มนต์จันทรา ตอนที่ 2
ระหว่างนั้นโศภีจับตามองเป็นพิเศษ อย่างแปลกใจมาก สาระวารียกมือไหว้ ษมารับไหว้ไป
"ลุงบูรณ์คงบอกเรื่องฉันกับคุณแล้ว ถ้าอย่างงั้นฉันเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ฉันอยากสัมภาษณ์คุณเกี่ยวกับคาสิโนที่กำลังจะเปิดใหม่ของคุณน่ะค่ะ"
โศภียิ้มเยาะหยัน
"แหม น่าสงสารจริงๆเลย คงมาเสียเที่ยวเปล่าแล้วล่ะจ้ะ ไม่รู้รึไงว่า คุณษมาไม่เคยให้สัมภาษณ์หนังสือฉบับไหนมาก่อน"
ษมาพูดสวนขึ้น
"จะสัมภาษณ์ที่นี่ เดี๋ยวนี้เลยเรอะ"
โศภีตกใจหันไปมองหน้าษมา ไม่คิดว่าษมาจะพูดแบบนี้
"ไม่หรอกค่ะ วันนี้เป็นงานวันเกิดคุณพ่อ นอกจากจะไม่สะดวกแล้ว เกรงว่าจะเป็นการไม่ให้เกียรติคุณพ่อด้วย ฉันเลยอยากจะขอรบกวนนัดคุณวันอื่นค่ะ"
ษมายิ้มเล็กน้อย
"เดี๋ยวเราค่อยคุยกันอีกที เธอคงยังไม่รีบกลับ"
ษมาตัดบทหันไปหาจิตติ
"ไปพบท่านรัฐมนตรีกันเถอะครับ"
จิตติพาษมาเดินเลี่ยงไป โศภีมองสาระวารีด้วยรอยยิ้มหยัน
"นี่เค้าเรียกกว่าการปฏิเสธแบบผู้ดี รู้เอาไว้ด้วยย่ะ แม่นักข่าวสก๊อย"
โศภีเดินตามษมาไป จันเลาและพิพัชเหล่มองสาระวารีก่อนตามประกบษมาไปห่างๆ วัฒนาเหล่ๆ มองจนจันเลาและพิพัชเดินพ้นไปรีบวิ่งมาหาสาระวารี
"ตกลงเค้ายอมให้สัมภาษณ์มั้ย"
"ยังไม่รู้เลย" สาระวารีถอนใจแรงก่อนเดินเซ็งๆ เลี่ยงออกไป
ษมาที่เดินไปกับจิตติก็แอบหันไปจับมองตามสาระวารีด้วยสีหน้ายิ้มๆ
สาระวารีสีหน้าร้อนใจปนกังวล แอบเดินมาทางสนามหลังบ้านจัดงาน
"คุณคงหงุดหงิดมากสินะที่ได้เจอผมอีก"
สาระวารีตกใจเล็กน้อย หันกลับมามองหน้าษมา
"ทำไมคุณไม่บอกฉันแต่แรก ว่าคุณคือคุณษมา"
ษมาตีหน้าตาย
"ก็คุณไม่ได้ถาม เอาแต่เล่นงานผมตลอดเลย"
สาระวารีฝืนยิ้มแหยๆ ษมากอดอกมองหน้าเธอ
"ถ้าจะมีข่าวเกี่ยวกับตัวผมออกไป ผมต้องการให้มันเป็นข่าวที่มีความครบถ้วนถูกต้องมากที่สุด ไม่ใช่ข่าวที่คุณหลับตาวาดภาพแล้วเขียนเอาเอง หรือข่าวแค่ย่อหน้าสองย่อหน้าที่ซ่อนอยู่หน้าหลัง"
"ข่าวนี้เป็นข่าวปกค่ะ และฉันรับรองได้ว่าสยามสารเป็นหนังสือพิมพ์ที่เสนอข่าวสารถูกต้องตามความเป็นจริง นำเสนออย่างรอบด้านและเป็นกลางที่สุด" สาระวารีพูดสวนทันที
"ถูกต้อง รอบด้าน เป็นกลาง" ษมาเลิกคิ้วสูง มุมปากโค้งเล็กน้อย ใช้ความคิดว่า จะเชื่อไม่เชื่อดี
"คุณษมาต้องการให้ฉันทำยังไงไม่ทราบคะ คุณถึงจะเชื่อว่าสยามสารจะเสนอข่าวคาสิโนของคุณอย่างเป็นกลางจริงๆ"
ษมาจ้องหน้าวารีบอก
"ผมต้องการตรวจข่าวของคุณก่อนตีพิมพ์"
สาระวารีอึ้งๆ สีหน้าใช้ความคิดก่อนตัดสินใจ
"ปกติเรามักจะไม่ทำแบบนั้น แต่ถ้าฉันตกลงตามที่คุณต้องการ ฉันจะได้ข่าวอะไรเพื่อแลกกับอภิสิทธิ์ขนาดนี้ของคุณบ้างคะ"
ษมาขำในลำคอ
"คำตอบทุกอย่างที่คุณอยากรู้ ภาพสถานที่ที่ผมจะสร้างคาสิโน และหนังสือคุณจะเป็นฉบับเดียวที่จะได้ข่าวจากผม"
สาระวารีตื่นเต้นดีใจ
"ตกลงค่ะ ฉันยินดีให้คุณตรวจข่าวก่อนตีพิมพ์... งั้นคุณนัดมาได้เลยค่ะ ว่าจะให้ฉันไปสัมภาษณ์ได้เมื่อไหร่"
ษมายิ้มมุมปาก
"พรุ่งนี้บ่ายโมงคุณไปที่ท่าเรือ คนของผมจะเอาเรือไปรอรับคุณ"
สาระวารีดีใจ ไม่ทันได้คิดอะไร
"ได้เลยค่ะ"
"เตรียมเสื้อผ้าไปค้างคืนด้วย ผมขอเชิญคุณเป็นแขกที่เกาะยานก คิดว่าคุณคงไม่รังเกียจ"
"ไม่รังเกียจเลยค่ะ"
ษมาจ้องหน้า สีหน้าจริงจัง
"แต่คุณต้องไปคนเดียวเท่านั้น"
สาระวารีผงะไปเล็กน้อย
ผ่านเวลาเล็กน้อย จิณห์วราเปิดตู้เย็น หยิบผลไม้แช่เย็นออกมา แล้วเดินไปนั่งกินไป คุยไปกับสาระวารีที่โต๊ะอาหารเล็กๆ ในห้องครัว
"ตอนแรกฉันเสียวแทบแย่ กลัวว่าแกจะไปตีกับคุณษมาซะอีก"
"นี่แก ถึงฉันจะขี้วีนแค่ไหน ฉันก็มือโปรนะยะ มีนักข่าวที่ไหนไปทะเลาะกับแหล่งข่าวมั่ง ยิ่งในงานวันเกิดพ่อแก ฉันยิ่งไม่มีทางทำหรอก"
"จ้า แม่สุดยอดนักข่าวมืออาชีพ เออ แต่แกนี่โชคดีเป็นบ้าเลย รู้ตัวมั้ย นอกจากนะได้สัมภาษณ์คุณษมาเป็นคนแรกแล้ว ยังได้ไปเกาะยานกอีก นี่แกเล่นของรึเปล่ายะ"จิณห์วราเหล่ๆเพื่อน
สาระวารีหน้าหงิก
"มองฉันในแง่ดีซักเรื่องจะได้มั้ย" สาระวารีตอบพลางทานผลไม้ไป
จิณห์วรายิ้มแซว
"ก็ได้ย่ะ งั้นฉันมองว่าคุณษมาอาจจะแอบปิ๊งแก"
สาระวารีสำลักผลไม้ จนติดคอต้องรีบกลืนเข้าไป
"นังบ้า ฉันเกือบติดคอตายแล้ว" สาระวารีไอสำลักตามมาอีกเล็กน้อย
จิณห์วราขำๆก่อนจะหน้าเครียดขึ้นมา
"บอกตรงๆนะ ฉันไม่อยากให้แกไปที่เกาะยานกเลย ถึงพ่อฉันจะชอบเค้ามากขนาดไหน แต่เค้าก็ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อคนนึง ฉันกลัวว่าแกจะไม่ปลอดภัย"
สาระวารียิ้มมั่นใจ
"สายไปแล้ว คนอย่างสาระวารี ลองถ้าได้ทำข่าวอะไรแล้ว รับรองว่ากัดไม่ปล่อย ยิ่งคุณษมามาแปลกๆ ยังงี้ ฉันก็ยิ่งอยากรู้ ว่าเค้ามีแผนการอะไรกันแน่"
จิณห์วารีอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้
"วารี..."
สาระวารีเอาผลไม้ยัดใส่ปากเพื่อนทันทีที่จะเปิดปากพูดต่อ
จันเลาขับรถตู้เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโถงบ้านโศภี เพื่อมาส่งโศภี จันเลาและพิพัชลงจากรถไปเปิดประตูให้โศภี และคุ้มกันษมา โศภียิ้มประชด
"วันนี้มีอะไรแปลกๆดีนะคะ ษมาผู้รักสันโดษของโศ ถึงกับยอมเปิดบ้านให้คนอื่นค้าง นักข่าวซะด้วย ไหนคุณว่าไม่ชอบให้ใครไปรบกวนที่ยานกไงคะ"
ษมายิ้มบางๆ
"กฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้นไม่ใช่เหรอครับ แล้วบังเอิญ ผมถูกชะตากับนักข่าวคนนี้ ก็เท่านั้นเอง"
โศภีออกอาการหึงหวง
"แค่ถูกชะตา คงไม่ใช่ถูกสเป็กนะคะ ถึงแม่นี่จะไม่ค่อยแต่งตัว แต่โศก็ดูออกว่าสวยไม่ใช่เล่นเหมือนกัน"
ษมายิ้มขำๆ
"ดึกแล้ว คุณเข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะ ผมก็จะกลับเกาะยานก คืนนี้เลยเหมือนกัน"
โศภีทิ้งค้อนสะบัดหน้าพรืดเดินลงจากรถกลับเข้าบ้านไปด้วยความไม่พอใจ ษมาเหลือบไปเห็นพิพัชและจันเลาที่ยืนมองเขาเป็นตาเดียว
"มีอะไร"
จันเลามีสีหน้าไม่สบายใจ
"เอ่อ พวกเราก็แค่สงสัย อยากจะถามคำถามเดียวกับคุณโศภีล่ะครับ"
ษมาหัวเราะ
"รู้สึกทุกคนจะติดใจเรื่องนี้ซะเหลือเกินนะ"
พิพัชไม่สบายใจ
"เรากลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นน่ะครับ คนไม่หวังดีกับคุณษมาก็มีไม่น้อย ผู้หญิงคนนี้จะมาดีมาร้ายก็ไม่รู้ ผมไม่อยากให้เค้าไปที่เกาะยานกเลยครับ"
"คนอื่นฉันไม่รู้ แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ ฉันมั่นใจ ไม่มีอะไรหรอกน่ะ ไม่ต้องห่วง"
"แต่..."
"รีบกลับกันได้แล้ว"
พิพัช มองหน้ากับจันเลา รู้สึกแปลกใจ ก่อนจะปิดประตูรถตู้แล้วแยกย้ายกันขึ้นรถ ษมาในรถตู้ยิ้มกริ่มดูพึงพอใจ
กลางคืนต่อเนื่องมา ภายในห้องพักแขก มัทนา คุยกับ สาระวารีที่อยู่ในบริเวณสวนหย่อมของโรงแรมที่ย้ายมาใหม่
"เค้าต้องปลอมตัวมาสืบแหงๆ"
สาระวารีงงๆ คุยมือถือ
"สืบอะไร"
"ก็สืบว่าพี่วารีเป็นนักข่าวจริงรึเปล่าน่ะสิ หรือว่าเป็นพวกคู่แข่งมาสืบความลับ"
สาระวารีคุยมือถือ
"เค้าจะรู้ได้ไงว่าพี่จะมาสัมภาษณ์เค้า เก่งเกินไปหน่อยแล้ว"
"พี่ได้โทรบอกใครมั่งรึเปล่าล่ะ"
สาระวารีนึกๆก่อนตอบ
"ก็หลายคนอยู่ พี่พอจะนึกออกแล้วล่ะ" สาระวารีมีสีหน้าเจ็บใจ
"แล้วพี่วารีจะไปมั้ย"
"คนอย่างพี่เคยกลัวอะไรที่ไหน"
มัทนาน้ำเสียงเป็นห่วง
"แต่ข้ามเรือไปเกาะที่ไหนก็ไม่รู้นะพี่วารี ยังไงพี่ก็เป็นผู้หญิงนะ"
สาระวารีมีสีหน้าติดใจสงสัย
"แล้วนี่มัทหายป่วยแล้วไม่ใช่เรอะ ทำไมไม่ออกจากบ้านเค้าซะทีล่ะ แปลกๆ นะ"
มัทนามองเหล่ๆ มองไปทางสาลินีที่เริ่มรู้สึกตัวตื่น
"ตกลงทำเนียนอยู่ต่อเพื่อวางแผนสืบต่อหรือจะจับเค้าปล้ำกันแน่ยะ"
มัทนาตกใจปนเขิน
"พี่วารีอ้ะ... แค่นี้ก่อนนะ" มัทนารีบตัดสายไปทันที
มัทนารีบเลื่อนตัวลงนอนหันข้างให้สาลินี สาลินีเห็นมัทนาหลับอยู่แล้วค่อยๆลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
มัทนาพึมพำ
"คิดอะไรบ้าๆ พี่วารี" มัทนาอมยิ้มเขินดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง
กลางดึก บรรยากาศภายในบ่อนเล็กๆของดิตถ์ ที่มีการพนันให้เล่นอยู่ไม่กี่อย่าง คนที่มาเล่นไม่มีเงินมากนัก แต่ก็มาเล่นกันเต็มบ่อน ดิตถ์กำลังดูบัญชีของบ่อนอยู่ โดยมีลูกน้องล้อมรอบ
ดิตถ์บ่นอย่างเซ็งๆ
"ทำไมได้แค่นี้เองวะ ไม่คุ้มต้องย้ายบ่อนหนีตำรวจเลย"
ลูกน้องคนที่ 1 บอก
"โธ่ นายครับ บ่อนเรามันบ่อนเล็กๆ ไอ้คนเล่นบางคนมันแทงตาละยี่สิบด้วยซ้ำ ได้แค่เนี้ยก็หรูแล้วครับ เราไม่ใช่บ่อนไฮโซอย่างของเสี่ยษมาซะหน่อย"
ดิตถ์โมโห ตวาดออกไป
"มึงอย่ามาเอ่ยชื่อมันในบ่อนกู"
ลูกน้องคนที่ 1 สีหน้าจ๋อยๆไป
ดิตถ์เจ็บใจ
"ถ้าไม่ใช่เพราะมัน น้องกูก็ไม่ต้องตาย ไอ้พลอยที่น้องกูขุดได้ก็ต้องแบ่งให้กู ป่านนี้กูก็คงเป็นเจ้าของบ่อนที่พระฮามแทนมันไปแล้ว"
ลูกน้องอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาหาดิตถ์
"นายครับ"
ดิตถ์ตวาด
"อะไรวะ"
ลูกน้องคนที่ 2ว่า
"มีข่าวคืบหน้าเรื่องไอ้ษมากับนักข่าวกรุงเทพครับ"
ดิตถ์มีความสนใจขึ้นมาทันที
"ว่าไง"
"ไอ้ษมามันยอมให้นักข่าวไปที่เกาะยานกของมันครับ ... ไม่น่าเชื่อว่ามันจะยอม"
"มึงรู้ข่าวมาจากไหน"
"คนสนิทของคุณโศภี ตอนนี้เธอกำลังหัวเสียมาก"
ดิตถ์มีสีหน้าใช้ความคิดก่อนจะอมยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
เวลายามสาย ไชยวัฒน์นั่งอยู่ในห้องทำงาน กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ด้วยความเป็นห่วงลูกน้อง
"เธอก็เขียนประเด็นที่ต้องการรู้ส่งให้วัฒนาไปเกาะยานกแทน อยากรู้อะไรก็ให้วัฒนาไปถามให้ ส่วนเธอก็รออยู่ที่ตราด หรือจะกลับมากรุงเทพก่อนก็ได้"
สาระวารีกำลังเดินสะพายเป้ คุยโทรศัพท์มือถืออยู่
"วารีไปเองดีกว่าค่ะ ไม่ถนัดเขียนข่าวจากปากคนอื่น ข่าวนี้เป็นข่าวลีดนะคะบอกอ จะทำชุ่ยๆได้ยังไง กะอีแค่ไปเกาะยานกไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา น่าจะดีใจมากกว่าที่ได้สัมภาษณ์คุณษมา"
"ไอ้เกาะยานกน่ะผมไม่กลัวหรอก แต่ผมกลัวเจ้าของเกาะมากกว่า"
สาระวารีสะพายเป้เดินไปกดลิฟท์โรงแรม และฟังไชยวัฒน์ไปด้วย
"คุณษมาต้องการให้เธอไปเกาะเค้าคนเดียว จะด้วยเจตนาอะไรผมไม่รู้ แต่แน่ใจว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่"
สาระวารียิ้มๆ ตอบกลับไป
"บอกอคิดมากจังเลย เค้าเป็นคนฉลาด ไม่โง่พอจะลวงนักข่าวไปเชือดทิ้งบนเกาะหรอกค่ะ อย่างมากก็ใช้เราเป็นเครื่องมือโปรโมทบ่อนร้อยล้านให้ฟรีๆ"
ลิฟท์เปิด สาระวารีเดินเข้าลิฟท์ไป ไชยวัฒน์คุยต่อ
"ถ้าเค้าอยากใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือโฆษณาจริงๆ ทำไมไม่ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ตั้งกี่ฉบับที่พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ไปก่อนเราล่ะ ทำไมต้องรอหนังสือเล็กๆ อย่างเราด้วย"
สาระวารีคุยโทรศัพท์อยู่ในลิฟท์
"ก็ฉบับอื่นเป็นกลางสู้สยามสารไม่ได้นี่คะบอกอ"
ลิฟท์เปิด เธอก้าวเดินออกจากลิฟท์ไปพร้อมคุยต่อ
"วารีรู้ค่ะว่าบอกอเป็นห่วง แต่วารีอยากทำข่าวชิ้นนี้จริงๆ ให้วารีไปเถอะนะคะ"
"แต่ผม..."
สาระวารีตัดบท โกหกไชยวัฒน์ก่อนตัดสาย
"วารีจะเข้าลิฟท์ค่ะ แค่นี้นะคะ สัญญาณไม่มี"
สาระวารียิ้มมั่นใจสะพายเป้เดินออกไปจากโรงแรม
เวลาต่อมา โศภีกำลังโวยวายใส่ดิตถ์ที่ห้องรับแขกบ้านโศภี
"ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ ไม่ต้องมายุฉันเลย"
ดิตถ์ตีหน้าตายบอก
"ผมไม่ได้ยุแยงคุณ ผมหวังดีกับคุณในฐานะที่เรารู้จักคุ้นเคยกันมานาน"
ดิตถ์ส่งสายตากรุ้มกริ่ม โศภีค้อนใส่
"คิดดูสิ ไอ้ษมาไม่เคยยอมให้สัมภาษณ์นักข่าวคนไหนทั้งนั้น แต่กลับเปิดเกาะยานกให้ผู้หญิงคนนี้เข้าไปค้างด้วย นักข่าวคนนี้ต้องมีอะไรดีแน่ๆ" ดิตถ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
โศภีขบกรามแน่นด้วยความหึงหวง ข้อนี้ก็คาใจเธออยู่เหมือนกัน ดิตถ์ยิ้มหยัน
"ถึงคุณยังสวยพริ้งอยู่ แต่ก็ไม่สดแล้ว"
โศภีชายหางตามองดิตถ์ที่จี้จุดแทงใจดำ ดิตถ์แกล้งยื่นมือไปม้วนปลายผมโศภีเล่น
"ระวังจะแพ้เด็กนะคุณ"
โศภีโมโห ปัดมือดิตถ์ออก
"ไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอก เอาเวลาไปดูกิจการของนายให้ดีก่อนเถอะ วางมาดเศรษฐี ใครจะไปรู้ว่าสร้างภาพ จริงๆ ก็แค่เศรษฐีเงินหมุน" โศภีพูดแล้วเบะปากดูถูก
ดิตถ์ถูกแทงใจดำ แต่พยายามข่มอารมณ์ไว้
"ผมไม่ได้มาทะเลาะกับคุณนะ ผมมาเจรจา คุณต้องการไอ้ษมา ส่วนผมก็ต้องการเส้นสายทำธุรกิจ แล้วทำไมเราไม่มาร่วมมือกันล่ะ"
"ฉันมีปัญญาจัดการของฉันเองได้ ไม่ต้องการหุ้นส่วน"
ดิตถ์ยักไหล่และขำเย้ยหยัน
"ษมา มันฉลาด ไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดหรอก อยากฝันลมๆแล้งๆ จนแห้งตาย ก็ตามใจคุณ"
โศภีเหยียดปากดูถูก
"แกก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่าฉันนักหรอก มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย"
ดิตถ์ยิ้มเยาะกวนๆ เดินออกไป โศภีค้อนตามไปก่อนจะเริ่มมีสีหน้าเครียด เพราะลึกๆในใจก็รู้ว่า เธอกับษมาไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
ท่ามกลางบรรยากาศของท้องทะเลสวยงามยามบ่าย กูซอขับเรือเร็วพาสาระวารี และพิพัช เพื่อไปที่เกาะยานก พิพัชยืนหน้าหงิกตลอดเวลา ไม่พอใจที่สาระวารีไปที่เกาะ สาระวารีจะคล้องกล้องห้อยคอเอาไว้ หันดูวิวรอบๆก่อนจะหันไปพูดกับพิพัช
"อีกนานมั้ยกว่าจะถึง"
"ชั่วโมงเศษๆ" พิพัชพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง
"เป็นชั่วโมงเลยเหรอ แล้วถ้าเปิดบ่อนจะทำยังไงล่ะ เรือเล็กแค่เนี้ย จะรับแขกได้กี่คนกั๊น"
พิพัชนิ่งไม่พูดอะไร รู้ว่าสาระวารีเลียบๆเคียงๆถามเรื่องบ่อน เลยไม่ตอบ สาระวารียิ้มแหย่ๆ
"ที่เงียบเนี่ย ไม่อยากตอบ หรือไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เลยไม่รู้จะตอบยังไง"
พิพัชหน้าบึ้งหนักกว่าเดิม แต่ไม่ยอมพูดอะไร สาระวารียั่วไม่ขึ้นเลยเซ็ง หยิบกล้องออกมาจะถ่ายรูป หันไปพูดกับกูซอ
"เบาเครื่องหน่อยได้มั้ยคะ ฉันอยากจะถ่ายรูปแถวนี้นิดนึง"
กูซอยิ้มแย้มบอก
"ได้ครับ"
พิพัชพูดสวนขึ้น
"ไม่ได้ คุณษมาสั่งไว้ให้รับคุณไปที่เกาะ ไม่ได้บอกว่าคุณจะแวะเก็บดอกไม้ ตกปลาแถวนี้"
กูซอจ๋อย ไม่กล้าขัดพิพัช สาระวารีแขวะ
"แหม คุณนี่เป็นไกด์ชั้นดีที่ 1 เลยนะ หวังว่าพอบ่อนพันล้านของนายคุณเปิด เค้าคงไม่ส่งคุณมารับลูกค้ายังงี้นะ ไม่งั้นลูกค้าแผ่นแน่บกลับบ้านกันหมด"
"ผมเป็นเลขาส่วนตัวของคุณษมา ไม่ใช่ไกด์ เข้าใจให้ถูกต้องซะด้วย"
ในขณะที่สาระวารีเหยียดปากหมั่นไส้หันไปมองพิพัช แต่เขาจ้องหน้าเธอนิ่งไม่ละสายตา สาระวารีก็ไม่ลงให้จ้องหน้าไม่หลบเหมือนกัน
ต่างฝ่ายต่างตั้งป้อมใส่กันตั้งแต่แรกเจอ
บ่ายแก่ๆ ลำแพง และแลง น้องชาย ยืนรออยู่ที่ท่าเรือของเกาะยานก ลำแพงยืนนิ่งสีหน้าไร้อารมณ์ กูซอขับเรือมาจอดที่ท่าเรือ พอเรือจอดสนิท พิพัชก็ขึ้นจากเรือเป็นคนแรก ปล่อยให้กูซอช่วยดึงสาระวารีขึ้นจากเรือ
สาระวารีเหล่มองพิพัช
"แมนมาก ไม่ถีบฉันตกน้ำเลยล่ะ"
พิพัชยิ้มเยาะทำหูทวนลม
"นี่คุณลำแพง แม่บ้านของคุณษมา ส่วนนั่นแลง น้องชายของคุณลำแพง"
สาระวารียิ้มทักทายจะไหว้ลำแพง
"สวัส..."
ลำแพงไม่สน พูดสวนขึ้น ก่อนหันเดินนำกลับไป สีหน้าท่าทางเย็นชา ไร้อารมณ์
"เชิญที่บ้านค่ะ คุณษมากำลังรออยู่"
กูซอส่งเป้ใหญ่ของสาระวารีให้แลงรับไป แล้วเอาเรือไปเก็บที่โรงเก็บเรือ แลงสะพายเป้ของสาระวารีแล้วเดินแซงนำไปก่อนใคร สาระวารีเดินตามพิพัชและมองไปที่ตัวบ้านและบริเวณรอบๆ ก่อนชวนพิพัชคุยอีกครั้ง
"บ้านนายคุณนี่สวยมากนะ มีกองละครมาขอใช้สถานที่มั่งรึยังคะเนี่ย"
พิพัชหยุด ตอบแบบไม่เต็มใจจะพูดด้วยนัก
"คุณษมาชอบอยู่เงียบๆ รักความเป็นส่วนตัว ผมคิดว่า คุณษมาคงไม่ยอมให้ใครหน้าไหนเข้ามาเปิดการแสดงให้วุ่นวายหรอก แค่นักข่าวหลงเข้ามาคนเดียว ก็วุ่นวายมากพอแล้ว"
พิพัชเดินนำตามลำแพงไปต่อ สาระวารีค้อนใส่ ก่อนเดินตามตื้อถาม
"มองจากที่นี่เห็นเกาะที่เจ้านายคุณอยากจะเปิดคาสิโนรึเปล่า"
พิพัชหยุดเดิน สีหน้าเซ็งๆ อย่างไม่เต็มใจแต่รักษามารยาท เพราะเป็นแขกเจ้านาย
"เห็นลิบๆ โน่น เกาะที่มีรูปคล้ายเกือกม้า" พิพัชชี้ให้ดู
สาระวารีมองตามและกระชับกล้องพร้อมถ่ายรูป
"เกาะไหน"
ลำแพงหน้าหงิกหยุดเดินและเดินกลับมาตาม เธอมองสาระวารี พูดน้ำเสียงเย็นชา
"คุณษมารออยู่ ท่านคงไม่ชอบที่จะต้องรอนานๆ"
ลำแพงมองสาระวารีด้วยแววตาเฉยชา ก่อนเดินนำต่อไป
สาระวารีจับตามองตามลำแพง ที่เดินหลังตรงคอเกร็ง ผอมบาง รวบมวยผมแน่นไม่ให้ผมกระดิกซักเส้น
สาระวารี เหยียดปากใส่
"เกาะนี้เลี้ยงผีดิบไว้รับใช้ด้วยเรอะ"
พิพัชจะหลุดขำออกมา แต่กลั้นเก็กเอาไว้ทัน
"คุณลำแพงเป็นแม่บ้านที่เก่ง และคุณษมาก็ไว้ใจเธอมาก ฉันรับรองได้ว่า เธอไม่แอบมาล้วงตับคุณกินตอนกลางคืนแน่ ไม่ต้องกลัวไปหรอก"
พิพัชเดินนำไป สาระวารีบ่นพึมพำแล้วถอนใจ
"แต่ละคน"
สาระวารีหันมาสนใจถ่ายรูปรอบๆ เกาะไปเล็กน้อย
ลำแพงเดินนำมาหยุดที่หน้าประตูโถงบานใหญ่ก่อนสั่งแลง
"เอาของขึ้นไปเก็บที่ห้องรับรองแขกเลย"
"ครับพี่"
แลงเดินแยกขึ้นบันไดไปชั้นบน ลำแพงหันมองไปทางพิพัชที่เดินตามมาถึง
"ผมจะพาเข้าไปพบนายเอง"
ลำแพงพยักหน้ารับทราบ เดินเลยไปสวนกับสาระวารีที่เดินตามมาถึง เธอยิ้มให้ ลำแพงหน้านิ่งฉีกปากยิ้มตามมารยาทแต่แววตากับอารมณ์ไม่ได้ยิ้มด้วย ก่อนเดินเชิดไปตามทางของเธอ
สาระวารีเหล่มองตามเล็กน้อย
พิพัชกดอินเตอร์คอมที่หน้าประตูห้อง
"คุณสาระวารีมาถึงแล้วครับ"
ไม่มีเสียงตอบใดๆ กลับออกมา พิพัชหันมาพูดกับสาระวารี
"เข้าไปได้เลยครับ"
สาระวารีล้วงซองยับๆ พับมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ ยื่นให้พิพัช
"อ้ะ ของฝาก"
พิพัชมองซองขาวในมือ พูดเสียงแข็งถาม
"อะไร"
สาระวารีลอยหน้าลอยตากวนๆ
"ใบอนุโมทนาบัตรไง คราวก่อนที่เจอกัน ฉันเห็นคุณชอบแจกเงินคนอื่นเป็นฟ่อนๆ ก็เลยช่วยเอาไปทำบุญให้ แต่ฉันไม่รู้ชื่อนามสกุลคุณ ก็เลยเว้นไว้ให้คุณกรอกเองตามใจชอบ"
พิพัชจ้องหน้าสาระวารีด้วยแววตาเจ็บใจ รู้ว่าโดนประชด เธอยัดใบอนุโมทนาบัตรใส่มือเขา
"อ้อ ใบนี้ชื่นชมเสร็จแล้วอย่าทิ้งล่ะ เอาไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะ เผื่อจะไม่รู้"
สาระวารียักคิ้วกวนๆให้ พิพัชกลัวจะสะกดอารมณ์ไม่อยู่ จึงเดินเลี่ยงฉับๆ ออกไปด้วยสีหน้าแววตาเขม่น
สาระวารีหันมองตามยิ้มๆ อย่างสะใจ ก่อนจะหันกลับมามองที่หน้าประตูโถงบานใหญ่ สีหน้าขรึมๆ ลง
เธอสูดหายใจลึกเต็มปอด เคาะประตูห้องเป็นการบอกอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องโถง
เพื่อพบกับษมาเจ้าของเกาะยานกผู้ทรงอิทธิพล
อ่านต่อหน้า 2
มนต์จันทรา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ครู่ต่อมา สาระวารีเดินเข้ามาให้ห้อง ษมายืนยิ้มรอต้อนรับอยู่กลางโถง
"เกาะยานกยินดีต้อนรับ"
สาระวารียิ้มตอบแบบไม่กลัวเกรง
"ยินดีเช่นกันที่ได้รับเชิญค่ะ"
"คุณเตรียมเสื้อผ้าข้าวของติดตัวมามากรึเปล่า"
สาระวารีมองอย่างแปลกใจ
"ฉันก็เอามาหมดล่ะค่ะ"
"ดีแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องสั่งให้ลำแพงเตรียมเสื้อผ้าให้คุณเพิ่ม"
สาระวารีงง
"ทำไมคะ ฉันมานี่ค้างแค่คืนเดียวไม่ใช่เหรอ"
"อาจจะไม่ใช่ คุณคงต้องอยู่นานกว่านั้น"
"งั้นก็แปลก ฉันคิดว่าคุณเชิญฉันมาเป็นแขกที่เกาะยานกแค่คืนเดียวซะอีก"
ษมายิ้มบางๆบอก
"เมื่อคืนที่งานเลี้ยง ผมบอกให้คุณเตรียมตัวมาค้างคืน แต่ไม่ได้บอกว่ากี่คืน"
สาระวารีหน้านิ่ง แววตาแอบแข็งๆขึ้นมา
"แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก"
"ก็คุณไม่ได้ถาม"
สาระวารีหมั่นไส้ แต่เก็บอาการไว้
"เอาล่ะค่ะ งั้นฉันขอถามคุณตอนนี้เลยว่า ฉันต้องเป็นแขกบนเกาะของคุณกี่วันกี่คืน"
ษมายักไหล่
"นานเท่าที่คุณจะเก็บข้อมูลการเปิดคาสิโนของผมได้อย่างละเอียดและถูกต้องมากที่สุด"
สาระวารีถอนใจออกมาก่อนตอบ
"งั้นก็คงคืนเดียว เพราะฉันจะสัมภาษณ์คุณวันนี้ พรุ่งนี้ถ่ายภาพสถานที่ที่คุณจะสร้าง เท่านี้ก็เสร็จแล้ว"
ษมายิ้มๆ
"มันก็ไม่แน่"
"ทำไมคะ"
"คุณอยู่บนเกาะในหน้ามรสุม พายุกำลังจะมา เราคงไปไหนไม่ได้อย่างน้อยหนึ่งหรือสองวัน"
สาระวารีไม่เชื่อ
"จะมีพายุเหรอคะ เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันก็เห็นทะเลเงียบสงบดี"
"ก่อนจะเกิดพายุ ทะเลท้องฟ้ามักจะนิ่งยังงี้แหละ"
สาระวารีอดแขวะไม่ได้
"แหม ไม่ยักจะรู้ว่าอยู่กรมอุตุฯด้วย"
"ผมไม่เคยอยู่กรมไหน แต่ตอบจากประสบการณ์"
"แล้วถ้าไม่มีพายุล่ะคะ"
"ก็อยู่จนกว่างานคุณจะเสร็จ"
สาระวารีตอบด้วยสีหน้ามั่นใจ
"งั้นก็คืนเดียว พรุ่งนี้ฉันกลับกรุงเทพได้แน่นอน"
ษมายิ้มๆ มองสาระวารีด้วยสายตาขี้เล่น
"คุณอย่ากังวลไปเลยสาระวารี คุณได้กลับไปส่งงานแน่ ผมไม่เคยบังคับให้ใครอยู่บนเกาะนี้นานเกินควร เว้นแต่คนๆ นั้นจะเต็มใจอยู่เอง"
สาระวารีสวนกลับไปทันควัน
"ไม่ใช่ฉันแน่นอน"
"อย่าเพิ่งมั่นใจนักเลย เค้าว่าสิ่งที่แน่นอนคือ ความไม่แน่นอนไม่ใช่เหรอ...คุณเดินทางมาไกล ขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ"
" ฉันไม่เหนื่อย ถ้าคุณไม่รังเกียจฉันจะขอสัมภาษณ์คุณเดี๋ยวนี้เลย"
"ผมไม่รังเกียจ แต่ไม่ใช่เวลานี้ คุณขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนให้สบายก่อนค่อยมาคุยกัน"
สาระวารีชักหงุดหงิด
"ฉันรู้สึกเหมือนคุณกำลังถ่วงเวลา"
"เปล่า ผมแค่อยากให้คุณรู้สึกสบายตัวและผ่อนคลายก่อนเริ่มทำงานก็เท่านั้นเอง"
"ฉันสบายและผ่อนคลายเป็นปกติสุขทุกอย่าง" สาระวารีย้ำทุกคำพูด
ษมาเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย
"ตอนอยู่บนเรือ คุณยืนอยู่หัวเรือใช่มั้ย"
สาระวารีงงๆว่า ษมาจะมาไม้ไหนอีก
"ใช่"
"รู้ตัวมั้ยว่าคุณตากแดดตากไอน้ำเค็ม จนหน้าแดง จมูกแดง ปากแดงไปหมดแล้ว"
สาระวารีนึกไม่ถึง ยกมือขึ้นจับหน้าตัวเองไปมา ษมาเข้าไปใกล้สาระวารีแล้วจับปอยผมสาระวารีขึ้นมาสูดกลิ่นด้วยกิริยาอ่อนโยนเป็นเชิงเอ็นดูหยอกล้อ มากกว่าชู้สาว
"แล้วตัวคุณก็มีแต่กลิ่นทะเลด้วย"
สาระวารีตกใจมาก รีบเบี่ยงตัวหนีทันที ถลึงตาดุใส่ด้วยความโมโห
"คุณ"
ษมาทำหน้าตาย
"รอให้ตัวคุณหมดกลิ่นทะเลก่อน เราค่อยคุยกัน"
สาระวารีแอบอายๆ เหมือนกับว่า เค้าจะบอกเป็นนัยๆว่าเราตัวเหม็นรึเปล่า ษมาเดินไปกดอินเตอร์คอมฯสั่งงาน
"ลำแพง"
"ค่ะคุณษมา"
"ช่วยมารับคุณวารีขึ้นไปส่งที่ห้องพักด้วย"
"ค่ะ"
"เชิญครับ เย็นๆเราค่อยคุยกัน"
ษมาเดินกลับไปนั่งที่โซฟา หยิบไอแพดมาอ่านเช็กงานของตัวเองต่อไป สาระวารีค้อนใส่แล้วเดินหน้าหงิกออกไปจากห้องโถง
ษมาเหลือบตามองตามอมยิ้มอย่างเอ็นดู
ในเวลาต่อมา ลำแพงพาสาระวารีเข้ามาในห้องนอน เธอมองไปรอบห้อง ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างสวยงาม สะอาด และมีของใช้ที่จำเป็นวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ครบถ้วน ราวกับโรงแรมชั้นหนึ่ง
"อาหารเย็นเริ่มเวลาทุ่มตรง กรุณาตรงต่อเวลาด้วย คุณษมาไม่ชอบให้ผู้ร่วมโต๊ะอาหารมาสาย" ลำแพงพูดสีหน้านิ่งเรียบเฉย
สาระวารียิ้มกวน
"ฉันจะพยายามตรงเวลานะคะ...เป้ของฉันล่ะ"
"อยู่ในตู้เรียบร้อยแล้ว ของใช้จำเป็นฉันก็เตรียมให้คุณพร้อมแล้วเช่นกัน ถ้าคุณต้องการอะไรอีก กดอินเตอร์คอมที่โต๊ะหัวเตียงของคุณ หมายเลขศูนย์ ใช้สำหรับเรียกคนมาทำความสะอาดหรือเรียกใช้ตามต้องการ ส่วนหมายเลขหนึ่งต่อตรงไปห้องคุณพิพัช"
สาระวารีแกล้งยั่ว
"แล้วห้องคุณษมาล่ะคะ เบอร์อะไร"
ลำแพงตาวาวด้วยความโกรธทันที แต่พยายามระงับอารมณ์เต็มที่
"คุณษมา ไม่ใช่ผู้ที่จะถูกเรียกใช้ในบ้านหลังนี้"
สาระวารียักไหล่กวนๆ
"สรุปว่าไม่มีเบอร์ สัญญาณมือถือที่นี่ไม่ค่อยดี ถ้าฉันจะใช้โทรศัพท์โทรไปกรุงเทพหรือที่ตราดบ้างจะได้มั้ย"
"ได้ แต่กรุณารับทราบไว้ด้วย ว่าโทรศัพท์ที่นี่มีการบันทึกเทปไว้ทุกสาย ไม่ว่าจะสายเข้าหรือสายออก"
สาระวารีตกใจ
"โอ้โห ถึงขนาดดักฟังกันเลยเหรอคะW
ลำแพงหน้านิ่ง ไม่โต้เถียง
"แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ที่นี่มีกฎไม่ละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของใคร นอกจากความเป็นส่วนตัวนั้นจะคุกคามหรือไม่หวังดีกับคุณษมาและคนของที่นี่"
สาระวารีอึ้งๆ พูดแขวะเบาๆ
"อัดเทปคุยโทรศัพท์ ไม่ละลาบละล้วงเลย"
ลำแพงหน้านิ่ง ไม่สนใจ
"ถ้าคุณต้องการไปเดินเล่น ไม่ว่าจะในบ้านหลังนี้ หรือรอบๆ เกาะ กรุณาเรียกคุณพิพัชหรือให้คนอื่นไปเดินกับคุณด้วย ถ้าไม่อยากหลงทาง"
"แหม นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเกาะนี่เป็นบ้านพักส่วนตัวของนักธุรกิจชื่อดัง ฉันคงนึกว่าเป็นคุกหรือไม่ก็โรงเรียนดัดสันดานชั้นดีแน่ๆเลย"
ลำแพงสีหน้านิ่ง ไร้อารมณ์ เดินกลับออกไปจากห้องอย่างไม่แยแสเมื่อหมดหน้าที่ สาระวารีเหล่มองตาม ถอนใจส่ายหน้า เดินไปเปิดม่านดูด้านนอก สีหน้าใช้ความคิดก่อนจะอมยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
เวลาเย็น สาระวารีอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว สะพายกล้องถ่ายรูปห้อยคอลงมาด้วย เธอย่องลงบันไดมาจากชั้นบนกะจะออกไปถ่ายรูปรอบๆบ้านษมาให้สบายอกสบายใจ เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ พูดพึมพำ
"เรื่องอะไรจะตามคนมาคอยคุม ฝันไปเถอะย่ะ"
สาระวารีจะก้าวลงบันไดมาตกใจเล็กน้อยที่เห็นแมวอ้วนลาย สีเหลืองส้มตัวหนึ่งนอนที่บันไดแหงนหน้ามองเธอ สาระวารีหันไปตีหน้ายักษ์ใส่
"ไปไกลๆเลย ฉันไม่ใช่นางงาม รักเด็ก เมตตาสัตว์ ไป ชิ้วๆ" สาระวารีโบกมือไล่
แมวอ้วนส้ม จ้องหน้าสาระวารีอยู่ครู่นึง ก่อนจะร้องแง๊วๆเสียงดัง สาระวารีตกใจ
"เฮ้ย จะร้องทำไม เงียบนะ เดี๋ยวจับตอนซะหรอก เจ้าหง่าวอ้วน"
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงษมาดังขัดขึ้น
"จะย่องไปไหนเหรอวารี"
สาระวารีสะดุ้งเฮือก เหลือบตามองเห็นษมายืนมองเธออยู่ที่ตีนบันได ษมาเดินมาอุ้มแมวอ้วนขึ้นมากอดอย่างรักใคร่
"ที่แท้ก็ร้องบอกเจ้าของนี่เอง มีทั้งบอดี้การ์ดหน้าโหด แม่บ้านผีปอบ แล้วยังมีผู้คุมแมวอ้วนอีก นักโทษที่ไหนจะหนีคุณพ้นได้คะ คุณเจ้าพ่อ" สาระวารีเหน็บอย่างหมั่นไส้
ษมายิ้มขำๆ
"ผมไม่ใช่เจ้าพ่อ แล้วเหลืองลายก็ไม่ใช่แมวของผมด้วย ถ้ามันพูดได้ มันคงบอกว่า มันต่างหากที่เป็นเจ้าของทุกคนที่นี่ แล้วก็เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ด้วย"
สาระวารีเบะปากหมั่นไส้
"เหลืองลาย เรียกตุ่มลายดีกว่ามั้ง อ้วนซะขนาดเนี้ย"
"คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะว่าจะไปไหน"
สาระวารีตีหน้าตาย
"ก็แค่เดินถ่ายรูปเล่นๆแถวนี้ล่ะค่ะ"
"แล้วลำแพงไม่ได้บอกเหรอ ว่าถ้าคุณต้องการไปไหน ให้เรียกพิพัชหรือใครซักคนมาเดินเป็นเพื่อนคุณ"
สาระวารีทำไม่รู้ไม่ชี้
"บอกค่ะ แต่ฉันเกรงใจ ไม่อยากรบกวน"
ษมายิ้มรู้ทัน
"ที่ผมสั่งให้คนไปกับคุณ ไม่ใช่เพราะที่นี่มีอะไรต้องปิดบังหรอกนะ เพียงแต่บนเกาะนี้ มีที่อันตรายหลายแห่ง ถ้าคุณหลงเดินไปคนเดียวจะไม่ปลอดภัย ถ้าคุณอยากไปเดินเล่น ผมจะเป็นไกด์ให้เอง เชิญครับ" ษมาวางตุ่มลายลงแล้วผายมือเชื้อเชิญ
สาระวารีกรอกตาอย่างเซ็งๆที่โดนตามคุมอีกจนได้ เธอเดินหน้าหงิกนำออกไป ษมายิ้มๆแล้วเดินตามออกไปติดๆ
จันเลานั่งคุมเชิงอยู่หน้าบ้าน พอเห็นสาระวารีเดินออกมา ก็รีบลุกขึ้นมองอย่างจับตา พอษมาเดินตามสาระวารีออกมา จันเลารีบเดินเข้ามาหาษมา รอรับคำสั่งทันที
"ฉันไม่ได้ไปไหนหรอก แค่จะพาคุณวารีเดินชมรอบๆบ้านเท่านั้นเอง จันเลาพักเถอะ"
"ครับนาย"
"จำจันเลาได้ใช่มั้ยวารี"
สาระวารีจ้องหน้าจันเลา ยังเคืองไม่หาย
"จำได้ค่ะ ไม่ลืมหรอก"
"จันเลาเป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของผม"
"เหรอคะ"
สาระวารียิ้มหวานเฉียบให้ แต่สายตาดูแปลกๆ จันเลางงกับรอยยิ้มจนต้องเอ่ยปาก
"ยิ้มแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ ยิ้มชื่นชมหรือว่ายิ้มด่ากันแน่"
สาระวารีจ้องหน้าจันเลาด้วยสีหน้ากวน
"ทำไมต้องคิดว่าฉันด่าคุณด้วยล่ะ แสดงว่าร้อนตัวรู้ดีว่าเคยทำอะไรผิดกับฉันเอาไว้"
จันเลาไม่กล้าหืออือต่อหน้านาย เก็บอารมณ์เอาไว้ ษมาโบกมือให้ จันเลาเดินเลี่ยงไปตามที่นายสั่ง
"คุณนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นนะ ยังโกรธเรื่องที่จันเลาขับรถชนไม่หายล่ะสิ"
"แหม... เรื่องแค่นั้นฉันไม่ถือสาหรอกค่ะ ไม่ใช่เด็กแล้วที่จะมาแค้นเคืองอะไรกัน"
ษมามองหน้าวารีนิ่งๆ
"ใช่ คุณไม่ใช่เด็กแล้ว แต่แปลกนะที่ผมกลับรู้สึกว่าตอนเป็นเด็ก คุณมีเหตุผลกว่านี้มาก"
สาระวารีอึ้งไปกับคำพูดของษมา ไปรู้จักเธอสมัยเป็นเด็กตอนไหน ษมาไม่อยู่ให้ซัก เดินนำไปทางข้างบ้านก่อน
"จ่าบูรณ์เมาท์ให้ฟังแหงๆ เจอตัวจะเล่นงานให้แสบเลย"
สาระวารีสีหน้าเจ็บใจเล็กน้อยก่อนเดินตามษมาไป
สาระวารีเดินนำมา กวาดตามองวิวทิวทัศน์เบื้องหน้า เห็นพื้นที่โล่งลดหลั่นไล่ระดับลงไป พื้นส่วนใหญ่เป็นหินมากกว่าดิน ไม่มีไม้ใหญ่ให้ร่มเงา แต่เป็นแปลงสวนครัว แปลงดอกไม้เล็กๆ สาระวารีหยิบกล้องมาถ่ายรูป
ษมาเดินตามหลังมาไม่ห่างนัก เธอลดกล้องในมือลงแล้วทอดสายตามองไกลออกไป เห็นว่าสุดพื้นที่โล่งมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นเหมือนชายป่า ละแวกนั้นมีกล่องรับจดหมายตามบ้านขนาดใหญ่เรียงอยู่ 2-3 กล่อง
สาระวารีหันถามษมา
"กล่องขาวๆ นั่นอะไรคะ"
"รังผึ้ง งานอดิเรกของลำแพงเค้า"
"แปลกดีนะคะ เลี้ยงผึ้งกลางทะเล แล้วมันจะไปหาน้ำหวานจากไหนได้คะ"
สาระวารีซูมกล้องถ่ายภาพไป
"ก็คงจากดอกไม้แถวๆนี้ล่ะ"
สาระวารีลดกล้องลง กวาดตามองไปรอบๆ
"ฉันไม่เห็นดอกอะไรนอกจากยี่โถ น้ำผึ้งดอกยี่โถ ไม่รู้รสชาติเป็นยังไง" สาระวารีขำๆ
"ผมก็ไม่เคยชิมเหมือนกัน แต่อย่าเข้าไปใกล้ล่ะ ถึงจะผึ้งเลี้ยง แต่ดุ ระวังหน่อยแล้วกัน ถ้ามีตัวไหนบินมาตอมอย่าปัด ให้เดินหนีไปเฉยๆ"
สาระวารีสงสัยอยากรู้
"ทำไมล่ะคะ"
"ถ้าเราปัด ผึ้งมันจะปล่อยกลิ่นเรียกตัวอื่นมารุมต่อยคุณทันที"
สาระวารีแหยๆ ก่อนเดินนำไป
"งั้นเราไปที่อื่นกันดีกว่าค่ะ"
ษมายิ้มเดินตาม
สาระวารีชวนคุยต่อ
"เกาะที่คุณจะเปิดคาสิโนชื่อว่าเกาะพระฮามเหรอคะ"
ษมาเดินตามคุยกันไป
"ใช่ ภาษาเขมร แปลว่าเช้ามืด"
สาระวารีหยุดเดินหันมามองหน้า
"คนของคุณก็ชื่อแปลกๆ"
"แถวนี้มันชายแดนนี่คุณ คนส่วนใหญ่มีเลือดผสมทั้งนั้น"
สาระวารีมีสีหน้าฉุกใจคิด ษมาพูดสวนมาดักคอ ตรงกับคำถามในใจเธอพอดี
"คนของผมมีบัตรประชาชนไทยทุกคน ไม่มีปัญหาเรื่องให้ที่พักคนต่างด้าวแน่นอน"
สาระวารีนิ่งๆ หันเดินนำต่อไป เสียงในความคิดของวารีดังตามมา
"สงสัยตานี่จะเลี้ยงพรายกระซิบ"
"ผมไม่มีพรายกระซิบหรอกนะ"
สาระวารีตกใจ ที่ษมารู้ความคิดของเธอจนเดินพลาดสะดุดก้อนหิน เขารีบคว้าแขนเธอไว้ทันก่อนจะทรุด เขาจ้องหน้าบอก
"ผมอ่านภาษาท่าทางได้บ้างเล็กน้อยโดยเฉพาะภาษาที่สื่อจากใบหน้า กับดวงตา"
สาระวารีหลบสายตาเล็กน้อย ดึงแขนออกจากมือษมาที่จับประคองไว้
"คุณทำงานมาตั้งนาน ไม่เคยมีแหล่งข่าวบอกคุณมั่งรึไงว่า ดวงตาคุณนี่อ่านง่ายที่สุด พอคิดอะไร มันออกมาทางแววตาชัดเจนเลย"
"ฉันยังไม่เคยมีแหล่งข่าวที่เป็นจารชนความคิดคนอื่นมาก่อน" สาระวารีแขวะ
ษมายิ้มๆบอก
"อยู่ที่นี่ ในฐานะอย่างผม ถ้าอ่านความคิดคนอื่นไม่ทัน แค่วินาทีเดียวก็มีสิทธิ์เน่าได้ง่ายๆ"
สาระวารีเหยียดปากใส่ ตั้งท่าจะเดินนำไปลงสะพานไม้เพื่อลงไปหาด ษมาตกใจ รีบตามไปคว้าชายเสื้อดึงเอาไว้
"เดี๋ยว"
สาระวารีหยุดกึก หันมอง น้ำเสียงหงุดหงิด
"อะไรอีกคะ" สาระวารีดึงชายเสื้อคืน
"คุณจะไปไหน"
"ก็ลงสะพานไม้ไปที่ชายหาดน่ะสิคะ เร็วดีๆ ไม่ต้องเดินอ้อม"
"ขืนเดินลงไปได้เร็วสมใจแน่ ไม่กี่วินาทีถึงชายหาดแบบไม่มีลมหายใจ"
สาระวารีมองสำรวจ
"สะพานพังเหรอคะก็ดูแข็งแรงดี"
"ของบางอย่างดูแต่ตาไม่ได้หรอกนะ สะพานนั่นมันเก่าเต็มทีแล้ว อย่าว่าแต่คุณเลย เด็กเล็กๆ มันก็รับน้ำหนักไม่ไหว"
สาระวารีตกใจ
"อันตรายแบบนี้ ทำไมไม่ติดป้ายเตือนล่ะคะ ใครไม่รู้เดินตกไปล่ะแย่เลย"
"ใครจะตกล่ะครับ คนที่นี่รู้ดีว่าที่ไหนควรยืน ที่ไหนควรเดินผ่านหรือไม่"
"กับดัก"
ษมายักไหล่
"ก็ไม่เชิง ผมแค่ปล่อยทิ้งเอาไว้"
สาระวารีแดกดัน
"แค่ทิ้งไว้เผื่อใครหลงเข้ามา ถ้าไม่โดนผึ้งต่อยจนบวม ก็มีหวังลงไปนอนเล่นก้นหน้าผาแน่"
"ที่นี่เป็นเกาะส่วนตัว นอกจากแขกที่ผมเชิญมา จะมีใครหน้าไหนเดินหลงขึ้นมาได้ล่ะครับ"
สาระวารีถอนใจไล่ไม่เคยจน เลยแดกดันซะเลย
"แล้วนี่ต่อไปจะเจอด่านอะไรอีกคะ ทรายดูดหรือว่ารังมดตะนอยกินคน"
"คุณนี่ท่าจะดูหนังมากเกินไป"
สาระวารีย่นจมูกใส่ก่อนเดินนำไปอีกทาง ษมายิ้มๆ เดินตามสาระวารีไปติดๆ
ลำแพงจับตามองสาระวารีและษมาด้วย สีหน้าแววตานิ่งๆ พิพัชขยับตัวเดินมาประกบข้างๆ
"ดูคุณษมาจะให้ความสนิทสนมกับนักข่าวนี่มากนะครับ"
"ไว้ใจได้มากแค่ไหนก็ไม่รู้" ลำแพงหน้านิ่งตอบ
พิพัชมีสีหน้าติดใจ
"คุณษมาทำเหมือนเคยรู้จักกับเค้ามาก่อนยังงั้นล่ะ"
ลำแพงสีหน้าไม่ไว้วางใจ
"คุณพิพัชเชื่อเรอะว่าแม่คนนี้ไว้ใจได้จริงๆ"
ลำแพงสีหน้าเป็นห่วง
"ผมไม่มั่นใจ"
"งั้นเราต้องช่วยกันจับตามองผู้หญิงคนนี้ ฉันกลัวคุณษมาจะมาตายน้ำตื้น"
"ถ้าไม่ติดพายุ สัมภาษณ์เสร็จก็คงกลับ ไม่น่าเกินวันสองวัน"
ลำแพงมีสีหน้าไม่เห็นด้วย
"ไม่รู้คุณษมาจะให้สัมภาษณ์ไปทำไม แค่นี้ยังเสี่ยงไม่พออีกรึไง"
ลำแพงถอนใจแล้วเดินเลี่ยงกลับเข้าไป สีหน้าแม่บ้านนิ่ง แต่แววตาดูออกว่าเป็นห่วง
พิพัชไม่สบายใจปนห่วง เดินตามไปจับตามองษมาและสาระวารีอยู่ห่างๆ
ชายหาดด้านหลังเกาะ แคบกว่าหาดด้านหน้า น้ำสวยใสแต่พื้นทรายลาดชัน มีหินเยอะ ไม่เหมาะกับเล่นน้ำทะเลเท่าไหร่ มีเรือประมงจอดอยู่ 2-3 ลำ
เสียงชัดเตอร์กดดังขึ้น ก่อนสาระวารีจะลดกล้องลงแล้วหันไปมองทางษมาที่เดินมายืนด้านข้างเธอ
"เกาะส่วนตัวคุณนี่ทำเลดีจังเลยนะคะ มีชาดหายทั้งหน้าเกาะหลังเกาะ"
ษมายิ้มรับคำชม
"เรือประมงของคุณเหรอคะ"
"ลำนึงของคนงานที่นี่ อีก 2 ลำของคนรู้จักกัน เค้าขอมาหลบพายุที่นี่ชั่วคราว"
สาระวารีขรึมลงเล็กน้อย ดูท่าษมาจะไม่ได้โกหกเรื่องพายุ
"ตกลงพายุจะมาเมื่อไหร่คะ"
"คิดว่าไม่น่าพ้นคืนนี้"
สาระวารีหันไปมองท้องฟ้าและทะเลที่ยังดูเงียบสงบ
"นานมั้ยคะกว่ามันจะผ่านไป"
"ไม่แน่ ขึ้นอยู่กับกำลังของมัน เท่าที่ผมฟังข่าวมา อาจจะมีคลื่นลมแรงเป็นวันหรือสองวัน"
สาระวารีตกใจ
"2 วันเลยเหรอคะ"
"หรืออาจจะมากกว่านั้น"
สาระวารีอึ้งๆไป
"คุณกลัวพายุรึเปล่า"
"ไม่กลัวหรอกค่ะ แต่เกลียด"
"ทำไม"
"ไม่มีเหตุผลอะไรมากหรอกค่ะ แค่เกลียด"
สาระวารีตัดบท หยุดตอบต่อด้วยการยกกล้องขึ้นถ่ายภาพเรือประมงไป ษมายิ้มๆ ส่ายหน้า เธอทำฟอร์มถ่ายรูปไปเรื่อยแต่แอบเบี่ยงกล้องจะมาแอบถ่ายรูปษมาแบบเนียนๆ ษมารู้ทัน ปาดมือปิดหน้ากล้องสาระวารีซะมิด
"อย่าถ่ายภาพผม"
สาระวารียอมลดกล้องลง
"ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทราบว่าคุณไม่อยากให้ถ่ายภาพตอนนี้"
"ตอนไหนก็ห้ามถ่าย ผมไม่ชอบให้ใครจ้องกล้องมาที่ผม"
สาระวารีตกใจ
"ตลกแล้วคุณ คุณจะให้สัมภาษณ์แต่ไม่ยอมให้ถ่ายรูปคุณอย่างงั้นเหรอคะ"
"ก็ลงภาพอื่นไปซิ ภาพเกาะ ภาพบ้าน หรือภาพใครก็ได้ที่เค้าเต็มใจให้คุณถ่าย"
สาระวารีหน้าหงิก ไม่พอใจ
"แต่คุณเป็นหัวใจของข่าวนี้นะคะ ถ้ามีแต่บทสัมภาษณ์ลอยๆ ไม่มีรูปคุณประกอบ ใครเค้าจะเชื่อว่าฉันได้คุยกับคุณจริงๆ เค้าได้หาว่าฉันนั่งเทียนเขียนข่าวเอาเองน่ะสิ"
ษมาจ้องหน้า พูดเน้น
"คุณได้ภาพบ้านของผม แถมยังได้ภาพทั้งสองเกาะด้วยนะวารี ยังไม่เคยมีหนังสือเล่มไหนเคยได้ถ่ายมาก่อนเลยนะครับ ขนาดนี้แล้วยังยืนยันไม่พออีกเหรอะ"
"แต่ภาพประกอบตัวบุคคลเป็นสิ่งสำคัญในข่าวนะคะ"
ษมาจ้องหน้า
"แต่ก็คงไม่สำคัญไปกว่าความต้องการของแหล่งข่าวหรอกมั้ง"
สาระวารีอึ้งไป
"ถ้าแหล่งข่าวไม่อยากให้ตีพิมพ์ภาพเค้าเพราะเหตุผลส่วนตัวบางประการ ด้วยศักดิ์ศรีและจรรยาบรรณของนักหนังสือพิมพ์ คุณจะยังดื้อดึงพิมพ์ภาพ เพื่อขายข่าวของคุณให้ได้อยู่อีกรึเปล่าล่ะ"
สาระวารีถอนใจแรงๆพร้อมส่ายหน้า ไม่เห็นด้วย
"แล้วคนอ่านของฉันจะรู้จักตัวคุณได้ยังไงล่ะคะ"
"ก็จากบทสัมภาษณ์ที่คุณเขียน"
"ฉันไม่ได้หมายถึงตัวตนแบบนั้น ฉันหมายถึงหน้าตา รูปลักษณ์ภายนอกของคุณ"
ษมายักไหล่
"คุณมีปากกาในมือ เป็นหน้าที่ของคุณที่จะบรรยายรูปร่างหน้าตาผมออกมาให้ได้"
สาระวารีสีหน้าใช้ความคิด
"แล้วถ้าฉันให้ฝ่ายศิลป์เขียนภาพคุณมาประกอบเรื่องล่ะ"
"ถ้าฝ่ายศิลป์คุณมีฝีมือ ผมก็ไม่รังเกียจ แล้วก็ไม่รังเกียจด้วยว่าคุณจะถ่ายทอดภาพลักษณ์ผมลงข่าวคุณด้วยวิธีไหน ขออย่างเดียว อย่าลงภาพถ่ายของผม"
ษมาพูดพลางจ้องหน้าสาระวารี สายตาจริงจัง เธอถอนใจเฮือกออกมาแรงๆ ด้วยความรู้สึกหนักใจให้เห็นกันไปเลย เขาไม่สน
"กลับกันเถอะ ขากลับลำบากกว่าขาลงมาก"
ษมาเดินนำกลับพร้อมพูดเตือน เขาก้าวขึ้นทางลาดกลับไปเร็วๆ สาระวารีเดินตามไป
ษมาหยุดเดินหันมองและถาม
"ไหวมั้ย"
"ไหวค่ะ"
"กล้องหนักรึเปล่า ผมช่วยถือให้เอามั้ย"
ษมายื่นมือมาช่วย
"ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณ ฉันชอบให้เครื่องมือหากินอยู่ติดกับตัว"
"โอเค งั้นก็รีบตามมาเถอะ เดี๋ยวจะมืด"
ษมาเดินดุ่ยๆ นำต่อไป สาระวารีมองตามพร้อมบ่น ก่อนเดินขึ้นเนินต่อไป
"จะรีบไปตามควายรึไง"
อ่านต่อหน้า 3
มนต์จันทรา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ช่วงเวลาหัวค่ำ เสียงหัวเราะชอบใจของจิณห์วราดังขึ้น ขณะคุยโทรศัพท์มือถือกับสาระวารี จิณห์วราอยู่ในห้องนั่งเล่น
"ไปๆมาๆเจ้าพ่อเกาะยานกผู้ไม่เคยสนใจใคร จะมาหลงเสน่ห์นักข่าวสาวจอมวีนเพื่อนฉันซะก็ไม่รู้"
สาระวารีกำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องพักแขก
สาระวารีหน้าหงิก ตวาดสวนไป
"หลงบ้าหลงบออะไร ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร ไม่หยุดแซว ฉันจะวางหู"
" เออๆ ไม่แซวแล้วก็ได้ เค้าจะปิ๊งแกหรือไม่ก็ไม่เป็นไรหรอก แค่เค้าไม่หักคอแกตาย ฉันก็สบายใจแล้ว ตอนเนี้ย ห่วงก็แต่แกจะหลงเสน่ห์เค้ามากกว่า"
"ฝันไปเถอะย่ะ ฉันเกลียดบ่อนเข้ากระดูกดำแล้วจะมาชอบเจ้าของบ่อนได้ไง แล้วสำคัญที่สุด ฉันไม่ชอบมีแฟนแก่" สาระวารีเหยียดปากไม่ชอบ
"ระวังเถ๊อะ เกลียดอะไรจะได้ยังงั้น"
"พูดจาไม่เข้าหูเลยแกนี่ แค่นี้นะ ซวยจริงๆ สัญญาณดันมาชัดตอนแกโทรมา"
สาระวารีสีหน้าบึ้งกดตัดสาย
ผ่านเวลาเล็กน้อย สาระวารีเดินเข้ามาให้ห้องอาหาร ภายในบ้านษมา
"อ้าว ไหนบอกว่าอาหารเย็นตอนทุ่มนึงไงคะ"
"ผมสั่งให้เลื่อนเวลาเองล่ะ กลัวคุณหิว"
สาระวารีนั่งลง ลำแพงก็รินน้ำ คดข้าวให้ตามหน้าที่อย่างดี ษมาหยิบทองหยิบ ทองหยอดป้อนให้ตุ่มลายที่นั่งอยู่บนตัก ตุ่มลายกินของโปรดอย่างเอร็ดอร่อย
"นี่คุณให้แมวกินทองหยิบทองหยอดด้วยเหรอคะ"
ษมายิ้มรับ
"ของโปรดเค้าเลยล่ะ อะไรหวานๆเหลืองลายมันชอบทั้งนั้น"
ษมาลูบหัวแมวด้วยความเอ็นดู สาระวารีเบะปากหมั่นไส้
"มิน่า ถึงได้อ้วนเป็นตุ่ม"
ลำแพงเหลือบตามองสาระวารีเล็กน้อย ก่อนไปยืนกุมมือนิ่งเป็นรูปปั้นรอรับใช้
"ถ้าคุณรักเจ้าตุ่มลายนี่จริงน่าจะเลิกให้กินของหวานๆได้แล้วนะคะ เดี๋ยวก็ได้ตายเร็วหรอก"
ตุ่มลายหันไปจ้องหน้าสาระวารี
"แมวคุณจ้องหน้าด่าฉันแน่ะ"
"รู้ได้ไง"
สาระวารีหน้าแอบกวนเล็กน้อย
"ฉันอ่านสีหน้ากับแววตามันออก"
ษมาขำๆ ออกมา รู้ว่าโดนย้อน เขาอุ้มเหลืองลายลงพื้น
"ทานข้าวกันเถอะ"
สาระวารีเหล่มองค้อนตามตุ่มลายไป
"ลำแพง เดี๋ยวจัดกาแฟไปให้ฉันกับคุณสาระวารีที่หน้าระเบียงด้วยนะ ทานข้าวเสร็จแล้ว เราจะไปคุยกันต่อที่นั่น"
"ค่ะคุณษมา"
สาระวารีดีใจ
"นี่คุณจะยอมให้ฉันสัมภาษณ์แล้วใช่มั้ยคะ"
ษมายิ้มรับบางๆ ไม่ตอบอะไร ทานข้าวไป ลำแพงสีหน้าบึ้งเหล่มองสาระวารี แววตาพออ่านออกว่าไม่ไว้ใจ สาระวารีอมยิ้มมีความหวังขึ้นมาจะได้งานแล้ว
สาระวารีหยิบเครื่องอัดสัมภาษณ์ออกมาจากถุงผ้าที่เธอถือติดมือลงมาจากห้องนอนด้วย จัดเตรียมให้พร้อมสัมภาษณ์ที่ระเบียงหน้าบ้าน ษมานั่งจิบกาแฟอยู่ข้างๆ วางแก้วลง
สาระวารีหยิบโน้ตคำถามออกมาเตรียมพร้อมยิงคำถาม
"เวลาคุณสัมภาษณ์คนๆนึง ใช้เวลานานแค่ไหนเหรอ" ษมาถาม
"ก็ไม่แน่ค่ะ มีตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงไปจนถึง 3-4 ชั่วโมง แล้วแต่ว่าเรื่องของใครน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน"
"เวลาแค่นั้น ทำให้คุณรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากรู้จากแหล่งข่าวได้เหรอครับ"
"ถ้าแหล่งข่าวยินดีที่จะตอบคำถาม ฉันคิดว่าสามารถทำได้ค่ะ"
"แล้วอย่างผมล่ะ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน"
"ก็คงใช้เวลามากพอดู เพราะดูเหมือนคุณจะระมัดระวังตัว เลี่ยงตอบคำถามได้เก่ง แล้วก็ไม่ชอบถูกถามฝ่ายเดียว เหมือนที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้" สาระวารีแขวะเข้าให้
ษมายิ้มๆ สาระวารีจ้องหน้า
"ฉันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ...คุณไม่ได้เต็มใจให้ฉันสัมภาษณ์รึเปล่า"
"คุณกำลังเข้าใจผิด ผมเต็มใจให้คุณสัมภาษณ์ แต่ไม่ใช่เวลานี้"
สาระวารีชักของขึ้น
"คุณจะโยกโย้ไปถึงไหน"
"อย่าเพิ่งโมโหสิวารี ผมอยากให้เรารู้จักกันมากกว่านี้ก่อน คุณอาจจะค้างที่นี่ซัก 2-3 คืนเพื่อเก็บรายละเอียด จะได้เขียนข่าวเกี่ยวกับตัวผมได้ถูกต้อง ไม่ใช่คุยกัน 3-4 ชั่วโมงแล้วกลับไปเขียนโดยที่ไม่ได้รู้จักตัวตนของคนที่คุณมาสัมภาษณ์เลย"
สาระวารีเสียงแข็งขึ้น
"คุณษมาคะ การที่ได้รู้จักตัวตนแหล่งข่าวลึกซึ้งมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้ามากเกินไปก็เกิดอคติได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทางที่ดีงานนี้สัมภาษณ์สั้นๆ รวดเร็ว แต่ว่าเก็บรายละเอียดให้ถูกต้องให้มากที่สุดจะดีกว่า เริ่มกันเลยนะคะ" สาระวารีตัดบทเปิดโน้ตคำถามออก ตั้งหลักจะลุยสัมภาษณ์แล้ว
ษมาพูดขัดขึ้นก่อนวารีจะยิงคำถาม
"นั่นอาจเป็นผลดีสำหรับข่าวอื่น"
สาระวารีหน้าตาเซ็ง เหลือบตาขึ้นมองษมา
"แต่ไม่ใช่กับข่าวชิ้นนี้ของคุณ"
สาระวารีชักเครียด ษมาลีลามากจนน่ารำคาญ เธอวางสมุดโน้ตลงอย่างใส่อารมณ์แต่ไม่แรงจน
น่าเกลียด เธอถอนใจหนักๆ พยายามระงับอารมณ์ แล้วล้วงมือไปหยิบกลักใส่บุหรี่และไฟแช็คออกมาจากถุงผ้ามาวางที่โต๊ะ
มีสายตาแอบมองทั้งคู่มาจากมุมหนึ่ง...
ษมาสีหน้าเครียด สงสัย
"คุณสูบบุหรี่ด้วยเรอะ"
สาระวารีหน้าหงิก
"พยายามจะเลิกอยู่ แต่มีคนทำให้เครียด ก็เลยอดไม่ได้"
ษมาแย่งทั้งไฟแช็ค และกลักใส่บุหรี่ มายึดเอาไว้ สาระวารีสีหน้าเอาเรื่องจ้องหน้าษมา
"คิดจะเลิกแล้วจะสูบอีกทำไม"
"อย่ามาทำตัวเป็นแม่สองสาวจอมจุ้นอีกคนนึงเลย"
"แม่สาวจอมจุ้นที่ไหน เล่าให้ฟังหน่อยสิ เผื่อคุณจะหายเครียด"
"ไม่เล่า"
"ไม่เล่าก็ไม่คืน"
สาระวารีถอนใจพรืดลุกขึ้นยืนพรวด
ในที่สุดสาระวารีก็ต้องเล่าเรื่องในอดีตให้ษมาฟัง เวลากลางวันวันหนึ่ง สาระวารีถูกมัทนากดตัวจากด้านหลังเอาไว้ ให้นั่งดูข้อมูลหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานมีคณา ซึ่งมีคณากำลังหาข้อมูลจากกูเกิ้ลให้สาระวารีดูผลร้ายของการสูบบุหรี่
"เห็นกับตาแล้วใช่มั้ยว่าเธอสูบบุหรี่แล้วจะเป็นยังไง"
"ฉันรู้แล้วน่า"
"แล้วทำไมไม่เลิก"
สาระวารีน้ำเสียงออกรำคาญเล็กๆ
"ก็กำลังเลิกอยู่"
"ให้ดูแบบมีภาพประกอบเลยพี่มี่" มัทนาบอก
"แหวะ ไม่ดูแล้ว" สาระวารีรีบลุกหนี
มัทนาเซถอยหลังไปเล็กน้อยด้วยความแรงของสาระวารี
"ฉันกำลังเลิกอยู่ ของยังงี้มันต้องใช้เวลา"
"ใช้ใจมากกว่า" มัทนาบอก
"คมบาดมากเลย...ฉันสัญญาว่าจะเลิกก็ต้องเลิก โอเคป่ะ"
มัทนายกนิ้วก้อยขึ้นมาขอสัญญา
"เกี่ยวก้อยสัญญาก่อน"
"อะไรกันยะเบบี๋น้อย"
มีคณาชูนิ้วก้อยมาขอสัญญาอีกคน สาระวารีถอนใจอย่างเซ็งๆ จำใจยื่นสองนิ้วก้อยไปเกี่ยวก้อยกับเพื่อนทั้งสองที่ยิ้มแป้นดีใจ
บ่ายวันหนึ่ง สาระวารี มีคณา มัทนากำลังประชุมกันหน้าตาเคร่งเครียดในห้องประชุมพร้อมไชยวัฒน์และพนักงานอื่นๆ บรรยากาศดูเคร่งเครียด ไชยวัฒน์ที่พูดตำหนิการทำงานของพนักงานอยู่
"ผมพูดตามตรงว่าไม่พอใจมาก ทำกันเป็นแฟชั่นเลยนึกไม่ถึง ว่าพนักงานที่ผมรับมากับมือจะเป็นซะเอง แม้มันจะตามน้ำก็ไม่ได้ เงินซื้อได้เฉพาะแอดลงโฆษณา ซื้อข่าวถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูกไม่ได้"
สาระวารียกมือถือขึ้นโชว์
"ขอรับโทรศัพท์แหล่งข่าวค่ะ"
สาระวารีเดินออกไปจากห้องประชุม มีคณาและมัทนาสบตากันเหมือนรู้ใจเพื่อน มีคณาพยักหน้าให้มัทนา มัทนายกมือ
"ขอเข้าห้องน้ำค่ะ"
ไชยวัฒน์หน้าดุใส่ มัทนายิ้มแหยๆ รีบลุกเดินออกไป
สาระวารีเดินหน้าเครียดมาที่สวนหย่อมของตึก หยิบกลักใส่บุหรี่รูปแบบเก๋ๆ ออกมา กำลังจะเปิดหยิบบุหรี่ มัทนาก็ปราดมาแย่งกลักใส่บุหรี่ไปทันที
สาระวารีหน้าหงิกหันขวับจ้องหน้า จะอ้าปากด่าก็ลดระดับเหลือแค่ต่อว่า
"มัท พี่เครียดมาก เข้าใจพี่บ้าง"
ไม่คาดคิดจังหวะสาระวารีขยับพูดอ้าปาก มัทนาปาดมือยัดหมากฝรั่งใส่เข้าปากสาระวารีทันที
"หมากฝรั่งเลิกบุหรี่ค่ะ เคี้ยวเสร็จแล้วเข้าประชุมต่อนะคะ"
มัทนายิ้มขี้เล่น เดินกลับเข้าไป สาระวารีหมั่นไส้ปนเจ็บใจเตะส่งน้องรักไปเล็กน้อย
กลางวันอีกวันหนึ่ง มัทนากอดสาระวารีจากด้านหลัง จับเป็นตัวประกันพาออกมาที่หน้าตึกสยามสาร
"จะพาพี่ไปไหน"
"ไปหาพี่มี่"
"ไปทำไม"
"ไม่บอก"
"มากอดพี่แน่นขนาดนี้เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดหรอก"
"ไม่กลัว"
"แอบรักพี่แหงๆ" สาระวารีแซว
มัทนาสีหน้าขี้เล่นแกล้งยื่นหน้าไปหอมข้างแก้มสาระวารีให้ฟอดนึง เธอเขินปนจั๊กจี้
"บ้า"
มัทนาหัวเราะชอบใจก่อนหันไปบอกมีคณา
"ลากตัวมาได้แล้วพี่มี่"
มีคณาที่กำลังจุดธูปอยู่หน้าศาลพระภูมิของตึกสยามสาร
"ต้องขนาดนี้เลยเรอะ"
"ก็เธอไม่ทำจริงซะที หลอกล่อพวกเราตลอด พวกเราเป็นห่วงเธอมากนะ สะสมสารพิษเข้าปอดมาตั้งกี่ปีแล้ว"
มีคณาสีหน้าเป็นห่วงมาก แอบมีน้ำตารื้นๆ
สาระวารีหน้าจ๋อยๆไป เสียงอ่อน
"ก็ฉันพยายามอยู่ จะให้หักดิบทันที มันไม่ไหวจริงๆ"
"งั้นสาบานต่อหน้าศาลเลย"
"ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก"
สาระวารีบอกพลางจับมือเพื่อนทั้งสองคนเอาไว้คนละข้าง
"ด้วยเกียรติของสามทหารเสือสาว ฉันให้สัญญาว่าจะเลิกบุหรี่ให้ได้ พอใจมั้ย"
มีคณายิ้มออกมาอย่างดีใจบีบมือสาระวารีไว้แน่นให้กำลังใจ
"ขอเวลาหน่อยแล้วกัน"
"นานแค่ไหนคะ" มัทนาถาม
"จนกว่าจะมีแฟน"
มัทนาบอกหน้าตาย
"งั้นก็คงสูบไปจนตายแหละ"
ทุกคนหัวเราะออกมา
สาระวารีสีหน้าแววตามุ่งมั่น
"เอาน่ะ สัญญาก็คือสัญญา ฉันจะเลิกบุหรี่ให้ได้เพื่อเพื่อนรักทั้งสองคน พอใจรึยังล่ะ"
มัทนาและมีคณายิ้มดีใจทั้งน้ำตารื้นๆ สาระวารีดึงเพื่อนทั้งสองคนเข้ามากอดเอาไว้
สามเพื่อนซี้กอดกันเอาไว้แน่น เป็นกำลังใจให้กัน
ษมาฟังเรื่องเล่าของสาระวารี แล้วยิ้มชื่นชม
"เธอมีกัลยาณมิตรที่ดีนะ คบได้"
สาระวารีเสียงแข็ง
"เล่าจบแล้ว เอาของฉันคืนมา"
ษมายึดถุงผ้าของสาระวารีมาใส่กลักบุหรี่และไฟแช็ค
"ผมจะคืนตอนคุณกลับก็แล้วกัน"
"เอ๊ะคุณนี่"
"ผมกลัวโดนเพื่อนๆ คุณตามมาด่า ผมกลัวปากนักข่าว"
สาระวารีมีสีหน้าเจ็บใจมาก
"ระหว่างอยู่ที่นี่ คุณอย่าสูบเลย มันไม่ดีต่อสุขภาพหรอก จะทำร้ายตัวเองผ่อนส่งไปทำไม"
สาระวารีมีสีหน้าท่าทางเจ็บใจ ฉวยโอกาสใช้ความเร็วปาดมือไปกระชากถุง แต่ษมาไวกว่าดึงถุงหนีได้ทัน เธอหงุดหงิด แต่ไม่รู้จะทำไง อยากจะกรี๊ดให้ลั่นบ้านไปเลย ได้แต่กระแทกตัวลงนั่ง
ษมามองหน้าสาระวารีนิ่งๆ
"คุณมีอคติเป็นทุนอยู่แล้ว ผมพยายามจะลบอคติของคุณที่มีต่อตัวผมออกก่อน"
"ฉันไม่มีอคติอะไรกับคุณ"
ษมายิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน
"ก็ได้ ฉันยอมรับ แต่ฉันไม่ได้อคติที่ตัวคุณนะ ออกจะทึ่งด้วยซ้ำว่าคุณเป็นคนเก่ง มีความสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่ฉันเกลียดการพนัน"
ษมามองหน้าวารี ด้วยสีหน้าเห็นใจ
"ผมเข้าใจ"
สาระวารีสวนทันทีอย่างโมโห
"คุณจะมาเข้าใจฉันได้ยังไง ในเมื่อเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน"
"ใครว่าเราไม่เคยรู้จักกัน ผมอาจจะรู้จักคุณมากกว่าที่คุณคิดก็ได้นะวารี"
สาระวารีตาขวางๆ จะระงับอารมณ์ไม่อยู่แล้ว
"ฉันไม่เคยรู้จักคุณ"
ษมาปั้นสีหน้าน้อยใจ
"น่าน้อยใจจังเลย คุณเปลี่ยนไปมากนะแต่ผมก็ไม่เคยลืมคุณเลย แต่คุณกลับจำผมไม่ได้ซะนี่"
สาระวารีจ้องมองหน้าษมาอย่างพินิจพิเคราะห์
"ขอโทษนะคะ ฉันจำคุณไม่ได้จริงๆ เราเคยเจอกันเมื่อไหร่เหรอคะ"
"นานแล้ว สิบกว่าปีเห็นจะได้"
สาระวารีย้อนคิด
"เจอกันที่ตราดใช่มั้ยคะ"
"ใช่"
ษมาจ้องตาสาระวารี เหมือนจะช่วยส่งพลังไปช่วยรำลึกความหลัง เธอเพ่งมองหน้าเขาอย่างพยายามเค้นความจำย้อนนึกให้ได้
พิพัชหน้าตาเคร่งขรึมเดินเข้ามาหาษมา ขัดจังหวะพอดี
"มีโทรศัพท์จากเกาะกงครับ"
พิพัชมองหน้ากันอย่างมีเลศนัย รู้กัน ษมาพยักหน้ารับ ลุกขึ้นพร้อมถือถุงผ้ายึดเอาไว้
"สงสัยผมมีงานด่วนต้องรีบไปจัดการแล้วล่ะ"
สาระวารีลุกตาม
"อ้าว แล้วเรื่องสัมภาษณ์ของฉันล่ะ"
"วันนี้ผมไม่มีเวลาคุยกับคุณแล้วล่ะ เอาเป็นว่า วันนี้คุณพักผ่อนให้สบายก่อน ไม่ต้องห่วง ยังมีเวลาอีกมากที่คุณจะได้สัมภาษณ์ผมจนคุณพอใจ"
"แต่ฉัน"
ษมาไม่อยู่ฟังรีบเดินคุยไปกับพิพัช สีหน้าท่าทางซีเรียส สาระวารีหงุดหงิด เจ็บใจมาก
"บ้าจริงๆ เหมือนติดเกาะนรกไม่มีผิด"
เธอถอนใจแรงอย่างหัวเสีย
สาระวารีเดินหงุดหงิดกลับข้าห้องนอนมา ทั้งโมโหและบ่นแหลก
"ไอ้โน่นก็ห้ามไอ้นี่ก็ห้าม คิดว่าฉันเป็นนักโทษของคุณรึไง"
สาระวารีเดินไปหยิบเป้มาโยนบนเตียงพร้อมพูดบ่นไป
"ทำมายึดบุหรี่ฉัน คิดว่าฉันมีซองเดียวเหรอะ รู้จักสาระวารีน้อยไปซะแล้ว"
ขณะสาระวารีจะเปิดเป้ ก็เหลือบตาไปเห็นประตูตรงหน้ามุข เปิดทิ้งค้างไว้อยู่ จนลมพัดม่านปลิวสะบัด
"อ้าว ลืมปิดประตูเรอะเรา"
สาระวารีเดินมาปิดประตู แล้วเดินกลับเข้าไป
บริเวณนอกประตู มีขาใครคนหนึ่งยืนแอบอยู่หลังประตูตรงหน้ามุข
เกาะยานกยามเช้า บริเวณห้องรับแขก ลำแพงกำลังเช็ดทำความสะอาดอยู่ สาระวารีเดินเข้ามาในห้องรับแขก พร้อมยิ้มทักทาย
"สวัสดีค่ะคุณแม่บ้าน"
ลำแพงสีหน้าบึ้งตึงไม่ยอมพูดด้วย เช็ดทำความสะอาดต่อ
สาระวารีชักสีหน้าเซ็งๆ เลยหันไปหยิบของตกแต่งในห้องมาดู พอสาระวารีวางของลง ลำแพงก็รีบเข้าไปเช็ดทำความสะอาดทันที สาระวารีเหล่มองชักหมั่นไส้ เลยแกล้งหยิบขึ้นมาสองชิ้นแล้ววาง ลำแพง ก็ตามมาทำความสะอาดทั้งสองชิ้น
สาระวารียิ้มเจ้าเล่ห์แกล้งเดินเอามือจับโน่น ปาดข้าวของต่างๆ ในห้องไปเรื่อยๆ ลำแพงมองตามแล้วขบกรามแน่นอย่างไม่พอใจ ได้แต่เก็บอาการ ค่อยๆ ตามเช็ดไล่ไปเรื่อยๆ
ขณะนั้นเอง โศภีก็เดินเฉิดฉายเข้ามาในห้อง สาระวารีทักทายตามมารยาท
"สวัสดีค่ะคุณโศภี"
โศภียิ้มรับเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร ก่อนจะหันไปพูดกับลำแพง
"คุณษมาล่ะ"
"คุยงานอยู่กับคุณพิพัชค่ะ"
โศภียิ้มแย้ม
"ขยันจริงๆ ทำงานแต่เช้าเลย นี่คุณษมายังไม่ได้ทานอาหารเช้าใช่มั้ย"
"ค่ะ"
"งั้นเธอไปจัดโต๊ะที่สวนให้ด้วยนะ วันนี้ฉันอยากทานที่นั่น"
"คุณษมาไม่เคยทานอาหารเช้านอกห้องอาหารค่ะ" ลำแพงพูดสีหน้านิ่ง
โศภีจ้องหน้า ยิ้มข่ม
"ก็จะเคยวันนี้เป็นวันแรก เธอไปทำตามที่ฉันสั่งดีกว่าลำแพง เพราะถึงยังไง ษมาก็ต้องตามใจฉันอยู่ดี"
โศภีเดินเชิดออกจากห้องไป สาระวารีมองตามแล้วแอบอมยิ้ม ลำแพงเห็นพอดี
"คุณยิ้มอะไร"
สาระวารีหุบยิ้มหันมองลำแพง
"รู้มั้ยว่าเค้ามาที่นี่แต่เช้าเพราะใคร"
"คงไม่ใช่เพราะฉันหรอกมั้งคะ"
ลำแพงมองหน้าสาระวารี หน้านิ่ง ตาดุ
"นอกจากคุณษมาจะยอมให้คุณสัมภาษณ์เป็นคนแรกแล้ว คุณยังเป็นผู้หญิงคนแรก ที่คุณษมาเชิญมาที่นี่ด้วย รู้อย่างงี้แล้ว ต่อไปคุณก็ควรระวังตัวให้มากขึ้น"
ลำแพงเดินเลี่ยงไปอย่างเย็นชา
สาระวารีชักลังเลกับคำเตือนของลำแพง แต่ก็ยังไม่คิดว่าจะโดนเล่นงานเพราะเรื่องแค่นี้
เวลาผ่านมาอีก ษมา สาระวารีและโศภี กำลังทานอาหารเช้าแบบฝรั่งประมาณไส้กรอกแฮมไข่ดาวขนมปังกันในสวน โศภีเหล่มองสาระวารีอย่างไม่พอใจที่เข้ามาร่วมโต๊ะ
"ตอนแรก นึกว่าราจะทานกันแค่สองคนซะอีกนะคะษมา"
สาระวารีเหล่มอง แต่ทำไม่สนใจ ทานอาหารต่อไป
"คุณสาระวารีเป็นแขกของผมนะครับ"
โศภีหน้าบึ้งตึง ไม่พอใจที่ษมาออกรับแทน สาระวารีสีหน้าเซ็ง รวบช้อนอิ่ม
"จริงๆ ฉันทานที่ไหนก็ได้ค่ะ แล้วก็คงจะเจริญอาหารมากกว่านี้ ถ้าฉันได้เริ่มงานซะที" สาระวารีทิ้งค้อนไปทางษมา
โศภีแปลกใจ
"นี่เธอยังไม่ได้สัมภาษณ์คุณษมาอีกเรอะ"
สาระวารีมองษมาตาเขียว
"ก็ถามคุณษมาของคุณเอาเองละกัน ว่าทำไมถึงโยกโย้ไม่ยอมให้ฉันสัมภาษณ์ซะที ... เล่นตัวอยู่ได้"
ษมาตีหน้าตาย
"ยังไงคุณก็ได้ทำงานแน่ แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาของอะไรที่ได้ไปง่ายๆ มันมักจะไม่มีค่า จริงมั้ยครับ"
สาระวารีจ้องหน้าษมาตาเขม็ง
"ขอตัวไปสั่งงานคนงานก่อนนะครับ"
ษมาลุกเดินไปเลย สาระวารีถอนใจพรืดออกมา โศภีเหล่มอง
"ฉันขอถามเธอตรงๆ เถอะ เธออยากจะทำงานให้เสร็จเร็วๆ เพื่อจะได้กลับบ้านรึเปล่า"
"แหงสิคะ ฉันต้องรีบกลับไปเคลียร์งานอีกตั้งเยอะ ใครจะอยากมาติดเกาะ"
โศภียิ้มเจ้าเล่ห์
"ฉันช่วยเธอได้นะ"
สาระวารียิ้มสนใจทันที
"จริงเหรอคะ"
โศภียิ้มบางๆ
"ตอนนี้ษมายังไม่ว่าง เธอน่าจะไปถ่ายรูปที่เกาะพระฮามก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งรอเปล่าประโยชน์ ถ้าสนใจ ฉันจะให้คนของฉันขับเรือไปส่ง"
"สนใจค่ะ ท่าทางคุณษมาคงไม่ยอมพาฉันไปง่ายๆ หรอกค่ะ"
"ช่วงเธอไปถ่ายรูปฉันจะช่วยพูดกับษมาให้ พอเธอกลับมาก็สัมภาษณ์ษมาต่อ เย็นนี้เธอก็กลับกรุงเทพพร้อมฉันเลยก็ได้"
"ขอบคุณคุณโศภีมากค่ะ"
"ไม่ต้องมาขอบคุณอะไรฉันหรอก บอกตรงๆ ว่าฉันไม่แฮปปี้ที่จะต้องเห็นผู้หญิงสาวๆ มาอยู่บนเกาะนี้นานๆ อิ่มแล้วก็ตามฉันมา"
โศภีลุกเดินนำไป สาระวารีดีใจรีบดื่มน้ำแล้วจะตามโศภีไป โศภีหันกลับมามองสาระวารี ด้วยสีหน้าแววตาร้ายๆ
สาระวารีกำลังจะลงเรือ โดยมีโศภีตามมาส่ง
"คนของฉันจะพาเธอไปส่งที่พระฮาม เดี๋ยวฉันจะคุยกับษมาให้"
สาระวารียิ้มแย้ม
"เสร็จงานเมื่อไหร่ฉันจะรีบกลับทันทีเลย คุณจะได้สบายใจ"
"ขอให้รักษาสัญญา"
สาระวารียิ้มให้ก่อนจะสะพายกล้องและอุปกรณ์ลงเรือ ลูกน้องของโศภีขับเรือออกไป โศภีมองตาม อมยิ้มบางๆ แล้วเดินกลับเข้าไปอย่างอารมณ์ดี
กูซอเดินยกของออกมาจากเรืออีกลำเพื่อจะเอาของไปเก็บเพราะพายุกำลังจะมา เขาเหลือบไปเห็นสาระวารีนั่งเรือออกไป
"พายุจะมาอยู่แล้ว จะออกไปไหนอีกล่ะ"
กูเซอสีหน้าสงสัยปนห่วง
ษมากำลังอ่านเอกสารรายการสินค้าที่สั่งอยู่ โดยมีพิพัชยืนคุยอยู่ใกล้ๆ
"โชคดีนะครับที่ของมาส่งทันเวลา ถ้าพายุเข้าก่อนล่ะก็คงเสียเวลาอีกหลายวัน" พิพัชยิ้มแย้มบอก
"นี่ถ้าคาสิโนเสร็จก่อนกำหนดซักสองสามเดือนได้ยิ่งดี"
ขณะนั้นเอง กูซอก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาษมา
"คุณษมาครับ"
"มีอะไร"
"คุณวารีลงเรือไปกับคนของคุณโศภีครับ แต่ไม่ทราบว่าไปที่ไหนครับ"
ษมาตกใจมาก
"พายุกำลังจะมา จะไปไหนของเค้า"
"ผมเดาว่าไปเกาะพระฮามแน่ๆ" พิพัชบอก
"จะใจร้อนไปถึงไหน"
ษมาร้อนใจรีบเดินลิ่วไปทันที เพื่อจะไปตามสาระวารี พิพัช และกูซอรีบตามไปติดๆ
พิพัชโทรมือถือตามจันเลา
"แกอยู่ไหน รีบไปที่ท่าเรือด่วนเลย"
พิพัชเดินเร็วตามษมาไป
อ่านต่อหน้า 4
มนต์จันทรา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ลูกน้องโศภีกำลังขับเรือให้สาระวารีนั่ง ในขณะที่สาระวารีหยิบกล้องมาถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ไปเรื่อย
"อีกนานมั้ยจ๊ะ กว่าเราจะถึงเกาะพระฮาม"
"ไม่รู้ครับ ผมเพิ่งมาทำงานกับคุณผู้หญิงได้ 2 อาทิตย์ ไม่เคยไปเหมือนกันครับ"
"อ้าว แล้วอย่างงี้จะพาฉันไปถูกเหรอ"
"ถูกครับ ตรงไปทางนี้เรื่อยๆไม่หลงหรอกครับ ผมถามทางมาแล้ว"
สาระวารีชักสีหน้าเซ็งๆ
ษมาเดินลิ่วมาที่เรือซึ่งลูกน้องษมากำลังจัดเตรียมไว้เพื่อออกไปตามหาสาระวารี โดยมีพิพัช จันเลา และกูซอ ตามหลังมา โศภีเดินเร็วเข้ามาหาษมาด้วยท่าทางร้อนใจ มีลูกน้องเดินตามมาคอยรับใช้ด้วย
โศภีปั้นสีหน้าร้อนใจ
"ษมาคะ คุณจะไปไหนคะ"
ษมาโมโหมาก
"พายุกำลังจะมาอยู่แล้ว คุณให้คนเรือคุณพาวารีออกทะเลไปทำไม"
โศภีทำหน้าเสีย
"โศจะไปรู้ได้ยังไงคะ ว่าพายุจะมาตอนไหน แม่นักข่าวนั่นเค้ามาขอร้องโศ บอกว่ายังไม่ได้ข่าวอะไรเลย โศก็เห็นว่าคาสิโนที่พระฮามยังสร้างไม่เสร็จ ไม่มีความลับอะไร ก็เลยให้คนไปส่งเค้าก็เท่านั้นเอง"
ษมายิ้มแบบรู้ทัน
"คุณน่ะเหรอะไม่รู้ว่าพายุจะมา หรือว่าลืมไปแล้วว่า ก่อนที่คุณจะมาเป็นภรรยาเจ้าสัว บ้านคุณทำอาชีพอะไรมาก่อน"
โศภีหน้าจ๋อยไป
"คนเกิดมากับทะเล โตมากับทะเลอย่างคุณ รู้ดีกว่าผมด้วยซ้ำ"
โศภีเงียบกริบ ปั้นหน้าไม่ถูก
"คุณษมาครับ เรือพร้อมแล้วครับ" จันเลาบอก
ษมาจ้องหน้าโศภีเขม็ง ก่อนจะรีบไปขึ้นเรือ ออกตามหาสาระวารี โศภีมองตามเรือของษมาไปด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"ษมา ระวังตัวด้วยนะคะ"
อึดใจฝนก็เริ่มลงเม็ด ลูกน้องโศภีรีบเอาร่มมากางให้โศภี
"ช้าไปแล้วมั้งษมา" โศภีพูดพึมพำแล้วอมยิ้มอย่างพอใจ
ฝนตกหนัก ลมพัดแรงจนเรือไปต่อไม่ได้ เรือโคลงเคลงด้วยคลื่นลมแรง สาระวารีพยายามปกป้องกล้องกับอุปกรณ์ แต่ตัวเองก็เปียกไปทั้งตัว
"ถ้าไปไม่ไหวก็กลับกันก่อนดีกว่า" สาระวารีบอก
"กลับก็ไม่ไหวหรอกครับคุณ ต้องหาที่หลบลมก่อน"
สาระวารีเครียดหนัก
"จะไปหลบที่ไหนล่ะ มีแต่ทะเล"
"ผมก็ไม่รู้ครับ ผมก็ไม่เคยออกเรือเจอพายุเหมือนกัน"
ลูกน้องโศภีบังคับเรือไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว สาระวารีอึ้งไป ชักกลัวขึ้นมาเหมือนกัน คนเรือช่วยอะไรไม่ได้แน่ เธอเอาอุปกรณ์หากินไปซุกมุมเรือเพราะกลัวเปียก
เรือของษมากำลังแล่นฝ่าสายฝนที่ตกหนัก ท่ามกลางคลื่นลมรุนแรง พิพัช และจันเลาช่วยกันส่องไฟหาเรือของสาระวารี
"ผมว่ากลับเข้าเกาะกันก่อนเถอะครับ ฝ่าไปไม่ไหวแล้วล่ะครับ"
ษมาหน้าเครียด สั่งเด็ดขาด
"ฉันไม่มีวันยอมให้วารีเป็นอันตรายเพราะฉันเป็นต้นเหตุเด็ดขาด ถ้าตามหาไม่เจอ เราจะไม่กลับ"
จันเลาและพิพัชสบตากันอย่างไม่เห็นด้วย แต่ไม่กล้าขัดคำสั่งเจ้านาย
ษมาเนื้อตัวเปียกโชกไปหมด แต่สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเอาจริงที่จะก็ต้องช่วยสาระวารีให้ได้
พายุพัดหนักกว่าเดิม จนเรือโคลง สาระวารี และลูกน้องโศภี ต้องคอยจับเรือไว้แน่นเพื่อไม่ให้ถูกพัดตกทะเล
"จับไว้แน่นๆนะคุณ ตกทะเลไปตอนนี้ไม่รอดแน่"
สาระวารีจับเรือแน่น แต่เรือก็โคลงหนักขึ้นทุกที
ขณะนั้นเอง กล้องและอุปกรณ์ของสาระวารี ก็ถูกลมพัดกระหน่ำจนออกจากมุมที่ซุกเอาไว้
เธอตกใจมากกลัวปลิวตกทะเลไป รีบเอื้อมมือไปคว้าอุปกรณ์ไว้
จังหวะนั้นเอง เรือก็โคลงจนสาระวารีเสียหลัก พลิกตกทะเลลงไป
"คุณ"
สาระวารีปลิวไปกับกระแสคลื่นลม พยายามว่ายโต้พยุงตัวหายใจเอาชีวิตรอดอย่างยากลำบาก
ร่างของสาระวารีจมลงใต้น้ำทะเลหลังโต้คลื่นโต้ลมจนหมดแรง เธอพยายามตะเกียกตะกายขึ้นเหนือผิวน้ำ ยามที่เธอโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำได้ ทั้งลมทั้งฝนก็กระหน่ำอย่างรุนแรง จนเธอหมดแรงถูกกลืนจมสู่ใต้น้ำอีก
สาระวารีสำลักน้ำจนจะหายใจแทบไม่ทัน เธอหมดแรงจะทะลึ่งตัวให้พ้นน้ำขึ้นมาได้อีก
ทันใดนั้นเอง ษมาดำน้ำเข้ามาช่วยสาระวารี พาร่างเธอขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว เรือของษมารีบเข้ามาช่วยทันที พิพัชส่องไฟไปทางษมา
"รีบช่วยคุณษมาขึ้นมาเร็ว"
จันเลาโยนห่วงยางผูกเชือกไปให้ษมาเกาะ ก่อนจะช่วยกันลากษมาและสาระวารีมาที่เรือ แล้วรีบช่วยทั้งสองคนขึ้นมาอย่างทุลักทุเล
เมื่อเรือกลับเข้าฝั่ง ษมาอุ้มสาระวารีที่ตัวเปียกปอนด้วยกันทั้งคู่ เข้าโถงบ้านมา โดยมีพิพัช และจันเลาตามหลังมาติดๆ
สาระวารีอึดอัด
"ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ปล่อยฉันลงเถอะ"
"อย่าอวดเก่งไปหน่อยเลยน่ะ"
โศภี ลำแพง แลง และคนรับใช้คนอื่นรีบเข้ามารับหน้าทันที โศภีปั้นสีหน้าทำงง ไม่รู้เรื่อง
"เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย"
ษมาหน้าเครียด เสียงแข็งใส่
"เดี๋ยวผมขอคุยด้วยหน่อยนะโศ"
สาระวารีสีหน้าเจ็บใจ จับตามองโศภี โศภีปั้นหน้าไม่รู้เรื่อง ษมาหันไปสั่งลำแพง
"ลำแพง ช่วยไปเตรียมเสื้อผ้าให้คุณวารีที"
"ค่ะ" ลำแพงรับคำแล้วหันไปสั่งแลง
"แลง ไปช่วยคุณษมาสิ"
"จ้ะพี่"
แลงจะไปช่วยอุ้ม
"ไม่ต้อง" ษมารีบอุ้มสาระวารีขึ้นชั้นบนไป
ลำแพงหน้านิ่งๆ เก็บอาการไม่พอใจแล้วรีบตามษมาไปติดๆ โศภีมองตามด้วยความหมั่นไส้สุดๆ
"เค้าไม่เป็นไรแล้ว ก็ยังอุ้มอยู่ได้ ไม่รู้จะห่วงอะไรนักหนา" โศภีพูดพลางค้อนใส่
พิพัชเหล่ๆโศภี
"คุณโศภีห่วงตัวเองก่อนเถอะครับ"
โศภีหันขวับจ้องหน้าพิพัช
"เตรียมตอบคำถามคุณษมาไว้ให้ดี"
พิพัชพยักหน้าให้จันเลาแล้วพากันเดินออกไป
โศภีหน้าเสียทันที เพราะงานนี้ถ้าแก้ตัวไม่รอดก็แย่แน่
ผ่านเวลามาอีกซักครู่ โศภีกำลังตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จอยู่ที่เก้าอี้ระเบียงหน้าบ้าน ษมาสีหน้านิ่งนั่งฟัง โดยมีพิพัช และจันเลายืนประกบอยู่ใกล้ๆ โศภีปั้นหน้าอึดอัดใจ
"โศไม่รู้เรื่องจริงๆนะคะ คนของโศก็ไปด้วย ถ้าโศรู้ว่าจะเกิดพายุ จะส่งคนของโศไปเสี่ยงอันตรายทำไม"
ษมาถอนใจบอก
"โศ ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มอ่อนประสบการณ์ ที่หลงรักใครจนตาบอดอีกแล้วนะครับ"
โศภีชะงักไปเล็กน้อย แต่ปั้นหน้าเชิด ไม่สู้ตา
"พูดตรงๆเลยนะ ความปลอดภัยของสาระวารี คือความรับผิดชอบของผม ... ผมจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเค้าได้เป็นอันขาด" ษมาสีหน้าเครียด เน้นเสียงพูดจริงจัง
"น่าตื้นตันใจจังเลยนะคะ ที่คุณเป็นห่วงเธอขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่กี่วันแท้ๆ" โศภีพูดประชด
"คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมรู้จักสาระวารีมานานแล้ว ถึงจะไม่นานเท่าคุณก็เถอะ"
โศภีมีสีหน้าสงสัย พิพัชและจันเลาก็สบตากัน ทุกคนต่างมีความสงสัยเหมือนกัน
"เคยไปรู้จักกันตอนไหนไม่ทราบคะ"
"ผมไม่จำเป็นต้องเล่า รู้แค่ผมกับวารีคือเพื่อนเก่ากันมาก็พอ"
ษมาลุกเดินหนีไป โศภีแขวะแล้วเหยียดปากหมั่นไส้
"เพื่อนรุ่นลูกน่ะสิ"
พิพัชและจันเลาต่างมีสีหน้าติดใจสงสัยเช่นกัน
สาระวารีนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนเพลีย ลำแพงกำลังเตรียมของว่างใส่ถาดไว้ให้ที่หัวเตียงเผื่อตื่นมาจะหิว สาวใช้เข้ามาเก็บเสื้อผ้าไปซัก แล้วแอบชำเลืองมองสาระวารีที่นอนหลับอยู่บนเตียง
"ขนาดนอนหลับ ยังสวยเลยนะคะคุณแม่บ้าน"
ลำแพงตวัดหางตามองสาวใช้
"สวยยังงี้เอง คุณษมาถึงได้ยอมให้มาพักที่เกาะ"
"ไม่มีงานทำแล้วใช่มั้ย" ลำแพงพูดเสียงดุ
สาวใช้จ๋อยๆ หอบเสื้อผ้าเดินออกไปจากห้อง ลำแพงเหล่มองสาระวารี ด้วยสายตาเย็นชา ดูไม่ออกว่าภายในใจคิดอะไรกันแน่
เวลาเย็น ที่กองบ.ก.สยามสาร มีคณากำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คุยโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงาน โดยมีไชยวัฒน์อยู่ใกล้ๆ ในขณะที่นักข่าวคนอื่นกำลังทำงานอยู่
"ฝากด้วยนะวัฒนา ถ้าได้เรื่องยังไงรีบโทรมาเลยนะ เข้ามือถือพี่ก็ได้ ดึกแค่ไหนก็โทรได้ ไม่ต้องเกรงใจ... จ้ะ...ฝากด้วยนะ...จ้ะ" มีคณากดตัดสายด้วยสีหน้าเป็นห่วง
หลังมีคณาวางสาย หันไปพูดกับไชยวัฒน์ด้วยสีหน้าเครียด ไม่สบายใจเพราะห่วงเพื่อน
"วัฒนาก็ติดต่อวารีไม่ได้เหมือนกันค่ะ เห็นว่ามีพายุเข้า วันนี้ทั้งวันยังไม่มีใครได้คุยกับวารีเลย"
ไชยวัฒน์ร้อนใจ
"ผมก็บอกแล้วว่า อย่าไปๆ ไม่ฟังกันบ้างเลย"
แม้ว่า มีคณาจะเป็นห่วง แต่ยังพยายามมองโลกในแง่ดี
"แต่ทุกคนก็รู้ว่าวารีอยู่กับเค้าที่เกาะ เค้าคงไม่กล้าทำอะไรวารีหรอกมั้งคะ"
"ประมาทได้เหรอะ นั่นมันเกาะกลางทะเลนะมี่ เกิดอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใครรู้ แล้วนายษมานั่นก็เป็นพวกเจ้าพ่อ เกิดวารีไปรู้ความลับอะไรเค้าเข้าล่ะก็..."
ไชยวัฒน์ถอนหายใจอย่างเครียด
"แค่บอกว่าเรือเจอพายุคว่ำ เราจะไปเอาผิดอะไรเค้าได้ อยากไปขอสัมภาษณ์เค้าเอง"
มีคณาถึงกับหน้าเสียในทันที
"บอกอพูดยังงี้ มี่ยิ่งใจคอไม่ดีใหญ่เลย"
มีคณาขยับแว่นตาเครียดหนักกว่าเดิม ก่อนจะพยายามโทรศัพท์ติดต่อสาระวารี
เวลาหัวค่ำ มีคณานัดทานข้าวกับสาระสะมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สาระสะมาใส่เครื่องแบบแอร์โฮสเตส เตรียมไปบิน หลังฟังเรื่องราวจากมีคณาก็ยิ้มให้กำลังใจเพื่อนน้องสาว
"แต่พี่ไม่คิดเหมือนมี่กับบ.ก.หรอกนะ พี่ว่าไม่น่ามีอะไรหรอก อีกไม่กี่วัน วารีก็กลับมาพร้อมของฝากแล้วล่ะ"
มีคณายังกังวลอยู่ดี
"แต่คุณษมาเป็นเจ้าพ่อนะคะ แล้ววารีเราก็บ้าบิ่นซะขนาดนั้น"
สาระสะมายิ้มบางๆ
"วารีอาจจะเป็นคนห่าม เหวี่ยงวีนยังไง แต่เค้าก็รู้จักเอาตัวรอดเป็น ควบคุมตัวเองอยู่ ถ้าเค้ากล้าที่จะไปถึงเกาะกลางทะเลได้ ก็แสดงว่าเค้าต้องมั่นใจว่าจะเอาตัวรอดได้"
"ดูพี่สะมาจะมั่นใจในตัวน้องสาวซะเหลือเกินนะคะ"
สาระสะมาหน้าขรึมลง ระบายยิ้มบางๆ บนริมฝีปาก
"วารีเค้าเอาชนะได้ทุกปัญหาล่ะ พี่เห็นจะแพ้ก็มีอยู่อย่างเดียว"
"อะไรเหรอคะ" มีคณาถามอย่างสงสัย
"อดีตในใจของตัวเค้าเองนั่นแหละ"
มีคณานิ่งไปอย่างคิดตาม
สาระสะมาได้แต่ถอนใจออกมา อดนึกถึงอดีตที่ผ่านมาไม่ได้
ในอดีตเมื่อ 17 ปีก่อน เวลาตอนกลางคืน ในคืนพระจันทร์เต็มดวง สุกสกาวบนท้องฟ้า
อ่อนนุชในสภาพป่วยหนัก ใบหน้าซีดเซียว กึ่งนั่งกึ่งนอนร้องเพลงกล่อมลูกฝาแฝดในวัย 10 ขวบบนเตียง แม่ของเด็กสาวสองคนร้องไปก็ไอโขลกๆ แทรกตลอดเวลา
"จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง...ขอแหวนทองแดงผูกมือน้องข้า... ขอช้างขอม้า"
สาระวารีพูดสวนขึ้น
"แล้วขอพระจันทร์ให้แม่หายป่วย แล้วให้พ่อเลิกเล่นพนันได้มั้ยจ๊ะ"
อ่อนนุชก้มมองหน้าสาระวารี สงสารลูกจับใจ
"วารี..."
"แม่ไม่ต้องกล่อมพวกเราแล้วล่ะ เราสองคนโตแล้ว แม่ยิ่งร้องก็ยิ่งไอ แม่นอนพักดีกว่านะจ๊ะ"
อ่อนนุชพยักหน้าก่อนค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอน สาระสะมาเอาผ้าห่มคลุมให้แม่
"แต่หายป่วยแล้วแม่ต้องกล่อมต่อนะ ไม่งั้นหนูนอนไม่หลับ" สาระวารีพูดสีหน้าอ้อน
อ่อนนุชยิ้มพร้อมพยักหน้ารับและลูบผมแฝดน้องอย่างเอ็นดู เธอหันไปหอมแก้มแม่ซ้ายที ขวาที สาระสะมามองหน้าแม่สีหน้าขรึมๆ ลงก่อนจะบอกน้องสาว
"วารี ออกไปปิดหน้าต่างเป็นเพื่อนหน่อยสิ"
"ปิดแล้วไม่ใช่เหรอ"
"ยังเลย"
สาระสะมาขยิบตาให้ น้องสาวรับมุกทันที
"จริงด้วย...เดี๋ยวมานะจ๊ะแม่"
สองแฝดจูงมือกันออกไปจากห้องนอน
สาระสะมาจูงมือน้องสาวมาคุยกันที่มุมหนึ่งของโถงบ้าน
"วารี ข้าวหมดแล้ว ยาของแม่ก็หมด วันนี้แม่ไอออกมาเป็นเลือดอีกแล้วด้วย เรากลัวจังเลย" สาระสะมาบอก
สาระวารีสงสารแม่สุดๆ
"เดี๋ยวเราจะไปขอเงินป้าน้อม ไปซื้อยากับข้าวให้แม่เอง"
"เราไปแล้วแต่ป้าน้อมไม่อยู่ แม่ก็ไม่อยากให้เราไปรบกวนป้าน้อมบ่อยๆด้วย แม่เกรงใจ"
สาระวารีเม้มปากแน่น ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
"งั้นเราจะไปขอตังค์พ่อเอง"
"แล้วนายไม่กลัวถูพ่อตีเหรอ"
"ถ้าพ่อตี แล้วได้ตังค์มาซื้อยาซื้อข้าวให้แม่ เรายอมเจ็บแต่นายต้องดูแลแม่ให้ดีนะ เราจะรีบมา"
สาระสะมาพยักหน้ารับ
"เราจะรอนายนะ"
สาระวารีรีบออกจากบ้านไปทันที
หัวค่ำต่อเนื่อง สาระวารีสีหน้าซึมเศร้าในชุดนอน ยืนเกาะหน้าต่างห้องนอนมองดูพระจันทร์ดวงโตอยู่
เธอคิดถึงเรื่องในอดีตเหมือนกัน เป็นจิตของคู่แฝดที่มักจะสื่อถึงกัน
สาระวารีละสายตาจากดวงจันทร์ ทอดสายตาตรงออกไปอย่างย้อนคิด
เมื่อครั้งอดีต กลางบ่อนเล็กๆ ที่บรรยากาศดูมืดทึบ สกปรก แต่ก็มีคนเล่นอยู่ไม่น้อย โดยแบ่งเป็นวง 3-4 วง มีวงไฮโล โปถั่ว ไพ่ฯลฯ สารกำลังลุ้นสูงต่ำอยู่ที่วงไฮโลอย่างหน้าดำคร่ำเครียด ลูกเต๋าออกมาเป็นแต้มสูง สารเฮลั่นด้วยความดีใจ เจ้ามือจ่ายเงินมาให้สาร สารรับเงินมาด้วยความดีอกดีใจ
ขณะนั้นเอง สาระวารีในวัย 10 ขวบก็เอามือข้างหนึ่งมาดึงแขนเสื้อของสารไว้ สารหงุดหงิดทันที
"เฮ้ย นังวารี มาทำไมวะ"
"ข้าวหมดแล้ว ยาแม่ก็หมด วารีมาขอเงินไปซื้อข้าวกับยาให้แม่จ้ะพ่อ"
"อีนังนี่ มาขออะไรตอนนี้วะ พูดขอๆ เดี๋ยวข้าก็เล่นเสียจนได้หรอก"สารน้ำเสียงโมโห
สาระวารีอ้อนวอนพ่อต่อ
"แต่แม่ไม่มียากินแล้วนะพ่อ ขอวารีก่อนไม่ได้เหรอ"
" วะ บอกแล้วว่าอย่ามาขอตอนนี้ เดี๋ยวดวงข้าก็หายหดหมดตูดกันพอดี ไป ไปให้พ้นหน้าข้า เดี๋ยวนี้เลย" สารผลักลูกสาวออกไป
สาระวารีเม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจ รีบคว้าเงินของพ่อที่วางอยู่บนโต๊ะแล้ววิ่งหนีทันที
สารตกใจคาดไม่ถึง
"นังวารี"
แต่สาระวารีวิ่งหนีไปได้หน่อยเดียว สารก็คว้าแขนไว้ได้ทัน
"เดี๋ยวนี้หัดขโมยเหรอมึง"
สารตีสาระวารีไม่ยั้ง เธอกัดฟันแน่นไม่ส่งเสียงร้องออกมาซักแอะ มีแต่น้ำตาที่ไหลออกมา
สารตีลูกจนหนำใจก็เอาเงินคืน แล้วผลักสาระวารีจนล้มลง
"กลับบ้านไปให้พ้นๆเลย ถ้ามึงไม่อยากถูกตีตาย"
เจ้ามือถาม
"อ้าว... สารว่าไง จะเล่นหรือไม่เล่น"
"เล่นสิวะ"
สารกลับไปเล่นต่อโดยไม่สนใจลูก สาระวารีนั่งปาดน้ำตา ขณะนั้นเอง ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาต่อหน้าเธอ สาระวารีเงยหน้ามองวัยรุ่นคนหนึ่ง อายุประมาณ 20 ปีที่ปรากฏตัว
"ยื่นมือมาสิหนู"
สาระวารีลุกขึ้นเอง ไม่ยอมจับเขา
เขายิ้มๆ ก่อนจะควักเงินสองร้อยยื่นให้สาระวารี
"อ้ะ ฉันให้"
"ฉันไม่ใช่ขอทานนะ"
"หนูไม่ได้ขอ แต่ฉันเต็มใจให้เอง รับไปเถอะ"
สาระวารีระแวง ไม่ยอมรับเงินมา
ชายคนนั้นยิ้มบางๆ ยัดเงินใส่มือสาระวารี
"อย่าดื้อเลยหนู แม่ไม่สบายไม่ใช่เหรอ เอาเงินนี้ไปซื้อยาให้แม่ซะนะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับเด็กหรอก"
สาระวารีมองดูเงินในมือ ก่อนจะเงยหน้ามองเขา
"ขอบคุณ แต่แม่สอนไม่ให้ฉันรับของใครฟรีๆ บ้านคุณอยู่ไหนล่ะ ฉันจะไปทำงานบ้านให้"
"ไม่จำเป็นหรอก ฉันก็กำลังจะไปแล้วล่ะ"
นักเลงคุมบ่อนคนหนึ่ง ได้ยินที่เขาพูดเลยหันมาถาม
"อะไรกันไอ้น้อง จะกลับแล้วเหรอะ ได้แล้วเลิกจะไม่ปอดแหกไปหน่อยเหรอ"
เขายิ้มๆบอกว่า
"มันก็ดีกว่าอยู่จนเสียไม่ใช่เหรอพี่"
เขาเดินออกจากบ่อนไป นักเลงคนนั้นมองตาม แล้วหันไปพยักหน้าให้นักเลงอีกคน นักเลงคนนั้นรีบเดินตามษมาออกไปทันที
สาระวารีมองตามพวกนักเลงด้วยสีหน้าตื่นตกใจ แม้จะเป็นเด็กแต่ก็รู้ทันที ว่าเขาจะโดนทำร้ายแน่ๆ
เธอรีบวิ่งออกจากบ่อนไปทันที
สาระวารีหลุดออกจากความคิด สีหน้าอึ้งๆ ชักจะจำเหตุการณ์วันนั้นได้ชัดเจนขึ้น เธอพึมพำ
"ผู้ชายคนนั้น"
เธอย้อนนึกเรื่องราวในวันนั้นต่อทันที
ในอดีต เวลาต่อเนื่องมา สาระวารีเคาะประตูบ้านพักสมบูรณ์เสียงดัง และตะโกนลั่นด้วยความร้อนใจ
"ลุงบูรณ์ เปิดหน่อย"
ยังไม่มีเสียงตอบ
"จ่าบูรณ์โว้ย คนจะตายอยู่แล้ว เปิดซะทีเถอะ"
เสียงสมบูรณ์ตะโกนตอบมาจากข้างใน
"อะไรวะ คนจะหลับจะนอน"
สมบูรณ์เปิดประตูบ้านออกมา ในชุดตำรวจครึ่งท่อน พกปืนอยู่ที่เข็มขัด
"มีอะไร"
สาระวารีฉุดแขนสมบูรณ์ให้ไปกับเธอทันที
"อย่าเพิ่งถามเลยน่า รีบไปเหอะเดี๋ยวไม่ทัน"
"อะไรของเอ็งวะ"
สาระวารีไม่ฟังเสียง ลากสมบูรณ์ไปจนได้
ผู้ชายวัยรุ่นที่ช่วยเหลือสาระวารีวิ่งหนีนักเลงหลายคนเข้ามาตามซอย กลุ่มนักเลงเข้าล้อมเขาแล้วรุมทำร้าย เขาต่อสู้อย่างดุเดือดแบบหมาจนตรอก เล่นงานพวกนักเลงจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง
พวกนักเลงเลยชักมีดออกมาหมายจะแทงใส่เขา แต่เขาฉากหลบแล้วสวนกลับ นักเลงอีกคนฟันมีดใส่ข้อมือจนเขาได้รับบาดเจ็บ พวกนักเลงเห็นได้ที ก็เข้ารุมยำไม่ยั้ง เขาสู้เต็มที่ แต่มีแค่คนเดียว ต้านได้ไม่นานก็ถูกรุมเตะต่อยจนเลือดกลบปาก ลุกไม่ขึ้น นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น
ทันใดนั้นเอง เสียงปืนก็ดังขึ้น พวกนักเลงตกใจหันไปมองตาม เห็นจ่าสมบูรณ์ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ นักเลงคนที่ 1ตกใจมาก
"บรรลัยแล้ว จ่าบูรณ์"
พวกนักเลงกลัวจ่าสมบูรณ์ยิ่งกว่าหนูกลัวแมว รีบแยกย้ายกันหนีทันที สมบูรณ์ตะโกนลั่น
"อย่าหนีนะโว้ย"
จ่าสมบูรณ์รีบวิ่งไล่กวดตามหลังพวกนักเลงไปทันที
สาระวารีที่ตามหลังจ่าสมบูรณ์รีบวิ่งเข้ามาหาเขาที่นอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น
"เป็นยังไงบ้างคุณ"
เขามองหน้าสาระวารี พอเดาได้ว่า เธอเป็นคนช่วยเขาไว้
"ขอบใจมากนะหนู"
สาระวารียิ้มแย้ม
"เราไม่เป็นหนี้กันแล้วนะ"
"หนูชื่ออะไร"
"สาระวารี เรียกวารีเฉยๆก็ได้ค่ะ"
เขายิ้มขอบใจให้วารี
สาระวารีมองหน้าเขา... ภาพที่ดูเบลอๆ ฟุ้งมาตลอด เริ่มชัดเจนขึ้นตามความทรงจำของสาระวารีที่จำได้ขึ้นมา
สาระวารีทิ้งตัวลงนั่งที่เตียง สีหน้าอึ้งๆ เมื่อจำเขาได้
"คุณน่ะเอง" สาระวารีพึมพำ
ตอนสายวันรุ่งขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศเกาะยานกยามสาย ษมากำลังทำงาน และอ่านเอกสารรายงานต่างๆ ในห้องทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น
"เชิญ"
สาระวารีเปิดประตูห้องเข้ามา ษมายิ้มให้
"เธอน่ะเอง หายดีแล้วใช่มั้ย"
สาระวารีจ้องษมาตาเขม็ง ษมาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"โทษทีนะ วันนี้งานผมยุ่ง เลยไปทานข้าวเป็นเพื่อนไม่ได้"
สาระวารีเดินตรงเข้ามองหน้าษมานิ่ง ไม่พูดอะไรซักคำ จนเขาแปลกใจ
"มีอะไรรึเปล่า"
"เพราะฉันช่วยชีวิตคุณ คุณก็เลยตอบแทนฉัน ด้วยการให้ฉันสัมภาษณ์ใช่มั้ย"
ษมายิ้มดีใจ
"ในที่สุดคุณก็จำผมได้ซะที"
"คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลย"
" มันก็ใช่ แต่ก็ไม่ทั้งหมด ยังไงซะคาสิโนของผมก็ต้องการเป็นข่าว เพื่อประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว คุณแค่เข้ามาในจังหวะที่เหมาะก็เท่านั้นเอง"
สาระวารีสีหน้าเครียดๆ รู้สึกกระอักกระอ่วน
"เหมือนฉันใช้เส้นยังไงไม่รู้ ไม่น่าภูมิใจเลย"
ษมาขำๆ
"อย่าคิดมากสิ ถึงผมจะเป็นหนี้บุญคุณคุณ ผมก็ตอบแทนคุณด้วยวิธีอื่นได้ แต่ที่ผมยอมให้สัมภาษณ์ก็เพราะคุณกับสยามสาร มีภาพพจน์ที่ดีด้วย"
สาระวารียิ้มๆ
"ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อยนึง"
สาระวารีสีหน้าสงสัยอยากรู้
"แล้วหลังจากวันนั้น คุณไปทำอีท่าไหนเข้า ถึงได้มาเป็นเจ้าพ่อเกาะยานกได้"
"ถ้าคุยในฐานะเพื่อน ผมจะเล่าให้ฟัง แต่ถ้านี่เป็นการสัมภาษณ์ ผมขอผ่าน"
สาระวารีหมั่นไส้
"ฉันรู้หรอกน่ะ ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า" หญิงสาวทิ้งค้อนให้วงใหญ่
ษมาจับตามองสาระวารีที่ทิ้งค้อน แล้วก็หัวเราะขำๆ ออกมาอย่างเอ็นดู
อ่านต่อตอนที่ 3 เวลา 09.00 น.