รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 9
เย็นนั้น พาทินเดินไป เดินมา หน้าสตูดิโอ เขารอการกลับมาของพิชชา ด้วยความกังวลใจ จิราพัชรขับรถเข้ามาที่ลานจอดทั้งคู่ลงจากรถ จิราพัชรจับมือพิชชาเดินเข้าสตูดิโอ
เขาโบกมือทักทาย พาทินเห็นท่าทีของเพื่อนที่มีต่อพิชชา เขาปั้นสีหน้าไม่ถูก พิชชาเห็นสายตาพาทินที่มองมา เธอรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร เธอหลบตา
พาทินนั่งวาดรูปท่าทางเซ็ง พิชชายืนมองเขาอยู่ห่างๆ
“ฉันไม่รู้ว่าคุณพัชร เขาเป็นคนดีแค่ไหน เขาบอกว่าชอบฉัน...เขาบอกว่าชอบฉันมาก...นอกจากพี่แล้ว ก็คงมีเขานี่แหละที่ดีกับฉันมากขนาดนี้”
พาทินหยุดมือ เขารู้สึกทำใจลำบากที่จะพูดออกมาแย้ง พิชชาพูดสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง
“พี่กับคุณอร เหมาะสมกัน ฉันอยากให้พี่มีความสุขนะ...ฉันเองก็อยากมีความสุขบ้างเหมือนกัน”
พิชชามองพาทินที่นิ่งฟังเธอ
“พี่ไม่ว่าใช่ไหม ถ้าฉันจะคบกับคุณพัชร”
พาทินไม่อยากได้ยินคำพูดนี้จากพิชชา เขาได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ พิชชาเสียใจ แต่คิดว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกคน
เช้าวันใหม่ จิราพัชรเดินออกจากห้องนอน เขาแต่งตัวดูภูมิฐานกว่าทุกวัน หยิบเสื้อนอกมาสวม กระตือรือร้นที่จะทำงานกว่าปกติ
จิราพัชรเดินเข้าไปประชุมด้วยท่าทีที่สดใส ยิ้มแย้มกับพนักงานทุกคนที่เดินผ่าน...จักรกฤษณ์ เป็นประธานในการประชุม จิราพัชรและแพนนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง จักรกฤษณ์พูดนำในการประชุม
“พัชรเขายังอ่อนประสบการณ์อยู่นะครับ ผมฝากพวกอาๆ แนะนำเขาด้วยนะครับ คงต้องใช้เวลาปรับตัวในการทำงานอีกหน่อย”
จิราพัชรนั่งชิมอาหารว่าง ดูเหมือนไม่ใส่ใจสิ่งที่พี่ชายพูดนัก
“เรื่องการบริการของโรงแรมนั้น อยากให้ทุกคนดูรายละเอียดจากเอกสารก่อนนะครับ”
ผู้ถือหุ้นเปิดเอกสารดูรายละเอียด จิราพัชรวางช้อนในมือลง
“ผมขอพูดอะไรอย่างได้ไหม...อาหารที่นี่ห่วยแตก”
จิราพัชรโผล่งคำพูดออกไป โดยไม่รอใครอนุญาต แพนนั่งอยู่ข้างๆ ใช้มีตีที่ต้นขาเขาเบาๆ ปรามการแสดงออกของเขา
“อะไรล่ะ เธอชอบอาหารที่นี่เหรอ”
แพนไม่ตอบ เธอมองผู้บริหารที่มองจิราพัชรอยู่ สีหน้าของทุกคนเหมือนจะเห็นด้วยกับความเห็นของเขา จักรกฤษณ์หน้าเสีย
“ขอโทษด้วยนะครับ เขาชอบพูดอะไรไม่คิดแบบนี้เสมอๆ เอ่อ อีกเรื่องคือสนามกอล์ฟของเราปีนี้ ยอดจองก็ลดไป 20% จากปลายปีที่แล้ว”
จิราพัชรดีดนิ้ว ผู้ช่วยของเขาส่งเอกสารที่เตรียมมาให้ผู้บริหาร
“ดูเอกสาร ที่หน้า 3 จะเห็นว่า เรื่องอาหารเป็นเรื่องแรกๆ ที่แขกของเราอยากให้ปรับปรุง ซึ่งมันก็โยงไปถึงเรื่องบริการอื่นๆ ด้วย อย่างสนามของเรา แขกที่จองมาส่วนใหญ่เป็นสุภาพสตรี แขกผู้ชายส่วนใหญ่มาตีเพื่อคุยธุรกิจกัน มีกลุ่มมีก๊วนอยู่แล้ว ส่วนแขกที่เป็นสตรีไม่ใช่แบบนั้น พวกเขามาตีเพื่อพักผ่อน คุยกันตามประสาผู้หญิง เอ็นจอยกับการกิน ถ้าเราให้สิทธิพิเศษแก่แขกผู้หญิงก่อน เช่นจองเวลาได้ก่อนผู้ชาย มีอาหารดีๆ อร่อยๆ มีบริการอื่นๆ เสริมให้ ผมว่าเราน่าจะได้แขกกลุ่มนี้เป็นแขกประจำของโรงแรมเราแน่นอน”
จิราพัชรออกจากห้องประชุม เขาเดินไปที่ลิฟท์ กดปุ่มรอ คนอื่นๆ เดินแยกไป แพนเดินไล่หลังเขามา
“ทำได้ดีเกินคาดนะ เกิดอะไรขึ้นกับพี่เนี่ย”
“ฉันต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ซะที”
แพนแปลกใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของเขา จิราพัชรยิ้มให้แพน ดูเขามาความสุขกับความคิดของตัวเอง
“ฉันอยากลงหลักปักฐานชีวิตซะที”
ประตูลิฟท์เปิดออก เขาก้าวเดินเข้าไป
“ไปด้วยกันไหม”
แพนยังงง ไม่เชื่อหูตัวเอง
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
แพนรู้สึกตัว เธอยื่นมือขวางประตูลิฟท์ไว้
“หมายความว่ายังไง”
จิราพัชรไม่เข้าใจว่าแพนถามถึงความหมายของอะไร
“เพราะพิชชาเหรอ”
จิราพัชรได้ยินชื่อของพิชชา เขายิ้มให้เธอแทนคำตอบ
“ค่อยเจอกันนะ”
จิราพัชรกดปุ่มปิดประตูลิฟท์
บ่ายนั้น พิชชาพับผ้าขนหนูเสร็จจากการซักรีดแล้ว แยกไว้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
เสียงจิราพัชรดังมาจากปลายสาย
“ทำอะไรอยู่ แวะมาหาผมที่สนามกอล์ฟหน่อยสิ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันกำลังทำงานอยู่”
“ผมเซ็งนะ เล่นอยู่คนเดียว”
“ฉันไปไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างฉันเองก็เล่นไม่เป็นนะคะ”
“ถ้างั้นมาเป็นแคดดี้ ถือถุงก๊อล์ฟให้หน่อย”
พิชชาถอนใจที่เขาตื้อ
“ฉันไปไม่ได้จริงๆ งานทีทำก็ยังไม่เสร็จ”
“งั้น เดี๋ยวผมโทรไปคุยกับหัวหน้าคุณให้ ขอตัวมาแป๊บเดียว”
พิชชากลัวว่าจิราพัชรจะทำแบบคราวก่อนที่ไปหาเรื่องพาณีอีก
“อย่านะคะ ขอเวลาฉันเสร็จงานตรงนี้ก่อนนะคะ สักสิบห้านาที”
จิราพัชรหัวเราะ
“ผมจะรอนะ”
พิชชาวางสาย ถอนใจกับความเอาแต่ใจของเขา
พิชชาในชุดแม่บ้าน เดินไปหาจิราพัชรที่ยืนไดรฟกอล์ฟตามลำพัง จิราพัชรมองดูนาฬิกา ท่าทางร้อนใจ เขาหันไปเห็นพิชชากำลังเดินมาพอดีก็ส่งยิ้มให้เธอ พิชชายิ้มตอบ จิราพัชรพยายามตีลูกให้ลงหลุม พิชชายืนดูอยู่ข้างๆ เขาลุ้นอยู่หลายครั้ง ลูกไม่ลงเสียที พิชชามองท่าทางของเขา เธออดยิ้มไม่ได้ บางครั้งก็อดหัวเราะตอนเขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างไม่มีเหตุผล จิราพัชรตั้งใจใหม่ เขาตีลงจนได้ พิชชาอดดีใจด้วยไม่ได้เธอปรบมือให้ เขาผายมือให้เธอไปที่หลุม
“เก็บลูกให้ด้วยสิครับ”
พิชชาหน้างอ ไม่คิดว่าเขาจะใช้เธอจริงๆ เธอเดินไปที่หลุมนั่งลงข้างๆ ล้วงมือลงไปในหลุมหยิบลูกกอล์ฟออกมา และรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้นด้วย เธอหยิบมันตามออกมา เป็นสร้อย เส้นหนึ่ง พิชชาแปลกใจ จิราพัชรยิ้มให้ พิชชามองสร้อยนั้น เริ่มเข้าใจเจตนาของเขา เธอเดินกลับไปที่ตึกเพื่อทำงานต่อ จิราพัชรเดินตามไปข้างๆ
“สร้อยเส้นนี้ มันคงแพงนะคะ”
“อย่าไปตีราคาให้กับของขวัญ แม่เคยบอกผมไว้อย่างนั้น”
พิชชายื่นมันคืนให้เขา จิราพัชรรับมันคืนกลับมา เขาปลดตะขอสร้อยออก
“มานี่”
จิราพัชรโอบสร้อยนั้นรอบคอ เธอจับมันฝืนไว้ จิราพัชรมองตาเธอ
“อย่ามองว่าราคามันแพงหรือถูก แค่อยากให้คุณมองว่า มันเป็นสิ่งที่ผมให้คุณจากใจ แค่นั้นได้ไหม”
พิชชาคลายมือที่จับสร้อยนั้น จิราพัชรติดสร้อยคอนั้นเสร็จ สายน้ำจากหัวฉีดรดสนามหญ้า ฉีดละอองน้ำทำให้ด้านหลังทั้งคู่มีรุ้งกินน้ำเล็กๆ เกิดขึ้น
“ผมพยายามปรับปรุงตัว ให้ดีขึ้น ให้เป็นคนที่ดีในสายตาของคุณ ขอให้คุณไว้ใจผม ผมจะเป็นผู้ชายคนที่คุณไม่มีวันผิดหวัง”
อ่านต่อหน้า 2
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
พิชชานิ่งฟัง หยั่งความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเขา
“เมื่อเช้าเข้าประชุมเป็นครั้งแรก ทำเอาเครียดเหมือนกันนะ”
จิราพัชรหัวเราะแก้เก้อ
“ฉัน...อาจจะไม่ดีพอสำหรับคุณ ฉันรับเอาไว้ไม่ได้นะคะ”
พิชชาจะปลดสร้อยออกจากคอ จิราพัชรจับข้อมือของเธอไว้ ดึงลงมากุมไว้
“ผมเข้าใจ คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ผมขอแค่คุณคอยยิ้มให้ หายใจอยู่ข้างๆผมก็พอแล้วล่ะ ตกลงไหม นะ”
พิชชาไม่รู้จะบอกความรู้สึกที่สับสนข้างในยังไง เธอได้แต่ยิ้มเศร้าๆ ให้เขา
พาทินเพิ่งเลิกจากการสอน เดินจากตึกไปตามทาง เขาเห็นอรอินทุ์นั่งรอที่ม้าหินในสวนหย่อม พอเห็นเขา เธอรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหา
“คุณเป็นไงบ้าง”
“คุณคิดว่ายังไงล่ะคะ”
พาทินไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“คุณไม่ต้องมาพูดว่าเสียใจหรอกนะ”
“ผมถูกเกลียดไปแล้วใช่ไหม”
อรอินทุ์หัวเราะ
“ก็ใช่นะสิ”
อรอินทุ์ปรับอารมณ์ของตัวเองกลับมา
“ตอนนี้คุณไปกับฉันได้ไหม”
พาทินไม่ปฏิเสธคำชวนของอรอินทุ์ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้
อรอินทุ์พาพาทินมาที่คอนโดของเธอในหัวหิน เธอเปิดประตูนำเขาเข้ามาในห้องซึ่งมีเฟอร์นิเจอร์อยู่ไม่มากนัก ยังมีข้าวของที่อยู่ในกล่อง ที่เพิ่งขนมาวางไว้ พาทินมองห้องพักนั้นไปรอบๆ เห็นกรอบรูปถ่ายภาพเขากับเธออยู่บนโต๊ะ
“ฉันมาเช่าห้องพักที่นี่เอาไว้ รับกาแฟไหมคะ”
พาทินแปลกใจ อรอินทุ์ยกแก้วกาแฟมาให้เขา
“ยังไม่ได้มีเวลาออกไปซื้อของใช้เลย”
อรอินทุ์กวาดตามองไปรอบห้อง
“ไม่เลวใช่ไหม ใกล้สตูของคุณ ใกล้มหาลัยด้วย”
พาทินรู้เจตนาของอรอินทุ์
“อร”:
“ฉันรู้ว่าคุณจะพูดอะไร”
อรอินทุ์นิ่งเก็บอารมณ์ที่ฝืนไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลออกมา
“ฉันรู้ว่าคุณไม่รักฉัน...ไม่เคยรักแบบจริงๆ ฉันรู้ว่าคงจะดีกว่าถ้าเราเลิกคบกันไป”
อรอินทุ์สะอื้นพูดไม่ออก พาทินมองอย่างลำบากใจกับสิ่งที่จะพูดให้เธอฟัง
“อร ผมมีเรื่องที่ไม่ได้บอกคุณ” ชายหนุ่มถอนใจออกมา “ผมไปรักคนอื่นแล้ว”
อรอินทุ์กลั้นสะอื้น รู้เหตุผลของเขา เธอเช็ดน้ำตา รวบรวมสติกลับมา
“ทินคะ ฉันรู้นะคะว่าทำไม คุณอยากให้ฉันปล่อยคุณไป”
พาทินลำบากใจมากขึ้น
“แต่ ฉันจะไม่ยอมปล่อยคุณ” อรอินทุ์น้ำตาไหลอีก “ถึงคุณจะไปรักคนอื่นแล้วก็ตาม ฉันไม่อยากเสียคุณไป”
พาทินหนักใจ เขาได้แต่มองหญิงสาวไม่มีคำพูดจะอธิบาย
“ผู้หญิงคนที่คุณไปหลงรักเขา เธอรักคุณตอบหรือเปล่าคะ”
พาทินมองอรอินทุ์ เขาเองก็ไม่แน่ใจในคำตอบนั้น
“ถ้าฉันปล่อยคุณไป คุณจะแต่งกับเธอได้เหรอคะ”
พาทินถอนใจ
“อร”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น อรอินทุ์เช็ดน้ำตา
“คงมากันแล้ว ฉันชวนพัชรมากินข้าวเย็นด้วยกัน”
อรอินทุ์เปิดประตูรับจิราพัชรและพิชชา จิราพัชรมองไปรอบๆ
“ห้องน่ารักดีนี่”
จิราพัชรยื่นช่อดอกไม้ที่ถือมาให้อรอินทุ์
“ขอบคุณจ๊ะพัชร”
“คนนั้นเขาเป็นคนจัดการ”
จิราพัชรโบ้ยหน้าไปด้านหลัง พิชชาที่เดินตามมาส่งยิ้มทักอรอินทุ์ พาทินที่ยืนอยู่ด้านหลังของอรอินทุ์ ยืนมองพิชชา เขายิ้มบางๆ เหมือนจะรับทักยิ้มของเธอ
“ขอบคุณนะพิชชา” อรอินทุ์ยิ้มให้
พิชชาค้อมหัวรับคำขอบคุณของอรอินทุ์
“นั่งเลยจ๊ะ ขอเวลาเตรียมอาหารแป๊บนึงนะจ๊ะ”
อรอินทุ์ปลีกตัวไปที่ครัว พาทินมองพิชชาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขามีบางอย่างที่จะพูดกับเธอ จิราพัชรหันไปเรียก
“พิชชา มานั่งสิ”
พิชชาเดินไปหาเขา
ทั้งสี่คนนั่งอยู่ที่โต๊ะ กินมื้อเย็นที่อรอินทุ์จัดทำเสร็จแล้ว จิราพัชรบ่น
“ทำซะเยอะเลย”
อรอินทุ์ยิ้ม
“แล้วถูกปากบ้างไหม”
“อันนี้อร่อย”
จิราพัชรตักอาหารที่เขาชมให้พิชชา พาทินมองท่าทีของเพื่อนที่เอาใจใส่พิชชา เธอกินกับข้าวที่จิราพัชรตักให้
“เป็นไง อร่อยใช่ไหม เฮ้ย...ทินตอนเด็กๆ พิชชากินเก่งไหม”
พิชชาทำหน้าไม่ถูกเมื่อจิราพัชรถาม พาทินยิ้ม
“เก่งสิ”
“น่าอิจฉาว่ะ มีคนที่โตมาด้วยกัน”
อรอินทุ์หันมาถาม
“พวกคุณโตมาด้วยกัน คงรักกันเหมือนพี่น้องจริงๆ ใช่ไหมคะ”
พาทินและพิชชาสะดุดกับคำพูดของอรอินทุ์ จิราพัชรมองพิชชา
“ผมว่าคุณสนิทกับไอ้ทิน มากกว่าแพนอีกนะ”
พิชชาฝืนยิ้มพยักหน้ารับ อรอินทุ์สังเกตเห็นสร้อยคอของพิชชา
“สวยจังเลย”
พิชชาเอามือจับที่สร้อย
“อันนี้เหรอคะ”
จิราพัชรหันไปมองที่คอของพิชชา เขายิ้ม
“สวยใช่ไหม ฉันซื้อให้เอง”
พาทินคาดไม่ถึง
“ซื้อให้เหรอ”
“อือ จริงๆ อยากให้แหวน แต่มันดูรวบรัดเกินไป ใช่ไหม”
พิชชาวางสีหน้าไม่ถูก อรอินทุ์แปลกใจ
“สองคนคบกันแล้วเหรอคะ”
จิราพัชรพยักหน้ารับอยู่คนเดียว พิชชาไม่มีท่าทีตอบอะไร จิราพัชรหันมาหาอรอินทุ์
“เออ พวกเธอหมั้นกันแล้วนี่ อรขอดูแหวนหน่อยสิ”
อรอินทุ์ยกมือข้างที่สวมแหวนให้ดู
“สวยดีเหมือนกันนะว่าไหม”
จิราพัชรหันแหวนของอรอินทุ์ให้พิชชาดู พิชชชาอึดอัดในความรู้สึกของตัวเอง
“ค่ะ สวยจริงๆ”
จิราพัชรหันไปยิ้มให้พาทิน
“มึงนี่รสนิยมดี วันหลังจะชวนมึงไปเป็นเพื่อนช่วยเลือกให้กูหน่อย”
พิชชาอึดอัดใจจนทนไม่ไหว เธอลุกขึ้นจากโต๊ะ ชามแกงหกรดใส่ข้อเท้าของเธอ ทุกคนตกใจ พาทินและจิราพัชรต่างก็เข้าช่วยพิชชา พาทินถามอย่างห่วงใย
“ลวกหรือเปล่า”
พิชชาพยักหน้ารับ พาทินใช้มือเก็บเศษอาหารที่อยู่บนข้อเท้าออก อรอินทุ์และจิราพัชรยืนมองทั้งคู่ทำอะไรไม่ถูก
อ่านต่อหน้า 3
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
พาทินและจิราพัชรยืนมองวิวของเมืองยามเย็น พิชชาและอรอินทุ์นั่งอยู่ที่ม้านั่งใกล้ๆ พิชชาหันไปถาม
“คุณอรกับพี่ ดีกันแล้วเหรอคะ”
อรอินทุ์ส่ายหน้า
“ทินน่ะ หัวรั้นจะตาย”
“ฉันว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้นเองค่ะ”
“เธอเองล่ะ มีความสุขหรือเปล่า...ไม่เคยเห็นพัชรทำตัวดีแบบนี้มาก่อนเลยนะ เธอเปลี่ยนเขาได้”
“คงเป็นแค่ส่วนเล็กๆ พื้นฐานของคุณพัชร เขาก็เป็นคนดีอยู่แล้วค่ะ”
“ตอนเด็กๆ เธอคงเป็นคนน่ารักมากสินะ”
“ฉันจำไม่ค่อยได้หรอกค่ะ”
“พาทินล่ะ ตอนเด็กๆ เขาเป็นคนยังไงเหรอ”
พิชชานึกถึงความหลัง
“พี่เหรอคะ...ในความทรงจำของฉัน ภาพของพี่ในหัวของฉันมันชัดเจนกว่าของตัวเองอีก”
ภาพในอดีตของพิชชาและพาทินฉายจากความทรงจำออกมา ตอนที่ทั้งสองขี่จักรยานไปโรงเรียน...วิ่งเล่นที่ทะเล...หลบฝนที่บ้านร้าง...เขาแบกเธอกลับบ้าน...พาทินถูกพ่อต่อว่าเรื่องพิชชาและแพน
“เขาเป็นคนที่น่ารัก น่ารักมาก”
จิราพัชรยิ้ม
“อิจฉามึงว่ะ โตมากับคนที่ดีๆ น่ารักแบบเธอ”
จิราพัชรยื่นมือออกไป
“ขอสัญญาเลยเพื่อน”
พาทินงงๆ
“อะไรของมึง”
“กูกำลังให้คำมั่นกับมึงไง ว่าจะทำให้พิชชาเขามีความสุข”
พาทินวางตัวไม่ถูกกับท่าทีเอาจริงของจิราพัชร
“เรื่องนี้...”
จิราพัชรยื่นมือค้างไว้ พาทินยังคงยืนเฉย จิราพัชรจับมือของพาทินมาจับกับมือของตัวเอง อรอินทุ์ยิ้ม
“อนุญาตเถอะค่ะ”
จิราพัชรหัวเราะ
“มีตัวแทนอนุญาต ถือว่าสัญญาแล้วนะ”
พาทินมองพิชชาที่นั่งมองวิว ไม่ได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
ค่ำนั้น พาทินขับรกเข้ามาจอดหน้าสตูดิโอ พิชชาลงจากรถ พาทินเดินซึมๆ ไปที่ม้านั่ง พิชชาเดินตาม นั่งลงข้างๆ เขา พาทินพูดสิ่งที่อยู่ในใจที่อึดอัดมานาน
“พิชชา พี่ว่าเราทั้งคู่เลิกหลอกตัวเองกันเถอะ พี่ไม่อยากโกหกตัวเอง”
พิชชาไม่แสดงความรู้สึก หรืออารมณ์อะไรออกมา เธอนั่งรับฟังเขา
“ถ้าเราไม่จริงใจกับตัวเอง เราจะเจ็บช้ำมากกว่านี้ขึ้นไปอีก ทั้งพี่ เธอ พัชร รวมทั้งอร ทุกๆคน”
พาทินมองสายตาขอความเห็นใจ พิชชายังคงนิ่งรับฟัง
“เธอรักพัชรจริงๆ เหรอ”
พิชชาหวั่นไหวกับคำถามที่พาทินตั้ง
“พี่รู้ว่าเธอไม่ได้รัก”
พิชชามองเขาน้ำตาคลอ ความรู้สึกที่แท้จริงในใจเก็บเอาไว้ไม่อยู่ เธอเบนสายตาไปมอง แสงไฟจากรถคันหนึ่งที่วิ่งเข้ามาจอด พาทินหันมองตามสายตาของพิชชา ชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งลงมาจากรถ พงศกรมองไปรอบๆ
“คงเป็นแถวนี้ล่ะ”
พจนินท์มองหา
“เราน่าจะโทรมาก่อนนะ”
พงศกรยืนมองเข้าไปในสตูดิโอ เห็นพาทินนั่งอยู่กับพิชชา พาทินเห็นพงศกรจากแสงไฟ
“พ่อ”
พิชชาได้ยินคำทักของพาทิน เธอค่อยๆ ลุกขึ้นมองชายหญิงคู่นั้น พงศกรเห็นพิชชา ก็จำได้ พจนินท์เองเช่นกัน ทั้งคู่ทั้งดีใจและแปลกใจในคราวเดียวกัน พิชชาดีใจกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เธอจ้องมองพ่อและแม่อย่างสุดแสนคิดถึง
“แม่คะ”
พจนินท์ดีใจมาก
“พิชชา”
ทั้งคู่ดีใจตะลึงมองกันอยู่พักใหญ่ พจนินท์ก้าวเดินไปหาพิชชาที่วิ่งมาหา ทั้งคู่กอดกันแน่นด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ พจนินท์เอาแต่เรียกชื่อพิชชา ลูบหัวลูบหน้าด้วยความรัก
“พิชชา พิชชาจริงๆ ใช่ไหม พิชชาลูกแม่”
“แม่คะ”
ทั้งคู่ร้องไห้ด้วยความดีใจ พงศกรยืนมองทั้งคู่ คาดไม่ถึง เขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกดีใจหรือเสียใจดี พาทินเองก็ปั่นป่วนอารมณ์กับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
พจนินท์นั่งมองพิชชา ลูบเนื้อตัวด้วยความเป็นห่วง จับมือพิชชาขึ้นมาลูบด้วยความทะนุถนอม
“ลูกโตขึ้นมากเลย”
พิชชาน้ำตาคลอ
“แม่คะ”
พจนินท์มองพิชชา
“โตขึ้นมากจริงๆ” พจนินท์ก้มหน้าหลบตา “แม่ขอโทษ ที่ไม่อยู่กับหนูในช่วงเวลาที่หนูเติบโต ลูกคงลำบากมากสินะ”
พิชชาส่ายหน้า
“ไม่หรอกค่ะแม่”
“เรียนเป็นไงบ้าง”
“ก็พอไหวค่ะ แต่หนูไม่ได้เรียนต่อหรอกนะคะ”
พจนินท์รู้สึกผิด สงสาร พิชชาสังเกตเห็น
“แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แม่ก็รู้หัวหนูไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“เป็นความผิดของแม่เอง”
พิชชาเข้าใจถึงความเสียใจของพจนินท์ที่มีต่อเธอ
“ไม่รู้จะบอกลูกยังไง ว่าแม่เสียใจแค่ไหน ที่ทิ้งให้ลูกต้องอยู่คนเดียว”
พจนินท์ก้มหน้าน้ำตาไหล
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ ไม่เป็นไรนะคะ”
พจนินท์รู้สึกตัวว่า ทำให้เรื่องที่น่าดีใจกลายเป็นเรื่องเศร้า เธอเช็ดน้ำตา หัวเราะออกมา
“แม่เป็นอะไรไปเนี่ย แม่ไม่ควรร้องไห้ใช่ไหม ยิ่งจะทำให้เห็นหน้าลูกไม่ชัด คิดถึงแม่บ้างไหม”
พิชชาพูดไม่ออก ความรู้สึกมันแล่นขึ้นมาจุกอก เธอได้แต่พยักหน้ารับ พจนินท์มองหน้า
“มากแค่ไหน ไม่ลืมแม่ใช่ไหม”
“หนูไม่เคยลืมแม่”
“แม่ คิดถึงลูกมาก คิดถึงจนปวดร้าวไปหมด”
พจนินท์น้ำตาไหล พิชชาเองก็เช่นเดียวกัน พจนินท์ดึงพิชชาเข้ามากอดไว้
พงศกรกับพาทินนั่งอยู่ที่ริมหาดด้านนอก
“พิชชา ยังคงน่ารักเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กเลย”
“ครับ”
“น้องทำงานที่โรงแรมรึ”
“ครับพ่อ”
“บ้านนั้นคงเลี้ยงมาดี”
พาทินรู้ว่าสิ่งพ่อคิดตรงข้ามกับความเป็นจริงที่พิชชาต้องเจอ
“พ่อน่ะ คิดผิดมาตั้งแต่แรก ตอนย้ายไปอเมริกา เราน่าจะพาพิชชาไปกับเราด้วย” พงศกรนิ่ง ถอนใจ “ยิ่งตอนที่แม่ล้มป่วย พ่อน่าจะกลับมาพาพิชชาไปอยู่ด้วย”
“พ่อครับ ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ พิชชาก็โตมาดี”
พงศกรหน้าเศร้า เขากลั้นน้ำตาไม่อยู่
“พ่อรู้”
พงศกรถอนใจ
อ่านต่อหน้า 4
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 9 (ต่อ)
บ่ายวันต่อมา...แพนเดินกลับเข้าบ้าน เห็นโต๊ะอาหารที่สนามหน้าบ้าน มีชุดจานช้อนวางไว้หลายชุด เธอยืนมองอย่างสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง นึกได้ว่าพ่อและแม่อาจจะกลับมาแล้ว แพนเร่งฝีเท้าเดินเข้าบ้าน ด้วยความดีใจ
เธอเปิดประตูย่องเข้าบ้าน กวาดตามองไม่เห็นใคร
“แม่คะ แม่”
พงศกรเดินจากด้านใน ตามเสียงเรียก แพนดีใจวิ่งเข้าไปกอดเขา
“พ่อคะ พ่อสวัสดีค่ะ”
“เบาๆ”
“ทำไมไม่โทรมาก่อน หนูจะได้ไปรับที่สนามบิน”
“ก็ไม่อยากให้ลูกต้องลำบากไง”
พจนินท์เดินมาจากครัว
“มาแล้วเหรอแพน”
แพนหันมาดีใจโผกอดแม่
“แม่คะ”
“พอแล้วลูก”
แพนผละจากแม่
“วันนี้มีอะไรคะ เห็นจัดชุดใหญ่ที่สนาม”
พงศกรยิ้มแย้มบอก
“ก็แค่กินข้าวร่วมกันน่ะลูก บ้านเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้ว”
แพนยิ้มกว้าง
“ดีจังค่ะ หนูก็กำลังหิวพอดีเลย”
แพนเห็นสีหน้าของพจนินท์ แปลกใจที่แม่ไม่รู้สึกดีใจเหมือนเธอ
“แม่เป็นอะไรคะ”
“แพน ลูกน่ะ...”
“คะ”
“ทำไมไม่บอกแม่กับพ่อว่า ได้เจอพิชชาแล้ว”
แพนหน้าเปลี่ยน ความดีใจหายไป พาทินเปิดประตู พาพิชชาเข้าบ้านมา
“มาแล้วครับ”
แพนหันไปมองตามเสียงของพาทิน เธอเห็นพิชชาเดินตามพาทินเข้ามา พิชชาหน้าเจื่อนเพราะแพนมองทั้งคู่อย่างไม่พอใจ พงศกรและพจนินท์เอง ก็รู้สึกถึงความไม่พอใจของแพน พจนินท์เดินไปหาพิชชา
“วันนี้เลิกเร็วเหรอ”
“งานกะเช้าจะเลิกเร็วหน่อยค่ะ”
แพนมองแม่ที่ปฏิบัติกับพิชชาอย่างดี เธอรู้สึกน้อยใจและไม่พอใจ พิชชาหันไปมองแพนยิ้มทักทาย
“แพน”
แพนฝืนยิ้มรับ พงศกรรีบไกล่เกลี่ยบรรยากาศที่อึมครึมของทั้งคู่
“พิชชากับแพนคงไม่ได้เจอกันนานแล้วสินะ”
แพนพยายามเก็บความไม่พอใจไว้ข้างใน พิชชารู้สึกกดดัน พาทินวางตัวไม่ถูก
แพนเดินไม่พอใจออกจากบ้าน พาทินและพิชชาเดินตามมาทำความเข้าใจ
“แพนฟังพี่ก่อนสิ”
พาทินคว้ามือรั้งแพนเอาไว้ เธอสะบัดหลุด พิชชาคว้าแขนแพนรั้งไว้ได้
“แพน เดี๋ยวสิ”
แพนเหวี่ยงแขนกลับไม่ให้พิชชารั้งเธอไว้ แรงของเธอทำให้ข้อมือกระแทกโหนกแก้มพิชชาอย่างไม่ตั้งใจ พาทินเดินเข้าไปผลักแพนเบาๆ แยกเธอออกจากพิชชา
“แพน”
แพนมองพาทินด้วยความไม่พอใจและน้อยใจผสมกัน พาทินไม่รู้ว่าจะต่อว่า หรือพูดอะไรให้แพนเข้าใจดี จิราพัชรและอรอินทุ์เดินเข้ารั้วบ้านมา เห็นทั้งสามคนยืนด้วยกัน เขาเดินเข้าไปทัก
“โห อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันดีจัง วันรวมญาติใช่ไหมเนี่ย”
จิราพัชรเห็นพิชชายืนจับแก้ม สีหน้าไม่ดีนัก เขาเดินเข้าไปหาเธอ
“เธอเป็นอะไรน่ะ มีอะไรเหรอ”
จิราพัชรกวาดตามองที่พาทินและแพน ที่สีหน้าของเธอที่ดูไม่พอใจมาก แพนเดินจากไป
แพนขับรถไปจอดร้องไห้ น้อยใจและเสียใจที่ทุกคนละทิ้งความใส่ใจที่มีให้เธอ เรื่องราวในอดีตที่เธอกลัวกลับมาอีก...พิชชาได้เลือกเป็นหัวหน้าห้อง...พิชชาทำให้เธอขายหน้าเรื่องข้าวกล่อง...พจนินท์ตำหนิแพนเรื่องเสื้อผ้าของพิชชาที่เธอเอามาลอง...ภาพอดีตยิ่งทำให้แพนเสียใจมากขึ้น เธอต้องเสียทุกอย่างให้พิชชาหมด
แพนจอดรถมองเข้าไปที่บ้านเห็น สุนทรีทำงาน แพนนั่งน้ำตาไหลมองดูแม่อายุมากขึ้นแล้วยังต้องลำบากทำงานหนัก ด้วยความรู้สึกสงสารและสมเพช เมื่อรู้สึกตัวแพนเก็บอารมณ์ของตัวเองคืนไว้ข้างในเหมือนเดิม เธอเช็ดน้ำตาจนแห้ง ติดเครื่องรถค่อยๆ ขับจากมา ขณะเดียวกันนั้น เด็กคนหนึ่ง เดินมาหยิบของที่สุนทรีวางเอาไว้ เธอหันไปเห็นโมโหวิ่งไล่กวดเด็กนั้น แพนเลี้ยวรถกลับ เด็กนั้นวิ่งปาดหน้ารถ แพนเหยียบเบรกหยุด สุนทรีมองผ่านกระจกหน้ารถ เห็นคนขับคือแพน สุนทรีหยุดยืนมองคิดไม่ถึง
“แพน”
ทั้งคู่มองกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ว่าควรจะยินดีที่พบหรือควรจะหลีกหนีไม่เผชิญหน้ากัน
ดีกว่า
สุนทรีและแพนนั่งที่ม้าหินใกล้บ้าน ทั้งคู่อยู่ในอารมณ์ซึมเศร้า ไม่รู้จะเริ่มต้นคุยอะไรกัน สุนทรีนั่งน้ำตาไหล แพนมีความรู้สึกไม่ต่างกัน แต่เก็บอาการเอาไว้
“หยุดได้แล้วล่ะ”
สุนทรีรู้สึกตัว เช็ดน้ำตาบนใบหน้า
“ฉันไม่ได้ร้องนะ”
สุนทรีสะอื้นปล่อยอารมณ์ออกมา น้ำตาไหล แพนกลั้นอารมณ์ตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน น้ำตาไหลบ้าง
“พอเถอะน่า”
สุนทรีเช็ดน้ำตา
“บ้านนั้นเขาดีกับแกไหม...ดูแลแกดีไหม”
“ข้อนั้นมันแน่อยู่แล้ว เพราะฉันเป็นสายเลือดของเขานี่ อยากได้อะไรก็ได้”
สุนทรีก้มหน้าซ่อนความเจ็บปวดของตัวเอง ก่อนจะถอนใจออกมา
“ฟังแล้วก็ดีใจ ต้องขอบคุณบ้านนั้นเขาจริงๆ”
สุนทรีสะอื้นอีก แพนหงุดหงิดที่สุนทรีร้องไห้ ทำให้เธออดสะเทือนใจไม่ไหว เธอพูดเสียงดุ
“หยุดทีเถอะน่า ยิ่งเห็นแบบนี้ฉันใจไม่ดีนะ”
แพนร้องไห้บ้าง สองแม่ลูกนั่งร้องไห้ เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่ยังตัดไม่ขาด
“ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้...พิชชากับแม่เขาดีใจกันจะตายที่เจอกัน ทำไมถึงไม่รู้สึกเหมือนกันล่ะ”
สุนทรีได้ยินว่าพิชชาไปพบกับพจนินท์มาแล้วก็ตื่นเต้น
“พิชชา ไปเจอบ้านนั้นมาแล้วเหรอ”
แพนยิ่งเก็บความรู้สึกไม่อยู่ เธอยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม สุนทรีมองแพนก็รู้ว่า เธอเสียใจและน้อยใจในเรื่องนี้มาก
ทุกคนนั่งล้อมวงที่โต๊ะอาหาร พาทินบอกทุกคน
“เดี่ยวผมเข้าไปตามแม่เอง”
พาทินลุกจากโต๊ะเดินเข้าไปในบ้าน พิชชามองตาม สายตากังวลเรื่องแม่
พจนินท์นั่งอยู่ที่โต๊ะในครัว ยังสวมผ้ากันเปื้อนนั่งคิดเรื่องของ แพนและพิชชาในใจ พาทินเห็นแม่นั่งคิด เขาเดินเข้าไปหา นั่งลงข้างๆ
“ทุกคนรอแม่อยู่นะครับ”
พจนินท์ถอนใจ
“แพนล่ะ”
“แพนคงน้อยใจน่ะครับ”
“แพนน่ะ ไม่ว่าจะยังไง ก็จะอยู่กับเราได้ตลอด ถึงแม่จะป่วยกระเสาะกระแสะเขาก็ยังมีแม่ไว้พึ่งพาได้ แต่ พิชชาล่ะ...พาทิน ลูกรักพิชชาเขาไหม ยังรักน้องเหมือนเดิมไหม”
พาทินคิดถึงความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองในใจเมื่อพจนินท์ถาม พิชชาเดินเข้ามาตามทั้งคู่ ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคุยกัน
“พาทิน พิชชา เราตั้งชื่อให้คล้องจองกัน ให้รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน แม่มีความสุขที่รู้ว่า พิชชาไปไหนพาทินจะคอยดูแล แม่มีลูกสองคนแค่นี้ ชีวิตของแม่ก็มีความสุขแล้ว ไม่ว่าจะยังไง ลูกก็อย่าทอดทิ้งพิชชานะ ให้ถือว่าเป็นน้องแท้ๆจะได้ไหม”
พาทินถูกความรู้สึกข้างในบีบจนเจ็บ เขารับปากแม่ด้วยความกล้ำกลืน
“ครับ”
พิชชาที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ ที่มุมหนึ่ง น้ำตาไหลด้วยความซึ้งใจของแม่ที่ยังรักและห่วงเธอ อีกด้านก็เสียใจที่เธอกับพาทินไม่สามารถไปไกลกว่านี้
โปรดติดตาม รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 10