นางร้ายสายลับ ตอนที่ 5
ขณะที่สุรีกานต์เข้ามาในร้านอาหารหย่อนก้นลงนั่ง พลอยนิลโวยใส่ทันที
“แกผิดสัญญา”
“ฉันขอโทษที่ลืมโทรหาแก ฉันยุ่งมากจริงๆ”
“ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัว”
“ก็ได้ แกมีอะไรก็ว่ามา”
“ธานยังไม่หายโกรธฉันเลยยิ่งพอมีข่าวบ้าๆ เรื่องธานกับนังเด็กแก้วนรกนั่นออกมา ความรักของเราก็เหมือนจะยิ่งเลวร้ายลงไปทุกที”
“ถ้าฉันบอกว่าผู้ชายคนนี้เลวมากแกจะเชื่อฉันมั้ย เขาไม่เคยจริงใจกับแกเลยนะ”
พลอยนิลไม่พอใจ
“เลิกใส่ร้ายเขาซะทีน่า แกมีอคติกับเค้ามากกว่า ธานเลยไม่มีอะไรดีสักอย่างในสายตาแก”
สุรีกานต์อ่อนใจ
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน แกลองหาทางพิสูจน์ดูละกันนะว่าผู้ชายคนนี้จริงใจกับแกแค่ไหน ฉันเชื่อว่าถ้าแกหาวิธีลองใจเขาได้สำเร็จ แกจะพบคำตอบอย่างแน่นอนว่าเขารักแกจริงๆ รึเปล่า”
พลอยนิลหน้านิ่ง แอบเก็บคำพูดสุรีกานต์ไปคิด
ค่ำนั้น กอบแก้วนั่งเปิดนิตยสารอยู่ที่โซฟา กวินเดินเข้าบ้านมาหันมาเห็นก็เดินเข้าไปหาแม่
“ยังไม่นอนอีกเหรอครับคุณแม่”
“แม่ก็รอวินน่ะสิ ตกลงเรื่องงานมูลนิธิ ว่าไง วินมีเวลาไปช่วยงานแม่หรือเปล่า”
“ถึงมีคิวอะไร สำคัญแค่ไหนผมก็ต้องเคลียร์ให้หมดเพื่ออยู่ช่วยงานคุณแม่อยู่แล้วครับ”
“ดีมาก สมกับเป็นลูกชายประธานมูลนิธิจริงๆ เลย”
กวินยิ้ม เข้าไปโอบกอดแม่อ้อนๆ
“งั้นงานนี้ผมขอชวนเพื่อนไปด้วยคนนึงนะครับ”
กอบแก้วมองจับผิด
“เอ เพื่อนคนนี้พิเศษกว่าเพื่อนคนอื่นหรือเปล่าน้า”
กวินได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบคำถามแม่
บรรยากาศงานปาร์ตี้ริมสระน้ำเป็นไปอย่างสนุกสนานคึกคัก เนธานกับกลุ่มเพื่อนนายแบบนางแบบต่างชาตินั่งดื่มเฮฮากันอยู่ที่โต๊ะริมสระว่ายน้ำ หันไปเห็นเพื่อนนายแบบลูกครึ่งที่ซุ้มบาร์เหล้า ก็ลุกเดินเข้าไปหา ทั้งคู่มองกันด้วย สายตามีเลศนัย เนธานส่งซองสีน้ำตาลให้กับนายแบบลูกครึ่งคนนั้น แล้วรับซองยาเล็กๆ จากนายแบบลูกครึ่งมาใส่ถุงเสื้อเอาไว้ สองคนยิ้มให้กันอย่างพอใจ แล้วเดินแยกจากกัน เนธานหันหลังจะกลับมานั่งที่โต๊ะเดิม แต่กลับเจอแก้วดาราที่ยืนสวยเซ็กซี่อยู่ตรงหน้าเสียก่อน
เนธานกับแก้วดาราคลอเคลียกันอยู่บนโซฟา เสียงโทรศัพท์มือถือของเนธานดังขัดจังหวะขึ้น ทั้งคู่เสียอารมณ์ เห็นหน้าจอโชว์ชื่อพลอยนิลก็รีบกดตัดสายหันกลับไปคลอเคลียแก้วดาราต่อ แก้วดาราแอบยิ้มสะใจ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แก้วดาราเริ่มขัดใจ
“อย่าไปสนใจเลย ปล่อยให้ดังไปอย่างนั้นแหละ” เนธานบอก
เสียงโทรศัพท์มือถือดังจนหยุดไป กลายเป็นเสียงวอตแอ๊บแทน เนธานชะงักเล็กน้อย หยิบมากดดู หน้าจอมือถือเนธาน เห็นข้อความของพลอยนิลที่ส่งมา
“ตอนนี้นิลอยู่โรงพยาบาล อยากพบธานเป็นครั้งสุดท้ายค่ะ”
เนธานตกใจนิดๆ
“เอ่อ ขอโทษนะแก้ว พอดีผมมีธุระด่วนเรื่องงานต้องรีบไป”
แก้วดารไม่เชื่อ
“ถ้าเห็นงานสำคัญกว่าแก้ว ก็เชิญตามสบายเลยค่ะ”
เนธานจุ๊บแก้มแก้วดารา
“ผมขอแก้ตัววันหลังนะ ผมไปล่ะ”
เนธานรีบลุกไปทันที แก้วดาราขัดใจ
“อีแก่ ให้มันรู้ไปสิว่าแกจะเด็ดกว่าฉัน ฮึ่ย”
ในห้องพิเศษโรงพยาบาล...พี่บีมองพลอยนิลที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้อย่างอ่อนใจ
“ลงทุนทำถึงขนาดนี้จะดีเหรอคะน้องนิล”
“พี่บีเลิกถามนิลซะทีจะได้มั้ยคะ นิลฟังคำถามนี้มาไม่รู้กี่รอบแล้ว”
“แต่พี่ว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกเลยนะคะ”
“นิลก็แค่อยากลองใจธานว่า เขารักแล้วแคร์นิลมากแค่ไหนก็เท่านั้นเอง”
“พิสูจน์แค่นี้มันทำให้เรารู้ใจคนไม่ได้หรอกนะคะน้องนิล การจะมองคน เราต้องมองให้ยาวๆ มันถึง…”
พลอยนิลเบือนหน้าไปทางอื่นไม่อยากฟัง พี่บีได้แต่มองอย่างอ่อนใจ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พลอยนิลรีบหันไปมองที่ประตู มั่นใจว่าเป็นเนธาน
“เห็นมั้ย นิลบอกแล้วว่าธานต้องมา”
เนธานเปิดประตูห้องเข้ามารีบเดินเข้ามาหาพลอยนิลที่เตียงคนไข้ พี่บีถอยไปยืนมองห่างๆ พลอยนิลดีใจ คว้ามือเนธานมากุมไว้
“นิลคิดแล้วว่าธานต้องมา แล้วนิลก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ทุกอย่างพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นิลรักคนไม่ผิด”
เนธานงงๆ
“คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ แล้วนี่คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ธาน นิลขอโทษสำหรับคำพูดของนิลที่ทำให้ธานเสียใจ นิลสัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่พูดแบบนั้นอีก ขอให้เรากลับมาคืนดีกันเหมือนเดิมเถอะนะคะ”
เนธานอ่อนลง แต่ก็ยังตั้งแง่ไม่ยอมคืนดีด้วยง่ายๆ
“คำขอโทษอาจทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ แต่ความเสียใจ ทำยังไงมันก็ล้างไม่หมดหรอกนิล”
พลอยนิลชูกุญแจรถขึ้นมาตรงหน้า เนธานมองกุญแจรถตาเป็นประกาย
“แล้วกุญแจรถสปอร์ตคันนี้ ที่ธานเคยบอกว่าอยากได้ล่ะคะ พอจะทำให้เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า”
เนธานดีใจ ตาวาว
“นิล”
“นี่คือของขวัญแทนคำขอโทษจากนิลค่ะ”
เนธานรีบเข้าไปกอดเอาใจ
“ที่รัก ผมรักคุณที่สุดเลย”
พี่บีได้แต่มองดูพลอยนิลกับเนธาน อย่างกลัดกลุ้มใจ
สุรีกานต์เดินหาของบางอย่าง ไปทั่วห้องแต่ก็หาไม่เจอ
“เอ มันหายไปไหนนะ”
เสียงโทรศัพท์มือถือสุรีกานต์ดังขึ้น เธอเดินไปหยิบ เห็นเบอร์กวินแล้วก็ยิ้มดีใจ
“ค่ะคุณวิน”
กวินยืนคุยโทรศัพท์อยู่ริมสระว่ายน้ำที่บ้าน
“เห็นว่าพรุ่งนี้คุณโซ่ไม่มีคิวถ่ายละคร ผมเลยอยากจะชวนคุณโซ่ไปทำบุญด้วยกันน่ะครับ”
“ทำบุญเหรอคะ”
“ครับ เป็นงานประมูลผลงานของเด็กๆ จากมูลนิธิสานสุขน่ะครับ แค่ร่วมประมูลของเพียงหนึ่งชิ้น ก็ถือว่าได้ร่วมสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ในมูลนิธิแล้วล่ะครับ”
“ว้าว ดีจังเลยค่ะ ปกติโซ่ก็ร่วมเงินบริจาคเงินช่วยเหลือมูลนิธิสานสุขอยู่แล้วทุกปี”
“จริงเหรอครับเนี่ย โห คุณโซ่นี่ใจดีจริงๆ เลยนะครับ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ พอดีตอนเรียนมหาวิทยาลัย โซ่กับเพื่อนๆ เคยมีโอกาสไปเยี่ยมเด็กๆ ที่มูลนิธิน่ะค่ะ เห็นถึงความตั้งใจของพวกเขาที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ เลยอยากจะเป็นอีกหนึ่งกำลังให้กับพวกเขาก็เลยร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับมูลนิธิมาตั้งแต่นั้นน่ะค่ะ”
“แบบนี้ผมก็ชวนถูกคนแล้วนะสิครับเนี่ย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมไปรับคุณโซ่นะครับ”
สุรีกานต์ทำท่าจะรับปาก แต่นึกขึ้นได้เสียก่อน
“พรุ่งนี้เป็นวันพฤหัส อีตาสารวัตรนั่นจะเรียกใช้งานเรารึเปล่านะ”
“ว่าไงครับคุณโซ่”
“อ๋อ โซ่ตามไปเองดีกว่าค่ะ พอดีว่าต้องแวะไปทำธุระก่อนน่ะค่ะ”
ในเซฟเฮาส์ทีมเดอะซัน...จ่ายมกับอัศวินนั่งดูฟุตบอลกันอยู่ที่โซฟา บนโต๊ะมีถ้วยบะหมี่ กล่องอาหารที่ทานหมดแล้ววางกองอยู่ นฤเบศเดินเซ็งๆ เข้ามาถือแฟ้มบทละครมาด้วย จ่ายมหันไปเห็น
“อ้าว สารวัตร กลับมาแล้วเหรอครับ”
“ไปกองละครมาเป็นไงบ้างครับ เจอดาราสาวๆ สวยๆ เพียบเลยล่ะสิ” อัศวินแหย่
นฤเบศไม่สนใจคำถามใดๆ
“ผมไม่อยู่ทั้งวัน เรื่องงานมีอะไรคืบหน้าบ้าง”
ปรีติกับประเสริฐถือถ้วยบะหมี่เดินคุยกันออกมาจากมุมกดน้ำร้อนพอดี ปรีติรีบรายงาน
“มีข้อมูลภารกิจครั้งที่แล้วจากสายลับเนปจูนส่งมาทางอีเมล์ลับเมื่อคืนครับ จากข้อมูลริชาร์ดมีธุรกิจส่งออกอุปกรณ์กีฬากอล์ฟอยู่ในหลายประเทศ แสดงให้เห็นว่าเครือข่ายของมันไม่ได้มีแต่ในประเทศไทย แต่กำลังขยายวงกว้างไปทั่วโลก”
ประเสริฐเสริม
“และธุรกิจใสสะอาดพวกนั้น ก็อาจเป็นแค่ธุรกิจฟอกเงินสกปรกของมันเท่านั้นครับ”
ปรีติรายงานต่อ
“สายลับเนปจูนยังบอกอีกว่า ที่ริชาร์ดรีบผละไปคืนนั้นก็เพราะมีใครบางคนโทรมารายงานว่าสินค้ามีปัญหา รายละเอียดทั้งหมดผมรวบรวมไว้ในแฟ้มรายงานวันนี้แล้วครับสารวัตร”
นฤเบศรับแฟ้มมาถือไว้
“ขอบคุณมากหมวด คนที่โทรมาอาจจะเป็นพ่อเลี้ยงกำธรก็ได้ สั่งสายของเราให้ตามพ่อเลี้ยงกำธรอย่าให้คลาดสายตา” นฤเบสหันไปทางอัศวิน “ยังไงผมฝากผู้กองช่วยเช็คเรื่องนี้ต่อให้ด่วนเลยนะ”
“ครับสารวัตร”
นฤเบศนั่งอ่านแฟ้มรายงาน โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขารับสาย
“มีอะไร ผมกำลังยุ่ง”
“ฉันจะโทรมาถามว่าพรุ่งนี้มีภารกิจอะไรที่ฉันต้องทำหรือเปล่า”
“งานของเราไม่มีอะไรแน่นอน คุณแสตนด์บายเตรียมพร้อมเอาไว้ก็แล้วกัน”
“ถ้าไม่มีคำตอบให้ฉันแน่นอน ฉันจะถือว่าพรุ่งไม่มีงานอะไรให้ฉันทำ”
นฤเบศยื่นมือไปจะหยิบถ้วยกาแฟเอามาดื่ม ในขณะที่ตายังอยู่ที่แฟ้มรายงาน
“เออคุณ เรื่องอีเมล์ขอบคุ…” เขาเผลอปัดถ้วยกาแฟหกลดบทละคร “เฮ้ย”
สุรีกานต์ตกใจไปด้วย
“อะไรอ่ะคุณ”
นฤเบศรีบหยิบแฟ้มบทละครขึ้นมาสะบัดๆ ดึงกระดาษมาซับ แต่ก็ไม่หายเปื้อน
“ก็บทละครของคุณ…”
เขานึกออก หยุดปากไว้ทันที
“บทละครเหรอ...อ๋อ ที่แท้ฉันก็ลืมไว้ที่คุณนี่เอง ตอนนี้คุณอยู่ไหนเนี่ย ช่วยเอามาคืนให้ฉันที่คอนโดหน่อยสิ”
นฤเบศมองรอยคราบกาแฟที่เปื้อนอย่างลำบากใจอึกอัก
“ตอนนี้เหรอ ผมไม่ว่าง เอาไว้ผมคืนให้คุณวันหลังก็แล้วกัน”
“ก็ได้ งั้นฉันนัดคุณพรุ่งนี้ค่ำๆ ก็แล้วกัน ห้ามเบี้ยว ห้ามลืมเด็ดขาดล่ะ”
นฤเบศวางสาย มองแฟ้มบทละครในมืออย่างหนักใจ โยนลงบนโต๊ะแบบเซ็งๆ เสียงจ่ายมดังมา
“เสบียงรอบดึกมาแล้วคร๊าบ บะหมี่ต้มยำน้ำข้นร้อนๆ”
นฤเบศหันไปมองตามเสียง จ่ายมเดินเข้ามาในห้อง ตรงไปวางถ้วยบะหมี่ลงบนโต๊ะแต่เพราะความซุ่มซ่าม ทำให้พลาดทำถ้วยบะหมี่หลุดมือ เทราดลงไปบนแฟ้มบทละครของสุรีกานต์แบบเต็มๆ นฤเบศลุกขึ้นพรวด มองตาค้าง เห็นถึงหายนะ จ่ายมหน้าเหวอ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจ๋อย
วันใหม่...พี่บียืนกดกริ่งอยู่นาน แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ นึกสังหรณ์ใจจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาพลอยนิล
พลอยนิลกับเนธานนอนเคียงคู่กันอยู่บนเก้าอี้ริมชายหาด พลอยนิลรับสาย
“นิลอยู่หัวหินค่ะ”
“แต่วันนี้น้องนิลต้องไปร่วมงานของมูลนิธิสานสุขนะคะ”
พลอยนิลหงุดหงิด
“ก็นิลไม่ว่างนี่คะ ธานอยากขับรถใหม่พานิลมาเที่ยว”
“แล้วงานวันนี้ล่ะคะ น้องนิลจะให้พี่ทำยังไง”
“พี่บีก็หาคนอื่นไปร่วมงานแทนนิลสิคะ ไม่เห็นจะยาก เท่านี้ก็ก่อนนะคะ พอดีนิลไม่ว่างคุย”
พลอยนิลตัดสายทันที เนธานหันมาถาม
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะค่ะ อย่าไปสนใจเลย”
แพรไหมก้มๆ เงยๆ มองดูเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงรถที่จอดเสียอยู่ข้างทางแบบเก้ๆ กังๆ ท่าทางไม่มีความรู้แต่อย่างใด
“เป็นอะไรของแกเนี่ย ทำไมต้องมาเกเรวันนี้ด้วย”
แพรไหมเงยหน้ามอมแมมขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เหลือบตามองขนมกล่องใหญ่หลายกล่องที่วางอยู่ตรงเบาะหลังของรถอย่างหงอยๆ เสียงโทรศัพท์มือถือในมือดังขึ้น แพรไหมรีบรับสายทันที
“ค่ะคุณนัฐชา อ๋อ ไหมกำลังจะถึงแล้วค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
แพรไหมวางสายหน้าเจื่อนๆ หันมองถนนสายเปลี่ยวที่ไม่มีรถผ่านทางมาแม้แต่คันเดียวอย่างสิ้นหวัง
“โทรเรียกช่างไปตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่ถึงซะทีนะ”
แพรไหมท่าทางร้อนใจ แต่จู่ๆก็ตาโตดีใจเมื่อนึกถึงใครคนหนึ่งได้ขึ้นมา รีบกดเบอร์โทรหาทันที
บรรยากาศด้านงานหน้ามีมาสคอตสัตว์น่ารักๆ นานาชนิดถือป้ายรณรงค์เรื่องยาเสพติด ใกล้กันมีโซนนิทรรศการเรื่องโทษยาเสพติดให้โทษ
รอบงานมีมาสคอตคอยแจกใบปลิวกำหนดการและรายละเอียดของงานให้ผู้ที่มาร่วมงาน
ส่วนภายในห้องจัดเลี้ยงชื่นมื่น มีกลุ่มสื่อมวลชน กระจายตัวชักภาพแขกเหรื่อมากหน้าหลายตาตามจุดต่างๆ
คุณกอบแก้วกับคณะเพื่อนฝูงยืนถ่ายภาพอยู่มุมหนึ่ง หน้าเวที มีป้ายเขียนไว้ว่า การประมูลผลงานเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดจากมูลนิธิสานสุข เก้าอี้หน้าเวทีประมูลมีแขกจับจองที่นั่งประปราย กวินกับสุรีกานต์เดินเข้างานมาด้วยกัน
“คิดว่าคุณโซ่จะไม่มาซะแล้วนะครับเนี่ย”
“รับคำชวนแล้วก็ต้องมาสิคะ” สุรีกานต์มองบรรยากาศงาน “เห็นแบบนี้แล้วก็น่าดีใจจังเลยนะคะที่มีคนสนใจมาร่วมทำบุญ หาเงินเข้ามูลนิธิกันเยอะขนาดนี้”
กวินพูดเบาๆ
“ครับ ทำบุญร่วมกัน เกิดชาติหน้าฉันใดจะได้กลับมาเจอกันอีก”
สุรีกานต์แกล้งไม่ได้ยิน
“เมื่อกี้คุณวินว่าไงนะคะ”
“อ๋อ เมื่อกี้ผมบอกว่าทำบุญกันไว้เยอะๆ เกิดชาติหน้าจะได้มีแต่ความสุขน่ะครับ”
สุรีกานต์แอบอมยิ้ม
“จริงสิ เดี๋ยวผมจะพาคุณโซ่ไปแนะนำให้รู้จักกับประธานมูลนิธิสานสุขนะครับ”
สุรีกานต์ทำหน้าแปลกใจ กวินยิ้ม
“คือ ท่านเป็นคุณแม่ผมน่ะครับ”
สุรีกานต์ยิ้มตอบ
“อ๋อ ค่ะ”
กวินกำลังนำสุรีกานต์เดินไปหากอบแก้ว แต่เสียงเชิญจากบนเวทีก็ทำให้ต้องหยุดก้าวขาเสียก่อน
“เอาล่ะค่ะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญคุณกอบแก้ว กฤษดาอภินันท์ประธานมูลนิธิสานสุขขึ้นมากล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการด้วยค่ะ”
กอบแก้วผละจากกลุ่มเพื่อนเดินขึ้นไปบนเวที กวินหันกลับมามองสุรีกานต์อย่างเสียดาย สุรีกานต์ยิ้มให้
“สงสัยตอนนี้คงไม่สะดวกแล้วล่ะค่ะคุณวิน”
นฤเบศกับแพรไหมเดินอย่างเร่งรีบมาด้วยกัน นฤเบศหิ้วกล่องขนมทั้งหมดเต็มสองมือ แพรไหมยกมือดูเวลาตลอดเวลาอย่างร้อนใจ
“เร็วๆ สิคะพี่เบศ ไหมสายแล้ว”
นฤเบศใจเย็น
“เรามาถึงที่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกไหม ยังไงก็ต้องไปทัน”
นัฐชาเดินมาพอดี ท่าทางร้อนใจ
“คุณแพรไหม”
“คุณนัฐชา”
“รีบตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”
แพรไหมกับนฤเบศรีบสาวเท้าตามนัฐชาเข้าไปในห้อง เตรียมอาหารและเครื่องดื่มบริเวณนั้น
ผลงานชิ้นที่ 5 ถูกนำขึ้นมาบนเวทีประมูล เป็นภาพวาดสีน้ำชื่อ ‘อาชีพในฝัน’ ในรูปเป็นภาพวาดตำรวจในเครื่องแบบมาดเท่ห์มีหนวดกำลังอุ้มเด็กในอ้อมแขน สุรีกานต์เห็นภาพแล้วถึงกับแอบยิ้มขำออกมาเพราะนึกไปถึงนฤเบศ
“สำหรับราคาประมูลภาพวาดความฝันของหนูชิ้นนี้อยู่ที่ 1,000 บาทค่ะ” พิธีกรดำเนินรายการประกาศ
คุณหญิงคนหนึ่งชูหมายเลขขึ้น พิธีกรขาน
“หมายเลข 5 ให้ราคามาแล้ว 20,000 บาทค่ะ”
นักธุรกิจชายคนหนึ่งยกป้าย พิธีกรขาน
“หมายเลข 19 ให้ราคามาที่ 30,000 บาทค่ะ”
สุรีกานต์มองดูการประมูลอย่างลุ้นๆ สนใจ คุณหญิง คุณนาย นักธุรกิจ ผู้ร่วมงานหญิง ชาย ยกป้ายแข่งกันอย่างรวดเร็ว ราคาพุ่งแข่งกันเรื่อยๆ คนรอบข้างรวมทั้งสุรีกานต์กับกวินมองดูการประชันราคาด้วยความตื่นเต้น ชายคนหนึ่งชูหมายเลขขึ้น พิธีกรขาน
“100,000 บาทโดยผู้ประมูลหมายเลข 5 ค่ะ”
เงียบ ไม่มีใครชูป้ายแข่ง
“100,000 บาทโดยผู้ประมูลหมายเลข 5 ครั้งที่ 1…100,000 บาทโดยผู้ประมูลหมายเลข 5 ครั้งที่ 2 …100,000 บาทโดยผู้ประมูลหมายเลข 5 ครั้งที่…”
สุรีกานต์ชูป้ายขึ้นทันที พิธีกรขาน
“200,000 บาทจากหมายเลข 1 ค่ะ”
คนในห้องประมูลรวมทั้งคุณกอบแก้วกับกลุ่มเพื่อนหันไปมองที่เบอร์ 1 ด้วยความสนใจ เกิดเสียงฮือฮา
“เอาล่ะค่ะ สรุปว่าภาพวาดอาชีพในฝัน ตกเป็นของผู้ประมูลหมายเลข 1 ในราคา 200,000 บาทค่ะ”
กอบแก้วกับกลุ่มเพื่อนมองดูอย่างแปลกใจ เพื่อนคนหนึ่งจำได้
“นั่นมันโซ่ สุรีกานต์ นางร้ายที่เอาแต่กรี๊ดๆ อยู่หน้าจอทีวีนี่คะ”
เพื่อนอีกคนเม้าท์ต่อ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจะมีมุมช่วยเหลือสังคมแบบนี้ด้วย”
กอบแก้วหันมองตาม เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
“แล้วนั่นคุณกวินลูกชายคุณพี่นี่คะ ทำไมถึงยืนอยู่ด้วยกัน”
กอบแก้วมองกวินกับสุรีกานต์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด เจ้าหน้าที่มูลนิธิเดินหน้าเครียดมาหาคุณกอบแก้ว
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะคุณกอบแก้ว เมื่อกี้คุณบีเพิ่งโทรมาบอกว่าคุณพลอยนิลตกบันไดขาแพลงไม่สามารถเดินทางมารับตำแหน่งทูตสานสุขได้แล้วค่ะ”
“ตายจริงแบบนี้แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ”
เพื่อนร้อนใจ
“นั่นน่ะสิคะ ถึงเราจะยังไม่ได้ประกาศบอกสื่อว่าทูตสานสุขปีนี้เป็นใคร แต่เราก็ต้องมีคนรับตำแหน่งนี้”
กอบแก้วนิ่งคิด
“งั้นเราคงต้องหาคนรับตำแหน่งนี้แทนพลอยนิล”
เจ้าหน้าที่หนักใจ
“แล้วเราจะหาคนมีชื่อเสียงคนไหนได้ตอนนี้กันล่ะคะ”
กอบแก้วหน้าเครียด มองไปที่กวินกับสุรีกานต์อย่างครุ่นคิด
ในห้องเตรียมของว่างเครื่องดื่ม...แพรไหมมองขนมที่วางลงในรถเข็น แล้วเจ้าหน้าที่เข็นออกไปอย่างโล่งใจ
“ขอโทษด้วยนะคะคุณนัฐชาที่ไหมมาช้า พอดีว่ารถเสียระหว่างทางน่ะค่ะ”
นัฐชายิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแพรไหม มันเป็นเหตุสุดวิสัย ดิฉันเข้าใจค่ะ”
แพรไหมหันไปยิ้มกับนฤเบศ
“งั้นถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเราขอตัวกลับก่อนนะครับ”
มุมกาแฟและบุฟเฟ่ต์ของว่างซึ่งจัดเลี้ยงในงาน...กวินกับสุรีกานต์เดินเลือกของว่างใส่จานเล็กมาด้วยกัน พนักงานเข็นรถขนมมาจัดเรียงเพิ่มซึ่งเป็นขนมของแพรไหม กวินหันมาแซวสุรีกานต์
“กระเป๋าเบาไปเลยนะครับคุณโซ่”
สุรีกานต์ยิ้ม
“ความจริงโซ่ก็ไม่ใช่คนหน้าใหญ่อะไรหรอกค่ะคุณวิน แค่เห็นว่าตัวเองได้อะไรๆ จากสังคมมาเยอะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโอกาสดีๆในการทำงาน เงินทอง ชื่อเสียง โซ่ก็เลยอยากจะคืนสิ่งเหล่านี้ให้กับคนอื่นๆ บ้างก็เท่านั้นเองค่ะ”
กวินมองสุรีกานต์หน้านิ่ง แววตาหลงใหลชื่นชม จนเธอรู้สึกได้
“วันนี้คุณวินทำให้โซ่มีความสุขและอิ่มใจที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ชวนมา”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ เพราะคุณโซ่เองก็ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”
กวินกับสุรีกานต์ยิ้มให้กัน มองสบตากันซึ้งๆ เจ้าหน้ามูลนิธิโผล่มาหากวินท่าทางร้อนใจ
“ขอโทษค่ะคุณกวิน คือคุณกอบแก้วให้มาเชิญคุณกวินไปที่ห้องประชุมเล็กค่ะ”
กวินแปลกใจ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
สารวัตรนฤเบศกับแพรไหมเดินมาด้วยกันที่ทางเดินของโรงแรม
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่อุตส่าห์ทิ้งงานมากับไหมทั้งวัน พี่เบศคือฮีโร่ตัวจริงของไหมเลยนะคะเนี่ย”
นฤเบศยีหัวเอ็นดู
“น้องสาวพี่เรียกหา พี่ก็ต้องมาทันทีสิ”
แพรไหมยิ้มมีความสุข นฤเบศยิ้มตอบ มงคลกับริชาร์ดพร้อมบอดี้การ์ดเดินสวนทางมาพอดี นฤเบศเหลือบตาไปเห็น แปลกใจไม่คิดว่าจะได้เจอริชาร์ดโดยบังเอิญแบบนี้ มงคลกับริชาร์ดพร้อมบอดี้การ์ดเดินตรงไปทางห้องจัดงานมูลนิธิสานสุข นฤเบศหันมาบอกแพรไหม
“ไหมไปรอพี่ที่ล็อบบี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป”
นฤเบศรีบตามริชาร์ดไปทันที แพรไหมงงๆ
“อ้าว พี่เบศ พี่เบศจะไปไหนคะ พี่เบศ…”
ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะต่างปรบมือเกรียวกราว ประธานมูลนิธิกำลังกล่าวบนเวที
“และบัดนี้ได้ถึงเวลาแล้วที่เราจะประกาศตำแหน่งทูตสานสุขในปีนี้กันค่ะ ซึ่งบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์มูลนิธิสานสุขให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้คนในสังคมได้ร่วมกันต่อต้านพิษภัยของยาเสพนั่นก็ คือ คุณ โซ่ สุรีกานต์ อภิเดชดำรง ค่ะ”
สุรีกานต์งงๆ หันไปมองกวินที่ยืนอยู่ข้างๆ กวินยิ้มให้ ทุกคนปรบมือกันเสียงดัง
“เชิญทูตสานสุขของเราบนเวทีเลยค่ะ”
กวินพยักหน้าให้สุรีกานต์ขึ้นไป สุรีกานต์เดินขึ้นเวทีไปแบบเก้ๆ กังๆ ฉีกยิ้มอย่างงงๆ นักข่าวถ่ายภาพสุรีกานต์ในฐานะทูตสานสุขกันใหญ่...กวินเดินมารับสุรีกานต์ลงจากเวที เธอยังงงไม่หาย
“มันยังไงกันคะเนี่ยคุณวิน จู่ๆ ทำไมถึง…”
กวินยิ้ม
“มันเป็นมติของที่ประชุมน่ะครับ เจ้าของตำแหน่งไม่มา กรรมการมูลนิธิ รวมทั้งคนนอกที่ถูกเรียกตัวไปลงคะแนนเสียงด่วนอย่างผมจึงเทคะแนนเลือกคุณโซ่ขึ้นมารับตำแหน่งแทน”
สุรีกานต์ขำๆ
“ที่แท้ โซ่ก็เป็นตัวสำรองนี่เอง”
“ไม่หรอกครับ คุณโซ่นี่แหละตัวจริง ผมเล่าเรื่องที่คุณโซ่เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนมูลนิธิมาโดยตลอดให้ทุกคนฟังหมดแล้วล่ะครับ ชั่วโมงนี้ ใครทำดีเราต้องประกาศให้ทุกคนรู้ หมดเวลาปิดทองหลังพระกันแล้วล่ะครับ”
นัฐชาโผล่มาหากวิน
“เอ่อ คุณกวินคะ คุณมงคลกับคุณริชาร์ดมาถึงงานแล้วค่ะ”
สุรีกานต์กับกวินหันไปทางประตูทางเข้าเห็นมงคลเดินเคียงคู่มากับริชาร์ด มีบอดี้การ์ดตามหลัง สุรีกานต์ตกใจมาก อาศัยจังหวะที่กวินเผลอคุยกับนัฐชารีบหลบออกมาทันทีเพราะกลัวเจอริชาร์ดเข้า กวินหันกลับมาหาสุรีกานต์
“คุณโซ่ครับ…”
แต่เธอหายไปแล้ว...สุรีกานต์หลบมุมแอบซุ่มมองเห็นกวินเดินไปทักทายริชาร์ดอย่างสนิทสนมนึกแปลกใจ
“คนดีๆ อย่างคุณวินทำไมไปรู้จักกับหมอนี่ได้” เธอหันมองรอบตัว “แล้วจะออกไปยังไงเนี่ย”
เสียงออแกนไนซ์ดังขึ้น
“เอาล่ะทุกคน ไปพักกันได้เลยนะ”
สุรีกานต์หันมองตามเสียงนั้น ด้านหลังเป็นกลุ่มคนใส่มาสคอตเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องพัก
สุรีกานต์ยิ้ม นึกออกแล้วว่าจะหลบออกไปยังไง
นฤเบศยืนแฝงตัวกับกลุ่มนักข่าวกลุ่มหนึ่งทำเนียนทยอยเดินเข้าไปในงาน...พิธีกรบนเวทีประกาศราคาประมูลผลงานชิ้นสุดท้ายของวันนี้
“ในที่สุด ผลงานชิ้นสุดท้าย ภาพวาดยาเสพติดให้โทษ ชิ้นนี้ ก็ได้ตกเป็นของคุณริชาร์ด ผู้ประมูลหมายเลข 10 ที่ราคาประมูลหนึ่งล้านบาทค่ะ ขอเสียงปรบมือให้กับนักธุรกิจน้ำใจงามอย่างคุณริชาร์ดด้วยค่ะ”
เสียงปรบมือเกรียวกราว ริชาร์ดยืนขึ้นโชว์ตัว นักข่าวกรูกันไปถ่ายภาพ สัมภาษณ์กันใหญ่ นฤเบศเนียนๆ เข้าไปกับกลุ่มนักข่าวเพื่อจับตาดูพฤติกรรมของริชาร์ด เห็นมงคลที่ยืนเคียงข้างริชาร์ดแต่ไม่ได้เอะใจอะไรคิดว่าเป็นแค่หุ้นส่วนธุรกิจธรรมดาๆ ริชาร์ด กวิน มงคล ยืนถ่ายภาพร่วมกัน ในฐานะหุ้นส่วนทางธุรกิจ นฤเบศต้องคอยก้มหน้าหลบกวิน เพราะกลัวกวินเห็นแล้วจำได้
สุรีกานต์ใส่มาสคอตกระต่ายเดินย่องออกมาจากประตูหลังเวที พยายามเดินเนียนๆ เพื่อจะออกไปทางประตูหน้างาน แต่เพราะความซุ่มซ่าม และความเทอะทะ ทำให้เธอเผลอไปชนคนโน้นคนนี้จนเกือบล้ม กวินที่กำลังสัมภาษณ์สื่อร่วมกับริชาร์ดและมงคลหันมองหาสุรีกานต์ เกือบหันไปทางที่นฤเบศยืนอยู่ นฤเบศจึงรีบก้มหน้าหลบ ถอยออกมาจากกลุ่มนักข่าวเล็กน้อย ทำให้เผลอชนสุรีกานต์ที่กำลังเดินผ่านมาเข้าพอดี แรงกระแทกทำให้สุรีกานต์ถึงกับล้มตึงลงไป นฤเบศรีบประคองขึ้นมา
“ขอโทษนะ เป็นอะไรหรอเปล่า”
สุรีกานต์ตกใจมากเมื่อเห็นเป็นนฤเบศ รีบส่ายหัวเป็นตัวการ์ตูนว่าไม่เป็นไร
‘เฮ้ย อีตาสารวัตรโผล่มาได้ไงเนี่ย หรือว่า… มีภารกิจแต่งุบงิบไม่บอกเรา’ สุรีกานต์คิดในใจ
นฤเบศมองแล้วไม่ได้เอะใจอะไรหันไปสนใจริชาร์ดต่อ สุรีกานต์ครุ่นคิดในใจต่อ
‘ดี งั้นสายลับเนปจูนก็จะอยู่ปฏิบัติภารกิจต่อ มือชั้นนี้ไม่มีทางยอมกลับไปง่ายๆ หรอก’
นฤเบศตามติดริชาร์ดทุกฝีก้าว สุรีกานต์ตามติดไม่ห่าง ทุกจุด ทุกมุมจน นฤเบศแอบสังเกตเห็นและรู้สึกได้ว่ามาสคอตกระต่ายคอยตามอยู่ ริชาร์ดจับมือลามงคลและกวิน
“ขอบคุณมากนะครับคุณริชาร์ดที่วันนี้สละเวลามาร่วมงานกับเรา” กวินยิ้มแย้มบอก
“งานช่วยเหลือสังคมแบบนี้ ขอให้บอกเถอะครับ ผมยินดีเสมอ”
มงคลบอกกับกวิน
“เดี๋ยวอาไปส่งคุณริชาร์ดเองนะ”
“ครับคุณอา”
มงคลเดินนำริชาร์ดไป นฤเบศย่องตามไปโดยมีสุรีกานต์ย่องตามเขาไปอีกทีแบบติดๆ กวินรีบมองหาสุรีกานต์ ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาทันที โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าชุดมาสคอตสั่น เพราะปิดเสียงไว้แต่สุรีกานต์ไม่สนใจรับสาย
แพรไหมนั่งชะเง้อรอนฤเบศอย่างใจจดใจจออยู่ที่ลอบบี้โรงแรม กวินเดินกดโทรศัพท์ติดต่อสุรีกานต์ผ่านมา โทรไม่ติด หันมาเห็นแพรไหมพอดี
“คุณไหม” กวินแปลกใจ
แพรไหมดีใจ
“คุณกวิน”
อ่านต่อหน้า 2
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 5 (ต่อ)
กวินกับแพรไหมมานั่งด้วยกัน ในคอฟฟี่ช็อป บริเวณลอบบี้โรงแรม แพรไหมยกกาแฟร้อนขึ้นดื่ม กวินมองแล้วยิ้ม
“เมื่อกี้คุณกวินบอกว่ากำลังตามหาคน ไม่ทราบว่ากำลังหาใครอยู่เหรอคะ”
กวินยิ้ม
“แล้วคุณไหมล่ะครับ บอกว่ากำลังรอใครอยู่เหมือนกัน”
“คนขับรถน่ะค่ะ” แพรไหมยิ้มขำ “ทิ้งไหมไว้ แล้วหายต๋อมไปไหนก็ไม่รู้”
กวินรู้ว่าแพรไหมพูดเล่น นึกสนุกด้วย
“เจ้านายผมก็เหมือนกันครับคุณไหม จู่ๆ ก็หายตัวไป ปล่อยให้ผมต้องออกตามหาซะวุ่นเลย”
แพรไหมยิ้มขำ
“เจ้านายคุณกวินกับคนขับรถของไหมนี่น่าตีจังเลยนะคะ”
“โทษฐานที่ปล่อยให้เรา ทั้งหา ทั้งรอ กันแบบนี้ใช่มั้ยครับ”
กวินกับแพรไหมยิ้มหัวเราะกันอย่างมีความสุข
“ว่าแต่เจ้าของสนามกอล์ฟใหญ่โตอย่างคุณกวินนี่มีเจ้านายด้วยเหรอคะ”
กวินแปลกใจที่เธอรู้
“คุณไหม”
“ไหมรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้วล่ะคะ คุณกวินนี่ใจร้ายมากเลยนะคะที่หลอกไหมได้”
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ แต่สถานการณ์มันพาไป”
แพรไหมกลั้นยิ้ม
“ไหมไม่โกรธหรอกค่ะ แต่กลัวมากกว่า ถ้าคุณวินไม่รีบเฉลยไวๆ ว่าตัวเองเป็นใคร ไหมคงจะนินทาเจ้าของสนามกอล์ฟสุดเฮี้ยบต่อไป จนคุณกวินต้องบอกเลิกสัญญาเช่าไหมจริงๆ แน่ๆ”
“คุณไหมช่างเม้าท์ถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับเนี่ย”
“คุณกวินยังรู้จักไหมน้อยไปค่ะ”
กวินถึงกับหัวเราะขำ แพรไหมก็หัวเราะตาม
บริเวณทางเดินไปลานจอดรถ...ริชาร์ดกับมงคลเดินคุยกันมา นฤเบศโผล่หน้าออกมาจากที่หลบซ่อน ย่องเท้าสะกดลอยตามไปติดๆ แอบฟังแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไร
“คุยอะไรกัน”
นฤเบศแอบมองจนริชาร์ดกับมงคลเดินถึงที่รถ ทั้งคู่หยุดยืนลากันตามประสาหุ้นส่วนธุรกิจเล็กน้อยนิดหน่อยแล้วมงคลก็แยกตัวไปดูไม่มีพิรุธอะไรเลย ในตอนนั้นนฤเบศก็ได้ยินเหมือนมีฝีเท้าของใครแอบสะกดรอยตามมา เขาทำใจเย็นค่อยๆ หันไปมอง แต่กลับพบความว่างเปล่า สุรีกานต์พิงเสาหลบทัน ใจเต้น กลัวถูกจับได้ สุรีกานต์มองเห็นมุมที่น่าจะประกบติดตัวริชาร์ดได้ใกล้กว่า จึงย่องเลาะตามไปโผล่ตรงมุมนั้นทันที ยังไม่ทันขึ้นรถ ริชาร์ดก็มีสายโทรเข้า เขากดรับสาย สุรีกานต์รีบยกมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปภาพและเสียงของริชาร์ดเอาไว้ นฤเบศที่สังเกตการณ์อยู่มุมเดิม ซึ่งเป็นมุมที่อยู่ตรงข้ามกับสุรีกานต์เห็นโทรศัพท์ของเธอที่โผล่ออกมาจากหลังเสา แต่ไม่เห็นตัวคนถ่าย เขามองอย่างสงสัย
“ใคร”
นฤเบศจับตามองพฤติกรรมของริชาร์ด พร้อมกับจับตาดูพฤติกรรมของใครบางคนที่กำลังแอบเก็บข้อมูลของสองคนนั้นผ่านโทรศัพท์มือถืออยู่โดยที่ริชาร์ดไม่รู้ตัว แต่เขาก็อยู่ห่างจากตัวริชาร์ดเกินว่าที่จะได้ยินการสนทนา เสียงมงคลดังมาจากปลายสาย
“พอดีผมลืมถามคุณไปว่า ก่อนการเซ็นสัญญาที่กำลังจะมาถึง เป็นไปได้มั้ยที่เราจะส่งตัวอย่างสินค้าตัวใหม่ให้ลูกค้ารายใหญ่ได้ทดลองก่อน”
“นัดหมายวันและสถานที่มาได้เลย ผมยินดี”
ริชาร์ดยิ้มร้าย วางสายแล้วเดินขึ้นรถ บอดี้การ์ดขับออกไป นฤเบศมองอย่างเสียดาย สุรีกานต์เก็บโทรศัพท์มือถือ
“นัดหมายวันเหรอ มันจะนัดไปไหนกับใครนะ”
สุรีกานต์ครุ่นคิดสงสัย จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็สั่นมีสายเข้า กวินโทรมา สุรีกานต์รู้สึกตัวรีบออกไปจากตรงนั้นโดยไม่รับสาย นฤเบศเห็นกระต่ายสุรีกานต์ออกมาจากที่ซ่อนพอดีจึงรีบจู่โจมเข้าไปหา สุรีกานต์ตกใจวิ่งหนี
“หยุด...แกเป็นใคร หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
สุรีกานต์วิ่งหนีไม่คิดชีวิต แต่ด้วยความเทอะทะทำให้เกือบล้ม นฤเบศกวดเท้าวิ่งตามจับไม่ลดละ จนในที่สุดก็คว้าร่างเธอเอาไว้ได้
“จับได้แล้วไอ้กระต่ายตัวแสบ แกเป็นใคร ตามฉันมาทำไม”
สุรีกานต์พยายามดิ้น ยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา เธอเผลอผลักเขาเสียหลักล้มหงายหลังลงไป แต่ด้วยความไว นฤเบศจึงคว้าข้อเท้าเธอไว้ได้ทัน สุรีกานต์เสียหลักล้มทับลงบนร่างของเขาอย่างจัง โทรศัพท์มือถือกระเด็นหลุดจากมือ สุรีกานต์สบตานฤเบศผ่านหัวมาสคอต อึ้งจังงังกันไปทั้งคู่ สุรีกานต์ใจเต้นแรง จนนฤเบศเองยังรู้สึกได้ ทันใดนั้นเสียงแพรไหมดังขึ้น
“พี่เบศ”
แพรไหมกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหานฤเบศโดยมีกวินเดินตามหลัง สุรีกานต์ได้จังหวะรีบลุกขึ้นมา วิ่งไปเก็บโทรศัพท์มือถือแล้ววิ่งหนีหายไปทันที นฤเบศค่อยๆ ลุกขึ้นมา มองตามกระต่ายไปอย่างเสียดาย แพรไหมมองตามแปลกใจ
“ปล่อยให้ไหมรอตั้งนาน ที่แท้ก็มาอยู่นี่เอง”
กวินยิ้มให้
“ไม่นึกเลยนะครับว่าจะเจอคุณเบศที่นี่ด้วย”
นฤเบศตกใจ ในที่สุดก็เจอกวินจนได้
แพรไหมแปลกใจ
“นี่พี่เบศกับคุณกวินรู้จักกันด้วยเหรอคะ”
นฤเบศรีบบอก
“อ๋อ ครับ เราเคยรู้จักกันแล้ว...นี่ ก็ดึกมากแล้ว พี่ว่าเรารีบกลับกันดีกว่านะ ลานะครับคุณกวิน”
นฤเบสรีบเดินไปก่อนทันที แพรไหมงงๆ
“เอ่อ งั้น...” เธอหันไปที่กวิน “ไหมกลับก่อนนะคะคุณกวิน”
“แล้วเจอกันนะครับคุณไหม”
แพรไหมรีบเดินตามนฤเบศไปต้อยๆ กวินมองตามสงสัยพฤติกรรมแปลกๆ ของนฤเบศ กวินมองขำๆ
“สงสัยจะกลัวเราพูดเรื่องนั้น…อย่าบอกนะว่าคุณไหมไม่รู้เรื่องที่เขาเป็น… เฮ้อ ไม่นะคุณไหม”
นฤเบศขับมาจอดหน้าบ้าน แพรไหม
“เข้าไปทักคุณพ่อหน่อยมั้ยคะพี่เบศ”
“ดึกแล้ว พี่ไม่รบกวนดีกว่า น้องไหมเข้าบ้านเถอะ”
“งั้น ฝันดีนะคะพี่เบศ”
แพรไหมสายตาส่งความรู้สึก นฤเบศยิ้มให้
“เราก็อย่านอนดึกล่ะ”
แพรไหมเดินเข้าบ้าน นฤเบศเตรียมสตาร์ทเครื่องยนต์ เหลือบไปเห็นแฟ้มบทละครของสุรีกานต์ที่วางทิ้งไว้ตรงเบาะหลังก็นึกขึ้นได้
“จริงสิ ยัยดารานั่นนัดเราไว้นี่นา”
สุรีกานต์แต่งชุดนอนเรียบร้อย คุยโทรศัพท์กับกวิน
“ขอโทษนะคะคุณวินที่โซ่หนีกลับมาโดยไม่บอก พอดีปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ เห็นคุณวินกำลังยุ่งด้วย เลยไม่ได้เข้าไปลา”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เห็นคุณโซ่หายไปผมเลยเป็นห่วง แล้วนี่คุณโซ่ทานยารึยังครับ”
“เรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วง”
“อืม งั้น คุณโซ่พักผ่อนเถอะนะครับ ผมไม่กวนแล้ว กู๊ดไนท์ครับ”
“กู๊ดไนท์ค่ะ”
สุรีกานต์วางสายพร้อมรอยยิ้ม เสียงกริ่งดังขึ้น สุรีกานต์งงว่าใครมาป่านนี้ รีบเดินไปเปิดประตู นฤเบศยืนอยู่หน้าประตู สุรีกานต์แปลกใจ
“คุณเองเหรอ มีธุระอะไรเนี่ย ถึงโผล่มาดึกๆ ดื่นๆ”
“คุณนัดผมไว้ไม่ใช่เหรอ”
นฤเบศเดินตามเข้าไปในห้อง สุรีกานต์นึกออก
“เออ ใช่ จริงสิ แล้วไหนล่ะบทละครของฉัน”
นฤเบศสูดลมหายใจลึกๆ ยื่นแฟ้มบทละครให้แล้วเดินไปทิ้งก้นลงนั่งบนโซฟา สุรีกานต์รับแฟ้มบทละครแต่พอเห็นสภาพคราบสกปรกเละเทะก็ถึงกับร้องกรี๊ดเสียงหลงออกมา
“อ๊าย”
“คุณฟังผมก่อนนะ มันเป็นอุบัติ…”
“หยุดเลยนะ ฉันรู้ว่าคุณจงใจ คุณทำอะไรฉันไม่ได้ ก็เลยมาลงกับบทละครของฉัน คุณนี่มันร้ายกาจจริงๆ เลย ฉันไม่เคยเห็นใคร…”
ทันใดนั้นจู่ๆ ไฟฟ้าในห้องก็ดับพรึบลง สุรีกานต์หุบปาก รีบกระโดดไปนั่งข้างเขาทันที นฤเบศขยับหนี แต่เธอยังขยับตาม
“เป็นไรมากมั้ยเนี่ย อย่าบอกนะว่าคุณกลัวผี”
สุรีกานต์เสียงดังกลบเกลื่อน
“ผีเผออะไร ใครกลัว ฉันไม่ได้กลัวสักหน่อย”
นฤเบศลุกขึ้นมาจากที่โซฟา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดให้แสงสว่างแต่เป็นแสงสว่างจากใต้คางทำให้เหมือนผี สุรีกานต์หันเจอพอดีร้องกรี๊ด
“ผมเองจะบ้าเหรอ”
“ก็ฉันนึกว่าผีนี่”
“ท่าทางคงอีกนานกว่าไฟจะติด งั้นผมกลับก่อนดีกว่า”
สุรีกานต์รีบเกาะเอาไว้เหมือนลูกลิง
“ฉันไม่มีวันยอมให้คุณกลับตอนนี้เด็ดขาด”
“อะไรของคุณเนี่ย ผมจะกลับบ้าน ปล่อย”
นฤเบศลุกขึ้นแต่สุรีกานต์ไม่ปล่อยเกาะติด
“บอกให้ปล่อย”
“ไม่”
“บอกให้ปล่อย”
“ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันกลัวผี ที่นี้คุณจะอยู่เป็นเพื่อนฉันจนกว่าไฟจะติดได้รึยังห๊ะ”
นฤเบศส่ายหน้า แอบยิ้มขำ
ห้องพักโรงแรมริมทะเล...พลอยนิลในชุดคลุมเดินมาจากห้องน้ำ มองหาเนธาน แต่ก็ไม่เห็น พอดีได้ยินข่าวได้ทีวีก็หยุดชะงักหันมอง ในทีวีกำลังรายงานสกู๊ปข่าวสุรีกานต์ที่ได้รับตำแหน่งทูตสานสุขในวันนี้ พลอยนิลไม่พอใจนิดๆ
“พี่บีให้โซ่ไปแทนเราเหรอเนี่ย”
พลอยนิลเหลือบสายตาไปเห็นเนธานยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงห้องพัก เลิกสนใจข่าว รีบเดินไปหา เนธานอารมณ์ดี
“กู๊ดไนท์นะครับแก้ว ผมคิดถึงคุณนะ”
เนธานจุ๊บมือถือก่อนวางสาย หันหลังจะเดินกลับเข้าห้อง ก็ถึงกับชะงักเมื่อเห็นพลอยนิลยืนอยู่ตรงหน้า พลอยนิลไม่ได้ยินที่เนธานพูด แค่เห็นท่าทาง เนธานตกใจ
“นิล”
พลอยนิลน้ำเสียงไม่พอใจ
“คุยกับใครคะธาน”
“ผมคุยกับเพื่อน”
“เพื่อนเหรอคะ แต่ที่นิลเห็น…”
เนธานรีบเข้าไปกอดเอาใจพลอยนิล พยายามเบี่ยงประเด็นไม่ให้เธอซักไซ้จนเขาจนมุม
“ไม่เอาน่า อย่าทำให้เสียบรรยากาศสิ เราเพิ่งคืนดีกันนะที่รัก”
พลอยนิลยอมอ่อน ทั้งที่นึกรู้เต็มอกว่าคนที่เนธานคุยด้วยไม่ใช่เพื่อนอย่างที่อ้าง
สุรีกานต์นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟา นฤเบศนั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะตรงหน้ามีเทียนหอมแท่งใหญ่จุดให้แสงสว่าง ทั้งคู่นั่งมองเปลวเทียนเงียบๆ จนในที่สุดสุรีกานต์ก็พูดขึ้น
“เมื่อไหร่ไฟมันจะติดซะทีเนี่ย”
นฤเบศเบื่อๆ
“นั่นสิ ผมจะได้กลับบ้านซะที ฉุนกลิ่นเทียนหอมของคุณจนแสบจมูกไปหมดแล้วเนี่ย”
สุรีกานต์เหยียดตามอง
“คุณคงไม่รู้จักกลิ่นลาเวนเดอร์สินะ”
“รู้จักแล้วจำเป็นต้องชอบด้วยเหรอ”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เพื่อให้การนั่งหายใจร่วมกับคุณของฉัน ไม่ต้องรู้สึกเซ็งไปมากกว่านี้ ฉันมีเกมสนุกๆจะชวนคุณเล่นฆ่าเวลา”
“เกม” นฤเบศหัวเราะ
“จะเล่นไม่เล่น” สุรีกานต์เสียงแข็ง
“บอกกติกามา”
“กติกาไม่ยาก คุณกับฉันเรามาผลัดกันถามคำถาม จนกว่าจะมีคนตอบคำถามของอีกคนไม่ได้ หรือถ้าไฟติดขึ้นมาพอดีตอนที่ใครต้องตอบคำถาม คนๆ นั้นก็จะเป็นฝ่ายแพ้ทันที”
“โอเค ถามคำถามของคุณมาได้เลย”
สุรีกานต์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“รักแรกของคุณ”
นฤเบศตอบทันที
“ไม่มี”
สุรีกานต์ ไม่เชื่อ
“โกหก อายุตั้งปูนนี้แล้ว ฉันไม่เชื่อคุณหรอก”
“ผมมีคนที่เคยชอบ แต่ยังไม่มีคนที่เคยรัก เคลียร์มั้ย ตาผมบ้าง อยากรู้ว่าคุณ
เต็มใจกับการมาเป็นสายลับในครั้งนี้แค่ไหน”
“เอาตรงๆ เลยนะ ฉันไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ ก็ถลำตัวมาถึงขั้นนี้
แล้ว รับรองได้ว่าทุกภารกิจ ฉันเต็มที่เสมอ”
นฤเบศพยักหน้าพอใจกับคำตอบ
“ดี”
“ตาฉันบ้าง ทำไมคุณถึงไม่ได้ลงเอยกับคนที่คุณเคยชอบล่ะ”
“เพราะผมไม่เคยบอกเขาว่าผมชอบเขา”
“ประมาณว่าแอบรักว่างั้นเหอะ”
“หยุดเลย คุณไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ชีวิตส่วนตัวของผม” นฤเบศยักไหล่ “ผมถามบ้าง คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะต่อกรกับริชาร์ดไหว”
“ไหวไม่ไหวก็ต้องสู้ ก็ไอ้วายร้ายนั่นกำลังจะลำเลียงยานรกเข้ามาในประเทศเราไม่ใช่เหรอ”
นฤเบศแอบยิ้มภูมิใจกับคำตอบของเธอ
“ฉันถามคุณบ้าง เวลาคุณมีความรัก คนรอบข้างจะรู้ได้ยังไงเหรอ”
“ผมชอบให้ต้นไม้กับคนที่ผมรัก แล้วคุณล่ะได้พบเนื้อคู่ตามคำทำนายในใบเซียมซีแล้วหรือยัง”
สุรีกานต์อึ้ง เงียบไป ตอบไม่ได้ ไฟในห้องติดขึ้นมาพอดี นฤเบศหัวเราะ
“คุณแพ้แล้ว ไหนรางวัลของผู้ชนะ”
สุรีกานต์มองหน้าเขา
“ฉันเคยบอกคุณด้วยเหรอว่ามีรางวัลให้อ่ะ”
“ผู้หญิงอะไรเนี่ย ขี้โกงชะมัด”
สุรีกานต์นึกออกรีบไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดโชว์ คลิปวีดีโอจากที่จอดรถ ริชาร์ดคุยโทรศัพท์กับมงคลได้ยินเสียงการสนทนา นฤเบศตกใจ
“เฮ้ย นี่มัน...”
“คลิปนี่พอจะเป็นรางวัลได้มั้ย” สุรีกานต์ยิ้มภูมิใจในตัวเอง
“ตกลงไอ้กระต่ายบ้านั่นคือคุณเองเหรอเนี่ย”
สุรีกานต์ยักคิ้วข้างเดียวแบบกวนๆ
นฤเบศเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง โยนเสื้อนอกกับโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็มีข้อความเข้า เขาเดินกลับไปหยิบกดดู
“ฉันส่งข้อความมาเตือนว่า พรุ่งนี้อย่าลืมทำหน้าที่ของตัวเองด้วยนะคะคุณผู้จัดการส่วนตัว”
นฤเบศอ่านแล้วถึงกับควันออกหู
“หือ ยัยตัวแสบ จะให้ทิ้งงานไปทำเรื่องไร้สาระทั้งวันอย่างงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”
วันใหม่...นฤเบศขับของสุรีกานต์แล่นเข้ามาจอด ที่ลานจอดรถกองละครตะวันสีรุ้ง สุรีกานต์ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี นฤเบศหมั่นไส้จึงแกล้งเบรกรถกะทันหันจนเธอหัวทิ่ม
“นี่ คุณ ถ้าฉันเสียโฉมไป ทำมาหากินไม่ได้ล่ะก็ ฉันเอาคุณตายแน่”
“ก็ดี ผมเบื่อที่จะต้องมาปลอมตัว ทำตามคำสั่งบ้าๆบอๆ ของคุณแบบนี้เต็มทนแล้ว”
“ช่วยไม่ได้ ยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบ โทษฐานที่ทำให้ชื่อเสียงนางร้ายอย่างฉันต้องป่นปี้เพราะมีข่าวกับผู้ชายไร้รสนิยมอย่างคุณ”
“ผมอยากมีข่าวกับคุณตายล่ะ จริงๆ คุณควรจะต้องขอบคุณผมมากกว่า ที่ผมมาช่วยกู้หน้าให้นางร้ายฉายเดี่ยวอย่างคุณก็มีสิทธิ์ลุ้นลงจากคานทองเพราะมีผู้ชายหลงมาชายตามองตั้งคนนึง” นฤเบศยิ้มยั่วกลับ
“อ๊าย นี่...คุณ” สุรีกานต์ สูดลมหายใจระงับอารมณ์โกรธ “วันนี้ฉันจะถือว่าทำบุญทำทานก็แล้วกัน ยังไงก็ขอบใจนะคุณผู้จัดการส่วนตัวที่ขับรถมาส่ง”
สุรีกานต์เปิดประตูลงจากรถหน้าตาแค้นๆ แบบมีแผนร้ายทันที เธอพึมพำเบาๆ
“คอยดูนะ ไอ้สารวัตรบ้า วันนี้ฉันจะเอาคืนให้เข็ดเลย”
สุรีกานต์แต่งตัวเรียบร้อยเพื่อรอเข้าฉาก วุ้นกรอบและพายไก่กระดี๊กระด๊าอยู่ข้างๆ วุ้นกรอบยิ้มกว้าง
“สวย เริ่ด เป๊ะมาก สมกับเป็นวิลาสินี สาวสวยอันดับหนึ่งประจำพระนคร”
“สวยเด้งล้ำหน้านางเอกซะขนาดนี้ มิน่าคุณกวินถึงหันมาหลงเสน่ห์นางร้ายแทน” พายไก่แหย่
สุรีรีกานต์ค้อน
“เว่อร์ไปแล้ว คุณวินเขาไม่ได้มาหลงเสน่ห์อะไรฉันซักหน่อย”
วุ้นกรอบเหล่ไปทางแก้วดารา
“หลงหรือไม่หลง ก็ส่งสายตามาทั้งในระยะประชิดและระยะไกลจนฉันยอมทำใจแล้ว ไม่เหมือนใครบางคน ทั้งกอด ทั้งซบ งัดมารยามาตั้งห้าร้อยเล่มเกวียนแล้ว ผู้ชายเขาก็ยังไม่อยากจะชายตามอง แต่ก็ยังหน้าด้านหน้าทนอยู่ได้”
วุ้นกรอบกับพายไก่ หัวเราะคิกคัก
“พูดถึงใครอยู่เหรอคะ พี่วุ้น พี่พาย” แก้วดารามองสุรีกานต์ “อ้อ นึกไม่ถึงเลยนะคะว่าระดับนางร้ายเบอร์หนึ่งอย่างพี่โซ่ก็ลดตัวลงมาร่วมวงเม้าท์มอยกับเขาด้วย”
สุรีกานต์ยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอกแก้ว พวกเราก็แค่คุยกันขำเท่านั้นเอง”
“แต่เท่าที่ได้ยินแว่วๆ แก้วว่ามีคนจงใจจะว่ากระทบแก้วมากกว่านะคะ”
วุ้นกรอบสวน
“เปล่านะคะคุณน้องแก้วมัง เอ้ย...แก้วดารา คุณพี่วุ้นกรอบไม่ได้พาดพิงถึงใครสักหน่อย แค่ใช้คำว่าใครบางคน หรือคุณน้องแก้วจะยอมรับว่าเป็นใครคนนั้นล่ะคะ”
“ใจเย็น วุ้น” สุรีกานต์หันมาทางแก้วดารา “ถ้าวุ้นพูดอะไรไปแล้วทำให้เธอไม่สบายใจ ฉันก็ขอโทษแทนวุ้นด้วยละกัน”
“ก็ได้ค่ะ แก้วจะถือซะว่าทำทาน แต่อยากจะบอกอะไรพี่วุ้นอย่างนะคะ ว่าผู้ชายน่ะ เขาย่อมที่จะชอบผู้หญิงสาวๆ สวยๆ เป็นธรรมดาค่ะ ไม่มีใครเขามองของเก่ารอเก็บ” แก้วดาราปรายตามองสุรีกานต์ “หรือพวกกลายพันธุ์” แก้วดาราปรายตามองวุ้นกรอบ “หรอกนะคะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ถือว่าสิ้นคิดเต็มทีแล้ว ยิ่งผู้ชายที่ทั้งหล่อ รวย และเพอร์เฟ็คอย่างพี่วิน ย่อมที่จะต้องเลือกสิ่งที่ดีกว่าอยู่แล้ว จริงมั้ยคะพี่โซ่”
แก้วดาราปรายตามองไปทางสุรีกานต์ สุรีกานต์ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ วุ้นกรอบเถียง
“แต่ถ้าไปคว้าเอาสาวๆ สวยๆ แต่ไม่สด ไม่ซิง คงดูสิ้นคิดกว่าไปคว้าของเก่ารอเก็บมาเชยชมเสียอีกละมั้ง เพราะอย่างน้อยของเก่าก็ยังดูมีคุณค่าขายได้ราคางาม”
แก้วดาราโกรธ
“อ๊าย...นี่ด่าว่าฉันไร้ค่าอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่ยอมให้แกด่าฉันฟรีๆหรอก”
เกี๊ยวกุ้งรีบยุ
“ลุยเลยค่ะคุณน้องแก้ว อย่าไปยอมมัน”
“เข้ามาเลย ฉันไม่ปล่อยให้พวกแกรอดไปได้เหมือนคราวที่แล้วแน่” วุ้นกรอบท้าทาย
แก้วดารา เกี๊ยวกุ้ง วุ้นกรอบ และพายไก่ ตั้งท่าเตรียมเปิดศึกกันในห้องแต่งตัว ก่อนจะเปิดฉากพุ่งเข้าใส่กัน บรรยากาศในห้องชุลมุนวุ่นวาย สุรีกานต์ยืนเหวอพยายามร้องห้าม
อายอดซักซ้อมบทกับเนธาน โดยแสดงอารมณ์จ้องตาหวานซึ้งให้ดูเป็นแบบอย่าง
“ฉากนี้ ภูมิบดินทร์จะมาพบคู่หมั้น อาอยากให้แววตาสื่อถึงความรัก แบบซึ้งๆ นะ เอาแบบว่ารักปนตัดพ้อหน่อยๆ โอเคมั้ย”
เนธานรับคำ
“ครับอา”
นฤเบศแอบมาสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ เพื่อจับตามองพฤติกรรมของเนธาน อายอดมองเลยไปเห็นจึงชวนคุยด้วย
“อ้าว คุณเบศ ทำไมไปยืนหลบอยู่ตรงนั้นล่ะ ทำยังกะมาแอบมองใครอยู่เข้ามานั่งด้วยกันตรงนี้ก็ได้”
เนธานหันไปมองตาม ทั้งสองสบตากัน
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ตรงนี้ดีกว่าไม่อยากเกะกะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มถ่าย มานั่งคุยกันก่อนก็ได้”
นฤเบศจำใจเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ อายอด ส่วนเนธานก็ก้มหน้าก้มตาอ่านบทต่อ
“เอ...จริงๆ ก็หน่วยก้านดีเหมือนกันนี่เรา หน้าตาก็ใช้ได้ สนใจมาเล่นละครมั้ย อาปั้นดังมาหลายคนแล้วนะ”
“ไม่ดีกว่าครับอา ผมขอเป็น เอ่อ...เป็นผู้จัดการส่วนตัวแบบนี้ดีกว่า คือผมเขินกล้องน่ะครับ”
“อืม ตามใจ ว่าแต่ยัยโซ่ไปรู้จักกับคุณได้ยังไง อยู่วงการมาตั้ง 6-7 ปี ผมไม่เคยเห็นมันมีผู้จัดการส่วนตัวสักที”
เนธานเงยหน้าขึ้นจากบทมองมาทาง นฤเบศที่อึกอัก คิดหาคำตอบ พอดีน้ำฝนเอาน้ำมาเสิร์ฟ
“น้ำเย็นๆ มาแล้วค่ะ” น้ำฝนหันมาเห็นนฤเบศ “อ้าวตัวเอง มาอยู่ตรงนี้เองเหรอ”
นฤเบศมองท่าทางของน้ำฝนงงๆ อายอดนึกได้
“เอ นี่ก็นานแล้วทำไมสาวๆยังไม่เห็นมาสักที”
นฤเบศรีบอาสา
“เดี๋ยวผมไปตามให้ก็ได้ครับ”
นฤเบศรีบลุกเดินออกไป แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องตอบคำถามอายอด
อ่านต่อหน้า 3
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 5 (ต่อ)
ฟากวุ้นกรอบและพายไก่ กับแก้วดาราและเกี๊ยวกุ้ง เปิดฉากสงครามย่อมๆ เข้าปะทะนัวเนียกัน จนบรรยากาศวุ่นวาย ต่างคนต่างขว้างปาสิ่งของ โดยมีสุรีกานต์คอยห้ามทัพแต่สู้แรงไม่ไหว
แก้วดารากับสุรีกานต์ยังอยู่ในสภาพสวยเหมือนเดิม แต่วุ้นกรอบ พายไก่ และเกี๊ยวกุ้ง เละไม่เป็นท่า นฤเบศเปิดประตูเข้ามา ตกใจ
“เฮ้ย คุณ เกิดอะไรขึ้น”
สุรีกานต์รีบบอก
“โอ๊ย อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ได้มั้ย ช่วยกันห้ามก่อนเถอะ ฉันจะไม่ไหวแล้วนะ”
นฤเบศพึมพำ
“นี่มัน กองละคร หรือ สนามรบกันแน่วะเนี่ย”
นฤเบศเข้าไปแทรกกลางช่วยห้าม แต่ก็พลอยโดนกระปุกแป้งปามาโดนหน้าเต็มๆ ทั้งสี่คนยังคงเปิดฉากขว้างปาสิ่งของกันไม่หยุด
“พอแล้วครับ หยุดก่อน หยุด หยุด หยุดเดี๋ยวนี้” นฤเบศชักโมโหตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย บอกให้หยุดไงโว้ย”
ทั้งหมดหยุดชะงักมองนฤเบศเป็นตาเดียว สุรีกานต์รีบสะกิด นฤเบศนึกขึ้นได้
“คือว่า อายอด ให้มาตามพวกคุณไปซ้อมบทเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“ฮึ ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าอายอดไม่ให้คนมาตามล่ะก็ ฉันไม่ยอมรามือแน่ ไป พี่เกี๊ยว”
แก้วดาราและเกี๊ยวกุ้งสะบัดหน้าเดินออกไป วุ้นกรอบตะโกนไล่หลัง
“ไม่รับฝากย่ะ เชิญเอาของเธอกลับไปด้วย ฮึ่ย...วุ้นเคือง”
สุรีกานต์ถอนใจ
“ก่อเรื่องเอง แล้วยังจะบ่นอีกนะนังวุ้น”
“ก็มันกล้าว่าเจ๊สุดที่รักของวุ้น จะให้วุ้นอยู่เฉยได้ไง”
“นั่นสิเจ๊ ด่าใครน่ะด่าได้ แต่ถ้าด่าเจ๊ พายไก่ขอสู้ตาย”
สุรีกานต์ถอนใจ
“ถ้าพี่เบศไม่มาช่วยห้าม ป่านนี้คุณวิลาสินีผู้สวยสง่าของพวกเธอ คงได้เละเป็นโจ๊กไปด้วยแล้ว”
นฤเบศในสภาพแย่ๆ เลอะแป้งไปทั้งตัวมองสุรีกานต์อย่างเคืองๆ สุรีกานต์แอบยิ้มขำ วุ้นกรอบเข้าไปหานฤเบศ
“โถ เบ็ตตี้ ดูสิยอมทุ่มเทเอาตัวเข้าช่วยจนเลอะเทอะขนาดนี้ ขอบใจมากๆเลย นะยะ เธอนี่เป็นเพื่อนแท้จริงๆ ไป นังพาย เราไปล้างตัวกันก่อนเหอะ ทำงานต่อสภาพนี้ คงไม่ไหวแน่”
วุ้นกรอบและพายไก่พากันเดินออกไป สุรีกานต์หันมามองสภาพนฤเบศแล้วยิ้มขำๆ
“เพิ่งรู้ว่าคุณสารวัตรหน้าโหด พอทาแป้งขาวๆแบบนี้แล้ว ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ”
นฤเบศมองสภาพตัวเอง ถอนหายใจเซ็งๆ
“แล้วทำไมเพื่อนคุณต้องเรียกผมว่าเบ็ตตี้ด้วย”
“มันเป็นศัพท์ในวงการน่ะ คุณไม่เข้าใจหรอก จะเบศหรือเบ็ตตี้ คุณก็แค่เออออไปเถอะ คนจะได้ไม่สงสัยไง เข้าใจมั้ย”
สุรีกานต์พูดจบก็เดินยิ้มๆ ออกไป ทิ้งนฤเบศไว้ในห้องตามลำพัง นฤเบศพึมพำ
“เบ็ตตี้เนี่ยนะ”
แก้วดาราซ้อมบทกับเนธาน เขาก้าวเข้ามานั่งข้างๆ เธอในศาลา แก้วดารากำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่วางเข็มมาลัยลงในถาด เนธานมองตาหวานเชื่อม
“คุณหญิงรุ้งรู้มั้ย ว่าผมรอคอยวันที่จะได้มาพบคุณหญิงนานแค่ไหน พอเสร็จจากงานราชการที่หัวหิน ผมก็รีบกลับมาพระนครทันที คุณหญิงคิดถึงผมบ้างมั้ย”
เนธานยกมือแก้วดาราขึ้นจูบเบาๆ แก้วดาราสบตาหวานซึ้ง
“คิดถึงสิคะ รุ้งก็คิดถึงคุณใจแทบขาดเหมือนกัน”
เนธานกับแก้วดาราสบตากันหวานเชื่อมมากเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก แล้วเนธานก็หลุดหัวเราะขำ
“เอ่อ คุณแก้วครับ ดูเหมือนคุณแก้วจะจำบทผิดนะครับ”
อายอดเดินเข้ามา
“ใช่ ตรงนี้หม่อมราชวงศ์ทอรุ้งต้องพูดจาอึกอักหน่อย แล้วก็บอกปัดปฏิเสธ ทอรุ้งต้องมีใจให้ตะวันฉายเพียงคนเดียวนะ”
แก้วดาราแกล้งหลุดหัวเราะแบบอายๆ
“เอ่อ ขอโทษค่ะอา พอดี แก้วอินกับบทไปหน่อย แล้วเนธานก็เล่นมองแก้วตาหวานเชื่อมขนาดนั้น”
“งั้นเรื่องนี้ คงต้องเป็นความผิดของผมด้วยเหมือนกัน ใช่มั้ยครับอา”
เนธานตอบอายอด แต่สายตามองไปทางแก้วดารา ทั้งสองคนสบตากันหวานเชื่อมแบบรู้ทันกันและกัน”
อายอดตัดบท
“เออๆ เอาล่ะๆ ตั้งสติหน่อยนะ เดี๋ยวซ้อมอีกรอบแล้วเริ่มถ่ายจริงเลยละกัน”
วุ้นกรอบ พายไก่ สุรีกานต์ และนฤเบศยืนมองแก้วดาราและเนธานซ้อมบทอยู่ห่างๆ
“อินจัดซะขนาดนี้ คงพากันอินนอกรอบไปถึงเตียงนอนเลยละมั้ง ว่ามั้ย เบ็ตตี้” วุ้นกรอบแดกดัน
นฤเบศชะงัก
“เอ่อ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
วุ้นกรอบทำเสียงเลียนแบบ
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ...โอ๊ย ไม่ต้องแอ๊บหรอกน่า คนทั้งกองน่ะเขารู้กันหมดแล้ว ดูอย่างฉันสิทั้งเปิดเผย ทั้งโจ่งแจ้ง ใช้ชีวิตมีความสุขจะตายไป แต่แหม นึกแล้วก็เสียดาย ทั้งหล่อ ทั้งเร้าใจแบบนี้ ไม่น่าเล๊ย”
วุ้นกรอบแอบนัวเนียใกล้ชิดลูบคลำนฤเบศ จนเขาแอบหวาดๆ
“ถ้าเปลี่ยนใจกลับมาเดินทางเดิมเมื่อไหร่ บอกฉันด้วยแล้วกัน เผื่อฉันจะไปขอจอง”
“นี่วุ้น พันธุ์เดียวกันก็ไม่เว้นนะ แกกะจะฟาดหมดเลยใช่มั้ยเนี่ย” พายไก่จิกกัด
นฤเบศยิ้มแหยๆ ยืนตัวแข็งพยายามปัดป้องมือปลาหมึกของวุ้นกรอบ หันมาส่งสายตาเชิงถามสุรีกานต์ แต่เธอทำเฉย วุ้นกรอบเห็นท่าทางของนฤเบศก็แอบกระซิบกับสุรีกานต์
“เจ๊ แน่ใจนะ ว่าเบ็ตตี้เป็นคนละสปีชี่ส์กับคุณกวินจริงๆ”
สุรีกานต์ยิ้มขำ
“แน่ใจสิ แต่งตัวก็เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ปากก็สีชมพู๊ ชมพูขนาดนั้น ยืนโพสต์ท่าก็เท่ห์ซะยิ่งกว่านายแบบ”
สุรีกานต์ วุ้นกรอบ และพายไก่ยืนซุบซิบกันอยู่ห่างๆ กับภาพนฤเบศ ตามลักษณะต่างๆ ที่สุรีกานต์บรรยาย
ทั้งการแต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ปากสีชมพู ท่ายืนโพสแบบเท่ห์โดยบังเอิญ วุ้นกรอบและพายไก่เห็น นฤเบศทุกอิริยาบถตรงเป๊ะตามที่สุรีกานต์บรรยายก็ทำหน้าเซ็งๆ
“แถมยังชื่อ อลิซาเบธ อีก เริ่ดกว่าพวกแกเป็นไหนๆ ถ้าไม่ใช่จะเรียกว่าอะไร”
วุ้นกรอบผิดหวังเล็กๆ
“โธ่ น่าเสียดาย หล่อ เซอร์ เข้มกำลังดีแบบนี้สเป็ควุ้นเลย”
“ฉันเห็นผู้ชายคนไหนหล่อก็สเป็คแกหมด” พายไก่แดกดัน
“ถ้าเสียดายแกก็ลองหาวิธีให้เขากลับใจสิ เผื่อแกจะฟลุ๊คได้หนุ่มหล่อตรง สเป็คไปเดินควง”
ขาดคำสุรีกานต์ก็หัวเราะคิกคักกับวุ้นกรอบและพายไก่อย่างอารมณ์ดี นฤเบศยืนมองอย่างสงสัย น้ำฝนเอาน้ำมาเสิร์ฟ
“เห็นเม้าท์กันอยู่นาน ไม่คอแห้งบ้างเหรอจ๊ะสาวๆ”
สุรีกานต์มองนิ่งคิดแผนออก
“ขอบใจนะฝน แต่พอดีวันนี้พี่รู้สึกไม่ค่อยสบาย เจ็บคอนิดหน่อยน่ะ” สุรีกานต์หันไปทางนฤเบศ “พี่เบศช่วยไปเอาน้ำอุ่นให้โซ่หน่อยสิคะ”
นฤเบศชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ สุรีกานต์มองตอบอย่างยิ้มๆ
“พี่เบศนั่นแหละ เร็วๆ สิ โซ่หิวน้ำ”
“อะไรกันคุณ เมื่อเช้ายังเห็นดีๆ อยู่เลยนี่นา มาป่วยอะไรตอนนี้”
“เดี๋ยวฝนไปเอาให้เองก็ได้ค่ะ”
น้ำฝนจะไป สุรีกานต์เสียงแข็งใส่
“ไม่ได้...โซ่จะกินน้ำอุ่นที่ได้จากมือพี่เบศเท่านั้น”
“แต่...”
“พี่เบศเป็นผู้จัดการของโซ่ ก็ต้องดูแลโซ่เข้าใจมั้ย และถ้าพี่เบศไม่ยอมไปเอาน้ำมาให้โซ่ล่ะก็ วันนี้โซ่จะยกเลิกคิวถ่ายทั้งหมด และคนที่เดือดร้อนที่สุดก็คือพี่เบศ”
สุรีกานต์ยักคิ้วให้แบบเป็นต่อ นฤเบศจำใจเดินออกไป สุรีกานต์มองตามยิ้มขำ วุ้นกรอบ พายไก่ และน้ำฝนมองตามแบบงงๆ เพราะไม่เคยเห็นสุรีกานต์เป็นแบบนี้มาก่อน สุรีกานต์พึมพำ
“ทีใครทีมันนะ คุณสารวัตร”
นฤเบศเดินกลับไปกลับมาเอาน้ำให้สุรีกานต์หลายรอบ เพราะเธอแกล้งเปลี่ยนใจเปลี่ยนน้ำไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขายกถาดเอาน้ำทุกชนิดมาให้เธอในรอบเดียว...สุรีกานต์นั่งอยู่ใกล้ๆ แก้วดารา เนธาน อายอด และทีมงานคนอื่นๆ สุรีกานต์แกล้งร้อน และบอกให้นฤเบศพัดให้ เขาทำหน้าเอือมแต่ก็จำใจทำตาม
สุรีกานต์เข้าฉากถ่ายละครกับแก้วดาราและเนธาน ระหว่างพักสุรีกานต์ก็แกล้งให้นฤเบศมากางร่มให้ เขามองอย่างเคืองๆ...วุ้นกรอบ พายไก่ และน้ำฝนแอบมองอยู่มุมหนึ่งอย่างงงๆ
“สงสัยวันนี้อากาศจะร้อนจนทำให้เจ๊โซ่เพี้ยนไปแล้ว” วุ้นกรอบเปรยๆ
พายไก่แปลกใจ
“นั่นสิ ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา ไม่เคยเห็นเจ๊โซ่แผลงฤทธิ์มากเท่าวันนี้”
น้ำฝนมองนฤเบศอย่างเห็นใจ
“หรือว่าเบ็ตตี้จะไปทำอะไรขัดใจ ถึงโดนพี่โซ่แกล้งเอาแบบนี้ โถ น่าสงสารจริง”
แก้วดารา เนธาน และสุรีกานต์ ยืนเข้าฉากกันอยู่ในศาลา สุรีกานต์มองท่าทางเอาเรื่อง แก้วดารายืนน้ำตาคลอมีเนธานคอยปลอบใจอยู่ข้างๆ นฤเบศยืนถือร่มคอยอยู่ห่างจากศาลา หน้าตาเซ็งสุดๆ เสียงอายอดดังมา
“คัท โอเค พักกองก่อน ซีนต่อไปเป็นซีนกลางคืนเลย”
นฤเบศเดินจ้ำอ้าวมาลากแขนสุรีกานต์ออกไปทันที แต่เธอขัดขืนไม่ยอมตามไปง่ายๆ เธอกระซิบเขา
“นี่ อะไรของคุณเนี่ย จะลากฉันไปไหนห๊ะ”
“คุณต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ไป คุณสมองเสื่อมไปแล้วรึไง ตอนนี้คุณเป็นผู้จัดการฉันนะ คุณจะมาใช้กำลังบังคับฉันแบบนี้ไม่ได้”
“ผมไม่สน ถ้ายังอยากให้แผนผู้จัดการจอมปลอมของคุณเป็นความลับต่อไป คุณต้องตามผมมาเดี๋ยวนี้”
นฤเบศท่าทางเอาจริง ลากแขนเธอเดินต่อไป สุรีกานต์ไม่วายบ่นพึมพำด้วยความเจ็บ
พลอยนิลมาที่กองถ่ายละครตะวันสีรุ้ง พลางสอดส่ายสายตามองหาเนธาน แต่ก็ยังไม่พบ วุ้นกรอบและพายไก่เดินเม้าท์กันมามองเห็นพลอยนิลจึงเข้าไปทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณนิล”
พลอยนิลพยักหน้าให้อย่างแกนๆ วุ้นกรอบแอบเบะปากอย่างหมั่นไส้ พลอยนิลยังคงชะเง้อมองไปรอบๆ วุ้นกรอบกระแอม
“คุณนิลคะ”
“มีอะไร”
“มองหาใครอยู่รึเปล่าคะ”
“ใช่...เอ่อ...เปล่า...คือ...ฉันมาหาโซ่น่ะ พวกเธอสองคนรู้รึเปล่าว่าโซ่อยู่ที่ไหน”
“อายอดเพิ่งสั่งพักกอง เจ๊โซ่คงอยู่แถวนี้แหละค่ะ” พายไก่บอก
“คุณนิลจะเดินไปหาเจ๊โซ่เอง หรือว่าจะยืนรออยู่ตรงนี้ แล้วให้วุ้นไปตามเจ๊โซ่มาให้ถึงที่ดีคะ” วุ้นกรอบประชด
“ไม่ต้อง ฉันเดินไปเองได้” พลอยนิลเสียงแข็งใส่
“ โอเคค่ะ งั้นวุ้นกับพายขอตัวก่อนละกัน”
วุ้นกรอบและพายไก่เดินผละไป พลอยนิลมองหาเนธานอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาสุรีกานต์ที่ห้องแต่งตัว
พลอยนิลหันหลังกลับมาบังเอิญเจอกับเนธานที่เดินมาพอดี เนธานเห็นพลอยนิลก็ชะงักไป
ไม่นานนัก พลอยนิลและเนธานหลบมาคุยกันมุมหนึ่งในสวนสวย
“นิลมาที่นี่ทำไม นิลไม่ไว้ใจผมจนถึงกับต้องตามมาเฝ้าที่กองถ่ายเลยเหรอ”
“เปล่านะ นิลมาทำธุระแถวๆ นี้ก็เลยแวะมาหา นิลก็แค่เป็นห่วงธานเท่านั้นเอง”
“นิลห่วงผมจริงๆ หรือห่วงตัวเองกันแน่”
“ถ้าธานไม่มีอะไรปิดบังจริงๆ ทำไมต้องโมโหด้วย”
เนธานอึกอัก
“ก็นิลบอกเองไม่ใช่เหรอว่ายังไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ แล้วคุณตามมาเฝ้าผมแบบนี้ คนอื่นก็สงสัยกันหมดน่ะสิ”
“คนอย่างพลอยนิลไม่มีวันทำอะไรโง่ๆอย่างนั้นหรอก ใครๆก็รู้ว่าโซ่สนิทกับนิลแค่ไหน นิลจะแวะเยี่ยมโซ่ที่กองถ่ายบ้างก็ไม่เห็นแปลกนี่”
เนธานพยักหน้า
“นิลน่ะไว้ใจธานเสมอ แต่เมื่อไหร่ที่ธานทำลายความไว้ใจที่นิลมีให้ธานล่ะก็ นิลไม่ยอมง่ายๆ แน่”
“คุณคิดมากไปแล้วนิล ผมมาทำงานนะ แล้วละครเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกของผม ผมต้องโฟกัสกับงานเพื่อให้มันออกมาดีที่สุด ผมไม่มีเวลามาสนใจใครหรอกน่า”
“ให้มันจริงอย่างที่พูดเถอะค่ะ ถ้าข่าวมาเข้าหูนิลล่ะก็ นิลไม่ปล่อยเอาไว้แน่”
เนธานตัดบท
“ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า เดี๋ยวผมต้องไปซ้อมบทต่อ ผมขอตัว”
เนธานได้แต่เซ็งเดินผละไป พลอยนิลมองตามอย่างหงุดหงิด
นฤเบศลากแขนสุรีกานต์มาถึงกลางสะพานไม้ข้ามคลอง
“โอ๊ย นี่คุณจะลากฉันไปถึงดาวอังคารเลยรึไงห๊ะ ฉันเจ็บ ปล่อยฉันได้แล้ว”
สุรีกานต์บ่นพลางสะบัดมือออกจากมือเขา
“ก็ดี งั้นเรามาพูดกันตรงๆ เลย ทำไมคุณต้องแกล้งผมด้วย”
“ฉันไปแกล้งคุณตอนไหนไม่ทราบ”
“ก็ที่คุณใช้ให้ผมเดินไปเอาน้ำให้คุณสิบๆรอบ ให้ผมคอยพัด คอยกางร่ม อะไรต่อมิอะไรสารพัด โดยการอ้างว่ามันคือหน้าที่ของผู้จัดการส่วนตัว ถ้ามันไม่เรียกว่าแกล้ง แล้วเรียกว่าอะไรไม่ทราบ”
สุรีกานต์แอบยิ้มขำ
“ฉันไม่ได้แกล้งนายจริงๆ ที่ฉันทำไปก็เพื่อหน้าที่ล้วนๆ”
“หน้าที่งั้นเหรอ”
“ใช่ ก็ที่ฉันหาทางแกล้ง เอ๊ย...หาทางให้คุณได้อยู่ใกล้ๆ ฉัน ก็เพื่อให้คุณได้จับตาดูเนธานได้ทุกฝีก้าวไง”
นฤเบศถอนหายใจ
“แต่ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งเอาๆแบบนี้”
“แล้วทีคุณสั่งๆฉันล่ะ ฉันยังยอมทำตามคำสั่งคุณเลย คุณมันจอมเผด็จการ”
“จอมเผด็จการเหรอ...งั้นคุณก็เป็นนางร้ายลายคราม แถมยังแสบสุดๆ อีกต่างหาก"
สุรีกานต์โกรธ
“อ๊าย นี่คุณกล้าด่าว่าฉันแก่เหรอ”
สุรีกานต์โมโหเอามือผลักนฤเบศจนเสียหลักทำท่าจะหงายหลังตกน้ำ เขาหน้าเหวอร้องโวยเสียงดัง สุรีกานต์ตกใจ รีบเอามือฉุดกลับมาเต็มแรง จนนฤเบศเซถลาเข้ามาชิดและคว้าตัวเธอไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งสองตกอยู่ในอ้อมแขนกันและกัน วุ้นกรอบและพายไก่เดินเม้าท์กันมาถึงหัวสะพานเห็นเข้าพอดี วุ้นกรอบมองอึ้งๆ
“โอ๊ะ แม่เจ้า”
สุรีกานต์และนฤเบศเห็นวุ้นกรอบกับพายไก่มองมาก็รีบผละจากกัน วุ้นกรอบและพายไก่รีบวิ่งขึ้นไปหาที่กลางสะพาน
“หลบมาซ้อมบทกันถึงนี่เลยเหรอเจ๊” วุ้นกรอบหันไปทางนฤเบศ “แหม เบ็ตตี้ นี่ถ้าไม่รู้ว่าเธอเป็นเกเก้แบบฉัน ฉันคงจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เพราะช็อตเมื่อกี้มันดูพระเอ๊ก พระเอก แมนมั่กๆ ถ้าฉันเป็นเจ๊คงระทวยอยู่ในอ้อมแขนของเธอแล้วล่ะ...เนอะ นังพาย”
พายไก่พยักหน้า
“ถูกต้อง”
สุรีกานต์หน้าเหวอ พยายามส่งซิกไม่ให้วุ้นกรอบพูด แต่ก็ไม่ทัน นฤเบศมองอย่างสงสัยเริ่มปะติดปะต่อเหตุการณ์ได้ว่าทำไมคนในกองถึงมองตัวเองด้วยสายตาแปลกๆ
นฤเบศนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ขณะที่เขามาเดินถือบทละครจะเอาไปให้สุรีกานต์ ผ่านทีมงานที่ต่างหันมามองเขาแล้วหันไปซุบซิบกัน จนเขาต้องก้มลงมองดูตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่าอย่างงงๆและตอนที่น้ำฝนเอาน้ำมาเสิร์ฟ
“น้ำเย็นๆ มาแล้วค่ะ” น้ำฝนหันมาเห็นนฤเบศ “อ้าวตัวเอง มาอยู่ตรงนี้เองเหรอ”
นอกจากนี้เขายังนึกถึงคำพูดของวุ้นกรอบ และพายไก่ที่พูดกับเขาแปลกๆ
“โอ๊ย ไม่ต้องแอ๊บหรอกน่า คนทั้งกองน่ะเขารู้กันหมดแล้ว ดูอย่างฉันสิทั้งเปิดเผย ทั้งโจ่งแจ้ง ใช้ชีวิตมีความสุขจะตายไป แต่แหม นึกแล้วก็เสียดาย ทั้งหล่อ ทั้งเร้าใจแบบนี้ ไม่น่าเล๊ย”
“นี่วุ้น พันธุ์เดียวกันก็ไม่เว้นนะ แกกะจะฟาดหมดเลยใช่มั้ยเนี่ย”
นฤเบศ นึกได้ก็หน้าเหวอ
“เกเก้งั้นเหรอ”
พายไก่ยิ้มขำ
“ไม่เห็นต้องงงเลย คือ วุ้น มันหมายความว่า เธอน่ะเป็นเกย์ไง”
นฤเบศตาลุกโชน
“เกย์เหรอ”
วุ้นกรอบเหล่ๆ
“แหม ทำเป็นแอ๊บนะยะ อลิซาเบธ”
นฤเบศอึ้งๆ
“อลิซาเบธ ด้วยเหรอ”
นฤเบศส่งสายตาพิฆาตไปทางสุรีกานต์ หญิงสาวได้แต่ยิ้มแหยๆรีบหาทางเลี่ยง
“เอ่อ วุ้น ที่แกมาตามเนี่ย อายอดเรียกไปถ่ายซ่อมเพิ่มใช่มั้ย โอเค เดี๋ยวฉันรีบไปเดี๋ยวนี้เลยละกันนะ”
สุรีกานต์หาเรื่องชิ่งหนี หันหลังกำลังจะรีบเดินไป นฤเบศกับวุ้นกรอบเรียกไว้
“เดี๋ยว”
สุรีกานต์ชะงัก ค่อยๆ หันมามองยิ้มแหยๆ พึมพำเบาๆ
“อะไรจะพร้อมใจเรียกกันขนาดนี้”
“อายอดไม่ได้ให้มาตาม แต่คนที่มาหาเจ๊น่ะ คุณนางเอกเพื่อนเจ๊ต่างหาก”
สุรีกานต์ตกใจ
“นิลเหรอ”
สุรีกานต์ลากนฤเบศเข้าไปในสวน เขาโวยวายไม่หยุด
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ เที่ยวไปบอกคนอื่นว่าผมเป็นเกย์ได้ยังไง แถมยังมาตั้งชื่อ อลิซาเบธ เบ็ตตี้ บ้าบออะไรนี่อีก”
“คุณใจเย็นก่อนสิ ฉันอธิบายได้”
“ผมเย็นจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ”
“เถอะน่า เรื่องนี้ค่อยคุยกันวันหลัง แต่ตอนนี้คุณต้องหลบนิลก่อน เพราะฉันขี้เกียจมาตอบคำถามเรื่องของคุณ นะ ถือว่าฉันขอร้อง”
“ทีอย่างนี้ทำมาเป็นขอร้อง ผมควรจะเมตตาคุณมั้ยเนี่ย”
“เอาน่า เห็นแก่มนุษยธรรม อย่างน้อยฉันก็เป็นเพื่อนร่วมทีมสายลับกับคุณนะ”
สุรีกานต์ลากแขนนฤเบศเดินไปต่อ เขาส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ พลอยนิลเดินมาพอดี สุรีกานต์ปล่อยแขนนฤเบศทันที เขาหลบไปยืนด้านหลัง ทำไม่รู้ไม่ชี้ พลอยนิลมองไปทางนฤเบศ
“นี่คงเป็นผู้จัดการคนใหม่ของแกสินะ”
“เอ่อ ใช่...นี่ พี่เบศ ผู้จัดการส่วนตัวของฉัน...มีธุระไม่ใช่เหรอ รีบไปสิ”
นฤเบศรีบบอก
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
นฤเบศเดินผละไปทันทีแต่ไม่วายส่งสายตาคาดโทษสุรีกานต์ พลอยนิลมองๆ
“ไม่ยักรู้นะ ว่าแกมีผู้จัดการส่วนตัวกับเขาด้วย”
“แกคงไม่ได้มาหาฉัน เพื่อถามเรื่องผู้จัดการคนใหม่ของฉันหรอกนะ”
“แกก็น่าจะรู้นะว่าฉันมาทำไมที่นี่”
“นิล ฉันเตือนแกหลายครั้งแล้วนะ ทำไมแกไม่เปิดหูเปิดตามองความจริงดูบ้าง ธานอาจจะไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับแกก็ได้ แล้วแกจะทนบูชาความรักที่มันอยู่บนความเลื่อนลอยแบบนี้ไปทำไม”
“ธานจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับฉัน ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ต้องให้แกมาช่วยออกความเห็น พูดกับคนไม่เคยมีความรักอย่างแก ยังไงก็ไม่มีวันเข้าใจ”
“ที่ฉันพูดไป ก็เพราะฉันเป็นห่วงแกนะนิล”
“ถ้าแกเป็นห่วงฉันจริง แกต้องช่วยจับตามองธานอย่าให้คลาดสายตา โดยเฉพาะอย่าให้ไปอยู่กับยัยเด็กไวไฟนั่นเด็ดขาด ฉันขอร้องแค่นี้แกคงช่วยฉันได้นะโซ่”
พลอยนิลพูดจบก็เดินออกไป สุรีกานต์ถอนหายใจเซ็งๆ ที่พยายามเตือนเรื่องเนธาน แต่พลอยนิลก็ไม่เชื่อ
พลอยนิลกำลังจะกลับ บังเอิญเจอกับแก้วดารา
“อ้าว พี่นิล เจอกันอีกแล้วนะคะ รู้สึกว่าช่วงนี้เราบังเอิญเจอกันบ่อยจริง”
“ฉันแค่แวะมาหาเพื่อนฉัน จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้อยากบังเอิญเจอกับเธอบ่อยนักหรอก เพราะเจอเธอทีไร ฉันต้องเสียเวลาไปทำบุญเก้าวัดล้างซวยทุกที”
“แต่แก้วว่าพี่นิลคงต้องเสียเวลาไปทำบุญอีกนานเลยล่ะค่ะ เพราะเพื่อนที่พี่นิลมาหา ก็บังเอิญเป็นเพื่อนสนิ๊ท สนิท ของแก้วเหมือนกัน เราเลยบังเอิญเจอกันทุกที”
“เธอหมายความว่ายังไง แก้วดารา”
“ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียนี่คะ ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง พี่นิลก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าแก้วหมายความว่าอะไร”
“ไม่จริง สิ่งที่เธอพูด เป็นเรื่องโกหกที่เธอตอ เอ๊ย...สร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น”
“พี่นิลพูดเองนะคะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง งั้นถ้าแก้วจะคบกับธาน พี่นิลคงไม่ว่าอะไร…จะไม่แสดงความยินดีกับความรักของรุ่นน้องร่วมอาชีพหน่อยเหรอคะ”
“ฉันว่าเปลี่ยนเป็นแสดงความเสียใจล่วงหน้าจะดีกว่านะ เธอแน่ใจเหรอว่าคนอย่างเธอจะมีดีพอให้เขาเลือก ใครๆ เขาก็เม้าท์กันให้แซ่ดไปหมด ว่าที่มาของนางเอกดาวรุ่งอย่างเธอน่ะมันเป็นยังไง สร้างภาพเป็นนางเอกเจ้าน้ำตาน่าสงสาร แต่ความจริง เที่ยวระรานคนอื่นเขาไปทั่วเพื่อลบปมด้อยของตัวเอง”
แก้วดาราชักฉุน
“นี่ พี่นิลด่าแก้วเหรอค่ะ”
“เปล่า เธอก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง ก็ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียนี่” พลอยนิลยิ้มเยาะ “เธอกับฉันมันคนละรุ่นกัน คราวหลังอย่ามาแส่หาเรื่องใส่ตัวอีก จำเอาไว้”
แก้วดาราเตรียมมีเรื่อง แต่นักข่าวมาทำข่าวในกองผ่านมาเห็นพอดี
“อ้าว น้องแก้วดารา หลบมาอยู่นี่เอง พี่อยากขอสัมภาษณ์หน่อยน่ะ เอ๊ะ...คุณพลอยนิลก็มาด้วยเหรอคะ”
พลอยนิลยิ้มแย้มให้นักข่าว
“นิลแวะมาทักทายตามประสาพี่น้องร่วมวงการน่ะค่ะ จริงมั้ยคะน้องแก้ว”
พลอยนิลและแก้วดาราจึงสงบศึกกันชั่วคราว หันมาแกล้งทำเป็นรักกันหวานชื่น โอบกอดกันท่าทางสนิทสนมให้นักข่าวถ่ายภาพ แต่ในใจอยากจะฉีกอีกฝ่ายหนึ่งเป็นชิ้นๆ
เย็นนั้น สุรีกานต์เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เตรียมตัวกลับบ้าน วุ้นกรอบและพายไก่เดินมาส่งที่รถ นฤเบศนั่งหน้าเครียดรออยู่ในรถ
“ฉันล่ะอิจฉ๊าอิจฉา มีบอดี้การ์ดหน้าหล่อขับรถมารับมาส่ง ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ ก็เถอะ” วุ้นกรอบเย้าแหย่
“คราวหลังไม่ต้องย้ำมากก็ได้นะเรื่องนี้น่ะ…ฉันกลับก่อนล่ะนะ”
พายไก่โบกมือให้
“โชคดีนะเจ๊”
วุ้นกรอบชะโงกหน้าไปที่กระจกรถ โบกมือบ๊ายบายนฤเบศ
“บ๊ายบาย เบ็ตตี้ ไว้เจอกันอีกนะต๊ะเอง”
สุรีกานต์หันไปเห็นนฤเบศนั่งหน้าบึ้งอยู่ในรถก็ยิ้มแหยๆ แต่ก็จำต้องขึ้นไปนั่งบนรถ สุรีกานต์หันไปโบกมือลาวุ้นกรอบและพายไก่ ทั้งสองคนโบกมือตอบ
แล้วนฤเบศก็ขับรถออกไป
นางร้ายสายลับ ตอนที่ 5 (ต่อ)
นฤเบศขับรถสุรีกานต์มาจอดที่ลานจอดรถแห่งหนึ่งอย่างกระแทกกระทั้นด้วยความโมโห เขาเปิดประตูลงจากรถแล้วไปยืนพิงอยู่ข้างรถ สุรีกานต์เปิดประตูเดินลงมาหา
“นี่คุณกะวางแผนฆาตกรรมฉัน ทั้งเช้าทั้งเย็นเลยใช่มั้ย”
นฤเบศหน้าบึ้งไม่ตอบ
“เอ...หรือว่างอนไม่เลิก ทำตัวเป็นผู้หญิงไปได้ หรือว่าคุณจะเปลี่ยนใจเป็นเกเก้ไปแล้วจริงๆ ฮะตัวเอง” สุรีกานต์แหย่
นฤเบศหน้าเข้ม
“นี่คุณดารา หยุดล้อผมเล่นสักทีได้มั้ย”
“โอเคๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้”
“ทำไมคุณจะต้องไปโกหกคนอื่นแบบนั้นด้วย”
“ที่ฉันทำไปก็เพื่อให้มันแนบเนียน แค่ฉันมีผู้จัดการส่วนตัว คนอื่นเขาก็สงสัยจะแย่แล้ว ขืนถ้าบอกคนอื่นไปว่าคุณเป็นชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มีหวังจบเห่แน่”
“แต่ผมก็ยังไม่เห็นว่ามันจะดีตรงไหน ที่ต้องไปหลอกคนอื่นว่าผมเป็นเกย์”
“ดีสิ ดีแน่นอน คุณก็จะได้อยู่ใกล้ฉันตลอดเวลาโดยที่คนอื่นไม่ติดใจสงสัยไง แต่ถ้าคุณเป็นผู้ชาย แล้วมาป้วนเปี้ยนอยู่ติดกับฉันตลอดเวลาแบบนี้ ข่าวฉาว ข่าวซุบซิบระหว่างฉันกับคุณก็จะไม่มีวันจบ แถมอาจทำให้ริชาร์ดพลอยสงสัยไปด้วย แค่นี้มีเหตุผลพอมั้ย”
นฤเบศยอมจำนนต่อเหตุผล ถอนใจอย่างเซ็งๆ
“แต่ผมทำไม่ได้”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอกน่า แค่ทุกคนพูดอะไรคุณก็อือออไปตามน้ำ แถมคุณแต่งตัวเนี๊ยบทุกกระเบียดนิ้วขนาดนี้ รับรองไม่มีใครสงสัยคุณหรอก โอเค๊...ถ้าหายข้องใจแล้ว ก็ช่วยถอยไปหน่อย ฉันจะกลับบ้าน”
นฤเบศถอยให้ สุรีกานต์เปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ แล้วลดกระจกลงแกล้งล้อๆ
“ฉันไปก่อนนะเบ็ตตี้ บ๊ายบาย”
สุรีกานต์ขับรถออกไป นฤเบศมองตามแค้นๆ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยนางร้ายตัวแสบ”
นฤเบศเดินไปยังรถกระบะของตัวเองที่จอดไว้มุมหนึ่ง แล้วขับรถออกไปเช่นกัน
นฤเบศขับรถเข้าไปจอดในโรงรถ ป้ามลกำลังรดน้ำต้นไม้ในสวนหย่อมหน้าบ้าน
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณหนู”
“ครับป้า มาผมช่วยเองครับ”
นฤเบศเข้าไปช่วยป้ามลรดน้ำต้นไม้ ป้ามลมองสังเกต
“เอ หมู่นี้ ป้าว่า คุณหนูดูแต่งตัวหล่อผิดปกติ ดูหนุ่มเจ้าสำอางมากขึ้น หรือว่าแอบไปปิ๊งสาวที่ไหน ใช่มั้ยคะ”
นฤเบศก้มมองเสื้อผ้าตัวเอง รีบปฏิเสธ
“เปล่านะครับป้า สาวที่ไหน ไม่มีหรอก”
“เอ ไม่ได้ปิ๊งสาวเหรอคะ แล้วจะแต่งตัวหล่อไปทำไม” ป้ามลทำท่านึก “ว๊าย ตายแล้ว หรือว่าคุณหนูจะเปลี่ยนใจไม่รักผู้หญิง แต่ไปรักผู้ชายแทนคะ”
นฤเบศสะดุ้ง
“เฮ้ย ไม่ใช่แบบนั้นครับป้า คือช่วงนี้ผมมีภารกิจพิเศษนิดหน่อย เลยต้องแต่งตัวแบบนี้น่ะครับ”
ป้ามลมองๆ
“แน่ใจนะคะ”
“แน่ใจสิครับป้า ป้าเลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็ก ป้าก็น่าจะรู้ว่าผมเป็นยังไง”
ป้ามลหัวเราะขำ
“ป้าล้อเล่นน่ะค่ะคุณหนู แหม ทำตกอกตกใจไปได้ เดี๋ยวป้าไปเตรียมอาหารเย็นดีกว่านะคะ ส่วนตรงนี้ฝากคุณหนูด้วยแล้วกัน”
ป้ามลเดินหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี นฤเบศนึกถึงหน้าสุรีกานต์ที่ล้อเลียนเขา
“ฉันไปก่อนนะเบ็ตตี้ บ๊ายบาย”
นฤเบศนึกเคืองสุรีกานต์ขึ้นไปอีก เลยฉีดน้ำสายยางสะบัดไปมาระบายอารมณ์
ค่ำนั้น พ่อเลี้ยงกำธรนำลูกน้องไปจัดการเรื่องสินค้าที่ด่านศุลกากร เจ้าหน้าที่ยื่นเอกสารให้
“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“ครับ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกคุณเสียเวลา”
พ่อเลี้ยงกำธรยิ้มแย้ม
“ไม่เป็นไร แค่นี้เรื่องเล็กน้อย ผมต้องขอบคุณคุณมากกว่า ที่ช่วยให้งานของผมราบรื่นต่อไปได้ นี่ครับ แทนคำขอบคุณจากผม”
พ่อเลี้ยงกำธรยื่นซองเงินให้ เจ้าหน้าที่รับซองเงินไป ทั้งสองคนยิ้มๆ อย่างรู้กัน
“เสร็จธุระแล้ว งั้นผมขอตัวก่อน”
“เชิญครับ ผมว่าจะขออยู่ตรวจดูสินค้าอีกหน่อย จะได้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดอีก”
เจ้าหน้าที่เดินออกไป พ่อเลี้ยงกำธรส่งสัญญาณให้ลูกน้องไปตรวจเช็คเรือสินค้า ลูกน้องก้มหัวรับคำสั่งแล้วก็แยกย้ายกันออกไป
พ่อเลี้ยงกำธรกดโทรศัพท์หาริชาร์ด
เวลานั้น ริชาร์ดกำลังนั่งดื่มอยู่ในผับ มีสาวสวยล้อมรอบกาย ถัดออกไปมีบอดี้การ์ด 2 คนคอยยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ริชาร์ดเห็นเป็นเบอร์พ่อเลี้ยงกำธรก็กดรับสาย
“ว่าไงพ่อเลี้ยง ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย... ดี...แล้วผมจะตอบแทนให้ตามที่คุณต้องการ”
ริชาร์ดวางสายพ่อเลี้ยงกำธรอย่างอารมณ์ดี แล้วหันไปดื่มกับเหล่าสาวสวยในผับต่อ
เช้าวันใหม่...นฤเบศขับรถมาส่งสุรีกานต์ที่กองละคร เธอยิ้มเบิกบานลงจากรถ ส่วนเขายังคงนั่งอยู่ในรถ
“แหม ฉันนึกว่าคุณยังไม่หายงอนจนไม่ยอมมาทำหน้าที่ผู้จัดการซะแล้ว เอ...รึว่าคุณเป็นห่วงฉัน ใช่มั้ย”
“อย่าเข้าข้างตัวเองให้มันมากนักเลยคุณดารา ที่ผมยอมทำแบบนี้ก็เพราะหน้าที่ต่างหาก แล้วคุณก็อย่าลืมมาทำหน้าที่สายลับตามสัญญาบ้างก็แล้วกัน”
สุรีกานต์ย่นจมูกใส่ นฤเบศยักคิ้วตอบอย่างไม่ยอมแพ้ กวินเดินมาพอดี
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณสุรีกานต์ สวัสดีครับคุณเบศ”
สุรีกานต์ปรับโหมดหันมายิ้มหวานตอบกวิน นฤเบศก้มหัวให้เชิงทักทายเล็กน้อย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณวินมาแต่เช้าเลยนะคะ”
สุรีกานต์ยิ้มเขิน นฤเบศแอบสังเกตท่าทางของกวินและสุรีกานต์ ก็พอจะรู้ว่ากวินมีท่าทีชอบสุรีกานต์ ส่วนเธอก็ดูเหมือนยินดีที่จะรับไมตรีจากเขาเช่นกัน
“ผมกำลังจะเข้าไปด้านใน ไปด้วยกันนะครับ”
“พอดีโซ่มีธุระจะคุยกับผู้จัดการโซ่นิดหน่อย เดี๋ยวโซ่รีบตามไปค่ะ”
กวินยิ้มรับจำใจเดินผละไป สุรีกานต์ยิ้มปลื้มมองตาม นฤเบศแกล้งตะโกน
“นี่คุณ...ยืนชะเง้อจนคอจะยาวเท่ายีราฟอยู่แล้ว ชอบเขาทำไมไม่บอกเขาไปตรงๆ เลยล่ะ”
สุรีกานต์หน้าเสีย
“คุณจะบ้าเหรอ ตะโกนเสียงดังทำไมเนี่ย แล้วใครชอบใครที่ไหน ฉันกับคุณวิน เราเป็นแค่เพื่อนกันย่ะ”
นฤเบศยิ้มล้อๆ
“ยืนเคลิ้มตาลอยท่าทางอินเลิฟขนาดนั้น ยังปากแข็งอีกเหรอ ใจลอยมากๆ ระวังเดินสะดุดหกล้มแข้งขาหักล่ะ เดี๋ยวจะอดเข้าฉากกับพระเอกหนุ่มในฝัน”
สุรีกานต์ฉุนกึก
“อย่ามาแช่งฉันนะ เพราะปากเสียอย่างนี้เลยไม่มีวันได้อินเลิฟกับผู้หญิงคนไหนสักที แล้วจะบอกให้นะ ผู้หญิงที่ไหนเขาก็ชอบผู้ชายพูดเพราะอ่อนโยนอย่างคุณกวินมากกว่าผู้ชายปากร้ายอย่างคุณ”
นฤเบศอึ้งไปแอบรู้สึกแปลกๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก สุรีกานต์กำลังจะเดินเข้าไปด้านในกองละคร แต่ก็ชะงักหันหลังกลับมา
“อ้อ คุณผู้จัดการ อย่ามัวโอ้เอ้รีบตามมาเร็วๆ ล่ะ”
“วันนี้ผมขอบาย ติดประชุม ที่สำคัญไม่อยากจะอยู่เป็นก้างขวางคอใคร”
นฤเบศเดินไปขึ้นรถแล้วขับรถออกไปทันที สุรีกานต์มองตามอย่างขัดใจที่วันนี้ไม่มีคนไว้ให้แกล้ง
ในห้องประชุม สำนักงานกองบัญชาการตำรวจ ทีมเดอะซันนั่งอ่านข่าวบันเทิง เรื่องที่สุรีกานต์ปฏิเสธข่าวฉาวกับชายหนุ่มปริศนา และเปิดเผยว่าจริงๆ แล้วเป็นผู้จัดการส่วนตัว รูปในหนังสือพิมพ์ลงภาพสุรีกานต์แถลงข่าวที่กองละครท่าทางยิ้มแย้ม โดยมีรูปนฤเบศยืนถัดออกไปไกลๆ เห็นหน้าไม่ค่อยชัด จ่ายมมองอย่างชื่นชม
“จริงๆ แล้วสารวัตรของเราก็หน้าตาหล่อเหลาไม่แพ้พระเอกละครเลยนะครับ นี่ขนาดเห็นแค่เสี้ยวหน้าเบลอๆเท่านั้นนะเนี่ย”
ปรีติแปลกใจ
“จริงด้วยจ่า ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา ผมยังไม่เคยเห็นสารวัตรยอมเปลี่ยนลุคส์ขนาดนี้เลยนะเนี่ย”
ประเสริฐพูดขึ้น
“ผมว่าคงเป็นความต้องการของคุณโซ่มากกว่านะครับ จริงๆแล้วก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องงานด้วยส่วนหนึ่ง”
อัศวินคิดๆ
“ก็จริง แต่ มันชักจะยังไงๆ อยู่นะ สารวัตรจอมโหดของเรา ทำไมยอมแพ้ผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่นี้ได้”
นฤเบศเดินเข้ามา ทีมเดอะซันลุกขึ้นทำความเคารพ นฤเบศมองหนังสือพิมพ์ในมือจ่ายม
“อัพเดทข่าวบันเทิงกันแต่เช้าเชียวนะจ่า”
“เรียกว่าข่าวบันเทิงกึ่งตำรวจซะมากกว่าครับ”
นฤเบศสงสัย จ่ายมยิ้มๆ ยื่นหนังสือพิมพ์ให้ดู นฤเบศเห็นภาพข่าวและเห็นรูปสุรีกานต์ที่ยิ้มร่าก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาเพราะนึกเคืองอยู่
“ผมไม่เห็นว่ามันจะน่าสนใจตรงไหน ก็แค่นางร้ายคนนึงเปิดเผยว่ามีผู้จัดการส่วนตัว เรื่องคดีของเราสำคัญกว่าเยอะ ใช่มั้ยจ่า”
“แหะๆ ใช่ครับสารวัตร” จ่ายมรีบพับเก็บหนังสือพิมพ์
นฤเบศหันไปหาอัศวิน
“ผู้กองอัศวิน เรื่องสินค้าของริชาร์ดมีความคืบหน้ายังไงบ้าง”
“ผมเช็คข่าวดูแล้ว ดูเหมือนว่าสินค้าที่พวกมันลำเลียงมาทางเรือจะถูกกักไว้ที่ด่านศุลกากร แต่ไอ้พ่อเลี้ยงกำธรมันใช้ทั้งเงินทั้งอิทธิพลจนหลุดรอดออกมากได้ ตอนนี้พวกมันคงลำเลียงสินค้าออกไปหมดแล้วครับ”
“ไอ้พวกนี้มันเร็วจริงๆ แต่ก็แปลก ริชาร์ดทำธุรกิจส่งออกสินค้ากับเครือข่ายหลายประเทศ เรื่องขนส่งสินค้าแค่นี้ไม่น่ามีปัญหา” จ่ายมบอกอย่างสงสัย
ทุกคนนั่งเงียบอย่างครุ่นคิด นฤเบศเคร่งเครียด
“เว้นแต่ว่าริชาร์ดอาจจะแอบซ่อนยา CN1 มาพร้อมกับสินค้าพวกนั้น และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แสดงว่าใกล้เวลาที่ไอ้ยานรกนี่จะแพร่กระจายไปทุกที เราจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
อัศวินหนักใจ
“เสียดายที่ตอนเราจับกุมไอ้เสี่ยนาถได้ มันดันไม่ซัดทอดพ่อเลี้ยงกำธร เราเลยพลาดโอกาสสืบหาหลักฐานต่อ”
จ่ายมเห็นด้วย
“จริงด้วยผู้กอง ไม่งั้นป่านนี้เราคงได้ข้อมูลเกี่ยวกับไอ้ริชาร์ดมากกว่านี้ เผลอๆเราอาจจะปิดคดีได้ก่อนที่พวกมันจะลำเลียงยาเสพติดนั่นเข้าประเทศอีก”
ประเสริฐขัดขึ้น
“พวกมันไม่ยอมจนมุมกันง่ายๆหรอกจ่า แค่นี้มันก็สูญเสียรายได้มหาศาลแล้ว ตอนนี้พวกมันคงรีบจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุดก่อนพวกเราจะตามกลิ่นเจอ”
“ยังไงก็ตาม เราจะต้องปิดคดีนี้ให้ได้เร็วที่สุด เราจะพลาดอีกไม่ได้” นฤเบศหันไปทางปรีติ “หมวดปรีติ เรื่องคลิปว่ายังไงบ้าง”
“ในคลิปจากงานมูลนิธิสานสุขที่สารวัตรส่งมาให้ตรวจสอบ ริชาร์ดพูดถึงเรื่องนัดหมายกับใครบางคน คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับขบวนการค้ายาของมันแน่ๆ ครับ”
นฤเบศพยักหน้ารับ
“ผมก็คิดแบบนั้น….ยังไงฝากทุกคนตามเรื่องนี้ต่อด้วยนะ ยิ่งเรารู้ความเคลื่อนไหวของมันมากเท่าไหร่ เราก็มีโอกาสได้เบาะแสของคดีมากขึ้นเท่านั้น อย่าลืมว่าเวลาของเรามีไม่มาก ก่อนยาเสพติดนั่นจะแพร่ไปทั่ว เราต้องสกัดมันให้ได้”
ทุกคนรับคำแข็งขัน
แพรไหมเดินถือขนมเค้กตรงไปยังห้องของนฤเบศอย่างอารมณ์ดี กำลังจะเคาะประตูห้อง แต่นฤเบศเปิดประตูออกมาพอดี
“อ้าวน้องไหม มาได้ไงครับเนี่ย”
“สวัสดีค่ะพี่เบศ พอดีไหมทำเค้กมะพร้าวสูตรใหม่ เลยเอามาให้พี่เบศลองชิมค่ะ”
“ขอบใจนะ งั้นเข้ามาข้างในก่อนสิ”
สารวัตรนฤเบศรับขนมจากแพรไหมแล้วเปิดประตูให้เข้าไปในห้อง นฤเบศเอาขนมมาวางไว้บนโต๊ะ แพรไหมเดินตามมานั่งคุยด้วย
“ช่วงนี้พี่เบศคงยุ่งมาก ไหมเลยไม่ค่อยได้เจอพี่เบศเลย”
“ตอนนี้พี่รับผิดชอบคดีสำคัญอยู่น่ะ เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่ พี่ขอโทษด้วยนะที่ยังไม่มีเวลาแวะไปชิมขนมฝีมือไหมที่ร้านเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เบศอยากทาน เดี๋ยวไหมดิริเวอรี่ส่งถึงที่เลยค่ะ”
นฤเบศยิ้มเอ็นดู
“ขยันเกินไปแล้วนะเรา เป็นทั้งเจ้าของร้าน ทำขนมเอง แถมยังบริการเสิร์ฟลูกค้าถึงที่ด้วยตัวเองอีกเหรอ”
“ข้อสุดท้ายเป็นบริการพิเศษสำหรับพี่เบศคนเดียวเท่านั้นแหละค่ะ… ไหนๆเจ้าของร้านก็อุตส่าห์ดิลิเวอรี่ถึงที่แล้ว ลองชิมดูหน่อยนะคะ”
แพรไหมกำลังจะเปิดกล่องเค้กให้ชิม แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้น จ่ายมเดินเข้ามาด้านใน แพรไหมจำต้องวางกล่องเค้กลง
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะครับ คือทีมของเรามีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับคดีน่ะครับ”
“ได้ เดี๋ยวผมตามไปนะจ่า”
“ครับสารวัตร”
จ่ายมเดินออกไป นฤเบศหันมาหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะ เตรียมลุกออกไปทันที
“เดี๋ยวพี่ต้องไปประชุมก่อน เอาไว้เราค่อยคุยกันวันหลังนะจ๊ะ อ้อ...ว่างๆ แวะไปที่บ้านพี่ก็ได้ ป้ามลเขาบ่นคิดถึงคุณหนูแพรไหมของเขาใจจะขาดอยู่แล้ว”
นฤเบศพูดจบก็เดินหอบแฟ้มเอกสารออกไป ทิ้งกล่องเค้กที่แพรไหมเอามาให้โดยไม่ทันได้สนใจ แพรไหมมองกล่องเค้กอย่างเศร้าๆน้อยใจ
กวินนั่งอ่านและเซ็นเอกสารอยู่ในห้องทำงาน นัฐชาเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง กวินเซ็นเสร็จพอดี
“เอกสารด่วนที่ต้องเซ็นอนุมัติทั้งหมดในวันนี้ ผมเซ็นเรียบร้อยแล้วนะครับ คุณนัฐชาเอาไปดำเนินการต่อได้เลย
“ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่โทรไปรบกวนคุณกวินที่กองถ่าย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมถ่ายเสร็จพอดี…เดี๋ยวผมจะไปตรวจงานสนามกอล์ฟด้านล่างแล้วจะเลยกลับบ้านเลยนะครับ”
กวินลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินออกจากห้อง แต่นัฐชายังคงมองและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนกวินแปลกใจ
“คุณนัฐชามีอะไรอีกรึเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ ดิฉันก็แค่คิดว่า คุณกวินทั้งขยัน แถมหล่อกระชากใจสาวแบบนี้ อยากรู้จังนะคะว่าผู้หญิงคนไหนจะโชคดีได้มาแต่งงานกับคุณกวินน่ะค่ะ”
กวินยิ้มๆ
“ก็อาจจะเป็นคนที่อยู่ใกล้ๆตัวผมก็ได้นะครับ”
นัฐชาล้อเล่นขำๆ
“เอ๊ะ นัฐชาก็เป็นคนใกล้ตัวคุณกวินใช่มั้ยคะ”
กวินหัวเราะยิ้มให้นัฐชาอย่างอารมณ์ดี แล้วเดินออกไป
กวินเดินตรวจคลับเฮ้าส์จนผ่านมาถึงหน้าร้านเบเกอร์รี่แพรไหมซึ่งแขวนป้าย Close เอาไว้ เขามองอย่างสงสัย ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป...แพรไหมอยู่ด้านในครัวหลังร้าน ท่าทางเหม่อๆ เพราะรู้สึกเสียใจที่ นฤเบศไม่สนใจเค้กมะพร้าวที่ตั้งใจทำไปให้ กวินเดินเข้ามาเงียบๆ แกล้งแซว
“ขอเค้กอร่อยๆ สักชิ้นนึงได้มั้ยครับ”
“คุณกวิน” แพรไหมยิ้มอย่างยินดี “ขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ขนมที่ร้านหมดเกลี้ยงเลยค่ะ”
กวินเห็นเค้กมะพร้าวที่แพรไหมทดลองทำไปให้ นฤเบศวางเต็มไปหมด
“แล้วเค้กมะพร้าวพวกนี้ล่ะครับ หน้าตาน่าทานจัง”
“เหรอคะ ไหมคิดว่าหน้าตามันไม่น่าทานซะอีก”
กวินมองอย่างสงสัยกับท่าทางเศร้าๆ ของเธอ
“คือไหมตั้งใจทำให้ใครคนนึงน่ะค่ะ แต่เขาคงไม่ถูกใจ”
“คงเป็นคนพิเศษของคุณไหมใช่มั้ยครับ ใช่คุณเบศรึเปล่าครับ”
แพรไหมอ้ำอึ้ง
“ก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ เราสนิทกันตั้งแต่เด็ก พี่เบศก็เหมือนพี่ชายคนนึงของไหม”
กวินสงสาร แต่ก็ให้กำลังใจ
“น่าอิจฉาคุณเบศจังเลยนะครับ ที่มีน้องสาวน่ารักอย่างคุณไหมคอยดูแลแบบนี้”
“ไม่เห็นต้องอิจฉาเลยค่ะ เพราะคุณกวินก็มีคนพิเศษคอยดูแลอยู่แล้วนี่คะ”
กวินตกใจ
“คุณไหมว่าอะไรนะครับ”
“เอ่อ ไหมขอโทษนะคะ ไหมไม่ได้ตั้งใจก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคุณ”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ แต่ผมหมายถึงว่าเมื่อกี้คุณไหมบอกว่า ผมมีคนพิเศษแล้วงั้นเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ก็วันนั้น คุณกวินเคยมาสั่งเค้กที่ร้านแล้วให้ลงชื่อว่าสำหรับ เอ่อ...สุดที่รัก คุณกวินไม่ได้มีคนพิเศษอยู่แล้วเหรอคะ...เค้กสูตรนี้ไหมทำสุดฝีมือเลยนะคะคุณกวิน ขอให้มีความสุขในวันพิเศษกับคนพิเศษนะคะ”
กวินยิ้มกว้าง
“อ๋อ ใช่แล้วล่ะครับ เค้กชิ้นนั้นสำหรับคนพิเศษ ผมซื้อไปฝากสุดที่รักของผมเอง แล้วเขาคนนั้นก็เป็นสุดที่รักของคุณพ่อผมด้วย”
แพรไหมมองกวินแปลกใจ
“คุณแม่น่ะครับ ไม่ใช่สาวที่ไหนหรอก”
“คุณแม่เหรอคะ ตายแล้ว ไหมนี่น่าขายหน้าจริงๆ คิดเองเออเองอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็นผม ผมก็คงเข้าใจแบบนั้นเหมือนกัน”
แพรไหมเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย หัวเราะขำกับความเปิ่นของตัวเอง กวินยิ้ม
“ดูท่าทางคุณไหมจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วนะครับ”
“ไหมก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนี่คะ”
“โอเคครับ งั้นไหนๆ วันนี้ผมก็ว่างแล้ว ขออาสามาเป็นลูกมือเชฟมือหนึ่งหน่อยก็แล้วกัน ไม่ทราบว่าคุณเชฟจะว่ายังไงครับ”
“ด้วยความยินดีเลยค่ะ ไหมกำลังจะทำขนมต่ออยู่พอดีเลย”
กวินช่วยแพรไหมทำเครปเค้กซอสส้มอย่างตั้งอกตั้งใจ กวินตีแป้งส่วนผสม โดยมีแพรไหมคอยสอนอยู่ใกล้ๆ แพรไหมสาธิตการทำแป้งเครปให้ดู แผ่นแป้งเครปของเธอเสร็จออกมาสวยงาม กวินลองทำตามดูบ้าง แต่แผ่นแป้งเครปกลับไหม้ เขาหน้าเจื่อน แพรไหมหัวเราะขำๆ
แพรไหมจัดเรียงแป้งเค้กสลับกับวิปครีม โดยมีกวินคอยช่วยเกลี่ยวิปครีมให้แล้วปาดครีมปิดด้านบนกับด้านข้างเค้กจนเป็นเนื้อเดียวกัน แพรไหมหัวเราะขำท่าทางเก้งก้างของเขาแถมยังทำครีมเลอะหน้าอีก
แพรไหมเอาเครปเค้กออกจากตู้เย็น บีบครีมตกแต่งหน้าเค้ก โดยมีกวินคอยช่วยเติมชิ้นส้ม เธอค่อยๆ ตัดแบ่งเค้กออกเป็นชิ้นๆ ราดด้วยซอสส้มและตกเต่งหน้าเค้กอีกเล็กน้อย เขามองเธอที่ดูมีความสุขและตั้งใจกับการทำเค้กแล้วแอบอมยิ้ม
แพรไหมปิดประตูร้าน มีกวินยืนอยู่ข้างๆ
“ขอบคุณคุณกวินมากนะคะ ที่อุตส่าห์อยู่ช่วยไหมทำขนมจนเย็นขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรครับ นานๆ ผมจะได้ทำอะไรสนุกๆแบบนี้สักที เคยแต่ชิมฝีมือคนอื่น ได้ลองทำเองดูบ้างก็สนุกดีเหมือนกันนะครับ”
แพรไหมยื่นกล่องใส่เครปเค้กให้
“นี่ของฝากสำหรับคุณกวินค่ะ” แพรไหมยิ้มขี้เล่น “คุณจะได้เอาไปฝากคนพิเศษของคุณด้วยไงคะ ถ้าคุณแม่คุณชอบค่อยเฉลยก็ได้ค่ะว่าเป็นฝีมือคุณ”
“ขอบคุณครับ เจ้าของร้านใจดีขนาดนี้ สงสัยผมคงต้องมาเป็นลูกมือบ่อยๆซะแล้ว”
แพรไหมกับกวินยิ้มให้กัน
กวินกับกอบแก้วทานอาหารด้วยกัน
“ทำไมกลับค่ำนักล่ะลูก เห็นบอกแม่ว่าวันนี้มีคิวถ่ายละครแค่ตอนเช้าไม่ใช่เหรอ หรือว่าที่บริษัทมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“ผมถ่ายละครเสร็จตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ แล้วก็แวะไปเซ็นเอกสารด่วนที่บริษัทนิดหน่อย แต่ที่กลับช้าเนี่ยเพราะไปอาสาเป็นลูกมือเจ้าของร้านเค้กจนได้เค้กอร่อยๆ มาฝากแม่ไงครับ”
กวินพยักเพยิดไปทางเครปเค้กซอสส้ม ที่จัดวางใส่ในจานสวยงามน่ากิน กอบแก้วแปลกใจ
“ฝีมือวินเหรอลูก”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่รับรองว่าอร่อยแน่นอน คุณแม่ลองชิมดูสิครับ”
กวินกับกอบแก้วทานเค้กคุยกันไป มงคลเดินเข้ามาพอดี
“อ้าว คุณอา เชิญนั่งก่อนครับ”
“สวัสดีครับคุณกอบ คุณกวิน”
กอบแก้วยิ้มแย้มทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณมงคล ไม่ได้เจอหน้ากันนานเลยนะคะ”
“ครับ หมู่นี้งานที่บริษัทค่อนข้างยุ่ง ผมเลยไม่ค่อยมีเวลาแวะมาเยี่ยมคุณกอบเลย”
“นี่ผมให้คุณอาทำงานหนักเกินไปรึเปล่าครับเนี่ย” กวินแหย่
มงคลยิ้มกว้าง
“ไม่หรอก อาจจะเป็นเพราะอาแก่แล้ว ทำอะไรก็เชื่องช้ากว่าหนุ่มๆ สาวๆ อีกอย่างงานมันก็ไม่มีเวลามารออาซะด้วยสิ”
“ว่าแต่คุณอามีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าครับ ถึงได้มาถึงที่นี่” กวินถามเรียบๆ
“จริงๆ มันก็ไม่ด่วนนักหรอก อามาทำธุระแถวนี้พอดี ก็เลยติดเอกสารมาให้กวินเซ็น แล้วก็ถือโอกาสเยี่ยมคุณกอบด้วย”
มงคลยื่นแฟ้มเอกสารการจัดซื้ออุปกรณ์กอล์ฟให้ กวินรับมาเปิดมองผ่านๆ และเซ็นเอกสารโดยไม่ติดใจสงสัยอะไร กอบแก้วแอบมองอยู่เงียบๆ
กวินและกอบแก้วเดินมาส่งมงคลที่หน้าบ้าน
“จริงๆ แล้ว คุณอาอยู่คุยกันก่อนก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องรีบกลับเลย”
“ไม่ดีกว่า นี่ก็ดึกแล้ว ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณกอบกับกวิน ผมลาล่ะครับคุณกอบ อาไปก่อนนะกวิน”
มงคลเดินออกไป กอบแก้วหันมาถามลูกชาย
“คุณมงคล เอาเอกสารอะไรมาให้เซ็นเหรอลูก”
“เอกสารเกี่ยวกับการจัดซื้ออุปกรณ์ล็อตใหม่ของสนามกอล์ฟน่ะครับแม่”
“เอกสารสำคัญ ทำไมวินแค่เปิดดูผ่านๆ แล้วก็เซ็นชื่อเลย แม่ไม่อยากให้วินไว้ใจคนอื่นมากนักนะลูก”
กวินยิ้มๆ
“อามงคลไม่ใช่คนอื่นที่ไหนนะครับแม่ เขาช่วยงานเรามาตั้งแต่คุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ ผมก็เคารพนับถือคุณอาเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึงในครอบครัว แล้วที่สำคัญคุณอาเขาก็ดูแลเรื่องการจัดซื้อสินค้าของบริษัทเรามาตลอด หรือว่าคุณแม่ไม่ไว้ใจคุณอามงคลครับ”
“เปล่าจ้ะ แม่ก็แค่อยากเตือนไว้เห็นวินทำงานหนักทั้งงานบริษัท งานละคร แม่เป็นห่วง อยากให้วินรอบคอบมากกว่านี้น่ะลูก”
“ครับแม่ ต่อไปผมจะละเอียดรอบคอบให้มากกว่านี้ครับ ส่วนเรื่องที่ผมทำงานหนัก คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะตอนนี้ผมมีกำลังใจดีครับ”
“มีกำลังใจดีเหรอ...เอ...ใช่เจ้าของร้านเค้กแสนอร่อยคนนั้นรึเปล่าจ๊ะ”
“ไม่ใช่หรอกครับแม่ เราแค่เพื่อนกันน่ะครับ”
“เพื่อนอีกแล้ว คนโน้นคนนี้ที่แม่รู้จัก วินก็บอกว่าเป็นเพื่อนทุกคน แล้วเมื่อไหร่แม่จะได้เห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้สักทีล่ะ”
“ไม่แน่นะครับ คุณแม่อาจจะได้เห็นเร็วๆ นี้ก็ได้”
กอบแก้วแอบมองอย่างประหลาดใจ ที่เห็นลูกชายยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุข
สุรีกานต์นั่งอยู่บนเตียงนอนกำลังเพ้อถึงกวิน เธอนึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่ได้คุยกับเขาก่อนหน้านี้
“แต่ถ้าเราอยากรู้จักใครสักคนอย่างลึกซึ้ง มันก็จำเป็นไม่ใช่เหรอครับ”
สุรีกานต์เขิน
“แม้ว่าคนๆ นั้นอาจแตกต่างกับเรามาก เช่น อาจจะชอบอะไรไม่เหมือนกับเราเลยอย่างนั้นเหรอคะ”
กวินยิ้ม ตาซึ้งๆ
“คุณโซ่เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ยิ่งต่างยิ่งน่าสนใจมั้ยล่ะครับ”
สุรีกานต์ทีกำลังยิ้มเขินแบบเพ้อๆ
“คนอะไรน่ารักชะมัด”
เสียงโทรศัพท์มือถือของสุรีกานต์ดังขึ้น เป็นเบอร์ของนฤเบศโทรเข้ามา ก็เปลี่ยนอารมณ์เป็นหงุดหงิดทันที เธอกดรับสาย
“คุณมีอะไร ทำไมโทรมาซะดึกป่านนี้ ไม่เกรงใจว่าคนอื่นจะหลับจะนอนแล้วบ้างหรือไง”
“พูดได้ยาวเหยียดขนาดนี้ แสดงว่าคุณยังไม่ได้หลับซะหน่อยนี่”
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมา ฉันง่วง จะนอนแล้ว”
“สงสัยผมโทรมาขัดจังหวะฝันหวาน ถึงสุภาพบุรุษสุดเพอร์เฟ็คของคุณล่ะสิท่า”
สุรีกานต์อึกอัก
“จะบ้าเหรอ นี่ตกลงคุณโทรมาเพื่อจะหาเรื่องกวนประสาทฉันใช่มั้ย...ดี งั้นก็เชิญคุณพูดคนเดียวไปก็แล้วกัน ฉันจะนอนแล้ว”
“เฮ้ย...เดี๋ยวๆ ล้อเล่นแค่นี้ ไม่เห็นต้องโมโหเลยคุณ สงสัยจะฝันค้างจริงๆ แฮะ”
“นี่คุณสารวัตร”
“โอเคๆ ที่ผมโทรมาก็เพื่อจะบอกว่า คุณต้องมาประชุมกับทีมในวันพรุ่งนี้”
“แต่พรุ่งนี้มันเป็นวันหยุดของฉันนะ ฉันให้ตารางงานคุณไปแล้ว กรุณาใส่ใจดูด้วย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ คุณให้ฉันพัก พอพวกคุณประชุมเสร็จแล้วค่อยโทรมาบอกฉันแล้วกัน โอเคมั้ย”
“ไม่โอเค คุณต้องมาประชุมที่เซฟเฮ้าส์วันพรุ่งนี้ ไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น ผมไม่รบกวนเวลานอนของคุณแล้ว ฝันดีนะ คุณดารา แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
นฤเบศรีบวางสายทันที สุรีกานต์ได้แต่โมโหฮึดฮัดระบายอารมณ์เอากับหมอนบนเตียง
“คนอะไรกวนโมโหชะมัด”
อ่านต่อตอนที่ 6 เวลา 17.00 น.