เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 7
ระพีกับจ่าสมหมายกำลังช่วยกันเก็บข้าวของเครื่องใช้ใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง ผู้ใหญ่ต้องคอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆ ระพียังคงข้องใจ ไม่อยากเชื่อว่าดาวจะขับไล่เขาออกไป
“จริงหรือครับผู้ใหญ่ที่ดาวเค้าไม่อยากให้ผมอยู่ที่นี่”
“แต่เท่าที่ชั้นเห็นกำนันธงมา แกไม่เคยพูดเล่น หรือโกหกใคร”
“งั้นก็ต้องเป็นเรื่องจริง ที่ผ่านๆ มา เฮียกับคุณดาวก็ไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้วนี่”
“แต่ชั้นก็แค่แหย่ ไม่เล่นคิดว่าจะทำให้ดาวเกลียดผมแบบนี้”
ระพีเดินหน้าเศร้าออกไปยืนมองหน้าต่าง พยายามสะกดกลั้นความรู้สึก
“ถ้าคู่กันแล้ว ยังไงก็คงไม่แคล้วกันหรอกครับคุณระพี”
“แต่ถ้ามันไม่ใช่คู่ ก็คงต้องตัดใจใช่มั๊ยผู้ใหญ่”
“คงงั้น”
ผู้ใหญ่ต้องและจ่าสมหมายรู้สึกเห็นใจระพี
เย็นวันเดียวกันนั้นขณะที่ศรีนวลกำลังทำงานอยู่ในครัว ดาวเดินเข้ามา
“แม่”
“มีอะไรดาว”
“แม่รู้ตัวมั๊ยว่าใครที่มันมาลอบยิงคุณระพี”
“เรื่องนี้ต้องไปถามคุณระพี ว่าเค้าไปมีเรื่องกับใคร”
“หรือว่าจะเป็นพวกไอ้บันลือ เพราะก่อนหน้านี้มันก็ให้ตำรวจจับคุณระพีไปขังไว้ จริงซิ ถ้าโดนลอบยิงแบบนี้ ต่อไปคุณระพีคงตกอยู่ในอันตราย”
“ดาว แม่ถามจริงๆ เถอะ ลูกชอบคุณระพีใช่มั้ย”
ดาวนิ่งอึ้ง พูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบยังไง
ศรีนวลพาดาวมาหยุดที่ท่าน้ำ ยืนมองบรรยากาศยามเย็น สักครู่ศรีนวลก็ตัดสินใจเล่าเรื่องในอดีตของเธอให้ดาวฟัง
“ดาวเคยถามแม่มาตลอดใช่มั๊ยว่าพ่อของดาวเป็นใคร”
“ค่ะ แต่แม่ไม่เคยตอบดาวเลย”
“ที่แม่ไม่ตอบก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดให้กับทุกคน”
“แม่หมายความว่าอะไรคะ”
“พ่อของลูก ไม่ใช่คนลานเท เขามาจากกรุงเทพฯ แม่ผิดที่ไปเผลอตัวเผลอใจให้กับเขาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน”
“พ่อทิ้งแม่ไปเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ เค้าทิ้งแม่ ทิ้งลานเท แล้วก็หายไปจากชีวิตพวกเรา เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังมีลูกสาวอีกคนที่ชื่อดาว”
“แล้วตอนนี้พ่ออยู่ที่ไหน”
“ตายไปแล้ว ตายไปจากความทรงจำของแม่และคนลานเท” ศรีนวลน้ำตาเอ่อซึมดวงตา ดาวเข้าไปกอดเพื่อปลอบใจ “เรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับดาวอีก ดาวคงเข้าใจที่แม่พูดนะลูก”
“จ้ะแม่ ดาวเข้าใจ แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร”
“ที่ผ่านมา แม่ก็เห็นนี่คะว่าคุณระพีเค้าไม่ใช่คนเลว ถึงดาวกับเค้าจะทะเลาะถกเถียงกันบ่อยๆ แต่ก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ดาวไม่อยากให้แม่รีบตัดสินเค้าเร็วเกินไป ไม่ใช่ว่าดาวไม่เชื่อแม่นะจ้ะ เพียงแต่ดาว...”
“จ้ะ ดาวยังไม่ต้องเชื่อแม่ก็ได้ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดาวต้องคิดถึงศักดิ์ศรีของความเป็นผู้หญิง อย่าปล่อยให้ใครมาย่ำยีง่ายๆ”
ศรีนวลรู้สึกหนักใจ ที่ดาวยังไม่รู้สึกถึงคำเตือน ดาวรู้สึกสะเทือนใจในความรักของตัวเองที่เพิ่งจะเริ่มก่อตัว แต่ก็ต้องมาพบกับอุปสรรคที่ใหญ่หลวง
เช้าวันรุ่งขึ้นชาวบ้านพากันมาทำบุญที่วัด ขณะนั้นเจ้าอาวาสกำลังกวาดลานวัดอยู่ สักครู่ก็เห็นระพีเดินเข้ามาคุกเข่าไหว้
“มีอะไรโยม”
“ผมจะมาทำบุญน่ะครับหลวงพ่อ”
“ถ้ามาทำบุญวันพระ คงต้องรอสายอีกนิด ให้ชาวบ้านมาให้พร้อมก่อนนะโยมนะ”
ระพีหยิบเงิน 5 หมื่นซึ่งใส่ซองไว้ออกมาถวายพระ
“คือผมจะมาถวายเงินให้หลวงพ่อนำไปสร้างสาธารณะประโยชน์น่ะครับ เงินทั้งหมดเป็นของคนที่นี่ก็น่าจะสร้างประโยชน์กับคนบ้านลานเทให้มากที่สุดครับ”
“ท่าทางเหมือนโยมกำลังจะไปไหน”
“จะเข้ากรุงเทพฯน่ะครับ พอดีผู้ใหญ่ต้องแกฝากไปกับเรือคนรู้จัก แต่กว่าจะมาก็คงประมาณ แปดเก้าโมงน่ะครับ”
ระพีก้มลงกราบ แล้วจากนั้นก็เดินกลับออกไปสวนกับพวกชาวบ้านที่กำลังเดินมาทำบุญ หลวงพ่อกำลังจะกวาดพื้นต่อ แต่พบว่าระพีทำสมุดโน้ตตกเอาไว้
ผู้ใหญ่ต้องกับจ่าสมหมายเดินลงมาจากบ้าน ระพีเข้ามาสมทบ จากนั้นก็ช่วยกันหิ้วสัมภาระลงจากบ้าน
“เดี๋ยวเราไปรอที่ท่าเรือหน่อยนะ ป่านนี้เจ้าของเรือคงใกล้จะถึงแล้ว”
“แต่ผมยังไม่ได้ลากำนันธง แม่ศรีนวล แล้วก็คนอื่นๆ เลยครับ”
“ประเดี๋ยวจะไม่ทันเรือน่ะซิ แล้วอีกอย่าง วันนี้วันพระ กำนันธง แม่ศรีนวล และคนอื่นๆ คงจะไปทำบุญที่วัดกันหมด”
“ฝากลาก็ได้มั๊งครับเฮีย”
“ครับ งั้นผมฝากผู้ใหญ่ลาทุกคนแทนผมด้วยนะครับ”
ระพีช่วยสมหมายหิ้วสัมภาระแล้วเดินตามผู้ใหญ่ต้องไป
กำนันธง ศรีนวล ดาว บุญเหลือ เดือน เดินขึ้นมาบนศาลาเพื่อทำบุญกัน กำนันธง ศรีนวล แยกตัวไปทักทายพวกชาวบ้าน ดาว บุญเหลือและเดือนนั่งรวมกันอยู่ที่มุมหนึ่ง สักครู่เจ้าอาวาส และพระที่วัดก็เดินมาเพื่อขึ้นประจำที่นั่ง แต่เจ้าอาวาสหยุดแวะที่จุดซึ่งดาวนั่งอยู่
“โยม”
“เจ้าคะหลวงพ่อ”
“โยมผู้ชายที่ชื่อระพีน่ะเขาเพิ่งมาเมื่อตะกี้”
“มาทำไมเจ้าคะ”
“เขาเอาเงินมาถวายอาตมา บอกว่าเพื่อประโยชน์ของคนลานเท”
“ถวายเงินเท่าไหร่ครับหลวงพ่อ”
“5 หมื่น”
ดาว บุญเหลือมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
“แต่เค้าทำไอ้นี่ตกไว้ โยมช่วยเอาไปคืนเค้าทีนะ เห็นว่ากำลังจะขึ้นเรือกลับกรุงเทพฯวันนี้แล้ว” เจ้าอาวาสส่งสมุดโน๊ตให้ บุญเหลือรับมา ดาวตกใจ ไม่คิดว่าระพีจะไปโดยไม่บอกกล่าว “ถ้าเอาไปคืนตอนนี้น่าจะทัน เห็นว่าต้องไปรอเรือมารับ”
พูดจบ เจ้าอาวาสก็เดินไปประจำที่นั่ง บุญเหลือส่งให้ดาว ดาวรับสมุดมาแต่ยังไม่ได้เปิดอ่าน
“ดาวเอาไปคืนคุณระพีซิ”
“แต่ว่า”
“ยังไม่ได้ลากันเลยนี่ ไปซิ พี่กับคุณเดือนไม่บอกแม่กับตาหรอก”
ดาวมองไปที่ศรีนวล และกำนันธงซึ่งอยู่ห่างออกไป และยังคงทักทายปราศัยกับชาวบ้านอย่างออกรส ดาวตัดสินใจคลานออกจากศาลาไป
ที่ท่าเรือ เรือลำหนึ่งแล่นเข้ามาจอด ระพี จ่าสมหมาย ผู้ใหญ่ต้อง รีบลุกขึ้นเตรียมสัมภาระ
“ฝากไอ้หนุ่มสองคนนี่เข้ากรุงเทพฯทีนะ” ผู้ใหญ่ต้องบอกกับเจ้าของเรือ
“ได้ซิผู้ใหญ่”
จ่าสมหมายเป็นคนเอาของขึ้นเรือ ระหว่างที่ระพีคุยกับผู้ใหญ่ต้อง
“จะลงท่าไหนกันล่ะ” ผู้ใหญ่ต้องถามระพี
“ท่าเกียกกาย หรือเขียวไข่กาก็ได้ครับ”
“งั้นก็ไม่มีปัญหา เรือเจ้าเนี๊ยะเค้าไปสุดที่ท่าเตียน”
“เอาของขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว” จ่าสมหมายบอก
“งั้นผมลานะครับ”
“โชคดี”
เรือแล่นออกจากท่าไป ผู้ใหญ่ต้องยืนโบกมือจนเรือแล่นไปกลางแม่น้ำ ผู้ใหญ่ต้องหันหลับมาเป็นจังหวะเดียวกับที่ดาววิ่งเข้ามา
“เรือไปแล้วเหรอ”
“เพิ่งลัดโค้งไปเมื่อกี้ มีอะไร”
ดาวไม่ตอบ พยายามวิ่งไปตามถนนริมตลิ่งเพื่อตามไป
ดาววิ่งไล่ตามเรือซึ่งกำลังแล่นอยู่กลางแม่น้ำห่างออกไป โดยคนบนเรือไม่มีใครเห็น ดาววิ่งพลางตะโกน
“คุณระพี ระพี”
ดาววิ่งตามเรือไปพลางตะโกน ความรู้สึกต่างๆ ท่วมท้นออกมา เพราะนี่คือการจากลา บางทีเธอกับเขาอาจจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแล้ว ดาวอยากให้ระพีซึ่งนั่งหันหลังอยู่บนเรือได้เหลียวมามองบนฝั่ง อย่างน้อยก็เป็นการเห็นหน้ากันครั้งสุดท้าย ดาวจึงพยายามตะโกนสุดเสียง
“คุณระพี คุณระพี”
ดาวเริ่มเหนื่อย เป็นจังหวะเดียวกับที่ระพีซึ่งอยู่บนเรือเปลี่ยนอิริยบทกำลังหันมา แต่แล้วดาวกลับสะดุดล้มลงไป ทำให้เมื่อระพีหันมามองบนฝั่งจึงไม่เห็นดาว ดาวพยายามลุกขึ้นแต่ความเหนื่อยอ่อนทำให้ลุกไม่ไหว ดาวมองใบหน้าระพีบนเรือเป็นครั้งสุดท้ายด้วยใบหน้านองน้ำตา
“คุณระพี ลาก่อน”
ดาวมองเรือของระพีแล่นไปจนลับตา ขณะที่ระพีก้มหน้าเศร้าไม่รู้ว่าดาวเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
วันต่อมาที่ห้องประชุมกรมตำรวจ ระพี จ่าสมหมายกำลังรายงานเรื่องกับเลอสรและนายตำรวจคนอื่นๆ ฟังอยู่
“ลานเทเป็นเขตอิทธิพล ของกลุ่มโจร 2 กลุ่ม คือกลุ่มของสมิง ที่ผมเคยให้ข้อมูลไปแล้วกับอีกกลุ่มนั่นคือ กลุ่มของเถ้าแก่ชิ้น ซึ่งมีลูกชายชื่อบันลือเป็นหัวหอก”
“ผมมีข้อมูลในทางลับ รายงานมาว่าเสือมเหศักดิ์ที่เคยเข้าใจว่าหายสาปสูญ ที่แท้ก็หมกตัวอยู่ในแก๊งของเถ้าแก่ชิ้นเช่นกัน”
“ครับ งั้นก็แสดงว่าแก๊งของเถ้าแก่ชิ้น มีขุมกำลังใหญ่กว่าที่เราคิดอีกนะครับ”
“เถ้าแก่ชิ้นค่อนข้างมีอิทธิพลกับตำรวจในพื้นที่ สามารถบงการตำรวจในพื้นที่จับผู้กองเข้าคุกได้”
“จริงๆ แล้ว ผู้กองสามารถหนีการจับกุมได้อยู่แล้ว แต่ผู้กองไม่ยอมทำเอง”
“คงกลัวจะเกิดการสูญเสีย”
“ครับท่าน ผมยอมที่จะเข้าห้องขัง ดีกว่าที่จะยิงพวกเดียวกัน”
“กรมตำรวจจะต้องภูมิใจที่อย่างน้อยก็ยังมีตำรวจดีๆ อย่างคุณทำงานอยู่”
“ขอบคุณครับ ผู้การ”
“เอาละ วันนี้คงพอแค่นี้ คุณสองคนทำได้ดีมาก เรื่องที่คุยกันวันนี้คุณไปสรุปมาเป็นเปเปอร์แล้วส่งเข้าแฟ้มให้ผมด้วย”
“ครับผม”
ทุกคนเลิกประชุม ต่างแยกย้ายกันออกจากห้อง เลอสรรเดินเข้ามาตบไหล่ชมเชยระพี แล้วเห็นสร้อยเพชรเดินเข้าห้องมา
“ประชุมกันห้องนี้เอง สวัสดีค่ะผู้กอง” สร้อยเพชรทักระพี
“ยังจำกันได้ใช่มั้ยคะ”
“ครับผม ผมต้องจำคุณสร้อยเพชรภรรยาของได้อยู่แล้วครับ”
“เมื่อวันก่อนไปทานข้าวกับท่านรัฐมนตรีภาณุ พ่อของผู้กองยังคุยกันถึงผู้กองอยู่เลยนะคะ “
“พ่อคงนินทาผมแหลกเลยซิครับ”
“ที่ไหนได้ ท่านรัฐมนตรีปลื้มที่มีลูกชายเก่งๆ อย่างผู้กองมากกว่า เอาไว้วันหลังต้องขอเลี้ยงข้าวผู้กองซักมือนะคะ”
“ได้ครับผม ผมขอตัวก่อนนะครับ มีงานต้องส่งอีกเยอะเลยครับ”
ระพีทำความเคารพเลอสรร แล้วเดินออกไป สร้อยเพชรมองตามอย่างชื่นชม
“คุณคะ ผู้กองระพี มีแฟนหรือยังคะ”
“ยังไม่มี ถามทำไม”
“เอาไว้ถ้ายายเดือนกลับมาจากลานเทเมื่อไหร่ ชั้นว่าเราน่าจะนัดให้สองคนนี้เจอกันนะคะ”
“ตกลงจะเป็นแม่สื่อให้ลูกสาวว่างั้นเถอะ”
“แหม ได้ลูกเขยดีๆ แบบนี้ คุณไม่อยากได้หรือไง”
“ผมว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับลูกค้านะ เคยได้ยินไหม ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน”
“หมั่นไส้”
สร้อยเพชรหมั่นไส้เลอสรรที่ไม่ค่อยรับมุกของเธอเท่าที่ควร ทั้งคู่พากันเดินออกจากห้องไป
เช้าวันรุ่งขึ้นดาวและบุญเหลือเดินมาด้วยกันโดยดาวสะพายกระเป๋า ส่วนในมือก็ถือสมุดโน้ตของระพีไว้แน่น ดาวยืนไหมองสมุดโน้ตไป แต่ไม่ยอมเปิดอ่านข้างใน บุญเหลือสงสัย ไม่รู้ว่าดาวเป็นอะไร เอาแต่มองสมุดโน้ต
“สองสามวันนี่ เป็นอะไรไปวะดาว ท่าทางแปลกๆ”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“ในสมุดโน้ตคุณระพี เค้าเขียนอะไรไว้บ้างล่ะ ไหนดูหน่อย”
บุญเหลือจะแย่งสมุด แต่ดาวไม่ให้
“ไม่ได้ เปิดไม่ได้ ไม่ใช่ของเรา”
“แล้วเอ็งไม่อยากรู้หรือไงว่าข้างในเค้าเขียนอะไรไว้บ้าง”
“ไม่ มันเป็นเรื่องส่วนตัว ชั้นไม่อยากรู้”
“งั้นเอ็งก็ทิ้งไปได้แล้ว จะเก็บไว้ทำไม”
“ก็เอาไว้คืนเจ้าของนะซิ”
ดาวเก็บสมุดโน้ตไว้ในกระเป๋าสะพาย
“คิดเหรอว่าจะกลับมา”
ดาวนิ่งอึ้ง ไม่สามารถพูดต่อไปได้เพราะรู้สึกสะเทือนใจกับการจากไปของระพี
ที่ลานบ้านกำนันธง ศรีนวลกำลังนั่งหั่นผักอยู่บนแคร่แถวนั้น สักครู่ดาวและบุญเหลือก็เดินเข้ามานั่งด้วย ดาววางกระเป๋าสะพายไว้กับแคร่
“ไปไหนกันมาแต่เช้า แม่ยังไม่ได้ทำข้าวเลย หิวกันหรือยัง”
“ยังจ้ะแม่ พอดีนอนไม่ค่อยหลับ”
“กลางคืนไม่ยอมหลับยอมนอนเลยแม่ เอาแต่นั่งเหม่อ ถามอะไรก็ไม่บอก” บุญเหลือฟ้อง
“พูดมาก”
ดาวรำคาญไม่อยากให้บุญเหลือพูดเรื่องสะเทือนใจจึงลุกเดินหนีไป ทิ้งกระเป๋าสะพายไว้ที่แคร่
ดาวเดินเข้ามาหยุดยืนมองเศร้าๆ คิดถึงเมื่อครั้งที่ระพีเคยมาพักอยู่ ดาวนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เคยแกล้งระพี ขณะที่ระพีพักอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่ต้อง
ผู้ใหญ่ต้องเพิ่งกลับจากนา เดินเข้ามาเห็น
“อ้าว ดาว มายืนเหม่อทำไมที่นี่”
“เอ้อ...เปล่าจ้ะ เปล่า ไม่มีอะไรจ้ะ”
“ตั้งแต่คุณระพีไม่อยู่ บ้านข้าก็เหงาไปถนัดตาเลยว่ะ ไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะได้เจอกัน”
“เค้าคงไม่มาที่นี่แล้วหล่ะน้า”
“ก็เอ็งไม่น่าไปไล่เค้านี่”
“ชั้นไล่ ไล่เมื่อไหร่”
“ก็เอ็งฝากกำนันธงให้ไปไล่เขาไม่ใช่เหรอ ข้ารู้ว่าความจริงคุณระพีคงยังไม่อยากไปจากที่นี่หรอก”
“ตาทำแบบนั้นได้ยังไง”
ดาวรู้สึกฉุนเมื่อรู้ความจริง เธอจึงรีบวิ่งกลับบ้านไป ผู้ใหญ่ต้องเพิ่งรู้สึกตัวว่าพูดมาก
“ตายแล้ว นี่เราพูดมากไปหรือเปล่าวะ”
ผู้ใหญ่ต้องหน้าเสียที่หลุดปากออกไป
ที่ลานบ้านกำนันธง บุญเหลือกำลังเปิดสมุดโน้ตของระพีให้ศรีนวลและกำนันธงดู ดาววิ่งเข้ามาโดยยังไม่ทันสังเกตว่าทุกคนกำลังดูสมุด บุญเหลือรีบเอาสมุดโน้ตซ่อน
“ตา ทำไมตาต้องเอาชื่อดาวไปอ้างกับคุณระพี”
“อ้างอะไร”
“ก็อ้างว่าดาวไม่อยากให้เค้าอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ชอบเค้าตาก็น่าจะไล่เค้าเอง ไม่ควรเอาชื่อดาวไปอ้าง”
“ข้ายอมรับ ว่าข้าผิด”
“แต่ที่ตาทำไปก็เพราะความหวังดีนะดาว ตาต้องการตัดไฟแต่ต้นลม”
“แล้วเรากำลังเข้าใจคุณระพีผิด เค้าเอาเงินใช้หนี้ไปบริจาคให้วัด ถ้าเค้าเป็นคนไม่ดี ก็คงไม่ทำแบบนั้น”
“คุณระพีอาจจะไม่ใช่คนเลว แต่เค้าก็ไม่ได้จริงใจกับพวกเรา ดาวคงไม่รู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไร” ศรีนวลดึงสมุดโน้ตจากที่ซ่อนของบุญเหลือออกมา “ดาวลองอ่านสมุดโน้ตของเค้าดู ก็จะรู้ความจริง”
ดาวรับสมุดจากศรีนวลมาเปิดอ่าน
“มีทั้งแผนที่หมู่บ้านของเรา มีทั้งบันทึกเรื่องของสมิง แล้วก็หลายต่อหลายอย่างที่ทำให้เราตาสว่าง” ดาวถึงกับอึ้ง
“คุณระพีเป็นตำรวจ”
“เรื่องหนี้สิน 5 หมื่น มันก็แค่ข้ออ้างที่จะทำให้เค้าอยู่ลานเทนานๆ”
“การที่เค้าเอาเงินไปบริจาควัด ก็คงจะละอายใจ ไม่ใช่เพราะความเป็นคนดีอะไรหรอก”
ดาวนิ่งอึ้ง เสียใจที่รู้ความจริงเกี่ยวกับระพี
เย็นวันนั้นดาวนั่งนิ่งมองสายน้ำและพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับฟ้าอย่างเศร้าสร้อย ศรีนวลเดินมายืนมอง แล้วเข้าไปนั่งข้างๆ ดาวหันมาแล้วเข้าไปกอด
“แม่จ๋า แม่โกรธดาวใช่มั๊ยที่ดาวไม่เชื่อฟัง”
“แม่ไม่เคยโกรธดาวหรอกจ้ะ แม่รู้ ถ้าเรารักใคร เราก็มักจะมองข้ามในสิ่งที่ผู้ใหญ่ตักเตือน”
“ดาวขอโทษแม่นะจ้ะ ถ้าหากดาวเคยล่วงเกินแม่”
“จ้ะ ไม่มีความรักอะไรจะยิ่งใหญ่เกินความรักของพ่อแม่หรอกนะลูก”
ดาวก้มลงกราบศรีนวลด้วยความสำนึกผิด
วันต่อมาเกียรติกล้ากำลังนั่งเล่นในเรือเร็วของชาวบ้าน โดยมีชาวบ้านคอยสอนวิธีขับเรือให้ สักครู่ก็เห็นขจรศักดิ์ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาที่ท่าเรือ
“โห...ไปเอามอเตอร์ไซค์มาจากไหน”
“ก็ของชาวบ้านแถวนี้แหละ” ขจรศักดิ์บอกพร้อมกับชูปืนที่พกมาขึ้น “ฮ่ะๆ เรามาแข่งกันมั๊ย”
“เรือกับมอเตอร์ไซค์เนี่ยะนะ”
“ใช่ มาลองดู ว่าใครจะเร็วกว่ากัน”
เดือนเดินเข้ามา
“เกียรติกล้า”
“มีอะไรอีกล่ะพี่เดือน”
“วันนี้เราต้องกลับกรุงเทพฯกันแล้ว ทำไมมาเล่นอะไรกันอีก”
“เบื่อจริงพี่เดือนนี่ อะไรก็ไม่รู้ ผมจะขับเรือเล่น” เกียรติกล้าบอกอย่างรำคาญ
“ไม่ได้นะ แกจะไปไหนไม่ได้ ชั้นไม่ยอม”
เดือนเดินมานั่งในเรือ เกียรติกล้าเซ็ง ขณะที่ขจรศักดิ์ขยิบตาส่งสัญญาณให้ออกเรือ
“ไม่ยอมใช่มั๊ย ได้เลย”
เกียรติกล้าออกเรือแล้วขับไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับขจรศักดิ์ที่บิดมอเตอร์ไซค์ออกไป ดาวและบุญเหลือ ยืนมองเหตุการณ์
“นี่เค้าจะแข่งกันเหรอเนี่ยะ”
“ทำอะไรบ้าๆ ประเดี๋ยวได้เรื่องแน่ ไปเร็วดาว รีบตามไป”
ดาวและบุญเหลือรีบคว้าจักรยานซึ่งจอดอยู่ที่ท่าน้ำแล้วถีบออกไป
เรือของเกียรติกล้าและรถของขจรศักดิ์ กำลังเร่งเครื่องแข่งกันอย่างเมามันส์ เดือนอยู่ในเรือ จับเรือไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว
“หยุดนะเกียรติกล้า พี่บอกให้หยุด”
“ฮ่ะๆ สุดยอด ฮ่ะๆ สุดยอด”
เกียรติกล้าเร่งความเร็วเครื่องด้วยความประมาท แล้วสักครู่ก็เกิดอุบัติเหตุเรือพลิกคว่ำ เดือนและเกียรติกล้าจมน้ำ บุญเหลือและดาวขี่จักรยานมาจอดบนสะพาน
“แย่แล้ว คุณเดือนว่ายน้ำไม่เป็น”
บุญเหลือกระโดดลงจากสะพาน แล้วว่ายน้ำไปช่วยเดือน ขณะที่เกียรติกล้าว่ายน้ำขึ้นฝั่งเอง
บุญเหลือว่ายน้ำพาเดือนเข้าฝั่ง ขณะที่เกียรติกล้านอนสลบไสลเหนื่อยอ่อน ดาวรีบวิ่งเข้ามาช่วยบุญเหลือดึงร่างของเดือนขึ้นมาจากน้ำ
“คุณเดือน เป็นยังไงบ้างคะ คุณเดือน”
ดาวพยายามช่วยเดือนฝายปอด แต่เดือนยังคงนอนนิ่ง ไม่ฟื้น
“ต้องเอาน้ำออกจากปอดให้ได้” บุญเหลือบอก
“ทำไง”
บุญเหลือแบกร่างเดือนใส่บ่าให้หัวห้อย หน้าคว่ำลง โดยมีดาวคอยช่วย จากนั้นบุญเหลือก็แบกร่างเดือนวิ่งเหยาะๆ เป็นวงกลมเพื่อให้น้ำที่ท่วมปอดไหลออกมาจากร่างของเดือน เกียรติกล้าฟื้นขึ้นมาเห็นก็บุญเหลือเข้าใจผิด
“เฮ้ย นั่นแกจะทำอะไรพี่สาวชั้น ปล่อยนะ”
เกียรติกล้าเข้าไปกระชากร่างของเดือนออกมาจากบุญเหลือ ทำให้บุญเหลือเสียหลัก ล้มลงโดยที่กอดเดือนเอาไว้ในอ้อมแขน เกียรติกล้าโกรธคิดว่าบุญเหลือกำลังลวนลามเดือน
“ผมกำลังช่วยพี่สาวคุณอยู่นะ”
“ใครเชื่อก็บ้า ปล่อยพี่ชั้นเดี๋ยวนี้”
“หยุดบ้าซะทีเกียรติกล้า ถ้าจะเลวก็ไปเลวที่อื่น” ดาวบอกอย่างเหลืออด
“หนอย...นังดาว แกด่าชั้น”
เกียรติกล้าชกเปรี้ยงแต่ดาวหลบทัน ดาวล้มลงคว้าท่อนไม้ขึ้นมาฟาดเกรียติกล้าที่หัวล้มหัวกระแทก ขจรศักดิ์เพิ่งมาถึงรีบเข้ามาพยุงเกียรติกล้า
“เฮ้ย...แกกำแหงมาทำแบบนี้กับหลานเจ้าของที่ดินได้ยังไง”
เกียรติกล้าหันไปเห็นปืนซึ่งขจรศักดิ์ถือไว้จึงคว้าปืนจากขจรศักดิ์ แล้วเล็งไปทางดาว
“แก...ตาย”
แต่ก่อนที่เกียริตกล้าจะลั่นกระสุนออกไป ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ปืนในมือของเกียรติกล้าหลุดกระเด็นจากมือไป
ศรีนวลลดปืนในมือลง เธอนั่นเองที่เป็นคนลั่นกระสุนเพื่อช่วยดาวเอาไว้ เกียรติกล้าหันไปมอง
“ทำแบบนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย” กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง และลุงมหาได้ยินเสียงปืนก็พากันวิ่งเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นศรีนวล”
“ไม่มีอะไรหรอกพ่อ แค่เด็กทะเลาะกัน”
“ชั้นไม่ยอมจบง่ายๆ แน่ นังดาว แกจำไว้ แกทำฉันหัวแตก ชั้นจะเอาเรื่องแกให้ถึงที่สุด”
เดือนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“คุณเดือนฟื้นแล้วครับ”
“คุณเดือนครับ ไม่เป็นอะไรนะครับ”
“ค่ะ เดือนไม่เป็นอะไร โชคดีที่บุญเหลือมาช่วย”
เดือนมองไปรอบๆ โดยไม่ได้รับรู้ว่าเกียรติกล้าเพิ่งจะมีเรื่องกับดาว เกียรติกล้ามองดาวด้วยความอาฆาต
ชาวบ้านช่วยกันขนกระเป๋าเดินทาง สัมภาระมาใส่เรือ โดยมีศรีนวล พยุงเดือนให้เดิน ตามด้วยบุญเหลือ ลุงมหา เกียรติกล้า ขจรศักดิ์ กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง
“คุณเดือนแน่ใจนะคะว่าไม่เป็นอะไรแล้ว”
“ค่ะ เดือนหายดีแล้ว”
“กลับไปแล้วอย่าลืมไปให้หมอตรวจดูอีกทีนะคะ”
“ค่ะ แม่ศรีนวลไม่ต้องห่วง”
เร็วๆ หน่อยพี่เดือน ผมจะกลับบ้าน”
“ท่าทางคงจะเป็นเรื่องใหญ่แน่กำนัน แม่ศรีนวล” ลุงมหาบอก
“อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดค่ะ ศรีนวลทำใจไว้แล้ว”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 7 (ต่อ)
เดือนเข้ามาหาศรีนวล
“เดือนลานะคะแม่ศรีนวล ลุงกำนัน ผู้ใหญ่ ขอบคุณนะคะที่ช่วยดูแล ต้อนรับพวกเราอย่างดี”
“หวังว่าคงได้พบกันอีกนะคะ คุณเดือน”
“ค่ะ เดือนจะบอกกับคุณพ่อ คุณแม่ว่า เดือนรักแม่ศรีนวลเหมือนเป็นแม่ของเดือนอีกคนค่ะ”
เดือนโผเข้ากอดศรีนวลด้วยความอาลัย แล้วจากนั้นก็หันไปไหว้ลาทุกคน
“ขอให้เดินทางด้วยความปลอดภัยนะครับคุณหนู”
เดือน เกียรติกล้า ขจรศักดิ์ ลุงมหาลงเรือ จากนั้นเรือก็แล่นออกไป
ศรีนวล กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง ยืนโบกมือลาที่ท่าเรือ แล้วสักครู่ก็เห็นดาวและบุญเหลือเดินเข้ามาสมทบ
“พวกเค้าไปกันหมดแล้ว แม่น่าจะดีใจนะ”
“ต่อไปบ้านเราจะได้สงบสุขกันซะที ไม่ต้องมีจิ๋กโก๋กรุงเทพฯมาคอยสร้างความปั่นป่วน”
ศรีนวลเอามือลูบหัวดาวด้วยความหวั่นไหวถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
“ยังไงแม่ก็จะยืนเคียงข้างลูก ไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรดาวของแม่ง่ายๆ หรอก”
“แม่พูดอะไรจ๊ะ ดาวไม่เข้าใจ”
“พูดเหมือนกับว่าจะมีใครมาทำอะไรดาว”
“ไม่มีอะไรหรอก แม่เค้าก็พูดเรื่อยเปื่อยไปตามประสา ไป๊ กลับบ้าน”
ทุกคนพากันเดินกลับบ้านไป
เย็นวันเดียวกันนั้นที่บ้านท่านผู้ว่าทรงยศ ท่านผู้ว่าทรงยศ คุณนายศรีสอางค์ สร้อยเพชรและเลอสรรยั่งอยู่ในห้องรับแขกซึ่งต้อนรับการกลับมาของเดือน เกียรติกล้าและลุงมหาอยู่ สร้อยเพชรรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกียรติกล้าฟ้องในเรื่องที่โดนดาวตีหัว
“อะไรนะ นี่มันกล้าดียังไง ถึงมาทำลูกชั้นจนหัวแตก”
“เจ็บไปหมดเลยครับคุณแม่ ระบมไปหมด”
“แม่เดือนดูน้องยังไง ถึงปล่อยให้น้องโดนทำร้ายแบบนี้”
“ตอนนั้นเดือนจมน้ำ สลบไป ไม่เห็นเหตุการณ์ค่ะ”
“นี่เดือนจมน้ำ ถึงสลบเลยเหรอลุงมหา”
“ครับ คุณเดือนติดเรือของคุณเกียรติกล้าไป แล้วเกิดอุบัติเหตุเรือคว่ำ พอดีบุญเหลือมาช่วยไว้ได้ทัน”
“ไอ้คนที่ชื่อบุญเหลือมันถือโอกาสลวนลามพี่เดือน”
“คงไม่ใช่อย่างงั้นหรอกครับ ผมคิดว่าคุณเกียรติกล้าคงจะเข้าใจผิด เพราะที่ผมได้ยินมาก็คือคุณเดือนสลบไป บุญเหลือก็เลยจับแบกให้น้ำที่อยู่ในปอดไหลออกมา”
“ชั้นถามคำนึงนะ ลุงอยู่ในเหตุการณ์หรือเปล่า” เกียรติกล้าย้อนถาม
“เอ้อ ไม่ครับ”
“แต่ชั้นอยู่ในเหตุการณ์ ชั้นเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่าง...สิ่งที่ผมพูด ผมเห็นกับตา จะเชื่อผมหรือจะเชื่อลุงมหา” เกียรติก้องหันมาถามทุกคน
“ยังไงเราก็ต้องเชื่อสิ่งที่ลูกพูดอยู่แล้วเกียรติกล้า ไม่มีเหตุผลอะไรที่ลูกจะต้องโกหกเรื่องแบบนี้เลย”
“ชั้นไม่นึกเลยว่าคนที่บ้านลานเทจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
“พวกมันคงจะแค้น ก็เลยหาทางกลั่นแกล้งหลานเรา”
“ทำแบบนี้มันประกาศตัวเป็นศัตรูกันชัดๆ ลุง...ผมขอสั่งให้ลุงกลับไปลานเท แล้วไปลากตัวคนที่มันทำหัวแตกมาที่นี่ให้ได้” เลอสรรสั่งลุงมหา
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น คำสั่งคุณเลอสรรชัดเจนอยู่แล้ว ฟังไม่เข้าใจหรือไง”
สายตาของทุกคนจ้องมองมายังลุงมหาในเชิงบังคับ ทำให้ลุงมหาตกอยู่ในสภาพภาวะจำยอม
วันต่อมาขณะที่ดาว บุญเหลือ กำลังช่วยกันกวาดลานบ้านอยู่ สักครู่ก็เห็นลุงมหาเดินเข้ามา ดาวเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความประหลาดใจ
“ลุงมหา”
“ก็เมื่อวานเข้ากรุงเทพฯไปแล้วนี่”
“มีอะไรด่วนจ้ะลุง ถึงได้...”
“กำนันธงกับแม่ศรีนวลอยู่มั๊ย”
“อยู่จ้ะ”
ดาว บุญเหลือ รีบพาลุงมหาขึ้นบ้านไป
กำนันธง ศรีนวล ลุงมหา ดาว บุญเหลือกำลังนั่งคุยกันในห้องรับแขก
“ข้านึกไว้แล้วว่าเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้”
“ศรีนวลจะไปกับลูก”
“เค้าจะทำอะไรดาวเหรอแม่ ทำไมทุกคนต้องกลัวกันด้วย”
“พวกเค้าเป็นเจ้าของที่ดินที่ลานเทนี่”
“เป็นเจ้าของที่ดิน แล้วยังไงครับ หรือว่าพวกเค้าจะไล่เราออก”
“แม่ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่แม่จะไม่ยอมให้ใครทำอะไรลูกของแม่เด็ดขาด”
“ศรีนวล เรื่องนี้พ่อขอจัดการเอง”
“แต่ว่า...”
“ลูกต้องอยู่ที่นี่ เพราะพ่อไม่อยากให้ลูกเจ็บเป็นครั้งที่สอง”
กำนันธงมุ่งมันจริงจัง พร้อมจะปกป้องลูกหลานทุกคน
เช้าวันรุ่งขึ้นเดือนและเกียรติกล้า กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์ เกียรติกล้ามีท่าทีจ๋อยๆ เนื่องจากกำลังโดนสอบสวนที่เอาเงินไปเล่นพนัน
“ไหนบอกมาซิตาเกียรติกล้า ทำไมค่าเช่าที่แกส่งให้ปู่ไม่ครบ”
“คือว่า ผมเอ้อ...”
“ไหนแม่เดือน บอกย่าซิ ว่าน้องเอาเงินไปทำอะไร”
“เอาไปแทงพนันค่ะคุณย่า เดือนห้ามก็ไม่ยอมฟัง แถมก่อเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อนไปหมด”
สร้อยเพชรเดินเข้ามา รีบแก้ตัวแทนลูกชาย
“โธ่...แม่เดือน น้องเป็นเด็กผู้ชาย มันก็ต้องทำเรื่องผิดพลาดกันบ้าง”
“แต่การเอาเงินไปถลุงเล่นแบบนี้ มันไม่ถูกต้องนะแม่สร้อยเพชร”
“ค่ะคุณพ่อ สร้อยเพชรเห็นด้วย...กราบขอโทษคุณปู่ คุณย่าซิตาเกียรติกล้า เร็ว”
เกียรติกล้ารีบเข้าไปนั่งคุกเข่ากราบขอโทษ
“ผมขอโทษครับคุณปู่ คุณย่า ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
“เอาละ ตอนนี้แกจะไปไหนก็ไป”
เกียรติกล้ารีบเดินออกไปทันที เดือนส่ายหน้า รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักที่สร้อยเพชรให้ท้ายน้องชาย และพยายามปิดให้เรื่องจบเร็วๆ โดยไม่มีบทลงโทษ
“นี่ไม่มีการลงโทษอะไรกันเลยเหรอคะ” เดือนถามขึ้นมา
“ประเดี๋ยวแม่จะลงโทษเอง หมดเรื่องแล้ว” สร้อยเพชรดูนาฬิกา “ตายจริง ใกล้เวลาแล้ว เดือนรีบไปแต่งตัวเร็ว ประเดี๋ยวแขกคนสำคัญจะมากันแล้ว”
“ใครคะแม่ ทำไมต้องให้เดือนแต่งตัวอย่างกับจะใส่ไปงานเลี้ยง”
“เชื่อผู้ใหญ่เถอะจ้ะ ทุกคนทำเพื่อหนูกันทั้งนั้น”
“ค่ะคุณย่า”
เดือนเดินขึ้นข้างบนไป
หน้าบ้านท่านผู้ว่าทรงยศ ลุงมหาเดินนำกำนันธง และดาวเข้ามา ดาวมองไปรอบๆ บ้านอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะว่าบ้านดูใหญ่โต กว้างขวาง เกียรติกล้าเดินออกมาจากบ้านเจอะเข้ากับดาว สายตาเกียรติกล้าดูเย้ยหยัน
“ไง...เห็นบ้านชั้นแล้วเป็นไง ใหญ่โตกว่ารังหนูของแกเยอะเลยใช่มั้ย”
“ถึงบ้านจะใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าคนอยู่จิตใจคับแคบ บ้านนั้นก็ไม่ต่างจากรังหนู”
“หนอย...ปากดีนัก”
เกียรติกล้าทำท่าจะเข้ามาชก แต่ดาวตั้งหมัดรอ ทำให้เกียรติกล้าชะงัก ผวาเล็กน้อย
“เอาซิ มาเลย เข้ามา”
กำนันธงกับลุงมหารีบเข้ามาห้ามทัพ
“อย่าครับ อย่า”
“ดาว ตามตามา”
ดาว เดินตามกำนันธง และลุงมหาเข้าไปด้านใน เกียรติกล้ามองตามด้วยความแค้นใจ
เลอสรร สร้อยเพชร ท่านผู้ว่าทรงยศ คุณนายศรีสอางค์ นั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขกคอยสอบสวนดาวกับกำนันธง ขณะที่ลุงมหานั่งเงียบๆ ห่างออกไป
“นังคนนี้น่ะเหรอที่ทำร้ายตาเกียรติกล้า”
“เป็นลูกเต้าเหล่าใคร กำนันธง”
“มันเป็นลูกของศรีนวลลูกสาวของผม ชื่อว่าดาว”
“พ่อเธอเป็นใคร”
“เอ้อ...แม่บอกว่า...”
“พ่อมันตายไปแล้วครับ ตายไปตั้งแต่มันยังไม่ได้เกิดด้วยซ้ำ” กำนันธงประชด
“อย่างน้อยก็มีทั้งแม่ทั้งตา แต่กลับไม่มีใครสั่งใครสอน” ดาวชะงักมองสร้อยเพชรตาเขียว ด้วยความไม่พอใจ เช่นเดียวกับกำนันธงซึ่งก็รู้สึกไม่พอใจ “แน่ะ ดูซิ มองจ้องมายังกับจะกินเลือดกินเนื้องั้นแหละ”
“ไหนบอกหน่อยซิ เธอกับเกียรติกล้ามีเรื่องอะไรกัน” เลอสรรถาม
“เกียรติกล้าทำร้ายดาวก่อน ดาวก็เลยป้องกันตัว”
“ไม่จริง แกกล่าวหาลูกชั้น”
“ดาวไม่เคยกล่าวหาใคร ดาวพูดความจริง”
“โกหก”
เกียรติกล้าเดินเข้ามา แกล้งเอามือกุมหัวเพื่อใส่ร้ายดาว
“ใช่ครับคุณแม่ นังนี่โกหก คุณแม่ต้องจัดการให้ผมนะครับ”
“นังเด็กสารเลว”
สร้อยเพชรตรงเข้าไปหาดาว เงื้อมมือจะตบ แต่ดาวจับมือสร้อยเพชรเอาไว้
“ปล่อยนะ ปล่อย”
“ไม่ปล่อย เรื่องนี้ดาวไม่ผิด”
เกียรติกล้ารีบเข้าไปสมทบเพื่อทำร้ายดาว แต่ดาวสะบัดสร้อยเพชรเซล้มลงไป แล้วหันมาหาเกียรติกล้า เกียรติกล้าเลยถอยกรูดไปอยู่ด้านหลังเลอสรร
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่ขนาดอยู่ต่อหน้าฉัน ยังทำตัวเป็นนักเลง” เลอสรรต่อว่า
“คนอย่างดาว ไม่ปล่อยให้ใครมาตบฟรีๆ แน่นอน”
เลอสรรตรงเข้าไปหาดาว แล้วตบฉาด ดาวเซไป กำนันธงรีบเข้าไปประคอง สงสารหลานน้ำตาคลอ
“ที่ชั้นตบเธอ ก็เพราะอยากให้เธอควบคุมตัวเอง รู้จักกาลเทศะ”
“ไม่ต้องไปสั่งสอนมันหรอกค่ะคุณ นังเด็กสามหาวอย่างงี้ มันต้องตบอีก”
สร้อยเพชรจะเข้ามาตบซ้ำ แต่กำนันธงขวางเอาไว้
“พอเถอะครับ พวกคุณทำร้ายดาวมามากพอแล้ว ถึงดาวมันจะสู้คน แต่มันก็ไม่เคยรังแกใคร”
“ไม่ต้องมาปกป้องหลานตัวเอง คนชั้นต่ำอย่างแกน่ะมันอกตัญญู”
“ครับ พวกเรามันชั้นต่ำ ศักดิ์ศรีความเป็นคนคงเทียบกับพวกคุณไม่ได้ เรื่องนี้ถ้าดาวมันจะผิดก็ตรงที่มันไม่ยอมโดนรังแกง่ายๆ” กำนันธงหันไปพูดกับเลอสรร “แค่ลูกสาวผมมันโดนเหยียบย่ำคนเดียว มันก็เกินพอแล้ว”
“ไปนะ ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้ ไป๊”
สร้อยเพชรรีบตวาดไล่กำนันธงและดาวออกไป เพราะขืนปล่อยให้อยู่นานกว่านี้เกรงว่ากำนันธงจะแพร่งพรายเรื่องของศรีนวลกับเลอสรรออกมาอีก
“ถ้าพวกคุณหมดธุระกันแล้ว ผมกับหลานก็จะไป”
“คุณปู่ ไล่มันออกจากที่ดินเราด้วยนะครับ อย่าให้มันอยู่ที่ลานเทไล่มันไปเลย”
“หยุดพูดได้แล้วเกียรติกล้า ปู่จะไม่ไล่ใครทั้งนั้น”
“แต่ถ้าคุณพ่อทำแบบนี้ พวกมันก็ได้ใจนะคะ พวกนี้เลี้ยงไม่เชื่อง”
“ใครเลี้ยงเชื่อง เลี้ยงไม่เชื่อง ชั้นจะเป็นคนตัดสินเอง” ท่านผู้ว่าทรงยศพูดกับกำนันธง “เอาละกำนันธง แกกับหลานกลับกันเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว เจ้ามหา เอ็งพากำนันกับหลานไปส่งด้วยนะ”
“ครับท่าน”
“กราบขอบพระคุณท่านครับที่ยังกรุณาพวกเรา ดาวกราบขอบพระคุณท่านทั้งสอง แล้วก็กราบขอโทษคุณเลอสรรด้วย”
ดาวนั่งลงพนมมือต่อหน่าท่านผู้ว่าทรงยศและคุณนายศรีสอางค์
“ดาวกราบขอบพระคุณท่านทั้งสองค่ะที่เมตตาดาวกับตา” ดาวหันมาทางกับเลอสรร
“การที่ท่านตบดาว ดาวจะถือว่าเป็นการตบสั่งสอนจากญาติผู้ใหญ่ ดาวกราบขอโทษท่านด้วยเจ้าค่ะที่ล่วงเกิน”
ดาวและกำนันธง กำลังจะเดินออกไป แต่สร้อยเพชรเข้ามาขวางไว้
“แกลืมอะไรกันหรือเปล่า ทำไมไม่ขอโทษชั้น”
ดาวหันมาหากำนันธงเป็นเชิงปรึกษา กำนันธงพยักหน้า
“ในฐานะที่คุณเป็นผู้ใหญ่ เป็นแม่ ดาวขอโทษค่ะ”
“ขอโทษชั้นด้วย นังดาว”
เกียรติกล้ารีบเข้ามาเสนอตัว ทำให้ดาวไม่พอใจ
“เกียรติกล้า พอได้แล้ว”
เกียรติกล้าหงุดหงิดไม่พอใจ กำนันธงรีบพาดาวเดินออกไป คุณนายศรีสอางค์มองตามดาว ความรู้สึกรัก และสงสารเกิดขึ้นในใจเธอ
คุณนายศรีสอางค์ยืนแอบมองดาวและกำนันธงซึ่งกำลังเดินออกไปที่มุมหนึ่งของบ้าน ท่านผู้ว่าทรงยศเดินเข้ามาเห็น
“มีอะไรแม่ศรีสอางค์ กำลังดูอะไร”
“ก็ดูหลานกำนันธงซิคะ”
“เธอคิดยังไง ชั้นเห็นเธอแปลกๆ ตั้งแต่กำนันธงพาเด็กคนนั้นเข้ามา”
“ค่ะ ตั้งแต่ชั้นเห็นหน้าเด็กคนนั้น ชั้นก็รู้สึกรัก และสงสารยังไงก็ไม่รู้”
“หน้าของแม่ดาว เหมือนกับเจ้าเลอสรรตอนเด็กๆ เลยนะเธอว่ามั้ย”
“ใช่ค่ะ หรือว่าดาว จะเป็นลูกของตาเลอสรร”
ท่านผู้ว่าทรงยศถอนใจ
“ถ้าใช่ แล้วจะทำยังไง ก็ในเมื่อเธอกีดกันแม่ศรีนวลมาตั้งแต่ต้น จู่ๆ จะมายอมรับกันง่ายๆ คงเกิดเรื่องใหญ่แน่”
“ใจนึงชั้นก็สงสารดาว แต่อีกใจก็สงสารแม่สร้อยเพชร ชั้นควรจะทำยังไงดีค่ะคุณ”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่แน่ชัดว่าดาวเป็นลูกตาเลอสรร บางทีอาจจะไม่ใช่เชื้อสายของเราก็ได้”
“ค่ะ ชั้นจะเชื่อคุณ”
คุณนายศรีสอางค์พยายามตัดใจไม่คิดถึงตามคำแนะนำของท่านผู้ว่าทรงยศ แต่กระนั้นสายสัมพันธ์ที่มีต่อกันก็ยังทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้
ลุงมหา กำนันธงและดาว กำลังจะเดินออกจากประตูรั้วบ้านท่านผ่าทรงยศ แต่แล้วก็มีรถหรูคันหนึ่งแล่นสวนเข้ามาตรงไปยังตึกใหญ่ ดาวหยุดเดินหันไปมอง
เลอสรร สร้อยเพชรกับบัวสาวใช้ รีบออกมารอต้อนรับ คนในรถทยอยลงมา นั่นคือท่านรัฐมนตรีภาณุ คุณหญิงจันทร์เจ้า ผู้เป็นภรรยา และผู้กองระพี
“สวัสดีค่ะ ท่าน สวัสดีค่ะคุณหญิง”
“เชิญในบ้านเลยครับ คุณพ่อ คุณแม่ผมท่านกำลังรออยู่ครับ”
“รู้จักกันมาหลายปี ก็เพิ่งมีโอกาสมาเยี่ยมบ้านก็คราวนี้”
“เชิญค่ะ เชิญ”
ทุกคนกำลังพากันเข้าไปข้างใน จู่ๆ ระพีก็หันมาทางหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นดาว ซึ่งกำลังยืนมองอยู่ที่ริมรั้ว
“ดาว”
ระพีกำลังจะเดินไปหาดาว แต่แล้วคุณหญิงจันทร์เจ้า ก็เข้ามาดึงมือไว้
“ระพี รีบเข้าไปข้างในเร็วซิ ผู้หลักผู้ใหญ่รออยู่”
ระพีจำต้องเดินตามจันทร์เจ้าเข้าไปข้างใน ดาว กำนันธงและลุงมหายืนมองอยู่ที่ริมรั้ว
“พวกเค้ามาทำไมกัน” กำนันธงถามลุงมหา
“นัดดูตัวกันน่ะ คุณเดือนกับคุณระพีคงจะตกลงหมั้นหมายกันเร็วๆ นี้แหละ”
“หมั้น”
ดาวน้ำตาคลอ ด้วยความสะเทือนใจ
“กลับบ้านเราเถอะดาว ที่นี่มันเป็นที่ของพวกเทวดาเค้า”
ดาวก้มหน้าเช็ดน้ำตาแล้วเดินตามกำนันธง และลุงมหาออกไป
ภายในห้องรับแขก ท่านผู้ว่าทรงยศ คุณนายศรีสอางค์ เลอสรร สร้อยเพชร ภาณุ จันทร์เจ้า กำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ ส่วนระพีและเดือนซึ่งนั่งอยู่ใกล้กัน รู้สึกอึดอัด เดือนไม่ได้ชอบระพีแบบคนรักแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธผู้ใหญ่ได้ ขณะที่ระพีเหม่อมองออกไปด้านนอกบ่อยๆ เนื่องจากอยากไปหาดาว
“หนูเดือนก็เป็นเด็กดี น่ารัก ส่วนลูกชายของผม ถึงแม้ว่ามันจะมุทะลุไปหน่อย แต่ก็เป็นคนจิตใจดี”
“เหมาะสมลงตัวอย่างยิ่งเลยค่ะท่าน ทางเราก็ไม่ได้รังเกียจอะไรคุณระพีแม้แต่น้อย รู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำที่ทางครอบครัวท่านให้เกียรติพวกเรา”
“ให้กงให้เกียรติอะไรกัน คนกันเอง รู้จักคบหากันมาตั้งนานแล้ว”
คุณนายศรีสอางค์สังเกตเห็นว่าระพีมองไปข้างนอกบ่อยๆ ก็เข้าใจว่าอยากออกไปเดินเที่ยว
“เอ...ดูเหมือนระพี จะอยากออกไปเดินเล่น แม่เดือน พาพี่เค้าออกไปหน่อยซิจ้ะ”
“หรือจะไปเที่ยวริมน้ำก็เอารถพ่อไปก็ได้ แถวนั้นวิวสวยดี “
“ค่ะ พ่อ งั้นเดือนขอตัวนะคะ”
“ยังไงก็รีบกลับมาให้ทันกินข้าวกันนะ วันนี้แม่เตรียมของอร่อยๆ ไว้ทั้งนั้น”
ระพีและเดือนลาพวกผู้ใหญ่แล้วพากันเดินออกไป
ระพีขับรถอยู่บนถนนสายหนึ่ง โดยมีเดือนนั่งข้าง ระหว่างขับระพีพยายามมองหา โดยหวังว่าจะได้พบกับดาว
“โลกกลมจริงๆ เลยนะคะ ไม่นึกว่าเราจะเจอกันอีก” เดือนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“ครับ ผมก็นึกไม่ถึงว่าคุณเดือนจะเป็นลูกของเจ้านายผม”
“แล้วเรื่องที่ผู้ใหญ่จะจับเราหมั้นกันละคะ จะเอายังไงกันดี” ระพีถอนหายใจ
“ผมรู้ว่าเราสองคน ต่างก็มีคนรักกันอยู่แล้ว”
“ถ้างั้นเราก็อย่าเพิ่งบอกผู้ใหญ่ดีมั้ยคะ ถ้าปฏิเสธตอนนี้คงยุ่งแน่”
“ดีเหมือนกันครับ เอาไว้เมื่อถึงเวลาเราค่อยสารแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบ เอ้อ...พอจะทราบมั้ยครับว่าดาวจะไปขึ้นเรือที่ไหน”
“ตรงไปอีกหน่อยค่ะ จะมีท่าเรือ ดาวกับกำนันธง น่าจะไปขึ้นเรือที่นั่น”
ระพีเหยียบคันเร่งเพื่อไปยังท่าเรือ
ที่ท่าเรือ ท่ามกลางชาวบ้านที่พากันเดินผ่านไปมาขวักไขว่ ดาวนั่งอยู่คนเดียว ยังคงเศร้าซึมอยู่กับข่าวการหมั้นของระพีกับเดือน ห่างออกไปกำนันธงกับลุงมหากำลังซื้อตั๋วเรือ
รถของระพีแล่นมาจอด ระพีและเดือนลงมาจากรถ มองหาดาวแต่ยังไม่เจอ ขณะที่ดาวหันไปเห็นภาพของระพีกับเดือนเดินมาด้วยกันก็ยิ่งเข้าใจผิด คิดว่าทั้งคู่คงจะมาเยาะเย้ย
เรือแล่นเข้ามาจอดเทียบท่า กำนันธงกับลุงมหาเดินเข้ามาหาดาว
“โชคดีนะกำนัน หมดทุกหมดโศกกันซะที”
ดาวมอง ระพีและเดือนที่กำลังเดินมา กำนันธงหันไปเห็น
“คงไม่หมดง่ายๆ หรอก โน่น มาอีกระลอกแล้ว”
“รีบลงเรือกันเถอะตา ดาวไม่อยากเจอะพวกเค้า”
กำนันธงและดาวพากันเดินไปลงเรือ แต่แล้วระพีรีบวิ่งมาขวางไว้
“ดาว”
“คุณต้องการอะไร”
“ผมอยากรู้ว่าดาวเกลียดขี้หน้าผมใช่มั้ย ถึงได้ไล่ให้ออกมาจากลานเท”
“ใช่...ชั้นเกลียดขี้หน้าคุณ เพราะคุณมันคนหลอกลวง คุณหลอกใช้พวกเรา” ดาวหยิบสมุดโน้ตออกมาจากกระเป๋า “นี่ของคุณ ชั้นพกมันไว้ตลอดเวลาเพื่อเตือนตัวเองว่าจะไม่ยอมให้ใครมาหลอกฉันง่ายๆ อีกแล้ว”ง
ดาวปาสมุดโน้ตใส่ระพี กำนันธงเดินเข้ามา
“ดาวฟังผมก่อน”
ระพีจับมือดาวเอาไว้ แต่ดาวดิ้นรน สะบัดหลุด จากนั้นก็ตบฉาด
“ไปให้พ้น ออกไป”
ระพีหน้าชา นิ่งอึ้ง ดาวเดินลงเรือไป กำนันธงเข้ามาหาระพี
“ไปซะ แล้วอย่ามายุ่งกับพวกเราอีก”
กำนันธงเดินตามดาวลงเรือไป ขณะที่เดือนและลุงมหาเดินเข้ามาที่ระพี ดาวมองขึ้นมาบนฝั่งเห็นเดือนอยู่เคียงข้างระพีก็เกิดความน้อยใจ
เรือค่อยๆ แล่นออกจากฝั่งไปกลางแม่น้ำ ห่างออกไปเรื่อยๆ
วันต่อมามเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น และลูกน้องจำนวนหนึ่งกำลังพากันเดินสำรวจร่องรอยในป่า เพื่อหาเบาะแสผาช่องลม เถ้าแก่ชิ้นรู้สึกเบื่อหน่าย จึงหาว บิดขี้เกียจเสียงดังมเหศักดิ์หันไปทำสัญญาณให้เถ้าแก่เบาเสียงลง
“มเหศักดิ์ บางทีพวกมันอาจจะทิ้งผาช่องลม แล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมดแล้วก็ได้”
“เป็นไปไม่ได้ ผาช่องลมเป็นชัยภูมิที่ดี มันต้องไม่ทิ้งที่นี่แน่นอน”
ลูกน้องคนหนึ่ง วิ่งเข้ามารายงาน
“ตรงโน้นมีรอยเท้าคน”
มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น รีบเดินตามลูกน้องไปยังจุดที่มีรอยเท้าปรากฏ มเหศักดิ์เริ่มสำรวจดู
“เป็นรอยใหม่ ไม่เกิน 2-3 วัน”
“มีกี่คน”
“2 คน”
มเหศักดิ์รีบแกะรอยเท้าตามไป
“ถ้าตามรอยเท้าไป เราน่าจะเจอเบาะแส”
มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น และลูกน้องพากันตามรอยเท้าไป แต่แล้วจู่ๆ ก็มีลูกดอกจากไม้ซางพุ่งเข้ามาทิ่มคอลูกน้องคนหนึ่งล้มลงขาดใจตาย
“หลบเร็ว”
มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้นและคนอื่นๆ รีบพากันหลบเข้าที่กำบัง
ใกล้ผาช่องลม ศรีไพรซึ่งมีไม้ซาง พร้อมลูกดอกอาบยาพิษเป็นอาวุธ เธอหันมาหาเหิม ขวด เข่ง โย่ง และลูกน้องคนอื่นๆ ซึ่งซุ่มรอคำสั่งอยู่
“พี่เหิมไปทางด้านนี้ ล่อให้พวกมันตามไป ส่วนพวกเราคอยตลบหลังมัน”
“ไม่มีปัญหา”
“เข่ง โย่ง เห็นไอ้พวกลูกหาบที่อยู่ด้านหลังมั๊ย” เข่ง โย่ง พยักหน้า “แก 2 คนไปทำลายเสบียงของพวกมันทิ้ง”
“ได้เลย”
ทุกคนพากันวิ่งแยกย้ายกันไปตามแผน
เหิมกำลังวิ่งหลอกล่ออยู่ข้างหน้า มเหศักดิ์มองเห็น จึงรีบหันมาสั่งลูกน้องให้ตาม
“รีบตามมันไป”
ลูกน้องส่วนใหญ่ รีบตามเหิมไป ทำให้กำลังถูกแบ่งให้น้อยลง เหลือเพียงมเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้นและลูกน้องอีกแค่ 2 คน
ศรีไพร ขวดและลูกน้อง พากันเข้ามาตลบหลัง เถ้าแก่ชิ้นหันมาเห็นศรีไพรกำลังปามีดพุ่งเข้ามา
“เฮ้ย...ระวัง”
มีดของศรีไพร ปักเข้าที่กลางอกลูกน้องคนหนึ่งล้มลง ทุกคนเผชิญหน้ากัน
“เจอกันอีกแล้ว”
“แกตาย”
ศรีไพรปามีดเข้าใส่มเหศักดิ์ แต่มเหศักดิ์หลบทัน มีดปักโดนต้นไม้ใกล้ๆ
"คราวนี้ตาพี่ละนะ "
มเหศักดิ์ชักปืนยิงใส่ศรีไพรและพวก จากนั้นก็เกิดการยิงปะทะกัน
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 7 (ต่อ)
เข่งและโย่ง เข้าลอบโจมตีลูกหาบ 2 คน ที่ดูแลเสบียง แล้วจัดการลงได้ไม่ยากนัก เข่งหันไปมองกลุ่มของมเหศักดิ์และเถ้าแก่ชิ้นที่กำลังยิงกับศรีไพร ขวดและลูกน้อง
“พวกมันเป็นใครไอ้โย่ง”
“ไอ้มเหศักดิ์กับเถ้าแก่ชิ้น”
“กล้าบุกมาถึงที่นี่ ก็แสดงว่าพวกมันต้องการอะไรซักอย่าง”
“ใช่...มันจะมาปล้นทองของพวกเรา”
“ทอง”
เข่งมองมเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้นด้วยความสนใจ
มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น และลูกน้องต่างยิงตอบโต้กับศรีไพร ขวด และลูกน้อง มเหศักดิ์อาศัยความแม่น และความบ้าบิ่นสามารถจัดการลูกน้องของศรีไพร ตายหลายต่อหลายคน จนเหลือแค่ศรีไพรกับขวดแค่ 2 คน ขวดเห็นท่าไม่ดีหันมาหาศรีไพร
“เอาไงดีศรีไพร ฉันว่าถอยก่อนดีกว่า”
“ไม่ ชั้นไม่ยอมง่ายๆ หรอก”
ศรีไพรหันไปยิงตอบโต้กับมเหศักดิ์ ขณะที่ขวดโดนกระสุนล้มลง
“โอ๊ย”
“โดนที่ไหน”
“หัวไหล่”
“หนีไปก่อน เดี๋ยวชั้นยิงคุ้มกันให้”
ขวดรีบหนีไป ศรีไพรยิงคุ้มกันแล้วเริ่มถอย มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น และลูกน้องค่อยๆ ตามมา
อีกด้านหนึ่งเหิมกำลังยิงต่อสู้กับลูกน้องมเหศักดิ์ที่ออกตามล่า เหิมอาศัยความชำนาญในพื้นที่ทำให้วิ่งหนีหลบหลีกได้อย่างว่องไว ขวดวิ่งหนีเข้ามาล้มลง เหิมหันไปเห็น
“เฮ้ยไอ้ขวด”
“หนีเร็ว พวกมันกำลังจะมา”
ศรีไพรวิ่งเข้ามาแล้วหันไปยิงสกัด มเหศักดิ์ และพวกที่กำลังรุกคืบ
“รีบพาจอดหนีไปก่อน เร็ว”
“ไปขวด”
ศรีไพรหันไปยิงคุ้มกัน ขณะที่เหิมรีบพาขวดหนีเข้าป่าไป แต่แล้วขณะที่ศรีไพรกำลังจะตามไปก็พบว่ามเหศักดิ์มาขวางเอาไว้
“จะไปไหน คนสวย”
“แก”
เถ้าแก่ชิ้นตามเข้ามา
“ฆ่ามันซะ”
“อย่าเถ้าแก่ นังนี่ยังมีประโยชน์ จับตัวมัน” ลูกน้องมเหศักดิ์เข้ามาปลดอาวุธแล้วจับตัวศรีไพรมัด “บอกมา ทางเข้าผาช่องลมอยู่ที่ไหน”
“ให้ตายชั้นก็ไม่บอก”
มเหศักดิ์ตบฉาด เถ้าแก่ชิ้นเดินเข้ามาแล้วเอาปืนจ่อ
“อยากตายมากใช่มั้ย”
“ฆ่าชั้นซิ ฆ่าเลย”
“ได้”
เถ้าแก่ชิ้นทำท่าจะยิง แต่มเหศักดิ์ห้ามไว้
“วันนี้ไม่บอก วันหน้ามันต้องบอกแน่”
มเหศักดิ์เอื้อมมือไปจับคางศรีไพร ศรีไพรสะบัด มเหศักดิ์ยิ้มให้ศรีไพรอย่างเลือดเย็น
เสือเฮี้ยนตกใจเมื่อเหิมมารายงานเรื่องศรีไพรโดนจับตัว โย่ง เข่ง กำลังช่วยกันทำแผลให้ขวด ขณะที่ลูกน้องคนอื่นๆ ยืนรายล้อมฟังเรื่องด้วยความสนใจ
“อะไรนะ นังศรีไพรโดนจับตัวไปได้ยังไงว๊ะ”
“รีบไปช่วยศรีไพรกันเถอะเสือเฮี้ยน ชั้นไม่เป็นอะไรมากเหรอ” ขวดบอก สมิงเดินเข้ามา
“เอ็งไม่ต้องไปไอ้ขวด อยู่ที่นี่ รักษาตัวก่อน ส่วนคนอื่นตามมา”
สมิงและเสือเฮี้ยน พากันเดินนำไป ขณะที่เหิมและลูกน้องอื่นๆ พากันหยิบอาวุธ และติดตามไป
มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น นำตัวศรีไพรซึ่งถูกมัด เดินไปตามทางพร้อมกับลูกน้อง
“เราต้องรีบออกจากที่นี่ ก่อนที่พวกมันจะยกพวกมาชิงตัวนังศรีไพรกลับไป”
“พวกเอ็งทำเครื่องหมายไว้ที่ต้นไม้ เราจะต้องกลับมาที่นี่อีก”
มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น คุมตัวศรีไพร แล้วพากันเดินออกไป แต่สักครู่ศรีไพรก็แกล้งทำเป็นหกล้มเพื่อถ่วงเวลา
“โอ๊ย”
“ลุกขึ้น”
“ขาชั้นแพลง”
“สำออย”
“จะเดินดีๆ หรือจะให้ชั้นอุ้มไป”
มเหศักดิ์คว้าตัวศรีไพรแบกใส่บ่า ศรีไพรดิ้นไปมา
“ปล่อยๆ ชั้นเดินเอง ปล่อย”
มเหศักดิ์ปล่อยศรีไพรลงมา จังหวะนั้นเองที่ศรีไพรอาศัยความเร็ว เตะเป้ามเหศักดิ์แล้ววิ่งหนีไป
“เฮ้ย...มันหนีไปแล้ว”
เถ้าแก่ชิ้นยิงไล่หลัง จากนั้นทุกคนก็พากันวิ่งตามไป
ศรีไพรวิ่งหนีลัดเลาะไปตามทางในป่า แม้ว่ามือเธอจะยังถูกเชือกมัดไว้ แต่เท้าของเธอก็ยังทำหน้าที่ได้ดี ห่างออกไปเห็นเถ้าแก่ชิ้น มเหศักดิ์ และลูกน้องพากันวิ่งตามไล่หลังมาห่างๆ
ศรีไพรถูกไล่ยิงหนักขึ้นทำให้วิ่งต่อไม่ได้ จึงหลบเข้าต้นไม้ แล้วจากนั้นก็เอาเชือกที่มัดมือถูกับต้นไม้ ห่างออกไป เถ้าแก่ชิ้นกับลูกน้องหาศรีไพรไม่เจอจึงพากันวิ่งเลยไป
เชือกมัดมือศรีไพรขาดลง ศรีไพรรีบหันกลับเพื่อวิ่งไปทางตรงข้ามกับเถ้าแก่ชิ้น แต่แล้วก็พบว่ามเหศักดิ์มายืนขวางเอาไว้
“นังตัวแสบ”
“ฆ่าชั้นเลยซิ”
“จะฆ่าลงได้ยังไง กับความสวยของเธอไว้ดีกว่า”
มเหศักดิ์เข้ามารวบตัวศรีไพรเอาไว้แล้วปลุกปล้ำ แต่ศรีไพรดิ้นสุดกำลัง แต่หลังจากดิ้นไปสักครู่มือที่เคยผลักไสก็กลับสงบนิ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นลูบไล้ทำให้มเหศักดิ์ได้ใจ
“ชั้นรู้ว่าเธอก็มีเลือดมีเนื้อเหมือนกัน”
“ไม่นึกว่าคนที่ชั้นรอมาทั้งชีวิต จะเป็นเธอ มเหศักดิ์”
“รับรองว่าคุ้มกับการรอคอยแน่ ศรีไพร”
มเหศักดิ์ลืมตัววางอาวุธปืนลง แล้วเข้ามาซุกไซร้ ขณะที่ศรีไพรแกล้งทำโอนอ่อน ขณะที่มือค่อยๆ เอื้อมไปที่ปืนของมเหศักดิ์ และเมื่อได้จังหวะก็หยิบปืนขึ้นมา แต่แล้วขณะกำลังจะเผด็จศึก มเหศักดิ์ก็กระชากมีดสั้นออกมาจ่อที่ศรีไพรอย่างทันท่วงที
“อย่าคิดว่าชั้นโง่ซิศรีไพร” ศรีไพรชะงัก นึกไม่ถึงว่ามเหศักดิ์จะร้ายกว่าที่คาดเอาไว้ มเหศักดิ์ปลดปืนจากมือศรีไพรออกมา “ไป หมดเวลาสนุกแล้ว”
มเหศักดิ์ล็อกตัวศรีไพรเอาไว้ จากนั้นก็พาเดินต่อไป
เสือเฮี้ยนโบกมือให้สัญญาณกับลูกน้องระดมยิงไปยังกลุ่มของเถ้าแก่ชิ้นและลูกน้อง จากนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็เปิดฉากยิงตอบโต้กันอย่างดุเดือด มเหศักดิ์ซึ่งควบคุมตัวศรีไพรอยู่ รีบหลบเข้าที่กำบัง สักครู่ก็เห็นเถ้าแก่ชิ้นกับพวกเริ่มถอยมาทางมเหศักดิ์
“พวกมันตามมาทันแล้ว”
“เถ้าแก่เอาตัวนังนี่หนีไปก่อน ชั้นกับพวกจะถ่วงเวลาให้”
มเหศักดิ์เอาเถาวัลย์มาทำบ่วงคล้องคอศรีไพรไว้ แล้วส่งเถาวัลย์ให้เถ้าแก่ชิ้นถือไว้ จากนั้นเถ้าแก่ชิ้นก็รีบดึงเชือกพาตัวศรีไพรหนีล่วงหน้าไป ขณะที่มเหศักดิ์และลูกน้องช่วยกันยิงสกัด
สมิงแอบซุ่มเดี่ยวเข้ามายังจุดที่มเหศักดิ์และลูกน้องหลบอยู่ จากนั้นสมิงก็เล็งวิถีกระสุนมาที่มเหศักดิ์ แต่เหมือนโชคช่วยเมื่อลูกน้องคนหนึ่งจู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาขวางทางปืน ล้มลงขาดใจตาย มเหศักดิ์หันไปมองจึงรู้ว่าสมิงแอบอยู่
“แกนี่เอง สมิง ออกมาซิวะ” สมิงเดินออกมาจากที่ซ่อน ลูกน้องมเหศักดิ์จะยิง แต่มเหศักดิ์ห้ามไว้ “เฮ้ย อย่าเรื่องนี้ข้าจัดการเอง”
“ศรีไพรอยู่ไหน”
“ฮึ...ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ศรีไพรยังสบายดี”
“ปล่อยตัวศรีไพรเดี๋ยวนี้”
“จะให้ปล่อยง่ายๆ ได้ยังไง”
“แกต้องการอะไร”
“เอ็งก็โจร ข้าก็โจร ความจริงเราน่าจะร่วมมือกันนะสมิง”
เสือเฮี้ยน เหิมและลูกน้องเดินเข้ามาสมทบกับสมิง
“ฝันไปเถอะ ถึงพวกข้าจะเป็นโจร แต่ข้าก็ไม่เลวชาติอย่างเอ็ง”
เสือเฮี้ยนถ่มน้ำลายแสดงความเหยียดหยาม
“มากไปแล้วไอ้แก่”
“ลูกสาวข้าอยู่ไหน ไอ้มเหศักดิ์”
เสือเฮี้ยนขยับปืนจะยิง แต่ลูกน้องของมเหศักดิ์ก็เล็งปืนเตรียมพร้อมเช่นกัน
“ฮ่ะๆ ศรีไพรมันยังไม่ตายง่ายๆ จนกว่าจะเป็นเมียข้าและลูกน้องข้าครบทุกคนก่อน” มเหศักดิ์หัวเราะ
“เอ็งตาย”
เสือเฮี้ยนลั่นกระสุนออกไป จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เปิดศึกยิงถล่มกันอย่างสนั่นหวั่นไหว มเหศักดิ์หันไปล้วงเอาระเบิดมือออกมาแล้วปาออกไป ระเบิดตกลงกลางกลุ่มลูกน้องของสมิง ตูมใหญ่ ทำให้ตายและบาดเจ็บกันหลายคน จากนั้นมเหศักดิ์และพวกก็เริ่มถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว
เถ้าแก่ชิ้นคุมตัวศรีไพรมา เมื่อศรีไพรมีท่าทีขัดขืน เถ้าแก่ก็ใช้พานท้ายปืนฟาดทำร้ายร่างกายทำให้ศรีไพรล้มลงไป
“ลุกขึ้นมา แล้วรีบไป”
“ชั้นเดินไม่ไหว”
“อย่ามาสำออย”
เถ้าแก่ชิ้นฟาดซ้ำลงไป ทำให้ศรีไพรบอบช้ำและบาดเจ็บจนทำให้ต้องโอนอ่อน ยังไม่ขัดขืน อย่างน้อยก็เพื่อรวบรวมกำลังให้กลับคืนมา ศรีไพรพยายามลุกขึ้นตามคำสั่งจากนั้นเถ้าแก่ชิ้น ก็คุมตัวศรีไพร แล้วสั่งให้เดินไป
มเหศักดิ์และลูกน้องพากันถอยหนี ขณะที่สมิง เสือเฮี้ยน เหิมและลูกน้องพากันติดตามไล่ล่า ทั้งสองฝ่ายต่างยิงประทะกันอย่างดุเดือด มเหศักดิ์เมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์ของตนกำลังเสียเปรียบจึงหันมาสั่งการลูกน้อง
“พวกเอ็ง กระจายกันหนี ไม่งั้นไม่มีโอกาสรอดแล้วไปเจอกันที่บ้านลานเท”
“ได้...พี่ไปก่อนเลย พวกเราจะคุ้มกันให้”
“ขอบใจ”
มเหศักดิ์รีบถอยหนีไปโดยลูกน้องยิงคุ้มกันให้ จากนั้นพวกลูกน้องก็พากันถอยหนีไป
“มันหนีไปแล้ว” เสือเฮี้ยนบอก
“ตามเลยพี่” เหิมบอก
“ไม่ต้อง มันกระจายกันหนี เสียเวลาเราเปล่าๆ”
“ศรีไพรไม่ได้อยู่กับมัน”
“น่าจะอยู่กับเถ้าแก่ชิ้น”
“งั้นก็ตามไปบุกรังมัน”
“ดี เราต้องไปเยี่ยมเถ้าแก่ชิ้นกันหน่อย”
สมิง เสือเฮี้ยน เหิมและลูกน้องพากันออกเดิน
ที่บ้านกำนันธง ได้ยินเสียงปืนจากป่าแว่วดังเข้ามา ทำให้กำนันธง คว้าปืนออกมายืนฟังที่ระเบียงขณะที่ผู้ใหญ่ต้อง ศรีนวล และชาวบ้านจำนวนหนึ่งต่างก็มารวมตัวกันที่ลานหน้าบ้าน
“เสียงปืนดังมาจากในป่า”
“ทิศทางมาจากเขาช่องลม”
“สมิงคงมีเรื่อง”
“งั้นเราคงต้องไปช่วยสมิง”
“ใช่ ๆ”
ชาวบ้านตอบรับกันเซ็งแซ่ อยากไปช่วยสมิง
“พวกเอ็งฟัง ข้าจะบอกไว้ก่อน ถ้าสมิงมีเรื่องกับตำรวจ ข้าเป็นกำนัน คงจะเข้าไปยุ่งไม่ได้”
“พวกเราเข้าใจเรื่องนี้ดี กำนันไม่ต้องห่วง”
“รีบไปกันเถอะจ้ะพ่อ ประเดี๋ยวจะไม่ทัน”
ศรีนวลรีบพากทุกคนเดินออกไป
ดาวนั่งน้ำตาซึมอยู่ที่มุมหนึ่งในกระท่อมกลางป่าได้ยินเสียงปืนแว่วเข้ามา สักครู่บุญเหลือก็วิ่งเข้ามาหาดาวรีบปาดน้ำตาไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอ
“ดาว ได้ยินเสียงปืนไหม”
“อืมม์”
“รีบออกจากป่ากันก่อนดีกว่า”
“ดาวไม่ไป”
“แต่ตอนนี้เราไม่มีปืนนี้มันอันตรายนะ”
“ตายก็ดี”
บุญเหลือหมดความอดทนที่น้องสาวมีสภาพหมดอาลัยตายอยากเช่นนี้จึงเข้าไปเขย่าตัว
“ดาวเป็นอะไรไป ดาวคนเก่าของพี่หายไปไหน” ดาวน้ำตาไหลพราก สะอึกสะอื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “พี่รู้ว่าดาวเจ็บ พี่เองก็เจ็บเหมือนกัน แต่ถ้าจมอยู่กับน้ำตาแบบนี้ มันก็เท่ากับดาวกำลังทำร้ายคนที่รักดาว”
“ไม่มีใครรักดาว ไม่มีเลย”
“ลืมไปแล้วเหรอว่าดาวยังมีแม่ศรีนวล ยังมีตา แล้วก็ยังมีพี่คนนี้ พวกเรารักดาว เป็นห่วงดาว ไม่อยากให้ดาวจมอยู่กับความทุกข์”
ดาวได้สติโผเข้ากอดบุญเหลือ
“ดาวขอโทษจ้ะพี่บุญเหลือ ต่อไปดาวจะไม่ทำแบบนี้อีก”
“จ้ะ ดาวต้องกลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม ดาวไม่ควรไปเสียน้ำตากับคนไร้ค่าแบบไอ้ระพี”
“แต่พี่บุญเหลือ พี่คงไม่รู้ซินะว่าคุณระพีเค้าหมั้นกับใคร”
“ช่างเถอะ พี่ไม่อยากรู้ พี่รู้แต่ว่าไอ้คนชื่อระพีมันทำให้น้องสาวของพี่ร้องไห้ ถ้าพี่เจอมัน พี่จะไม่ไว้หน้ามันอีก เลิกร้องไห้เถอะนะดาว”
“จ้ะ ดาวจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว”
ดาวปาดน้ำตาตัวเอง แล้วพยายามเรียกสติกลับมาเข้มแข็ง
“รีบออกจากป่ากันเหอะ เสียงปืนดังใกล้เข้ามาแล้ว”
ดาวและบุญเหลือรีบพากันเดินออกจากกระท่อม
เถ้าแก่ชิ้นและศรีไพรพากันเดินมาตามทางในป่า เมื่อได้จังหวะ ศรีไพรก็สะบัดหลุดแล้ววิ่งหนี
“หนอย คิดจะหนีเหรอ”
เถ้าแก่ชิ้นยกปืนขึ้นยิง ขณะที่ศรีไพรวิ่งซิกแซกไปมาเพื่อหลบกระสุน เถ้าแก่ชิ้นวิ่งตามไป ที่มุมหนึ่งดาวและบุญเหลือแอบมองอยู่
“นั่นคนที่ผาช่องลมนี่”
“ถ้าปล่อยไว้ โดนยิงแน่”
“งั้นดาวจะไปช่วยผู้หญิง ส่วนพี่บุญเหลือไปจัดการไอ้เถ้าแก่ชิ้น”
“ได้เลย”
ดาวและบุญเหลือพากันแยกทาง เพื่อปฏิบัติการตามที่ตกลงไว้
ศรีไพรซึ่งบาดเจ็บจากการถูกทุบตี พยายามวิ่งหนีจากกระสุนปืนของเถ้าแก่ชิ้น แต่แล้วเธอก็สะดุดล้มลง ทำให้เถ้าแก่ชิ้นตามมาทัน
“ฮึ่ม...คิดว่าจะแน่แค่ไหน”
เถ้าแก่ชิ้นเดินเข้ามาหาศรีไพร แต่แล้วดาวก็โผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง
“เถ้าแก่ อย่ารังแกผู้หญิงซิ”
“นังดาว แกโผล่มาได้ยังไง”
“ก็โผล่มาช่วยคนไง”
“เรื่องนี้แกไม่เกี่ยว หลีกไป”
“ไม่มีวัน”
เถ้าแก่ชิ้นยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่ดาว
“งั้นก็เป็นผีเฝ้าป่าซะ”
ฉับพลันบุญเหลือก็โผล่มาจากด้านหลังแล้วเตะปืนเถ้าแก่ชิ้นกระเด็นไป เถ้าแก่ชิ้นล้มลง
“การฆ่าคนผิดกฎหมายนะเถ้าแก่”
“ไอ้เลว”
เถ้าแก่ชิ้นพุ่งตัวไปที่ปืนซึ่งหล่นอยู่กับพื้น บุญเหลือรีบเข้าไปแย่ง แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็กอดปล้ำกันไปมา ดาวอาศัยจังหวะนี้พยุงศรีไพรให้ลุกขึ้น จากนั้นดาวก็รีบเข้าไปช่วยบุญเหลือ
มเหศักดิ์และลูกน้องปรากฏตัว แล้วยิงปืนขึ้นฟ้า
ศรีนวล กำนันธง ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้าน ซึ่งกำลังเดินป่าพากันชะงักเมื่อได้ยินเสียงปืน
“เสียงปืนอยู่ใกล้ๆ แถวนี้”
“น่าจะมาจากทางกระท่อมริมน้ำตกนะพ่อ”
“รีบไปเร็ว”
ทุกคนพากันรีบเดินไปตามทิศทางของเสียงปืน
เถ้าแก่ชิ้นและบุญลือซึ่งต่อสู้กัน ชะงักแยกออกจากกัน บุญเหลือเข้าไปยืนรวมตัวกับดาวและศรีไพร ขณะที่เถ้าแก่ชิ้นรีบเข้าไปหามเหศักดิ์
“ส่งตัวศรีไพรมาเดี๋ยวนี้”
“พวกแกจะเอาตัวพี่ศรีไพรไปทำไม”
“นั่นเรื่องของข้า คนอื่นไม่เกี่ยว”
“บ้านเมืองมีขื่อมีแปร ใครจะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้”
“ทำเป็นหัวหมอ ฆ่าพวกมันแล้วฝังไว้ในป่านี่แหละ”
ลูกน้องมเหศักดิ์ทุกคน ยกปืนมาเล็งเตรียมยิง ทำให้ศรีไพรต้องตัดสินใจ
“ก็ได้ ชั้นจะไปกับแก”
“ศรีไพร”
ศรีไพรหันมายิ้มขอบคุณดาวและบุญเหลือ แล้วค่อยๆ ก้าวเดินออกไป ลูกน้องของมเหศักดิ์เข้ามาคุมตัว แต่แล้วขณะนั้นเอง ศรีนวล กำนันธง ผู้ใหญ่ต้อง และชาวบ้านก็มาถึง
“หยุด พวกแกจะทำอะไร”
ดาวและบุญเหลือดีใจ ที่ทุกคนมาทันเวลาพอดี
“เรื่องนี้กำนันไม่เกี่ยว”
“ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้”
ศรีนวลเล็งปืนมาที่ลูกน้องมเหศักดิ์ ดาวและบุญเหลือรีบเข้าไปพยุงศรีไพรมา
“ชั้นเป็นกำนัน จะไม่ยอมให้ใครมาทำเรื่องผิดกฎหมายที่นี่”
“แต่นังศรีไพรมันเป็นโจร ชั้นจะจับตัวส่งตำรวจ กำนันจะมาขัดขวางไม่ได้”
“ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเรื่องผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นโจรหรือไม่มันเป็นหน้าที่ของชั้นที่จะสอบสวน เถ้าแก่ไม่เกี่ยว”
“ก็ได้ ชั้นจะฝากนังศรีไพรไว้กับกำนันยังไงเราคงได้เห็นดีกันแน่”
เถ้าแก่ชิ้นมองด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นเถ้าแก่ชิ้น มเหศักดิ์ และพวกพากันถอยกลับไป เมื่อเห็นว่าปลอดภัย ศรีไพรก็หันมาขอบคุณทุกคน
“ขอบคุณ ที่ช่วยชั้นไว้”
“ดูซิ เนื้อตัวเธอช้ำไปหมด”
“งั้นพาไปรักษาตัวที่บ้านก่อน”
“แต่ตอนนี้ สมิงกับเสือเฮี้ยน คงจะออกตามหาชั้นอยู่”
“งั้นเดี๋ยวชั้นจะไปบอกสมิงกับเสือเฮี้ยนให้”
“นั่นซิ บาดเจ็บอย่างงี้ อย่าเพิ่งเข้าป่าเลย”
“กลับไปที่บ้านก่อน ฉันจะประคบสมุนไพรให้ สองสามวันก็หาย”
“จ้ะ อย่างงั้นก็ได้”
ทุกคนพากันเดินมุ่งหน้ากลับลานเท
ที่บ้านกำนันธง ศรีนวลกำลังปฐมพยาบาลให้ศรีไพร โดยมีดาว คอยช่วยเหลือ
“ได้ยินชื่อของศรีไพรลูกสาวเสือเฮี้ยนมานาน ไม่คิดว่าหน้าตาจะสะสวยขนาดนี้”
“ถ้าคุณศรีนวลกับดาวไม่ช่วยศรีไพรคงตายไปแล้ว”
“พวกมันจับตัวศรีไพรมา ต้องการอะไร”
“มันบังคับให้ศรีไพรบอกทางเข้าออกผาช่องลม มันต้องการปล้นทองในถ้ำที่พวกเราเก็บไว้”
“เลวสมเป็นโจรจริงๆ”
“ใช่จ้ะแม่ มันก่อกรรมทำเข็ญไม่หยุด มันสมควรตาย”
“ตราบใดที่ศรีไพรอยู่ที่นี่ ทุกคนที่บ้านลานเทคงไม่สงบสุข ศรีไพรคงต้องกลับผาช่องลมให้เร็วที่สุด”
“ไม่ต้องกลัว ถ้าไอ้เถ้าแก่ชิ้น กับพวกมัน บุกมาเมื่อไหร่ มันเจอดีแน่”
ดาวและศรีนวลยิ้มให้ความมั่นใจกับศรีไพร
ทางเดินในป่า ขบวนของสมิงกับลูกน้องกำลังเดินป่าลัดเลาะไปตามทางเรื่อยๆ บุญเหลือเดินเข้ามา เข่งซึ่งไม่รู้จักบุญเหลือมาก่อนมองเห็นก็ชักปืนมาทำท่าจะยิง
“เฮ้ย หยุด”
“ใจเย็นพี่ชาย ชั้นมา...” บุญเหลือจะบอกแต่เข่งตัดบท
“หนอย...พูดไม่ฟัง ตายซะเหอะมึง”
เข่งจะยิงบุญเหลือ แต่เหิมหันมาเห็นรีบเข้ามาห้ามไว้
“เฮ้ย อย่า”
“ห้ามทำไม”
“นี่บุญเหลือ ลูกแม่ศรีนวล”
“แม่ศรีนวลให้ชั้นมาส่งข่าวจ้ะพี่เหิม”
สมิงและเสือเฮี้ยนเดินออกมาพอดี
“แม่ศรีนวลมีข่าวอะไร บุญเหลือ”
“เรื่องศรีไพรจ้ะ แม่ให้มาบอกว่าสมิงกับเสือเฮี้ยนไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราช่วยศรีไพรไว้ได้แล้ว”
“แล้วตอนนี้ศรีไพรมันอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่บ้านจ้ะ แม่อยากให้ศรีไพรรักษาตัวจนกว่าจะหายเสียก่อน ยังไม่อยากปล่อยมาผาช่องลม”
“มันเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ก็คงโดนพวกมันไปซ้อม ถึงแผลข้างนอกจะไม่มี แต่ข้างในช้ำระบมไปหมดผมคิดว่าวันพระหน้าก็น่าจะหาย”
“งั้นก็ดีซิ วันพระหน้าตรงกับวันเกิดของศรีนวล ยังไงชั้นก็ต้องไปบ้านลานเทอยู่แล้ว จะได้ไปรับตัวศรีไพร
กลับมาด้วย”
สมิงยิ้มน้อยๆ อย่างมีความสุขเมื่อคิดถึงวันที่เขาและศรีนวลจะได้เจอกันอีกครั้ง
ถนนสายหนึ่งนอกเมืองอยุธยา รถสองแถวบรรทุกผู้โดยสารกำลังแล่นมาตามถนน แล้วสักครู่ก็เห็นโจรไอ้โม่งกลุ่มหนึ่งขับรถมาจอดขวางไว้โจรนำทีมโดย ดำ แดง ลูกน้องบันลือที่ไม่ได้เข้าป่ากับเถ้าแก่ชิ้น และมเหศักดิ์ ก็จะมาออกปล้นรถโดยสารกันโดยอ้างชื่อใส่ร้ายสมิง
“อ้ายเสือสมิง บุก”
ดำตะโกนอ้างชื่อสมิง จากนั้นก็จัดการปล้นฆ่าคนบนรถสองแถวเพื่อเอาทรัพย์สิน
มุมหนึ่งของถนนรถของเลอสรร แล่นมาโดยในรถเห็นพลขับทำหน้าที่ขับรถ และมีระพีกับเลอสรร เป็นผู้โดยสาร ทุกคนอยู่ในชุดไปรเวทเนื่องจากกำลังมาสืบราชการลับ ระพีสังเกตการณ์ปล้นบนถนนข้างหน้าจึงรีบบอกกับเลอสรร
“ท่านรอง เกิดเรื่องแล้วครับ”
“ปล้นอุกอาจ กลางวันแสกๆ แบบนี้ ผมยอมไม่ได้”
พลขับจอดรถ ระพีและเลอสรร รีบลงจากรถ แล้วจากนั้นก็เปิดฉากยิงต่อสู้กับโจร สักครู่พวกโจรก็เริ่มถอยหนีเนื่องจากสู้ไม่ได้
“อ้ายเสือสมิง ถอย”
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
เลือดเจ้าพระยา ตอนที่ 7 (ต่อ)
พวกโจรพากันถอยหนีไป พลขับ ระพีและเลอสรร รีบเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ และดูแลพวกชาวบ้าน
“วิทยุเรียกรถพยาบาล มาที่นี่เร็ว” เลอสรรสั่งพลขับ
“ครับผม”
พลขับรีบวิ่งไปที่รถเพื่อวิทยุ
รถตำรวจแล่นเข้ามาถึงที่เกิดเหตุ นายตำรวจคนหนึ่งลงมาทำความเคารพ
“รู้มั้ยว่าเป็นโจรพวกไหน” ระพีถาม
“ได้ยินมันตะโกนว่าเป็นพวกโจรสมิงครับ” ผู้โดยสารที่เป็นชาวบ้านบอก
“ผมอยากให้ผู้หมวดดูแลพื้นที่ให้เข้มงวดกว่านี้ อย่าปล่อยให้ตะโกนว่าเป็นพวกโจรสมิงครับ”
“ครับผม”
“คุณนัดจ่าสมหมายไว้แถวไหน” เลอสรรถามระพี
“ขับรถไปอีกครึ่งชั่วโมงครับ”
“งั้นพวกคุณดูแลชาวบ้าน กับคนเจ็บที่นี่ผมขอตัวก่อน”
เลอสรร ระพีเดินไปที่รถ รถแล่นออกไป ตำรวจดูแลพวกชาวบ้าน และคนเจ็บ
มเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้นและลูกน้องพากันเดินมาที่หน้าบ้าน บันลือรีบออกมาต้อนรับ
“เตี่ย...ได้เรื่องอะไรมาบ้าง”
“ไม่มีอารมณ์ จะพูดโว้ย”
เถ้าแก่ชิ้นเดินหน้าหงิกเข้าบ้านไป บันลือหันไปหามเหศักดิ์เพื่อซักถาม
“เหลวอีกแล้วใช่มั้ย”
“เราจับโจรจากผาช่องลมมาได้ แต่พวกไอ้กำนันธงมันชิงตัวไปได้”
“ไอ้กำนันธงอีกแล้ว”
“เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ หรอกบันลือ”
มเหศักดิ์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้บันลือฟัง ห่างออกไปเห็นจ่าสมหมายแอบฟังอยู่เงียบๆ
สักครู่เห็นรถของดำ แดง และพวกซึ่งเพิ่งหนีจากตำรวจ แล่นเข้ามาจอด ทุกคนถอดอ้ายโม่งออก แล้วรีบเข้าไปหาบันลือ ดำส่งของที่ปล้นมาได้ให้บันลือ แดงหันไปเห็นเงาตะครุ่มๆ ของจ่าสมหมาย
“เฮ้ย...ใครวะ”
จ่าสมหมายรีบวิ่งหนี
“รีบตามไปเร็ว”
ดำ แดง และพวก รีบตามจ่าสมหมายไป
ริมถนนเล็กๆ แห่งหนึ่ง จ่าสมหมายวิ่งหนีมาตามทาง โดยมีดำ แดง และพวกไล่ยิง จ่าสมหมายหันไปยิงต่อสู้บ้าง แต่ก็ถอยหนีเป็นหลัก จ่าสมหมายวิ่งมาแล้วมองหาทางหนีทีไล่จากนั้นก็คิดออก จึงหันไปหยิบก้อนหินลูกใหญ่ทุ่มลงไปในน้ำ ส่วนตัวเองรีบซ่อนตัวหลังต้นไม้
ดำ แดง ลูกน้องพากันวิ่งมาริมน้ำ เห็นน้ำกระเพื่อมก็เข้าใจว่าเป็นจ่าสมหมายที่โดดลงไป จึงช่วยกันยิงไปในน้ำกันชุดใหญ่ จนเป็นที่พอใจ
“ถ้ามันอยู่ในน้ำ ป่านนี้คงเป็นผีไปแล้ว”
“ไป กลับ”
ดำ แดงและลูกน้องพากันเดินกลับไป สักครู่จ่าสมหมายก็โผล่ออกมาจากที่ซ่อน
“โอ๊ย หัวใจจะวาย เกือบไปแล้วตู นี่ถ้าไม่ใช่ความฉลาดคงเท่งไปแล้ว”
รถของเลอสรรจอดรออยู่ริมถนน ในรถเห็นระพีและเลอสรรกำลังนั่งรอจ่าสมหมายอยู่
“ป่านนี้จ่าสมหมายน่าจะมาแล้วนะผู้กอง”
“นั่นซิครับ ผมนัดไว้แถวนี้”
พลขับหันไปเห็นจ่าสมหมายวิ่งหน้าตั้งมาแต่ไกล
“ท่านรองครับ มาโน่นแล้ว”
จ่าสมหมายวิ่งเข้ามาที่รถ หอบเหนื่อย
“เป็นไงจ่า ได้เรื่องมั้ย”
“โดนมันจับได้ครับ เกือบไป ขอโทษนะครับท่านรอง ผมมาช้าไปหน่อย”
“รีบขึ้นรถ”
จ่าสมหมายขึ้นรถ จากนั้นรถก็แล่นออกไป
ขณะรถวิ่งไปตามถนน จ่าสมหมายเริ่มรายงานสิ่งที่ได้ยินมาให้เลอสรรและระพีฟัง
“เถ้าแก่ชิ้นกับไอ้มเหศักดิ์เพิ่งกลับมาจากป่าครับผู้การ”
“พวกมันเข้าป่าไปทำอะไร”
“ไปผาช่องลมครับ”
“แต่ผาช่องลมเป็นสถานที่ลึกลับ ไม่เคยมีใครรู้ทางเข้าออกนะจ่า”
“ผมได้ยินว่ามันจับโจรจากผาช่องลมมาเพื่อเค้นความลับ แต่โดนกำนันธงกับพวกชิงตัวไป”
“นี่ก็พิสูจน์แล้วว่ากำนันธงกับชาวบ้านทุกคนเป็นพวก เดียวกับสมิง” เลอสรรสรุป
“แต่เท่าที่ผมสัมผัสมา ชาวบ้านที่ลานเทไม่น่าจะเป็นโจรนะครับ” ระพีบอก
“ผู้กองแน่ใจได้ยังไง เป้าหมายของเราก็คือต้องล่าตัวไอ้โจรสมิงให้ได้”
ระพีได้แต่นิ่งเงียบ เนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์เรื่องนี้ได้นอกจากความรู้สึก ขณะที่เลอสรรยังรู้สึกเจ็บใจกับพฤติกรรมของสมิง และต้องการจะตามล่าตัวมาให้ได้
วันต่อมาในห้องประชุมของกรมตำรวจ เลอสรร ระพี จ่าสมหมายและตำรวจอื่นๆ กำลังประชุมกัน แผนที่ของลานเทถูกกางออก โดยเลอสรรคอยซักถามและวางแผน
“จากท่าเรือที่นี่ ไปลานเทใช้เวลานานมั๊ย”
“ประมาณ20นาทีครับ”
“แล้วถ้าไปทางบก”
“ทางบกคงไม่สะดวกครับ”
“ผู้กองคิดว่าผาช่องลมที่ใครๆ พูดถึง มันอยู่ตรงไหน”
“ผาช่องลมอยู่ไม่ห่างจากบ้านลานเทเท่าไหร่ แต่ต้องบุกป่าข้ามเขาไปครับ”
ระพีชี้จุดลงบนแผนที่
“ท่านรองจะบุกซุ้มโจรของไอ้สมิงเหรอครับ”
“ไม่เฉพาะซุ้มโจรของสมิง คนที่ลานเททุกคน ถ้าหากมีหลักฐานว่าเป็นพวกเดียวกับสมิงผมก็จะต้องจัดการให้สิ้นซาก”
“มีสายของเรารายงานมาว่า วันพระหน้าที่จะถึงนี้ สมิงกับพวกมันจะมาที่บ้านลานเทครับ”
“ดี...ถ้างั้นผมขอให้ทุกคนเตรียมพร้อม วันพระหน้าเราจะไปลานเท เอาละ วันนี้พอแค่นี้” ทุกคนเก็บของ เลิกประชุมแล้วพากันเดินออกไป เลอสรรเรียกระพีไว้ “ผู้กอง”
“ครับผม”
“ปฏิบัติการครั้งนี้ คุณไม่ต้องไปนะ”
“ทำไมละครับ”
“คุณพ่อคุณ ขอผมไว้ ท่านไม่อยากให้คุณเสี่ยงอันตราย”
“แต่ผมเป็นตำรวจ งานของผมคือการปราบคนร้าย เรื่องนี้ผมคงยอมไม่ได้ครับท่าน”
“ใจเย็น เรื่องนี้ไว้คุยกันทีหลัง”
เลอสรรเดินออกจากห้องไป ทิ้งระพีซึ่งกำลังรู้สึกหงุดหงิด ไว้คนเดียว
ระพีกลับบ้านอย่างหงุดหงิดและโต้เถียงกับรัฐมนตรีภาณุเสียงดัง
“คุณพ่อไม่ควรทำแบบนี้ ผมเป็นตำรวจผมมีหน้าที่จับผู้ร้ายจะให้ผมนั่งทำแต่งานธุรการได้ยังไง”
“แต่นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว แกยังหนุ่มมีอนาคตอีกไกล ถ้ามัวไปจับผู้ร้าย อายุแกคงไม่ยืนแน่”
“คนอย่างผมไม่ตายง่ายๆ หรอกครับ ผมขอร้องละครับ คุณพ่ออย่าทำกับผมแบบนี้เลย”
“ไป อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กับชั้น วันนี้ชั้นไม่ว่าง”
รัฐมนตรีภาณุเดินหนีไป จันทร์เจ้าผู้เป็นแม่ของระพีเดินเข้ามาปลอบใจลูกชาย
“ที่คุณพ่อทำไปก็เพราะเป็นห่วงนะลูก”
“แต่ผม...”
“ใจเย็นๆ นะลูก อย่าเพิ่งวู่วาม แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง เชื่อแม่ซิ”
จันทร์เจ้าปลอบโยนระพีให้คลายกังวล
อีกด้านหนึ่งที่บ้านท่านผู้ว่าทรงยศ สร้อยเพชรกำลังพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องรับแขก เลอสรรนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ห่างนัก
“ได้ค่ะท่าน ประเดี๋ยวสร้อยเพชรจะบอกคุณเลอสรรให้ สวัสดีค่ะ”
“ท่านรัฐมนตรีภาณุ ว่าไง”
“ก็ผู้กองระพีน่ะซิคะ ไปโวยวายเรื่องที่โดนห้ามไม่ให้ไปกับคุณ แต่ยังไงท่านรัฐมนตรีก็ยังยืนยันคำสั่งเดิมค่ะ คือของานที่ไม่เสี่ยงอันตราย”
“ผมไม่ชอบแบบนี้เลย มันไม่ยุติธรรม”
“เอาเถอะค่ะคุณเลอสรร ยังไงเค้าก็จะมาเป็นลูกเขยเรา ดูแลเค้าหน่อยละกัน ชั้นขอร้อง”
“ผมก็ต้องขาดลูกน้องฝีมือดีไปคนนึงนะซิ”
“ไม่รู้หล่ะ ยังไงอาทิตย์นี้ผู้กองระพีก็ไปกับคุณไม่ได้ เพราะผู้กองจะต้องพาแม่เดือนไปเที่ยว”
“แล้วถ้าเกิดผู้กองเค้าไม่ยอมล่ะ”
“เป็นไปไม่ได้ ยังไงชั้นก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด”
สายตาของสร้อยเพชรเต็มไปด้วยความมั่นใจ และเจ้าเล่ห์
วันต่อมารถของระพีแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านท่านผู้ว่าทรงยศ เดือนเดินออกมาที่รถทั้งคู่คุยกัน
“วันนี้คุณปู่คุณย่าท่านไปทำบุญกัน ส่วนคุณพ่อก็ออกไปแต่เช้า ไม่รู้ว่าไปไหน”
“ไปลานเทครับ”
เดือนแปลกใจ
“คุณพ่อไปทำอะไรที่นั่นคะ”
“วันนี้ที่ลานเทมีงานเลี้ยงวันเกิดของแม่ศรีนวล ท่านรองจะไปจับโจรที่ชื่อสมิง”
“ตายจริง เดือนรู้สึกเป็นห่วงแม่ศรีนวล แล้วก็คนที่นั่นแล้วซิคะ”
“คุณเดือนอยากไปลานเทมั๊ยครับ”
“อยากไปค่ะ แต่ว่า...”
“ถ้าคุณเดือนอยากไป เราแอบไปที่นั่นกันก็ได้นะครับ ผมมีเรือเร็วที่พอจะรู้จักกัน”
“อืมม์...ดีเหมือนกัน เราแอบไปตอนเช้าแล้วกลับตอนเย็น ก็น่าจะไม่มีใครรู้นะคะ”
สร้อยเพชรซึ่งแอบฟังอยู่รีบเดินออกมา
“อะไรกันจ้ะ วันนี้จะไปเที่ยวไหนกันเหรอ”
“คุณแม่...” เดือนตกใจ
“ตกใจเรื่องอะไรแม่เดือน ไหนบอกแม่ซิว่าวันนี้จะพาน้องไปเที่ยวไหน” สร้อยเพชรหันไปถามระพี
“คือไป...ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้าน่ะครับ”
“ก็ดีน่ะซิ ถ้างั้นขอแม่ไปด้วยนะ แม่กำลังจะไปซื้อของพอดี”
เดือนและระพีมองหน้ากัน
“ค่ะ ได้ค่ะ”
“งั้นก็ขึ้นรถกันเลย แม่พร้อมแล้ว”
ระพีและเดือนอึดอัดแต่ก็ฝืนยิ้ม จากนั้นทุกคนพากันขึ้นรถ แล้วระพีก็ขับออกไป สร้อยเพชรแอบยิ้มในความสำเร็จที่สามารถขัดขวางการไปลานเทของระพีได้
ท่าเรือแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ จ่าสมหมายและตำรวจนอกเครื่องแบบกำลังรวมพลกันอยู่ สักครู่ก็เห็นเลอสรร เดินเข้ามาในเครื่องแต่งกายแบบชาวบ้าน
“กำลังและอาวุธพร้อมแล้วครับท่านรอง”
“ปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ เราอาจจะไม่ชำนาญพื้นที่ ขอให้ทุกคนระมัดระวังให้มากที่สุด ขอให้พระคุณครองทุกคน”
ทุกคนทำความเคารพ แล้วจากนั้นเลอสรร ก็เดินนำทุกคนลงเรือไป เรือแล่นออกจากท่าน้ำไป
เรือลำหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่ท่าน้ำบ้านลานเท ในเรือเห็นมเหศักดิ์ เถ้าแก่ชิ้น บันลือ ดำ แดง และลูกน้องจำนวนหนึ่งพากันเดินขึ้นมา
“บันลือ เอ็งแอบเข้าไปในงานอย่าให้ไก่ตื่น ถ้ามีโอกาสก็หาทางจับตัวนังศรีไพรมาให้ได้” เถ้าแก่ชิ้นสั่งลูกชาย
“ไม่ต้องห่วงเตี่ย เดี๋ยวจัดการให้”
“เตี่ยจะไปดักที่ชายป่า ถ้ามันหนี มันเจอดีแน่”
“พวกชั้น จะวางกำลังไว้ตามริมน้ำ เผื่อมันจะหนีทางเรือ”
“ดี...แบบนี้มันไปไหนไม่รอดแน่”
ทุกคนพากันแยกย้ายกันออกไป โย่งแอบมองอยู่มุมหนึ่ง โย่งรีบวิ่งออกไป
ที่ศาลาวัด ศรีนวล กำนันธง ดาว บุญเหลือ ผู้ใหญ่ต้องและชาวบ้านลานเท กำลังรวมตัวกันทำบุญอย่างหนาตา
พิธีทำบุญผ่านไป ศรีนวลกราบพระแล้วพระพากันกลับเข้ากุฏิ ศรีไพร น้อย นำพวกชาวบ้านยกสำรับกับข้าวมาวางเพื่อเลี้ยงดูชาวบ้าน ศรีนวลลุกขึ้นช่วยและคอยดูแลแขกเหรื่อ ดาวและบุญเหลือคอยดูแลยกสำรับกับข้าวเลี้ยงแขก
“เชิญเลยจ้ะพี่ป้าน้าอา วันเกิดแม่ศรีนวลปีนี้ เลี้ยงไม่อั้น ล้อมวง เข้ามาเลยจ้ะ”
“ทานกันเยอะๆ ไม่ต้องเกรงใจนะจ๊ะ”
“ปีนี้ชั้นขอจองศรีนวลรำวงสักรอบนะ”
“ได้เลยผู้ใหญ่”
“แหม...น้าผู้ใหญ่จะจองรำแต่ศรีนวลคนเดียว ไม่มีใครแม่ศรีไพรบ้างเลยเหรอจ๊ะ”
“อย่าเลยจ้ะ ศรีไพรรำไม่เป็น ไม่ถนัดจริงๆ”
“แล้วกันกะว่าจะขอรำสักเพลง เสียดายจริงๆ”
“รำกับชั้นก็ได้นะจ้ะลุงกำนัน ชั้นว่างยาวเลย”
“นี่นังน้อย เห็นข้าแก่ยังงี้ ข้าก็เลือกนะเว้ย ฮ่ะๆ”
น้อยค้อนขวับหน้าหงิกชาวบ้านส่งเสียงเฮฮากันครึกครื้น ได้ยินเสียงกลองยาวตีรัวแว่วเข้ามา
ที่ลานวัด ชาวบ้านกำลังล้อมวงกันเล่นรำวง โดยมีกลุ่มกลองยาวกำลังบรรเลงเพลงอย่างสนุกสนาน ศรีนวล และผู้ใหญ่ต้องกำลังรำวงกันส่วนกำนันธงรำคู่กับน้อย
ดาวอยู่ในกลุ่มคนดูกำลังส่งเสียงเชียร์ ร้องรำทำเพลงกัน สักครู่บุญเหลือก็เดินเข้ามาสะกิดดาว
“ดาวๆ สมิงมาแล้ว”
“สมิงมาแล้วเหรอ”
ดาวรีบตามบุญเหลือออกไปรับสมิง สมิงเดินมากับเหิม ขวด เข่ง โย่ง และลูกน้องอื่นๆ สมิงแยกกับลูกน้องคนอื่นๆ ดาวรีบเข้าไปหา
“สมิง ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงจังเลย”
ดาวโผเข้ากอดสมิงซึ่งเธอรักเหมือนพ่อคนหนึ่ง
“สมิงก็คิดถึงดาวเหมือนกัน”
“บุญเหลือด้วย ขอกอดที”
บุญเหลือจะโผเข้ากอด แต่สมิงยันไว้
“พอๆ ไม่ต้องก็ได้ บุญเหลือเอ็งโตแล้ว”
“อย่างนี้สมิงรักลูกลำเอียงน่ะสิ รักแต่ลูกดาว บุญเหลือไม่ยอมนะ”
บุญเหลือแกล้งงอแงแบบเด็กๆ สมิงเลยเขกกระโหลกโป๊ก
“มะเหง็กแน่ะ”
“โอ๊ย เจ็บนะ”
“เอ็งมันผู้ชาย อย่ามาดัดจริต”
“ฮ่ะๆ สมน้ำหน้า สมิงเขกอีกทีก็ได้ ดาวหมั่นไส้มานานแล้ว”
“เดี๋ยวเหอะๆ พ่อสมิงมาล่ะเอาใหญ่”
“นี่ดาว บอกสมิงนะ แม่ศรีนวลอยู่ไหน”
“โน่นไง รำวงกับน้าผู้ใหญ่อยู่โน่น”
ศรีไพร เพิ่งหันมาเห็นสมิง เธอดีใจจึงรีบเดินตรงเข้ามา สมิงหันไปยิ้มทัก
“ศรีไพร เสือเฮี้ยนให้ฉันมารับกลับบ้าน เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
สมิงรีบผละจากศรีไพรเดินเข้าไปหาศรีนวลทันที ทำให้ศรีไพรนิ่งอึ้ง ผิดหวัง ดาวและบุญเหลือยืนมองตามสมิงที่เดินเข้าไปที่มุมรำวง
“พี่บุญเหลือ พี่ว่าปีนี้ สมิงจะขอแม่ศรีนวลแต่งงานสำเร็จมั๊ย”
“นั่นซิ เมื่อไหร่แม่ศรีนวลจะใจอ่อนยอมแต่งงานกับสมิงก็ไม่รู้”
ศรีไพรได้ยินคำพูดของดาวและบุญเหลือแล้วรู้สึกหวั่นไหว น้อยใจที่สมิงกับเธอไม่ทันได้พูดคุยกันอย่างที่ควรจะเป็น
ศรีนวลรำวงกับผู้ใหญ่ต้อง ขณะที่กำนันธงรำวงกับน้อย ชาวบ้านคนอื่นๆ ต่างก็จับคู่รำวงกันอย่างสนุกสนาน สมิงเดินเข้ามาแล้วเมื่อได้จังหวะก็โค้งศรีนวลขอรำต่อจากผู้ใหญ่ต้อง ศรีนวลดีใจที่เห็นสมิง
“สมิง มาเมื่อไหร่”
“ก็เพิ่งมาถึงนี่แหละศรีนวล”
“เสือเฮี้ยนมาด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ได้มา แกไม่กล้าทิ้งผาช่องลม กลัวจะโดนตลบหลังเลยต้องอยู่เฝ้า”
“นึกว่าจะมารับศรีไพร ตอนนี้ศรีไพรหายดีแล้วนะ”
“แล้วศรีนวลล่ะ หายดีหรือยัง”
“อะไรหายดี”
“ก็แผลใจเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน หายพอที่จะรับรักสมิงได้หรือยัง”
“นี่ยังไม่ลืมเรื่องนี้อีกเหรอ”
“สมิงไม่เคยลืมรักแรก รักเดียวของสมิง ศรีนวลก็รู้ว่าสมิงไม่คิดจะมีใคร นอกจากศรีนวล”
ศรีนวลรู้สึกเขินกับคำพูดของสมิง เธอจึงเลี่ยงเดินออกไป สมิงรีบตามไป ทั้งคู่เดินตรงไปยังโบสถ์เพื่อไหว้พระ
ศรีไพรยืนซ่อนตัวอยู่หลังกลุ่มชาวบ้านแอบมองสมิงและศรีนวล น้ำตาคลอ
ศรีไพรเดินหนีออกมาจากวงรำวง เนื่องจากทนน้อยใจไม่ไหว บุญเหลือหันมาเห็นจึงสะกิดให้ดาวตามไปดู
“ดาว ศรีไพรเป็นอะไรน่ะ”
“นั่นซิ ใครทำอะไรศรีไพรหรือเปล่า” ดาวและบุญเหลือรีบตามเข้าไปคุยกับศรีไพร “ศรีไพร เป็นอะไรน่ะ”
ศรีไพรรีบปาดน้ำตา กลบเกลื่อน
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร”
“ร้องไห้เหรอ”
“เปล่า ฝุ่นมันเข้าตา ขอตัวนะ”
ศรีไพรรีบเดินหนีไป ดาวและบุญเหลือสงสัย
เข่งยืนแอบมองศรีไพรที่กำลังเดินออกไป จากนั้นเข่งก็กระดกไหเหล้าย้อมใจแล้วเดินตามศรีไพรไป
ในโบสถ์ ศรีนวลและสมิงกำลังไหว้พระประธาน จากนั้นทั้งคู่ก็หันมาคุยกัน
“ปีละครั้งที่สมิงจะมีโอกาสมาไหว้พระในโบสถ์นี้ และปีละครั้งที่สมิงจะมีโอกาสได้พบศรีนวล”
“ลานเทกับผาช่องลมก็ไม่ได้ไกลกันนัก สมิงจะมาไหว้พระที่นี่หรือจะเจอศรีนวลเมื่อไหร่ก็ได้”
“สมิงอยากลงโทษตัวเองที่สมิงดูแลศรีนวลไม่ดี ปล่อยให้ศรีนวลต้องเจอกับผู้ชายเลวๆ อย่างไอ้เลอสรร”
“เรื่องมันผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว สมิงควรจะลืมได้แล้ว”
“อย่าพูดแบบนั้น ศรีนวลก็รู้ว่าสมิงรอศรีนวลมาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะให้รออีกกี่สิบปี สมิงก็จะรอ”
“สมิงทำให้ศรีนวลรู้สึกมีค่า แท้จริงแล้วคุณค่าและศักดิ์ศรีของศรีนวลได้ถูกทำลายย่อยยับไปจนหมดสิ้นแล้ว ขอบคุณนะสมิง ที่ดีกับศรีนวลและลูกๆ แต่จนบัดนี้ศรีนวลก็ยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นกับใครใหม่ ขอโทษนะสมิง”
สมิงหน้าสลด แต่ก็ยอมรับในสิ่งที่ศรีนวลตัดสินใจ
“ไม่เป็นไร สมิงก็จะอดทนรอต่อไป กี่ชาติสมิงก็จะรอ ถ้าศรีนวลไม่เชื่อ สมิงก็จะขอสาบานต่อหน้าพระ”
ศรีนวลรีบจับมือห้ามไว้ ไม่ยอมให้สมิงสาบาน
“คำพูดของสมิง ศรีนวลเชื่อ ไม่จำเป็นต้องสาบานหรอกจ้ะ แต่เรื่องของความรัก บางครั้งมันก็พูดยากนะสมิง”
“จ้ะ เรื่องของความรัก มันพูดยากจริงๆ”
สมิงรู้สึกเหงาจับหัวใจกับการถูกปฏิเสธอีกครั้ง ศรีนวลไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่ยิ้มให้น้อยๆ เพื่อเป็นการปลอบโยน
ศรีไพรเดินมาสงบสติอารมณ์อยู่ในป่าใกล้ๆ หมู่บ้าน สักครู่ก็เห็นเข่งเดินเข้ามาท่าทางของเข่งดูเมาๆ ศรีไพรหันไปมอง
“แกตามมาทำไม”
“พอดีเสือเฮี้ยนพ่อศรีไพร แกฝากของมาให้ศรีไพรน่ะ”
“ของอะไร”
เข่งปลดผ้าขาวม้าคาดเอวซึ่งห่อปืนเอาไว้ แล้วเดินเข้ามาหาศรีไพร
“นี่จ้ะ แกฝากไอ้นี่มา”
เข่งค่อยๆ แกะผ้าออกช้าๆ ขณะที่สายตาแอบชำเลืองหาจังหวะ และเมื่อศรีไพรเผลอ เข่งก็เอาปืนในห่อผ้ามาจี้ตัวศรีไพรไว้
“นี่แกจะทำอะไร ไอ้เข่ง”
“ตอนนี้คงไม่มีใครช่วยเอ็งได้แล้วศรีไพร ทิ้งมีดกับปืนซะแล้วมาเป็นเมียข้า”
เข่งปลดปืนและมีดของศรีไพรทิ้งไป ศรีไพรพยายามดิ้นแต่เข่งล็อกไว้แน่นทำให้ศรีไพรเสียเปรียบ เข่งโมโหที่ศรีไพรไม่ยอมง่ายๆ จึงใช้ปืนทุบท้ายทอยจนทรุดลงไป
“นี่...ฤทธิ์เยอะนัก” ศรีไพรเพิ่งฟื้นจากการบาดเจ็บ เมื่อมาโดนทุบซ้ำ กำลังจึงสู้เข่งไม่ได้ เข่งรีบเข้ามากระชากเสื้อผ้าศรีไพร เพื่อปลุกปล้ำ “มาเป็นเมียข้าดีกว่าศรีไพร ฮ่ะๆ”
ศรีไพรพยายามดิ้นรน แต่เข่งอาศัยความได้เปรียบเข้ามาปลุกปล้ำ
ภายในบริเวณงาน ทุกคนกำลังสนุกสนานกัน บรรยากาศคึกครื้น โย่งเดินเข้ามามองหาศรีไพรแต่ไม่เห็น จึงเข้าไปหาขวดและเหิม
“เห็นศรีไพรมั้ย ศรีไพร”
ขวด เหิมและลูกน้องคนอื่นๆ กำลังจีบสาวและเล่นรำวงกันจึงไม่มีใครสนใจโย่ง
“มาโย่งมา เล่นลาวกระทบไม้กันดีกว่า”
“ข้ากำลังตามหาศรีไพร”
“ศรีพงศรีไพรอะไร มาสนุกกันดีกว่า”
โย่งเห็นว่าจะไม่ได้การ จึงมองหาสมิง
“สมิงๆ”
“สมิงอยู่ในโบสถ์กับศรีนวลโน่นแน่ะ”
โย่งรีบตรงไปที่โบสถ์ แต่ก่อนที่โย่งจะไปถึงสมิง ดาวก็เข้ามาขวางไว้
“จะไปไหนพี่โย่ง”
“หาสมิง”
“ไม่ต้องเลยพี่โย่ง มีอะไรก็บอกชั้นได้”
“ศรีไพรน่ะสิ ศรีไพรหายไปไหนก็ไม่รู้”
โย่งเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้ดาวฟัง ท่ามกลางเสียงอึกทึกของงาน
ขณะนั้นศรีไพรถูกเข่งกระชากเสื้อตัวนอกหลุดออกมา ศรีไพรรีบดิ้นรนหาทางหนี เข่งถอดเสื้อตัวเองออก
“ไม่ต้องอาย ถอดกันคนละชิ้นก็ได้”
เข่งเหวี่ยงเสื้อตัวนอกของตัวเองทิ้งไป แล้วเข้ามาหาศรีไพร แต่ศรีไพรอาศัยจังหวะถีบเข่งกระเด็นล้มไป ศรีไพรรีบคลานหนีแต่เข่งตะปบตัวเอาไว้ได้
“จะไปไหน ศรีไพรคนสวย”
“ปล่อยนะ ไอ้ชั่ว”
“ปากดีไปเหอะ ประเดี๋ยวก็รู้”
เข่งชกท้องศรีไพรจนจุก จากนั้นก็เริ่มซุกไซร้แต่แล้วโย่งและดาวก็เข้ามาเห็น ดาวถีบเปรี้ยงจนเข่งเซล้มไป
“หยุ .เดี๋ยวนี้นะ”
ดาวรีบเข้ามาพยุงศรีไพรให้ลุกขึ้น เข่งหันมามองดาวด้วยความไม่พอใจ
“แกนี่เอง นังดาว”
“เออ ชั้นเอง”
“หมูจะหาม เอาคานเข้ามาสอด เอ็งเจอดีแน่”
“ไอ้หมาลอบกัด ตอนนี้พี่ศรีไพรเพิ่งหายบาดเจ็บ ร่างกายยังสู้เอ็งไม่ได้ มาสู้กับชั้นดีกว่าไอ้เข่ง”
“ก็ได้ หน้าตาเอ็งก็สวยไม่เบา ยังไงมาเป็นเมียข้าอีกคน ข้าก็ไม่ถือ ฮ่ะๆ”
ดาวเลือดขึ้นหน้า กระโดดเข้าถีบเข่งหงายไปแล้วจากนั้นเข่งและดาวก็ต่อสู้กัน ขณะที่ศรีไพรพยายามพยุงตัวไว้ แล้วหาจังหวะช่วยดาว โย่งเห็นท่าทางไม่ดีรีบวิ่งออกไปหาคนมาช่วย
บุญเหลือเดินมองหาดาวอยู่ภายในบริเวณงาน แต่ไม่เห็นแม้เงา โย่งเห็นบุญเหลือจึงรีบเข้าไปหา
“พี่โย่ง เห็นดาวมั้ย”
“ไปช่วยศรีไพร มีเรื่องแล้ว”
“รีบพาไปเร็ว”
โย่งรีบพาบุญเหลือวิ่งไป
เข่งและดาว กำลังต่อสู้กัน ขณะที่ศรีไพร คอยหาจังหวะคอยช่วยดาวจัดการกับเข่ง แต่ศรีไพรทำอะไรไม่ค่อยได้มากนักเนื่องจากบาดเจ็บ บันลือ ดำ แดง มาเห็นเหตุการณ์แต่บันลือไม่รู้จักเข่ง
“นั่นนังดาวมันสู้อยู่กับใครวะ”
“คนของไอ้สมิงน่ะพี่”
“จัดการเลยมั้ยพี่บันลือ”
“ไม่ต้อง ปล่อยให้มันสู้กันไปก่อน หมดแรงเมื่อไหร่เราค่อยเสียบ ฮึๆ”
บันลือพูดไม่ทันขาดคำ ดาวก็สามารถจัดการน็อกเข่งล้มลงไปกองกับพื้นได้ไม่ยาก ดาวรีบเข้าไปพยุงศรีไพรเพื่อกลับไปที่หมู่บ้าน แต่แล้วบันลือกับพวกก็รีบเข้ามาขวางเอาไว้
“เหนื่อยมั้ยจ้ะ คนสวย”
“แก หลีกไปนะ”
“จะให้พี่หลีกไปไหน ทั้งสวยทั้งดุอย่างนี้บันลือชอบ”
“ดาว อย่ามัวเสียเวลา ลุยมันเลย”
บุญเหลือและโย่งเดินเข้ามา
“เดี๋ยวก่อน มีเรื่องหนุกๆ แบบนี้ จะขาดบุญเหลือได้ยังไง”
บุญเหลือ ศรีไพรและดาว พุ่งเข้าจัดการบันลือ แดง ดำ ส่วนโย่งคอยช่วยแบบรอจังหวะ ขณะที่เข่งนอนสลบอยู่ห่างออกไป
ขณะนั้นเลอสรร จ่าสมหมายและตำรวจนอกเครื่องแบบ ปลอมตัวเป็นชาวบ้านล่องเรือมาตามลำน้ำ จ่าสมหมายแอบส่องกล้องไปที่ริมตลิ่งจึงเห็นพวกมเหศักดิ์ และลูกน้องกำลังจอดเรือแอบซุ่มอยู่เป็นเงาตะครุ่มๆ อยู่ใต้ร่มไม้
“ท่านรองครับ”
“มีอะไร”
“ผมว่าตรงนั้นมันแปลกๆ นะครับ”
จ่าสมหมายส่งกล้องส่องทางไกลให้เลอสรร
“พวกนั้นเป็นใคร”
“ท่าทางไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่ครับ มีปืนด้วย”
“หรือว่าเป็นพวกของไอ้สมิง มาซุ่มโจมตีพวกเรา”
“เอาไงดีครับ”
“เบนหัวเรือเข้าไปหามัน บอกพวกเราทุกคนพร้อมลุย”
ทุกคนในเรือเตรียมตัวลุย
มเหศักดิ์และลูกน้องซึ่งจอดเรือซุ่มเริ่มรู้สึกผิดสังเกตที่จู่ๆ ก็มีเรือโดยสารบรรทุกผู้โดยสารมุ่งหน้าเข้ามาหา
“เฮ้ย นั่นเรือใครวะ”
“แปลกหน้าครับ ท่าทางไม่ใช่ชาวบ้านแถวนี้”
“เฮ้ย มันตรงมาทางเรา”
“หรือว่าจะเป็นพวกตำรวจ”
“งั้นก็ยิงเลย”
มเหศักดิ์และลูกน้อง ช่วยกันระดมยิงไปยังเรือของเลอสรรที่กำลังแล่นเข้ามา จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เกิดการยิงต่อสู้กันเสียงดังสนั่น
จบตอนที่ 7
อ่านต่อตอนที่ 8 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.