xs
xsm
sm
md
lg

ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 5

เจ๊พีชประคองพงศ์จันทรเข้ามานั่งในบ้าน พงศ์จันทรค่อยๆนั่งลง
“เบาครับเจ๊...”
“โถๆๆ คุณพงศ์...ช่างน่าสงสาร เจ๊เป่าให้มั๊ยคะ จะได้หายเจ็บ” เจ๊พีซอาสา
“ไม่ต้องรบกวนเจ๊ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
เจ๊พีชยิ้มแหย “เจ๊ไม่เข้าใจจริงๆว่าคุณพงศ์กับคุณหญิง ไปโกรธกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน”
“ผมไม่รู้หรอกครับ ผมรู้แต่ว่าจะชาติไหนๆ ก็ไม่ขอเจอยัยคุณหญิงโรคจิตคนนี้อีก และผมก็จะไม่มีวันยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆแน่ เจ๊รู้จักคุณหญิงนิ่มดีขนาดไหนครับ”
“เจ๊ก็ไม่ค่อยได้คุยกับคุณหญิงนิ่มเท่าไหร่หรอกค่ะ ถ้าจะคุยกัน ก็เพราะมีธุระ หรือเป็นเรื่องงานมากกว่า”
“เหรอครับ...ผมอยากรู้จักตัวตนของคุณหญิงนิ่มให้มากกว่านี้ เจ๊พอจะแนะนำอะไรผมได้บ้างมั๊ย”
เจ๊พีชคิดนิดนึงแล้วก็นึกออก
“เจ๊รู้มากว่าคุณหญิงเขียนบล็อค คุณพงศ์ลองเข้าไปอ่านดูสิคะ มันอาจจะช่วยทำให้คุณพงศ์รู้จักคุณหญิงนิ่มมากขึ้น”
พงศ์จันทรนิ่งฟังด้วยความสนใจ

พงศ์จันทรกำลังนั่งอ่านบล็อคของหญิงนิ่มอย่างตั้งใจ
พงศ์จันทรเลื่อนเม้าส์ลงมาอ่านเรื่อยๆ จนกระทั่งอ่านจบ
“เขียนแต่เรื่องความรักทั้งนั้น แถมยังเป็นความรักที่สมหวัง เพ้อฝันที่สุด”
แล้วพงศ์จันทรก็นึกอะไรออก เขายิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจออกมา
“ผมจะสอนให้คุณรู้ว่าความรักที่แท้จริง มันเป็นยังไง?”
พงศ์จันทรเริ่มพิมพ์ข้อความลงไป
“สวัสดีครับคุณหญิง ผมเพิ่งเข้ามาอ่านบล็อคของคุณหญิงเป็นครั้งแรก มันทำให้ผมได้เห็นอีกด้านหนึ่งของความรัก..”

หญิงนิ่มกำลังอ่านข้อความของพงศ์จันทรจากไอแพด
“เพราะที่ผ่านมา...ผมถูกผู้หญิงทิ้งมาตลอด ทำให้ไม่เชื่อในรักแท้ รักแท้มีจริงด้วยเหรอครับคุณหญิง....จากชายไร้หัวใจ”
หญิงนิ่มพิมพ์ตอบกลับไป
“ถึงชายไร้หัวใจ ความรักคือสิ่งสวยงามสำหรับหญิงเสมอค่ะ การที่คุณโดนทิ้ง คงเป็นเพราะคุณกับผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่เนื้อคู่กัน หญิงไม่อยากให้คุณปิดกั้นตัวเองและมองความรักในแง่ลบ หญิงอยากให้คุณเปิดใจ ลองใช้ใจมอง ไม่แน่คุณอาจจะเจอคนที่รักคุณจริง”
หญิงนิ่มพิมพ์อย่างตั้งใจ

พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน พงศ์จันทรเห็นข้อความที่หญิงนิ่มพิมพ์ตอบกลับมาก็ดีใจ
“ตอบเร็วซะด้วย”
พงศ์จันทรรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไป สักพักหญิงนิ่มก็พิมพ์ตอบกลับมา เวลาผ่านไป พงศ์จันทรกับหญิงนิ่มยังคงคุยกัน โดยที่หญิงนิ่มไม่รู้ว่าคนที่คุยด้วยคือพงศ์จันทร

สุรีย์มองหน้านันทินีด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“จะให้แม่แกล้งป่วยหนัก”
นันทินี อรอุมา และรติรสพยักหน้า
สุรีย์มีสีหน้าลำบากใจ “ชายจันทร์ไม่มีทางเชื่อ เพราะหมอตรวจร่างกายแม่โดยละเอียด ผลออกมาว่าร่างกายแม่แข็งแรงดี”
“นันไม่ได้ให้คุณแม่แกล้งป่วยตอนนี้ค่ะ คุณรติรสกับคุณอรอุมาแนะนำให้เราเริ่มแผนกันหลังจากที่หม่อมออกจากโรงพยาบาล”
สุรีย์มองนันทินีด้วยความสงสัย

รติรสกับอรอุมาใส่แว่นดำเดินเข้ามาจากอาบอบนวด อรอุมาเกาะแขนรติรสด้วยท่าทางอายๆ
“แกรู้จักที่แบบนี้ได้ยังไงรติ” อรอุมาถาม
“แกลืมไปแล้วเหรอว่ากิ๊กเก่าฉันเป็นเจ้าของอาบอบนวด” รติรสบอก
“เออ จริงด้วย”
ไม่นานแจคก็เดินออกมา รติรสกับอรอุมาเดินเข้าไปหา
“นี่เพื่อนฉัน อรอุมา” รติรสแนะนำ
“สวัสดีครับ” แจคทัก อรอุมายิ้ม “ผมเตรียมคนไว้แล้ว ตามผมมา”
แจคพารติรสกับอรอุมาเดินออกไป

แจคพารติรสกับอรอุมาเข้ามาในห้องที่มีผู้หญิง 4-5 คน ยืนอยู่ ทุกคนผมยาว ตาโต มีรูปร่าง รูปหน้าและส่วนสูงที่คล้ายประกายดาว
อรอุมาตะลึง “นี่ถ้ามองเผินๆ หรือมองด้านข้าง ดูคล้ายนังประกายดาวเลยนะเนี่ย”
“เลือกเอาเลยว่าต้องการคนไหน?” แจคบอก
รติรสกับอรอุมาเดินเข้ามาเลือกผู้หญิง ทั้งสองคนช่วยกันจับหน้าผู้หญิงหันไปหันมาอย่างพิจารณา

มิลินทร์เดินเข้ามาทำงานในออฟฟิศสำนักพิมพ์นิวส์ไลน์ พนักงานกำลังมุงดูอะไรบางอย่างที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มิลินทร์มองด้วยความแปลกใจ
“ดูอะไรกัน!”
พนักงานคนหนึ่งหันมาพูด
“คลิปร้อนฉ่าเลยน่ะสิพี่ลินทร์”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ??! ดารา หรือ นักร้องล่ะ”
“ผิดทั้งสองข้อ แฟนใหม่ของคุณชายจันทรภานุ”
มิลินทร์อ้าปากค้างแล้วรีบแหวกคนเข้าไปดูทันที มิลินทร์เห็นว่าเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ไม่ชัดมีผู้หญิงกับผู้ชายกำลังกอดกัน ผู้หญิงหันมาเห็นแค่เสี้ยวด้านข้างแต่ดูคล้ายประกายดาวมาก
มิลินทร์อึ้งสุดๆ พนักงานที่โดนมิลินทร์ยืนบังต่างก็โวยวาย
“พี่ลินทร์หลีกหน่อยดิครับ”
มิลินทร์กดปิดคอมพิวเตอร์แล้วหันไปด่า
“ไม่มีการมีงานทำกันเหรอไง!! มาดูคลิปบ้าคลิปบออยู่ได้ ไปทำงานเลยไป”
ทุกคนรีบแยกย้ายกันออกไปทำงาน มิลินทร์หน้าเสียมาก เธอรีบเอามือถือออกมาโทรหาจิตสุภางค์
“ไอ้จิต!! ไอ้ดาวซวยแล้ว”

ประกายดาวนั่งดูคลิปผ่านไอแพดด้วยความช็อคแล้วก็กด pause ก่อนจะใช้นิ้วซูมดูหน้าผู้หญิงให้ชัดๆ ก่อนจะหันไปทางมิลินทร์กับจิตสุภางค์
“นี่ไม่ใช่ฉัน!!”
“พวกฉันรู้ว่าไม่ใช่แก แต่คนอื่นไม่รู้นี่หว่า ยัยนันทินีนี่ชักจะเล่นแรงขึ้นทุกวันแล้วนะ” จิตสุภางค์ว่า
ประกายดาวคิด “ฉันว่าต้องมีคนช่วยมากกว่า คนอย่างคุณนันทินี ไม่มีทางคิดอะไรแบบนี้ได้หรอก คนที่จะคิดได้ ต้องเป็นพวกหมาลอบกัด ชอบเล่นสกปรก”
“แล้วแกคิดว่าเป็นฝีมือใคร?” มิลินทร์ถาม
ประกายดาวครุ่นคิดแล้วก็นึกออก
“ฉันพอจะรู้แล้วว่าเป็นใคร? แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบโทรบอกคุณชายก่อน”
ประกายดาวหยิบมือถือออกมา

จันทรภานุกับหญิงนิ่มประคองสุรีย์มานั่งที่โซฟา ระหว่างนั้นนมพรก็เดินออกมากับอ้อยที่ถือถาดวางแก้วชาโสมมาวางบนโต๊ะ
“หม่อมคะ ชาโสมค่ะ คุณชายสั่งให้นมเตรียมไว้ให้หม่อมดื่มตอนกลับมา” นมพรบอก
สุรีย์หันไปมองจันทรภานุ จันทรภานุนั่งลงข้างๆ สุรีย์ เสียงมือถือดังขึ้น จันทรภานุหยิบออกมาเห็นชื่อ “ประกายดาว” ก็กดปิดเสียงเพราะยังไม่อยากรับ แล้วเขาก็หันไปหยิบแก้วชาโสมหันมาทางสุรีย์ด้วยสีหน้าออดอ้อน
“ชาโสมช่วยบำรุงสุขภาพครับหม่อมแม่”
สุรีย์ยังนิ่ง เพราะลึกๆกำลังลุ้นกับบางอย่างที่รู้ว่ากำลังจะเกิดขึ้น หญิงนิ่มนั่งลงอีกข้างของสุรีย์
“หม่อมป้าดื่มให้หมดนะคะ”
สุรีย์พยักหน้า แล้วก็รับชาโสมจากมือจันทรภานุมาดื่ม จันทรภานุกับหญิงนิ่มมองหน้าแล้วก็ยิ้มให้กัน นมพรก็ยิ้ม ทันใดนั้นนันทินีก็แกล้งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“หม่อมแม่คะ หม่อมแม่!”
ทุกคนหันไปมองนันทินี นันทินีกับสุรีย์มองหน้าแล้วก็ส่งซิกให้กันแต่หญิงนิ่มสังเกตเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกๆ
“มีอะไรจ๊ะหนูนัน” สุรีย์ถาม
“นันมีบางอย่างอยากให้ทุกคนได้ดูค่ะ”
สุรีย์ทำเป็นสงสัยว่าอะไร? แล้วนันทินีก็เอาไอแพดออกมากดเปิดก่อนจะส่งให้สุรีย์ สุรีย์รับมา จันทรภานุ หญิงนิ่ม นมพร และอ้อยก็ชะโงกหน้ามาดูด้วย
ทันทีที่ทุกคนเห็นก็ตกใจมาก อ้อยถึงกับหลุดปากออกมา
“ผู้หญิงคนนี้หน้าเหมือนคุณดาวแฟนคุณชายเลยนะคะ”
จันทรภานุอึ้ง เขาหันไปมองหน้าหญิงนิ่ม สุรีย์แกล้งโมโหและลุกขึ้นยืน
“นี่มันหมายความว่ายังไงชายจันทร์!”
จันทรภานุพูดไม่ออก แล้วสุรีย์ก็แกล้งทำเป็นเจ็บหน้าอก
“โอ๊ย!”
ทุกคนตกใจมาก
“หม่อมแม่!”

หมอดูอาการหม่อมสุรีย์ที่นอนไม่ได้สติบนเตียงเสร็จก็หันมาทางจันทรภานุ หญิงนิ่ม นมพร และนันทินี
หมอมีท่าทางเครียด “อาการของหม่อมน่าเป็นห่วงนะครับ ถ้ายังไงผมจะให้คนส่งยามาเพิ่ม แต่สิ่งสำคัญก็คือการดูแลทางด้านจิตใจ ช่วงนี้ห้ามให้หม่อมเครียดอีกเป็นอันขาด เพราะหม่อมมีโอกาสที่โรคหัวใจจะกำเริบ”
“เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรขนาดนี้ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาแท้ๆ” นมพรว่า
ทุกคนเครียดกันมาก ยกเว้นนันทินีที่ลอบยิ้มอย่างพอใจ
“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”
“เดี๋ยวนันออกไปส่งคุณหมอค่ะ”
นันทินีกับหมอเดินออกไป จันทรภานุนั่งข้างเตียง เขาจับมือสุรีย์ขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง

นันทินีแอบเอาเงินให้หมอตัวปลอม หมอตัวปลอมรีบรับเงินมาเก็บ
“ถ้ามีงานง่ายเงินดีแบบนี้อีก เรียกผมได้เลยนะครับคุณนัน”
“รีบไปได้แล้ว แล้วก็อย่าให้ใครเห็น”
“ครับ”
หมอตัวปลอมรีบเดินออกไป นันทินียิ้มมุมปากด้วยสีหน้าพอใจ

สุรีย์ค่อยๆลืมตาฟื้นขึ้นมา จันทรภานุ หญิงนิ่ม และนมพรดีใจมาก
“หม่อมคะหม่อม..” นมพรเรียก
สุรีย์หันไปมองหญิงนิ่มกับนมพร
“ขอฉันคุยกับชายจันทร์สองคน”
หญิงนิ่มกับนมพรเดินออกไป แต่หญิงนิ่มไม่วายหันไปมองด้วยสีหน้ากังวลใจ
สุรีย์จับมือจันทรภานุแล้วแสร้งทำสีหน้าอ่อนแรง
“ชายจันทร์...แม่อยากขอให้ชายจันทร์ทำเพื่อแม่จะได้มั๊ย”
“หม่อมแม่อยากให้ผมทำอะไร บอกมาได้เลยครับ”
“แม่อยากให้ลูกแต่งงานกับหนูนัน” สุรีย์พูด จันทรภานุชะงัก “ก่อนที่แม่จะตาย” สุรีย์น้ำตารื้นขึ้นมา
“ทำไมหม่อมแม่พูดแบบนี้ หม่อมแม่ยังต้องอยู่กับผมไปอีกนาน”
สุรีย์ทำดราม่าแบบจัดเต็ม “แม่รู้ตัว ว่าแม่เป็นอะไร โรคที่แม่เป็น จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้” จันทรภานุมองแม่อย่างรู้สึกผิด “สิ่งเดียวที่เป็นความปรารถนาของแม่ก็คือการเห็นลูกชายคนเดียวเป็นฝั่งเป็นฝากับผู้หญิงที่แม่ไว้ใจ ชายจันทร์ทำให้แม่ได้มั๊ย”
จันทรภานุเครียดสุดๆ

จันทรภานุเดินออกมา หญิงนิ่มกับนมพรรีบเข้ามาหา
“หม่อมป้าพูดอะไรกับพี่ชายคะ” หญิงนิ่มถาม
“....พี่ต้องแต่งงานกับคุณนันทินี” จันทรภานุบอก
หญิงนิ่มกับนมพรตกใจ นันทนีเดินเข้ามาได้ยินพอดีก็ดีใจออกนอกหน้า
“คุณชายพูดจริงเหรอคะ”
ทุกคนหันไปเห็นนันทินีที่ยิ้มหน้าบาน นันทินีรู้ตัวก็รีบหุบยิ้มแล้วตีหน้าเศร้า
“เออ..ความจริงคุณชายไม่ต้องทำตามที่หม่อมแม่พูดก็ได้นะคะ นันเข้าใจคุณชาย ถ้าคุณชายไม่ได้รักนัน แต่งงานกันไปก็คงไม่มีความสุข”
“พูดถูกแล้ว งั้นพี่นันก็เข้าไปบอกหม่อมป้าสิคะว่าพี่นันจะไม่แต่งงานกับพี่ชาย” หญิงนิ่มบอก
นันทินีเหวอแล้วรีบกลับคำ “อ่า..ตะ..แต่แต่มาคิดอีกที ช่วงนี้หม่อมแม่อาการยังน่าเป็นห่วง ถ้าเราขัดใจท่าน นันกลัวว่าหม่อมแม่จะไม่สบายมากขึ้น” นันทินีทำเป็นกลุ้ม “โอ๊ย..นี่นันจะทำยังไงดี? กลุ้มใจอ่ะค่ะ”
หญิงนิ่มมองนันทินีด้วยความหมั่นไส้ นมพรเองก็เอือม
“ไม่ว่ายังไงผมก็แต่งงานกับคุณ คุณเตรียมตัวไว้ก็แล้วกัน”
นันทินีดีใจแต่ต้องไม่แสดงออก จันทรภานุเดินออกไป หญิงนิ่มหันไปมองนันทินีอย่างไม่พอใจแล้วก็เดินตามจันทรภานุออกไป นันทินียิ้มออกมาด้วยความสะใจก่อนจะหันไปเห็นนมพรมองอยู่จึงรีบปรับสีหน้า
“นันขอเข้าไปดูหม่อมแม่ก่อนนะคะ”
นันทินีรีบเดินเข้าไป นมพรถอนหายใจออกมาอย่างสงสารจันทรภานุ

นันทินีกับสุรีย์ตีมือหัวเราะคิกคัก หน้าตาที่เคยป่วยของสุรีย์กลับมาสดใสซาบซ่า
“แผนของคุณอรอุมากับคุณรติรสนี่ยอดเยี่ยม” สุรีย์ยกนิ้วโป้งให้ “แม่นึกไม่ถึงจริงๆว่ามันจะได้ผลเกินคาด”
“หม่อมแม่เองก็ใช่ย่อยซะที่ไหน ตีบทคุณแม่ผู้อ่อนแอได้แตกกระจุย น่าจะไปเป็นดารานะคะ รับรองซุปตาร์หน้าไหนก็ไม่ได้เกิด”
สุรีย์กับนันทินีหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจมากๆ

หญิงนิ่มเดินตามจันทรภานุออกมา
“พี่ชายคิดดีแล้วเหรอคะที่จะแต่งงานกับพี่นัน”
จันทรภานุหันมาพูด “น้องหญิงก็เห็นว่าพี่ไม่มีทางเลือก นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เห็นหม่อมแม่ป่วยหนัก และถ้าพี่ไม่ทำตามที่หม่อมแม่ขอ พี่ก็คงไม่ต่างจากลูกอกตัญญู”
“แต่หญิงรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในบางอย่าง บางทีหม่อมป้าอาจจะร่วมมือกับพี่นัน”
จันทรภานุเสียงแข็ง “หม่อมแม่ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่”
“หญิงขอโทษค่ะ หญิงแค่คิดเท่านั้น” หญิงนิ่มบอก จันทรภานุถอนหายใจ “แล้วพี่ดาวล่ะคะพี่ชาย”
พอหญิงนิ่มพูดถึงประกายดาว จันทรภานุก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

ประกายดาวหันไปพูดกับจิตสุภางค์และมิลินทร์
“คุณชายไม่รับโทรศัพท์ฉันเลย”
จิตสุภางค์คิด “หรือว่าเค้าจะเห็นคลิปแกแล้ว”
“ก็ไม่แน่ คุณชายหูตาหยั่งกับสับประรด ป่านนี้คงกำลังด่าฉันอยู่” ประกายดาวบอก
ทันใดนั้นเสียงมือถือของประกายดาวก็ดังขึ้น ประกายดาวหยิบขึ้นมาเห็นชื่อที่หน้าจอก็หันขวับไปมองหน้าเพื่อน
“คุณชาย!” ประกายดาวกดรับสาย “ค่ะคุณชาย จะให้ฉันออกไปเจอคุณเดี๋ยวนี้”
ประกายดาวรู้สึกถึงลางร้าย เธอหันไปมองเพื่อนด้วยสีหน้ากังวลใจ

ประกายนั่งลงตรงข้ามจันทรภานุ
“เพราะคุณ...ทำให้ผมต้องแต่งงานกับคุณนัน” จันทรภานุว่า
ประกายดาวฉุน “อย่ามาโทษฉันสิคุณชาย”
“ทำไมผมจะโทษคุณไม่ได้ ก็คุณดันทำคลิปอุบาทว์ๆหลุดออกมาทำไม?”
“คนในคลิปไม่ใช่ฉัน!”
“เห็นขนาดนั้น ยังจะกล้าปฏิเสธ ผมอุตส่าห์หลงเชื่อใจ ไว้ใจคุณ แต่คุณกลับ...” จันทรภานุผิดหวังมาก “จะว่าไปผมก็ผิดเองที่เลือกคุณ ผมน่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าคุณเป็นผู้หญิงประเภทไหน” จันทรภานุพูดไปก็รู้สึกเสียใจและผิดหวังเพราะคิดว่าประกายดาวเป็นแบบนั้น
“ที่ฉันเปิดใจเล่าเรื่องของฉันให้คุณฟัง มันยังทำให้คุณไม่รู้จักฉันอีกเหรอ?”
“ทำไมผมจะไม่รู้จักคุณ!! ผมรู้จักคุณดีประกายดาว คุณมันทะเยอทะยาน อยากเด่นอยากดัง คุณถึงรับปากช่วยผม ผมน่าจะฉุกคิดตอนที่เพื่อนผมเตือนเกี่ยวกับคุณ ว่าทำไมคุณต้องช่วยผมมากขนาดนี้ ที่แท้คุณก็หวังจะใช้ผมเป็นบันไดยกระดับตัวเองให้เข้ามาอยู่ในแวดวงไฮโซ”
ประกายดาวโกรธมาก เธอลุกขึ้นยืน
“คุณดูถูกฉันเกินไปแล้วคุณชาย”
เสียงที่ดังของประกายดาว ทำให้คนทั้งร้านหันมามองเป็นตาเดียว จันทรภานุอาย
“ฉันชักสงสัยแล้วว่าจริงๆคุณเป็นผู้ชายรึป่าว อายุขนาดนี้ถึงยังไม่มีแฟนซักที” ประกายดาวว่า
จันทรภานุโมโหลุกขึ้นยืน “นี่!” จันทรภานุด่าไม่ออก
“นี่ทำไมนี่ทำไม??!! เถียงไม่ทันฉันล่ะสิ” ประกายดาวว่า จันทรภานุโกรธจนพูดไม่ออก “จำไว้นะคุณชายว่าฉันไม่เคยต้องการอะไรจากคุณ”
ประกายดาวน้ำตาคลอเบ้าทำให้จันทร์ภานุอึ้ง ประกายดาวเดินจ้ำออกไป จันทรภานุรู้สึกผิดที่ตัวเองโพล่งว่าประกายดาวไปแบบนั้น

จันทรภานุเดินเข้ามาในห้องนอน
จันทรภานุถอนหายใจ “จะเสียใจทำไม เค้าจะเป็นอะไรก็เรื่องของเค้าสิ”
จันทรภานุรู้สึกสับสนต่อความรู้สึกตัวเองที่มีต่อประกายดาว ภาพประกายดาวน้ำตาคลอผุดขึ้นมาในหัว จันทรภานุครุ่นคิดแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาอภิเชษฐ์
“อภิเชษฐ์ ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย”

จิตสุภางค์กับมิลินทร์ฟังที่ประกายดาวดาวเล่าจบก็รู้สึกโมโห
“อีตาคุณชายปากจัด!! ดีแล้วที่แกเลิกยุ่งกับเค้า!” จิตสุภางค์ว่า
“จริง! จะว่าไปตั้งแต่แกเข้าไปยุ่งกับคุณชาย ชีวิตแกมันก็วุ่นวายมีแต่ปัญหา” มิลินทร์บอก
“พูดน่าคิด..พระเจ้าอาจกำลังบอกแกว่าควรเลิกล้มความตั้งใจเรื่องการมีลูกโดยไม่มีผัว เพราะมันอาจเป็นการฝืนลิขิตสวรรค์ และถ้าแกยังขืนดันทุรังทำต่อไป มันก็จะทำให้แกซวย..ซวย..ซวยแล้วก็ซวย”
ประกายดาวเงียบ เธอนิ่งคิดตามแล้วมีสีหน้าลังเล พลันเสียงกดออดก็ดังขึ้นถี่ๆ ทั้งสามสาวแปลกใจว่าใครมา ประกายดาวลุกไปเปิดประตูก็เห็นว่าเป็นเจ๊พีชที่ยืนหน้าแย่อยู่
“เจ๊พีช!”
เจ๊พีชรีบเดินเข้ามาข้างใน จิตสุภางค์กับมิลินทร์ยกมือไหว้ เจ๊พีชรับไหว้แบบลวกๆแล้วก็หันไปทางประกายดาวด้วยสีหน้าร้อนใจ
“ดาว..เกิดเรื่องใหญ่แล้ว?” เจ๊พีซบอก “ลูกค้าแคนเซิลงานของดาวหมดเลย”
ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์ตกใจ
“แคนเซิล!!! ทำไมอ่ะเจ๊?” ประกายดาวถาม
“เพราะคลิปร้อนฉ่าของดาวยังไงล่ะ?”
ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์อึ้ง
“นั่นไม่ใช่ดาวนะเจ๊” ประกายดาวบอก
“เจ๊รู้ เจ๊พยายามอธิบาย ก็ไม่มีใครฟัง ทุกคนมั่นใจว่าเป็นดาว ก็เลยพร้อมใจกันยกเลิก เพราะกลัวดาวจะทำให้งานเค้าเสีย”
“แต่ไอ้ดาวมันเป็นช่างภาพ ไม่ใช่นางแบบ” จิตสุภางค์บอก
“ก็คนที่มันแคนเซิลงานดาว คือพวกบรรดาเมียเมียและเมียของลูกค้ายังไงล่ะ เค้ากลัวแกจะไปอ่อยผัวเค้า” เจ๊พีซว่า
ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์ตกใจ “เฮ้ย!!”

เสียงกดออดดังขึ้นถี่ๆ ทุกคนหันไปมอง
“น่าน..ใครมาอีก??”
ประกายดาวเดินไปตรงหน้าประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ แล้วเธอก็ตัดสินใจเปิด แดนดินยืนหน้าแดงควันออกหูอยู่ ทุกคนตกใจ แดนดินกำลังจะอ้าปาก ประกายดาวชิงชี้หน้า
“หยุดเลยพี่ดิน...ดาวฟังมามากพอแล้ว ดาวบอกไว้ตรงนี้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ดาว และถ้าพี่ดินไม่เชื่อน้องสาวคนเดียวของพี่ ก็ไม่ต้องมานับญาติกันอีก ลาทีลาขาดกันไปจริงๆเลยคราวนี้”
ประกายดาวพูดอย่างจริงจังมากทำให้แดนดินสงบ แล้วเขาก็เข้ามาในห้อง จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีชไหว้แดนดิน แดนดินรับไหว้
“แล้วแกจะทำยังไง? ตอนนี้ใครๆก็คิดว่าเป็นแก ลูกค้าร้านฉันถึงกับไรท์ซีดี” แดนดินหยิบซีดีออกมา “มาให้ฉันดู ฉันงี้ทำหน้าไม่ถูก อายจนอยากจะมุดดินหนี”
ประกายดาวโกรธแค้นมาก
“ดาวต้องหาทางพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่านี่ไม่ใช่ดาว ดาวจะไม่ยอมเสียชื่อเสียงที่ดาวสร้างมาภายในวันเดียว”
“แล้วน้องดาวจะทำไง” เจ๊พีซถาม
“เริ่มจากผู้หญิงในคลิป”
ประกายดาวหันไปมองทุกคนด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง

นันทินี รติรส และอรอุมาเอาแก้วไวน์มาชนกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขมาก
“นันต้องขอบใจคุณอรกับคุณรติอย่างมาก ที่ช่วยวางแผนกำจัดนังดาวออกไปจากชีวิตของคุณชาย และทำให้นันได้แต่งงานกับผู้ชายที่นันรัก”
อรอุมากับรติรสยิ้มให้กัน แล้วก็หันมาหานันทินี
“อรยินดีแล้วก็ดีใจกับคุณนันด้วยจริงๆนะคะ” อรอุมาบอก
รติรสชวน “มาดื่มฉลองกันดีกว่าค่ะ หมดแก้วเลยนะคะ”
ทั้งสามคนยกขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วก็หัวเราะกันคิกคัก

ประกายดาว จิตสุภางค์ มิลินทร์ เจ๊พีช และแดนดินกำลังดูคลิปผ่านทางไอแพด
“ผู้หญิงคนนี้ดูช่ำชอง และรู้มุมที่จะทำให้ตัวเองดูเซ็กซี่” แดนดินคิด “พี่ว่าต้องเป็นผู้หญิงอย่างว่าแน่ๆ”
ทุกคนเห็นด้วยกับแดนดิน
“จากที่ฉันเป็นนักข่าวมาหลายปี ถ้าไม่รู้ตัวบุคคลก็ต้องดูสถานที่ว่าคือที่ไหน” มิลินทร์บอก
จิตสุภางค์พูด “ลิฟต์แบบนี้ ที่ไหนที่ไหนก็มี”
แล้วเจ๊พีชก็เห็นอะไรบางอย่าง
“มีอะไรติดที่กระจกในลิฟต์ก็ไม่รู้ฮะ”
ประกายดาว Pause ภาพเอาไว้แล้วก็ขยายขึ้นมา
“เหมือนโปสเตอร์..โฆษณาเหล้า” แดนดินเห็นโลโก้มุมล่างโปสเตอร์ “โลโก้นี้มัน...” ทุกคนหันขวับไปมองแดนดิน “ฮอตสตาร์อาบอบนวด!! พี่เคยไป”
“พี่ดินเคยไป!! แล้วพี่วัลย์รู้รึเปล่าเนี่ย” ประกายดาวเสียงเข้ม
แดนดินหน้าแหย “ไม่รู้” แดนดินเสียงอ่อน “แต่พี่ไปสองสามครั้งเองนะ เพื่อนมันคะยั้นคะยอให้ไป”
“ที่แท้ก็เด็กอ่าง..มิน่า...” จิตสุภางค์ว่า
ประกายดาวคิด “ถ้าจะจับลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือ”
“พี่ไปจับลูกเสือสาวตัวนี้ให้เอง” แดนดินอาสา
“ไม่ต้องเลยพี่ดิน อย่ามาเนียน” ประกายดาวว่า แดนดินยิ้มแหย “ดาวจัดการเอง เราต้องหาคนพาเข้าไป”

พงศ์จันทรนั่งลงตรงข้ามประกายดาว จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีช
“พวกคุณมาขอความช่วยเหลือถูกคนแล้ว ผมเคยไปที่นั่น แต่พาลูกค้าไปนะครับ ไม่ได้ไปใช้บริการ” พงศ์จันทรรีบอธิบายให้ประกายดาวฟัง “พวกคุณชิลอยู่ที่บ้านได้เลย รับรองไม่เกินเที่ยงคืน ผมจะเค้นความจริงมาให้คุณดาวเอง”
“ไม่ค่ะ พวกเราจะไปกับคุณด้วย” ประกายดาวบอก
“แน่ใจนะครับ” พงศ์จัทรถาม ทุกคนพยักหน้า “ถ้างั้นก็ได้..แต่! พวกคุณจะไปทั้งๆที่เป็นผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้”
ประกายดาว จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีชมองหน้ากัน

พงศ์จันทรพาประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์ที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย ใส่หมวก ใส่แว่น ติดหนวดเดินเข้ามา พร้อมกับเจ๊พีชที่หวีผมเรียบแปล้ แอ๊บแมนเดินรั้งท้าย ระหว่างนั้นมีพนักงานออกมาต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณพงศ์”
“ผมพาเพื่อนมา ขอตัวเด็ดเลยนะ” พงศ์จันทรบอก
“ได้เลยครับ มีเด็กใหม่เพียบ เชิญคุณพงศ์พาเพื่อนไปเลือกได้เลย”
พนักงานพาทุกคนมาที่หน้าตู้กระจกที่มีสาวๆนั่งกันอยู่ ทั้งสี่คนมองหาผู้หญิงคนนั้น
“ไม่มีผู้หญิงในคลิป” ประกายดาวบอก
พงศ์จันทรเอามือถือออกมาเปิดรูปที่แค๊บมาจากคลิปให้พนักงานดู
“วันนี้น้องคนนี้มาทำงานรึเปล่า”
“อ๋อ...น้องแคท..มาครับ แต่รับแขกท่านอื่นอยู่”
ทุกคนมองหน้ากัน พงศ์จันทรคิดต่อว่าจะทำยังไง

แคทเดินเข้ามาในห้อง ลูกค้ายืนหันหลังอยู่
“สวัสดีค่ะท่าน”
ลูกค้าคนนั้นหันมาคือจันทรภานุ จันทรภานุเห็นแคทก็ชะงักเพราะหน้าคล้ายประกายดาวมาก พอเห็นจันทรภานุแคทก็ดึงเสื้อให้คอกว้างขึ้นทันที จันทรภานุมองหน้าแคทแล้วก็นึกย้อนกลับไป

อ่านต่อหน้าที่ 2


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 5 (ต่อ)

ภาพในอดีตย้อนกลับมา อภิเชษฐ์เอารูปแคทวางบนโต๊ะแล้วดันไปตรงหน้าจันทรภานุ จันทรภานุเอารูปขึ้นมามองอย่างพิจารณา
“ผู้หญิงในคลิป ไม่ใช่คุณประกายดาว เธอชื่อแคท เป็นนางในตู้กระจก”
จันทรภานุมองรูปด้วยสีหน้าครุ่นคิด

แคทเดินเข้ามาใกล้จันทรภานุมากๆ จันทรภานุถอยหลังไปหนึ่งก้าว แคทยิ้มอย่างถูกใจ
“ท่าทางท่านจะเป็นคนขี้อายนะคะ ท่านชอบแบบไหน บอกแคทได้นะคะ แคทจัดให้ท่านได้ทุกอย่าง เพื่อให้ท่านมีความสุข”
จันทรภานุกลืนน้ำลายเพราะชักฝ่อ “ผมชอบแบบ...ค่อยเป็นค่อยไป”
“ได้ค่ะ”
แคทเดินไปเปิดเพลง เสียงเพลงยั่วยวนดังขึ้น แคทหันมาเต้นช้าๆ จันทรภานุเหงื่อแตกซิก

ประกายดาว จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีชมองพนักงานด้วยความตกใจ พงศ์จันทรก็ยืนอยู่ด้วย
ประกายดาวดัดเสียงใหญ่ “ต้องแยกห้องกัน!!”
“ห้องเดียวกันไม่ได้เหรอน้อง พวกพี่ชอบทำพร้อมๆกัน” จิตสุภางค์บอก
“ไม่ได้จริงๆครับท่าน มันเป็นกฎของเรา ห้องละหนึ่งคน” พนักงานย้ำ สามสาวกับหนึ่งเก้งหน้าเสีย “เชิญท่านเข้าไปรอในห้องได้เลยครับ”
พนักงานเดินออกไป
“ผมว่าเรารีบแยกย้ายกันตามหาผู้หญิงคนนั้นเถอะ” พงศ์จันทรเสนอ
แต่ยังไม่ทันออกไป สาว 5 คนก็เดินมาทำเอาประกายดาว พงศ์จันทร เจ๊พีช จิตสุภางค์ และมิลินทร์ผงะไปพร้อมๆกัน แล้วสาวทั้ง 5 ก็เข้ามาควงแต่ละคนเอาไว้
“เชิญเข้าห้องเลยค่ะท่าน”
ประกายดาวกระซิบพงศ์จันทร “เอาไง?”
“ตามน้ำไปก่อน แล้วค่อยหาทางออกมา” พงศ์จันทรบอก
ประกายดาว พงศ์จันทร จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีชมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองสาวๆแล้วกลืนน้ำลายเอื๊อก

ห้องที่หนึ่ง -- สาวจะเข้ามาถอดเสื้อเจ๊พีช
เจ๊พีซร้องลั่น “ว๊าย!!” สาวตกใจ เจ๊พีซรู้ตัวก็รีบแอ็บแมน “เฮ้ย! พี่ยังไม่พร้อม”

ห้องที่สอง จิตสุภางค์เปิดวิทยุในห้อง แล้วก็หันมาทางสาวที่มาด้วย
“มาเต้นบิ้วอารมณ์กันก่อนดีกว่า วู้วู้”
จิตสุภางค์กับสาวเต้นด้วยกัน

ห้องที่สาม มิลินทร์นั่งอยู่บนเตียงที่หมุนได้แบบหน้าตาตื่นมาก แล้วเธอก็หันไปเห็นสาวนุ่งผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้องน้ำ มิลินทร์กลืนน้ำลายเอื๊อก

ห้องที่สี่ สาวเดินมานั่งข้างพงศ์จันทร
“อยากนวด หรืออาบก่อนค่ะ”
“นวดก่อนแล้วกัน”
สาวอมยิ้ม

ห้องที่ห้า สาวคนที่ห้านั่งตักประกายดาว ประกายดาวตกใจ
“จะทำอะไร!”
“ตื่นเต้นแบบนี้ ครั้งแรกชิมิ”
“เออ..อ่า..ใช่ใช่”
สาวจับหน้าประกายดาว “ถ้างั้นก็เริ่มจากเบาๆ”
สาวคนนั้นจะซุกไซร้ซอกคอประกายดาว ประกายดาวตกใจรีบลุกพรวดทำให้สาวล้มก้นจ้ำเบ้ากระแทกพื้นอย่างแรง ประกายดาวหน้าเสีย
ประกายดาวเหรอหรา “ฉัน..ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ”
ประกายดาวรีบออกไป สาวคนนั้นงงมาก
“แล้วทำไมไม่เข้าในห้อง” พูดแล้วเธอก็เจ็บก้นกบ “อุ๊ย”

แคทเต้นเข้ามาหาจันทภานุที่ยืนอยู่ แล้วก็หันมาจะปลดกระดุมเสื้อจันทรภานุ จันทรภานุตกใจ
“เดี๋ยว!”
แคทเซ็ง “ยังบิ้วอารมณ์ไม่พออีกเหรอคะท่าน”
“ผมมีเรื่องอยากถามคุณ”
แคทแปลกใจ

ประกายดาวหลบอยู่ตรงมุมหนึ่ง เธอค่อยๆโผล่หน้าออกมาที่ทางเดินด้วยความระแวดระวัง พอไม่เห็นใครเธอก็โล่งใจแล้วก็คิด
“ขืนรอทุกคนออกมา เสียเวลาตาย ต้องรีบลงมือเองแล้ว”
ประกายดาวย่องออกมาจากที่ซ่อนแล้วเดินไปตามทาง

แคทมองจันทรภานุแล้วนิ่วหน้าเพราะแปลกใจ
“ท่านจะถามอะไรฉันคะ”
ยังไม่ทันที่จันทรภานุจะพูด เสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น แคทผงะ..
“ซักครู่นะคะ” แคทเดินไปรับสาย “ฮัลโหล” แคทตกใจ เหลือบมองจันทรภานุแล้วพูดเสียงเบา “ไอ้พวกทวงหนี้มาที่บ้าน และกำลังจะหามาฉันที่นี่”
แคทหน้าตาเหรอหรามาก เธอวางสายแล้วหันไปทางจันทรภานุ
“ฉันมีธุระ ต้องรีบไป ลานะคะท่าน”
จันทรภานุอ้าปากค้างเพราะพูดไม่ทัน แคทรีบออกไป
“นี่...เดี๋ยวสิ...!”
จันทรภานุรีบตามออกไป

ประกายดาวเปิดประตูห้องหนึ่งเข้าไปแต่ไม่เจอแคทเจอลูกค้าคนอื่น ลูกค้ากับสาวตกใจ
“เปิดเข้ามาทำไม?!”
ประกายดาวหน้าแหย “ขอโทษฮะ ขอโทษ”
ประกายดาวรีบออกมาแล้วก็พ่นลมหายใจ ก่อนจะหันไปแต่กลับโดนแคทชนเต็มๆ แคทหันมา ประกายดาวจำได้ก็ชี้หน้า
“คุณ!!”
แคทตกใจเพราะนึกว่าพวกทวงหนี้จึงรีบผลักประกายดาวออกไปอย่างแรงแล้ววิ่งหนี ประกายดาวเซหงายหลัง กำลังจะล้ม แต่จันทรภานุเข้ามารับเอาไว้ได้ทัน ประกายดาวหันไปเห็นจันทรภานุก็ตกใจมาก แต่จันทรภานุยังจำประกายดาวไม่ได้
“คุณชาย!”
พอได้ยินเสียงประกายดาว จันทรภานุก็เหวอ
“คุณดาว? ทำไมคุณแต่งตัวแบบนี้ แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไง”
“ฉันไม่มีเวลาตอบคำถาม” จันทรภานุหันไปมองหาแคท “ผู้หญิงคนนั้นหายไหนแล้ว”
ประกายดาวรีบออกไป จันทรภานุพอจะรู้ที่มาที่ไปก็เลยรีบตามประกายดาวไป

ประกายดาววิ่งมาตามทาง แต่เจอจิตสุภางค์กับมิลินทร์วิ่งหน้าตาตื่นออกมา
“ไม่ไหวแล้วไอ้ดาว ฉันจะถูกปล้ำแล้วเนี่ย” จิตสุภางค์บอก
“ฉันก็ด้วย เอะอะเตียงหมุนเตียงหมุน เวียนหัว จะอ้วก” มิลินทร์ว่า
ประกายดาวยังไม่ทันพูดอะไร เจ๊พีชก็วิ่งออกมาในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงบ๊อกเซอร์ลายเสือ ตามหน้าของเจ๊พีซมีรอยจูบเต็มไปหมด สามสาวตกใจ
“ช่วยพี่ด้วยฮ่ะ พี่” เจ๊พีซสะอื้น “เสียแล้ว หมดแล้ว”
สามสาวตกใจ
“หมายความว่าเจ๊เสียตัวไปแล้วเหรอ?!” จิตสุภางค์ถาม
“ยัง..แต่เกือบ”
สามสาวร้อง “โธ่” ระหว่างนั้นจันทรภานุก็วิ่งตามมาแล้วหอบ
“คุณดาว..”
จิตสุภางค์ เจ๊พีช และมิลินทร์หันไปเห็นจันทรภานุก็ตกใจ
“คุณชายจันทร์!”
“อย่าเพิ่งตกใจกัน รีบตามน้องแคทก่อน!” ประกายดาวบอก
“ผมไปด้วย ผมรู้ความจริงแล้ว”
ประกายดาวมองจันทรภานุอึ้งๆ แต่ยังไม่มีเวลาอธิบายอะไรมาก ทั้งหมดรีบเดินออกไปด้วยกัน

ประกายดาว จันทรภานุ จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีชรีบเดินออกมาข้างหลังอาบอบนวดแล้วมองไปรอบๆ
“หนีไปแล้วแน่เลย” ประกายดาวว่า
“แล้วมันหนีแกทำไม?” จิตสุภางค์ถาม
“ฉันจะไปรู้เหรอ พอเห็นหน้าฉัน มันก็วิ่ง”
เข่งที่วางอยู่ด้านหลังเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ เจ๊พีชหันไปเห็นก็ชะงักแล้วรีบสะกิดให้ทุกคนดู ประกายดาว จันทรภานุ จิตสุภางค์ และมิลินทร์หันมาเห็นก็มองหน้าอย่างรู้กันว่าในเข่งคือแคท เจ๊พีชเดินมานั่งทับเข่ง
“เมื่อยจังเลยอ่ะ ขอนั่งพักก่อนนะ”
เจ๊พีชขย่มๆๆ เสียงร้องของแคทดังออกมา
“โอ๊ย!”
ทั้งสี่คนมองหน้ากัน แล้วเจ๊พีชก็ลุกขึ้นเปิดเข่ง แคทตาเหลือกรีบยกมือไหว้
“อย่าทำฉันเลยนะ ฉันกลัวแล้ว”
“พวกเราไม่ได้จะทำอะไรเธอซักหน่อย” ประกายดาวบอก
“ฉันไม่เชื่อ พวกแกคือพวกทวงหนี้ไม่ใช่เหรอ? ฉันบอกแล้วไงว่าฉันยังไม่มีเงินจ่าย”
“คนพวกนี้ไม่ใช่เจ้าหนี้ของคุณ เค้ามากับผม เรามีเรื่องที่ต้องถามคุณ!” จันทรภานุบอก
แคทมองอย่างไม่เชื่อ ทันใดนั้นคนคุมอาบอบนวดก็เดินออกมา
“แคท..มีอะไร!”
แคทรีบฟ้อง “ไอ้พวกนี้มันจะรุมโทรมฉันน่ะพี่”
ทั้งห้าคนตกใจ “เฮ้ย!”
คนคุมไม่พอใจ เขาเป่าปากเรียกพวก ไม่นานลูกน้องสี่ห้าคนออกมาล้อมพวกประกายดาวเอาไว้ จันทรภานุ ประกายดาว จิตสุภางค์ มิลินทร์ เจ๊พีชยืนหลังชนกัน
“ซวยแล้วไอ้ดาว” มิลินทร์ว่า

สาวที่บริการพงศ์จันทรจะถอดเสื้อให้พงศ์จันทร
“อ๊ะๆ อย่าเพิ่ง ผมไม่ชอบถอดก่อน”
สาวกัดปาก “ได้เลยค่ะ งั้นรอแป๊บนะคะ เดี๋ยวเค้าออกมาหาตะเอง”
พงศ์จันทรยิ้มแล้วพยักหน้า สาวคนนั้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ พงศ์จันทรโล่งอกแล้วก็รีบออกจากห้อง

พวกคนคุมเดินเข้ามา ประกายดาว จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีชกรี๊ดลั่นแล้วก็ถอยไปรวมตัวกัน จันทรภานุพุ่งเข้าสู้กับพวกคนคุม
เจ๊พีชลนลานมาก “กะเทยอย่างพี่ต้องมาดับชีวีตรงนี้เหรอเนี่ย?”
ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์หันไปเห็นคนคุมสองคนเดินเข้ามา ประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์รีบถอยกรูดจนเหลือเจ๊พีชคนเดียว เจ๊พีชตกใจ
“อ้าวเฮ้ย! ทำไมทิ้งพี่ล่ะฮะ”
“เจ๊เป็นผู้ชายนี่!” ประกายดาวบอก
คนคุมเข้ามา เจ๊พีชกรี๊ดแล้วกดหัวหลบ อีกคนเข้ามารุมประกายดาว จิตสุภางค์ และมิลินทร์ ทั้งสามสาวกรี๊ดไปวิ่งหลบหมัดไป พวกเธอหยิบฉวยอะไรได้ก็ปาใส่ไม่ยั้ง จันทภานุหันไปมองทุกคนด้วยความเป็นห่วง
ลูกน้องคนคุมคว้าไม้บนพื้นขึ้นมาจะเข้าไปฟาดประกายดาวทางด้านหลัง จันทรภานุเห็นก็รีบถีบคนที่สู้อยู่ แล้วเข้ามาคว้าตัวประกายดาวเอาไว้
“คุณดาวระวัง!!”
จันทรภานุโดนตีที่หลังอย่างแรง จันทรภานุเจ็บจนทรุดเข่าไปบนพื้น ประกายดาวตกใจจึงรีบประคองจันทรภานุเอาไว้ จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีชเหวอ
“คุณชาย!”

ประกายดาว จันทรภานุ จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีชโดนจับ ขณะที่แคทยืนอยู่ข้างหลังคนคุมฯ ด้วยสีหน้าสะใจ
“พวกแกคิดผิดซะแล้วที่มายุ่งกับเด็กที่นี่!! พวกแกไม่ได้ออกไปในสภาพครบ 32 แน่”
ทุกคนหน้าเสีย จันทรภานุโอบประกายดาวเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงมาก ประกายดาวหันไปมองจันทรภานุและแอบรู้สึกดี ขณะที่ทุกคนกำลังจะแย่ พงศ์จันทรก็รีบเดินเข้ามา
“หยุด!”
ทุกคนหันไปเห็นพงศ์จันทร จันทรภานุ ประกายดาว มิลินทร์ จิตสุภางค์ และเจ๊พีชโล่งใจสุดๆ

แคทยืนอยู่กับพงศ์จันทร จันทรภานุ ประกายดาว จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีชลอกคราบออกกลายเป็นผู้หญิงและเก้งตามปกติแล้ว
“พวกคุณไม่ใช่พวกทวงหนี้จริงๆเหรอ?” แคทถาม
“ก็จริงน่ะสิครับ พวกเรามาหาคุณโดยเฉพาะ” พงศ์จันทรบอก
“เด็กของผมไปทำอะไรให้พวกคุณ” คนคุมถาม
ประกายดาวเอามือถือออกมากดเปิดคลิป คนคุมกับแคทตกใจจนหันมามองหน้ากัน
“ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี ฉันต้องการรู้ว่าใครเป็นคนจ้างให้คุณทำ” ประกายดาวบอก
แคทคิดนิดนึง “ฉันบอกก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน....”
ประกายดาวมองหน้าแคทด้วยความสงสัยว่าอะไร?

ที่คอนโดของประกายดาว จันทรภานุมีสีหน้าไม่สู้ดีเพราะเจ็บหลัง จิตสุภางค์ มิลินทร์ ประกายดาว เจ๊พีช พงศ์จันทรนั่งอยู่ด้วยกัน
“อีนังแคทนี่มันเคี่ยวจริงๆ ห้าหมื่นแลกกับการบอกความจริง” จิตสุภางค์ว่า
“ก็กะเอาเงินไปใช้หนี้หมดเลยไงแก” มิลินทร์บอก
“เจ๊ไม่นึกเลยนะคะว่าจะเป็นฝีมือเซเลบคนดังคุณอรอุมา กับคุณรติรส คนเรานี่มันรู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ”
“คุณอรอุมาคือคนที่หาว่าคุณดาวไปเป็นเมียน้อยสามีเค้าใช่มั๊ย” พงศ์จันทรถาม
ประกายดาวพยักหน้า “เค้าคงเกลียดฉันเข้ากระดูกดำ ถึงจ้องทำลายกันแบบนี้ ฉันจะทำให้เค้ารู้ว่าเค้าไม่ได้ทำได้ฝ่ายเดียว”
ประกายดาวครุ่นคิดแล้วก็สังเกตว่าจันทรภานุไม่พูดอะไรเลย ประกายดาวแปลกใจ เธอหันไปเห็นจันทรภานุหน้าซีดมากก็ตกใจ
“คุณชายเป็นอะไรคะ?”
จันทรภานุหันมาในสภาพเหงื่อแตกเต็มหน้า ประกายดาวนึกขึ้นมาได้จึงรีบขยับเข้ามาใกล้จันทรภานุ
“ขอดาวดูหลังคุณชายหน่อยนะคะ”
จันทรภานุหันหลังให้ประกายดาว ประกายดาวเปิดเสื้อแล้วก็ตกใจเพราะหลังจันทรภานุช้ำเขียว ทุกคนตกใจตามไปด้วย

ประกายดาวหันมาทางทุกคนที่ยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยกัน
“ทุกคนกลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันรอคุณชายเอง”
“โอเค งั้นฉันกลับก่อน เป็นห่วงลูก” จิตสุภางค์บอก
มิลินทร์เป็นห่วง “ฉันอยู่เป็นเพื่อนแกได้นะดาว”
“ไม่ต้อง กลับไปอยู่เป็นเพื่อนผัวแกเถอะ เจ๊ด้วยค่ะ รู้น่าว่ากังวล นัดเด็กกะดึกไว้ล่ะสิ” ประกายดาวรู้ทัน
“แหม..ทำเป็นรู้ทัน”
พงศ์จันทรรีบพูด “ถ้างั้นผมอยู่กับคุณดาวเอง”
“คุณพงศ์ก็กลับไปด้วยค่ะ จะได้ฝากส่งเพื่อนๆดาวด้วย..นะคะ”
พงศ์จันทรแอบผิดหวัง “ครับ”
พงศ์จันทร จิตสุภางค์ มิลินทร์ และเจ๊พีชเดินออกไป

ประกายดาวเดินเข้ามาเห็นจันทรภานุในชุดของโรงพยาบาลนอนอยู่บนเตียงคนไข้
“หมอบอกว่าผลเอ็กซเรย์ไม่พบอะไรผิดปกติ เดี๋ยวรอรับยาแล้วก็กลับบ้านได้” ประกายดาวบอก จันทรภานุพยักหน้า “คุณชายหายเจ็บเหรอยัง”
“ได้ยาแก้ปวดเข้าไปก็ดีขึ้น”
จันทรภานุจะลุก ประกายดาวรีบเข้ามาประคอง จันทรภานุหันไปเห็นหน้าประกายดาวใกล้ๆก็ผงะไปนิดนึง
“ผมจะเปลี่ยนเสื้อ”
ประกายดาวเอาเสื้อให้จันทรภานุ จันทรภานุจะถอดเสื้อแต่ก็ทุลักทุเลเพราะยังปวดตึงที่หลังนิดหน่อย
“ฉันช่วยดีกว่า”
ประกายดาวช่วยถอดเสื้อ และช่วยใส่เสื้อให้จันทรภานุ จันทรภานุรู้สึกเขินๆแปลกๆ ผิดกับประกายดาวที่ไม่อายเลย จันทรภานุใส่เสื้อจนเสร็จ
“ขอบคุณนะคุณดาว”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณชายจันทร์ ถ้าคุณไม่ช่วยฉันเอาไว้ ฉันคงเป็นคนที่นั่งบนเตียงนี้แทน”
“แค่นี้ยังน้อยไป เมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมดูถูกคุณ ขอโทษจริงๆ ผมไม่ควรพูดกับคุณแบบนั้น”
“แค่เจอคุณที่อาบอบนวดก็รู้แล้วว่าคุณเชื่อที่ฉันพูด”
จันทรภานุกับประกายดาวยิ้มอย่างรู้สึกดีต่อกัน
“ถ้างั้นก็กลับบ้านกันเถอะ” จันทรภานุบอก
ประกายดาวพยักหน้า แล้วเธอก็ช่วยพยุงจันทรภานุลงจากเตียง ทั้งสองคนเดินออกไปพร้อมกัน

หญิงนิ่มเข้ามาเห็นนันทินีนั่งอยู่ก็ชะงักและจำต้องยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะพี่นัน”
นันทินีรับไหว้ด้วยสีหน้าเชิด
นันทินีรีบอวด “หม่อมแม่นัดพี่มาคุยเรื่องการ์ดแต่งงาน”
หญิงนิ่มนั่งลงข้างๆ ด้วยความหมั่นไส้ “เหรอคะ จะเลือกการ์ดแต่งงาน แล้วพี่นันมีธีมงานแล้วเหรอ”
นันทินีฉุกคิดขึ้นได้ “เออ จริงด้วย พี่กับคุณชายยังไม่ได้คิดเลย”
“ถ้างั้นต้องรีบคิดแล้วค่ะ พี่นันจะได้รู้ว่าควรเลือกการ์ดแบบไหน”
“น้องหญิงมีไอเดียมั๊ยจ๊ะ”
หญิงนิ่มทำเป็นช่วยคิด “หญิงว่างานแต่งงานของพี่นัน ต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เอาให้เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์”
นันทินีเห็นด้วย “เลิศ..เอาแบบนั้นแหละ”
“เริ่มจากสีก่อนดีมั๊ยคะ สีที่จะใช้งานนี้ ต้องเป็นสีทอง”
“ใช่..สีทอง สีของคนรวย”
“ทุกอย่างในงานก็ต้องเป็นสีทอง” หญิงนิ่มบอก นันทินีพยักหน้าเห็นด้วย “แม้กระทั่งดอกไม้ ก็ต้องเป็นดอกไม้สีทอง”
“ว๊าย!” นันทินีร้องออกมา หญิงนิ่มตกใจนึกว่าจะโดนด่า “เก๋อ่ะ ดอกไม้สีทอง” หญิงนิ่มแทบจะขำออกมา “หรูมาก แล้วไงต่อคะ”
“ด้านหน้างาน ควรจะตกแต่งด้วยสีแดงตัดกับสีทอง หาเสาที่มีหนามแหลมๆยื่นออกมาตั้งเรียงกันหน้างาน”
นันทินีชักแปลกๆ “เสาที่มีหนามแหลมๆ เอ..ฟังดูคุ้นๆ”
“พี่นันจะได้เอารูปแต่งงานเสียบไว้ที่หนามแหลมให้คนเดินดูไงคะ”
“เออจริง”
“ส่วนกล่องรับซองเงิน ก็ไม่น่าจะใช้กล่อง น่าจะใช้เป็นกะทะ” หญิงนิ่มว่า นันทินีสนใจ “กะทะสีทองแดงค่ะ”
“กะทะสีทองแดง” นันทินียิ้มแล้วก็รู้สึกทะแม่งๆ
ระหว่างนั้นเสียงมือถือของหญิงนิ่มก็ดังขึ้น หญิงนิ่มหยิบมือถือออกมาเห็นชื่อ “พี่ชาย”
“หญิงขอตัวซักครู่นะคะ”
นันทินียิ้ม หญิงนิ่มเดินออกไป นันทินีหันมาคิดต่อ
“ดอกไม้สีทอง เสาที่มีหนามแหลม กะทะสีทองแดง” แล้วนันทินีก็นึกออก “ที่พูดมาทั้งหมดมันคือนรกนี่หน่า!!! หนอย! นังคุณหญิงนิ่ม รอให้ฉันได้แต่งงานกับคุณชายก่อนเถอะ แกจะโดนเล่นงานเป็นคนแรก”
นันทินีโมโหสุดๆ

หญิงนิ่มกำลังคุยโทรศัพท์กับจันทรภานุ
“ว่าไงคะพี่ชาย”
หญิงนิ่มฟังแล้วก็ชะงัก แล้วเธอก็ยิ้มออกมา

รติรสกับอรอุมาหิ้วถุงของแบรนเนมเดินหัวเราะคิกคักมีความสุขมาด้วยกันตามทางจนมาถึงรถที่จอดอยู่
“เดี๋ยวเราไปนวดหน้ากันต่อนะ ฉันจองไว้แล้ว” อรอุมาชวน
รติรสรับคำ “จ๊ะ”
อรอุมาเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งกับรติรส แต่ยังไม่ทันล็อคประตูทีกับเพื่อนก็เปิดประตูเข้ามานั่งข้างหลัง ทำเอาอรอุมากับรติรสตกใจมาก
“พวกแกเป็นใคร?”
ทีเอาปืนปลอมออกมาขู่ อรอุมากับรติรสตกใจสุดๆ
ทีดัดเสียงโหดโอเวอร์ “ถ้าไม่อยากตาย..ก็ขับรถออกไป แล้วก็อย่าเรียกให้คนช่วยนะเว๊ย ไม่งั้นกระสุนเจาะกลางหลังพวกแกแน่”
อรอุมากับรติรสหน้าตาตื่นมาก ทั้งสองเหล่มองหน้ากัน แล้วอรอุมาก็รีบขับรถออกไปทันที

ทีกับเพื่อนเดินคุมอรอุมากับรติรสเข้ามาด้านในโกดังร้างที่มีเก้าอี้สองตัวตั้งอยู่
“พวกแกต้องการอะไร?!! พาฉันมาที่นี่ทำไม?!”
ทีออกคำสั่ง “นั่ง!”
อรอุมากับรติรสมองหน้ากัน..
“บอกให้นั่ง!!” ทีตะคอก
อรอุมากับรติรสตกใจจึงรีบนั่งลง เพื่อนของทีเอาเชือกมัดอรอุมากับรติรส สองสาวตกใจร้องโวยวาย
“จับพวกฉันมัดทำไม?!!! พวกแกจะทำอะไร!”
ทีกับเพื่อนถอยออกมา ไม่นานประกายดาว จันทรภานุ และหญิงนิ่มก็เดินเข้ามา อรอุมากับรติรสตกใจมาก
“คุณชายจันทร์!”
“คุณหญิงนิ่ม!! ประกายดาว”
ประกายดาวหันไปทางที “ขอบใจมาก”
ทีกับเพื่อนเดินออกไป
“จับพวกฉันมาทำไม!” อรอุมาถาม
“ฉันรู้ว่าคุณสองคนเป็นคนทำคลิปนั้น” ประกายดาวบอก
อรอุมากับรติรสหน้าถอดสี
รติรสยังปากแข็ง “คลิปอะไร พูดไม่รู้เรื่อง!!”
หญิงนิ่มเอามือถือกดเปิดคลิปแล้วหันไปตรงหน้าอรอุมากับรติรส คลิปนั้นเป็นภาพแคทกำลังพูด
“คุณอรอุมากับคุณรติรสจ้างให้ฉันแต่งตัวเป็นคุณประกายดาวเพื่อถ่ายคลิปค่ะ”
อรอุมากับรติรสหน้าเสีย พูดไม่ออก หญิงนิ่มกดปิด
“หลักฐานมัดตัวแน่นหนา จะยอมรับได้เหรอยัง?” จันทรภานุถาม
“คุณชายขา อรกับรติไม่ได้เป็นคนต้นคิดเรื่องนี้นะคะ มีคนบอกให้พวกเราทำ” อรอุมาบอก
รติรสรีบเสริม “ใช่ค่ะใช่ คนๆนั้นก็คือคุณนันทินีค่ะ”
ประกายดาว จันทรภานุ และหญิงนิ่มมองหน้ากัน

คลิปในไอแพดกำลังเล่น เป็นหน้าอรอุมากับรติรสพร้อมเสียง
“ผู้หญิงในคลิปไม่ใช่คุณประกายดาว..” อรอุมาพูด
สุรีย์ จันทรภานุ นมพร นันทินี หญิงนิ่มนั่งดูอยู่ด้วยกัน นันทินีหน้าซีดและพยายามจะย่องออกไป แต่หญิงนิ่มหันไปเห็นเลยคว้าแขนเอาไว้
“จะไปไหนคะพี่นัน”
นันทินีฉีกยิ้ม “เออ...พี่...พี่ปวดท้องจะไปห้องน้ำ”
“อั้นไว้ก่อนนะคะ กำลังจะถึงตอนที่ผู้ร้ายตัวจริงถูกเปิดเผย”
นันทินีตัวสั่นด้วยความกลัว
“มีคนต้องการใส่ร้ายคุณประกายดาว ก็เลยให้เราสองคนทำแบบนี้” รติรสพูดต่อ
“และคนๆนั้นก็คือ..คุณนันทินีค่ะ” อรอุมาบอก
สุรีย์ตกใจมาก จันทรภานุ ประกายดาว และหญิงนิ่มหันมายิ้มให้กัน แล้วก็หันไปมองนันทินี นันทินีกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเลยแกล้งเป็นลม
“เอิ๊ก!!”
นันทินีล้มไปบนพื้น ทุกคนมองด้วยความอึ้ง ส่วนสุรีย์ทำหน้าไม่ถูก

จันทรภานุเดินมากับประกายดาวจนถึงรถที่จอดอยู่
“คุณดาวครับ” จันทรภานุเรียก ประกายดาวหันมา “ในเมื่อผมไม่ต้องแต่งงานกับคุณนันแล้ว ถ้าผมจะจ้างคุณต่อ..”
ประกายดาวพูดต่อทันที “ไม่ค่ะ” จันทรภานุอึ้ง “ฉันได้เรียนรู้แล้วว่าการโกหกหลอกลวงคนอื่น ทำให้เราไม่มีความสุข และฉันคิดว่านี่ก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่จะทำให้คุณไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่เลือก มันอยู่ที่ตัวคุณเองต่างหาก”
จันทรภานุนิ่งคิดตามแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“จริงอย่างที่คุณพูด สิ่งที่ผมทำ มันคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ขอบคุณนะครับคุณดาว สำหรับความช่วยเหลือ” จันทรภานุพูด ประกายดาวยิ้ม “คุณบอกผมมาได้เลยว่าคุณต้องการอะไรจากผม เป็นค่าตอบแทน”
ประกายดาวชะงักนิ่งมองหน้าจันทรภานุ
ประกายดาวคิดในใจ “เป็นโอกาสของแกแล้วดาว บอกไปเลย..ว่าแกอยากได้ “สเปิร์ม” พูดเลย..พูดสิ...พูด”
จันทรภานุเห็นประกายดาวเอาแต่จ้องหน้าก็แปลกใจสุดๆ
“คุณดาวครับ” จันทรภานุเรียก ประกายดาวสะดุ้ง “คุณมองหน้าผมมานานแล้ว มีอะไรก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ ไม่มีอะไรที่คนอย่างผมจะให้คุณไม่ได้”
“ของที่ฉันอยากได้จากคุณ มันเป็นของที่...” ประกายดาวอึกอัก “ที่มีค่าสำหรับคุณมาก..มากซะจนฉันกลัวว่าคุณจะไม่ให้”
“คุณก็ลองขอผมมาก่อนสิ”
“สิ่งที่ฉันอยากได้จากคุณชายจันทร์ก็คือ...คือ....” ประกายดาวอึกอัก จันทร์ภานุมองลุ้นๆ “ความเป็นเพื่อนค่ะ...ฉันอยากให้คุณรับฉันไว้เป็นเพื่อน..ซักคน”
ประกายดาวหัวใจแทบหยุดเต้นเพราะไม่กล้าพูดออกมา จันทรภานุถึงกับยิ้มออกมา
“แค่นี้เหรอครับที่คุณต้องการ”
“ค่ะ แค่นี้..เท่านั้น เท่านั้นจริงๆ”
“ผมก็นึกว่าจะเป็นของอะไรที่มากกว่านี้ซักอีก” จันทรภานุว่า ประกายดาวยิ้มเจื่อน “ตกลงครับ เราจะเป็นเพื่อนกัน”
จันทรภานุยื่นมือออกไปให้ประกายดาว ประกายดาวยื่นมือไปจับมือจันทรภานุพลางหันไปลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หญิงนิ่มนั่งข้างๆ จันทรภานุด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ทำไมพี่ชายไม่รั้งพี่ดาวเอาไว้!” หญิงนิ่มถาม
“ทำไมพี่ต้องรั้งคุณดาวด้วย ในเมื่อสิ่งที่คุณดาวพูด เป็นสิ่งที่ถูกต้อง พี่ไม่ควรใช้วิธีตื้นๆในการทำให้หม่อมแม่เลิกคิดเรื่องจับพี่แต่งงาน”
“ถ้าอย่างนั้นหญิงมีวิธีแก้ปัญหานี้ให้พี่ชาย ซึ่งมันง่ายมากค่ะ” หญิงนิ่มบอก จันทรภานุมองอย่างสนใจ “พี่ชายก็จีบพี่ดาวเป็นแฟนจริงๆซะเลยสิคะ
จันทรภานุแทบสำลัก เขามองหญิงนิ่มอึ้งๆ แล้วก็รีบปฏิเสธทันที
“พี่ไม่ได้ชอบคุณดาว ไม่มีวัน! ไม่มีทาง!!”
จันทรภานุพยายามตอกย้ำให้ตัวเองไม่ชอบประกายดาว

อ่านต่อหน้าที่ 3


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 5 (ต่อ)

แดนดินกำลังเล่นกับฟ้า แล้วก็หันไปทางประกายดาวที่นั่งอยู่บนพื้นข้างๆ
“เกิดเรื่องเกิดราวต่างๆมากมายขนาดนี้ พี่หวังว่าแกคงจะล้มเลิกเรื่องส..” แดนดินกำลังจะพูด”สเปิร์ม”แต่นึกได้ว่าฟ้ามองอยู่ “เรื่องนั้นนะ”
ประกายดาวชะงัก ไม่มีคำตอบใดใดนอกจากรอยยิ้ม
แดนดินนิ่วหน้า “ยิ้มแบบนี้ หมายความว่าไง?”
ประกายดาวรีบแก้ตัว “ก็..หมายความว่าอย่างที่พี่ดินพูดไง”
แดนดินยิ้มอย่างสบายใจแล้วหันไปเล่นกับฟ้า ประกายดาวมีสีหน้ากังวลใจ ระหว่างนั้นนภาวัลย์ก็เดินถือชามข้าวของฟ้าออกมา
“ถ้าน้องดาวเหงาหรือเบื่อก็มาช่วยเลี้ยงหลานสิ พี่ยกน้องฟ้าให้เป็นลูกดาวเลยก็ได้”
ประกายดาวหันไปมองฟ้าด้วยความรักแล้วก็ลูบหัว ทันใดนั้นนภาวัลย์เกิดปวดท้องขึ้นมาอย่างแรง เลยทำชามข้าวหล่นพื้น แดนดิน ประกายดาว และฟ้าหันไปมองเห็นนภาวัลย์ทรุดตัวลงบนพื้นก็พากันตกใจ
“วัลย์!!”

ประกายดาวนั่งกอดน้องฟ้าที่นอนหลับไปแล้วอยู่บนตักด้วยสีหน้าเป็นกังวลมาก ในขณะที่แดนดินเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้าแย่สุดๆ ไม่นานหมอก็เดินออกมา แดนดินรีบเข้าไปหา ประกายดาวอุ้มฟ้าแล้วลุกขึ้นยืน
“เมียผมเป็นอะไรครับ”
“คุณนภาวัลย์มีเนื้องอกในมดลูก!! ความจริงคุณนภาวัลย์เป็นมานานแล้ว แต่เธอขอร้องไม่ให้ผมบอกคุณ” หมอบอก แดนดินกับประกายดาวอึ้ง “ตอนนี้ผมรักษาโดยการใช้ยา แต่ดูจากอาการวันนี้ ผมว่ามันแย่ลง อาจจะต้องผ่าตัด”
“ถ้าผ่าแล้วหาย ก็ผ่าเลยสิครับ”
“หมอต้องตัดมดลูก ซึ่งอาจจะทำให้คุณมีลูกไม่ได้อีกนะครับ”
แดนดินกับประกายดาวหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ

แดนดินจับมือนภาวัลย์ที่นอนอิดโรยอยู่บนเตียง ประกายดาวยืนอยู่ด้านหลัง ขณะที่ฟ้านอนบนโซฟา
“ทำไมวัลย์ไม่บอกผมเรื่องนี้ คุณต่อสู้มันคนเดียวได้ยังไง?” แดนดินว่า
“วัลย์รู้ว่าคุณเป็นคนขี้กังวล วัลย์ถึงไม่บอก อย่าโกรธวัลย์เลยนะคะ”
“ผมไม่โกรธคุณ ผมโกรธตัวเองมากกว่าที่เอาแต่ทำงานจนไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ประกายดาวมองพี่ชายกับพี่สะใภ้ด้วยความสงสาร
“ผ่าตัดเถอะนะวัลย์” แดนดินกล่อม
“แต่ถ้าวัลย์ผ่าตัด เราจะมีลูกไม่ได้อีก” นภาวัลย์บอก
“ชีวิตคุณสำคัญกว่า”
“แต่การมีลูกอีกคนคือความฝันของคุณ”
“ความฝันมันเปลี่ยนกันได้ แล้วความฝันของผมตอนนี้ก็คือการได้อยู่กับคุณไปจนชั่วชีวิต” แดนดินบอก นภาวัลย์น้ำตารื้น แดนดินพยายามฝืนยิ้ม “แล้วอีกอย่างนะ..มีน้องฟ้าคนเดียวก็พอ มีลูกหลายคนก็ยิ่งยากจน” แดนดินหันไปทางประกายดาว “ใช่มั๊ยดาว”
“อื้อ...”
แดนดินหันมาเช็ดน้ำตาให้นภาวัลย์ ทั้งสองคนยิ้มให้กัน

ประกายดาวอุ้มฟ้าเดินออกมากับแดนดิน
“ระหว่างที่พี่วัลย์รักษาตัว ดาวจะมาอยู่บ้านพี่ดิน ดาวจะดูแลน้องฟ้าให้เอง พี่ดินไม่ต้องห่วงนะพี่”
แดนดินพยักหน้าแล้วตบบ่าประกายดาว “ขอบใจแกมากนะ”
ประกายดาวจับแขนแดนดินแล้วก็ยิ้มให้กำลังใจ

วันต่อมา ฟ้าแหกปากร้องลั่นบ้าน ประกายดาวพยายามจะดึงฟ้าให้ลุกจากเตียง
“น้องฟ้า อย่าดื้อสิ...ลุกมาอาบน้ำเดี๋ยวนี้!”
“น้องฟ้าไม่อาบน้ำ..ไม่อาบ..ฮือๆๆๆ”
ประกายดาวตัดสินใจอุ้มฟ้าพาดบ่า ฟ้าแหกปากพร้อมกับดิ้นไม่หยุด
“น้องฟ้าไม่ไป..น้องฟ้าไม่อาบ..”
ประกายดาวพาฟ้าเข้าไปในห้องน้ำ

ประกายดาววางฟ้าลงบนพื้นในห้องน้ำ ฟ้าจะวิ่งหนีออกไป ประกายดาวรีบคว้าตัวเอาไว้
“หยุดนะน้องฟ้า” ฟ้าดิ้นๆๆและร้องไห้ ประกายดาวอยากจะบ้าตาย “ถ้าอย่างนั้นเรามาอาบน้ำด้วยกัน”
ฟ้าเงียบมองหน้าประกายดาว
ประกายดาวกับฟ้าแช่อ่างอาบน้ำด้วยกัน ฟ้ามีความสุขมากเล่นของเล่นกับประกายดาว ประกายดาวมองฟ้าแล้วก็มีความสุข
“อาดาวคะ น้องฟ้าอยากมีน้อง น้องฟ้าจะได้มีเพื่อน”
“แล้วถ้าเกิดคุณแม่มีน้องให้น้องฟ้าไม่ได้ล่ะคะ” ประกายดาวถาม
“ก็อาดาวไงคะ อาดาวก็มีน้องให้น้องฟ้าเล่น”
“ถ้าอาดาวมีน้องขึ้นมาจริงๆ น้องฟ้าสัญญานะว่าจะช่วยอาเลี้ยงน้อง”
ฟ้าพยักหน้า “น้องฟ้าสัญญาค่ะ”
ประกายดาวยิ้มแล้วก็ลูบหัวฟ้าด้วยสีหน้ามีความสุข

ประกายดาวหันมาทางจิตสุภางค์ ในขณะที่ฟ้าเล่นของเล่นอยู่กับหมวย หลิง หลิน
“ฝากด้วยนะแก เย็นๆฉันจะมารับ”
“เออ ไปทำงานเหอะ ไม่ต้องห่วง” จิตสุภางค์นึกขึ้นได้ “เฮ้ย เดี๋ยวดาว..” ประกายดาวหันมา “ตกลงเรื่องนั้น?”
“ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”
“อ้าว?? แต่แกปฏิเสธไม่ช่วยคุณชายจันทร์ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันปฏิเสธไม่ช่วย แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่เอาสเปิร์มของเค้า” ประกายดาวบอก จิตสุภางค์นิ่วหน้า “บทเรียนที่ผ่านมา ทำให้ฉันเรียนรู้ว่าฉันรีบร้อนที่จะใกล้ชิดคุณชายจันทร์มากไป โดยลืมนึกว่าคุณชายจันทร์เป็นผู้ชายเนื้อหอมมากแค่ไหน ฉันถึงเจอแต่ปัญหา แต่หลังจากวันนี้ ฉันจะค่อยเป็นค่อยไป ฉันจะอดทน เพื่อลูกของฉัน”
“ฉันจะไม่ห้าม แต่ฉันขอเตือน “การมีลูก มันคือความทุกข์อย่างหนึ่ง” แกต้องดูแลชีวิตคนๆหนึ่ง ตั้งแต่เค้าตื่น จนเค้านอน ดูว่าเค้าจะกินอะไร ต้องคอยระวังรอบด้าน มีแต่เรื่องปวดหัวสารพัด”
“ฉันเห็นด้วยกับที่แกพูดว่าการมีลูกมันคือความทุกข์ แต่มันเป็นความทุกข์ที่ทำให้เรามีความสุขไม่ใช่เหรอ” ประกายดาวบอก จิตสุภางค์อึ้ง “ถึงแม้เราจะต้องเสียสละชีวิตทั้งชีวิต เราต้องทนหนวกหูเวลาเค้าร้องเสียงดัง ต้องไม่ได้นอน เพราะต้องมากล่อมให้เค้าหลับ แต่พอวันนึงที่ลูกแกเริ่มคลานได้ เดินเป็น เรียกแกว่าแม่ แกไม่มีความสุขเหรอจิต”
จิตสุภางค์ฟังที่ประกายดาวพูดแล้วก็ได้แต่เงียบคล้ายยอมรับว่าที่ประกายดาวพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง
“แกทำฉันพูดไม่ออกเลยว่ะ”
ประกายดาวยิ้ม “นี่...ยังมีอีกเรื่องที่ฉันต้องขอร้องแก...อย่าบอกเรื่องนี้ให้พี่ชายฉันรู้เด็ดขาด ฉันไปทำงานล่ะ จะสายแล้ว”
ประกายดาวยิ้มอย่างอารมณ์ดีพร้อมโบกมือให้แล้วรีบเดินออกไป จิตสุภางค์ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

ประกายดาวกำลังเซ็ทกล้องเตรียมจะทำงาน เธอหันไปเห็นเจ๊พีชเดินมาหา ประกายดาวยิ้มร่าแล้วเดินเข้าไป
“ขอบคุณมากนะเจ๊ที่ทำให้ดาวกลับมามีงานทำอีกครั้ง”
“ไม่ใช่เจ๊คนเดียวซักหน่อย เป็นเพราะน้องลินทร์ลงแก้ข่าวเรื่องคลิปนั่นให้ ถึงทำให้น้องดาวเป็นผู้บริสุทธิ์” เจ๊พีซบอก ประกายดาวยิ้ม “แล้ววันนี้ก็มีคนที่อยากมาแสดงความยินดีกับดาวด้วยนะ”
ประกายดาวหันไปเห็นพงศ์จันทรถือช่อดอกไม้เล็กๆน่ารักเดินมาหา
ประกายดาวรับช่อดอกไม้มาจากพงศ์จันทร
“ขอบคุณคุณพงศ์มากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณพงศ์ ดาวคงทำเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้”
“เรื่องเล็กน้อยครับ” พงศ์จันทรลังเลนิดนึง “คุณดาวครับ...แล้วเรื่องระหว่างคุณกับคุณชายจันทร์”
ประกายดาวตอบสั้นๆ “จบแล้วค่ะ”
พงศ์จันทรดีใจมาก “ถ้าอย่างนั้นผมพอจะมีโอกาสได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กับคุณดาวมั๊ยครับ”
ประกายดาวอึ้งแล้วถอนใจ “ดาวพูดตรงๆนะคะ ดาวเข็ดผู้ชาย ดาวเข็ดกับความรัก หัวใจของดาวมันยังบอบช้ำอยู่มาก ดาวคง..รับความหวังดีของคุณไม่ได้หรอกค่ะ”
พงศ์จันทรจ๋อยสนิท “คุณดาวกำลังปฏิเสธผมใช่มั๊ย”
“เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า เชื่อดาวนะคะ”
ประกายดาวยิ้มแล้วก็เดินออกไป พงศ์จันทรรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที

พงศ์จันทรหน้าเศร้าเดินมานั่งลงที่โต๊ะ เขาเปิดโน๊คบุ๊คขึ้นมาแล้วก็กดเปิดอินเตอร์เน็ต หน้าบล็อคของหญิงนิ่มปรากฎขึ้นมา พงศ์จันทรพิมพ์ข้อความเข้าไป
“ผมคิดว่าผมอกหัก”
หญิงนิ่มเห็นข้อความพงศ์จันทรขึ้นมาก็พิมพ์ตอบกลับไป
“เคยได้ยินประโยคนี้มั๊ยคะ “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น” อย่างน้อยคุณก็เคยได้ใช้หัวใจในการรักใคร ดีกว่าหญิงที่ยังไม่เคยเจอใครที่หญิงรัก”
พงศ์จันทรนิ่งคิดไปกับข้อความของหญิงนิ่ม แล้วก็พิมพ์ตอบกลับไป
“แต่ผู้หญิงคนนี้ ทำให้ผมอยากหยุดทุกอย่างเพื่อเธอ ผมควรจะตัดใจ หรือพยายามทำให้เธอรักผมดีครับ”
ไม่นานหญิงนิ่มก็ตอบกลับมา
“การจะเจอคนซักคนที่เรารักจนอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้างั้นก็ลุยเลยค่ะ หญิงจะเอาใจช่วย” หญิงนิ่มส่งอีโมติค่อนยิ้มมาให้ “สู้ๆนะคะ”
พงศ์จันทรนิ่งไปอย่างครุ่นคิด

พงศ์จันทรอยู่กับกิ๊กคนที่หนึ่งในร้านอาหาร
พงศ์จันทรพูดออกมา “เราเลิกกันเถอะ”
กิ๊กคนที่หนึ่งอึ้งแล้วร้องไห้ออกมาอย่างกับพ่อตาย พงศ์จันทรตกใจพยายามจะปลอบ แต่กิ๊กหันมาตบหน้าด้านขวาพงศ์จันทรดังเพี๊ยะ พงศ์จันทรหันไปมองกิ๊กอึ้งๆ
“คนหลอกลวง!”
กิ๊กคนที่สองตบหน้าด้านซ้ายพงศ์จันทรดังเพี๊ยะ
“คนหลายใจ”
กิ๊กคนที่สามตบหน้าด้าวขวาพงศ์จันทรดังเพี๊ยะ
“คนใจดำ!”

พงศ์จันทรนั่งลงจับหน้าตัวเองด้วยความเจ็บบนหน้าของเขามีรอยฝ่ามืออยู่หลายรอย พงศ์จันทรเปิดสมุดเล่มเล็ก
“ยังเหลืออีก 8 คน ท่าทางจะพูดปากเปล่าไม่ได้” พงศ์จันทรเจ็บหน้า แล้วเขาก็คิดว่าจะทำยังไง

วันรุ่งขึ้น พงศ์จันทรเข้ามาในร้านของหญิงนิ่ม หญิงนิ่มเห็นพงศ์จันทรก็ผงะ
“มาทำไม?!”
“พูดกับลูกค้าให้มันดีดีหน่อยสิครับคุณหญิง” พงศ์จันทรว่า หญิงนิ่มแปลกใจ “ผมอยากซื้อกระเป๋า ขอรุ่นที่แพงที่สุด 8 ใบ”
หญิงนิ่มผงะ”8 ใบ!!! ซื้อไปให้สาวๆล่ะสิ”
“เรื่องของผม!”
หญิงนิ่มเบ้หน้า “รอซักครู่”
หญิงนิ่มเดินเข้าไปด้านใน พงศ์จันทรมองไปรอบๆ ก็เห็นหญิงนิ่มเปิดโน๊ตบุ๊คค้างไว้บนโต๊ะ พงศ์จันทรแอบดูเห็นเป็นหน้าจอเป็นบล็อคของหญิงนิ่ม และมีข้อความจากชายไร้หัวใจ ไม่นานหญิงนิ่มก็ยื่นมือมาปิดหน้าจอ พงศ์จันทรชะงักแล้วหันไป
“เสียมารยาท”
พงศ์จันทรหยั่งเชิง “ไอ้ชายไร้หัวใจนี่ใครอ่ะ?? แฟนคุณเหรอ?”
“เค้าจะเป็นใคร ก็ไม่เกี่ยวกับนาย แต่เค้าเป็นคนดีมากกว่านายก็แล้วกัน”
พงศ์จันทรแทบจะขำออกมา ไม่นานพนักงานก็เอากระเป๋า 8 ใบวางบนโต๊ะ ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทางลับๆล่อๆ
หญิงนิ่มบอก “ใบละ 250000 บาท”
ชายคนนั้นหันขวับมามองกระเป๋าตาโตเพราะอยากได้
“เอาทั้งหมด คิดตังค์ได้เลย”
ยังไม่ทันที่หญิงนิ่มจะทำอะไร ชายคนนั้นก็เข้ามารวบกระเป๋าไปสี่ใบ ทำเอาทุกคนตกใจ
พงศ์จันทรหันไปว่า “นี่คุณ..ผมเอาแล้วนะ”
ชายคนนั้นไม่พูดไม่จารีบวิ่งหน้าตาตื่นออกไปทำให้ทุกคนรู้ว่าเป็นขโมย!!
หญิงนิ่มร้องออกมา “ขโมย!”

ขโมยวิ่งออกมาจากร้าน หญิงนิ่มกับพงศ์จันทรรีบตามออกมา
“ใครก็ได้ช่วยจับมันที!! มันขโมยกระเป๋า”
ไม่มีใครช่วย หญิงนิ่มโมโหมากจึงพุ่งเข้าไปหาขโมย พงศ์จันทรตกใจรีบตามไป หญิงนิ่มพุ่งเข้าไปคว้าแขนขโมยแล้วดึงเอาไว้
“เอากระเป๋าฉันมา!”
ขโมยกอดกระเป๋าแน่นไม่ยอมให้ พงศ์จันทรรีบเข้ามาจับตัวหญิงนิ่ม
“คุณหญิง..อย่า!! มันอันตราย!”
“ถ้าไม่ช่วยก็ไม่ต้องยุ่ง!!” หญิงนิ่มว่า
หญิงนิ่มไม่ปล่อยแขนขโมย ทันใดนั้นเสียงนกหวีดก็ดังขึ้น หญิงนิ่ม พงศ์จันทร และขโมยหันไปเห็นตำรวจจราจรอ้วนๆวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ
“คุณตำรวจช่วยด้วยค่ะ ผู้ชายคนนี้ขโมยกระเป๋าร้านฉัน!”
ขโมยตกใจจนตื่นกลัวเลยทิ้งกระเป๋า 1 ใบ แล้วรวบตัวหญิงนิ่มมาล็อคคอ พงศ์จันทรกับตำรวจจราจรตกใจ
“อย่าเข้ามา!! ไม่งั้นฉันจะหักคอมันเอาให้ตาย”
หญิงนิ่มกลัวมาก พงศ์จันทรหน้าตาตื่น ทันใดนั้นก็มีรถเก่าๆคันหนึ่งแล่นมา ขโมยลากหญิงนิ่มไปขวางรถคันนั้น ทำให้รถเบรคดังเอี๊ยด!!
ขโมยหันไปบอกคนขับรถ “ลงมา! ลงมาสิ!”
คนขับทำหน้าเหรอๆหราๆ ขณะลงจากรถ ขโมยลากหญิงนิ่มขึ้นรถแล้วขับหนีออกไป พงศ์จันทรหน้าเสีย
“ซวยแล้วยัยคุณหญิง!”
ทันใดนั้นก็มีคนสวมชุดหนังสีดำขี่มอเตอร์ไซด์ตามรถคันนั้นไปติดๆ พงศ์จันทรหันไปมองด้วยความตกใจแล้วก็หันไปทางจราจร
“รถจ่าอยู่ไหน” พงศ์จันทรถาม ตำรวจชี้ไปที่มอเตอร์ไซด์ “รีบตามไปเร็วจ่า”
ตำรวจจราจรกับพงศ์จันทรขึ้นมอเตอร์ไซด์แล้วก็รีบตามไปอีกคัน

หญิงนิ่มมีสีหน้าตื่นตระหนกมาก เธอหันไปทางขโมยที่กำลังขับรถ
“แกจะพาฉันไปไหน?!”
ขโมยหันมาตะคอก “เงียบ!”
หญิงนิ่มไม่กล้า ขโมยมองกระจกข้างเห็นรถมอเตอร์ไซด์แล่นตามมาด้วยความเร็วสูง หญิงนิ่มเห็นเลยหันไปมองด้วย ไม่นานมอเตอร์ไซด์ก็แล่นแซงหน้าแล้วก็เบรคเอี๊ยด ทำให้ขโมยต้องเบรคตาม
คนขี่มอเตอร์ไซต์ที่สวมหมวกกันน็อคหันหน้ามา ขโมยโมโห
“อยากตายเหรอมึง!”
ขโมยเหยียบคันเร่งขู่ แต่คนขี่มอเตอร์ไซด์นิ่งมากไม่หวาดหวั่นใดใด ทันใดนั้นเครื่องรถก็ดับ ขโมยเหวอแล้วพยายามสตาร์ทอีกครั้งแต่ก็ไม่ติด หญิงนิ่มดีใจมาก

คนขี่มอเตอร์ไซด์เดินลงมา ขโมยกลัวจนลนลานจึงรีบเปิดประตูจะหนี หญิงนิ่มรีบลงจากรถแต่ขโมยไปไม่รอดเพราะคนขี่มอเตอร์ไซด์คว้าแขนขโมยเอาไว้ ขโมยหันมาสู้ คนขับหลบแบบเท่ๆ ขโมยยิ่งโมโห
ไม่นานตำรวจจราจรกับพงศ์จันทรก็มาถึง พงศ์จันทรรีบมาหาหญิงนิ่ม ตำรวจจราจรวอเรียกกำลังเสริม
“คุณหญิงเป็นไงบ้าง?” พงศ์จันทรถาม
หญิงนิ่มไม่ตอบ เพราะมัวแต่มองการต่อสู้เบื้องหน้า พงศ์จันทรหันไปมองตามก็ทึ่ง คนขี่มอเตอร์ไซด์เพลี้ยพล้ำ ขโมยจึงรีบวิ่งหนี คนขี่ถอดหมวกกันน็อคออกมาผมสยายเผยให้เห็นว่าเป็นผู้หญิงที่ชื่อ “ต้นอ้อ”
หญิงนิ่ม พงศ์จันทร และจราจรอ้าปากค้างด้วยความตะลึง
พงศ์จันทรตะลึง “ผู้หญิง?”
ต้นอ้อเข้ามาจับขโมย หญิงนิ่มกับพงศ์จันทรโล่งอก หญิงนิ่มนึกขึ้นได้
“กระเป๋า!”
หญิงนิ่มรีบเปิดประตูหยิบกระเป๋า 3 ใบออกมา ต้นอ้อพาขโมยเดินมาหาตำรวจจราจรผ่านหน้าหญิงนิ่ม ขโมยดันเหลือบไปเห็นด้ามปืนที่เหน็บเอวต้นอ้อเลยดึงปืนมาได้ แล้วผลักต้นอ้อให้ออกไป ก่อนจะดึงหญิงนิ่มมาล็อคคอแล้วเอาปืนจ่อ ทุกคนตกใจ
พงศ์จันทรตกใจ “คุณหญิงนิ่ม!”
หญิงนิ่มหน้าตื่นกลัว ต้นอ้อจ้องขโมยด้วยหน้าตาเอาเรื่อง

ต้นอ้อจ้องหน้าขโมยด้วยหน้าตาเอาเรื่อง หญิงนิ่มหน้าตาตื่น
“ทิ้งปืน แล้วมอบตัวซะ!” ต้นอ้อเสียงดัง
“ไม่เว๊ย!” ขโมยสวน ต้นอ้อขยับ “อย่าเข้ามา ไม่งั้นนังนี่ตาย”
พงศ์จันทรมีสีหน้าครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี แล้วเขาก็ตัดสินใจรีบย่องไปข้างหลัง
“คุณมีเมียมีลูกรึเปล่า” ต้นอ้อถาม ขโมยชะงัก ต้นอ้อรู้ทันทีว่าเขามี “ถ้าคุณฆ่าเค้าตาย คุณก็ต้องติดคุก แล้วเมียคุณ ลูกคุณ จะใช้ชีวิตยังไง ส่งปืนมาให้ฉัน”
ขโมยเริ่มลังเล ทันใดนั้นพงศ์จันทรก็พุ่งเข้ามาแย่งปืนจากขโมย ต้นอ้อ หญิงนิ่ม และตำรวจจราจรตกใจ
“คุณหญิงหนีไป!!” พงศ์จันทรบอก
หญิงนิ่มรีบวิ่งออกมา พงศ์จันทรสู้กับขโมยและแย่งปืนกัน หญิงนิ่มหันไปมองด้วยความเป็นห่วง
“คุณพงศ์ระวัง!!”
พงศ์จันทรกำลังจะพลาดท่า ขโมยกำลังจะลั่นไกยิง ต้นอ้อรีบเข้าไปคว้าปืนจากเอวตำรวจจราจรแล้วหันไปยิงเปรี้ยง!! กระสุนถากมือขโมย แต่เฉียดหน้าพงศ์จันทรไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ขโมยทำปืนร่วง
ขโมยร้อง “โอ๊ย!”
ขโมยทรุดลงพื้น ตำรวจจราจรรีบเข้ามาใส่กุญแจมือ พงศ์จันทรยืนตัวแข็ง ต้นอ้อกับหญิงนิ่มหันไปมองก็เห็นพงศ์จันทรเป็นลมไปทันที หญิงนิ่มกับต้นอ้อตกใจ
“คุณพงศ์!!” หญิงนิ่มเป็นห่วง

อภิเชษฐ์ยืนอยู่กับหญิงนิ่ม
“พี่เชษฐ์อย่าบอกเรื่องนี้ให้พี่ชายรู้นะคะ หญิงไม่อยากให้พี่ชายเป็นห่วง” หญิงนิ่มบอก
อภิเชษฐ์ผงะ “อุ่ย...สายไปแล้วล่ะครับน้องหญิง คือ พี่โทรบอกชายแล้ว และมันก็กำลังมาที่นี่”
หญิงนิ่มอึ้งและมีสีหน้าแย่ลงทันที ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เชิญครับ” อภิเชษฐ์บอก
ต้นอ้อเปิดประตูเดินเข้ามา
“สอบปากคำเสร็จแล้วค่ะ”
แววตาที่ต้นอ้อมองเป็นประกายด้วยความชื่นชม อภิเชษฐ์เดินมาข้างต้นอ้อ
“โชคดีที่น้องหญิงเจอรุ่นน้อง” อภิเชษฐ์ตบบ่าต้นอ้อ “ของพี่คนนี้” ต้นอ้อแอบสลดกับคำว่ารุ่นน้อง “ได้แสดงฝีมือตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับตำแหน่งเลยนะหมวดต้นอ้อ”
ต้นอ้อยิ้มรับแบบจ๋อยๆ
หญิงนิ่มพูด “ขอบคุณหมวดต้นอ้อมากนะคะที่ช่วยหญิงเอาไว้ หมวดเป็นตำรวจหญิงที่ทั้งสวยแล้วก็เท่ห์มากเลยค่ะ มีแฟนเหรอยังคะ”
ต้นอ้อปรายตามองอภิเชษฐ์แล้วก็พูดออกมาเสียงดังฟังชัดเหมือนอยากให้ทะลุถึงกลางหัวใจอภิเชษฐ์เพราะแอบชอบอภิเชษฐ์มานานแล้ว
“ไม่มีค่ะ”
อภิเชษฐ์เอาแขนเท้าไหล่ต้นอ้อเหมือนต้นอ้อเป็นน้องชาย “รายนี้เค้าขยาดผู้ชาย ผู้ชายจีบไม่ได้เลยนะ จีบปุ๊บ จับทุ่มปั๊บ”
อภิเชษฐ์หัวเราะชอบใจแต่ต้นอ้อขำไม่ออก หญิงนิ่มหันไปมองต้นอ้อที่หน้าเจื่อน
“พูดมากไปแล้วค่ะพี่เชษฐ์ หมวดต้นอ้อทำหน้าไม่ถูกแล้ว”
“ผู้กองชอบแซวฉันแบบนี้แหละค่ะ เพราะความที่ฉันไม่เคยมีแฟน ไม่ใช่ขยาดผู้ชายนะคะ แต่เค้าไม่ชอบเรามากกว่า”
“พูดแบบนี้แสดงว่ามีคนที่ชอบแล้วเหรอ?? ใครอ่ะ?” อภิเชษฐ์ทำหน้าอยากรู้มาก
“ไม่บอกผู้กองหรอกค่ะ ไม่งั้นผู้กองก็แซวฉันไม่เลิกสิ” ต้นอ้อรีบเปลี่ยนเรื่อง “ความจริงคนที่คุณหญิงควรจะขอบคุณน่าจะเป็นคุณพงศ์จันทรมากกว่า ถ้าคุณพงศ์จันทรไม่กล้าที่จะเข้าไปแย่งปืน ฉันคงไม่มีจังหวะที่จะยิงคนร้ายได้หรอกค่ะ”
หญิงนิ่มนิ่งคิดไปว่าก็จริงนะ “แล้วตอนนี้เค้าอยู่ไหนคะ?”

พงศ์จันทรกำลังดมแอมโมเนียนอนหน้ายังซีดอยู่บนเตียง หญิงนิ่มเดินเข้ามาเห็นสภาพพงศ์จันทรก็ขำ แต่พงศ์จันทรยังไม่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามา
หญิงนิ่มแกล้งทำเสียง “ปัง!”
พงศ์จันทรตกใจรีบลุกพรวดขึ้นมานั่งพร้อมเอาหมอนมาบังตัวไว้
“เวยย!!”
หญิงนิ่มขำก๊ากออกมา พงศ์จันทรโล่งอกที่ไม่ใช่ปืน
“หัวเราะอะไรคุณหญิง?!! สะใจมากใช่มั๊ยที่เห็นสภาพผมแบบนี้”
“นึกว่านายจะแน่ เห็นกล้าเข้ามาแย่งปืนคนร้าย แต่ที่ไหนได้” หญิงนิ่มพูดน้ำเสียงเยาะเย้ย “ป๊อดอ่ะ แค่นี้ก็เป็นลม”
“โดนยิงระยะเผาขนขนาดนั้น เป็นคุณ..คุณไม่กลัวเหรอ”
“กลัว”
“เอ้า..”
หญิงนิ่มยิ้มขำๆ “ขอบใจที่ช่วย”
พงศ์จันทรอึ้ง “นี่ผมฝันไปรึเปล่า..พูดอีกครั้งได้มั๊ย”
พงศ์จันทรยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าหญิงนิ่ม หญิงนิ่มผงะไปนิดนึงที่เห็นหน้าพงศ์จันทรในระยะประชิด ใบหน้าที่หล่อเหลาเกลี้ยงเกลาทำให้หญิงนิ่มหน้าแดงซ่านโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเสียงกระแอมของจันทรภานุก็ดังขึ้น
“แฮ่ม!”
หญิงนิ่มกับพงศ์จันทรหันไปเห็นจันทรภานุยืนอยู่
“พี่ชาย!!”
จันทรภานุมองพงศ์จันทรด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ

หญิงนิ่มหยุดเดินแล้วหันไปมองจันทรภานุสีหน้าตกใจมาก
“พี่ชายคิดว่าหญิงกับนายปลาไหล...?” หญิงนิ่มพูดไม่ออก “นายนั่นไม่ได้จีบหญิง และหญิงก็ไม่มีวันชอบเค้าเด็ดขาด”
“แล้วทำไมเมื่อกี๊ ตอนที่อยู่ในห้อง พี่ถึงเห็นน้องหญิงหน้าแดงล่ะคะ” จันทรภานุถาม
หญิงนิ่มหน้าถอดสีแล้วรีบแก้ตัว “หญิง..เออ..หญิงร้อนน่ะสิคะพี่ชาย พี่ชายห้ามพูดแบบนี้อีกนะคะ แค่คิด...หญิงก็ขนลุกเกรียวไปทั้งตัวแล้ว”
“ดีแล้วค่ะที่น้องหญิงคิดแบบนี้ คุณพงศ์จันทรเหมาะที่จะเป็นเพื่อน แต่ไม่เหมาะที่จะเป็นคู่รัก เพราะความเจ้าชู้ของเค้า มีแต่จะทำให้ผู้หญิงเสียน้ำตามากกว่าจะทำให้ผู้หญิงมีเสียงหัวเราะ”
จันทรภานุพูดจบก็เดินออกไป แต่หญิงนิ่มกลับใจเต้นแรงแปลกๆ แล้วเธอก็รีบเดินตามจันทรภานุไป

อ่านต่อหน้าที่ 4


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 5 (ต่อ)

นันทินีใส่แว่นดำเดินเข้ามาในร้าน พนักงานเดินมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะคุณนัน วันนี้ทำอะไรดีคะ”
นันทินียกมือไม่ให้พนักงานพูด พนักงานตกใจและแปลกใจ นันทินีกวาดตามองไปรอบร้านจนเห็นอรอุมากับรติรสนั่งหันหลังแต่มีกระจกด้านหน้าเลยทำให้นันทินีเห็น ทั้งสองคนกำลังอบไอน้ำพลางอ่านนิตยสารไปด้วย นันทินีถอดแว่นดำแล้วหรี่ตาร้ายกาจก่อนจะจ้ำพรวดเข้าไปทันที
นันทินีเดินมาถึงก็หันไปยกมือไล่พนักงานแถวนั้นให้ออกไป อรอุมากับรติรสยังไม่เห็น นันทินียิ้มร้ายเดินมาตรงกลางระหว่างสองคนแล้วเร่งความร้อนที่อบไอน้ำให้ร้อนสุด ไม่นานอรอุมากับรติรสก็รู้สึกว่าร้อนมาก ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมา
“โอ๊ย!! ทำไมมันร้อนแบบนี้” อรอุมาบ่น
“นั่นสิ หัวจะไหม้อยู่แล้ว” รติรสว่า
อรอุมากับรติรสเห็นนันทินีผ่านทางกระจกก็ตกใจ ทั้งสองหันขวับแล้วลุกขึ้นยืน
“คุณนัน!!”
“คุณทำอะไรของคุณ!! กะจะฆ่ากันให้ตายเหรอไง?” อรอุมาว่า
“ใช่ แกสองคนเกือบฆ่าฉันทั้งเป็น!” นันทินีบอก
อรอุมากับรติรสมองหน้าอย่างรู้ว่าเรื่องอะไร?
“แหมคุณนันคะ มนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด พวกเราก็แค่เอาตัวรอดเท่านั้น เข้าใจพวกเราเถอะนะคะ” รติรสพูด
“แล้วอีกอย่าง..พวกเราก็ทำตามที่คุณขอ เพราะฉะนั้นอย่ามาโทษกัน”
นันทินีกำมือแน่นด้วยความโมโหมาก
“สรุปว่าฉันผิดใช่มั๊ย?” นันทินีถาม
อรุอมากับรติรสกอดอกทำหน้ากวน “อือฮึ”
นันทินีพยักหน้าแล้วหันหลังเหมือนจะเดินออกไป อรอุมากับรติรสยิ้ม แล้วนันทินีก็คว้าขวดโฟมใส่ผมสองขวดขึ้นมา ก่อนจะหันไปฉีกใส่หน้าอรอุมากับรติรส ทั้งสองคนกรี๊ดลั่นร้านทำเอาพนักงานและลูกค้าแตกตื่นหันมาดู
“อ๊ายย!!”
“เพราะพวกแก! ทำให้คุณชายเกลียดฉัน! เพราะพวกแก!”
อรอุมากับรติรสโวยวาย พร้อมยกมือป้องกันตัว
“หยุดนะ..แอร๊ย!!”
รติรสเข้ามาคว้าขวดโฟมแย่งมาจากมือนันทินีแล้วก็ฉีดใส่หัวนันทินีเพื่อเอาคืนพร้อมทั้งขยี้ผมนันทินี จนผมเปลี่ยนทรงเป็นตั้งฟู
นันทินีร้องลั่น “อ๊าย!!”
อรอุมาหันไปคว้าสเปรย์ฉีดผมแล้วก็ฉีดใส่หน้านันทินี นันทินีถึงกับสำลัก
“อ๊ายย..แค่กแค่ก..หยุด..โอ๊ย! ว๊าย!”
นันทินีถอยกรูดแล้วก็ล้มก้นจ้ำเบ้าไปบนพื้น อรอุมากับรติรสปาขวดสเปรย์กับขวดโฟมลงพื้น
“ให้มันรู้ซะมั่งว่าเล่นอยู่กับใคร” อรอุมาบอก
อรอุมากับรติรสเอาผ้าขนหนูที่คลุมไหล่มาเช็ดหน้า นันทินีไม่ยอมจึงคว้าเครื่องเป่าผมขึ้นมาเป่าใส่หน้าอรอุมากับรติรส ทั้งสองคนกรี๊ดกร๊าดและล่าถอย
“ฉันไม่ยอมแพ้พวกแกง่ายๆหรอก คิดเหรอว่าจะรุมฉันได้!” นันทินีว่า
แต่แล้วปลั๊กก็หลุดทำให้เครื่องเป่าผมดับ นันทินีเหวอ อรอุมากับรติรสเข้ามารุมตบนันทินี
“อ๊าย..อ๊าย!”
ทั้งสามคนตบกันกลางร้าน ทั้งจิกผม ทึ้งผมจนหมดสภาพ พนักงานและลูกค้าดูอย่างเมามันสุดๆ

นันทินีในสภาพยับเยิน สีหน้าเจ็บปวดนั่งอยู่กับสุรีย์
นันทินีฟูมฟาย “พวกมันรุมนัน ไม่มีใครมาช่วยนันเลย” นันทินีพูดแล้วก็เจ็บ “อุ๊ย” สุรีย์เงียบ นันทินีแปลกใจ “ทำไมหม่อมแม่ไม่พูดอะไรบ้างเลยล่ะคะ”
“หนูนันจะให้แม่พูดอะไร แม่เองก็กลุ้มใจจะแย่” สุรีย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “หลังจากเกิดเรื่อง ชายจันทร์ยังไม่ยอมพูดกับแม่เลย แม่ว่าเราต้องหยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน”
นันทินีชะงักแล้วโวยวาย “หมายความว่านันจะไม่ได้แต่งงานกับคุณชายเหรอคะ?” นันทินีแว๊ดดังลั่น “นันไม่ยอมนะคะหม่อมแม่ นันไม่ยอม!” สุรีย์เหล่ นันทินีรู้ตัวรีบปรับโทนเสียง “อุ่ย..ขอประทานโทษค่ะ”
“ไม่ใช่ว่าไม่ได้แต่ง เพียงแค่เว้นระยะ รอให้เรื่องมันเงียบไปก่อน แล้วแม่จะหาทางใหม่ ตอนนี้แม่ไม่อยากถูกลูกเกลียด”
นันทินีเหวอไปเพราะพูดอะไรไม่ออก เธอได้แต่เจ็บใจเงียบๆคนเดียว

อรอุมากับรติรสผลัดกันทายาให้กันและกัน
“โอ๊ย..เบาหน่อยสิรติ” อรอุมาบอก
“นี่ก็เบามือที่สุดแล้วนะ”
อรอุมาหยิบกระจกขึ้นมาดูก็เห็นว่าหน้ามีรอยข่วน “หน้าฉันจะเสียโฉมมั๊ยเนี่ย”
“เธอแค่หน้า แต่ฉันสิ โดนยัยนันทินีตบเข้าที่ดั้งจมูก จะเบี้ยวรึเปล่าก็ไม่รู้”
รติรสหันหน้าไปให้อรอุมาดู อรอุมาจับหน้ารติรสหันซ้ายหันขวา
“ก็นิดนึง”
“ห๊ะ!!” รติรสหยิบกระจกมาส่องบ้าง “อ๊าย” รติรสระเบิดออกมาอย่างสุดทน “เรื่องทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นเป็นเพราะนังประกายดาวคนเดียว”
“ใช่..เป็นเพราะนังนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะมัน เราก็คงไม่โดนเล่นงานหนักขนาดนี้”
“ฉันไม่ยอมให้ทุกอย่างมันจบแค่นี้แน่ นังประกายดาวต้องได้รับการชดใช้!”
ทันใดนั้นเสียงมือถือของอรอุมาก็ดังขึ้น อรอุมาหยิบขึ้นมากดรับสาย
“ฮัลโหล” อรอุมาฟัง “ทำไมจะจำเจ๊พีชไม่ได้ล่ะคะ” อรอุมาฟัง “อยากให้อรกับรติเดินแบบในงานแฟชั่นการกุศล?”
อรอุมากับรติรสมองหน้ากันด้วยความสนใจ

แดนดินประคองนภาวัลย์กลับเข้ามาในบ้าน ฟ้ากับประกายดาวตกแต่งบ้านด้วยริบบิ้นสีๆ ซึ่งมีป้าย “ขอต้อนรับคุณแม่กลับบ้าน” แขวนอยู่ ฟ้ากับประกายดาวยิงพลุกระดาษ แดนดินกับนภาวัลย์เซอร์ไพร์สมาก
ฟ้าโผเข้ามากอดนภาวัลย์ “คุณแม่..”
“เบาๆค่ะน้องฟ้า คุณแม่เพิ่งผ่าตัด แผลยังไม่หายดี เดี๋ยวคุณแม่เจ็บนะคะ” แดนดินบอก
ฟ้าผละออกมา “น้องฟ้าขอโทษค่ะ” ฟ้าเป่า “โอมเพี้ยง..หายเจ็บมั๊ยคะ”
“หายเจ็บแล้วค่ะ ขอบใจมากนะดาวที่สามสี่วันมานี้ ดาวช่วยดูน้องฟ้าให้พี่” นภาวัลย์บอก
“ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่วัลย์ น้องฟ้าน่ารักมาก”
ฟ้ารีบเสริม “น่ารักจริงๆค่ะ”
คำพูดซื่อๆของฟ้าทำเอาทุกคนหัวเราะ แดนดินเข้าไปอุ้มน้องฟ้า
“มาให้พ่อหอมหน่อยสิ คิดถึงจังเลย”
แดนดินทั้งกอดทั้งหอมฟ้าไม่หยุด ประกายดาวมองภาพพ่อแม่ลูกตรงหน้าแล้วก็รู้สึกดีมาก

แดนดินเดินออกมาส่งประกายดาว
“ความจริงแกน่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกันกับฉัน” แดนดินบอก
“อย่าเลยพี่ดิน ถ้าดาวมาอยู่ด้วย ทะเลาะกันทุกวันแน่ อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆแบบนี้แหละดีแล้ว แล้วพี่กับพี่วัลย์เป็นไง”
“เราทำใจกันได้แล้ว ไม่มีลูกอีกคนก็ดี จะได้ทุ่มเทความรักทั้งหมดให้กับน้องฟ้า”
ประกายดาวพยักหน้าเห็นด้วย แดนดินหันมา
“ขอบใจแกมากนะดาว ถ้าไม่ได้แกมาช่วยดูบ้าน ดูน้องฟ้า พี่แย่แน่”
“พี่น้องกันคิดไรมาก”
แดนดินยิ้ม “พี่ดีใจว่ะ ที่มีน้องสาวอย่างแก”
“มาซึ้งไรตอนนี้เนี่ยห๊ะ!!”
แดนดินขยี้หัวประกายดาว ประกายดาวยิ้ม “แล้วพี่ก็ดีใจที่แกเปลี่ยนใจจากเรื่องนั้น” ประกายดาวชะงัก “หวังว่าแกคงไม่คิดจะมีลูกอีกแล้วจริงๆนะ”
ประกายดาวยิ้มเจื่อนแต่ ไม่ตอบ

อรอุมากับรติรสกำลังซ้อมเดินแบบคู่กัน ด้านหลังของพวกเธอมีเสาปลอมสองเสาตั้งอยู่ และมีทีมงานกำลังตกแต่งเวทีใกล้กับเสาปลอม เจ๊พีชยืนกำกับด้านหน้าเวทีด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม
“เริ่ดมากค่ะคุณน้องทั้งสอง สวยสง่าที่สุด”
อรอุมากับรติรสมาโพสท่าหน้าเวที และเชิดหน้าอย่างมั่นใจก่อนจะหมุนตัวกลับ เป็นจังหวะเดียวกับที่ทีมงานเสียหลักเซไปชนเสาปลอม รติรสเดินมาใกล้ เสาปลอมโคลงเคลง รติรสเห็นก็ตกใจแต่หลบไม่ทัน เสาทั้งต้นล้มเข้าหารติรส
รติรสตาโต “อ๊าย!”
รติรสโดนเสาล้มทับจนนอนแผ่บนพื้น รติรสมีสีหน้าเจ็บปวด อรอุมา เจ๊พีช ทีมงาน และนางแบบคนอื่นกรูกันเข้ามาดูด้วยความตกใจ
อรอุมาตกใจ “รติ!!”

รติรสนอนอยู่บนเตียงโดยมีผ้าพันที่น่อง หน้าตาของรติรสแย่มาก เจ๊พีชกับอรอุมายืนอยู่ข้างๆ
เจ๊พีชเครียด “เจ็บขาแบบนี้ ก็เท่ากับเดินไม่ได้ แล้วเจ๊จะหาใครเดินแทนได้ทัน งานมีวันพรุ่งนี้แล้วด้วย เจ๊ขอออกไปสงบสติอารมณ์ก่อนนะคะ”
เจ๊พีชเดินออกไป อรอุมามองตามแล้วก็ถอนหายใจ แต่รติรสกลับนึกอะไรบางอย่างออก
“อร..” รติรสเรียก อรอุมาหันมา “ฉันมีแผนเล่นงานนังประกายดาวแล้ว รับรองงานนี้มันได้อับอายขายขี้หน้าทั้งตระกูลแน่” รติรสยิ้มมุมปาก
อรอุมามองรติรสด้วยความสงสัย

เจ๊พีชกำลังโทรศัพท์ด้วยหน้าตาเป็นกังวลมาก
“ไม่มีนางแบบเหลือให้เจ๊บ้างเลยเหรอ? ขอเด็กใหม่ก็ได้” เจ๊พีซฟัง “เด็กใหม่ก็ไม่มี!! โอ๊ย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันเนี่ย?!”
เจ๊พีชเครียดสุดๆ ก่อนจะกดวางสาย อรอุมาเดินออกมา เจ๊พีชหันไปเจอพอดี
“เจ๊ไม่ต้องหาคนมาเดินแบบแทนรติแล้วค่ะ” อรอุมาบอก เจ๊พีชนิ่วหน้า “อรหาคนให้เจ๊ได้แล้ว รับรองเค้าต้องว่างแน่”
เจ๊พีชมองอรอุมาด้วยความสงสัย

เจ๊พีชมองอรอุมาด้วยความตกใจ
“น้องดาว? ประกายดาวน่ะเหรอคะ?!! คือคนที่คุณอรจะให้มาเดินแทนคุณรติรส?”
อรอุมายิ้ม “ใช่ค่ะ”
เจ๊พีชงงมาก “แต่...คุณอรกับน้องดาว” เจ๊พีซอึกอัก “ไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอคะ?”
“ก็ใช่...แต่มันเป็นอดีตไปแล้ว อรอยากใช้งานนี้ ปรับความเข้าใจกับคุณดาว”
“เจ๊ไม่แน่ใจ คือ...เจ๊เคยชวนน้องดาวให้มาเดินแบบกับเจ๊หลายครั้ง แต่น้องดาวก็ปฏิเสธทุกครั้ง แล้วยิ่งถ้าน้องดาวรู้ว่าต้องมาเดินแบบคู่กับคุณ เจ๊มองไม่เห็นทางที่น้องดาวจะตอบตกลงเลยค่ะ”
“เจ๊ก็ไม่ต้องบอกว่ามาเดินแบบกับอร” อรอุมาบอก เจ๊พีชเงียบ “อรรู้ว่าเจ๊มีวิธีที่จะทำให้คุณดาวตอบตกลง” เจ๊พีชยังดูลังเล “คิดดูให้ดีนะคะ งานนี้เป็นงานแฟชั่นงานแรกที่เจ๊จัด ถ้านักข่าวรู้ว่าอรกับคุณดาวเดินแบบด้วยกัน นักข่าวจากทุกสำนักต้องมางานนี้ เจ๊แจ้งเกิดได้เลยนะคะ”
อรอุมาพูดจนเจ๊พีชคล้อยตาม อรอุมายิ้มพอใจ

ประกายดาวเดินเข้ามาในห้องพลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“เจ๊ว่าไงนะคะ!!?”
เจ๊พีชแกล้งทำเสียงเศร้า อรอุมายืนอยู่ข้างๆ
“เจ๊กำลังจะตายค่ะ น้องดาวช่วยเจ๊ด้วยนะ”
ประกายดาวมีสีหน้าไม่ตื่นเต้นตกใจตามไปด้วย
“โดนเด็กหลอกให้ซื้อมอเตอร์ไซด์อีกแล้วใช่มั๊ย?” ประกายดาวถาม
เจ๊พีชขัดใจ
“เรื่องนั้นไม่ทำให้เจ๊ตายได้หรอกค่ะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ”
“งั้นเจ๊จะให้ดาวช่วยอะไรคะ?” ประกายดาวชะงักเพราะตกใจ “จะให้ดาวไปเดินแบบในงานแฟชั่นการกุศลคืนพรุ่งนี้!!! เจ๊ก็รู้นี่ว่าดาวไม่ชอบ”
เจ๊พีชรีบพูดต่อทันที
“เจ๊รู้ว่าน้องดาวไม่ชอบ แต่เจ๊จนหมดหนทางแล้วจริงๆ ถ้าน้องดาวไม่ช่วย เจ๊ต้องถูกปรับ เป็นล้านโทษฐานที่ทำงานบกพร่อง เจ๊คงต้องขายบ้าน ขายรถ เผลอๆอาจจะต้องขายตัว ฮือๆ โฮๆ”
ประกายดาวมีสีหน้าลำบากใจสุดๆ

เจ๊พีชกอดประกายดาวด้วยความขอบคุณ สักพักก็ผละออกมา
“ขอบคุณมากนะคะน้องดาว ขอบคุณที่ช่วยชีวิตเจ๊”
“ดาวไม่ปล่อยให้เจ๊ตายง่ายๆหรอกนะคะ” ประกายดาวบอก เจ๊พีชแอบรู้สึกผิดนิดนึง “ว่าแต่คนไหนละคะที่ดาวต้องเดินแบบด้วย”
เจ๊พีชอึกอัก แต่ยังไม่ทันตอบอรอุมาก็เดินเข้ามา พอเห็นประกายดาวอรอุมาก็มองด้วยแววตามาดร้ายก่อนจะแสร้งยิ้มจริงใจเดินมาหา
“สวัสดีค่ะคุณดาว”
ประกายดาวหันไปเห็นอรอุมาก็ผงะ เจ๊พีชรีบมายืนแทรกกลางระหว่างสองสาว
“คุณอร...คือคนที่น้องดาวต้องเดินแบบด้วยค่ะ”
ประกายดาวแทบช็อค “ห๊ะ!!”
ประกายดาวมองเจ๊พีชอย่างไม่พอใจ เจ๊พีชก้มหน้างุด อรอุมารีบพูด
“อย่าไปโทษเจ๊เค้าเลยนะ ฉันเป็นคนบอกเจ๊พีชว่าให้ชวนคุณมาเดินแบบ ฉันอยากปรับความเข้าใจกับคุณ เรื่องบาดหมางระหว่างเรา ขอให้จบลงวันนี้เถอะนะคะ”

ประกายดาวหรี่ตามองอรอุมา “ฉันจะไว้ใจได้ไง ว่าคุณพูดจริง ไม่ได้มีแผนที่จะเล่นงานฉัน”
อรอุมาชะงักไปนิดนึง แล้วก็แกล้งยิ้มจริงใจออกมา
“เอาเป็นว่าฉันขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา” อรอุมาบอก ประกายดาวชะงักมองอรอุมาอย่างลังเล “ฉันขอโทษคุณขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่เชื่อใจฉันอีกเหรอ”
ประกายดาวมองอรอุมาอย่างครุ่นคิด เจ๊พีชมองลุ้น ประกายดาวถอนใจแล้วหันมาทางเจ๊พีช เจ๊พีชสะดุ้งกับสายตาที่ประกายดาวมองมา
“รีบพาดาวไปซ้อมเดินเถอะเจ๊ เวลาเหลือน้อยแล้ว”
เจ๊พีชดีใจ อรอุมาโล่งอก
เจ๊พีชจับมือประกายดาว “ขอบคุณอีกครั้งนะคะน้องดาว” เจ๊พีซหันไปทางอรอุมา “เราไปซ้อมกันเถอะค่ะคุณอร”
ประกายดาวมองอรอุมาที่ยิ้มให้แล้วก็เอากระเป๋าสะพายวางบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปกับเจ๊พีช อรอุมามองตาม
“แกเสร็จแน่นังประกายดาว”
อรอุมาเอาซองยาไอซ์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับทำหน้าร้ายกาจ

อรอุมานึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
รติรสยื่นซองยาไอซ์ให้อรอุมา
“หาทางเอายาซองนี้ ใส่กระเป๋านังประกายดาว” รติรสบอก
“เธอเอายานี้มาจาไหน?” อรอุมาถาม
“แฟนเก่า”
“คนที่เป็นเจ้าของอาบอบนวดน่ะเหรอ”
“ไม่ใช่ ฉันมีหลายคน เธอไม่ต้องรู้หรอกว่าคนไหน รีบรับไปซะ”
รติรสยัดยาใส่มืออรอุมา

อรอุมามองซองยาในมือแล้วก็หันไปมองกระเป๋าสะพายของประกายดาว เธอกำลังจะเปิด แต่เจ๊พีชพรวดเข้ามา
อรอุมารีบชักมือกลับแล้วเอามือไปไว้ด้านหลัง
“คุณอรขา..ออกมาซ้อมสิคะ”
“ค่ะค่ะ”
อรอุมาหัวเสียที่เจ๊พีชขัดจังหวะ เธอมองกระเป๋าด้วยความเสียดายแล้วก็เดินออกไปกับเจ๊พีช

เวลาผ่านไป ผู้คนทยอยกันเดินเข้าไปในงานในโรงแรมซึ่งเป็นงานที่ทันสมัย ตกแต่งเรียบง่าย แต่ดูดี จันทรภานุเดินเข้ามาในงาน ทันทีที่เขาเดินเข้ามา ความหล่อและออร่ากระจายจนสาวน้อยสาวใหญ่ในงานต่างหันมาส่งสายตาวาบหวามให้จันทรภานุเป็นตาเดียว แต่หญิงนิ่มกลับเข้ามาควงแขนจันทรภานุหมับ หญิงนิ่มส่งสายตาพิฆาตใส่ผู้หญิงพวกนั้นจนทุกคนไม่กล้าแล้วพากันเดินออกไป
“พอรู้ว่าพี่ชายเลิกกับพี่ดาว แม่สุนัขจิ้งจอกพวกนั้นก็เห็นพี่ชายเหมือนอาหารอันโอชะ ที่พร้อมจะตะครุบ ขย้ำ ขยุ้ม รุมทึ้ง ฝันไปเถอะว่าจะได้แอ้มพี่ชายของหญิง หญิงไม่มีวันยอม!”
จันทรภานุหัวเราะกับท่าทางของหญิงนิ่ม
“ดุอย่างนี้ ระวังจะไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้ามาจีบนะ”
“ไม่ต้องมีเลยก็ดีค่ะ สมัยนี้ผู้หญิงกับผู้ชายมีความเท่าเทียมกัน ผู้ชายทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ ผู้หญิงก็ทำได้ ผู้ชายเป็นผู้นำได้ ผู้หญิงก็เป็นผู้นำได้ค่ะ”
จันทรภานุอมยิ้มอย่างเอ็นดู “พี่ล่ะอยากรู้นักว่าจะมีผู้ชายคนไหนปราบพยศเราได้รึเปล่า”
“หญิงไม่คุยกับพี่ชายแล้ว ไปหาอะไรทานดีกว่า”
หญิงนิ่มเดินออกไป จันทรภานุอมยิ้มแล้วก็เดินออกไปอีกทาง

หญิงนิ่มกำลังตักขนมหวานกิน ระหว่างนั้นพงศ์จันทรก็เดินมายืนข้างๆ
“ระวังจะอ้วนนะครับ”
หญิงนิ่มหันไป พอเห็นพงศ์จันทรเธอก็ชะงักแล้วเชิดใส่แล้วก็เดินไปอีกทาง พงศ์จันทรเดินตาม หญิงนิ่มหยุดเดิน พงศ์จันทรที่เดินตามมาติดๆเกือบชน หญิงนิ่มหันมาทำให้หน้าใกล้พงศ์จันทร หญิงนิ่มเขินเลยรีบถอยออกห่าง
“ตามฉันมาทำไม?” หญิงนิ่มถาม
“ผมไม่ได้ตามคุณซักหน่อย หลงตัวเองไปรึเปล่า”
หญิงนิ่มหน้าแตกเพล้ง พงศ์จันทรทำหน้ากวนใส่หญิงนิ่มแล้วหันมาหยิบขนมเค้กใส่จาน เขากำลังจะเดินผ่านหญิงนิ่ม หญิงนิ่มหมั่นไส้จึงยื่นขาออกไปทำให้พงศ์จันทรสะดุดจนหน้าเกือบทิ่ม ดีที่ทรงตัวได้ทันแต่เค้กบนจานลอยไปแปะบนหัวของแขกคนหนึ่ง
พงศ์จันทรชะงัก หญิงนิ่มแทบจะขำออกมาแต่อดกลั้นได้ทัน พงศ์จันทรรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือหญิงนิ่ม แขกคนนั้นหันมามอง พงศ์จันทรรีบเอาจานซ่อนไว้ข้างหลังส่วนมืออีกข้างก็ชี้ไปที่หญิงนิ่ม
“คนนี้เลยครับ”
แขกหันมามองหญิงนิ่ม หญิงนิ่มรีบปฏิเสธ
“ไม่ใช่ฉันนะคะ”
“จะไม่ใช่คุณได้ไง ในมือยังถือจานขนมอยู่เลย” พงศ์จันทรบอก
หญิงนิ่มเหวอ แขกหันมาจ้องหญิงนิ่มอย่างไม่พอใจ พงศ์จันทรอมยิ้มสะใจ หญิงนิ่มหันไปมองพงศ์จันทรด้วยความโมโห พงศ์จันทรยิ้มพร้อมยักคิ้วอย่างผู้ชนะแล้วก็เดินหนีไป หญิงนิ่มจำต้องหันไปขอโทษแขก

จันทรภานุเดินออกมาเห็นประกายดาวที่แต่งตัวแต่งหน้าเสร็จแล้วยืนอยู่ จันทรภานุแปลกใจ
“คุณดาว”
ประกายดาวจำเสียงได้ก็หันไปหาจันทรภานุ
ประกายดาวดีใจ “คุณชายจันทร์!!”
“คุณมางานนี้ด้วยเหรอครับ”
“เออ...พูดแล้วก็เขิน ฉัน..ฉันเป็นนางแบบน่ะค่ะ”
จันทรภานุประหลาดใจ “ไม่ยักรู้ว่าคุณทำงานเบื้องหน้าด้วย แต่ก็เหมาะสมนะครับ เพราะท่าทางคุณเหมือนนางแบบจริงๆ”
“งานนี้เป็นงานเฉพาะกิจค่ะ เจ๊พีชไม่มีคน ฉันเลยต้องช่วย แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะเป็นลมแล้วล่ะค่ะ”
“อ้าว? ทำไมล่ะครับ”
“ตื่นเต้นไงคะ”
“อะไรกัน ผู้หญิงเก่งอย่างคุณ ที่ไม่กลัวการปีนเขา แต่กลัวการเดินแบบเนี่ยนะครับ”
“มันไม่เหมือนกัน นี่ไม่ใช่ตัวฉันซักนิด”

ประกายดาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ จันทรภานุจับมือประกายดาวทั้งสองข้าง ประกายดาวชะงัก
“เวลาที่ผมต้องไปพรีเซนต์งานใหญ่ๆ ผมขจัดความตื่นเต้นโดยการทำสมาธิ” จันทรภานุบอก
“คุณจะให้ฉันนั่งสมาธิตรงนี้เหรอคะ ใครเห็นเข้าตลกตายเลย”
“ยืนก็ได้นี่ครับ ยืนหลับตา กำหนดลมหายใจเข้าออก ถ้าคุณกลัวเขิน เรามาทำพร้อมกันก็ได้”
ประกายดาวพยักหน้า ทั้งคู่หลับตา จันทรภานุยังจับมือประกายดาวเอาไว้ ประกายดาวแอบลืมตาขึ้นมามองจันทรภานุหนึ่งข้าง จันทรภานุรู้จึงพูด
“อย่าลืมตาสิครับ”
ประกายดาวชะงักแล้วก็รีบหลับตา คราวนี้จันทรภานุเป็นฝ่ายเปิดตาหนึ่งข้างมองประกายดาวบ้าง จันทรภานุอมยิ้ม

อรอุมาหากระเป๋าประกายดาวไม่เจอ
“นังนั่นมันเอากระเป๋าไปเก็บที่ไหนเนี่ย...โอ๊ย!!”
อรอุมาทนไม่ไหวจึงหยิบมือถือออกมาโทรหารติรส
อรอุมาพูดเสียงเบาแต่ใส่อารมณ์เต็มที่ “รติ..ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว ฉันยังไม่มีโอกาสเอายาใส่ลงในกระเป๋านังประกายดาวเลย”
รติรสพูดเสียงหอบๆ “ใจเย็นสิอร”
“เธอทำอะไรอยู่ ทำไมเสียงดูหอบๆ” อรอุมาถาม
ศิวะกำลังนวยเนียรติรส รติรสพยายามดันศิวะให้ออกไป แต่ศิวะไม่ยอม
“ฉันเดินอยู่” รติรสฟัง “หยุดโวยวาย แล้วก็หยุดตื่นเต้นได้แล้ว”
อรอุมาหน้าตาวิตกมาก
“ฉันหยุดไม่ได้ เธอไม่มาเป็นฉันเธอไม่รู้หรอก ถ้าเกิดมีคนเห็นฉันใส่ร้ายนังประกายดาว ฉันจะทำยังไง?”
รติรสรำคาญมาก จึงหันไปดันศิวะให้ออกไปแล้วทำตาดุใส่ ศิวะเซ็ง รติรสเดินออกไปคุยตรงมุมหนึ่ง
รติรสพูดเสียงเบาด้วยน้ำเสียงรำคาญ “อร..เธอกินยาเข้าไปซักเม็ด จะได้รู้สึกดีขึ้น แค่นี้ก่อนนะ ฉันกำลังจะเดินเข้าไปในงานแล้ว”
รติรสวางสายอรอุมาแล้วหันมาทางศิวะ
“มาต่อกันเลยค่ะ” รติรสบอก
ศิวะยิ้ม แล้วรติรสก็ผลักศิวะเข้าไปในห้องน้ำ

อรอุมากังวลใจมาก เธอมองซองยาในมือแล้วก็คิด
“กินแล้วจะดีขึ้นจริงๆเหรอ”
อรอุมาคิดแล้วก็ตัดสินใจเทยาออกมากินก่อนจะดื่มน้ำตามเข้าไปจนหมดแก้ว ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็เดินถือชุดเข้ามา อรอุมาหันไปมองแล้วก็เอะใจ
“นั่นชุดใคร”
“ชุดคุณประกายดาวค่ะ”
อรอุมาชะงัก เจ้าหน้าที่แขวนชุดแล้วก็เดินออกไป อรอุมาเหมือนพบทางสว่างจึงรีบตรงมาที่เสื้อ พอเห็นกระเป๋าเสื้อ อรอุมาเลยเอาซองยาใส่ลงไปอย่างสบายใจ

จันทรภานุกับประกายดาวเดินมาด้วยกันใกล้ๆกับหน้าห้องน้ำ ที่มีป้าย”กำลังทำความสะอาด” ตั้งอยู่หน้าห้อง
“ขอบคุณนะคะคุณชายจันทร์ ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก”
จันทรภานุยิ้ม “ผมจะเอาใจช่วยอยู่ข้างเวทีนะครับ”
“ค่ะ ถ้างั้นฉันเข้าไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”
จันทรภานุพยักหน้าและยิ้มให้ประกายดาว ประกายดาวยิ้มแล้วก็หันหลังเดินออกไปอีกทาง จันทรภานุมองตามประกายดาวไปซักพักแล้วก็หันหลังจะเดินออกไป แต่กลับเห็นศิวะเดินออกมาจากห้องน้ำหญิง จันทรภานุผงะ ศิวะขยับเสื้อสูทให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกไป ไม่นานรติรสก็เดินกะเผลกนิดๆออกมา เธอขยับชุดแล้วก็เดินไปตามทางที่ศิวะเดินออกไป จันทรภานุเห็นแล้วก็อึ้ง

เจ้าหน้าที่เอาเสื้อคลุมให้ประกายดาวใส่ อรอุมาจับตามองด้วยสีหน้ากระหยิ่มได้ใจ อรอุมาเริ่มมึนนิดหน่อย ประกายดาวใส่รองเท้าส้นสูงที่มีส้นแหลมและสูงมาก ไม่นานเจ๊พีชเดินเข้ามา
“อีกห้านาที เตรียมพร้อมนะคะ”
ประกายดาว อรอุมา และนางแบบคนอื่นๆ เตรียมตัว

เสียงเพลงดังขึ้น นางแบบทยอยกันเดินออกมา จันทรภานุกับหญิงนิ่มนั่งอยู่แถวหน้าข้างแคตวอร์ค พงศ์จันทรนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจันทรภานุและหญิงนิ่ม พงศ์จันทรไม่วายยิ้มแหย่ใส่หญิงนิ่ม หญิงนิ่มแบะปากใส่ พงศ์จันทรขำๆ ข้างๆพงศ์จันทรห่างไปอีกสองสามที่นั่งเป็นศิวะกับรติรสที่นั่งด้วยกัน
จันทภานุมองรติรสกับศิวะก็เห็นรติรสเอามือลูบต้นขาศิวะตลอดเวลา เขารู้สึกแย่จนต้องส่ายหัว แล้วหันไปดูนางแบบ
ไม่นานอรอุมากับประกายดาวก็เดินออกมาจากด้านข้าง พงศ์จันทรชะงักที่เห็นประกายดาว
“คุณดาว!” พงศ์จันทรยิ้มชอบใจ
หญิงนิ่มเองก็แปลกใจ
“พี่ดาวนี่คะพี่ชาย” หญิงนิ่มบอก จันทรภานุนิ่ง “ทำไมพี่ชายไม่แปลกใจ”
จันทรภานุยังไม่ทันตอบ ประกายดาวก็หันมามองจันทรภานุเพื่อขอกำลังใจ จันทรภานุยิ้มให้ ประกายดาวยิ้มตอบ แล้วก็เดินออกไป หญิงนิ่มเห็นสายตาที่ทั้งคู่มองกันก็ถึงบางอ้อ
“พี่ชายรู้มาก่อนแล้วนี่เอง”
จันทรภานุเอาแต่ยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร
อรอุมาเมายาเดินเซไปเซมา ยิ้มแย้ม หัวเราะร่า ทำเอาประกายดาวแปลกใจมาก จันทรภานุ หญิงนิ่ม ศิวะ เจ๊พีช และแขกเหรื่อคนอื่นก็รู้สึกแปลกๆ ยกเว้นรติรส
“อรเป็นอะไร ท่าทางแปลกๆ” ศิวะถาม
รติรสผงะเพราะรู้ว่าอรอุมาเป็นอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา
ทันใดนั้นอรอุมาก็เดินเซมากระแทกประกายดาวเต็มแรง ประกายดาวที่ไม่ถนัดเดินบนส้นสูงเลยทรงตัวไม่อยู่ ประกายดาวตกใจ อรอุมาเองก็กำลังจะล้มเช่นกัน
ขณะที่ประกายดาวกำลังจะแย่ จันทรภานุกับพงศ์จันทรขยับตัวพร้อมกัน ทั้งคู่กระโดดขึ้นบนเวทีอย่างเท่แล้วรีบเข้ามาประคองประกายดาวเอาไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะล้มลงบนพื้น ผิดกับอรอุมาที่ไม่มีคนมาประคองจึงล้มตึงอย่างหมดสภาพ นักข่าวรีบถ่ายรูป
อรอุมาไม่เจ็บปวด เธอกลับหัวเราะออกมา ทุกคนงงมาก
เจ๊พีชอยากจะบ้าตาย “นี่มันอะไรกันเนี่ย?!”
ประกายดาวชะงัก เธอหันไปมองจันทรภานุกับพงศ์จันทรที่จับแขนเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง จันทรภานุกับพงศ์จันทรมองหน้ากันแล้วก็ชะงักกันไป ส่วนหญิงนิ่มโล่งอก
“คุณดาวไหวมั๊ยครับ” จันทรภานุถาม
“เดอะโชว์มาสโกออนค่ะ”
ประกายดาวลุกขึ้นแต่เจ็บข้อเท้ามาก พงศ์จันทรสังเกตเห็น
“แต่ถ้าคุณเจ็บ ก็อย่าฝืนอีกต่อไปเลยนะครับ” พงศ์จันทรบอก
“ไม่ได้ค่ะ ฉันต้องทำ” ประกายดาวนึกอะไรออก “เอาอย่างนี้...คุณสองคนช่วยฉันได้มั๊ย”
จันทรภานุกับพงศ์จันทรมองประกายดาวด้วยความสงสัยแล้วก็พยุงประกายดาวให้ทรงตัวได้ ประกายดาวตัดสินใจถอดรองเท้าออกแล้วควงจันทรภานุกับพงศ์จันทรพร้อมกัน

จบตอนที่ 5

กำลังโหลดความคิดเห็น