xs
xsm
sm
md
lg

สุภาพบุรุษจุทาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 9

ที่วังกิตติวงศ์ในตอนเช้าวันนี้ ชัชวีร์นั่งกินข้าวเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารในครัว คนรับใช้สองคนช่วยกันจัดเตรียมอาหารเช้าอย่างรีบเร่ง

อนุพันธ์เดินเข้ามาหยุดมองชัชวีร์ที่นั่งกินข้าวอยู่ราวกับคนรับใช้ในบ้าน คนขับรถถือจานข้าวมานั่งกินข้างชัชวีร์เหมือนคนระดับเดียวกัน ดูเป็นชีวิตปกติที่ทำอยู่ประจำ
อนุพันธ์มองชัชวีร์แล้วรู้สึกเจ็บปวดใจที่ไม่ได้ดูแลชัชวีร์ให้ดีพอ
“นายชัช”
ชัชวีร์เงยหน้าขึ้นมองอนุพันธ์อย่างแปลกใจ

ฝ่ายศินีนุชกับดารณีนุชเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร คนรับใช้ปราดเข้ามาเอาชามข้าวต้มปลาเข้ามาเสิร์ฟ
“ว้าย ! ข้าวต้มปลา ฉันไม่กินปลา เอาออกไปเดี๋ยวนี้”
“อ้าว ! แม่ก็เห็นลูกชอบกินปลา บอกว่ากินแล้วไม่อ้วนไม่ใช่เหรอ”
“ตอนนี้นุชเกลียดปลาค่ะ เกลียดๆๆ แล้วนุชก็จะไม่กินปลาไปตลอดชีวิต คุณแม่ไม่รู้หรอกค่ะว่า นุชต้องไปเจออะไรในป่าบ้าง นี่นุชยังไม่ได้เล่าเรื่อง แม่พวกสาวบ้านป่าให้คุณแม่ฟังเลยใช่มั้ย ตายจริง ! นุชน่าจะเรียนหม่อมย่าเรื่องแม่สร้อยฟ้าตั้งแต่เมื่อคืน..นี่คุณแม่ฟังนุชอยู่หรือเปล่าคะ”
ศินีนุชหันไปมองดารณีนุชที่นั่งหน้าตึงคอแข็งอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นอนุพันธ์พาชัชวีร์เข้ามา อนุพันธ์นั่งลงที่โต๊ะอาหาร แต่ชัชวีร์ยังยืนลังเลมองดารณีนุชอย่างอึดอัดใจ
“นั่งซิ ! นายชัช”
ชัชวีร์นั่งลงร่วมโต๊ะอาหารด้วยอย่างไม่เต็มใจ ดารณีนุชโยนผ้าเช็ดปากทิ้งลงบนโต๊ะทันที
“ฉันไม่กินแล้ว”
ดารณีนุชขยับตัวจะลุกออกจากโต๊ะ ศินีนุชละล้าละลังจะลุกตามแม่
“นั่งลง ! ทั้งสองคน”
ดารณีนุชมองอนุพันธ์ที่ดูดุและจริงจังจนต้องยอมนั่งลงตามเดิม ศินีนุชทรุดตัวลงนั่งตาม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทุกทีก็เห็นกินข้าวในครัวได้ วันนี้เกิดอยากเป็นผู้ดีกับเขาบ้างหรือยังไง”
“ถ้าคุณเข้าใจความหมายของคำว่าผู้ดี คุณคงไม่ถามคำถามนี้หรอก คุณหญิง ผมไม่หวังให้คุณดูแลนายชัชเหมือนลูกหรอกนะ ขอแค่คุณปฏิบัติต่อนายชัชเหมือนกับที่ผู้ดีเขาปฏิบัติกับผู้อื่นก็พอแล้ว”
“คุณชายอนุพันธ์”
“แล้วต่อไปห้ามนายชัชไปนอนค้างที่กองบินฯอีก นายชัชมีสิทธิ์ที่จะอยู่บ้านหลังนี้เท่าๆกับยายนุช เพราะเขาเป็นลูกของผมเหมือนกัน ที่ผ่านมาผมหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหากับคุณ แต่ไม่อีกแล้ว ผมจะไม่ยอมให้ชัชวีร์ต้องลดศักดิ์ศรีไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
“งั้นก็เชิญคุณยกย่องลูกชายของคุณไปคนเดียวเถอะ สำหรับฉันมันก็คือไอ้ชัชที่มีฐานะไม่ต่างกับคนขับรถหรือคนสวน หรืออาจจะต่ำไปกว่านั้น จะต่ำแค่ไหน คงต้องให้มันไปถามแม่มันเอาเอง”
ดารณีนุชลุกพรวดออกไปทันที ศินีนุชจะลุกตามแล้วต้องนิ่งขึงเมื่อเห็นอนุพันธ์มองมา
ศินีนุชก้มลงกินข้าวต้มปลาอย่างฝืนทน ชัชวีร์นั่งนิ่งอย่างกินอะไรไม่ลง อนุพันธ์มองชัชวีร์อย่างรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก

ภายในห้องรับแขก วังจุฑาเทพ สร้อย จ่อยและจันทาที่นั่งอยู่ด้วยกันอีกฝั่งหนึ่ง รอว่าต้องทำอะไรต่อไป รัชชานนท์ ธราธร พุฒิภัทร และรณพีร์นั่งรวมกันอีกฟากฝั่ง
คุณชายทั้งสี่ได้มีโอกาสมองสร้อยอย่างจริงจังในครั้งนี้ ดูแล้วคิดพิจารณาว่าจะทำยังไงกับสร้อยดี
“ไม่น่าจะได้” ธราธรบอก
“แต่ก็ไม่น่ายาก” พุฒิภัทรว่า
“คงต้องเปลี่ยนแปลงกันขนานใหญ่” รณพีร์บอก
สร้อยเริ่มหน้าบูดบึ้งไปทุกทีที่โดนทุกคนจ้องมองเหมือนตัวประหลาด กรองแก้วหลังจากที่รูเรื่องหมดแล้ว เดินมามองพิจารณาดูสร้อยและจันทา
“ได้ค่ะ แก้วคิดว่า แก้วพอจะช่วยเรื่องนี้ได้”
ธราธรกับพุฒิภัทรลุกขึ้นทันที
“งั้นก็หมดปัญหา ฉันไปทำงานล่ะ” ธราธรบอก
“ฉันก็ต้องรีบไปโรงพยาบาลเหมือนกัน”
รณพีร์รีบลุกหนีอีกคน รัชชานนท์ฉุดรั้งรณพีร์ไว้ทัน
“เฮ้ย ! อย่าทิ้งกันอย่างนี้ซิ ไอ้ชายพีร์ นายต้องอยู่ช่วยฉัน พี่ชายใหญ่ พี่ชายภัทรครับ ไหนๆก็ช่วยผมมาตั้งแต่ต้นแล้ว ก็ช่วยกันต่อไปซิครับ ถ้าไม่มีพี่ๆช่วยเป็นกองสนับสนุน ผมเอาตัวไม่รอดแน่ๆ”
“ฉันว่า ฉันช่วยนายมามากแล้วล่ะ”
“กรองแก้วก็อยู่ช่วยนายแทนฉันนี่ยังไง”
“ผมก็ช่วยพี่ชายเล็กจนสุดตัวแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรพี่ได้อีก ตัวผมเองมีทั้งคดีเก่าคดีใหม่ค้างอยู่ ไม่รู้หม่อมย่าจะชำระความเมื่อไหร่ ยังไงผมต้องขอเผ่นก่อนล่ะ”
รณพีร์เดินพรวดพราดออกไปทันที
“ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว” ธราธรบอก
พุฒิภัทรว่า
“เดี๋ยวก็ผ่านไปได้”
ธราธรกับพุฒิภัทรตบไหล่รัชชานนท์แล้วพากันเดินออกไป
“ไม่อยู่ช่วยกันจริงๆหรือเนี่ย”
รัชชานนท์ยืนเคว้งคว้างไม่คิดว่าจะถูกพี่ๆ น้องๆ ทิ้งไปเฉยอย่างนี้

รัชชานนท์เดินกล้าๆกลัวๆเข้ามาถึงโถงกลางเรือนหม่อมเอียด เขาสูดหายใจลึกๆ มองไปที่รูปถ่ายของหม่อมเจ้าวิชชากรกับหม่อมหยกเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเอง
“ท่านพ่อ หม่อมแม่ ช่วยลูกด้วยนะครับ”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเดินลงมาจากชั้นบน,ชะงักมองรัชชานนท์
“ชายเล็ก”
“ชายเล็กจริงๆด้วย ชายเล็กกลับมาแล้วล่ะค่ะ คุณพี่ขา”
รัชชานนท์โผเข้ากอดย่าเอียดและย่าอ่อนไว้แน่น
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“ผมไม่เป็นอะไรครับ ผมกลับมาครบสามสิบสอง ไปลุยป่าอยู่หลายวัน ผมว่า ผมแข็งแรงขึ้นอีกนะครับ หม่อมย่า”
“ผ่านความเป็นความตายมายังพูดเล่นได้อีก แสดงว่า ไม่เป็นไรแล้วจริงๆล่ะค่ะ คุณพี่” ย่าอ่อนบอก
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อย่าหายไปอย่างนี้อีกนะ พอรู้ข่าวว่า เธอหายไปในป่า ย่าใจแทบขาด..บ้านเราทำไมถึงได้มีเรื่องมีราวไม่หยุดหย่อน ไม่เอาแล้วนะ ย่าไม่ขอรับฟังข่าวร้ายอีกแล้ว”
“เรากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ได้แต่สวดมนต์ภาวนาทุกวัน ขอให้หลานกลับมาอย่างปลอดภัย” ย่าอ่อนนิ่งอึ้งจุกอก น้ำตารื้น
รัชชานนท์ทรุดตัวลงกราบเท้าหม่อมเอียดและย่าอ่อน
“ผมกราบขอโทษครับ หม่อมย่า ผมเสียใจจริงๆครับ ย่าอ่อน ที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง..ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนประคองตัวรัชชานนท์ขึ้นมา
“ย่ายกโทษให้...ไม่มีเรื่องอะไรที่ย่าจะยกโทษให้หลานไม่ได้”
“หม่อมย่าพูดแล้ว...อย่าเปลี่ยนใจนะครับ ไม่ว่าผมจะไปก่อเรื่องอะไรมา หม่อมย่าก็จะยกโทษให้ใช่มั้ยครับ”

รัชชานนท์ยิ้มปะเหลาะพยายามทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองหน้ากันชักเริ่มหวั่นใจ

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนตั้งหลักนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องรับแขก หม่อมเอียดจ้องรัชชานนท์อย่างเอาเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องไม่เข้าทีจะไม่ปล่อยไปได้ง่ายๆแน่

“ย่าบอกแล้วว่า ย่าไม่อยากฟังข่าวร้ายอีก”
“แต่เรื่องที่ผมจะเรียนให้หม่อมย่ากับย่าอ่อนทราบนี่.ผมว่า..น่าจะเป็นข่าวดี การแต่งงานเป็นเรื่องมงคล น่าจะเป็นข่าวดีไม่ใช่หรือครับ”
“นี่หลานพูดเรื่องอะไร แต่งงาน...ใครจะแต่งงาน”
“นี่อย่าบอกนะว่า หลานกับหนูนุชตกลงปลงใจกันไปแล้ว ถ้าไปก่อเรื่องดีๆ อย่างนี้ ย่าไม่ถือโทษโกรธอะไรหลานหรอก” ย่าอ่อนบอก
“ไม่ใช่ครับ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับน้องนุช หม่อมย่าครับ ย่าอ่อนครับ ผมแต่งงานแล้วครับ ผมแต่งงานกับสาวเวียงภูคำที่ชื่อว่า สร้อยฟ้า”
หม่อมเอียดตกใจ
“สร้อยฟ้า”
ย่าอ่อนจะเป็นลม
“สาวเวียงภูคำ...”
“ผมรอดชีวิตออกจากป่ามาได้ เพราะว่าได้สร้อยฟ้าเสี่ยงภัยช่วยชีวิตผมไว้ แล้วก็มีเหตุผลหลายอย่างที่เราต้องแต่งงานกัน เรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นรวดเร็วไปหน่อย แต่ผมแน่ใจว่า ผมตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกที่จะแต่งงานกับสร้อยฟ้า ผมหวังว่าหม่อมย่าจะยอมรับหลานสะใภ้คนนี้นะครับ”
“เธอเป็นใคร ชายเล็ก! คุณชายรัชชานนท์ จุฑาเทพ อยู่ๆ ก็ไปคว้าผู้หญิงมาจากในป่า แล้วมาบอกย่าว่าแต่งงานกันแล้ว มันใช้ได้ที่ไหน คนมีชาติมีตระกูลเขาไม่ทำกัน แล้วที่ว่ามีเหตุผลที่จะต้องแต่งงาน มีเหตุผลว่าอะไร แจกแจงมาให้หมด แล้วย่าจะพิจารณาเองว่า แม่สร้อยฟ้านี่เหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้จุฑาเทพหรือไม่” หม่อมเอียดร่ายยาว
“ฟังแค่นี้ ย่าบอกได้เลยว่า ไม่ ไม่มีทางที่เราจะรับแม่สาวบ้านป่าเป็นหลานสะใภ้ ไม่มีทาง” ย่าอ่อนบอกเสียงดัง
รัชชานนท์นิ่งอึ้งอย่างสยองขวัญ ในที่สุดฝันร้ายก็กลายเป็นจริง!

ศินีนุชถือโทรศัพท์กำลังคุยสายอยู่กับสมศรีทางวังจุฑาเทพด้วยท่าทางหงุดหงิดใจ
“ฉันรู้แล้วว่า คุณชายเล็กกลับมาแล้ว ฉันถึงสั่งให้หล่อนไปเชิญคุณชายมารับสายยังไงล่ะ อะไรนะ หล่อนนี่พูดไม่รู้ฟังจริงๆ แม่สมศรี ฉันต้องการพูดสายกับคุณชายเล็กเดี๋ยวนี้...โอ๊ย ! อะไรก็ไม่รู้”
ศินีนุชวางโทรศัพท์ลงโครมอย่างขัดใจ ดารณีนุชที่รอฟังอยู่ รีบเข้ามาหาลูกสาวทันที
“ว่ายังไง ลูก คุณชายเล็กกลับมาแล้วใช่มั้ย”
“กลับมาแล้วค่ะ แต่ติดธุระอะไรอยู่ก็ไม่รู้ มาพูดสายกับนุชไม่ได้”
“งั้นเราก็ไปวังจุฑาเทพกันเลยดีกว่า ป่านนี้คุณชายเล็กคงกำลังรอลูกนุชอยู่แน่ๆ”
“ห้ามไปเด็ดขาด”
แม่ลูกหันไปเห็นอนุพันธ์เดินเข้ามาขัดจังหวะได้ทันท่วงที
“นี่อับอายขายหน้าไม่พออีกหรือยังไง ถึงยังคิดจะไปวังจุฑาเทพอีก”
“อับอายขายหน้าอะไรกัน คุณนี่คิดเล็กคิดน้อยไปได้ ที่คุณชายเล็กไม่ได้กลับมาพร้อมกับลูกนุช ก็เพราะติดธุระสำคัญ”
อนุพันธ์ถามศินีนุช
“งั้นขอถามหน่อย ลูกก็ได้เจอกับคุณชายเล็กแล้ว เขามีท่าทียังไงกับลูก เขายอมรับเป็นคู่หมั้นคู่หมายของลูกแล้วงั้นหรือ”
ศินีนุชอึกอัก
“เออ...คือ เรามัวแต่รีบหาทางออกจากป่ากัน ก็เลยยังไม่มีโอกาสพูดถึงเรื่องนี้น่ะค่ะ”
“ไม่มีโอกาสหรือเขาไม่ได้สนใจไยดี เราเป็นผู้หญิง ต้องให้ผู้ชายเป็นฝ่ายมาหาไม่ใช่ไปตามไล่จับผู้ชายอย่างนี้ เลิกทำตัวเป็นผู้หญิงไร้ค่าได้แล้ว ถ้าพ่อไม่อนุญาต ห้ามไปวังจุฑาเทพเป็นอันขาด”
“คุณพ่อ”
ชัชวีร์เดินออกมา กำลังจะออกไปทำงาน ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นบรรยากาศอึมครึมตรงหน้า
“งั้นแก ! นายชัช ไปวังจุฑาเทพเดี๋ยวนี้ ไปดูซิว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่มีใครส่งข่าวอะไรมาเลย ไปซิ ไปเดี๋ยวนี้เลย” ดารณีนุชจิกใช้
“ผมต้องรีบไปรายงานตัวที่กองบินฯน่ะครับ ยังไงเย็นนี้ผมจะแวะไปให้นะครับ”
“ไม่ได้ แกต้องไปเดี๋ยวนี้ สั่งอะไรก็ให้เป็นไปตามสั่ง”
อนุพันธ์ตัดบท
“ไปทำงานได้แล้ว ไป”
ชัชวีร์ยกมือไหว้ลาอนุพันธ์กับดารณีนุชแล้วเดินออกไป ดารณีนุชหันมามองอนุพันธ์อย่างขัดเคืองใจ แต่ท่าทีที่เอาจริงของอนุพันธ์ ทำให้ดารณีนุชไม่กล้าอาละวาดอีก ได้แต่ดึงศินีนุชออกไป อนุพันธ์มองตามอย่างระอาใจ

ชัชวีร์เดินออกมาจากตึก อนุพันธ์เดินตามหลังมา
“เดี๋ยวก่อน นายชัช”
ชัชวีร์ชะงักหยุดแล้วหันกลับมายืนรอนิ่งขรึม รอฟังราวกับเป็นทหารใต้บังคับบัญชา
“ไม่ต้องไปฟังคุณหญิงหรอกนะ”
“ถ้าผมยังต้องอาศัยอยู่ที่นี่ ผมคงไม่ฟังไม่ได้หรอกครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงผมก็ต้องไปวังจุฑาเทพอยู่แล้ว แต่ผมเกรงว่า คุณหญิงจะได้รับข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี”
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ”
ชัชวีร์ลังเลที่จะบอกเรื่องรัชชานนท์แต่งงานกับสร้อยไปแล้ว
“ก็เกิดเรื่องยุ่งๆหลายเรื่องน่ะครับ อีกไม่นานคุณพ่อก็จะทราบเอง คุณพ่อมีเรื่องพูดกับผมแค่นี้ใช่มั้ยครับ”
ชัชวีร์ขยับจะเดินออกไป
“เดี๋ยว ! อย่าเพิ่งไป”
ชัชวีร์ชะงักหยุดอีกครั้ง อนุพันธ์มองชัชวีร์ด้วยท่าทีนิ่งขรึมอย่างเป็นห่วงอยู่ลึกๆ
“พ่อดีใจที่แกกลับมาอย่างปลอดภัย แต่ต่อไปอย่าทำอะไรหุนหันอย่างนี้อีก ชีวิตของแกมีค่าเกินกว่าจะไปเสี่ยงตายเพื่อคนอื่น”
“ชีวิตผมไม่มีค่าเกินกว่าใครทั้งนั้น ไม่งั้นผมไม่ถูกย้ำเตือนทุกวันว่า ผมต้อยต่ำแค่ไหนหรอกครับ คุณพ่อ”
ชัชวีร์เดินออกไป อนุพันธ์มองอย่างอึดอัดใจกับความลับที่เก็บงำไว้

ภายในห้องแต่งตัว วังจุฑาเทพ กรองแก้วเลือกหยิบชุดเสื้อผ้าของเธอเองมาเลือกดูแต่ละชุด เมื่อเลือกชุดได้แล้วก็รีบส่งให้สร้อยที่ยืนปักหลักมองอยู่ด้วยสีหน้าเฉยๆ
“ชุดนี้น่าจะเหมาะกับคุณสร้อยนะคะ”
“เรียกอีสร้อยกะได้ คุณแก้ว บ่ใช่คำหยาบดอก ไผๆกะเรียกข้อยจังสั้น บ่เคยมีไผเรียกข้อยว่าคุณสร้อยฟังแล้วมันจั๊กจี้หูแท้”
“เดี๋ยวก็จะชินไปเองแหละค่ะ ตอนนี้คุณสร้อยมีฐานะเป็นภรรยาของคุณชายเล็ก ชีวิตคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วนะคะ”
จันทาในชุดของกรองแก้ว กลายเป็นสาวสวยสมัยใหม่เดินออกมาจากฉากกั้นสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า จันทาท่าทางเขินๆเก้อๆ แต่รู้สึกชอบที่ได้ใส่ชุดสาวกรุงเทพฯ
“ใส่ได้พอดีเลยใช่มั้ยคะ คุณสร้อยไปเปลี่ยนชุดเลยค่ะ คุณชายเล็กคงกำลังรออยู่ เร็วหน่อยนะคะ เผื่อจะต้องลองกันหลายชุด”

สร้อยถือชุดของกรองแก้วมาทาบกับตัว มองตัวเองในกระจกแล้วนิ่งคิด

ฟากจ่อยเดินงุ่นง่านไปมาตรงบริเวณโถง รอสร้อยกับจันทาอยู่ สมบุญเข้ามาเมียงๆมองๆ ตามมาด้วยสองผัวเมีย ถนอมและสมศรี รวมทั้งแจ๋ว ต่างพากันยกขบวนกันมาดูพวกมาใหม่อย่างอยากรู้อยากเห็น

สมศรีพูดกับสมบุญ
“นี่หรือพวกบ้านนอกที่คุณชายเล็กพามา แกบอกว่า มากันหลายคนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเหลือเจ้านี่อยู่คนเดียว”
“ว่าแต่ว่า..คุณชายเล็กพามาที่นี่ทำไมกัน” ถนอมว่า
“ฉันว่า คงจะให้มาทำงานที่นี่ล่ะมั้ง พ่อ” สมบุญว่า
แจ๋วบอก
“ให้มาทำงานอะไร ตอนนี้คนรับใช้ที่นี่แทบจะเดินชนกันตายอยู่แล้ว”
แล้วทั้งสี่คนก็เริ่มสุมหัวกันคุยกันเองอย่างลืมตัว
สมศรีบอก
“นั่นน่ะซิ จะรับคนเพิ่มอีกทำไม แล้วก็ใช่ว่าใครก็จะมาทำงานที่วังจุฑาเทพได้ คุณอ่อนท่านเข้มงวดจะตายไป ท่านดูตั้งแต่หัวจรดเท้า พวกบ้านนอก เซ่อๆซ่าๆทำอะไรไม่เป็น ท่านไม่รับเข้าทำงานหรอก”
“คุณชายเล็กคิดอะไรของเธอ หรือว่ามีผู้ใหญ่ฝากมา อย่างนี้ก็ต้องมาตกหนักที่พวกเราน่ะซิ คงต้องสอนงานกันอีกเยอะเลย” แจ๋วบอก
“ฉันพนันได้เลยนะว่า ไอ้บ้านนอกพวกนี้อยู่ที่นี่ไม่ได้นานหรอก เห็นเจ้าผู้ชายแล้วใช่มั้ย ท่าทางอย่างกับนักเลงหัวไม้” สมบุญนึกไม่ถูกชะตากับจ่อย
แจ๋วถามต่อ
“แล้วแม่ผู้หญิงที่มาด้วยอีกสองคนเป็นยังไง สาวหรือแก่ หน้าตาคงโง่ๆ เซ่อๆ ท่าทางกะเร่อกะร่าล่ะสิ บ้านนอกคอกนาก็อย่างนี้แหละ โอ๊ย ! ยังไงก็ทำงานที่นี่ไม่ได้หรอก”
“ไผว่า พวกเฮาสิมาเฮ็ดงานที่นี่”
ทั้งสี่สะดุ้งเฮือกหันไปเห็นจ่อยมายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ถ้าพวกเจ้าอยากฮู้ว่า พวกเฮามาเฮ็ดหยังที่นี่ กะถามกันตรงๆ บ่ต้องมานินทาลับหลังผู้อื่นจังซี้”
สมศรีอุบอิบ
“ไม่ได้นินทา... ก็แค่คุยกันเท่านั้น แล้วตกลงพวกเธอมาทำอะไรที่นี่”
“พวกเฮากะมาอยู่ที่นี่น่ะสิ”
“ก็รู้แล้วว่า จะมาอยู่ที่นี่ แต่มาอยู่ในฐานะอะไรล่ะ พ่อคุ๊ณ” แจ๋วถาม
กรองแก้วพาจันทาเดินลงมาจากชั้นบน จ่อยและทุกคนหันไปมองจันทา
“แม่หญิงผู้นั้นชื่อ “จันทา” คุณชายรับเพิ่นมาอยู่ด้วยในฐานะน้องสาว”
ถนอม สมศรี แจ๋วและสมบุญหันไปจ้องจันทาอย่างงงๆ จ่อยปลื้มเห็นจันทาสวยขึ้นไปอีก ถนอมกับสมบุญต่างโพล่งขึ้น
“น้องสาว”
จ่อยอย่างเบ่งประกาศศักดา
“แล้วแม่หญิงอีกคนชื่อ อี...เออ...สร้อยฟ้า เพิ่นแต่งงานกับคุณชายที่หมู่บ้านของเฮา เพิ่นสิมาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียของคุณชายรัชชานนท์”
สมศรีกับแจ๋วร้องขึ้นพร้อมกัน
“เมียคุณชาย”
ถนอม สมศรี แจ๋วและสมบุญนิ่งอึ้งตะลึงพูดไม่ออก ต่างหันขวับมองไปทางชั้นบน รอการลงมาของสร้อยอย่างลุ้นระทึก กรองแก้วมองตามสายตาของทุกคนไปด้วยท่าทีกังวลใจ
เสียงฝีเท้าของสร้อยเดินลงมา จ่อยมองไปที่สร้อยอย่างไม่แปลกใจ แต่ถนอม สมศรี แจ๋วและสมบุญมองสร้อยด้วยสีหน้าเหวอๆไปตามกัน

รัชชานนท์เล่ารายละเอียดจนจบ เว้นเพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องการตามหาเจ้ารัชทายาท เขาพยายามโน้มน้าวใจหม่อมเอียดและย่าอ่อนให้ยอมรับสร้อยให้ได้
“หม่อมย่าครับ ย่าอ่อนครับ ไหนๆเรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เราคงจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว ผมขอความกรุณาเถอะนะครับ กรุณารับสร้อยฟ้าเป็นสะใภ้ของจุฑาเทพ”
“ย่ายังไม่ได้เห็นหน้าแม่สร้อยฟ้าของเธอเลย แล้วจะให้ย่ารับเป็นหลานสะใภ้ง่ายๆได้ยังไง”
“โอ๊ย ! ไม่ต้องเห็นหน้าหรอกค่ะ คุณพี่ ยังไงเราก็รับแม่สาวบ้านป่าคนนี้เป็นหลานสะใภ้ไม่ได้ ! ไม่ได้อย่างเด็ดขาด” ย่าอ่อนบอก
“แต่ผมกับสร้อยฟ้าแต่งงานกันอย่างถูกต้องแล้วนะครับ”
“แต่งงานกันโดยที่ผู้ใหญ่ไม่ได้รับรู้ด้วยเลย จะเรียกว่า เป็นการแต่งงานที่ถูกต้องได้ยังไง ชายเล็ก...ไม่ว่าเธอจะติดหนี้บุญคุณแม่สร้อยฟ้าแค่ไหน ก็ไม่สมควรที่จะตอบแทนด้วยการแต่งงาน”
“นี่คงเป็นการวางแผนจับชายเล็กตั้งแต่แรกแน่ๆ เลยค่ะ คุณพี่ ไม่งั้นคงไม่กักตัวชายเล็กไว้นานสองนานจนเกิดเรื่องเกิดราวอย่างนี้” ย่าอ่อนด่วนสรุป
“ผมขอร้องล่ะครับ อย่าเพิ่งตัดสินสร้อยฟ้าจนกว่าจะได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของเขาเสียก่อน แล้วทุกคนจะเข้าใจว่า ทำไมผมถึงตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้”
ย่าอ่อนพูดอีก
“ย่าบอกแล้วว่า ไม่อยากรู้จัก ไม่อยากเห็นหน้า เธอพาแม่ผู้หญิงคนนี้ มาจากไหน ก็พากลับไปส่งคืนที่นั่นเลย”
กรองแก้วพาจันทาเดินเข้ามา หม่อมเอียดและย่าอ่อนชะงักมองจันทา
จันทารีบทรุดตัวนั่งลงที่พื้น ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม หม่อมเอียดกับย่าอ่อนจ้องมองจันทาเขม็ง พอเห็นจันทาที่สวยอ่อนหวานแล้วรู้สึกยังพอทน
“แม่นี่เองหรือ” ย่าอ่อนถาม
“ไม่ใช่ครับ นี่จันทา ลูกสาวพรานเจ้ยที่ผมเล่าให้ฟัง”
กรองแก้วรีบไปดึงสร้อยที่ยังยืนแอบอยู่ ไม่ยอมเข้ามา
“เข้ามาซิคะ คุณสร้อยฟ้า”
รัชชานนท์รีบแนะนำให้ย่าเอียดและย่าอ่อนให้รู้จักสร้อย โดยไม่ทันหันไปมอง
“นี่สร้อยฟ้าครับ ภรรยาของผม”
รัชชานนท์ชะงักกึกไป เมื่อเห็นหม่อมเอียดและย่าอ่อนจ้องมองอย่างนิ่งอึ้ง เขาหันขวับมองตาม จึงได้เห็นสร้อยในชุดทะมัดทะแมงของเวียงภูคำที่ใส่ลุยป่า
ย่าอ่อนบอก
“โอ๊ยตาย ฉันอยากจะเป็นลม”
“หนูแก้วพาแม่..แม่จันทานี่ออกไปก่อน ขอย่าจัดการทีละเรื่อง”

สร้อยยืนมองหม่อมเอียดกับย่าอ่อนอย่างไม่นึกเกรงกลัวแม้แต่นิดเดียว

จ่อยผุดนั่งผุดยืนรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ ที่บริเวณหน้าเรือนหม่อมเอียด กรองแก้วพาจันทาเดินออกมา

“เกิดอะหยังขึ้น จันทา เป็นหยังออกมาเร็วปานนี้ พวกเพิ่นบ่ต้อนรับพวกเฮาแม่นบ่ พวกผู้ดีชาววังบ่มีทางที่จะยอมรับคนบ้านป่าอย่างเฮาได้ดอก”
“นายจ่อยอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย เรายังไม่รู้แน่ว่า หม่อมย่าท่านจะว่ายังไง แต่ฉันเชื่อว่า คุณชายเล็กจะต้องพยายามโน้มน้าวใจหม่อมย่าอย่างสุดความสามารถ”
กรองแก้วแอบถอนใจแล้วพูดต่อ
“แต่ทั้งนี้คุณสร้อยก็ต้องช่วยคุณชายด้วยนะ”
“เจ้าสร้อยก็เป็นคนหัวดื้ออย่างนี้แหละค่ะ คุณแก้ว เขาไม่ชอบให้ใครมาสั่งหรือบังคับใจ” จันทาบอก
“แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาชนะคะคานกันนะคะ ตอนนี้คุณชายเล็กขอให้ทำอะไรก็ต้องทำตามไปก่อน นายจ่อยด้วยนะ ถ้าหากจะอยู่ที่นี่ด้วยกัน ก็ต้องรู้จักปรับตัวเหมือนกับน้องจันทา ต่อไปห้ามพูดภาษาเวียง แต่ต้องพูดภาษากลาง เข้าใจมั้ย”
จ่อยโอด
“ข้อยเว้าบ่เป็นเด้อ เกิดมากะอยู่แต่ในป่า เว้าแต่ภาษาเวียง คนบ้านป่าสิให้เปลี่ยนเป็นคนเมืองได้จังได๋ล่ะ คุณแก้ว”
“แล้วคุณสร้อยฟ้าล่ะ เธอพูดภาษากลางได้หรือเปล่า”
กรองแก้วเริ่มหนักใจแทนรัชชานนท์ขึ้นมาทันที

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนจับจ้องมองสร้อยทุกอิริยบทการเคลื่อนไหว สร้อยนั่งลงแปะที่พื้น รัชชานนท์ปราดเข้าไปนั่งประกบข้างสร้อยทันที
“สร้อยฟ้า...นี่หม่อมย่าเอียดแล้วก็... คุณย่าอ่อนของฉัน”
สร้อยก้มลงและยกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างถูกต้อง
“นี่สร้อยฟ้าครับ ภรรยาของผมครับ”
ย่าอ่อนหันไปปรึกษากับพี่สาวราวกับสร้อยไม่ได้นั่งอยู่ด้วย เพราะคิดว่าฟังภาษากลางไม่รู้เรื่อง
“ไม่ไหวนะคะ คุณพี่ แม่นี่เป็นสาวเวียงภูคำไม่พอ ยังโตในหมู่บ้านกลางป่ากลางเขาอีก แล้วจะพูดจากันรู้เรื่องหรือคะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ภาษาเวียงก็คล้ายๆกับภาษาอีสานบ้านเรา ฟังออกไม่ยากหรอกครับ ถ้าฟังคำไหนฟังไม่ออก ผมจะช่วยแปลให้เองครับ”
“ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องพูด ยังไงย่าก็ไม่ยอมรับแม่นี่อยู่แล้ว ถามจริงๆ เถอะ ชายเล็ก ไม่อายคนเขาบ้างหรือยังไง ไปได้สาวบ้านป่าไร้การศึกษามาเป็นเมีย พูดภาษาไทยก็ยังไม่ได้”
“ดิฉันพูดไทยได้”
รัชชานนท์หันขวับมองสร้อยอย่างแปลกใจ อยากเขกหัวเข้าให้ พูดได้ก็ไม่บอก หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเหวอไปพักแล้วตั้งสติได้
“พูดได้แล้วทำไมไม่พูด นั่งนิ่งเหมือนคนใบ้ แล้วใครจะรู้ว่า เธอพูดไทยได้ พูดได้แล้วอ่านออกเขียนได้หรือเปล่า”
“ได้ พ่อใหญ่ให้เรียนภาษาไทยตั้งแต่เด็ก แกสอนไว้ว่า เรามาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่ เราก็ต้องเรียนรู้ภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีเจ้าของประเทศไว้ แต่เราก็ต้องไม่ลืมความเป็นเวียงภูคำของเราด้วย”
รัชชานนท์รีบแก้ตัวให้
“สร้อยฟ้าก็เลยใส่ชุดเวียงภูคำมายังไงล่ะครับ หม่อมย่า”
“ดิฉันเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ สาวบ้านป่า เกิดมาก็เห็นแต่ป่าแต่เขา ไม่มีชาติตระกูล ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง”
ย่าอ่อนพูดแทรกต่อทันที
“และไม่มีอะไรที่คู่ควรกับชายเล็กได้เลย ที่เธอสองคนแต่งงานกันก็มีคนรู้เห็นไม่กี่คน งั้นก็ถือเป็นโมฆะไปก็แล้วกัน”
“ไม่ได้หรอกครับ เพราะว่า เราสองคนจดทะเบียนเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ! สร้อยฟ้าจะต้องอยู่กับผมที่นี่ในฐานะภรรยาของผมครับ”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองรัชนนท์กับสร้อยอย่างนิ่งอึ้งตะลึงงันกันไป

ภายในห้องห้าสิงห์ ใต้ตึกโดม วังจุฑาเทพ รัชชานนท์กับรณพีร์ยกมือขึ้นปะทะกันกลางอากาศแล้วจับมือเขย่ากันยกใหญ่
“ดีใจด้วยจริงๆครับ ไม่คิดเลยว่า เรื่องจะลงเอยง่ายดายอย่างนี้” รณพีร์บอก
“ฉันเตรียมตัวมาอย่างดีขนาดนี้แล้ว มีหรือจะรับมือกับหม่อมย่าไม่ได้”
รัชชานนท์หยิบทะเบียนสมรสขึ้นมาโชว์อย่างสุดภูมิใจ
“นี่ยังไงไม้ตายของฉัน ฉันกับสร้อยฟ้าจดทะเบียนกันแล้ว เราแต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราวอย่างนี้ ยังไงหม่อมย่าก็ต้องยอมรับสร้อยฟ้า แล้วก็จะมาบังคับให้ฉันแต่งงานศินีนุชไม่ได้แล้ว”
รณพีร์บอก
“คืนนี้เราควรไปฉลองกัน พี่ชายใหญ่ พี่ชายภัทรว่ายังไงครับ เราไปดินเนอร์กันที่ไหนดี”
ธราธรนั่งอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เวียงภูคำอยู่ พุฒิภัทรกำลังเขียนจดหมายถึงปวรรุจ ทั้งสองไม่ผลีผลามเชื่อว่า หม่อมเอียดจะยอมถอยง่ายๆ
“อย่าเพิ่งรีบฉลองเลย เราควรจะฉลองก็ต่อเมื่อหม่อมย่ายอมรับสร้อยฟ้าเป็นหลานสะใภ้อย่างเป็นทางการและด้วยความเต็มใจ” ธราธรบอก
พุฒิภัทรเสริม
“ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว จะต้องมีปัญหาตามมาแน่ นายก็เห็นคู่ฉันกับกรองแก้วมาแล้ว กว่าเราจะมาถึงวันนี้ได้ เราก็ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมามากมาย”
“ผมกับสร้อยฟ้าก็ฝ่าฟันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายยิ่งกว่าพี่ชายภัทร พี่ยังเจอแค่ท่านพินิจคนเดียว เราเจอทหารเวียงเป็นกองทัพ” รัชชานนท์บอก
“แล้วหม่อมย่ารับรู้ด้วยหรือเปล่าล่ะ ตอนนี้ในสายตาของหม่อมย่า สร้อยฟ้าเป็นแค่สาวบ้านป่าที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับนาย สร้อยฟ้ายังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ” ธราธรบอก
กรองแก้วเดินเข้ามา สร้อยก็ค่อยๆเดินตามเข้ามา สร้อยอยู่ในชุดเดรสสมัยใหม่สวยแปลกตาไม่เหลือคราบสาวบ้านป่าเลย
คุณชายทุกคนหันไปมองอย่างนิ่งอึ้ง โดยเฉพาะรัชชานนท์ที่มองจนตาแทบไม่กะพริบ
รณพีร์สะกิดพุฒิภัทร
“เขียนบอกพี่ชายรุจไปด้วยนะครับ ว่า น้องสะใภ้คนใหม่สวยไม่แพ้นางสาวศรีสยามของพี่เลย”
พุฒิภัทรเดินเข้าไปจูงมือกรองแก้วให้เข้ามานั่งที่เก้าอี้อย่างสุภาพบุรุษที่ให้เกียรติสุภาพสตรี กรองแก้วยิ้มกริ่มภูมิใจ
“เห็นฝีมือแก้วหรือยังล่ะคะ”
แล้วกรองแก้วก็พูดเสียงเบาลง และยิ้มเอ็นดูสร้อย
“แต่กว่าจะยอมเปลี่ยนชุดก็ทำเอาแก้วแทบหมดแรงเลยค่ะ”
ธราธรหันมามองรัชชานนท์เป็นเชิงเตือน รัชชานนท์หายเหวอแล้วรีบไปหาสร้อย
“ผมขออนุญาตแนะนำสมาชิกคนใหม่ของครอบครัวเราอย่างเป็นทางการ สร้อยฟ้า จุฑาเทพ ภรรยาของผมครับ”
รัชชานนท์โอบไหล่สร้อยอย่างปลื้มใจ สร้อยศอกใส่รัชชานนท์แล้วพยายามเบี่ยงตัวออก
รณพีร์ได้ทีรีบแซว
“อย่างนี้ไม่ต้องจัดงานแต่งงานอีกครั้งแล้วใช่มั้ยครับ งั้นคืนนี้ก็ให้พี่ชายใหญ่ส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอได้เลย”

สร้อยหันขวับมามองรัชชานนท์ที่ยิ้มกริ่มชอบใจ แววตาสร้อยบอกชัด ฝันไปเถอะ คุณชาย!!

อ่านต่อหน้า 2

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 9 (ต่อ)

ด้านสมบุญกับแจ๋วเดินนำหน้ามาด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ จ่อยกับจันทาเดินตามหลังมา โดยจ่อยถือกระเป๋าสัมภาระของตัวเองและจันทา

แจ๋วเปิดประตูห้องเดินนำเข้าห้องไป จันทาเดินเข้าไปอย่างตื่นๆ จ่อยเดินตามไปติดๆ
“คุณชายเล็กให้หล่อน...เออ...ให้คุณพักห้องนี้”
จันทามองไปรอบๆห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ ห้องไม่ได้หรูหรามากแต่ดูดีมากสำหรับจันทา
“คุณชายให้ฉันพักห้องนี้จริงๆหรือจ๊ะ”
จ่อยวางกระเป๋าของจันทาลงแล้วสำรวจตรวจตราห้องทันที สมบุญจับตาดูทุกฝีก้าว
“ก็จริงน่ะซิ! ไม่งั้นฉันจะพามาทำไม ข้าวของเครื่องใช้ที่นี่ราคาแพงๆ ทั้งนั้น ทำอะไรก็ระวังหน่อย แล้วนี่ห้องน้ำห้องท่าใช้เป็นหรือเปล่า มีอะไรก็ถามล่ะ แล้วพ่อนั่นไปงัดแงะอะไร”
จ่อยตรวจกลอนหน้าต่างบานประตูอยู่
“เออ...แน่นหนาปลอดภัยดี เจ้าอยู่ห้องนี้ได้”
สมบุญบอก
“ได้มาอยู่วังจุฑาเทพก็เป็นบุญแค่ไหนแล้ว ยังคิดจะเลือกห้องอีก ไป ไปได้แล้วไป ห้องของนายอยู่อีกเรือนทางด้านหลัง”
“บ่ได้! ข้อยต้องอยู่เฮือนเดียวกับจันทา ถ้าบ่มีห้อง ข้อยนอนหน้าห้องจันทากะได้” จ่อยบอก
แจ๋วเผลอตอบ
“บ่ได้ เอ๊ย ไม่ได้ ผู้ชายกับผู้หญิงพักด้วยกันไม่ได้ คุณชายใหญ่ถึงได้ให้คุณจันทามาพักที่เรือนรับรอง ห้องคุณชายเล็กก็ต้องจัดเตรียมใหม่ แล้วยังต้องจัดห้องให้คุณๆอีก พวกเราเหนื่อยกันแค่ไหน รู้มั้ย ฉะนั้นอย่าเรื่องมาก ตามสมบุญไป ไป”
จ่อยละล้าละลังมองจันทาอย่างเป็นห่วง จันทาพยักหน้าให้จ่อยไปได้ สมบุญยืนรออย่างรำคาญใจแล้วเดินนำออกไปเลย จ่อยรีบตามไปโดยมีย่ามผ้าไปด้วย จันทามองรอบๆห้องอย่างรู้สึกเป็นสุขและปลอดภัย

เรือนหม่อมเอียด ภายในห้องรับแขก หม่อมเอียดนั่งนิ่งคิดอย่างหนักเรื่องรัชชานนท์กับสร้อยฟ้า ย่าอ่อนสูดดมถ้ำยาดมอยู่หลายเฮือกก่อนหันมาโอดครวญกับพี่สาว
“คุณพี่คะ คุณพี่ยอมรับแม่สร้อยฟ้าเป็นหลานสะใภ้จริงๆหรือคะ ชายเล็กกับชายภัทรนี่สมกับเป็นพี่น้องแม่เดียวกันจริงๆ คนพี่คว้าสาวบ้านนอกมาเป็นเมีย คนน้องได้เมียสาวบ้านป่า หนักข้อเข้าไปอีก”
“กรองแก้วเป็นสาวบ้านนอกก็จริง แต่ก็ใฝ่ดีจนเรียนจบมัธยมปลาย เรียบร้อยน่ารัก มารยาทก็งาม แต่แม่สร้อยฟ้านี่เรียนหนังสือตามมีตามเกิด จะมีความรู้เท่าไหร่เชียว ท่าทางก็แข็งกระด้าง ไม่ยอมคนอย่างนี้ อย่าว่าแต่มาเป็นสะใภ้จุฑาเทพเลย ไปอยู่ที่ไหนก็อยู่ยาก” หม่อมเอียดบอก
“คุณพี่บอกน้องมาคำเดียว เดี๋ยวน้องจัดการเรื่องแม่สร้อยฟ้าให้เอง ส่วนเรื่องทะเบียนสมรส ไม่ต้องห่วงค่ะ แต่งได้ก็หย่าได้ เราปิดข่าวแต่งงานของชายเล็กให้เงียบที่สุด ก็หมดปัญหาแล้วล่ะค่ะ ว่ายังไงล่ะคะ คุณพี่ คุณพี่จะให้น้องจับแม่สาวบ้านป่าโยนออกไปวันนี้เลยหรือเปล่า”
หม่อมเอียดนิ่งคิดหาทางออกอย่างรอบคอบที่สุด

รัชชานนท์จูงมือสร้อยเดินมาถึงหน้าห้องนอน เธอพยายามดึงมือออกแต่เขาจับมือไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ปล่อย”
“ปล่อยก็ได้”
รัชชานนท์แกล้งยอมปล่อยมือ แล้วพอสร้อยเผลอก็คว้าตัวอุ้มสร้อยขึ้นมาทันที
“เฮ้ย !”
รัชชานนท์อุ้มสร้อยข้ามธรณีประตูเข้าไปในห้องนอน สร้อยดิ้นรนยังไงก็ไม่หลุด
“ปล่อย ! บอกให้ปล่อย”
ยิ่งสร้อยดิ้นรน รัชชานนท์ก็แกล้งกอดให้แน่นไปอีก
“อยู่เฉยๆก่อนแล้วจะปล่อย”
สร้อยหยุดดิ้นรนอย่างจำใจ เขาค่อยๆปล่อยตัวสร้อยให้ลงยืนกับพื้น
“ตามธรรมเนียมฝรั่ง เวลาเข้าหอเจ้าบ่าวต้องอุ้มเจ้าสาวข้ามธรณีประตู”
สร้อยตั้งหลักได้ ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยคก็เตะหน้าแข้งรัชชานนท์ทันที
“นี่กะธรรมเนียมของข้อยคือกัน ไผแตะข้อยเตะ ไผสิเข้าหอกับเจ้า เฮาตกลงกันไว้ว่าจังได๋ ข้อยบ่ได้แต่งงานเป็นเมียเจ้าจริงๆ”
“แต่เธอก็ต้องทำหน้าที่เมียของฉัน หม่อมย่ากับคนอื่นๆจะได้ไม่สงสัย เป็นผัวเมียกันก็ต้องนอนห้องเดียวกัน แล้วเธอก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้สมกับที่เป็นสะใภ้จุฑาเทพด้วย”
“เฮื่องที่ข้อยใส่ชุดเวียงภูคำไปพบหม่อมย่าของเจ้ากะเพราะว่า ข้อยบ่อยากปิดบังความเป็นสาวชาวเวียงของข้อย แต่ข้อยกะยอมใส่ชุดสาวเมืองกรุงแล้ว เจ้าสิเอาอะหยังอีก”
“เธอต้องพูดภาษาไทย ไม่ใช่ว่าเราจะรังเกียจเดียดฉันท์ความเป็นเวียงภูคำของเธอ แต่เพื่อการสื่อสารให้เข้าใจได้ตรงกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ค่อยๆ ปรับตัวกันไป”
สร้อยนิ่งคิด พยักหน้ารับอย่างเข้าใจเหตุผล
รัชชานนท์ทำเป็นเครียด
“ตอนนี้เรื่องที่น่าหนักใจที่สุดคือ เราจะต้องหลอกให้คนในบ้านเชื่อว่าเราแต่งงานเป็นผัวเมียกันจริงๆ”
รัชชานนท์เดินไล่ต้อนสร้อยไปทีละก้าว สร้อยก็ถอยหลังไปทีละก้าว
“คุณชายทุกคนกะฮู้..เออ..ก็รู้ความจริงแล้ว ส่วนคนอื่นๆคงไม่สงสัยหรอก ไม่ต้องห่วง คนเป็นผัวเมียกันทำยังไงกัน เราก็ทำอย่างนั้น ไม่เห็นจะยาก”
รัชชานนท์ยิ้มกริ่ม
“แล้วเธอรู้หรือว่า คนเป็นผัวเมียกันเขาต้องทำอะไรบ้าง”
“ข้อย...ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
สร้อยแอบเหลือบเห็นเตียงนอนในห้อง เขาแกล้งรุกไล่จนสร้อยถอยจนหลังติผนัง สร้อยขยับจะเล่นงานเขาแต่ถูกรัชชานนท์จับตรึงตัวไว้แน่น เขาแกล้งก้มหน้าลงใกล้ๆระยะจมูกแทบชนกับแก้ม สร้อยทำหน้าดุถาม
“อยากตายบ่”
สร้อยจ้องรัชชานนท์อย่างเอาเรื่อง แต่สายตาบางอย่างของรัชชานนท์ที่มองมา ทำให้สร้อยอ่อนลง ทั้งสองมองตากันนิ่งเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ รัชชานนท์ก้มลงไปใกล้และใกล้
เสียงเคาะประตูดังขึ้น รัชชานนท์ชะงักกึก หันมองไปที่ประตู สร้อยได้สติขึ้นมา กระทืบตีนลงไปที่เท้าของเขาจนสะดุ้งโหยงจนต้องปล่อยมือจากสร้อยไป
“โอ๊ย”
สร้อยรีบเดินไปเปิดประตูผลัวะออกไป พบว่าสมศรียืนรออยู่หน้าห้อง
“คุณท่านให้มาเชิญไปพบที่เรือนค่ะ”

รัชชานนท์กับสร้อยหันมามองหน้ากันทันที

หม่อมเอียดนั่งหน้าเคร่งอยู่ ย่าอ่อนนั่งอยู่ข้างๆ ประจำตำแหน่งด้วยสีหน้าแอบสะใจ รัชชานนท์กับสร้อยเดินเข้ามา ทั้งสองชะงักเมื่อเห็นจันทากับจ่อยนั่งอยู่ที่พื้นรออยู่แล้ว รัชชานนท์กับสร้อยทรุดตัวจะลงนั่งรวมกับจ่อยและจันทา

“ชายเล็ก มานั่งใกล้ๆ ย่านี่”
รัชชานนท์ชะงักจำต้องเดินไปนั่งบนเก้าอี้ เป็นการแบ่งชนชั้นให้เห็นอย่างชัดเจน!
“หม่อมย่าคงรู้จักกับบักจ่อยแล้ว เขาเป็นอีกคนที่ช่วยชีวิตผมไว้”
ย่าอ่อนบอก
“เรารู้แล้ว ไม่ต้องมาสาธยายอะไรอีก ว่าแต่ว่า มากันแค่นี้ใช่มั้ย ไม่มีใครตามมาทวงบุญทวงคุณกันอีกนะ”
“ไม่มีหรอกครับ ผมเป็นคนตัดสินใจพาทั้งสามคนนี้มาเอง ไม่มีใครบังคับ ไม่มีใครต้องการผลตอบแทน แต่นี่เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องรับผิดชอบพวกเขาครับ โดยเฉพาะเรื่องสร้อยฟ้า ถ้าหากหม่อมย่ายังทำใจยอมรับไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรครับ ขอเพียงอนุญาตให้สร้อยฟ้าได้อยู่ที่นี่ก็พอ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่า ผู้หญิงคนนี้คู่ควรที่จะเป็นสะใภ้จุฑาเทพ”
หม่อมเอียดบอก
“ได้ ย่าอนุญาตให้ทุกคนพักอยู่ที่นี่ได้ โดยให้ทุกคนอยู่ในความดูแลของย่าอ่อน ส่วนเรื่องสร้อยฟ้า ย่าขอเป็นคนพิสูจน์เองว่า เขาคู่ควรที่จะเป็นสะใภ้จุฑาเทพหรือไม่”
“ทำไมต้องพิสูจน์กันด้วยล่ะครับ”
หม่อมเอียดถามสร้อย
“เราทำอะไรเป็นบ้าง”
“ยิงปืนล่าสัตว์เป็น... ปลูกผัก ปลูกข้าว ทอผ้า สานเสื่อก็พอเป็น”
“ค่ะ … ก็พอเป็นค่ะ... พูดจาให้มีหางเสียงหน่อย พวกคนบ้านป่า”
จ่อยโพล่งขึ้น
“คนบ่ใช่ลิง สิได้มีหาง”
“ต๊าย ! กระด้างอะไรอย่างนี้”
จันทาปราม
“อ้ายจ่อย”
หม่อมเอียดพูดกับสร้อย
“เธอไม่มีคุณสมบัติใดๆเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้จุฑาเทพเลย ชายเล็กมีเมียอย่างเธอ ชีวิตมีแต่จะตกต่ำลง แต่ฉันจะให้เวลาเธอหนึ่งเดือนเพื่อปรับปรุงตัวเอง ถ้าเธอเป็นแม่ศรีเรือนให้สามีไม่ได้ ฉันจะถือว่า การแต่งงานของเธอกับชายเล็กไม่เคยเกิดขึ้น”
“หม่อมย่าครับ”
“ได้ ! เออ..ได้ค่ะ คุณท่านจะให้ดิฉันปรับปรุงตัวยังไง ก็สอนสั่งมาได้เลย ดิฉันพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกอย่าง เพื่อที่จะเป็นภรรยาที่ดีของคุณชายเล็ก”
รัชชานนท์มองสร้อยอย่างนับถือในความนักสู้ จันทาจับมือสร้อยอย่างให้กำลังใจ จ่อยฮึดฮัดไม่พอใจแต่พยายามเก็บอาการไว้ หม่อมเอียดหันไปพยักหน้ากับย่าอ่อน
“แม่อ่อน...จัดการตามที่เราได้คุยกันไว้”
รัชชานนท์หันไปมองหม่อมเอียดเริ่มหวั่นใจว่า จะจัดการยังไงแค่ไหน

ย่าอ่อนเดินนำสร้อย จ่อยและจันทามาถึงหน้าเรือนคนใช้ แจ๋วกับสมบุญยืนรออยู่กับกองกระเป๋าและสัมภาระของสร้อย จ่อยและจันทา
“ทำงานรวดเร็วทันใจดีมาก เปิดประตูสิ” ย่าอ่อนบอก
แจ๋วรีบเปิดประตูห้องเผยให้เห็นถึงสภาพห้องคนใช้ที่ต่างกับห้องที่เรือนรับรองราวฟ้ากับเหว ย่าอ่อนปรายตามองสร้อยฟ้ากับจันทาอย่างสาแก่ใจ
“เธอสองคนพักห้องนี้ แม่แจ๋วอยู่ห้องข้างๆนี่ ขาดเหลืออะไรก็บอกแม่แจ๋วก็แล้วกัน”
“เฮ็ดกันจังซี้ได้จังได๋ ! อีสร้อยเป็นเมียคุณชาย เป็นหยังให้มาอยู่รวมกับคนรับใช้” จ่อยบอก
“อ้าว ! คุณชายเล็กขอให้พวกเธอได้อยู่ที่นี่ก็พอ ไม่ได้บอกนี่ว่า ให้อยู่ที่ไหน ฉันก็เลยจัดห้องพักให้ตามฐานะและความเหมาะสม”
“บ่เป็นหยัง”
ย่าอ่อนมองเหยียดอย่างดูถูก สร้อยนึกถึงที่รัชชานนท์สอนไว้ได้รีบพูดไทย
“ไม่เป็นไรหรอก บักจ่อย เราอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาหาความสุขความสบาย เรามาที่นี่เพื่ออะไร จำไม่ได้แล้วเหรอ”
จ่อยนิ่งเงียบไป จำยอมต้องอดทนเพื่อภาระหน้าที่
“มีปัญหาอะไรอีกมั้ย”
“ไม่มีค่ะ ไม่มี เราอยู่กันได้ค่ะ ขอบคุณคุณท่านที่อุตส่าห์พาพวกเรามาส่งถึงห้องด้วยตัวเอง ถ้าหากมีอะไรให้รับใช้ ก็สั่งมาได้เลยค่ะ พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ” จันทาบอก
ย่าอ่อนมองจันทาด้วยความรู้สึกถูกจริตที่เธออ่อนหวานและดูหัวอ่อน,แต่ย่าอ่อนยังไว้ตัวและทำหยิ่งใส่อยู่
“ขอดูก่อนว่า ว่าพวกเธอทำอะไรเป็นบ้าง แล้วเธอ...ชื่ออะไรนะ”
“จ่อย”
ย่าอ่อนถลึงตามองไม่พอใจกับเสียงห้วน จันทาหยิกจ่อยเบาๆเป็นการเตือน
“ข้อย...เออ.ผมชื่อนายจ่อย...ครับ”
“เธอไปพักกับสมบุญ ไป ทุกคนเอาข้าวของไปเก็บที่ห้อง”
สร้อยคว้ากระเป๋าสัมภาระของตัวเองเดินเข้าห้องไปอย่างไว ก่อนที่ย่าอ่อนจะพูดจบ ย่าอ่อนอ้าปากค้าง แล้วพลางบ่น
“เออ..วันนี้พักผ่อนกันไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ … คนบ้านป่า ไม่มีมารยาท”
ย่าอ่อนเดินฉับๆออกไป แจ๋วเดินตามหลังไปติดๆ จันทายืนค้อมหลังรอจนทั้งสองเดินลับไป
จ่อยกำลังจะคว้ากระเป๋าจันทาเพื่อช่วยถือเข้าห้องให้ จันทารีบดึงกระเป๋าไปเสียก่อน
“ข้อยถือเองได้ อ้ายจ่อย”
สมบุญถาม
“เฮ้ย ไปได้หรือยัง คนอื่นเขามีงานมีการต้องทำนะโว้ย”
สมบุญเดินออกไปโดยไม่รอว่าจ่อยจะเดินตามหรือเปล่า สมบุญบ่นพึมพำ
“วันนี้ไม่เป็นอันทำอะไร นอกจากหาที่พักให้เจ้านี่”
“ฟ่าวตามไปเถอะ อ้ายจ่อย”
จันทาเร่งจ่อยแล้วก็ให้รีบถือกระเป๋าของตัวเองเข้าห้องไป จ่อยคว้าย่ามผ้าของตัวเองได้ ก้าวยาวๆไม่กี่ก้าวก็ตามสมบุญได้ทัน
“โธ่เอ๊ย ทำมาเป็นคุยว่าเป็นพี่เมียคุณชาย ไหนว่ามาใหม่ซิ แม่สองคนนั้นน่ะ คนไหนเมีย คนไหนน้องของคุณชาย ข้าเห็นแต่คนใช้ว่ะ”

สมบุญหัวเราะเยาะอย่างสะใจ ขำมาก จ่อยกัดฟันกรอดแต่ไม่โต้กลับ แค่ฝากไว้ก่อนวันหลังเอาคืนแน่

รัชชานนท์เดินตามหลังหม่อมเอียดมาอย่างร้อนใจ

“หม่อมย่าครับ สร้อยฟ้าเพิ่งออกมาจากป่าไม่กี่วันนี่เอง แค่เดือนเดียว หม่อมย่าจะให้เขาเปลี่ยนจากสาวทโมนแก่นแก้วมาเป็นแม่บ้านแม่เรือน มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ”
“ย่าก็ไม่เห็นว่าสร้อยฟ้าจะมีปัญหาอะไรนี่”
“ก็เขาไม่รู้นี่ครับว่า เขาจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง แล้วทำไมสร้อยฟ้าถึงอยู่กับผมบนตึกไม่ได้ เราสองคนแต่งงานกันแล้วนะครับ”
“แต่คนข้างนอกไม่ได้มารับรู้อะไรด้วยนี่ แยกกันอยู่ไปก่อน ไม่งั้นคนจะนินทาได้ว่า เธอมีเมียน้อยเมียเก็บไว้ในบ้าน เราควรที่จะเก็บเรื่องสร้อยฟ้าไว้ไม่ให้ใครรู้ ถ้าครบหนึ่งเดือน เขายังล้างคราบสาวบ้านป่าออกไม่ได้ เราจะได้จัดการเรื่องหย่าร้างได้ง่ายหน่อย”
“ผมไม่มีวันหย่าเด็ดขาด”
“เรื่องที่เธอติดหนี้บุญคุณที่สร้อยฟ้าช่วยชีวิตไว้ ย่าจะหาทางชดเชยให้ แต่ไม่ใช่ด้วยการแต่งงาน เธอจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ทำให้เธอภาคภูมิใจที่ได้เขามายืนเคียงข้าง...ซึ่งไม่ใช่แม่สาวบ้านป่าคนนี้แน่”
“ผมไม่ได้แต่งงานกับสร้อยฟ้าเพราะต้องการล้างหนี้บุญคุณ ผมแต่งงานกับเขาเพราะ...เพราะ...”
รัชชานนท์ยังพูดไม่ออก จะบอกว่าเพราะรัก ก็ยังไม่แน่ใจนัก
“จะเพราะอะไรก็ช่าง ย่าไม่สนใจ เรายังมีเรื่องสำคัญกว่าเรื่องแม่สร้อยฟ้าที่จะต้องจัดการอีก ตามย่ามา”
รัชชานนท์มองหม่อมเอียดอย่างตามไม่ทันว่า จะให้ไปไหน

แถวๆเรือนคนใช้ สร้อยหันหลังก้มๆเงยๆถางหญ้าที่ขึ้นรกรุงรังอยู่ ชัชวีร์เดินเข้ามามองหาจันทา แต่พงหญ้าสูงท่วมบังสร้อยไว้ เลยคิดว่าเป็นลูกจ้างของวังจุฑาเทพ
“ขอโทษนะ เห็นจันทามั้ย... แล้วจะรู้จักจันทามั้ยล่ะเนี่ย เพิ่งมาถึงวันนี้เองนี่นา”
สร้อยแหย่
“ฮู้จักสิ คุณชัช เฮามาด้วยกัน เป็นหมู่กัน เป็นหยังบ่ฮู้จัก”
สร้อยโผล่พรวดขึ้นมาจากพงหญ้า ชัชวีร์มองสภาพของสร้อยอย่างแปลกใจ
“สร้อยฟ้า ! มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เห็นชายพีร์บอกว่า พวกสร้อยฟ้าแยกมาพักที่เรือนรับรองด้านหลัง”
จ่อยโผล่ขึ้นมาจากพงหญ้าอีกคน
“นี่กะเรือนรับรอง...แต่เป็นเรือนรับรองคนใช้”
จันทาสวมชุดเหมือนสร้อยถือกระติกน้ำใบใหญ่เดินตัวเอียงเข้ามา ชัชวีร์รีบไปช่วยยกระติกน้ำให้ จันทาเห็นชัชวีร์ก็เผลอยิ้มอย่างดีใจจนเกือบเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“คุณชัช”
“จันทา...แล้วนี่พี่ชายเล็กอยู่ไหน เขารู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง”
จ่อยรีบเดินมาแทรกกลางไว้
“หายหัวไปไสแล้วกะบ่ฮู้ ผู้ชายเมืองกรุงก็เป็นจังซี้ เชื่อคำพูดบ่ได้ซักคน”
จ่อยปรายตามองชัชวีร์เหมาด่าไปด้วย ชัชวีร์มองสร้อยกับจันทาอย่างเป็นกังวล รู้สึกผูกพันอยากช่วยเหลือ

นายพลอนุพันธ์นั่งนิ่งขรึม แม้จะเสียหน้าหน่อยๆแต่ก็มีความยุติธรรมพอที่ไม่เอาเรื่อง แต่ดารณีนุชตกใจและเริ่มฉุนโกรธ เมื่อได้รู้จากหม่อมเอียดแล้วว่า รัชชานนท์แอบไปแต่งงานเสียแล้ว
หม่อมเอียดนั่งหน้าเครียดอยู่กับรัชชานนท์ที่กำลังอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง
“สำหรับเรื่องผิดพลาดที่เกิดขึ้น ฉันเสียใจจริงๆ ฉันก็ไม่หวังว่าจะได้รับการยกโทษให้ แต่ถ้าหากมีอะไรที่จะทำให้สบายใจขึ้นได้ล่ะก็ บอกมาได้เลย”
“เรื่องนี้ผมขอรับผิดคนเดียวครับ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ผมตัดสินใจทำไปโดยพลการ หม่อมย่าไม่รู้เรื่องอะไรด้วยครับ ผมต้องกราบขอโทษคุณลุงและคุณป้าหญิงด้วยนะครับ”
รัชชานนท์ยกมือไหว้อนุพันธ์กับดารณีนุช
ดารณีนุชยังนิ่งมึนตึงอยู่
“ที่จริงคุณชายไม่ต้องขอโทษหรอก พวกผู้ใหญ่ไปคาดหวังกันเองว่า คุณชายจะต้องแต่งงานกับยายนุช คุณชายแต่งงานกับผู้หญิงที่เลือกเองก็ถูกต้องแล้ว”
“ถูกต้องที่ไหนกัน คุณชายเล็กต้องแต่งงานกับลูกนุชตามสัญญาที่ให้ไว้กับทางเทวพรหม หม่อมป้าทาบทามสู่ขอลูกนุชแล้วด้วย แต่คุณชายกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ทำให้ลูกนุชต้องเสื่อมเสียเกียรติ ไม่ได้นะคะ หม่อมป้าต้องช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของลูกนุชคืนมา”
หม่อมเอียดนิ่งอึ้งตอบอะไรไม่ออก รัชชานนท์ได้แต่นิ่งฟัง ทั้งที่ไม่เห็นด้วยกับดารณีนุช
ศินีนุชเดินเฉิดฉายเข้ามาอย่างหน้าตาชื่นมื่นที่จะได้เจอรัชชานนท์
ศินีนุชยิ้มหวานยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอยกมือไหว้หม่อมเอียดและรัชชานนท์อย่างแช่มช้อย
“กราบสวัสดี หม่อมย่าค่ะ สวัสดีค่ะ พี่ชายเล็ก ขอโทษที่ลงมาช้าไปหน่อย พอรู้ว่าพี่ชายเล็กมาหานุช นุชเลือกชุดใส่ไม่ถูกเลยล่ะค่ะ นี่หม่อมย่ามากับพี่ชายเล็กด้วย มาคุยเรื่องนุชใช่มั้ยล่ะคะ”
“นั่งลง พ่อมีเรื่องจะพูดด้วย”
“ไม่ต้องไปฟังคุณพ่อ แม่จัดการแก้ไขปัญหาให้ลูกได้แล้ว... หม่อมป้าก็ไม่เต็มใจจะรับแม่สาวบ้านป่านั่นเป็นหลานสะใภ้อยู่แล้ว ก็ให้หย่ากันไปเสียซิคะ ถ้าเป็นคำสั่งจากหม่อมป้า ไม่มีใครกล้าขัดหรอกค่ะ” ดารณีนุชบอกหม่อมเอียด
“นี่คุยเรื่องอะไรอยู่คะ คุณแม่ เรื่องหย่าเรื่องหลานสะใภ้ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือคะ”
“เรื่องพี่กับสร้อยฟ้า พี่ขอโทษที่ปิดบังน้องนุชไว้ เพราะพี่อยากจะบอกเรื่องนี้กับทุกคนด้วยตัวเอง พี่กับสร้อยฟ้าแต่งงานกันแล้วครับ เราแต่งงานจดทะเบียนกันที่หนองคาย”
ศินีนุชทั้งตกใจและงุนงง
“คุณแม่”
ดารณีนุชพยักหน้าด้วยสีหน้าเครียดๆ ศินีนุชมองรัชชานนท์ที่นิ่งขรึมตอกย้ำให้รู้ว่าเป็นเรื่องจริง ศินีนุชช็อก คาดไม่ถึง
“นังสร้อยฟ้า เป็นไปได้ยังไง ไม่จริง นุชไม่เชื่อ ยังไงนุชก็ไม่เชื่อ”

ศินีนุชวิ่งพรวดพราดออกไปอย่างทั้งตกใจ ทั้งเสียใจสุดๆ ดารณีนุชหันขวับมาจ้องรัชชานนท์อย่างไม่พอใจเป็นที่สุด

บริเวณแถวๆ เรือนคนใช้ สร้อยถางหญ้าออกไปได้พื้นที่พอสมควร พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นชัชวีร์กับจ่อยอยู่ใกล้จันทาไม่ห่าง จันทาไปถางหญ้าพรวนดินตรงไหน สองชายหนุ่มก็ตามไปทำงานอยู่ข้างๆ

สร้อยเริ่มจับสังเกตได้ว่า จันทายิ้มเขินอายทุกครั้งที่ชัชวีร์มาช่วยงานใกล้ๆ
จันทาไปโกยกองหญ้ามาใส่กระบุง,ชัชวีร์กับจ่อยเข้าดึงกระบุงไว้คนละข้าง
“ฉันช่วยเอง”
“เฮาเฮ็ดเองได้ เจ้าบ่ต้องยุ่ง” จ่อยบอก
สร้อยมองภาพชัชวีร์กับจ่อยแย่งกระบุงกันไปมาอย่างขำๆ
“เอาล่ะๆ มื้อนี้พอแค่นี้เด้อ ถ้ามีเวลามื้ออื่นค่อยมาเฮ็ดกันต่อ” สร้อยบอก
“ฉันยังไม่รู้เลยว่า เราถางหญ้าพรวนดินไปทำอะไรกัน ทำฆ่าเวลาเล่นหรือยังไง”
“เฮาสิปลูกผักกินกัน คนกรุงเทพฯนี่บ่เห็นค่าของผืนดิน มีที่ดินกว้างใหญ่ขนาดนี้ กะบ่คึดสิเฮ็ดหยัง ปล่อยให้หญ้าขึ้นรกร้างไปอย่างเปล่าประโยชน์ น่าเสียดายแท้ๆ” สร้อยบอก
“ฉันก็เห็นเขาปลูกพริกปลูกมะนาวไว้ตรงแถวหลังครัวบ้างเหมือนกัน แต่เขาคงจะมาถางที่ทำสวนผักจริงๆจังๆอย่างเธอ คงไม่ไหวหรอก ตอนอยู่ที่หมู่บ้านคงไม่เคยอยู่เฉยๆ เลยซินะ”
จ่อยยื่นหน้ามาแทรก
“อยู่เฉยๆกะอดตายน่ะซิ ถามได้ แล้วนี่เฮาสิกินข้าวกันที่ไสกันล่ะ หิวโพดแล้ว”
“เฮาคงสิต้องไปกินในครัวล่ะมั้ง อ้ายจ่อย คุณอ่อนสั่งไว้ ถ้าท่านบ่ได้เรียกอย่าได้ขึ้นไปบนตึกเด็ดขาด” จันทาว่า
“ย่าอ่อนไม่น่าทำอย่างนี้เลย ยังไงสร้อยฟ้าก็เป็นภรรยาของพี่ชายเล็ก จันทาเอง พี่ชายเล็กก็เห็นเป็นน้องสาวจริงๆ”
“พวกผู้ดีชาววังเห็นพวกเฮาบ่ต่างจากคนรับใช้ในบ้านดอก ต่อให้คุณชายดึงดันพาพวกเฮาขึ้นไปอยู่บนตึก พวกเพิ่นกะบ่มองพวกเฮาเป็นอื่นไปได้ นอกจากพวกคนบ้านป่าชั้นต่ำ” สร้อยบอก
“พ่อแม่เฮาบ่มีเชื้อมีสายกะเป็นจังซี้แหละ บ่คือเจ้านี่ คุณชัชวีร์”
ชัชวีร์ยิ้มขื่น
“เราไม่ได้ต่างกันมากนักหรอก บักจ่อย”
ชัชวีร์นิ่งขรึมเมื่อคิดถึงชีวิตตัวเอง โดยมีจันทาแอบสังเกตเห็นท่าทางชัชวีร์อยู่

จ่อยลากสายยางที่เปิดน้ำไว้แล้ว ส่งสายยางให้สร้อยได้ล้างมือล้างหน้าก่อน สร้อยส่งสายยางต่อให้จันทาได้ล้างมือล้างหน้าในลำดับต่อไป สร้อยหันไปเห็นชัชวีร์ยืนมองจันทาอยู่
“เอ้า ! คุณชัช ! มาล้างมือล้างหน้าสิ”
สร้อยบอกกับจันทา
“แล้วเดี๋ยวเจ้าเดินไปส่งคุณชัชที่รถด้วยล่ะ ไป บักจ่อย ไปกินข้าวกัน” สร้อยบอก
“เป็นหยังจันทาต้องไปส่งด้วย มาเองได้ เป็นหยังกลับไปเองบ่ได้”
“เจ้าบ่นหิวข้าวไส้จะขาดบ่ใช่ดอกรึ หิวกะฟ่าวไปกินข้าวกัน ไป ข้อยสั่งให้ไป ก็ไป บ่ต้องถามมาก”
สร้อยลากจ่อยออกไป ให้โอกาสชัชวีร์ได้อยู่กับจันทาตามลำพัง ชัชวีร์ล้างมือล้างหน้าเสร็จก็ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาส่งให้จันทา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“รับไปเถอะ ไม่งั้นฉันเช็ดหน้าให้จันทาเองนะ”
“ไม่ต้องค่ะๆ จันทาเช็ดเองได้”
จันทาตกใจที่ชัชวีร์จะเอื้อมมือเช็ดหน้าให้จริงๆ จันทาจับมือห้ามชัชวีร์ไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ
เธอตกใจจะดึงมือกลับ แต่ชัชวีร์จับมือเธออย่างอ้อยอิ่งแล้วปล่อยมือ
จันทาหน้าแดง หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใช้ผ้าเช็ดหน้าแตะซับหน้าแก้เขินอาย ยิ่งชัชวีร์มองมาอย่างไม่ละสายตา จันทาก็ยิ่งเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก
“จันทา..จันทาไม่ไปส่งดีกว่านะคะ เดี๋ยวเจ้าสร้อยจะรอ”
ชัชวีร์ดึงตัวจันทาไว้ก่อนที่จันทาจะรีบผละออกไป เธอ นึกได้ว่าต้องคืนผ้าเช็ดหน้า
“ผ้าเช็ดหน้า”
“ไม่ต้องไปส่งก็ได้ แต่จันทาต้องเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไว้นะ เวลาเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้...จันทาจะได้นึกถึงฉัน”
จันทายิ่งเขินหนัก รีบเดินออกไปทันที ชัชวีร์ยืนงงตัวเองเหมือนกันว่าเป็นไปได้ถึงเพียงนี้
“ไอ้ชัชเอ๊ย..พูดอะไรออกไป”
ชัชวีร์ขำตัวเองที่พูดเชยๆออกไป แต่ก็มีอิ่มใจด้วยความสุข

อนุพันธ์กับดารณีนุชเดินออกมาส่งรัชชานนท์กับหม่อมเอียด
“คุณลุงอนุพันธ์ครับ”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีก ทางเราเข้าใจดีแล้ว ที่จริงถ้าเราสองฝ่ายได้มาพูดจากันตรงๆอย่างวันนี้ตั้งแต่แรก เรื่องยุ่งๆนี่คงจบไปนานแล้ว”
“จบอะไรกันล่ะคะ คุณ คุณชายเล็กยังไม่ได้แต่งกับนังสาวบ้านป่าเป็นเมียออกหน้าออกตา ฉันถือว่า เรื่องคุณชายเล็กกับลูกนุชยังไม่จบ”
“คุณยังกล้าพูดเรื่องหย่าอีกเหรอ คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะไปพรากผัวพรากเมียคนอื่นเขา”
หม่อมเอียดสะดุ้งเล็กๆเหมือนโดนกระทบไปด้วย
“ฉันสงสารคุณชายเล็กที่ถูกมันหลอกล่อให้แต่งงานด้วยต่างหาก เป็นถึงคุณชายจุฑาเทพมาได้เมียเป็นสาวบ้านป่าเมืองเถื่อนได้ยังไง หม่อมป้าคะ แล้วดิฉันจะไปเรียนปรึกษาค่ะว่า เราควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี”
“ไม่ต้องจัดการอะไรแล้ว เราจะไม่พูดเรื่องคุณชายเล็กกับยายนุชอีก เรื่องทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว”
“ฉันหวังว่า ความสัมพันธ์ของเราสองครอบครัวคงไม่ได้จบสิ้นไปด้วยหรอกนะ คุณชาย”
“ไม่หรอกครับ หม่อมป้า ผมยังคงเคารพรักหม่อมป้าไม่มีวันเปลี่ยน ผมขอโทษโชคชะตาก็แล้วกัน ที่ทำให้เราไม่ได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ที่จริงก็ดีนะครับ เรื่องนี้จะได้เป็นบทเรียนว่า ไม่ว่าใครสูงส่งแค่ไหนก็ไม่ได้สมหวังดังใจไปได้ทุกอย่าง”
อนุพันธ์มองดารณีนุชเป็นการเตือนเมียไว้ก่อน ดารณีนุชโกรธกึกเดินออกไปทันที

รัชชานนท์มองหม่อมเอียดที่ยังคงไม่สบายใจอยู่ ทำให้ชายเล็กรู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกัน

อ่านต่อหน้า 3

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 9 (ต่อ)

ศินีนุชอยู่มุมหนึ่งในสวนหลังวังกิตติวงศ์นั่งร้องไห้ไม่หยุด เธอร้องอย่างเจ็บปวดหัวใจและอับอาย ดารณีนุชเดินมาหยุดมอง เห็นลูกสาวร้องไห้ราวจะขาดใจ แม่ก็แทบขาดใจตามไปด้วย

“ลูกนุช”
ศินีนุชเงยหน้าขึ้นมองแม่ด้วยสายตาที่ผิดหวังเสียใจ เป็นที่ตำตาตำใจดารณีนุชมาก
“นุชไม่รู้...ไม่รู้อะไรเลย แต่ทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมด มีนุชโง่อยู่คนเดียว โง่ๆๆ”
ดารณีนุชโผเข้ากอดลูกสาวด้วยความสงสารเหลือเกิน
“ลูกไม่ได้โง่ ลูกไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมนังสาวบ้านป่า”
“ทำไมพี่ชายเล็กถึงทำกับนุชอย่างนี้ ก็รู้อยู่ว่าเราเป็นคู่หมายกัน ทำไมไปแต่งงานกับนังสร้อยฟ้าได้ นังนั่นไม่มีอะไรเทียบนุชได้เลยนะคะ คุณแม่”
“เห็นว่ามันช่วยชีวิตคุณชายเล็กไว้ นั่นไงคุณชายไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับมันหรอก คุณชายจะต้องเป็นของลูก จะไปเป็นของผู้หญิงคนอื่นไม่ได้”
“แต่เขาสองคนแต่งงานกันไปแล้วนะคะ”
“ตราบใดที่หม่อมย่ายังไม่ยอมรับมันเป็นหลานสะใภ้ เราก็ยังมีโอกาส อย่าเพิ่งหมดหวังนะ ลูก แม่จะช่วยลูกเอง”
“จริงหรือคะ คุณแม่ คุณแม่ต้องช่วยให้นุชได้แต่งงานกับพี่ชายเล็กให้ได้นะคะ นุชแพ้ยายรัมภาไม่ได้ นุชบอกเพื่อนไปหมดแล้วด้วยว่า นุชกำลังจะแต่งงาน ถ้านุชไม่ได้แต่ง นุชอยู่เมืองไทยไม่ได้แน่ อายเขาค่ะคุณแม่”
ชัชวีร์เดินผ่านเข้ามาต้องชะงักเมื่อเห็นแม่ลูกกอดปลอบใจกันอยู่
ศินีนุชเห็นชัชวีร์ก็รีบปราดไปขวางทางไว้อย่างอยากรู้มาก
“พี่ชัช ! พี่ชัชรู้เรื่องนังสร้อยฟ้าด้วยหรือเปล่า”
“พี่ขอโทษ....พี่เสียใจด้วยนะ น้องนุช พี่รู้...แต่พี่บอกไม่ได้จริงๆ”
ดารณีนุชปราดเข้าตบหน้าชัชวีร์อย่างแรงแบบไม่ยั้งมือ ระบายอารมณ์และระบายความแค้น
“แกไม่ต้องมาแกล้งทำเสียใจ แกคงสะใจมากกว่า ไอ้คนเนรคุณ”
“คุณแม่ ! ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว พี่ชัชเองก็ไม่มีปัญญาจะช่วยอะไรนุชได้หรอก พี่ชัชจะไปไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวก็ได้เป็นชนวนให้คุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันอีกหรอก ไปซิคะ ไป”
ชัชวีร์อดกลั้น
“ผมขอโทษ”
ชัชวีร์ยกมือไหว้ขอโทษดารณีนุชแล้วเดินออกไปช้าๆ ความสุขที่ได้เจอจันทามาหายวับไปสิ้น
“ไอ้ลูกกาฝาก ! ไม่รู้จะหน้าด้านอยู่ที่บ้านนี้อีกนานแค่ไหน”
ชัชวีร์ได้ยินทุกคำที่ดารณีนุชตั้งใจพูดให้ได้ยิน เขาได้แต่อดกลั้นและเจ็บแปลบใจ

ภายในห้องรับแขก วังจุฑาเทพ หม่อมเอียดนั่งเป็นประธานอยู่ ย่าอ่อนนั่งประจำตำแหน่งอยู่ข้างๆ รัชชานนท์คุกเข่าก้มลงกราบที่ตักหม่อมเอียดเป็นการขอโทษ
“ผมกราบขอโทษหม่อมย่าด้วยครับ ผมทำให้หม่อมย่าต้องเสียคำพูดกับทางเทวพรหมอีกครั้ง”
หม่อมเอียดลูบหัวรัชชานนท์อย่างให้อภัย ไม่มีทางที่จะแก้ไขอะไรได้แล้ว
“ลุกขึ้นเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว”
“เธอไม่รู้หรอกว่า เธอทำให้หม่อมย่าของเธอเสียเกียรติแค่ไหนที่จะต้องตากหน้าไปขอโทษทางฝ่ายโน้นถึงวังกิตติวงศ์ สงสารฝ่ายผู้หญิงจริงๆ นี่ถ้าข่าวนี้หลุดรอดออกไป หนูนุชจะอับอายขายหน้าแค่ไหน” ย่าอ่อนบอก
รณพีร์ที่นั่งอยู่ด้วยขยับมาร่วมวง
“คุณน้องนุชเธอจะไม่ต้องขายหน้าหรอกครับ ถ้าคุณป้าหญิงไม่เที่ยวไปป่าวประกาศว่าจับจองพี่ชายเล็กเป็นลูกเขยได้แล้ว ทั้งๆที่พี่ชายเล็กยังไม่ทันได้เจอน้องนุชด้วยซ้ำ”
“หยุดเลยนะ ชายพีร์ เรายังมีคดีที่จะต้องชำระความกันอีกหลายคดี นี่ถ้าเธอไม่ช่วยชายเล็กหนีไปหนองคาย ชายเล็กก็คงไม่ต้องหลงป่าไปเจอกับแม่สร้อยฟ้า...แล้วเธอสองคนด้วย ชายใหญ่ ชายภัทรปิดเรื่องแม่สร้อยฟ้าเสียเงียบเลยนะ รู้เห็นเป็นใจกันไปหมด”
ธราธรกับพุฒิภัทรยิ้มรับผิดแต่โดยดี ทั้งสองยกมือไหว้ย่าทั้งสองอย่างรู้ผิด
“ผมขอโทษครับ ผมคิดว่าจะเป็นการดีกว่า ถ้าให้ชายเล็กพาสร้อยฟ้ามาแนะนำกับหม่อมย่าและย่าอ่อนให้รู้จักด้วยตัวเอง” ธราธรบอก
“ถ้าหม่อมย่ากับย่าอ่อนรู้เรื่องสร้อยฟ้าก่อนล่วงหน้า เดี๋ยวได้คิดไปต่างๆนานา สู้เห็นด้วยตาตัวเองเลยทีเดียวจะดีกว่านะครับ” พุฒิภัทรบอก
“ได้เห็นหลานสะใภ้คนใหม่แล้วเป็นยังไงครับ หม่อมย่า”
“ชายเล็กยังไม่ได้บอกหรอกเหรอว่า ย่ายังไม่ได้รับสร้อยฟ้าเป็นหลานสะใภ้ อีกหนึ่งเดือนค่อยมาว่ากันใหม่ แต่เราอาจจะไม่ต้องรอถึงเดือนนะ เพราะดูจากพื้นเพและนิสัยของแม่สร้อยฟ้าแล้ว ไม่น่าจะอยู่ที่นี่ได้นานนักหรอก”
หม่อมเอียดลุกเดินออกไป ย่าอ่อนยิ้มพอใจเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“นั่นน่ะซินะ ไม่มีกบมีเขียดให้กิน ไม่น่าทนอยู่ได้เกินสามวัน”

ย่าอ่อนรีบเดินตามหม่อมเอียดออกไป ธราธร พุฒิภัทรและรณพีร์หันมามองรัชชานนท์อย่างเป็นห่วง

หน้าเรือนคนใช้ ตอนเย็น จันทานั่งเล่นอยู่ระเบียงหน้าห้อง พลางมองผ้าเช็ดหน้าของชัชวีร์ในมือ รัชชานนท์เดินเข้ามาหา จันทารีบเก็บผ้าเช็ดหน้าและลุกขึ้นต้อนรับ

“คุณชายเล็ก”
รัชชานนท์มองไปรอบๆเรือนคนใช้อย่างหนักใจ
“ฉันขอโทษนะ จันทา ฉันไม่ได้ดูแลจันทาอย่างที่ได้สัญญาไว้”
“โธ่..คุณชายไม่ต้องเป็นกังวลหรอกค่ะ ห้องพักก็กว้างอยู่สบาย อาหารการกินก็มีพร้อม จันทาไม่ได้ลำบากอะไรเลยนี่คะ”
“แต่ฉันรับปากแล้วว่าจะรับจันทามาเป็นน้องสาว”
จ่อยโผล่พรวดเข้ามาได้จังหวะพอดี๊พอดีอีกแล้ว
“แต่กลับมาเฮ็ดงานเป็นคนใช้แทน”
“อ้ายจ่อย ! เรื่องนี้บ่ใช่ความผิดของคุณชาย คุณท่านเป็นเจ้าของบ้าน เพิ่นสั่งอะหยัง เฮากะต้องเฮ็ดตาม อย่าเฮ็ดโตให้มีปัญหา เข้าใจบ่”
จันทาหันไปมองรัชชานนท์ที่ยังเป็นกังวลไม่สบายใจอยู่ดี
“คุณชายคะ จันทาได้มาเป็นน้องสาวของคุณชายแล้ว จันทาไม่ต้องการมากไปกว่านี้อีกแล้วล่ะค่ะ คุณชายไปดูเจ้าสร้อยดีกว่า เจ้าสร้อยคงต้องการกำลังใจจากคุณชาย พรุ่งนี้จะต้องไปเจอกับอะไรอีกก็ไม่รู้ ไปเถอะค่ะ เขาคงอยู่แถวๆนี้แหละ”
รัชชานนท์จับหัวจันทาอย่างเอ็นดู จ่อยจะไปปัดมือออกแต่รัชชานนท์ปล่อยมือจากจันทาเสียก่อน
“จันทานี่น่ารัก สมเป็นน้องสาวของฉันจริงๆ”
รัชชานนท์ผละออกไปโดยเร็ว จันทามองตามแล้วยิ้มจนจ่อยต้องจ้องมองอย่างระแวง “ปากเว้าว่า น้องสาว แต่ใจคึดอะหยัง กะบ่มีไผฮู้”
“คุณชายคึดกับข้อยเป็นน้องสาวอีหลี ว่าแต่อ้ายจ่อยเถอะ”
จ่อยอึกอัก
“ข้อยเป็นห่วงเจ้าปานนี้ เจ้ายังบ่ฮู้เรอะว่า ข้อยคึดอะหยังกับเจ้า”
จันทาดึงจับมือจ่อยมากุมไว้ จ่อยรู้สึกตะขิดตะขวงใจบอกไม่ถูกจนต้องดึงมือออกเอง
“เฮ็ดอะหยังของเจ้า”
“เจ้าบ่ได้คึดอะหยังกับข้อยดอก อ้ายจ่อย บ่จังสั้นแล้ว หัวใจของเจ้าสิต้องเต้นแรง..แรงจนหายใจบ่ทัน...”
จันทาเดินออกไป จ่อยแตะอกซ้ายสำรวจหัวใจของตัวเองอย่างไม่แน่ใจนัก

รัชชานนท์เดินตามหาสร้อย เดินตามหาที่ไหนๆก็ไม่เจอ ทั้งตามหาในห้องพัก ห้องเก็บของ พงหญ้า รัชชานนท์ยืนคิดอยู่ว่าสร้อยหายไปไหนได้
“คงไม่ได้หนีกลับไปแล้วนะ”
แล้วรัชชานนท์ก็พบตัวเองยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง แต่นึกได้ก็สายเสียแล้ว เขากำลังจะหลบฟึ่บเพราะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ไม่ทันการ ลูกผลไม้อย่างแข็งปาเข้าที่หัวรัชชานนท์อย่างจังและเต็มแรง
“โอ๊ย ! จนได้ซิน่า”
สร้อยกระโดดตุ๊บลงมายืนตรงหน้ารัชชานนท์
“เธอนี่ทำฉันเจ็บตัวได้ทุกวัน”
“ก็อยากหาว่าฉันขี้ขลาดทำไมล่ะ คนอย่างอีสร้อยไม่เคยกลัวอะไร แค่ฝึกเป็นแม่บ้านแม่เรือนแค่นี้ มันจะยากอะไร”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้รอเจอย่าอ่อน แล้วเธอก็จะรู้เอง แต่ยังไงฉันจะคอยเอาใจช่วยเธอนะ มีเวลาตั้งเดือนนึง คนฉลาดหัวไวอย่างเธอ เรียนรู้เร็ว ให้ทำอะไรก็ต้องทำได้ทั้งนั้นแหละ”
“ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ถ้าฉันทำไม่สำเร็จ ทำให้หม่อมย่าของคุณยอมรับฉันไม่ได้ ฉันก็คงต้องไปจากที่นี่ คุณคงต้องหาผู้หญิงคนคนใหม่มาทำหน้าที่แทนฉันแล้วล่ะ”
“ได้ยังไง เราตกลงกันแล้วว่า เราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และจะต้องช่วยกันจนถึงที่สุด อะไรกัน แค่นี้ก็ท้อแล้ว”
“ฉันไม่ได้ท้อ แต่ฉันมองตาคุณก็รู้แล้วว่า คุณไม่เชื่อว่า ฉันจะเปลี่ยนจากสาวชาวป่ามาเป็นแม่ศรีเรือนของคุณได้”
รัชชานนท์จับต้นแขนทั้งสองของสร้อยล็อกตัวไว้,และก้มลงจ้องตา
“มองตาฉันใหม่..ใช่..ฉันเป็นห่วงเธอ..ฉันกลัวเธอจะทำไม่ได้ แต่ฉันรู้ว่า คนอย่างสร้อยฟ้าจะต้องสู้ถึงที่สุด ไม่มีวันยอมแพ้อะไรง่ายๆ จำไว้นะ ไม่ว่าเธอจะเจอเรื่องยากลำบากแค่ไหน เธอจะมีฉันยืนอยู่ข้างๆเธอเสมอ”
รัชชานนท์ดึงสร้อยเข้ามากอดดื้อๆซะอย่างนั้น
“บักคุณชาย”
“ฉันอยากให้กำลังใจเธอ”
สร้อยใช้แรงทั้งหมดผลักรัชชานนท์ออกไปจนได้
“ใครเขาให้กำลังใจกันแบบนี้”
“ก็คนเป็นผัวเมียกันยังไงล่ะ”
“เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว ไอ้ผัวๆเมียๆเนี่ย ถ้าขืนพูดอีก ได้เจ็บตัวอีกแน่”
ยิ่งห้ามรัชชานนท์ก็ยิ่งพูดย้ำเข้าไปอีก
“อ้าว ! ก็เราแต่งงานกันเป็นผัวเมียกันจริงๆ...นี่ฉันก็เพิ่งบอกไปทางวังกิตติวงศ์..ครอบครัวของศินีนุชน่ะว่า ฉันแต่งงานมีเมียแล้ว เราแยกกันอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น อีกไม่นานเราจะได้ใช้ชีวิตเหมือนผัวเมียคู่อื่น สบายใจได้”
สร้อยชกเปรี้ยงเข้าที่หน้ารัชชานนท์อย่างหมั่นไส้เต็มแก่ แต่เขาคว้ามือไว้ได้ทันยิ้มอย่างแน่กว่า แต่สร้อยใช้อีกมือชกเข้าที่ท้องรัชชานนท์อย่างแรงจนตัวงอ สร้อยยิ้มอย่างแน่จริง

วังจุฑาเทพในตอนเช้า ย่าอ่อนยืนตระหง่านอยู่กลางครัว มีแจ๋วอยู่ข้างๆคอยเป็นลูกคู่
ย่าอ่อนกวาดตามองสร้อยและจันทาอย่างประเมินความสามารถ
ย่าอ่อนถามสร้อย
“ทำอะไรเป็นบ้าง”
“เมื่อวานก็บอกไปแล้วนี่...คะ ก็ยิงปืนล่าสัตว์..ขึ้นต้นตาล ตีรังผึ้งก็พอได้”
“ฉันหมายถึงทำงานบ้านงานเรือน ! ทำอะไรเป็นบ้าง เริ่มเรื่องการทำอาหารก่อนก็ได้ ทำอะไรได้บ้าง”
“เรื่องทำอาหาร..ก็พอทำเป็นอยู่อย่างสองอย่าง อย่างแกงอ่อมเขียด แย้ย่าง คั่วแมงสะดิ้ง ต้มงูสิง แต่ที่ทำง่ายสุดน่าจะเป็นหนังควายเค็ม”
“โอ๊ย ฉันอยากจะเป็นลม ขออาหารที่คนปกติทั่วไปกินน่ะมีมั้ย”
จันทาหันไปมองสร้อยที่พูดไปเรื่อยอย่างหน้าตายก็รู้ว่าแกล้งย่าอ่อนเล่น
จันทาเตือน
“เจ้าสร้อย”
สร้อยทำหน้าม่อยอย่างคิดไม่ออกว่าทำอะไรเป็น รัชชานนท์โผล่เข้ามาพอดี
“ดิฉันทำข้าวต้มเป็นค่ะ คุณท่าน”
“ข้าวต้ม ! ต้มข้าวต้มแค่นี้ ใครๆก็ทำเป็น โธ่เอ๊ย”
รัชชานนท์รีบเข้ามาแทรก
“สร้อยฟ้าเขาหมายถึงข้าวต้มมัดน่ะครับ”
“ค่ะ ดิฉันทำข้าวต้มมัดเป็น อร่อยด้วยนะคะ คุณชายชอบกินข้าวต้มมัดฝีมือของดิฉันมากเลยค่ะ ทำให้เท่าไหร่ก็กินหมด”
“งั้นก็ลองทำข้าวต้มมัดแสนอร่อยให้ฉันชิมหน่อย จะดูซิว่า จะอร่อยแค่ไหน สมราคาคุยหรือเปล่า”
รัชชานนท์กลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างพูดไม่ออก
จันทาบอกกับรัชชานนท์
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ข้าวต้มมัดทำไม่ยากหรอกค่ะ เดี๋ยวจันทาจะช่วยอีกคน”
“ห้ามไม่ให้ใครช่วยเด็ดขาด ! นังแจ๋ว คอยจับตาไว้นะ แม่สร้อยฟ้าจะต้องทำข้าวต้มมัดด้วยตัวเองคนเดียว”
“ค่ะ คุณอ่อน เรื่องจับผิดคนนี่ แจ๋วไม่เคยพลาดอยู่แล้ว”
สร้อยคิดวิธีทำ
“ต้องแช่ข้าวเหนียวก่อน..แล้วก็ต้มน้ำกะทิ”

สร้อยคิดถึงวิธีทำข้าวต้มมัดอย่างสบายๆ ไม่มีกังวล แต่รัชชานนท์เหงื่อแตกเป็นกังวล เพราะเคยชิมรสมือมาแล้ว!!
 

ด้านดารณีนุชกับศินีนุชแต่งตัวสวยเดินออกมาที่โถงวังกิตติวงศ์ อนุพันธ์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เงยหน้ามองมาที่สองแม่ลูก

“จะไปไหนกันแต่เช้า”
ศินีนุชมองอนุพันธ์อย่างเกรงๆ ไม่กล้าตอบ
“ไปรอที่รถ เดี๋ยวแม่ตามไป”
ศินีนุชยกมือไหว้ลาอนุพันธ์ แล้วรีบร้อนเดินออกไปทันที
“ผมถามว่า จะไปไหนกัน”
“ไปวังจุฑาเทพ”
อนุพันธ์ลุกขึ้นตรงไปหาดารณีนุชทันที
“ไม่มีผู้ชายในโลกนี้เหลือแล้วหรือยังไง ถึงได้ส่งลูกสาวไปแย่งสามีคนอื่น”
“มีค่ะ มีผู้ชายที่เหมาะสมกับลูกนุชอยู่หลายคน แต่ไม่มีผู้ชายคนไหนที่คู่ควรกับลูกนุชเท่าคุณชายเล็ก ตอนนี้ผู้หญิงทุกคนอยากเป็นสะใภ้จุฑาเทพทั้งนั้น เรื่องอะไรฉันจะปล่อยให้คุณชายเล็กหลุดมือ”
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงอยากได้คุณชายเล็กเป็นลูกเขยนัก พี่เทวพันธ์พยายามยัดเยียดลูกสาวให้แต่งงานกับทางจุฑาเทพ เพราะเขาต้องการเงินมากอบกู้ฐานะ แต่คุณ...คุณหญิงดารณีนุช คุณมีทุกอย่าง ลูกเราก็ไม่ด้อยกว่าใคร เราจะเลือกลูกชายบ้านไหนก็ได้ ทำไมต้องเป็นคุณชายรัชชานนท์ด้วย”
“ก็เพราะคุณน่ะซิคะ ยิ่งคุณห้าม ฉันก็ยิ่งทำ ฉันจะต้องชนะคุณ ฉันจะทำให้คุณได้รู้ว่า คนอย่างฉัน อยากได้อะไรแล้วต้องได้ ไม่เคยพบกับคำว่าผิดหวัง ถึงคราวที่คุณจะต้องไม่ได้ดังใจบ้างล่ะ คุณชายอนุพันธ์”
ดารณีนุชยิ้มเยาะใส่อนุพันธ์ แต่ก่อนที่หมุนตัวเดินไปก็เห็นนาฬิกาพกของอนุพันธ์วางอยู่บนโต๊ะใกล้หนังสือพิมพ์ ยิ่งจุดไฟแค้นให้คุอีก ดารณีนุชเดินฉับๆออกไป
อนุพันธ์คว้านาฬิกาพกที่มีรูปเจ้าส่องดาวมาถือไว้เป็นกำลังใจที่เหลืออยู่ในตอนนี้

หม่อมเอียดนั่งหน้าเคร่งลังเลไม่แน่ใจ แต่ย่าอ่อนยิ้มแป้นต้อนรับอย่างเต็มที่ ดารณีนุชกับศินีนุชนั่งยิ้มหวานอยู่ด้วยกัน
“ลูกนุช ไปกราบหม่อมย่ากับย่าอ่อนสิ ลูก กราบขอบพระคุณที่ท่านให้โอกาสทางเราอีกครั้งนึง”
“อย่างนี้ต้องเรียกว่า ทางคุณหญิงให้โอกาสกับเรามากกว่า” ย่าอ่อนบอก
“ดิฉันเห็นใจที่คุณชายเล็กเพลี้ยงพล้ำเสียท่าแม่สร้อยฟ้านั่น คราวนี้ดิฉันขอวางศักดิ์ศรีเกียรติยศของลูกผู้หญิงไว้ก่อน เรื่องช่วยคุณชายเล็กให้พ้นจากแม่นั่นสำคัญกว่าค่ะ”
“แต่ถ้าหนูนุชจะเทียวไปเทียวมาที่นี่ ถ้าหากข่าวชายเล็กแต่งงานเล็ดรอดออกไป ฉันกลัวว่าจะทำให้หนูนุชเสื่อมเสียชื่อเสียงได้นะ” หม่อมเอียดบอก
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ เราก็บอกพวกสอดรู้สอดเห็นไปว่า หนูนุชเข้ามาเรียนการบ้านการเรือนกับคุณป้าอ่อนด้วยอีกคน”
ศินีนุชสะกิดแม่เบาๆ เพราะไม่ชอบการเรือน
“คุณแม่คะ..นุชไม่ชอบ...”
ดารณีนุชพูดเสียงดัง
“ที่จริงลูกนุชก็เก่งเรื่องการบ้านการเรือนอยู่แล้ว แต่มาเรียนเพิ่มเสียหน่อยก็ดีนะคะ เราต้องให้คุณชายเล็กได้เห็นหน้าลูกนุชบ่อยๆ แล้วเดี๋ยวก็ใจอ่อนเองแหละค่ะ ว่าแต่แม่นั่นจะอยู่ที่นี่แค่เดือนเดียวจริงๆ ใช่มั้ยคะ”
“สงสัยจะอยู่ไม่ถึงเดือนหรอกค่ะ ทำอะไรก็ไม่เป็น ทัพพีกับตะหลิวยังไม่รู้จักเลยค่ะ วันนี้ก็มาอวดว่าทำข้าวต้มมัดอร่อย หนูนุชก็มาแข่งทำข้าวต้มมัดกับแม่สร้อยฟ้าเสียเลยซิคะ ชายเล็กจะได้เห็นกับตาว่า ใครมีฝีมือการบ้านการเรือนเหมาะสมที่จะเป็นภรรยามากกว่า” ย่าอ่อนบอก
ดารณีนุชกัดฟัน
“เป็นความคิดที่ดีจริงๆเลยค่ะ ! จะแข่งกันเมื่อไหร่ดีล่ะคะ”
ศินีนุชสยอง
“คุณแม่”
“วันนี้ค่ะ ตอนนี้แม่นั่นคงเริ่มลงมือไปแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้นังแจ๋วเป็นลูกมือให้ ถ้าหนูนุชมีฝีมือการทำอาหารอยู่แล้ว ก็ต้องชนะ แม่สาวชาวป่าได้อย่างแน่นอน”
ดารณีนุชกับศินีนุชมองหน้ากันอย่างหนักใจ เพราะต่างรู้ว่าศินีนุชทำอะไรไม่เป็นเลย

ภายในครัว สร้อยเนื้อตัวเลอะเทอะยืนประจันหน้ากับศินีนุชที่ใส่ผ้ากันเปื้อนเตรียมพร้อม
“แข่งกับคุณศินีนุชเหรอ ได้ ไม่มีปัญหา”
ย่าอ่อนยืนเป็นกรรมการอยู่ตรงกลางยิ้มอย่างพอใจ
“งั้นก็เริ่มได้เลย แต่กติกามีเปลี่ยนนิดหน่อยนะ คุณนุชไม่ทันได้ตั้งตัว เธอมีลูกมือช่วยได้ ส่วนเธอ ต้องทำคนเดียวเหมือนเดิม”
“ย่าอ่อนครับ” รัชชานนท์ค้าน
ย่าอ่อนไม่ฟัง
“เอ้าล่ะ เริ่มได้”
สร้อยวุ่นวายกับการกวนกะทิในหม้อ รอบตัวเละเทะเต็มไปด้วยเศษใบตอง เศษข้าวเหนียวหล่นเกลื่อน มีแจ๋วยืนจับตามองอย่างดูถูกว่า ไปไม่รอดแน่ๆ รัชชานนท์กับจันทายืนลุ้นสร้อยอยู่อย่างระทึกใจ
ศินีนุชกำลังเงอะงะกับการเทข้าวเหนียวที่แช่น้ำแล้วมาเทใส่ตะกร้าให้สะเด็ดน้ำ แจ๋วขยับมาแอบช่วยหยิบจับอยู่ตลอด ย่าอ่อนคอยโฉบมาดูศินีนุชตลอดอย่างเป็นห่วง ดารณีนุชกระสับกระส่ายคิดหาทางช่วยลูกสาว
สร้อยหยิบกระปุกเกลือกับกระปุกน้ำตาลขึ้นมา
“ใส่น้ำตาลสองขีด...เกลือหนึ่งช้อนโต๊ะ”
รัชชานนท์ชะเง้อคอยาวจ้องไปอย่างลุ้นๆ
“ก่อนจะใส่อะไร ดูดีๆก่อนนะ”
“ห้ามช่วยค่ะ คุณชายเล็ก ยืนดูได้เฉยๆ ห้ามส่งเสียง ห้ามส่งสัญญาณใดๆ ด้วยนะคะ คุณสร้อยฟ้าจะต้องทำด้วยตัวเองทุกระดับขั้นตอน” แจ๋วบอก
รัชชานนท์มองจันทาอย่างคิดได้อะไรบางอย่าง รัชชานนท์รีบดึงจันทาออกไป
ศินีนุชขูดมะพร้าวอย่างเก้ๆกังๆ แล้วทำชามน้ำกะทิที่ขูดแล้วล้มคว่ำลงพื้นทั้งชาม เธอแทบร้องไห้ต้องเริ่มต้นขูดมะพร้าวใหม่อีกครั้ง ดารณีนุชคิดหาทางช่วยลูกสาวได้แล้ว รีบไปกระซิบบอกศินีนุชๆที่ยิ้มกว้าง ตาใสปิ๊งวับขึ้นมาทันที ดารณีนุชค่อยๆ เฝดตัวหายไปจากครัว
ภายในห้องครัวเต็มไปด้วยความวุ่นวาย สร้อยตั้งใจกวนข้าวเหนียวในหม้ออย่างขะมักเขม้น

แต่ศินีนุชเริ่มจะค่อยๆ ทำไปอย่างไม่รีบร้อน ท่าทางกรีดกรายน่าหมั่นไส้

รัชชานนท์ดึงจันทาจนมาถึงที่หลังเรือนคนใช้ซึ่งเป็นที่โล่ง แต่ได้จัดเตรียมวางโต๊ะ และข้าวของเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับทำข้าวต้มมัดไว้เรียบร้อยแล้ว

จ่อยก่อไฟในเตาอั้งโล่จนเสร็จแล้ว ซาวข้าวเหนียวสะเด็ดน้ำเรียบร้อยพร้อมเช่นกัน
“จันทาทำอาหารเป็นนี่ ทำอร่อยด้วย”
“แต่จันทาไม่ค่อยถนัดเรื่องทำขนมนะคะ”
“แต่ยังไงจันทาต้องทำได้อร่อยกว่าสร้อยฟ้าแน่”
“แต่วันนี้อีสร้อยอาจจะมือขึ้นกะได้นะ คุณชาย” จ่อยบอก
“มือขึ้นเกลือน่ะซิไม่ว่า ต้มกาแฟง่ายๆ ยังต้มซะเค็มปี๋ ฉันไม่ไว้ใจจริงๆ ฉันถึงได้เตรียมแผนสำรองไว้ยังไงล่ะ เริ่มกันเลย เดี๋ยวไม่ทัน”
จันทากับจ่อยจัดแจงช่วยกันทำข้าวต้มมัดไป กวนน้ำกะทิใส่น้ำตาลและเกลือ กรองกะทิหนึ่งรอบ แล้วเทกะทิใส่หม้อทองเหลืองแล้วตามด้วยข้าวเหนียวที่สะเด็ดน้ำแล้วลงไป
ข้าวเหนียวโดนผัดไปผัดมาจนกะทิเริ่มซึมหายไปกับข้าวเหนียว และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น

ข้าวเหนียวในกระทะทองเหลืองที่ถูกผัดไปผัดมาจนได้ที่น่ากิน สร้อยผัดข้าวเหนียวในกระทะทองเหลืองอย่างภูมิใจ
ศินีนุชกวนข้าวเหนียวไปมาอย่างแหยงๆ ทำเองก็ขยะแขยงเอง
สร้อยกำลังตักข้าวเหนียววางบนใบตองแล้วห่ออย่างคนพอทำเป็น ศินีนุชห่อข้าวเหนียวไป ชะเง้อรอแม่ไป แจ๋วเข้ามาช่วยศินีนุชห่อข้าวเหนียวอย่างแหยงมือ
ย่าอ่อนมองการทำข้าวต้มมัดทั้งสองคนอย่างแปลกใจที่ศินีนุชสำรวยหยิบโหย่งทำอะไรก็ชักช้าแต่ใจยังลำเอียงเข้าข้างศินีนุชอยู่ เห็นผลงานข้าวต้มมัดที่บิดๆเบี้ยวๆแล้วเริ่มกลัวใจ
สร้อยบรรจงห่อข้าวเหนียวอย่างสุดฝีมือ ย่าอ่อนมองไปแล้วทำเมินใส่

บนโต๊ะอาหาร หม่อมเอียดนั่งรออยู่ ย่าอ่อนรินน้ำชาให้หม่อมเอียดแล้วค่อยรินน้ำชาให้ตัวเอง แจ๋วเข้ามายกชุดน้ำชาไปวางไว้โต๊ะเล็กที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ จัดเตรียมจานเล็กไว้ชิมข้าวต้มมัดไว้บนโต๊ะ
“เดี๋ยวคุณพี่คอยดูนะคะ ว่าฝีมือการทำขนมของแม่สร้อยฟ้าหรือของหนูนุช ฝีมือใครจะดีกว่าใคร แต่ที่จริงไม่ต้องชิม ก็รู้แล้วล่ะค่ะ คุณพี่”
“แต่คุณศินีนุชเธอดูไม่คล่องแคล่วเท่าแม่สร้อยฟ้าเลยนะคะ” แจ๋วบอก
“ก็คุณศินีนุชเธออยู่เมืองนอกเสียนาน ก็คงไม่ค่อยได้ทำอาหารไทย ก็ต้องเก้ๆกังๆกันบ้าง แล้วเธอคงไม่ถนัดทำขนมพื้นๆ อย่างข้าวต้มมัดหรอก อย่างคุณศินีนุช น่าจะเก่งทางขนมชาววังหรือขนมฝรั่งมากกว่า” ย่าอ่อนว่า
สร้อยกับศินีนุชถือจานข้าวต้มมัดเดินเข้ามาพร้อมๆกัน
สร้อยกับศินีนุชวางจานข้าวต้มมัดลงบนโต๊ะพร้อมๆกัน สร้อยไม่ทันระวังปล่อยจานกระทบโต๊ะดังกึบแค่เบาๆ แต่ย่าอ่อนก็ค้อนขวับใส่ทันที
“นี่จานกระเบื้องจากอิตาลีนะ ไม่ใช่กะลามะพร้าว เบาๆมือหน่อย”
หม่อมเอียดมองจานใส่ข้าวต้มมัดสองจานอยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา
“คุณพี่จะชิมฝีมือของใครก่อนดี ชิมของหนูนุชก่อนดีมั้ยคะ”
ย่าอ่อนมองจานข้าวต้มมัดของศินีนุชที่มีสภาพสวยงามสัดส่วนต่างกับที่เห็นในครัว ย่าอ่อนสงสัยแต่ไม่พูดอะไร ยหม่อมเอียดมองจานข้าวต้มมัดอย่างประเมินรูปลักษณ์ภายนอกก่อน
หม่อมเอียดมองจานของสร้อยฟ้าก่อน
“การจัดวางไม่เรียบร้อย”
หม่อมใช้ส้อมเขี่ยขนมให้มาชิดกันให้ดูสวยดูดีขึ้น
ย่าอ่อนกับศินีนุชพากันยิ้มพอใจ สร้อยขมวดคิ้วมองไม่ใช่เพราะไม่พอใจ แต่กำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
“แต่ห่อใบตองได้สวยดี ผูกตอกได้เรียบร้อยใช้ได้ ส่วนของหนูนุช..ย่าดูแล้ว ไม่มีที่ติ สวยงามน่ากินมาก”
ย่าอ่อนกับศินีนุชยิ้มกว้าง สร้อยจ้องที่จานข้าวต้มมัดของตัวเองแล้วนึกออก
สร้อยพึมพำนับ
“3-4-5-6 เป็นหยังมีถึงหกห่อ”
รัชชานนท์กับจันทาเพิ่งจะมาถึง จันทาปาดเหงื่ออย่างเหนื่อยที่อยู่หน้าเตาเป็นชั่วโมง
รัชชานนท์กับจันทาโบกมือยิ้มให้กำลังใจสร้อย แต่สร้อยไม่ยิ้มกลับแต่หน้าบึ้งเฉยและนิ่งคิด !
“ขอชิมของแม่สร้อยฟ้าก่อนก็แล้วกัน”
แจ๋วเข้ามาตักข้าวต้มมัดของสร้อยฟ้ามาวางบนจานของหม่อมเอียดและย่าอ่อน
หม่อมเอียดและย่าอ่อนกำลังจะแกะใบตองออกเพื่อตักขนมชิม
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งกินค่ะ! มีคนเล่นกลโกงในการแข่งขันครั้งนี้”
ศินีนุชสะดุ้งเฮือกคนแรก และทำให้รัชชานนท์และจันทาสะดุ้งไปตามๆ กัน
“ใครกันที่โกง”
ศินีนุชมองซ้ายมองขวาหาทางว่าจะเลี่ยงตอบยังไง แต่ไม่ทันจะอ้าปาก
“ดิฉันเองค่ะ ดิฉันเป็นคนที่โกงการแข่งขันครั้งนี้”
สร้อยบอก พร้อมกับหันมาจ้องรัชชานนท์ที่นิ่งอึ้งเพราะยังไม่ทันตั้งตัว ไม่เข้าใจว่าสร้อยรู้ได้ยังไง

ชายเล็กเครียดจะทำยังไงต่อ เพราะแค่ยกแรกสร้อยก็แพ้หม่อมเอียดเสียแล้ว!

อ่านต่อหน้า 4

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ คุณชายรัชชานนท์ ตอนที่ 9 (ต่อ)

รณพีร์เดินมาทางครัวเพื่อมาดูสถานการณ์ของสร้อย แต่ต้องชะงักหยุดมอง เมื่อเห็นจ่อยถือจานข้าวต้มมัดของสร้อยเดินลิ่วๆ มาจากทางครัวท่าทางเลิ่กลั่กๆ มีพิรุธ

รณพีร์จะเดินเข้าไปหา แต่จ่อยรีบชิ่งออกไปเสียก่อน เพื่อเอาข้าวต้มมัดไปทำลายหลักฐาน
รณพีร์หันกลับมาก็ต้องชะงักหยุดมองอีกครั้ง เมื่อเห็นดารณีนุชเดินมาอีกทาง ในมือถือถุงขนมร้านเกษรา ซึ่งเป็นชื่อร้าน “ขนมหวานเทวพรหม” ด้วยท่าทางรีบร้อน ดารณีนุชเดินเลิ่กลั่กๆ ไปอีกทาง รณพีร์มองซ้ายมองขวาว่าจะตามใครไปดี

ที่โต๊ะอาหาร สร้อยสีหน้าเคร่ง แน่ใจว่าจานข้าวต้มมัดที่วางอยู่ไม่ใช่ฝีมือของตนแน่ รัชชานนท์กับจันทามองหน้ากัน จันทาหน้าเสียอยากจะร้องไห้ คุณชายจึงรีบคิดหาทางออก
หม่อมเอียดและย่าอ่อนมองสร้อยอย่างเข้มงวด
“เธอว่ายังไงนะ เธอโกงอย่างนั้นเหรอ โกงยังไง”
ศินีนุชโล่งอกที่รอดตัวไปได้ รีบเล่นงานสร้อยทันที
“โกงก็คือโกงนั่นแหละค่ะ หม่อมย่า ไม่ต้องถามหรอกค่ะว่า โกงยังไง”
“งั้นก็ไม่ต้องชิมให้เสียเวลา เราปรับให้แม่สร้อยฟ้าแพ้ไปเลยก็แล้วกัน” ย่าอ่อนบอก
“สร้อยฟ้าไม่ได้โกงหรอกครับ ผมต่างหากที่โกงคือ...คือผมแอบช่วยเจียนใบตองให้สร้อยฟ้าน่ะครับ หม่อมย่า”
สร้อยแย้ง แต่พูดไม่ทันย่าอ่อน
“บ่ใช่”
ย่าอ่อนโวยใส่ทันที
“นั่นไง ฉันนึกแล้วว่า หล่อนจะต้องแอบทำอะไรตุกติกลับหลังฉัน…นังแจ๋ว ฉันสั่งให้จับตาแม่สร้อยฟ้าไว้ยังไงล่ะ”
แจ๋วอ้าปากจะเถียง แต่ไม่กล้า ได้แต่หุบปากไป
“ยายแจ๋วจะมีเวลามาจับตาดูสร้อยฟ้าได้ยังไงครับ เพราะเขาต้องคอยช่วยน้องนุชทำข้าวต้มมัด แต่สร้อยฟ้ากลับมีผู้ช่วยไม่ได้ กฎกติกาไม่ยุติธรรมตั้งแต่แรกแล้ว ผมช่วยแค่นิดๆหน่อยๆ ไม่ถือว่าเป็นการโกงหรอกครับ”
“ถ้าช่วยแค่นิดๆหน่อยๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าช่วยเหลือกันมากกว่านั้น ย่าจะถือว่าเป็นการโกง” หม่อมเอียดบอก
หม่อมเอียดจับตามองรัชชานนท์กับจันทาด้วยสายตาที่คมกริบ และสังเกตเห็นหน้าตาไม่สบายใจของสร้อยอย่างชัดแจ้ง ขณะที่ศินีนุชไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ละอายใจแม้แต่น้อย
“แต่คุณพี่คะ...อย่างที่หนูนุชพูดน่ะถูกแล้วนะคะ โกงก็คือโกง”
“รีบๆชิมเข้า เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน”
หม่อมเอียดไม่ฟังเสียงย่าอ่อน หยิบส้อมค่อยๆแกะห่อข้าวต้มมัดที่น่าจะเป็นฝีมือของสร้อย
ย่าอ่อนจำใจต้องช่วยชิมข้าวต้มมัดตามหม่อมเอียดไป จันทาสะกิดกระซิบถามรัชชานนท์ เพราะไม่มั่นใจในฝีมือตัวเอง
“คุณชายคะ...ถ้ามันไม่อร่อย”
รัชชานนท์ส่ายหน้าไม่ให้จันทาพูดต่อ แล้วต้องสะดุ้งเมื่อหันหน้ามาปะทะกับสายตาเอาเรื่องของสร้อย รัชชานนท์ร้อนๆหนาวๆคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ขึ้นมา

สร้อยคีบข้าวต้มมัดห้าห่อใส่จานอย่างภาคภูมิใจ และในหม้อนึ่งยังมีเหลืออยู่หลายห่อ
เธอถือจานข้าวต้มมัดหันกลับมา ก็ปะทะกับรัชชานนท์ที่ยืนรออยู่แล้ว รัชชานนท์รีบดึงจานข้าวต้มมัดจากมือสร้อยมา
“ฉันช่วยถือไปให้”
“ไม่ต้อง”
“เธอไปดูหน้าตาตัวเองซะก่อน ไป หน้าตามอมแมม มือไม้ก็สกปรกอย่างนี้ เดี๋ยวก็ถูกตัดคะแนนความสะอาดหรอก ไปล้างหน้าล้างตาก่อน ไป”
สร้อยแตะหน้าและมองมือไม้ตัวเองแล้วหันหลังไปเทน้ำล้างหน้าล้างมืออย่างรวดเร็ว
รัชชานนท์หันไปมองด้านหลัง จ่อยผลุบๆโผล่ๆอยู่ โบกมือไปมาว่าจันทายังไม่มา
สร้อยล้างหน้าล้างมือเสร็จจะยกแขนเสื้อเช็ดหน้าตามความเคยชิน แต่รัชชานนท์รีบวางจานข้าวต้มมัดลงบนโต๊ะใกล้หน้าต่าง แล้วรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าให้สร้อยเพื่อถ่วงเวลา
“ไม่ต้อง”
“อยู่เฉยๆ”
รัชชานนท์ยังดื้อเช็ดหน้าให้สร้อยต่อ เธอหลบไม่ให้เช็ดหน้าให้ ทั้งคู่ต่างยื้อกันไปมา
“บอกว่าไม่ต้อง”
จันทาถือจานข้าวต้มมัดรีบเร่งตรงมาที่จ่อยแอบหมอบอยู่ สร้อยเหลือบหันไปเมื่อรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวแวบๆ อยู่หลังครัว รัชชานนท์จับหน้าสร้อยให้หันมาได้ฉิวเฉียด เอาร่างสูงใหญ่บังสร้อยไม่ให้เห็นจ่อยกับจันทา
“อย่าดื้อได้มั้ย หม่อมย่ารออยู่นะ”
รัชชานนท์แอบใช้มือส่งให้สัญญาณกับจ่อยอย่างรวดเร็ว จ่อยรีบรับจานข้าวต้มมัดจากจันทามาเปลี่ยนเอาจานของสร้อยออกไปทันที ซึ่งจานของจันทามีข้าวต้มมัดหกห่อ และจานลายคล้ายกันแต่คนละลาย
รัชชานนท์ล็อกตัวสร้อยไว้แล้วเช็ดหน้าให้ จากที่เช็ดลวกๆ แค่ต้องการถ่วงเวลา พอรัชชานนท์ได้มองอย่างใกล้ชิด กลับเปลี่ยนท่าทีเป็นค่อยๆ เช็ดหน้าให้อย่างช้าๆ ทั้งสองมองตากันครู่หนึ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์ แต่สร้อยได้สติก่อน รีบผลักรัชชานนท์ออกไป
“พอได้แล้ว ฉันต้องรีบไป”
“นั่นสิ รีบไปเลย ไป ข้าวต้มมัดต้องกินตอนร้อนๆถึงจะอร่อย”
รัชชานนท์รีบผละออกไปทันทีก่อนจะเผยพิรุธให้เห็น สร้อยถือจานข้าวต้มมัดอย่างงงนิดๆ
“ไหนบอกว่าจะถือไปให้”
สร้อยถือจานข้าวต้มมัดรีบเดินออกไป แต่หางตาเห็นการเคลื่อนไหวแวบๆ อยู่ด้านหลัง
สร้อยหันขวับไปมอง แต่รัชชานนท์ที่ไปสมทบกับจันทาและจ่อยพากันหลบวูบไปได้ทันที
สร้อยแตะหน้าตัวเองที่รัชชานนท์เพิ่งเช็ดให้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ จนไม่ทันสังเกตจานข้าวต้มมัดจานใหม่

สร้อยสะบัดหัวเอาความรู้สึกแปลกๆออกไปแล้วรีบเร่งเดินออกไป

รัชชานนท์ยืนเสียวสันหลังจากสายตาของสร้อย พลางบ่นพึมพำ

“จับไม่ได้หรอกน่า”
หม่อมเอียดกับย่าอ่อนชิมข้าวต้มมัดของสร้อยที่เป็นฝีมือจันทาเสร็จเรียบร้อย
ย่าอ่อนลำเอียงสุดๆ
“ไม่ได้เรื่อง ! ข้าวเหนียวแข็งร่วนเชียว ท่าทางจะไม่สุกด้วย ไม่มีความหอมหวานของกะทิแม้แต่นิดเดียว”
หม่อมเอียดพูดขัดอย่างนิ่มๆ
“พอใช้ได้...ข้าวเหนียวแห้งไปหน่อย แต่รสชาติกลมกล่อมดี”
รัชชานนท์หันมายิ้มให้จันทาอย่างขอบคุณแล้วหยุดชะงักเมื่อเห็นสร้อยยังจ้องมาอยู่
“แต่น้องว่า ออกจะหวานเกินไปนะคะ คุณพี่ ฝีมือสู้หนูนุชไม่ได้แม้แต่นิดเดียว”
“ได้ชิมฝีมือหนูนุชแล้วเหรอ แม่อ่อน”
ย่าอ่อนยิ้มเจื่อน
“ยังค่ะ คุณพี่...แหม แค่ดูก็รู้แล้วว่า ฝีมือหนูนุชต้องดีกว่าแน่ๆ”
“งั้นก็ชิมฝีมือของนุชกันเลยดีมั้ยคะ หม่อมย่า มาค่ะ นุชแกะให้นะคะ”
ศินีนุชเจ้ากี้เจ้าการเข้ามาเบียดแจ๋วที่เข้ามาเก็บจานใบเก่าสองใบจนต้องกระเด็นออกไป
ศินีนุชรีบจัดแจงหยิบจานใหม่สองใบเข้ามาวางไว้แล้วตักข้าวต้มมัดของตัวเองเสิร์ฟให้หม่อมเอียดกับย่าอ่อนอย่างรวดเร็ว พอใช้ส้อมแกะตอกที่ผูกห่อข้าวต้มมัดไม่ออกก็ใช้มือแกะเอาเสียเลย หม่อมเอียดกับย่าอ่อนมองศินีนุชที่ทำอะไรลวกๆชุ่ยๆ หม่อมเอียดได้เห็นศินีนุชอีกมุมมองหนึ่ง ย่าอ่อนรีบแก้แทน
“ไปอยู่เมืองนอกเสียนานก็อย่างนี้แหละค่ะ คุณพี่”
ศินีนุชจัดแจงแกะข้าวต้มมัดวางใส่จานของหม่อมเอียดและย่าอ่อนจนเสร็จ
“ชิมได้เลยค่ะ แต่นุชขอออกตัวหน่อยนะคะ นี่เป็นการทำข้าวต้มมัดครั้งแรกของนุช รสชาติอาจจะไม่ถูกปากนัก แต่นุชทำเองอย่างสุดฝีมือเพื่อหม่อมย่าค่ะ แล้วก็เพื่อพี่ชายเล็กด้วย”
ศินีนุชชะม้ายชายตาให้รัชชานนท์อย่างไม่เกรงใจสร้อย หม่อมเอียดกับย่าอ่อนเริ่มตักข้าวต้มมัดจานของศินีนุชชิม แค่ย่าอ่อนชิมไปเพียงคำแรก
“อร่อยมาก”
หม่อมเอียดตักชิมแล้วรู้สึกคุ้นกับรสมือมาก ศินีนุชยิ้มมั่นอย่างแน่ใจว่า ต้องอร่อยอยู่แล้ว พลางนึกถึงที่มาของข้าวต้มมัดจานนี้

ศินีนุชเดินมายังบริเวณทางไปเรือนย่าเอียด ในมือถือจานข้าวต้มมัดมีผ้าขาวบางคลุมไว้ แจ๋วเดินตามรับใช้
“แจ๋วถือไปให้ดีกว่านะคะ”
ศินีนุชถือจานไว้แน่น
“ไม่ต้อง ! ไปรับใช้ย่าอ่อน ไป ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
แจ๋วเดินล่วงหน้าไปเรือนย่าเอียดอย่างไม่กล้าเซ้าซี้อีก ศินีนุชเปิดผ้าขาวบางออกเห็นกองข้าวต้มมัดเละๆอยู่ เธอมองชะเง้อหาตัวช่วยอย่างกระวนกระวายใจมาก
“ถ้ามาไม่ทัน เราจะทำยังไงล่ะทีนี้”
ดารณีนุชถือถุงขนมร้านเกษรากระหืดกระหอบเดินเข้ามาหาลูกสาว
“คุณแม่ ! คุณแม่เหมือนพระมาโปรดเลยล่ะค่ะ ได้ของมามั้ยคะ”
ดารณีนุชชูถุงขนมร้านเกษราให้ศินีนุชดูอย่างภูมิใจ
“โอ๊ย เรื่องเล็กแค่นี้ แม่สั่งคำเดียว แม่เกษก็ลนลานทำให้ทันที เราต้องรีบกันแล้วล่ะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า”
ดารณีนุชกับศินีนุชรีบจัดแจงเปลี่ยนสลับข้าวต้มมัดกันอย่างรวดเร็ว สุดท้ายคือเทข้าวต้มมัดเละๆของศินีนุชใส่ถุงขนมของร้านเกษราไป

หม่อมเอียดกับย่าอ่อนชิมข้าวต้มมัดของศินีนุชเสร็จเรียบร้อย ย่าอ่อนตักข้าวต้มมัดชิ้นสุดท้ายกินอย่างเอร็ดอร่อย ปลาบปลื้มออกนอกหน้ามาก
“อร่อย...อร่อยมาก รสชาติกลมกล่อมจริงๆ เหนียวนุ่มหอมหวาน หาที่ติไม่ได้เลย นี่ขนาดทำครั้งแรกนะคะ คุณพี่ ยังทำได้อร่อยขนาดนี้ อย่างนี้ต้องให้ทั้งคะแนนความสามารถและความพยายาม”
“แหม...คุณย่าชมนุชเกินไปแล้วล่ะค่ะ”
ศินีนุชฉีกยิ้มกว้างหันไปยิ้มเยาะใส่สร้อยที่ยังคงคาใจเรื่องข้าวต้มมัดอยู่ ไม่ได้สนใจเรื่องอื่น รัชชานนท์กับจันทาหันมองหน้ากัน รู้ว่า งานนี้แพ้ศินีนุชแล้วแน่นอน
“การแข่งขันครั้งนี้ตัดสินไม่ยากเลย เรียกว่าแทบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำก็รู้ว่า ใครชนะ คุณพี่ตัดสินได้เลยค่ะ คนแพ้คงรู้ตัวดีอยู่แล้ว”
หม่อมเอียดพูดนิ่งๆ
“ข้าวต้มมัดของหนูนุชหอมหวานกลมกล่อม ฝีมือทำขนมไม่แพ้หนูเกษราเลยทีเดียว”
ศินีนุชสะดุ้งเล็กๆ แต่รีบด้านหน้ายิ้มรับคำชมอย่างไม่มีอาย
“ถ้าคะแนนเต็มสิบ ก็คงต้องให้สิบคะแนนเต็ม ส่วนแม่สร้อยฟ้า ฝีมือก็ไม่เลวนัก สำหรับคนทำอาหารไม่เป็น ทำได้ขนาดนี้ ฉันถือว่าสอบผ่าน”
“ผ่านเหรอคะ แต่สำหรับน้อง น้องถือว่าสอบตกค่ะ”
หม่อมเอียดมองย่าอ่อนให้คิดซักนิด ให้มีความยุติธรรมอีกซักหน่อย
ย่าอ่อนไม่เต็มใจนักบอก
“ผ่านก็ผ่านค่ะ ถึงจะสอบผ่านแต่ก็ผ่านอย่างฉิวเฉียด”
ศินีนุชลิงโลด
“นี่หมายความว่า นุชชนะใช่มั้ยคะ ขอบพระคุณค่ะ หม่อมย่า ขอบพระคุณค่ะ คุณย่าที่เมตตานุช”
ศินีนุชยกมือไหว้ขอบคุณหม่อมเอียดกับย่าอ่อนอย่างนอบน้อมประจบประแจง
“ถึงนุชพอจะมีฝีมือทำอาหารอยู่บ้าง แต่ยังไงนุชก็ยังต้องขอมาเรียนเพื่อหาความรู้เพิ่มเติมจากคุณย่านะคะ”
ย่าอ่อนยิ่งปลื้ม
“ได้เลย ลูก มาเรียนกับย่าได้ทุกวันเลย”
“สรุปว่าสร้อยฟ้าสอบผ่าน ทีนี้ย่าอ่อนคงไม่ต้องหนักใจเรื่องที่จะต้องสอนการบ้านการเรือนสร้อยฟ้าแล้วนะครับ” รัชชานนท์ว่า
“ใครว่าล่ะ ยิ่งหนักใจซิไม่ว่า แค่ขนมพื้นๆยังทำแค่พอกินได้ อย่างนี้ต้องเรียนกันอีกเยอะ แล้วไม่ใช่ว่าต้องสอนเรื่องการบ้านการเรือนเท่านั้น ย่ายังต้องสอนเรื่องกิริยามารยาทตั้งแต่การลุก การนั่ง การพูดการจา”
“แล้ววันนี้เราจะเริ่มเรียนกันเลยหรือเปล่า...คะ” สร้อยถาม
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มเรียนกันจริงๆจังๆ” หม่อมเอียดบอก
“งั้นดิฉันไปได้แล้วใช่มั้ย”
สร้อยเดินทื่อๆออกไป ในใจยังคงหมกมุ่นเรื่องข้าวต้มมัดอยู่
“ต๊าย ! ดูซิคะ คุณพี่ ไม่มีมารยาทเอาซะเลย นึกจะไปก็ไปซะเฉยๆ สมกับเป็นคนป่าคนเขาจริงๆ สอนให้ตายก็คงเป็นผู้ดีกับเขาไม่ได้หรอกค่ะ” ย่าอ่อนบอก
“สร้อยฟ้าคงจะอับอายที่แพ้นุชน่ะค่ะ น่าเห็นใจเธอออกนะคะ คุณย่าอย่าไปถือสาเลยค่ะ”
“หนูนุชของย่า...งามทั้งกายงามทั้งใจจริงๆ จะไปหาผู้หญิงที่ไหนที่เพียบพร้อมอย่างหนูนุชได้อีก หาไม่ได้อีกแล้ว” ย่าอ่อนพูดพลางปรายตามองรัชชานนท์
“ผมขออนุญาตไปดูสร้อยฟ้าเขาหน่อยนะครับ ไป จันทา”
รัชชานนท์ดึงจันทาออกไปด้วย ไม่ได้สนใจฟังย่าอ่อนพูดแม้แต่น้อย ศินีนุชยิ้มปลื้มกับคำชมของย่าอ่อน

ขณะที่หม่อมเอียดมองศินีนุชนิ่งคิดถึงฝีมือทำข้าวต้มมัดที่อร่อยเกินจริง

สร้อยเดินเร็วๆ กลับมาทางเรือนคนใช้ พลางคิดทบทวนอีกครั้ง ด้วยความเป็นคนหูไวตาไวอย่างคนอยู่ป่า ช่างสังเกตและเห็นอะไรก็จำได้แม่นยำ

สร้อยถือจานข้าวต้มมัดห้าห่อของตัวเอง รัชชานนท์ดึงจานข้าวต้มมัดไป สร้อยถือจานข้าวต้มมัดหกห่อฝีมือจันทา
สร้อยจึงแน่ใจว่า รัชชานนท์เปลี่ยนจานข้าวต้มมัดอย่างแน่นอน
“เป็นหยังเฮ็ดกันจังซี้”
รัชชานนท์กับจันทาเดินตามมาจนทันสร้อย
“อย่าเพิ่งใจเสียไปเลยนะ สร้อยฟ้า ยังไงวันนี้ก็ถือว่า เธอผ่านด่านหม่อมย่าไปได้แล้ว ไม่ต้องกังวลอะไรเลยนะ ไม่ว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรต่อไป เราก็พร้อมจะช่วยให้เธอผ่านพ้นไปได้”
สร้อยหันกลับมาจ้องหน้ารัชชานนท์อย่างเอาเรื่อง
“เหมือนอย่างที่ช่วยเรื่องข้าวต้มมัดใช่มั้ย”
รัชชานนท์อึกอัก
“ฉันก็...ไม่ใช่ช่วยอะไรมาก ก็แค่คอยให้กำลังใจ”
สร้อยเบนสายตามาจับจ้องจันทา
จันทาพูดอึกอักๆ
“ข้อยกะแค่แอบช่วยหยิบจับบ้างกะซ่ำนั้น”
“ยังไม่ยอมบอกความจริงมาอีก! ฉันรู้นะว่า ข้าวต้มมัดที่ให้คุณท่านชิม ไม่ใช่ข้าวต้มมัดฝีมือฉัน มีคนสับเปลี่ยนจาน ใช่มั้ย!? แล้วข้าวต้มมัดจานนั้นฝีมือใคร”
จันทาก้มหน้างุดๆ ไม่กล้าสบตาสร้อย แค่นี้สร้อยก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร
“คุณชายเล็ก ทำไมทำอย่างนี้”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย! เธอคิดมากไปเอง แล้วที่มากล่าวหาฉันสับเปลี่ยนข้าวต้มมัดของเธอ มีหลักฐานอะไรหรือเปล่า”
สร้อยฮึดฮัดเดินหนีรัชชานนท์ไปอย่างโมโห แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นจ่อยที่ถือจานข้าวต้มมัดของสร้อยเดินเข้ามา มือหนึ่งถือจานอีกมือถือข้าวต้มมัดกินอย่างอร่อย
จ่อยไม่ทันเห็นสร้อย เห็นแต่รัชชานนท์กับจันทาก่อน
“อ้ายจ่อย”
“อีสร้อยบ่กลับมาด้วยบ่ ข้าวต้มของอีสร้อยเทื้อนี้แซบดีเด้อ บ่เค็มโพดคือเทื้อก่อน โชคดีแท้ที่ข้อยลองกินซะก่อน ถ้าเอาไปทิ้งไปตามที่คุณชายสั่งคงเสียดายแย่ คุณชายชิมดูสิ จันทาล่ะ อยากลองชิมบ่”
จ่อยยื่นจานข้าวต้มมัดส่งให้รัชชานนท์ที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ และขยับอีกนิดส่งจานให้จันทาที่ก้มหน้างุดอยู่ ไม่ได้เอะใจกับท่าทางแปลกๆ ของทั้งสองคนเลย แถมยังโซ้ยข้าวต้มมัดต่อไป
“บ่อยากเชื่ออีหลีว่า ข้าวต้มของอีสร้อยสิกินได้”
จ่อยขยับจากจันทามาก็ปะทะสายตาเข้ากับสร้อยพอดิบพอดี จ่อยเห็นสายตาพิฆาตของสร้อยก็มือตีนอ่อน ข้าวต้มมัดที่กินคาอยู่หลุดร่วงจากปาก พร้อมๆกับจานข้าวต้มมัดที่ถืออยู่ก็จะหลุดร่วงจากมือไป แต่สร้อยคว้าจานไว้ได้ทัน
“ข้อยกะบ่อยากเชื่อคือกัน”

สร้อยหันขวับมามองรัชชานนท์ที่หน้าเจื่อนจ๋อยพูดอะไรไม่ออก

หม่อมเอียดนิ่งคิดพิจารณาอยู่ เมื่อได้รับรู้เรื่องการสับเปลี่ยนข้าวต้มมัดจากสร้อยแล้ว

รัชชานนท์มองสร้อยที่นิ่งสงบก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น ที่ทำให้สถานการณ์แย่ขึ้นไปอีก ย่าอ่อนรอฟังคำตัดสินจากหม่อมเอียดไม่ไหว หันขวับไปจ้องเอาเรื่องสร้อยที่นั่งอยู่ที่พื้นทันที
“เธอนี่แย่กว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก เรื่องเล็กๆ อย่างนี้ยังโกงกันได้ แล้วต่อไปเราจะเชื่อถืออะไรเธอได้ แล้วเรื่องที่เธอช่วยชีวิตชายเล็กเป็นเรื่องจริง หรือว่าเป็นกลโกงเพื่อหลอกให้ชายเล็กแต่งงานด้วย”
“ไปกันใหญ่แล้วครับ ย่าอ่อน คนที่โกงคือผมนะครับ สร้อยฟ้าเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ถ้าหากจะโทษ ก็โทษผมคนเดียวเถอะครับ”
ศินีนุชกับดารณีนุชรีบเร่งเดินเข้ามาอย่างกระเหี้ยนกระหือรือมาก
“หม่อมป้าคะ หม่อมป้าทราบเรื่องที่แม่สร้อยฟ้าโกงการแข่งขันหรือยังคะ”
ศินีนุชกับดารณีนุชทำเป็นเพิ่งเห็นสร้อยนั่งอยู่ที่พื้น รู้อยู่ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่ตั้งใจจะมาซ้ำอยู่แล้ว
“สร้อยฟ้าอยู่นี่เอง... เป็นเรื่องจริงเหรอ ที่ว่าเธอให้คนอื่นทำข้าวต้มมัดให้ โธ่ ฉันนึกไม่ถึงจริงๆว่า เธออยากจะเอาชนะฉันถึงขนาดนี้”
“แล้วนี่เราจะลงโทษแม่สร้อยฟ้ายังไงดี เอาอย่างนี้ดีมั้ยคะ จากที่ว่าจะให้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อปรับปรุงตัว เราก็ลดเวลาลงครึ่งนึง” ดารณีนุชว่า
“เป็นความคิดที่ดีทีเดียวค่ะ คุณหญิง เป็นการลงโทษที่เหมาะสมที่สุด” ย่าอ่อนรับคำสนับสนุนเต็มที่
“ย่าอ่อนครับ ผมเรียนแล้วนี่ครับว่า คนที่ผิดคือผมคนเดียว ผมแอบสับเปลี่ยนข้าวต้มมัดโดยที่สร้อยฟ้าไม่รู้ตัว พอสร้อยฟ้ารู้ความจริง เขาก็รีบมาเรียนความจริงกับหม่อมย่าทันที”
“พี่ชายเล็กของนุชช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ ยอมรับผิดแทนคนอื่น”
รัชชานนท์เหนื่อยใจ
“พี่ทำผิดจริงๆ หรือจะต้องให้พี่ไปหาพยานบุคคลหรือหาหลักฐานมายืนยันถึงจะเชื่อกัน”
รณพีร์ถือถุงขนมร้านเกษราเดินเข้ามา
“หลักฐานนี่พอจะยืนยันอะไรได้มั้ยครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า จะใช่หลักฐานของพี่ชายเล็กหรือเปล่า คุณป้าหญิงพอจะคุ้นๆกับถุงขนมถุงนี้มั้ยครับ”
ดารณีนุชกับศินีนุชสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ
“ไม่...ไม่คุ้นตาเลย ตายจริง ! หม่อมป้าคะ ดิฉันต้องรีบไปแล้วล่ะค่ะ มีนัดประชุมที่สภาสตรีต่อ เรื่องทางนี้หม่อมป้าจัดการได้เองอยู่แล้ว ไปกันเถอะ ลูกนุช รีบกราบลาหม่อมย่าซะ ดิฉันกราบลานะคะ”
ศินีนุชกับดารณีนุชรีบยกมือไหว้หม่อมเอียดกับย่าอ่อนอย่างรวดเร็วแล้วรีบเดินออกไป
ดารณีนุชทำคุยเสียงดังระหว่างเดินไป
“แหม แม่เสียดายจริงๆ แม่เพิ่งมาถึงแท้ๆ ก็ต้องรีบกลับ นึกว่าจะมีเวลาดื่มน้ำชากับหม่อมป้าท่านเสียหน่อย แล้วเรื่องแข่งทำขนมเป็นยังไงบ้าง ลูก ยังไม่ได้เล่าให้แม่ฟังเลย”
รณพีร์กับรัชชานนท์มองตามสองแม่ลูกแล้วหันกลับมามองหน้ากัน เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณป้าหญิงเพิ่งมาถึงเสียเมื่อไหร่ล่ะครับ ท่านมาตั้งนานแล้วพร้อมกับถุงขนมร้านคุณเกษ ทุกคนพอเดาออกนะครับว่า คุณป้าหญิงไปซื้อขนมอะไรที่ร้านของคุณเกษมา”
“งั้นนายไปตามน้องนุชกลับมาเร็วเข้า ถ้าโกงกันทั้งสองฝ่าย ก็ต้องรับโทษกันทั้งสองฝ่าย มันถึงจะยุติธรรม” รัชชานนท์บอก
“ไม่ต้องไปตาม อย่าลืมซิว่า คุณหญิงดารณีนุชเธอเป็นใคร” หม่อมเอียดบอก

รัชชานนท์กับรณพีร์หันมามองหม่อมเอียดอย่างไม่เห็นด้วย ยกเว้นย่าอ่อนที่ยิ้มอย่างพอใจ

อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น