันให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนแล้วเดินจากไป
ชนิกานต์ยืนร้องไห้โฮๆ น้อยใจชีวิตที่แทบจะไม่มีใครรักเธอเลย เด็กสาวอ้างว้างและเดียวดายเหลือแสน
ฟากสุตาภัญยืนที่ระเบียงห้อง เหม่อมองดวงจันทร์ ร้องไห้ออกมา
ชนกชนม์ยืนมองดวงจันทร์ดวงเดียวกัน ตะโกนก้องร้องระบายอารมณ์ความอัดอั้นในใจ และทุกข์ขมที่กัดกินชีวิตไม่รู้สิ้น น้ำตานองหน้า
ธีรดนย์ร้องเพลงประโยคสุดท้าย น้ำตาไหลริน พร้อมๆ กับที่ไฟที่ส่องร่างธีรดนย์ดับวูบลง
เช้าวันต่อมา ขณะที่โจนั่งเล่นอยู่ตรงมุมหนึ่งในมหาวิทยาลัย เด็กหนุ่มแปลกใจเมื่อเห็นชนกชนม์เดินเข้ามาหา
“เฮ้ย.. นึกว่าอำลาวงการไปซะแล้ว เจ้าชายพเนจรยังมาเรียนอีก”
ชนกชนม์แดกดันตัวเอง “แกจะเรียกเจ้าชายจรจัดก็ไม่ว่ากัน”
“อันนั้นคิดในใจเว้ย” โจว่า
ชนกชนม์และโจหัวเราะด้วยกัน จังหวะนั้นนวมคู่หนึ่งถูกโยนใส่ตัวชนกชนม์เต็มแรง ชนกชนม์รับไว้ทัน เงยหน้ามองจึงเห็นว่าเป็นธีรดนย์ที่มองจ้องหน้าชนกชนม์ในมือถือนวมอีกคู่
ชนกชนม์งง “อะไรวะธี”
“เจอกันที่ยิม”
ธีรดนย์บอกห้วนสั้น แล้วเดินออกไป ชนกชนม์รู้ทันทีว่าธีรดนย์ไม่พอใจเรื่องเมื่อคืน
แต่โจห้ามเพราะไม่รู้เรื่องรักสามเส้า “มันไปบ้าพลังมาจากไหน แกไม่ต้องไปบ้าจี้ตามมันเลย...”
โจพูดไม่ทันจบคำ ชนกชนม์ลุกเดินออกไปที่ยิมตามท้า โจมองตามอย่างกังวลใจ
“เอ้า..เฮ้ย!”
ครู่ต่อมาชนิกานต์ตกใจระคนแปลกใจหลังได้ฟังเรื่องราวจากโจ
“ดวลกัน”
“แน่ใจนะว่าท้าต่อย ไม่ใช่ดวลบาสเก็ตบอลเหมือนคราวที่แล้ว” ชนิกานต์ถามย้ำ
“โยนนวมใส่หน้าชวนไปเล่นบาสก็เพี้ยนแล้ว” โจว่า
“ธีรดนย์มันบ้าอะไรของมัน”
“ผู้ชายต่อยกันมีแค่สองเรื่อง ไม่โชว์พลังก็แย่งหญิง”
ชนิกานต์หันขวับไปมองสุตาภัญที่นั่งอยู่ข้างๆ สุตาภัญเองก็รู้สึกไม่สบายใจ
“ฉันไปเรียนก่อนนะ”
สุตาภัญเดินแยกไปยังห้องเรียน ชนิกานต์คิดอะไรบางอย่าง
ภายในโรงยิมของมหาวิทยาลัย ธีรดนย์ใส่นวมให้ตัวเองอยู่ ชนกชนม์พยายามจะเข้ามาเคลียร์
“เรื่องเมื่อคืนฉันอธิบายได้”
ธีรดนย์ไม่ฟัง มัดเชือกนวมต่อไป
“ตาเขามีปัญหากับภา ฉันแค่เข้าไปปลอบใจ ไม่ได้มีอะไร”
ธีรดนย์กระโดดขึ้นไปยืนบนเวทีมวย หันมาบอกชนกชนม์
“เป็นลูกผู้ชายขึ้นมา แต่ถ้าเป็นหน้าตัวเมีย แทงข้างหลังเพื่อน กลับไปซะ”
ธีรดนย์ประกาศท้าทายหยามหยัน ชนกชนม์ครุ่นคิดตัดสินใจ
สุตาภัญเข้ามานั่งในห้องเรียน หยิบหนังสือพร้อมจะเรียน ชนิกานต์ก้าวเข้ามาดึงหนังสือไป
“เธอต้องไปกับฉัน”
สุตาภัญบ่ายเบี่ยง “เรื่องแมนๆของผู้ชาย ปล่อยเขาไปเถอะ”
“ไม่ได้! ขืนธีมันบ้าดีเดือดต่อยชนกชนม์หน้าบวมหน้าเยิน แฟนฉันเสียโฉมสิ”
“เธอไปคนเดียวก็ได้...ธีฟังเธออยู่แล้ว”
ชนิกานต์จ้องหน้าแหวใส่ “แต่เธอเป็นต้นเหตุ”
สุตาภัญอึ้งหน้าเสียไปเลย
ฟากธีรดนย์ยืนเปลือยท่อนบนอยู่บนเวทีมองไป เห็นชนกชนม์ถอดเสื้อนักศึกษาออกสวม เดินตรงเข้ามาหา ธีรดนย์ตั้งท่าพร้อมจะต่อย
“ฉันไม่ได้มาต่อยกับนาย เพื่อนกันมีอะไรคุยกันได้ ไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง...”
ชนกชนม์พูดโน้มน้าวไม่ทันจบ ธีรดนย์ซัดหมัดต่อยใส่ชนกชนม์ก่อน แรงจนชนกชนม์ล้มลง
“อย่าคิดว่าแกเคยมีบุญคุณกับฉัน แล้วจะแย่งคนรักของฉันไปได้ ลุกขึ้นมา”
ชนกชนม์ลุกขึ้นมาบอกธีรดนย์
“เพื่อนทำให้เพื่อนไม่หวังผลตอบแทน ฉันไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ทำให้นายเป็นหนี้บุญคุณ แล้วฉันก็ไม่คิดแย่งตา”
ธีรดนย์ต่อยเข้าเต็มหน้าชนกชนม์อีกหมัด ชนกชนม์เซหลุนๆ ถอยไปติดเชือก
“ไม่คิดหรือไม่กล้ารับความจริง ฉันไม่ได้โง่ ฉันรู้ว่าแกชอบตา”
ชนกชนม์อึ้ง พูดไม่ออก ไปไม่เป็นเลยทีเดียว
ธีรดนย์พุ่งเข้าต่อยรัวหมัดใส่ชนกชนม์ไม่ยั้ง ชนกชนม์ล้มลงไปกองกับพื้น
“แกรักตาใช่ไหม”
ธีรดนย์คาดคั้นชนกชนม์ และรอฟังคำตอบ
ส่วนภายในห้องเรียน สุตาภัญเป็นกังวลและเริ่มรู้สึกไม่ดี ชนิกานต์แปลกใจ
“เธอจะตีหน้าเศร้าทำไม? ฉันไม่ได้ว่าเธอแย่งชนม์ซะหน่อย ปัญหามันมาจากยัยภาเป็นต้นเหตุให้ชนม์ปลอบใจเธอ แล้วธีก็เข้าใจผิด”
สุตาภัญรู้สึกดีขึ้น
“ถึงเธอไม่ใช่คนก่อเรื่อง...” ชนิกานต์พูดจริงจัง “แต่เธอต้องร่วมรับผิดชอบ”
สุตาภัญครุ่นคิดตัดสินใจ จะไปช่วยห้ามสองหนุ่มดีหรือไม่
ฟากธีรดนย์ยังคงรุกถามชนกชนม์ต่อ
“ว่าไง? ..แกคิดยังไงกับตา”
ชนกชนม์ลุกขึ้นมาตอบธีรดนย์แมนๆ
“ฉันรักตา”
ธีรดนย์ตกใจ แล้วกลายเป็นโมโห พุ่งเข้าไปต่อยชนกชนม์ทันที แต่คราวนี้ชนกชนม์ตั้งรับ แล้วก็ต่อยสวนกลับ ทำให้ธีรดนย์เซไป
“ถึงฉันจะชอบตารักตา...แต่ฉันทำได้แค่รู้สึกดีและเป็นห่วงใยเขา...เขาเป็นคนบอกรักแก...เขาเป็นแฟนแก”
ธีรดนย์จ้องมองชนกชนม์...คิดตัดสินใจ ตั้งการ์ดพร้อมต่อย
“ใครชนะได้ตาไป”
“ไม่”
ชนกชนม์ไม่เอาด้วย หันหลังจะเดินหนีไป ธีรดนย์วิ่งเข้ามาขวาง แล้วต่อยใส่หน้า
“ต่อยกับฉัน”
“เพื่อนกันไม่แย่งผู้หญิงคนเดียวกัน” ชนกชนม์เดินหนีจะลงจากเวที
“เพราะแกเป็นเพื่อนฉัน แกถึงต้องสู้กับฉัน ฉันไม่อยากได้รักเพราะความสงสาร หรือสมเพช ฉันต้องได้รักเพราะเป็นที่หนึ่ง ไม่ใช่ที่สอง”
ธีรดนย์ระบายความรู้สึกภายในใจออกมา ชนกชนม์อึ้ง
“คิดเป็นเพื่อนฉัน...ต้องสู้กับฉัน” ธีรดนย์เร่งเร้า
ชนกชนม์ครุ่นคิดตัดสินใจ
ส่วนชนิกานต์ลากสุตาภัญเพื่อไปห้ามธีรดนย์กับชนกชนม์ ทั้งสองเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังโรงยิม
ด้านธีรดนย์ยืนรอคอยคำตอบ ที่สุดชนกชนม์เดินกลับมาประจันหน้ากับธีรดนย์ แล้วตั้งการ์ดมวยพร้อมจะต่อย
ธีรดนย์ยิ้มอย่างพึงพอใจที่ชนกชนม์ยอมสู้
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 7 (ต่อ)
สุตาภัญและชนิกานต์วิ่งมาเข้ามาถึงบริเวณเวทีมวย เห็นทั้งสองหนุ่มกำลังจะต่อยตีแลกหมัดกันอุตลุด
“รีบเข้าไปห้ามเร็ว”
ชนิกานต์บอกแล้วจะพุ่งไป สุตาภัญรั้งมือไว้
“ปล่อยเขา”
ชนิกานต์ฮึดฮัด “เธอจะให้ธีมันฆ่าแฟนฉันรึไง”
“เชื่อฉันเถอะ...เพื่อนก็คือเพื่อน” สุตาภัญมองเกมการต่อสู้อย่างใจเย็น “ความรุนแรงอาจไม่ช่วยแก้ปัญหา แต่สำหรับคนที่มีมิตรภาพต่อกัน...มันอาจทำให้ทุกอย่างดีขึ้น”
สุตาภัญเชื่อมั่นนักว่าทั้งสองหนุ่มจะยุติความขัดแย้งด้วยตัวพวกเขาเอง ชนิกานต์มองด้วยความกังวลเป็นห่วงชนกชนม์
ไม่นานนักธีรดนย์เข้ามาถลุงต่อยก่อน ชนกชนม์ต่อยตอบโต้ ทั้งสองผลักกันรุกผลัดกันรับ สุตาภัญมองดู และลุ้นเอาใจช่วยสองหนุ่ม ส่วนชนิกานต์มองลุ้นเป็นห่วงชนกชนม์
จังหวะหนึ่ง ธีรดนย์เข้ามาต่อย ชนกชนม์ตั้งรับไว้อย่างดี แล้วก็รุกไล่ ต่อยจนธีรดนย์เซและกำลังเสียท่า ชนกชนม์จะปล่อยหมัด แต่แล้วเหลือบไปเห็นสุตาภัญ ชนกชนม์ไม่อยากแย่งสุตาภัญจากธีรดนย์ ชนกชนม์จึงออมกำลัง ปล่อยให้ธีรดนย์เป็นฝ่ายรุกไล่
สุตาภัญแปลกใจที่ชนกชนม์ซึ่งได้เปรียบ แต่กลับเป็นฝ่ายออมแรงและตั้งรับ ชนกชนม์หันไปมองสุตาภัญอีกครั้ง ธีรดนย์ได้จังหวะต่อยเสยชนกชนม์ล้มลงกองกับพื้น
สุตาภัญใจหล่นวูบ เป็นห่วงชนกชนม์
ชนิกานต์ทนดูไม่ไหวตะโกนบอกธีรดนย์ “หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ธีรดนย์หันไปมองสุตาภัญ ยิ้มให้
ชนิกานต์วิ่งเข้ามายืนข้างเวที ถามชนกชนม์ที่นอนกองอยู่
“เป็นไงบ้าง ฉันโทรเรียกรถพยาบาลนะ”
ชนกชนม์ลืมตามองชนิกานต์ ส่งยิ้มให้
“ยังไม่ตาย... แค่มึนๆ”
ชนิกานต์ชี้ที่ตัวเองถาม “คนนี้ใคร”
ชนกชนม์ยิ้มแล้วตอบ “คนสวย”
ชนิกานต์ยิ้มพอใจที่ชนกชนม์ยังมีสติไม่ได้เป็นอะไรมาก
ธีรดนย์ถอดนวมออก สุตาภัญตรงเข้ามาถาม
“ทะเลาะเรื่องอะไร”
“ดวลหมัดตามประสาผู้ชาย” ธีรดนย์บอก
“เรื่องตารึเปล่า” สุตาภัญหยั่งเชิง
“ไม่ครับ...ตาไม่ต้องกังวลว่าผมจะเข้าใจผิดเรื่องเมื่อคืนนะ...เป็นแฟนกันก็ต้องเชื่อใจกัน จริงมั้ยครับ”
สุตาภัญยิ้ม ค่อยคลายความกังวลลงมาหน่อย
ชนิกานต์ตรงเข้ามาขู่ธีรดนย์คำเดิม! “ต่อไปห้ามทำร้ายแฟนฉันอีก ไม่งั้นฉันจะไล่แกไล่แม่แก...”
สุตาภัญห้ามไว้ “ไม่เอาน่า มันคนละเรื่องกัน...เกมกีฬารู้แพ้รู้ชนะ แล้วก็ต้องรู้จักให้อภัยด้วย”
ชนิกานต์มองหน้าธีรดนย์ไม่พอใจนัก
ธีรดนย์ถามหาชนกชนม์ “ชนม์ล่ะ”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ด้านใน” ชนิกานต์นึกสงสัย “ถามทำไม”
ธีรดนย์ไม่ตอบ เดินตรงเข้าไปด้านใน
ชนิกานต์กังวลใจไม่หาย “มันต้องคิดทำร้ายแฟนฉันอีกแน่”
สุตาภัญเองก็รู้สึกเป็นห่วงชนกชนม์
ภายในห้องพักนักกีฬาเวลานั้น ชนกชนม์ใส่เสื้อผ้า ธีรดนย์ส่งครีมนวดคลายกล้ามเนื้อให้
“หายโกรธฉันแล้ว”
ธีรดนย์ยักคิ้วตอบ
ชนกชนม์ยิ้มให้ “ไม่ต้องกังวลใจว่าจะเป็นที่สองรองใคร...นายเป็นนัมเบอร์วัน”
ชนกชนม์ยื่นมือไปจับ ธีรดนย์มอง
สุตาภัญและชนิกานต์เข้ามายืนมองที่มุมหนึ่ง เห็นธีรดนย์ยื่นมือไปจับชนกชนม์ ด้วยมิตรภาพที่ดีงาม
สุตาภัญยิ้มดีใจที่ทั้งสองปรับความเข้าใจกันได้
“โดนไล่ออกจากบ้านแถมไล่ออกจากงานด้วย มีอะไรให้ช่วยก็บอก”
ชนกชนม์กวนด้วยยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับคุณธีรดนย์”
“เฮ่ย...ห้ามไหว้ ไม่อยากแก่”
แต่ชนกชนม์ยังยิ้มแถมไหว้อีก “ครับผม”
ธีรดนย์ไล่เตะต่อย ชนกชนม์วิ่งหนี
ชนิกานต์และสุตาภัญยืนมองที่มุมหนึ่ง ชนิกานต์นิ่วหน้าอย่างแปลกใจ
“ผู้ชายเป็นอะไรที่...แบบว่า...เข้าใจยากจริงๆ”
สุตาภัญเย้า “เปลี่ยนใจทันนะ”
“ยิ่งยาก..ก็ยิ่งอยากค้นหา”
สุตาภัญยิ้มขำในความคิดชนิกานต์
“บอกแล้วไง...เพื่อนกันตัดกันไม่ขาด”
สุตาภัญมองเห็นความรักและมิตรภาพของธีรดนย์กับชนกชนม์
วันเวลาผ่านไปอีหหลายวัน
เช้าวันนี้ชยางกูรแต่งชุดนักศึกษา เดินลงมาเจอชลนิภาซึ่งอ่านเช็คข่าวจากไอแพดอยู่ตรงห้องโถง
“คุณแม่ครับ..กูรไปมหาวิทยาลัยก่อนนะครับ”
“ทานข้าวกับแม่ก่อนสิ”
“ใกล้สอบแล้ว กูรต้องไปช่วยติวหนังสือให้เพื่อนครับ”
ชลนิภาปลื้มอกปลื้มใจ “ลูกแม่...แม่ภูมิใจในตัวลูกมาก...” หยิบบัตรเครดิตยื่นให้ “รางวัลสำหรับคนเก่งจ้ะ”
ชยางกูรรับบัตรแล้วหอมแก้มพูดประจบ “กูรจะรีบเรียนให้จบ แล้วไปช่วยงานที่บริษัท กูรอยากช่วยแบ่งเบาภาระคุณแม่ครับ”
ชลนิภาเข้าสวมกอดชยางกูร มองเห็นธนกรเดินลงมา จึงพูดกระทบธนกร
“ทำดีแต่ยังไม่มีใครเห็น ลูกก็ต้องอดทนนะ”
“ครับ ยังไงกูรก็รู้ว่าคุณแม่รักกูร”
ชยางกูรจงใจพูดกระทบธนกรเช่นกัน หอมแก้มชลนิภาแล้วเดินออกไป
แป๋วเข้ามารายงานชลนิภาและธนกร
“อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ”
ชลนิภาลุกขึ้นเพื่อไปทานอาหาร ธนกรถือกระเป๋าจะออกไปทำงาน
ธนกรบอกแป๋ว “ฉันไม่ทานนะ” แล้วจะเดินออกไป
ชลนิภาสั่ง “ทานอาหารก่อน แล้วไปบริษัทพร้อมกัน”
ธนกรมองชลนิภาแวบเดียว แล้วเดินออกไปเลย ชลนิภาไม่พอใจที่ธนกรไม่เชื่อฟังตน
“จะงัดข้อกับฉันก็เอา...แล้วจะรู้ว่าคุณคิดผิด”
ชลนิภาเดินเข้าไปยังห้องอาหาร แป๋วเห็นความวุ่นวายในครอบครัว ก็กังวลใจ
ชลนิภานั่งกินอาหาร ตักกินได้คำเดียว ก็กินไม่ลง ทั้งๆ ที่อาหารน่าทานเต็มโต๊ะ ชลนิภาเหลียวไปมองตำแหน่งที่นั่งแต่ละคนในห้องอาหาร คิดถึงภาพในอดีต
วันนั้นชนกชนม์นั่งทานอาหารอยู่ คอยตักอาหารให้แม่ ชลนิภายิ้มรับ ด้านธนกรยื่นแก้วน้ำส่งให้ ชลนิภายิ้มสุขใจ ชยางกูรกินข้าวไป
ชลนิภานั่งทานอาหาร พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุข
ชลนิภาดึงตัวเองกลับมานั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมเมื่อวันนั้น มองไปยังเก้าอี้และตัว ซึ่งว่างเปล่าไม่มีใครสักคน ชลนิภารู้สึกเศร้าใจ
แป๋วเข้ามาถามปากไวตามประสา “คุณนายเหงามั้ยคะ”
ชลนิภาสะอึก จุก แต่เก็บกลั้นอาการ พูดเสียงดุกลบเกลื่อน
“นังแป๋ว แกถามงี่เง่าอะไรของแก ฉันไม่กินแล้ว”
ชลนิภาเสียหน้า ลุกขึ้นจะเดินหนีออกไป
“อย่าหาว่าแป๋วจุ้นจ้านเลยค่ะ แป๋วสงสารคุณนายนะคะ แม่แป๋วเคยสอนว่า ถ้ามีผัวอย่าข่มผัว ไม่งั้นผัวจะทิ้ง” แป๋วพูดด้วยท่าทีเกรงใจ
“แกหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าไปพูดถึงเขาอีก”
“แป๋วไม่ได้หมายถึงคุณวีรภัทรค่ะ แป๋วกลัวว่าคุณธนกร จะทิ้งคุณนายไปอีกคน”
ชลนิภาอึ้ง นิ่งงันไป
“สุดท้ายแล้ว คุณนายจะไม่เหลือใครเลย”
แทนที่จะซึ้งชลนิภากลับโกรธ “ผีเจาะปากแกมาพูดรึไง ออกไป”
แป๋วรีบออกไปแล้ว ชลนิภาเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ คิดตามคำพูดของสาวใช้
“ฉันไม่เคยคิดข่มใคร ฉันแค่อยากให้ทุกอย่างดีที่สุด...ทำไมไม่เข้าใจฉันบ้าง”
ชลนิภาน้ำตาไหลริน เสียใจและเศร้ากับชีวิตของตน
ทางด้านกฤติยากำลังเลือกดูเสื้อผ้าที่ช้อปปิ้งมอลล์ ในโซนเสื้อผ้าสุภาพสตรี หยิบชุดที่ถูกใจขึ้นมาทาบตัว มองดูตัวเองกระจกในร้าน
จู่ๆ กัณฐิกาก็ดึงชุดที่กฤติยาถือออก แล้วยื่นอีกชุดที่ตัวเองเลือกส่งให้แทน
“ชุดนี้เหมาะกับลูกมากกว่า”
กฤติยาแย่งชุดที่ตัวเองเลือกคืน “แอนชอบชุดนี้”
กัณฐิกาไม่พอใจนัก “อย่าดื้อสิ ฉันเลือกสิ่งที่ดีให้เสมอ...แกไม่ใช่สก๊อยในสลัมที่จะใส่สีสันแสบตา ชุดนี้มีรสนิยมกว่า”
กฤติยาหน้าง้ำ ออกอาการไม่พอใจ กัณฐิกาเริ่มรู้ตัว จึงยอมถอย เอาชุดที่ตัวเองเลือกแขวนไว้ที่ราวตามเดิม
“อยากใส่อะไรก็เลือกเองแล้วกัน”
กฤติยาจึงหยิบชุดที่ตัวเองเลือกขึ้นมาส่งให้กัณฐิกา
“แอนเอาชุดนี้”
ระหว่างนั้นณวัตรเดินเข้ามาหยิบชุดที่กัณฐิกาเลือก มาส่งให้กัณฐิกาบอกเสียงอ่อนโยน
“ชุดนี้หนูใส่แล้วสวยนะ”
“หลานชอบชุดนั้นมากกว่า” กัณฐิกาชี้ไปที่ชุดซึ่งกฤติยาเลือก
กฤติยาเกิดเปลี่ยนใจ “แอนชอบชุดที่คุณอาเลือกค่ะ”
กัณฐิกาแปลกใจที่กฤติยาเปลี่ยนใจตามณวัตร
“แอนไปลองชุดให้คุณอาดูนะคะ ว่าแอนใส่แล้วจะสวยเหมือนอย่างคุณอาพูดรึเปล่า”
ณวัตรยิ้มอย่างเอื้อเอ็นดู “ฉันจะรอดู”
กฤติยาถือชุดเดินตรงไปยังห้องลองเสื้อผ้า ณวัตรมองตาม กัณฐิกาจับสังเกตท่าทีณวัตร ซึ่งณวัตรรู้ตัวรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ผมไปดูของด้านโน้นก่อน หนูแอนเปลี่ยนชุดเสร็จ โทร.ตามผมแล้วกัน”
ณวัตรเดินออกไป กัณฐิกามองไปยังห้องลองเสื้อผ้า ชักสีหน้าไม่พอใจกฤติยา
กฤติยาเดินออกมาในชุดใหม่ ดูสวยสดใสมาก กัณฐิกาเข้ามาดักมองจ้องหน้า กฤติยาไม่ใส่ใจ จะเดินออกไปอวดชุดให้ณวัตรดู กัณฐิกาเข้าไปขวาง
“อย่าให้มันมากนัก สงบเสงี่ยมเจียมตัวไว้บ้าง”
กฤติยาย้อนถามทำเป็นไม่เข้าใจ “แม่พูดอะไร”
“แล้วแกคิดทำอะไรกับผัวฉัน”
กฤติยามองหน้าผู้เป็นแม่แวบหนึ่ง “แม่คิดมากไปรึเปล่า? แอนแค่อยากเอาใจ ให้คุณณวัตรเอ็นดู ตามที่แม่ต้องการ แอนทำอะไรผิดเหรอคะ”
“คิดแค่นั้นก็ดีแล้ว...”
กฤติยาสวนคำขึ้น “แล้วถ้าแอนคิดไกลกว่านั้นล่ะ”
กัณฐิกาไม่พอใจดุเสียงเขียว “ยัยแอน!”
“แอนรู้ค่ะว่าแอนอยู่ในฐานะอะไร อะไรที่ควรหรือไม่ควร” กฤติยาพูดโดยไม่ยอมมองหน้า
กัณฐิกาตัดรำคาญไม่อยากทะเลาะกับลูกสาว “ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว คุณณวัตรรออยู่”
กัณฐิกาไล่ให้กฤติยาไปเปลี่ยนชุด กฤติยาเดินกลับเข้าไปในห้องลอง
กัณฐิกาไม่พอใจที่กฤติยาดื้อรั้นกับเธอทุกเมื่อ กัณฐิกาเหลียวมองไปที่มุมหนึ่งพยายามข่มอารมณ์ แต่แล้วกลับสุรเดชกำลังเดินดูของที่มุมหนึ่ง
“ไอ้แว้น” กัณฐิกาตกใจ
ชนกชนม์เดินมาหยุดที่มุมหนึ่งในชอปปิ้งมอลล์แห่งนั้น ด้วยท่าทีแปลกใจ ขณะหันไปถามธีรดนย์
“นายชวนฉันมาทำอะไร”
ธีรดนย์ยิ้มย่อง “ก็อยากได้งานทำไม่ใช่เหรอ? วันก่อนมีโมเดลลิ่งเจอฉันผับ ชวนให้มาถ่ายแบบหนังสือ เขาบอกว่าอยากได้สองคน ก็เลยชวนนายมาด้วย”
ชนกชนม์ออกอาการตื่นเต้น “ถ่ายแบบ” แล้วรีบเก๊กหล่อมาดนายแบบทันที “ฉันไม่ได้หล่อถึงขั้น เก้า จิรายุ ก็แค่พอร์ช ศรัณย์”
ธีรดนย์หมั่นไส้ ลากคอเพื่อนไป “ไปได้แล้ว...อย่าให้เจ๊รอนาน”
เหมือนเป็นวันชุมนุม เพราะเวลาเดียวกันนั้นสุตาภัญเดินเข้ามาในร้านดอกไม้ในชอปปิ้งมอลล์ ขณะที่ชนิกานต์ส่งช่อดอกไม้มาตรงหน้า สุตาภัญยิ้มดีใจ
“เซอร์ไพร้ส์ตลอดเลยนะ ยังไม่ถึงวันเกิดฉันสักหน่อย”
ชนิกานต์ดึงกลับ “ใครบอกฉันให้เธอ....ถามว่าสวยไหม”
“เอ้าเหรอ?” สุตาภัญมองช่อดอกไม้ยิ้มแซว “ก็สวยดี ซื้อให้ใครอ่ะ”
“แฟนฉัน...ธีมันลากแฟนฉันมาถ่ายแบบ ฉันอยากเป็นกำลังใจให้แฟน”
สุตาภัญรู้ว่าเป็นชนกชนม์ก็พยักหน้า “อืม...”
“ไม่ต้องอืม...เธอต้องเป็นไปรษณีย์ส่งดอกไม้ให้ฉัน” ชนิกานต์สั่ง
สุตาภัญตกใจ “ฉันเนี่ยนะ”
ชนิกานต์พยักหน้าบังคับ สุตาภัญแปลกใจว่าทำไมต้องเป็นเธอ
ฟากสุรเดชเดินมาตรงหุ่นที่ใส่ชุดชั้นในผู้หญิง สุรเดชหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคู่ เอาหน้าแนบตัวหุ่น มองซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร ก็แอบบีบนมหุ่น ปากก็ทำเสียง
“ปิ๊บๆ”
สุรเดชยิ้มร่า แต่พอหันไปเจอกัณฐิกายืนจ้องอยู่ก็ทั้งตกใจและดีใจ
“สวัสดีครับแม่...แม่มาทำอะไร แล้วแฟนผมด้วยรึเปล่า” สุรเดชไหว้แล้วเหลียวหากฤติยา
กัณฐิกาโกหกเสียงขุ่น “แอนไปเรียน ไม่ได้มา”
“แล้วนั่นวิญญาณใครล่ะครับ”
หัวหน้าแก๊งลูกเทวดาชี้ไปที่ห้องลองเสื้อผ้าอีกมุมไกลพอสมควร เห็นกฤติยาเดินออกจากห้องลองเสื้อผ้าพอดี สุรเดชดี๊ด๊าพุ่งตรงไปยังห้องลองเสื้อผ้าทันควัน
“น้องแอน น้องแอน”
กัณฐิกาตกใจรีบตามไป กลัวสุรเดชเจอณวัตร และกังวลว่าผัวใหม่จะรู้ความจริงปากจากสุรเดช
กฤติยามองหากัณฐิกา แล้วจะหันไปทางเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ แต่มีมือของใครคนหนึ่งมาจับแขนหมับ กฤติยาหันไปมอง ที่แท้เป็นณวัตร
“คุณอา”
“มานี่สิ ฉันมีของจะให้หนู”
กฤติยาแปลกใจ ไม่ทันได้ถาม ณวัตรจูงมือกฤติยาออกไปในมุมลับตา
สุรเดชเดินเข้ามาหน้าห้องลอง มองหากฤติยา แปลกใจที่ไม่เห็นแล้ว
“น้องแอนหายไปไหน”
กัณฐิกาตามเข้ามา ดีใจที่สุรเดชไม่เจอกฤติยา
“ฉันบอกแล้วไง ลูกแอนไม่ได้มา”
“ถึงหน้าผมจะโง่ แต่ตาผมไม่ได้บอด...” สุรเดชเดินตามหากฤติยาพลางร้องเรียก “แอน”
กัณฐิกากังวลใจรีบตามไป
ฟากธีรดนย์เดินเข้ามาที่ร้านอาหารในชอปปิ้งมอลล์แห่งนั้น ตรงเข้าไปที่โต๊ะหนึ่ง
“สวัสดีครับเจ๊ ผมพาเพื่อนมาแล้วครับ”
ชนกชนม์เดินเข้ามายกมือไหว้ด้วย
“สวัสดีครับ” ชนกชนม์เงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจ “เจ๊”
เพราะที่แท้เป็นชาติ กะเทยอวบคู่แผดปุ๊กโกะ ลูกค้าที่เคยเจอชนกชนม์ที่ร้านอาหารนั่นเอง ชาติยิ้มหวานรับไหว้
“น้องไส้กรอก” เจ๊ชาติเนื้อเต้น
ธีรดนย์แปลกใจ “รู้จักกันด้วยเหรอครับ”
เจ๊ชาติมองชนกชนม์ตาเยิ้ม “เคยกินกันแล้วอ่ะ”
ธีรดนย์หันขวับไปมองเพื่อน ชนกชนม์รีบปฎิเสธ
“ไม่ใช่อย่างที่แกคิด”
เจ๊ชาติอธิบาย “เจ๊หมายถึง เคยกินอาหารที่สุดหล่อมาเสิร์ฟที่ผับนะจ๊ะ”
“อ๋อ ใช่ครับ ชนม์เคยเสิร์ฟอาหาร”
“ไส้กรอก อร๊อยอร่อย”
เจ๊ชาติจ้องมองเหมือนจะกลืนกินชนกชนม์ทั้งตัว ชนกชนม์เสียววาบ หันไปกระซิบบอกธีรดนย์
“ฉันโดนเขมือบแน่ ขอถอนตัวว่ะ” พร้อมกับจะเดินหนีไป
ธีรดนย์ดึงคอไว้บอกเจ๊ชาติ “เราพร้อมทำงานแล้วครับ”
“เฮ้ย” ชนกชนม์ตกใจถูกมัดมือชก
“ท่องไว้..เพื่อเงิน”
ธีรดนย์กระซิบบังคับ ชนกชนม์ตกใจ
เจ๊ชาติยิ้มระรื่น ลุกขึ้น “โอเค..ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า...พร้อมลุยเลยค่ะ”
ฝ่ายสองสาว ยังอยู่ที่ร้านดอกไม้ สุตาภัญส่งช่อดอกไม้คืนให้ชนิกานต์
“แฟนใครคนนั้นก็ดูแลเองสิ”
“ให้เองมันไม่ตื่นเต้น ต้องมีแผนนิดนึง เดี๋ยวเธอใส่ชุดหมี”
สุตาภัญตกใจ “ชุดหมี”
ชนิกานต์หันไปชี้ชุดหมีที่เตรียมมากองแหมะอยู่ที่พื้น
“ใช่ค่ะเพื่อน....เอาช่อดอกไม้ไปให้เขา...แล้วชี้มาที่ฉัน ฉันจะโพสเป็นนางแบบ...เข้าไปหอมแก้มแสดงความยินดีกับงานใหม่ของเขา โอเค๊” ชนิกานต์บอกแผนเซอร์ไพร้ส์
“โนเวย์”
สุตาภัญปฎิเสธจะเดินหนีออกไปจากร้านดอกไม้
ชนิกานต์ขู่ “ไม่ช่วย...อดของขวัญวันเกิด”
สุตาภัญหันกลับมา ทำท่าลังเลตัดสินใจไม่ได้ แต่แล้วกลับเดินออกจากร้านไป
ชนิกานต์ผิดหวังตะโกนไล่หลังงอนๆ “ยัยตาใจร้าย”
สุตาภัญเดินกลับมาบอก “ใส่ชุดหมีแล้วฉี่ไม่ได้...ฉันไปฉี่ก่อน”
ชนิกานต์เฮลั่นด้วยความดีใจ ขณะที่สุตาภัญหน้าจ๋อยที่ต้องใส่มาสคอร์ตชุดหมีสีชมพูตัวนั้น
ทางด้านสุรเดชเดินสอดส่ายสายตามองหากฤติยา จนเห็นกฤติยายืนคุยกับณวัตรที่มุมหนึ่ง สุรเดชยิ้มกริ่มจะเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันเห็นกฤติยา ก็ถูกกัณฐิกาเข้ามาดึงมือไว้
“แกเจอลูกฉันไม่ได้ แล้วก็ห้ามเจออีกตลอดชีวิต”
ส่วนกฤติยาเอามือณวัตรออก ณวัตรยิ้มให้กฤติยา
“คุณอามีอะไรคะ”
ณวัตรหยิบกล่องเปิดออก เห็นเป็นสร้อยเพชรที่มีจี้เพชรเม็ดเล็กๆ ติดอยู่ด้วย
“อาซื้อให้หนู..รับขวัญหลานรัก” ณวัตรจอมเจ้าชู้บอกเสียงนุ่มหวานหู
กฤติยาส่งคืน “แอนรับไม่ได้หรอกค่ะ มันมีค่ามากเกินไป แค่คุณอาเมตตาแอน ก็ถือเป็นบุญคุณแล้วค่ะ”
ณวัตรจับมือกฤติยา แล้วดันกล่องจี้เพชรให้
“อย่าให้อาเสียน้ำใจ”
กฤติยาฉงนหนัก เริ่มเอะใจในท่าทีของณวัตรที่แสดงออกกับตน
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 7 (ต่อ)
ชนกชนม์และธีรดนย์โพสท่า โดยมีช่างภาพชื่อ นนท์ถ่ายรูป และเจ๊ชาติคอยยืนกำกับในมาดสไตลิสต์
ชนกชนม์ถ่ายเดี่ยว ด้วยเสื้อผ้าเซ็ทใหม่ แอ๊คท่าต่างๆ ตามที่เจ๊ชาติบอก ถึงคิวธีรดนย์ถ่ายเดี่ยว พร้อมเสื้อผ้าเซ็ทใหม่ ธีรดนย์โพสท่าอย่างหล่อ
ชนกชนม์และธีรดนย์เปลี่ยนชุดอีก แล้วถ่ายภาพแฟชั่นคู่ร่วมกันอีกหลายแอ๊ค
“หล่อเป๊ะเว่อร์อ่ะ” เจ๊ชาติดี๊ด๊า ยิ้มปลื้มแก้มปริ
ธีรดนย์กับชนกชนม์เดินเข้ามาถามเจ๊ชาติหลังถ่ายแฟชั่นคู่เสร็จ
“เสร็จแล้ว ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ”
“ยังเหลืออีกเซ็ทนึงจ้ะ”
ชนกชนม์ตกใจ “ยังมีอีก”
ธีรดนย์กระซิบบอก “ถ่ายเซ็ทเดียวก็รับเงินแล้ว สู้เว้ย”
“ฉันคงไม่เสียตัวก่อนนะ” ชนกชนม์ว่า
“ไปเปลี่ยนชุด..ย้ายโลค่ะ”
เจ๊ชาติเดินนำไป ชนกชนม์ไม่อยากถ่าย..ธีรดนย์ลากตัวตามชาติไป
ด้านชนิกานต์พาสุตาภัญในชุดหมีมาถึง ชนิกานต์มองหาชนกชนม์ แปลกใจที่ไม่เห็น
“อยู่ไหนล่ะ? ไหนบอกว่าถ่ายกันแถวนี้”
สุตาภัญถอดหัวหมีสีชมพูดออก “กลับไปแล้วมั้ง กลับเหอะ”
สุตาภัญจะเดินหนี ชนิกานต์คว้าแขนไว้
“แกรอตรงนี้ ฉันจะไปดูว่าถ่ายแบบตรงไหน เดี๋ยวฉันมาตาม ใส่หัวไว้ อย่าให้แฟนฉันเห็น”
ชนิกานต์สั่งแล้วเดินออกไป สุตาภัญปวดตับเซ็งมากบ่นอุบ
“ชนกชนม์ นายทำให้ฉันเดือดร้อนอีกแล้วนะ”
สุตาภัญนึกได้ รีบเอาหัวหมีมาสคอร์ตมาใส่ แล้วทำท่าเต้นน่ารักๆ รอชนกชนม์ต่อไป
ฟากกัณฐิกาเอาเงินยัดใส่มือสุรเดช บอกเสียงกร้าว
“ฉันขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย เลิกยุ่งกับลูกสาวฉัน”
“แต่ผมรักแอน…”
“แกอยากให้ลูกฉันเป็นเมียแว้น อุ้มลูกอยู่ในสลัมรึไง ลูกฉันได้เป็นคุณหนูแล้ว กำลังมีอนาคตที่ดี ถ้ารักลูกฉันจริง ปล่อยลูกฉันไปเถอะ”
สุรเดชยืนนิ่ง อึ้ง มองหน้ากัณฐิกา
“ฉันขอ” กัณฐิกาขอร้อง
“น้องแอน” สุรเดชจอมกะล่อนไม่สน เดินร้องเรียกหากฤติยายาหยีต่อไป
“ไอ้บ้า”
กัณฐิกาโมโห และยิ่งกังวลหนัก รีบตามไป ไม่อยากให้สุรเดชได้เจอกฤติยาและณวัตร
เวลาเดียวกันณวัตรส่งกล่องสร้อยเพชรให้กฤติยา พูดอ้อนเสียงหวาน
“รับไว้นะ...แล้วก็ไม่ต้องบอกใครว่าอาซื้อให้”
“ทำไมล่ะคะ” กฤติยาถามหยั่งเชิง “กลัวคุณน้ารู้”
“อาไม่อยากให้ลูกนิกกี้อิจฉาหนู ไม่งั้นคงอาละวาดอีก...อารักและเป็นห่วงหนูมากนะ”
ณวัตรยิ้มหวานให้ กฤติยาไหว้ขอบคุณ รู้ทันความคิดของณวัตร
“ขอบคุณค่ะ...แอนจะถือว่าเป็นของขวัญจากคุณอาที่เคารพ”
กฤติยาพยายามรักษาระยะห่างไว้ เริ่มรู้ตัวว่าณวัตรเป็นผู้ชายเจ้าชู้มาก
สุรเดชมองหากฤติยาแล้วหยุดกึกที่มุมหนึ่ง
กัณฐิกาตามเข้ามา เห็นสุรเดชมองไปยังกฤติยาก็กังวลใจ เข้าไปบอกสุรเดช
“ฉันขอล่ะ..อย่าทำลายชีวิตลูกฉันเลย”
สุรเดชมองไป นิ่งคิดตัดสินใจ แล้วเดินตรงไปหากฤติยา กัณฐิกาตกใจ กลัวสุรเดชบอกความจริงณวัตร
สุรเดชเดินตรงมาหยุดที่กฤติยาและณวัตร กฤติยาตกใจ พูดกับตัวเองเสียงเบาหวิว
“พี่เดช”
ณวัตรมองหน้าสุรเดชงง แปลกใจที่สุรเดชเข้ามาหยุดมองตน กัณฐิการีบเข้ามาบอกณวัตรชวนกลับหนีหน้าสุรเดช
“กัณได้ของครบแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะ”
กัณฐิกาเข้ามาดึงตัวกฤติยาออกไป เพื่อเบี่ยงความสนใจสุรเดช
แต่สุรเดชกลับเรียกณวัตรไว้ “คุณครับ”
กัณฐิกาตกใจ กฤติยาเองก็กังวลใจว่าสุรเดชจะมาไม้ไหน
“นายมีธุระอะไร”
สุรเดชยิ้มๆ ก่อนถามออกมา “ห้องน้ำไปทางไหนครับ”
ณวัตรชี้ไปที่ป้ายบอกทาง “ทางโน้น”
“ขอบคุณครับ”
สุรเดชรีบวิ่งออกไป กัณฐิกาโล่งอก กฤติยารู้สึกดีที่สุรเดชไม่แฉความลับตน
“กัณเดินจนปวดเท้ามาก...เรากลับกันเถอะค่ะ”
ณวัตรพยักหน้า กัณฐิกาควงณวัตรออกไป กฤติยาเดินตามแล้วหันกลับไปมองแต่ไม่เจอสุรเดช
ทุกคนไปหมดแล้วสุรเดชจึงโผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง
“รักแท้คือการเสียสละ...ก็แค่วันนี้วันเดียว”
สุรเดชยังคงแน่วแน่ และไม่ยอมตัดใจเลิกรักกฤติยา
สองหนุ่มอยู่ในห้องน้ำ ธีรดนย์กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เร่งให้ชนกชนม์เปลี่ยนไวๆ
“เปลี่ยนเร็วๆ ถ่ายเซ็ทนี้เสร็จ รับตังค์ได้เลย”
ชนกชนม์เดินเข้ามาตบไหล่ธีรดนย์พูดจริงจังอย่างซึ้งใจในน้ำใจเพื่อน
“ขอบใจมากเพื่อน ที่หางานให้”
“เพื่อนต้องช่วยเพื่อนสิวะ”
“ขอบใจจริงๆ”
“ปล่อยได้ยังวะ...ปวดฉี่”
ชนกชนม์หัวเราะขำ รีบปล่อยมือ ธีรดนย์วิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำ ชนกชนม์หันไปมองสำรวจตัวเองในกระจก ชื่นชมตัวเอง
“จะว่าไป เราก็หล่อขั้นเทพ เป๊ะเว่อร์”
จังหวะนั้นภาพในกระจกชาติเข้ามายืนยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยอยู่ด้านหลังเมื่อไหร่ไม่รู้ ชนกชนม์หันกลับไปมองอย่างตกใจ
“เอ่อ..ห้องน้ำชายนะครับพี่”
ชาติทำเสียงแมนโครต “เจ๊ก็แมนทั้งแท่ง”
ชนกชนม์เริ่มกลัว “พี่ไปรอข้างนอกดีกว่า ผมขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“เซ็ทนี้ไม่ต้องใช้เสื้อผ้า” เจ๊ชาติเข้ามาปลดกระดุมชนกชนม์ “เน้นความใส...วิ้งๆๆ”
“พี่อย่า...” ชนกชนม์ตะโกนลั่น “ไอ้ธีช่วยด้วย”
ธีรดนย์ฉี่ในห้องน้ำร้องบอก
“รอแป๊บ..ยังไม่สุด”
เจ๊ชาติอดใจไม่ไหวตั้งท่าจะเข้ามาลวนลาม ชนกชนม์รีบผลักออกแล้ววิ่งหนีออกจากห้องน้ำ
“สุดหล่อของเจ๊” เจ๊ชาติ โมเดลลิ่งสวาทวิ่งไล่ตามไปไม่ลดละ
ชนกชนม์วิ่งเตลิดออกมาตรงมุมหนึ่งของชอปปิ้งมอลล์ เจอกับสุตาภัญในชุดหมีสีชมพูยืนเต้นน่ารักๆ อยู่ ชนกชนม์หันกลับไป เห็นเจ๊ชาติกำลังวิ่งตามมา
ชนกชนม์ตัดสินใจวิ่งไปหลบหลังมาสคอร์ตหมี สุตาภัญแปลกใจว่าเป็นใครกัน
เจ๊ชาติมองหา ไม่เจอชนกชนม์ เห็นแต่หมีสุตาภัญ
“ผู้ชายหาย...เจอแต่หมี”
เจ๊ชาติบ่นอุบ จำต้องถอดใจ แต่นึกได้ว่ามีธีรดนย์อยู่ในห้องน้ำ รีบวิ่งกลับไป
ชนกชนม์โผล่หน้ามา ดีใจที่เจ๊ชาติวิ่งกลับไป ชนกชนม์เข้ามายืนมองหมี
“ขอบใจมากนะหมีน้อย”
สุตาภัญในชุดหมีสีชมพู จำเสียงได้ ตกใจที่เจอชนกชนม์โดยไม่ทันตั้งตัว
“เธอช่วยชีวิตฉันไว้ รักหมีที่สุดเลย”
ชนกชนม์โผเข้ากอดหมีสุตาภัญอย่างดีใจ สุตาภัญอึ้งตกใจ ไม่ทันตั้งตัว เซล้มหงายหลังลงไปกับพื้น ทำเอาหัวหมีกลิ้งหลุดออกไป นั่นเองชนกชนม์จึงมองเห็นว่าคนสวมชุดหมีตัวนั้นคือสุตาภัญ
“เธอ”
“ลุกขึ้นได้แล้ว”
ชนกชนม์รีบดีดตัวลุกขึ้น สุตาภัญพยายามจะลุกขึ้น แต่เคลื่อนไหวอย่างยากลำบาก ชนกชนม์ยื่นมือเข้ามาให้จับ สุตาภัญจำใจจับมือชนกชนม์
ชนกชนม์ยิ้มแป้นดีใจ ดึงสุตาภัญขึ้นมา แล้วหัวเราะอย่างขำๆ
สุตาภัญมองดุ “ฉันไม่ขำด้วยนะ”
ชนกชนม์เย้า “เธอมาเล่นละครให้เด็กดูเหรอ”
สุตาภัญไม่ตอบ มองช่อดอกไม้ที่ตกอยู่พื้นแล้วชี้สั่ง
“หยิบดอกไม้ให้ด้วย”
ชนกชนม์หยิบดอกไม้ส่งให้ สุตาภัญถือช่อดอกไม้ไว้ จะทำตามแผนที่ชนิกานต์บอกไว้ มองหาบางอย่างก่อนจะพูดพึมพำกับตัวเอง
“ยัยนิกกี้ไปไหน”
ชนกชนม์แปลกใจ เหลียวมองตาม “มองหาใคร”
ด้านธีรดนย์เปิดประตูห้องน้ำออกมา เจอเจ๊ชาติดักไว้ท่าทีหื่นๆ ธีรดนย์ถึงกับสะดุ้งตกใจ
“เฮ้ย...เพื่อนผมอยู่ไหนครับเจ๊”
“อย่าไปพูดถึงคนไม่รักดีเลย...เรามาคุยเรื่องของเราดีกว่า”
ว่าพลางกะเทยถึกแถเข้ามาแทะโลมธีรดนย์เต็มที่ ธีรดนย์ชิ่งหนีออกห่างอย่างเนียนๆ แบมือออกไป
“ค่าตัวครับ”
เจ๊ชาติหยิบซองเงิน ทำท่าจะส่งให้ ธีรดนย์จะรับ แต่ถูกดึงกลับ
“เงินมาผ้าหลุด”
ธีรดนย์รู้ทันความคิดเจ๊นักปล้ำ แกล้งทำทีเป็นเล่นด้วย
“หลุดให้หมดทุกชิ้นเลยนะครับเจ๊”
เจ๊ชาติตาโต “โอ้วววว ถูกใจเจ๊ที่สุดอ่ะ”
ขณะที่ชนิกานต์ออกจากห้องน้ำผู้หญิง เดินผ่านห้องน้ำชาย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนกรีดร้องอย่างตกใจ
“แอร๊ยยย”
ชนิกานต์ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยื่นหน้ามองเข้าไปด้านใน
เห็นธีรดนย์เปิดประตูวิ่งออกมา พร้อมถือเสื้อผ้าเจ๊ชาติไว้ในมือ ชนิกานต์ตกใจระคนแปลกใจ
“ว้าย...แก แกทำอะไร”
ธีรดนย์ยิ้ม นึกสนุก เอาเสื้อผ้าเจ๊ชาติใส่ในมือชนิกานต์ แล้ววิ่งหนีไป ชนิกานต์งง เจ๊ชาติวิ่งออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว
“เอาเสื้อผ้าเจ๊คืนมา”
ชนิกานต์ตกใจ “ว้าย..ชีเปลือย”
ชนิกานต์รีบส่งคืนเสื้อผ้าให้เจ๊ชาติแล้ววิ่งออกไป
เจ๊ชาติทั้งผิดหวังทั้งโมโห “อดกินอีกแล้ว...รมณ์เสีย”
ด้านสุตาภัญไม่อยากรอชนิกานต์แล้ว เลยส่งช่อดอกไม้ให้ชนกชนม์ไป
ชนกชนม์รับมาแล้วยิ้มแป้นดีใจ
สุตาภัญรีบบอก “ไม่ใช่ของฉัน”
ชนกชนม์แปลกใจ สุตาภัญบอกต่อ
“นิกกี้ฝากฉันให้นาย แต่ผิดแผนไม่รู้ว่าหายไปไหน จบหน้าที่ฉันแล้ว บาย”
สุตาภัญหิ้วหัวหมี เดินออกไป ชนกชนม์คิดอะไรบางอย่างออก
ฟากชนิกานต์เดินตรงเข้ามาหาธีรดนย์อย่างเอาเรื่อง ธีรดนย์หัวเราะที่ได้แกล้งชนิกานต์
“โรคจิต บอกว่ามาถ่ายแบบ ที่แท้มาซ่ำกับเกย์”
ธีรดนย์รับซะงั้น “เปลี่ยนบรรยากาศบ้างไรบ้าง”
ชนิกานต์เบิกตาโพลง ตกใจ “ที่แท้แกเป็น...”
ธีรดนย์รีบแก้ตัวสวนขึ้น “บ้าดิ.....ฉันแหย่เล่น...แล้วเธอมาทำอะไร”
“ฉันจะมาเซอร์ไพร้ส์แฟนฉัน..ก็เลยให้ยัยตา...”
ธีรดนย์ถามสวนขึ้น “ตามาด้วยเหรอ? อยู่ไหน”
ธีรดนย์ออกอาการลิงโลดอยากเจอสุตาภัญ
ขณะที่สุตาภัญเดินหนี ชนกชนม์ก็เข้ามาหา เดินเคียงตีคู่มากับสุตาภัญ
“หายโกรธฉันรึยัง”
สุตาภัญไม่ตอบ เดินต่อ ชนกชนม์เดินตามงอนง้อ
“ให้อภัยนะ”
สุตาภัญไม่ตอบ เดินต่อไป ชนกชนม์เข้ามากอดหมีสุตาภัญหมับ
สุตาภัญตกใจ “ปล่อย! อย่ามากอดฉัน”
“ฉันไม่ได้กอดเธอสักหน่อย..ฉันกอดหมี” ชนกชนม์อ้าง
สุตาภัญพยายามจะดิ้นหนี แต่ชนกชนม์เข้ามากอดไว้แน่น
“ฉันจะปล่อยก็ต่อเมื่อเธอให้อภัยฉัน...”
สุตาภัญพยายามเดินหนี ชนกชนม์กอดหมีไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
จังหวะที่ดิ้นหนีนั้นสุตาภัญมองเห็นธีรดนย์และชนิกานต์ ซึ่งกำลังมองหาชนกชนม์กับตน
สุตาภัญไม่อยากให้ธีรดนย์และชนิกานต์เข้าใจผิด
“โอเค..ฉันยอมแล้ว”
ชนกชนม์ดีใจ แต่ยังไม่ปล่อยอ้อล้อต่อ “เธอต้องกลับมาเป็นนางฟ้าเบอร์ห้าเหมือนเดิม”
สุตาภัญเห็นธีรดนย์และชนิกานต์กำลังใกล้เข้ามาา..ยิ่งกังวลใจ รีบบอกส่งๆ
“จะเบอร์หกเจ็ดแปดยังไงก็ได้”
ชนกชนม์ยอมปล่อยหมีสุตาภัญพร้อมกับ “เย๊” อย่างลิงโลด
ธีรดนย์และชนิกานต์เดินมาถึง สองคนพอใจ ธีรดนย์มองสุตาภัญในชุดหมี นิ่งอึ้ง แล้วหัวเราะร่า
“น่ารักจัง”
สุตาภัญอายมากหันไปต่อว่าชนิกานต์ “เพราะเธอคนเดียว...ฉันทำหน้าที่เสร็จแล้วนะ”
ชนิกานต์หันไปเห็นช่อดอกไม้ในมือชนกชนม์ก็ยิ้มพอใจ ปรี่เข้ามาจับช่อดอกไม้และมือชนกชนม์
“นิกกี้ตั้งใจเลือกให้ชนม์เป็นพิเศษเลย”
“ขอบใจนะ” ชนกชนม์
สุตาภัญบอก “ถอดชุดให้ฉันได้แล้ว”
ธีรดนย์แกล้ง “ไม่ต้องถอด...น่ารักดีออก ขอถ่ายลงเฟส”
สุตาภัญตกใจ “ไม่นะ”
ชนิกานต์ดันเห็นดีด้วยกับธีรดนย์ “เธอเป็นหมีที่น่ารักมาก...ฉันถ่ายเอง”
ว่าแล้วชนิกานต์หยิบโทรศัพท์เปิดโหมดกล้อง พร้อมกับเข้ามาควงชนกชนม์ถ่ายรูปโดยใช้หมีสุตาภัญเป็นแบ๊คกราวน์
ส่วนธีรดนย์เข้ามาควงแขนหมี ถ่ายรูปคู่
เพื่อนๆ ทั้งสี่คนถ่ายรูปด้วยกันอย่างสนุกสนาน มีสุตาภัญคนเดียวทำหน้าเซ็งไม่อยากถ่ายเพราะอาย
โดยที่ชนิกานต์กับธีรดนย์ไม่ทันสังเกตเห็นว่า ในระหว่างถ่ายรูป ชนกชนม์แอบมองสุตาภัญ และสุตาภัญก็มองชนกชนม์ สองคนสบตากันตลอดเวลา
ทางด้านชยางกูรโกหกชลนิภาว่าไปติวหนังสือ ที่แท้ไปโผล่ที่บ่อนเฮียปรัชญา และกำลังหัวเสียเพราะถูกเจ้ามือรวบเงินบนโต๊ะ
“อีกแล้วเหรอวะ”
ชยางกูรหมดเงิน ลุกเดินออกจากโต๊ะ เพทายเข้ามาหาชยางกูรทำเป็นปลอบใจ แต่มีแผนอื่น
“เกมมีได้ก็ต้องมีเสีย แต่ถ้าอยากเอาคืน...เฮียช่วยได้!”
ชยางกูรแปลกใจว่าใครจะช่วยกรูวะ
ไม่นานนัก เฮียปรัชญาอยู่ในห้องทำงาน กำลังยื่นเงินให้ชยางกูร หนึ่งล้านบาท
ชยางกูรอึ้ง “ล้านนึง!...ผมต้องเอารถค้ำรึเปล่า”
ปรัชญายิ้ม “ระดับลูกชายบริษัทเพชรชั้นนำ ไม่ต้องค้ำอะไรทั้งนั้น”
ชยางกูรยิ่งแปลกใจ ย้อนถาม “เฮียไม่กลัวผมเบี้ยว”
“เพื่อนเพทายก็เหมือนน้องเฮีย ไปเถอะ...ไปเล่นให้สนุก”
ปรัชญายกเครดิตให้เพทาย ชยางกูรหันไปยิ้มขอบใจเพทาย
“ขอบใจแกมาก”
ชยางกูรรับเงินแล้วเดินออกไป เพื่อกลับเข้าไปในบ่อน
ปรัชญาออกปากชมเพทาย “ฝีมือแกไม่เคยตก.. เลือกเหยื่อไม่เคยพลาด”
เฮียปรัชญายื่นเงินค่าตอบแทนให้ เพทายรับเงินขึ้นมาจูบ ยิ้มสะใจที่หลอกชยางกูรให้เป็นผีพนันได้สำเร็จ
วันต่อมาขณะที่ธีรดนย์กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่บริเวณสวนหย่อม ในคฤหาสน์ กัณฐิกาเดินตรงเข้ามาหา ธีรดนย์แปลกใจ
กัณฐิกาส่งกล่องชิ้นหนึ่งให้ “ของขวัญที่เธอช่วยพูดให้หลานฉันยอมอยู่ที่นี่”
ธีรดนย์เกรงใจ “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้พูดอะไร แอนเองก็อยากอยู่กับคุณกัณ”
กัณฐิกาจับมือธีรดนย์ให้มารับกล่องไว้
“รับไว้เถอะ ฉันตั้งใจซื้อมาให้”
ธีรดนย์จำต้องรับมา แล้วเปิดกล่องดู เห็นนาฬิการาคาแพง หลักหมื่นก็ตื่นเต้นดีใจแต่เก็บอาการไม่แสดงออก
“ฉันใส่ให้” กัณฐิกาขยับเข้ามาจะใส่นาฬิกาให้
ธีรดนย์รีบห้ามไว้ “ไม่เป็นไรครับ”
“คนบ้านนี้เป็นอะไร ดื้อนักเชียว”
กัณฐิกาตีมือธีรดนย์เบาๆ แล้วหยิบนาฬิกามาใส่ให้
“ชอบไหม”
“ครับ”
กัณฐิกาจับข้อมือธีรดนย์ขึ้นมา ลูบมือเบาๆ
“นาฬิกาเรือนนี้เหมาะกับเธอมาก”
ระหว่างนั้นชนิกานต์เดินเข้ามาหยุดมองอยู่ที่มุมหนึ่ง ร้องถาม
“ทำอะไรกัน”
ธีรดนย์ตกใจรีบชักมือกลับ กัณฐิกาไม่อยากมีเรื่องกับชนิกานต์ จึงเดินหนีจะกลับเข้าไปในบ้าน
ธีรดนย์มองตามกังวลใจกลัวเกิดเรื่องเพราะตน
กัณฐิกาจะเดินเข้าบ้าน ชนิกานต์เข้ามาดึงรั้งไว้
“ฉันถามว่าทำอะไรกัน”
“ฉันมาเก็บดอกไม้ จะเอาไปบูชาพระ” กัณฐิกาบอก
ชนิกานต์ไม่เชื่อ “น้ำหน้าอย่างเธอเนี่ยนะ รู้จักกราบไหว้พระ ศีลห้าก็คงท่องไม่ถูก...ไหนล่ะดอกไม้? ฉันเห็นแต่ดอกอื่นลอยอยู่เต็มหน้า”
ธีรดนย์วิ่งเข้ามาห้ามชนิกานต์
“เธอพูดอะไรเกรงใจคุณกัณบ้าง”
ชนิกานต์ดึงข้อมือธีรดนย์ข้างที่ใส่นาฬิกาขึ้นมาโชว์ คาดคั้นกัณฐิกา
“ตอบฉันมาสิ...นี่มันอะไร”
กัณฐิกาอึ้งที่ชนิกานต์รู้ว่าเธอซื้อนาฬิกาให้ธีรดนย์
“นาฬิกามูลค่าหลักหมื่น ฉันว่ามันมากเกินไปที่จะซื้อให้คนใช้ในบ้าน นอกจากหวังซื้อใจจะเก็บไว้กิน” ชนิกานต์แดกดันไม่ไว้หน้า
ธีรดนย์ฉุนกึก ไม่พอใจ “นิกกี้! คุณกัณฐิกาไม่มีความคิดอย่างนั้น”
ชนิกานต์เยาะหยัน “แกมันอ่อนจริงๆ ไม่ทันเล่ห์มารยายัยกระดังงาลนไฟ”
“หนูกำลังเข้าใจฉันผิด” กัณฐิกาแทรกขึ้น
“แกต่างหากที่ร้อนตัวกลัวความผิด รีบปิดบังฉัน.. กลัวฉันรู้แล้วบอกคุณพ่อ...” ชนิกานต์เหยียดยิ้ม พูดเย้ย “แล้วฉันก็ดันรู้เห็นซะด้วย!”
จากนั้นชนิกานต์ก็ลากมือธีรดนย์เข้าไปในบ้าน
“เธอทำอะไร” ธีรดนย์งง
ชนิกานต์ไม่ตอบ ลากธีรดนย์เข้าไปในบ้าน
กฤติยาเดินออกมา หยุดยืนอยู่ตรงหน้าชนิกานต์ มองธีรดนย์อย่างแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“หลบไป”
กฤติยายอมหลบ ชนิกานต์ลากธีรดนย์เข้าไปในบ้าน กัณฐิกามองตามกังวลใจ กฤติยาเข้ามาถามกัณฐิกา
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
กัณฐิกาไม่ตอบ รีบตามเข้าไปในบ้าน กฤติยามองตามด้วยความแปลกใจและอยากรู้
ขณะเดียวกันณวัตรกำลังดูแบบงาน เป็นพิมพ์เขียวสร้างหมู่บ้านอยู่ตรงโต๊ะทำงานในบ้าน เงยหน้าขึ้นมาเห็นชนิกานต์ลากธีรดนย์เข้ามา ก็แปลกใจ
ชนิกานต์ฟ้องทันที “คุณพ่อคะ...”
ณวัตรขัดขึ้น “พ่อไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระ พ่อกำลังทำงาน”
ชนิกานต์ปราดเข้ามากวาดข้าวของบนโต๊ะทิ้ง
“คุณพ่อต้องปิดงานแล้วเปิดตารับรู้ความแพศยาเมียคุณพ่อ!”
ณวัตรขึ้นเสียงอย่างม่พอใจ “นิกกี้”
กัณฐิกาเดินตามเข้ามา โดยมีกฤติยาตามมาสมทบบืนอยู่ด้านหลัง
“คุณคะ เรื่องนี้กัณอธิบายได้นะคะ”
ณวัตรพูดขึงขัง “คุณไม่ต้องพูด” หันมาถามชนิกานต์ “ลูกมีอะไร”
ชนิกานต์ยิ้มพอใจที่ณวัตรยอมรับฟัง พร้อมกับดึงแขนธีรดนย์ ข้างที่ใส่นาฬิกาให้พ่อดู
“เมียคุณพ่อซื้อนาฬิการาคาแพงให้ลูกคนใช้ มันหมายความว่าไงคะ ถ้าไม่ใช่จ้องจะกินเด็กในบ้าน”
กฤติยาตกใจกับเรื่องนี้ หันไปมองกัณฐิกา ณวัตรหันไปมองธีรดนย์นิ่งๆ ธีรดนย์รู้สึกประหม่า
“รักษาไว้ให้ดี”
ชนิกานต์ตกใจที่เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่เธอคิด “หมายความว่าไงคะ”
“พ่อเป็นคนซื้อนาฬิกาเรือนนั้น แล้วฝากให้คุณกัณช่วยเอาให้ธีรดนย์”
ธีรดนย์ได้ฟังแม้จะแปลกใจ แต่ก็คลายความกังวลใจ
ชนิกานต์วึดวือเหวี่ยงวีนทันที “ไม่จริง! คุณพ่อแก้ตัวแทนมัน ไม่งั้นมันไม่ทำลับๆ ล่อๆ โกหกนิกกี้”
ณวัตรสวนออกมาอีก “พ่อเป็นคนสั่งให้ปิดเป็นความลับ...เพราะถ้าลูกรู้ก็อาละวาดอย่างที่เป็นตอนนี้ แล้วเป็นไง มันก็เป็นจริงอย่างที่พ่อคิดไว้ ไหนๆ ลูกเอะอะไม่พอใจแล้ว ก็รู้เลยว่าพ่อซื้อสร้อยให้หนูแอนด้วย”
ทุกคนหันไปมองกฤติยาเป็นตาเดียวกัน กัณฐิกามองกฤติยาอย่างตำหนิและไม่พอใจมาก ที่กฤติยาปิดเรื่องนี้กับตน
“ส่วนของลูก...พ่อซื้อแหวนเพชรที่ลูกบ่นอยากได้”
ณวัตรหยิบกล่องของขวัญชิ้นหนึ่งให้ชนิกานต์ขึ้นมาวางบนโต๊ะ
ชนิกานต์อึ้งแปลกใจ ไม่คิดว่าณวัตรจะซื้อของให้ เริ่มเย็นลง และรู้สึกดี แต่ยังคงเก็บอาการไว้
“พ่อถือว่าทุกคนในบ้านนี้เป็นลูกหลาน ต้องได้รับความรักเท่าเทียมกัน จบเรื่องก็ออกไปได้แล้ว พ่อมีงานต้องทำ”
ธีรดนย์ไหว้ณวัตร “ขอบคุณคุณท่านครับ” แล้วเดินออกไป
ชนิกานต์เดินเข้าไปหยิบกล่องของขวัญบนโต๊ะ ไม่พูดไม่จาแล้วเดินออกไป
กฤติยาเดินออกไปแล้วเช่นกัน กัณฐิกาหันไปบอกณวัตร
“กัณขอโทษนะคะ ที่ทำให้เกิดเรื่องอีกแล้ว”
“อย่าโทษตัวเองเลย..คุณทำดีที่สุดแล้ว”
กัณฐิกายิ้มย่องเป็นปลื้มที่ณวัตรไว้วางใจตนอยู่
ด้านธีรดนย์เดินออกมาหน้าคฤหาสน์ แล้วหยุดมองนาฬิกา ดีใจที่ได้ของใช้หรู ราคาแพง จู่ๆ ชนิกานต์ปราดเข้ามากระชากแขน จะดึงนาฬิกา ธีรดนย์ไม่ยอมโวยใส่
“เบาๆ...เดี๋ยวถลอกเป็นรอย”
“เห่อของใหม่รึว่าหวงของชู้รัก” ชนิกานต์เยาะ
“รู้ความจริงจากปากคุณท่านแล้ว ยังจะใส่ร้ายคุณกัณฐิกาอีก เธอมันพาลไม่เลิก!” ธีรดนย์ด่า
“ปกป้องเพราะรักมัน”
“คุณชนิกานต์ครับ....ผมมีแฟนแล้ว”
“มีแฟนแล้วไง ฉันรู้นะว่าแกใฝ่สูงคิดหนีชีวิตคนใช้ หวังใช้ยัยกัณฐิกาเป็นบันไดไต่ออกจากรั้วบ้านหลังนี้”
ธีรดนย์โมโห “รู้ด้วยว่าฉันอยากไปจากคฤหาสน์ประสาท บอกด้วยความจริงใจ ฉันไม่เคยคิดใช้คุณกัณเป็นเครื่องมือ แต่เอาล่ะ เมื่อเธอเสนอ...ฉันก็จะสนอง”
พอพูดจบธีรดนย์ก็ทำหน้ายียวนใส่ แล้วเดินหนีไป นั่นยิ่งทำให้ชนิกานต์แค้นใจ
ลูกไม้หลากสี ตอนที่ 7 (ต่อ)
ธีรดนย์เดินมาถึงบริเวณริมสระน้ำ จะเดินกลับไปยังห้องพักด้านหลัง ชนิกานต์ตามมารังควาญไม่ลดละ ไม่รู้ตัวว่ากำลังโกรธและหึง
“แกคิดจะเอานังแก่หนังเหี่ยวนั่นจริงๆ ใช่มั้ย”
ธีรดนย์หันมาหาย้อนถาม “ถามจริงเถอะ..ต้องการอะไร รึว่าหึงฉัน”
“ตายไปกี่ร้อยชาติก็อย่าหวัง ฉันรู้แล้ว...แกคิดใช้ยัยน้าเป็นทางผ่านไปหาหลาน!” ชนิกานต์หยามหยัน
ธีรดนย์ยิ้ม..ยียวน “ขอบใจอีกครั้งที่ชี้โพรงให้กระรอกน้อย...ก็น่าสนนะ แอนดีกว่าเธอด้วย”
กฤติยายืนอยู่มุมหนึ่ง ได้ฟังก็แปลกใจ
“ดีกว่าฉันตรงไหน”
ธีรดนย์เดินรอบตัวชนิกานต์ “สวยกว่า นิสัยดีกว่า เอาเป็นว่าดีกว่าเธอทุกอย่าง”
ชนิกานต์โมโห ที่ธีรดนย์ชื่นชมกฤติยาต่อหน้า จะทุบตีธีรดนย์
“แก”
ธีรดนย์จับมือไว้บอกอีกดอกพูดใส่หน้า “แล้วที่สำคัญ..อ่อนหวานกว่า...ผู้ชายน่ะต้องการให้ผู้หญิงเอาอกเอาใจ ไม่ใช่เอาแต่วีน ใครเลือกเธอก็เพี้ยนแล้ว”
ธีรดนย์หัวเราะเยาะชนิกานต์อย่างสะใจ
“ไอ้ธีบ้า”
ธีรดนย์เดินออกไป ชนิกานต์โมโหจะเข้าไปผลักธีรดนย์ให้ตกน้ำ ธีรดนย์ซวนเซจะตกสระน้ำอยู่แล้ว แต่มือคว้าชนิกานต์ให้ตกไปด้วย
ชนิกานต์ร้องลั่น “ว้าย...”
กฤติยาตกใจ เห็นธีรดนย์และชนิกานต์ตกน้ำ เสียงดังตูม
ชนิกานต์และธีรดนย์โผล่พรวดขึ้นมาผิวน้ำ ชนิกานต์ไม่พอใจ ทุบตีธีรดนย์พัลวัน
“ไอ้บ้า..บ้า บ้า”
ธีรดนย์สะใจนักหัวเราะเยาะ จับมือชนิกานต์ไว้ ชนิกานต์ไม่พอใจ จะเข้าไปกัดมือธีรดนย์ให้ปล่อยมือเธอ ธีรดนย์ก็หลบซ้ายหลบขวา จนทำให้ใบหน้าสองหนุ่มสาวแทบจะชนกัน ทั้งสองจ้องมองตากันอยู่ในสระน้ำ
ชนิกานต์เหมือนอยู่ในภวังค์ ธีรดนย์เองก็มองชนิกานต์อย่างเคลิ้มคล้อย
กฤติยาเห็นพฤติกรรมของทั้งสอง เริ่มใจสั่น กลัวธีรดนย์จะทำอะไรมากกว่านั้น
ธีรดนย์มองชนิกานต์ตาหวานซึ้ง พร้อมกับโน้มหน้าจะหอมชนิกานต์ ไวเท่าความคิดกฤติยาทำทีเดินผ่านมา เพิ่งเห็นเหตุการณ์
“ขอโทษค่ะ”
ชนิกานต์ได้สติ ผลักธีรดนย์ออกห่าง แล้วรีบว่ายน้ำขึ้นจากสระ
กฤติยาคลายความกังวลใจ
ชนิกานต์ขึ้นจากสระ มองหน้ากฤติยาตาขวาง
“มองอะไร หลีกไป”
ชนิกานต์ผลักกฤติยาออก แล้วเดินเปียกโชกเข้าไปในบ้าน ธีรดนย์ขึ้นจากสระ ยิ้มแก้เขินให้กฤติยา..แล้วเดินเลี่ยงออกไป
กฤติยาคิดจะทำอะไรบางอย่าง เดินออกไป
ขณะที่ธีรดนย์จะเดินกลับไปยังห้องพัก กฤติยาวิ่งตามเข้ามาหาส่งผ้าขนหนูให้
“ธีรดนย์...นายเช็ดตัวสิ เดี๋ยวเป็นหวัดหรอก”
ธีรดนย์ยิ้มให้แล้วรับผ้ามา “เรียกธีก็ได้”
เห็นธีรดนย์เช็ดหัวหยาบๆ กฤติยาแย่งผ้ามาเช็ดให้เอง
“ฉันเช็ดให้”
กฤติยาเช็ดผมให้อย่างนุ่มนวล ธีรดนย์รู้สึกดี กฤติยาแหย่ถามหยั่งเชิง
“นิกกี้น่ารักดีนะ เป็นแฟนกันนานรึยัง”
ธีรดนย์ตกใจ “เข้าใจผิดแล้ว เป็นคู่แค้นล่ะไม่ว่า...เธอก็เห็น นิกกี้เกลียดฉันยิ่งกว่าไส้เดือนซะอีก”
กฤติยาเย้า “ก็ไม่แน่นะ เกลียดมากก็รักมาก โตมาด้วยกันอาจรักกันโดยไม่รู้ใจตัวเองก็ได้”
ธีรดนย์มองกฤติยา แล้วคิดตามที่กฤติยาพูด กฤติยามองลุ้นว่าธีรดนย์จะว่าอย่างไร
แต่ธีรดนย์กลับหัวเราะขำ “ฉันกับนิกกี้เป็นแฟนกัน บ้านระเบิดแน่”
กฤติยายิ้มออกมาด้วยความดีใจ ธีรดนย์มองกฤติยา
“แล้วเธอล่ะ มีแฟนรึยัง”
กฤติยาจ้องมองธีรดนย์ตอบ ธีรดนย์รอฟังคำตอบ
“ใครจะมาสนใจเด็กกำพร้าอย่างฉัน”
ธีรดนย์เย้า “เอ้า..พูดงี้ฉันก็หมดสิทธิ์สิ”
กฤติยามองธีรดนย์ เข้าใจผิดคิดว่าธีรดนย์หมายถึงเขาหมดสิทธิ์จีบตน
ธีรดนย์รีบอธิบาย “ฉันหมายถึง...ฉันก็กำพร้าพ่อเหมือนกัน”
ธีรดนย์และกฤติยาหัวเราะขำไปด้วยกัน จู่ๆ กัณฐิกาก็โผล่เข้ามา
“หลานแอนอยู่นี่เอง น้าจะให้หนูไปช่วยหาสร้อยให้หน่อย น้าทำหล่นหายในห้อง”
“ค่ะ”
กฤติยาคืนผ้าเช็ดตัวให้ธีดนย์แล้วเดินออกไป กัณฐิกายิ้มพอใจ
“ไปทำอะไรมา เปียกหมดเลย...ฉันเช็ดให้”
กัณฐิกาจะเอาผ้าขนหนูเช็ดตัวให้ธีรดนย์ แต่ธีรดนย์แย่งคืนมา
“ไม่เป็นไรครับ...ขอบคุณครับ”
ธีรดนย์รีบเดินกลับไปยังห้องพัก กัณฐิกามองตาม ผิดหวังที่ธีรดนย์ปฎิเสธตน และพาลไม่พอใจที่กฤติยาที่ทำตัวใกล้ชิดธีรดนย์ จึงเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อจะเอาเรื่องลูกสาว
ขณะที่กฤติยาเดินมองหาสร้อยในห้องตามที่กัณฐิกาบอก ไม่นานนัก กัณฐิกาก็เดินตามเข้ามาในห้อง กฤติยาหันไปถาม
“แอนหาจนทั่วแล้ว ไม่เจอสร้อยค่ะ”
“จะเจอได้ไง ในเมื่อมันอยู่กับแก”
กฤติยาแปลกใจ
กัณฐิกาจ้องหน้าถาม “คุณณวัตรซื้อสร้อยให้ ทำไมไม่บอกฉัน”
กฤติยาตอบนิ่งๆ “แอนเห็นว่ามันไม่สำคัญ”
“ก็ดี..อย่าใส่ใจแล้วคิดวาดฝันไกล คุณณวัตรซื้อให้เพราะเอ็นดูเป็นลูกหลาน” กัณฐิกาเหน็บ
“แอนบอกแล้วไงคะ แอนรู้ว่าต้องวางตัวยังไง แม่ควรดูแลคนของแม่ดีกว่า”
กฤติยาจะเดินออกไป กัณฐิกาพูดเป็นเชิงสั่ง
“นอกจากห่างคุณณวัตร แกก็ไม่ควรใกล้ชิดธีรดนย์”
กฤติยาหันกลับมาหา ย้อนถาม “แม่ห่วงแอนรึว่าหึงธี”
กัณฐิกาไม่พอใจขึ้นเสียงใส่ “ยัยแอน”
กฤติยาจ้องหน้าถาม “ทำไมต้องโกรธด้วยคะ”
กัณฐิกาไม่อยากให้กฤติยารู้ว่าตนคิดยังไงกับธีรดนย์ รีบแก้ตัว
“ฉันผิดหวังที่แกคิดเหมือนยัยนิกกี้ หาว่าฉันเคลมเด็กในบ้าน” เดินเข้ามาหากฤติยา “ลูกเป็นสาวแล้ว จะทำอะไรก็ต้องรู้จักวางเนื้อวางตัว แม่ผ่านชีวิตมาก่อน ลูกต้องเชื่อฟังแม่”
“ค่ะ แอนจะเชื่อแม่...แม่เป็ดเดินยังไง ลูกเป็ดก็เดินอย่างนั้น”
พูดจบกฤติยาก็เดินหนีไปเลย กัณฐิกาไม่พอใจที่ลูกสาวย้อนเอา
ตกตอนเย็นวันนั้น ชนกชนม์ตัดสินใจมาขอโทษกัปตัน หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟของผับที่ตนทิ้งงานไปช่วยสุรัมภา เมื่อวันก่อน แต่ถูกกัปตันผลักไสไล่ส่ง ไม่แยแส ไม่ว่าชนกชนม์จะอ้อนวอนเพียงใด
“พี่..ให้โอกาสผมแก้ตัวนะครับ...คราวนี้ผมจะไม่ทิ้งงาน ผมจะทำงานให้ดีที่สุดครับ”
“ไม่ต้องพูดมาก...ถึงเป็นเด็กเส้นเฮีย ฉันก็ไม่สน ออกไป”
กัปตันไล่ชนกชนม์ออกไป แล้วเดินกลับเข้าไปทำงานในร้านต่อ
ชนกชนม์นึกได้ “เฮีย”
ชนกชนม์มองไปยังชั้นสองที่สุรเดชเคยพาขึ้นไป อย่างมีความหวัง
ชนกชนม์เดินขึ้นมาจะเข้าไปในห้องด้านใน ถูกการ์ดของเฮียปรัชญาเข้ามากันไว้
ชนกชนม์ยกมือไหว้ “สวัสดีครับพี่ ผมมาหาเฮีย จะให้เฮียช่วยฝากทำงานที่ร้านครับ”
การ์ดย้อนถาม “นัดเฮียไว้”
“ไม่ได้นัดครับ แต่ผมเป็นเพื่อนสุรเดช แก๊งลูก...”
ชนกชนม์พูดไม่ทันจบการ์ดสวนขึ้น “อ๋อ ไอ้เดชแก๊งลูกหมา”
ชนกชนม์ตามน้ำเออออไปด้วย “ครับ...ลูกหมา..เดชลูกหมา”
การ์ดเข้ามาค้นตัวชนกชนม์ เพื่อตรวจเช็คอาวุธและกล้องวิดีโอ
“ตามมา”
การ์ดเดินนำชนกชนม์เข้าไปด้านใน
พอชนกชนม์เดินเข้ามา เห็นคนเล่นพนันมากมายก็ตกใจ เพิ่งรู้ว่าที่นี่เป็นบ่อน และชยางกูรนั่งเล่นการพนันที่มุมหนึ่ง
ชนกชนม์กำลังจะเดินตรงไปยังโต๊ะที่ชยางกูรนั่งเล่นอยู่แล้ว
การ์ดเรียกไว้ก่อน “มาทางนี้”
“ครับ”
ชนกชนม์หันกลับไปอีกทาง ทำให้ไม่เจอชยางกูรกำลังเล่นพนันอยู่อย่างเมามันส์
ชนกชนม์เดินจะเข้าไปห้องเฮียด้านใน แต่แล้วชยางกูรก็คว่ำโต๊ะ โวยวายลั่น ท่าทางหัวเสียสุดๆ
“เสียอีกแล้ว โกงป่าววะ”
ชนกชนม์หันกลับไปมอง เห็นชยางกูรก็ตกใจ
“กูร”
การ์ดจะที่พาชนกชนม์ไปหาเฮียปรัชญา หันกลับเบนเข็มพุ่งตรงไปเล่นงานชยางกูรทันที
“กร่างนักนะมึง...ออกไปเคลียร์ข้างนอก”
การ์ดกระชากตัวชยางกูรมา แล้วควักปืนออกมาขู่ เพทายรีบวิ่งเข้ามากันไว้
“เพื่อนผมเอง”
การ์ดเก็บปืน แล้วผลักชยางกูรเซออกไป มาชนกับชนกชนม์พอดี
ชยางกูรตกใจคาดไม่ถึง “แก”
ชนกชนม์พาชยางกูรออกไปจากห้องพนันทันที
“ไปกับพี่”
ชนกชนม์ลากชยางกูรออกไป เพทายมองตามอย่างไม่พอใจ
ชนกชนม์ลากชยางกูรออกมาสั่ง
“กลับบ้าน”
ชยางกูรดิ้นหลุด สะบัดตัวหนี
“ไม่ต้องยุ่งกับฉัน”
“รู้รึเปล่าว่ากำลังทำอะไร การพนันมันผิดกฎหมาย แล้วทำให้นายต้องหมดตัว”
ชยางกูรพาลหาเรื่อง “ฉันรู้แล้วว่าทำไมฉันแพ้...ไม่ใช่บ่อนโกง แต่เป็นเพราะแกมา แกมันเป็นตัวซวย!”
“เลิกโทษคนอื่นซะที ไป..กลับบ้าน แล้วอย่ามาที่นี่อีก”
“แกไม่มีสิทธิ์สั่งฉัน ไอ้จรจัด”
“ได้..ในเมื่อนายไม่ฟังฉัน นายก็ต้องฟังคุณพ่อคุณแม่”
ชนกชนม์ตรงดิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทแล้วขี่รถออกไปเลย เป้าหมายคือบ้านเพื่อไปบอกชลนิภาและธนกร
ชยางกูรกังวลใจ คิดหาทางแก้ปัญหา ก่อนที่แม่และพ่อจะรู้เรื่องนี้
ขณะเดียวกันสุตาภัญแต่งชุดเล่นกีฬา เดินมาหาสุรัมภาตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน สุรัมภากำลังเปิดดูอะไรบางอย่าง รีบปิดเอาหนังสือเรียนมาบังไว้
“ภา..ไปตีแบดกัน”
สุตาภัญส่งไม้แบดมินตันให้ สุรัมภามองแล้วรับไว้ สุตาภัญดีใจ แต่พริบตานั้นสุรัมภาก็โยนทิ้ง
“อย่ามากวนใจ ฉันจะอ่านหนังสือ”
สุตาภัญไม่ละความพยายาม “ออกกำลังกายช่วยสร้างสมาธินะ....ไปกับพี่เถอะ แล้วค่อยกลับมาอ่านต่อ รับรองว่าสมองแล่นฉิว”
สุตาภัญเข้ามาหว่านล้อม ถูกสุรัมภามองดุ สุตาภัญไม่อยากกวนใจ
“ถ้าภาเปลี่ยนใจ รีบตามไปนะ”
สุตาภัญเดินออกไป สุรัมภาแอบมอง แล้วเอากองหนังสือออก ที่แท้สุรัมภาหยิบอัลบั้มรูปครอบครัวขึ้นมาเปิดดู
เป็นภาพสุตาภัญวัยเด็ก กำลังกอดสุรัมภา มีอีกภาพสุตาภัญป้อนขนมให้สุรัมภา
สุรัมภามองภาพนั้นรู้สึกสะเทือนใจมาก และรู้สึกผิดที่โทษและโกรธพี่สาว เพราะตั้งแต่เล็กจนโตสุตาภัญดีกับเธอมาตลอด
ชนกชนม์ขี่มอเตอร์ไซค์ กำลังจะเลี้ยวไปบ้านแม่ แต่แล้วรถชยางกูรก็วิ่งแซงขึ้นมา เลี้ยวปาดจอดขวางหน้า ชนกชนม์ตกใจ หักรถหลบ มอเตอร์ไซค์ล้มลงข้างทาง ตัวเองบาดเจ็บเล็กน้อย
สุตาภัญกำลังวิ่งออกกำลังอยู่ที่สวนสาธารณะ เห็นชนกชนม์ก็ตกใจ
“ชนกชนม์”
ชนกชนม์พยายามลุกขึ้น เจ็บตามร่างกายเล็กน้อย ชยางกูรเปิดประตูรถ เดินลงมาอย่างเอาเรื่อง
“นี่แค่เตือน อย่ายุ่งเรื่องของฉันอีก ไม่งั้นแกตาย”
“ฉันไม่อยากให้นายถลำลึกไปมากกว่านี้ ต่อไปนายอาจไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่รถคันนี้ก็ต้องเสียให้บ่อน” ชนกชนม์เตือนอย่างเป็นห่วง
ชยางกูรย้อน ไม่ใส่ใจ “แล้วไง...จะเสียจะได้มันก็ของของฉัน ฉันยังมีบ้านมีบริษัทคุณแม่ เงินทองทุกอย่างเป็นของฉัน”
“นายไม่ควรเอาสมบัติมาผลาญ”
“อ๋อ...คิดจะฟ้องคุณแม่เพราะหวงของ! เลิกคิดเรื่องนั้นได้เลย ลูกนอกคอกอย่างแกไม่มีสิทธิ์ในสมบัติของคุณแม่แม้แต่ชิ้นเดียว!” ชยางกูรเยาะเย้ยถากถาง
“ฉันไม่เคยคิดจะแย่งชิงของนาย แต่ฉันห่วงนาย”
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะไอ้หมาข้างถนน” ชยางกูรผลักอกจนชนกชนม์ล้มลงอีก
สุตาภัญมาถึงรีบเข้ามาห้ามไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“โอ๊ะโอ่...นางฟ้ากระพือปีกมาช่วยอีกแล้ว” ชยางกูรชี้หน้าสุตาภัญ “เธอไม่เกี่ยวออกไป!”
“อยากติดคุกก็เข้ามา”
สุตาภัญหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทร.แจ้งตำรวจ ขู่ชยางกูรไว้
“ช่วยรักษาพยาบาลให้ดีละ อย่าเพิ่งให้มันตายตอนนี้ ยังไม่สาแก่ใจฉัน”
ชยางกูรหัวเราะหยันชนกชนม์ แล้วเดินกลับไปขึ้นรถ ขับรถออกไปอย่างเร็วและแรง
สุตาภัญเข้าไปดูอาการชนกชนม์ “นายเป็นไงบ้าง”
“ฉันไม่เป็นอะไร”
ชนกชนม์ลุกขึ้น แต่เจ็บแผลและปวดเข่า ทรุดลงไปอีก สุตาภัญเข้ามาประคอง
“เจ็บแล้วยังอวดดี เดี๋ยวฉันไปเอากล่องยาที่สโมสรทำแผลให้”
ชนกชนม์ยิ้มดีใจที่สุตาภัญเข้ามาช่วยไว้
ชยางกูรจอดรถ มองภาพสุตาภัญที่กำลังช่วยชนกชนม์อยู่ แล้วคิดแผนร้ายอะไรบางอย่างในใจ
[ต่อจากตอนที่แล้ว]
สุรัมภายังคงนั่งอยู่ในสวนหน้าบ้านมองภาพถ่ายเก่าๆ ของตัวเองกับพี่สาว ความรู้สึกโกรธเกลียดเริ่มจางหายไปจากใจ เด็กสาวเริ่มรู้สึกดีกับสุตาภัญมากขึ้น
ในที่สุดสุรัมภาวางอัลบั้มภาพนั้น เดินไปหยิบไม้แบดมินตัน คิดจะออกไปตีแบดกับพี่สาว
แต่จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น สุรัมภาแปลกใจ รับสาย พอเห็นเป็นเบอร์ชยางกูรก็เริ่มกลัว ตวัดเสียงใส่ทันที
“แกต้องการอะไร”
“ออกมา! อย่าให้ฉันรอนาน” เสียงชยางกูรลอดออกมา
สุรัมภาตกใจ เหลียวขวับไปมองที่หน้าบ้าน
เห็นกระจกรถชยางกูรเลื่อนลง ชยางกูรคุยโทรศัพท์ หันไปยิ้มให้
สุรัมภาตกใจ
“ฉันไม่ไปกับแก เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว”
ชยางกูรตะโกนบอก “ไม่ไปก็ได้ ฉันจะเข้าไปหาเธอเอง”
ชยางกูรเปิดประตูรถ ลงมายืนที่หน้าบ้าน สุรัมภาตกใจมาก หันไปมองในบ้าน กลัวพ่อกับแม่จะเห็น
“ฉันยอมแล้ว...ฉันจะไปกับนาย”
ชยางกูรยิ้มร้ายอย่างพอใจ ที่สุรัมภายอมทำตามสั่ง
ระหว่างนั้นเสาวนิตย์ถือถาดน้ำผลไม้ จะเอามาให้สุรัมภา..
“ลูกภา...แม่คั้นน้ำส้มมาให้...” แปลกใจไม่เจอสุรัมภา “ไปไหนแล้วล่ะ”
สุรัมภาเดินมาหาชยางกูรอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ชยางกูรยิ้ม
เสาวนิตย์มองออกไปหน้าบ้านเห็นสุรัมภาเข้าไปนั่งในรถ ชยางกูรยิ้มพอใจ แล้วกลับเข้าไปนั่งในรถ
เสาวนิตย์ตกใจที่เห็นสุรัมภาออกไปกับผู้ชาย
“ลูกภา”
ชยางกูรขับรถพาสุรัมภาออกไป สุทินเปลี่ยนชุดเสร็จเดินเข้ามาถามเสาวนิตย์
“ลูกภาอยู่ไหน”
เสาวนิตย์หันมาเจอสุทินก็ยิ่งตกใจ มือไม้สั่น ทำถาดใส่น้ำผลไม้ตกพื้น
สุทินยิ่งสงสัย “ฉันถามว่าสุรัมภาอยู่ไหน”
จากเย็นเป็นมืดค่ำ สุตาภัญกำลังพันแผลให้ชนกชนม์ สองคนอยู่ด้วยกันที่สวนหย่อมของหมู่บ้าน
“เสร็จแล้ว”
“ขอบใจมากนะ”
ชนกชนม์ลุกขึ้น จะเดินออกไป
“กลับไปพักเถอะ แผลจะได้หายไวไว”
“ฉันจะไปบ้าน ไปคุยกับคุณแม่”
สุตาภัญแปลกใจ “ฉันถามจริงเถอะ ชยางกูรทำร้าย ใจร้ายกับนาย ทำไมนายถึงยังดีกับเขานัก”
“เพราะฉันอยากให้เขาเป็นคนดี แล้วไม่อยากทำให้คุณแม่เสียใจคุณแม่เสียใจเพราะฉันมามากพอแล้ว ขอให้คุณแม่ได้ภูมิใจกับลูกที่คุณแม่รัก”
“เหตุผลนี้ใช่ไหม..ที่นายยอมออกหน้ารับแทนชยางกูรทุกครั้ง”
ชนกชนม์พยักหน้ายอมรับ
พอสุตาภัญรู้ความจริงว่าชนกชนม์ทำเพื่อครอบครัว ก็รู้สึกผิดที่เคยโกรธเขา
“ฉันขอโทษนะ..ที่เข้าใจนายผิด”
ชนกชนม์ยิ้มให้ ดีใจที่สุตาภัญเข้าใจ “ฉันไปก่อนนะ”
สุตาภัญเรียกไว้ “อย่าไปเลย”
ชนกชนม์แปลกใจ
“นายพูดอะไรตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ ชยางกูรคงสร้างเรื่องใส่ร้ายนาย ทำให้แม่นายเกลียดชังนายมากขึ้นไปอีก” สุตาภัญเป็นห่วง
“ฉันไม่อยากให้น้องเล่นการพนัน เสียของฉันไม่เคยเสียดาย แต่ฉันไม่อยากให้เสียคนเพราะติดการพนัน”
“ฉันเห็นด้วยที่นายจะห้ามปราม แต่ต้องหาจังหวะที่เหมาะสม คนอย่างชยางกูร หากไม่มีหลักฐานก็เปล่าประโยชน์ วิธีที่ดีที่สุดคือ ให้คุณแม่นายได้เห็นกับตา ผู้ใหญ่มักเชื่อในสิ่งที่เห็น...มากกว่าเชื่อใจคำพูดของลูก”
ชนกชนม์รับฟัง เห็นด้วยกับความคิดสุตาภัญ ก่อนจะพูดเสริมอีกคำประชดชีวิตตัวเอง
“โดยเฉพาะลูกไม่รักดีอย่างฉัน”
สุตาภัญเดินเข้ามาให้กำลังใจ “เชื่อฉันสิ...ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย....ความดีของนายจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น....ถ้านายยังไม่ท้อ....”
ชนกชนม์ยิ้มให้ และรู้สึกสุขใจที่มีสุตาภัญคอยให้กำลังใจเช่นเคย “กลับกันเถอะ”
ชนกชนม์เดินกะเผลกออกไป และเกือบจะล้มลง สุตาภัญเข้าไปประคองไว้ ทั้งสองมองหน้ากันซึ้งๆ
สุรัมภามองเห็นภาพบาดตา เสียใจที่สุตาภัญใกล้ชิดกับชนกชนม์ราวกับเป็นคนรักกัน
ชยางกูรมองอยู่ด้วย เดินเข้ามาด้านหลังสุรัมภา ใส่ไฟต่อ
“ฉันอยากให้เธอได้เห็นกับตา...จะได้เลิกหวังในตัวมันซะที”
สุตาภัญประคองพาชนกชนม์ไปส่งที่มอเตอร์ไซค์
สุรัมภามองภาพตรงหน้า และเห็นความใกล้ชิดของทั้งสอง ก็ยิ่งเสียใจ เด็กสาวน้ำตาไหลพราก โกรธเกลียดพี่สาวขึ้นมาอีก
ชนกชนม์เดินมาตรงจุดที่รถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ริมถนนในสวนหย่อม สุตาภัญถามอย่างเป็นห่วง
“ขี่รถไหวไหม”
“ไหวสิ กำลังใจดีแรงใจไม่เคยหมด”
สุตาภัญแหวะใส่ “แหวะ”
“ขอบใจนะ”
“ครั้งที่เก้าสิบเก้า”
“เอาให้ครบร้อยเลยแล้วกัน...” ชนกชนม์จับมือสุตาภัญ “ขอบใจนะ”
ชนกชนม์หันไปยิ้มให้ สุตาภัญเขินอาย ไล่ให้กลับไป
“ไปได้แล้ว”
ชนกชนม์ขี่รถออกไป สุตาภัญมองตามด้วยความเป็นห่วง แล้วหันหลังกลับไปเจอสุรัมภาก็ตกใจ
“ภา!”
สุรัมภายืนร้องไห้ แล้วเดินหนีออกไป สุตาภัญกังวลใจ รีบวิ่งตามไป
ชยางกูรยืนมองที่มุมหนึ่ง ยิ้มร้ายสะใจที่ทำให้พี่น้องทะเลาะกัน
“ใครยุ่งเรื่องของฉัน มันต้องได้รับความสุขกันถ้วนหน้า”
สุตาภัญวิ่งตามสุรัมภาเข้ามาในบ้าน
“ภา...ฟังพี่ก่อน...ภากำลังเข้าใจผิด...พี่...”
สุรัมภาเดินหนีเข้าไปในบ้าน แต่เจอกับสุทินเข้ามายืนขวางอยู่ ถามเสียงดัง
“ลูกออกไปไหนมา”
เสาวนิตย์เข้ามายืนมองสุรัมภา อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ภาไปออกกำลังกายค่ะ”
สุตาภัญคลายความกังวล ที่สุรัมภาไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อฟัง
สุทินถามสุตาภัญ “แล้วเธอไปไหน”
เสาวนิตย์ไม่อยากให้สุทินลงโทษ ชิงถามนำแทน
“ตาออกไปกับน้องใช่ไหมลูก”
“ไม่ใช่ค่ะ พี่ตานัดพบผู้ชาย” สุรัมภาแย่งตอบ
สุตาภัญตกใจที่สุรัมภาฟ้องอย่างนั้น สุทินไม่พอใจมาก เสาวนิตย์ตกใจ
“มันเป็นใคร” สุทินเสียงเขียว
สุรัมภาอธิบายละเอียดยิบ “ผู้ชายที่เคยมารับมาส่งพี่ตาค่ะ เขาอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเรา แต่ตอนนี้โดนไล่ออกจากบ้าน ไปเข้ากลุ่มเด็กแว้นข้างถนน วันนี้พี่ตาเป็นคนโทร.นัดให้เขามาหาที่สวนสาธารณะ”
สุตาภัญตกใจที่สุรัมภาฟ้องสุทินทุกอย่าง เสาวนิตย์พยายามปกป้องถามสุตาภัญ
“ไม่จริงใช่ไหมลูก บอกคุณพ่อสิว่าน้องเข้าใจผิด”
เด็กสาวใจแตกที่ถูกความรักบังใจ พาลโมโหแม่อีกคน “คุณแม่เลิกเข้าข้างพี่ตาได้แล้ว ยังมีเรื่องเลวร้ายที่คุณแม่ต้องรับรู้ ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนพี่นิกกี้ พี่ตาก็ยังคิดแย่งแฟนเพื่อนสนิท”
สุทินและเสาวนิตย์ตกใจหนัก
สุรัมภามองสุตาภัญ แล้วบีบน้ำตาร้องไห้ออกมา “พี่ตาไม่น่าทำอย่างนี้เลย ภารักพี่ตานะคะ ภาถึงไม่อยากให้พี่ตาหลงผิดไปมากกว่านี้”
สุตาภัญเสียใจที่สุรัมภาฟ้องเพื่อให้พ่อเพื่อทำร้ายตน
“ภาไม่ผิดหรอกลูก....ลูกทำดีที่สุดแล้ว ลูกขึ้นห้องไปได้แล้ว”
สุรัมภาหันไปมองสุตาภัญ ยิ้มเย้ยสะใจที่ได้ทำร้ายสุตาภัญ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้อง
“สุตาภัญ เลิกคิดว่าฉันเผด็จการบ้าอำนาจ ฉันจะให้โอกาสเธอแก้ตัว พูดออกมา”
“คุณพ่อลงโทษตาได้เลยค่ะ”
เสาวนิตย์ตกใจ “ลูก”
สุตาภัญพร้อมยอมรับการลงโทษ สุทินยิ่งไม่พอใจ คิดว่าลูกสาวท้าทาย
“กลับไปห้อง”
สุตาภัญแปลกใจ “คุณพ่อโกรธตาเกลียดตา ลงโทษตาสิคะ”
สุทินตะคอก “ฉันบอกให้ขึ้นห้อง แล้วไม่ต้องลงมา จนกว่าฉันอนุญาต”
สุตาภัญเดินกลับไปยังห้อง โดยไม่สังเกตว่าสุทินหันไปมองเสาวนิตย์ ซึ่งเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
สุตาภัญเดินเข้ามาในห้องน้องสาว สุรัมภาหันมาต่อว่าสุตาภัญทันที
“ที่ผ่านมาฉันคิดว่าเธอกันท่าฉัน เพราะเห็นแก่เพื่อน แต่ความจริงเธอมันเห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง”
สุตาภัญอึ้ง
สุรัมภาด่าต่อ “มีพี่ธีรดนย์อยู่ทั้งคนยังคิดแย่งแฟนเพื่อน แย่งผู้ชายน้อง”
สุตาภัญพูดไม่ออก “ภา...พี่…”
“วันนี้ฉันตั้งใจจะให้อภัยเธอ....ยังไงเราก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน...แต่สิ่งที่เธอทำกับฉันวันนี้...มันทำให้ฉันหมดศรัทธา....เราก็อย่าเป็นพี่น้องกันอีกเลย”
สุตาภัญเสียใจ ที่น้องสาวตัดพี่ตัดน้องอีก
“ออกไปจากห้องฉัน!”
สุตาภัญหมดหนทางแก้ตัวใดๆ ร้องไห้ เดินออกไป
สุรัมภาหันไปมองภาพถ่ายตอนเด็กๆ ที่ถ่ายร่วมกับพี่สาว หยิบกรอบรูปปาทิ้งลงพื้นแตกกระจาย
สุตาภัญได้ยินเสียงกรอบรูปแตก ก็ยิ่งสะเทือนใจ ร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ภา...พี่ขอโทษ”
สุตาภัญเสียใจนัก แต่แล้วได้ยินเสียงเหมือนคนตบตีกันดังจากด้านล่าง สุตาภัญแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
สุตาภัญเดินลงมาที่มุมหนึ่ง มองหาที่มาของเสียง สุตาภัญหยุดยืนตัวแข็งทื่อ มองอย่างตกตะลึง เห็นสุทินผู้เป็นพ่อกำลังตบตีเสาวนิตย์ พร้อมกับด่าทอไม่หยุดปาก
“เธอมันชั่ว ไม่ได้เรื่อง”
สุตาภัญเห็นตกใจ รีบวิ่งเข้าไปห้าม
“คุณพ่อหยุดเดี๋ยวนี้”
สุตาภัญเข้าไปปกป้องเสาวนิตย์ สุทินมองสุตาภัญอย่างโกรธแค้น เสาวนิตย์กลับผลักสุตาภัญให้ออกไป บอกเสียงดัง
“ลูกกลับขึ้นห้อง แม่บอกให้กลับเข้าห้องไป”
สุทินหันมา ไปจะเล่นงานสุตาภัญ “ฉันสั่งว่าห้ามลงมาจนกว่าฉันจะอนุญาต!”
“อย่าทำร้ายลูกเลยค่ะ ฉันผิดเองค่ะ ลงโทษฉันเถอะ”
เสาวนิตย์เข้าไปกอดขาอ้อนวอนสามี สุทินตบตีเสาวนิตย์ต่อไป สุตาภัญร้องไห้เสียใจ เข้าไปห้ามพ่อ
“พอเถอะค่ะ อย่าทำร้ายคุณแม่อีกเลย”
สุตาภัญเข้าไปโอบกอดปกป้องเสาวนิตย์..
สุทินชี้หน้าคาดโทษสุตาภัญ “จำไว้...ถ้าเธอยังทำเรื่องเลวทราม ฉันจะลงโทษแม่เธอ แม่เธอต้องรับผิดชอบที่สั่งสอนลูกไม่ดี”
สุทินเดินออกไป เสาวนิตย์ร้องไห้ สุตาภัญเข้าไปกอดเสาวนิตย์
“แม่....แม่ต้องโดนอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว”
สุตาภัญเห็นร่องรอย เริ่มเอะใจกับสิ่งที่พ่อทำร้ายแม่ เสาวนิตย์มองสุตาภัญน้ำตาไหล นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อน
โดยหลังจากสุรัมภามาฟ้องว่าสุตาภัญออกไปเที่ยวผับหาผู้ชาย สุทินก็ไล่สุตาภัญให้กลับขึ้นห้อง แล้วเรียกเสาวนิตย์ไว้ เสาวนิตย์ตกใจกลัว
จากนั้นสุทินก็ตบตีทำร้ายเสาวนิตย์ โทษว่าเป็นความผิดของภรรยาที่ลูกหนีเที่ยวและแข็งข้อ
“เลี้ยงลูกไม่ดี! ปล่อยให้ลูกหนีออกจากบ้านไปเข้าผับเข้าบาร์ ลูกชั่วลูกเลวก็เพราะมีแม่อย่างเธอ”
สุทินตบตีเสาวนิตย์ไม่ยั้ง เสาวนิตย์ไม่ขัดขืนใดๆ
พอสุตาภัญรู้ความจริง ก็สวมกอดเสาวนิตย์ด้วยความสงสาร
“แม่ยอมให้พ่อทำร้ายได้ไง...ตาจะไปคุยกับพ่อให้รู้เรื่อง”
สุตาภัญจะลุกไปเอาเรื่องบิดา เสาวนิตย์ห้ามไว้
“พอเถอะ...อย่าให้แม่หนักใจไปกว่านี้เลย...พ่อเขาทำถูกแล้ว”
สุตาภัญผิดหวังที่แม่ยอมพ่อร่ำไป “แม่ยอมพ่อได้ไง แม่ยอมให้พ่อรังแกไม่ได้นะคะ”
“แม่ผิดเอง ที่ไม่มีเวลาดูแลลูก เป็นความผิดของแม่” เสาวนิตย์เอาแต่โทษตัวเอง
“แต่พ่อไม่มีสิทธิ์ทำร้ายแม่แบบนี้ พ่อเผด็จการ เราไม่ใช่ทาสของพ่อ” สุตาภัญฮึดฮัด
“อย่าว่าพ่อเลย พ่อเขาเป็นผู้นำ ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูพวกเรา...พ่อเขาอยากให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์”
เสาวนิตย์พยายามหาเหตุผลมาอธิบาย เพื่อให้สุตาภัญให้อภัยสุทิน
“ที่ผ่านมา...ตาอดสงสัยไม่ได้เลย...พ่อเคยรักเราบ้างรึเปล่า”
เสาวนิตย์ฟังแล้วยิ่งสะเทือนใจ
“การสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ในแบบฉบับของพ่อ..เป็นเพราะรัก หรือเพื่อแสดงภาวะความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งกันแน่ ความจริงแล้ว เราเป็นเครื่องมือของพ่อใช่มั้ยคะแม่”
เสาวนิตย์จุกอก พูดไม่ออก ได้แต่ยอมรับชะตากรรม
“ลูกตา...พอได้แล้ว...อย่าว่าพ่อเขาอีกเลย....มันจะบาปติดตัวลูก”
สุตาภัญเสียใจที่เสาวนิตย์ยอมจำนนต่อทุกการกระทำของสุทินทุกคราครั้งไป สุตาภัญสะท้อนใจสวมกอดเสาวนิตย์ด้วยความสงสาร
ติดตามและเอาใจช่วย 'ชนกชนม์' ใน "ลูกไม้หลากสี" ตอนที่ 8