xs
xsm
sm
md
lg

เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 5

ดาว บุญเหลือและโย่ง กำลังตักน้ำจากห้องน้ำล้างเนื้อล้างตัวทำความสะอาด ระพีและจ่าสมหมายยืนมองยิ้มเยาะ ทำให้ดาวและบุญเหลือหมั่นไส้

“ไงเย็นสบายไหม”
“เย็นกะผีอะไรล่ะ เพราะคุณคนเดียวทำให้ฉันโดนพลักตกน้ำ”
“อ้าว...เกี่ยวอะไรด้วยเนี่ยะ”
“ก็ถ้าคุณไม่เข้ามายุ่ง ป่านนี้ชั้นจัดการสองคนนั่นเรียบร้อยไปแล้ว”
“ใช่ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
“เอ็งนั่นแหละยุ่ง เป็นเด็กเป็นเล็กกลับบ้านไป”
“ไม่กลับ มีอะไรเปล่า”
“แน่ะ ไอ้นี่ท้า”
“แล้วแกเป็นใคร มาสั่งฉัน รู้จักหรือเปล่า ฉันโย่งยอดแย่”
“หนอย ชื่อโย่งตัวสูงกว่าขี้ควายหน่อยเดียว” โย่งท้าวเอว
“แล้วมันหนักอะไรเอ็งรึเปล่า”
“กลับเถอะพี่โย่ง ไปดาวไปล้างตัวกันดีกว่าขืนอยู่เดี๋ยวมีเรื่องอีก” บุญเหลือมองระพีและจ่าสมหมาย
โย่งแยกกลับบ้านของตัวเอง ดาว บุญเหลือพากันเดินออกไป แต่ระพีรู้สึกสงสัยเพราะทั้งคู่ไม่ได้เดินไปทางบ้านกำนันธง
“ทำไมเดินไปทางนั้นล่ะ บ้านกำนันธงไปทางนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ยุ่ง”
ดาวหันมาทำตาเขียวใส่ ระพีทำหน้าทะเล้น ล้อ
“ทำไมไม่กลับบ้าน” จ่าสมหมายพึมพำ ด้วยความสงสัย
“อยากรู้ก็ตามไปเลย”
“เดี๋ยวมีเรื่องกันอีกนะ”
“ดี สนุกดี”
ระพีรีบแอบตามไป จ่าสมหมายสังเกตเห็นระพีดูจะยิ้มกรุ้มกริ่มมีความสุขกว่าปกติ
“เอ๊ะ ชักจะยังไงๆ แล้วมั้ยล่ะ ผู้กองของฉัน”
ท่าทางระพีดูจะมีความสุขที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับดาว ทำให้จ่าสมหมายเริ่มรู้เป็นนัยๆ ว่าระพีน่าจะมีใจให้ดาวเสียแล้ว

ดาว บุญเหลือ พากันเดินลัดเลาะไปตามทางเรื่อยๆ โดยมีระพีและจ่าสมหมายแอบตามมาห่างๆ ดาวรู้สึกว่ามีคนตามจึงหยุดหันกลับไปดู ระพีและจ่าสมหมายรีบกระโดดหลบเข้าข้างทาง บุญเหลือสงสัย
“มีอะไรดาว”
“มีคนตาม”
“ใคร”
“ไม่รู้ แยกกันนะ แล้วเจอกันที่บ้าน”
ดาวและบุญเหลือรีบแยกจากกันแล้วจากนั้นก็ต่างคนต่างวิ่งลัดเลาะหายไป ระพีและจ่าสมหมายรีบวิ่งตาม แต่ไม่ทัน
“หายไปไหนแล้ว”
“คงจะรู้ว่าเราตามมา”
“ร้ายกาจจริงๆ”
ระพี มองสำรวจไปเรื่อยๆ

ชายป่าใกล้หมู่บ้าน ดำและแดงรีบเข้ามาหา บันลือ มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้นและพวกลูกน้องซึ่งยกพวกมาซุ่มรออยู่
“เป็นยังไงวะ ไอ้ดำไอ้แดง ได้เรื่องไหม”
“ได้ยินว่าเย็นนี้พวกลูกหนี้มันจะเอาเงินมาจ่ายค่าเช่านา แล้วก็จะจัดเลี้ยงต้อนรับเจ้าของที่ดินด้วยครับเถ้าแก่”
“งั้นก็ดีซิวะ งานนี้ยิงทีเดียวได้นกสองตัว ฮ่ะๆ”
“ได้นกสองตัวยังไงเตี่ย”
“นกตัวแรกก็คือเงินค่าเช่าที่นาที่พวกชาวบ้านเอามาจ่าย มันคงจะมากโข”
“จริงด้วยเตี่ย เสียเหงื่อทั้งที ได้เงินเป็นของแถมอย่างงี้ค่อยคุ้มหน่อย”
“มันจะไม่คุ้มนะซิ ปล้นเงินต่อหน้ากำนัน มันไม่ง่ายอย่างที่คิด” มเหศักดิ์บอก
“ก็ปิดหน้าซิวะ ใครจะรู้ แล้วเรื่องไอ้สมิง มเหศักดิ์จะเอายังไง”
“เรื่องไอ้สมิง เถ้าแก่ไม่ต้องห่วง ฉันส่งคนคอยสอดแนมอยู่ตลอด ถ้ามันโผล่มาเมื่อไหร่เสร็จเราเมื่อนั้น”
“การปล้นครั้งนี้ก็เป็นการล่อให้มันออกมาไง”
“งานนี้รับรองไม่พลาดแน่”
เถ้าแก่ชิ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ เลือดเย็น

ห้องรับแขกบ้านกำนันธง เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ ในชุดเสื้อผ้าชุดใหม่กำลังโวยวายถึงเรื่องที่โดนแกล้งให้เดือน ศรีนวลและกำนันธงฟังอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ผมไม่ยอมง่ายๆ หรอกเรื่องนี้ คอยดูกลับไปผมจะฟ้องคุณปู่ให้มาจัดการไล่มันสองคนไม่ให้เช่าที่ดินอีกต่อไป”
“แกแน่ใจนะเกียรติกล้าว่าแกไม่ได้ทำอะไรเค้าก่อน” เดือนถามเพราะรู้นิสัยน้องชายดี
“เอ๊ะ พี่เดือนนี่ เห็นน้องเป็นยังไง”
“เอ้อ สองคนที่คุณว่าน่ะ รูปร่างยังไงคะ” ศรีนวลถาม
“ผู้หญิงคนนึง แล้วก็ผู้ชายอีกคน”
“ตอนแรกมันหน้าตามอมแมม พอมันตกลงไปในน้ำก็เห็นหน้าชัดๆ เลย เห็นอีกทีจำได้แน่”
“งั้นอีกประเดี๋ยว ชาวบ้านทุกคนจะมาที่นี่ คุณเกียรติกล้าชี้ตัวให้ผมหน่อย ผมจัดการให้” กำนันธงบอก น้อยเดินเข้ามา
“พวกชาวบ้านทยอยมากันแล้วค่ะ เอาข้าวของมากันเยอะเลย”
“งั้นเชิญคุณเดือนที่ลานบ้านก่อน ผมขอไปเอาสมุดบัญชีแล้วจะตามลงไปครับ “ ลุงมหาบอก
“ค่ะ”
น้อยและศรีนวล เดินนำเดือน เกียรติกล้า ขจรศักดิ์ไป ลุงมหาหันมาหากำนันธง
“กำนันว่าใคร”
“ห่ามขนาดนี้คงไม่พ้นไอ้ดาวกับเจ้าบุญเหลือนั่นแหละ”

ใบหน้าของกำนันธงเคร่งเครียด เกรงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะบานปลาย

พวกชาวบ้านทยอยมารวมตัวกันที่ลานบ้านกำนันธง บางส่วนพากันเข้าแถวจ่ายค่าเช่า หลายคนมีข้าวของติดไม้ติดมือมาฝากเดือนและลุงมหา เกียรติกล้าและขจรศักดิ์วางท่าใหญ่โตให้ชาวบ้านไหว้ทักทาย และคอยช่วยงานนิดๆ หน่อย ขณะที่ศรีนวล กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องคอยช่วยดูแลจัดระเบียบให้

เดือนนับเงินค่าเช่าแล้วเก็บใส่ถุงใบใหญ่วางไว้ข้างๆ ตัว ระพีและจ่าสมหมายมายืนสังเกตการณ์อยู่ในกลุ่มชาวบ้าน
การจ่ายค่าเช่าเสร็จสิ้นลงจากนั้นชาวบ้านก็พากันเข้ามาโค้งขอรำวงกับเดือน เกียรติกล้า ขจรศักดิ์ ศรีนวล กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง ทุกคนรำวงกันอย่างมีความสุข
เวลาผ่านไปเวลา เดือน ศรีนวล กำนันธง กำลังนั่งเตรียมตัวกินอาหารที่ชาวบ้านทำมาเลี้ยง ผู้ใหญ่ต้องเดินนำระพีและจ่าสมหมายเข้ามานั่ง แล้วแนะนำตัวให้รู้จักกัน
“นี่คุณเดือน รู้จักท่านซะ” ผู้ใหญ่ต้องแนะนำ
“สวัสดีครับคุณเดือน ผมระพี”
“ผมชื่อสมหมายครับ”
“ยินดีที่รู้จักค่ะ”
“สองคนนี่มาจากกรุงเทพครับคุณเดือน ล่องเรือมาค้าขาย ตอนนี้พักอยู่กับผมที่บ้าน”
“ค้าขายอะไรหรือคะ” เดือนถามระพี
“ก็ของจิปาถะน่ะครับ แต่พอดีเรือมีปัญหาเลยต้องมาอาศัยพักบ้านผู้ใหญ่สำเภา”
“เชิญคุณระพี กับเพื่อนกินข้าวด้วยกันนะคะ ฝีมือชาวบ้านลานเทอร่อยๆ ทั้งนั้น”
ศรีนวลบอก น้อยยกสำรับอาหารมาวางให้ระพีและจ่าสมหมาย จากนั้นทุกคนก็เริ่มกินข้าวกัน

เถ้าแก่ชิ้น มเหศักดิ์ บันลือ ดำ แดง และลูกน้อง ซุ่มมองเหตุการณ์อยู่อีกมุมหนึ่ง
“นั่นไงถุงเงินอยู่ข้างๆ เด็กผู้หญิงคนนั้น”
“แต่ถ้าเข้าไปตอนนี้คงจะยากนะเตี่ย ชาวบ้านก็เยอะพวกกำนันผู้ใหญ่บ้าน มีอาวุธระวังกันอยู่”
“คงต้องหาทางแยกพวกมันออกจากกัน ไอ้ดำไปกับข้า บันลือกับพวกจัดการทางนี้ ไป”
มเหศักดิ์แยกไป
“แกจัดการปล้นเงินมาให้ได้ เดี๋ยวจะไปรอกับพวกกองสอดแนมในป่า” เถ้าแก่ชิ้นสั่งบันลือ
“ครับเตี่ย”
เถ้าแก่แยกไป บันลือและลูกน้องแอบซุ่มดูเหตุการณ์

คบเพลิงลอยไปตกที่กองฟางเกิดลุกไหม้ลามไปทั่วบริเวณ โย่งกลับจากหาปลาหิ้วปลาช่อนและปลาหมอมา 2-3 ตัว เดินมาเห็นเหตุการณ์จึงร้องโวยวาย ดำขว้างท่อนไม้ถูกโย่งล้มลง จากนั้นดำกับแดงก็ตะโกนร้องโวยยวาย
“ไฟไหม้ ช่วยด้วย ไฟไหม้”
ทุกคนช่วยกันตะโกนส่งเสียงดัง

ลานบ้านกำนันธง ทุกคนกำลังสนุกสนาน สักครู่ก็ได้ยินเสียงตะโกนแว่วเข้ามา เสียงตะโกนทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักกำนันธงรีบลุกขึ้นมองหาที่มาของเสียง
“ไฟไหม้ที่ไหน”
“เสียงมาจากทางโน้น”
“เอ้าพวกเรา ช่วยกันไปดับไฟเร็ว”
กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้านพากันวิ่งออกไป พร้อมระพี จ่าสมหมาย ลุงมหา
“ศรีนวล ดูแลทางนี้นะ”
“จะพ่อ ไม่ต้องห่วง”

ไฟกำลังลุกท่วมกระท่อมหลังหนึ่ง พวกชาวบ้านที่วิ่งมาถึงก่อนพากันช่วยหาน้ำมาดับไฟ กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง ลุงมหา ระพี จ่าสมหมาย รีบเข้ามาสมทบ
“นี่มันบ้านไอ้โย่งนี่กำนัน”
“ไฟไหม้ได้ยังไง”
“แล้วพี่โย่งอยู่ไหนครับ”
จ่าสมหมายหันไปเห็นโย่งค่อยๆ ลุกขึ้นมึนๆ งงๆ และล้มลงไปอีก
“เฮ้ยเป็นไงมั่ง”
ทุกคนรีบเดินมาดู ลุงมหารีบเข้าไปปฐมพยาบาล

ศรีนวล เดือน เกียรติกล้า ขจรศักดิ์ น้อยกำลังพากันเดินเข้าบ้าน แล้วจู่ๆ บันลือซึ่งใส่หน้ากากไอ้โม่งปิดหน้าตาก็เข้ามาขวาง ศรีนวลรีบเข้ามาปกป้องคนอื่นๆ
“พวกแกเป็นใคร”
“ส่งถุงเงินมา เร็ว”
“คุณเดือน รีบเข้าบ้านเร็วค่ะ”
แต่ก่อนที่เดือนและคนอื่นๆ จะเข้าบ้าน ลูกน้องคนอื่นๆ ของบันลือซึ่งใส่ไอ้โม่งปิดหน้าเช่นกัน ก็เข้ามาล้อมกรอบไว้
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นชั้นจะฟ้องพ่อ พ่อชั้นเป็นตำรวจนะ”
“ฮ่ะๆ เอาตัวให้รอดก่อนเหอะไอ้หนู ฮ่ะๆ”
เกียรติกล้า ขจรศักดิ์เข้าช่วย แต่ถูกพวกบันลือรุมระหว่างชุลมุน บันลือแย่งถุงเงินมาจากเดือน ทันใดนั่นธนูจากหน้าไม้วิ่งมาปักมือของบันลือ บันลือปล่อยถุงเงินด้วยความเจ็บปวด บุญเหลือและดาวมาช่วย ดาวมีปืน บุญเหลือมีหน้าไม้เป็นอาวุธ
ศรีนวลดิ้นหลุดจากการจับกุมเข้ามาช่วย แย่งปืนจากผู้ร้ายได้ แล้วยิงสู้กับพวกบันลือ
“นี่ครับของคุณ”
เดือนมองบุญเหลือ บุญเหลือคว้าถุงเงินที่หล่นแล้วโยนถุงให้เดือน
“ขอบคุณค่ะ”
เดือนรับถุงเงินจากบุญเหลือ

“คุณเดือนขึ้นบ้านเร็ว” ศรีนวลบอก ทั้งสามขึ้นบ้านพร้อมกัน

โย่งถูกลุงมหาปฐมพยาบาลค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ขณะที่ทุกคนรุมล้อม
“เอ็งเป็นอะไรไอ้โย่ง”
“มีคนเผาบ้านฉัน”
“ใครวะ เอ็งจำได้มั้ย”
“ฉันไม่เห็นหน้ามันใส่ไอ้โม่งกันทุกคน”
“ใส่ไอ้โม่งมันก็เป็นโจรนะซิ”
“ผมว่าถ้าจะไม่ดีซะแล้ว ไอ้พวกโจรมันอาจจะหลอกให้เราหลงมาที่นี่ก็ได้”
“จริงซิ ที่นั่นมีแต่พวกผู้หญิง รีบกลับเถอะ”
“แกสองคนดูแลไอ้โย่งอยู่ที่นี่” ผู้ใหญ่ต้องสั่งชาวบ้าน
กำนันธง ลุงมหา ระพี จ่าสมหมาย และชาวบ้านส่วนใหญ่ รีบไปยังบ้านกำนันธง ผู้ใหญ่ต้องตามไป

ขณะนั้นที่บ้านกำนันธง ศรีนวล ดาว บุญเหลือยิงต่อสู้กับบันลือและสมุน สักครู่มเหศักดิ์ ดำ ก็เข้ามาสมทบ ทำให้ศรีนวล ดาว บุญเหลือเสียเปรียบ
กำนันธง ลุงมหา ระพี จ่าสมหมาย ผู้ใหญ่ต้องเข้ามายิงพวก มเหศักดิ์ บันลือ

โย่งยืนมองบ้านตัวเองที่ไฟไหม้ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
“ไอ้พวกบ้าเผาบ้านหมดเลย คอยดูเหอะ จะฟ้องสมิง ฮื่อๆ”
โย่งเดินร้องไห้เข้าไปในป่า

ลานบ้านกำนันธง มเหศักดิ์ บันลือ ดำและพวก ถอยมารวมตัวกัน พลางยิงต่อสู้กับกำนันธง ศรีนวล ดาว บุญเหลือ ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้าน มเหศักดิ์เห็นท่าไม่ดีเนื่องจากพวกชาวบ้านพากันมาสมทบมากขึ้น
“เราถอยก่อนดีกว่าบันลือ”
“ถอย เราก็ชวดได้เงินนะซิ”
“เอาไว้วันหลังดีกว่า พวกมันรู้ตัวแล้ว โอกาสเสี่ยงมีสูง”
“แต่ว่า เงินมันมากอยู่นะ”
“อย่าลืมซิเราต้องการล่อให้ไอ้สมิงมันออกมา เรื่องปล้นเป็นแค่ของแถม”
“รีบไปเถอะครับ ตอนนี้เถ้าแก่รออยู่กับพวกสอดแนมในป่าถ้าไอ้สมิงออกมาเจอเข้าเสร็จมันแน่”
“ก็ได้ ไอ้เสือ ถอย”
บันลือตะโกน มเหศักดิ์ บันลือ ดำและพวกโจรรีบพากันยิงแล้วถอย ไปเรื่อยๆ

หลังจากที่พวกโจรล่าถอยออกไป กำนันธงและคนอื่นก็เข้ามาสมทบกับดาว บุญเหลือ ศรีนวล กำนันธงรีบตะโกนบอกดาวและคนอื่นๆ ไม่ให้ติดตามพวกโจรไป
“ไม่ต้องตาม”
“ทำไมล่ะตา เราจะปล่อย เสือเข้าป่าไปเหรอตา”
“ถ้าพวกมันซุ่มอยู่ในป่า เราจะตกเป็นรอง”
“วันหลังยังมี รับรองว่าพวกมันต้องกลับมาอีกแน่”
“คุณศรีนวลรู้เหรอครับว่ามันเป็นพวกไหน”
“คิดว่ารู้นะ”
“ใครครับ”
“ท่าทางมันคุ้นๆ ใช่มั้ยดาว บุญเหลือ”
“ใช่ครับ”
“บันลือ”
ระพีพึมพำ เพราะยังไม่รู้ว่าบันลือคือใคร ขณะที่ดาวมองระพีอย่างสงสัยเริ่มเข้าใจผิด
“นายรู้จักมันใช่ไหม”
“เฮ้ย พูดผิดพูดใหม่ได้นะ ผมจะไปรู้จักไอ้พวกโจรได้ยังไง”
“ต่อหน้าคนอื่นก็ทำเป็นไม่รู้จัก แต่แท้จริงแล้ว นายกับเพื่อนก็คือสายของพวกมัน”
“เอ๊ย เราได้รับเกียรติเป็นถึงสายโจรเลยเหรอเนี๊ยะ”
“คุณกำลังหมิ่นประมาทผม”
“ชั้นพูดเรื่องจริง”
“พอทีดาว คิดให้ดีแล้วค่อยพูด เราต้องดูแลกันต่อไป”
เดือน เกียรติกล้า ขจรศักดิ์ น้อยพากันลงมาจากในบ้าน เกียรติกล้าและขจรศักดิ์เห็นดาวกับบุญเหลือก็จำได้
“นี่ไงครับ สองคนนี่ไงที่มันแกล้งพวกผมเมื่อกลางวัน จับมันเลยกำนัน จับซิ”
“จับข้อหาอะไรไม่ทราบ” ดาวย้อนถาม
“ทำร้ายร่างกายไง” ขจรศักดิ์บอก
“แล้วพวกนายบาดเจ็บตรงไหน ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
“หนอย ปากดีนัก”
เกียรติกล้าหันไปกระชากปืนมาจากผู้ใหญ่ต้อง แล้วทำท่าจะยิงดาวและบุญเหลือ แต่ศรีนวลเข้ามาขวางทางปืน
“อย่านะ คุณจะยิงใครไม่ได้ทั้งนั้น”
“ทำไมจะไม่ได้ พ่อชั้นเป็นตำรวจ พวกแกมีปัญหาอะไร”
“ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็ไม่มีสิทธิ์ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย”
เดือนเดินเข้ามาแย่งปืนจากเกียรติกล้าแล้วตบหน้าฉาด
“พอได้แล้วเกียรติกล้า”
“ตบผมทำไมพี่เดือน”
“เมื่อกี้สองคนนี้เข้ามาช่วยพวกเราไม่ให้โดนปล้น แกยังจะมาคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเรื่องเมื่อกลางวัน”
“สองคนนี่ เป็นหลานของผมเอง ชื่อดาวกับบุญเหลือ ถ้ามันสองคนทำอะไรให้พวกคุณเจ็บใจผมก็ขอโทษแทนหลานผมด้วย”
“เรื่องอะไรที่พ่อจะต้องขอโทษ เด็กพวกนี้ต้องขอโทษเราถึงจะถูก” ศรีนวลบอก
“ถูกต้องค่ะ และการที่ทุกคนช่วยกันปกป้องเดือนไม่ให้โดนปล้นก็เป็นบุญคุณที่เดือนไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว” เดือนหันไปหาเกียรติกล้ากับขจรศักดิ์ “ถ้าเธอสองคนยังนับถือว่าฉันเป็นพี่ของเธอ ไหว้ขอโทษทุกคนที่นี่เดี๋ยวนี้”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ อึกอักเล็กน้อย แต่ที่สุดก็ยอมยกมือไหว้
“ขอโทษ”
เดือนหันไปหาดาวกับบุญเหลือ
“ที่ผ่านมา ถ้าเราเคยโกรธเคืองหรือไม่พอใจกัน เดือนกับน้องขอโอกาสให้เรามาเริ่มกันใหม่นะคะ”
“ค่ะ เรายินดีที่จะเป็นเพื่อนกับพวกคุณ”
“ผมก็เหมือนกัน”
“งั้นพวกเรา แยกย้าย บ้านใครบ้านมัน ใครที่เป็นเวรยาม คืนนี้ก็ระวังให้ดี บางทีพวกมันอาจจะ
กลับมาอีกก็ได้” กำนันธงบอก
ชาวบ้านทุกคนพากันแยกย้าย ระพีหันมาหลิ่วตาให้ดาว แต่ดาวเบ๊ะปากไล่ จากนั้นศรีนวลก็พาดาว บุญเหลือ เดือนและคนอื่นๆ เข้าบ้าน
“ไปดาว บุญเหลือ คุณเดือนและทุกคน”

ที่ห้องรับแขกบ้านกำนันธง ศรีนวล ดาว บุญเหลือและเดือน นั่งพูดคุยกัน
“เมื่อกี้กำนันธงบอกว่า ดาว กับพี่บุญเหลือ เป็นหลาน แสดงว่า...”
“ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของดาวกับบุญเหลือ พอดีช่วงที่คุณมา เลยต้องให้ไปพักอยู่ที่อื่นก่อน เพราะว่าห้องไม่พอนอนค่ะ” ศรีนวลบอก
“ตายจริง แสดงว่าเดือนกับน้องมาทำความลำบากให้ดาวกับพี่บุญเหลือซิคะ”
“ใครว่าลำบาก เราชอบซะอีก บ้านในป่าน่ะ สนุกจะตายจริงมั้ยดาว”
“อาบน้ำก็อาบที่ลำธาร อากาศก็เย็นสบาย”
“น่าสนุกนะ”
“เอาไว้วันหลังลองเปลี่ยนบรรยากาศไปนอนเล่นกับพวกเราซิคะ”
“อย่าเพิ่งเลยจ้ะ คุณเดือนมาจากกรุงเทพ ยังไม่คุ้นกับป่าดงพงไพร ประเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ถ้างั้น พรุ่งนี้ถ้าไม่มีอะไรทำ เราสองคนจะพาไปเที่ยวในหมู่บ้านดีมั้ยครับ คุณจะได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่” บุญเหลือชวน
“ค่ะ เดือนกำลังอยากได้ไกด์นำทางอยู่พอดี”
“งั้นวันนี้พวกเราคงต้องกลับก่อน เดี๋ยวมืดแล้วจะกลับเข้าป่าลำบาก”
ดาว บุญเหลือลุกไป ศรีนวลตามมาส่ง
“ระวังเนื้อระวังตัวหน่อยนะดาว บุญเหลือ”
“จ้ะแม่”
ดาวตรวจกระสุนในลูกโม่อย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับบุญเหลือตรวจหน้าไม้ ดาวและบุญเหลือพากันเดินลงจากบ้านไป เดือนและศรีนวลมองตาม บุญเหลือหันมาสบตาเดือนแล้วยิ้มให้ เดือนหลบวูบรู้สึกร้อนผ่าวๆ

โย่งเดินร้องไห้เข้ามาในป่าลัดเลาะไปตามทางเรื่อยๆ เถ้าแก่ชิ้น แดงและกองสอดแนม 2-3 คนที่ซุ่มดูเหตุการณ์เห็นโย่ง
“นั่นใครมาเดินร้องไห้อยู่กลางป่า”
“สงสัยจะเป็นบ้า”
“เก็บมันซะเลย”
แดงยกปืนขึ้นมาเล็งรอจังหวะเพื่อยิงโย่ง แต่แล้วขณะที่กำลังจะลั่นไก โย่งก็ตะโกนเรียกชื่อสมิงออกมา
“สมิง สมิงอยู่ไหน สมิงช่วยด้วย”
แดงชะงักเมื่อได้ยินเสียงโย่งตะโกนเรียกสมิง
“มันเรียกสมิงครับเถ้าแก่”
“หรือว่ามันจะเป็นคนของไอ้สมิง ตามมันไป”
เถ้าแก่ชิ้น ทำสัญญาณให้แดง ลดปืนลงแล้วตามโย่งไป

หญิงสาวนามว่าศรีไพร ปรากฏตัวอยู่บนต้นไม้คอยสังเกตความเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นในป่า เครื่องแต่งกายของเธอทะมัดทะแมง ดูเป็นสาวชาวป่าที่พร้อมเสมอสำหรับการต่อสู้ ด้านข้างเอวของเธอมีซองใส่มีดสั้นข้างละ 6 เล่ม นอกจากนี้ตามร่างกายของเธอยังเต็มไปด้วยอาวุธลับนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นปิ่นปักผมที่เคลือบยาพิษ สนับมือพกพาที่พร้อมจะหยิบออกมาใช้ได้ตลอดเวลา และอาวุธลับเล็กๆ อีกมากซึ่งนำมาใช้ในการต่อสู้แบบประชิดตัว
มุมหนึ่งของป่า บันลือ มเหศักดิ์ ดำและพวก พากันเดินลัดเลาะเข้ามา ศรีไพรสังเกตจากท่าทางแล้วก็รู้ว่าไม่น่าไว้วางใจ เธอจึงหยิบหวูดเขาสัตว์เล็กๆ ออกมาแล้วเป่าเป็นสัญญาณ
เสียงหวูดดังขึ้น แต่พวกที่เดินมาไม่สนใจเนื่องจากคิดว่าเป็นเสียงร้องของพวกสัตว์ป่า

ที่ผาช่องลม สมิง ขวด เหิมและพวกอีกจำนวนหนึ่งกำลังซ้อมฝึกเชิงต่อสู้ ทุกคนได้เสียงสัญญาณจากศรีไพร เข้ามารวมตัวกัน
“เสียงสัญญาณของศรีไพร”
“มีคนบุกรุกเข้ามา พวกเราเตรียมพร้อม”
“ได้สมิง”
เหิมทำเสียงนกส่งสัญญาณออกไป สักครู่ก็มีเสียงนกรับกันเป็นทอดๆ ไปเรื่อยๆ
“พวกเราตามมา”
สมิงและพวกพากันหยิบอาวุธแล้วรีบออกไป

โย่งกำลังเดินร้องไห้ไปตามทางในป่า เถ้าแก่ชิ้น แดงและพวกแอบติดตามมาโดยที่โย่งไม่ทันรู้ตัว ศรีไพรโผล่มาแอบมอง เมื่อเห็นว่าหากปล่อยให้โย่งเดินต่อไปก็จะเป็นการชี้ช่องทางให้ฝ่ายที่แอบติดตาม เธอจึงหยิบมีดออกมา แล้วปาออกไป ทำให้มีแหตกลงมาคลุมตัวโย่ง แล้วดึงร่างโย่งให้ลอยขึ้นไปแขวนไว้บนต้นไม้ โย่งร้องโวยวาย
“โอ๊ย ช่วยด้วยๆ”
เถ้าแก่ชิ้น แดง และพวกรีบออกจากที่ซ่อน มองไปที่ร่างของโย่งที่โดนแขวนไว้กลางอากาศ
“เฮ้ย กับดัก”
“คงจะเป็นของพวกพรานป่าครับเถ้าแก่”
“งั้นไปเอาไอ้นั่นลงมา บังคับให้มันบอกให้ได้ว่าไอ้สมิงอยู่ไหน”
แดงและลูกน้องรีบไปที่ต้นไม้ซึ่งมีแหแขวนโย่งเอาไว้แล้วพยายามจะตัดเชือก แต่แล้วก็มีลูกดอกจากไม้ซางถูกเป่ามาปักคอลูกน้องที่กำลังจะตัดเชือกล้มลง เถ้าแก่ชิ้น แดง และลูกน้องที่เหลือเริ่มหวาดระแวง หันมองไปรอบๆ เสียงหวูดดังขึ้นอีกครั้ง
“เฮ้ย เอ็งเป็นใคร ออกมาซิวะ”
“ออกมา”
ศรีไพรโหนเถาวัลย์จากต้นไม้ตีลังกาลงมายืนข้างหน้าพวกเถ้าแก่ชิ้น
“แกเป็นใคร เป็นพวกไอ้สมิงใช่ไหม” ศรีไพรไม่ตอบแต่ขว้างมีดสั้นออกมาปักที่คอลูกน้องที่เหลือล้มลงจนหมด เถ้าแก่ชิ้นตกใจ “ฆ่ามัน”
แดงยกปืนขึ้นมาจะยิงแต่ศรีไพรไวกว่า ปามีดมาปักมือ ทำให้ปืนหล่นลง เถ้าแก่ชิ้นเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งหนี แล้วยิงสกัดเอาไว้ แดงวิ่งตาม ศรีไพรตามไป

มเหศักดิ์ บันลือ ดำและพวก ได้ยินเสียงปืนจึงหยุดเดิน
“เสียงปืน”
“เตี่ย”
เถ้าแก่ชิ้นและแดง พากันวิ่งหนีมาจากมุมหนึ่ง บันลือและพวกรีบเข้าไปสมทบ
“บันลือ ฆ่ามันๆ”
“ใคร เตี่ย”
“ผู้หญิง”
“ผู้หญิงเหรอ”
“ผู้หญิงอันตราย”
ทุกคนหันมองไปรอบๆ แต่ไม่มีใคร แล้วสักครู่ก็มีมีดสั้นลอยแหวกอากาศมาปักคอลูกน้องคนหนึ่งล้มลงไป บันลือตกใจกราดยิงไปทั่วแบบไร้จุดหมาย
“ออกมาซิวะ ออกมา”

มีดสั้นลอยแหวกอากาศออกมาอีกครั้ง ปักไปที่คอของลูกน้องคนอื่นๆ ล้มลงไป มเหศักดิ์มองแล้วรู้ว่ามีดน่าจะถูกปาออกมาจากหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง มเหศักดิ์จึงรีบหลบออกไป

เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 5 (ต่อ)

มเหศักดิ์วิ่งลัดเลาะมายังหลังต้นไม้ซึ่งศรีไพรซุ่มอยู่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ศรีไพรหันมาพอดี
“หยุดนะ ยกมือขึ้น”
ศรีไพรค่อยๆ ยกมือขึ้นมา แต่แล้วมือที่ยกกลับไปหยิบปิ่นเสียบผมออกมาแล้วปาสวนเข้าไปหามเหศักดิ์ มเหศักดิ์กราดยิงใส่ ศรีไพรโดดหลบ
บันลือ ดำและพวก พากันวิ่งเข้ามาแล้วระดมยิงใส่ศรีไพร ศรีไพรกระโดดหลบไปแล้ววิ่งหนี ทุกคนพากันวิ่งตาม

ศรีไพรวิ่งหนีมาแล้วโดดหลบไปหลังต้นไม้ก่อนที่กระสุนชุดใหญ่จะดังไล่หลัง มเหศักดิ์ บันลือ ดำ และพวกพากันวิ่งตามติดๆ สมิงโผล่เข้ามาด้านหลังศรีไพร ศรีไพรตกใจชักมีดจะแทงแต่สมิงยื้อไว้ได้ทัน
“ชั้นเอง”
“ขอโทษสมิง”
“ทำไมรีบลงมือ ไม่รอสมิง”
“แค่นี้ศรีไพรจัดการได้อยู่แล้ว”
“อวดเก่ง ตามมาเร็ว”
สมิงดึงร่างศรีไพรให้หนี ก่อนที่กระสุนนานาชนิดจะพุ่งเข้ามาถล่ม มเหศักดิ์ บันลือและพวกพากันตามเข้ามาดูร่องรอย
“ในที่สุดมันก็ปรากฏตัว”
“จัดการมันเลย”
ทุกคนพากันวิ่งตามร่องรอยของสมิงไป

สมิงและศรีไพรพากันวิ่งมาที่มุมหนึ่ง โดยมีบันลือ มเหศักดิ์ ดำและพวกพากันวิ่งตามมาไล่ยิงจากด้านหลัง
เหิมและพวก โผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง ช่วยยิงสกัดไว้ ทำให้สมิงและศรีไพรรีบเข้าไปรวมกลุ่ม จากนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็สาดกระสุนใส่กัน
สมิง ศรีไพรและพวกต่างช่วยกันระดมยิงไปยังฝ่ายตรงข้าม ศรีไพรหยิบหวูดออกมาอีกครั้ง ทำท่าจะเป่าแต่สมิงห้ามไว้
“จะทำอะไร”
“เรียกพ่อเฮี้ยน ของศรีไพรไงสมิง”
“ไม่ต้อง”
“ทำไมล่ะ แค่ให้พ่อเฮี้ยนของศรีไพร ตีตลบหลังก็จัดการพวกได้แล้ว”
“มันเสี่ยงเกินไป สมิงไม่ชอบให้ใครมาเสี่ยงแทน”
“ก็ไหนว่าสมิงกับพ่อเฮี้ยนเป็นเพื่อนตาย ทำแบบนี้แสดงว่าสมิงไม่ไว้ใจพ่อเฮี้ยนของศรีไพร”
“หยุดพูด แล้วทำตามเดี๋ยวนี้”
สมิงดุศรีไพรให้หยุด เนื่องจากในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาอธิบายให้มากความ เหิมหันมาหาสมิง
“สมิง ขวดส่งสัญญาณมาว่าพร้อมแล้ว”
“ถ้างั้นก็ตามมา”
สมิงหันไปคว้าปืนยิงระเบิดควันจากลูกน้องแล้วยิงออกไป ทำให้ควันคลุ้งไปทั้งป่าจนฝ่ายตรงข้ามมองไม่เห็นอะไร ได้ยินแต่เสียงปืนที่ดังระงม

ควันเริ่มจางลง เสียงปืนเงียบลง บันลือ มเหศักดิ์ ดำและพวกพากันเดินสำรวจหาร่องรอยของสมิงกับพวก แต่ไม่ปรากฏร่องรอยใดๆ ทำให้ทุกคนพากันประหลาดใจ
“พวกมันหายไปไหน”
“มันต้องมีเส้นทางลับแถวนี้แน่”
ทิวป่าด้านหน้ามีเสียงคนกำลังวิ่งมาเหมือนมีใครกำลังวิ่งอยู่ ทุกคนระวังตัวเตรียมพร้อมจะยิง แต่แล้วก็เห็นเถ้าแก่ชิ้นและแดงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“อย่ายิงๆ เตี่ยเอง”
“มีอะไรเตี่ย”
“รีบไปเร็ว มีคนมาช่วยมันหนีไปแล้ว”
เถ้าแก่ชิ้นรีบดึงร่างบันลือให้ตามไป ทุกคนพากันวิ่งตาม

แหที่เคยห้อยร่างของโย่งเอาไว้บนต้นไม้หล่นลงมากองบนพื้น มีร่องรอยถูกตัดเชือกให้ขาด ไม่ปรากฏร่างของโย่งในนั้น เถ้าแก่ชิ้น วิ่งนำทุกคนเข้ามาดู
“พวกมันมาช่วยไอ้ตัวเล็กหนีไปแล้ว”
“ไอ้ตัวเล็กนี่มันใครละเตี่ย”
“ก็ไอ้คนที่เตี่ยสะกดรอยตามมา มันน่าจะรู้ทางเข้าออกรังของไอ้สมิง”
“ยังงี้เราก็ไม่รู้ซิว่ารังของไอ้สมิงซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”
“แต่อย่างน้อยเราก็พอจะรู้ว่าทางไปรังของไอ้สมิงอยู่แถวนี้ วันไหนเราพร้อมค่อยกลับมาอีกที”
“จัดกำลังสอดแนมให้ดี วันนึงเราต้องรู้ ไปกลับ”
ทุกคนพากันเดินทางกลับไป

สมิงและคนอื่นพากันเดินเข้ามาที่ผ่าช่องลม แล้วต่างก็แยกย้ายหามุมพักผ่อน สมิงจับโย่งมาสอบถามเหตุการณ์
“ไหนเล่ามาซิว่า ต้องการให้สมิงช่วยอะไร”
“ตอนนี้บ้านโดนเผาหมดแล้ว ไม่มีที่อยู่”
“แต่โย่งจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ กลับไปอยู่ในหมู่บ้านดีที่สุด แล้วฉันจะฝากผู้ใหญ่ให้”
“ขอบใจนะสมิง”
ศรีไพรมีท่าทีไม่พอใจที่สมิงไม่ค่อยสนใจเธอ เธอจึงเดินหงุดหงิดไปหาเสือเฮี้ยนผู้เป็นพ่อกำลังถักเก้าอี้หวายอยู่
“มีอะไรวะ ศรีไพร”
“พ่อ ชั้นถามจริงๆ เหอะ พ่อไว้ใจสมิงแค่ไหน”
“มีเรื่องอะไร ทำไมเอ็งถามข้าแบบนี้”
“ก็วันนี้สมิงไม่ยอมให้ชั้นเป่าหวูดเรียกพ่อออกไปช่วย แบบนี้ก็แสดงว่าสมิงไม่ไว้ใจพ่อใช่มั๊ย”
“สมิงต้องมีเหตุผลของเขาเองคิดมากไปเอง”

“สมิงกำลังดูถูกฝีมือพ่ออยู่นะ”

สมิงเดินเข้ามา
“เรื่องวันนี้ สมิงต้องขอโทษด้วยศรีไพรที่ไม่อยากให้เสือเฮี้ยนไปช่วย เพราะผาช่องลมเป็นสภาพที่ลึกลับ”
“แต่ถ้าพ่อออกไปช่วย ต้องกำจัดพวกมันได้แน่”
“ใช่ และถ้าวันใดที่ผาช่องลมถูกเปิดเผย พวกเราก็คงจะอยู่ไม่เป็นสุขแน่”
“ศรีไพรเข้าใจแล้ว”
“เอ็งมันเอาแต่ใจตัวเอง นังศรีไพร เอ็งต้องเชื่อฟังคนที่เป็นหัวหน้า เขาสั่งยังไงก็ทำอย่างนั้น ห้ามสงสัย”
“จ้ะพ่อ ชั้นผิดไปแล้วจ้ะ สมิง ศรีไพรขอโทษนะจ้ะ”
“สมิงไม่ถือสาศรีไพรหรอก แต่คราวหลังงอนน้อยๆ หน่อย ถ้ามีแฟนประเดี๋ยวแฟนจะขี้เกียจตามง้อ”
“บ้า สมิงอ้ะ”
ศรีไพรหน้าแดงเดินหนีออกไปด้วยเข้าใจว่าสมิงมีใจให้เธอ สมิงยิ้มเอ็นดูรักศรีไพรเหมือนน้องสาว
“สมิง เรื่องเข้ากรุงเทพ สมิงพร้อมหรือยัง”
“พร้อมแล้ว เสือเฮี้ยนอยากจะให้สมิงจัดการกับใคร”
เสือเฮี้ยนหยิบรูปเก่าๆ ออกมาจากกระเป๋า เป็นรูปนักการเมืองที่ชื่อชาญชัย
“มันชื่อชาญชัย เป็นนักการเมืองเลวที่ทำให้ข้าต้องกลายเป็นโจร”
“คนแบบนี้มันเป็นเสี้ยนหนามของแผ่นดิน ต้องกำจัดให้สิ้น”
“ตอนนี้สุขภาพข้าแย่ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ไม่งั้นข้าคงไม่รบกวนสมิง”
“ตอนนี้เราก็เหมือนเป็นเพื่อนตายกันแล้ว ความแค้นของเพื่อน ก็คือความแค้นของสมิงเช่นกัน”
เสือเฮี้ยนยิ้มพอใจในคำพูดของสมิง ขณะที่สมิงมองไปที่รูปของนักการเมืองที่ชื่อชาญชัย กัลปพฤกษ์

วันต่อมาที่กรมตำรวจ ระพีเดินเข้ามาทำความเคารพเลอสรรในห้องทำงาน เลอสรรเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความแปลกใจ
“ผู้กอง นี่คุณมาได้ยังไง”
“พอดีผมมีเอกสารมารายงานท่าน ผมเลยต้องรีบมาพบท่านครับ”
“แล้วทางโน้นไม่สงสัยเหรอว่าคุณหายไปไหน”
“ผมให้จ่าสมหมายอยู่รับหน้า ใครถามก็บอกว่าผมไปงมหอยตกปลา แถวบางไทร เย็นๆ จึงกลับ”
“อืม ก็เป็นเรื่องปกติของคนที่นั่นอยู่ แล้วขากลับคุณน่าจะแวะตลาดหาซื้อปลา ซื้อหอยไปฝากพวกชาวบ้าน
จะได้แนบเนียน”
“ครับผม” ระพีหยิบสมุดที่วาดแผนที่และเอกสารที่เขียนขึ้นเป็นรายงานส่งให้เลอสรร “นี่ครับ ระหว่างอยู่ที่นั่นผมลองวาดแผนที่คร่าวๆ ดู แล้วนี่ก็เป็นรายละเอียดเรื่องต่างๆ ของพวกชาวบ้านที่อยู่ในข่ายที่สงสัย ขอโทษด้วยนะครับที่ใช้ลายมือเขียน พอดีที่นั่นผมจะใช้พิมพ์ดีดไม่ได้”
“ขอบใจนะ ยังไงผมจะให้เสมียนมาพิมพ์ดีดเก็บไว้ ไม่ต้องห่วง”
ประตูห้องเปิด สร้อยเพชรเดินเข้ามา ระพีรีบลุกขึ้นทำความเคารพ สร้อยเพชรมองระพีด้วยความสนใจ เนื่องจากระพีหน่วยก้านรูปร่างหน้าตาดี
“ผู้กอง นี่สร้อยเพชร ภรรยาของผม”
“ยินดีที่รู้จักครับ คุณสร้อยเพชร”
“ตายจริง เป็นผู้กองตั้งแต่ยังหนุ่มเลย ชื่ออะไรคะ เนี่ยะ”
“ผมร้อยตำรวจเอก ระพี อมาตยศักดิ์ครับผม”
“นามสกุลอมาตยศักดิ์ ตายแล้ว เป็นอะไรกับท่านรัฐมนตรีภาณุ คะ”
“ท่านเป็นคุณพ่อผมเองครับ”
“ตายจริง ที่แท้ก็คนกันเอง รู้มั้ยท่านรัฐมนตรีกับชั้นเป็นเพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกัน”
“เอ้อ...แล้วมาหาผมวันนี้ มีอะไรหรือเปล่า” เลอสรรถามขึ้นมา
“ตายจริง คุณลืมงานเลี้ยงเบิร์ดเดย์คุณพิรุณที่นัดไว้แล้วเหรอคะ”
“จริงซิ ผมลืมไปจริงๆ”
วิทยุสื่อสารที่วางไว้บนโต๊ะทำงานมีเสียงดังขึ้นมา
“พิราบเรียกอินทรีย์ ขณะนี้เกิดเหตุมีคนร้ายไม่ทราบจำนวน จับตัวนายชาญชัย กัลปพฤกษ์ นักการเมืองชื่อ
ดัง ขับรถมุ่งหน้าไปทางรังสิต คลองสาม ขณะนี้ต้องการกำลังเสริมด่วน”
เลอสรรหันมามองหน้าระพี แล้วหันไปพูดกับสร้อยเพชร
“เรื่องงานเลี้ยง ผมติดไว้ก่อนนะ เหตุด่วนแบบนี้ผมต้องรีบไป”
“แต่ว่า”
“ขอโทษจริงๆ สร้อยเพชร คุณเป็นเมียตำรวจคงเข้าใจนะ...ผู้กอง พร้อมนะ”
“พร้อมครับ”
เลอสรรและระพีรีบออกจากห้องไป สร้อยเพชรมองตาม หงุดหงิด

เหิมกำลังขับรถอยู่บนถนนสายหนึ่งโดยมีศรีไพรนั่งอยู่ด้านหน้า ขณะที่เบาะหลังสมิงจับนายชาญชัย นักการเมืองคนสำคัญเป็นตัวประกัน
“พวกแกเป็นใคร จับชั้นทำไม ชั้นไปทำอะไรให้แก”
“เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แกคงยังจำผู้ชายที่ชื่อเฮี้ยนได้ใช่มั๊ย”
“ชั้นไม่รู้จัก แกจับผิดตัวแล้ว ชั้นจำไม่ได้”
“แกคงจำเพื่อนที่แกหักหลัง ยึดบ้าน ยึดที่ดิน ใส่ร้ายป้ายสี แล้วยังฆ่าเมียเขาทิ้งไม่ได้ซินะ”
“ชั้นไม่ได้ทำ ไอ้บ้านั่นมันใส่ร้ายชั้น ชั้นไม่รู้เรื่อง”
ใบหน้าศรีไพรเต็มไปด้วยความแค้น เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องราวสมัยที่เธอยังเป็นเด็กและยังจำเหตุการณ์ได้ดี
“แกคงไม่รู้ว่า ผู้ชายคนนั้นต้องถูกตามล่า ใช้ชีวิตเร่ร่อนกับลูกสาวตัวเล็กๆ อยู่หลายปีแล้วที่สุด ชั้นกับพ่อก็ต้องกลายเป็นโจร”
ชาญชัยตกใจ ขณะที่ศรีไพรหันหน้ามองเขม็ง
“แก เป็นลูกไอ้เฮี้ยน”
“ชั้นจำได้เสมอ ว่าแกทำอะไรกับครอบครัวชั้น”
“อย่าทำชั้นเลย ชั้นกลัวแล้ว”
“เราไม่ทำอะไรแกหรอก แค่จะพาไปหาเสือเฮี้ยน พ่อของศรีไพร เท่านั้นเอง”
“ไม่ไป ชั้นไม่ไป”

ชาญชัยร้องโวยวายหวาดกลัวเสียงดังลั่น ขณะที่รถวิ่งแล่นออกนอกเมืองไป

รถของสมิงแล่นไปตามถนน แล้วปรากฏมีรถตำรวจแล่นมาขวางทางปิดถนนเอาไว้ เหิมเบรกรถได้ทันแล้วจะเลี้ยวกลับรถ แต่แล้วก็เห็นรถของเลอสรรและระพี มาจอดขวางปิดเส้นทางเอาไว้
“เอาไงดีสมิง”
“ลงจากรถ แล้วหนีข้ามทุ่งไป”
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องกลัว เรามีไอ้นี่เป็นตัวประกัน”
ทุกคนพากันลงจากรถ แล้วพากันหนีเข้าข้างทาง เลอสรร ระพีและตำรวจอื่นพากันวิ่งตามมา

สมิงและทุกคนพากันเข้ามาหลบที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง ขณะที่เลอสรรสั่งการให้ตำรวจปิดล้อมเอาไว้
“ปิดเส้นทางเข้าออก อย่าให้หนีไปได้ ผู้กองคุณไปดักแถวริมน้ำ”
“ครับผม”
สมิงและพวกพากันยิงสกัดตำรวจที่กำลังเคลื่อนไหวแล้วจากนั้นก็เกิดยิงปะทะกัน

ภายในตึกร้าง ศรีไพรจับชาญชัยมัดไว้กับเสาตึก ขณะที่สมิงและเหิมคอยสอดส่องและยิงสกัดตำรวจที่กำลังบุกเข้ามาในตึก สมิงเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างที่มุมหนึ่งของตึกจึงแอบย่องออกไปดู แต่แล้วเลอสรรก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังแล้วเอาปืนจี้บังคับให้หยุด
“หยุด ทิ้งปืนซะ”
สมิงทิ้งปืนลงแล้วหันมา สมิงถึงกับตะลึง ไม่คาดว่าตำรวจที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็คือเลอสรรนั่นเอง ขณะที่เลอสรร จำสมิงไม่ได้
“แก ไอ้สารเลว ไอ้คนหลอกลวง”
“นี่เราเคยรู้จักกันเหรอ” เลอสรรย้อนถาม
“อะไรกัน เรื่องแค่ไม่กี่ปี จำไม่ได้ซะแล้วรึ”
“นี่แกพูดเรื่องอะไร”
“ผู้ชายอย่างแก มันไม่มีความรับผิดชอบ แกทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่รักแกที่สุด ทิ้งได้แม้กระทั่งลูกกับเมีย”
“ลูก เมีย ชั้นไม่เคยทิ้งใคร อย่ามาพูดบ้าๆ”
“ไอ้เลว”
สมิงเลือดขึ้นหน้ากระโดดเข้าแย่งปืน ทำให้ปืนหล่นลงพื้น ทั้งคู่ต่อสู้กัน เหิมและศรีไพร ได้ยินเสียงจึงวิ่งเข้ามาดู ศรีไพรเห็นได้จังหวะจึงยกปืนจะยิงเลอสรร แต่เหิมห้ามไว้
“อย่าศรีไพร”
“ทำไมล่ะ”
“สมิงไม่ชอบเอาเปรียบใคร”
ขณะที่สมิงต่อสู้กับเลอสรร เหิมและศรีไพรคอยยิงสกัดตำรวจ ระหว่างนั้นชาญชัยเริ่มแก้ปมเชือกที่มัดมือไว้
เลอสรรกับสมิงต่อสู้กันติดพัน ขณะที่ชาญชัยแก้เชือกสำเร็จแล้วหยิบปืนที่หล่นพื้นขึ้นมา เล็งไปที่สมิง
“แกตาย”
ศรีไพรหันมาเห็นจึงยิงใส่ชาญชัย ขณะที่ชาญชัยยิงไปที่สมิงแต่สมิงหลบได้ทัน ศรีไพรกระหน่ำยิงใส่ชาญชัยไม่ยั้ง สมิงรีบลุกขึ้นขณะที่เลอสรรยังคงมึนงง
เหิมเห็นตำรวจเริ่มบุกเข้ามาจึงรีบตะโกนบอก
“รีบหนีเถอะสมิง”
สมิงหันมามองเลอสรร เพื่อจะยิงทิ้งแต่เลอสรรยังคงมึนงง ทำให้สมิงไม่ยอมยิง
“ถ้าไม่ยิงก็ปล่อยมันไป หนีเถอะ เร็ว”
ศรีไพรบอกแล้วดึงสมิงให้หนีไปพร้อมเหิม เลอสรรค่อยๆ ลุกขึ้นมา ขณะที่ตำรวจเริ่มบุกเข้ามาช่วยพยุงตัวให้เลอสรรลุกขึ้น

สมิง ศรีไพร เหิมพากันวิ่งมาที่แม่น้ำ ระพีกับพวกซึ่งซุ่มอยู่รีบออกมายิงสกัด แต่แล้วชาวบ้านซึ่งอยู่แถวนั้นตกใจพากันวิ่งหนีกันวุ่นวายทำให้ระพีและตำรวจอื่นๆ ไม่กล้ายิง
“อย่ายิง เดี๋ยวถูกชาวบ้าน”
สมิง ศรีไพร เหิม ได้โอกาสรีบวิ่งไปที่เรือหางยาวแล้วขับหนีออกไป ระพีและตำรวจพากันวิ่งตามมา แต่เรือหางยาวของสมิงแล่นไปไกลแล้ว

บัวพยุงท่านผู้ว่าทรงยศให้นั่งลงในห้องรับแขก ท่าทางท่านผู้ว่าทรงยศยังดูอ่อนเพลีย เนื่องจากเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล เลอสรรเดินเข้ามาหาและช่วยดูแลพ่ออย่างห่วงใย
“บัว ไปบอกคุณแม่ให้จัดยามาให้คุณพ่อประเดี๋ยวจะให้ยาคุณพ่อเอง”
“ค่ะ”
บัวเลี่ยงออกไป เลอสรรหันมาหาท่านผู้ว่าทรงยศ
“ไปนอนให้หมอฝรั่งตรวจร่างกายมา เป็นไงบ้างครับคุณพ่อ”
“กว่าจะตรวจ หมอ ให้กินแต่น้ำกับน้ำเกลือ นึกว่าจะเป็นลมตายซะแล้ว”
“ตรวจลำไส้ก็แบบนี้แหละครับ ยุ่งยากกว่าอย่างอื่น”
“แล้วหน้าแก ไปโดนอะไรมา” ท่านผู้ว่าทรงยศถามเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าเขียวช้ำของเลอสรร
“สู้กับผู้ร้ายมาครับ พลาดไปหน่อย ว่าแต่คุณพ่อครับ...”
เลอสรรตัดสินใจที่จะถามเรื่องที่คาใจกับท่านผู้ว่าทรงยศ
“มีอะไร”
“ผมเคยแต่งงาน มีเมีย มีลูกมาก่อนหรือเปล่าครับ”
คำถามนี้ทำให้ท่านผู้ว่าทรงยศชะงัก หันมามองหน้าเลอสรร ท่านผู้ว่าทรงยศเริ่มอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง
“แกถามอะไรแบบนั้น”
“ที่ผมถามแบบนี้ ก็เพราะว่าไอ้คนที่มันสู้กับผม มันพูดอะไรแปลกๆไ
“มันพูดอะไร”
“มันด่าว่าผมทิ้งลูกทิ้งเมีย แถมยังทำท่าเหมือว่าผมกับมันเคยรู้จักกัน แต่ที่สำคัญมันเป็นโจรที่มาจากลานเทซะด้วยซิครับ”
ท่านผู้ว่าทรงยศนิ่งอึ้ง ใจหนึ่งก็อยากจะบอกความจริงแต่อีกใจก็ยังไม่กล้า
“แกจะไปเอาอะไรกับคำพูดของโจร”
“มันพูดยังกับว่ามันกับผมรู้จักกันมาก่อน”
คุณนายศรีสอางค์เดินเข้ามา บัวถือถาดใส่ถ้วยยาและน้ำตามมา
“คุยอะไรกันอยู่จ้ะ ได้เวลาคนไข้กินยาแล้ว”
“มาผมให้ยาคุณพ่อเองครับ” เลอสรรบอก
“ไม่เป็นไร เรื่องนี้แม่จัดการเองเลอสรรไปดูแลตัวเองเถอะหน้าตาบวมปูดเชียว”
“ครับ งั้นผมขอตัวนะครับ”
เลอสรรเดินออกไป คุณนายศรีสอางค์หันมาหยิบยาในถาดป้อนให้ท่านผู้ว่าทรงยศ

คืนนั้นขณะที่เลอสรรกำลังหลับสนิท เลอสรรก็ฝันเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อยุธยา ตอนที่ศรีนวลและเลอสรรเจอกันเมื่อครั้งที่มีโจรปล้นตลาดอยุธยา และศรีนวลพุ่งตัวเข้าไปผลักเลอสรรไม่ให้โดนยิง บุญเหลือและดาวเข้าไปกระทืบโจร ขณะที่ศรีนวลช่วยปฐมพยาบาลเลอสรร
“คุณเลอสรรๆ”
เลอสรรค่อยๆ ลืมตามขึ้นมา เห็นศรีนวลมองด้วยความเป็นห่วง แต่ด้วยศีรษะถูกกระแทกทำให้เลอสรรยังคงมึนงงและจำศรีนวลไม่ได้
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมไม่เป็นอะไร แค่มึนนิดหน่อย”
“คุณอาไม่ต้องห่วง พวกเราจัดการโจรเรียบร้อยแล้ว” ดาวบอก
“หนูเก่งจริงๆ นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงจะเก่งขนาดนี้” ตำรวจสองนายวิ่งเข้ามาหาเลอสรร แล้วทำความเคารพ “งั้นเดี๋ยวผมต้องขอตัวไปดูลูกน้องทางโน้นหน่อย”

เลอสรรเดินกลับไป โดยไม่มีทีท่าว่าจะจำศรีนวลได้เลย ทำให้ศรีนวลนิ่งอึ้ง รู้สึกน้อยใจ

ภาพในอดีตต่อมาคือเหตุการณ์ตอนที่สมิงเผชิญหน้ากับเลอสรรในตึกร้าง สมิงทิ้งปืนหันมาแล้วตกตะลึง ไม่คาดว่าตำรวจที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็คือเลอสรรนั่นเอง ขณะที่เลอสรรจำสมิงไม่ได้
“แก...ไอ้สารเลว ไอ้คนหลอกลวง”
“นี่เราเคยรู้จักกันเหรอ”
“อะไรกัน เรื่องแค่ไม่กี่ปี จำไม่ได้ซะแล้ว”
“นี่แกพูดเรื่องอะไร”
“ผู้ชายอย่างแก มันไม่มีความรับผิดชอบ แกทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่รักแกที่สุด ทิ้งได้แม้กระทั่งลูกกระทั่งเมีย”
“ลูก เมีย...ชั้นไม่เคยทิ้งใคร อย่ามาพูดบ้าๆ”
“ไอ้เลว”
สมิงเลือดขึ้นหน้ากระโดดเข้าแย่งปืน ทำให้ปืนหล่นลงพื้น ทั้งคู่ต่อสู้กัน
ภาพในฝันอีกเหตุการณ์ คือตอนที่ศรีนวลและกำนันธงมาในงานแต่งงานของเลอสรร กำนันธงและศรีนวลเดินเข้าไปหาเลอสรร แต่เลอสรรจำทั้งคู่ไม่ได้ จึงยกมือไหว้ต้อนรับเหมือนเป็นแขกทั่วๆ ไป ขณะที่ท่านผู้ว่าทรงยศยืนนิ่ง หวาดหวั่นเกรงจะมีเรื่อง ลุงมหาเดินตามมาสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
“เชิญครับ ขอบพระคุณนะครับที่ให้เกียรติมางานนี้”
ศรีนวลน้ำตาคลอ ขณะที่กำนันธงยืนมองนิ่ง
“คนอย่างผมกับลูกสาว ไม่มีเกียรติมากพอสำหรับงานนี้หรอกครับ เกียรติของเรามันถูกย่ำยีจากหมาเทวดาจนไม่มีชิ้นดีแล้ว ลูกสาวของผมมันก็ถูกหมาเทวดาเยี่ยวรดจนท้องไม่มีพ่อ หมดสิ้นคุณค่าไปแล้ว”
“นี่ลุงพูดอะไรกันครับ ผมไม่เข้าใจ”
“พวกเทวดาเค้าเก่งนะพ่อ แสดงละครได้ทุกบทบาทอยู่กับควายอย่างเรา เขาก็เข้าใจภาษาควาย แต่พอกลับมาอยู่ในหมู่เทวดา เขาก็ไม่เข้าใจภาษาควายซะแล้ว”
“มาพูดกระแทกแดกดันอะไรกัน นี่เธอเป็นใคร...คุณพ่อครับ พวกนี้เป็นใครกัน” เลอสรรหันไปถามท่านผู้ว่าทรงยศ ท่านผู้ว่าอ้ำอึ้ง ไม่ตอบ
“ไม่ต้องหันไปถามใครหรอกค่ะ ถ้าคุณจำศรีนวลแห่งลานเทไม่ได้ มันก็หมดประโยชน์ที่ชั้นจะฉุดรั้งคุณไว้”
ศรีนวลกับกำนันธงเดินจากไป
ใบหน้าของเลอสรรกำลังนอนหลับฝัน กระสับกระส่ายไปมาแล้วละเมอออกมา
“ศรีนวล ศรีนวล”
สร้อยเพชรเดินเข้ามาในห้องในจังหวะที่เลอสรรละเมอชื่อของศรีนวลออกมา สร้อยเพชรไม่พอใจ จึงเข้าไปเขย่าตัวเลอสรรให้ตื่น
“คุณเลอสรร ตื่นนะ ตื่น”
เลอสรรลืมตาขึ้นมา
“มีอะไร สร้อยเพชร”
“คุณละเมอ เพ้อเจ้ออะไรของคุณ”
เลอสรรคิดทบทวนความฝันของตัวเอง
“ศรีนวล ใช่...ผู้หญิงคนนั้นชื่อศรีนวล อยู่ลานเท”
“มันเป็นใคร”
“ผมไม่รู้ จู่ๆ ก็ฝันเห็น ผมไม่เข้าใจจริงๆ” เลอสรรดึงมือสร้อยเพชรเข้ามาปลอบ ขณะที่สร้อยเพชร ไม่พอใจ
“ใจเย็นซิจ้ะ อย่าอารมณ์เสีย ผมก็แค่ฝันไป”
“ทำไมคุณต้องเก็บเอามาฝันด้วย”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีผมคงทำงานมากไปก็เลยเก็บมาฝัน”
“แน่ใจนะว่าเป็นเรื่องงาน”
“คุณก็น่าจะรู้นี่ว่าผมไม่เคยวอแวกับคนอื่น ไม่เอาน่ะ อย่าคิดมาก นอนดีกว่า”
เลอสรรดึงสร้อยเพชรให้นอน ขณะที่สร้อยเพชรยังคงรู้สึกไม่สบายใจ กังวลว่าเลอสรรจะจำผู้หญิงที่ชื่อศรีนวลได้

เช้าวันรุ่งขึ้นคุณนายศรีสอางค์กำลังนั่งคุยอยู่กับท่านผู้ว่าทรงยศที่ห้องนั่งเล่น
“นับวันชั้นก็แก่ตัวลงทุกวัน แต่ยังไม่ได้ทำพินัยกรรมจัดการเรื่องมรดกซะที”
“แต่เรามีลูกคนเดียวนี่คะ ทรัพย์สมบัติก็ต้องยกให้ตาเลอสรรทั้งหมดอยู่แล้ว จะต้องทำพินัยกรรมไปทำไม”
“ชั้นขอสารภาพกับแม่ศรีสอางค์บางอย่างนะ คือเมื่อตอนที่ชั้นสู่ขอแม่ศรีนวล ลูกสาวกำนันธงให้เจ้าเลอสรร ชั้นสัญญาเอาไว้ว่าจะยกที่ดินแถวลานเทเป็นสินสอด”
“แต่นั่นก็นานมาแล้วนี่คะ แล้วตาเลอสรรลูกชายเราก็จำแม่ศรีนวลไม่ได้แล้วด้วย เราไม่ควรไปรื้อฟื้นเรื่องนี้อีก”
“แต่เธอก็รู้ว่าชั้นเป็นคนรักษาสัจจะ ทุกวันนี้ชั้นเองก็ไม่เคยสบายใจเลยที่ต้องทำใจดำกับแม่ศรีนวล ถ้าต้องตายตอนนี้ชั้นคงตายตาไม่หลับแน่”
“แสดงว่าคุณคิดจะยกที่ดินลานเทให้แม่ศรีนวลเพื่อไถ่โทษใช่มั๊ย”
“ขอเถอะนะแม่ศรีสอางค์ ทรัพย์สมบัติเราก็มีออกมากมาย ตาเลอสรรกับลูกๆ ใช้ยังไงก็ไม่หมด”
“ก็ได้ค่ะ เรื่องนี้ชั้นจะไม่ขัด แต่อย่าเพิ่งให้แม่สร้อยเพชรรู้ก็แล้วกัน เค้าเป็นเมียตกเมียแต่ง ประเดี๋ยวจะเป็นเรื่อง”
สร้อยเพชรยืนแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ฮึ่ม...นี่มันอะไรกัน ทำไมมีแต่นังศรีนวลมาหลอกหลอน ชั้นจะไม่มีวันยอมง่ายๆ เด็ดขาด”
สายตาสร้อยเพชรเต็มไปด้วยโกรธแค้นชิงชัง

คุณนายศรีสอางค์กำลังเดินมาแล้วชะงักเมื่อเห็นสร้อยเพชรกำลังนั่งร้องไห้กระซิกๆ อย่างน่าเวทนา คุณนายศรีสอางค์รีบเข้าไปหา
“อ้าว แม่สร้อยเพชร เป็นอะไร ทำไมมานั่งร้องห่มร้องไห้ทำไม”
“คุณแม่คะ เมื่อคืนคุณเลอสรรละเมอถึงผู้หญิงคนนั้นถึงขนาดเอ่ยชื่อออกมาแล้วค่ะ”
“ผู้หญิงคนไหน”
“ก็ผู้หญิงที่ชื่อศรีนวลที่อยู่ลานเทไงคะ เมื่อคืนคุณเลอสรรละเมอถึงแต่ชื่อศรีนวล จะให้สร้อยเพชรทำยังไงคะคุณแม่”
“ไม่เอาน่ะ จะเสียอกเสียใจไปทำไม อย่างน้อยเธอก็เป็นเมียแต่ง ไม่ใช่เมียนอกกฎหมายแบบแม่คนนั้น”
“แต่เรื่องก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมคุณเลอสรรไม่ลืมมันซะทีละคะคุณแม่ ทำไมต้องฝันถึงมันด้วย”
“มันก็แค่ความฝัน เธอจะไปกังวลใจอะไร อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ซิสร้อยเพชร”
“แต่หนูยังทำใจไม่ได้นี่คะคุณแม่ ที่สามีฝันถึงผู้หญิงคนอื่น โดยเฉพาะนังศรีนวล เมียเก่าที่ลานเท”
เลอสรรซึ่งผ่านมาได้ยินและยืนฟังเรื่องราวอยู่สักครู่แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“ตกลง ผู้หญิงที่ชื่อศรีนวล ที่ผมฝันถึงมีตัวตนแล้วก็เป็นเมียผมจริงๆ ใช่มั๊ยครับคุณแม่”

คุณนายศรีสอางค์และสร้อยเพชร เงยหน้าขึ้นมามองเลอสรร แล้วนิ่งอึ้ง คาดไม่ถึงว่าเลอสรร จะโผล่เข้ามาถามในสิ่งเรื่องที่เป็นความลับอย่างนี้

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 5 (ต่อ)

คุณนายศรีสอางค์กำลังพยายามใช้ความคิดหาทางออกที่จะโกหกเลอสรร สร้อยเพชรเองก็อ้ำอึ้ง โยนเรื่องให้คุณนายศรีสอางค์เป็นคนตอบ ขณะที่เลอสรรเองรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเพราะนี่คือความทรงจำที่สูญหายไป
“สร้อยเพชร เธอรู้ใช่มั๊ยว่าเรื่องนี้มีความเป็นมายังไง”
“คุณเลอสรรถามคุณแม่เองจะดีกว่า”
“ว่าไงครับคุณแม่ บอกผมหน่อยเถอะครับ ไม่อย่างงั้นเรื่องนี้ก็จะติดอยู่ในใจผมเหมือนเป็นโรคที่รักษาไม่หาย”
“ก็ได้จ้ะ แม่จะบอกความจริงกับเลอสรรก็ได้ แต่เลอสรรต้องใจเย็นๆ อย่าวู่วาม แล้วก็ต้องเชื่อฟังแม่นะลูก”
“ครับ เรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ครับแม่”
“แม่ศรีนวลที่อยู่ลานเทน่ะ มีตัวตนอยู่จริงๆ”
“แล้วผมพบกับศรีนวลยังไงครับ ผมเคยไปที่ลานเทเพื่อเก็บค่าเช่าแทนคุณพ่อใช่มั๊ยครับ”
“ใช่ มีอยู่ปีนึงที่ลูกไปเก็บค่าเช่าที่ลานเทแทนคุณพ่อ แล้วลูกก็ได้เจอกับแม่ศรีนวล...”
สร้อยเพชรกลัวว่าคุณนายศรีสอางค์จะพูดถึงศรีนวลในทางที่ดี เธอจึงตัดสินใจเติมสีสันใส่ร้ายป้ายสีให้ศรีนวล
“แล้วคุณพี่ก็โดนแม่ศรีนวลมันทำเสน่ห์ พวกมันกับพ่อต้องการสมบัติ อยากได้ที่ดินลานเท สรุปก็คือมันยอมเสียตัวให้คุณพี่ก็เพื่อหวังทรัพย์สมบัติอย่างเดียว”
“จริงเหรอครับคุณแม่”
คุณนายศรีสอางค์อ้ำอึ้ง คาดไม่ถึงว่าสร้อยเพชรจะแต่งเรื่องได้ถึงขนาดนี้ แต่ก็ต้องตกบันไดพลอยโจนรับคำไปในที่สุด
“จ้ะๆ เรื่องเป็นอย่างที่สร้อยเพชรบอกทุกอย่าง”
“ทำไมผมถึงจำเรื่องราวไม่ได้เลยละครับ”
“ลูกประสบอุบัติเหตุขณะเดินทางกลับมาเรียนหนังสือ ทำให้ความทรงจำของลูกไม่เหมือนเดิม”
“คงเป็นเพราะคุณแม่เอาหมอมาทำพิธีถอนเสน่ห์นั่นแหละค่ะ คุณพี่เลยจำศรีนวลไม่ได้ ไม่งั้นคงกระวนกระวายกลับไปหามันอีก”
“เป็นอย่างที่สร้อยเพชรบอกเหรอครับคุณแม่”
“จ้ะๆ”
“นี่แหละค่ะ ที่พวกเราไม่อยากให้คุณพี่กลับไปที่ลานเทอีก เพราะถ้าคุณพี่ไปก็อาจโดนมันทำของใส่ หลงเสน่ห์มันอีก ครอบครัวของเราคงต้องแตกสลายแน่นอน”
“ผมชักเป็นห่วงลูกเดือนกับเกียรติกล้าซะแล้วซิครับ ไปอยู่ในที่อย่างงั้น ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง”
“ไม่ต้องกลัวเลอสรร แม่ให้พระคุ้มครองหลานๆ ติดตัวไปแล้ว”
“ผู้หญิงอย่างศรีนวล ทำเสน่ห์คุณไสยใส่คุณพี่อย่างงั้นน่ะเป็นผู้หญิงอันตราย คุณพี่อย่ากลับไปหามันอีกนะคะ”
“ใช่แล้วเลอสรร ยังไงลูกต้องเห็นใจแม่สร้อยเพชรกับลูกๆ จิตใจต้องมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปกับอดีต”
“ครับแม่”
“ขอบคุณค่ะคุณพี่”
สร้อยเพชรโผเข้ากอดเลอสรร ออดอ้อนออเซาะ

อีกด้านหนึ่งที่บ้านกำนันธง ศรีนวลกำลังล้างจานทำความสะอาดครัวอยู่กับน้อย เดือนผ่านมาเห็นจึงเข้ามาช่วย
“ให้เดือนช่วยนะคะ”
“อย่าเลยค่ะ คุณเดือนไม่ต้องช่วย ประเดี๋ยวมือจะเสีย”
“ไม่เสียหรอกค่ะ เดือนเคยทำตอนไปออกค่ายกับเพื่อนๆ”
“แต่ว่าคุณเดือนเป็นแขกของเรา”
“แขกเหรื่อที่ไหนกัน คิดซะว่าเดือนเป็นลูกเป็นหลานดีกว่า นะคะ ให้เดือนช่วย”
เดือนไม่ฟังคำทักท้วงเข้าไปช่วยศรีนวลล้างจาน
“เอ้อ...คุณเดือนกลัวมั้ย มาเที่ยวทั้งทีกลับต้องมาเจอเรื่องโจรปล้น”
“กลัวทำไม เดือนอยู่บ้านกำนัน ชาวบ้านที่นี่ก็ยิงปืนกันเก่งจะตาย ยังไงโจรก็ทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”
“ผิดคาดเลยนะคะ ตอนแรก พี่น้อยคิดว่าคุณเดือนกับน้องจะรีบเก็บข้าวของกลับกรุงเทพกันซะแล้ว”
“เดือนชอบที่นี่จะตาย นี่ถ้าไม่เกรงใจจะขอยู่เป็นลูกแม่ศรีนวลอีกคน ได้มั้ยคะ”
เดือนเข้ากอดซบศรีนวล ออเซาะ ศรีนวลรู้สึกเอ็นดู
“ได้ค่ะ ถ้าคุณเดือนไม่รังเกียจคนบ้านนอกคอกนาอย่างศรีนวล”
“ไม่รังเกียจหรอกค่ะ แม่ศรีนวลใจดี ทั้งสวย ทั้งเก่ง”
เกียรติกล้าเดินเข้ามา
“พี่เดือน มัวมาทำอะไร มาเร็ว ไปเที่ยวกัน”
“จะไปเที่ยวไหนกันคะ”
“เดือนจะไปเดินเที่ยวรอบๆ หมู่บ้านนี่แหละค่ะ แม่ศรีนวลไม่ต้องห่วง ไปนะคะ”
เดือนและเกียรติกล้าพากันเดินไป ศรีนวลมองตาม รู้สึกรักและเอ็นดูเดือนเหมือนเป็นลูกสาวของเธออีกคน

ดาวและบุญเหลือมาแอบซุ่มมองบางอย่างแถวท่าเรือ ซึ่งขณะนั้นที่ท่าเรือจ่าสมหมายมายืนทำลับๆ ล่อ ๆ เหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่
“ไอ้คนที่ชื่อระพีมันหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน เหลือแต่ไอ้เจ้าสมหมาย”
“ดูท่าทางมัน ลับๆ ล่อๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนกำลังรอใครสักคน”
“ออกไปถามให้มันรู้ดำรู้แดงกันเลยดีกว่า”
“อย่าเพิ่งซิ พี่บุญเหลือ ดูโน่น”
ดาวชี้ไปที่กลางแม่น้ำ เห็นเรือหางยาวรับจ้างกำลังแล่นเข้ามาและมีระพีนั่งมาเพียงคนเดียว
“นึกแล้วเชียวว่ามันต้องมารอไอ้ระพี”
“แสดงว่านายระพีเนี่ยะ คงจะออกไปส่งข่าวให้กับพรรคพวกของมัน”
“นึกแล้วว่ามันต้องเป็นสายตำรวจ”
“หน้าอย่างงี้ไม่ใช่ตำรวจหรอก หน้าอย่างงี้ โจรชัดๆ ไป พี่บุญเหลือ ออกไปจัดการพวกมัน”
ดาวและบุญเหลือพากันเดินออกจากที่ซ่อนตรงไปยังท่าเรือ

เรือเร็วมาจอดส่งระพีแล้วก็รีบแล่นออกไป ระพีรีบขึ้นมาที่ท่าเรือ โดยมีจ่าสมหมายมารอรับ
“โธ่ เฮีย ลุ้นแทบตายนึกว่าจะไม่มา”
“ไม่มาได้ยังไง นี่ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ที่นี่มีความเคลื่อนไหวอะไรมั่ง”
“ที่หมู่บ้านข้างๆ มีกิจการโรงมวยของเสี่ยเฮง มีชาวบ้านเข้าออกทั้งวัน ได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า เสี่ยเฮงเป็นเพื่อนกับสมิง”
“น่าสนใจ สงสัยเราสองคนคงต้องไปเที่ยวที่สนามมวยกันหน่อย แล้วฉันหายหน้าไปมีใครถามหาฉันบ้าง”
ดาวและบุญเหลือเดินออกมา
“ชั้นนี่แหละ นายหายไปไหนมานายระพี” ดาวถาม
“ที่แท้ เธอก็คิดถึงชั้น”
“บ้าซิ ชั้นแค่ถามว่านายหายไปไหน หรือว่าไปส่งข่าวให้หัวหน้าโจรของนายมาปล้นลานเท”
“กล่าวหากันง่ายๆ แบบนี้เลยนะ ไม่มากไปหน่อยเหรอ คนเรามันก็ต้องมีธุระกันบ้าง ผมน่ะมันคนหาเช้ากินค่ำ”
“งั้นก็บอกมาซิว่านายไปไหนมา”
“ไปหากู้เงินมาลงทุนใหม่ ก็ทั้งเรือทั้งสินค้าของผมมันพังป่นปี้ไปหมด คนที่ทำก็ยังไม่ยอมใช้หนี้”
“หนอย ทวงเงินเหรอ ก็ได้ เดี๋ยวชั้นจะหาเงินมาใช้หนี้นายเอง”

“เงินกงเต็กไม่เอานะ เอาเงินจริงๆ เข้าใจ๋”

ดาวหน้าหงิก หัวเสียรีบเดินหนีไป บุญเหลือรีบตาม ระพียิ้มอย่างผู้มีชัย

ที่โรงมวยเถื่อนของเสี่ยเฮง เกียรติกล้า เดือน ขจรศักดิ์ เดินเข้ามา เดือนรู้สึกอึดอัดไม่ค่อยชอบสถานที่แบบนี้
“มาแถวนี้ทำไมเกียรติกล้า พี่ว่าเรากลับกันเหอะ”
“โธ่ พี่เดือน จะรีบไปไหน กลับไปก็มีแต่ท้องไร่ท้องนา แดดก็ร้อน”
“แต่พี่ไม่ชอบมาเที่ยวที่แบบนี้เลย ยังไงก็ไม่รู้”
“ไปนั่งดูตรงโน้นกันดีกว่าพี่เดือน ประเดี๋ยวก็ชินไปเอง”
“น่า เป็นเพื่อนผมหน่อยซี่ ผมอยากดูมวย”
เกียรติกล้า ขจรศักดิ์ พาเดือนไปนั่งที่มุมหนึ่งเพื่อดูการชกมวย ซึ่งขณะนั้นนักมวยกำลังชกกันท่ามกลางเสียงเชียร์ของชาวบ้าน

เกียรติกล้าและขจรศักดิ์กำลังเชียร์มวยกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่เดือนดูเบื่อๆ ไม่ค่อยสนุกนัก สักครู่เธอจึงตัดสินใจลุกออกไป
“เกียรติกล้า เดี๋ยวพี่มานะ”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ไม่ได้สนใจเดือน ปล่อยให้เดือนลุกจากที่นั่งเดินไปยังมุมหนึ่ง
บันลือ ดำ แดง เดินเข้ามาในโรงมวย แล้วบันลือหันมาเห็นเดือนก็เกิดสนใจจึงเดินเข้ามาหา
“ไง เพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอจ๊ะ”
“เปล่า ชั้นไม่ได้ทำงานที่นี่”
“หน้าตาแบบนี้ คงเพิ่งมาจากในเมืองแหงๆ พี่บันลือ”
“มีใครจองหรือยัง มามะ มานั่งกับพี่ดีกว่า”
บันลือเข้าใจว่าเดือน เป็นพวกผู้หญิงหากินจึงฉุดมือให้ไปนั่งด้วย แต่เดือนดิ้นรนไม่ยอม
“ปล่อยนะ ชั้นไม่ไป ปล่อย”
“โธ่น้อง อย่าทำเล่นตัวไปเลย พี่บันลือเขากระเป๋าหนักนะ”
“ว่ามาเลยเท่าไหร่ เดี๋ยวจ่ายสดให้เลย”
บันลือหยิบแบงค์ร้อยออกมานับโชว์ แต่เดือนไม่สนใจรีบเดินหนี ดำและแดงเข้ามาขวาง
“จะไปไหน”
“อย่าเล่นตัวไปเลยน้อง พี่ชักรำคาญแล้วนะ” บันลือเริ่มหงุดหงิด
“ชั้นไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คุณกำลังเข้าใจชั้นผิด”
“พูดไปก็มากความ ไปหาความสุขกันดีกว่าน่ะ”
บันลือเข้ามาฉุด เดือนสะบัดแล้วตบฉาด บันลือโกรธ
“บ๊ะ ฤทธิ์มากนัก ฉุดมันเลย”
ดำและแดง เข้ามาล็อกเดือนเอาไว้ เดือนร้องเสียงดังขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยๆ”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ หันไปเห็นรีบเข้ามาหา
“เฮ้ย อะไรวะ”
“เกียรติกล้า ช่วยพี่ด้วย”
“พวกเอ็งหยุดเดี๋ยวนี้นะ รู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร”
“นี่หลานเจ้าของที่ดินนะเว้ย รู้แล้วก็รีบถอยไป อย่าให้มีเรื่อง” ขจรศักดิ์บอก
“นึกว่ากลัวเหรอ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน”
บันลือชักปืนออกมาแล้วยิงขึ้นฟ้าเปรี้ยงๆๆ คนในโรงมวยชะงักแล้วพากันวิ่งหนีวุ่นวาย เกียรติกล้าเข้าไปกระชากเดือนออกมาแล้วพาวิ่งปะปนไปกับชาวบ้าน ขจรศักดิ์วิ่งตาม
“นึกว่าจะรอดเหรอ ตามมันไป”
บันลือ ดำ แดง พากันวิ่งตามไป

เกียรติกล้าพาเดือนวิ่งหนีมาที่มุมหนึ่ง ขจรศักดิ์วิ่งตามมา ดำและแดงพากันวิ่งไล่ตาม แต่แล้วเดือนสะดุดล้มลง เกียรติกล้าหันกลับมาช่วยฉุดเดือนให้ลุกขึ้น ขจรศักดิ์เข้าไปช่วย ดำและแดง วิ่งเข้ามาถึงตัวเกียรติกล้า ขจรศักดิ์ เดือน แล้วเอาปืนมาขู่ ไม่ให้ขยับ สักครู่บันลือก็วิ่งเข้ามาถึง
“ไง คิดว่าจะหนีพี่บันลือพ้นเหรอ”
“ปล่อยพวกเราเถอะ อย่าทำอะไรพวกเราเลย”
“ไม่ต้องไปอ้อนวอนมันพี่เดือน มาเข้ามาเลย”
“แน่จริงอย่าใช้ปืนซิจ๊ะ”
“ได้เลย” บันลือเก็บปืน “ไอ้หนู”
ทั้งสองฝ่ายสู้กัน ฝ่ายเกียรติกล้าเป็นรอง กำลังจะเพรี้ยงพร้ำ ระพีและจ่าสมหมายก็เข้ามาช่วย
“เฮ้ย เก่งแต่รังแกเด็กนี่หว่า”
“เอ็งเป็นใคร”
“เป็นใครไม่สำคัญ รู้แต่ว่าชั้นกับเพื่อนไม่ชอบคนเลว”
“บ๊ะ งั้นก็สวยซิ”
บันลือ ดำ แดง เลิกสนใจเกียรติกล้า ขจรศักดิ์ และเดือน แล้วหันมาเล่นงานระพีกับจ่าสมหมายแทน
ระพีและจ่าสมหมาย ชกต่อยกับ บันลือ ดำ แดง ขณะที่เดือนเข้าไปดูเกียรติกล้าซึ่งโดนซ้อมสะบักสะบอม

ที่บ้านกำนันธง ศรีนวล ดาวและบุญเหลือนั่งคุยกัน ดาวดูเครียดกับการหาเงินใช้หนี้ระพี
“แม่มีวิธีไหนที่เราจะหาเงินได้เยอะๆ มาใช้หนี้นายระพีเสียที แล้วก็เร็วๆ ละจ๊ะแม่”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาแม่ไปแข่งลำตัดชนะก็จะได้เงินรางวัลก้อนใหญ่โขทีเดียว”
“เสียดายนะแม่ ตอนนี้เวทีลำตัดไม่ค่อยมีแข่งกันแล้ว ไม่งั้นบุญเหลือจะขึ้นไปแข่งแทนแม่เอง”
“ดาวอยากหาเงินมาใช้หนี้นายระพีเร็วๆ เหม็นหน้านายระพีจะแย่อยู่แล้ว”
น้อยวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา
“แย่แล้วๆ”
“มีอะไรน้อย”
“ชาวบ้านมาบอกว่าคุณเกียรติกล้ากับคุณเดือนไปมีเรื่องที่โรงมวย ให้พวกเรารีบไปช่วยเร็ว”
“มีเรื่องกับใคร”
“ไอ้บันลือ”

ศรีนวลหันไปคว้าปืนที่ข้างฝานำดาวและบุญเหลือ วิ่งนำออกไป

ป่าข้างโรงมวย ระพีและจ่าสมหมายกำลังต่อสู้กับบันลือ แดงและลูกน้อง ดำ แดง จับเดือนได้ ทันใดนั้นพานท้ายปืนของศรีนวลกระแทกเข้ากลางหลังมัน ดาว บุญเหลือเข้าตะลุมบอนกับพวกบันลือ ดำ แดงถอยไปหาบันลือ ซึ่งชักปืนออกมาเล็ง ศรีนวลเล็งปืนไปที่บันลือ
“หยุดนะ”
“มากันครบทีมเชียวนะศรีนวล”
“เอาซิ ถ้าคิดว่าลานเทเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน คิดจะทำอะไรก็ทำมาลองกันหน่อยก็ได้”
บันลือหันไปมองรอบ เห็นดาว บุญเหลือ ต่างก็มีปืนในมือเช่นกัน จึงรู้ว่าฝ่ายตัวเองตกเป็นรอง
“โถ...ใครจะทำอย่างงั้น ก็แค่หยอกล้อ ไม่ได้จริงจังอะไร”
“แต่การเล็งปืนมาที่คนอื่น มันข้อหาพยายามฆ่านะครับ”
“ปืนมีลูกที่ไหน ปัดโธ่ ขอกันกินมากว่านี้น่ะ อย่าถือสา...ไปเว้ยพวกเรา มีธุระ”
บันลือทำเนียนเดินออกไปพร้อมดำกับแดง ศรีนวลรีบเข้าไปหาเดือนและเกียรติกล้า
“คุณสองคนเป็นอะไรมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่เกียรติกล้าคงจะโดนไปหลายหมัดเหมือนกัน”
บุญเหลือกับจ่าสมหมายเข้าไปพยุงเกียรติกล้ากับขจรศักดิ์ ซึ่งแย่ทั้งคู่
“รีบกลับบ้านกันเถอะค่ะ เดี๋ยวศรีนวลทำแผลให้”
ทุกคนพากันเดินไป ดาวหันไปมองระพีซึ่งมีเลือดซึมออกจากปากเล็กน้อย ดาวตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนส่งให้
“อ้ะ”
“มีอะไร”
“เลือด ที่ปาก” ระพีเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ด แต่เช็ดผิด ไม่ถูกจุด ดาวรำคาญจึงแย่งผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ “ตรงนี้ นี่ๆ”
“โอ๊ยๆ เจ็บ”
“สม อ้ะๆ เอาผ้ากดไว้ เลือดจะได้หยุด”
ดาวส่งผ้าเช็ดหน้าให้ระพีแล้วรีบเดินตามคนอื่นๆ ไป ระพียืนยิ้มอย่างมีความสุขที่วันนี้ดาวมาแสดงความห่วงใยตน

เดือนกำลังนั่งทำแผลให้เกียรติกล้า ห่างออกไป ระพีและจ่าสมหมายกำลังนั่งทำแผลให้กันอยู่
“นี่ถ้าคุณระพีมาช่วยเราไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้นะ”
“คนชื่อระพีนี่เก่งชะมัด เชิงมวยเก่งกว่าพวกนักมวยจริงๆ อีกนะพี่เดือน”
“ทางที่ดีเราควรหาโอกาสขอบคุณเค้าหน่อยนะเกียรติกล้า”
“รู้แล้วน่ะ ถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่ จะบอกให้คุณปู่ตบรางวัลให้ก็ได้”
“ดูโน่นซิ ขจรศักดิ์เพื่อนรักนายมาโน่นแล้ว”
ขจรศักดิ์เดินหน้าแหยๆ เข้ามา
“แกหายไปไหนมาขจรศักดิ์”
“ก็ เอ้อ...เราหลงทางน่ะ”
“เราสองคนเกิดเรื่องเดือดร้อน ไม่รู้หรือไง”
“โธ่ พี่เดือน พอดีผมวิ่งไปคนละทางเลยหลงไปไกล กว่าจะหาทางกลับมาได้ก็แทบแย่ ขอโทษที”
“หลงทางหรือหางจุกตูด” เกียรติกล้าถามอย่างรู้ทัน
“เราเพื่อนนายนะเกียรติกล้า พูดงี้เราเสียใจนะเว้ย”
ขจรศักดิ์ทำเป็นโกรธ เกียรติกล้าหลงเชื่อเลยใจอ่อน
“เออๆ เราไม่ได้ตั้งใจ”
“ทีหลังอย่าพูดงี้อีกก็แล้วกัน เราไม่เคยทิ้งนาย นายคอยดูก็แล้วกัน ถ้าเจอไอ้พวกนั้นอีกเมื่อไหร่ น่าดู”
“แล้วพี่จะคอยดูนะ”
เดือนไม่ค่อยเชื่อขี้หน้าขจรศักดิ์นัก สักครู่ศรีนวล ดาว บุญเหลือ น้อยก็ยกสำรับกับข้าวมาวาง
“เชิญค่ะ มาทานข้าวกันได้แล้ว มื้อนี้ ถือว่าเป็นการเลี้ยงปลอบขวัญทุกคน เชิญค่ะ”
“ของคุณเดือน คุณเกียรติกล้า แยกสำรับไว้แล้วทางนี้นะคะ” ดาวบอก
“ไม่เป็นไรคะ ไม่ต้องแยก ทานด้วยกันสนุกดี” เดือนรีบบอก
“ต้องแยกสำรับครับพี่เดือน คุณแม่พี่เดือนเคยสั่งผมไว้ ไม่อยากให้พี่เดือนกับเกียรติกล้ากินสำรับรวมกับใคร ประเดี๋ยวจะเป็นโรคติดต่อ”
“นี่อย่าเอาคุณแม่มาอ้างขจรศักดิ์”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณเดือน ที่ผู้ใหญ่เตือนก็ดีแล้วค่ะ เพราะถ้าคุณสองคนไม่สบายกลับไป พวกเราคงเดือดร้อนกันทั่วหน้า”
“แต่ว่า...”
“ถึงจะคนละสำรับ แต่นั่งด้วยกันแบบนี้ก็สนุกได้เหมือนกันครับ”
บุญเหลือยิ้มให้กำลังใจเดือน ทำให้เดือนต้องเลยตามเลย ยอมกินแยกสำรับ
“แล้วนี่ ลุงกำนัน ลุงมหา น้าผู้ใหญ่หายไปไหนครับเนี่ยะ” จ่าสมหมายถามขึ้นมา
“ไปธุระกันที่อำเภอน่ะค่ะ ประเดี๋ยวค่ำๆ ก็คงจะกลับ”
ระพีตักน้ำพริกกิน แล้วซู๊ดปากด้วยความเผ็ด
“อู๊ย เผ็ดๆ” ดาวหัวเราะ
“ฮ่ะๆ ปากแตกแล้วยังไม่เจียม กินเข้าไปได้ไงน้ำพริก”
“คนปากแตกก็มีหัวใจ อยากกินของอร่อยๆ กับเค้าบ้างนะครับ”
ดาวค้อนขวับ แต่ก็ภูมิใจเพราะเธอเป็นคนทำน้ำพริกเอง
“เออ...น้ำพริกฝีมือดาว อร่อยจริงๆ ด้วย คุณเดือนลองทานซิครับ”
บุญเหลือหันไปชวนเดือนให้กินน้ำพริกแบบข้ามสำรับ เดือนลองชิมบ้าง
“ไม่ยักรู้ว่าดาวทำน้ำพริกอร่อยเหมือนกันนะ”
“ได้ครูดีน่ะ ใช่มั้ยแม่”
“จ้า ลูกศิษย์ก็เก่งเหมือนกัน”

ระพีแอบกินน้ำพริกแล้วยิ้มให้ดาว เช่นเดียวกับเดือนและบุญเหลือที่แอบมองกันไปมา ขณะที่เกียรติกล้าและขจรศักดิ์วางตัวเฉยเมย ไม่มีอารมณ์สนุกด้วย

วันต่อมาเหิม ขวด โย่ง และสมุนของสมิง 2-3 คน สำรวจกับดักสัตว์ที่วางไว้เพื่อนำมาเป็นเสบียงกัน แต่ยังไม่มีอะไรติดกับดักเลย จึงพากันเดินสำรวจไปเรื่อยๆ ห่างออกไปมเหศักดิ์และลูกน้อง 2-3 คน ซุ่มแอบมองอยู่เงียบๆ
“ส่องเลยมั้ยพี่”
“เฮ้ย...อย่า ยังไม่ถึงเวลา ปล่อยให้พวกมันล่าสัตว์ไปเรื่อยๆ ข้าต้องการจะรู้เส้นทางเข้าออกของผาช่องลม”
สายตาของมเหศักดิ์จ้องมองลูกน้องสมิงราวกับเสือร้ายที่กำลังรอให้เหยื่อติดกับ

เหิม ขวด โย่งและลูกน้องสมิง เดินมาสำรวจกับดักสัตว์ที่วางไว้หลายต่อหลายอัน แต่ปรากฏว่าไม่มีเลยจึงเริ่มรู้สึกแปลกใจ
“เฮ้ย...อะไรวะ ใจคอวันนี้จะดักอะไรไม่ได้เลยหรือไงวะ”
“นั่นซิ มันแปลกๆ อยู่นะ มันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนี่พี่”
“ทุกทีถ้าวางกับดักแถวนี้ มันต้องได้กวางไม่ต่ำกว่า 2-3 ตัวนะ”
“หรือว่าเมื่อคืนมีเสือผ่านมาแถวนี้”
“ถ้ามีเสือก็ต้องเห็นรอยเท้าซิวะ มีใครเห็นรอยเสือบ้างหรือเปล่า” เหิมถามลูกน้อง ลูกน้องทุกคนส่ายหน้า
“เมื่อคืน มันต้องมีตัวอะไรสักอย่างอยู่แถวนี้ ไม่งั้นกวางมันไม่หายหน้าหายตาไปแล้วนี้แน่”
ทุกคนมองสำรวจไปรอบๆ เพื่อหาความผิดปกติ เหิมรู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ที่พุ่มไม้ จึงส่งสัญญาณให้ทุกคนตีโอบล้อมเพื่อจัดการ
ขวด เหิมและลูกน้องพากันตีโอบล้อมมาแล้วพุ่งเข้าไปเตรียมยิง แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่พบอะไร
“มันหายไปไหนวะ”
“เมื่อกี้พี่เห็นอะไร”
“มันเหมือนมีใครซุ่มมองพวกเราอยู่แถวนี้ สงสัยคงจะตาฝาด”
เหิม ขวด โย่งและพวกพากันเดินออกไป ที่มุมหนึ่งใกล้ๆ พุ่มไม้ มเหศักดิ์กับพวกแอบซุ่มอยู่ มเหศักดิ์สั่งให้ลูกน้องพากันแอบตามไป

เหิม ขวด โย่งและลูกน้องพากันเดินมายังทางเข้าผาช่องลม แต่ก่อนที่จะเข้าไป ทุกคนพากันมองสำรวจซ้ายขวาเพื่อความรอบครอบว่าไม่มีคนติดตามแล้ว เมื่อแน่ใจทุกคนก็พากันแทรกตัวเข้าไปยังพุ่มไม้ซึ่งมีช่องเล็กๆ แล้วหายไป
มเหศักดิ์และลูกน้องพากันติดตามมา แต่ทุกคนรู้สึกงุนงงเนื่องจากไม่รู้ว่ากลุ่มของเหิม ขวดและพวกหายไปไหน
“อะไรวะ มันหายไปไหนแล้ว”
“รอยเท้ามันไปทางนี้ครับพี่”
มเหศักดิ์เดินสำรวจเพื่อหาทางเข้า
“มันต้องมีทางลับอยู่แถวนี้ กระจายกันสำรวจเร็ว”
ทุกคนช่วยกันแกะรอยหาทางเข้าผาช่องลม จนกระทั่งมเหศักดิ์เดินมาหยุดที่พุ่มไม้ที่น่าสงสัย
“รอยเท้ามันหายไปในนี้ พวกเอ็งตามข้ามา”
มเหศักดิ์เดินนำทุกคนเข้าไปยังพุ่มไม้แล้วหายไป

ที่บริเวณผาช่องลม มเหศักดิ์เดินนำลูกน้องเข้ามา แล้วสักครู่เมื่อได้ยินพวกของสมิงเดินมา มเหศักดิ์รีบให้สัญญาณลูกน้องให้หาที่ซ่อนตัว ศรีไพรเดินคุยมากับเหิม ขวดและโย่ง
“เป็นไปไม่ได้ ป่าแถวนี้สัตว์ป่าชุกชุม ถ้าไม่ได้กวางก็ต้องได้หมูป่า ไม่อย่างน้อยก็ต้องไก่ป่าติดมือมาบ้างซิ”
“แต่วันนี้มันแปลกจริงๆ ศรีไพร กับดักของเราดักอะไรไม่ได้เลย”
“ชั้นสงสัยว่า ต้องมีพวกนายพรานมาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างนอก พวกสัตว์มันแปลกกลิ่นก็เลยพากันหนี”
“แน่ใจเหรอว่านายพราน”
“แต่ไม่ใช่เสือแน่นอน บนพื้นไม่มีร่องรอยอะไรเลย”
“ฉันกลัวจะเป็นไอ้โจรพวกที่เราเจอครั้งที่แล้วน่ะซิ”
“พวกไอ้มเหศักดิ์”
“ใช่ มันอาจจะกำลังหาช่องทางเข้ามาที่นี่ ต่อไปให้พวกเราวางเวรยามให้ถี่กว่าเดิม ใครแปลกหน้าก็ยิงทิ้งได้เลย”
“แล้วเรื่องเสบียงทำไงดีล่ะ”
“เอางี้ พี่โย่ง ออกไปที่หมู่บ้านไปหาซื้อเสบียงแล้วหาที่ซ่อนไว้ก่อน บ่ายๆ ชั้นจะให้คนไปขนมา”
“แต่โย่งไม่อยากไปเลย”
“พี่โย่งไปน่ะเหมาะสุดแล้ว เพราะไม่มีใครสงสัย ถ้าเป็นคนอื่นแปลกหน้าไป เดี๋ยวเป็นเรื่อง”
“เงินล่ะ”
“ตามมา จะไปหยิบเงินในถ้ำให้”
“งั้นพี่กับไอ้ขวด แยกไปจัดเวรยามนะ”
“จ้ะ”

ศรีไพรแยกไปกับโย่ง เหิม ขวดพากันแยกไปอีกทาง มเหศักดิ์และพวกออกจากที่ซ่อน มเหศักดิ์รีบสะกดรอยตามศรีไพรและโย่งไป

อ่านต่อเวลา 17.00น.

เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 5 (ต่อ)

ศรีไพรและโย่งพากันเดินมายังถ้ำ ซึ่งเสือเฮี้ยนและลูกน้องนั่งเฝ้าอยู่ ในถ้ำเห็นหีบใส่ทรัพย์สมบัติมากมายถูกวางเรียงรายเอาไว้
“มีอะไรศรีไพร”
“มาเบิกเงินจ้ะพ่อ  จะให้พี่โย่งไปซื้อเสบียงในหมู่บ้าน”
“เฮ้ย...ไปเอาหีบเงินมา”
เสือเฮี้ยนหันไปสั่งลูกน้องให้ไปหยิบหีบเงินในถ้ำ ลูกน้องสองคนก็ช่วยกันยกหีบที่หนักอึ้งออกมาวาง เสือเฮี้ยนก้มลงเปิดหีบออกมา แต่ปรากฏว่าเป็นหีบใส่ทองแท่งและเพชรนิลจินดามากมาย มเหศักดิ์และพวกแอบมองอยู่มุมหนึ่ง ตาลุกวาว 
“ผิดหีบ บอกว่าไปเอาหีบเงิน ไม่ใช่หีบทอง เอาไปเปลี่ยน”
ลูกน้องสองคนช่วยกันยกหีบทองไปเปลี่ยน 
“เงินทองเยอะแบบนี้ ชั้นเองก็ยังหยิบไม่ถูกเลยนะพ่อ”
“ให้พวกมันยกซะให้เข็ด บอกให้ทำเครื่องหมายไว้ดันไม่ยอมทำกันเอง”
ลูกน้องสองคนยกหีบใส่เงินออกมาวาง เสือเฮี้ยนก้มเปิดออกแล้วหยิบเงินส่งให้โย่ง
“อ้ะ  แค่นี้พอมั๊ย”
“พอจ้ะ”
“เวลาซื้อเสบียงเยอะๆ  อย่าให้ใครสงสัยนะ  ถ้าชาวบ้านถามก็บอกจะซื้อไปขายต่อ”
“จ้ะๆ  ไม่ต้องห่วง  ชั้นไปละนะ”
โย่งเดินออกไป   
“พ่อ งั้นเดี๋ยวชั้นเข้าไปช่วยทำเครื่องหมายที่หีบให้นะ จะได้ไม่สับสนว่าหีบไหนใส่เงิน  หีบไหนใส่ทอง”
“ดีเหมือนกัน  พวกเอ็งไปช่วยศรีไพรมันด้วย”
เสือเฮี้ยน  ศรีไพรและลูกน้องพากันเดินไปทำเครื่องหมายตามหีบต่างๆ ในถ้ำ แต่แล้วศรีไพรหันมาเห็น มเหศักดิ์และพวกซึ่งโผล่มาแอบมองจึงร้องโวยวาย
“นั่นใคร”
มเหศักดิ์และลูกน้องรีบหลบแล้วหาทางหนี   
“เฮ้ย หยุด”
เสือเฮี้ยน ศรีไพรและลูกน้องยิงไล่หลัง          
 
มเหศักดิ์ ลูกน้องพากันวิ่งหนีออกจากผาช่องลมแล้วพากันวิ่งหนีไปในป่า เสือเฮี้ยน  ศรีไพร ลูกน้องพากันวิ่งไล่ยิง แต่ก็โดนมเหศักดิ์ยิงสวนกลับเป็นระยะ สมิง เหิม ขวดและลูกน้องอื่นๆ พากันเข้ามาสมทบกับเสือเฮี้ยน
“มีอะไรเสือเฮี้ยน”
“มีคนบุกรุก”
“พวกมันเห็นถ้ำสมบัติของเราแล้ว”
“มันหลุดเข้ามาในผาช่องลมได้ยังไง”
“คงจะสะกดรอยตามตอนที่เราออกมาหาเสบียง” เหิมบอก
“ยิงทิ้งให้หมด อย่าให้หนีรอด”
สมิงบุกเดี่ยว ตรงไปยังจุดซ่อนตัวของผู้บุกรุกอย่างไม่กลัวตาย       
 
มเหศักดิ์และลูกน้อง ช่วยกันยิงสกัด ไม่ยอมให้สมิงกับพวกบุกเข้ามาได้โดยง่าย  มเหศักดิ์เขม่นมองสมิงอย่างโกรธแค้น
“ในที่สุดเอ็งก็ปรากฏตัว ไอ้สมิง”
มเหศักดิ์หาโอกาสเล็งยิงใส่สมิง  แต่โอกาสไม่เหมาะ เนื่องจากสมิงหลบเข้าที่กำบัง ศรีไพรพยายามวิ่งเข้ามาหาสมิง  มเหศักดิ์จึงเล็งยิงใส่ศรีไพร ศรีไพรตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากจุดที่เธอหมอบอยู่นั้นไม่มีที่กำบัง  สมิงเห็นศรีไพรอยู่ในอันตรายจึงออกจากที่ซ่อนแล้ววิ่งไปช่วยดึงศรีไพรให้ไปยังต้นไม้ใกล้ที่สุด จนทำให้สมิงโดนกระสุนล้มลงไป   
มเหศักดิ์กะจะยิงซ้ำ แต่เสือเฮี้ยนและพวกคนที่เหลือเข้ามาช่วย ทำให้มเหศักดิ์ต้องล่าถอยไปขณะที่ลูกน้องมเหศักดิ์ถูกยิงตายหมด  
 
ศพของลูกน้องมเหศักดิ์นอนตายเกลื่อน เหิม ขวด เสือเฮี้ยนและลูกน้องช่วยกันเดินสำรวจ  ริบปืน อาวุธต่างๆ  
ศรีไพรกำลังเอาสมุนไพรมาห้ามเลือดสมิงซึ่งโดนยิงที่แขน  สักครู่เสือเฮี้ยนและคนอื่นๆ ก็เข้ามาหาสมิง
“พวกมันเป็นใคร”
“ลูกน้องเก่าของเสือมเหศักดิ์”
“ไอ้คนที่หนีไป น่าจะเป็นไอ้มเหศักดิ์”
“มันรู้ทางเข้าออกผาช่องลมแล้ว จะทำยังไงกันดี”
“ปิดทางเข้าออกซะ  แล้วทำทางกันใหม่”
“สมิงสั่งงาน ทั้งที่เลือดยังคงไหลออกจากแผลที่โดนยิง”
“สมิงไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าจัดการเองได้ ศรีไพรเอ็งรีบเอาสมิงไปทำแผลเร็ว” เสือเฮี้ยนบอก
“แผลแค่นี้ ไม่เป็นไร”
“อย่าดื้อซิ ตามศรีไพรมาเร็ว”
ศรีไพรดึงสมิงออกไป ปล่อยให้เสือเฮี้ยน เหิม ขวดและลูกน้องสำรวจพื้นที่หาทางปิดทางเข้าออก  
 
ศรีไพรกำลังนั่งทำแผลให้สมิง โดยที่สมิงนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ  ขณะที่ศรีไพรแอบมองสมิงแล้วแอบเขินอายที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน
“เจ็บมั๊ย”
“ตามสบาย  แค่นี้ยังไม่เรียกว่าเจ็บหรอก”
“อวดเก่ง  นี่แน่ะ”
ศรีไพรหมั่นไส้จึงจิ้มแผลไปแรงๆ  ทำให้สมิงเม้มปาก  หันมามอง  ใบหน้าของสมิงหันมากระทบหน้าศรีไพร   ทำให้ศรีไพรหน้าแดง อึ้ง สบตามองสมิงนิ่ง  สมิงหันไปมองที่อื่นขณะที่ศรีไพรเริ่มงอน 
“เสร็จ”

ศรีไพรลุกขึ้นหันเดินไป  แต่แล้วกลับไปสะดุดท่อนไม้ทำท่าจะเซล้ม สมิงรีบเข้ามาประคองรับ  ศรีไพรคว้าตัวสมิงเอาไว้  แล้วทั้งคู่ก็ล้มลงตัวทับกันอยู่  สมิงจะลุกขึ้นแต่ศรีไพรดึงสมิงเอาไว้
“สมิง”
“มีอะไร”
ศรีไพรดึงสมิงให้ใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ  แล้วศรีไพรก็เริ่มจูบสมิง  สมิงเคลิ้มไปชั่วขณะ  แต่สักครู่ก็รู้สึกตัว รีบสะบัดออกมา
“ทำไมล่ะ สมิง”
“อย่าทำแบบนี้อีก”
“สมิงรังเกียจศรีไพรเหรอ”
“เปล่า แต่สมิงขอร้อง  ศรีไพรอย่าทำแบบนี้อีกเด็ดขาด”
สมิงลุกขึ้นเดินหนีไป  ขณะที่ศรีไพร รู้สึกอับอายที่สมิงทำราวกับว่ารังเกียจเธอ และทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงหน้าด้าน   
“บ้า สมิงบ้า  ชั้นเกลียดๆๆ  สมิง”
ศรีไพรโกรธจัด ไม่รู้จะระบายอารมณ์ยังไง จึงหยิบมีดพกออกมาแล้วปาออกไปเพื่อเป็นการระบาย มีดพกของศรีไพรลอยไปปักต้นไม้อย่างแม่นยำ 
 
เสือเฮี้ยน ขวด เหิมและลูกน้องพากันเดินมาหาสมิง  ซึ่งกำลังหยิบปืนขึ้นมาเตรียมบรรจุกระสุน  
“พวกเราทำลายทางเข้าออกเก่าเรียบร้อยแล้ว  ต่อไปจะไม่มีใครจำได้อีกแน่นอน”
“ขอบใจทุกคน”
“นั่นสมิงจะไปไหน”
“เข้ากรุงเทพฯ”
“คงไม่ได้ไปเที่ยว”
“สมิงมีบัญชีแค้นที่จะต้องสะสาง”
ศรีไพรเดินเข้ามา  ท่าทางเธอสงบขึ้นหลังจากระบายอารมณ์มาแล้ว 
“ศรีไพรขอไปด้วย” สมิงหันมามอง 
“ความแค้นของสมิง  สมิงจัดการเองได้”
“ถ้าไม่ให้ศรีไพรไป ก็เท่ากับสมิงไม่ให้เกียรติ”
“ใช่สมิง  ความแค้นของชั้นกับลูก สมิงคอยช่วยเหลือ นี่ความแค้นของสมิง  สมิงไม่ควรปฏิเสธความช่วยเหลือจากเรา ให้ศรีไพรมันไปด้วยเถอะ ส่วนผาช่องลมข้าจะคอยดูแลให้”
สมิงไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เสือเฮี้ยนพูดได้  
 
วันต่อมาที่ลานหน้าบ้านกำนันธง ดาวกำลังชกลม  ซ้อมเตะ  ต่อย โดยให้บุญเหลือคอยถือเป้าเป็นพี่เลี้ยงให้  ศรีนวลผ่านมาเห็นจึงเข้ามาหา
“วันนี้ฟิตอะไร  มาซ้อมมวยกันแต่วันเชียว”
บุญเหลือมัวแต่หันไปมองศรีนวล ทำให้เผลอไม่ยกเป้าขึ้นมา ดาวเตะเปรี้ยงเสยเข้าให้ บุญเหลือล้มลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้น
“โอ๊ย ไอ้ดาว นี่กะจะฆ่าพี่ให้ตายเลยหรือไง”
“โทษที  พี่บุญเหลือ  ทีหลังอย่าเผลออีกซิจ้ะ”
“เท้าหนักเป็นบ้าเลยแม่ โอ๊ย”
ดาวเข้ามาช่วยพยุงบุญเหลือขึ้นมา  
“มาซ้อมมวยกันแต่วันแบบนี้  ทำเหมือนยังกับจะไปแข่งชกมวยที่ไหน”
“จ้ะแม่ ดาวกะว่าจะฟิตร่างกายขึ้นเวทีมวยอาทิตย์หน้า”
“ดาวมันกะจะชกมวยหาเงินใช้หนี้นายระพีน่ะแม่”
“จะดีเหรอดาว ขึ้นเวทีชกมวยแบบนี้ ดาวบาดเจ็บได้นะลูก”
“แต่ถ้าไม่ชกมวย  ดาวก็หาเงินไปใช้หนี้ไม่ได้ซักที ดาวรอไม่ไหวน่ะแม่”
“ขนาดผมจะขอขึ้นเวทีชกแทน  ดาวมันก็ไม่ยอม”
“ก็เรื่องนี้ดาวเป็นคนผิด   แล้วอีกอย่าง  ดาวชกเองสะใจกว่า”
“แต่แม่ไม่อยากให้ดาวทำแบบนี้เลย”
“ไม่เป็นไรนะแม่   เชื่อใจดาวเหอะ  ดาวดูแลตัวเองได้  นะจ้ะๆ”
“ถ้างั้นประเดี๋ยวแม่ช่วยซ้อมให้เอง”
  บุญเหลือรีบหยิบเป้าล่อขึ้นมา จากนั้นศรีนวลก็เริ่มเป็นพี่เลี้ยงคอยสอนดาวให้เตะ ต่อย 
 
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ ยืนแอบมองดาว บุญเหลือ ศรีนวลซ้อมมวยกันอยู่บนบ้าน”
“ทำเป็นซ้อมมวย นึกว่าเก่ง  นายว่ามั๊ยเกียรติกล้า”
“อืม พวกบ้านนอกคอกนา”
“หาอะไรเล่นหนุกๆ กันดีกว่า”
“ทำอะไร”
ขจรศักดิ์เข้ามากระซิบกระซาบข้างหูเกียรติกล้าวางแผนกัน เดือนเดินออกมาจากห้อง รู้สึกผิดสังเกต
“คุยอะไรกันน่ะ”
“ยุ่งน่ะพี่เดือน”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์รีบลงจากบ้านไป เดือนมองตามสงสัย แล้วหันไปเห็นการซ้อมมวยของศรีนวลกับดาว จึงนึกสนุก
“แม่ศรีนวลเก่งจัง”

เดือนเดินลงไปที่จุดซ้อมมวย

เดือนเดินเข้ามาหาศรีนวล ดาว และบุญเหลือซึ่งซ้อมมวยกันอยู่
“น่าสนุกจัง ให้เดือนเล่นด้วยคนนะคะ”
“ซ้อมมวยต้องจริงจังนะคุณเดือน เล่นๆ ไม่ได้”
“เดือนพูดผิดน่ะ ขอฝึกด้วยคนนะคะแม่ศรีนวล”
“แต่มันเหนื่อยนะคะ แล้วอีกอย่างคุณเดือนอาจจะบาดเจ็บได้”
“ฝึกแบบเบาๆ ก่อนก็ได้นี่แม่ อย่างน้อยคุณเดือนจะได้มีวิชาติดตัวไว้บ้าง” ดาวบอก
“จริงค่ะ เดือนอยากเก่งเหมือนดาว เวลาโดนรังแกจะได้ป้องกันตัวได้”
“ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นคุณเดือนฝึกกับ...”
“ผมฝึกให้เองครับแม่ แม่ซ้อมให้ดาวดีแล้ว” บุญเหลือรีบบอก
“จ้ะ ยังไงบุญเหลือก็ฝึกเบาๆ หน่อยนะ”
“ไม่มีปัญหา”
บุญเหลือเริ่มฝึกมวยให้เดือน และแอบยิ้มให้กันและกัน ขณะที่ดาวและศรีนวล ฝึกด้วยกัน

เกียรติกล้าเดินมาซุ่มแอบมองการซ้อมมวยอยู่มุมหนึ่ง ไม่ค่อยชอบใจที่เห็นเดือนเข้าไปร่วมฝึกมวยด้วย
“พี่เดือนนะพี่เดือน อยู่เฉยๆ ไม่เป็นหรือไง”
ขจรศักดิ์ ซึ่งแอบไปหยิบหนังสติ๊กจากใต้ถุนบ้านพร้อมกระสุน มาส่งให้เกียรติกล้าคนละอัน
“อ้ะ คนละอัน นี่กระสุน”
“นายดูโน่นซิ เห็นมั๊ย พี่เดือนเข้าไปซ้อมมวยกับพวกโน้นด้วย”
“ก็อย่ายิงพี่เดือนซิ ยิงเฉพาะนังดาวแล้วก็ไอ้บุญเหลือ ดูซิ เห็นมั๊ย มันเล่นหูเล่นตากับพี่เดือนของนายด้วย”
“หนอย...คิดจะจีบพี่เดือน”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ เริ่มเล็งแล้วยิงหนังสติ๊กไป แต่ส่วนใหญ่จะพลาดเป้า

กระสุนจากหนังสติ๊กยิงมาถูกบุญเหลือ ทำให้บุญเหลือชะงัก
“โอ๊ย”
“เป็นอะไร”
“ไม่รู้อะไรเหมือนกัน”
สักครู่เดือนก็โดนยิงเช่นกัน
“โอ๊ย”
“ใครยิง”
“กระสุนมาจากทางโน้น”
ทุกคนพากันวิ่งตรงไปยังมุมซึ่งเกียรติกล้าและขจรศักดิ์อยู่ แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบใคร
“หายไปแล้ว แม่ เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย”
“ใครกันนะ เล่นบ้าๆ”
“จะมีใคร”
“ดาวรู้เหรอ”
“ก็น้องคุณเดือนกับเพื่อนนั่นแหละ”
“ดาว ถ้าหลักฐานไม่ชัด ก็อย่าพูดจาแบบนั้น” ศรีนวลบอก
“แต่หมู่บ้านเราไม่มีใครกล้าทำแบบนี้แน่นอน”
“ใช่แม่ คนที่กล้าทำอะไรห่ามๆ แบบนี้ก็มีแค่...”
“เอ้อ เดือนต้องขอโทษแทนน้องกับเพื่อนด้วยนะคะ ประเดี๋ยวถ้าเจอตัว เดือนจะลงโทษให้”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ ดาว พาคุณเดือนไปทำแผลก่อน ส่วนบุญเหลือมากับแม่”
“แม่จะไปไหนจ้ะ”
“ไปรับตา ที่ท่าเรือจ้ะ”
ดาวและเดือนพากันเดินขึ้นบ้านไป ศรีนวลและบุญเหลือเดินแยกออกไปอีกทาง ที่มุมหนึ่งเกียรติกล้าและขจรศักดิ์แอบหัวเราะกันอย่างสะใจจากนั้นก็บุ้ยใบ้ให้แอบตามศรีนวลและบุญเหลือไป

กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและลุงมหานั่งเรือโดยสารมา เมื่อเรือแวะจอดที่ท่า ทั้งหมดก็พากันขึ้นมาโดยมีข้าวของมากมายหลายอย่าง ศรีนวลและบุญเหลือ เดินมา
“เข้าเมืองเที่ยวนี้ ทำไมไปนานจังเลยจ้ะพ่อ”
“ก็ทำธุระทางราชการมั่ง ธุระส่วนตัวมั่งแหละ”
“เอ๊ะๆ ธุระส่วนตัวอะไรจ้ะตา แอบไปหาอีหนูมาหรือเปล่า”
“ไอ้ทะลึ่ง ข้าให้ลุงมหาแกพาไปหาหมอสมุนไพรมาเว้ย ไม่ได้ไปทำอย่างอื่น”
“กำนันธงกับผู้ใหญ่ต้องแกบ่นปวดหลังน่ะ ชั้นเลยพาไปบ้านหมอที่รู้จักกัน”
“นี่ดูซิ ได้ยาสมุนไพรมาเป็นหอบเลย”
“บุญเหลือเอ้ย ช่วยขนกลับไปต้มให้ตาทีนะ”
“ได้จ้ะตา ประเดี๋ยวผมจัดการเอง”
“มะข้าช่วย”
“น้าผู้ใหญ่ปวดหลัง ไม่ใช่เหรอ ไม่เอาๆ อันนี้หน้าที่คนหนุ่ม คนแก่ไม่เกี่ยว ไป ไป๊”
บุญเหลือไม่ยอมให้ใครช่วย ศรีนวลเดินออกไปกับกำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้อง
ที่มุมหนึ่ง เกียรติกล้าและขจรศักดิ์ แอบมองแล้วเล็งหนังสติ๊กยิงบุญเหลือซึ่งบัดนี้อยู่เพียงคนเดียว บุญเหลือ ถูกยิงกระโดดโหยงๆ ร้องโอ๊ย
“ใครวะ ใครยิง เก่งจริงออกมาซิวะ ออกมา” เกียรติกล้า และขจรศักดิ์ออกมาจากที่ซ่อน “แกสองคนนี่เอง”
“ไง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
บุญเหลือหงุดหงิด ตรงเข้าไปชกเปรี้ยง เกียรติกล้าล้มลง ขจรศักดิ์ แหยงๆ รีบถอยหนี
“ถือว่าหายกัน”
“เฮ้ย นี่เอ็งกล้าชกหลานเจ้าของที่ได้ยังไงวะ” ขจรศักดิ์บอก เกียรติกล้าลุกขึ้นมา
“ไอ้บุญเหลือ เอ็งตาย”

เกียรติกล้าโดดเข้าไปชกบุญเหลือ ขจรศักดิ์เข้ามาช่วยรุม แล้วจากนั้นทั้งหมดก็ชกกันแบบสองรุมหนึ่ง ทำให้ลังใส่สมุนไพรพัง เสียหาย ตกน้ำไป ไม่นานบุญเหลือก็เอาชนะได้ไม่ยาก

 
ศรีนวลและดาว ช่วยกันหาน้ำใส่ขันมาให้กำนันธง ลุงมหา ผู้ใหญ่ต้องกินแก้กระหาย
 
“กินน้ำกันก่อน มาเหนื่อยๆ”
“น้ำฝนโรยดอกมะลิจ้ะ ฝีมือแม่ศรีนวล”
“ไม่ต้องบอกก็รู้ บ้านนี้มีผู้หญิงแค่คนเดียว”
“อ้าว แล้วดาวล่ะ ลุงมหา ดาวก็ผู้หญิงนะ”
“เรอะ ไม่บอกลุงก็ดูไม่ออกเลยนึกว่าลิง”
ดาวหน้าหงิก กำนันธงหันมามอง
“ดูมันทำๆ เฮ้ย ข้ามีหลานเป็นลิงนะเว้ย ไม่ใช่เป็นจวัก”
“ตา อ้ะ”
ทุกคนหัวเราะคึกครื้นด้วยความเอ็นดูดาว สักครู่บุญเหลือก็เดินเข้ามาในสภาพมอมแมม มีรอยฟกช้ำบ้าง
“อ้าว บุญเหลือ ทำไมมอมแมมอย่างงั้นล่ะ”
“นั่นซิ แล้วพวกสมุนไพรที่ตาให้ขนล่ะ อยู่ไหน”
“คือว่า...”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์เดินเข้ามา ในสภาพใบหน้าบวมปูด
“เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ” เกียรติบอกอย่างไม่พอใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณเกียรติกล้า นั่นใครทำอะไรคุณ”
เดือนได้ยินเสียงเอะอะ จึงเดินออกมาดู
“จะมีใคร ก็ไอ้บุญเหลือนี่ไง มันทำร้ายชั้น”
“ใช่ ไม่รู้มันเป็นบ้าอะไร พอเจอหน้าพวกเรามันก็เข้ามาชก แล้วกระทืบเลย ขนาดผมจะเข้าไปห้ามก็ยังโดนไปด้วย ใช่มั้ยเกียรติกล้า”
“ใช่ ไอ้บุญเหลือมันทำร้ายชั้น ชั้นไม่ยอม”
“ไม่จริงใช่มั้ยบุญเหลือ เธอไม่ได้ทำร้ายเกียรติกล้าใช่มั๊ย” เดือนถามบุญเหลือ
“ผมทำร้ายเกียรติกล้าจริง แต่สองคนนี่เอาหนังสติ๊กมายิงผมก่อน”
“แกมีหลักฐานอะไรมาหาว่าชั้นยิงหนังสติ๊กใส่แก นี่ไง หนังสติ๊กที่ตัวชั้นกับเกียรติกล้าไม่เห็นมีเลย”
“นอกจากจะทำร้ายชั้นแล้ว แกยังใส่ร้ายป้ายสีชั้นอีก ชั้นจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
ศรีนวลเกรงเรื่องจะไปกันใหญ่ เธอจึงตัดสินใจทำบ้างอย่าง
“บุญเหลือ ขอโทษคุณเกียรติกล้ากับเพื่อนซะ”
ดาวและบุญเหลือไม่คาดคิดว่าศรีนวลจะทำแบบนี้
“แม่ ทำไมให้พี่บุญเหลือทำแบบนี้ แม่ก็รู้ว่า...”
“หยุดนะดาว แม่กำลังพูดกับบุญเหลือ”
“แต่เรื่องนี้ผมไม่ผิดนะแม่”
“แม่บอกให้ขอโทษ ได้ยินมั้ย”
บุญเหลือหันไปหากำนันธงเพื่ออยากให้กำนันธงยับยั้งคำสั่งของศรีนวล
“ตา บุญเหลือไม่ผิดนะเรื่องนี้”
“ได้ยินที่แม่เอ็งสั่งมั้ย ขอโทษหลานของท่านซะ”
“ไม่”
ศรีนวลตบหน้าบุญเหลือฉาดใหญ่
“แกกล้าขัดคำสั่งแม่ใช่มั้ย”
ดาวและบุญเหลือน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าศรีนวลจะทำแบบนี้
“ก็ได้ บุญเหลือจะทำตามที่แม่สั่ง...ชั้นขอโทษ”
“คุกเข่าด้วยซิ” ขจรศักดิ์บอก
“พอได้แล้ว บุญเหลือขอโทษแค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เกียรติกล้า เธอพาเพื่อนเธอเข้าห้องแล้วไปทำแผลซะ”
“ก็ได้พี่เดือน แต่จำไว้อย่างนะ คราวหน้าคราวหลังอย่ามากำแหงกับชั้นอีก”
เกียรติกล้าและขจรศักดิ์พากันเดินเข้าห้องไป
“เดี๋ยวชั้นไปช่วยทำแผลให้คุณเกียรติกล้านะ” ลุงมหาบอก
“เดือนต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ”
เดือนรู้สึกขายหน้าและเกรงใจเจ้าของบ้าน จึงรีบตามน้องชายและลุงมหาไป ขณะที่ดาวหันมาหาศรีนวล
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะแม่ ดาวไม่เข้าใจ ไหนแม่เคยสอนให้ดาวกับพี่บุญเหลือต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง แล้วทำไม...”
“บุญเหลือพาน้องไปที่บ้านป่าได้แล้ว ไม่จำเป็นไม่ต้องมาที่นี่อีก”
“แม่”
บุญเหลือและดาวพากันเดินลงบ้านไป ศรีนวลพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

ศรีนวลกำลังยืนร้องไห้เงียบคนเดียวในครัว แต่เมื่อเห็นกำนันธงเดินมาเธอจึงรีบปาดน้ำตาไม่อยากให้ใครเห็น
“เรื่องนี้เอ็งทำถูกแล้วศรีนวล”
“จ้ะพ่อ ชั้นยอมให้ลูกขอโทษแล้วจบเรื่องที่บ้านเรา ดีกว่าจะมีเรื่องราวใหญ่โตไปถึงพวกกรุงเทพฯ”
“ถ้ารู้ถึงหูพวกกรุงเทพฯ ไอ้บุญเหลือมันคงโดนมากกว่านี้”
ลุงมหา เดินเข้ามาสมทบ
“ไม่ต้องห่วงว่าเรื่องจะถึงหูที่กรุงเทพฯนะ ตอนนี้คุณเดือน แกกำลังช่วยเกลี้ยกล่อมไม่ให้คุณเกียรติกล้าเอาเรื่องไปฟ้องคุณท่านอยู่”
“ไอ้คนของเรามันคงไม่เข้าใจหรอกนะว่า ตากับแม่มันกำลังปกป้องมันอยู่”
“คงต้องปล่อยให้เข้าใจผิดไปก่อนนะพ่อ หวังว่าสักวันพวกเขาก็จะรู้เอง”

ศรีนวลพยายามตัดใจจากความเศร้า คิดหวังว่าสักวันดาวและบุญเหลือจะเข้าใจเรื่องนี้

จบตอนที่ 5

อ่านต่อตอนที่ 6 เวลา 17.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น