xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.จ่อฟ้อง ตปท. “ปู” เคยชุมนุมส่อล้างผิดกันเอง ลั่นค้านทุกแบบ เชื่อปาหี่ไม่เข้าเป้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โฆษก ปชป.แจงจุดยืนพรรค ต้านนิรโทษฯ ทุกรูปแบบทั้งใน-นอกสภา ตามสิทธิ รธน. ย้ำล้างผิดได้ประโยชน์แค่ 167 คน พร้อมร่อน จม.แจงต่างชาติ แฉเหตที่รัฐฯออก กม.ไม่สนเสียงค้าน หวังฟอกผิด แถม “ปู” ยังเคยร่วมชุมนุม ดัดหลังใช้ความรุนแรงชิงอำนาจ “องอาจ” ฟันธง เวทีปาหี่ไม่ตามเป้า ชี้มีแต่พวกเดียวกัน แนะพักนิรโทษฯ ตอก “ปู” เลิกพูดอย่างทำอย่าง ปากใช้สภาแก้ปัญหากลับไม่โผล่หัว



วันนี้ (18 ส.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคในการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทุกรูปแบบจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่องทั้งในสภาและการต่อสู้นอกสภา การจับมือกับภาคประชาชนไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯ หรือองค์กรอื่นที่เห็นตรงกันว่าต่อต้านกฎหมายล้างผิด ก็พร้อมร่วมต่อต้านอย่างถึงที่สุดภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ตามสิทธิที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่ต้องตื่นตระหนก จึงขอย้ำตัวเลขของคนที่จะได้ประโยชน์จากการนิรโทษกรรมที่มีการกล่าวอ้างว่าจะมีประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ได้ประโยชน์จำนวนมาก ทั้งที่ความจริงตอนนี้อยู่ในคุกแค่ 30 คน และอีก 137 คนกำลังสู้คดี รวมแกนนำเสื้อแดงและผู้ก่อการร้ายด้วย เท่ากับว่ามีคนได้ประโยชน์เพียง 167 คนเท่านั้น จึงไม่ใช่การแก้ปัญหาให้ประชาชนแต่เป็นการออกกฎหมายล้างผิดให้ตัวเอง พรรคจะไม่ยอมให้กฎหมายนี้ผ่านมามีผลบังคับใช้ได้

ทั้งนี้ พรรคจะจัดทำจดหมายเปิดผนึกส่งไปยังสถานทูตต่างประเทศในไทยทุกแห่ง และองค์กรระหว่างประเทศ องค์กรประชาธิปไตยระหว่างประเทศ สมาคม พรรคการเมืองในเอเชีย และองค์กรระดับนานาชาติ เช่น สหประชาชาติ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รวมถึงบุคคลที่มีชื่อจะเข้ามาร่วมสานเสวนาจอมปลอมด้วย เนื้อหาจะกล่าวถึงปัญหาที่เกิดในประเทศไทยว่าจุดเริ่มต้นเกิดจากการออกกฎหมายล้างผิดให้คนทำผิดกฎหมายอาญา มีการประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงในระหว่างการออกกฎหมายดังกล่าว ทั้งนี้พรรคยืนยันว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นรัฐบาลจงใจผลักดันกฎหมายล้างผิดโดยไม่ฟังภาคส่วนต่างๆ ของสังคมไทย ไม่นำรายงาย คอป.มาดำเนินการ ไม่ดำเนินการตามรายงานของกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พรรคจึงยืนยันว่ากระบวนการที่รัฐบาลพยายามทำจึงเป็นเพียงแค่การฟอกขาวให้คนที่ทำผิดอาญาให้พ้นผิดเท่านั้น นอกจากนี้ในจดหมายจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลละเลยที่จะปฏิบัติตามข้อเสนอของข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งชาติและสุดท้ายจะชี้ให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง ที่ศาลชี้ว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมายในปี 2553 จึงออกกฎหมายล้างผิดให้กับพรรคพวกตัวเอง ไม่เช่นนั้นต่อไปก็จะใช้ความรุนแรงเพื่อช่วงชิงอำนาจเมื่อเป็นรัฐบาลก็มาออกกฎหมายล้างผิดให้ตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งสภาปฏิรูปการเมืองทีรัฐบาลจะประชุมในสัปดาห์หน้านั้น เชื่อว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่สามารถปฏิรูปการเมืองได้เพราะองค์ประกอบมีแต่พวกเดียวกัน จึงเป็นสภาพวกปรบมือข้างเดียวไม่น่าจะก่อให้เกิดผลตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้น การดำเนินการในเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากไม่เข้าร่วมเพราะไม่อยากเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมสร้างปาหี่ทางการเมืองของรัฐบาล เพราะไม่ใช่ปฏิรูปการเมือแต่เป็นการปฏิลวงทางการเมืองมากกว่า

ส่วนคนที่เข้าร่วม เช่น อุทัย พิมพ์ใจชน และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่บอกว่าเข้าร่วมเพื่อบอกให้ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกไปก่อนนั้น ตนเห็นว่าพรรคพร้อมที่จะพูดคุยด้วยเพียงแต่พักการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไว้ก่อน แต่ถ้ายังเดินหน้าต่อไปก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความไม่จริงใจของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี เพราะการพักการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวไม่มีความเสียหายใดๆ ตนจึงหวังว่าถ้าอยากให้สภาปฏิรูปการเมืองเป็นทางออกของสังคมควรจะให้ทุกฝ่ายในสังคมเข้าไปมีส่วนร่วม จึงควรพักการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกไปก่อนแต่ถ้าเดินสองทางคงไม่มีใครเอาตัวเองไปเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมของรัฐบาล เพราะนายกฯ ไม่มีความจริงใจมีการเรียกร้องให้ใช้สภาแก้ปัญหาแต่การแสดงออกของนายกฯ ทั้งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 นายกฯ ไม่ได้เข้าไปรับฟังแสดงความเห็นในที่ประชุมแต่อย่างใด แสดงว่าไม่มีความจริงใจอย่างแท้จริงในการตั้งสภาปฏิรูปการเมือง เพราะพฤติกรรมคือพูดอย่างทำอย่าง ไม่เคยใช้เวทีรัฐสภาหาทางออกให้ประเทศ จึงขอให้หยุดพฤติกรรมพูดอย่างทำอย่าง ต้องทำเป็นตัวอย่างพูดอย่างไรทำอย่างนั้น จึงเป็นการแสดงออกถึงภาวะผู้นำที่ดี แต่ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงสภาปฏิรูปการเมืองจะไม่ใช่ทางออกของประเทศได้






กำลังโหลดความคิดเห็น