มนต์จันทรา ตอนที่ 7
ผ่านเวลาต่อมาสักครู่ เจ๊นิดกำลังเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวให้ษมา และสาระวารีด้วยตัวเอง สาระวารีกระเซ้าเย้าแหย่ไป
“วันนี้เจ๊เสิร์ฟด้วยตัวเองเลยเหรอจ๊ะ”
“แหม ก็นานๆ จะเห็นหนูวารีพาผู้ชายเข้าร้านซะที”
สาระวารีตกใจ ไม่นึกว่าเจ๊จะพูดยังงี้ ษมาอมยิ้มบอก
“แสดงว่าคุณวารียังไม่มีแฟน”
เจ๊นิดยิ้มแป้นบอก
“ยังไม่มีหรอกค่ะ เจ๊เป็นพยานให้ได้”
“เจ๊คะ ถ้าเจ๊พูดอีกคำเดียว โดนชักดาบแน่”
เจ๊นิดหน้าตาซีดเผือดตกใจมาก ษมารีบเสนอตัว
“ไม่ต้องห่วงครับเจ๊ เจ้ามืออยู่นี่ทั้งคน”
สาระวารีหมั่นไส้ แกล้งซะเลย
“โอ๊ย ดีเลย เจอเจ้ามือกระเป๋าหนักขนาดนี้ เจ๊ปิดบัญชี เคลียร์หนี้ยกแก๊ง3 สาวได้เลยจ้ะ”
ษมาตกใจ
“ตายแล้ว สวรรค์เปิด นึกว่าหนี้จะสูญซะแล้ว”
“ด่วนเลยเจ๊ เดี๋ยวเจ้ามือเปลี่ยนใจ”
“ด่วนที่สุดเลยจ้ะหนูวารี ตายๆ เหมือนฟ้ามาโปรด”
เจ๊นิดเดินตื่นเต้นดีใจกลับไปหยิบบัญชีออกมา ษมาเหล่มองสาระวารี ๆ อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ยังมีอีกหลายร้านนะ อยากตามไปกินที่ไหนอีกก็บอกได้เลย”
สาระวารียิ้มอารมณ์ดีปรุงก๋วยเตี๋ยวไป ษมาเหล่มอง ยิ้มเอ็นดูในความเจ้าเล่ห์ของเธอ
โทรศัพท์มือถือสาระวารีดังขัดจังหวะ เธอดูเบอร์โชว์แล้วกดรับ
“ว่าไงคะบ.ก. กำลังจะหม่ำอยู่พอดีเลยค่ะ”
สาระวารีฟังไชยวัฒน์พูดก่อนเหล่มองษมา
“อยู่ข้างๆ นี่แหละค่ะ พามาให้เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเจ๊นิด … โอ๊ย แค่นี้เรื่องเล็กบอกอ … เค้าเจ้าของคาสิโนใหญ่ที่สุดในเอเชียนะคะ... ไม่ต้องลงมาหรอกค่ะบอกอ เค้าอิ่มแล้ว กำลังจะกลับ”
“บอกออยากเจอผมเหรอ” ษมาถาม
สาระวารียังไม่ทันจะอ้าปากตอบ ษมาก็ยื่นหน้ามาพูดเสียงดังใกล้ๆ สาระวารี
“เดี๋ยวผมขออนุญาตขึ้นไปพบบอกอที่ห้องนะครับ”
สาระวารีตกใจ
“ด้วยความยินดีเลยครับ เดี๋ยวให้วารีพาขึ้นมาเลยนะครับ”
สาระวารีมีสีหน้าหมั่นไส้ปนเจ็บใจ ษมายิ้มอารมณ์ดีปรุงก๋วยเตี๋ยวไป
ผ่านเวลามา สาระวารีหน้านิ่งปนบึ้งเปิดประตูห้องทำงานไชยวัฒน์นำออกมา ก่อนเปิดค้างเอาไว้ให้ไชยวัฒน์และษมาเดินตามออกมา ษมาจะช่วยจับประตู สาระวารีทำหน้าดุใส่ พูดเบาๆ
“ไม่ต้อง”
ไชยวัฒน์เหลือบตามองเล็กน้อย สาระวารีปั้นหน้ายิ้มปกติ ษมายิ้มแย้มให้ไชยวัฒน์
“ถ้าว่าง เชิญที่รีสอร์ตผมที่ตราดได้เลยนะครับ จะพากองบอกอไปพักผ่อนก็ได้ ผมให้ราคาพิเศษสุดๆ นี่นามบัตรผม” ษมาพูดพลางส่งนามบัตรให้
ไชยวัฒน์รับไว้
“ขอบคุณมากครับ....เรื่องบทความคาสิโนของคุณก็ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมต้องตรวจต้นฉบับของวารีอยู่แล้ว ถ้ารู้สึกไม่ชอบมาพากลยังไง จะโทรปรึกษาคุณก่อน”
“ดูพูดเข้าสิบอกอ วารีไม่ได้เขียนบทความโจมตีเค้าซะหน่อย” สาระวารีพูดหน้าตาบึ้งตึง
ษมาออกรับแทนให้
“ผมอ่านต้นฉบับดูแล้วล่ะครับ ผมชอบ”
สาระวารีเหลือบตามองษมาเล็กน้อย
“แต่บอกอรับปากจะดูให้ ผมก็สบายใจครับ เผื่อจะรอดหูรอดตา”
ษมาเหล่มองสาระวารีที่เหยียดปากเซ็ง
“งั้นผมลาเลยนะครับ รบกวนเวลามานานแล้ว”
ษมาและไชยวัฒน์ไหว้และรับไหว้กัน สาระวารีจะเดินเลี่ยงไป แต่ไชยวัฒน์คว้าแขนเอาไว้
“จะไปไหนวารี ไปส่งคุณษมาก่อนสิ”
สาระวารีสูดหายใจลึก ทำหน้าบอกบุญไม่รับเดินนำไป ไชยวัฒน์รีบแก้แทนลูกน้อง
“เสือยิ้มยากครับ”
“ผมชินแล้วล่ะครับ ไปก่อนนะครับ รอเดี๋ยวสิวารี”
ษมารีบเดินตามไป ไชยวัฒน์มองตาม บ่นพึมพำ
“สงสัยจะไปอีกหนึ่ง หมดกัน 3 เสือสาวสยามสาร”
ไชยวัฒน์ถอนหายใจเฮือก แล้วส่ายหน้า เดินกลับเข้าห้องทำงานไป
เวลาเย็น ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง โศภีนั่งฟังดิตถ์เล่าด้วยสีหน้าหมั่นไส้
“มันออกมาจากสยามสารก็ไปพบนักธุรกิจที่ไหนไม่รู้ ผมก็ไม่รู้จัก คุยเสร็จ ไอ้เราก็นึกว่าจะกลับเข้าโรงแรมที่ไหนได้ ย้อนกลับไปสยามสารอีก มารอรับแม่นักข่าวนั่นไปส่งบ้าน”
โศภีถอนใจพรวดด้วยความหมั่นไส้ แทบจะทนฟังต่อไปไม่ได้
“ท่าทางจะอยู่กินข้าวเย็นกันต่อ ผมรอไม่ไหว รำคาญ เลยมาหาคุณนี่แหละ”
“ท่าจะหลงมันมาก”
“หัวปักหัวปำเลยล่ะ เจ้าพ่อเกาะยานกสิ้นลายก็คราวนี้แหละ”
“ฉันว่าไม่ต้องเสียเวลาวางแผนอะไรแล้ว จับอีนังนักข่าวนั่นมาเป็นเหยื่อล่อไอ้ษมา แล้วก็ยิงทิ้งมันทั้งคู่ไปเลย”
ดิตถ์รู้ทันแล้วเตือน
“อย่าเอาแต่หึงจนเสียงานสิคุณ”
โศภีค้อนดิตถ์ขวับอย่างไม่พอใจ ที่พูดกระแทกใจดำ
“ที่นี่กรุงเทพนะไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน คนพลุกพล่านยังกะหนอน กล้องวงจรปิดติดเต็มเมือง วางแผนไม่รอบคอบได้นอนคุกกันแน่”
โศภีโมโหมาก
“นายก็มัวแต่ปอดแหก ไม่เห็นจะทำอะไรเลย”
“มันเพิ่งจะมาถึงกรุงเทพ ปล่อยให้มันสวีตหวานให้ตายใจก่อนเถอะ ไม่ต้องใจร้อน มันไม่มีโอกาสได้กลับไปเกาะอีกแล้วล่ะ” ดิตถ์ยิ้มมั่นใจ
“อย่าพลาดก็แล้วกัน ฉันบอกได้คำเดียวว่า นี่คือโอกาสทองสุดท้ายที่จะเก็บมัน”
โศภีสีหน้าแววตาร้ายอย่างเห็นได้ชัดเป็นครั้งแรก ดิตถ์ยิ้มเต๊ะมั่นใจก่อนจะจิบกาแฟไปอย่างอารมณ์ดี
โศภีได้แต่ค้อนประหลับประเหลือกหมั่นไส้อยู่ไปมา
ตอนกลางคืน สาระวารีเปลี่ยนเป็นชุดนอน พร้อมกับเดินใช้ผ้าขนหนูเช็ดปลายผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือของสาระวารีดังขึ้นพอดี เธอดูเบอร์โชว์ แอบอมยิ้มก่อนปั้นหน้านิ่ง กดรับ เสียงห้วน
“มีอะไรอีก”
ษมากำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องพักโรงแรม
“รำคาญผมเหรอ”
“ไม่เห็นน่าถาม”
“ทีคุณตอแยผมที่เกาะทั้งวันทั้งคืน ผมยังทนได้เลย”
สาระวารีค้อนๆก่อนถามกลับไป
“ตกลงโทรมามีอะไรอีกล่ะ คุณไม่ตรวจต้นฉบับเองนะ จะมาเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว”
ษมาสีหน้าขรึมลง
“จริงๆ ผมก็ไม่อยากแทรกแซงการทำงานของคุณหรอกนะ แต่ผมจำเป็นต้องทำ คาสิโนผมใกล้จะเสร็จแล้ว ผมไม่อยากมีปัญหา คุณก็รู้ ว่าถ้ามันมีปัญหา ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ลำบาก แต่ลูกน้องแล้วก็คนงานของผมทั้งหมดจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“ไม่ต้องเอาคนงานตาดำๆของคุณมาอ้างหรอกค่ะ แล้วนี่โทรมาทำไม”
ษมายิ้มแย้ม
“จะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้เช้าผมจะไปรับคุณไปส่งที่ทำงาน”
“ว่างมากรึไง”
ษมาตอบหน้าตาย
“ครับ”
สาระวารีอึ้งไปก่อนสวนกลับ
“ไม่ต้อง ฉันไปเองได้”
“งั้นผมไปหาคุณที่สยามสารได้มั้ยล่ะ ถ้าคุณไม่ชอบให้ใครขึ้นไปวุ่นวายที่กองบอกอ ผมรออยู่ข้างล่างก็ได้นะ”
“นี่คุณจะวุ่นวายกับชีวิตฉันไปถึงไหน”
“ก็ผมไม่มีเพื่อนนี่นา”
“เพื่อนรุ่นเดียวกันตายหมดแล้วเรอะ”
ษมาหลุดหัวเราะออกมา
“ผมก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น คุณนี่ปากร้ายจริงๆ … ผมชอบ”
สาระวารีเป็นอึ้งไป ษมาตัดพ้อ
“ทีคุณไปบ้านผม ผมยังเต็มใจต้อนรับเลย”
สาระวารีตัดบท
“เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ”
“งั้นพรุ่งนี้เจอกันครับ”
“งั้นแค่นี้นะ ฉันจะนอนแล้ว”
สาระวารีกดตัดสายไป แล้วบ่นๆ แต่แอบอมยิ้มนิดๆ
“ตอแยยังกะเด็กๆ”
ฝ่ายษมายิ้มๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงในห้องพักของโรงแรม พึใกำ
“อยากจีบเด็กก็เงี้ย... ทำไปได้”
ษมานึกขำตัวเอง ได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าไปมา
เกาะยานกตอนเช้า พิพัชกำลังยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ ลำแพงกำลังเสิร์ฟอาหารเช้าให้พิพัช และจันเลา
“ได้ครับ เดี๋ยวจะให้ส่งข้อมูลเข้าเมลคุณษมาครับ... เรียบร้อยดีครับ ไม่ต้องห่วง แล้วทางคุณษมาล่ะครับมีอะไรผิดปกติรึเปล่า … ครับ ได้ครับ ครับ สวัสดีครับ”
พิพัชกดวางสาย ก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารกับจันเลา
“เจ้านายเราเป็นไงบ้าง”
“สบายดี เรื่องข่าวเรียบร้อยแล้ว แต่อาจจะอยู่เที่ยวกรุงเทพต่ออีกหน่อย”
จันเลายิ้มๆ บอก
“อยู่เที่ยวกับคุณวารีแน่ๆ”
ลำแพงสะกดอารมณ์เต็มที่
“งานทางนี้อีกเยอะแยะ ฉันว่าคุณเร่งให้คุณษมากลับมาดีกว่าค่ะ จะได้ทำงานต่อ”
“เรื่องงาน ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณแม่บ้าน คุณษมาไม่ใช่คนที่จะหลงผู้หญิงจนเสียงานอยู่แล้ว แต่ที่ผมห่วงคือเรื่องความปลอดภัยมากกว่า ถึงเรื่องที่คุณษมาไปกรุงเทพ จะมีคนรู้แค่พวกเรา แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี” พิพัชสีหน้าเครียดบอก
“นั่นสิ ผมขอไปด้วยก็ไม่ยอม” จันเลาบอก
“ถ้าคุณษมาได้รับอันตรายขึ้นมา ฉันถือว่าเป็นความผิดของแม่นั่นคนเดียว”
ลำแพงเดินหน้าตาไม่พอใจกลับเข้าไปด้านใน
เวลากลางวัน สาระวารียืนกอดอกจ้องหน้าษมาที่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้สยามสาร
“ผมรับปากพี่สาวคุณแล้วว่าจะพาคุณไปส่งบ้าน”
“ละเมอรึเปล่า รับปากไปตั้งแต่วันไหนแล้ว”
ษมาหน้าตาย
“อ้าว เหรอ คนแก่ก็งี้แหละ”
สาระวารีค้อนใส่เจ็บใจที่เจอลูกกระล่อน มัทนาเดินสะพายเป้ออกมาจากลิฟท์พอดี
“อ้าว มัท ไปทำข่าวเหรอไ
มัทนายิ้มขี้เล่น
“บอกอให้บอกว่างั้น”
สาระวารีรู้ทัน
“ไปไหนก็ไปเลยย่ะ”
ษมารีบลุก
“อ้าวคุณ จะไม่แนะนำเพื่อนคุณให้ผมรู้จักมั่งเหรอ”
มัทนายิ้มๆ เดินปรี่เข้ามาหาพร้อมยกมือไหว้ ษมารับไหว้ สาระวารีแขวะเพื่อน
“ปรี่มาเลยนะยะ...นี่มัทนา”
สาระวารีกอดคอพูดพร้อมล็อกแรงๆ แกล้งก่อนปล่อย
“เพื่อนและน้องรักของฉันเองค่ะ”
ษมายิ้มให้
“นี่คุณษมา เจ้าของเกาะยานกที่พี่ไปทำข่าวมาไงจ๊ะ”
มัทนายิ้มกรุ้มกริ่ม
“ดีใจจังได้เจอตัวจริงซะที พี่วารีเคยเล่าเรื่องคุณให้ฟังบ่อยๆ”
สาระวารีสวนกลับทันที พร้อมส่งสายตาดุให้มัทนา
“ไม่บ่อยหรอกจ้ะ”
“หวังว่าที่วารีเล่า คงมีเรื่องดีๆ ของผมปนอยู่มั่งนะครับ”
มัทนาจะอ้าปากพูด แต่สาระวารีรีบขัด
“ถ้าไม่อยากให้ทั้งกองบอกอรู้ว่าเธอได้อภิสิทธิ์โดดงาน ก็รีบไปให้พ้นๆ เลย”
มัทนาหน้าจ๋อย ยิ้มแหยๆให้ษมา
“คงมีโอกาสได้เจอกันใหม่นะคะ”
สาระวารีสวนปิดทาง
“ไม่มีหรอกจ้ะ เดี๋ยวก็กลับเกาะไปแล้ว”
มัทนายกมือไหว้ษมา ษมารับไหว้ยิ้มให้
“ไปได้แล้วไ
สาระวารีจับตัวมัทนาหันกลับออกไป
“เพื่อนคุณนี่น่ารักดีเหมือนกันนะ”
สาระวารีใช้หางตาเหล่ๆ มองษมาเล็กน้อย
ชั่วครู่ต่อมา บริเวณหน้าตึกสยามสาร คนร้ายคนที่ 1 วนรถมอเตอร์ไซค์มาในจังหวะที่จะยิงแล้วชิ่งหนีได้ทัน คนร้ายคนที่ 2 คนเล็งปืนมาทางมัทนา แต่การพุ่งตัวของษมาออกมาพร้อมตะโกนทำให้เสียจังหวะ
ษมาตะโกนลั่น ซ้ำอีก
“หมอบลง”
มัทนาตกใจมาก หน้าตางงจัด คนร้ายคนที่ 2 แม้จะเสียจังหวะแต่ต้องตัดสินใจยิง ษมากระโดดเข้ารวบตัวมัทนาแล้วล้มไปด้วยกันพร้อมเสียงปืนดังสนั่นลั่นตึก
คนร้ายซิ่งมอเตอร์ไซค์หนีออกไปโดยมีสาระวารีวิ่งไล่กวด
“อย่าหนีนะ” สาระวารีวิ่งกวดตาม พยายามมองทะเบียนรถ แต่ป้ายทะเบียนถูกถุงดำคลุมผูกไว้อย่างดี มอเตอร์ไซค์ซิ่งตะบึงหนีไปอย่างเร็ว
สาระวารีหมดแรงจะวิ่งกวด หยุดพักเหนื่อย ก่อนจะปั้นหน้ายักษ์ หันกลับไปจ้องรปภ.หน้าขาวที่ยืนถือกระบองมองมาทางเธอ สาระวารีเดินดิ่งเข้าไปวีนใส่
“ยืนมองอยู่ทำไม ทำไมไม่จับมัน เค้าจ้างคุณมารักษาความปลอดภัยไม่ใช่เรอะ”
รปภ.ยิ้มแหยๆ
“มันมีปืนนะคุณ ผมมีแค่กระบองท่อนเดียว ขืนเข้าไปขวาง มันก็ยิงผมตายสิครับ”
สาระวารีหงุดหงิด โมโห
“ก็เอากระบองเนี่ยแหละปาหัวกบาลมัน ไม่ใช่มายืนบื้ออยู่ยังงี้”
เสียงษมาตะโกนมา
“วารี มานี่เร็วเข้า”
สาระวารีค่อยได้สติรีบวิ่งกลับไปหาษมา ตกใจเผลอร้องออกมา ใจหายที่เห็นษมามีเลือดเปื้อนเสื้อแดงฉาน เขาประคองมัทนาที่ไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขน สาระวารีตกใจปนห่วง
“คุณถูกยิงเหรอ”
“ผมเปล่า เพื่อนคุณตะหาก”
“มัท” สาระวารีจับเนื้อตัวเพื่อน น้ำตารื้นด้วยความเป็นห่วง
“แต่ไม่ได้ถูกยิงตรงๆหรอกนะ กระสุนโดนพื้นก่อน รีบไปโรงพยาบาลเถอะ...”
ษมาอุ้มมัทนาไปที่รถ สาระวารีจะรีบตามไปช่วย
ไชยวัฒน์และเหล่าพนักงานออกมาจากบริษัทหลังเห็นทุกอย่างสงบ
“วารี มีเรื่องอะไร”
สาระวารีตอบพร้อมรีบเดินตามษมาไป
“มัทถูกยิงค่ะ บอกอช่วยแจ้งความทีนะคะ วารีพามัทไปโรงพยาบาลก่อน”
สาระวารีรีบวิ่งนำษมาไปช่วยเปิดประตูรถ รปภ.รีบวิ่งเข้ามารายงานเรื่องราวทั้งหมดให้ไชยวัฒน์ฟัง
สาระวารีเข้ามานั่งนำในรถอีกด้าน แล้วช่วยประคองมัทนาที่ษมาอุ้มเข้ามาในรถมานอนพิง ษมาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา
“ผมยังไม่ได้ใช้ กดแถวๆ แผลไว้ก่อน”
สาระวารีรับผ้าเช็ดหน้ามากดที่หัวมัทนาทันที
ษมาตกใจรีบห้าม
“โอ๊ย เบาๆ สิ ครับ ไม่ต้องแรงมากแค่ห้ามเลือด”
สาระวารีหน้าแหยๆ
“ขอโทษนะมัท...”
ษมารีบวิ่งไปขึ้นรถและขับออกไป สาระวารีอุดแผลห้ามเลือดให้มัทนา สีหน้าร้อนใจเป็นห่วงมาก
ษมาขับรถไปอย่างร้อนใจ สาระวารีช่วยดูทางไปด้วย กดแผลให้มัทนาไปด้วย
“เลี้ยวขวาแยกหน้าใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ เลี้ยวแล้วชิดซ้ายเลยนะคะ”
มัทนาได้สติตื่นด้วยอาการมึนงง
“เกิดอะไรขึ้นคะพี่วารี โอ๊ย...”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ มัทถูกยิง เรากำลังจะไปโรงพยาบาลกัน รู้สึกยังไงมั่งมัท เจ็บมากมั้ย” สาระวารีพูดอย่างเป็นห่วง น้ำตารื้นคลอเบ้า
“มันชาๆ น่ะค่ะ”
“คุณไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ แผลไม่ใหญ่ กระสุนไม่ได้เข้าตรงๆ แค่แฉลบสะท้อนขึ้นมา”
สาระวารีร้อนใจเป็นห่วง
“แต่เลือดออกมากเลยนะ คุณขับเร็วๆ เถอะ”
ไฟเขียวกำลังจะหมด ษมารอไม่ไหว เปิดไฟฉุกเฉินแล้วตัดสินใจขับรถเลี้ยวฝ่าหัวไฟแดงไปทันที
ผ่านเวลาพักใหญ่ บริเวณล็อบบี้โรงพยาบาล สาระวารีพยายามโทรศัพท์มือถือหามีคณา แต่ติดต่อไม่ได้ เธอหงุดหงิด บ่นฮุบ
“ลืมทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่ไหนอีกล่ะป้าแว่น”
สาระวารีกดตัดสายพร้อมถอนใจพรวดออกมา ษมาเดินออกมามองหา เธอรีบลุกไปหา
“มัทเป็นยังไงมั่งคะ”
“โอเคแล้ว คุณหมอเย็บแผลให้แล้ว น่าจะซักสิบเข็ม”
สาระวารีหน้าแหยอย่างเจ็บแทน
“ต้องโกนผมหมดเลยมั้ยคะ”
“หนักกว่านี้ยังไม่ต้องโกนเลยคุณ ปล่อยผมลงมาปิดก็มองไม่เห็นแล้ว”
“ค่อยยังชั่ว...”
สาระวารีช้อนตามองษมาอย่างซึ้งใจ
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยมัทแบบทุ่มสุดตัวขนาดนี้”
ษมายิ้มบอก
“น้องรักคุณนี่ครับ แต่ถึงจะเป็นคนอื่น ถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์ ผมก็ช่วยอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ทุ่มสุดตัวขนาดนี้”
ษมาส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้ สาระวารีเหยียดปากใส่ ตัดบทเปลี่ยนเรื่อง
“ตกลงมัทได้ห้องพักรึยังครับ”
“มัทไม่ยอมนอน จะกลับบ้านให้ได้ ตอนนี้ไม่เจ็บเพราะได้ยาแก้ปวดเข้าไป เดี๋ยวยาหมดฤทธิ์จะรู้สึก เพื่อนกันดื้อเหมือนกันไม่มีผิด” ษมาแขวะ
“ผู้หญิงดื้อนี่แหละมีเสน่ห์”
สาระวารีค้อนใส่แล้วรีบเดินไปหามัทนาที่ห้องฉุกเฉิน ษมายิ้มขำๆ แล้วเดินตามสาระวารีไป
มนต์จันทรา ตอนที่ 7 (ต่อ)
รถษมาเลี้ยวเข้าซอยบ้านมัทนามา เห็นรถและมอเตอร์ไซค์ตำรวจจอดอยู่หน้าบ้านหลายคัน มีตำรวจกำลังสำรวจร่องรอยเก็บหลักฐานอยู่รอบบ้าน มีชาวบ้านใกล้ๆ มามุงๆ ดู
“มีอะไรเหรอ ตำรวจเต็มไปหมดเลย”
“ใช่มาบ้านน้องมัทเหรอครับ” ษมาถาม
ทุกคนเพ่งมอง
“ใช่ค่ะ”
มัทนาสีหน้าร้อนใจ มัทนาตกใจปนห่วง
“เค้าจะส่งคนมาทำร้ายพ่อกับแม่มัทรึเปล่า”
รถษมายังไม่ทันจอดสนิทดี มัทนาก็เปิดประตูรถวิ่งลงไป สาระวารีรีบเรียก
“มัท...หาที่จอดรถเร็วๆ ค่ะ”
ษมารีบขับรถไปจอดข้างกำแพงรั้ว สาระวารีหันมองตามมัทนาตลอดด้วยความเป็นห่วง มัทนาวิ่งไปบอกตำรวจแล้วรีบวิ่งตะบึงเข้าบ้านไปอย่างร้อนใจ
ในเวลาต่อมา ษมาและสาระวารีหยุดคุยกันที่ระเบียงหน้าบ้านมัทนา
“มัทเค้าคิดว่าใครเป็นคนทำเหรอครับ”
“เขตต์ตวัน คนที่ฉันเคยเล่าให้คุณฟังว่า มัทไปสัมภาษณ์ที่ภูเก็ตไงคะ”
“พระเอกหนังน่ะเรอะ”
“ค่ะ”
“เค้าจะทำไปเพื่ออะไร”
“เค้าคิดว่ามัทจะเอาชีวิตส่วนตัวเค้ามาแบล็คเมล์ งี่เง่าจริงๆ เลย อยู่ใกล้ชิดกับมัทตั้งนาน ดูไม่ออกรึไงว่ามัทเป็นคนยังไง ใสซื่อขนาดนั้นจะไปทำร้ายใครได้ยิ่งกับไอดอลในใจเค้าอย่างตัวด้วยแล้ว...ประสาท”
ษมาสีหน้าคิดตามอย่างเก็บข้อมูล สาระวารีเจ็บแค้นแทน
“ทุเรศที่สุดเลย ส่งคนมาลอบยิงแล้วยังส่งคนมาทำลายบ้านเค้าอีก ผู้ชายคนนี้เลวจริงๆ”
“อย่าเพิ่งด่วนตัดสินเค้าโดยไม่มีหลักฐานสิวารี”
สาระวารีหัวเสีย
“ไม่ใช่เค้าแล้วจะใคร”
“ผมก็เคยโดนใส่ร้ายแบบนี้เหมือนกัน ทั้งที่ผมไม่ได้ทำ”
สาระวารีถอนใจพรวด ตัดบท
“เข้าไปไหว้พ่อกับแม่มัทกันก่อนเถอะค่ะ”
สาระวารีเดินนำเข้าบ้านไปอย่างเซ็งๆ ษมาเดินตาม สีหน้าใช้ความคิด ยังไม่ปักใจเชื่อ จนกว่าจะมีหลักฐานยืนยันชัดเจนกว่านี้
ษมาและสาระวารีนั่งคู่กันอยู่อีกมุมของโถงมองตำรวจกำลังสอบปากคำพ่อแม่และพี่ของมัทนาอยู่
มัทนาเดินปึงปังลงมาจากชั้นบน
“มีอะไรหายมั้ยลูก”
“ไม่มีค่ะพ่อ มัทไปข้างนอกเดี๋ยวนะคะ”
มัทนารีบเดินออกไปเลย แม่ลุกเรียก
“จะไปไหนอีกล่ะมัท”
“หนูตามไปเองค่ะแม่”
สาระวารีรีบตามมัทนาออกไป ษมารีบลุกตามไปทันที
มัทนาเดินดิ่งๆ ไปตามซอย สีหน้าตาบึ้งตึงจะไปเรียกแท็กซี่หน้าปากซอย รถของษมามาจอดเทียบ
สาระวารีรีบลงจากรถด้านหน้าไปหามัทนา ษมาตะโกนบอก
“ขึ้นรถมาสิครับ ผมกับวารีจะไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“เป็นไรสิ ขึ้นรถไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย พี่ไม่ยอมปล่อยให้มัทไปคนเดียวหรอกนะ”
สาระวารีปิดประตูหน้าแล้วพามัทนาเดินมาขึ้นประตูหลังรถจะเข้าไปนั่งด้วยกัน ษมารีบหันมาพูดขัด
“วารี คุณมานั่งข้างหน้ากับผมนี่เลย”
สาระวารีหน้าหงิกมองหน้าษมา
“ผมไม่ใช่คนขับรถของคุณนะ ถ้าจะไปก็ต้องมานั่งข้างหน้ากับผม”
“มัทโอเคค่ะ พี่วารีไปนั่งหน้ากับคุณษมาเถอะ”
สาระวารีถอนใจเซ็ง ปิดประตูหลังแล้วเดินไปนั่งข้างหน้า ข้างษมาพลางบ่น
“เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานยังงี้ยังจะมาเรื่องมากอีก”
สาระวารีทิ้งค้อนประหลับประเหลือกไปมา ษมาอมยิ้มชอบใจก่อนจะขับรถออกไป อยากนั่งคู่กันประมาณนั้น
มัทนาทุบประตูห้องพักคอนโดของเขตต์ตวันโครมๆ เธอไม่สนใจกดกริ่งเรียกอีกต่างหาก เยาะหน้าตาบึ้งตึง สีหน้าไม่เป็นมิตร เปิดประตูห้องคอนโดฯให้มัทนา ษมาและสาระวารียืนอยู่ด้านหลังมัทนา
เอกชัยเดินยิ้มแย้มมาต้อนรับ
“เชิญครับ”
มัทนามองเลยเข้าไปเห็นเขตต์ตวันยืนยิ้มต้อนรับรออยู่กลางโถง มัทนากระโจนเข้าใส่เขตต์ตวัน สีหน้าโกรธจัด เหมือนสัตว์ป่าดุร้าย
“ฉันเกลียดคุณ”
ษมา สาระวารี เอกชัย และเยาะต่างตกใจนึกไม่ถึงรีบตามเข้าไปทันที มัทนาทั้งทุบทั้งถองใส่เขตต์ตวันอย่างแค้นจัดไม่ยั้งมือ อดีตพระเอกหนุ่มปกป้องตัวเองไปมาด้วยความงง
“เดี๋ยวมัท มีเรื่องอะไร”
มัทนาไม่ฟัง ยังคงทุบตีเขตต์ตวันไม่ยั้งมือ
“คนเลว ฉันเกลียดคุณ”
เขตต์ตวันได้จังหวะรวบแขนทั้งสองข้างของมัทนาเอาไว้ได้ สาระวารีจะเข้าช่วยเพื่อน ห่วงกลัวพลาดท่า ษมาคว้าแขนสาระวารีเอาไว้
“เอ๊ะคุณนี่ มาจับฉันทำไม”
“คุณเฉยๆไว้ก่อนเถอะน่ะ ไม่ใช่เรื่องของเรา”
ษมาหน้าดุ อย่างปรามๆ
ษมาลากแขนสาระวารีออกมานอกห้องพักเขตต์ตวัน สาระวารีหงุดหงิด สะบัดมือออก
“ลากฉันออกมาทำไม จะปล่อยให้มัทกลับไปกับคนที่ไม่น่าไว้ใจได้ยังไงคะ”
ษมารีบเอามือปิดปากสาระวารี แล้วฉีกยิ้มให้เขตต์ตวันที่เดินตามออกมาส่ง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวมัทตื่น ผมจะพาไปส่งบ้านทันที”
สาระวารีจะดิ้นให้หลุด แต่ษมาล็อกปิดปากเอาไว้
“งั้นผมกับวารีขอตัวกลับก่อน”
สาระวารีสีหน้าดุสะบัดตัวหลุดออกมาได้ พร้อมพูดจริงจัง
“ดูแลมัทให้ดีๆ นะคะ มัทเป็นอะไรขึ้นมา คุณต้องรับผิดชอบ”
เขตต์ตวันยิ้มรับ
“แน่นอนครับ ผมพร้อมจะรับผิดชอบชีวิตของมัทเค้าอยู่แล้ว”
สาระวารีอึ้งไปเล็กน้อย ษมายิ้มๆ ยื่นมือไปเช็คแฮนด์
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
เขตต์ตวันยิ้มรับ รับเช็คแฮนด์
“เช่นกันครับ ขอบคุณอีกครั้งที่คุณช่วยชีวิตมัทนาเอาไว้ สาวน้อยคนนี้ไม่มีเซนส์เรื่องหลบภัยเอาซะเลย”
“เรื่องนี้เป็นความเชี่ยวชาญพิเศษของผมอยู่แล้ว โดยเฉพาะวิธีหลบกระสุน ถามวารีดูก็ได้”
สาระวารีค้อนใส่ให้อีกขวับ เขตต์ตวันได้แต่ยิ้มๆ
“ผมไม่รบกวนแล้วล่ะ หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะครับ”
“โชคดีครับ”
“ไป” ษมาจับแขนสาระวารีลากไป
สาระวารีหงุดหงิดแต่ก็โดนลากไปจนได้
“โอ๊ย”
เขตต์ตวันมองตามยิ้มๆ ก่อนกลับเข้าไปในห้อง
ษมาลากสาระวารีมาหยุดที่หน้าลิฟท์ สาระวารีสะบัดมือออก
“ปล่อยได้แล้ว... คุณทำยังงี้ได้ไง มัทต้องโกรธแน่ๆ เราพาน้องมาแต่ทิ้งให้อยู่กับเค้า”
“คุณมองท่าทางคุณตวันที่มีกับเพื่อนคุณไม่ออกเรอะ”
สาระวารีได้แต่ถอนใจออกมา ษมายิ้มกรุ้มกริ่มแบบรู้ทัน
“ผู้ชายคนนี้ไม่เป็นอันตรายกับคุณมัทแน่ๆ”
“ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ยังไงก็ไว้ใจไม่ได้หรอก แล้วมัทก็ยังหลับปุ๋ยเพราะฤทธิ์ยาอยู่แบบนั้นด้วย”
“แล้วที่มัทไปค้างอยู่บ้านเค้าเป็นอาทิตย์ๆล่ะ ถ้าเค้าคิดจะทำอะไรไม่ดีไม่ร้าย คงไม่รอดมาถึงวันนี้หรอก”
สาระวารีเหยียดปากใส่ษมา
“คุณตวันไม่เหมือนคนที่จะรังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้ เค้าเปิดใจเล่าเรื่องอดีตของเค้า เรื่องแม่ เรื่องน้องสาวให้ฟังยังงี้แล้ว คุณยังคิดในแง่ลบกับเค้าได้ลงคออีกเหรอ”
สาระวารีหน้าจ๋อย เสียงอ่อย
“ก็ฉันยังไม่แน่ใจนี่ คนเราเดี๋ยวนี้ดูกันแค่หน้าตาได้ที่ไหน เห็นหน้าตาหล่อๆ ยังงั้นเฮอะ อาจจะแต่งเรื่องหลอกเราก็ได้ อย่าลืมว่าเค้าเป็นนักแสดง ได้รางวัลนำชายยอดเยี่ยมซะด้วย”
สาระวารีกดเรียกลิฟท์แก้เก้อไป
“ไม่หรอก คุณตวันพูดความจริง เค้าดูตกใจแล้วก็เป็นห่วงคุณมัทมากตอนรู้ว่าถูกยิง... เอาน่ะ ผู้ชายด้วยกันดูกันออก” ษมาพูดก่อนตัดบท
สาระวารีแขวะก่อนค้อนใส่เดินเข้าลิฟท์ไป
“ผีเห็นผีว่างั้นเถอะ”
ษมาถอนใจส่ายหน้าพร้อมยิ้มเอ็นดู ตามเข้าลิฟท์ไป
โรงแรมแห่งหนึ่งตอนหัวค่ำ ดิตถ์ยิ้มแย้มอารมณ์ดีมาเปิดประตูห้องพักรับโศภี ที่ยืนกอดอกหน้าหงิกรออยู่
“เชิญครับ”
โศภีต่อว่าทันที
“ก่อนลงมือทำไมไม่ปรึกษาฉันก่อน”
โศภีเดินหัวเสียนำเข้าไป ดิตถ์ปิดประตูห้องแล้วตามเข้าไปซัก
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“ยังมีหน้ามาถามอีก คนของนายยิงพลาดไปโดนนักข่าว อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ”
“ไม่ใช่ฝีมือผม ผมให้คนไปเช็กดูแล้ว คู่กรณีของนักข่าวมันสั่งเก็บนักข่าว ไอ้ษมามันสาระแนไปช่วยเอง เห็นมั้ยล่ะสยามสารเล่นข่าวนี้ที่ไหน ปิดเงียบเลย”
“แน่ใจนะ ไม่ใช่ว่านายมีแผนการจะหักหลังฉัน”
“โถ โถ คุณโศภีที่รัก”
โศภีมีสีหน้ารังเกียจ
“ผมจะหักหลังคุณให้มันได้อะไรขึ้นมา ยังไงผมก็ต้องพึ่งพาเงินคุณยึดคาสิโนของไอ้ษมามัน ไม่มีคุณผมก็ทำอะไรต่อไม่ได้”
“ให้มันจริงเถอะ”
โศภียังอดระแวงไม่ได้ ดิตถ์เข้าไปโอบเอวโศภี ออดอ้อน
“อย่าระแวงกันเองสิคุณ ถ้าคุณไม่เชื่อ แกล้งโทรเข้ามือถือมันดูก็ได้ ถ้าเป็นการลอบยิงมันจริง ป่านนี้มันกลับเกาะไปแล้ว”
“อย่าให้ฉันรู้ก็แล้วกันว่านายคิดเล่นไม่ซื่อกับฉัน”
ดิตถ์จะกอดซุกไซ้โศภี
“ใครจะกล้าทำร้ายคนที่ตัวเองหลงรักได้ลงล่ะครับ”
โศภีเกือบเคลิ้ม รีบสะบัดดิตถ์ออกไปแล้วค้อนใส่ เธอเดินฉับๆ ออกไปจากห้องพักโรงแรมทันที
ดิตถ์มองตามโศภีไปด้วยสายตาหมายปอง อมยิ้มมุมปากมั่นใจว่าโศภีไม่พ้นมือตนแน่
ตอนเช้า สาระวารีเดินลงบันไดมามอบไปรอบๆ โถงเล็กน้อย เห็นสาระสะมากำลังกดสวิทช์เปิดปิด
ไฟโคมอยู่ เธอเหลือบมองน้องสาวแล้วถาม
“วารีซื้อหลอดไฟมาติดไว้มั่งรึเปล่า”
“นายดูในตู้เหนือไมโครเวฟรึยัง”
“ไม่มี”
สาระวารีมองไปรอบๆ พร้อมตอบ
“ไม่มีก็แสดงว่าหมด เดี๋ยวขากลับเราจะแวะซื้อมาแล้วกัน”
สาระวารีสีหน้าใช้ความคิด แล้วเดินไปทางห้องครัว เธอมองตามน้องสาวอย่างจับสังเกต สาระวารีเดินหน้าจ๋อยๆ กลับออกมา เธอเหมือนรู้ใจน้องสาวจึงแกล้งถามดักคอ
“มองหาใครอยู่เหรอ”
สาระวารีร้อนตัว
“เปล่า ก็มีกันอยู่สองคนแค่เนี้ย แล้วเราจะมองหาใครล่ะ”
สาระสะมายิ้มแบบรู้ทัน
“เหรอ เรานึกว่านายมองหาคุณษมาซะอีก”
สาระวารีโดนแทงใจดำก็รีบปฏิเสธพัลวัน
“เรื่องอะไรเราต้องมองหาเค้าด้วยล่ะ นายเพ้อเจ้อแต่เช้าเลยนะสะมา”
สาระวารีรีบตัดบทเปลี่ยนเรื่อง
“มีอะไรกินมั่ง หิว”
“ผมก็หิวเหมือนกัน”
สาระวารีตกใจมาก หันขวับไปทางหน้าบ้าน ษมาเดินยิ้มแป้นเข้าบ้านมา
“รอแป๊บนึงนะคะคุณษมา” สาระสะมาเดินอมยิ้มเข้าครัวไป เธอเหล่มองตามพี่สาวไปเล็กน้อย สาระวารีชักหน้าบึ้งตึงใส่ษมา
“มาทันเวลากินทุกทีเลยนะ”
“ผมมาตั้งนานแล้วล่ะครับ คุยโทรศัพท์สั่งงานอยู่...คุณสะมาชวนทานข้าวเช้าอีกแล้ว เกรงใจแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ”
สาระวารีค้อนใส่สะบัดหน้าพรืดเดินเข้าครัวตามพี่สาวไป ษมามองตามอมยิ้มบางๆ
ษมากำลังทานข้าวเช้ากับสาระวารี และ สาระสะมาอย่างเอร็ดอร่อย เธอเห็นษมากินอย่างอร่อยก็ชักหมั่นไส้
“โรงแรมที่คุณพักไม่มีข้าวเช้าให้กินรึไง”
ษมาตีหน้าตาย
“มี แต่มันไม่อร่อยเหมือนที่คุณสาระสะมาทำน่ะครับ”
สาระสะมายิ้มรับบอก
“แบบนี้แม่ครัวทำตายเลย”
สาระวารีเบะปากหมั่นไส้
“พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาแล้วนะ บ้านนี้ไม่มีแม่ครัวเพราะต้องไปบินแล้ว”
ษมาหันไปถาม
“จริงเหรอครับ”
สาระสะมายิ้มรับพยักหน้าให้
“ว๊า”
“จะลองมาชิมฝีมือวารีมั่งก็ได้นะคะ”
“ไม่ต้องเลย สะมาไม่อยู่ ก็นมแก้วรองท้องแล้วไปหากินที่ทำงานเอา”
ษมายิ้มบอก
“ผมมารับไปทานข้างนอกก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ แต่อย่าเลย เดี๋ยวจะสบายจนเคยตัว... ข่าวคุณก็ตรวจแล้ว เมื่อไหร่คุณจะกลับเกาะคุณไปซะทีเนี่ย”
“ผมกะจะรอหนังสือคุณตีพิมพ์ก่อน”
สาระวารีตกใจ
“แต่มันอีกหลายวันเลยนะ”
“ไม่เป็นไร ผมเคลียร์งานที่จำเป็นเสร็จแล้ว ตั้งใจจะมาตรวจข่าว แล้วก็รับคุณกลับไปตราดด้วยกันเลย”
“แล้วเรื่องอะไรฉันต้องกลับไปกับคุณด้วย”
สาระสะมาก็ตกใจที่ได้ยินแบบนี้
“ก็ไปทำสกู๊ปเรื่องขุดพลอยไงครับ คุณเคยบอกว่าสนใจไม่ใช่เหรอ รึว่าบอกอคุณยังไม่อนุญาต ผมจะได้ไปคุยให้”
สาระวารีเริ่มหงุดหงิด
“ไม่ต้องเลย ฉันพูดฉันเองได้ เออคุณมาก็ดีแล้ว เรื่องข่าวคาสิโนคุณ ฉันว่าถ้ามันไม่มีรูปคุณลงเลย ยังไงมันก็ไม่สมบูรณ์นะ”
“ถึงไงก็ไม่ได้ครับ เราตกลงกันแล้ว ผมไม่ต้องการให้มีรูปถ่ายผมอยู่ในข่าวหรือในหนังสือเล่มไหนทั้งนั้น”
“ค่ะเราตกลงกันแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะผิดสัญญา”
สาระวารีสีหน้ามีแผนการเล็กน้อย
“แต่คุณไม่ต้องการให้ลงเฉพาะรูปถ่ายนี่คะ”
ษมาสังเกตสีหน้าเจ้าเล่ห์ของสาระวารีก็แอบระแวงว่า ท่าทางเธอคงจะมีแผนการบางอย่าง
ษมากำลังนั่งเป็นแบบให้ฝ่ายศิลป์ชายคนหนึ่งวาดรูปเหมือนอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊นิด โดยมีเจ๊นิดมาคอยจัดท่าทางจัดเสื้อผ้าให้ษมา ในขณะที่สาระวารียืนยิ้มสะใจอยู่ใกล้ๆ
ษมาหน้าเหยเกถาม
“ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอวารี”
สาระวารีลอยหน้าลอยตา
“อ้าว ก็คุณไม่ยอมให้ถ่ายรูป ฉันก็ไม่ถ่ายแล้วไง จะเอายังไงอีก”
“ไม่ถ่ายรูป แต่วาดรูปเหมือนเนี่ยนะ”
“รูปไม่เหมือนเท่าไหร่ค่ะ”
สาระวารีสั่งฝ่ายศิลป์
“เข้าใจมั้ย วาดรูปไม่เหมือนมาก”
“อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ คุณเค้าออกหล่อ ใจดีด้วย ล้างหนี้ให้หนูวารีกับเดอะแก๊งหมดเกลี้ยงเลย จะไม่วาดให้เหมือนได้ไงล่ะ จริงมั้ยคะ” เจ๊นิดพูดพลางยิ้มเอาใจษมา
“ดีแล้วล่ะครับเจ๊ ผมศัตรูเยอะ”
“เอางั้นเหรอคะ แหม เสียดายจัง”
สาระวารียิ้มสะใจ
“รบกวนหน่อยนะคะเจ๊ เดี๋ยวหนูขึ้นไปทำงานก่อน”
“ไม่ต้องห่วงจ้ะหนูวารี เดี๋ยววาดเสร็จเจ๊มีก๋วยเตี๋ยวให้กิน... ราคาพิเศษ”
“สมกับเป็นเจ๊นิดเดียวขวัญใจวารีจริงจิ๊ง”
สาระวารีโอบกอดเจ๊นิดเล็กน้อยก่อนเดินออกไป
“ราคาพิเศษที่แพงเป็นพิเศษรึเปล่าครับ” ษมาถาม
“รู้ใจเจ๊แบบนี้ จีบหนูวารีติดแน่ๆ ค่ะ”
เจ๊นิดหัวเราะชอบใจ ษมายิ้มกว้างออกมาอย่างถูกใจ
“นั่งนิ่งๆ สิครับ” ฝ่ายศิลป์บอก
“โทษทีครับ “
ษมายิ้มเจื่อน แล้วรีบหุบยิ้มนั่งให้วาดรูปต่อไป
ไชยวัฒน์กำลังดูรูปเหมือนของษมาที่เพิ่งวาดเสร็จ โดยมีสาระวารีนั่งอยู่ใกล้ๆ รูปวาดเหมือนของษมาที่ดูละม้ายแต่ไม่เหมือนเป๊ะ เพื่อเอาใจแหล่งข่าวที่ไม่อยากให้ใครมารู้จัก
“ไม่ค่อยเหมือนนะ” ไชยวัฒน์บอก
“ความต้องการของเค้าค่ะบอกอ ได้แค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว”
ไชยวัฒน์พยักหน้ารับ
“นายแบบล่ะ”
“ออกไปทำธุระแล้วค่ะ”
ไชยวัฒน์กระเซ้า
“นึกว่าจะมานั่งเฝ้าคุณทั้งวันซะอีก”
สาระวารีค้อนๆใส่บ.ก.เล็กน้อย
“เค้าจะมาเฝ้าทำไมทุกวัน เค้าตรวจแก้ข่าวได้สมใจแล้วนี่คะ”
“โอเค งั้นก็ปิดต้นฉบับ ไปทำงานต่อได้”
“แล้วเรื่องทำสกู๊ปการขุดพลอยล่ะคะ บอกอเห็นว่ายังไง”
“มันก็น่าสนล่ะนะ อาจจะไม่ถึงกับเป็นข่าวลีด แต่ก็เป็นสารคดีชิ้นเด่นได้ แต่ผมมีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องนึง”
“อะไรคะ”
“คุณคิดยังไงกับคุณษมา”
สาระวารีอึ้งไป ท่าทางอึกๆอักๆ
“เอ่อ ก็แค่แหล่งข่าวคนนึง ไม่มีอะไรนี่คะ”
ไชยวัฒน์ถอนใจ ก่อนเตือนลูกน้องด้วยความเป็นห่วง
“พูดตรงๆนะวารี เท่าที่ผมได้พูดคุยกับคุณษมา ผู้ชายคนนี้ก็ไม่เลวหรอกนะ ถ้าเค้าต้องการอะไร เค้าคงมุ่งมั่นเอามาให้ได้ ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับคุณ ถ้ายังไม่คิดจะจริงจังกับเจ้าพ่อคนนี้ ก็อย่าใช้เค้าเพื่องาน แล้วก็อย่าให้เค้าเอางานมาล่อคุณได้อีกล่ะวารี”
สาระวารีนิ่งไป คิดตามที่ไชยวัฒน์เตือน ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เวลาเย็น สาระวารีสะพายเป้คู่ใจเตรียมตัวกลับบ้าน เมื่อเธอเดินออกมาหน้าสยามสารจะไปรอรถเมล์ มีเสียงรถบีบแตรไล่หลังมา เธอหันขวับมามอง หน้าตาบึ้งเอาเรื่อง ษมายิ้มแย้มให้
สาระวารีทำถอนใจเซ็งปนรำคาญออกมา ษมาขับรถมาจอดเทียบ กดกระจกหน้าต่างลงคุยด้วย
"ผมเสร็จธุระเลยแวะมาดู เผื่อคุณยังไม่กลับบ้านจะได้พาไปส่ง"
"ฉันยังไม่กลับบ้านหรอก"
สาระวารีเดินนำไป ษมาขับรถตาม
"แล้วจะไปไหน"
"ซื้อของเข้าบ้าน"
ษมาจอดรถเทียบข้าง เอื้อมตัวไปเปิดประตูดันออกรับ
"งั้นผมยิ่งต้องไปเป็นเพื่อน"
สาระวารีหันจ้องหน้า ษมาพูดหน้าตาย
"ผมรับปากคุณสาระสะมาเอาไว้"
สาระวารีหมั่นไส้ กับมุกเดิมๆ
"ไปรับปากกันตอนไหนอีกไม่ทราบ"
"ถ้าคุณไม่ขึ้นรถมา ผมก็จะขับตามไปยังงี้แหละ"
สาระวารีรู้ว่าทำจริงแน่ๆ ก็ยอมขึ้นรถไปพร้อมบ่น
"เมื่อไหร่จะกลับๆไปซะทีเนี่ย"
ษมาไม่สนใจ อมยิ้มพอใจ
"จะแวะไปซื้อของที่ไหนครับ"
"ขับรถไปเหอะ ซื้อที่ไหนก็ที่นั่นแหละ"
สาระวารีหน้าหงิกบึ้งตึง ษมาอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ขับรถพาสาระวารีไป
มนต์จันทรา ตอนที่ 7 (ต่อ)
บรรยากาศในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ษมามีสีหน้าผิดหวังระหว่างเดินคุยกับสาระวารีในห้างเพื่อไปซื้อของ
"ทำไมล่ะวารี คุณไม่สนใจทำสกู๊ปข่าวขุดพลอยแล้วเหรอ"
สาระวารีตีหน้าตาย
"ยังสนใจอยู่ค่ะ แต่มันมีข่าวอื่นน่าสนุกกว่า เคยได้ยินเรื่องแชร์ลูกโซ่ที่ให้ซื้ออุปกรณ์มาใส่กับนมสด แล้วมันจะตกตะกอนเป็นก้อนๆ มั้ยคะ"
ษมางงเล็กน้อย
"แล้วยังไง เป็นแชร์ลูกโซ่ตรงไหน"
"ก็ตรงที่บริษัทจะรับซื้อตะกอนนมกลับไปน่ะสิคะ บริษัทอ้างว่าเอาไปทำเครื่องสำอาง คนก็แห่ไปซื้ออุปกรณ์กันใหญ่"
ษมาดูไม่ค่อยสนใจเรื่องนั้นนัก
"ทำข่าวนี้เสร็จก่อนค่อยไปทำเรื่องขุดพลอยเหรอ"
สาระวารีบุ้ยปากพร้อมยักไหล่แล้วเดินนำไป ษมาเดินตามซัก
"ทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไงครับ ตกลงจะกลับไปทำข่าวที่ตราดเมื่อไหร่"
สาระวารีตีหน้าตาย
"ฉันก็ไม่รู้ ทุกอย่างต้องแล้วแต่บอกอ ถ้ามันมีข่าวอื่นน่าสนใจกว่า ฉันก็ต้องไปทำก่อน"
"ผมใกล้เสร็จธุระที่กรุงเทพ จะต้องกลับแล้วนะ"
"ก็เรื่องของคุณ เราไม่ได้ตัวติดกันซะหน่อย"
สาระวารีเดินนำไป สีหน้าขรึมลง เพราะจริงๆแล้วตนเป็นฝ่ายไม่ไปทำข่าวพลอยเองตะหาก เพราะกลัวใจตัวเองมากกว่า
เวลาเย็น คนงานของษมา 4-5 คนเดินคุยกันมาที่บริเวณเกาะพระฮาม พอมาถึงแคมป์คนงานก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นลูกน้องของโศภีกลุ่มใหญ่กำลังทำลายของในแคมป์
" เฮ้ย ทำอะไรวะ"
ลูกน้องโศภีชักปืนออกมายิงสวน จนพวกคนงานต้องรีบหาที่กำบังกันจ้าล่ะหวั่น
คนงานหันไปสั่งเพื่อน
"ไปตามพวกเรามาเร็ว"
คนงานอีกคนรีบวิ่งหนีไปตามที่เพื่อนบอก คนงานของษมาชักปืนออกมายิงโต้ตอบไป ทั้งสองฝ่ายยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด มีคนงานของษมาโดนยิงล้มเจ็บบ้าง
สาระวารีกำลังเลือกซื้อหลอดไฟ โดยมีษมาเข็นรถเข็นใส่ของใช้ประจำบ้านอยู่เต็มรถตามมาติดๆ
ษมาหน้านิ่ง ถามไปเนียนๆ
"วันนี้คุณสาระสะมาไม่อยู่ คุณอยู่คนเดียวไม่กลัวเหรอครับ ให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ยล่ะ"
"หน้าฉันคงดูโง่มากเลยใช่มั้ย"
ษมายิ้มๆ
"อยู่คนเดียวปลอดภัยกว่า"
สาระวารีเลือกของไป
"ผมไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะคุณ ที่พูดเพราะเป็นห่วงจริงๆ"
"ฉันก็พูดจริงเหมือนกัน อยู่กับคุณ ถ้าไม่โดนอาวุธสงคราม ก็คงไม่แคล้วโดนสาวๆในคอลเล็คชั่นของคุณตามมาอาละวาดเอาเหมือนที่สะมาโดน"
ษมาแปลกใจ
"พี่สาวคุณไปโดนตามอาละวาดตอนไหน"
"วันก่อนค่ะ โดนกลางห้างเลย ก็ฝีมือโศภี กิ๊กเก่ารุ่นลายครามของคุณไงคะ แม่นั่นเข้าใจว่าสะมาเป็นฉัน ก็เลยเข้าไปวีน โชคดีที่เป็นสะมา ลองเจอฉัน เลือดสาดกลางห้างไปแล้ว" สาระวารีพูดด้วยความเจ็บใจ
ษมาชักระแวง
"โศมากรุงเทพด้วยเรอะ"
"ไม่ผิดตัวแน่นอนค่ะ"
ษมาชักสีหน้าติดใจสงสัย
"ผมว่ามันบังเอิญเกินไปหน่อยนะ"
สาระวารีคิดตามที่ษมาพูดก็เห็นด้วย อาจจะรู้ข่าวแอบตามษมามาก็ได้
เพิงพักคนงานที่เกาะพระฮามกำลังถูกไฟไหม้ คนงานร้องกันโหวกเหวกโวยวาย
"ช่วยกันดับไฟ / ไฟไหม้"
เหล่าคนงานช่วยกันดับไฟที่แคมป์คนงานกันยกใหญ่ ลูกน้องดิตถ์ที่แต่งตัวปิดหน้ามืดชิด รีบถอยหนีกันไปทางชายหาด
ษมากำลังขับรถให้สาระวารีนั่ง โดยมีของที่สาระวารีซื้อมาวางอยู่เต็มท้ายรถ ในขณะที่สาระวารีเปิดกระเป๋าถือ หยิบสมุดโน้ตขึ้นมาจดบัญชีการซื้อของ
"ซื้อของแค่นี้ ต้องลงบัญชีด้วยเหรอ"
"ลงสิ สะมาเป็นคนละเอียด ขืนฉันไม่ลงบัญชี โดนบ่นหูชาแน่นอน"
ษมายิ้มแย้ม
"พี่สาวคุณนี่รอบคอบจริงๆเลยนะ"
"เราเคยลำบากมาก่อนนี่คะ เงินทองทุกบาททุกสตางค์มีค่าค่ะ"
ษมาสีหน้าชื่นชมก่อนพูดต่อ
"เออ ไหนๆก็มาทางนี้แล้ว ผมขอแวะซื้อขนมหวานไปฝากเหลืองลายหน่อยนะ"
สาระวารีหันมอง น้ำเสียงไม่พอใจ
"นี่คุณยังจะให้มันกินของหวานอีกเรอะ รู้มั้ย ว่าสัตว์เลี้ยงก็เป็นโรคอ้วนได้ แมวคุณเข้าข่ายอ้วนเกินมาตรฐานแมวแล้วนะ"
ษมาเสียงอ่อย
"ก็มันขอ ไม่ให้ก็สงสาร"
"อีกหน่อยคุณได้สงสารมันมากกว่านี้แน่ ตอนที่มันชักดิ้นชักงอเพราะหลอดเลือดอุดตัน หรือเดินไม่ไหวเพราะพุงมันติดพื้น ต้องกระดืบๆ ไปเหมือนหนอน"
"ไม่ขนาดนั้นหรอก"
ทันใดนั้นเอง มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็พุ่งออกมาจากซอย ตัดหน้ารถของษมาในระยะกระชั้นชิด
จนเขาต้องรีบเหยียบเบรกตัวโก่ง เลยรอดจากการชนไปได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด สาระวารีหน้าคะมำไปตามแรงเบรก แต่เนื่องจากติดเข็มขัดนิรภัยเลยไม่เป็นอะไร แต่กระเป๋าของเธอหล่นลงพื้น ข้าวของกระจายเต็มไปหมด ษมาโมโห
"พุ่งออกมาได้ ไม่มองอะไรเลย... ขอโทษที"
"ไม่เป็นไรค่ะ"
สาระวารีก้มลงเก็บของบนพื้นขึ้นมา
"คนเดี๋ยวนี้ขับรถใจร้อน ไม่มีวินัยกันเลย"
"เค้าถือว่าเค้าเป็นรถเล็ก รถใหญ่เสียเปรียบอยู่แล้ว คุณอยู่ห่างไว้ก็ดี วันดีคืนดีรถเค้าล้มใส่คุณขึ้นมา ไม่ว่าคุณจะถูกหรือผิด คุณก็ผิดอยู่วันยังค่ำ"
ษมาแขวะหน้าตาย
"ผมรู้ซึ้งพวกมอเตอร์ไซค์แล้วล่ะครับ อย่าว่าแต่ที่กรุงเทพเล๊ย ที่ตราดก็เป็น ขนาดขับมาทางโท แล้วหักหลบจนรถล้มเอง คนขับสาวเจ้าอารมณ์ ยังมาโวยวายว่าผมเป็นฝ่ายผิดไม่ยอมหลบทางให้เลย คนสมัยนี้" ษมาแกล้งถอนใจส่ายหน้า
สาระสารีฟังได้ซักระยะ สีหน้าก็เปลี่ยนไป รู้สึกทะแม่งเหมือนเรื่องตัวเอง ถูกแขวะ เธอเจ็บใจที่โดนขุดเรื่องเก่ามาย้อน เลยหน้าหงิกแล้วหันไปจดบัญชีต่อ ไม่ยอมพูดอีก ในขณะที่ษมาอมยิ้มพอใจที่แกล้งกระเซ้าสาระวารีเล่น
ผ่านเวลาซักครู่ ษมากำลังช่วยสาระวารีขนของเข้าบ้านอยู่ไปมา
"ขอบคุณมากค่ะ วันนี้ครัวปิด ไม่มีข้าวเย็นเลี้ยงนะคะ"
"แล้วคุณจะทานอะไรล่ะ"
"โทรสั่งร้านหน้าปากซอยเอาค่ะ"
ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของษมาก็ดังขึ้น ษมาเห็นเบอร์โชว์รีบกดรับ
"ว่าไงพิพัช" ษมาฟังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกใจ สีหน้าขี้เล่นเมื่อสักครู่หายเกลี้ยง
"แล้วมีใครเป็นอะไรรึเปล่า"
สาระวารีมีสีหน้าตกใจปนห่วงขึ้นมา
ษมาหน้าเครียดๆ คุยมือถือต่อ
"ไม่มีใครเป็นอะไรมากก็ดีแล้ว... นายดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยให้ทุกคนให้ดี ได้ ... ได้ ตามนั้น"
ษมากดวางสาย
"เกิดเรื่องอะไรเหรอคะ"
ษมาสีหน้าเครียด
"มีคนบุกไปเผาบ้านพักคนงานที่พระฮาม คนของผมถูกทำร้ายบาดเจ็บ แต่โชคดีไม่เป็นอะไรมาก จะว่าไปก็ดีแล้วล่ะที่คุณไม่ไปทำข่าวที่ตราด ไม่งั้นผมคงเป็นห่วงคุณแย่"
ทั้งคู่ต่างสบตา สายตาเป็นห่วงกันไปมาไม่แพ้กัน สาระวารีหลบสายตาจะเดินเลี่ยงไปหยิบของจัดเข้าตู้เย็น ษมาจับมือเธอเอาไว้ สาระวารีอึ้งๆ ช้อนตามองหน้าษมา
"ผมคงต้องเดินทางกลับเดี๋ยวนี้เลย"
"ตอนนี้เลยเหรอ รอพรุ่งนี้เช้าก่อนไม่ดีกว่าเหรอคะ"
"มีคนงานได้รับบาดเจ็บแบบนี้ ผมนอนไม่หลับแล้วล่ะครับ ใจไปถึงเกาะแล้วล่ะ"
สาระวารีมีสีหน้าเข้าใจ เขาจับมือสาระวารีกระชับด้วยความเป็นห่วง
"อยู่บ้านคนเดียวระวังด้วยแล้วกัน"
"ฉันอยู่จนชินแล้วล่ะค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ"
"รับปากผมก่อนว่าเราจะได้เจอกันอีก" ษมาพูดพลางจ้องตา
สาระวารีแอบเขิน
"ถ้าเค้าไม่เลิกขุดพลอยไปซะก่อน ฉันก็คงต้องไปทำสกู๊ปข่าวล่ะค่ะ"
ษมายิ้มดีใจ สาระวารีสะบัดมือบอกเบาๆ
"จับนานไปแล้วค่ะ"
ษมารีบปล่อย ยิ้มเขินๆ
"ขอโทษที"
"ฉันเดินไปส่งที่รถค่ะ"
สาระวารีเดินนำออกไปสีหน้าขรึมปนซึม พอษมาจะไปจริงๆ ก็อดใจหาย แอบคิดถึงเค้าไมได้เหมือนกัน
สาระวารีเดินมาส่งษมาที่รถ
"เสียดายว่าจะอยู่รอจนหนังสือคุณวางแผงซะหน่อย"
สาระวารียิ้มรับ
"ข่าวสารเดี๋ยวนี้เร็วค่ะ วางแผงปุ๊บ คุณก็โหลดอ่านจากเว๊บไซด์ได้ปั๊บเลย"
"ผมอยากได้รับจากมือนักข่าวที่ไปสัมภาษณ์ผมมากกว่า พร้อมลายเซ็นด้วย" ษมายิ้มขี้เล่น
สาระวารีเหยียดปากหมั่นไส้
"ถึงยานกแล้วผมจะโทรมาหา"
"ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ"
สาระวารีสีหน้าแววตาเป็นห่วง ษมายิ้มบางๆ ให้ตั้งท่าจะเปิดประตูรถเข้าไป เธอเดินถอยห่างไปเล็กน้อย จังหวะนั้นเองษมาแอบขโมยหอมแก้มสาระวารีฟอดใหญ่แล้วรีบเข้าปิดประตูล็อกรถทันที
สาระวารีสีหน้าเจ็บใจมาก ไล่ทุบรถษมาทันที ษมายิ้มชอบใจขับรถหนีไป เธอไล่ทุบแล้วยกเท้าเตะใส่ทิ้งทายให้อีก ตามสไตล์ก๋ากั่นของเธอ
สาระวารียกมือถูแก้มลบไปมา พอเค้าไปพ้นซอย ก็แอบอมยิ้ม เดินงอนๆ เข้าบ้านไป
ษมาขับรถยิ้มแย้มอารมณ์ดีออกจากหน้าปากซอยบ้านสาระวารี รถคันหนึ่ง มีลูกน้องของโศภี 2 คนนั่งอยู่ พอรถของษมาขับออกไป ก็รีบขับตามไปห่างๆทันที
เวลาหัวค่ำ โศภีกำลังคุยโทรศัพท์มือถือ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยมีดิตถ์อยู่ใกล้ๆ
" ตอนนี้ถึงไหนแล้ว ดี ตามไปเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาสก็เก็บมันเลย แล้วก็ดูให้ดีๆ เลือกที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ปลอดคน จะได้ไม่มีหลักฐานสาวมาถึงตัวพวกแกได้"
โศภีกดวางสายแล้วยิ้มร้ายๆ ดิตถ์ยิ้มแย้มบอก
"ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องใช้แผนอะไรยุ่งยากซับซ้อน แค่ส่งคนไปก่อกวนที่พระฮาม ไอ้ษมาก็บึ่งกลับแทบไม่ทัน ที่เหลือ ก็อยู่ที่ว่าคนของคุณ จะมือถึงแค่ไหน"
โศภีสีหน้ามั่นใจ
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง คนของฉันไม่ใช่มือสมัครเล่นเหมือนคนของนาย"
โศภีสีหน้าดูถูก ดิตถ์หัวเราะชอบใจ
"คุณนี่ร้ายจริงๆ เห็นตามไอ้ษมามาตั้งหลายปี ผมก็นึกว่าถ่านไฟเก่ามันแรงซะอีก ที่ไหนได้ พอผลประโยชน์ขัดกัน ก็เชือดคนรักเก่าได้อย่างเลือดเย็น"
โศภียิ้มขำๆ
"ฉันให้โอกาสแล้ว ช่วยไม่ได้ แทนที่จะมีทั้งคาสิโน ทั้งเมียที่ดีพร้อมอย่างฉัน ดันไปโง่หลงนังนักข่าวเก้งก้างนั่นได้ งั้นฉันก็ขอแต่คาสิโนของมันก็แล้วกัน"
โศภีสีหน้าร้ายกาจ เยือกเย็น
ษมาขับรถมาตามทางด้วยความเร็วสูง ถนนข้างหน้าเป็นสี่แยกไฟแดง ษมาพยายามเร่งความเร็วจะได้ไม่ติดไฟแดง แต่ก็ไม่ทัน ษมาเลยต้องลดความเร็ว ก่อนจะเบรกเพื่อหยุดรอสัญญาณไฟ
จังหวะที่เบรกนั่นเอง ลิปสติกที่สาระวารีทำตกไว้ที่พื้น ตรงที่นั่งข้างคนขับ ก็กลิ้งออกมา ษมาเหลือบเห็นลิปสติกก็แปลกใจ
ทันใดนั้นเอง รถของลูกน้องโศภีก็ขับเข้ามาจอดเทียบข้างๆ ลูกน้องคนที่นั่งประชิดกับษมา
จะชักปืนยิงใส่ษมาทันที
ลูกน้องโศภียิงใส่ษมาซ้ำ 2-3 นัด จนเลือดสาดกระเซ็นมาถูกกระจกข้างของรถษมา
กลางดึก สาระวารีดูทีวีจนหลับไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ทีวียังเปิดทิ้งไว้ ขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของสาระวารีก็ดังขัดขึ้น เธองัวเงียตื่นขึ้นมา แล้ หยิบรีโมททีวีมากดรับ เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ก็รีบกดปิดทีวีแทนก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูเบอร์โชว์ แล้วรีบกดรับ
"ถึงแล้วเหรอคะ"
เสียงษมาดังออกมาจากในโทรศัพท์
"ครับ ขอโทษทีที่โทรมาดึก พอดีผมแวะทำธุระก่อน ก็เลยถึงยานกช้าไปหน่อย"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณถึงบ้านปลอดภัยก็ดีแล้ว" สาระวารีหาวง่วงนอน
"ผมไม่รบกวนแล้ว คุณไปนอนต่อเถอะวารี"
"ค่ะ คุณก็รีบนอนได้แล้ว"
"ครับ กู๊ดไนท์ครับ"
ษมากดตัดสายไป สาระวารีกดตัดสายแล้วยิ้มสบายใจก่อนจะลุกเดินไปขึ้นนอนชั้นบน
ษมานอนอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีผ้าพันแผลพันที่หัวไหล่ ในขณะที่พิพัช และจันเลายืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ
พิพัชหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงขุ่นเคืองไม่พอใจวารีที่เป็นต้นเหตุให้ษมาต้องไปกรุงเทพฯ
"ทำไมไม่บอกคุณวารีไปล่ะครับ ว่าคุณถูกยิงระหว่างเดินทางกลับ เค้าจะได้รู้ตัว"
ษมายิ้มเล็กน้อย
"ไม่เอาน่าพิพัช วารีไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้ฉันถูกยิงซะหน่อย ฉันเป็นคนอยากไปหาเค้าเอง"
พิพัชถอนใจ
"ถ้าคุณยอมให้พวกเราตามไปด้วย ไม่ไปกรุงเทพคนเดียวเพราะอยากจะอยู่กับคุณวารีตามลำพัง ก็คงไม่เกิดเรื่อง"
"แล้วไม่คิดบ้างเหรอ ว่าถ้าฉันพานายหรือจันเลาไปด้วย นายสองคนอาจจะไม่ได้กลับมายืนอยู่ตรงนี้แล้วก็ได้"
พิพัชและจันเลาสบตากันเล็กน้อย ษมาพูดเพราะห่วง ซึ่งก็อาจเป็นไปได้
พิพัชสีหน้าเซ็งๆ
"คุณก็หาเรื่องเข้าข้างคุณวารีจนได้"
จันเลายิ้มขำๆ
"แกจะซีเรียสไปทำไมวะพิพัช คุณษมาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่คุณนี่ก็ดวงแข็งจริงๆนะครับ เป็นคนอื่นคงไม่รอดแล้วล่ะ"
ษมาเอื้อมไปหยิบลิปสติกของสาระวารีที่วางอยู่ตรงหัวนอน
"ก็คงต้องขอบคุณลิปสติกแท่งนี้ ถ้าฉันไม่ก้มลงไปเก็บ คงโดนกระสุนเจาะสมองไปแล้วล่ะ"
ษมากำลิปสติกเอาไว้ในมือ พร้อมทั้งคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ย้อนกลับไปไม่กี่ชั่วโมงก่อน เมื่อลูกน้องโศภียิงใส่ษมาซ้ำ 2-3 นัด จนเลือดสาดกระเซ็นมาถูกกระจกข้างของรถษมา ลูกน้องโศภีรีบลงจากรถ เพื่อจะเช็กว่า ษมาตายแน่รึเปล่า
แต่ทันใดนั้นเอง ประตูรถก็ถูกผลักออกอย่างแรง กระแทกลูกน้องโศภีจนเสียหลัก ษมาถูกยิงเข้าที่ไหล่ทางด้านหลัง แต่ก็ฝืนเจ็บยิงปืนใส่ จนโดนเข้าที่ต้นแขนของลุกน้องโศภี
ลูกน้อง 2 อีกคนในรถยิงปืนใส่ษมา ษมาต้องรีบหลบหลังประตูรถ ลูกน้องคนที่ 1 ตกใจรีบวิ่งขึ้นรถ ลูกน้องคนที่ 2 รีบขับบึ่งหนีออกไปทันที
ษมาหลบหลังประตูแล้วยิงตามหลังไป แต่แผลที่หัวไหล่ก็สาหัสไม่น้อย เขายิงตามไปได้ 2-3 นัด ก็มีอาการเจ็บร้าวขึ้นมา จนต้องยอมปล่อยไป
ษมากำลังเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พิพัช และจันเลาฟังอยู่ ษมามีสีหน้าเจ็บใจ
"เสียดาย มือฉันตกไปหน่อย สอยไม่ร่วงซักคน"
"ถูกยิงไหล่ทะลุแบบนี้ ยังคว้าปืนมายิงตอบโต้ได้ก็สุดยอดแล้วล่ะครับ" จันเลาว่า
"แล้วลิปสติกนี่ไปตกในรถคุณได้ยังไงล่ะครับ" พิพัชถาม
จันเลาขำๆ
"ไม่เห็นน่าจะถามเลย จริงมั้ยครับ"
ษมายิ้มๆ พิพัชหน้านิ่ง ไม่ยิ้มด้วย
"งานนี้คุณสงสัยใครมากที่สุดครับ"
ษมาคิดอยู่ครู่นึง
"พูดยาก มีคนอยากให้ฉันตายเพื่อยึดสัมปทานอยู่เต็มไปหมด"
พิพัชและจันเลาหันมาสบตากันอย่างเห็นด้วยและเป็นห่วง
ษมาสีหน้ามีแผนการ สั่งพิพัช
"พิพัช นายโทรไปหาคุณโศภีให้หน่อย บอกเค้าว่าฉันถูกยิง ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว"
พิพัชสีหน้างงๆ เล็กน้อย
"โทรบอกเค้าทำไมครับ"
"เอาน่า ฉันสั่งให้โทรก็โทรเถอะ แต่ต้องโทรไปที่บ้านนะ ถ้าคุณโศไม่อยู่ ก็ฝากคนที่บ้านไว้ ให้บอกตามนี้"
จันเลาและพิพัชมีสีหน้าสงสัยจะอ้าปากถามต่อ แต่มีเสียงเคาะประตูขัดจังหวะขึ้นมาซะก่อน
ลำแพงเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เป็นห่วงษมา
ษมานึกไม่ถึง
"อ้าวลำแพง มาได้ยังไงเนี่ย"
ลำแพงเป็นห่วง ร้อนใจมาก
"คุณเป็นยังไงบ้างคะ"
"ผมยังไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า"
"ยังมาพูดเล่นอีก ลำแพงห่วงแทบตาย พอรู้ข่าวก็รีบให้เจ้าแลงเอาเรือออกมาส่งทันทีเลย จะได้มาดูแลคุณษมาไงคะ"
"ขอบใจมาก ลำแพงมาแล้ว นายสองคนไปพักผ่อนก่อนเถอะ อย่าลืมที่สั่งให้โทรล่ะ"
"ครับ"
จันเลาและพิพัชล่าถอยออกไปจากห้อง
ษมาขยับตัวนอน
ลำแพงเข้าไปจับเนื้อจับตัวด้วยความเป็นห่วง
"เจ็บมากรึเปล่าคะคุณ ไม่น่าไปเลยจริงๆ เพราะแม่นักข่าวนั่นแท้ๆเลย"
ษมาเลือกที่จะหลับตานอนไป ไม่อยากฟัง
"โถ คุณของลำแพง คงเพลียมากสิคะ" ลำแพงถอนใจ ขยับผ้าห่มมาห่มให้ จัดแจงดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย
พิพัชกำลังเดินคุยโทรศัพท์มือถือมาตามทางเดินในโรงพยาบาล โดยมีจันเลาเดินตามอยู่ไม่ห่างนัก
"คุณโศไปกรุงเทพเหรอ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ... แล้วบอกรึเปล่าว่าจะกลับวันไหน ... ไม่เป็นไร บอกคุณโศตามนั้นละกัน ขอบใจมากนะ"
พิพัชกดตัดสาย จันเลามีสีหน้าสงสัย
"เหมือนคุณษมาจะสงสัยคุณโศภีอยู่นะ แต่ยังไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง"
พิพัชส่ายหน้า
"ไม่น่าใช่หรอก คุณโศภีตามจับคุณษมามากี่ปีแล้ว ถ้าคิดฆ่าผู้หญิงอื่นยังพอว่า คนที่น่าระแวงแล้วเรามองข้ามที่สุดน่าจะเป็นนักข่าววารีนั่นมากกว่า...จริงๆ เธอรู้การเคลื่อนไหวของคุณษมาดีที่สุด จะว่าไป ดีกว่าเราสองคนซะอีก"
จันเลายังมีสีหน้าติดใจสงสัยโศภีไม่หายก่อนเดินตามพิพัชไป
โรงแรมในกรุงเทพแห่งหนึ่งตอนสาย โศภีคุยโทรศัพท์โวยวายเสียงดัง
"ไอ้ษมามันต้องสงสัยแน่ๆว่าเป็นฝีมือฉัน"
โศภีในห้องพักโรงแรมยังอยู่ในชุดนอน เธอดูมีกังวลกับเหตุการณ์ดังกล่าว
"ไม่คิดมากหรอก มันจงใจโทรไปบอกที่บ้านฉันว่ามันยังไม่ตาย เหมือนจะบอกฉันเป็นนัยๆ ว่ามันรู้
แล้วนะว่าเป็นฝีมือฉัน"
ดิตถ์นอนคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง ข้างๆ มีสาวบริการนอนหลับหันหลังให้อยู่
"อย่าเพิ่งสติแตกสิคุณ ไอ้ษมามันจะรู้ได้ยังไง ไม่มีพยานหลักฐานอะไรซักอย่าง มันแค่หยั่งเชิงดูปฏิกิริยาคุณมากกว่า"
"ก็นี่แหละ แสดงว่ามันสงสัยฉันแล้ว มันเจตนาจะเล่นสงครามประสาทกับฉัน"
"เลอะเทอะกันไปใหญ่แล้วคุณ อย่างมากไอ้ษมามันก็แค่ระแวง เพราะคุณดันไปวีนแม่นักข่าวนั่น เชื่อผมสิ มันไม่มีหลักฐานอะไรเล่นงานคุณได้หรอกน่า"
โศภียิ่งคิดยิ่งเครียด หงุดหงิดกระฟัดกระเฟียด
"เพราะแผนการห่วยๆของคุณนั่นแหละ"
ดิตถ์เอาน้ำเย็นเข้าลูบ
"ใจเย็นๆก่อนน่า คุณรีบกลับไปที่ตราด แล้วเล่นละครตีบทให้แตก อย่าหลุดพิรุธอะไรให้ไอ้ษมามันจับผิดได้ แค่นี้ก็พอแล้ว"
"แล้วคุณล่ะ"
" ผมมีธุรกิจต้องเคลียร์นิดหน่อย ยังกลับวันนี้ไม่ได้หรอก"
ดิตถ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
มนต์จันทรา ตอนที่ 7 (ต่อ)
บริเวณสำนักงานแห่งหนึ่ง สาระวารี กำลังดูพนักงานสาธิตวิธีการทำให้ดู โดยมีผู้คนจำนวนหนึ่ง ทั้งมาซื้ออุปกรณ์ และเอาหัวเชื้อมาขาย พนักงานพูดพร้อมกับสาธิตให้สาระวารีดู
"วิธีทำก็ง่ายๆ ค่ะ แค่เอานมสดใส่ลงไปในถ้วย แล้วก็เทผงสีน้ำตาลซองนี้ลงไป จากนั้นก็เขย่า แล้วก็ทิ้งไว้สองคืน มันจะเกิดตะกอนขึ้น จากนั้นคุณน้องก็ช้อนตะกอนขึ้นมาแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆแบบนี้"
พนักงานหยิบเอาที่ทำเสร็จแล้วมาให้ดู แล้วบรรยายต่อ
"ปั้นไว้หกก้อนนะคะ ห้าก้อนขายคืนบริษัท คุณน้องก็จะได้เงินกลับไป 850 บาท ส่วนอีกหนึ่งก้อนเอาไว้เป็นหัวเชื้อในการทำครั้งต่อไป อุปกรณ์ชุดนึงทำได้หกครั้ง รวมแล้วจะขายได้ห้าพันหนึ่งร้อยบาทค่ะ"
สาระวารีแกล้งตื่นเต้น
"โห ซื้ออุปกรณ์พันห้า ขายคืนได้ห้าพัน อย่างงี้ก็กำไรเละเลยน่ะสิคะ"
พนักงานยิ้มแย้มบอก
"ไม่อย่างงั้นจะมีคนมาต่อคิวกันแน่นอย่างงี้เหรอคะ คุณน้อง สาขาเรา เป็นสาขาแรกในกรุงเทพนะคะ ที่ต่างจังหวัด คนแน่นกว่านี้อีกค่ะ"
"แล้วเค้าเอาไอ้ตะกอนนมพวกนี้ไปทำอะไรเหรอคะ"
"เหมือนที่เราโฆษณาเอาไว้ไงคะ ทำหัวเชื้อเครื่องสำอางจากนมสด เราเอาไปใช้ทำเครื่องสำอางที่เกาหลีค่ะ ตอนนี้ขายดีจนผลิตไม่ทันเลยนะคะ"
สาระวารีสงสัย
"แล้วทำไมไม่ทำตะกอนนมกันเองล่ะค่ะ เสียเงินมาจ้างพวกเราทำไม"
"ก็มันทำไม่ทันน่ะสิคะ ตะกอนนมไม่พอ ทางบริษัทเลยต้องยอมลงทุนจุดนี้เพิ่ม เค้าคำนวณแล้วว่ามันคุ้มค่ะ"
สาระวารียิ้มแย้มอย่างพอใจ
"เข้าใจแล้วล่ะค่ะ งั้นขอซื้อไปลองทำชุดนึงก็แล้วกันนะคะ"
ป้าซึ่งเป็นหน้าม้า คนที่ต่อแถวอยู่ใกล้ๆสาระวารี ได้ยินเข้าเลยรีบพูดขึ้น
"ชุดเดียวจะไปได้กี่ตังค์กันหนู ป้าทำมาสองครั้งแล้ว ครั้งแรกซื้อไปสิบชุด คราวเนี้ย ว่าจะเอาซักยี่สิบ ดูอย่างคนนั้นสิหนู"
ป้าพูดพลางชี้ให้สาระวารีดูที่มุมแคชเชียร์ ผู้หญิงคนหนึ่งเอาถุงใส่ตะกอนนมมาขายแล้วรับเงินกลับไปร่วมหมื่น สาระวารีปั้นหน้าตื่นเต้นก่อนจะทำหน้าจ๋อยๆ
"แต่หนูไม่ค่อยมีเงินน่ะค่ะป้า คงเอาหลายๆชุดไม่ไหวหรอกค่ะ"
"งั้นก็หาเพื่อนมาช่วยซื้อสิจ๊ะ เค้ามีเปอร์เซ็นต์ให้ด้วยนะ ยิ่งหามากก็ยิ่งได้เปอร์เซนต์มาก กำไรสองต่อเลยนะหนู"
สาระวารีพยักหน้ารับ แอบอมยิ้มเก็บข้อมูลทุกเม็ด
ทันใดนั้นเอง สาระวารีก็เหลือบเห็นดิตถ์เดินเข้าสำนักงานมา ก่อนจะเดินไปด้านในเหมือนคนคุ้นเคยสถานที่ เธอถึงกับอึ้งไป ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พึมพำชื่อ"นายดิตถ์" ออกมา
ภายในห้องด้านใน ดิตถ์กำลังตรวจดูบัญชีอยู่ โดยมีผู้จัดการสาขายืนอยู่ใกล้ๆ ดิตถ์หัวเราะชอบใจ "โชคดีของเราที่คนโง่ยังไม่สูญพันธุ์ไปหมด ตอนแรก ฉันกะว่าไอ้แชร์เครื่องสำอางนี่คงได้กำไรติดปลายนวมนิดๆ หน่อยๆ ที่ไหนได้" ดิตถ์ส่งบัญชีคืน แล้วขำๆอย่างถูกใจ
ผู้จัดการยิ้มแย้ม
"ผมบอกคุณแล้วว่าแชร์ลูกโซ่มันกำไรดี แค่เปลี่ยนมุกเล่นนิดๆหน่อยๆ ก็ไม่มีใครจับได้แล้วล่ะครับ"
ดิตถ์ยิ้มแย้ม
"แล้วนี่แกกะจะล่อไอ้พวกแมงเม่านี่ไปอีกนานซักแค่ไหนวะ"
"ช่วงนี้ยังไม่มีใครไหวตัว ตั้งแต่มาเปิดสาขาในกรุงเทพ รายได้พุ่งขึ้นหลายเท่าตัว ผมว่าอีกซักห้าหกเดือน ค่อยเผ่นก็ยังทันครับ"
ดิตถ์ตาโตด้วยความโลภ
"งั้นก็เดินเครื่องเต็มสปีดไปเลย เพิ่มสาขาอีกต้องลงทุนเพิ่มเท่าไหร่ก็บอก"
"ครับคุณดิตถ์" ผู้จัดการยิ้มดีใจ
ดิตถ์ยิ้มฝันหวานจะได้เงินก้อนโต
ดิตถ์เดินออกมาจากบริษัท สาระวารีรีบหลบผลุบไปยังมุมตึก เห็นลูกน้องคอยเปิดประตูให้ดิตถ์ ก่อนขึ้นไปขับรถให้ สาระวารีจับตามองอย่างไม่ละสายตา เธอมองตามรถดิตถ์ที่แล่นออกไป แล้วพึมพำ
"นายดิตถ์จริงๆด้วย"
สาระวารีมองตามไปด้วยสีหน้าใช้ความคิด
เวลาเย็น ในห้องบ.ก. ไชยวัฒน์กำลังดูอุปกรณ์ต่างๆที่สาระวารีไปซื้อมา เธอหยิบซองใส่ผงสีน้ำตาลขึ้นมา
"วารีเอาไอ้ผงนี่ไปให้เพื่อนที่กระทรวงวิทย์ตรวจดู ปรากฏว่ามันเป็นแค่ยีสต์ธรรมดาๆนี่เอง
ค่ะบอกอ พอเอาไปใส่นม ถึงได้จับตัวเป็นก้อนได้"
ไชยวัฒน์พยักหน้ารับก่อนถอนใจ
"มันเปลี่ยนรูปแบบการต้มตุ๋นไปเรื่อยๆ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันซะที งั้นคุณรีบตามข่าวเรื่องนี้ต่อเลยนะ เราจะได้รีบลงข่าวเตือนประชาชนไม่ให้หลงเชื่อมิจฉาชีพกลุ่มนี้"
สาระวารีคิดถึงเรื่องดิตถ์
"เราอาจจะโชคดี รู้ตัวคนบงการเร็วกว่าที่คิดก็ได้ค่ะบอกอ ถ้าที่วารีสงสัยไม่ผิดนะคะ"
ไชยวัฒน์สนใจทันที
"เธอสงสัยใครเหรอะ"
"วารีไปเจอนายดิตถ์ที่บริษัทนี้มาค่ะ"
ไชยวัฒน์นึกๆแล้วบอก
"ชื่อคุ้นๆ"
"ก็คนที่เคยมาขอให้เราสัมภาษณ์ความเห็นเรื่องคาสิโนแล้วใส่ร้ายคุณษมาไงคะ"
"อ๋อ ที่หาว่าไปฆ่าน้องชายเค้าน่ะเรอะ"
"คนนั้นล่ะค่ะ นายนี่ทำธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่างเป็นอาชีพอยู่แล้ว"
ไชยวัฒน์คิดทบทวน
"เป็นไปได้ เพราะเท่าที่ผมรู้มา ไอ้แชร์เครื่องสำอางนี่มันเริ่มระบาดมาจากที่ตราดซะด้วย"
"งั้นบอกอจะสั่งลุยเลยรึเปล่าคะ"
"จะช้าทำไมล่ะ เดี๋ยวประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่านี้"
"ได้เลยค่ะบอกอ" สาระวารียิ้มดีใจที่ได้ทำข่าวน่าสนใจ
เวลาเย็น ที่ห้องนั่งเล่นบ้านษมาที่เกาะยานก ลำแพงเดินสีหน้ายิ้มแย้มถือแพนเค้กราดน้ำผึ้งเข้ามาให้ษมา ที่กำลังนั่งทำงานอยู่ ษมาพันแขนเสื้อข้างที่ถูกยิงเอาไว้
"ของหวานค่ะคุณษมา แพนเค้กราดน้ำผึ้ง น้ำผึ้งใหม่สดๆ เลยนะคะ ดิฉันเพิ่งเก็บมาเอง" สีหน้าลำแพงภาคภูมิใจเสนอ
ษมายิ้มรับ
"ขอบใจนะ"
ษมาทานแพนเค้กของลำแพง
"น้ำผึ้งหอมดีมั้ยคะ"
ษมาพยักหน้ารับ ลำแพงดูปลาบปลื้ม รินน้ำให้ษมา
"คุณษมาเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ยังไม่หายดีเลย ไม่เห็นต้องรีบทำงานเลย มีอะไรเร่งด่วนก็บอกคุณพิพัชได้นี่คะ"
"ฉันแค่เจ็บแขนข้างเดียว จะหาเรื่องอู้งานได้ยังไงล่ะ พิพัชก็งานล้นมืออยู่แล้ว"
ขณะนั้นเอง ตุ่มลายก็เดินเข้ามาหาษมา พร้อมกับร้อง “แง๊วๆ” เพื่อขอแพนเค้กกิน ษมาเห็นหน้าตุ่มลายแล้วก็สงสาร เลยหยิบแพนเค้กชิ้นเล็กๆยื่นให้ แต่นึกถึงสาระวารีขึ้นมาเลยเปลี่ยนใจ
"ไม่ให้กินดีกว่า แกอ้วนเกินไปแล้วเหลืองลาย"
ตุ่มลายมองษมาอย่างน่าสงสาร แล้วร้อง “แง๊วๆ” ขออีก ษมาทำท่าจะใจอ่อน แต่ก็หักใจ
"คราวนี้ฉันไม่ใจอ่อนแล้วล่ะ"
ขณะนั้นเอง โศภีก็เดินหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง แล้วปั้นหน้าเป็นห่วงสุดๆ
"ษมา คุณเป็นยังไงบ้างคะ
ลำแพงชักสีหน้าเซ็งอย่างไม่เกรงใจ กำลังสวีตกันอยู่ตามลำพัง ดันโผล่มาขัดจังหวะอีกแล้ว ษมายิ้มเล็กน้อยบอก
"ก็อย่างที่เห็น ผมยังไม่ตาย"
โศภีหน้าเจื่อนไป
ษมาหยิบจานแพนเค้กส่งให้ลำแพง
"ของที่เหลืออย่าให้เหลืองลายกินนะ ลำแพง"
ลำแพงยิ้มแย้ม
"ค่ะ"
"คุณวารีเค้าเป็นห่วงมัน กลัวว่ามันอ้วนเกินไปแล้วจะเป็นอันตราย"
ลำแพงยิ้มแห้งไปทันที โศภีเหยียดปากใส่ แม้จะหมดหวังในตัวษมาแต่ก็อดหมั่นไส้สาระวารีไม่ได้อยู่ดี
ลำแพงข่มอารมณ์เต็มที่
"ค่ะ"
ลำแพงรับจานแพนเค้ก แล้วเดินออกจากห้องไป โดยมีตุ่มลายเดินตามจานแพนเค้กออกไปด้วยกัน
โศภีปั้นยิ้มหวาน
"ษมาคะ"
ษมาพูดสวนขึ้น มองโศภีพร้อมยิ้มบางๆ เหมือนคนรู้ทัน
"กรุงเทพเป็นยังไงบ้างโศ ไปเที่ยวมา สนุกมั้ย"
โศภีชะงักไป พยายามตั้งสติ ไม่ให้ษมาเห็นพิรุธเด็ดขาด ปั้นยิ้มตอบกลับไป
"โศเข้าไปหาช่องทางทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ น่ะค่ะ ไม่ได้ไปเที่ยวซะหน่อย"
ลำแพงเดินถือจานแพนเค้กเข้ามาในครัว ด้วยสีหน้าบึ้งตึง ตุ่มลายเดินเข้ามาหาลำแพง แล้วร้อง “แง๊วๆ” ขอกินแพนเค้ก
"อยากกินมากใช่มั้ย"
ลำแพงวางจานแพนเค้กให้ตุ่มลาย แล้วหันไปหยิบขวดน้ำผึ้งซึ่งมีน้ำผึ้งอยู่เต็มขวด ก่อนจะเปิด
ฝาเทน้ำผึ้งลงไปในจานจนหมดขวด น้ำผึ้งล้นจานออกมา ลำแพงสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาเหี้ยมอำมหิต "กินเข้าไปเลยไอ้เหลืองลาย แกจะได้อ้วนๆ เป็นตุ่มแตก ตายไปเลยได้ยิ่งดี"
ลำแพงสะบัดหน้าพรืดเดินออกไปด้วยความเกลียดชัง
สนามหน้าบ้านษมา ในเวลาต่อมา ษมากำลังเดินคุยกับโศภี ต่างฝ่ายต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม สบายๆ ใส่หน้ากากเข้าหากันเต็มที่ โศภีปั้นยิ้ม
"คุณอารมณ์ไม่ค่อยดีรึเปล่าคะษมา"
ษมาปั้นยิ้มกลับไป
"ทำไมคิดยังงั้นล่ะครับ"
โศภีแสร้งปั้นหน้างอนๆ
"ก็คุณเล่นตั้งถามคำถามโศแปลกๆ น้ำเสียงก็แปลกๆ สีหน้าก็แปลกอีก"
ษมาขำๆ
"คุณมีชนักอะไรติดหลังรึเปล่าถึงได้รู้สึกยังงั้น"
โศภีชะงักไป รีบปั้นหน้างอนแล้วค้อนใส่
"เห็นมั้ยล่ะ สงสัยจะคิดถึงแม่นักข่าวนั่นมาก จนพาลไปทั่ว"
"ใครบอกล่ะโศ ตอนนี้ผมอารมณ์ดีมากเลยนะ ดีจนมีเวลามานั่งย้อนคิดถึงอะไรตั้งหลายอย่าง"
โศภีชักสงสัยปนระแวง
"เช่นอะไรบ้างคะ"
"ก็เช่น เรื่องที่ผมถูกถล่มที่พระฮาม เรื่องนายสิงขร แล้วก็เรื่องที่ผมถูกยิงเมื่อคืนก่อน"
โศภีชะงักไป ชักยิ้มฝืด
"แต่ละเรื่อง มีความบังเอิญหลายๆ อย่างที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้"
โศภีตีหน้าตาย
"โศก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่คะ คนที่อยากฮุบคาสิโนของคุณมีอยู่เต็มไปหมด"
"ใช่ แต่ไม่น่าจะมีใครรู้ความเคลื่อนไหวของผมละเอียดยิบ ขนาดส่งคนไปดักทำร้ายผมล่วงหน้าได้ตลอดขนาดนี้ คุณว่ามันน่าสงสัยมั้ยล่ะ" ษมามองหน้าโศภีนิ่ง
โศภีปั้นหน้าตาย ทำคิดตามอินไปด้วย
"คุณกำลังสงสัยว่ามีหนอนบ่อนไส้เหรอคะ"
ษมาพยักหน้ารับ
"เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง บางทีคนที่เราไว้ใจมากที่สุดอาจจะอันตรายที่สุดก็ได้"
โศภีรับฟัง พยายามข่มหน้าให้นิ่ง แต่ในใจร้อนรุ่ม ษมาจ้องหน้าโศภีแล้วพูดต่อ
"บางทีคนที่เรานึกไม่ถึง คิดว่าเค้ารักเรา อาจจะเป็นคนที่อยากเห็นเราตายมากที่สุดก็ได้"
โศภีต้องรีบขำกลบ
"คุณคิดมากไปใหญ่แล้ว"
ษมาไม่ขำด้วย แต่ยิ้มเย็นๆ ให้โศภีแล้วเดินเล่นนำไป โศภีหน้าเจื่อนไป มีสีหน้าวิตกกังวล ขาดความมั่นใจที่จะเดินตามษมาไปคุยต่อ
ษมาหันมายิ้มให้
"ไม่อยากเดินเล่นด้วยกันต่อแล้วเหรอครับ"
โศภีรีบปั้นยิ้ม ทำงอนๆ
"ก็เดินเร็วซะขนาดนั้น"
ษมาและโศภีต่างแสร้งยิ้มให้กัน พอษมาหันกลับไป ต่างฝ่ายต่างหุบยิ้ม หน้าขรึมลง ทั้งคู่ต่างระแวงซึ่งกันและกัน และคิดแผนการเดินหมากอย่างระวัง
โถงบ้านโศภีตอนหัวค่ำ โศภีเสียงดังโวยวายสติแตกใส่ดิตถ์
"ฉันบอกคุณแล้ว ว่ามันต้องรู้แน่ๆว่าเป็นฝีมือฉัน... แล้วทีนี้จะทำยังไงกันดีล่ะ"
ดิตถ์พยายามปลอบใจ
"ก็ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย คุณหลงกลมันแล้วรู้ตัวมั้ย"
โศภีเดินมากระแทกตัวนั่ง จ้องหน้าดิตถ์
"ไอ้ษมามันเป็นนักพนันเก่า มันก็แค่ลักไก่เท่านั้นเอง ถ้าคุณไม่หลุดพิรุธ มันก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทันคุณหรอก"
โศภีเครียดหนัก สีหน้าใจเสียไม่หาย
"นายก็พูดได้สิ นายไม่ต้องเผชิญหน้ากับมันนี่ รู้มั้ย ว่าตอนที่ฉันคุยกับมัน ฉันเหมือนเข้าไปอยู่
ในกรงเดียวกับเสือไม่มีผิด มันจะขย้ำเอาตอนไหนก็ไม่รู้"
ดิตถ์ถอนใจอย่างเซ็งๆ แล้วพูดประชด
"ถ้าคุณกลัวมักนักล่ะก็ ยกเลิกแผนการทั้งหมดมั้ยล่ะ"
โศภีชะงักไป ดิตถ์สีหน้ากวนๆ พูดจายั่วยุ
"ถ้าคุณยอมถอยตอนนี้ ไอ้ษมามันก็คงไม่ทำอะไรคุณหรอก เพียงแต่คุณต้องทนดูไอ้ษมามันร่ำรวยล้นฟ้า มีนังนักข่าวนั่นเป็นมาดาม ครองคู่อยู่ที่คาสิโนจนชั่วฟ้าดินสลาย"
ดิตถ์ขำอย่างเย้ยหยัน โศภีริษยาจับใจ คิดตามแล้วทนไม่ได้
"ไม่มีทางซะหรอก"
ดิตถ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ จับจุดถูก
"งั้นคุณก็ต้องใจเย็นๆ อย่างน้อยกว่าไอ้ษมามันจะเปิดคาสิโนของมันได้ ก็ต้องกินเวลาอีก 5-6 เดือน เรายังมีเวลาวางแผนกันอีกเยอะ"
"ตอนนี้ไอ้ษมามันรู้แล้วว่า มีคนทรยศอยู่ข้างตัวมัน ต่อไปสายของคุณคงทำงานไม่ง่ายเหมือนเดิมอีกแล้ว ระวังจะโดนเก็บ"
ดิตถ์หัวเราะ
"ไม่มีทาง จนตายมันก็คิดไม่ถึงหรอก ว่าสายของผมเป็นใคร"
โศภีชำเลืองมองดิตถ์ที่สีหน้ามั่นใจ เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่า สายของดิตถ์เป็นใครกันแน่
เวลาสาย สาระวารีสะพายเป้พร้อมกับคุยโทรศัพท์มือถือมาตามถนนหนทางในเมืองจังหวัดตราด
"ถึงโดยสวัสดิภาพแล้วค่ะบอกอ ... ไม่ต้องส่งใครตามมาทั้งนั้นล่ะค่ะ ข่าวแบบนี้ ทำงานคนเดียวคล่องตัวกว่า... ค่ะ ขอบคุณค่ะบอกอ วารีซะอย่าง สบายใจ หายห่วงได้เลยค่ะบอกอ สวัสดีค่ะ"
สาระวารีกดตัดสาย แล้วเดินมาหยุดตรงจุดที่นัดกับจิณห์วราเอาไว้
อึดใจรถคันหนึ่งก็ปาดมาจอดเทียบ สาระวารีมีสีหน้างงๆว่า เป็นรถของใครกัน จันเลายิ้มดีใจ รีบลงมาจากรถ
"คุณจริงๆ ด้วย ผมนึกว่าตาฝาดไปซะอีก"
สาระวารียิ้มให้ แล้วมองเข้าไปในรถ
"มาคนเดียวเหรอคะ"
"ครับ มาทำธุระให้เจ้านาย เดี๋ยวข้ามเรือไปพร้อมกันเลยสิครับ ผมใกล้เสร็จธุระแล้ว"
" ฉันจะข้ามไปกับคุณทำไม ฉันมีข่าวต้องรีบไปทำ"
"อ้าว ผมนึกว่าคุณมาเยี่ยมคุณษมาซะอีก"
สาระวารีจ้องหน้า
"ยังกล้าใช้มุกเดิมอีกนะ คราวก่อนฉันยังไม่ได้เล่นงานคุณเลย"
"คราวนี้ไม่ได้มุกนะครับ คุณษมาเจ็บจริง โดนยิงจริงๆนะครับ"
สาระวารีตกใจมาก
"คุณษมาโดนยิงเหรอคะ"
"ครับ เจ้านายโดนลอบยิงตอนกลับมาจากกรุงเทพคืนนั้นล่ะครับ"
สาระวารีมีสีหน้าเป็นห่วง
"แล้วคุณษมาเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ"
"ก็พอสมควรล่ะครับ"
จันเลายก3นิ้วสาบาน
"ตกลงจะไปพร้อมกันมั้ยครับ คราวนี้เรื่องจริง ไม่ใช่มุก"
สาระวารีมีสีหน้านิ่งไปอย่างลังเล
ษมายังพันผ้าแขนข้างที่ถูกยิงอยู่ เขากำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่บ้านพักที่เกาะยานก
" ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็เลยไม่อยากให้คุณตกใจ"
สาระวารีกำลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่มุมถนนหนทางในเมือง
"พอเจ็บจริงไม่บอก กลัวตกใจ ต้องรอตอนไม่เจ็บ แล้วค่อยแกล้งโทรไปอำให้คนเค้าตกใจเล่นแทนใช่มั้ยคะ" สาระวารีพูดประชด
"ทำผิดครั้งเดียว เล่นงานผมไม่เลิกเลย"
ษมารีบเปลี่ยนเรื่อง
"ผมดีใจนะที่คุณเปลี่ยนใจมาทำสกู๊ปขุดพลอยที่นี่ ถ้างั้นให้ผมพาไปหาแหล่งข่าวนะ"
สาระวารีหน้าหงิก
"เปลี่ยนเรื่องเชียวนะ ฉันไม่ได้มาทำข่าวที่คุณแนะนำซะหน่อย ฉันมาทำข่าวแชร์เครื่องสำอางค่ะ"
"แล้วมีอะไรให้ผมช่วยมั้ยล่ะ"
"ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันอยากได้ข่าวที่มาจากฝีมือฉันเองมากกว่า ไม่ใช่ต้องให้คุณช่วยตลอดเวลา"
สาระวารียิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนเหลือบมองไปทางถนน
"แล้วฉันก็วางแผนไว้หมดแล้วด้วย ... แค่นี้ก่อนนะคะ ได้เวลาทำงานแล้ว"
สาระวารีกดตัดสายแล้ววิ่งไปโบกมือเรียก
" จิณห์ ๆ ทางนี้"
"ฮัลโหล...ฮัลโหล" ษมากดตัดสายไป ด้วยสีหน้าเป็นห่วงแล้วถอนใจออกมา
ยามบ่าย ที่สำนักงานลวงโลก จ. ตราด สาระวารี และจิณห์วรา เดินเข้ามาในสำนักงานของแชร์เครื่องสำอาง ก็ต้องตกใจเพราะมีคนเยอะมากยิ่งกว่าสำนักงานที่กรุงเทพซะอีก
"คนเยอะขนาดนี้เลยเรอะ"
"อย่าเพิ่งทำหน้าตื่นสิยะ เดี๋ยวเสียแผนหมด"
จิณห์วราตั้งสมาธิ เดินเชิดเข้าไปหาพนักงาน
"น้องจ๊ะ พี่สนใจอยากจะซื้ออุปกรณ์ไปลองทำดูบ้าง น้องพอจะช่วยพรีเซนต์ให้พี่ฟังหน่อยได้มั้ยจ๊ะ"
พนักงานตื่นเต้น เพราะจิณห์วราเป็นคนดังประจำจังหวัด
"อุ๊ย คุณจิณห์วราใช่มั้ยคะ รอซักครู่นะคะ"
พนักงานรีบกุลีกุจอบริการจิณห์วราอย่างเต็มที่ สาระวารีแกล้งพูดเสียงดังกับคนใกล้ๆให้ได้ยินกันทั่ว"ตายแล้ว นั่นลูกสาวเสี่ยจิตตินี่นา ขนาดรวยเป็นร้อยๆล้าน ยังสนใจเลย"
จิณห์วราแอบถลึงตาใส่เพื่อนเล็กน้อย ก่อนปั้นยิ้มกับคนที่เข้าไปพูดคุยทักทาย สาระวารีดึงความสนใจผู้คนไปที่จิณห์วราได้สำเร็จ ก็หาจังหวะแอบเข้าไปด้านในทันที
สาระวารีหลบเข้ามาถึงด้านในสำนักงาน เธอหยิบกล้องถ่ายรูปดิจิตอลขนาดเล็กถ่ายบริเวณรอบๆเอาไว้ ก่อนจะแกล้งเคาะประตูห้องทำงานดู รอซักพัก พอเห็นว่าเงียบ ไม่มีเสียงตอบออกมาจากในห้อง เธอก็เปิดประตูเข้าห้องไปในห้องดังกล่าวทันที
จบตอนที่ 7
อ่านต่อตอนที่ 8 เวลา17.00น.