เจ้าสาวสลาตัน ตอนที่ 9
แพปลาที่จังหวัดระยอง เฮียเม้งกับลูกน้องนับสิบ ประจันหน้ากับจุมพลและลูกน้องจำนวนพอกัน บรรยากาศตึงเครียด เฮียเม้งชี้ให้ดูหน้าสอนที่บวมช้ำ
“หลานแกต้องชดใช้ ที่ทำกับคนของฉันอย่างนี้ ส่งตัวหลานแกมา” จุมพลหัวเราะ
“คิดจะป้ายสีให้หลานข้า ก็หัดดูตาม้าตาเรือหน่อย ไอ้เข็มมันอยู่กรุงเทพฯ ถ้าเล่นงานคนของแกได้ ก็คงต้องหายตัวมาแล้ว”
เฮียเม้งมองหน้าสอน สอนรีบยืนยัน
“มันมากับแฟนมัน แฟนมันนี่แหละที่อัดฉัน”
“ใครเป็นแฟนเจ้าเข็ม” จุมพลงง มองปิ้ง “หรือเป็นเจ้าโย”
“ไม่ต้องพูดกันมากแล้ว ถ้าไม่เอาตัวหลานแกมาฉันจะเผาที่นี่ให้เรียบ”
“คิดหรือว่าข้าจะยอมให้ทำได้ง่ายๆ ไล่มันออกไป” จุมพลสั่งลูกน้อง
“ลุยมันให้ยับ เผามันให้เรียบ” เฮียเม้งสั่งลูกน้องเหมือนกัน สองฝ่ายตะลุมบอนใส่กัน
สอนวิ่งไปที่ถังน้ำมัน กำลังจุดไฟแช็คเตรียมโยนเข้าใส่ โยธินกระโดดเข้าเตะข้อมือสอน ไฟแช็คกระเด็นตกน้ำทะเล โยธินกับสอนต่อสู้กัน สอนบาดเจ็บอยู่เลยสู้ไม่ได้ ถูกโยธินเตะตกทะเล โยธินมองหาจุมพลกำลังบู๊กับเฮียเม้ง โยธินเข้าไปช่วยแล้วเอาปืนจี้คอเฮียเม้ง เฮียเม้งกลัวตัวสั่น
“อย่าๆ ฉันยอมแล้ว ยอมแล้ว”
“สั่งให้คนของแกหยุด”
“ทุกคนหยุด หยุดเดี๋ยวนี้”
ลูกน้องเฮียเม้งหยุด
“แกรีบพาลูกน้องกลับไปซะ แล้วอย่ากลับมาอีก ฉันจะไม่ใจดีเหมือนคราวนี้”
โยธินผลักเฮียเม้ง เฮียเม้งถลาไปข้างหน้า ลูกน้องรับตัวไว้ เฮียเม้งหันกลับมาชี้หน้า
“ฝากไว้ก่อนเถอะ กลับ”
เฮียเม้งกับลูกน้องยกขบวนกลับ โยธินโล่งอก จุมพลมองปืนในมือโยธินแบบสงสัย
จุมพลมองปืนในมือแล้วกดยิง ปลายปืนกลายเป็นไฟแช็ค จุมพลโยนใส่โยธิน โยธินรับทัน
“ข้าก็นึกว่าปืนจริง ไอ้กะล่อนเอ๊ย ไอ้ปิ้งเอาของจริงมา”
ปิ้งวิ่งออกมาพร้อมปืนยาวให้จุมพล จุมพลเล็งใส่โยธิน โยธินยกสองมือ
“ปู่ๆ อย่าเล่นอย่างนี้ ผมเชื่อว่าของจริงไม่ต้องโชว์ให้ดูก็ได้”
“เอ็งคิดว่าข้าพูดเล่นหรือ บอกมาทำไมเจ้าเข็มมันถึงมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ ไหนว่าอบรมอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือว่าเอ็งหลอกล่อหลานข้าไปอยู่กินด้วยกัน”
“เปล่าๆ นะปู่ ผมเคารพปู่ไม่กล้าทำอะไรข้ามหัวผู้ใหญ่หรอก”
“งั้นก็อธิบายมา ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”
“คือทางผู้จัดเขาพากันมาอบรมที่นี่ แบบว่าอยากให้สัมผัสกับอาชีพประมงจริงๆ ทำนองนี้แหละ”
“แล้วทำไมเข็มมันไม่มาหาข้า”
“ตอนแรกก็จะมาแหละปู่ แต่กำหนดการมันเปลี่ยนกะทันหันต้องย้ายไปอบรมต่อที่พัทยา ผมเองยังได้คุยไม่กี่คำเอง”
“งั้นคนที่ผมเห็นก็คือพี่เข็มจริงๆหรือ แต่ผู้ชายที่อยู่กับพี่เข็มไม่ใช่คุณโยนี่นา”
“นายคงตาฝาด ลูกน้องเฮียเม้งก็บอกเองไม่ใช่หรือว่าคนที่อัดมันคือแฟนเข็ม ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใคร”
จุมพลพยักหน้าคล้อยตามลดปืนลง ปิ้งมองสำรวจโยธินว่าเหมือนกับคนที่เห็นหรือเปล่า โยธินชักไม่สบายใจ
โยธินกลับเข้ากรุงเทพ นัดเจอกับเขมิกาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
“งานนี้เราสองคนรับบาปกันไปเต็มๆ ทั้งโกหก ทั้งหลอกคนไปทั่ว ถ้าล้างบาปได้เหมือนล้างผักก็คงจะดี”
“เข็มกลับหาปู่ก่อนดีมั้ย แล้วค่อยหาจังหวะมาที่กรุงเทพฯ อีกที เฮียเองเต็มใจช่วยรับหน้าแทนเข็ม แต่มันไม่รู้จะปั้นเรื่องอะไรมาทำให้ปู่เชื่อแล้ว”
“แต่เข็มกำลังจะทำให้ประชาคายความจริงออกมา ขืนไปหาปู่ตอนนี้ เข็มกลัวจะไม่ได้กลับมาอีก”
“เข็มใช้วิธีไหนไม่เห็นเล่าให้เฮียฟังเลย”
เขมิกาไม่ยอมบอกกลัวโยธินรู้ว่าไปสวมรอยเป็นแฟนกับประชา
“เข็มกำลังพยายามสืบจากพนักงานที่สปา เพราะถ้าจะหาทางตีสนิทกับประชาคงยาก เฮียช่วยรับหน้าปู่ไปก่อนนะ” เขมิกาคว้ามือโยธินมากุมไว้ “นะเฮีย”
โยธินมองมือหวิวใจ มองเขมิกาตาเยิ้ม
“จ้ะ ว่าไงว่าตามกัน”
โยธินพูดเหมือนต้องมนต์
อึ่งยกถ้วยกาแฟเตรียมจะเอาไปให้ชานนท์ ปรียาเดินเข้ามา
“ของคุณนนท์หรือเปล่าจ๊ะ”
“ถูกเผงเลยค่ะ หน้าที่พัชราภาต้องเสิร์ฟให้เจ้านายทุกเช้า”
“ฉันช่วยมั้ยจ๊ะ พอดีฉันว่าง”
“อู๊ย ดีเลยค่ะ ช่วยทำแทนทุกเช้าก็ได้ฉันยินดียกหน้าที่ให้” อึ่งส่งกาแฟให้แล้วพูดเบาๆ “ฉันถือหางคุณเต็มที่นะคะ ขอให้สำเร็จ”
ปรียายกกาแฟเข้าไปในห้องทำงานชานนท์ จรรยายืนจ้องอยู่ เดินตาม
ปรียาวางกาแฟบนโต๊ะ ชานนท์เงยหน้ามองปรียา
“อึ่งไม่ว่าง ปรียาก็เลยอาสาทำแทนค่ะ”
ชานนท์ต้องใจแข็งกันปรียาออกห่าง
“หน้าที่ใครคนนั้นก็ควรทำหน้าที่ของตัวไป ส่วนเธอพี่ขอแนะนำว่าเอาเวลาไปฝึกงานจะมีประโยชน์กว่า”
ปรียาบีบถาดในมือ พยายามระงับความเสียใจ
ปรียาออกมาจากห้องชานนท์เจอจรรยารอดักอยู่ จรรยาหึงแทนเขมิกาพูดลอยๆ
“คนสมัยนี้ก็แปลกนะ เห็นเขามีภรรยาอยู่ทนโท่ ยังทำเป็นไร้เดียงสาไม่รู้ไม่ชี้”
“ถ้าคุณหมายถึงฉัน โปรดทำความเข้าใจใหม่นะคะว่าฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย พี่นนท์ดีกับฉันมาก ฉันก็แค่อยากคอยดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นการตอบแทน”
จรรยายิ่งหมั่นไส้
“คุณปรียาเนี่ยช่างเล่นบทสาวใสซื่อได้เนียนดีนะคะ”
ปรียายิ้มหวาน
“ทำไมคุณดูเดือดร้อนนักละคะ ขนาดคุณขวัญยังไม่เห็นว่าอะไรฉันสักนิด”
จรรยาโกรธจัดเดินเข้าไปหา
“อย่าคิดว่าจะแย่งคุณชานนท์ไปจากเพื่อนฉันได้ง่ายๆ ไม่ว่าเธอจะมาไม้ไหน ฉันนี่แหละจะขัดขวางทุกทาง”
จรรยาจ้องหน้าปรียา
วันต่อมา เขมิกาเดินเข้ามาในสปาเห็นพวกอึ่งรุมอ่านหนังสือพิมพ์หน้าสังคมเขียนโดยเก่งกาจ
“นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของสปาชื่อดังเจอปัญหารักหนักอก ศรีภรรยาที่เคยหาเขาให้ใส่ปฏิเสธการหย่า เพราะหึงหวงสาวสวยคนใหม่ของสามี แว่วว่านักธุรกิจหนุ่มเตรียมฟ้องภรรยาข้อหาฉกรรจ์คือคบชู้”
อึ่งเห็นเขมิกายืนฟังอยู่ จึงพูดกระแหนะกระแหน
“เมื่อไหร่ตัวอัปมงคลมันจะไปพ้นๆ จากที่นี่สักที ตั้งแต่มันเฉียดเข้ามา เจ้านายเรามีแต่ตกต่ำลง”
เขมิกาดึงหนังสือพิมพ์จากมือกุ้งมาดู โกรธจัดกำหนังสือพิมพ์แน่น จรรยาเดินเข้ามาเห็นอาการเขมิกา
ประชากางหนังสือพิมพ์ให้ชานนท์อ่าน
“ผมเพิ่งเห็นเมื่อเช้า ลองอ่านดูสิครับ”
ชานนท์อ่านจบ ตบโต๊ะผาง
“มันเขียนข่าวอย่างนี้ได้ยังไง”
ประชาแกล้งโกรธตาม
“คนเขียนก็คือนายเก่งกาจ ไอ้หมอนี่ไม่ค่อยพอใจคุณชานนท์เท่าไหร่ ถึงได้ใช้อคติส่วนตัวล้วนๆ” จรรยาหน้าตาตื่นวิ่งเข้ามา ประชาดุ “ทำไมไม่เคาะประตูก่อน”
จรรยาไม่สนรีบบอกชานนท์
“ขวัญค่ะ ขวัญไปแล้ว”
ที่สำนักพิมพ์ของเก่งกาจ เก่งกาจเปิดฝามาม่าคัพ พูดกับมาม่า
“ถ้ายอดขายฉบับนี้ทะลุทะลวง ฉันกับแก ลาขาด” เขมิกาเดินเข้ามา โยนหนังสือพิมพ์ใส่เก่งกาจ ถ้วยมาม่าหล่น เก่งกาจตกใจ “เฮ้ย อะไรวะ”
เก่งกาจหันขวับไปเจอเขมิกา
“เขียนข่าวให้ร้ายคนอื่นแบบนี้ไม่รู้สึกละอายบ้างหรือ หรือว่าต่อมสามัญสำนึกของคุณมันขึ้นสนิม”
เก่งกาจยิ้มกวนประสาท หยิบนสพ.ดู
“ผมก็ไม่ได้เอ่ยชื่อใครเลย ทำไมคุณขวัญตาต้องดูเป็นเดือดเป็นร้อนถึงขนาดบุกมาถึงที่นี่ เอ๊ะๆ หรือว่าคนที่คบชู้ตามข่าวว่า ก็คือ...”
เก่งกาจชี้เขมิกา เขมิกาง้างหมัดจะชก แต่มีมือมาข้อมือเขมิกาไว้ เขมิกาหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นชานนท์
“อย่ามาห้ามฉัน”
แต่ชานนท์ซัดเปรี้ยงเข้าหน้าเก่งกาจแทนเขมิกา เขมิกาตกตะลึง ชานนท์ชี้หน้าเก่งกาจ
“ไม่พอใจอะไรผม เจอกันตัวต่อตัวแบบลูกผู้ชายเขาทำกัน แต่อย่ามาใช้ปากกาละเลงข่าวดูถูกเมียผม” เขมิกา
อึ้งที่ชานนท์ช่วยปกป้องเต็มที่ “เรารักกันดีไม่เคยคิดหย่า คุณเขียนข่าวทำลายครอบครัวคนอื่นแบบนี้ ให้เตรียมตัวรับหมายศาลได้เลย ผมฟ้องคุณแน่”
หัวหน้าเก่งกาจเดินออกมาได้ยิน
“ใจเย็นๆ นะครับคุณชานนท์ เรื่องแค่นี้เจรจากันได้”
“ไม่มีการเจรจาใดๆ รอไว้คุยกันในศาลเลยดีกว่า”
ชานนท์จูงมือเขมิกากลับ เขมิกาหันมาบอกเก่งกาจ
“สามีฉันเส้นลายมือขาดทั้งสองมือ เคยตบบ้องหูพวกอันธพาลจนหูพิการมาแล้ว นี่ไม่ได้ขู่นะ เล่าให้ฟังเล่นๆ”
ชานนท์ดึงเขมิกาออกจากห้อง เก่งกาจจับหูสยอง หัวหน้าหันมาเล่นงานเก่งกาจ
“ฉันก็เห็นเขารักกันดีนี่หว่า แกไปเอาข้อมูลผิดๆ มาจากไหน”
“ก็ไอ้คนในสปานั่นแหละมันบอกผมเอง”
ประชาถือหนังสือพิมพ์ หัวเราะสะใจกับข่าวซุบซิบ เพราะเป็นคนโทรบอกเก่งกาจเอง
“สะใจจริงโว้ย ฉันไม่มีความสุข แกก็อย่าคิดว่าจะมีความสุขได้ไอ้ชานนท์”
ประชายิ้มร้ายๆ
อีกด้านหนึ่งที่บ้านนนท์ ชานนท์คุยมือถือกับทนาย
“ดำเนินการฟ้องไปได้เลย ขอบคุณครับ”
เขมิกายืนมองอยู่
“คุณไปชกหน้านักข่าว ไม่กลัวเขาเล่นงานคุณหนักขึ้นหรือ เขามีปากกาอยู่ในมือนะ”
“ก็เพราะแต่ก่อนฉันมัวแต่ห่วงหน้าตา ห่วงชื่อเสียงของตัวเองเลยเลือกที่จะหนีปัญหาไปอยู่เมืองนอก ครั้งนี้ฉันจะไม่ขี้ขลาดแบบนั้นอีก”
“ป่านนี้ข่าวคงกระจายไปทั่วแล้ว ฉันจะหาทางแก้ข่าวดู”
“เธอไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ฉันจะสยบข่าวบ้าๆ นี่เอง”
เช้าวันรุ่งขึ้น เขมิกานั่งกินกาแฟอยู่ในศูนย์อาหารพนักงานสปา เยาว์เดินเข้ามาส่งช่อดอกไม้ให้เขมิกา
“มีร้านดอกไม้ส่งมาให้คุณขวัญค่ะ”
เขมิกาแปลกใจ รับมาดูป้ายชื่อ
“เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ...พี่ชา”
“หนุ่มคนไหนแอบให้ดอกไม้หรือจ๊ะ”
เขมิกาสะดุ้ง เห็นชานนท์กับประชาเดินเข้ามา เขมิกามองหน้าประชา ประชายิ้มบางๆ ให้แบบรู้กัน
“คือ ลูกค้าของเรา คุณน้ำชาไงคะ วันก่อนรถเขาหม้อน้ำแห้งฉันก็เลยช่วยเติมให้ สงสัยคงส่งมาขอบคุณ”
“เดี๋ยวนี้ลูกค้ามีปัญหาอะไรก็เรียกหาแต่คุณขวัญค่ะ เพราะเธอช่วยได้หมด”
เยาว์บอก ชานนท์ยิ้มปลื้มใจ บอกกับเขมิกา
“บ่ายนี้จะมีหนังสือพิมพ์ธุรกิจมาถ่ายรูปและขอสัมภาษณ์เรา เตรียมตัวไว้นะจ๊ะ”
“นนี้เลยหรือฉันยังไม่ได้แต่งหน้าทำผมเลย” เขมิกาตกใจ
“ทางทีมงานจะมีช่างมาทำให้ แต่เธอสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องแต่งก็สวย”
เยาว์ยิ้ม เขมิกาเขิน ประชามองชานนท์อย่างหมั่นไส้คิดแกล้งชานนท์อีก เขมิกาเหลือบตาไปที่ประชา
เขมิกาดึงมือประชาเข้ามาในห้องเก็บอุปกรณ์แล้วคืนดอกไม้ให้
“พี่ไม่ควรทำแบบนี้ อยากให้นายชานนท์จับได้หรือไง”
“เธอกลัวมันหึงหรือ”
“ฉันห่วงพี่ต่างหาก”
ประชาอึ้ง จับมือเขมิกา เขมิการังเกียจแต่ต้องไหลตามน้ำ
“ขวัญ เรากลับมาคบกันเหมือนเดิมเถอะ ถึงจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไปก่อนพี่ก็ยอม รอให้ขวัญจำที่ซ่อนเงินสินสอดได้ก่อน เราค่อยหนีไปตั้งต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน”
เขมิกาถือโอกาสล้วงข้อมูล
“แล้วครั้งสุดท้ายฉันอยู่กับใคร ที่ไหน เผื่อฉันจะนึกเรื่องเงินสินสอดออก”
ประชาต้องการแกล้งชานนท์ก่อนเลยโกหก
“ถ้าขวัญอยากรู้ พี่จะพาไป”
แผนกต้อนรับของสปา พวกเยาว์ยืนรอกันอยู่ อึ่งตื่นเต้นส่องกระจกทาปากสีแดงแจ๋ เยาว์มองอึ่ง
“ให้มันน้อยหน่อยนังอึ่ง เขามาถ่ายเจ้านายเรา ไม่ใช่แก”
“แหมแม่ เขาอาจเห็นออร่าในตัวฉัน จนขอสัมภาษณ์ก็ได้ ใครจะไปรู้ ว้าย มากันแล้ว”
ทีมงานเดินเข้ามา เยาว์เห็นชานนท์เดินออกมา
“คุณชานนท์มาพอดี”
ขานนท์ยิ้มแย้มต้อนรับ
“เชิญข้างในเลยครับ ไปตามขวัญมาแต่งหน้าที” ชานนท์หันไปบอกจรรยา
“ค่ะ”
ชานนท์เดินนำทีมงาน อึ่งรีบพูดกับช่างกล้อง
“ถ้าฟิล์มเหลือ ก็ถ่ายหนูบ้างก็ได้นะคะ”
อึ่งจะตามช่างกล้อง เยาว์ดึงไหล่ไว้
“ไปทำงาน”
ขานนท์นั่งแต่งหน้าอยู่ จรรยาวิ่งมากระซิบกับชานนท์
“หาขวัญไม่เจอค่ะ โทรหาแล้วเครื่องก็ปิด”
ชานนท์ลุกยืนทันที ด้านหลังชานนท์ ปรียายืนมองอยู่
ประชาเดินนำเขมิกาเข้ามาในนร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขมิกามองโต๊ะอาหารที่จัดวางอาหารไว้เรียบร้อย เขมิกามองหน้าประชา
“ฉันมาที่นี่ก่อนจะหายตัวไปหรือ”
“เปล่า” ประชาเลื่อนเก้าอี้ให้เขมิกานั่ง ตัวเองไปนั่งตรงข้าม “ที่พี่ให้ดอกไม้กับเธอ เพราะวันนี้เมื่อปีที่แล้วเรามากินข้าวกันที่นี่ และตกลงเป็นแฟนกัน”
“ไหนบอกว่าจะพาไปดูที่ๆ พี่เห็นฉันครั้งสุดท้ายไง” ประชาน้อยใจ
“พี่นึกว่าเธอจะดีใจที่รู้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของเราเสียอีก”
เขมิการีบเล่นละครแกล้งกลบเกลื่อน
“ทำไมฉันจะไม่ดีใจ แต่ฉันอายที่จะให้พี่เห็นว่าฉัน...” เขมิกาแกล้งบีบน้ำตา รีบดึงทิชชู่มาซับหัวตา “เจ็บปวดกับความรักของเราที่เปิดเผยไม่ได้”
ประชานึกแค้นนนท์
“พี่ถึงได้เกลียดมันเข้ากระดูกดำ ไม่อยากเห็นมันมีความสุขกับเธอแม้แต่นาทีเดียว” ประชามองนาฬิกาข้อมือ “ถ้าเธออยากกลับไปถ่ายรูปกับมัน ยังพอทันนะ”
เขมิกาทำเนียนตักกับข้าวให้ประชา
“เลิกทดสอบฉันสักทีเถอะ ไม่ว่ายังไงพี่ก็สำคัญกว่า”
ประชาดีใจยกแก้วไวน์ขึ้น
“ฉลองให้กับวันเริ่มต้นใหม่ของเรา”
เขมิกาชนแก้ว ยกดื่ม ในใจโมโหประชา
“ฉลองกับผีนะสิ โดนมันหลอกมาจนได้ ไอ้บ้าเอ๊ย”
ริมสระอาบน้ำแร่ของสปา ชานนท์พูดกับคนสัมภาษณ์
“ผมต้องขอโทษด้วยที่ภรรยาผมไม่สบายกะทันหัน พลอยทำให้ทุกคนต้องเสียเวลารอ”
“เราเองก็ไม่อยากกลับไปมือเปล่า ถ้าอย่างนั้นเราถ่ายคุณนนท์ในธีมของการทำงานก็ได้ค่ะ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
ช่างกล้องตะโกนบอกช่างแต่งหน้า
“ซับหน้าให้คุณนนท์หน่อย”
ปรียาที่ยืนอยู่ข้างจรรยา รีบร้องบอก
“ฉันช่วยเองค่ะ”
ปรียารีบควักผ้าเช็ดหน้า จรรยาจ้องอยู่ พอปรียาจะรีบวิ่งไปหาชานนท์ จรรยายื่นขาออกมาขัด ปรียาถลาหัวทิ่มไปชนรีเฟกซ์ล้ม ทุกคนตกใจ ปรียาอายมาก ชานนท์เป็นสุภาพบุรุษจะเข้าไปพยุงแต่โดนจรรยาวิ่งตัดหน้าไปพยุงปรียาแทน
“ฉันช่วยค่ะ เจ็บมากมั้ยคะ”
ปรียาจ้องหน้าจรรยา จรรยายิ้มยั่ว
ชานนท์เดินเข้าบ้านมา ปรียาตามเกาะติด แป้นวิ่งมารับหน้าชานนท์ถามหาเขมิกาทันที
“คุณผู้หญิงกลับมาหรือยัง”
“ยังค่ะ งั้นแป้นรอคุณผู้หญิงกลับมาค่อยตั้งโต๊ะอาหารนะคะ”
“ไม่ต้อง แค่คนเดียวจะรอทำไม”
ชานนท์อารมณ์เสียเดินไป ปรียายิ้มที่ชานนท์เคืองเขมิกา
ชานนท์นั่งกินข้าวกับปรียา
“คุณนิลทานข้าวได้เยอะมั้ยแป้น”
“ทานได้เป็นปกติค่ะ”
ปรียาตักกับข้าวให้ชานนท์ เขมิกาเดินเข้ามาชะงักมอง
“เราคิดว่าคุณขวัญจะไม่กลับมาทาน ก็เลยไม่ได้รอค่ะ”
ปรียาตั้งใจพูดคำว่าเรากับเขมิกา เขมิกาชักหึง ชานนท์งอนไม่มองหน้าเขมิกา เขมิกานั่งลง
“แป้น มีผลไม้มาล้างคอมั้ย ฉันอิ่มมาแล้ว”
“มีค่ะ”
ชานนท์ยิ่งงอน วางช้อน ลุกยืน
“แป้น ยกกาแฟตามไปที่ห้องทำงานฉันด้วย”
ชานนท์เดินไป เขมิกาหึงปรียาเลยพูดกวน
“ขอผลไม้ให้ฉันก่อน เพราะฉันขอก่อน” แป้นเงอะงะ ชานนท์ที่เดินไปแล้วหันกลับมามองเขมิกา ปรียาจึงรีบพูดกับชานนท์
“ปรียาจะเอากาแฟไปให้เองค่ะ”
“ขอบใจ”
ชานนท์เดินไป แป้นรีบไปเอาผลไม้
“เร่งทำคะแนนน่าดูเลยนะฮะคุณปรียา”
ปรียายิ้มหวานเสียงนุ่มนวลแต่เชือดเฉือนเขมิกา
“คุณขวัญพูดเองไม่ใช่หรือว่าใครดีใครได้ อย่าบอกนะคะว่าคุณเริ่มกลัวเลยคิดจะเปลี่ยนใจ”
“เดาได้เก่งดีนี่ ฉันกลัวจริงๆ” เขมิกาเดินไปยืนหลังปรียาจับบ่าสองข้าง ยื่นหน้ามาพูดกวนๆ “แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเปล่า นี่พี่ยังไม่ออกตัวเลยนะน้อง ปล่อยให้น้องสาวนำร่องไปก่อนแม่กระต่ายน้อย” เขมิกาจับแก้มปรียา ปรียาหันขวับมาจ้องหน้าเขมิกาแบบไม่พอใจ เขมิกายั่วได้หัวเราะขำๆ “เก็บอาการไม่อยู่เสียแล้ว แบบนี้เขาเรียกว่าหลุดหรือเปล่าจ๊ะ”
แป้นถือจานผลไม้มา เขมิกาเดินไปหยิบเข้าปากหนึ่งชิ้น แล้วไป ปรียาคับข้องใจที่ทำอะไรเขมิกาไม่ได้
ปรียายกถ้วยกาแฟมา เคาะประตูห้องทำงานชานนท์ ยิ้มแย้มผลักประตูเข้าไปแต่ชานนท์ไม่อยู่ในห้อง ปรียาหุบยิ้ม
ในห้องนอนเขมิกา เขมิกาเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้ว นั่งบนเตียง มองไปข้างเตียงชานนท์ยังไม่มา มองนาฬิกาหัวเตียงบอกเวลา 3 ทุ่ม
“คงอี๋อ๋อกันอยู่ละสิ ถึงไม่รู้จักเวลาหลับเวลานอน แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วนี่”
เขมิกานอนคลุมโปง แต่ทนไม่ไหว เปิดผ้าห่มออกมาอีก เขมิกาลุกจากเตียงออกจากห้องเพื่อไปดูชานนท์กับปรียา
เขมิกาเดินมองหาชานนท์พร้อมกับบ่นไปด้วย
“สองคนนั่นที่ห้องทำงานก็ไม่อยู่ แล้วไปอยู่ที่ไหน”
เขมิกาเห็นห้องนั่งเล่นไฟเปิด ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปเห็นชานนท์นอนอยู่ที่เก้าอี้ยาว เขมิกาเดินไปหา มองที่มือชานนท์ถือรูปใบหนึ่งวางบนอก เขมิกาอยากรู้ค่อยๆ ดึงรูปที่คว่ำอยู่พลิกดู เป็นรูปขวัญตาในชุดแต่งงานงดงามถ่ายกับชานนท์ในชุดเจ้าบ่าว เขมิการู้สึกว่าชานนท์รักขวัญตาเหลือเกิน
“จริงสิ คนที่คุณรักคือพี่ขวัญต่างหาก ไม่ใช่...”
เขมิกาลุกยืนจะหันไป ชานนท์ลืมตาดึงข้อมือเขมิกาไว้
“มาตามฉันไปนอนหรื”อ
เขมิกาวางฟอร์ม ดึงมือออก
“เปล่าสักหน่อย”
“ก็ดี ฉันจะได้นอนที่นี่”
เขมิกาโพล่งออกไป
“คุณต้องโกรธฉันขนาดนี้ด้วยหรือ ฉันไม่ได้ตั้งใจเบี้ยวนัดแต่ฉัน...ฉันลืม” เขมิกาบอกเสียงอ่อย ชานนท์ลุกนั่ง
“เธอเป็นแบบนี้สองครั้งแล้วนะ เธอรู้หรือเปล่าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ฉันจ้างให้มาสัมภาษณ์เอง เพราะต้องการแก้ภาพพจน์ไม่อยากให้เธอตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน”
“ปล่อยไปเหอะ ใครจะเห็นฉันเป็นยังไงก็ช่าง ฉันไม่แคร์”
“แต่ฉันแคร์” เขมิกาอึ้งประทับใจชานนท์ “ฉันมีส่วนทำให้คนทั่วไปเชื่อว่าเธอหนีตามชู้ไป ฉันต้องรับผิดชอบ ถ้าฉันปกป้องศักดิ์เมียตัวเองยังไม่ได้ ฉันก็ไม่ควรเป็นสามีเธอ”
“ฉันยังไม่รู้จักตัวเองดีพอเลย แล้วคุณมาเชื่อมั่นอะไรในตัวฉัน”
ชานนท์ดึงมือเขมิกาให้นั่งลง มองหน้าเขมิกา
“แค่ความรักก็พอ”
เขมิกาใจอ่อนยวบ ลืมเรื่องที่ต้องอยู่ห่างๆ ชานนท์ไว้ ปล่อยให้ชานนท์ดึงเข้าไปกอดซบอก เขมิกาเคลิ้มหลับตา มือเขมิกากอดตอบชานนท์
ขณะนั้นที่ด้านนอกรั้วบ้านนนท์ มณฑากำลังยืนมองเข้าไปในตัวบ้าน
วันต่อมา ประชาเปิดประตูห้องทำงานชานนท์เข้ามา ชานนท์เงยหน้าจากงาน ประชารีบถามด้วยความอยากรู้
“ผมเห็นทนายเพิ่งกลับไป เขาไปคุยกับบก.ของโลกธุรกิจมาแล้วหรือครับ”
“ใช่ ทางนั้นยอมเขียนแก้ข่าวให้แลกกับการไม่ฟ้อง”
ประชาเจ็บใจ แต่ทำปากหวาน
“ค่อยโล่งอกหน่อย ข่าวนี้เล่นเอาผมเครียดไปหลายวันเลย”
ชานนท์ยิ้มส่งบัตรเชิญงานสัมมนาให้
“ถ้างั้นผมจะให้คุณไปทำงานที่ได้พักผ่อนสมองไปด้วยดีมั้ย” ประชารับมาดู
“สัมมนาที่เชียงใหม่”
“ใช้เวลาสัมมนาแค่ 2 วันแต่ผมจะให้คุณอยู่เที่ยวต่อสักอาทิตย์” ประชาไม่อยากไป
“งานใหญ่ระดับนี้ คุณนนท์เหมาะที่จะไปเองนะครับ”
“ถ้าผมห่างกับขวัญช่วงที่ยังมีข่าวซุบซิบอยู่ คนจะโยงว่าเราอยากหย่ากันจริงๆ คุณไปนั่นแหละดีแล้ว”
ประชารับคำแต่ในใจโกรธชานนท์
“ที่มันส่งพี่ไปไกลๆ เพราะสงสัยว่าพี่เป็นคนส่งข่าวให้กับนักข่าวหรือเปล่า”
อู๋คุยกับประชาในรถ
“ฉันไม่ได้เปิดเผยตัวกับไอ้เก่งกาจ ไม่มีทางที่ใครจะรู้”
“แล้วเรื่องนังนั่นพี่จะปล่อยให้คาราคาซังอยู่อย่างนี้หรือ พี่คงไม่ได้คิดจะกลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับมันหรอกนะ”
“ฉันเคยบอกว่าไม่ก็คือไม่ รอให้ฉันกลับมาก่อนค่อยว่ากัน แกห้ามทำนอกเหนือคำสั่งฉันเด็ดขาด” ประชาโยนซองเงินให้อู๋ “เอาไว้ใช้ตอนฉันไม่อยู่”
อู๋ยิ้มพอใจ
“ขอบคุณพี่”
อู๋ลงจากรถ ประชาขับออกไป
จรรยาดึงมือเขมิกาให้ตรงไปที่ประตูรั้วบ้าน
“จะพาฉันไปไหน วันนี้ฉันต้องดูคุณนิลฝึกเดิน”
จรรยาหยุดเดินหันมา
“เรื่องคนอื่นช่างเถอะน่า ห่วงตัวเองก่อน เธอต้องไปเฝ้าคุณนนท์ไว้ ยัยปรียาจะได้ไม่กล้าเข้าไปยั่วคุณนนท์ถึงในห้องทำงานอีก”
“ปล่อยเขา เราจะได้ทดสอบจิตใจคนของเราว่ามั่นคงแค่ไหนไง”
“แต่ฉันไม่เห็นด้วย เท่ากับเธอเปิดทางให้แม่นั่นทำอะไรตามใจชอบ น้ำมันกับไฟมันใกล้กันไม่ได้นะขวัญ จุดติดเอาง่ายๆ”
เขมิกากลุ้มเผลอหลุดออกมา
“เฮ้อ จะติดก็ติดเหอะ ฉันเองก็คงอยู่ไม่นานนักหรอก”
“อะไรนะ เธอจะไปไหน”
เขมิกาตกใจรีบแก้ตัว
“เออ ไม่ ไม่ใช่ฉัน ฉันว่าปรียาน่ะเขาแค่มาฝึกงานคงอยู่ที่สปาไม่นานหรอก”
จรรยาเซ็งมองไปด้านหลังเขมิกาเห็นมณฑาแว่บๆ แถวริมรั้วแล้วหายไป
“เฮ้ย ขวัญ”
จรรยารีบวิ่งไปริมรั้ว เกาะรั้วมองหา เขมิกาวิ่งตามมา
“มีอะไรหรือ” จรรยาหันมาบอก
“ฉันเห็นคนยืนจ้องเราอยู่ คล้ายๆ คุณนมมณฑาเลย”
เขมิกามองหานอกรั้ว แต่ไม่เห็นใคร
“คงไม่ใช่หรอกมั้ง เธอกลับไปก่อนนะ ฉันมีอะไรต้องทำ”
เขมิกาคิดแผนล่อมณฑาออกมา
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา09.30น.
เจ้าสาวสลาตัน ตอนที่ 9 (ต่อ)
เขมิกากำลังซุบซิบบอกแผนการกับแป้น แป้นพยักหน้ารับคำสั่ง
“ถ้าเป็นไปตามแผน ฉันจะโทรเรียกตำรวจมาทันที”
เขมิกามุ่งมั่นอยากให้มณฑาโดนตำรวจจับ
แป้นเข็นแววนิลมาหยุดตรงทางเดินใกล้ประตูบ้าน
“คุณผู้หญิงอยากให้เปลี่ยนบรรยากาศมาฝึกเดินข้างนอกบ้าง คุณนิลจะได้ไม่เบื่อ”
“แล้วขวัญตาไปไหน”
แป้นมองไปทางต้นไม้เห็นเขมิกายืนหลบอยู่
“คุณผู้หญิงไปทำธุระนอกบ้านค่ะ”
“มันคงสนใจฉันก็ตอนอยู่ต่อหน้าพี่นนท์เท่านั้น เอาไม้เท้ามาฉันเดินเองก็ได้ ไม่เห็นต้องง้อเลย”
แป้นจับไม้เท้าค้ำยันให้ แววนิลเกาะไม้เท้าแล้วพยุงตัวลุกยืน แป้นปล่อยไม้เท้า แววนิลฝึกเดินเอง ก้าวช้าๆ ไปทีละก้าว แป้นมองไปที่เขมิกา เขมิกาส่งสัญญาณให้แป้นทิ้งแววนิลไว้
“ว้ายตายแล้ว แป้นลืมปิดเตาแก๊ส เดี๋ยวแป้นมานะคะคุณนิล”
“แกนี่สะเพร่าจริงๆ ไปเลยรีบไปเร็วๆ” แววนิลตวาดใส่ แป้นวิ่งไป เขมิกามองไปที่ประตูรั้วยังไม่มีวี่แววมณฑา
แววนิลฝึกก้าวได้หลายก้าวยืนหอบเหนื่อย
“คุณหนู”
แววนิลสะดุ้งมองไปที่ประตูรั้วเห็นมณฑายืนเกาะรั้วมองอยู่
“นม! นมจริงๆ ด้วย”
แววนิลร้องอย่างดีใจ มณฑาดีใจ
“คุณหนูเดินได้แล้ว นมดีใจจริงๆ”
“นมจะกลับมาอยู่กับนิลแล้วใช่มั้ย”
“นมแค่มาดูคุณหนู เห็นคุณหนูแข็งแรงดี นมก็หมดห่วงรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีนะคะ นมคงต้องไปแล้ว”
“ไม่นะ นมอย่าไป”
มณฑาตัดใจเดินไป เขมิการีบโทรหาตำรวจ
“191 ใช่มั้ยคะ”
แววนิลรีบก้าวไปหามณฑา
“นมๆ ห้ามไปนะ กลับมาหานิลก่อน”
ความรีบร้อนทำให้แววนิลหกล้ม ไม้เท้ากระเด็น มณฑาหันมาเห็นตกใจ
“คุณหนู”
เขมิกาถือโทรศัพท์ค้างจะออกไปช่วยแววนิล แต่ชะงักเท้าได้ทันเพราะเห็นมณฑาผลักประตูเล็กเข้ามา มณฑาวิ่งไปช่วยพยุงแววนิลพร้อมกับร้องไห้ออกมา
“คุณหนูเจ็บมากมั้ยคะทูนหัวของนม”
แววนิลทุบมณฑาร้องไห้
“นมใจร้ายทิ้งนิลได้ลงคอ อยากไปไหนก็ไปเลย นิลมันแค่นังเป๋ ไม่มีค่าสำหรับใคร”
มณฑากอดแววนิล
“อย่าพูดแบบนี้ คุณหนูมีค่าที่สุดสำหรับนม” แววนิลปล่อยโฮ
เขมิกาเกิดความสงสาร
“ฮัลโหลๆ”
เขมิกามองโทรศัพท์เพิ่งเห็นว่ายังไม่ได้ตัดสาย
“ขอโทษค่ะ ฉันโทรผิด”
เขมิกาตัดสายทิ้ง
มณฑายังกอดแววนิลอยู่ เขมิกามายืนอยู่ตรงหน้า มณฑาเงยหน้าเห็นตกใจมากกลัวรู้ไปถึงชานนท์ มณฑารีบดันแววนิลออก
“คุณผู้หญิง”
แววนิลมองตาม เขมิกาหน้านิ่ง
แววนิลนั่งรถเข็นจับมือมณฑา
“นมกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะ ห้ามไปไหนอีก”
“แต่คุณผู้ชายจะส่งนมให้ตำรวจ ถ้านมติดคุกคงไม่สามารถมาหาคุณหนูได้อีก”
“นิลจะบอกตำรวจว่านมทำไปเพื่อนิล นิลเป็นคนสั่ง นิลทำเองทั้งหมดไม่เกี่ยวกับนม”
“นมไม่มีวันยอมให้คุณหนูทำแบบนี้”
มณฑายอกเสียงเฉียบขาด
เขมิกายืนมองแววนิลกับมณฑาอยู่ห่างๆ แป้นวิ่งหน้าเริ่ดเข้ามา
“ตายแล้วตายกันยกรังแน่ๆ เลยค่ะคุณผู้หญิง”
เขมิกาหันไปหาแป้น
“ทำไม”
“คุณผู้ชายกำลังมา สงสัยไอ้โย่งมันโทรไปฟ้อง ถ้าคุณผู้ชายรู้ว่าคุณผู้หญิงอนุญาตให้คุณนมเข้ามาในบ้าน เรื่องใหญ่แน่ โธ่ คุณผู้หญิงก็ไม่น่าใจอ่อนเลย”
เขมิการีบไปดูชานนท์
ชานนท์ลงจากรถ โย่งยืนรออยู่
“คุณนมอยู่ไหน”
“ที่ซุ้มศาลาครับ”
ชานนท์จะไป เขมิการีบเดินมาหาชานนท์
“เหมาะเหม็งเลย ฉันกำลังจะไปที่สปาพอดี คุณสามีช่วยไปส่งหน่อยนะ คุณภรรยาขี้เกียจซิ่งไอ้สองล้อไป”
เขมิกาจะดึงชานนท์ ชานนท์รั้งตัวไว้
“อย่ามาทำเจ้าเล่ห์ใส่ ฉันรู้ทันเธอ”
เขมิกามองโย่ง โย่งรีบหลบหลังชานนท์
“ก็ได้งั้นฉันพูดตรงๆ เลยละกัน ฉันอยากให้คุณใจเย็นๆ คุณนมก็แค่มาหาคุณนิล ปล่อยให้เขาเจอกันบ้างเถอะคุณ”
ชานนท์ไม่ฟัง สั่งโย่ง
“โย่ง โทรแจ้งตำรวจให้มาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”
ชานนท์ตรงดิ่งไปทางซุ้มศาลา โย่งกำลังจะวิ่งไปโทรศัพท์ที่ห้องโถง เขมิกาตกใจรีบสั่งแป้น
“ไปขวางไว้ อย่าให้โย่งแจ้งตำรวจได้”
เขมิการีบวิ่งตามชานนท์ แป้นวิ่งไปกระโจนล็อกคอโย่งจากด้านหลังไม่ให้เดินไป โย่งร้องโวยวาย
“เฮ้ย อะไรวะ ปล่อยฉันนะโว้ยนังแป้น”
“ไม่ปล่อยโว้ย”
“ฉันจะฟ้องคุณผู้ชาย”
“ไม่กลัวโว้ย เพราะคุณผู้ชายกลัวคุณผู้หญิง คุณผู้หญิงใหญ่สุดในบ้าน”
“ปล่อย อีนังแป้นแล้น”
แป้นกระโดดขี่หลังโย่ง โย่งหมุนตัวเหวี่ยงไปมา แป้นร้องลั่นกลัวตก
มณฑาลุกยืนตกใจ มองไปข้างหน้า
“คุณผู้ชาย”
ชานนท์เดินมาหยุด เขมิกาตามมาด้านหลัง แววนิลรีบเข็นรถมาบังมณฑาไว้
“พี่นนท์ ห้ามแตะต้องนมนะคะ ไม่อย่างนั้นน้องจะกระโดดลงจากรถเข็นให้ดู”
ชานนท์มองมณฑา
“คุณนมผิดสัญญากับผม”
มณฑาไม่สะทกสะท้าน
“นมขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วจะไม่กลับมาอีก”
แววนิลรีบดึงมือมณฑาไว้แน่น
“ถ้านมไป นิลจะตามไปด้วย”
ชานนท์เข้าไปดึงรถเข็นจะพาแววนิลไป
“ไปกับพี่”
แววนิลร้องไห้ ไม่ยอมปล่อยมือมณฑา
“ไม่ นม นมพานิลไปด้วย อย่าทิ้งนิลไปอีก”
มณฑาแกะมือแววนิลออก
“คุณหนูมีสายเลือดของเลิศวิริยะ คุณหนูต้องอยู่ที่นี่แล้วลืมนมไปซะ”
มณฑาหมุนตัวจะไป
“นม รอนิลด้วย”
แววนิลจะกระโจนลงจากรถเข็นตามมณฑา เขมิการีบพุ่งเข้าไปจับตัวไว้ทัน
“อย่าคุณนิล”
มณฑาได้ยินเสียงเขมิกาเลยหันกลับมาดูแววนิล ชานนท์มองแววนิลที่อยากไปกับมณฑาโดยไม่ห่วงตัวเอง
แววนิลยังร้องไห้ไม่หยุด เขมิการีบบอกชานนท์
“ให้คุณนมกลับมาเถอะฮะ”
มณฑา แววนิลงง คาดไม่ถึง ชานนท์รีบเดินเข้าไปประชิดตัวเขมิกาลดเสียงเบาลง
“เธอจะบ้าหรือ ไม่กลัวเขาทำร้ายเอาอีกหรือไง”
“กลัว แต่ใจไม่หินพอที่จะทนดูน้องคุณร้องไห้จะเป็นจะตายแบบนี้ คุณลองคิดดูนะถ้าฉันไม่ให้อภัยคุณนม ฉันกับน้องสาวคุณจะไม่มีทางอยู่ร่วมบ้านเดียวกันได้อย่างสงบสุข”
ชานนท์คล้อยตามเขมิกา มองไปทางมณฑา
ชานนท์ยืนหันหลังให้มณฑา มณฑารอให้ชานนท์เป็นฝ่ายพูดขึ้น ชานนท์หันมาหามณฑา
“ช่วงที่คุณนมไม่อยู่ ขวัญตาเขาคอยดูแลนิล ช่วยฝึกเดินให้ทุกวัน จนนิลสามารถใช้ไม้เท้าค้ำยันได้เอง ผมไม่ได้เข้าข้างเมียตัวเอง แต่เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าขวัญเป็นคนดี”
“คุณผู้ชายต้องการให้นมทำอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“เพื่อนิลผมอยากให้คุณนมเลิกคิดร้ายกับขวัญ ส่วนผมก็จะยอมลืมเรื่องที่คุณนมเคยทำไว้ทั้งหมด เราทุกคน ต้องหันมาทำความเข้าใจกัน เริ่มต้นกันใหม่”
“คุณผู้ชายจะยอมยกโทษให้นมจริงหรือคะ”
“ถ้าคุณนมยอมรับขวัญ ผมก็อยากสร้างครอบครัวที่มีคุณนมอยู่ด้วย”
มณฑาถึงกับนิ่งไป
พวกเขมิการอกันอยู่ข้างล่าง แววนิลกระวนกระวายมากกว่าคนอื่น ชานนท์เดินเข้ามาพร้อมมณฑา โย่งรีบวิ่งไปฟ้องชานนท์
“โย่งเรียกตำรวจมาไม่ได้ครับ เพราะนังแป้นมันยึดโทรศัพท์ไป มันบอกว่ามันไม่กลัวคุณผู้ชาย”
แป้นกอดโทรศัพท์อยู่
“ว้าย เปล่านะคะ โทรศัพท์มาอยู่ในมือหนูได้ไงไม่รู้”
แป้นรีบเอาโทรศัพท์ไปวางที่เดิม ชานนท์พูดกับโย่ง
“ไม่จำเป็นต้องโทรแล้ว” ชานนท์พูดกับแววนิล “พี่อนุญาตให้คุณนมกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม” แววนิลดีใจรีบไสรถไปหามณฑา มณฑากอดแววนิล ชานนท์สั่งแป้น “แป้น ต่อไปนี้เธอกลับไปรับใช้คุณขวัญเหมือนเดิมนะ”
แป้นดีใจ เขมิกายิ้มให้ชานนท์
แววนิลนั่งบนเตียง มณฑาทาครีมที่แขนให้แววนิล
“ตอนนมไม่อยู่ มีใครรังแกคุณหนูหรือเปล่าคะ”
“ถ้านมหมายถึงขวัญตา ดูๆ ไปเขาก็ไม่ได้ร้ายกาจเหมือนสมัยที่เป็นแฟนกับพี่นนท์เลยนะนม”
“ลืมที่นมเคยสอนแล้วหรือคะ อย่าเชื่อใจคนง่ายๆ ต้องคอยดูกันไปก่อน”
“แต่เขาช่วยพูดกับพี่นนท์ให้นมได้กลับมานะ”
มณฑาแกล้งทำเป็นจะดีกับเขมิกา
“ถ้าเขากลับเนื้อกลับตัวได้จริง นมก็จะยอมสงบศึกด้วย”
วันต่อมา มณฑาประคองแววนิลเดินเข้ามาในห้องโถง แววนิลงงเมื่อเห็นห้องโถงประดับด้วยลูกโป่งหลากสี สายรุ้งห้อยกลางห้อง มณฑาพาแววนิลมาหยุดกลางห้อง เศษกระดาษเล็กๆ หลากสีโปรยปรายลงมารอบตัวแววนิล แววนิลมองอย่างตื่นเต้น ชานนท์ถือช่อดอกไม้ออกมามีโย่งเดินตาม ชานนท์ส่งช่อดอกไม้เล็กๆ ให้แววนิล
“ยินดีด้วยจ้ะ”
แววนิลรับมางงๆ
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ วันเกิดน้องก็ไม่ใช่”
ชานนท์ประคองแววนิลไปนั่ง
“ขวัญเขาอยากเลี้ยงฉลองที่นิลเดินได้จ้ะ คุณผู้หญิงล่ะอยู่ไหน” ชานนท์หันไปถามโย่ง
“แม่งานอยู่นี่แล้วค่ะ”
เสียงจรรยาดังขึ้น เขมิกา จรรยา แป้น ถือจานของกินเล่นออกมาวางบนโต๊ะกลางห้อง เขมิกาถือจานข้าวเกรียบทอดไปหาแววนิล
“คุณนนท์บอกว่าคุณน้องชอบ ลองชิมสักชิ้นสิฮะ”
แววนิลทำหน้าบึ้งๆ ไม่ยิ้ม หยิบมาดู
“ทอดเองหรือ”
“ฮะ”
“มิน่าหน้าตาไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่” แววนิลลองชิม “แต่ก็อร่อยพอใช้ได้”
ชานนท์มองเขมิกากับแววนิลที่ดีต่อกันอย่างมีความสุข
“เจ้านายคะถ่ายรูปครอบครัวกันดีกว่า ฉันถ่ายให้” จรรยาบอก
แววนิลนั่งถ่ายรูปโดยมีชานนท์กับเขมิกายืนข้างหลัง
“เอาละนะ”
“อย่าเพิ่งถ่าย” เขมิการีบบอกแล้วมองมณฑา “คุณนมมาถ่ายด้วยกันสิฮะ” มณฑาอึกอัก “มาเร็วๆ สิฮะ มายืนข้างๆ คุณน้อง”
“มาเถอะครับ”
มณฑาเดินไปยืนข้างแววนิล
“ยิ้มนะคะ หนึ่ง สอง สาม”
เขมิการีบทำท่าตลกใส่ชานนท์ ชานนท์หัวเราะร่า จรรยากดถ่ายแชะ
“ทำไมคุณไม่อยู่ฉลองกับพวกเขาละครับ”
โยธินถามเมื่อเห็นปรียานั่งซึมๆ
“เขาฉลองภายในครอบครัวค่ะ ฉันแค่ส่วนเกิน”
“อย่าเพิ่งท้อนะครับ คุณต้องอดทนรอ ผมเองยังรอคนรักของผมได้เป็นสิบปี”
ปรียาเข้าใจว่าเป็นหมอฝึกหัดคนนั้น
“คุณคงรักเขามากนะคะ”
“มากที่สุด ถ้าขาดเขาผมคงอยู่ไม่ได้”
คำพูดโยธินจี้ใจปรียา
“ฉันเองก็เหมือนกัน ที่ต้องทำเรื่องน่าอายอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะขาดเขาไม่ได้” ปรียาบอกเสียงสั่น โยธินเห็นใจแตะบ่าปรียาปลอบโยนแบบเพื่อน ปรียาลุกยืนไม่อยากให้โยธินเห็นน้ำตา “ฉันขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ” ปรียาจะเดินไปแต่เห็นหมอฝึกหัดที่โยเคยบอกว่าเป็นแฟนเดินควงผู้หญิงตรงมา ปรียาตกใจและโกรธแทนโยธิน “นั่นคุณหมอแฟนคุณใช่มั้ยคะ” โยธินมองไป เห็นหมอฝึกหัดก็ตกใจ “ทำไมเขาถึงทำแบบนี้”
“ช่างเขาเถอะ”
“ไม่ได้นะคะ คุณสอนฉันว่าเราต้องสู้ อย่ายอมให้ใครมาแย่งคนที่เรารักไปไม่ใช่หรือ คุณอยู่ข้างฉันมาตลอด วันนี้ฉันจะอยู่ข้างคุณ ไปค่ะไปกับฉัน”
ปรียาดึงโยธินไป โยธินอยากจะบ้า
ปรียาดึงโยธินมาประจันหน้ากับหมอฝึกหัด
“คุณไม่สมควรทำกับคนรักของคุณแบบนี้นะคะ เขารักคุณรอคุณเป็นสิบปี แต่คุณกลับนอกใจเขาได้ลงคอ”
หมอฝึกหัดเหวอ จำโยธินได้
“คุณอีกแล้วหรือ ผมไม่เคยรู้จักคุณเลยนะ ทำไมคุณ...”
โยธินต้องรีบเล่นละครกลัวปรียาจับได้
“อ๊าย ช้ำใจ น้องหมอทำไมพูดแบบนี้ ไหนบอกว่ารักคุณพี่คนเดียวไงละฮ้า หมอใจร้าย” โยธินร้องไห้ แฟนหมอช็อก
“คุณ คุณรักกับผู้ชายหรือ”
“เปล่านะ ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
แฟนหมอตบหน้าหมอ แล้ววิ่งร้องไห้ไป หมอโกรธมากหันมาทางโยธิน
“แก ไอ้โรคจิต”
หมอชกโยธิน โยธินร้องว้ายแล้วแกล้งล้มไปที่พื้น หมอวิ่งตามแฟนสาวไป โยธินแกล้งร้องฟูมฟาย
“น้องหมอขา คุณพี่ขอโทษนะคะ”
ปรียาสงสารทั้งตัวเอง ทั้งโยธิน
“ทำไมต้องเป็นเราสองคนด้วยที่ต้องเจ็บแบบนี้”
ปรียาร้องไห้กอดโยธิน โยธินเขินตีหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหนเพราะไม่กล้ากอดปรียา
ที่บ้านชานนท์ งานเลี้ยงเลิกแล้ว มณฑา แป้น ช่วยกันเก็บจานชามบนโต๊ะ โย่งเก็บลูกโป่ง เขมิกาเก็บสายรุ้ง มีเสียงเตือนข้อความเข้าทางมือถือ เขมิกาเปิดอ่าน
“พี่คิดถึงมาก อยากโทรหา รอรับโทรศัพท์พี่นะ”
มณฑาสังเกตเห็น เขมิการีบเดินเลี่ยงออกจากห้องโถงเพราะกลัวประชาโทรมาทำให้คนเห็น มณฑามองสงสัย
เขมิกาหลบมายืนกระวนกระวาย เสียงมือถือดัง เขมิการีบรับสาย
“พี่เพิ่งสัมมนาเสร็จ ขวัญเป็นยังไงบ้าง คิดถึงพี่บ้างมั้ย”
เขมิกาแหวะ แต่ต้องโกหก
“ไม่คิดถึงแฟนแล้วจะไปคิดถึงใครล่ะฮะ” เขมิกามองระแวดระวัง “แต่ฉันคุยนานไม่ได้เดี๋ยวอีตาชานนท์จะสงสัย เอางี้ พี่กลับจากเชียงใหม่ ค่อยเจอกัน”
“พี่รักขวัญนะ”
“จ้ะ”
เขมิกาตัดสายเดินออกไป มณฑาเดินออกมาจากที่ซ่อนตัวได้ยินทั้งหมด ยิ่งเกลียดชิงชังเขมิกา
ประชาอาบน้ำเสร็จเดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปนั่งที่โต๊ะ หยิบไอแพดมาดู ประชาดูภาพในเฟสบุ๊กของสปาถึงกับอึ้ง รีบขยายภาพให้ใหญ่ ที่จอไอแพดเป็นภาพที่จรรยามาโพสไว้ 2 ภาพ มีภาพครอบครัวสุขสันต์พร้อมหน้ากันทั้งนนท์ เขมิกา แววนิล มณฑา อีกภาพเขมิกาป้อนข้าวเกรียบให้ชานนท์ ประชาหึง เสียงเตือนว่ามีเว็บแคมเข้ามา
ประชาเปิดดูกล้อง หน้าอู๋โผล่ขึ้นมา
“พี่ เห็นรูปในแฟนเพจของจวงจันทร์สปาหรือยัง”
“เพิ่งเห็นเมื่อกี้”
“ดูมันสองคนรักกันดูดดื่มน่าดู พี่กลับไปสนิทกับมันอีกระวังโดนมันหลอกเอานะพี่ ผมเตือนเพราะเป็นห่วง”
ประชาปากแข็งโกหกอู๋
“มันจะรักกันยังไงก็ช่างหัวมัน ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด ตอนนี้ฉันสนแต่เงินสินสอดเท่านั้น” ประชาปิดเว็บแคม กำมือแน่นทุบโต๊ะ คิดๆ เอายังไงดี ประชากดโทรศัพท์จองเที่ยวบิน “วันนี้มีเที่ยวบินไปกรุงเทพฯ เร็วสุดกี่โมงครับ”
ที่สปา อึ่งคุยมือถืออยู่กับมณฑา
“ผู้จัดการไม่อยู่ค่ะ ไปสัมมนา”
“สัมมนาที่ไหน”
“เชียงใหม่ค่ะ กว่าจะกลับก็อีก 3 วัน”
มณฑาวางมือถือของแววนิลบนโต๊ะหัวเตียง
“เชียงใหม่ มันนี่เอง”
มณฑายิ้มร้ายๆ รู้ว่าเป็นประชาแน่ แววนิลนั่งแปรงผมที่โต๊ะเครื่องแป้งหันมา
“มีอะไรหรือนม”
มณฑายังไม่อยากบอก
“รอให้นมจับมันได้แบบคาหนังคาเขาก่อนนะคะ แล้วนมจะเล่าให้ฟัง”
แววนิลแปลกใจว่าเรื่องอะไร
เขมิกาขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านประตูรั้วออกมาช้าๆ มณฑารีบเปิดประตูเล็กวิ่งออกมาเห็นแท็กซี่จอดอยู่แถวหน้าบ้าน รีบโบกมือเรียก
“แท็กซี่” รถแท็กซี่ขับออกมาแต่กลับขับผ่านมณฑาไปอย่างเร็ว “อ้าว แท็กซี่ๆ”
มณฑาหงุดหงิดมองหารถคันอื่นไม่มีผ่านมาเลยสักคัน เจ็บใจ
รถแท็กซี่คันนั้น กำลังขับตามรถมอเตอร์ไซด์ของเขมิกา อู๋นั่งอยู่ในรถจ้องไปที่รถมอเตอร์ไซด์ข้างหน้า
เขมิกาจอดมอเตอร์ไซด์หน้ารีสอร์ท เขมิกายืนชั่งใจอยู่หน้าประตูก่อนจะเปิดเข้าไป เขมิกาเข้ามาในห้องกวาดตามอง มีคนโผล่มาข้างหลังกอดเขมิกา เขมิกาสะดุ้งรีบหันขวับไปชกใส่โดนหน้าประชา
“โอ๊ย”
“ขอโทษ พี่เล่นมาข้างหลัง ฉันก็ตกใจน่ะสิ” เขมิกาตกใจ
“พี่กำลังดีใจที่ขวัญรีบมาหาพี่ทันที”
เขมิการู้ว่าบ้านนี้ของประชา แต่แกล้งถาม
“ทำไมพี่ถึงนัดฉันมาเจอที่บ้านของแววนิล แทนที่จะกลับไปเจอกันที่กรุงเทพ”
“ความจริงมันคือบ้านของพี่ แต่ตอนนั้น พี่ยังไม่กล้าบอกว่าบ้านนี้คือรังรักของเรา จำได้มั้ยว่าเราแอบมาเจอกันที่นี่บ่อยๆ”
“ฉันมาบ้านนี้เป็นที่สุดท้ายก่อนจะมีข่าวว่าคบชู้หรือเปล่า”
ประชาดึงมือเขมิกา
“มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนดีมั้ย”
เขมิกาดึงมือออก
“พี่บอกว่าจะเล่าให้ฉันฟังไง ถ้าฉันมาหาพี่ที่นี่”
ประชาชักไม่พอใจ
“ขวัญเปลี่ยนใจไปชอบไอ้ชานนท์แล้วใช่มั้ย”
“พูดอย่างนี้เหมือนไม่เชื่อใจกันเลยนะ”
“เราห่างกันมานานพี่ไม่มีความมั่นใจพอ” ประชาพูดพร้อมกับลูบต้นแขนเขมิกา “ยิ่งมันทำดี เอาใจเธอมากเท่าไหร่ พี่ยิ่งกลัว”
“ฉันเคยบอกแล้วไงว่า...”
“แค่คำพูดใครก็พูดได้ ทำให้พี่เห็นได้มั้ยว่าไม่มีเยื่อใยกับมัน”
“บอกมาเลยจะให้ทำยังไง”
“ค้างกับพี่คืนนี้”
เขมิกาตกใจ
“ทำ ทำแบบนั้นมันไม่ได้หรอก”
ประชาจู่โจมกอดเขมิกาทันที
“ทำไมไม่ได้ หรือว่าใจอ่อนกับมันแล้ว”
เขมิกาพยายามดันตัวออก
“ไม่ใช่ ฉันกลัวเขารู้เรื่องของเรา”
“ช่างหัวมัน”
ประชาจะกอดจูบเขมิกา
“เดี๋ยวก่อน โอ๊ยฉันหายใจไม่ออก”
ประตูเปิดอย่างแรง อู๋พรวดพราดเข้ามาเห็นสองคนกอดกันอยู่ อู๋โกรธที่โดนประชาหลอก
“เป็นจริงอย่างที่ผมคิด พี่หลงกลมันอีกจนได้”
ประชาปล่อยเขมิกา
“แกมาได้ยังไง”
เขมิกามองอู๋
“ผมรู้ว่าพี่ต้องรีบกลับกรุงเทพฯแน่ ก็เลยไปดักรออยู่หน้าบ้านมัน แล้วพี่ก็นัดมันออกมาจริงๆ”
“เขาเป็นใคร”
“จำไม่ได้ก็ดี ตายแล้วจะได้ไม่ต้องมาจองเวรกันอีก”
อู๋ชักปืนเล็งไปที่เขมิกา จะยิง ประชาปรี่เข้าขวางเขมิกาไว้
“ไอ้อู๋ อย่ายิงนะ”
เขมิกาคาดไม่ถึงว่าประชายอมตายแทนขวัญตาได้
โย่งผิวปากเช็ดรถอยู่หน้าตึก ชานนท์เดินเข้ามา
“โย่ง มอเตอร์ไซด์คุณผู้หญิงไม่อยู่ในโรงรถ รู้มั้ยว่าคุณผู้หญิงไปไหน”
“ไม่ทราบครับ คุณผู้หญิงนี่ก็แปลกไปไหนมาไหนไม่เคยเห็นบอกคุณผู้ชาย ทำเหมือนไม่ใช่ผัวเมียกัน”
“ฉันแค่ถามนายเฉยๆ ไม่ได้ต้องการความคิดเห็น”
“โย่งอยากแถมให้”
“ไอ้นี่ เดี๋ยวฉันก็แถมเข่าให้หรอก เอามั้ย”
“ไม่เอาครับ”
ที่รีสอร์ท อู๋ยังเล็งปืนไปที่ประชาซึ่งยืนขวางเขมิกาอยู่
“พี่เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ ลืมไปแล้วหรือว่าวันนั้นมันคิดฆ่าพี่”
“ฉันหรือที่คิดฆ่าพี่ เมื่อไหร่กัน”
เขมิกาถามประชา ประชาพูดอย่างเจ็บปวด
“วันที่เธอแต่งงาน พี่ให้อู๋ไปรับเธอมาที่นี่ แต่เงินสินสอดที่เราจะเอาไปตั้งต้นชีวิตใหม่ด้วยกันมันกลับหายไป พี่คาดคั้นถามเรื่องเงิน เธอก็เลยแทงพี่ เธอบอกว่าไม่ได้รักพี่เลย แต่หลอกพี่ เพื่อความอยู่รอด”
“ไม่จริงนะฉันรักพี่ ฉันจำได้ว่าฉันจะเอาเงินสินสอดมาให้พี่จริงๆ แต่ยังจำไม่ได้ว่าเงินสินสอดหายไปไหน”
“อย่ามาสตอ ถ้าแกจริงใจกับพี่ประชา คงไม่เอาเงินไปซ่อนหรอก มันบอกผมเองว่าจะพาไปหาที่ซ่อนเงิน กูมันโง่หลงเชื่อผู้หญิงปลิ้นปล้อนอย่างมึง วันนี้กูไม่ปล่อยให้มึงรอดไปอีกแน่”
เขมิกาคุ้นเสียงอู๋มาก
“ใช่ กูมันโง่หลงเชื่อผู้หญิงปลิ้นปล้อนอย่างมึง แต่คราวนี้กูไม่ปล่อยมึงรอดไปอีกแน่”
เขมิกามั่นใจว่าผู้ชายคนนี้คือไอ้โม่งที่พยายามจะฆ่าเธอ เขมิกาชี้หน้าอู๋แล้วใส่ร้ายอู๋
“ฉันจำแกได้แล้ว คนนี้แหละที่เอาเงินไป”
อู๋ตกใจร้องลั่น
“อย่าไปเชื่อมัน มันใส่ร้ายผม”
“วันนั้นเขาไม่ได้ฆ่าฉันเพราะฉันบอกที่ซ่อนเงิน เขาก็เลยปล่อยฉันไป”
ประชาโกรธชี้หน้าอู๋
“ไอ้อู๋ แกหักหลังฉันที่แท้แกก็หลอกฉันมาตลอ”
“ที่ผมไม่ฆ่ามันเพราะจะเอาเงินมาให้พี่ แต่มันหลอกผมไปใต้สะพานแล้วตีหัวผม ผมไม่ได้เอาเงินไป เงินอยู่กับแกนั่นแหละนังขวัญตา มึงใส่ร้ายกู มึงตาย” อู๋จะยิงเขมิกา ประชาเหวี่ยงของใกล้มือโดนข้อมืออู๋ทำให้ปืนหล่น
อู๋แค้น ชี้หน้าประชา “มึงมันโง่ ถูกมันหลอกแล้วหลอกอีกก็ยังเชื่อ คนอย่างมึงไม่เจ๋งพอที่จะมาเป็นลูกพี่กู มึงตายไปพร้อมกับมันเลยแล้วกัน”
อู๋จะพุ่งไปหยิบปืน แต่ประชาไวกว่าเตะอู๋เซไป แล้วบู๊กันไปมา อู๋ถูกอัดลงไปนอนกับพื้นใกล้กับปืน ประชากระชากคอเสื้อซัดหมัดใส่หน้าอู๋ไม่ยั้ง
“ไอ้สารเลว ที่แกอยากให้ฉันฆ่าขวัญตาให้ได้ ที่แท้แกก็ต้องการปิดปากเขา”
อู๋ยกมือไหว้
“ผมผิดไปแล้วพี่ ผมอยากได้เงินนั่นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ผมไม่เคยคิดทำร้ายพี่ ผมสาบานได้”
ประชาชะงักหมัด อู๋อาศัยจังหวะนี้ถีบประชา ประชากระแทกผนังทรุดนั่ง อู๋ขยับตัวจะหยิบปืน เขมิกาเหยียบมืออู๋ แล้วเตะเสยคาง อู๋กระเด็นไปทางประตู อู๋เห็นท่าไม่ดี วิ่งหนีออกไป เขมิกาวิ่งตาม
เจ้าสาวสลาตัน ตอนที่ 9 (ต่อ)
เขมิกาวิ่งออกมาหน้าบ้านพักเห็นอู๋ขึ้นรถแท็กซี่คันที่นั่งมาหนีไปแล้ว ประชาเดินออกมาเจ็บบ่าเล็กน้อย
“คงตามมันไม่ทันแล้ว ไอ้ชาติชั่วเพราะมันที่ทำให้พี่เข้าใจเธอผิด พี่เสียใจที่ไว้ใจคนผิด”
“ฉันน่าจะเรียกความจำกลับมาได้เร็วกว่านี้ พี่จะได้รู้ธาตุแท้ของมัน”
“แต่มีเรื่องหนึ่งที่พี่ไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงแทงพี่”
เขมิกาสร้างเรื่อง
“ก็มันนั่นแหละบังคับให้ฉันทำ ไม่งั้นมันจะยิงพี่ให้ตายเหมือนหมา ฉันก็เลยแทงพี่แบบยั้งๆ ไว้ กะว่าจะล่อให้มันไปที่อื่นแล้วฉันค่อยกลับมาช่วยพี่ไง แต่เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันก็จำไม่ได้”
ประชาจับมือเขมิกา
“พี่จะบอกความจริงกับเธอ ไอ้อู๋มันคือไอ้โม่งที่คอยตามฆ่าเธอ มันแอบทำเองโดยที่พี่ไม่เคยรู้เรื่อง เชื่อพี่นะ”
เขมิกาคล้อยตาม
“พี่จะรับกระสุนแทนฉัน ทำไมฉันจะไม่เชื่อพี่ล่ะ”
ประชายิ้มดีใจ
“เธอก็ช่วยชีวิตพี่ไว้เหมือนกัน ขอบใจนะขวัญ”
เขมิกาฝืนยิ้มให้ แล้วทำเป็นตกใจ
“พี่เชื่อใจฉันแล้วใช่มั้ย ถ้างั้นเราก็แยกย้ายกันกลับก่อนเถอะ”
ประชากังวลเรื่องอู๋ เลยพยักหน้า
เขมิกาเดินเข้ามาในร้านกาแฟมองหาโยธิน โยธินโบกมือให้ เขมิการีบเข้าไปหา
“โทรเรียกเฮียออกมาต้องมีเรื่องใช้งานเฮียอีกแหง”
“เฮียไปแจ้งความให้เข็มที”
“เฮ้ย เข็มไปมีเรื่องกับใครมา”
“เข็มสืบได้แล้วว่าไอ้โม่งคือไอ้อู๋ลูกน้องของประชา มันเป็นคนอยู่กับพี่ขวัญคนสุดท้าย ตำรวจน่าจะมีวิธีสอบสวนได้เก่งกว่าเรา”
“ประชามันก็เป็นตัวร้ายคิดฆ่าเข็มจริงน่ะสิ”
เขมิกาชักไม่แน่ใจ
“เข็มว่าเขารักพี่ขวัญมากนะถึงขั้นตายแทนได้ แต่ไอ้อู๋กับพี่ขวัญน่ะสิที่ทำร้ายประชา ถ้าจับอู๋ได้เรื่องทั้งหมดก็คงกระจ่าง”
“งั้นเข็มก็ถอนตัวออกมาได้แล้วสิ”
“ตำรวจจับอู๋ได้เมื่อไหร่เข็มก็จะหลบออกมาจากบ้านนั้นเลย เข็มจะได้ไม่เผลอไปทำร้ายจิตใจใครอีก”
เขมิกาบอกแล้วรู้สึกโหวงๆ
เขมิกาเดินเข้ามาในบ้านแล้วชะงัก เมื่อเจอประชาอยู่กับชานนท์ ชานนท์เห็นเขมิกา
“ขวัญ ไปไหนมาหรือ ประชาเขารออยู่นานแล้ว”
เขมิกาโชว์ถุงหนังสือ
“ฉันไปหาซื้อหนังสือมาอ่าน รอฉันมีอะไรหรือ” เขมิกาถามประชา ประชาส่งถุงของฝากให้
“ผมซื้อของมาฝากจากเชียงใหม่ครับเป็นผ้าฝ้ายทอมือที่คุณขวัญชอบ”
เขมิการับมา กลัวชานนท์สงสัย
“ประชานี่เป็นคนละเอียดดีนะ ขวัญเขาชอบอะไรก็รู้ บางอย่างผมยังไม่รู้เลย” ชานนท์บอก
“ตอนที่คุณขวัญตาเป็นพนักงานอยู่ที่สปา เคยบอกผมครับไม่รู้ว่าคุณขวัญจำได้หรือเปล่า”
“ฉันไม่อยากนึก นึกทีไรปวดขมับทุกที”
มณฑายกน้ำมาให้เขมิกา
“ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนสิคะ” เขมิการับมาดื่ม มณฑามองประชา “ทำไมผู้จัดการกลับจากเชียงใหม่เร็วนักละคะ”
“ผมห่วงงานครับ”
“นึกว่าห่วงอย่างอื่นซะอีก” ประชามองหน้ามณฑามณฑายิ้ม “ฉันหมายถึงห่วงแฟนหรือคนรักน่ะค่ะ”
“ผมไม่ยักรู้ว่าประชามีแฟน จริงหรือ” ชานนท์ยิ้มแย้มกับประชา ประชามองเขมิกา
“ครับ เพิ่งจะเริ่มคบกัน”
“ผมชักอยากจะเห็นหน้าสาวผู้โชคดีคนนั้นซะแล้ว ไว้นัดมากินข้าวด้วยกันสิ ที่บ้านเราก็ได้ ดีมั้ยขวัญ”
“ไงก็ได้ฮะ” เขมิกาอึดอัด มณฑาลอบมองประชากับเขมิกาไม่ให้ทั้งสองคนรู้ตัว
ประชาเดินเข้าบ้าน เสียงมือถือดัง ประชารับสาย
“ฮัลโหล”
“พรุ่งนี้ผมจะไปมอบตัวกับตำรวจ”
“แกเองหรือไอ้อู๋”
“ผมจะสารภาพให้หมดว่าใครคนสั่งผมลักพาตัวขวัญตา ใครจ้างผมฆ่ามัน”
“ฉันรู้ว่าแกต้องการขู่ฉัน ต้องการอะไรว่ามาตรงๆ เลย”
“ผมขอแค่ 5 แสนแล้วจะหายตัวไปเงียบๆ ไม่มายุ่งกับพี่อีก”
“ฉันมีให้แกแค่ 3 แสน ถ้าเอาก็บอกที่นัดหมายมา”
อู๋ยิ้มวางหู เดินออกจากตู้โทรศัพท์ชนกับชิ้นที่เดินโซเซมา
“เฮ้ย เดินยังไงวะ”
ชิ้นผลักอกอู๋
“ทางตั้งกว้างดันมายืนเกะกะเอง ตั้งใจหาเรื่องหรือไงไอ้หนุ่ม”
“ปากดีนักไอ้แก่”
อู๋ซัดหน้าชิ้นล้มคว่ำ ไทยมุงมารุมดู อู๋เลยรีบไป ชิ้นลุกยืนชี้ไปที่อู๋ อาฆาตแค้น
“อย่าให้เจอหน้าอีกนะโว้ย กูจะเอาให้ตายเลย ไม่รู้จักเจ้าถิ่นอย่างไอ้ชิ้นซะแล้ว”
วันต่อมาที่บ้านชานนท์ แป้นตักข้าวให้ชานนท์กับแววนิล มณฑาคอยดูแลแววนิล เขมิกาเดินเข้ามา
“แป้น ตักข้าวให้คุณผู้หญิงด้วย”
“ไม่ต้องแป้น ฉันจะไปดูลุงชิ้นหน่อย ว่าอดเหล้าไปถึงไหนแล้ว”
“อย่างนายชิ้นนะหรือจะเลิกกินได้ ไม่มีทาง”
“น้าเยาว์ว่าแกลดๆ ไปได้เยอะแล้ว ฉันไปนะฮะ”
เขมิกาเดินออกไป มณฑามองตามแล้วยุชานนท์
“คุณผู้ชายน่าจะตามไปดูหน่อยนะคะ เพราะย่านที่นายชิ้นอยู่มีแต่พวกขี้ยาทั้งนั้น ผู้หญิงไปเดินท่อมๆ คนเดียวจะไม่ปลอดภัย”
“โถ นม ลืมแล้วหรือว่าขวัญตาเตะต่อยเก่งแค่ไหน ไม่เห็นจะต้องตามไปดูแลเป็นเด็กๆ เลย”
“มือเปล่าก็แพ้มีดแพ้ปืนได้ค่ะคุณหนู”
ชานนท์ชักห่วง รวบช้อน มณฑามองชานนท์ยิ้มเจ้าเล่ห์คิดว่าเขมิกาอาจนัดเจอกับประชา
ชานนท์เข้ามาหยิบกระเป๋าเงินที่หัวเตียง เห็นมือถือเขมิกาลืมไว้บนเตียง ชานนท์หยิบขึ้นมา ส่ายหน้ายิ้มๆ ในความขี้ลืมของเข็ม ชานนท์จะไปแต่ชะงักมองมือถือแล้วนึกถึงตอนเขมิกาบอกว่าไปฉลองวันเกิดกับจรรยา
“ก็วันนี้เป็นวันเกิดจรรยา ฉันก็เลยซื้อของขวัญไปให้ แล้วก็ไปกินข้าวฉลองกันนิดหน่อย”
ภาพตอนชานนท์ให้ของขวัญจรรยาผ่านเข้ามา ชานนท์ยื่นซองสีแดงให้จรรยา
“เช็คของขวัญ ฉันให้เป็นของขวัญวันเกิด ให้ย้อนหลังคงไม่ว่ากันนะ” จรรยางง
“ยังไม่ถึงวันเกิดฉันนะคะ อีกตั้งหลายเดือน”
ชานนท์เกิดอยากรู้ว่าเขมิกาติดต่อกับใครบ้างจึงเปิดมือถือดู แต่พอจอสว่างเห็นวอลเปเปอร์หน้าจอเป็นรูปเขมิกาป้อนข้าวเกรียบให้ชานนท์ ชานนท์ยิ้มแล้วเปลี่ยนใจไม่อยากระแวงเขมิกา ยัดมือถือใส่กระเป๋า
เขมิกาซิ่งมอเตอร์ไซด์มาจอดใกล้บ้านเยาว์ ชิ้นกอดขวดเหล้าวิ่งโซเซออกมา เยาว์วิ่งตามออกมาแย่งขวดเหล้า
“เอามานี่พี่ หยุดกินได้แล้ว”
“อย่ามายุ่งกับกู”
ชิ้นไม่ยอม แต่เยาว์กระชากไปจนได้
“พี่รับปากคุณขวัญไว้ยังไงจำไม่ได้หรือ”
“ขวัญไหนวะ ไม่รู้จักโว้ย เอามานังเยาว์” ชิ้นแย่งขวดเหล้า เยาว์ไม่ยอมปาทิ้งแตกกระจาย ชิ้นโกรธมากจะเข้ามาตบเยาว์ “อีนี่วอนโดนตบ”
เขมิกาเข้ามาผลักชิ้นเซไป ชิ้นชี้หน้ามั่วๆ หมุนไปรอบตัว
“ใครผลักกูวะ มึงเองหรือ อย่าหนีสิโว้ย”
ชิ้นเดินเซไปเซมาตามคนอื่นไป
“นี่แกเมาจนจำใครไม่ได้เลยหรือน้าเยาว์”
“น้าหลงดีใจนึกว่าพี่ชิ้นแกจะอดเหล้าได้ แต่แกคงทนไม่ไหวแอบไปกินหนักกว่าเดิมอีก น้าทำให้คุณเดือดร้อนแท้ๆ”
“น้าห่วงตัวเองเถอะ เข้มแข็งเข้าไว้อย่าเพิ่งท้อนะฮะ ฉันจะไปตามลุงชิ้นกลับมาเอง”
เยาว์พยักหน้าซึ้งใจ เขมิการีบตามชิ้นไป
เขมิกาเดินมองหาชิ้น เห็นอู๋หิ้วของใช้เดินออกมาจากร้านของชำ อู๋หันมาเห็นเขมิกาจ้องอยู่ อู๋ตกใจวิ่งหนี“หยุด อย่าหนีนะ”
เขมิกาไล่กวด อู๋วิ่งหนีเข้าซอยแคบๆ เขมิกาตามไป
อู๋วิ่งหนีเข้าซอยนั้นซอยนี้ เขมิกาไล่ตามติดไม่ลดละ เขมิกาตามมาถึงท้ายซอย มองหาอู๋ไม่เจอแล้ว
“หนีไปอีกจนได้”
เขมิกาเดินหันหลังเลี้ยวไปทางอื่น อู๋เดินออกมาคิดว่าเขมิกาไปแล้ว อู๋โล่งอกเดินกลับที่พัก เขมิกาเดินออกมาจากที่ซ่อนตัว มองตามอู๋ แล้วสะกดรอยตามไปห่างๆ
อู๋ไขประตูเข้าห้องเช่า ประตูปิด เขมิกาแอบดูอยู่ห่างๆ แล้วรีบควานหามือถือในกระเป๋าแต่หาไม่เจอ เขมิกาเพิ่งรู้ตัวว่าลืมมือถือไว้ที่ห้องนอน
ที่ร้านขายของชำ คนขายถือไม้ขนไก่ไล่ตีชิ้นออกมา
“ไปเลยไป หนอยบัญชีเก่ายังไม่จ่ายเลย จะมาขอติดอีก”
“อีงก เมียฉันมีเงินเยอะโว้ย เดี๋ยวไปตามมันมาจ่ายให้ก็ได้”
ชิ้นโวยวายแล้วเดินเซไปเซมาจะกลับบ้าน แต่ไปผิดทาง
เขมิกามองหาตู้โทรศัพท์ เห็นอยู่ข้างหน้ารีบวิ่งเข้าไป
“เฮีย รีบตามตำรวจมาเร็วๆ เข้า เข็มเจอไอ้อู๋แล้ว”
เขมิกาโทรบอกโยธิน
ขณะนั้นเยาว์ยืนรออยู่หน้าบ้านเดินไปเดินมา รถชานนท์วิ่งมาจอด ชานนท์ลงจากรถ
“คุณชานนท์”
“ขวัญมาที่นี่หรือเปล่าครับ”
อู๋นั่งรอเวลาอยู่ในห้องเช่า มองนาฬิกาข้อมือ เสียงเคาะประตูดังขึ้น อู๋เดินไปแง้มดู แต่ไม่เห็นใคร อู๋มองต่ำ เห็นกล่องกระดาษสำหรับใส่รองเท้าวางอยู่หน้าห้องเช่า อู๋เดินออกมามองกล่องอย่างสงสัย เสียงมือถือดัง อู๋เห็นชื่อประชารีบรับสาย
ประชาหลบอยู่อีกมุม ห่างจากห้องเช่าอู๋ ประชาพูดมือถือกับอู๋
“เงินที่แกอยากได้อยู่ในกล่อง”
“ทำไมพี่ไม่เอามาเอง”
“ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก เปิดดูว่าเงินครบหรือเปล่า”
อู๋เปิดฝากล่องออก ในกล่องมีกระดาษฝอยๆ ปิดอยู่ด้านบน อู๋ดึงกระดาษฝอยออก เห็นผลไม้กระป๋อง
“แกเล่นตลกอะไรเนี่ย ไม่เห็นมีเงินเลยสักบาท”
“อยู่ในกระป๋องนั่นไง ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ฉันจะให้กับแก มันไม่ทรมานหรอก ไม่ทันได้เจ็บปวดด้วยซ้ำ”
ประชาวางนิ้วที่รีโมท
อู๋เอ๊ะใจหยิบกระป๋องขึ้นดูข้างในเห็นระเบิด ตาเหลือก
ประชากดรีโมท เสียงระเบิดดังตูม ประชารีบออกจากที่หลบสาวเท้ารีบหนีได้สามสี่ก้าวแต่ชะงักกึกเมื่อเจอชิ้นเดินเอียงไปเอียงมาตาปรือใกล้หมดสติเพราะฤทธิ์เหล้า
“เสียงอะไรวะ หนวกหูฉิบเป๋ง”
ชิ้นตาปรือแทบปิด มองมาที่ประชาซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ประชาหลบชิ้นไม่ทัน ภาพที่ชิ้นเห็นประชาเบลอๆเลือนลางบิดเบี้ยวมองไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร ชิ้นแบมือขอเงินประชา
“เมียจ๋า ขอเงินหน่อ...ย”
ชิ้นทรุดฮวบกองกับพื้น หลับป๊อก ประชาที่ยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ โล่งอกรีบเดินหนี แต่คิดขึ้นได้หยุดชะงัก
ประชาเดินไปที่ชิ้นรีบเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดรีโมทเพื่อลบรอยนิ้วมือ แล้วยัดรีโมทใส่มือชิ้น
“ช่วยกันหน่อยก็แล้วกัน ไหนๆ ชีวิตแกก็เหมือนหมาตัวหนึ่งอยู่แล้ว”
ประชารีบไป ชิ้นเมาหลับไปไม่รู้เรื่อง
บริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เขมิกายืนรอโยธินได้ยินเสียงระเบิดจะรีบไปดูที่ห้องเช่าแต่ชานนท์มาดึงแขนไว้ “ขวัญจะไปไหน”
เขมิกาตกใจหันไปมอง
“คุณ มาได้ไงเนี่ย”
“เธอลืมมือถือไว้ที่บ้าน แล้วฉันก็อยากมาดูลุงชิ้นด้วย”
ชานนท์ยื่นโทรศัพท์ให้เขมิกา เขมิการีบรับมา
“ฉันได้ยินเสียงระเบิด ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น”
ชาวบ้านวิ่งมากันคนละทาง ชี้ๆ ไปทางห้องเช่าอู๋
“เสียงมาจากทางนั้น”
ชาวบ้านวิ่งกันไป เขมิการีบตาม ชานนท์ตามเขมิกาเพราะเป็นห่วง
ชาวบ้านบางส่วนมุงดูชิ้น
“นี่มันใครวะ หน้าคุ้นๆ ไอ้ชิ้นผัวแม่เยาว์นี่หว่า”
เขมิกากับชานนท์วิ่งมาถึงเห็นชิ้นนอนหลับที่พื้น
“ลุงชิ้น” เขมิกาเข้าไปเขย่าตัวชิ้น “ลุงๆ”
ชานนท์อังที่จมูกชิ้น
“ยังหายใจอยู่ แกมานอนอยู่แถวนี้ได้ยังไง”
ชานนท์มองไปที่ห้องเช่า สภาพประตูพัง ผนังบางจุดทะลุเป็นรูใหญ่ ชาวบ้านยืนมุงดูกันอยู่ เขมิกามองตามตกใจ รีบวิ่งไปดู ชานนท์เฝ้าชิ้นอยู่ เขมิกาแหวกชาวบ้านเห็นอู๋นอนโชกเลือด เขมิกาตกใจ
“ใครแจ้งตำรวจหรือยังวะ”
“นั่นไงตำรวจมาพอดี”
ตำรวจ 3 นายเดินนำ โยธินตามหลัง เขมิกาเห็นโยธินมา รีบมองไปที่ชานนท์ ชานนท์กำลังพยายามปลุกชิ้น ไม่ได้มองมาทางเขมิกา เขมิการีบส่งสัญญาณมือบอกโยธินให้หลบไปก่อน ชี้ๆ ที่ชานนท์ โยธินเห็นชานนท์เข้าใจความหมายของเขมิกา รีบหลบไปทางอื่นไม่ตามตำรวจไป
ชานนท์ เขมิกาเดินเข้ามาในห้องทำงานในสปา ประชายืนรออยู่รีบถามแกล้งไม่รู้เรื่อง
“ผมได้ข่าวจากพวกพนักงานว่านายชิ้นโดนตำรวจจับไปมันเรื่องอะไรกันครับ”
“ลุงชิ้นอยู่ในสถานที่เกิดเหตุตอนที่เกิดระเบิด แถมตำรวจยังพบรีโมทในมือแก ก็เลยตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย”
“แล้วนายชิ้นว่ายังไงบ้างครับ”
“ยังไม่ฟื้นเลย”
เยาว์กับอึ่งวิ่งเข้ามา เยาว์อ้อนวอนชานนท์
“คุณชานนท์คะ ช่วยพี่ชิ้นด้วยนะคะ พี่ชิ้นถึงจะเมามายยังไงอย่างมากแกก็เก่งแต่ปาก ไม่มีทางฆ่าคนได้”
“ฤทธิ์เหล้ามันทำให้คนลืมตัวทำร้ายคนโดยไม่ยั้งคิดได้นะครับ” ประชาบอก
“มีชาวบ้านหลายคนให้การกับตำรวจด้วยว่าเห็นลุงชิ้นกับคนตายมีเรื่องชกต่อยกันมาก่อน แล้วลุงชิ้นก็พูดอาฆาตเขาไว้หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ ผมเกรงว่าคงยาก” ชานนท์บอก มือถือชานนท์ดัง ชานนท์รับสาย “ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ ทนายโทรมาบอกว่าลุงชิ้นรู้สึกตัวแล้ว”
ชิ้นนั่งจ๋อยอยู่ในห้องขัง เยาว์อึ่งวิ่งเข้ามา
“พี่ชิ้น”
“พ่อ”
ชิ้นวิ่งไปเกาะลูกกรงร้องไห้
“ตำรวจมันสอบปากคำพ่อ มันบอกว่าพ่อเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย” ชานนท์ เขมิกา ประชาเดินเข้ามา “คุณชานนท์ช่วยผมด้วย ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ฆ่าคน”
“ลุงไปอยู่แถวห้องเช่าของคนตายได้ยังไง”
เขมิกาถาม ประชาลุ้น ชิ้นพยายามนึก
“ผมทะเลาะกับเยาว์ แล้วก็ไปหาเหล้ากินต่อ จากนั้น...” ชิ้นพยายามนึก
“นึกดีๆ ลุง ทนายจะได้หาหลักฐานช่วยลุงได้”
“ผมจำไม่ได้ ผมหลับไปตอนไหนก็ยังนึกไม่ออกเลย” ประชาโล่งใจ “ผมสาบานได้นะครับผมไม่ได้ทำ ผมบริสุทธิ์”
เยาว์ปล่อยโฮ อึ่งร้องตาม กอดกับชิ้น เขมิกามองสงสาร
พวกชานนท์เดินออกมา ทนายปราการผละจากโต๊ะเจ้าพนักงานตำรวจเดินมาหาชานนท์
“เรื่องประกันตัวลุงชิ้นว่าไงครับคุณปราการ” ปราการส่ายหน้า
“ไม่สำเร็จครับทางเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่ามันเป็นคดีอุกฉกรรจ์” เยาว์ร้องไห้
“โธ่ พี่ชิ้นทำไมถึงโชคร้ายอย่างนี้นะ”
“ถ้าพ่อไม่กินเหล้าก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก” อึ่งโกรธ เยาว์โมโห
“นี่แกคิดว่าพ่อฆ่าคนตายหรือ แกยังเป็นลูกพ่ออยู่หรือเปล่า” อึ่งน้อยเนื้อต่ำใจ
“ก็เพราะเป็นลูกพ่อน่ะสิ ฉันถึงเรียนจบแค่ปวช. เพราะเงินที่จะส่งฉันเรียนมันไปอยู่ในขวดเหล้าหมด”
อึ่งเดินหนีไป เขมิกาโอบไหล่เยาว์ชานนท์พูดกับเยาว์
“ไม่ต้องห่วงนะครับผมจะให้ทนายสู้คดีให้ถึงที่สุด”
เยาว์ไหว้ชานนท์
“ขอบคุณค่ะ”
ประชายิ้มที่ชิ้นไม่ได้ประกันตัว
ชานนท์เดินนำเขมิกาเข้ามาในห้องทำงาน เขมิกาเดินตามหลังชานนท์ซึมๆ ครุ่นคิด ชานนท์หันมองเขมิกา เขมิกาเดินเหม่อ
“ใจลอยไปไหน จะเดินชนฉันยังไม่รู้”
เขมิกาหยุดกึกเกือบชนชานนท์
“ฉันคิดไม่ตกเรื่องลุงชิ้นน่ะสิ”
“แล้วเชื่อหรือเปล่า”
“จะให้เชื่อได้ไง วางระเบิดฆ่าคนนะไม่ใช่ว่าใครๆ ก็ทำกันได้”
“นั่นสิ คนตายเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ตำรวจพยายามติดต่อญาติพี่น้องแล้ว แต่ไม่มีเลยสักคน”
เขมิกานึกถึงประชาขึ้นมา
เขมิกาถามประชาเกี่ยวกับอู๋
“ไอ้อู๋มันเป็นเด็กในบ่อนแถวบ้านพี่ กินนอนอยู่ที่นั่นจนโต มันติดหนี้การพนันแล้วไม่จ่าย โดนนักเลงคุมบ่อนซ้อมปางตาย พี่สงสารเลยช่วยไว้”
“ไม่อยากจะเชื่อว่ามีเรื่องกับลุงชิ้นถึงขนาดต้องฆ่ากันตายได้”
“มันเป็นคนเกเรสร้างศัตรูไว้เยอะ ถ้าโดนคนพวกนี้คิดบัญชีก็ไม่แปลก ขวัญก็เห็นขนาดกับพี่มันยังหักหลังได้”
เขมิกาสำรวจสีหน้าประชา
“แล้วพี่ไม่แค้นบ้างหรือ”
ประชาตีหน้าสลดเนียนจนจับไม่ได้
“ถึงแค้นไปพี่ก็ทำได้แค่อยากจะชกหน้ามันให้สะใจ เรื่องฆ่าแกงคนไม่เคยอยู่ในหัวพี่ คนก็ตายไปแล้ว พี่อโหสิให้มัน”
เขมิกาไม่รู้จะช่วยชิ้นได้ยังไง
เขมิกานักเจอกับโยธินที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
“คนเรามันจะคอโหดเหี้ยมขึ้นทุกวัน แค่ทะเลาะกันนิดหน่อยถึงกับวางระเบิด”
“ยังไงเข็มก็ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือลุงชิ้น”
“เขาเมานะเข็ม คนเมาไม่มีสติจะคิดถูกคิดผิดได้หรอก”
“เซ็งเลย ความหวังเดียวที่จะตามหาพี่ขวัญเจอ ก็มาตายไปซะแล้ว”
“แต่เราก็ไม่สูญเปล่านะ อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าไอ้โม่งคือไอ้อู๋ และพี่ขวัญคิดจะหนีไปกับประชาถ้าประชาไม่โดนไอ้อู๋หักหลัง ส่วนเรื่องเงินสินสอดที่เข็มโยนให้อู๋เป็นแพะไปนี่สิ มันอยู่ที่ไหน หรือพี่ขวัญจะหอบหนีไปแล้ว”
“เข็มว่าพี่ขวัญยังมีชีวิตอยู่ แต่สืบจากประชาต่อไปคงไม่ได้อะไร เพราะหมอนั่นก็ดูไม่รู้เหมือนกัน เข็มคงต้องถอยกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่”
วันต่อมา ประชาเดินหิ้วถุงแบรนด์เนมหน้าตายิ้มแย้มอารมณ์ดี อึ่ง กุ้ง มองซุบซิบกัน
“ข่าวที่ว่าผู้จัดการมีแฟนแล้วท่าจะจริงว่ะ ดูอารมณ์ดี๊ดีไม่ทำหน้ายักษ์ทั้งวี่ทั้งวันเหมือนแต่ก่อน”
“แกรู้มั้ยว่าเป็นใคร”
“ถ้าฉันรู้ ไม่รอให้แกมาถามหรอก หูย ซื้อของมีแบรนด์ให้ด้วย ลงทุนน่าดู หมั่นไส้พวกบ้าวัตถุ”
“แล้วแกไม่ชอบหรือ”
“ชอบ ถึงได้อิจฉาไง มีไรปะ”
อึ่งเดินเชิดไป กุ้งค้อนใส่
ห้องทำงานประชา ประชาคุยโทรศัพท์กับเขมิกา
“วันนี้ขวัญไม่มาสปาหรือ”
“คงไม่อ่ะ ฉันต้องซ่อมเครื่องทำน้ำอุ่นให้คุณนนท์”
เขมิกาแอบคุยโทรศัพท์อยู่ข้างตึก สายตาระแวดระวังกลัวคนเห็น
“แล้วพรุ่งนี้ล่ะ ออกมาเจอกันหน่อยได้มั้ย”
“พรุ่งนี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ฉันต้องอยู่จ่ายเงินเดือนให้คนงานที่บ้าน”
“ขวัญไม่ได้มาสปาหลายวันแล้วนะ พี่แทบไม่ได้เห็นหน้าขวัญเลย พี่คิดถึงขวัญจะบ้าอยู่แล้ว”
“ก็ไอ้บ้าชานนท์นะสิ คอยตามติดฉันเป็นปาท่องโก๋ฉันจะแยกตัวไปไหนไม่ได้เลย น่ารำคาญเป็นบ้า เอางี้นะ ให้ฉันหาโอกาสเหมาะๆ ได้ก่อน จะนัดพี่ออกมาเจอกัน”
ประชาตัดสาย โกรธจัดปัดถุงบนโต๊ะทิ้ง
“ไอ้ชานนท์ มึงจะเป็นมารความรักของกูไปถึงไหน”
เขมิกากำลังเดินไปหน้าตึก เจอมณฑาถือตะกร้าเปล่าเดินตรงมา มณฑายิ้มให้แกล้งเป็นมิตร
“คุณผู้หญิงมาทำอะไรอยู่แถวนี้หรือคะ”
“เห็นแป้นบอกว่าช่วงนี้ดอกไม้ออกดอกกันพรึ่บพรั่บก็เลยลงมาเชยชมก่อนที่มันจะเหี่ยว”
“ฉันก็จะมาตัดไปปักแจกันให้คุณหนูเหมือนกันค่ะ”
“ตามสบายนะฮะ”
เขมิกาพยักหน้าจะเดินไป
“ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณผู้หญิงเลย ที่ช่วยฝึกเดินให้คุณหนูแล้วยังช่วยพูดกับคุณผู้ชายให้ฉันได้กลับมาอีกด้วย”
เขมิกาเชื่อว่ามณฑาไม่คิดแค้นแล้ว
“โลกข้างนอกทุกวันนี้ก็ต้องต่อสู้กันจนเหนื่อยพอแล้ว กลับมาบ้านยังต้องมากัดกันอีก ไม่ไหวหรอกฮะ เกลียดกันให้น้อยๆ รักกันให้มากขึ้นfeel good ออกจะตาย”
มือถือเขมิกาดัง เขมิกาดูชื่อเป็นจรรยา
“ว่าไงจรรยา ว่าง ว่ามาเลย”
เขมิกาพยักหน้าเชิงขอตัวแล้วรีบเดินคุยโทรศัพท์ไป มณฑาจ้องเขมิกาแบบเกลียดชัง
มณฑาหิ้วตะกร้าใส่ดอกกุหลาบเข้ามาในห้องแววนิล แววนิลรีบลุกจากเตียง แต่มือยังเกาะขอบเตียงไว้ มณฑารีบเข้าประคอง
“ระวังหน่อยสิคะคุณหนู อย่าลุกพรวดพราดเร็วอย่างนี้ ขาของคุณหนูยังไม่แข็งแรงเต็มร้อยนะคะ”
“นิลใจร้อนอยากคุยกับนมเร็วๆ นมคิดออกหรือยังว่านิลควรซื้ออะไรให้พี่นนท์ดี”
“คิดออกแล้วค่ะ”
“อะไรคะ เราจะได้รีบไปซื้อกัน”
“ไม่ใช่สิ่งของค่ะ”
แววนิลแปลกใจ
ชานนท์เงยหน้าจากเอกสาร
“จะจัดงานวันเกิดให้พี่หรือ สิ้นเปลืองเปล่าๆ นิล”
แววนิลยืนเกาะแขนมณฑาอยู่หน้าโต๊ะทำงานชานนท์
“น้องจะใช้เงินของน้องเองค่ะ จะไม่รบกวนพี่นนท์สักบาท”
“พี่ไม่ได้ห่วงว่าจะเป็นเงินของใคร แต่พี่ไม่อยากรบกวนคนอื่น ลองคิดดูนะจัดงานเลี้ยงแต่ละที คนงานเราก็ต้องเหนื่อยขึ้นแขกมางานก็ต้องซื้อของขวัญให้พี่ ถึงจะบอกว่าไม่ต้อง เขาก็ต้องซื้อมาตามมารยาท”
“แต่น้องอยากทำอะไรพิเศษเพื่อพี่นนท์นี่คะ”
“เอาแค่ทานข้าวกันเองในครอบครัว ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าก็พิเศษสำหรับพี่แล้ว”
แววนิลมองมณฑา
“ก็ดีนะคะคุณหนู อบอุ่นเป็นกันเองดี แต่เราน่าจะเชิญแขกสักคนสองคนที่สนิทกับคุณผู้ชายมากๆ ไม่เชิญเลยจะน่าเกลียด”
“ใครหรือคะ เพื่อนซี้พี่นนท์ก็อยู่เมืองนอกกันทั้งนั้น”
“เท่าที่นมนึกออกก็ผู้จัดการประชาไงคะ”
แววนิลเบ้ปากไม่ค่อยชอบขี้หน้าประชา
“ผมเห็นด้วยครับ ขอบคุณคุณนมที่ช่วยเตือน”
“งั้นน้องลิสรายการอาหารเลยนะคะ พี่นนท์อยากกินอะไรบอกน้องมาได้เลย น้องจะเป็นแม่งานเอง”
ชานนท์ยิ้มแย้ม ลุกเดินไปประคองนิล
“ไปนั่งคุยกันตรงโน้นดีกว่า ของที่พี่ชอบยาวเป็นหางว่าว รับรองเงินเก็บเราไม่เหลือหลอแน่”
ชานนท์พาแววนิลเดินไป
“เงินหมดน้องก็มาไถจากพี่นนท์ได้”
พี่น้องหัวเราะกันน่ารัก มณฑามองตามยิ้มร้ายที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
จรรยายืนรอมองนาฬิกาไปด้วย เขมิกาเดินผ่านประตูเข้ามาเห็นจรรยา
“จรรยา”
จรรยารีบเดินไปหา
“ช้าจัง”
“ถ้ามุดท่อมาโผล่ที่นี่ได้เลย ฉันมุดมาแล้ว เรียกฉันออกมามีอะไร เห็นว่าสำคัญนักสำคัญหนา”
จรรยาจูงมือเขมิกา
“ไปซื้อของขวัญกัน”
เขมิกายั้งตัวไว้
“ซื้อให้ใคร”
“ฉันว่าแล้ว เธอต้องจำไม่ได้แหงๆ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดเจ้านายไงเธอต้องซื้อของขวัญไปเบิร์ดเดย์สามีที่แสนดีของเธอ”
“โอ๊ย ฉันไม่เคยซื้อของขวัญให้ผู้ชายหรอก เลือกไม่เป็น”
“ฉันเลือกให้เอง รับรองคุณชานนท์ต้องปลื้ม”
จรรยาดึงมือเขมิกาไป
แผนกเสื้อผ้าบุรุษภายในห้อง ปรียากำลังยืนเลือกเนคไท
“สีนี้ผู้ชายจะชอบมั้ยคะ”
ปรียาหันมาถามโยธิน
“ไม่แก่ไปหน่อยหรือครับ” โยธินหยิบอีกอัน “สำหรับผมนะสีนี้ดูแจ่มกว่า ค่อยเป็นวัยรุ่นหน่อย”
“พี่นนท์ไม่ชอบสีฉูดฉาดหรอกค่ะ เขาชอบแบบขรึมๆ”
“ลืมไปว่าซื้อให้แฟน ไม่ใช่ผม”
“ไม่เหมาะกับคุณหรอก เทรนด์สาวๆ ช่วงนี้กำลังฮิตผ้าคลุมไหล่ กันแอร์ก็ได้ กันแดดก็ดี ผูกเป็นผ้าคาดผมก็เก๋”
โยธินรีบผสมโรงกรีดนิ้วดัดเสียง
“ว้าว แฟชั่นเป๊ะนะหล่อน เดี๋ยวต้องสอยมาสักผืน เหมาะกับหนังหน้าอย่างคุณเพื่อนโยม้าก”
ปรียาหัวเราะดูมีความสุขเวลาอยู่กับโยธิน
เจ้าสาวสลาตัน ตอนที่ 9 (ต่อ)
อีกมุมห่างออกไป จรรยากับเขมิกาเดินกันมา เขมิกามองนั่นนี่ไม่ได้มองไปทางปรียา
“จะซื้อเสื้อผ้าให้คุณสามีฉันหรือ พวกนี้เขามีเต็มตู้”
“ไม่ใช่แผนกนี้ ต้องขึ้นไปอีกชั้น”
จรรยาหันไปเห็นปรียากำลังยิ้มแย้มกับโยธิน หยุดเดินทันที จรรยายืนจ้องไม่พอใจ
“เชอะ ต่อหน้าคุณชานนท์ทำแอ๊บเป็นนางงามโลกสวย แต่ลับหลังระริกระรี้กับผู้ชายคนอื่น”
เขมิกาหันมา
“หมายถึงใครหรือ”
“ก็แม่ปิรันย่า จอมเขมือบผัวชาวบ้านไง” เขมิกามองตามเห็นปรียา แต่ไม่เห็นหน้าโยธินเพราะโยธินหันหลังให้ “แบบนี้มันต้องฉีกหน้ากากกันหน่อย จะได้ไม่กล้ามาแทะเล็มคุณชานนท์เป็นอาหารเสริมอีก”
จรรยาตรงดิ่งไปทางปรียา
“นี่อย่าไปยุ่งเลยน่า ยัยจรรยานี่ยังไงนะ สงสัยจะรักพี่ขวัญเอามากๆ หึงแทน หวงแทนยิ่งกว่าเราซะอีก”
เขมิการีบตาม ไม่อยากให้มีเรื่องกัน
ปรียาส่งเนคไทให้พนักงาน
“ช่วยห่อเป็นของขวัญด้วยค่ะอย่าลืมดึงป้ายราคาออกด้วยนะคะ”
พนักงานเดินออกไป จรรยาเดินเข้ามามองหน้าโยธิน
“คนนี้เอาไว้ควงวันคู่หรือวันคี่คะคุณปรียา”
โยธินงง ปรียาหันมาเห็นจรรยา ตกใจเล็กน้อย
“ช่วยระวังคำพูดของคุณหน่อยนะคะ”
“ถ้าคุณเป็นแฟนของเธอ ช่วยตักเตือนเธอหน่อยว่า กรุณาอย่ามาเป็นมือที่สามในครอบครัวเพื่อนฉัน” จรรยาบอกโยธิน แล้วหันมาพูดกับปรียา “ช่วยท่องจำไว้ด้วยคุณชานนท์เป็นของหวงไม่ใช่ขนมเค้กที่จะตัดแบ่งให้ใครกินก็ได้”
โยธินรีบสวมวิญญาณกะเทยเพื่อช่วยปรียา
“ต๊าย ใครปล่อยนังหอยเสียบปากอ้า ออกมาโชว์โง่แถวนี้ช่วยเบิกตาตุ่มแกด้วยนะยะว่าฉันนะเป็นแฟนปรียาได้หรือเปล่า”
จรรยาตกใจที่เข้าใจผิดว่าเป็นผู้ชาย
“คุณ! เป็นตุ๊ดตู่”
“ตั้งแต่หลุดออกมาจากท้องพ่อท้องแม่เลยย่ะ แล้วรู้ไว้เสียด้วยว่าเพื่อนเลิฟของฉันคนนี้ไม่ได้แย่งขนมเค้กของใคร เขารักคุณชานนท์ด้วยใจจริง” จรรยาโมโห
“คุณเป็นคนนอกอย่ามาสู่รู้ คุณชานนท์รักขวัญ ขวัญก็รักคุณชานนท์ สองคนเขารักกันสุดหัวใจ เพื่อนคุณมันแมวขโมย”
“แล้วหล่อนนอนใต้เตียงเพื่อนหรือไงยะถึงรู้ว่าผัวเมียเขารักกันเพื่อนเธอไม่ได้รักคุณชานนท์ อย่ามาจิ้นมั่ว”
จรรยาโกรธจัด เงื้อมือ
“แกนั่นแหละพูดมั่วๆ นังหน้าด้าน”
จรรยาจะตบ โยธินเงื้อมือบ้าง
“มาสิมา แม่ก็มือตบอันดับหนึ่งของประเทศเหมือนกัน”
ปรียารีบดึงมือโยธิน
“อย่าค่ะอายเขา”
เขมิการีบวิ่งเข้ามาดึงมือจรรยา
“พอแล้วจรรยา อยากขึ้นยูทูปได้ดังข้ามคืนหรือไง”
โยธินตกใจเห็นเขมิกา เขมิกาหันมาเห็นโยธินจะอ้าปากเรียกเฮียแต่ยั้งไว้ทัน โยธินกลัวโดนเขมิกาเล่นงานที่รู้จักกับปรียาแล้วปิดไว้ โยธินรีบปิดๆ หน้าตัวเอง แต่ยังดัดเสียงเป็นกะเทยอยู่
“รีบไปดีกว่าฮ้า ลืมไปว่ามีนัดตบนม เดี๋ยวโดนลัดคิว”
โยธินบังๆ หน้าไม่ยอมมองหน้าเขมิการีบดึงปรียาไปทันที เขมิกาช็อกมากที่เห็นโยธินเป็นกะเทย
“นึกว่าเป็นแฟนของปรียา ที่แท้ก็อีแอบ ถ้าเธอมาช้ากว่านี้นะเป็นได้ตบกันกลางห้างแล้ว”
เขมิกาพูดไม่ออกมัวแต่คิดไปมาว่าโยธินทำบ้าอะไรแบบนี้
ประชาดูกระเป๋าสะพายที่ซื้อให้เขมิกา ชานนท์เปิดประตูเข้ามา ประชาตกใจรีบเอากระเป๋าใส่ถุง ลุกยืนต้อนรับชานนท์ ชานนท์มองถุงบนแบรนด์เนมบนโต๊ะ อมยิ้ม
“ซื้อของให้แฟนหรือ”
ประชามีพิรุธ
“ครับ อยากเอาใจเขาหน่อย”
“ผู้หญิงชอบของสวยๆ งามๆ กันทั้งนั้น ถ้าได้จากแฟนยิ่งดีใจยกเว้นอยู่คนหนึ่ง ภรรยาผม ไม่เอาเลยของพวกนี้”
“บางทีเขาอาจอยากได้จากคนที่เขารักก็ได้นะครับ” ชานนท์งงที่ประชาพูดแบบนี้ ประชารีบแก้ตัว “ผมหมายถึงคุณชานนท์เป็นคนที่คุณขวัญรัก ซื้ออะไรให้เขาก็คงชอบหมดแหละครับ” ชานนท์ยิ้ม
“ผมก็ว่าอย่างนั้น ผู้หญิงบางทีก็ปากแข็ง ผมเกือบลืมจะเข้ามาบอกคุณว่า พรุ่งนี้เชิญทานข้าวเย็นที่บ้านนะ”
“มีอะไรพิเศษหรือครับ”
“นิลเขาอยากเลี้ยงวันเกิดผม ก็ไม่ได้จัดงานอะไรหรอก แค่ทานข้าวกันเองภายใน ไม่ต้องซื้อของขวัญนะ แค่พาแฟนมาก็พอบอกตามตรงว่าอยากรู้จักน้องสะใภ้ พามาให้ได้ล่ะ”
ประชามองที่ถุง
“ครับ ผมไปแน่”
ชานนท์ยิ้มพยักหน้า
เย็นวันต่อมาเขมิกาโทรศัพท์หาโยธิน สัญญาณโทรติด แต่ไม่มีคนรับสาย
โยธินยืนมองมือถือบนโต๊ะ ยื่นมือไปแต่หดกลับ
“ขืนรับ ต้องโดนซักฟอกเรื่องปรียาแน่”
โยธินหวาดเสียวไม่กล้ารับ ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มาดึงแบตเตอรี่ออก สัญญาณมือถือโยธินเงียบไป เขมิกาโวย
“เฮียคิดหลบเข็มหรือ ปิดเครื่องหนีทำไม” เขมิกาหงุดหงิด หันไปทางประตูบ้านพักตะโกนถาม “เสร็จหรือยัง ทำไมนานนักล่ะ”
ไม่มีเสียงตอบ เขมิกาเลยเดินเข้าไป ในห้องว่างเปล่า เม่นไม่อยู่แล้ว
“อ้าว เจ้าเม่นไปไหนแล้ว”
ที่สวนหย่อมหน้าตึก ตั้งโต๊ะเครื่องดื่มมีร่มคันใหญ่กาง และมีพวกโมบายห้อยประดับกับร่ม นิลยืนเกาะแขนมณฑามองแป้นกับโย่ง จัดวางอาหาร
“อาหารลงครบหรือยัง”
“ยังคะ ยังขาดต้มยำกุ้งใหญ่ จะรอเสิร์ฟตอนทานแบบร้อนๆ”
“ไอ้โย่ง ทำไมช้อนกลางไม่มี”
“ชะอุ๊ย ลืมครับ”
“พวกมารยาททางสังคมบกพร่อง สอนกรอกหูเช้าเย็นไม่เคยจำ รีบไปเอามาเดี๋ยวนี้”
โย่งเดินไป แววนิลมองสำรวจอาหาร
“ทำไมชุดนี้ไม่มีมะม่วงหิมพานต์ ฉันสั่งให้ทำ 3 ชุดไม่ใช่หรือ ขาดไปไหนหนึ่ง แกอมไปใช่มั้ยนังแป้น”
“เปล่านะคะ หนูก็วางครบ 3 ชุดแล้วนี่คะ แล้วทำไม... ว้าย!”
แป้นร้องตกใจ เพราะที่ใต้โต๊ะ เม่นมุดออกมาตรงที่แป้นยืน ในมือถือจานเม็ดมะม่วง ปากยังเคี้ยวไม่หยุด
“ไอ้เม่น แกนี่เอง ขโมยกินของๆ ฉันหรือ ไอ้ตะกละ แป้น ไล่มันไปให้พ้นหน้าฉัน”
แป้นจับแขนเม่น เขมิการีบวิ่งเข้ามาหาเม่น
“เม่น มาอยู่นี่เอง จะมาก็ไม่ยอมบอก พี่ก็รอไปเถอะ”
“ผมพูดกับพี่นางฟ้าไม่ได้ เพราะพี่นางฟ้ากำลังคุยกับโทสับอยู่”
มณฑามองเขมิกา
“คุณผู้หญิงพามันมาหรือคะ”
“ฉันเป็นคนให้ขวัญพามาเอง”
ทุกคนหันไปทางเสียง ชานนท์เดินเข้ามา เม่นรีบวิ่งไปหาชานนท์เกาะแขนแน่น แววนิลกับมณฑามองเม่นแบบรังเกียจ
ชานนท์ส่งน้ำอัดลมกระป๋องให้เม่น เม่นดีใจรับมา
“จำไว้ อย่าไปอยู่ใกล้คุณนิล เธอไม่ค่อยสบายก็เลยอารมณ์ไม่ดี”
“แม่ก็ไม่สบายด้วยใช่เปล่า” เม่นถามซื่อๆ ชานนท์กับเขมิกามองหน้ากัน
“แม่เม่นเขาเป็นคนขี้บ่น ก็โดนบ่นกันถ้วนหน้า พี่แป้น พี่โย่ง ก็โดนหมด”
“แม่เป็นวัยทอง ทีวีบอกผู้หญิงอายุเยอะๆ เป็นวัยทอง เป็นลูกต้องไม่โกรธแม่ ต้องอดทน”
เขมิกากับชานนท์ขำออกมาพร้อมกัน
“ถูก แม่เขาเป็นวัยทองอย่าไปถือสา”
โย่งเดินเข้ามาหาชานนท์
“ผู้จัดการมาแล้วครับ”
“ดูแลเม่นด้วยนะ” ชานนท์สั่งโย่ง
“ครับคุณผู้ชาย”
“วันนี้ประชาจะพาแฟนมาเปิดตัว” ชานนท์บอกเขมิกา เขมิกางง
“แฟนหรือฮะ”
“ไปรู้จักกันไว้ ฉันก็เพิ่งเจอวันนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน”
ชานนท์จูงมือเขมิกา เขมิกาตามชานนท์ไปแบบมึนตึ้บว่าแฟนคนไหน
ประชาเดินเข้ามา ชานนท์กับเขมิกาเดินมาต้อนรับ ประชาส่งกล่องใส่เป็ดย่างให้
“คุณชานนท์ห้ามซื้อของขวัญ ผมก็เลยซื้อเป็ดย่างมาร่วมสมทบด้วย”
ชานนท์รับมาส่งให้เขมิกา
“กับข้าวนิลเขาเตรียมไว้เยอะแยะ จะกินยังไงหมดเนี่ย” ชานนท์มองหาแฟนประชา “ไหนล่ะคนที่บอกว่าจะพามาด้วย”
ประชามองหน้าเขมิกา
“เขาเกิดมีธุระกะทันหันครับเลยมาไม่ได้”
“น่าเสียดาย ไม่เป็นไรไว้โอกาสหน้ายังมี ไปนั่งคุยที่โต๊ะกันก่อน”
“ฉันจะเอาไปให้แป้นใส่จาน”
เขมิกาเดินไป ชานนท์พาประชาเดินไปที่โต๊ะอาหาร ห่างออกมา มณฑามองประชาที มองเขมิกาทีแล้วยิ้มร้ายๆ
แววนิลนั่งที่เก้าอี้ห่างจากมุมเครื่องดื่มไม่กี่ก้าว แววนิลหิวน้ำตัดสินใจลุกยืนแล้วค่อยๆ เดินช้าๆ ด้วยตัวเองไป พอไปถึงโต๊ะเครื่องดื่มจะเอื้อมมือเกาะโต๊ะไว้ แต่ขาหมดแรงเกาะพลาดจะหกล้ม เม่นเข้ามาพยุงไว้ทัน
“คุณหนูนิลระวัง”
แววนิลรีบเกาะโต๊ะไว้แน่น หันมามองเป็นเม่นอย่างรังเกียจ
“แกจะทำอะไรฉัน ปล่อยฉัน อี๊ สกปรก ไอ้ตัวเชื้อโรค”
เม่นตกใจกลัว
“เปล่าๆ ไม่ได้ทำอะไร”
แววนิลใช้อีกมือคว้าแก้วน้ำสาดใส่เม่น
“ออกไปห่างๆ ฉัน”
เขมิการีบเข้ามาจับแขนเม่น
“เม่นไปทำอะไรคุณน้องสามีฮะ ถึงต้องไล่เหมือนหมูเหมือนหมาแบบนี้”
“ก็มันเข้ามาใกล้ฉัน จับแขนฉัน ฉันกลัวว่ามันจะทำร้าย คนมันบ้าๆ บอๆ ไว้ใจได้ที่ไหน”
“เม่นไปจับแขนคุณนิลเขาทำไม เราเป็นผู้ชายเที่ยวไปโดน ตัวผู้หญิงมันไม่แมนนะเข้าใจมั้ย”
“แต่คุณหนูนิลจะหกล้ม ถ้าผมไม่ช่วยจับแขนไว้ ล้มไปก็จะเจ็บ” เม่นหันไปยกเก้าอี้ข้างตัวมาวางตรงแววนิล เขมิกากับแววนิลมองตาม “นั่งดีกว่า จะได้ไม่ล้ม”
แววนิลเห็นน้ำใจของเม่นถึงกับอึ้งไป เขมิกาซึ้งพูดกับแววนิล
“ชัดเจนแล้วนะฮะ ว่าคนที่คุณน้องเรียกว่าบ้าๆ บอๆ จิตใจเขาเป็นยังไง”
มณฑาเดินหน้าตื่นเข้ามาห่วงแววนิล
“มีอะไรคะคุณหนู” มณฑามองเม่น “ไอ้ตัวดีแกมาก่อเรื่องทำให้คุณหนูไม่พอใจอีกแล้วใช่มั้ย มานี่ ฉันจะหวดให้หลังลายเชียว”
เม่นรีบหลบหลังเขมิกา แววนิลดึงมณฑาไว้ทัน มณฑารีบหยุดเดินเพราะห่วงแววนิลจะล้ม
“อย่านม มันไม่ได้ทำอะไรนิล พานิลไปที่โต๊ะเถอะค่ะ”
มณฑาให้แววนิลเกาะแขนพาเดินกันไป เขมิกาหันมาทางเม่น
“พี่พูดจากใจจริงนะไอ้น้อง” เขมิกายกนิ้วโป้งให้สองนิ้ว “นายมันโคตรเจ๋งเลย”
เม่นทำนิ้วเลียนแบบบ้าง
“โคตรเจ๋ง”
ชานนท์นั่งหัวโต๊ะ เขมิกานั่งข้างขวาของชานนท์ ถัดไปเป็นเม่น แววนิลนั่งข้างซ้ายของชานนท์ติดกับมณฑา ถัดไปเป็นประชา ชานนท์กำลังหยิบของขวัญจากกล่องเป็นนาฬิกาฝังเพชรราคาแพง
“นิลใส่ให้ค่ะ”
แววนิลหยิบไปใส่ที่ข้อมือชานนท์
“ไม่เห็นต้องซื้อของแพงแบบนี้”
“สำหรับพี่ชายคนเดียวของน้อง แค่สามแสนกว่าๆ ไม่ถือว่าแพงเลย” โย่ง แป้นตาโต มณฑาภูมิใจ แววนิลมองเขมิกา “แล้วคุณพี่สะใภ้ล่ะซื้ออะไรให้พี่ชายฉัน”
เขมิกาส่งของขวัญให้ชานนท์ มองแววนิลกวนๆ
“ราคาแทบประเมินไม่ได้เลยล่ะ”
“เปิดเลยค่ะพี่นนท์ อยากรู้ว่าจะสักเท่าไหร่กันเชียว”
ขณะนั้นปรียาใส่ชุดเกาะอกสั้นดูเซ็กซี่แบบที่ไม่เคยใส่มาก่อน เดินตรงไปที่งาน ปรียามองกล่องของขวัญในมือ ยิ้มแย้มคิดว่าชานนท์ต้องชอบ
ชานนท์เปิดฝากล่องออก ชานนท์หยิบออกมาดูเป็นหุ่นยนต์สังกะสีแบบไขลาน 3 ตัว ชานนท์หน้านิ่งยังไม่แสดงอาการ
“โคตรเจ๋ง”
เม่นบอก แววนิลค้อนเม่น เม่นหัวหด
“เชื่อแล้วว่าประเมินราคาไม่ได้จริงๆ ขยะดีๆ นี่เอง”
แววนิลบอกอย่างสะใจ ชานนท์ยังไม่ยิ้ม เดินไปหยุดที่เขมิกา ชานนท์ยิ้มแบมือให้เขมิกาจับ เขมิกางงๆ แต่ก็วางมือบนมือชานนท์ ชานนท์ดึงให้เขมิกายืนแล้วดึงเธอเข้ามาหอมแก้ม เขมิกายืนตัวแข็งตีหน้าไม่ถูก ประชาหึง กำมือแน่น มณฑาเหลือบมองมือประชารู้ว่ากำลังหึง ปรียายืนมองอยู่อย่างเสียใจ
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยากได้มันมาก”
เขมิกานึกจรรยา จรรยาพาเขมิกามาที่ร้านของเล่นโบราณแล้วหยิบหุ่นยนต์สังกะสีไขลานส่งให้เขมิกา
“ไอ้เนี่ยนะ ที่เธอจะให้ฉันซื้อเป็นของขวัญ เด็กไปมั้ง”
“เชื่อสิ คุณชานนท์ต้องปลื้มปลิ่มสุดๆ ฉันเอาหัวเป็นประกัน”
“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าเขาจะชอบ”
“ขอไม่บอกได้มั้ย เอาเป็นว่าฉันรู้ก็แล้วกัน” เขมิกาไม่อยากเชื่อ
กลับมาปัจจุบัน
“มันเป็นความลับส่วนตัวที่บอกไม่ได้”
“โอเคงั้นฉันไม่ถามต่อ”
“ของเล่นนี่สำคัญยังไงหรือครับ”
“มันเป็นของเล่นชิ้นแรกที่คุณพ่อผมซื้อให้ แต่ผมทำหาย ว่าจะไปเดินหาซื้อหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปสักที”
แววนิลอิจฉาเขมิกาหันไปทางอื่น เห็นปรียายืนมองอยู่
“ปรียา ทำไมถึงเพิ่งมา พี่นนท์เริ่มเปิดของขวัญแล้วนะ”
ปรียาไม่อยากถูกเปรียบเทียบกับเขมิกา รีบซ่อนของขวัญไว้ข้างหลังก่อนเดินไปหาชานนท์
“ปรียาขอให้พี่นนท์มีความสุขนะคะ”
ปรียาเขย่งตัวหอมแก้มชานนท์แบบสายฟ้าแล่บ ชานนท์ตะลึง ทุกคนตะลึง ประชาแอบยิ้มสะใจ เขมิกามองตาค้าง ชานนท์มองมาทางเขมิกา เขมิการีบนั่งลงเบือนหน้าไปทางอื่น ชานนท์รีบสั่งแป้น
“แป้นตักข้าว เชิญทุกคนทานข้าวร่วมกันครับ”
ชานนท์โกรธปรียา เดินเลี่ยงมานั่งที่หัวโต๊ะ ปรียาวางหน้าเฉยเดินไปนั่งข้างประชา ชานนท์มองเขมิกา เขมิกานั่งนิ่ง บรรยากาศน่าอึดอัด
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้วชานนท์มองหาเขมิกาเห็นเขมิกายืนคุยกับเม่น ชานนท์จะไปหาแต่ปรียาปรี่เข้ามาขวางหน้าชานนท์
“พี่นนท์คะ ปรียามีของขวัญจะให้ค่ะ”
ชานนท์ชะงักไปหาเขมิกาไม่ได้
“ขอบใจนะ” ชานนท์รับของขวัญมา
“เปิดดูสิคะ” ชานนท์เปิดฝากล่องออก หยิบดูเป็นเนคไท “ปรียาลองผูกให้นะคะ อยากดูว่าเข้ากับพี่นนท์หรือเปล่า”
ปรียาหยิบเนคไท ชานนท์จับข้อมือไว้
“พี่จะทำยังไงให้ปรียายอมหยุด บอกพี่มาสิว่าพี่จะชดเชยปรียาได้ยังไง”
ปรียาดึงมือออก สะกดกลั้นความเสียใจ มองหน้าชานนท์
“ไม่มีอะไรทดแทนพี่นนท์ได้ ไม่มีค่ะ”
“พี่ไม่อยากเห็นปรียาทำร้ายตัวเองแบบนี้ คนที่เขาเห็นเขาจะหัวเราะและดูถูกเธอ”
“ถ้าปรียาไม่ทำแบบนี้ ปรียาคงต้องตายค่ะ ขอแค่นี้ก็ไม่ได้หรือคะ” ปรียาร้องไห้ “แค่ให้ปรียาคิดไปเองคนเดียวแบบนี้ก็ไม่ได้หรือคะ”
ชานนท์เพิ่งเข้าใจสิ่งที่ปรียาทำ สงสารมาก
“ปรียา”
ปรียาปาดน้ำตารีบเดินหนีออกจากงาน
อีกมุมหนึ่ง เขมิกาพยายามกดมือถือหาโยธิน
“เฮียนะเฮียยังไม่ยอมเปิดมือถืออีก”
เม่นยกกาแฟมาให้
“กาแฟครับพี่นางฟ้า”
เขมิกามองไปเห็นแป้นก็เดินเสิร์ฟกาแฟให้คนอื่นเหมือนกันเลยไม่ได้ถามอะไรเม่น
“ช่วยงานพี่แป้นได้แล้วนะ เก่งมาก”
เม่นยิ้มดีใจเดินอายๆ ไป เขมิกายกถ้วยกาแฟขึ้น เห็นกระดาษพับเป็นชิ้นเล็กๆ อยู่ใต้ถ้วย เขมิกาเปิดอ่าน
“เจอกันที่ห้องรับรอง ประชา”
เม่นยกกาแฟให้ประชา ประชารับมา เม่นรีบเดินไป ประชายกถ้วยจะดื่มเห็นกระดาษพับเป็นชิ้นเล็กๆ ใต้ถ้วยเหมือนกัน ประชาเบี่ยงตัวหลบๆ คน เปิดอ่าน
“เจอกันที่ห้องรับรอง ขวัญตา”
ประชากวาดตาหาเขมิกา ไม่เห็นเขมิกาแล้ว ประชารีบเลี่ยงออกไป
มณฑายืนมองประชาแล้วหันไปทางเม่น ที่ยืนกลัวๆ อยู่
“ถ้าแกบอกใครว่าฉันเป็นคนสั่งให้ยกกาแฟไปให้มันสองคนฉันจะพาแกไปหาหมอฟัน เลาะฟันแกออกให้หมดปาก”
เม่นรีบปิดปากแน่น โบกมือเสียงอู้อี้
“ไม่บอก เม่นไม่บอกใคร”
มณฑายิ้มร้ายๆ
ที่ห้องรับรอง ประชาส่งถุงใส่กระเป๋าราคาแพงให้เขมิกา เขมิกามองแปลกใจ
“รับไปสิ พี่ซื้อให้ กระเป๋าแบรนด์นี้ขวัญเคยชอบมาก แต่สมัยก่อนพี่รายได้น้อยก็เลยไม่มีปัญญาซื้อให้”
เขมิการับมามองในถุง
“มันแพงหรือ”
“ก็ครึ่งแสนได้” เขมิกาตกใจ
“โหย มันหิ้วแล้วลอยได้หรือไง ขวัญตาคนเก่าเนี่ยไม่ไหวจะเคลียร์ วัตถุนิยมเว่อร์” เขมิกาส่งคืนประชา “พี่เอาไปคืนเถอะ แล้วเก็บเงินไว้สร้างเนื้อสร้างตัวดีกว่า”
ประชาประทับใจเขมิกา
“ขวัญห่วงพี่หรือ” เขมิกาอึกอัก ประชากอดเขมิกาทันที “เธอเปลี่ยนไปมาก มิน่าตอนนี้ไอ้ชานนท์มันถึงรักเธอหัวปักหัวปำ จนพี่เห็นแล้วแทบทนไม่ได้ อยากจะประกาศให้มันรู้ว่าขวัญเป็นแฟนพี่”
เขมิกาตกใจดันประชาออก
“อย่านะ พูดไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่อยากเห็นเขาฆ่าพี่ ที่พี่ส่งจดหมายมานัดฉัน ก็เสี่ยงพอแล้ว”
ประชาแปลกใจ
“พี่ส่งจดหมายนัดเธอ”
“อย่าไปใช้อะไรเม่นเลย เกิดพลาดขึ้นมา เม่นจะลำบาก”
ประชาเอ๊ะใจ แต่ไม่บอกเขมิกา ต้องการหาคนทำเอง รีบบอกเขมิกา
“พี่ขอโทษที่ใจร้อนไปหน่อย งั้นเรารีบออกไปเถอะ” ประชามองถุงในมือเขมิกาแล้วจับมือเขมิกา “กระเป๋านี่ไม่ต้องคืนพี่ พี่อยากให้ขวัญเห็นว่าพี่ให้ขวัญได้ทุกอย่างไม่แพ้ไอ้ชานนท์”
ที่ชั้นวางหนังสือมีกล้องวีดีโอซ่อนอยู่รวมกับหนังสือ ไฟสีแดงแสดงการบันทึก
เขมิกาเดินตัวเปล่าตรงมาที่มุมเครื่องดื่ม มณฑายืนเล็งอยู่ แล้วหันไปทางหน้าตึกเห็นประชาเดินออกมาทีหลัง
มณฑาเลี่ยงออกจากบริเวณสวนหย่อมทันที
เขมิกายกน้ำดื่ม ชานนท์เดินเข้ามาหา
“หายไปไหนมา”
เขมิกาสะดุ้งนิดหนึ่ง
“ฉัน ไปปล่อยของเสียออกจากตัวมา”
“คิดว่าหึงฉันเลยหนีไปโดดตึกซะแล้ว”
“หลงตัวเองไปเปล่าคุณสามี อย่างฉันเนี่ยนะไม่คิดจะตายเพราะความรักหรอก ผู้ชายเหมือนแมลงวันแมลงวี่ บินตอมไปตอมมาน่ารำคาญ”
“แมลงวันน่ะมันชอบตอมของเหม็นนะ” เขมิกาโดนแซว ชกหมัดใส่ต้นแขนชานนท์ “โอ๊ย”
“พูดจาให้มันเข้าหูหน่อย ไม่งั้นจะโดนหนักกว่านี้”
“โหด”
“ก็เป็นงี้แหละ อยากได้ที่มันนุ่มนิ่มอ่อนหวานน่าทะนุถนอมต้องไปหาแบบปรียาโน่น”
ชานนท์มองตามยิ้มๆ โอบเอวเขมิกา
“ไม่เอา ฉันชอบของแปลก เอาไปออกงานวัดตอนตกอับได้”
เขมิกาฉุนจะกระทุ้งศอกใส่เอวชานนท์อีก ชานนท์รู้ทันจับศอกเขมิกาไว้แล้วรวบเอวมากอด เขมิกามตกใจดิ้น
“เล่นไรเนี่ย”
“ไม่ได้เล่น แต่กอดจริง จำไว้ถ้าทำทารุณกรรมสามีอีก จะต้องถูกลงโทษแบบนี้”
ชานนท์จะจุ๊บแก้มเขมิกาอย่างที่ชอบทำ คราวนี้เขมิกาก็รู้ทัน บีบจมูกชานนท์
“โอ๊ย” ชานนท์รีบดึงตัวออก ปล่อยเขมิกา “ยัยตัวร้าย”
“ฉันไม่ใช่แม่นางเอกในละคร โดนหอมนิดหอมหน่อยก็อ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งในอ้อมแขนของพระเอก ตลก”
ชานนท์ยื่นหน้าไปจูบเขมิกา เขมิกาตาค้าง ชานนท์จูบนิ่งนาน เขมิกาตาปริบๆ สองที ชานนท์ถอนปากออก
เขมิกาหมดแรงอ่อนระทวยในอ้อมแขนชานนท์เหมือนจะเป็นลม ชานนท์หัวเราะขำ
“เมื่อกี้ใครคุยว่าไม่ใช่นางเอกในละคร”
เขมิกาอายรีบดันชานนท์ออก ตีหน้าไม่ถูก
“พี่นนท์คะ” ชานนท์กับเขมิกาหันไปทางเสียง แววนิลเดินเองใช้กิ่งไม้พยุงตัว “เห็นนมมั้ยคะ”
มณฑาเดินเข้ามาในห้องรับรองตรงดิ่งไปที่ชั้นวางหนังสือ มณฑาแหวกหนังสือแต่ไม่มีกล้องวิดีโอแล้ว มณฑาตกใจว่าหายไปได้ไง
ที่สนามหญ้า เม่นเขย่ากล้องวิดีโอเพราะคิดว่าเสีย แต่มีมือมากระชากกล้องไป เม่นหันไปมองเห็นมณฑายืนหน้าบึ้ง
“แกนี่มันตัวหายนะจริงๆ แผนฉันเกือบเสียก็เพราะแก” มณฑาหยิกเม่นแรงๆ “เคยทำประโยชน์ได้บ้างมั้ย นอกจากนอนกับกิน”
เม่นเจ็บร้องลั่น
“โอ๊ย เจ็บแม่ เจ็บ”
ชานนท์ประคองแววนิลเข้ามา เขมิกา โย่ง เดินตาม
“พอแล้วครับคุณนม ไม่เห็นต้องลงมือลงไม้เลย พูดกันดีๆ เม่นมันก็เข้าใจ”
โย่งเห็นกล้องในมือมณฑา
“นี่มันกล้องของคุณนมหรือครับ เห็นเม่นมันถืออยู่”
เม่นรีบวิ่งไปหลบหลังเขมิกา
“มันเอากล้องวิดีโอของคุณหนูไปเล่น ดีที่นมมาเห็นทัน ไม่งั้นถ้ามันเล่นจนพัง คุณผู้ชายคงอดดูของดีๆ”
ทุกคนแปลกใจ
“ของดีๆ ในวิดีโอมีอะไรให้ดูหรือคะ”
มณฑาเดินไปส่งให้ชานนท์
“คุณผู้ชายเปิดดูก็จะรู้เองค่ะ”
มณฑายิ้มเยาะมองเขมิกา ชานนท์ยังลังเล
“รีบเปิดสิคะพี่นนท์ น้องอยากดู”
ชานนท์กดปุ่มเล่น หน้าจอไม่มีสัญญาณภาพมาขึ้นแต่ตัวหนังสือหน้าจอว่า “no memory” ชานนท์เงยหน้าบอกมณฑา
“หน้าจอขึ้นว่าไม่มีเมมโมรี่การ์ด คุณนมลืมใส่หรือครับ” มณฑาตกใจ
“เป็นไปไม่ได้” มณฑาดึงกล้องวิดีโอไป เปิดช่องเสียบ ไม่มีเมมโมรี่การ์ดจริงๆ “มันหายไปไหน” มณฑามองเม่น “แก ไอ้เม่น แกเอาไปใช่มั้ย เอามาคืนฉัน เอามา” มณฑาจะเข้าไปตีเม่นอีก
“เม่นเปล่า”
เขมิกากันเม่นไม่ให้มณฑาตีได้
“ในวิดีโอนั่นมีอะไร สำคัญมากหรือฮะ”
มณฑาจะอ้าปากบอกแต่เปลี่ยนใจกลัวชานนท์ไม่เชื่อ แล้วไล่ตัวเองออกจากบ้านอีก
“คือ มันเป็นวิดีโอตอนเด็กของคุณหนู นมเห็นว่าน่ารักดี เลยอยากให้คุณผู้ชายได้ดู สงสัยเจ้าเม่นคงเอาไปเล่นแล้วทำหาย”
เม่นกลัวไม่กล้าพูด ไม่กล้ามองมณฑา
“ผมก็นึกว่าเรื่องคอขาดบาดตายอะไร ผมว่าคงหล่นอยู่แถวนี้ โย่งลองหาดูให้ทั่วบริเวณนี้นะ เจอแล้วเอาไปให้ฉัน”
“ครับคุณผู้ชาย โย่งจะเอ็กซเรย์ให้ทั่วไม่ให้ลอดสายตาไปได้”
ชานนท์กับคนอื่นเดินออกไปเหลือแต่มณฑากับโย่ง โย่งก้มๆ หา มณฑาเสียงแข็ง ผลักโย่งออก
“แกไม่ต้อง จะไปไหนก็ไป ฉันหาเอง”
โย่งบ่นขมุบขมิบแล้วเดินไป มณฑารีบก้มมองหญ้า
มณฑานั่งแหวกหญ้าหาเมมโมรี่การ์ด ขาผู้ชายเดินเข้ามาตรงหน้ามณฑา มณฑาเงยหน้ามองเห็นประชายืนค้ำหัว แบมือให้มณฑาดูเมมโมรี่การ์ด
“หาไอ้นี่อยู่ใช่มั้ยครับ”
มณฑาตกใจ รีบลุกยืน
“คุณเอาไปได้ยังไง” ประชายิ้ม
“ผมคงโชคดีกว่าคุณมณฑามั้งครับ”
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ประชาเดินครุ่นคิดเรื่องจดหมายปริศนา
“ฝีมือใครเขียนวะ”
เม่นถือกล้องวิดีโอเดินผ่านประชาไป ตาก็ก้มมองกล้องพลิกไปพลิกมาอย่างสนใจ โย่งเดินเข้ามา ประชารีบหลบดู
“เฮ้ยไอ้เม่น แกไปเอากล้องมาจากไหน”
เม่นชี้ไปทางห้องรับรอง
“เอามาจากห้องโน้น เห็นมีไฟสีแดงกระพริบด้วย แต่ไฟหายไปละ” ประชาตกใจ
“กล้องมันจะไปอยู่ในห้องรับรองได้ยังไง แกไปขโมยของใครมา บอกมาซะดีๆ”
“หยิบมาเฉยๆ ไม่ได้ขโมย พี่โย่งขี้ตู่จะแย่งไว้เอง ไม่ให้ๆ”
เม่นวิ่งหนีออกไปนอกตึก โย่งจะไล่ตาม แป้นวิ่งเข้ามา
“ไอ้โย่งมัวทำบ้าอะไรอยู่ คุณผู้ชายเรียกหาผลไม้แล้ว ไปช่วยกันยกเร็วๆ” โย่งจะอ้าปากบอก แป้นดึงโย่ง “ไม่ต้องคิดอู้กินแรงฉัน ไปเร็วๆ”
แป้นดึงโย่งไป ประชาเดินออกมา รีบตามเม่นไป
เม่นกดกล้องมั่วๆ ประชาเดินตามมา
“กล้องมันเสียหรือ ฉันช่วยเปิดให้เอามั้ย”
ประชาแบมือขอ เม่นมองชั่งใจ
“ดีๆ เม่นจะได้เอาไปถ่ายคุณผู้ชายกับพี่นางฟ้า”
เม่นส่งให้ ประชาดึงเมมโมรี่ออก ยัดใส่กระเป๋ากางเกงไม่ให้เม่นเห็น ประชาส่งกล้องคืน
“ฉันว่ากล้องมันเสียแล้วมั้ง คงถ่ายไม่ได้หรอก”
ปัจจุบัน ประชามองหน้ามณฑายิ้มๆ เชือดนิ่มๆ
“ผมน่าจะเรียนให้คุณมณฑาทราบก่อนว่ามันอยู่กับผม จะได้ไม่หน้าแตกต่อหน้าทุกคน”
มณฑาแค้นใจ
“เอาของฉันคืนมา” มณฑาเข้าไปแย่งเมมโมรี่การ์ด ประชาไม่ยอมให้ ยื้อกัน ประชาผลักมณฑาเซไป “ฉันจะบอกคุณชายว่าคุณแอบตีท้ายครัวสวมเขาให้เจ้านายตัวเอง คนที่เป็นชู้คนนั้นก็คือผู้จัดการคนสนิทนี่เอง”
“นึกหรือว่าคุณชานนท์ยังจะเชื่อคำพูดคุณมณฑาอยู่ สู้ทำให้เขามาเห็นกับตาตัวเองไม่ดีกว่าหรือ”
มณฑางง มองประชาแบบไม่เข้าใจ
ชานนท์พาเขมิกาเข้ามาในห้องพ่อแม่ เขมิกามองรูปภาพพ่อแม่ชานนท์
“คุณพ่อกับคุณแม่ผม”
ชานนท์จุดธูปส่งให้เขมิกา เขมิการับมาพนมมือไหว้ มองพ่อแม่ชานนท์แล้วรู้สึกผิดมาก
“หนูขอโทษนะคะ หนูไม่ได้คิดมาหลอกต้มตุ๋นคนในบ้านหลังนี้ พ่อหนูป่วยหนักอยากเจอหน้าพี่สาว หนูเลยต้องมาเพื่อตามหา ถ้าเจอตัวแล้วหนูจะรีบไปจากคุณชานนท์ทันที”
เขมิกาก้มหัวไหว้ แล้วส่งธูปให้ชานนท์
ประชาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น มณฑาตามเข้ามารีบปิดประตูกลัวคนเห็น ประชายืนหันหลังให้มณฑา
“ตอนนี้ไม่มีใครได้ยินแน่ รีบบอกมาว่าคุณคิดจะทำอะไร”
ประชาหันกลับมาพูดเสียงจริงจัง
“ผมกับขวัญ เรารักกันมานานแล้ว แต่ชานนท์ใช้ความเป็นเจ้านายแย่งขวัญไปจากผม ผมต้องการขวัญคืน
ลองคิดดูถ้าชานนท์เห็นผมอยู่กับขวัญด้วยตาตัวเอง เขาต้องหย่ากับขวัญแน่ ผมก็จะพาขวัญไปจากที่นี่ทันที”
ประชายิ้มเยือกเย็น
“มันก็ฟังดูดีนะ แต่คิดหรือว่าฉันจะยอมช่วย”
“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ ผมต่างหากที่กำลังจะช่วยให้คุณแววนิลไม่มีตัวหารมรดก ที่คุณมณฑาเต้นๆ อยู่นี่ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้หรือ”
มณฑาโดนจี้ใจถึงกับอึ้งไป
จบตอนที่ 9