xs
xsm
sm
md
lg

มนต์จันทรา ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มนต์จันทรา ตอนที่ 5

บ้านพักรับรองส่วนตัวของษมาในรีสอร์ตตอนเย็น ลำแพงกำลังเทน้ำสมุนไพรร้อนๆจากกระติกสีลายลงในถ้วย แล้วยกขึ้นจิบ โดยมีสาระวารียืนคุยโทรศัพท์มือถือสีหน้าเครียดอยู่ใกล้ๆ

“โดนปิดปากไปแล้วเหรอ อย่างงี้ก็สาวไม่ถึงตัวคนบงการน่ะสิ เออ ฝากตามข่าวด้วยแล้วกัน”
สาระวารีกดตัดสายด้วยความหงุดหงิด
ลำแพงพูดลอยๆ
“นักข่าวประจำพื้นที่ของสยามสารก็มีประจำที่ตราด ไม่รู้คุณจะอยู่ต่อทำไม”
“ไหนๆ ฉันก็อยู่ที่นี่แล้ว ทำเองไม่ดีกว่าเหรอคะ”
สาระวารีหงุดหงิด พูดต่อ
“เจ้านายคุณทำกับฉันยังงี้ มันริดรอนเสรีภาพสื่อมวลชนชัดๆ”
ลำแพงยักไหล่จิบน้ำสมุนไพรไป สาระวารีถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“คุณลำแพงดื่มอะไรคะ กลิ่นหอมจังเลย”
“น้ำสมุนไพรน่ะค่ะ ดิฉันทำเอง คุณจะลองซะหน่อยมั้ยคะ มันมีสรรพคุณช่วยลดความเครียดได้ด้วยนะ”
“ก็ดีค่ะ ถ้าเจอหน้าเจ้านายคุณ ฉันจะได้ไม่เครียด จนไปเผลอบีบคอเค้าตาย”
ลำแพงหน้านิ่งๆ ลุกขึ้นเดินไปหยิบแก้ว เพื่อจะเทน้ำสมุนไพรให้สาระวารีชิม
แต่เธอกลับหยิบกระติกสีพื้น คนละอันกับที่ตนเทดื่ม ก่อนจะเปิดฝาแล้วเทน้ำสมุนไพรใส่แก้ว ยื่นให้
สาระวารีรับน้ำมาดม
“กลิ่นหอมดีจริงๆเลยค่ะ ทำจากอะไรคะเนี่ย”
“หลายอย่างค่ะ คุณลองดื่มดูก่อนสิคะ ถ้าเย็นแล้วจะไม่ชุ่มคอ”
สาระวารีกำลังจะยกแก้วขึ้นดื่ม แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่จันเลาจะเปิด
ประตูเข้ามา
“คุณวารีครับ คุณษมาอยากคุยด้วยครับ”
สาระวารีหน้าหงิกทันที
“ถ้าไม่ยอมปล่อยฉันออกไปอีก ฉันจะโทรแจ้งความจริงๆด้วย”
สาระวารีวางแก้วน้ำสมุนไพรลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินหงุดหงิดออกจากบ้านรับรองตามจันเลาไปทันที
ลำแพงเดินมาหยิบแก้วน้ำสมุนไพรของสาระวารีขึ้น แล้วมองตามด้วยสายตาเกลียดชัง ก่อนจะเดินไปเทน้ำสมุนไพรในแก้วลงอ่างล้างหน้าในห้องน้ำจนเกลี้ยง!!
ลำแพงมีสีหน้าแววตาเครียดๆ เกลียดชังปนอิจฉาจนปวดหัว จนมีอาการปากกระตุกเล็กๆ อยู่ในที

ภายในร้านอาหารในรีสอร์ต สาระวารีมีท่าทีขึงขัง เสียงดังอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่กลับ บนเกาะอาจจะเป็นถิ่นของคุณ แต่ที่นี่ คุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับฉัน”
สาระวารีกำลังคุยกับษมา โดยมีโศภีนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย โศภีจิกตามองแบบไม่พอใจ
“อายคนเค้าบ้างสิ เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเสียงดังด้วย”
“คุณก็บอกเค้าสิ ว่าอย่ามาบังคับให้ฉันกลับกรุงเทพ ถ้าขืนขัดขวางการทำงานของฉันมากๆ ฉันจะแจ้งความจริงๆด้วย”
ษมาถอนใจบอก
“มีเหตุผลหน่อยได้มั้ยวารี ผมทำเพื่อคุณนะ”
โศภีแอบเหล่มองษมา ด้วยสายตาเคืองๆ
“ฉันเอาตัวรอดได้ อันตรายยิ่งกว่านี้ฉันก็เคยผ่านมาแล้ว คุณไม่ต้องห่วงฉันหรอก”
ษมาปวดหัวกับความดื้อของสาระวารี
โศภีหมั่นไส้
“อวดเก่งขนาดนี้ บอกความจริงเค้าไปเถอะค่ะษมา ไม่ต้องรอให้ชัวร์ก่อนหรอก เผื่ออยากจะใช้ความสามารถที่มีอยู่น้อยนิด สืบหาความจริงเอาเอง” โศภีแดกดันและเหยียดปากใส่
สาระวารีสงสัย
“ความจริงอะไรคะ”
ษมามองหน้าสาระวารี ยังไม่มั่นใจ
“บอกไปเถอะค่ะ”
“ผมยังไม่อยากด่วนสรุปปรักปรำเค้าจนกว่าจะแน่ใจ”
“ขนาดนี้แล้วยังไม่แน่ใจอะไรอีกคะ คุณไม่พูด ฉันพูดเอง รู้มั้ยว่าหลังจากที่อำนวย ออกจากนายดิตถ์
มันไปทำงานให้กับใคร คนๆนี้ถึงจะไม่มีอิทธิพล แต่มีเงินหนาพอที่จะทำคาสิโนต่อจากษมาได้แน่นอน เค้าอยู่เบื้องหลังการลอบยิงษมาเมื่อวาน”
สาระวารีสนใจทันที
“ใครเหรอคะ”
“คุณจิตติ พ่อเพื่อนเธอยังไงยะ”
โศภียิ้มหยัน สาระวารีตกใจสุดๆ ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ษมาก็มีสีหน้ายังไม่อยากปักใจเชื่อเช่นกัน
“ไงจ๊ะ แม่เหยี่ยวข่าว พ่อของเพื่อนรักเธอ เป็นคนบงการฆ่าษมาเพราะกะฮุบคาสิโนที่พระฮาม เธอจะกล้าตีข่าวมั้ยล่ะจ๊ะ”
สาระวารีลุกพรวด
“ฉันไปจะหาจิณห์ อย่ามาคิดห้ามฉันซะให้ยากเลย”
สาระวารีเดินออกไปจากร้านอาหารอย่างร้อนใจ ษมาได้แต่ถอนใจออกมา
“ดีไม่ดี นังนี่อาจจะเป็นสายให้เค้าก็ได้ ถึงได้รู้ความเคลื่อนไหวคุณไปซะหมด”

โศภีจิบเครื่องดื่มตรงหน้าไปอย่างอารมณ์ดีหลังจากยุแยงเสร็จ ษมาเงียบไปอย่างใช้ความคิด ลำดับเหตุการณ์ต่างๆในใจ

ในเวลาต่อมา สาระวารี เดินคุยกับจิณห์วราเข้ามาที่โถงบ้านจิตติ ทั้งคู่มีสีหน้าไม่สบายใจ

“บ้านฉันเป็นคนค้าขาย กลัวเรื่องมีคดีความที่สุด มันเสียทั้งเงินทั้งเวลา พ่อเครียดมากเลยนะวารี พรุ่งนี้มีนัดสอบปากคำแต่เช้าเลย” จิณห์วราถอนใจ
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพ่อเธอจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่มือปืนดันมาทำงานกับพ่อเธอนี่น่ะสิ ท่านเลยพลอยติดร่างแหต้องสงสัยไปด้วย”
จิณห์วราเจ็บใจ
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่ามันจะไปรับจ๊อบเป็นมือปืนแบบเนี้ย น้องชายมันก็ยืนยันหนักแน่นว่า พี่มันเลิกหมดแล้ว พ่อฉันเห็นว่าทำงานกันมานาน ก็เลยเชื่อใจรับพี่มันเข้ามา ซวยจริงๆเลย”
สาระวารีฉุกคิด
“น้องชายอำนวยยังทำงานอยู่กับพ่อแกรึเปล่า”
“ทำสิ ถามทำไมเหรอ”
สาระวารีมีสีหน้าใช้ความคิด อยากหาหลักฐานเพิ่มเติม

จิณห์วราขับรถพาสาระวารีมาจอดรออยู่หน้าบ้านพักคนงานแห่งหนึ่งตอนหัวค่ำ ทั้งคู่ยืนรอ
อยู่ข้างรถ น้องชายอำนวยเดินออกมาหาพร้อมยื่นถุงใบขนาดกลางใส่ของในมือให้
“ของทั้งหมดของพี่นวยก็เหลืออยู่แค่นี้ล่ะครับ นอกนั้นตำรวจยึดไปหมดแล้ว ผมไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆนะครับคุณหนู พี่นวยบอกว่าแกเลิกเป็นนักเลงแล้ว ผมถึงได้ไปคุยกับเสี่ยให้ ไม่คิดว่าจะหวนกลับไปทำอีก”
“คุณพ่อเข้าใจ ไม่ได้ว่าอะไรนายหรอก ไปพักผ่อนเถอะ”
น้องอำนวยยกมือไหว้ จิณห์วรารับไหว้ น้องอำนวยเดินหน้าตาไม่สบายใจกลับเข้าไป สาระวารีมองตามน้องชายอำนวยไปก่อนจะรับถุงมาเปิดดู เห็นข้างในมีแต่ของใช้สัพเพเหระ ไม่มีอะไรน่าสนใจ
“มีอะไรมั้ยล่ะ”
สาระวารีสายหน้า
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“ฉันบอกแล้ว ถ้ามีหลักฐานเด็ดๆ ตำรวจเค้าคงเอาไปหมดแล้วล่ะ”
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิยะ บางครั้งนักข่าวก็เห็นอะไรที่ตำรวจไม่เห็นเหมือนกัน แกรู้มั้ย มีตั้งหลายคดีคลี่คลายได้เพราะข่าวของฉัน”
“ย่ะ แม่นักข่าวซีเอสไอ” จิณห์วราแดกดัน
สาระวารีดูของต่อไป จนเจอรูปเก่าๆ 2-3 ใบแทรกอยู่กับหนังสือพระ เธอหยิบรูปทั้งหมดมาดู แรกๆก็ไม่มีรูปน่าสนใจ แต่แล้วก็สะดุดเข้ากับรูปๆหนึ่งเข้า!
รูปถ่ายหมู่ของผู้ชาย 7-8 คน ในจำนวนนั้นมีมือปืน สาระวารีตกใจ นึกไม่ถึง
“จันเลา... เร็วจิณห์ รีบไปบอกคุณษมากันเถอะ”
“ก็โทรไปสิ”
“ไม่ได้หรอก ต้องให้เห็นภาพกับตา ไม่งั้นเค้าไม่เชื่อคำพูดฉันแน่ๆ”
สาระวารีรีบเดินนำเข้าไปในรถ จิณห์วรามองตามท่าทีของเพื่อนที่รีบร้อน แล้วยิ้มแย้มพึมพำ
“ห่วงเค้าเกินไปรึเปล่า”
สาระวารีเปิดประตูมาเร่งอีก ไม่รู้ตัวว่าเพื่อนรู้ทัน
“เร็วๆ สิจิณห์ ยืนทำอะไรอยู่ได้”

สาระวารีปิดประตูรถไป ด้วยสีหน้าร้อนใจ จิณห์วราอมยิ้มก่อนเดินไปขึ้นรถ

ษมาเดินหน้าเบื่อๆ ออกมาส่งโศภีที่ล็อบบี้รีสอร์ตตอนหัวค่ำ โศภีหน้าบึ้งตึง ไม่พอใจ

“โศล่ะเบื่อยัยนักข่าวนี่จริงๆ เลย คุณอุตส่าห์หวังดีแท้ๆ ยังจะดื้อด้านอยู่ได้”
“ช่างเถอะ ถ้าไม่ดื้อ ก็คงไม่ใช่สาระวารี”
โศภีแอบกรอกตาอย่างหมั่นไส้
“เค้าคงอยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพ่อเพื่อนเค้าด้วยล่ะ”
“ไม่เห็นจะต้องพิสูจน์อะไรเลย เสี่ยจิตติเค้าอยากร่วมหุ้นเปิดคาสิโนกับคุณจนตัวสั่น ผลประโยชน์มหาศาลขนาดนั้น ไอ้ธุรกิจที่เค้ามีทั้งหมดรวมกันยังเทียบไม่ติดเลย คาสิโนเปิดเมื่อไหร่ คุณก็คือเบอร์หนึ่งของจังหวัดแทนเค้า ไม่แปลกที่เค้าอยากจะกำจัดคุณให้พ้นทาง ไม่เห็นจะมีอะไรซับซ้อนเลย”
“รอฟังทางตำรวจก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งกล่าวหาเค้าเลย ถ้าไม่ใช่ขึ้นมา จะมองหน้ากันไม่ติดเปล่าๆ … ผมส่งแค่นี้นะ”
โศภีรีบดึงแขนษมาไว้ พูดเสียงออดอ้อน
“เดี๋ยวก่อนสิคะษมา ไหนๆเราก็ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ขอโศค้างคืนที่รีสอร์ทด้วยคน ไม่ได้เหรอ
ขี้เกียจขับรถ”
ขณะกำลังทำท่าออดอ้อนได้ที่ สาระวารีก็วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาที่ล็อบบี้มาด้วยความรีบร้อน เธอผงะไปเล็กน้อยกับภาพตรงหน้า
ษมารีบผละตัวออก แต่โศภียังมือตุ๊กแก ปล่อยยากเล็กน้อย สาระวารีพูดหน้านิ่ง
“ฉันมีอะไรให้คุณดู”
สาระวารียื่นรูปถ่ายในมือให้ษมาดู โศภีถือวิสาสะยื่นหน้ามาดูด้วย ษมาดูรูปแล้วหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที สาระวารีชี้รูปอำนวย
“นี่รูปอำนวย มือปืนที่ยิงคุณ คนยืนติดกัน คุณคงจำได้นะคะว่าใคร”
โศภีตกใจ
“นี่มันจันเลานี่คะษมา จันเลารู้จักกับไอ้คนที่ยิงคุณด้วยเหรอคะ”
“ฉันยังไม่ได้ปรักปรำใคร แต่อยากมาเตือนให้คุณระวังจันเลาไว้บ้าง เค้ารู้จักกับอำนวยมาก่อน แต่ทำไมไม่ปริปากพูดซักคำ”
“คุณคิดมากเกินไปรึเปล่า ในภาพมีตั้งหลายคน จันเลาไม่จำเป็นต้องรู้จักกับคนที่อยู่ในภาพทั้งหมดก็ได้นี่”
สาระวารีย้อน
“คุณจิตติก็แค่รับอำนวยเข้าทำงาน ไม่จำเป็นต้องบงการฆ่าคุณก็ได้เหมือนกัน”
ษมามองหน้า อมยิ้ม ในความยอกย้อนของสาระวารี โศภีเหยียดปากทิ้งค้อนใส่
“ฉันบอกแล้วไงคะ ว่ายังไม่ได้ปรักปรำใคร ที่รีบเอารูปมาให้คุณดู ก็เพราะไม่อยากให้คุณพุ่งประเด็นไปทางเดียว อย่างที่ฉันเคยพูดกับคุณ คนที่อันตรายที่สุดอาจจะเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด”
โศภีสีหน้าหนักใจขึ้นมา
“ก็จริงนะคะษมา ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร เงินง้างได้ทุกอย่างแหละค่ะ แม้แต่พวกนักข่าว ยังเขียนเรื่องเท็จให้เป็นจริงได้เลย” โศภีแขวะแล้วทิ้งค้อนเหยียดๆ ให้
สาระวารีปั้นหน้าสุดเบื่อเหลือจะทนกับแม่คนนี้
“ฉันหมดธุระแค่นี้ล่ะคะ จิณห์รออยู่ที่รถ เกรงใจเพื่อน ไปนะคะ”
สาระวารีจะเดินกลับไป
“ขอบใจมากนะที่ยังห่วงผม”
สาระวารีชะงักเล็กน้อยหันมาสบตากับษมานิ่งๆ โศภีมีเคือง กอดอกจิกตามอง สาระวารีหน้านิ่ง ตัดบทแก้เขิน
“ฉันทำไปตามหน้าที่”
ษมายิ้มๆ ยักไหล่
“เพิ่งรู้ว่านี่คือหน้าที่นักข่าวด้วย”
สาระวารีอึ้งไป มันไม่ใช่ มันคือความห่วงใยส่วนตัวมากกว่า
“ฉันกลัวคุณจะตายก่อนหนังสือวางแผง ขี้เกียจรีไรท์ข่าวใหม่”
สาระวารีสะบัดหน้า พรืดเดินปึงปังกลับออกไป ทำโกรธกลบเสียฟอร์ม ษมามองตาม ยิ้มปลื้มที่มีคนห่วงใย โศภีแขวะ อย่างหมั่นไส้มาก
“หยอกเย้ากันกระชากวัยมากเลยนะคะ”
ษมายิ้มเจื่อนไป แล้วตัดบท
“ขับรถดีๆ นะครับ ผมมีงานต้องทำเยอะ”

ษมาเดินดิ่งกลับเข้าไป ปล่อยให้โศภีที่โดนทิ้ง เจ็บใจมากอยู่หน้าล็อบบี้

จิณห์วราจอดรถเปิดไฟฉุกเฉินที่หน้าตลาด จะให้สาระวารีลงไปซื้อขนมหวาน
“ทับทิมกรอบอย่างเดียวนะ พ่อเธอล่ะ”
“กินไม่ลงหรอก...เดี๋ยวฉันวนมารับใหม่นะ เค้าห้ามจอด”
“อืม...”
จิณห์วราขับรถออกไป สาระวารีเดินลงไปซื้อของ แต่เดินไปได้ไม่ไกล ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ขี่มาทางด้านหลังของสาระวารี โดยมีคนขี่และคนซ้อนท้ายมาอีกหนึ่งคน คนซ้อนท้ายหยิบไม้ออกมา กะฟาดเข้าที่ด้านหลัง เธอเหลือบเห็นเงาสะท้อนในกระจกข้างของมอเตอร์ไซค์ เลยรู้ว่า มีคนกำลังจะตีหัว
สาระวารีรีบก้มหลบตามสัญชาติญาณทันที เลยหลบไปได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด นักเลงตีพลาด เลยชี้หน้าขู่
“ไม่อยากตาย อย่าสอดเรื่องชาวบ้าน”
นักเลงที่ขี่มอเตอร์ไซค์รีบเร่งเครื่องหนีไปทันที สาระวารีตั้งสติได้ก็มองตามด้วยความเจ็บใจ แต่จะตามก็ไม่ทัน เธอรีบโทรหาษมาทันที
“ฉันเองนะคะคุณษมา ฉันถูกคนขู่ที่ตลาด บอกให้ระวังตัวอย่ายุ่งเรื่องคนอื่น … น่าจะเรื่องที่ฉันเตือนคุณเรื่องจันเลาแน่ๆ … ระวังตัวให้ดีนะคะ อยู่ห่างๆ จันเลาเอาไว้”
สาระวารีมีสีหน้าเป็นห่วงษมา และไม่สบายใจมาก)


โรงพยาบาลตอนกลางวัน จันเลาเปิดประตูห้องพักคนไข้ พร้อมกับเข็นรถพาพิพัชเข้ามา
พอเข้ามาในห้องก็เห็นษมา สาระวารี และโศภี ยืนรออยู่ในห้องแล้ว
“อ้าว คุณษมา มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
ทันใดนั้น สมบูรณ์ที่ซ่อนอยู่ในห้องน้ำ ก็เข้าตรงล็อกคอจันเลาจากทางด้านหลังทันที ก่อนจะยึดปืนพกของจันเลาที่เหน็บไว้มา จันเลาตกใจมาก
“อะไรกันจ่า มาจับผมทำไม”
ษมาสีหน้าเครียด
“จันเลา แกถูกไล่ออกแล้ว”
จันเลาตกใจปนงง
“อะไรกันครับ”
สาระวารีหยิบรูปยื่นให้จันเลา
“นี่เป็นรูปที่คุณถ่ายกับอำนวย มือปืนที่ลอบยิงคุณษมา คุณรู้จักกันมาก่อนแต่ไม่ยอมบอก เพราะอะไรคะ”
จันเลาสีหน้าเสียใจ
“นี่คุณษมาระแวงผมเหรอครับ”
“ยังจะปากแข็งอีก ถ้าแกบริสุทธิ์ใจจริงๆ ทำไมไม่บอกแต่แรกว่ารู้จักกันมาก่อน ไม่น่าล่ะ วันเกิดเรื่องแกถึงปล่อยให้มันหนีไปได้ง่ายๆ” สมบูรณ์ว่า
“แกรู้เรื่องจากน้องชายอำนวยใช่มั้ยว่าวารีไปขอข้อมูล แกถึงได้ส่งคนไปข่มขู่วารี”
จันเลาอึ้ง พูดไม่ออก โศภีพูดเสริมทันที
“ฉันไม่คิดเลยนะว่านายจะเนรคุณษมาได้ลงคอ”
พิพัชสีหน้าผิดหวัง ไม่อยากเชื่อ หันไปจ้องหน้าจันเลา
“จริงเหรอจันเลา”
จันเลาหน้าเสีย งงไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูก คิดพูดอะไรไม่ทัน พิพัชโมโหมาก ลุกขึ้นจากรถเข็นกระชากคอเสื้อจันเลา
“แกบอกความจริง ฉันมาเดี๋ยวนี้ … โอ๊ย” พิพัชเจ็บแผลขึ้นมา
ษมาเข้าไปประคองพิพัช
“ใจเย็นๆพิพัช เรื่องนี้ฉันจัดการเอง แกไปได้แล้ว ฉันเห็นกับที่แกเคยช่วยงานฉัน มานาน ฉันจะไม่เอาเรื่อง”
“แต่ทางที่ดี แกอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกจะดีกว่า ฉันไม่ใจดีเหมือนคุณษมาแน่” สมบูรณ์สีหน้าโกรธแค้นแทน
จันเลาตั้งท่าจะอธิบาย
“ผม...”
ษมาตวาดกร้าว สีหน้าแววตาผิดหวัง ชักปืนออกมาเล็งจันเลา
“ไปซิ”
ทุกคนตกใจมาก จันเลาเดินซึมออกจากห้องไป โศภีรีบเข้าไปปลอบประโลม
“เก็บปืนก่อนเถอะค่ะ ใจเย็นๆนะคะษมา เดี๋ยวปืนลั่นค่ะ โศกลัว”
ษมาถอนใจหน้าเครียดรีบเก็บปืนไป พิพัชยกมือขึ้นกุมหน้า ไม่อยากเชื่อ สาระวารีชำเลืองมองหน้าสมบูรณ์ที่ถอนใจหนักๆแล้วส่ายหน้า ประมาณไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย

บรรยากาศแถวท่าเรือตอนเย็น ษมาเดินมาที่เรือของตน ซึ่งมีคนงานมาจอดรอไว้ คนงานรีบกุลีกุจอเข้าไปหาษมา ยกมือไหว้
“แลงล่ะ”
“ยังไม่เสร็จงานที่พระฮามเลยส่งผมมารับนายแทนครับ”
“มาทำงานนานรึยัง ไม่คุ้นหน้า”
“มาช่วยงานพี่แลงเป็นครั้งๆ ครับ”

ษมาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินขึ้นเรือไป คนงานแอบมีสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนตามไปขึ้นเรือไป

มนต์จันทรา ตอนที่ 5 (ต่อ)

คนงานกำลังขับเรือพาษมามาถึงกลางทะเล อึดใจเครื่องเรือก็เริ่มดับ จนเรือวิ่งต่อไปไม่ได้
“เรือเป็นอะไรเรอะ”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับคุณษมา ขามายังดีๆอยู่เลย”
คนงานเดินไปหยิบกล่องเครื่องมือ ทำไปตรวจเช็คโน่นนี่ไปมา
“เป็นไงบ้าง”
ทันใดนั้นเอง คนงานก็หยิบเอามีดขนาดใหญ่ที่ตนซ่อนไว้ในกล่องเครื่องมือ แล้วหันกลับไปจ้วงแทงใส่ษมาทันที แต่เขาเหมือนระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว จึงหลบไปได้อย่างหวุดหวิดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด คนงานหันมาเล่นงานเขาซ้ำต่อทันที แต่ษมาจับข้อมือไว้พยายามแย่งมีดมา ก่อนที่ษมาจะเตะใส่คนงานเข้าไปหลายที แล้วบิดข้อมือจนมีดหลุด พร้อมกับชกเข้าเต็มหน้าคนงานจนร่วงลงไป
ษมาจะเข้าไปซ้ำ แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงปืนดังขึ้น กระสุนปืนเฉี่ยวษมาไปหวุดหวิดนิดเดียว เขาหันไปมอง สีหน้าตกใจมาก มีเรือคนร้ายลำหนึ่ง มีโจรสองคนขับเรือมา พร้อมกับยิงปืนกราดใส่ษมา

เวลาเย็น สาระวารีกำลังพิมพ์ต้นฉบับรัวเร็วอย่างหัวแล่นอยู่ในห้องพักแขกบ้านจิตติ จิณห์วราเคาะประตูห้องแล้วรีบร้อนเปิดเข้ามาบอกอย่างเป็นห่วง
“ทำใจดีๆ ไว้นะแก”
“มีอะไรเหรอ”
“คุณษมา ถูกลอบยิงกลางทะเล”
สาระวารีตกใจมาก
“เค้าเป็นอะไรมากรึเปล่า”
จิณห์วราหน้าแหยๆ
“คราวนี้ไม่โชคดีเหมือนทุกครั้ง คุณษมาตายแล้ว”
สาระวารีช็อกไปเลย พูดไม่ออก หน้าซีดเผือด

บริเวณโถงบ้านพักษมาเกาะยานก ลำแพงแผดเสียงร้อง กำลังอาละวาดไล่ทุบตีเด็กลูกจ้าง ปาข้าวของใส่ แบบคนคลั่ง เด็กลูกจ้างหวาดกลัวหนีกันกระเจิง แลงรีบเข้ามาจับตัวพี่สาวเอาไว้
“สงบสติอารมณ์ก่อนพี่แพง”
ลำแพงคลุ้มคลั่งสติแตก ร้องไห้ ดิ้น
“ปล่อยกูนะไอ้แลง กูจะไปดูศพคุณษมากับตากู คุณษมาของกูตายไม่ได้ ปล่อยกู”
“ทำใจเถอะพี่ คุณษมาตายแล้วจริงๆ”
“ไม่จริง มึงถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ไอ้แลง ไอ้ปากหมา แช่งเจ้านายของมึงได้ยังไง ไอ้เนรคุณ” ลำแพงทั้งฟาดทั้งจิกทั้งหยิก
แลงยกมือปัดป้อง หวาดกลัว
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะพี่แพง ฉันไม่ได้แช่ง คุณษมาถูกยิงตายกลางทะเลแล้วจริงๆ พี่ ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว”
“ไม่จริง คุณษมายังไม่ตาย ไม่จริง” ลำแพงแผดเสียงร้องสุดแรงเกิด ก่อนหมดสติร่วงไปเลย)

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งตอนกลางคืน หมอกำลังคุยกับสาระวารี โศภี พิพัช และจิณห์วราอยู่ที่หน้าห้องดับจิต โดยมีโศภีร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดเวลา
“ถ้าจะให้มั่นใจก็คงต้องรอผลตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลก่อนนะครับ เพราะศพที่เจอ ถูกปลากินไปเยอะมากจนจำ หน้าตาไม่ได้ เพียงแต่ศพถูกพบใกล้กับเรือของคุณษมา ทางตำรวจเลยสันนิษฐานไว้ก่อนว่าน่าจะเป็นคุณษมา”
สาระวารีพยักหน้ารับ ไหว้หมอ
“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”
คนอื่นไหว้ตาม หมอรับไหว้ ก่อนจะเดินเลี่ยงไป พิพัชโมโหบอก
“สันนิษฐานมั่วๆ คุณษมาไม่มีทางตายง่ายๆอย่างงี้หรอก”
โศภีร้องไห้
“ใช่ ฉันก็ไม่เชื่อ เจอหนักกว่านี้มาตั้งเท่าไหร่ ยังรอดมาได้ จะมาตายน้ำตื้น ยังงี้ได้ยังไง”
“แต่ถ้าคุณษมายังไม่ตาย งั้นตอนนี้อยู่ไหนล่ะคะ ที่เกาะยานก เกาะพระฮามก็ไม่อยู่”
พิพัชเครียดหนัก แต่เถียงไม่ออก
ขณะนั้นเอง พยาบาลก็เข็นศพเข้ามา
“ศพมาแล้ว” จิณห์วราบอก
พิพัชตรงเข้าเปิดผ้าคลุมศพออกทันที เป็นศพผู้ชายเปลือยถูกปลาแทะเนื้อตามหน้าและตัวจนพรุน

โศภีกรี๊ดกร๊าดปิดหน้า สาระวารีและจิณห์วราเบือนหน้าไม่กล้ามอง ทั้งคู่จับมือกันแน่น

เวลากลางวัน บริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่ง ลูกน้องดิตถ์เดินมาเปิดประตูรถให้เจ้านาย ดิตถ์เดินอารมณ์ดีเป็นพิเศษมาขึ้นรถ ลูกน้องรีบพูดเอาใจ
“หมดเสี้ยนหนามซะทีนะครับเสี่ย ไอ้ษมามันตายโหง สมใจเสี่ยไปแล้ว”
ดิตถ์ยิ้มปลื้ม
“แถมไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยด้วย สมน้ำหน้าไอ้พวกที่เคยดูถูกข้าเอาไว้ คราวนี้ได้วิ่งกันตีนพลิกขอร่วมหุ้น กับข้าแทบไม่ทัน เสียดายข้าเส้นดีแต่มันนี่น้อยไปหน่อย ไม่งั้นไม่ต้องง้อพวกมันหรอก”
ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของดิตถ์ก็ดังขึ้น เขาดูเบอร์ กดรับ
“ว่าไงวะ” หลังดิตถ์ฟังอีกฝ่ายก็ตกใจมาก
“วันนี้เหรอเป็นไปได้ไง ท่านบอกวันนี้ไม่ว่างให้ข้าไปพบ... แล้ว มันเป็นใครวะถึงกล้าตัดหน้าข้า... ไอ้สิงขง สิงขร นี่ใครวะ เอ็งไปสืบมาสิ”
ดิตถ์กดตัดสายไปด้วยความโกรธจัด
“มีอะไรเหรอครับนาย”
“ข้ากำลังโดนตัดหน้าสัมปทานน่ะสิ แล้วไอ้สิงขรนี่ใครกันวะ” ดิตถ์โกรธจัด
ลูกน้อง ตกใจ
“ใช่เสี่ยสิงขรรึเปล่าครับ”
“เอ็งรู้จักเรอะ”
“ถ้าใช่คนเดียวกัน มันไม่ใช่คนไทยหรอกครับ เป็นนักธุรกิจใหญ่ของฝั่งโน้น อิทธิพลมันเยอะ ค้าอาวุธสงครามด้วย”
ดิตถ์ตกใจ ฉุกคิดขึ้น
“งั้นที่ไอ้ษมาโดนถล่มก็ฝีมือมันน่ะสิ”
ดิตถ์อึ้งไป ไม่คิดว่าอยู่ๆจะมีมือที่สามเพิ่มขึ้นมา

สิงขรนักธุรกิจหนุ่มใหญ่กำลังคุยโทรศัพท์มือถืออย่างอารมณ์ดี หลังจากทานอาหารเช้าอิ่มแล้ว
โดยมีลูกน้องคอยยืนคุ้มกันอยู่
“ผมบอกคุณแล้ว ถ้าผมมาคุมงานด้วยตัวเอง ไอ้ษมาไม่มีทางรอดไปได้หรอก”
สิงขรฟังอีกฝ่าย แล้วหัวเราะชอบใจ ก่อนพูดต่อ
“เอาน่า ผมรวยคุณก็รวย เราหุ้นส่วนกันนี่ … ถึงแล้วเหรอ งั้นเดี๋ยวผมออกไปรอเลย”
สิงขรกดตัดสาย ก่อนจะลุกขึ้น แล้วออกจากห้องอาหารไป โดยมีลูกน้องคุ้มกันไปตลอด

สิงขรออกมาจากโรงแรม โดยมีพวกลูกน้องคุ้มกันมา ทันใดนั้น ตำรวจที่ซุ่มอยู่ก็ตรงเข้าชาร์จ ล็อกตัวพวกลูกน้องของสิงขรทันที สิงขรตกใจ แต่ตำรวจก็กรูกันออกมาล้อมสิงขรเอาไว้
“มาจับผมทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด”
ประตูรถตู้ที่จอดอยู่หน้าโรงแรมถูกเปิดออก ษมาก้าวเดินลงมาคนแรก... สิงขรมีสีหน้าตกใจมาก
สิงขรแทบช็อกที่เห็นษมายังไม่ตาย
“ษมา”
ก่อนที่สาระวารี พิพัช จันเลา และสมบูรณ์ จะเดินตามออกมาจากรถตู้
ษมาจ้องหน้าสิงขรถาม
“เสี่ยสิงขรบงการฆ่าผม 2 ครั้งซ้อน ยังไม่ผิดอีกเหรอครับ”
ษมายิ้มสะแหยะ สิงขรหน้าซีดเผือด

อีกมุมหนึ่ง โศภีขับรถจะเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโรงแรม หยุดกึกทันที เธอเห็นตำรวจเต็มไปหมด เลยกดปุ่มลดกระจกลงมองออกไปว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเห็นษมากำลังเผชิญหน้ากับสิงขร โศภีหน้าเครียดขึ้นมาทันที เธอตกใจจนหน้าถอดสี รีบกดกระจกหน้ารถปิดทันที

โศภีเครียดจนเหงื่อแตก มือสั่น กรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด

บริเวณหน้าโรงแรม...ษมาจ้องสิงขรเขม็ง
“ผมนึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าเสี่ยจะเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง”
จันเลาจ้องสิงขร สีหน้าโกรธแค้น
“ผมเคยทำงานให้เสี่ยอย่างซื่อสัตย์ ตอนลาออกก็เข้าใจกันดีทุกอย่าง เสี่ยไม่น่าใส่ร้ายผมถึงขนาดนี้เลย”
สมบูรณ์มองสิงขร แววตารู้ทัน
“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกจันเลา นายเป็นบอดี้การ์ดฝีมือดี ถ้าแยกนายจากคุณษมาได้ มันก็ลอบกัดคุณษมาได้ง่ายขึ้น”
สิงขรตีหน้าตาย
“พูดอะไรของแก ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ลูกน้องคุณสารภาพหมดแล้ว อย่าเสียเวลาปฏิเสธอีกเลย”
สิงขรเหลือบตาไปจ้องหน้าสาระวารีที่ยิ้มเย้ย
“เสี่ยคงคิดไม่ถึงสิ ว่าเราจะสาวถึงตัวเสี่ยได้ งานนี้คงต้องยกความดีความชอบให้นักข่าวสาวของเรา”
ษมาบอก สาระวารีแอบทิ้งค้อนใส่ษมาเล็กน้อย ก่อนหันไปจ้องหน้าสิงขรนิ่ง

ย้อนกลับไป2 วันก่อน เวลากลางคืน สาระวารีเดินลงไปซื้อของที่ตลาด มีคนร้ายขี่มอเตอร์หวังเข้ามาทำร้าย และขมขู่ เมื่อเธอตั้งสติได้ มองตามมอเตอร์ไซค์คนร้ายด้วยความเจ็บใจ และรีบโทรหาษมาทันที
“ฉันเองนะคะคุณษมา ฉันถูกคนขู่ที่ตลาด บอกให้ระวังตัวอย่ายุ่งเรื่องคนอื่น... น่าจะเรื่องที่ฉันเตือนคุณเรื่องจันเลาแน่ๆ ระวังตัวให้ดีนะคะ อยู่ห่างๆ จันเลาเอาไว้”
ษมากดตัดโทรศัพท์มือถือหลังคุยกับสาระวารีจบ สีหน้าใช้ความคิด หยิบรูปถ่ายที่สาระวารีเอามาให้ดูอีกครั้ง เขาไม่ได้สนใจภาพของอำนวย หรือจันเลา หากแต่เป็น สิงขร ที่อยู่ร่วมในภาพด้วย
ษมามีสีหน้าตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ ลุกเดินออกไปทันที

ษมากำลังคุยกับพิพัช จันเลาอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ผมไม่รู้เรื่องจริงๆนะครับคุณษมา จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยไปถ่ายรูปกับไอ้นวยมันตอนไหน”
“ฉันไม่ได้สงสัยแกหรอกจันเลา แกเป็นบอดี้การ์ดฉันมานาน ถ้าจะหักหลังฉันจริง ฉันคงตายไปนานแล้ว แต่ที่ฉันสงสัย คือเจ้านายเก่าของแกตะหาก”
จันเลาแปลกใจ
“เสี่ยสิงขรน่ะเหรอครับ”
ษมาพยักหน้ารับ
“อำนวยเคยทำงานกับเสี่ยสิงขร ไม่แปลกถ้าเสี่ยสิงขรจะจ้างมันมาเก็บฉัน”
พิพัชพยายามลำดับเรื่องราว
“เสี่ยสิงขรจงใจใช้ไอ้นวยเพราะมันไปทำงานกับเสี่ยจิตติ ถ้าคุณษมาเป็นอะไรไป เสี่ยจิตติก็จะเป็นผู้ต้องสงสัย”
“ใช่ เท่ากับตัดคู่แข่งสัมปทานคาสิโน ที่น่ากลัวที่สุดคนนึงไปได้ง่ายๆ เลย แต่ถ้าฉันไม่เป็นไร ก็เท่ากับเสี้ยมให้ฉันกับเสี่ยจิตติแตกกัน” ษมาบอก
“ยิงปืนนัดเดียวได้นกไม่รู้กี่ตัวนะครับเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าเสี่ยสิงขรจะวางแผนได้ซับซ้อนขนาดนี้” จันเลาว่า
“งั้นเรามาช่วยกันต่อแผนให้ซับซ้อนขึ้นอีกหน่อยดีกว่า”
ษมายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีแผนการ

ย้อนกลับไปเมื่อวาน จันเลาเปิดประตูห้องพักคนไข้ พร้อมกับเข็นรถพาพิพัชเข้ามาในห้อง ก็เห็นษมา สาระวารี และโศภียืนรออยู่ในห้องแล้ว
“อ้าว คุณษมา มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
ทันใดนั้น สมบูรณ์ที่ซ่อนอยู่ในห้องน้ำ ก็เข้าตรงล็อกคอจันเลาจากทางด้านหลังทันที ก่อนจะยึดปืนพกของจันเลาที่เหน็บไว้มา
“อะไรกันจ่า มาจับผมทำไม”
ษมาสีหน้าเครียด

“จันเลา แกถูกไล่ออกแล้ว”

อ่านต่อเวลา 17.00น.

เมื่อคนงานกำลังขับเรือพาษมามาถึงกลางทะเล อึดใจเครื่องเรือก็เริ่มดับ จนเรือวิ่งต่อไปไม่ได้
“เรือเป็นอะไรเรอะ”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับคุณษมา ขามายังดีๆอยู่เลย”
คนงานเดินไปหยิบกล่องเครื่องมือ ทำไปตรวจเช็คโน่นนี่ไปมา
“เป็นไงบ้าง”
ทันใดนั้นเอง คนงานก็หยิบเอามีดขนาดใหญ่ที่ตนซ่อนไว้ในกล่องเครื่องมือ แล้วหันกลับไปจ้วงแทงใส่ษมาทันที แต่เขาเหมือนระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว จึงหลบไปได้หวุดหวิดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด
คนงานหันมาเล่นงานษมาซ้ำต่อทันที แต่ษมาจับข้อมือไว้พยายามแย่งมีดมา ก่อนที่ษมาจะเตะใส่คนงานเข้าไปหลายที แล้วบิดข้อมือจนมีดหลุด พร้อมกับชกเข้าเต็มหน้าคนงานจนร่วงลงไป
ษมาจะเข้าไปซ้ำ แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงปืนดังขึ้น กระสุนปืนเฉี่ยวษมาไปหวุดหวิดนิดเดียว
ษมาหันไปมอง สีหน้าตกใจมาก เห็นเรือคนร้าย...มีโจรสองคนขับเรือมา พร้อมกับยิงปืนกราดใส่ษมา
จนต้องก้มหลบไม่สามารถเงยหัวขึ้นมาได้
คนงานเลยฉวยโอกาส กระโจนเข้าบีบคอษมาทันที ษมาสู้ขาดใจ แต่คนงานก็แข็งแรงไม่ใช่น้อย บีบคอจนษมาเริ่มหายใจไม่ออก
ษมาเริ่มควานหาอุปกรณ์ช่วยใกล้ๆตัว ก่อนจะเจอกล่องเครื่องมือของคนงาน ษมาพยายามควานหาของ จนเจอไขควงอันหนึ่งเข้า
ษมารวบรวมแรง แทงไขควงเข้าที่ท้องของคนงานจนคนงานร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด คนงานเลยเผลอลุกขึ้นยืน จังหวะนั้นเอง กระสุนจากพวกโจรก็ยิงใส่คนงานทันที
คนงานโดนยิงขาดใจตาย ร่างตกลงไปในทะเล
เรือของพวกโจรก็ขับมาถึง พร้อมกับเล็งปืนไปที่ษมาทันที โจรยิ้มเหี้ยมกำลังจะเหนี่ยวไกปืน แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับที่โจรถูกยิงเข้าที่หัวไหล่จนอาวุธหลุดมือ
จันเลาและลูกน้องของษมา 2-3 คนพร้อมอาวุธครบมือ ขับเรือเข้ามาช่วยษมา โจรอีกคนตกใจ รีบหยิบปืนขึ้นมาจะยิงสู้ แต่โดนจันเลายิงเข้ากลางมือทะลุ อาวุธปืนกระเด็นหลุดมือไปอีกคน
โจรทั้งสองหวาดกลัวจนรีบยกมือยอมแพ้ ไม่กล้าฮึดสู้อีก

ย้อนกลับไปคืนก่อน สาระวารีไปตั้งสติในห้องน้ำของโรงพยาบาล หลังจากแอบมาร้องไห้เสียใจจากการตายของษมา สาระวารีสูดหายใจลึก สงบสติอารมณ์ให้ได้ เธอเดินออกจากห้องน้ำไป เดินเลี้ยวมุมตึก
ไม่คาดคิด ษมายืนพิงกำแพงมุมตึกรออยู่เงียบๆ สาระวารีร้องลั่นตกใจสุดขีด อย่างอารมณ์โดนผีหลอก ษมารีบไปจับตัวเอามือปิดปากสาระวารี
“อย่าร้องครับ ผมยังไม่ตาย”
สาระวารีหน้าตาเบิกโพลงตกใจมาก

บริเวณหน้าโรงแรม สาระวารียังแอบเคืองษมาที่ถูกหลอกให้ตกอกตกใจไปด้วย หลังจากเขาเฉลยความจริงหมด สิงขรก็จ้องษมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“หมดข้อสงสัยแล้วใช่มั้ยครับเสี่ย งั้นเชิญที่โรงพักดีกว่าครับ ลูกน้องเสี่ยรออยู่ที่โรงพักมาทั้งคืนแล้ว”
สิงขรเจ็บใจมาก จ้องหน้าษมา ก่อนจะขอความเห็นใจตำรวจ
“คุณตำรวจต้องให้ความเป็นธรรมกับผมนะครับ ทั้งหมดเป็นการจัดฉากใส่ร้ายผม”
ทันใดนั้นเอง โศภีก็วิ่งเข้ามาหาษมา เธอดีใจสุดๆ เข้าไปกอดษมาแล้วปล่อยโฮ
“ษมา คุณจริงๆด้วย คุณยังไม่ตาย คุณยังไม่ตาย”
สาระวารีเผลอเหล่ๆ มองษมาเล็กน้อย ษมาอายคน และรู้สึกร้อนๆหนาวๆกับสายตาของสาระวารี จนต้องดึงโศภีออก โศภีหันไปมองสิงขรด้วยสายตาเกลียดชัง
“มันใช่มั้ยคะที่ลอบฆ่าคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ไอ้สารเลว” โศภีเดินเข้าไปจะตบหน้าสิงขร
สิงขรฉวยโอกาสที่โศภีจะตบหน้าจับข้อมือเธอล็อก แล้วชักปืนที่ซ่อนไว้ออกมา ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ที่จู่ๆโศภีก็กลายเป็นตัวประกัน เธอกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
“ปล่อยฉันนะ”
ตำรวจกระชับปืนทันที
“ปล่อยคุณโศภีซะ ยังไงเสี่ยก็หนีไม่รอดหรอก” ษมาบอก
“ถ้าฉันไม่รอด นังนี่ก็ไม่รอดเหมือนกัน”
โศภีตื่นกลัว
“ษมา ช่วยโศด้วย โศกลัว”
สิงขรหันไปพูดกับตำรวจ
“สารวัตร สั่งคนของคุณถอยไปให้หมด”
โศภีร้องไห้ โวยวาย ฟูมฟายด้วยความกลัวสุดชีวิต
“อย่ายิงฉันนะ ฉันกลัวแล้ว ษมา ช่วยโศด้วย”
“หุบปากซะทีเถอะ แหกปากอยู่ได้”
สิงขรกระชากผมโศภีจนหน้าหงายไป โศภียิ่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
“ถอย”

ตำรวจคลายวงล้อม ปล่อยให้สิงขรพาโศภีผ่านออกไป สาระวารีจับตามองตามไปด้วยสีหน้านิ่งๆเก็บข้อมูล

มนต์จันทรา ตอนที่ 5 (ต่อ)

สิงขรขับรถตัวเองพาโศภีมาถึงชายป่า โศภีหน้าตาบึ้งตึงถาม
“จะปล่อยฉันได้รึยังล่ะ”
สิงขรทำหน้ากวน ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“จะรีบไปไหนล่ะ ไหนๆก็มาแล้ว มาเปลี่ยนบรรยากาศซะหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ”
สิงขรโน้มตัวไปจะปล้ำจูบโศภี เธอผลักออกไป ก่อนจะขำชอบใจออกมา
“บ้า”
สิงขรหัวเราะรับตามออกมา
“คุณนี่ตีบทแตกจริงๆ ดาราเก่งๆ ยังอายเลย”
โศภียิ้ม
“หาที่ส่งฉันได้แล้ว เกิดมันแห่ตามมาทัน ฉันขี้เกียจต้องเล่นละครให้เสี่ยจับตัวพาข้ามชายแดนไปอีก”
สิงขรหาที่จอดรถ ก่อนจะคุยต่อด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“พูดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย แผนการเกือบสำเร็จอยู่แล้วเชียว ดันโดนมันดัดหลังซะได้ ดีนะที่คุณหัวไวเข้ามาแก้สถานการณ์ได้ทัน ไม่งั้นป่านนี้ผมเข้าไปนอนอยู่ในคุกแล้ว”
โศภีไม่ได้ปลาบปลื้มกับคำชม
“แล้วเรื่องคาสิโน คุณจะทำยังไงต่อ”
“เกิดเรื่องนี้ขึ้น ผมจะทำอะไรได้อีกล่ะนอกจากหนี...บางทีผมอาจจะต้องเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือคุณโศภีบ้างแล้วล่ะ”
โศภีเข้าไปซบหน้าอก ออดอ้อน
“ได้สิคะ โศยอมทำทุกอย่างเพื่อเสี่ยอยู่แล้วล่ะ”
สิงขรโอบโศภีไว้ ด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง
ไม่คาดคิด โศภีแอบเลื่อนมือไปหยิบปืนที่เสี่ยสิงขรวางไว้ใกล้มือข้างประตูรถ ก่อนจะจ่อปืนยิงสิงขรระยะประชิด สิงขรตาเหลือกโพลง ร้องไม่ออก จ้องหน้าโศภีที่แววตาเหี้ยม เยือกเย็น

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เวลากลางคืน บริเวณสวนบ้านษมาเกาะยานก โศภีกำลังคุยโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเคร่งเคียด
“เสี่ยสิงขรคะ โศภีเองนะคะ พรุ่งนี้มันจะไปที่พระฮาม เสี่ยส่งคนไปเก็บมันได้เลย... ดีค่ะ แต่ต้อง ระวังอย่าให้คาสิโนเสียหายนะคะ เราจะได้ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม... ค่ะ แล้วฉันจะรอข่าวดี”
โศภีกดวางสายไป แล้วพูดพึมพำ หน้าร้าย ยิ้มเหี้ยม
“ฉันให้โอกาสแล้ว ไม่เลือกฉันเอง ช่วยไม่ได้”

บริเวณชายป่า โศภี สีหน้าแววตาเหี้ยม มองสิงขรที่กำลังทรมาน ด้วยยิ้มเหยียดๆ

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ โศภีกำลังคุยกับอำนวยอยู่ที่โถงบ้าน มีลูกน้องโศภีอยู่ด้วย อำนวยสงสัย “ทำไมต้องให้ผมเปิดหน้าด้วยล่ะครับคุณโศภี”
โศภีมีสีหน้าเซ็งๆ ฟังอีกฝ่าย

“เดี๋ยวนี้มันมีกล้องวงจรปิดติดเต็มไปหมด ถ้ามีใครเห็นหน้าผมขึ้นมา ผมไม่โดนพลิกแผ่นดินล่าเลยเหรอครับ”
“เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วง ฉันรับปากว่าจะช่วยแกเต็มที่ ...ส่วนค่าจ้าง ฉันให้คูณ 2 เป็นไง คุ้มพอจะเสี่ยงมั้ย”
อำนวยตาลุกวาว
“สองเท่าเลยเหรอครับ”
“ที่ฉันให้แกเปิดหน้า ก็เพราะแกทำงานอยู่กับเสี่ยจิตติ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ตำรวจก็ต้องพุ่งเป้าไปที่เสี่ยจิตติก่อน ช่วงเป็นคดีความ กว่าจะสืบสาวราวเรื่องได้ ฉันกับเสี่ยสิงขรก็ได้สัมปทานคาสิโนไปแล้ว ...แกทำงานให้สำเร็จก่อนเถอะ เรื่องหนี เสี่ยสิงขรช่วยแกได้แน่”
“งั้นก็ตกลงตามนี้ครับ”
โศภีหันไปพยักหน้าให้ลูกน้อง ๆ หยิบซองน้ำตาลใส่เงินค่าจ้างมาให้
“มัดจำครึ่งแรก งานเสร็จมารับอีกครึ่ง”
อำนวยยกมือไหว้
“ขอบคุณครับคุณโศภี”
“รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าฉันจะเดือดร้อนไปด้วย”
“งั้นผมลาล่ะครับ” อำนวยยกมือไหว้แล้วลุกเดินออกไป
พออำนวยคล้อยหลัง โศภีก็หันมาสั่งการกับลูกน้องทันที
“จับตาดูมันไว้ พอเสร็จเรื่องษมาเมื่อไหร่ นัดพามันหนีตามแผน แล้วเก็บมันซะ อย่าให้สาวมาถึงฉันได้ล่ะ”
“ ครับคุณโศ”

โศภีอมยิ้มอย่างฝันเฟื่องไปไกล

บริเวณชายป่า โศภียิงสิงขรซ้ำอีกนัดเพื่อให้อีกฝ่ายจบชีวิตอย่างแน่ใจ สิงขรขาดใจตายคาที่
โศภีจ้องมองจนแน่ใจ ด้วยสีหน้าแววตาเลือดเย็น

ย้อนกลับไปสองวันก่อน เมื่อตอนหัวค่ำ โศภีเดินโทรศัพท์แนบหูกลับมาขึ้นรถตัวเองที่จอดอยู่ที่รีสอร์ตษมาด้วยความหงุดหงิด เธอเข้าไปนั่งในรถ ล็อกประตูก่อนที่ปลายสายจะรับสาย
“คุณสิงขรคะ โชคเข้าข้างเราแล้วค่ะ ก็นังนักข่าวจอมสาระแนนั่นสิคะ มันไปสืบจนเจอรูปที่อำนวยเคยถ่ายกับจันเลาเข้า พวกมันก็เลยระแวงไอ้จันเลาขึ้นมา ฉันก็เลยคิดแผนการอะไรขึ้นมาได้ คุณช่วยส่งคนไปขู่นังนักข่าวนั่นซ้ำทีสิคะ จะได้ตอกย้ำความน่าสงสัยของไอ้จันเลา”
“มีคนรู้เรื่องรูปนี้อยู่แค่คุณ ไอ้ษมา แล้วก็นักข่าว มันจะไม่สงสัยคุณเอาเหรอ”
โศภียิ้มมั่นใจ
“ษมาไม่คิดว่าฉันโง่ ขนาดทำเรื่องให้มีหลักฐานมัดตัวเองขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่ฉันจะทำ...แต่เสี่ยไม่ต้องห่วง อย่าลืมสิคะ ว่ายังมีน้องอำนวยอีกคนที่รู้เรื่องรูปนี้ หาแพะไม่ยากหรอก... ถ้าขาดจันเลาซักคน กำจัดษมาก็ง่ายขึ้นเยอะ จริงมั้ยคะเสี่ย”
โศภีสะแหยะยิ้ม

โศภีเปิดประตูรถทิ้งให้กว้างเอาไว้ มองเข้าไปในรถดูศพสิงขรในรถอีกครั้ง ก่อนพูดพึมพำ
“ถ้าไม่กลัวว่าจะสาวมาถึงฉัน ฉันปล่อยให้แกเน่าตายในคุกไปแล้วล่ะ”
โศภีมองซ้ายขวาแล้วขยี้หัวตัวเองให้ผมยุ่งเหยิง จากนั้นเธอก็กระชากเสื้อให้ฉีกขาดบ้างเหมือนผ่านการต่อสู้มา ก่อนจะลงทุนย่อตัวเอามือคลุกดินกับพื้นมาป้ายเสื้อผ้าเลยไปถึงหน้า

โศภีสีหน้าหวาดกลัว วิ่งร้องไห้ถือปืนสิงขร หนีกระเซอะกระเซิง แหกปากขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ไม่คาดคิดมีคนวิ่งเข้ามาล็อกตัวโศภีจากด้านหลัง เธอกรีดร้องสนั่น
“ไม่ต้องกลัวครับ ผมตำรวจ”
โศภีร้องไห้ฟูมฟาย ฟ้องลำล่ำละลัก
“มันจะฆ่าฉัน ฉัน ฉันแย่งปืนมาได้ เลยยิงมันตาย มันตายแล้ว ฉันไม่ได้ ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจ”
จากนั้นโสภีก็ทำเป็นลมล้มพับไปทันที

โศภีนอนให้น้ำเกลืออยู่ในห้องพักผู้ป่วย เธอกำลังร้องห่มร้องไห้ บีบน้ำตา เรียกคะแนนสงสารจากษมา โดยมีสาระวารีอยู่ใกล้ๆ...
“โศจะติดคุกมั้ยคะษมา โศไม่ได้ตั้งใจจะฆ่ามัน โศป้องกันตัวเอง โศกลัวมากจนสติแตก กลัวมันจะฆ่าโศหมกป่าแล้วหนีข้ามชายแดนไป ษมาต้องช่วยโศนะ”
ษมาปลอบใจไปก่อน
“คุณทำไปเพราะป้องกันตัวเองนะโศ”
สาระวารีเสริม
“แต่จะเกินกว่าเหตุรึเปล่าก็อยู่ที่หลักฐานนะคะ”
โศภีชายหางตาขวับมองไปที่สาระวารี อารมณ์จากสายตาด่าประมาณสาระแน
“คุณปลอดภัยมาได้ก็ดีแล้วล่ะ เป็นไปได้ว่า เค้าอาจคิดจะฆ่าคุณทิ้งตอนพรรคพวกเค้ามาช่วยข้ามชายแดนไป”
โศภีบีบน้ำตาร้องไห้อีก จับมือษมาไว้แน่น
“โศกลัวจังเลยค่ะษมา เกิดมาไม่เคยเจออะไรน่ากลัวแบบนี้มาก่อนเลย”
สาระวารีก็เหล่มองโศภีอย่างจับผิดไม่ไว้ใจ ษมาปลอบ
“ทำใจให้สบาย อย่าคิดมากอีกเลยนะโศ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว คุณพักผ่อนให้มากๆ จะดีกว่า เดี๋ยวตำรวจคงมาสอบปากคำเพิ่มเติม”
โศภีพยายามสงบสติอารมณ์ลง ซับน้ำตาไปมา
“คุณนอนพักเถอะ ผมต้องกลับแล้วล่ะ”
โศภีอ้อน
“โศยังกลัวอยู่เลย คุณอยู่เป็นเพื่อนโศก่อนไม่ได้เหรอคะ”
ษมายิ้มบางๆ
“ผมมีเรื่องต้องไปทำอีกเยอะ คุณอยู่โรงพยาบาล ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะ”

“เสร็จธุระแล้วโทรหาโศมั่งนะคะ โศไม่มีใครเหลืออีกแล้วนอกจากคุณ”

โศภีเบะจะร้องไห สาระวารีทำหน้านิ่งแต่แอบเหยียดปากหมั่นไส้นิดๆ อยู่ในที ษมายิ้มบางๆ เลื่อนมือมาตบหลังมือโศภีเบาๆ ให้กำลังใจก่อนหันมาพยักหน้าให้สาระวารีแล้วเดินนำออกไป
สาระวารีมองโศภีด้วยสายตาระแวงก่อนเดินตามษมาออกไป โศภีจิกตามองตามสาระวารีออกไป
แล้วพึมพำด่าด้วยสีหน้าเกลียดชัง
“อย่าสาระแนให้มากนัก เดี๋ยวแกจะได้ขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์ตัวเอง”

ษมาเดินคุยกับสาระวารีอยู่ที่ล็อบบี้โรงพยาบาล เว้นระยะห่างกันเล็กน้อย
“ฉันไม่ค่อยไว้ใจคุณโศ ยังไงบอกไม่ถูก”
ษมาหน้านิ่งบอก
“เดินตามเกมเค้าไปก่อนเถอะ”
“คุณก็คิดเหมือนกันใช่มั้ยคะ”
ษมายิ้มกระเซ้า
“อย่างที่คุณบอกผมไง ตอนดูหนังฆาตกรรม คนร้ายมักจะเป็นคนใกล้ตัวที่เราไว้ใจ นึกไม่ถึงเสมอ”
สาระวารียิ้มๆ พูดเล่นไป
“ตอนไหนว่างก็หาหนังมาดูเยอะๆ นะคะ”
ษมาขำเบาๆ ก่อนจะหยุดเดิน หน้านิ่งขึ้นเรื่อยๆ หันมองหน้าสาระวารี
“ถึงเวลาที่เราต้องลากันจริงๆ แล้วสินะ”
สาระวารีใจหายวูบขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก เหลือบตามองษมา
“คุณจะกลับกรุงเทพเมื่อไหร่”
“น่าจะพรุ่งนี้ค่ะ แล้วคุณจะกลับเกาะยานกเมื่อไหร่คะ”
“เดี๋ยวว่าจะกลับเลย ไปสร้างขวัญกำลังใจให้คนงานหน่อย ตอนนี้ ข่าวลือเยอะแยะไปหมดแล้ว”
“ก็ดีค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปส่งบ้านเสี่ยจิตติให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ จิณห์กำลังแวะมารับ”
ษมาพยักหน้ารับทราบ
สาระวารีปั้นยิ้มให้
“เดี๋ยวต้นฉบับเสร็จจะโทรมาบอกนะคะ”
“ขอบคุณครับที่รักษาสัญญา”
ษมานึกได้ ล้วงมือเข้าไปในแจ็คเก็ต
“อ้อ ผมเอาของคุณมาคืน”
ษมาหยิบเอาถุงใบเล็กที่ใส่กลักบุหรี่มาคืน
สาระวารียิ้มบางๆ รับถุงคืนมา
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมว่าคุณเลิกบุหรี่ได้แล้วล่ะ น่าชื่นชมนะครับ”
“คุณยึดไป แล้วคิดว่าฉันไม่มีบุหรี่สำรองรึไงคะ”
“ผิดหวังนะเนี่ย”
“ฉันไม่ได้สูบหรอกค่ะ ตั้งแต่ไปสัมภาษณ์คุณ แค่สูดเขม่าปืนกับควันดินระเบิด ปอดฉันก็ดำปี๋แล้ว”
ษมาขำเอ็นดูออกมา ก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากันนิ่งๆ เหมือนรู้สึกพร้อมๆกันว่า คงไม่มีเวลาให้รู้สึกดีๆ ต่อกันอีกแล้ว
จันเลาและจิณห์วราเดินคู่กันเข้ามาหาทั้งคู่พอดี

“รอนานมั้ยวารี”
ทั้งคู่รีบละสายตาจากกันก่อนเป็นที่สงสัย จิณห์วรายกมือไหว้ษมา ษมารับไหว้ สาระวารีรีบเข้าไปจูงมือเพื่อน
“เราไปกันเลยเถอะ”
สาระวารีใจไม่แข็งพอที่จะมองษมาทิ้งทายรีบจูงมาเพื่อนลากออกไปจากโรงพยาบาลเลย
“ไปเลยมั้ยครับ” จันเลาถาม

ษมาพยักหน้ารับ เขาดูซึมๆไปเล็กน้อย เดินหน้านิ่งนำออกไป จันเลาเดินตามประกบไป

ษมาเดินนำจันเลาออกมาที่หน้าโรงพยาบาล หันมองไปทางรถจิณห์วรา เห็นจิณห์วราและสาระวารีกำลังเปิดประตูจะขึ้นรถ สาระวารีหันมาเห็นษมาพอดี ทั้งคู่มองกันระยะห่าง นิ่งๆ
จันเลาเดินแทรกมาเปิดประตูรถที่จอดรออยู่หน้าโรงพยาบาลให้ษมา...
สาระวารีเลี่ยงขึ้นรถนำไปก่อน ษมาเดินหน้านิ่งมาขึ้นรถไป จันเลาปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งทำหน้าที่คนขับรถ
รถจิณห์วราขับมาตามทางจังหวะที่รถเทียบตำแหน่งที่ษมาและสาระวารีนั่งตรงกันพอดี
ทั้งคู่หันสบตากันพอดี ใจหายวูบทั้งคู่ ใจอยากจะยิ้ม อยากจะยกมือบ๊าย บาย แต่สมองกลับสั่งยื้อไว้
วินาทีดีๆ ที่น่าจดจำผ่านไป รถจินห์วราขับเลยไป ษมาได้แต่ชะเง้อมองตามสาระวารีไป
จันเลาแอบมองจากกระจกส่องหลัง อมยิ้มเหมือนอ่านใจเจ้านายออก
สาระวารีก็แอบมองชิ่งกระจกส่องข้างมองไปทางรถษมาตลอดเวลาเช่นกัน ไม่พ้นสายตาของจิณห์วรา เธอแอบชำเลืองมองสาระวารีแล้วอมยิ้มอย่างรู้ใจเพื่อน

เวลาหัวค่ำ หน้าระเบียงหน้าบ้านพักษมาที่เกาะยานกตอนหัวค่ำ ษมายืนอุ้มเหลืองลายลูบขน
ไปมาอยู่ สีหน้าซึมๆ เหงาๆ
“แกชอบชื่อเหลืองลายหรือตุ่มลายมากกว่ากัน”
ษมาก้มมองแมว เหลืองลายก็เป็นแมวของมันไป
“ที่จริงตุ่มลายก็เหมาะกับแกมากกว่าจริงๆ หนักจนฉันจะอุ้มไม่ไหวแล้ว คนตั้งชื่อให้แกใหม่ เค้าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ”
ลำแพงเดินออกมาหา
“คุณคะ จะทานอะไรก่อนนอนอีกรึเปล่าคะ”
ษมาใจลอยไม่ได้ยิน ลำแพงเดินใกล้เข้ามา
“คุณคะ”
ษมาสะดุ้งเล็กน้อย หันมองลำแพง
“จะทานอะไรมั้ยคะ ลำแพงจะจัดให้”
“ไม่แล้วล่ะ ลำแพงไปพักเถอะ”
“เมื่อเย็นคุณก็ทานข้าวไม่กี่คำเอง ไม่สบายรึเปล่าคะ”
“ผมคงเครียดแล้วก็เหนื่อยมาหลายวันติดๆ กันน่ะล่ะ ขอบใจนะที่เป็นห่วง”
ษมาส่งแมวให้ลำแพงก่อนเดินกลับเข้าบ้านไป ลำแพงแอบรำคาญแมวปล่อยวิ่งไป แล้วมองตามษมาอย่างเก็บข้อมูล

เวลากลางคืน สาระวารีนอนไม่หลับกระสับกระส่ายจนเซ็งต้องลุกขึ้นจากเตียง

ย้อนกลับไป 17 ปีก่อน สาระวารีวัยเด็กนั่งมองพระจันทร์อยู่คนเดียวที่หน้าบ้านสาร พี่สาวฝาแฝดเดินออกมาจากข้างใน มาหาน้องสาว
ในบ้านปิดไฟมืดเพราะถูกตัดไฟ ไม่มีเงินจ่าย
“ออกมาทำไมวารี ข้างนอกยุงชุมจะตายไป”
“ในบ้านมันมืด เราไม่ชอบ อยู่ตรงนี้ยังมีแสงมั่ง เมื่อไหร่เราจะมีไฟใช้ซะทีล่ะสะมา”
“ก็ต้องรอให้พ่อเอาเงินไปจ่ายเค้าก่อนแหละ”
สาระวารีสีหน้าเศร้าถอนใจออกมา
“งั้นก็ต้องทนอยู่มืดๆ กันไปอีกนานเลยล่ะ”
“เดี๋ยวเราจุดเทียนให้เอามั้ย”
“อย่าเลยสะมา เก็บเอาไว้จุดตอนอ่านหนังสือดีกว่า”
สาระสะมาหน้าเศร้าๆ เหมือนกัน
“เราคงไม่ได้อ่านหนังสือที่บ้านนี้อีกแล้วล่ะวารี”
สาระวารีอึ้งไป ลืมไปสนิท หน้าแหย
“เผาศพแม่เสร็จ ตากับยายจะรับเราสองคนไปอยู่ด้วยจริงๆ เหรอ”
สาระสะมานั่งลงข้างๆน้อง
“จ่าบูรณ์บอกยังงั้น เรานั่งด้วยคนนะ”
สาระวารีสีหน้าซึมเศร้าไป
สาระสะมางยหน้ามองพระจันทร์
“พระจันทร์คืนนี้ส๊วยสวยเนอะ”
สาระวารีน้ำตาคลอเงยหน้ามองพระจันทร์ตามพี่สาว อดนึกถึงแม่ไม่ได้
“ต่อไปคงไม่มีใครร้องจันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า กล่อมเรานอนอีกแล้ว”
สาระสะมาชำเลืองมองน้องสาว อย่างสงสาร โอบไหล่น้องเอาไว้

“เราก็ร้องได้นะแต่คงไม่เพราะเหมือนเสียงแม่หรอก นายอยากฟังมั้ยล่ะ”

อ่านต่อเวลา 17.00น.

มนต์จันทรา ตอนที่ 5 (ต่อ)

สาระวารีพยักหน้าหงึกๆ สาระสะมายิ้มแย้ม ตั้งท่าตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะร้องเพลงเลียนแบบที่แม่เคยร้องไว้
                “จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้า”  (จับมือน้องสาวเอาไว้)
                สาระวารีพักศีรษะลงกับบ่าพี่สาวที่จับมือน้องสาวไว้ เธอฟังเพลงไปเพลินๆ ชำเลืองมองดูพระจันทร์ไป
                “ขอช้างขอม้า ให้น้องข้าขี่  ขอเก้าอี้ให้น้องข้านั่ง...”
 
                สาระวารียืนเหงาๆ กอดอก เงยหน้าดูพระจันทร์อยู่คนเดียวที่สนามหน้าบ้านจิตติ  พูดพึมพำ
                “เสียเวลาเปล่า พระจันทร์ ให้อะไรใครไม่ได้หรอกสะมา”
                สาระวารีทอดถอนใจยาวออกมา
 
                เช้าสายวันรุ่งขึ้น สาระวารีสะพายเป้เดินลงมาที่โถงบ้านจิตติ เพื่อเตรียมตัวจะกลับ จิณห์วรานั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอเพื่อนอยู่ที่โซฟารับแขก
                “เสร็จแต่เช้าเลยนะ”
                “เช้าอะไรล่ะ เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับ เออ เดี๋ยวเธอพาฉันไปร้านขายของฝากหน่อยสิ”
                “ได้เลย ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมง วันนี้พ่อฉันต้องเข้ากรุงเทพฯกระทันหัน พ่อเลยให้ชวนเธอกลับไปพร้อมกันเลย”
                “พ่อเธอกลับตอนไหน”
                “บ่ายๆ...เธอถึงกรุงเทพไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก แต่สบายกว่ากันเยอะ”
                “พ่อเธอออกปากชวนแล้ว ใครจะขัดได้ล่ะ” 
                สาระวารีวางเป้ลงที่โซฟารับแขก จิณห์วรากระเซ้า
                “เธอยังพอมีเวลาแวะไปเที่ยวเกาะยานกอีกรอบนะ”
                สาระวารีชะงักไป ก่อนโวยเพื่อนกลบเกลื่อน
                “ประสาท  ฉันจะไปทำไม” 
                สาระวารีเดินเลี่ยงไปที่โต๊ะอาหาร จิณห์วรามองตามเพื่อนไปยิ้มๆ อย่างรู้ทัน                     
 
                ษมาเดินเซ็งๆ อยู่หน้าสนามบ้าน  ในขณะที่แลงกำลังพรวนดินต้นไม้อยู่ใกล้ๆ ลำแพงเดินตามหาษมาออกมา
                “คุณษมาคะ จะออกไปพระฮามรึเปล่าคะ ลำแพงจะได้เตรียมอาหารใส่ปิ่นโตไปให้”
                “ฉันสั่งงานให้พิพัชไปทำแทนเรียบร้อยแล้ว”
                ลำแพงยิ้มดีใจ ที่ษมาจะอยู่บ้านวันนี้
                “กลางวันนี้จะทานอะไรดีคะ ราดหน้าทะเลหรือข้าวผัดปูดีคะ”
                ษมาเซ็งๆ
                “อะไรก็ได้ ฉันกินได้ทั้งนั้นล่ะ”
                ขณะนั้นเอง  กิ่งไม้จากต้นไม้ใหญ่ข้างๆ ก็หักตกลงมาเกือบโดนแลง จนแลงตกใจ ลำแพงก็ตกใจร้องออกมา ษมาเงยหน้ามองก่อนสั่งแลง
                “กิ่งไหนที่มันจะหักก็ตัดทิ้งซะเลยโดนฝนโดนพายุมาหลายรอบแล้ว”
                “ครับคุณษมา”
                ษมาเดินทอดอารมณ์ไปทางชายหาด ลำแพงมองตามไป
                แลงรีบมาคุยกับพี่สาว
                “วันนี้คุณษมาดูแปลกๆไปนะพี่”
                ลำแพงไม่พอใจ
                “แปลกตั้งแต่กลับมาเมื่อวานแล้ว  ดูเบื่อๆเซ็งๆ ยังไงบอกไม่ถูก”
                แลงยิ้มพูดอย่างไม่คิดมาก
                “สงสัยจะคิดถึงนักข่าวคนนั้น”
                ลำแพงตวาดใส่ทันที
                “หุบปากไปเลยนะไอ้แลง คุณษมาจะไปคิดถึงมันทำไม”
                “แหม มันอดคิดไม่ได้หรอกพี่”
                ลำแพงตวาด
                “ยังอีก  กิ่งไม้มันน่าตกมาใส่หัวกบาลเอ็งจริงๆ เลยจำเอาไว้  ยัยนักข่าวนั่นก็เหมือนพายุ  ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”
                ลำแพงเดินหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดกลับเข้าไป แลงได้แต่ถอนใจ ก่อนเงยหน้ามองกิ่งไม้แห้งกิ่งต่างๆ บนต้นไม้สูงไป

ภายในร้านขายของฝาก สาระวารีเลือกซื้อของฝากไปเรื่อยๆ จิณห์วราเดินยิ้มแย้มมากระเซ้า จิณห์วราตีหน้าตาย
                “คุณษมาโทรมารึยัง”
                สาระวารีลืมตัว  หน้าจ๋อยๆบอก “ยัง”
                จิณห์วราแอบยิ้ม ขำเพื่อน สาระวารีฉุกคิดขึ้นได้ รีบแก้ทันที
                “แล้วทำไมเค้าต้องโทรมาด้วยล่ะ เค้าไม่ได้มีธุระอะไรกับฉันซะหน่อย”
                “แต่แกกำลังจะกลับแล้วนะ เค้าน่าจะโทรมาอวยพรให้เดินทางปลอดภัย หรือไม่โทรมาถามซักหน่อย ว่าเป็นไงบ้าง ใกล้ถึงรึยัง”
                สาระวารีหน้าบึ้งตึง
                “เค้าจะทำเพื่ออะไร  ฉันก็แค่มาสัมภาษณ์เค้าไม่กี่วัน สัมภาษณ์เสร็จก็จบ”
                จิณห์วราอยากรู้อยากเห็น
                “จบจริงเหรอ”
                สาระวารีจ้องหน้า ท่าทางเริ่มเอาเรื่อง
                “แกจะเอายังไงกับฉัน  ต้องให้ฉันตอบยังไงแกถึงจะพอใจ ว่ามาเลย”
                จิณห์วราแหยๆ
                “จ้ะๆ กลัวแล้ว  กลับกรุงเทพไปอย่าลืมฉีดวีคซีนนะน่าจะครบปีแล้วล่ะ ดุชะมัดเลย”
                สาระวารีเงื้อง้าของฝากในมือจะฟาดใส่เพื่อน จิณห์วราต้องรีบเดินหนีไป
                สาระวารีตาเขียวมองตามเพื่อนไป ก่อนจะมีสีหน้าขรึมๆไปเล็กน้อย  ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า เพื่อนพูดถูก ษมาน่าจะโทรมาถามไถ่บ้างก็ไม่โทร เธอบ่นพึมพำอย่างน้อยใจ
                “โทรมาหน่อยก็ไม่ได้”
 
                ษมามีสีหน้าลังเล ยืนมองโทรศัพท์มือถือในมืออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหน้าบ้าน ษมาตัดสินใจจะกดโทรออก ก็ยั้งไว้ แล้วพึมพำ
                “โทรไปบ่อยๆ จะรำคาญซะมากกว่า”
                ษมาตัดสินใจไม่โทร... แลงเดินถืออุปกรณ์ตัดแต่งกิ่งต้นไม้มา
                ไม่คาดคิด  กิ่งไม้แห้งท่อนโตหักร่วงลงมาตรงตำแหน่งที่ษมายืนอยู่พอดี  ษมาไม่ทันระวัง แลงเห็นตกใจมาก
                “คุณษมา ระวังครับ” 
                แลงรีบทิ้งอุปกรณ์วิ่งไปหาษมาทันที หน้าตาตื่นตระหนก
 
                สาระวารีสะพายเป้เตรียมตัวจะกลับเดินมาที่รถหรูของจิตติที่จอดอยู่หน้าบ้าน จิณห์วราช่วยถือถุงของฝากออกมา คนขับรถรีบมาช่วยรับของไปเก็บไว้ท้ายรถ
                จิณห์วราจับมือเพื่อน
                “ฉันส่งเธอแค่นี้แล้วกัน”
                สาระวารีมีสีหน้ายิ้มแย้ม
                “ขอบใจมากนะจิณห์”
                จิณห์วราสวมกอดสาระวารีเอาไว้
                “ว่างๆ แวะมาเที่ยวอีกนะ โชคดีปลอดภัยนะจ๊ะ” 
                สาระวารียิ้มแย้ม
                “ย่ะ เธอก็มีน้องซะทีเถอะ เอาแต่เที่ยวอยู่นั่นล่ะ แก่ขึ้นทุกวันแล้ว”
                จิณห์วราแอบเคืองว่าแก่
                “ก็รอเธอมีแฟนก่อนนี่แหละย่ะ ฉันถึงจะยอมท้อง”
                “อ้าว เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ฉันเป็นติ่งในมดลูกเธอรึไง”
                ทันใดนั้นเอง  เสียงโทรศัพท์มือถือของสาระวารีก็ดังขึ้น สาระวารีดู ไม่คุ้นกับเบอร์โชว์ จิณห์วรากระเซ้าทันที
                “เจ้าพ่อโทรมารึเปล่าจ๊ะ”
                “ประสาท  เบอร์ใครก็ไม่รู้ … ฮัลโหล”
                จันเลากำลังยืนคุยโทรศัพท์มือถือที่มุมหนึ่งในโถงบ้านษมาที่เกาะยานก
                “ผมจันเลาพูดนะครับคุณวารี คุณวารีถึงกรุงเทพรึยังครับ”
                “กำลังจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ  มีอะไรรึเปล่าคะ”
                จันเลารีบรายงานไปทันที
                “คุณษมาได้รับอุบัติเหตุนะครับ”
                สาระวารีมีสีหน้าตกใจปนห่วง
                “ตอนนี้นอนซมไข้ขึ้นสูงเลยครับ”
                สาระวารีคุยมือถือด้วยความเป็นห่วง
                “แล้วพาไปหาหมอรึยังคะ”
                “คุณษมาไม่ชอบนอนโรงพยาบาลครับ ผมก็เลยไปรับหมอมารักษาที่นี่แทน  แต่ผมไม่เคยเห็นคุณษมาเจ็บหนักขนาดนี้เลยนะครับ ตอนนี้เพ้อเรียกแต่ชื่อคุณตลอดเลย”
                สาระวารีหน้าเครียดไป รู้สึกเป็นห่วงเขามาก จันเลาพูดผ่านโทรศัพท์ต่อ
                “ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป คุณแวะมาเยี่ยมคุณษมาหน่อยได้มั้ยครับ คุณษมาจะได้มีกำลังใจดีขึ้น”
                สาระวารีมองเหล่จิณห์วราอย่างเกรงใจเพื่อน
                “แต่ฉันกำลังจะกลับแล้วนะคะ”
                จันเลามีสีหน้าลุ้นๆ อยากให้มา เขาบอกไปว่า
                “เลื่อนเป็นพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอครับ เดี๋ยวผมให้ฃกูซอไปรับ  แล้วพรุ่งนี้ผมจะจัดรถไปส่งคุณถึงกรุงเทพเลย”

                สาระวารีมีสีหน้าลังเล สองจิตสองใจ ไม่รู้จะเอาไงดี

เวลาเย็น กูซอขับเรือมาจอดเทียบท่าเรือเกาะยานก พอเรือจอดสนิท สาระวารีก็รีบลงจากเรือทันที แล้วรีบตรงไปที่บ้านของษมา โดยไม่รอกูซอเลย
แลงหอบกิ่งไม้ไปทิ้งผ่านมา พอเห็นสาระวารีเข้าก็แปลกใจ เธอไม่สนใจ รีบเดินลิ่วไปเข้าบ้านด้วยความเป็นห่วงษมา
กูซอเดินตามหลังมาพร้อมเป้สัมภาระและถุงของฝากของสาระวารี
“คุณนักข่าวแกกลับมาทำไมวะกูซอ”
“จะกลับมาทำไมก็ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง มันเรื่องของเจ้านายเค้า”
กูซอยิ้มหน้าเป็นแล้วเดินเลี่ยงไป ปล่อยให้แลงมองตามด้วยความงุนงง

สาระวารีกำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่ลำแพงเดินสวนออกมาพอดี ลำแพงตกใจมาก นึกไม่ถึง
“อ้าวคุณ...ไหนว่ากลับไปแล้วไงล่ะ”
สาระวารีพูดอย่างร้อนใจมาก
“ฉันมาเยี่ยมคุณษมา”
ลำแพงโกรธ แต่พยายามระงับอารมณ์ไว้
“เพิ่งจะลากันเมื่อวาน จะไม่กลับมาเยี่ยมเร็วไปหน่อยเหรอคะ”
“ถ้าคุณษมาไม่ป่วย ฉันก็คงไม่มาหรอกค่ะ”
ลำแพงงง
“คุณษมาป่วยเหรอคะ ดิฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย คุณเอาที่ไหนมาพูด”
“ก็คุณษมาได้รับอุบัติเหตุ กิ่งไม้ตกใส่ศีรษะอย่างแรงจนสลบไปไม่ใช่เหรอคะ”
ลำแพงหน้าตาเหรอหราด้วยความงง จันเลาเดินออกมาจากข้างใน มาขัดจังหวะพอดี
“มาถึงแล้วเหรอครับคุณวารี เชิญเลยครับ คุณษมารออยู่”
สาระวารีรีบเดินตามจันเลาเข้าข้างในไปทันที ลำแพงมองตามด้วยความสงสัยมากแล้วพึมพำ
“ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ”
ลำแพงสีหน้าร้อนใจขึ้นมา รีบเดินไปเข้าครัว

จันเลาเปิดประตูห้องนอนษมาให้สาระวารีเข้าไป
“เชิญครับ”
จันเลาปิดประตูห้องแล้วล่าถอยออกไป ด้วยสีหน้ายิ้มๆ พอสาระวารีเข้าห้องนอนมาก็เห็นษมานอนซมอยู่บนเตียง บนศีรษะพันผ้าพันแผลไว้ เธอทั้งสงสาร ทั้งเป็นห่วงเขาสุดๆ เธอนั่งลงใกล้ๆเขาแล้วจับหน้าผาก
“ตัวไม่ร้อนแล้วนี่นา”
ษมาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น
“วารี”
ษมาพยายามจะลุก แต่ปวดหัวร้อง “โอ้ย” ขึ้นมา
สาระวารีประคองษมาขึ้นมานั่ง
“อย่าเพิ่งรีบลุกสิคะ”
“มาได้ยังไงครับเนี่ย”
“จันเลาโทรไปบอก แล้วให้กูซอไปรับมาน่ะค่ะ”
“จันเลาก็จริงๆเลย ไม่รู้จะโทรไปรบกวนคุณทำไม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ขอบคุณมากนะที่อุตส่าห์แวะมา”
ษมามองสาระวารี ด้วยสายตาซึ้งใจ จนเธอที่ยิ้มบางๆอยู่ต้องหลบดวงตาคู่นั้น
“ผมอายคุณจริงๆเลย โดนทั้งปืนทั้งระเบิดไม่เป็นอะไร แต่กลับมาล้มหมอนนอนเสื่อเพราะโดนกิ่งไม้หล่นใส่”
สาระวารียิ้มๆ
“อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ตลอดล่ะค่ะ ถึงคุณจะดวงแข็งแค่ไหน ก็ต้องมีวันพลาดจนได้ แล้วนี่คุณจะไม่ไปโรงพยาบาลจริงๆเหรอคะ โดนกระแทกที่ศีรษะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ น่าจะไปเช็คให้ละเอียดซะหน่อย”
“ไม่ดีกว่า ผมไม่ชอบนอนโรงพยาบาล”
“ว่าแต่ฉันดื้อ คุณก็ดื้อเหมือนกันแหละ”
ษมามองหน้าสาระวารีนิ่งๆ ได้แต่ยิ้มเอ็นดู
สาระวารีเห็นยิ้มมาก็บุ้ยปากกลับไป ษมายังมองหน้าเธอนิ่ง จนเธอชักอึดอัด จ
“กล้ามเนื้อปากเป็นตะคริวเหรอคะ ยิ้มอยู่ได้”
ษมาขำออกมาเบาๆ สาระวารีทำหน้าตางอน เอาแต่ใจ
“คุณหายแล้วมั้ง กลับดีกว่า”
สาระวารีจะลุก ไม่คาดคิดษมาปาดมือไปจับมือสาระวารีเอาไว้ เธออึ้งไป ขาขยับตัวไม่ออกเลยทีเดียว รู้สึกวูบวาบบอกไม่ถูก กะอีแค่ถูกเค้ากุมมือเอาไว้
“ไหนๆ ก็มาแล้ว พักที่ยานกเป็นเพื่อนผม อีกคืนแล้วกัน”
ษมามีสีหน้าแววตาขอร้อง สาระวารีหน้านิ่งๆไม่ตอบอะไรได้แต่ดึงมือออกมา แล้วลุกขึ้นหันเดินไป
ษมามีสีหน้าผิดหวัง เสียงอ่อย
“จะไปจริงๆ เหรอครับ”
“ค่ะ”
สาระวารีหันมาหน้าบึ้งใส่ ษมาจ๋อยสนิท
“ช้าอีกนาทีเดียว ราดแน่ๆ”
สาระวารีค้อนใส่แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ษมายิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ

ทันทีที่สาระวารีเข้าห้องน้ำและปิดประตูห้องน้ำก็แอบอมยิ้มอยู่ในที

ลำแพงกำลังทำข้าวต้มกุ้งอยู่ในครัว แลงเดินเข้ามาในครัวก็แปลกใจ
“ใครจะกินข้าวต้มตอนเย็นเหรอพี่”
“ก็คุณษมาน่ะสิ ไม่สบายตอนไหนก็ไม่รู้ ไม่บอกกันซักคำ แม่นักข่าวนั่นก็หูไวตาไวจริงๆ เราอยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ยังไม่รู้เลย”
ลำแพงสีหน้าหมั่นไส้ แลงแปลกใจเข้าไปอีก
“แกก็เหมือนกัน คุณษมาไม่สบาย ทำไมไม่บอกฉันไอ้แลง”
“อ้าว พี่ยังไม่รู้แล้วฉันจะรู้ได้ไงล่ะ ตกลงคุณษมาป่วยเป็นอะไรเหรอพี่”
“ก็กิ่งไม้หล่นใส่หัวคุณษมาจนสลบไปน่ะสิ ฉันบอกแล้วใช่มั้ย ว่าให้แกรีบจัดการตัดแต่งให้เรียบร้อย มัวแต่โอ้เอ้อยู่นั่นแหละ”

“เข้าใจผิดแล้วพี่ ตอนนั้นฉันก็อยู่ คุณษมาหลบทัน ไม่โดนแม้แต่ปลายผม”
ลำแพงอึ้งไป
“ฉันกำลังจะปีนขึ้นไปตัดอยู่พอดี กิ่งมันดันหักลงมาซะก่อน ก็ไอ้ต้นเดิมนั่นแหละ โอ๊ย ถ้าคุณษมาโดนขนาดนั้น ฉันคงโดนไล่ไปทำงานที่พระฮามแล้ว”
ลำแพงหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“แกพูดจริงแน่นะ”
แลงฉุกคิดแล้วขำๆ
“ฉันจะไปโกหกพี่ทำไม แบบนี้ป่วยการเมืองแหงๆ”
ลำแพงหน้าตาโกรธแค้นขึ้นมา
“หาเรื่องให้คุณวารีกลับมาเยี่ยมแน่ๆ ไม่น่าเชื่อคุณษมาจะเล่นลูกไม้นี้”
ลำแพงตวาดลั่นครัว เสียงแข็ง ตาดุ
“ไปขำที่อื่นเลยไป”
แลงจ๋อยสนิทไป ค่อยๆเดินออกจากห้องครัวไป
ลำแพงสีหน้าแววตาโกรธจัด ปรี๊ดมาก เดินไปยกหม้อข้าวต้มเททิ้งลงอ่างล้างจานพรวดๆ ก่อนจะทิ้งหม้อ ปาทัพพีตามลงอ่างไปจนหมด
ลำแพงกำมือเกร็งแน่น หน้าเกร็ง ตาโกรธจัด งวดนี้เจ็บแปลบที่สุด ริมฝีปากมีอาการกระตุกๆ แปลกๆ
เย็นต่อเนื่อง โศภีเดินคุยโทรศัพท์มือถือ ด้วยสีหน้าหมั่นไส้มาที่โถงนั่งเล่นในบ้าน ลำแพงคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเจ็บใจปนชิงชังอย่ในบริเวณสวน
“คิดดูสิคะ ผู้ชายอย่างคุณษมายังแกล้งป่วยเพื่ออ้อนให้มันกลับมาหา อีกไม่นานมันคงจะฮุบทั้งตัว
ทั้งคาสิโน”
โศภีคุยมือถืออย่างขำหยัน
“นึกว่าฉันเป็นเด็กอมมือรึไงคะคุณแม่บ้าน คุณไม่มีปัญญาจะจัดการเอง ก็เลยคิดจะยืมมือฉัน ฉันไม่โง่พอจะเป็นหุ่นเชิดให้ใครหรอกนะ”
ลำแพงน้ำเสียงแดกดันอยู่ในที
“ถ้าคุณคิดอย่างงั้นก็ตามใจเถอะค่ะ ดิฉันแค่เห็นว่า คุณเพียรพยายามตามจับคุณษมามานาน ถ้าจู่ๆ มีใครมาชุบมือเปิบไป มันก็น่าเสียดายแทน”
โศภีถูกแทงใจดำ ก็เจ็บใจมาก
“ไม่ต้องมาเสแสร้งห่วงใยฉันหรอกย่ะ แกเกลียดฉันยังกะอะไรดี ทำไมฉันจะไม่รู้”
“ค่ะ ดิฉันไม่ชอบคุณ แต่ดิฉัน ไม่ชอบแม่นักข่าวนั่นมากกว่า คุณเองก็เกลียดยัยนั่นไม่แพ้ดิฉันเหมือนกัน ไม่ใช่เหรอคะ”
โศภีสะแหยะยิ้มอย่างรู้ทัน
“แล้วทำไมฉันต้องช่วยแกด้วย ถึงฉันเขี่ยนังนักข่าวนั่นออกไปได้”
โศภีขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ
“ษมาก็ไม่กลับมาสนใจฉันอยู่ดี...ฉันไม่โง่เป็นเครื่องมือแกหรอก”
โศภีกดตัดสายไป ลำแพงมีสีหน้าเจ็บใจมาก คิดหาหนทางอื่นเล่นงานสาระวารีแทน

พิพัชเดินรีบร้อนกลับขึ้นมาที่ระเบียงหน้าบ้านษมา สวนกับจันเลาที่เดินออกมาจากข้างใน
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอะ ไหนว่าจะค้างที่พระฮาม”
พิพัชสีหน้าเครียดบอก
“จะค้างได้ยังไง คุณษมาเจ็บหนักขนาดนี้”
จันเลาแปลกใจ
“อ้าว รู้ได้ไง”
“คนงานที่พระฮามลือกันสนั่น”
จันเลาตกใจ ไม่คิดว่าข่าวลือจะเพี้ยนไปขนาดนี้
“แกก็เหลือเกินเลย คุณษมาเจ็บขนาดนี้ แทนที่จะพาไปโรงพยาบาล”
พิพัชส่ายหน้าก่อนตัดบท
“ฉันไปดูคุณษมาก่อน”
จันเลาคว้าแขนพิพัชไว้
“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว จะเข้าไปเป็นก้างขวางคอนายทำไมล่ะ”
พิพัชทำสีหน้างงงวย จันเลายิ้มกริ่ม
“คุณวารีดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”
พิพัชแปลกใจ
“นักข่าวนั่นกลับกรุงเทพฯไปแล้วไม่ใช่เรอะ”
จันเลายิ้มๆ
“กำลังจะกลับ แต่เจอแผนเรียกร้องความสนใจของนายเราซะก่อน เลยต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน”
“สรุปตกลงคุณษมาเจ็บจริงรึเปล่า”
“โอ๊ย เข้าใจยากซะจริง อย่าไปรบกวนเจ้านายเลย เค้ากำลังมีความสุข”
จันเลายิ้มขี้เล่นลากแขนพิพัชพาลงไปจากบ้าน

พิพัชแม้จะเดินตามจันเลาไปตามแรงลาก แต่ก็ยังมองไปทางตัวบ้าน สีหน้าเป็นห่วงษมาอยู่ดี และไม่ไว้ใจสาระวารี

จบตอนที่ 5

อ่านต่อตอนที่ 6 เวลา 17.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น