xs
xsm
sm
md
lg

มนต์จันทรา ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มนต์จันทรา ตอนที่ 3

เกลียวคลื่นกำลังม้วนตัวเข้าสู่ฝั่ง ก่อนที่ช่วงเท้าของสาระวารีและษมาจะเดินเหยียบฟองคลื่นที่ซัดเข้ามา ทั้งคู่เดินคุยกันมาเรื่อยๆ ตามชายหาด

"หลังจากรอดตายวันนั้น ผมก็เอาเงินที่ได้จากบ่อนมารวมกับเงินเก็บที่มีอยู่ทั้งหมดไปทำธุรกิจ ทำหลายอย่าง ดีบ้าง เจ๊งบ้าง ล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายรอบ กว่าจะมีวันนี้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกนะ
ว่าผมเคยลำบากมามากขนาดไหน"
สาระวารียังคาใจ
"ธุรกิจของคุณ รวมทั้งเรื่องขุดพลอยด้วยรึเปล่า"
"โดนไอ้ดิตถ์มันเป่าหูมาล่ะสิ"
"ก็แล้วจริงรึเปล่าล่ะ"
"พูดไปก็เหมือนแก้ตัว ถ้ามีโอกาส คุณฟังความจากหลายๆด้านดีกว่า"
"ก็ตอนนี้ฉันอยากฟังจากปากคุณ"
ษมายิ้มๆ แล้วถอนใจ
"เอาเป็นว่า ช่วงนั้นผมขยายงานเร็วเกินตัวไปหน่อย ก็เลยหมุนเงินไม่ทัน เดชเลยชวนผมไปขุดพลอย"
สาระวารีถามสวนไป
"คุณเดชน้องชายคุณดิตถ์"
"ใช่ ผมโชคดีได้พลอยมาขายได้เป็นสิบๆล้าน ผมเลยรอดวิกฤติมาได้ แล้วก็ต่อยอดธุรกิจมาเรื่อยๆ จนมีอย่างทุกวันนี้"
"ส่วนคุณเดชกลับถูกฆ่าตาย คุณดิตถ์เลยคิดว่าเป็นฝีมือคุณ ฆ่าเพื่อชิงพลอย คุณดิตถ์เลยผูกใจเจ็บคุณถึงวันนี้"
ษมายักไหล่
"ก็แล้วแต่คุณจะเชื่อใคร"
สาระวารีถอนใจออกมา สีหน้าใช้ความคิด ษมาหยุดเดินหันมองหน้า
"แล้วคุณล่ะ หลังจากวันนั้นเป็นยังไงมั่ง"
สาระวารีสีหน้าซึมเศร้าลง

คืนนั้น ในอดีต หลังเหตุการณ์ที่บ่อน สาระวารีถือซองใส่ยา และข้าวผัดสามห่อกลับเข้าบ้านมาในกลางดึกคืน เธอวิ่งเข้าบ้านมาพร้อมตะโกนบอกด้วยความดีใจ
"สะมา เราได้ยากลับมาแล้ว"
ทันใดนั้น สาระวารีก็ต้องยืนช็อก เมื่อเห็นสาระสะมานั่งกอดศพแม่ร้องไห้ด้วยความเสียใจสุดๆ
"วารี แม่ไม่หายใจแล้ว"
สาระวารีหมดเรี่ยวแรง ทั้งถุงยา ถุงข้าวผัดหล่นลงพื้น เธอโผเข้าไปกอดแม่ทันที
"แม่"
ขณะนั้นเอง สารก็เดินกลับเข้าบ้านมาด้วยความหงุดหงิด
"นังวารี เอ็งอยู่ไหนวะ อีตัวซวย"
สารถึงกับช็อกเมื่อเห็นภาพลูกสาวทั้งสอง กอดศพอ่อนนุชร้องไห้อยู่ สาระวารีกำลังเสียใจ โกรธแค้นอย่างหนัก เลยโผเข้าไปหาพ่อ เธอร้องไห้ฟูมฟาย เขย่าตัวสารที่ยืนช็อกอยู่อย่างสุดแรง และโกรธพ่อที่ติดการพนันจนแม่ตาย
"หนูเกลียดพ่อ พ่อทำให้แม่ตาย พ่อฆ่าแม่ หนูเกลียดพ่อ"

สาระวารีหันมองไปทางทะเล แอบยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างไว้ฟอร์ม ษมาสีหน้าสงสารเห็นใจ อยากยกมือไปลูบหลังให้กำลังใจ แต่เธอหันกลับมาซะก่อน เขาเลยรีบปาดมือขึ้นทำเสยผมแทนซะงั้น
ษมายิงคำถามต่อทันที
"จ่าบูรณ์เคยเล่าว่าคุณกับพี่สาวย้ายไปอยู่กับคุณยายที่กรุงเทพใช่มั้ย"
สาระวารีพยักหน้ารับ
"คุณยายสงสารฉันกับสะมา เอ่อ พี่สาวฉันน่ะ ค่ะ"
"ชื่อเหมือนผมเลยเหรอ"
"ค่ะ แต่สะกดคนละอย่าง สเสือสระอะ มออามา"
ษมาพยักหน้ารับทราบ
"แล้วไงต่อ"
"น้าสะใภ้เกลียดพวกเรา กลัวจะมาเป็นตัวหารสมบัติ พวกเราก็เลยถูกเลี้ยงมาแบบทิ้งๆ ขว้างๆ พอคุณยายเสีย เราก็ถูกไล่ออกจากบ้าน โชคดีที่คุณยายซื้อพันธบัตรทิ้งไว้ให้ เราถึงได้สบายขึ้น"
"แล้วพ่อคุณล่ะ ไม่ติดต่อมาบ้างเหรอ"
สาระวารีสีหน้าเศร้าลง
"หลังจากเราสองคนมาอยู่กรุงเทพได้ไม่นาน พ่อก็ถูกฆ่าตายในบ่อน"
ษมาสีหน้าเห็นใจ
"เสียใจด้วยนะครับ"
สาระวารีมองหน้าษมานิ่ง
"เพราะเหตุนี้ไง ฉันถึงได้เกลียดการพนันเข้ากระดูกดำ"
ษมาสีหน้าขรึมลง
"ผมรู้ ผมถึงได้พยายามถ่วงเวลาให้คุณอยู่ที่นี่นานหน่อย อคติที่คุณมีกับคาสิโนของผม จะได้เบาบางลงมั่ง"
"เห็นทีจะยากค่ะ"
สาระวารีถอนใจออกมา ก่อนจะฉุกคิดขึ้น
"เออ แต่มีอยู่เรื่องนึงที่ฉันไม่เข้าใจ คนอย่างคุณไม่น่าไปที่บ่อนแบบนั้นเลย นึกยังไงถึงได้ไปเล่นพนันที่นั่นคะ"
"ผมประชดชีวิตน่ะครับ ตอนแรกตั้งใจจะเล่นให้หมดตัว แต่ยิ่งเล่นยิ่งได้จนเกือบถูกฆ่า คิดๆดูแล้ว ผมไม่น่าโง่เพราะผู้หญิงคนเดียวเลย"
สาระวารีอยากรู้
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ"
ษมาหยุดเดินหันมามองหน้าวารี
"วันนี้คุณรู้เรื่องผมมากเกินไปแล้วล่ะ"

ษมาเดินฉีกกลับเข้าเกาะไป สาระวารีย่นจมูกตามใส่ แต่สีหน้ายังติดใจอยากรู้เรื่องต่อ

 
โศภีกำลังโวยวายใส่ลำแพงลั่นห้องโถงบ้านษมา
 
"นี่มันอะไรกัน วันนี้ทั้งวันฉันยังไม่ได้เจอหน้าษมาเลย เธอจงใจจะกีดกันฉันใช่มั้ย"
ลำแพงหน้านิ่งตอบ
"ดิฉันเป็นแค่แม่บ้าน จะไปกีดกันอะไรคุณได้คะ" ลำแพงอมยิ้มเล็กน้อย
"อุตส่าห์ตามมาอยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ยังไม่ได้เจอหน้า" ลำแพงมองหน้าโศภี แล้วตีหน้าสงสัย ก่อนพูดต่อ
"เป็นไปได้มั้ยคะว่าคุณษมาหลบหน้าคุณอยู่"
โศภีโกรธจัด มองลำแพงราวกับจะฆ่าทิ้งซะตรงนั้น แต่ก็เก็บอาการ โศภีจ้องลำแพงด้วยสายตาดูถูก"ตรรกะประหลาดๆ ไม่เห็นจะเข้าท่า สมองแม่บ้านก็คงคิดได้แค่นี้แหละ"
ลำแพงขบฟันแน่นๆ แต่เก็บอาการอยู่ โศภีหน้าตาเอาเรื่องถาม
"แล้วแม่นักข่าวนั่นล่ะ อยู่ไหน"
"เห็นล่าสุด อยู่กับคุณษมานะคะ"
"แล้วทำไมเธอไม่เข้าไปขวาง ทุกทีฉันเห็นผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ษมา เธอต้องเสนอหน้าเข้าไปแทรกกลางไม่ใช่เหรอ อย่านึกว่าฉันไม่รู้ทันเธอนะว่าหวังอะไรอยู่"
ลำแพงถอนใจออกมาจะเดินเลี่ยงออกไป โศภีตามไปขวางหน้า โศภีสีหน้าดูถูก
"เลิกฝันลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว ษมาเค้าไม่โง่ลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับเธอหรอก"
ลำแพงจ้องโศภี สายตาเย็นชา
"ฉันเชื่อค่ะ ว่าคุณษมาไม่ใช่คนโง่ ไม่งั้นคงเผลอกินของเหลือจากผู้ชายอื่นไปซะนานแล้ว"
โศภีโกรธจนตัวสั่น ชี้หน้า
"แกไปให้พ้นๆเลยนะ"
ลำแพงยิ้มบางๆ ก่อนเดินคอตั้งบ่ากลับออกไป โศภีมองตามด้วยสีหน้าแววตาเกลียดชัง ก่อนจะหันมองไปทางหน้าบ้านอย่างหงุดหงิด
"นังนักข่าวบ้านั่น เมื่อไหร่มันจะกลับๆ ไปซะทีนะ"
โศภีเดินไปกระแทกตัวลงนั่งด้วยความเซ็ง ก่อนจะฉุกคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้

หน้าบ้านพักษมาตอนหัวค่ำมีฝนตกฟ้าคะนอง ภายในห้องหนังสือ... สาระวารีกำลังค้นหนังสือของษมาที่ชั้นหนังสือ เพื่อมาอ่านแก้เซ็ง สาระวารีหยิบหนังสือออกมาดู
"มีหนังสือดีๆเยอะเหมือนกันนะเนี่ย"
เธอยิ้มพอใจเลือกหนังสือมาเล่มนึง สาระวารีหันหลังกลับจะออกจากห้อง แต่ทันใดนั้น ก็มีชายใส่หมวกไหมพรมคลุมหน้า ออกมาจากที่ซ่อนแล้วพุ่งเข้ามาชกท้องสาระวารีเข้าเต็มๆ เธอทั้งเจ็บ ทั้งจุกจนทรุดไปกับพื้นห้อง หนังสือหลุดมือตกพื้น
ชายคนนั้นรีบเข้าไปแบกสาระวารีขึ้นบ่า เพื่อจะพาหนี
สาระวารีถูกแบกมาทางประตูหลังบ้าน เมื่อเธอเริ่มหายเจ็บจุกก็ฮึดรวบรวมแรง พยายามดิ้น และทุบตีทำร้ายคนร้ายทุกวิธีที่จะทำได้ เพื่อจะเอาตัวรอด สาระวารีร้องลั่น เท่าที่จะเปล่งเสียงออกมาไหว
"ช่วยด้วย"
ชายคลุมหน้าตกใจรีบโยนสาระวารีลงแล้วตวัดมือตบหน้าฉาดใหญ่ จนเธอถลาไปตามแรง แต่ใจสู้ จะหนี ชายคลุมหน้าตรงเข้าตุ้ยท้องสาระวารีซ้ำอีก เธอสู้แรงควายของผู้ชายไม่ไหว ชายคลุมหน้าจะตรงเข้าไปซ้ำสาระวารีอีก แต่ลำแพงก็เดินผ่านมาพอดี เธอตกใจ ที่เห็นสาระวารีทรุดร่วงอยู่ที่พื้น เธอตะโกนลั่น
"นั่นใครน่ะ ช่วยด้วยๆ คุณนักข่าวถูกทำร้าย ช่วยด้วย"
ชายคลุมหน้าตกใจ รีบวิ่งออกประตูหลังหนีไปทันที ลำแพงรีบเข้ามาดูอาการ
"เป็นไงบ้างคุณ"

สาระวารีทั้งจุก ทั้งเจ็บ จนพูดอะไรไม่ออก ลำแพงรีบเข้าไปประคองด้วยความตกใจ

 
พิพัช จันเลา และกูซอ ต่างถือไฟฉายบ้าง คบไฟบ้าง วิ่งแยกย้ายกันออกตามหาคนร้ายไปรอบที่พัก ชายหาด และสวนโดยรอบ

ลำแพงกำลังทายารอยช้ำที่ข้างปากให้สาระวารีหลังจากที่ถูกคนร้ายตบหน้ามา เธอกึ่งนั่ง กึ่งนอนอยู่บนเตียง ภายในห้องนอนแขก สาระวารีเจ็บแผลร้อง "โอ๊ย"
ลำแพงสีหน้าเย็นชา
"ถ้าคุณเชื่อดิฉัน ไม่ออกไปเดินเพ่นพ่าน ก็ไม่ต้องเจ็บตัวอย่างงี้หรอก"
"ฉันแค่เดินอยู่ในบ้านนะคะ"
"ก็นั่นแหละค่ะ คนมุ่งร้ายคุณษมามีอยู่เยอะแยะไปหมด"
"ยังงี้แสดงว่า เกลือเป็นหนอนเหรอคะ"
"ปกติบ้านเราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน จนกระทั่งมีคนแปลกหน้าเข้ามาค้างที่เกาะของเรา"
สาระวารีคิดตาม
"คุณหมายถึงคุณโศภีใช่มั้ยคะ"
"คุณพูดของคุณเองนะ ฉันอาจจะหมายถึงคุณก็ได้"
"ใครจะบ้าส่งคนมาทำร้ายตัวเองคะ"
"ฉันจะไปรู้เรอะ"
ลำแพงจะลุกขึ้น สาระวารีรีบพูด
"ขอบคุณมากนะคะคุณลำแพง"
ลำแพงชะงักเหลือบตามองเธอด้วยสีหน้านิ่งอย่างเคย
"ถ้าคุณไม่ช่วยฉันเอาไว้ไม่รู้ฉันจะเป็นยังไงมั่ง"
ลำแพงน้ำเสียงแดกดันอยู่ในที
"คุณเก่งคงเอาตัวรอดได้อยู่แล้วล่ะ ท่าทางก๋ากั่นซะขนาดนี้"
สาระวารียิ้มเจื่อนๆ
"ขอโทษนะคะที่ฉันเคยแอบไม่ชอบขี้หน้าคุณ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไม่เห็นมีใครจะชอบขี้หน้าฉันซักคน"
ลำแพงดูไม่ใส่ใจ สาระวารีอ่อนใจ ท่าทางจะดีด้วยลำบาก
"แล้วจับคนร้ายได้รึยังคะ"
"คุณพิพัชกับคุณจันเลากำลังตามล่าตัวอยู่ ไม่ต้องห่วง คุณษมาไม่ยอมให้คุณเจ็บตัวฟรีหรอก"
ลำแพงเดินออกไป สาระวารียังมีสีหน้าติดใจสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ภาพในจอคอมพิวเตอร์ เป็นภาพชายคลุมหน้ากำลังทำร้ายสาระวารี ษมากำลังเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ ให้โศภีดู เขาโมโห
"มีอะไรจะแก้ตัวอีกมั้ย"
โศภีสีหน้าไม่พอใจ
"แก้ตัวอะไรคะ"
"นี่ต้องให้ผมพูดอีกเรอะ ทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนี้แล้ว"
"ไอ้โม่งที่ไหนก็ไม่รู้มาทำร้ายยัยนักข่าวนั่น คุณจะมาเหมาว่าเป็นคนของโศได้ยังไงคะ"
"ที่นี่มันเกาะส่วนตัวนะโศ คนของผมไว้ใจได้ทุกคน ส่วนวารีเค้าก็เพิ่งมาถึง ต่อให้เค้ามีศัตรู ก็ไม่มีใครกล้าตามมาถึงนี่หรอก"
โศภีโวยวาย
"โศก็เลยต้องตกเป็นจำเลยเหรอคะ งั้นถามหน่อยเถอะ โศจะสั่งคนฉุดตัวแม่นี่ไปทำไม ถึงจะไม่ชอบขี้หน้า วันนี้พรุ่งนี้มันก็ไปแล้ว"
"เรื่องเหตุผล ผมว่าคุณไปอธิบายกับตำรวจเองจะดีกว่า"
โศภีตกใจ หน้าเสีย
"นี่คุณจะแจ้งความให้ตำรวจมาจับโศเลยเหรอคะ"
ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
"เข้ามา"
พิพัชเปิดประตูเข้ามา ษมาถามทันที
"จับตัวคนร้ายได้มั้ย"
"ไม่ได้ครับ ผมกับจันเลาค้นดูจนทั่วเกาะแล้ว แต่ไม่พบร่องรอยอะไรเลยครับ" พิพัชตอบหน้าเครียด
"แล้วคนของคุณโศภีล่ะ" ษมาถามอย่างสงสัย
โศภีหน้านิ่งไป เหลือบตามองไปที่พิพัช สีหน้าแอบลุ้นนิดๆ
"ไม่มีใครน่าสงสัยครับ ทุกคนก็มีพยานยืนยันว่าไม่ได้ออกไปจากที่พักครับ"
โศภียิ้มอย่างผู้ชนะ

"ได้ยินแล้วใช่มั้ยคะษมา ยังต้องให้โศไปให้ปากคำกับตำรวจอีกมั้ย"

 
ษมายิ้มเล็กน้อย
 
"ไม่ต้องแล้วล่ะครับ"
โศภียิ้มๆพร้อมส่ายหน้า ษมาสีหน้าขรึมมองจ้องหน้าโศภี
"แต่พรุ่งนี้เช้า คุณกับคนของคุณ จะต้องกลับเข้าฝั่งทันที"
โศภีหน้าเสียและโมโหมาก
"นี่คุณไล่โศเรอะ"
"เกาะยานกเป็นของผม ผมจะให้ใครอยู่หรือไปก็ได้ทั้งนั้น แล้วผมก็ไม่ยินดีที่จะต้อนรับคนที่ผมไม่ไว้วางใจให้อยู่ที่นี่ต่อไปอีก" ษมาพูดพลางจ้องหน้า
โศภีขบกรามแน่นด้วยความโกรธจัด เดินฉับๆ ออกไปจากห้องทำงานของษมาอย่างหัวเสีย พิพัชอมยิ้มพอใจพร้อมชำเลืองมองตามโศภีไป ษมาถอนใจแล้วย้อนกลับไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดอีกครั้ง

โศภีกลับเข้าห้องพักมาด้วยสีหน้าท่าทางเจ็บใจมาก เธอเดินปึงปังไปกระแทกตัวนั่งที่เตียง กำมือแน่น ทุบเตียงอย่างแรง
" อีแม่บ้านสาระแน ไม่น่าไปช่วยอีนั่นเอาไว้เลย"
โศภีเจ็บแค้น จิกผ้าคลุมเตียงขยุ้มยับด้วยความคับแค้นใจ

เวลาเช้าในบรรยากาศชายหาด พิพัชวิ่งออกกำลังกายกลับมาหน้าหาดบ้านพักษมา เขามาหยุดยืดเส้นก่อนจะชกลมไปมา แลงและคนงานกำลังกวาดชายหาดเก็บขยะที่มาจากพายุ แลงเห็นก้อนอะไรดำๆ เหมือนผมลอยมาติดหาด
"นั่นอะไรวะ"
แลงเดินไปหยิบดู
พิพัชที่ออกกำลังกายอยู่มองตามแลงไป แลงคลี่ก้อนดำๆ นั้นออกดู มันไม่ใช่ถุง แต่เป็นหมวกไหมพรมสีดำ พิพัชรีบเดินตามไปดู
"ขอฉันดูซิ"
แลงรีบส่งให้พิพัชดู เขาคลี่หมวกไหมพรมสีดำออกดู สีหน้ามั่นใจว่าเป็นของคนร้ายเมื่อคืนแน่ๆ

เวลาต่อเนื่องมา ลำแพงกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าสำหรับ 3 ที่อยู่ ษมาเดินมาที่โต๊ะอาหาร
"พรุ่งนี้จัดแค่ 2 ที่พอนะ"
"ใครจะกลับเหรอคะ"
"คุณโศภี"
"ค่ะ" ลำแพงอมยิ้มอย่างพอใจ
ลำแพงรินน้ำผลไม้ใส่แก้วให้ษมาอย่างอารมณ์ดี
"แล้วคุณนักข่าวล่ะคะ จะกลับเมื่อไหร่"
"ยังไม่มีกำหนดครับ"
ลำแพงยิ้มค้างไป พิพัชรีบร้อนเข้ามารายงานษมา พร้อมหมวกไหมพรม
"คุณษมาครับ"
ษมาและลำแพงหันมอง
"เจอหมวกไหมพรมทิ้งอยู่ที่ชายหาด"
ษมาหันมองหมวกไหมพรมที่พิพัชถือมาให้ดู
"น่าจะเป็นของคนร้ายเมื่อคืนนะครับ"
ลำแพงรีบเสนอ
"เอาไปตรวจลายนิ้วมือได้มั้ยคะ"
"คงไม่มีประโยชน์แล้วล่ะคุณแม่บ้าน มันแช่น้ำทะเลมาทั้งคืน แล้วคนงานของเราก็จับหมวกคลี่ดูไปมาแล้วด้วย"
"ก็เก็บรวบรวมไว้ก่อนเถอะ"
"ครับคุณษมา"

ษมาได้แต่ถอนใจออกมา
 
อ่านต่อเวลา 17.00น.



มนต์จันทรา ตอนที่ 3 (ต่อ)

สาระวารีกำลังจะเดินลงมาชั้นล่างผ่านทางห้องพักโศภี เห็นจันเลาและกูซอกำลังเคาะประตูห้องนอนโศภีอยู่
                "คุณโศภีครับ อย่าทำอย่างงี้เลยครับ พวกเราลำบากใจนะครับ คุณโศภี" จันเลาพูดพลางเคาะประตู
                เสียงโศภีตวาดดังออกมาจากในห้อง
                " ก็เรื่องของพวกแกสิ ฉันจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนทั้งนั้น  พวกแก ไม่ต้องมายุ่ง"
                "แต่คนของคุณถูกส่งตัวกลับไปหมดแล้วนะครับ คุณจะอยู่คนเดียวได้ยังไง"
                ขาดคำ  ก็ได้ยินเสียงเหมือนโศภีใช้หมอนใบใหญ่ ขว้างใส่ประตูจนเสียงดังลั่น
                "ไปให้พ้น"
                จันเลาถอนใจส่ายหน้าด้วยความสุดเซ็ง
                สาระวารีเห็นเหตุการณ์เข้า  เลยเดินเข้าไปหาจันเลา และกูซอ
                "เกิดอะไรขึ้นคะ คุณโศภีเธอไม่พอใจอะไรเหรอ"
                "ก็เรื่องที่คุณวารีโดนทำร้ายเมื่อวานนั่นล่ะครับ"  กูซอบอก      
                สาระวารีมีสีหน้างงๆ
                "คุณษมาสงสัยว่าจะเป็นฝีมือลูกน้องคุณโศภี เลยให้คุณโศภีกับลูกน้องออกจากเกาะวันนี้ แต่คุณโศภีเธอไม่ยอมครับ" จันเลาว่า
                สาระวารีไม่สบายใจ
                "แค่สงสัย คนร้ายก็ยังจับตัวไม่ได้ ไล่ออกจากเกาะ จะไม่แรงไปหน่อยเหรอคะ"
                "กันไว้ดีกว่าแก้ครับ คุณษมาไม่อยากให้คุณเป็นอันตราย"
                "คุณโศภีน่าสงสัยที่สุดแล้วล่ะครับ หึงหวงคุณษมาซะขนาดนั้น  คนอื่นจะทำไปทำไม" กูซอว่า
                จันเลาปรามเสียงเข้ม
                "กูซอ"
                กูซอจ๋อยไป ไม่กล้าพูดมากอีก สาระวารีไม่สบายใจที่ตนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องหึงหวงกันขึ้น
 
                สาระวารีเดินหน้าหงิกตรงเข้ามาหาษมาที่โต๊ะอาหาร ลำแพงและพิพัชหันไปมอง
                "กำลังจะให้ลำแพงไปตามอยู่พอดี  นั่งสิ"
                ลำแพงเดินไปลากเก้าอี้ให้สาระวารี แต่เธอไม่นั่ง กลับหน้าหงิก จ้องหน้าษมา
                "มีอะไรอีกล่ะ"
                "ฉันเข้าใจ ว่าคุณห่วงความปลอดภัยของฉัน  แต่ถ้าฉันเป็นต้นเหตุให้คุณกับแฟนต้องทะเลาะกัน  ฉันก็ไม่สบายใจเหมือนกัน"
                ษมาสีหน้างงๆ
                "แฟนผม"
                "ก็ใช่น่ะสิคะ คุณรีบๆให้สัมภาษณ์ฉันดีกว่า ฉันจะได้กลับไปซะที"
                "เดี๋ยวๆทะเลาะกับแฟนอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้ว"
                "ก็คุณโศภีไงคะ คุณสงสัยว่าเค้าหึงฉันจนส่งคนมาทำร้ายใช่มั้ยล่ะ"
                ลำแพงเสียงขุ่นเคือง ตอบแทนษมาอย่างชัดเจน
                "คุณโศภีไม่ใช่แฟนคุณษมานะคะ โปรดเข้าใจให้ถูกต้องซะด้วย"
                ษมายกมือห้ามลำแพง
                "ที่ผมทำไป ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณนะวารี คุณเป็นแขกของผม ถ้าคุณยังอยู่บนเกาะยานก ชีวิตของคุณคือความรับผิดชอบของผม"
                "แล้วมันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ ถ้าคุณให้สัมภาษณ์ฉันให้เสร็จซะเดี๋ยวนี้ แทนที่จะบังคับให้แฟนคุณออกไปจากเกาะ"
                "ผมเคยบอกคุณแล้วไง ผมจะให้สัมภาษณ์ ก็ต่อเมื่อผมเห็นว่าคุณพร้อมจะเขียนข่าวคาสิโนของผม โดยไม่มีอคติแล้วเท่านั้น"
                สาระวารีชักโมโห
                "คุณเป็นแหล่งข่าวที่แย่ที่สุด เท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยรู้ตัวมั้ย"
                ทั้งพิพัชและลำแพงชักสีหน้าไม่พอใจทันทีที่ว่าเจ้านาย
                "ถ้าคุณไม่พอใจ จะยกเลิกการสัมภาษณ์แล้วกลับวันนี้เลยก็ได้นะครับ" พิพัชบอก
                ลำแพงอมยิ้มพอใจ

ษมาปราม
                "พิพัช"
                สาระวารีเดินหงุดหงิดเลี่ยงไป ษมาสั่งพิพัช
                "ตามไป"
                พิพัชถอนใจ หน้าตาหงุดหงิดแล้วเดินตามสาระวารีไป
                "พูดจาไม่น่ารักเลยนะคะเด็กสมัยนี้  ไม่ให้เกียรติคุณเลย ตัวเองเป็นนักข่าวมาขอสัมภาษณ์เค้าแท้ๆ"  ลำแพงค้อนประหลับประเหลือก
                "ผมวางตัวไม่ดีแต่แรกเองล่ะ ไม่ทำตัวให้เค้านับถือ"
                ลำแพงอดหมั่นไส้ไม่ได้ ที่ษมาออกรับแทนตลอด เธอเลยแดกดัน
                "ค่ะ นักข่าวคนนี้ทำอะไรก็ถูกต้องในสายตาคุณษมาไปหมดล่ะค่ะ"
                ษมาเหลือบตามองลำแพงที่ปั้นหน้านิ่งยืนรอรับใช้ ไม่แสดงอารมณ์อะไรมากไปกว่านี้
                "ลำแพงช่วยจัดอาหารเช้าไปให้คุณโศภีที่ห้องด้วยก็แล้วกัน  ผมคงไม่รอแล้วล่ะ"
                "ค่ะ"
                ลำแพงสีหน้านิ่ง เดินเลี่ยงกลับเข้าไป ษมาหันมองตามไปทางสาระวารี แล้วก็ขำๆ ส่ายหน้า ประมาณว่า  ในโลกนี้คงมีผู้หญิงไม่กี่คน ที่กล้ายืนด่าเขาแบบนี้
 
                สาระวารีเดินหน้าหงิกงอมาตามทางเดินในสวน พิพัชเดินตามประกบมาติดๆ ด้วยหน้าตาขุ่นเคือง
เขาพูดลอยๆขึ้น
                "เรื่องคุณษมากับคุณโศภีนี่ผมช่วยยืนยันได้อีกคนนะครับ ว่าไม่ใช่แฟนกันจริงๆ"
                สาระวารียิ้มกรุ้มกริ่ม จ้องหน้าจับผิด
                "เหรอคะ  ดูคุณจะห่วงและหวงเจ้านายมากซะเหลือเกินนะคะ"
                พิพัชผงะไปเล็กน้อย
                "ไม่ต้องกลัว ฉันไม่เอาไปเขียนข่าวขายหรอกน่ะ เจ้านายคุณไม่ใช่ดารา ไม่มีใครสนใจหรอกว่าจะมีแฟนมีกิ๊กซะกี่คน"
                พิพัชหน้านิ่งไม่ตอบโต้ สาระวารีมีสีหน้ามีแผนการขึ้นมา
                "แต่ก็น่าสงสัยนะ คุณโศภีสวยขนาดนี้ รวยก็รวยทำไม คุณษมาถึงได้ไม่ชอบ"
                "คนเราเจ็บแล้วต้องจำครับ"
                สาระวารีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหันมองหน้าพิพัช
                "ยังไงคะ"
                "ผมพูดมากไปแล้ว"
                พิพัชจะเดินเลี่ยง สาระวารีสีหน้ากวนตามไปขวางหน้า
                "เป็นความลับดำมืดของเกาะนี้เหรอคะ"
                "ไม่ใช่ความลับอะไรหรอกครับ แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณษมา  ถ้าคุณอยากรู้ ก็ควรจะถามคุณษมาเอง ไม่ใช่รู้จากปากคนอื่น"
                สาระวารีเหยียดอย่างปากใส่
                "ไหนว่าคนอ่านข่าวไม่สนใจว่าคุณษมาจะมีแฟนจะมีกิ๊กไงครับ  ทำไมคุณถึงซักไม่หยุด  หรือว่าคุณแอบสนใจเจ้านายผมซะเอง"
                สาระวารีอึ้ง หน้าชา เถียงเสียงแข็งคอขึ้นเอ็น
                "ฉันจะไปสนใจทำไม เจ้าพ่อแก่ๆ ปล่อยให้แห้งตายคาเกาะไปเถอะ ท่ามากนัก"
                พิพัชจ้องหน้าสาระวารี ด้วยสีหน้าแววตาไม่พอใจมาก เธอสะบัดหน้าพรืด เดินกลับเข้าบ้านพักไป
พิพัชจับตามองตาม รู้สึกไม่ถูกชะตาผู้หญิงคนนี้เอาซะเลย
 
                ษมาสีหน้าหงุดหงิดปนรำคาญเคาะประตูห้องพักโศภี เรียกเสียงเข้ม
                "โศ  ผมสั่งให้เปิดประตูห้องเดี๋ยวนี้เลย"
                เงียบไม่มีเสียงตอบ ษมาทุบประตูห้องแรงๆ ย้ำไปอีก
                ลำแพงรีบเดินกลับมาพร้อมกุญแจห้องพัก
                "กุญแจได้แล้วค่ะ"
                "เปิดเลย"
                ษมาเบี่ยงตัวหลบทางให้ ลำแพงไขกุญแจเปิดประตูห้องพักโศภีเข้าไป
                ทันทีที่ประตูห้องเปิดก็ต้องตกใจที่เห็นโศภีนอนหมดสติอยู่กับพื้นกลางห้อง
                " โศ"
                ษมารีบเข้าไปประคองโศภีที่สลบหมดสติกับพื้นขึ้นมา

 
ลำแพงรีบเดินไปเอาชุดปฐมพยาบาลหน้าตาบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ ชนกับสาระวารีที่เดินเลี้ยวมุมบ้านเข้ามาอย่างเร็ว
 
"อุ๊ย ขอโทษค่ะ"
ลำแพงชักสีหน้า ตาดุ ไม่พอใจ
"คุณมาก็ดีแล้ว ช่วยไปอยู่เป็นเพื่อนคุณษมาหน่อยเถอะ ดิฉันจะรีบไปเตรียมยาดมยาหอม"
สาระวารีตกใจ
"คุณษมาเป็นอะไรเหรอคะ"
"คุณษมาไม่เป็นอะไรหรอก แต่คุณโศภีเป็นลม น่าจะมารยาไม่อยากออกจากเกาะซะมากกว่า"
สาระวารีมองตามลำแพงไปเล็กน้อยก่อนเดินไปดูทางห้องพักโศภี

ษมาอุ้มโศภีขึ้นมาวางให้นอนบนเตียง เธอลืมตาแล้วกอดษมาไว้ทันที ด้วยรอยยิ้มยั่วยวน เขาไม่พอใจนัก
"ปล่อยผมเถอะโศ"
โศภียิ้มปลาบปลื้ม
"โศดีใจนะคะที่คุณยังห่วงโศอยู่"
ษมาโมโห
"ผมบอกให้คุณปล่อยผมเดี๋ยวนี้"
โศภีกอดษมาเอาไว้แน่น
"อย่าซีเรียสสิคะษมา โศแค่อยากรู้ ว่าคุณยังห่วงโศอยู่รึเปล่า"
โศภีกอดรัดษมาแน่น ษมาพยายามแกะเท่าไหร่ก็ไม่ออก
"โศรู้ว่าคุณยังรักโศอยู่เหมือนเดิม แล้วคุณจะปล่อยให้เรื่องเก่าๆ ที่มันผ่านไปแล้ว มาเป็นกำแพงขวางเราอยู่อีกทำไมคะ"
ขณะนั้นเอง สาระวารีก็ดันประตูห้องที่แง้มๆ อยู่เข้ามาดู ตกใจ เหมือนทั้งคู่กอดกันอยู่บนเตียง เธอรีบเบือนหน้าหนี
"อุ๊ย ขอโทษค่ะ"
ษมาและโศภีหันไปมอง สาระวารีวางหน้าไม่ถูก รู้สึกเสียมารยาทมาก จึงรีบเดินออกไปอย่างเร็ว ษมาตกใจที่นักข่าวสาวมาเห็นเข้า
"วารี รอเดี๋ยว"
ษมาไม่รักษามารยาทแล้ว รีบแกะมือโศภีออกอย่างแรง เธอเจ็บจนร้องออกมา
ษมาไม่สนใจรีบตามสาระวารีไปทันที โศภีมีสีหน้าเจ็บใจมาก

ษมารีบเดินตามสาระวารี ที่เดินหนีออกมายังบริเวณทางเดิน เขารีบเดินมาขวางหน้าสาระวารีไว้
"วารี รอผมก่อน คุณกำลังเข้าใจผมกับโศผิด"
สาระวารียิ้มๆ
"นั่นมันเรื่องของคุณ ฉันไม่สนใจหรอก ฉันแค่รู้สึกเสียมารยาทมากๆ เลยต้องรีบเดินออกมา"
"แต่ผมไม่อยากให้คุณเข้าใจผิด"
"ทีหน้าทีหลัง ก็ล็อกประตูห้องด้วยนะคะ อย่าลืมว่ามีนักข่าวอยู่ในบ้านด้วย"
สาระวารีจะเดินเลี่ยง ษมาพูดตามออกไปทันที
"ผมจะให้สัมภาษณ์คุณเดี๋ยวนี้ พร้อมมั้ย"

สาระวารีชะงักหันกลับมาเปลี่ยนหน้าเป็นยิ้มกว้างด้วยความดีใจฉับพลันทันที

 
สาระวารีเตรียมอุปกรณ์สัมภาษณ์พร้อม ทั้งกระดาษ ปากกา เครื่องอัดเสียง กล้องถ่ายรูป ฯลฯ โดยมีษมานั่งอยู่ใกล้ๆ ในมุมสวนร่มรื่นหลังบ้าน เขาจับตามองเธอที่มีท่าทางกระตือรือร้น มีชีวิตชีวาขึ้นมาเมื่อได้ทำงาน เธอยิ้มดีใจ
 
"เริ่มกันเลยนะคะ"
ษมาพูดสวนขึ้น
"ผมไม่ต้องการให้มีการอัดเสียง"
"อ้าว ทำไมล่ะคะ"
"ผมทำงานแบบนี้ อะไรที่เป็นความลับได้มันก็ดี แม้แต่เสียงหรือรูปถ่าย ผมก็ไม่อยากให้มี"
สาระวารีเริ่มหงุดหงิด พูดประชด
"ค่า เข้าใจแล้วค่ะ ว่าคนเป็นเจ้าพ่อ ต้องระวังตัว ทุกฝีก้าว"
สาระวารีกดปิดการทำงานของเครื่องอัด
"พอใจมั้ยคะ"
"เอาไว้ที่ผมเลยแล้วกัน" ษมายึดเครื่องอัดเสียงไป
สาระวารีแอบถอนใจหยิบกระดาษปากกาขึ้นมา จดสัมภาษณ์แทน
"งั้นคำถามแรกเลยนะคะ คุณเอาเงินที่ไหนมาสร้างคาสิโน"
ษมาตีหน้าตายบอก
"ผมบอกแล้วไง ว่าถ้าคุณยังมีความคิดติดลบกับการพนันอยู่ ผมจะยังไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องคาสิโน"
" เอ๊ะคุณนี่ ไหนบอกว่าพร้อมจะให้สัมภาษณ์แล้วไงคะ"
"ครับ แต่ไม่ใช่เรื่องคาสิโน ผมอยากให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประวัติชีวิตผมก่อน ยังไงคุณก็ต้องมีประกอบบทความอยู่แล้วไม่ใช่เหรอะ"
สาระวารีเจ็บใจที่โดนหลอก
"งั้นก็ว่ามาเลย อยากเล่าแค่ไหน ตรงไหน สร้างภาพยังไงก็พูดมาเลย ฉันจะได้ไม่เสียเวลาตั้งคำถามให้คุณไม่ตอบ"
ษมาขำๆ สาระวารีประชดแกล้งจดไป พร้อมพูด
"ขำ ด้วยน้ำเสียงน่าเกลียดๆ"
ษมาชะงักไปเล็กน้อย สาระวารีค้อนใส่ให้อีกขวับ
"ประวัติคร่าวๆของผม คุณก็รู้บ้างอยู่แล้ว"
"ตกลงจะให้ฉันเขียนเองใช่มั้ยคะ"
"ใจเย็นๆ สิครับ ผมกำลังจะทบทวนให้อยู่นี่ไง"
สาระวารีถอนใจพรืดแรงๆ ให้ได้ยิน
ษมาหน้าขรึมลง
"คุณแม่ผมท่านเสียไปตั้งแต่ผมยังเล็ก ส่วนพ่อผมเป็นชาวสวน ท่านเสียไปตอนผมเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย"
สาระวารีจดคำสัมภาษณ์ไปพร้อมเหลือบตามองษมาเล็กน้อย
"ผมเลยตัดสินใจลาออกมาทำสวนต่อ"
สาระวารีมีสีหน้าสงสัยอยากรู้
"ทำไมไม่เรียนให้จบก่อนล่ะคะ อีกแค่ปีเดียวเอง สวนคุณมันก็น่าจะอยู่ตัวแล้ว"
ษมาแอบอมยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ในที่สุดก็ได้โอกาสอธิบายเรื่องโศภีให้สาระวารีฟัง

ในอดีต 17 ปีก่อน เวลากลางวัน ษมาในชุดไว้ทุกข์สีดำ กำลังยืนคอยโศภีอยู่ที่ริมหาดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ซักพัก โศภีในชุดลำลองแต่ก็ดูสวยน่ารัก เดินเข้ามาหา เธอยิ้มทักทาย
"ษมาคะ"
ษมาดีใจ รีบเข้าไปหาโศภี เขาจับมือเธอไว้
"ผมนึกว่าคุณจะมาไม่ได้ซะแล้ว"
"พ่อให้โศช่วยทำบัญชีน่ะค่ะ ก็เลยช้าไปหน่อย เอ่อ แล้วตกลงคุณจะไม่กลับไปเรียนต่อจริงๆเหรอคะ อีกแค่เทอมเดียวก็จะจบแล้วนะ"
ษมาสีหน้าเศร้าลง
"เรื่องเรียนคงต้องพักไว้ก่อนแล้วล่ะ ถ้าพ่อไม่เสีย ผมก็คงไม่รู้ว่าเรามีหนี้สินมากขนาดนี้"
โศภีดูอึ้งๆไป ค่อยๆ ถอยมือออกจากการจับกุมของษมาอย่างไว้มารยาท
"ตอนนี้ผมคงต้องเร่งทำสวนเพื่อหาเงินไปใช้หนี้ก่อน"
"ทำไร่ทำสวนไม่ใช่ง่ายๆนะคะษมา บางปีอาจจะกำไร บางปีอาจจะขาดทุน โศเห็นคนขาดทุนจนต้องขายสวนมานักต่อนักแล้ว"
"แต่ถ้าไม่ทำสวนต่อ ตอนนี้ผมก็คิดไม่ออก ว่าจะไปทำอะไรสวนของพ่อเป็นมรดกชิ้นเดียวที่ผมมีนะโศ"
โศภีสีหน้าเครียดๆ แอบเบือนหน้าไปทางอื่น แล้วถอนใจยาวออกมา ษมาจับมือโศภีอีกครั้ง
"ผมมีอะไรจะให้โศ"
โศภีหันกลับมามอง สีหน้างงๆ ษมาหยิบกำไลเงินอันเล็กๆ ออกแบบพิเศษ ราคาไม่แพงมาก ออกมาสวมข้อมือโศภีไว้
"ราคามันไม่มากเท่าไหร่หรอกโศ แต่ผมอยากให้คุณ"
โศภีปั้นยิ้ม
"ขอบคุณมากค่ะ"
ษมาจับมือโศภี จ้องตาเธอด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
"คุณรอผมได้มั้ย ผมให้สัญญาว่า ผมจะสร้างเนื้อสร้างตัวให้ได้เพื่อคุณ คุณจะต้องไม่น้อยหน้าใคร
ขอเวลาให้ผมบ้างนะโศ"

ษมาสีหน้าอ้อนวอน โศภีได้แต่ปั้นยิ้มหวานให้ ไม่ตอบอะไร เขาดึงโศภีเข้ามากอดด้วยความรักเต็มหัวใจ

มนต์จันทรา ตอนที่ 3 (ต่อ)

หลังจากนั้น เวลาผ่านมาราว 2-3 เดือน ษมากำลังคุยกับชาวบ้านคนหนึ่ง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่หน้าบ้านเก่า ซึ่งเป็นบ้านไม้ เก่าๆ แต่ก็ยังดูดี สะอาดสะอ้าน
 
ชาวบ้าน บอก
"อย่าคิดมากเลยวะไอ้ษมา ใครจะไปรู้ว่าพายุมันจะเข้า จนต้นหมากรากไม้ตายเกลี้ยงอย่างงี้ มันไม่ใช่ความผิดเอ็งหรอก"
ษมายิ่งเครียดหนัก
"แต่ฉันไม่เหลือทุนจะทำต่อแล้วนะลุง หนี้เก่าก็ยังใช้ไม่หมด แล้วใครเค้าจะให้ยืมมาต่อทุน"
ชาวบ้านคิดหนัก
"ถ้าเอ็งไม่ไหว จะขายสวนมั้ยล่ะ ผู้ใหญ่ดำเค้าให้ราคาดีนะ"
"ถ้าขายแล้วฉันจะไปทำมาหากินอะไรล่ะลุง เรียนก็ไม่จบ ฉันก็หวังว่าจะทำสวนจนกว่าจะตั้งตัวได้ จะได้มีเงินไปขอโศภีเค้าด้วย"
ชาวบ้านแปลกใจ
"โศภี ใช่ลูกสาวพี่สัน เจ้าของแพปลารึเปล่า"
"ใช่จ้ะ"
"โอ๊ย อีกไม่กี่วัน ก็เป็นเมียเจ้าสัวกิมแล้ว เค้าไม่มาเอาเอ็งหรอก"
ษมาตกใจสุดๆ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าโศภีกำลังจะแต่งงาน

วันหนึ่ง ใน 2 สัปดาห์ต่อมา ษมาถูกลูกน้องของพ่อโศภีต่อยจนล้มลงกับพื้น พ่อของเธอยืนคุมเชิงพร้อมกับลูกน้อง 4-5 คน
สันส่งเสียงตะคอก
"เอ็งกลับไปได้แล้ว ลูกสาวข้าไม่ต้องการพบหน้าเอ็ง"
ษมาใช้มือปาดเลือดที่มุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองสันด้วยสายตาแข็งกร้าว
"ผมไม่กลับ ผมกับโศรักกัน ผมมีเงินค่าสินสอดมาสู่ขอโศแล้ว ทำไมพ่อไม่ให้โอกาสผมบ้างล่ะครับ"
สันหัวเราะเยาะ
"เงินที่ขายสวนพ่อเอ็งได้น่ะเหรอ เทียบเศษเงินของเจ้าสัวเค้ายังไม่ได้เล๊ย เก็บเอาไว้ซื้อข้าวกินกันตายเถอะวะ"
"แต่เจ้าสัวอายุมากกว่าพ่อเป็นสิบปี พ่อไม่สงสารโศบ้างรึไง"
สันโมโหมาก
"นั่นมันเรื่องของลูกสาวข้า เอ็งไม่เกี่ยว"
สันหันไปสั่งลูกน้อง
"เฮ้ย จับมันโยนออกไปให้พ้นบ้านข้าเร็วๆเลย"
พวกลูกน้องจะเข้าไปลากษมา แต่เขาฮึดสู้ แต่สู้ไม่ไหว ษมาถูกล็อกตัวไว้ ก่อนจะโดนพวกลูกน้องรุมอัดไม่ยั้ง
ทันใดนั้น โศภีก็เดินออกมาจากข้างใน ตวาดห้ามเสียงดัง
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
ทุกคนหันไปมองโศภีเป็นตาเดียวกัน ในขณะที่โศภีมองษมาด้วยสีหน้าลำบากใจ

ษมากำลังคุยกับโศภีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่สวนบ้านโศภี
"ผมขอโทษนะโศ ผมไม่ได้อยากมีเรื่องกับพ่อคุณ แต่ผมทนเห็นคุณเป็นเมียเจ้าสัวกิมไม่ได้"
โศภีถอนใจ สีหน้าเบื่อๆ
"คุณก็เลยขายทุกอย่างที่คุณมี เพื่อเอามาเป็นสินสอดให้พ่อโศน่ะเหรอคะ แล้วคุณคิดบ้างมั้ย ว่าถ้าโศแต่งงานกับคุณไปแล้วเราจะอยู่กันได้ยังไง ในเมื่อคุณไม่มีสมบัติอะไรติดตัวซักอย่าง"
ษมาจับมือโศภีไว้ ยิ้มบางๆ
"เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดกันก็ได้ สำคัญแค่มีคุณ ผมก็ไม่กลัวอะไรแล้ว ผมพร้อมสู้ทุกอย่าง"
โศภีดึงมือออก พูดเน้นเสียง
"แต่โศกลัวค่ะ กลัวอดตาย"
"โศ" ษมาอึ้งไม่คิดว่าโศภีจะพูดแบบนี้
"โศไม่ยอมเอาชีวิตโศไปเสี่ยงตายเอาดาบหน้าพร้อมกับคุณหรอกนะคะ"
ษมาอึ้งสนิท พูดไม่ออก
"ขอโทษนะคะษมา ที่โศเคยรับปากว่าจะรอคุณ แต่คุณทำให้โศผิดหวังเอง เรียนก็ไม่จบ ทำงานก็เจ๊ง แล้วจะให้โศฝากอนาคตไว้กับคุณได้ยังไง"
ษมาสีหน้าผิดหวังสุดๆ
"คุณก็เลยเลือกฝากอนาคตไว้กับเจ้าสัวแทน"
"ค่ะ ถึงเจ้าสัวจะอายุมาก แต่ก็มีเงิน มีกิจการมั่นคง รับประกันชีวิตโศได้ว่าจะสุขสบายไปจนตายแน่"
ษมาดูอึ้งๆผิดหวังกับความคิดโศภี
"โศรักคุณ แต่ไม่รักมากพอขนาดต้องยอมทนลำบากกัดก้อนเกลือกินหรอกนะคะ ไม่มีความรักโศอยู่ได้ แต่ลำบาก ไม่มีเงินใช้ โศอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ"
ษมาน้ำตาคลอเบ้า ยิ้มเยาะตัวเอง
"คุณพูดถูกทุกอย่าง ถ้าคุณคิดยังงี้ ก็ไม่ควรไปห้ามพ่อคุณ น่าจะปล่อยให้ผมโดนซ้อมจนตายไปเลย"
"ถ้าคุณอยากตาย ก็ไปตายที่อื่นเถอะค่ะ โศกำลังจะแต่งงาน ไม่อยากให้มีคนตายในบ้าน ไม่เป็นมงคล"

โศภีเดินเชิ่ดจากไป ปล่อยให้ษมายืนนิ่งด้วยความผิดหวัง อกหักยับเยิน ษมาอึ้งสนิท นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ตนรักแบบมอบกายถวายหัวจะเป็นคนแบบนี้ไปได้

อ่านต่อเวลา 17.00น.

หลังจากนั้น เวลาผ่านมาราว 2-3 เดือน ษมากำลังคุยกับชาวบ้านคนหนึ่ง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่หน้าบ้านเก่า ซึ่งเป็นบ้านไม้ เก่าๆ แต่ก็ยังดูดี สะอาดสะอ้าน
ชาวบ้าน บอก
 

"อย่าคิดมากเลยวะไอ้ษมา ใครจะไปรู้ว่าพายุมันจะเข้า จนต้นหมากรากไม้ตายเกลี้ยงอย่างงี้ มันไม่ใช่ความผิดเอ็งหรอก"
ษมายิ่งเครียดหนัก
"แต่ฉันไม่เหลือทุนจะทำต่อแล้วนะลุง หนี้เก่าก็ยังใช้ไม่หมด แล้วใครเค้าจะให้ยืมมาต่อทุน"
ชาวบ้านคิดหนัก
"ถ้าเอ็งไม่ไหว จะขายสวนมั้ยล่ะ ผู้ใหญ่ดำเค้าให้ราคาดีนะ"
"ถ้าขายแล้วฉันจะไปทำมาหากินอะไรล่ะลุง เรียนก็ไม่จบ ฉันก็หวังว่าจะทำสวนจนกว่าจะตั้งตัวได้ จะได้มีเงินไปขอโศภีเค้าด้วย"
ชาวบ้านแปลกใจ
"โศภี ใช่ลูกสาวพี่สัน เจ้าของแพปลารึเปล่า"
"ใช่จ้ะ"
"โอ๊ย อีกไม่กี่วัน ก็เป็นเมียเจ้าสัวกิมแล้ว เค้าไม่มาเอาเอ็งหรอก"
ษมาตกใจสุดๆ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าโศภีกำลังจะแต่งงาน

วันหนึ่ง ใน 2 สัปดาห์ต่อมา ษมาถูกลูกน้องของพ่อโศภีต่อยจนล้มลงกับพื้น พ่อของเธอยืนคุมเชิงพร้อมกับลูกน้อง 4-5 คน
สันส่งเสียงตะคอก
"เอ็งกลับไปได้แล้ว ลูกสาวข้าไม่ต้องการพบหน้าเอ็ง"
ษมาใช้มือปาดเลือดที่มุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองสันด้วยสายตาแข็งกร้าว
"ผมไม่กลับ ผมกับโศรักกัน ผมมีเงินค่าสินสอดมาสู่ขอโศแล้ว ทำไมพ่อไม่ให้โอกาสผมบ้างล่ะครับ"
สันหัวเราะเยาะ
"เงินที่ขายสวนพ่อเอ็งได้น่ะเหรอ เทียบเศษเงินของเจ้าสัวเค้ายังไม่ได้เล๊ย เก็บเอาไว้ซื้อข้าวกินกันตายเถอะวะ"
"แต่เจ้าสัวอายุมากกว่าพ่อเป็นสิบปี พ่อไม่สงสารโศบ้างรึไง"
สันโมโหมาก
"นั่นมันเรื่องของลูกสาวข้า เอ็งไม่เกี่ยว"
สันหันไปสั่งลูกน้อง
"เฮ้ย จับมันโยนออกไปให้พ้นบ้านข้าเร็วๆเลย"
พวกลูกน้องจะเข้าไปลากษมา แต่เขาฮึดสู้ แต่สู้ไม่ไหว ษมาถูกล็อกตัวไว้ ก่อนจะโดนพวกลูกน้องรุมอัดไม่ยั้ง
ทันใดนั้น โศภีก็เดินออกมาจากข้างใน ตวาดห้ามเสียงดัง
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
ทุกคนหันไปมองโศภีเป็นตาเดียวกัน ในขณะที่โศภีมองษมาด้วยสีหน้าลำบากใจ

ษมากำลังคุยกับโศภีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่สวนบ้านโศภี
"ผมขอโทษนะโศ ผมไม่ได้อยากมีเรื่องกับพ่อคุณ แต่ผมทนเห็นคุณเป็นเมียเจ้าสัวกิมไม่ได้"
โศภีถอนใจ สีหน้าเบื่อๆ
"คุณก็เลยขายทุกอย่างที่คุณมี เพื่อเอามาเป็นสินสอดให้พ่อโศน่ะเหรอคะ แล้วคุณคิดบ้างมั้ย ว่าถ้าโศแต่งงานกับคุณไปแล้วเราจะอยู่กันได้ยังไง ในเมื่อคุณไม่มีสมบัติอะไรติดตัวซักอย่าง"
ษมาจับมือโศภีไว้ ยิ้มบางๆ
"เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดกันก็ได้ สำคัญแค่มีคุณ ผมก็ไม่กลัวอะไรแล้ว ผมพร้อมสู้ทุกอย่าง"
โศภีดึงมือออก พูดเน้นเสียง
"แต่โศกลัวค่ะ กลัวอดตาย"
"โศ" ษมาอึ้งไม่คิดว่าโศภีจะพูดแบบนี้
"โศไม่ยอมเอาชีวิตโศไปเสี่ยงตายเอาดาบหน้าพร้อมกับคุณหรอกนะคะ"
ษมาอึ้งสนิท พูดไม่ออก
"ขอโทษนะคะษมา ที่โศเคยรับปากว่าจะรอคุณ แต่คุณทำให้โศผิดหวังเอง เรียนก็ไม่จบ ทำงานก็เจ๊ง แล้วจะให้โศฝากอนาคตไว้กับคุณได้ยังไง"
ษมาสีหน้าผิดหวังสุดๆ
"คุณก็เลยเลือกฝากอนาคตไว้กับเจ้าสัวแทน"
"ค่ะ ถึงเจ้าสัวจะอายุมาก แต่ก็มีเงิน มีกิจการมั่นคง รับประกันชีวิตโศได้ว่าจะสุขสบายไปจนตายแน่"
ษมาดูอึ้งๆผิดหวังกับความคิดโศภี
"โศรักคุณ แต่ไม่รักมากพอขนาดต้องยอมทนลำบากกัดก้อนเกลือกินหรอกนะคะ ไม่มีความรักโศอยู่ได้ แต่ลำบาก ไม่มีเงินใช้ โศอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ"
ษมาน้ำตาคลอเบ้า ยิ้มเยาะตัวเอง
"คุณพูดถูกทุกอย่าง ถ้าคุณคิดยังงี้ ก็ไม่ควรไปห้ามพ่อคุณ น่าจะปล่อยให้ผมโดนซ้อมจนตายไปเลย"
"ถ้าคุณอยากตาย ก็ไปตายที่อื่นเถอะค่ะ โศกำลังจะแต่งงาน ไม่อยากให้มีคนตายในบ้าน ไม่เป็นมงคล"

โศภีเดินเชิ่ดจากไป ปล่อยให้ษมายืนนิ่งด้วยความผิดหวัง อกหักยับเยิน ษมาอึ้งสนิท นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ตนรักแบบมอบกายถวายหัวจะเป็นคนแบบนี้ไปได้

 
สาระวารีกำลังฟังษมาเล่าอย่างเพลิดเพลินตาแป๋วจนลืมจดบันทึก

"ผมเลยเอาเงินที่ขายที่ได้ไปเล่นพนันในบ่อน กะประชดชีวิต ให้มันหมดเนื้อหมดตัวไปเลย แต่มันดันเล่นได้ขึ้นมา แล้วก็อย่างที่คุณรู้นั่นแหละ ผมคงไม่ต้องเล่าซ้ำแล้วมั้ง"
สาระวารีสงสัยอยากรู้
"แล้วคุณโศภีล่ะคะ"
"โศเค้าแต่งงานกับเจ้าสัวได้ซักเจ็ดแปดปี เจ้าสัวก็ตาย มรดกทั้งหมดก็แบ่งกับลูกชายเจ้าสัวคนละครึ่ง จนกลายเป็นแม่ม่ายทรงเครื่องอย่างที่เธอเห็น"
"ทั้งสวยทั้งรวยเลยนะคะ"
ษมารีบพูดต่อด้วยสีหน้าขรึมลง
"แต่ถึงยังไง ผมกับเค้าก็เป็นได้แค่เพื่อน ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้วนะวารี คนเราเจ็บแล้วต้องจำ"
สาระวารีพยักหน้ารับช้าๆ อย่างเห็นใจ
"ก็จริงค่ะ"
ษมาแกล้งกระเซ้า
"จดทันมั้ยล่ะ"
สาระวารีชะงักไป ฟังเพลินจนลืม ก่อนจะมีสีหน้าใช้ความคิด
"ฉันว่าเรื่องที่คุณเล่า มันเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป แล้วยังเกี่ยวกับคนอื่นด้วยคงเอาไปเขียนลงไม่ได้หรอกค่ะ"
ษมาแอบอมยิ้ม สาระวารีฉุกคิดขึ้น แล้วโวยลั่น
"คุณหลอกให้ฉันฟังคุณแก้ตัวใช่มั้ย"
ษมายิ้มเจ้าเล่ห์
"ก็ผมพยายามจะอธิบายกับคุณดีๆ แต่คุณไม่ยอมฟังเองนี่"
สาระวารีหงุดหงิด
"แล้วทำไมฉันต้องฟังด้วยล่ะ ฉันบอกแล้วไง ว่าคุณจะมีใคร มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน"
"ผมก็บอกคุณแล้วเหมือนกัน ว่าผมไม่อยากให้คุณเข้าใจผิด แล้วการได้ฟังจากปากผมเอง มันก็ดีกว่าคุณเที่ยวไปถามเอาจากคนอื่น"
สาระวารีชะงักไป แอบจ๋อย รู้ได้ไงเนี่ย ษมาหน้าขรึมลง มองหน้าวารี
"คุณไม่ใช่แค่คนที่เคยช่วยชีวิตผมเอาไว้เท่านั้นนะวารี แต่คุณคือแรงผลักดัน ที่ทำให้ผมกลับขึ้นมายืนใหม่ได้อีกครั้ง"
สาระวารีช้อนตามอง ษมาสีหน้าจริงจัง ซาบซึ้งใจ
"วันนั้น ผมเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึง กำลังขอเงินไม่กี่บาทจากพ่อไปซื้อข้าวซื้อยาให้แม่ แต่ผมกำลังเอาเงินเป็นแสนๆ จากน้ำพักน้ำแรงของพ่อผมมาละลายในบ่อน เพื่อประชดชีวิตให้กับผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นค่าในตัวผมเลย ผมถึงได้คิด กลับมาตั้งหลักชีวิตได้ใหม่อีกครั้ง"
สาระวารีแอบปลื้มใจ น้ำตาจะรื้นที่เผลออินคิดย้อนตามไปด้วย เธอรีบเบือนหน้าไปทางอื่น
"ผมถือว่าคุณเป็นคนสำคัญในชีวิตของผมนะวารี"
สาระวารีรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง วางหน้าไม่ถูก กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ ถึงจะมองไปทางอื่นแล้วแต่ก็ยังใจเต้นตึกตักบอกไม่ถูก ไม่นึกว่าตัวเองจะมีความสำคัญขนาดนี้
"ผมถึงไม่อยากให้คุณเข้าใจอะไรผิด ถึงจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยก็เถอะ ผมก็ไม่ยอมปล่อยผ่านทั้งนั้น" เขาจับตามองสาระวารีอย่างไม่ละสายตาเธอสะท้านไปกับสายตาคู่นั้น
สาระวารีรีบหันกลับพร้อมพูดแก้อึดอัด
"คำถามต่อไปเลยนะคะ"
สาระวารีรีบก้มหน้าก้มตาเปิดสมุดโน้ตจดคำถามมือไม้สั่น หาคำถามเท่าไหร่ก็ไม่เจอ พลิกหาไปหามา สมาธิแตกกระเจิงชอบกลแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน งงกับตัวเองเหมือนกัน ษมามองดูสาวสวยตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

เวลาเย็น ที่มุมกาแฟ สยามสาร มีคณาเสียบบลูทูธข้างหูคุยโทรศัพท์มือถือกับสาระวารีไป พร้อมกับชงกาแฟไปด้วย
"ได้ไปถ่ายรูปคาสิโนด้วยเหรอะ อยู่ๆทำไมเจ้าพ่อของเธอถึงใจดีขึ้นมาได้ล่ะ"
สาระวารีคุยอยู่ที่ห้องพักแขก สีหน้าบึ้งตึง
"ไม่ใช่ของฉันย่ะ แล้วเค้าก็ไม่ได้ใจดีด้วย แค่ทำตามที่รับปากเอาไว้เฉยๆ แต่ก็ยังถ่วงเวลาไม่ยอมให้สัมภาษณ์เหมือนเดิมแหละ"
มีคณาเดินถือถ้วยกาแฟมานั่งที่โต๊ะกลางพร้อมคุยไป
"แล้วยังงี้เมื่อไหร่เธอจะได้กลับล่ะวารี"

"ก็คงอีกหลายวัน แล้วเธอล่ะเป็นไงมั่ง ไปงานแฟชั่นโชว์ มีหนุ่มๆ มาจีบมั่งมั้ย"

 
มีคณาชะงักไป แล้วรีบปฏิเสธพัลวันดูมีพิรุธ แล้วรีบตัดสายเพราะกลัวโดนซักต่อ
"บ้า ไม่มีหรอก แค่นี้นะ"
"ฮัลโหล มี่ อ้าว อะไรของมัน"
สาระวารีกดตัดสาย บ่นพึมพำ
"ท่าทางมีพิรุธ"

เวลาเย็น ลำแพงกำลังจัดกับข้าวใส่ถาดอยู่ในครัว เธอคุยกับแลงไปด้วย ลำแพงมีสีหน้าสนใจขึ้นมาทันที
"พรุ่งนี้คุณษมาจะพายัยนักข่าวนั่นไปเกาะพระฮามจริงๆเรอะ"
"จริงสิพี่ คุณจันเลาเป็นคนสั่งให้ผมเตรียมเรือเอง"
ลำแพงยิ้มพอใจ
"ก็ดี งั้นอีกไม่กี่วัน แม่นักข่าวนี่คงกลับ ฉันจะได้เหนื่อยน้อยลงหน่อย"
"แต่คุณโศภีกำลังหึงหนักเลยนะพี่ ถ้ากลับไปตอนนี้ ก็หมดสนุกน่ะสิ" แลงพูดยิ้มขำๆ
ลำแพงมีสีหน้าแววตาเย้ยหยันอยู่ในที
"มันหมดสนุกตั้งแต่เค้าวางแผนลักพาตัวแม่นักข่าวนั่นแล้วล่ะ"
ลำแพงและแลงชำเลืองมองหน้ากัน ยิ้มสมน้ำหน้า ลำแพงมีสีหน้าสะใจ
"ตอนนี้แทบจะเข้าหน้าคุณษมาไม่ติดอยู่แล้ว"
"คุณษมาจะจริงจังกับคุณนักข่าวนั่นมั้ยพี่" แลงสงสัย
ลำแพงโมโห ตะคอกทันทีจนน้องชายจ๋อยไป
"คิดอะไรบ้าๆ ไอ้แลง"
"แกอย่าเที่ยวพูดไปนะ ฉันไม่ชอบฟัง แล้วคุณษมาก็จะพลอยเสื่อมเสียไปด้วย
ลำแพงทำตาดุใส่ แลงกลัวมาก
"ขอโทษจ้ะพี่ ฉันไม่พูดแล้วจ้ะ"
ลำแพงค้อนใส่น้องชายอีกขวับ ก่อนยกถาดอาหารเดินหัวเสีย หน้าตาไม่พอใจออกไปจากห้องครัว
แลงต้องรีบหลบทางให้อย่างเกรงกลัวพี่สาวมาก

หน้าบ้านษมาตอนหัวค่ำ พิพัชในอารมณ์ไม่พอใจกำลังเดินคุยกับจันเลาอยู่
"ฉันไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้ว จะให้แม่นักข่าวนั่นไปวุ่นวายที่เกาะพระฮามทำไม เดี๋ยวก็เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้หรอก"
"คิดมากไปรึเปล่า ที่พระฮามไม่มีความลับอะไรซะหน่อย แล้วแกก็อย่าไปตั้งแง่รังเกียจคุณวารีเค้านักเลย ไม่งั้นต่อไปจะลำบากไม่รู้ตัว"
พิพัชแปลกใจ
"ลำบากยังไง ทำข่าวเสร็จก็กลับไปแล้ว"
จันเลายิ้มขำๆ
"ทำไมแกมันซื่อบื้อนักวะ ไม่เห็นเหรอ ว่าคุณษมาทั้งเอาอกเอาใจ ทั้งเป็นห่วงคุณวารีขนาดไหน แกเคยเห็นคุณษมาเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนรึเปล่าล่ะ"
พิพัชคิดตามแล้วหน้าเครียดขึ้นมาทันที
"แกคิดว่าคุณษมาจะชอบกับนักข่าวคนนั้นจริงๆ เรอะ"
"นาทีนี้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก ดูปฏิกิริยาของคุณโศภีเอาก็ได้"
พิพัชหนักใจ เป็นห่วงษมา
"คุณษมาจะถูกหลอกรึเปล่าก็ไม่รู้ เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งเอง"
"แต่เจ้านายเคยบอกว่าเป็นเพื่อนเก่ากันนี่ คนอย่างเจ้านายใครจะมาหลอกได้ รึว่าแกจะให้คุณษมากลับไปหาคุณโศภี" จันเลาพูดแล้วตบบ่าพิพัช
พิพัชส่ายหน้า ทำสีหน้ารังเกียจ
"ไม่เอาด้วยหรอก ผู้หญิงอะไร ตอนจนก็ถีบหัวส่ง พอรวยก็วิ่งเข้าใส่ ถ้าคุณษมาเลือกคุณโศภีมาเป็นนายผู้หญิง ฉันกลับขึ้นฝั่งไปทำงานกับลุงบูรณ์ดีกว่า"
"แล้วถ้านายเลือกคุณวารีล่ะ แกยังจะทำงานให้นายบนเกาะนี้ต่อมั้ย"
"คำตอบเดียวกัน" พิพัชถอนใจหนักๆ ก่อนจะเดินเลยไป
พิพัชเดินหน้าเซ็งไป ก่อนจะแวะเลี้ยวไปที่มุมต้นยี่โถ...เห็นโศภีแอบฟังการสนทนาอยู่

สีหน้านิ่งเครียดอย่างใช้ความคิด
 
อ่านต่อพรุ่งนี้เวลา 09.30น.
 

มนต์จันทรา ตอนที่ 3 (ต่อ)

เวลากลางคืน ษมายังนั่งทำงานอยู่ในห้อง เขากำลังดูแบบการจัดฟังก์ชั่นต่างๆ จากหน้าจอคอมฯ แล้วเปิดเช็คเอกสารค่าใช้จ่ายประกอบไปอย่างมีสมาธิจนไม่ได้สังเกตว่ามีคนเข้ามา

ถาดใส่นม น้ำ และคุกกี้ ถูกวางลงที่มุมโต๊ะทำงาน
"ขอเปลี่ยนเป็นกาแฟดีกว่าลำแพง ผมคงต้องทำงานดึก" ษมาเหลือบตามองก็ตกใจเล็กน้อย เห็นโศภีในชุดนอนเซ็กซี่ยิ้มหวานให้
"เดี๋ยวโศไปชงให้นะคะ"
"ไม่ต้อง...นี่คุณหายดีแล้วใช่มั้ย"
โศภีน้อยใจ
"ทำไมคะ จะไล่โศกลับตอนนี้เลยรึไง"
"คุณกลับเข้าห้องพักไปเถอะ ใครมาเห็นเข้าอีกจะไม่เหมาะสม"
"ใครของคุณน่าจะหมายถึงนักข่าวคนนั้นคนเดียวมากกว่า" โศภีพูดพลางค้อนใส่
"คุณพูดเองนะ เชิญครับ ผมจะทำงาน"
ษมาก้มหน้าทำงานต่อไป
โศภีตื้อเดินกรีดกรายเข้าไปออดอ้อนษมาด้วยการบีบนวดบ่าให้ไปมา
" โศรู้นะคะ ว่าคุณยังไม่ลืมเรื่องที่โศทิ้งคุณไปแต่งงาน"
ษมายิ้มประชด
"ผมไม่ลืม แต่ไม่ใช่เพราะยังฝังใจอะไรกับความรักครั้งนั้นอยู่หรอกนะ"
โศภีอึ้งๆไป
"แต่เพราะมันเป็นบทเรียนที่คอยเตือนผม ไม่ให้กลับไปโง่ยังงั้นอีก"
โศภีตีหน้าเศร้า
"คุณยังโกรธโศอยู่จริงๆด้วย แล้วคุณรู้มั้ยคะ ว่าโศเองต้องเจ็บปวดขนาดไหน ที่ทำแบบนั้นกับคุณ"
ษมาขำๆก่อน แขวะ
"เห็นว่าได้มาเป็นร้อยล้าน เจ็บเพราะเงินทับเท้าเอาเหรอครับ"
โศภีแสร้งบีบน้ำตา
"คุณจะพูดกระทบกระเทียบแดกดันโศยังไงก็ได้ แต่ขอให้คุณรู้เอาไว้ ว่าโศไม่ได้อยากทำอย่างงั้นเลย แต่ชีวิตคนเรา มันก็มีทางเลือกไม่มากนักหรอก"
ษมาชำเลืองมองหน้าโศภีเล็กน้อย เธอปาดน้ำตาไปมา สีหน้าแววตาดูเสียใจ เจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นสุดๆ

ในอดีตเมื่อ 17 ปีก่อน เวลากลางวัน บริเวณโถงบ้านพ่อโศภี เธอกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น สันยืนหน้าเครียดอยู่ใกล้ๆ พูดด้วยความไม่สบายใจ เธอสวมกำไลเงินที่ษมาให้ด้วย
"หยุดร้องเถอะโศ พ่อหวังดีกับแกนะลูก เจ้าสัวเค้ามีเงินมหาศาล แกตายไปแล้วเกิดใหม่มาก็ยังใช้ไม่หมดเลย แกจะสุขสบายไปทั้งชาติ"
โศภีสะอึกสะอื้น
"แต่เค้าอายุมากกว่าพ่อเป็นสิบปีเลยนะคะ เกือบจะเป็นปู่หนูได้ด้วยซ้ำ"
"ก็พูดเกินไป แต่แก่ๆ ยังงี้ก็ดี อยู่อีกไม่นานก็ตายแล้ว มรดกจะได้เป็นของแกเร็วๆ ไม่ดีรึไง"
โศภีสะอึกสะอื้นเข้าไปอ้อนวอน
"หนูไม่อยากได้ หนูรักษมา เราจะแต่งงานกัน พ่ออย่าแยกเราเลยนะคะ"
สันถอนใจ เครียดๆ ลูบหัวลูกสาว
"พ่อเข้าใจลูกนะโศ แต่คิดซะว่าแกเสียสละเพื่อพ่อจะได้มั้ย"
โศภีแปลกใจ
"พ่อหมายความว่ายังไงคะ"
"แพปลาของเรา มันไม่ได้มีกำไรดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว พ่อก็เลยเอาเงินไปลงทุนเปิดร้านอาหารกับเพื่อน แต่โดนมันโกง"
โศภีมีสีหน้าอึ้งๆ ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
"พ่อไปยืมเงินเจ้าสัวเค้า ดอกมันก็พอกพูนขึ้นทุกวัน พ่อยอมรับว่าหมดปัญญาจะหาเงินใช้หนี้เค้าแล้วล่ะ แต่ก็ถือว่าโชคเรายังดี ที่เจ้าสัวเค้าชอบแก"
โศภีอึ้ง กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ สันมองลูกด้วยสีหน้าหนักใจ
"พ่อก็ไม่อยากบังคับใจแกหรอกนะ ถ้าแกไม่เต็มใจจริงๆ พ่อจะยอมให้เค้ายึดบ้านใช้หนี้ไปก็แล้วกัน"

โศภีอึ้งไปครู่ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาแล้วสวมกอดพ่อเอาไว้ รู้สึกกดดันกับชะตาชีวิตของตัวเอง

 
โศภีเดินร้องไห้กลับเข้ามาในห้องนอนตน ยกข้อมือมามองดูกำไลเงินที่ษมาให้มาเป็นของขวัญ ก็ยิ่งร้องไห้ เธอเดินมานั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ค่อยๆถอดกำไลออกมามองดู ลูบไปมาอย่างถนุถนอม ก่อนจะตัดใจหยิบกล่องใส่เครื่องประดับที่เอาออกมาจากลิ้นชัก เธอตัดใจเก็บกำไลใส่กล่อง
 
"ลาก่อนค่ะ ษมา"
โศภีตัดใจปิดกล่องยัดใส่ลิ้นชัก ฟุบหน้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง ร้องไห้โฮสะอึกสะอื้นปริ่มจะขาดใจ

ภายในห้องทำงานของษมา โศภีพูดทั้งน้ำตา
"ตลอดเวลาที่ผ่านมา โศก็มีแต่กำไลอันนั้น เป็นเครื่องปลอบใจให้หายคิดถึงคุณ...โศมีเรื่องจะพูดแค่นี้ล่ะค่ะ คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็สุดแล้วแต่คุณ"
โสภีพูดพลางซับน้ำตาแล้วพยายามกลั้นสะอื้น สะกดความรู้สึกเอาไว้ ษมานั่งฟังหน้านิ่งอยู่ที่เดิม ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ตู้โชว์ข้างห้อง โศภีมองตาม สีหน้างงๆ
ษมาเปิดลิ้นชักหาของไปมา เปิดลิ้นชักนี้ ปิดแล้วไปเปิดหาอีกลิ้นชัก
"หาอะไรเหรอคะ"
"เจอแล้ว"
โศภีเดินมาดูใกล้ๆ ด้วยความสงสัย ษมาหยิบของอย่างหนึ่งออกมาจากลิ้นชักแล้วโชว์ให้โศภีดู
"กำไลอันนี้ใช่มั้ยที่คุณบอกว่าเก็บมันไว้เป็นที่ระลึก"
โศภีตกใจหน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าษมาจะมีกำไลอันนั้นอยู่ในมือ ษมายิ้มๆบอก
"แล้วคุณรู้มั้ยว่าผมได้มันกลับมายังไง"
โศภีกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ ษมามีสีหน้าแววตาเจ็บช้ำ

วันหนึ่งในอดีตเมื่อ 11-12 ปีก่อน เวลากลางวัน ที่ร้านอาหารแห่ง ษมากำลังถือกำไลเงินวงนั้นขึ้นมองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ผู้หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นญาติของโศภี นั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่ด้วย ตอนนั้นษมาเริ่มมีเงินพอสมควรแล้ว แม้จะยังไม่รวยเท่าปัจจุบัน เขาดูกำไลจนแน่ใจว่าเป็นของที่ตนให้โศภีแน่จึงเอ่ยปาก
"ผมชอบกำไลอันนี้ จังเลยครับ ถ้าผมอยากจะขอซื้อต่อห้าพันบาท ไม่ทราบว่าคุณน้าจะขายให้มั้ยครับ"
ญาติผู้นั้นดีใจมากบอก
"ขายสิจ๊ะ กำไลแบบนี้พันนึงฉันก็ขายแล้ว นี่พ่อษมาถูกใจไอ้กำไลนี่ตรงไหนกันจ๊ะ ฉันก็ไม่เห็นจะสวยเลย"
ษมาหยิบเงินออกมา 5 พันยื่นให้ แล้วปั้นยิ้ม
"คนเราชอบไม่เหมือนกันหรอกครับ เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณน้าซื้อมาจากไหนเหรอครับ"
ญาติรีบรับเงินมาด้วยความดีใจและเล่าอย่างหมดเปลือก
"ไม่ได้ซื้อหรอกจ้ะ ของแม่โศภีเค้าน่ะ"
"โศเค้าให้คุณน้าเหรอครับ"
ญาติเบะปากหมั่นไส้บอก
"ให้ที่ไหนกัน มันทิ้งพร้อมกับกองเสื้อผ้าเก่าของมันนั่นแหละ"
ษมาได้ยินก็อึ้งไป
"ตั้งแต่ได้เป็นเมียเจ้าสัว แม่โศเค้าหัวสูง มือเติบ เสื้อผ้าข้าวของ ใช้ไม่กี่ครั้งก็ทิ้ง ของดีๆทั้งนั้น กำไลนี่ถ้าฉันไม่แอบเก็บมา เด็กรับใช้ในบ้านก็คงได้ไปใส่เล่นแล้วล่ะ"
ษมามองกำไลในมือ ด้วยสีหน้าแววตาเจ็บช้ำ

โศภีหน้าซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าษมาจะจับโกหกได้คาหนังคาเขาแบบนี้ ษมาชูกำไลต่อหน้าเธอ
"กำไลนี้ผมสั่งทำเอง มีอันเดียวในโลกไม่ซ้ำใครแน่"
โศภีหน้าเสีย อึกๆอักๆ
"เอ่อ คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะษมา ฉันไม่ได้ทิ้งกำไล"
ษมาพูดสวนขึ้น
"ช่างเถอะ ถึงคุณทิ้งก็ไม่ผิดหรอก คุณเป็นเมียเจ้าสัว มีกินมีใช้เหลือเฟือ จะเก็บกำไลราคาถูกๆแบบนี้ไว้ทำไม"
โศภีจนแต้มเลยเข้าไปกอดษมา
"โศขอโทษค่ะษมา โศผิดไปแล้ว คุณยกโทษให้โศได้มั้ย"
ษมายิ้มเยือกเย็น
"ถ้าคุณคิดถึงผมจริง ตอนที่เจ้าสัวเสียใหม่ๆ ทำไมคุณถึงไม่กลับมาหาผม" เขาค่อยๆดึงตัวโศภีออก จ้องหน้าเขม็งอย่างคาดคั้น เขาพูดต่อ
"เพราะตอนนั้นผมยังไม่ได้มีเงินเท่าคุณ ไม่เหมือนตอนนี้ที่ผมมีมากกว่า และกำลังจะได้เป็นเจ้าของคาสิโนใช่มั้ยครับ"
โศภีหน้าเสียคำพูดษมาแทงใจดำเต็มๆ เขาตัดบท
" จริงๆผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องนี้แล้วล่ะ ไม่งั้น ผมคงไม่ยอมให้คุณกลับมายืนอยู่ตรงหน้าผมยังงี้หรอก"
โศภีแอบเหยียดปากทิ้งค้อน
"ผมคิดว่าอย่างน้อยเราก็อาจจะทำธุรกิจร่วมกันได้ หรือว่าดีหน่อย ก็คงเป็นเพื่อนกันได้"
ษมามองโศภีด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนพูดต่อ
"แต่ถ้าคุณยังไม่หยุดวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของผมอีก เราคงต้องจบกันแค่นี้จริงๆ"
โศภีสีหน้าเจ็บใจปนอิจฉา
"เพราะนังนักข่าวนั่นคนเดียว คุณถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้"

โศภีมองษมาด้วยสายตาเจ็บแค้นใจสุดๆ ก่อนจะสะบัดหน้าออกจากห้องไป เขาได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ

 
ยามเช้าในท้องทะเล กูซอกำลังขับเรือพาษมา สาระวารี พิพัช และจันเลามุ่งหน้าตรงไปที่เกาะพระฮาม ทุกคนนั่งเฉยๆในเรือ ยกเว้นสาระวารีที่ถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สาระวารีหันไปพูดกับษมา
 
"เกาะพระฮามของคุณนี่ก็ไกลเหมือนกันนะ คะ ลูกค้าจะไม่เดินทางลำบากแย่เหรอ"
"ผมมีเรือเร็วจากตราดตรงไปที่พระฮามรับส่งลูกค้าอยู่แล้ว แต่อีกไม่นานคงมีเครื่องบินเล็กไว้บริการ ลองลูกค้ามีเงินเข้าคาสิโนผมได้ ก็เดินทางไม่ลำบากหรอก"
สาระวารีเบะปากหมั่นไส้
"กะจับแต่พวกกระเป๋าหนักๆล่ะสิ"
ษมายิ้มขำ
"แล้วไม่ดีรึไง จะได้สกรีนคนเล่นชั้นนึงก่อน คนที่จะมาเล่นที่คาสิโนผมก็ต้องมีเงินจริง แล้วก็มีความพร้อมที่จะเสี่ยงโชคจริงๆ"
สาระวารีโดนษมาพูดดักคอ เลยหน้าหงิก
"บ่อนก็คือบ่อน จะคนรวยคนจน ถ้าผีพนันเข้าสิง มันก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ"
สาระวารีหันไปถ่ายรูปต่อ จันเลาแอบยิ้ม พิพัชมองเหล่เพื่อนอย่างปรามๆ แถมหน้าหงิกไม่พอใจ จันเลาจึงค่อยๆหุบยิ้มไป ษมาชำเลืองมองสาระวารีถ่ายรูปไปแล้วก็ยิ้มบางๆ ดูมีความสุขที่มีผู้หญิงคนนี้มาด้วย

เรือจอดเทียบท่าที่ท่าเรือเกาะพระฮามในเวลาตาอเนื่องมา พิพัชและจันเลา เดินนำขึ้นเรือมาก่อน เพื่อคอยคุ้มกันให้ษมา
ษมาหันไปยื่นมือเพื่อให้สาระวารีจับ จะได้ช่วยขึ้นจากเรือ
"ระวังด้วย ตรงนี้น้ำลึกเลยนะ ไม่มีหาด"
สาระวารีทำหน้าไม่แคร์ ไม่กลัว ไม่รับความช่วยเหลือ เธอขึ้นเรือเอง ษมาได้แต่ยิ้มส่ายหน้า
กูซอกับคนงานกำลังช่วยกันขนของลงจากเรือ ทั้งอุปกรณ์ของสาระวารี และเสบียงอาหารที่ษมาเอามาฝากคนงานบนเกาะ
สาระวารียืนที่ท่าเทียบเรือขนาดใหญ่กวาดตามองไปรอบๆ คุยกับษมาไป พิพัชยืนคุมอยู่ประชิด แอบฟังการสนทนา
"ท่าทางเกาะนี้จะใหญ่กว่าเกาะยานกของคุณเยอะเลยนะคะ"
"ก็ใหญ่กว่าประมาณสองเท่าได้ ที่สำคัญทำเลดีกว่า ฮวงจุ้ยก็ดีเหมาะจะเปิดคาสิโน"
"แล้วพวกน้ำจืดกับไฟฟ้าล่ะคะ คุณจะทำยังไง"
"ที่นี่มีน้ำตกขนาดใหญ่อยู่อีกฟากของเกาะ มีน้ำใช้ได้ทั้งปี แต่ผมสร้างแทงค์เก็บน้ำฝนสำรองไว้แล้ว โครงการใหญ่ขนาดนี้ประมาทไม่ได้ พลาดล่ะเสียชื่อหมดกันเลย"
จันเลากระซิบบอกเพื่อน และเข้ามาลากพิพัชไปยืนห่างๆ
"ปล่อยให้เค้าจู๋จี๋กันตามลำพังมั่งสิวะ"
"เชิญแกทิ้งหน้าที่ไปคนเดียวเถอะ"
"นี่ตกลงแกกับฉัน ใครเป็นเลขา ใครเป็นบอดี้การ์ดกันแน่วะ"
พิพัชได้แต่ถอนใจรำคาญๆ
ทางษมาและสาระวารียังคุยกันอยู่
"ปัญหาใหญ่ตอนนี้ก็เรื่องสัญญาณมือถือ ยังใช้ไม่ได้"
"แล้วไฟฟ้าล่ะคะ"
"เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูเครื่องปั่นไฟจากแรงคลื่น กำลังไฟพอใช้ได้ทั้งอำเภอเลย แถมยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย"
"กรีนคาสิโน อนุรักษ์ธรรมชาติซะด้วย" สาระวารีพูดประชด
ษมายิ้มๆ ขณะกำลังจะพากันเดินไปจากท่าเรือ
ไม่คาดคิด มีเรือเร็วลำเล็กลำหนึ่ง วิ่งพ้นหลืบเกาะตรงมาทางท่าเรืออย่างเร็ว ทุกคนหันมอง เห็นบนเรือบรรทุกคนประมาณ 4-5 คน คนบนเรือลุกขึ้นยืน พร้อมกับหยิบเครื่องยิงลูกระเบิด M79 ขึ้นมา ษมาตกใจสุดขีด ตะโกนลั่น
"หลบเร็ว"
ษมารีบเข้าไปโอบตัวสาระวารี แล้วกระโดดลงทะเลพร้อมกันทันที ส่วนจันเลาและพิพัชพุ่งตัวหลบไปหาที่กำบังคนละทาง จังหวะเดียวกับที่ลูกระเบิด M 79 ถูกยิงตกลงมาที่ท่าเทียบเรือ บริเวณที่ษมา และสาระวารียืนอยู่เมื่อครู่ จนเกิดระเบิดเสียงดังลั่น ไฟลุกท่วมท่าเทียบเรือทันทีอย่างน่าสะพรึงกลัว

ร่างของษมา และสาระวารี จมดิ่งลงสู่ใต้ทะเลทันที เธอพยายามจะว่ายพาตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่เขารีบว่ายมาดึงไว้ เพราะกลัวว่าสาระวารีจะเป็นอันตราย เขาโบกมือไม่ให้ขึ้น ก่อนจะดึงสาระวารีให้ดำน้ำว่ายหนีไปกับเขาก่อน สาระวารีเข้าใจ ดำน้ำว่ายตามษมาไปติดๆ

กูซอและพวกคนงานวิ่งกลับมายิงปืนโต้ตอบกับคนร้ายเพื่อคุ้มกันพิพัชและจันเลา ทั้งคู่ออกจากที่กำบัง ยิงปืนตอบโต้คนร้ายอย่างไม่ยั้งมือ ทั้งสองฝ่ายสาดปืนรัวใส่กัน จนเสียงดังกึกก้อง

พิพัชได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีเลือดไหลที่ต้นแขนจากแรงระเบิดเมื่อครู่

 
คนร้ายส่วนหนึ่งยิงปืนตอบโต้กับบนเกาะ อีกส่วนกวาดตามองหาษมาและสาระวารี จนเห็นทั้งคู่โผล่พ้นน้ำทะเลมาจากจุดที่ห่างไปได้ซักระยะ คนร้ายคนที่ 1 ชี้
 
"มันอยู่โน่น"
คนร้ายคนที่ 2 เล็ง M 79 ไปทางษมาและสาระวารีทันที

จันเลาตกใจเห็นคนร้ายจะยิงษมาและสาระวารี เขารีบม้วนตัวหลบลูกกระสุน ก่อนจะยิงกระสุนไปที่ถังน้ำมันของเรือคนร้ายจนถังน้ำมันแตก น้ำมันไหลออกมา
จันเลาจะยิงซ้ำ แต่กระสุนหมดก่อน เขามีสีหน้าเจ็บใจ หันไปบอกพิพัช
"ยิงถังน้ำมัน"
พิพัชมองตาม แล้ววิ่งออกมาจากที่ซ่อนอย่างไม่กลัวตาย พร้อมกับเล็งยิงซ้ำไปที่ถังน้ำมันของเรือคนร้าย

ษมามีสีหน้าเบิกโพลงด้วยความตกใจมาก สั่งสาระวารี
"ดำน้ำเร็ว"
ษมากดสาระวารีให้ดำน้ำไปด้วยกัน ทันทีที่ทั้งคู่ดำน้ำลงไปก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เรือคนร้ายไฟลุกท่วม

พิพัชตะโกนลั่น
"รีบไปช่วยคุณษมาเร็วเข้า"
พิพัชจะลุก แต่ไม่ไหวด้วยความเจ็บแผล เลือดไหลอาบ
"แกอยู่นี่ล่ะ" จันเลาบอกและหันไปสั่งคนงาน
"กูซอ พาคนเจ็บไปที่แคมป์ ใครไม่เจ็บตามฉันมา"
จันเลาวิ่งไล่เลียบไปตามขอบแนวเกาะเพื่อหาทางช่วยษมาและวารี คนงานอื่นวิ่งตามไปช่วยกันแยกหา บ้างก็โดดน้ำลงทะเลไปหา

ษมา หิ้วปีกสาระวารีเดินลุยทะเลขึ้นฝั่งมาที่หาดอีกด้านของเกาะ เธอเข่าอ่อนนั่งหมดแรง เขาคุกเข่าลงข้างๆ ด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"คุณเป็นอะไรรึเปล่า"
สาระวารีมองตัวเองกลอกตาไปมา
"คิดว่าไม่นะ หรือว่าเราเป็นวิญญาณไปแล้ว"
ษมาขำๆ เลื่อนมือไปแนบแก้มสาระวารี
"รู้สึกมั้ย"
สาระวารีปัดมือษมาออกแรงๆ ตาเขียว
"อย่ามาฉวยโอกาส เดี๋ยวจะโดน"
ษมายิ้มๆ
"คราวนี้เชื่อผมรึยัง ว่าทำไมผมถึงต้องระวังตัวตลอดเวลา"
สาระวารีหน้าจ๋อยๆ อดเป็นห่วงไม่ได้
"แล้วคุณล่ะเป็นอะไรรึเปล่า"
"แค่นี้เรื่องเล็ก ไปต่อไหวมั้ย"
"ไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะค่ะ"
"ผมทำทางเดินลงหาดไว้แล้ว ไกลหน่อยแต่เดินไม่ยากหรอก"
สาระวารีลุกขึ้นยืนแต่ยังเข่าอ่อน ขาย่อลง ษมาประคองแขนเอาไว้
"ไหวแน่นะ"
สาระวารีดีดตัวออก
"ฉันอายุน้อยกว่าคุณเยอะ"
สาระวารีเดินดุ่ยๆ นำกลับไปตามทางเดิน ษมายิ้มๆ ก่อนจะกวาดตามองซ้ายขวาให้แน่ใจว่าปลอดภัยแล้วรีบเดินตามประกบคุ้มกันสาระวารีกลับไปหาทุกคน

บริเวณแคมป์คนงาน มีคนงานบาดเจ็บหลายคนแต่ไม่หนักมาก พิพัชกำลังช่วยกันดูแลปฐมพยาบาลคนงานที่บาดเจ็บอยู่ จันเลาเดินกลับเข้ามาที่แคมป์บอกพิพัช
"เจอคุณษมาแล้ว ปลอดภัยทั้งสองคน"
พิพัชมีสีหน้าโล่งอก
ษมา กับสาระวารีเดินตามกลับเข้ามาที่แคมป์ พิพัชดีใจมาก รีบเข้าไปหา
"คุณษมาเป็นอะไรรึเปล่าครับ"
"ฉันกับวารีปลอดภัยดี"
พิพัชเหลือบตามองสาระวารีเล็กน้อย สีหน้าแววตาเฉยๆ ษมากวาดตามองดูด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"พวกเราเป็นยังไงกันมั่ง"
"มีคนงานบาดเจ็บหลายคนครับ แต่ไม่หนักหนาอะไร ที่หนักสุดก็พวกเครื่องมือสื่อสาร คงติดต่อกลับไม่ได้แล้วล่ะครับ" พิพัชบอก
ษมาพยักหน้ารับทราบ สีหน้าหนักใจ สาระวารีเหลือบเห็นแผลที่ไหล่พิพัช
"อ้าว นี่คุณก็บาดเจ็บนี่คะ"
"โดนแค่ถากๆ ไม่เป็นอะไรมากหรอก"
สาระวารีหมั่นไส้
"ไม่มากก็ต้องทำแผลค่ะ เดี๋ยวติดเชื้อขึ้นมาจะยุ่ง ไป เดี๋ยวฉันทำแผลให้"สาระวารีจับแขนพิพัช
ข้างที่เจ็บจนเขาร้องลั่น
" โอ๊ยๆ เบาๆสิคุณ แผลจะฉีกก็เพราะคุณนี่ล่ะ"
สาระวารีไม่ฟังเสียง ลากพิพัชไปปฐมพยาบาลจนได้ ษมาสีหน้าเครียด หันไปพูดกับจันเลา
"คอยจับตาดูทุกคนเอาไว้นะ ฉันมั่นใจว่ามีหนอนบ่อนไส้แน่ๆ"
จันเลาตกใจ
"ทำไมคุณษมาคิดอย่างงั้นล่ะครับ"
"ปกติที่พระฮามมีเวรยามตลอด ไม่มีใครบุกเข้ามาได้ง่ายๆ แต่เพราะวันนี้ฉันมาที่นี่ เวรยามก็เลยไม่รัดกุม ถ้าไม่มีคนในเป็นสายให้ จะรู้ความเคลื่อนไหวขนาดนี้ได้ยังไง"

จันเลาคิดตาม แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย ษมาสีหน้าเคร่งขรึม หนักใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

จบตอนที่ 3

อ่านต่อตอนที่ 4 เวลา 17.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น