ไฟในวายุ ตอนที่ 10 อวสาน
ภูผารีบเดินหนีสลิลเข้าไปด้านในรีสอร์ต สลิลรู้สึกผิดสังเกต จึงรีบเดินตามไปติดๆ
"คุณลุงไปคุยอะไรกับคุณป้าธรามากันแน่คะ หว้าพยายามถามมาตลอดทาง คุณลุงก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ"
"ไม่มีอะไร"
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมคุณลุงต้องทำหน้าเครียดอย่างนี้ด้วย คุณป้าธราเองก็ท่าทางแปลกๆ เหมือนกัน แล้วเรื่องละเวงที่คุณลุงบอกจะไปถามคุณป้าธรา ตกลงว่าได้เรื่องมั้ยคะ"
ภูผา พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้หงุดหงิด
"อย่าเพิ่งถามอะไรลุงตอนนี้ได้มั้ย"
ภูผาเดินหนีไป สลิลไม่หายสงสัย ตามไปเซ้าซี้ถาม
"คุณลุงรู้เรื่องละเวงแล้วใช่มั้ยคะ เกิดอะไรขึ้นกับละเวงกันแน่ คุณลุงบอกหว้ามาเถอะค่ะ"
ภูผาทนไม่ไหวเผลอตวาดออกมา
"ลุงไม่รู้อะไรทั้งนั้น เลิกจุ้นจ้านวุ่นวายเรื่องของคนอื่นซักทีเถอะลูกหว้า"
สลิลผงะไปเล็กน้อย ภูผาก็อึ้งตัวเองไปเหมือนกันที่เกรี้ยวกราดใส่หลานสาวแบบที่ไม่เคยทำ ภูผาถอนใจพรวดออกมาแล้วเดินเร็วหนีไปทันที สลิลยืนอึ้งปนตกใจ เพราะไม่เคยถูกลุงดุมาก่อน
ตอนบ่ายวันเดียวกัน วายุเดินสำรวจมาที่บริเวณบ่อน้ำบาดาลท้ายไร่ ปรากฏว่า บ่อน้ำถูกถมกลบเรียบร้อยแล้ว ห่างออกไปเห็นคนงานช่วยกันปรับพื้นที่ ตัดต้นไม้ ต้นหญ้ากันไป วายุสีหน้าไม่พอใจ เดินเข้าไปหาหัวหน้าคนงาน ถามเสียงเข้ม
"ใครสั่งให้ทำ"
หัวหน้าคนงานท่าทางกลัวๆ ดูอึกอัก ไม่กล้าตอบ วายุเดินกลับไปอย่างหัวเสียไม่รอฟังคำตอบ
ไกรกูณฑ์นั่งคิดทบทวนเรื่องต่างๆ ด้วยสีหน้าวิตกกังวล กลัวไปทุกอย่าง ทั้งกลัวความลับแตก กลัวถูกตำรวจจับ วายุเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามาหาไกรกูณฑ์ เรียกเสียงดัง
"น้อย"
ไกรกูณฑ์สะดุ้ง ท่าทางร้อนตัวนิดๆ กลัววายุรู้เรื่องละเวงกับอุศเรน
"พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่า เรื่องปรับปรุงท้ายไร่ พี่จะเป็นคนจัดการเอง ทำไมถึงขัดคำสั่งพี่ หรือว่าที่นั่นมีความลับอะไร น้อยถึงไม่อยากให้พี่ไปยุ่ง"
ไกรกูณฑ์หน้าเลิ่กลั่กไม่รู้เรื่อง
ธราเสียงดุ ดังนำเข้ามา
"ไม่มีความลับอะไรทั้งนั้นล่ะ"
สองพี่น้องหันขวับไปทางต้นเสียงพร้อมกัน ธราสีหน้าบึ้งตึงเดินเข้ามา
"ใหญ่อย่าไปดุน้อยเลย น้อยไม่รู้เรื่อง แม่เป็นสั่งคนงานให้ทำเอง แม่ก็แค่อยากแบ่งเบาภาระใหญ่บ้าง อะไรที่แม่ช่วยใหญ่ได้แม่ก็อยากช่วย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตเลย"
วายุเก็บอารมณ์ พูดกับธราอย่างใจเย็น
"แต่เรื่องนี้เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะครับคุณท่าน ว่าผมจะเป็นคนจัดการเอง"
ธราทำเป็นโกรธแล้วพูดประชด
"ใช่สิ แม่ลืมไปว่าไร่วายุกูลเป็นสิทธิ์ขาดของใหญ่คนเดียว แม่ผิดเองที่เข้ามาก้าวก่าย เอาเป็นว่าต่อไปใหญ่จะทำอะไรก็เชิญตามสบายก็แล้วกัน แม่จะไม่ยุ่ง"
วายุนิ่งไป พูดอะไรไม่ออกเพราะถึงยังไงก็ยังเคารพและเกรงใจธราอยู่บ้าง
"ไปน้อย อย่ามาอยู่ขวางหูขวางตาพี่เค้า เดี๋ยวเค้าจะรำคาญหาเรื่องเอาอีก"
ธรามองหางตาใส่วายุแบบเคืองๆ แล้วดึงตัวไกรกูณฑ์ให้เดินออกไปพร้อมกัน วายุแปลกใจที่ธราใส่อารมณ์กับเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ธราพาไกรกูณฑ์เดินห่างออกมาได้นิดหนึ่ง ไกรกูณฑ์หันไปถามแม่
"แม่ชิงถมบ่อตัดหน้ามันยังงี้ มันจะไม่ยิ่งสงสัยเหรอครับ"
"ก็ให้มันสงสัยไป ดีกว่าความแตก กว่ามันคิดจะขยับตัวทำอะไรก็ไม่ทันแล้วล่ะ เดี๋ยวตัวมันก็จะต้องกลายเป็นศพเหมือนกัน"
ธราแววตาโกรธแค้นชิงชังวายุมาก
"แม่จะทำจริงๆ เหรอครับ"
ธราดุตาขวาง
"เลิกถามแม่แบบนี้ซะทีนะน้อย เพราะน้อยก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ"
ไกรกูณฑ์สีหน้าเคร่งเครียด ไม่สบายใจ
"ผมขอออกไปข้างนอกนะครับแม่ ผมเครียด อยู่บ้านก็เหมือนถูกคุณใหญ่คอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา"
ธราพูดดักคออย่างไม่พอใจ
"น้อยจะไปไหนก็ไป แต่ห้ามไปหาแม่นวลขวัญนั่นเด็ดขาด เข้าใจมั้ย"
ไกรกูณฑ์แอบถอนใจออกมาเบาๆ แล้วเดินออกไป ธรามองตามที่ลูกไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง
เวลาต่อเนื่องมา วายุเดินคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องนอน
"คุณท่านให้คนมาถมบ่อน้ำหลังไร่ตัดหน้าเราไปนิดเดียว"
บ้านไร่สายน้ำ สลิลยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่ง
"พวกเค้าถมได้เราก็ขุดได้ ไม่เห็นยากเลยนี่คะ"
วายุสีหน้าหนักใจ
"ฉันยังไม่อยากแตกหักกับคุณท่านตอนนี้ ฉันขอเวลาดูท่าทีพวกเค้าไปก่อน"
"ระวังจะสายเกินไปนะคะ"
วายุหน้าห่อเหี่ยว
"ฉันยังไม่ตายง่ายๆ หรอก"
"หว้าว่าคุณลุงต้องรู้แน่ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับละเวง หว้าพยายามถามแล้ว แต่คุณลุงไม่ยอมบอก แถมยังดุหว้าอีก"
"วันนี้คุณท่านก็ใส่อารมณ์กับฉันอย่างไม่เคยทำมาก่อนเหมือนกัน"
"อยากรู้จริงๆ ว่าคุณลุงกับคุณป้าคุยอะไรกัน"
วายุ สีหน้าครุ่นคิดสงสัยเหมือนกัน
"เอาเป็นว่าเธอจับตาดูหมอภูเอาไว้ ส่วนฉันก็จะจับตาดูคุณท่านกับน้อย ถ้ามีอะไรผิดสังเกตรีบโทร.มาบอกฉันทันทีเลย เข้าใจมั้ย"
"ค่ะคุณใหญ่ หว้าจะจับตาดูคุณลุงไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ"
วายุฟังสลิลอีกนิดก่อนกดวางสายสีหน้าไม่สบายใจ
บ่ายแก่ๆ ไกรกูณฑ์กับนวลขวัญนั่งคุยกันอยู่ที่ร้านอาหารในเมือง นวลขวัญปั้นหน้านิ่ง ยังโกรธที่ถูกหลอกเรื่องละเวงอยู่
"ขอบคุณคุณขวัญมากนะครับที่ยอมออกมาเจอผม"
"ถ้าฉันไม่กลัวคุณเข้าไปหาฉันที่ไร่แล้วถูกแก้วยิงตาย ฉันก็ไม่ออกมาเจอคุณหรอก"
ไกรกูณฑ์ยิ้มนิดๆ
"คุณขวัญเป็นห่วงผมด้วยเหรอครับ"
นวลขวัญตอบอย่างประชด
"คุณมีอะไรก็รีบๆ พูดมาเถอะค่ะ เดี๋ยวภรรยาคุณจะตามมาด่าฉันอีก"
ไกรกูณฑ์หน้าเจื่อนไป ก่อนจะปั้นยิ้ม ใจดีสู้เสือ
"เรื่องนั้นคุณขวัญสบายใจได้ครับ ตอนนี้ละเวงไม่ได้อยู่กับผมแล้ว"
"หมายความว่ายังไงคะ คุณไล่เธอไปเหรอ"
นวลขวัญสีหน้าผิดหวัง คิดว่าไกรกูณฑ์ขับไสไล่ส่งละเวงไป เขาแก้ตัวแบบมีพิรุธ
"เปล่าครับ ผมไม่ได้ทำอะไรเธอเลย เราจากกันด้วยดี ความจริงละเวงเป็นผู้หญิงที่คุณแม่ผมเลือกให้ ผมไม่เคยนึกรักเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้หญิงคนแรกที่ผมรักก็คือคุณขวัญนะครับ"
ไกรกูณฑ์พูดพลางมองสบตานวลขวัญ พร้อมเอื้อมมือไปจับมือนวลขวัญไว้ เธอดึงมือออกไม่อยากเชื่อ
"ถ้าจะนัดฉันออกมาคุยเรื่องไร้สาระแค่นี้ ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ"
นวลขวัญลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเลย
"เดี๋ยวสิครับคุณขวัญ"
ไกรกูณฑ์วางเงินค่าอาหารไว้บนโต๊ะ ลุกตามนวลขวัญไป
นวลขวัญเดินหนีออกมาที่ลานจอดรถ ไกรกูณฑ์วิ่งตามออกมาคุยต่อ
"คุณขวัญครับ ผมไม่ได้โกหก ผมรู้สึกอย่างนั้นกับคุณขวัญจริงๆ นะครับ"
นวลขวัญหันมาจ้องหน้าไกรกูณฑ์นิ่งๆ
"ฉันขอพูดกับคุณตรงๆ เลยก็แล้วกันนะคะ เพราะต่อไปเราคงจะไม่ได้เจอกันอีก"
ไกรกูณฑ์หน้าเสียไป ที่นวลขวัญพูดจาตัดรอนเช่นนี้
"ฉันขอบคุณที่คุณรู้สึกดีๆ กับฉัน และขอบคุณที่คุณเคยช่วยชีวิตฉันไว้จากนายกษิต"
ไกรกูณฑ์อึ้งไป
"วันนั้นคุณขวัญเห็นผม แล้วทำไมคุณไม่บอกตำรวจล่ะครับ ว่าผมเป็นคนฆ่าเค้า"
"ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ และนายกษิตก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ ฉันเลยเลือกที่จะไม่บอกใคร ปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปเอง ฉันคงตอบแทนคุณได้แค่นี้"
ไกรกูณฑ์อึ้งไปเล็กน้อย
"ขอบคุณมากครับที่ช่วยปกป้องผม แล้วถ้าวันข้างหน้าคุณขวัญรู้ว่าผมทำเรื่องที่ผิดมากกว่านี้ คุณขวัญจะยังให้อภัยแล้วให้โอกาสผมอีกรึเปล่าครับ"
"ฉันตอบไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่ถ้าคุณรู้ตัวว่ากำลังทำผิด ก็หยุดซะสิคะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้"
ไกรกูณฑ์นิ่งไปอย่างคิดตาม
"ฉันไปนะคะ"
นวลขวัญเดินนำไป
"รับปากก่อนสิครับว่าคุณขวัญจะให้อภัยผม ผมจะได้มีแรงฮึดที่จะกลับตัวกลับใจใหม่"
นวลขวัญหันกลับมามองหน้าไกรกูณฑ์อีกครั้ง ไกรกูณฑ์รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
สลิลเดินตามหาภูผามารอบๆ รีสอร์ตก่อนจะเจอตัวลุงที่ยืนเหม่อ สีหน้าครุ่นคิดอยู่ที่มุมสงบมุมหนึ่งของรีสอร์ต สลิลเดินเข้ามาทางด้านหลัง แล้วหยุดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปเรียก
"คุณลุงคะ"
ภูผายืนเหม่ออยู่ ไม่ได้ยิน จนต้องเรียกซ้ำ
"คุณลุงคะ"
ภูผาได้สติ หันมา
"อ้าวลูกหว้า มีอะไร"
"หว้าจะมาตามคุณลุงไปทานข้าวเย็นค่ะ"
ภูผารู้สึกผิด ตัดสินใจพูดขอโทษ
"เรื่องเมื่อกลางวันลุงขอโทษนะ"
"คุณลุงไม่ต้องขอโทษหว้าหรอกค่ะ หว้าผิดเองที่วุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของคุณลุงมากเกินไป แต่ที่หว้าถามก็เพราะเป็นห่วงคุณลุงนะคะ"
สลิลปั้นยิ้ม เพื่อให้ลุงสบายใจ ภูผายิ้มไม่ออก ยังไม่สบายใจเรื่องที่ช่วยธราปิดบังความจริงเรื่องละเวงอยู่ สลิลลองเสี่ยงถามอีกครั้ง
"คุณลุงมีปัญหาอะไรกันแน่คะ เล่าให้หว้าฟังได้รึเปล่า เผื่อหว้าจะช่วยอะไรได้บ้าง หว้าเห็นคุณลุงกลุ้มใจแบบนี้ หว้าไม่สบายใจเลย"
ภูผามองสบตาสลิล สีหน้าลังเลใจว่าจะเล่าให้หลานสาวฟังดีหรือไม่ สลิลมองลุ้นว่าหมอภูผาจะยอมเล่ามั้ย
บ้านพักไร่วายุกูลตอนหัวค่ำ วายุคุยโทรศัพท์มือถือกับสลิล
"นี่ละเวงตายแล้วจริงๆ เหรอะ"
แม้จะเตรียมใจไว้บ้าง แต่วายุก็ยังมีสีหน้าช็อกๆ
"คุณลุงยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ยอมบอกว่ารู้มาจากไหน และเป็นฝีมือใคร"
"เรื่องนั้นเดาได้ไม่ยากหรอก"
ไกรกูณฑ์ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน วายุชะโงกมองลงไปด้านล่าง สีหน้าใช้ความคิด
"แค่นี้ก่อนนะลูกหว้า"
วายุกดตัดสาย พร้อมกับมีสีหน้าตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
ไกรกูณฑ์เดินเข้ามาในโถงบ้าน วายุปรี่เข้ากระชากคอเสื้อไกรกูณฑ์ จ้องตาเขม็ง คาดคั้น
"ละเวงตายแล้ว น้อยรู้ใช่มั้ย"
ไกรกูณฑ์ตกใจ แต่ก็ยืนกรานปฏิเสธไว้ก่อน
"ผมจะไปรู้ได้ไง"
ไกรกูณฑ์สะบัดตัวพร้อมผลักวายุออกไป โวยวายใส่อย่างท้าทาย
"ถ้าคุณใหญ่คิดว่าผมทำ ก็ไปแจ้งตำรวจมาจับผมเลยสิ"
"พี่แจ้งแน่ ถ้าน้อยไม่ยอมสารภาพความจริงทั้งหมดกับพี่ เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ แล้วน้อยฆ่าละเวงทำไม"
ไกรกูณฑ์ยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง
"ผมไม่ได้ฆ่ามัน"
วายุถามสวนไปทันที
"แล้วใครทำ"
"ผมไม่รู้ คุณใหญ่อย่ามาถามอะไรผมเลย ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ผมไม่รู้จริงๆ"
ไกรกูณฑ์ใช้สองมือกุมหัว น้ำตาคลอ วายุเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
"สารภาพความจริงมาเถอะน้อย โทษหนักจะได้เป็นเบา พี่จะหาทนายเก่งๆ มาช่วยน้อยสู้คดี พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทิ้งน้อย น้อยอย่าทำผิดมากไปกว่านี้อีกเลยนะ หยุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้"
วายุบีบบ่าน้องเบาๆ ให้รู้ว่าอยู่ข้างเดียวกัน ไกรกูณฑ์เงยหน้าขึ้นมามองสบตาวายุ เริ่มใจอ่อนกับคำพูดดีๆ ของวายุและสัมผัสที่จริงใจจากพี่ชาย
"ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วคุณใหญ่" ไกรกูณฑ์พูดน้ำตาคลอ สับสน
" ไม่จริงหรอกน้อย ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับคนที่สำนึกผิดและอยากกลับตัวหรอกนะ อย่าถลำลึกไปมากกว่านี้เลย เชื่อพี่เถอะนะน้อย หยุดทำเรื่องไม่ดีทุกอย่างซะ พี่พร้อมจะให้อภัยน้อยอยู่แล้ว น้อยอยากได้บริษัทใช่มั้ย พี่จะยกให้ ถ้ามันจะจบเรื่องทั้งหมดแล้วรักษาความสัมพันธ์พี่น้องของเราเอาไว้ได้"
ไกรกูณฑ์อึ้ง
"พี่พูดจริงๆ เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งยังทันนะน้อย อย่าให้ต้องมีความสูญเสียมากไปกว่านี้อีกเลย พี่ยอมเสียสละให้น้อยทุกอย่างตามที่น้อยต้องการ"
วายุยิ้มบางๆ ให้ไกรกูณฑ์ รู้สึกดีใจที่น้องไม่ใช่คนเลวจนกู่ไม่กลับ ที่ไม่ยอมฟังใครเลย
ธราที่อยู่ในชุดนอนแอบฟังอยู่ที่มุมบันได มีสีหน้าโกรธมากที่ไกรกูณฑ์เริ่มใจอ่อนคล้อยตามคำพูดของวายุ
เวลาหัวค่ำ ไกรกูณฑ์เดินสีหน้าใช้ความคิดกลับขึ้นห้องนอนมา ตกใจเล็กน้อยที่เห็นธรารออยู่ในห้อง
ทันทีที่เจอหน้า ธราก็ตบหน้าลูกชายจนหน้าหัน
"แม่ตบหน้าผมทำไม"
ธราโกรธมาก คุมสติตัวเองไม่อยู่แล้ว
"ก็ตบเรียกสติแกกลับมาน่ะสิ แค่ไอ้ใหญ่มันพูดดีกับแกแค่นั้น แกก็ใจอ่อนคล้อยตามมันซะแล้ว ทำไมแกถึงได้โง่อย่างนี้นะ"
ธราตบตีลูกชายไปมา ไกรกูณฑ์ปัดป้องแล้วเดินหนีไปกระแทกตัวนั่งที่เตียง ธราเดินตามมาด่าต่อ
"ที่แม่สั่งสอนแกมาตั้งแต่เด็กมันไม่ซึมเข้าหัวแกเลยรึไง แม่สอนแกว่ายังไงบ้างน้อย ไหนลองพูดมาซิว่ายังจำได้มั้ย" ธราพูดพลางเอานิ้วไสหัวไกรกูณฑ์จนหัวคลอน
ไกรกูณฑ์พูดประชดออกมาอย่างเจ็บปวด
"แม่สอนให้ผมเกลียดคุณใหญ่"
ธราพูดสวนต่อออกมาทันที
"ไอ้ใหญ่ ไม่ต้องไปนับถือมัน มันไม่ใช่พี่แก"
ไกรกูณฑ์พรั่งพรูออกมาอย่างสุดจะทน
"แม่สอนให้ผมเกลียดเค้า ทั้งๆ ที่เค้าดีกับเราสองคนมาตลอด แม่สอนให้ผมเอาชนะเค้าทุกอย่าง"
ธราจ้องด้วยสีหน้าไม่พอใจมากที่พูดถึงวายุในแง่ดี ไกรกูณฑ์ระบายออกมาอย่างอัดอั้น น้ำตารื้นด้วยความเจ็บปวด
"ตั้งแต่เล็กจนโต แม่ได้แต่ออกคำสั่งให้ผมทำโน่นทำนี่อย่างที่แม่ต้องการ แต่แม่ไม่เคยถามผมเลยว่าผมอยากทำมั้ย"
ธราพูดสวนขึ้นมาทันที
"แม่ไม่จำเป็นต้องถาม เพราะสิ่งที่แม่เลือกให้น้อยทำ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว น้อยไม่จำเป็น ต้องคิดอะไร แค่ทำตามคำสั่งแม่เท่านั้นก็พอ"
"แต่ผมไม่อยากทำ แม่รู้มั้ยว่าผมไม่เคยมีความสุขเลยซักวัน ยิ่งตอนนี้ เรื่องบานปลายไปกันใหญ่แล้ว หมอภูผาก็รู้เรื่องที่แม่ฆ่าละเวง แม่แน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่บอกใคร ผมว่าที่คุณใหญ่รู้ก็คงรู้มาจากหมอภูผานั่นแหละ ผมไม่อยากติดคุกนะแม่ ผมกลัว"
ไกรกูณฑ์สะอื้น ร้องไห้จนตัวสั่น ธราเห็นลูกชายกลัวก็อดปลอบลูกไม่ได้ อารมณ์สติแตกตอนแรกเปลี่ยนเป็นเย็นลง กลายเป็นแม่ที่รักลูกมาก กอดลูก ลูบหลังไปมาเบาๆ ปลอบโยน
"น้อยไม่ต้องกลัวนะลูก เรื่องหมอภูผาแม่จะจัดการเอง แม่จะไม่ยอมให้มันสร้างความเดือดร้อนให้เราสองคนเด็ดขาด"
ไกรกูณฑ์แปลกใจมากที่จู่ๆ ธราก็เปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วขนาดนี้ ธราจับลูกชายนอนลงบนเตียงแล้วห่มผ้าให้ราวกับเป็นเด็กตัวเล็กๆ พลางยิ้มแย้มเป็นแม่แสนดี
"น้อยนอนพักดีกว่านะลูก อย่าคิดมาก ตื่นเช้าขึ้นมาทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ถ้าแม่ยังอยู่ น้อยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แม่จะปกป้องน้อยเองกู๊ดไนท์จ้ะลูกชายตัวน้อยของแม่"
ธราพูดพลางก้มลงหอมหน้าผากลูกชายอย่างรักและหวงแหนมาก ไกรกูณฑ์ รู้สึกกลัวและหวาดผวาแม่ตัวเองมากกว่ารัก
ภูผาคุยโทรศัพท์ สีหน้าและน้ำเสียงตกใจมาก
"คุณธราร้องไห้ทำไมครับ เกิดอะไรขึ้น"
สลิลที่เดินผ่านมาพอดี เมื่อได้ยินชื่อธราก็ชะงัก หลบมุมแอบฟังการสนทนาอยู่เงียบๆ ธรายืนคุยมือถืออยู่ริมหน้าต่างในห้องนอน
"ฉันทะเลาะกับน้อยค่ะ ฉันจะไปแจ้งความเรื่องละเวงตามที่หมอภูบอก แต่น้อยไม่ยอมเค้าไม่อยากให้ฉันติดคุก"
ภูผาฟังธราด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"เค้าขู่ฉันว่าถ้าฉันแจ้งความ เค้าจะหนีไปให้ไกล แล้วจะไม่กลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก"
ธราเสียงสะอื้นตามมาให้ได้ยิน
" ใจเย็นๆ ก่อนครับคุณธรา อย่าเพิ่งร้องไห้สิครับ"
ธรายังแกล้งร้องไห้ไม่หยุด น้ำเสียงสะอึกสะอื้น แต่หน้าตานิ่งๆ แสดงแค่น้ำเสียงและอารมณ์เพื่อหลอกภูผา
"ฉันอยากเจอหมอภูจังเลย ออกมาเจอฉันหน่อยได้มั้ยคะ"
"ได้ครับ เดี๋ยวผมจะไปหาคุณที่ไร่เดี๋ยวนี้เลย"
"เราเจอกันข้างนอกดีกว่าค่ะ หมอภูออกมารอฉันที่หน้ารีสอร์ตนะคะ เดี๋ยวฉันขับรถไปรับ"
ภูผาสีหน้าแปลกใจ
"ทำไมเราไม่คุยกันที่บ้านคุณ หรือไม่ก็ที่รีสอร์ตของผมล่ะครับ"
สลิลแอบฟังอย่างแปลกใจว่าธราจะให้หมอภูผาไปไหน
ฝ่ายธรา แม้สีหน้าจะรำคาญ แต่พยายามทำใจเย็นไว้
"อย่าเพิ่งถามอะไรมากเลยค่ะ ฉันขอร้องแค่นี้หมอภูทำให้ฉันไม่ได้เหรอคะ"
"โอเคครับ ตกลงตามนั้น"
"แอบออกมาอย่าให้ลูกหว้าเห็นนะคะ"
ภูผาแปลกใจอยากจะถาม แต่ยั้งปากไว้
"ครับ ผมจะรอลูกหว้าหลับก่อนแล้วค่อยแอบออกไป"
ภูผากดวางโทรศัพท์ สีหน้าติดใจสงสัยในคำสั่งของธรา สลิลมองตามลุงด้วยความสงสัยว่า ธราจะให้ภูผาไปไหน
ทางด้านธรา กดวางสายโทรศัพท์ ทันใดนั้นหางตาก็เหลือบไปเห็นเงาคนดำๆ ยืนอยู่ด้านล่างหน้าต่าง
เธอมองลงไป เห็นเป็นอุศเรนหน้าซีดขาว เงยหน้าขึ้นจ้องธราอย่างโกรธแค้น เธอตกใจรีบหลับตา ส่ายหน้าไปมา เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกที อุศเรนก็หายไปแล้ว
ธราคิดว่าคงตาฝาด เลิกสนใจ เดินไปเปิดลิ้นชักหยิบปืนขึ้นมาดู ก่อนจะเอาปืนไปใส่กระเป๋าถือเตรียมพร้อม แล้วเดินไปนั่งนิ่งที่มุมห้อง สีหน้าคิดทบทวนแผนการในใจอย่างรอเวลาออกไปพบหมอภูผาตามนัด
สลิลกำลังสะกดรอยตามหมอภูผาออกมาตามทางเดินโดยที่หมอภูผาไม่รู้ตัว พร้อมคุยโทรศัพท์
มือถือกับวายุไปด้วย วายุแอบมองธราเดินลับๆ ล่อๆ ออกมาจากบ้านอย่างมีพิรุธ วายุรีบชักตัวหลบเข้ามุมแอบดู จนเห็นธราเดินไปขึ้นรถที่รถจอดอยู่หน้าบ้านห่างออกไป แล้วขับออกไปอย่างรีบร้อน
"คุณท่านออกไปจากไร่แล้ว"
วายุกดวางสาย เอามือถือยัดใส่กระเป๋ากางเกง แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถอีกคันที่จอดอยู่ ขับตามออกไป
ธราขับรถออกมาตามทาง ผ่านประตูไร่ออกมาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูด้านนอก
เธอสงสัยว่าเป็นใคร ในใจคิดว่าน่าจะเป็นคนงาน ธรามองกระจกส่องหลัง เห็นอุศเรน ใบหน้าซีดขาวเหมือนศพ ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าไร่ อุศเรนจ้องมองธราด้วยแววตาอาฆาต เธอตกใจ เบรกรถกึก แทบหัวทิ่ม แต่เมื่อหันกลับไปมองก็ไม่เห็นมีใคร ธราสลัดหัวอย่างหลอนๆ ที่เห็นติดๆ กันถึงสองครั้งแล้ว
ธรารีบเหยียบคันเร่งขับรถผ่านออกไปอย่างเร็ว รถของวายุ ทิ้งระยะห่างจากรถธรามากพอที่จะไม่ให้ธรารู้ตัว ก่อนจะขับตามออกไป
ภูผายืนชะเง้อรอธราอยู่ที่หน้ารีสอร์ต โดยมีสลิลซุ่มดูอยู่ห่างๆ ชั่วอึดใจธราก็ขับรถมาจอดตรงหน้า ภูผาลังเลไม่ยอมขึ้นรถ จนธราต้องเปิดกระจกรถเรียก
"ขึ้นรถสิคะหมอภู"
"เราจะไปไหนกันครับ"
"ฉันอยากหาที่เงียบๆ คุยกับหมอภูแบบส่วนตัว ฉันไม่อยากให้ลูกหว้ารู้เรื่องละเวง ฉันกลัวแกรับไม่ได้ รีบขึ้นรถมาเร็วๆ เถอะค่ะ"
ธรารีบเร่งเร้า เพราะกลัวคนมาเห็น ภูผายอมขึ้นรถไปทั้งที่ยังสงสัยอยู่ ธราแอบยิ้มร้ายที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน แล้วขับรถออกไป
สลิลออกจากมุมมืด มองตามท้ายรถธราไป สีหน้าสงสัยปนเป็นห่วงลุงมาก ไม่นานรถวายุก็ขับรถมาจอดตรงหน้าสลิล แล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูรถดันออกให้
"ขึ้นรถเร็วเข้า"
สลิลรีบขึ้นรถอย่างเร็ว วายุขับรถตามธราไปทันที
สลิลนั่งกระสับกระส่าย จับตามองท้ายรถของธราไม่วางตา ด้วยความเป็นห่วงลุงมาก
"คุณป้าจะพาคุณลุงไหนกันแน่ คุณป้าคงจะไม่คิดฆ่าปิดปากคุณลุงหรอกนะคะ"
สลิลฉุกคิดแล้วให้นึกกลัว แม้วายุคิดอย่างนั้นเช่นเดียวกัน แต่ก็พูดปลอบไป
"คงไม่หรอก"
"แต่คุณป้าฆ่าคนตายมาแล้ว 2 ศพนะคะ"
วายุชะงักไป สลิลหน้าเจื่อน รู้ตัวว่าพูดกระทบใจวายุอย่างจัง
"ขอโทษค่ะคุณใหญ่"
วายุไม่พูดอะไร ตั้งใจขับรถตามรถธราไปเงียบๆ
ทันใดนั้นมีรถใหญ่คันหนึ่งขับแซงขึ้นมากั้นกลางระหว่างรถของวายุกับรถของธรา แล้วรถของธราก็คลาดสายตาไปตรงทางแยกข้างหน้า วายุจอดรถเข้าข้างทาง ไม่รู้จะไปทางซ้ายหรือขวาดี
สลิลมองทางพลางคิดแล้วพูด
"ทางซ้ายจะเป็นหมู่บ้าน ทางขวาเป็นป่าไม่มีบ้านคน คุณใหญ่คิดว่าคุณป้าน่าจะไปทางไหนคะ"
"ถ้าคุณท่านคิดทำร้ายคุณลุงอย่างที่เธอกลัว ก็ต้องไปทางป่า" วายุตอบหน้าเครียด
สลิลได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไม่กล้าแสดงความเห็น วายุขับรถไปทางขวาที่สองข้างทางมีแต่ป่าทันที
ผ่านเวลาเล็กน้อย ธราเดินนำภูผาเข้ามาในป่าละเมาะซึ่งเงียบสงัด เขารู้สึกผิดสังเกตมาก กวาดตามองไปรอบๆ อย่างไม่ไว้ใจในสถานการณ์
"คุณธราพาผมมาที่นี่ทำไมครับ ผมว่าเรากลับไปคุยกันที่รีสอร์ตดีกว่า"
ธราหันขวับมาจ้องหน้าภูผา แววตาแข็งกร้าว ตวาดเสียงดังลั่น
"คุณไม่รักษาสัญญา คุณบอกหลานสาวกับไอ้ใหญ่เรื่องนังละเวงใช่มั้ย"
ภูผาตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของธรา
"ผมแค่บอกลูกหว้าว่าละเวงตายแล้ว แต่ผมไม่ได้บอกว่าเป็นฝีมือคุณกับคุณน้อย"
ธราตวาดออกมาอย่างคนเสียสติ ปกป้องลูก
"ฉันบอกแล้วไงว่าน้อยไม่เกี่ยว ฉันเป็นคนฆ่านังละเวงเอง ฉันเป็นคนทำคนเดียว ลูกฉันไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้น"
ธราหยิบปืนออกมาจากกระเป๋าถือ จ่อเล็ง ภูผาแม้จะตกใจแต่ก็ตั้งสติได้ พูดเกลี้ยกล่อมไป
"ครับ เรื่องนี้คุณน้อยไม่เกี่ยว คุณธราใจเย็นๆ วางปืนลงก่อนนะ"
ธราแววตาโหดเหี้ยมพร้อมยิงทุกเมื่อ
"ฉันไม่อยากทำอย่างนี้หรอกนะ ถ้าคุณไม่หักหลังฉันก่อน"
ภูผายังทำใจดีสู้เสือ เกลี้ยกล่อมต่อไปเรื่อยๆ
"ผมรู้ว่าคุณไม่กล้ายิงผมหรอก เพราะคุณรักผม เหมือนที่ผมรักคุณ...วางปืนลง เถอะนะ เรามาช่วยกันหาทางแก้ไขเรื่องนี้กันดีกว่า"
ธราแค่นหัวเราะ ตวาดออกไป
"ฉันไม่เคยรักคุณเลยซักนิด ฉันแค่หลอกคุณไว้ใช้งาน รู้เอาไว้ซะด้วยไอ้หมอหน้าโง่ คนที่ฉันรักมีเพียงคุณชาตรีคนเดียวเท่านั้น"
ภูผาอึ้งไป
"แต่คุณบอกว่าคุณไม่ได้รักเค้า คุณถูกบังคับให้แต่งงานไม่ใช่เหรอะ"
ธรากระชับปืน เล็งไปที่ภูผา
"มันก็แค่นิทานที่ฉันแต่งขึ้นมาหลอกคุณเท่านั้นล่ะ ไม่ต้องพูดมาก เตรียมตัวตายได้แล้ว ใครที่กล้าทรยศฉัน เป็นมารความสุขของฉันกับลูก มันต้องตายทุกคน"
ภูผากลัวใจธราเหลือเกิน เพราะดูท่าทางธราสติแตกเต็มที่แล้ว
วายุขับรถมาตามทางเล็กๆ สองข้างทางมีแต่ป่า ทั้งคู่ต่างกวาดตามองหารถของธราไปรอบๆ จนพบ สลิลชี้ให้วายุดู
"รถคุณป้าจอดอยู่นั่นค่ะ"
วายุขับรถเข้าไปจอดใกล้ๆ ทั้งคู่ลงจากรถ กวาดตามองหา แต่ไม่เห็นใคร สลิลเป็นห่วงภูผามาก
"เราแยกกันหาแล้วกัน"
"ค่ะ"
วายุและสลิลเดินแยกย้ายกันตามหาหมอภูผาและธรา
ภูผาถูกปืนจ่อเล็งอยู่ ภูผาพยายามพูดเกลี้ยกล่อมธรา พร้อมหลอกถามข้อมูลไปด้วยอย่างใจเย็น
"ละเวงหักหลังคุณเรื่องอะไร ทำไมต้องถึงขนาดฆ่าแกงกันด้วย ในเมื่อละเวงก็เป็นลูกสะใภ้คุณ"
ธราเกรี้ยวกราด
"มันไม่ใช่ลูกสะใภ้ฉัน มันเป็นแค่ดาราตัวประกอบตกงาน ที่ฉันจ้างมาเป็นผู้ช่วยในการฆ่า
ไอ้ใหญ่เท่านั้นเอง"
ภูผาตกใจ ไม่คาดคิดว่าคนที่วางแผนฆ่าวายุมาตลอดจะเป็นธราจริงๆ เธอยังคงพรั่งพรูต่อเนื่องไป
"แต่สุดท้ายมันก็ทรยศฉัน ไปเข้าข้างไอ้ใหญ่"
ภูผาอึ้งมาก ถามย้ำให้แน่ชัด
"คนที่ลอบฆ่าคุณใหญ่มาตลอด ที่แท้ก็คือคุณเองเหรอะ"
"ใช่...ฉันเป็นคนวางแผนทั้งหมดมาตั้งแต่ต้น"
วายุที่เดินเข้ามาทางด้านหลังธรา ได้ยินก็ชะงักไป
ภูผาเหลือบเห็นวายุก็ขยิบตาส่งสัญญาณบอกให้หลบอยู่ก่อน อย่าเพิ่งแสดงตัวออกมาตอนนี้
"คุณทำอย่างนั้นกับคุณใหญ่ได้ยังไง"
ธราน้ำตาไหลออกมาจากความอัดอั้น สีหน้าอาฆาต
"ฉันเกลียดมัน เกลียดแม่ของมัน เพราะมันกับแม่มันแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน"
วายุอดทนฟังอยู่เฉยๆ ไม่ไหว แสดงตัวออกมา
"ไม่จริงเลยครับคุณท่าน"
ธราตกใจ หันขวับไปมองทางต้นเสียง
"ไอ้ใหญ่ แกมาได้ยังไง"
ธราวาดปืนไปทั่วอย่างหวาดกลัว เล็งใส่ภูผาและวายุสลับไปมา
"อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันยิงจริงๆ"
วายุมองธรา น้ำตาคลออย่างเจ็บปวดมาก
"ผมไม่คิดเลยว่าคนที่พยายามฆ่าผมมาตลอดจะเป็นคุณท่าน คนที่ผมเคารพรักเหมือนแม่แท้ๆ"
สลิลเดินมาจากอีกด้าน เห็นเหตุการณ์ไม่ดี
ภูผามองเลยมาที่สลิล ส่งสัญญาณทางสีหน้าและแววตาให้อยู่นิ่งๆ อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไร ธราสังเกตได้ว่าภูผาเหมือนมองไปที่ใครอีกคน สลิลรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมกดโทร.ออก
ไม่คาดคิด ธราหันไปมองแล้วยิงปืนใส่สลิลทันที
วายุตกใจ
"ลูกหว้าระวัง"
สลิลย่อตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด
"สาระแนดีนัก"
ธราสีหน้าชิงชัง เล็งปืนจะยิงอีก วายุวิ่งเข้ามาบังสลิล ภูผาฉวยโอกาสพุ่งตัวเข้าไปล็อกตัวธราเพื่อแย่งปืน
"ปล่อยฉันนะ"
ธราไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เหวี่ยงภูผาจนกระเด็นไป แล้วยิงใส่แบบไม่เล็งไปทั่วรอบๆ ตัว
ภูผากระโดดหลบอย่างทุลักทุเล วายุดึงสลิลไปหลบด้วยกันหลังต้นไม้ ธราอาศัยจังหวะที่ทุกคนเผลอ วิ่งหนีออกไป สลิลวิ่งไปหาภูผาที่หกล้มอยู่กับพื้นด้วยความเป็นห่วง
เวลากลางคืน ไกรกูณฑ์นอนหลับอยู่บนเตียง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ไกรกูณฑ์สะดุ้งตื่น
งัวเงียกดรับสาย
"ฮัลโหล"
ธราน้ำเสียงตื่นตระหนก
"น้อย หนีออกมาจากบ้านเดี๋ยวนี้เลย ไอ้ใหญ่มันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว"
ไกรกูณฑ์ตกใจปนงง
"แม่อยู่ที่ไหนครับ"
"ฉันอยู่ที่ไหนก็ช่าง แกรีบหนีออกมาจากบ้านก่อนเถอะ"
"แล้วจะให้ผมหนีไปไหนครับแม่"
"แม่จะรอแกอยู่ที่..."
ทันใดนั้น วายุก็ผลักประตูเข้ามาอย่างแรง แล้วตรงเข้ามากระชากตัวน้องชายเพื่อจะเค้นถามเอาความจริง ไกรกูณฑ์รีบกดตัดโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าอย่างเร็ว เลยยังไม่ทันได้ยินธราบอกว่ารออยู่ที่ไหน
ไกรกูณฑ์ตั้งตัวไม่ทัน
"อะไรกันคุณใหญ่"
วายุลากตัวไกรกูณฑ์ออกไปนอกห้องนอน
"ออกมาคุยกันข้างนอกเดี๋ยวนี้เลย"
วายุลากไกรกูณฑ์ออกไป
ไกรกูณฑ์กลัวมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับธรา วายุรู้อะไรแค่ไหน และวายุจะจัดการกับเขาอย่างไร
วายุโกรธจัดผลักไกรกูณฑ์ลงที่โซฟาในห้องโถง ไกรกูณฑ์เหลือบมองภูผากับสลิลที่จ้องตนอยู่ด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างแรง
"นี่มันอะไรกันครับ"
"คุณลุงบอกพี่หมดแล้วเรื่องที่น้อยกับคุณท่านฆ่าละเวง แล้วเอาศพไปทิ้งที่บ่อน้ำบาดาลท้ายไร่"
ไกรกูณฑ์ยืนกรานปฏิเสธ
"ไม่จริง ผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น คุณใหญ่อย่ามาใส่ความผมกับแม่นะ"
สลิลโกรธมาก สุดจะทน
"ไม่มีใครใส่ความพวกคุณทั้งนั้นแหละ คุณรู้มั้ยว่า คุณป้าธราหลอกคุณลุงฉันไปเพื่อจะฆ่าปิดปาก"
ไกรกูณฑ์ชะงักไปเหลือบตามองภูผา
"ดีที่ฉันกับคุณใหญ่ตามไปช่วยไว้ทัน ไม่งั้นคุณลุงฉันคงกลายเป็นศพที่สาม เพราะฝีมือพวกคุณสองแม่ลูก"
ภูผามีสีหน้าผิดหวังเสียใจกับการกระทำของธรามาก
"ไม่ใช่แค่นี้นะน้อย ยังมีเรื่องที่น้อยกับคุณท่านพยายามฆ่าพี่มาตลอดอีก น้อยทำกับพี่ได้ยังไง น้อยเกลียดอะไรพี่นักหนา"
ไกรกูณฑ์ลุกขึ้น พยายามจะเดินหนี วายุกระชากตัวเหวี่ยงกลับลงไปนั่งที่เดิม แล้วกดไว้กับโซฟา ไกรกูณฑ์ดิ้นรน พยายามจะหนี
"ปล่อยผมนะคุณใหญ่ ผมจะไปหาแม่ ปล่อยผม"
วายุคาดคั้นถาม
"พี่ทำอะไรผิด ทำไมน้อยกับคุณท่านถึงได้จงเกลียดจงชังพี่ถึงขนาดนี้"
วายุจับตัวน้องชายกระแทกอัดกับโซฟา ไกรกูณฑ์ทั้งกลัว ทั้งสับสนจนพูดอะไรไม่ออก ภูผาเข้ามาห้ามวายุ
" ใจเย็นก่อนครับคุณใหญ่ คาดคั้นอะไรไปตอนนี้ก็คงไม่ได้คำตอบหรอกครับ"
วายุยอมคลายมือปล่อยไกรกูณฑ์แล้วเดินไปสงบสติอารมณ์ห่างๆ สลิลมองตามด้วยความเป็นห่วง
ไกรกูณฑ์ยกมือขึ้นกุมหน้า คิดอ่านทำอะไรต่อไม่ถูกเหมือนกัน
เวลาต่อเนื่องมา วายุขับรถเข้ามาจอดส่งสลิลและ ภูผาที่หน้าบ้านพัก ทุกคนลงจากรถ
ภูผาสีหน้าเศร้า ผิดหวังเรื่องธรา แต่ก็ยังเป็นห่วงอยู่
"ผมว่าเราลองออกไปตามหาคุณธราอีกรอบดีกว่ามั้ย คุณใหญ่ เข้าบ้านไปตอนนี้ ผมก็คงนอนไม่หลับ"
แม้วายุสีหน้าเป็นห่วงไม่แพ้กัน แต่บอกว่า
"เสียเวลาเปล่าครับ"
"เราก็แจ้งตำรวจให้ช่วยตามหาสิคะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้เราเฉยไม่ได้แล้วนะคะคุณลุง คุณป้าวางแผนฆ่าคุณใหญ่ตั้งหลายครั้ง แล้วยังจะฆ่าละเวงกับน้องชายอีก"
ภูผามีสีหน้าช่างใจไปมา
"ผมขอร้องว่าอย่าเพิ่งแจ้งความได้มั้ยครับ คุณลุง" วายุบอก
สลิลรีบขัดขึ้น
"คุณใหญ่จะรออะไรอีกคะ หว้าพูดตรงๆ นะคะ คุณป้าคือบุคคลอันตราย เค้าฆ่าคนตายนะคะ ท่าทางคุณป้าเหมือนคนควบคุมสติไม่อยู่ มีอาการเหมือนคน..."
ภูผาปรามหลานสาว
"ลูกหว้า ฟังเหตุผลคุณใหญ่ก่อน"
สลิลถอนใจออกมา
"ผมอยากรอให้เจอตัวคุณท่านก่อน เราอาจจะเกลี้ยกล่อมให้คุณท่านยอมมอบตัวได้ ผมไม่อยากให้ตำรวจบุกจับตอนที่คุณท่านยังไม่พร้อม ผมกลัวจะเกิดเรื่องรุนแรงขึ้น"
ภูผาเห็นด้วยกับวายุ
"แล้วเราจะไปตามหาคุณป้าได้ที่ไหนล่ะคะ"
"คุณท่านรักน้อยมาก ยังไงท่านก็ต้องกลับมาหาน้อย"
วายุสีหน้ามั่นใจ ว่ายังไงธราก็ต้องกลับมาหาไกรกูณฑ์แน่นอน
ไกรกูณฑ์ถูกขังอยู่ในห้องหนึ่งในไร่วายุกูล เขาทุบประตูเสียงดังโครมคราม พร้อมตะโกนโหวกเหวก
"คุณใหญ่เปิดประตูให้ผมเดี๋ยวนี้นะ ผมจะไปหาแม่...เปิดประตู...เปิดสิโว้ย มีใครอยู่แถวนี้มั้ย มาเปิดประตูให้ฉันหน่อย"
หัวหน้าคนงานที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ทำหน้าแหยๆ ไม่กล้าเปิด ได้แต่ยืนเฝ้าไปตามคำสั่งวายุ ไกรกูณฑ์ทั้งตบทั้งเตะประตูอาละวาดจนเหนื่อยแต่ก็ไม่มีคนมาเปิดประตูให้
ไกรกูณฑ์ทุบประตูโครมครามพร้อมพูดทั้งน้ำตา
"แม่อยู่ไหน อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว ผมกลัว ผมไม่อยากติดคุก"
ไกรกูณฑ์เครียดมาก เดินไปทิ้งตัวนั่งตั้งเข่าที่มุมห้อง ยกสองมือขึ้นจิกผมซุกหน้า แล้วแผดเสียงระเบิดดังลั่นห้องแบบคนสติแตกเพราะความหวาดกลัว
เช้าวันใหม่ บรรยากาศสดใสสวยงาม ภูผากับสลิลเดินคุยกันเข้ามาทางเรือนสำนักงานของรีสอร์ต
"ปล่อยให้คุณใหญ่กับคุณน้อยอยู่ด้วยกันตามลำพัง ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะคะ"
"คุณน้อยถูกจับขังไว้ในห้องอย่างนั้น คงไม่มีอะไรหรอก ห่วงก็แต่คุณธรา ไม่รู้ว่าป่านนี้จะหนีเตลิดไปถึงไหนแล้ว"
"คุณลุงไม่โกรธคุณป้าเหรอคะ"
ภูผาสีหน้านิ่งขรึมไป
"ที่ลุงไม่โกรธ เพราะลุงเข้าใจว่าทำไมคุณธราถึงทำอย่างงั้น ถ้าหว้ารู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับ
คุณธรา หว้าอาจจะโกรธเธอไม่ลงเหมือนลุงก็ได้"
สลิลสงสัยขึ้นมา
"ความจริงเรื่องอะไรคะ"
"เอาไว้ให้เจอตัวคุณธราก่อนก็แล้วกัน แล้วลุงจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้หว้าฟัง ไปทำงานกันเถอะ"
ภูผาตัดบท แล้วเดินหนีไป สีหน้าเป็นห่วงกังวลเรื่องธรา สลิลอยากรู้ว่าธรายังมีความจริงอะไรที่ปกปิดอยู่อีก
วายุยืนหน้าเศร้ามองและพูดกับรูปถ่ายของชาตรี
"ผมดูแลคุณท่านกับน้อยอย่างดีที่สุด ตามที่คุณพ่อสั่งแล้วนะครับ แต่ทำไมคุณท่านกับน้อยถึงได้..." วายุเจ็บปวดจุกอก พูดไม่ออก
เขานึกย้อนถึงอดีต ในช่วงที่ชาตรีนอนหายใจรวยรินใกล้หมดลมอยู่ในห้องพักของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ไกรกูณฑ์กอดพ่อร้องไห้ วายุยืนหน้าเศร้าอยู่ข้างเตียง จับมือพ่อไว้ ธราน้ำตาซึมยืนอยู่หลังสุด มองชาตรี ทว่าสีหน้านิ่งเรียบมาก
ชาตรีพูดเสียงแผ่วเบา
"ใหญ่...พ่อฝากดูแลน้อยกับคุณธราด้วยนะลูก"
วายุน้ำตาคลอบอก
"คุณพ่อไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลน้อยกับคุณท่านอย่างดีเหมือนที่คุณพ่อเคยทำ ไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยครับ"
ชาตรียิ้มบางๆให้วายุอย่างสบายใจก่อนหันไปบอกไกรกูณฑ์
"อย่าดื้อกับพี่เค้านักนะน้อย เป็นพี่น้องกัน รักกันให้มากๆ นะ"
ชาตรีพยายามยกมือมาลูบหัวไกรกูณฑ์อย่างรักใคร่ เขาจับมือพ่อไว้ ร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ
"ครับคุณพ่อ"
ชาตรีเหลียวมองธราที่สีหน้านิ่งเรียบเหมือนเดิม
ชาตรีเรียกอย่างอ่อนแรง
"คุณธรา"
ไกรกูณฑ์หันไปดึงแขนธราให้เข้ามาใกล้ๆ
"แม่เข้ามาใกล้ๆ พ่อสิครับ"
ธราขยับเข้ามาใกล้ตามแรงดึงของไกรกูณฑ์ ธรายังคงโกรธปนน้อยใจอยู่ลึกๆ
"ฝากดูแลใหญ่ด้วยนะคุณธรา"
ธราตอบหน้านิ่ง เพราะรู้สึกเกลียดวายุอยู่ลึกๆ ในใจ
"ใหญ่ก็เป็นลูกชายฉันคนนึงเหมือนกัน คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันรับรองว่าจะดูแลเค้าอย่างดีแน่นอน"
ธราแววตามีเลศนัย คิดร้าย แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น ชาตรียิ้มบางๆ เหมือนเบาใจ
"ขอบคุณมากคุณธรา ผมรักคุณนะ จำไว้ว่าผมรักคุณ"
ชาตรีพยายามรวมแรงเพ่งมองหน้าธรา ธรายิ้มเย็น เหมือนไม่เชื่อคำพูดนั้น ชาตรีละสายตาจากธรา มองตาลอยๆ ไปเบื้องหน้า หลอน เห็นดวงดาวมา ชาตรีพูดเพ้อออกมา
"ดวงดาว...คุณมารับผมแล้วใช่มั้ย"
ธราเจ็บปวดเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าชาตรี ที่เพ้อหาดวงดาวทั้งที่เพิ่งบอกว่ารักเธอเมื่อครู่นี้เอง
ชาตรีหมดลมไปอย่างสงบ ไกรกูณฑ์ร้องไห้โฮกอดศพพ่อไว้แน่น วายุน้ำตาไหลออกมา เสียใจมาก กราบเท้าลาพ่อ
เสียงตะโกนโวยวายของไกรกูณฑ์ดังเข้ามา
"เปิดประตู กูบอกให้เปิดประตู"
วายุ หลุดออกจากภวังค์เพราะเสียงโวยวายของน้องชาย
"ปล่อยกูออกไปเดี๋ยวนี้"
วายุนิ่วหน้า สลัดความเศร้าออกจากหัว แล้วเดินเร็วๆ ไปทางห้องที่กักตัวไกรกูณฑ์ไว้
หัวหน้าคนงานทำหน้าแหย ลำบากใจ ไม่รู้จะจัดการยังไงกับไกรกูณฑ์ที่โวยวายพร้อมเสียง
ทุบประตูดังไม่หยุด
"เปิดประตูให้กูเดี๋ยวนี้นะโว้ย เปิดสิวะ"
วายุเดินเข้ามาหาหัวหน้าคนงาน สีหน้านิ่งขรึม
"เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
"ครับคุณใหญ่"
หัวหน้าคนงานเดินเลี่ยงออกไป วายุไขกุญแจเข้าไปในห้อง
ทันทีที่วายุเปิดประตูเข้ามา ไกรกูณฑ์จะหนีสวนออกไป แต่วายุจับตัวล็อกไว้ แล้วผลักกลับเข้ามาในห้องตามเดิม
"คุณใหญ่จะขังผมไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ"
วายุจับตัวไว้
"น้อยจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าน้อยหนี พี่จะแจ้งตำรวจให้ตามล่าน้อย น้อยหนีไม่รอดแน่"
ไกรกูณฑ์กลัว ท่าทีอ่อนลงเล็กน้อย แต่ยังมีฟอร์มอยู่
"ผมจะไปตามหาแม่"
วายุเสียงแข็งบอก
"ไม่ต้อง"
ไกรกูณฑ์ฉุนขึ้นมาอีก
"เพราะแม่ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของคุณใหญ่ใช่มั้ย คุณใหญ่ถึงไม่เป็นห่วง ไม่คิดจะออกตามหา"
" ก็เพราะพี่รักและไว้ใจคุณท่านมากยังไงล่ะ พี่ถึงไม่เคยระแวงเลยแม้แต่นิดเดียวว่า คนที่วางแผนฆ่าพี่มาตลอดจะคือคุณท่าน"
ไกรกูณฑ์สะอึกไป
"พี่ไม่เข้าใจว่าพี่ทำอะไรผิด น้อยกับคุณท่านถึงได้ทำกับพี่แบบนี้ได้ลงคอ"
ไกรกูณฑ์เจ็บปวดไม่แพ้กัน เขาพูดน้ำตารื้น
"ก็เพราะคุณใหญ่กับแม่คุณใหญ่นั่นแหละที่ทำให้ผมกับแม่ต้องเป็นแบบนี้ คุณใหญ่เป็นแค่ลูกเมียน้อยแต่กลับได้ทุกอย่างไปหมด ถ้าไม่มีคุณใหญ่กับแม่ดวงดาว ชีวิตผมกับแม่ก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก"
"แม่พี่ต่างหากที่เป็นคนมาก่อน หลังจากคุณพ่อแต่งงานกับคุณท่าน ชีวิตพี่กับแม่ก็พังพินาศเหมือนกัน"
ไกรกูณฑ์น้ำเสียงติดประชด
"ผมไม่เห็นว่าชีวิตคุณใหญ่จะพังพินาศตรงไหนเลย คุณใหญ่ออกจะได้ดิบได้ดี เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ใครๆ ก็ยกย่อง แล้วดูผมสิ ผมมีอะไรเทียบคุณใหญ่ได้มั่งมั้ย"
วายุโมโหมาก แต่พยายามระงับอารมณ์ไว้
"น้อยอยู่ในนี้สงบสติอารมณ์อีกซักวันก็แล้วกันนะ ถ้าคิดได้ ใจเย็นลงกว่านี้แล้วเราค่อยมาคุยกัน"
วายุเดินออกจากห้องไป อึดใจก็ได้ยินเสียงล็อกประตูจากข้างนอก ไกรกูณฑ์ทรุดตัวนั่งลง ทั้งโกรธทั้งเสียใจ ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี
ไฟในวายุ ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
ผ่านเวลาหลายชั่วโมง วายุกับสลิลขับรถตามหาธราไปตามที่ต่างๆ แต่ก็ไม่เจอ ในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ทั้งคู่เข้าไปเช็คข้างใน แล้วเดินสีหน้าผิดหวังออกมาจากโรงแรมที่พัก ไม่มีวี่แววธราเลย
ในวันเดียวกัน ภูผาขับรถตามหาธราไปตามที่ต่างๆ ด้วยความเป็นห่วง ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาที่วางอยู่ช่องเก็บของก็ดังขึ้น เขาเหลือบมองหน้าจอ โชว์ชื่อสายเรียกเข้าว่า “คุณธรา” เขาดีใจมากรีบหักรถเข้าจอดข้างทาง แล้วกดรับสาย
"คุณธรา คุณอยู่ที่ไหนครับ"
ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย
"คุณธรา คุณได้ยินผมมั้ย คุณธรา"
ภูผากำลังจะวางสาย ทันใดนั้นธราก็ตัดสินใจพูดออกมา
"หมอภูช่วยฉันด้วย"
"คุณจะให้ผมช่วยอะไร"
วายุขับรถกลับมาส่งสลิลที่หน้าเรือนสำนักงานของรีสอร์ต ภูผาก็ขับรถตามเข้ามาจอดข้างๆ
วายุกับสลิลรีบลงจากรถเดินไปหาภูผา
วายุรีบถามอย่างร้อนใจ
"ได้ข่าวคุณท่านบ้างมั้ยครับคุณลุง" วายุถาม
ภูผาตอบอึกอักโกหกไปทั้งที่เพิ่งโทรติดต่อกับธรา
"ไม่ได้ข่าวอะไรเลยครับ แล้วทางคุณใหญ่ได้เรื่องอะไรบ้างรึเปล่า"
"ไม่เหมือนกันครับ"
ภูผาถามหยั่งเชิง
"แล้วคุณใหญ่จะทำยังไงต่อ จะแจ้งความเลยรึเปล่า"
สลิลอยากรู้ รอฟังคำตอบด้วยเหมือนกัน
"ผมขอรอฟังข่าววันนี้อีกซักวัน ถ้าคุณท่านยังไม่กลับมา พรุ่งนี้ผมคงต้องแจ้งความให้ตำรวจช่วย
ตามหาอีกแรง"
ภูผาสีหน้าลำบากใจ มีพิรุธเล็กน้อย
"ก็ดีครับ งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ"
ภูผาเดินเลี่ยงเข้าไปด้านใน สีหน้าเครียดๆ สลิลนึกสงสาร คิดว่าลุงคงเป็นห่วงธรามาก
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของวายุก็ดังขึ้น หลังจากที่เขากดรับสาย ฟังครู่หนึ่งก็ตกใจ
"ฉันจะรีบกลับเดี๋ยวนี้ล่ะ"
วายุกดวางสาย สลิลรีบถามด้วยความอยากรู้
"เกิดอะไรขึ้นคะ"
"คนงานโทรมาบอกว่าตำรวจไปพบฉันที่ไร่ ไม่รู้มีเรื่องอะไรอีก"
วายุถอนใจรีบเดินไปขึ้นรถ
"หว้าไปด้วยค่ะ"
วายุกับสลิลขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว วายุก็ขับรถออกไปอย่างเร็ว
เวลาต่อเนื่องมา ภูผาคุยกับเข็มอยู่ที่มุมหนึ่งในรีสอร์ต
"บ้านพักหลังที่หน้าต่างเสียซ่อมรึยัง"
เข็มหน้าจ๋อย หลบตาเล็กน้อย
"ยังครับ"
"แล้วรออะไรอยู่ ทำไมไม่ซ่อม"
เข็มแก้ตัวอึกอัก
"ก็บ้านพักหลังนั้นเคยมีคนยิงกันตาย บรรยากาศก็วังเวง ผมเลยไม่กล้าเข้าไปครับ กลัวผี"
" ก็เลยปล่อยทิ้งไว้อย่างงั้นน่ะเหรอ ไปเอากุญแจบ้านมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะไปซ่อมเอง กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง"
"ครับ"
เข็มจะวิ่งไปเอากุญแจตามคำสั่ง ภูผานึกได้ เรียกไว้
"เดี๋ยวก่อนเข็ม"
เข็มชะงัก หันกลับมา
"มีอะไรครับ"
"บอกพนักงานเคาน์เตอร์ด้วยนะ ว่าอย่าเผลอจัดบ้านหลังนี้ให้ลูกค้าพักเด็ดขาด จนกว่าฉันจะมีคำสั่งจากฉัน"
"ครับ"
ภูผาสีหน้าครุ่นคิด สับสนกับการตัดสินใจของตัวเอง ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่
รถตำรวจจอดอยู่หน้าบ้านในไร่วายุกูล ตำรวจยืนรอวายุอยู่ โดยมีหัวหน้าคนงานคอยดูแลตำรวจ
วายุขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน วายุกับสลิลรีบเดินเข้าไปหาตำรวจ วายุส่งสายตาบอกหัวหน้าคนงานให้ออกไปก่อน...หัวหน้าคนงานเดินออกไป
"เกิดอะไรขึ้นครับคุณตำรวจ"
"เราได้รับแจ้งว่า คุณวายุฆ่าคนงานตายแล้วซ่อนศพไว้ที่บ่อน้ำบาดาลท้ายไร่ เราเลยมาขอตรวจค้นครับ"
วายุและสลิลอึ้ง ตกใจทั้งคู่ สลิลพูดโพล่งออกมา
"คุณใหญ่ไม่ได้ทำนะคะ เราต่างหากที่กำลังจะไปแจ้งความว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นี่"
"เราได้รับแจ้งก็ต้องขอปฏิบัติตามหน้าที่ครับ"
" ผมไม่ได้ฆ่าใครตายจริงๆ นะครับ"
"ขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำตามหน้าที่ก่อนนะครับ ถ้าไม่พบศพตามที่มีคนแจ้ง คุณก็พ้นข้อกล่าวหา นี่หมายค้นครับ" ตำรวจพูดพร้อมโชว์หมายค้น
วายุสีหน้าเครียด ที่จู่ๆ สถานการณ์พลิกมาเป็นแบบนี้ สลิลนึกสงสัยว่าใครเป็นคนแจ้งความ แต่ก็ยังไม่มีจังหวะได้ถามตำรวจ
เจ้าหน้าที่มูลนิธิยกห่อศพละเวงไปใส่รถ คนงานที่ไร่จับกลุ่มมุงดูพร้อมพูดคุยซุบซิบกันไปมา
วายุยืนคุยกับตำรวจสีหน้าเคร่งเครียด สลิลอยู่ข้างๆ สีหน้าเครียดพอกัน
"เราพบศพผู้หญิงแค่คนเดียว คุณเอาศพผู้ชายอีกคนไปซ่อนไว้ที่ไหนครับ"
"ผมไม่รู้เรื่องนะครับคุณตำรวจ ผมไม่ได้ฆ่าใครทั้งนั้น"
"ผมต้องขอเชิญคุณวายุไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ"
" ใครเป็นคนแจ้งความใส่ร้ายคุณใหญ่คะคุณตำรวจเชื่อถือได้แค่ไหนคะ"
"เชื่อถือได้แน่นอนครับ แต่เพื่อเป็นการรักษารูปคดีและเพื่อความปลอดภัยของพยาน ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร"
สลิลแก้ต่างแทนอย่างร้อนรน
"คุณใหญ่ถูกใส่ร้าย ฉันเป็นพยานให้คุณใหญ่ได้ คุณใหญ่ไม่ได้ฆ่าละเวงจริงๆ นะคะคุณตำรวจ"
"ผมว่าคุณใจเย็นๆ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการดีกว่านะครับ ถ้าคุณวายุบริสุทธิ์จริง ก็ไม่มีใครทำอะไรได้หรอกครับ"
วายุพูดกับสลิลอย่างใจเย็นและมีสติ
"ฉันพอจะเดาออกว่าใครเป็นคนแจ้งความ"
สลิลรับฟังอย่างคิดตาม
"ตอนนี้คนที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ให้ฉันได้ก็มีแต่หมอภูผาคนเดียวเท่านั้น"
สลิลพยักหน้ารับทราบ
ตำรวจบอกวายุ
"เชิญครับ"
ตำรวจพาวายุไปขึ้นรถตำรวจที่จอดอยู่ห่างออกไป สลิลยืนมอง ด้วยสีหน้าอึ้งๆ งงๆ ปนเป็นห่วง
หมอภูผากำลังซ่อมหน้าต่างบ้านพักในรีสอร์ตอยู่ สลิลวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาหมอภูผา เรียกเสียงลั่น
"คุณลุงคะ"
ภูผาหันมองหลานสาวที่พูดอย่างเหนื่อยหอบ
"ช่วยคุณใหญ่ด้วยค่ะ"
ภูผาสีหน้าสงสัย
"คุณใหญ่เป็นอะไร"
"มีคนแจ้งความจับคุณใหญ่ค่ะ กล่าวหาว่าคุณใหญ่ฆ่าละเวงกับน้องชายตาย"
ภูผาหยุดกึกไปอย่างใช้ความคิด
"ตอนนี้ตำรวจเอาตัวคุณใหญ่ไปโรงพักแล้ว คุณลุงช่วยไปเป็นพยานให้คุณใหญ่ด้วยนะคะ"
สลิลจะลากตัวลุงออกไป แต่ภูผาฝืนตัวไว้ สีหน้าลำบากใจ เพราะถ้าช่วยวายุความผิดก็จะตกอยู่ที่ธรา
จึงตอบปัดไป
"ลุงรู้แค่ว่าละเวงตายแล้ว แต่ลุงไม่รู้ว่าใครฆ่า"
"คุณลุงพูดแบบนี้ แปลว่าคุณลุงจะไม่ช่วยคุณใหญ่ใช่มั้ยคะ คุณลุงก็รู้ว่าคุณใหญ่ถูกใส่ความ"
ภูผาเดินหนีสลิลไปอีกทาง ไม่กล้าสบตาหลาน
" คุณลุงจะปกป้องคุณป้าธรา แล้วปล่อยให้คุณใหญ่ติดคุกเพราะความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่ออย่างงั้นเหรอคะ"
"ลุงไม่รู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนฆ่าละเวงกับน้องชาย"
สลิลจ้องตาลุงท่าทางขึงขังมาก
"คุณลุงรู้"
"ลุงไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนฆ่ากันแน่ระหว่าง... คุณน้อยกับคุณธรา คุณธราบอกว่าเธอเป็นคนลงมือฆ่าเอง แต่ลุงก็ไม่รู้ว่าเธอพูดไปเพราะต้องการปกป้องคุณน้อยรึเปล่า"
สลิลอ้อนวอน
"ถ้างั้นคุณลุงก็บอกตำรวจไปแบบนี้ก็ได้นี่คะ แค่นี้คุณใหญ่ก็พ้นผิดแล้ว ตอนนี้มีคุณลุงเท่านั้นที่จะช่วยคุณใหญ่ได้นะคะ"
"ลุงไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้เลยจริงๆ นะหว้า"
"ถ้าคุณลุงนิ่งดูดายก็เท่ากับคุณลุงทำร้ายคนบริสุทธิ์นะคะ คุณลุงไปช่วยคุณใหญ่เถอะนะคะ " สลิลน้ำตาท่วม จับแขนภูผาเขย่าอ้อนวอน
"อย่าทำให้ลุงลำบากใจไปมากกว่านี้เลยนะลูกหว้า"
ภูผาสีหน้าเครียดไม่รู้จะตัดสินใจทางไหน ระหว่างความถูกต้องกับการช่วยเหลือคนที่ตนรัก
สลิลมองลุงอย่างผิดหวัง คิดว่า ภูผาคงไม่ยอมไปช่วยวายุแน่ จึงกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะเป็นห่วงวายุมาก
เวลาบ่าย บนสถานีตำรวจ นายตำรวจ1 กำลังจะพาตัววายุเข้าห้องขัง ทันใดนั้นก็มีตำรวจอีกนายหนึ่งก็วิ่งเข้ามาบอก
"มีคนมาประกันตัวคุณวายุครับ"
วายุชะงักกึกสีหน้าประหลาดใจ สงสัยว่าใครมาช่วย
สลิลยืนชะเง้อรอวายุอยู่ ตำรวจพาตัววายุออกมาจากด้านใน ตำรวจเดินเลี่ยงออกไป วายุเดินเข้ามาหาสลิล
"ถ้าเธอพาคุณลุงมาช้าอีกนิดเดียว ฉันคงได้ประสบการณ์เข้าไปนอนเล่นในคุกเป็นครั้งแรกในชีวิตแล้ว"
"นี่ยังยิ้มออกอีกเหรอคะ" สลิลต่อว่า สีหน้างอนๆเคืองๆ
วายุขำๆเอ็นดู ยกมือวางบนหัวสลิล
"ขอบใจเธอมากนะ"
สลิลยิ้มตอบวายุทั้งน้ำตาคลอ ทันใดนั้นวายุก็เหลือบเห็นภูผาเดินออกมาจากห้องสารวัตรพอดี เห็นแต่
ภูผากับสารวัตรคุยกันด้วยสีหน้าเครียดๆ ไม่ได้ยินเสียงว่าคุยอะไรกัน
วายุ สลิล และภูผาเดินมาที่รถของรีสอร์ตที่จอดอยู่ด้านหน้าสถานีตำรวจ
"ขอบคุณคุณลุงมากนะครับที่ช่วยมาประกันตัวผม"
"ยังไงผมก็ปล่อยให้คุณใหญ่ถูกใส่ความไม่ได้หรอกครับ"
สลิลยิ้มกว้าง พูดยอและกอดประจบลุง
"คุณลุงของหว้าเป็นคนดีที่สุดในโลกเลยค่ะ"
ภูผายิ้มแห้งๆ ให้สลิล แล้วลูบหัวหลานสาว
"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกหว้า"
ภูผาหันไปพูดกับวายุ
"ผมก็ได้แต่หวังว่าคุณธราจะไม่สร้างเรื่องอะไรวุ่นวายมากไปกว่านี้อีกนะครับ"
"คุณลุงคิดว่าคุณป้าธราเป็นคนแจ้งความจับคุณใหญ่เหรอคะ"
วายุหน้าเศร้าสลดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ภูผาอธิบายเสริม
"เรื่องการตายของละเวงไม่มีใครรู้ นอกจากลุง คุณธราแล้วก็คุณน้อย ถ้าจะมีใครสักคนแจ้งความ ลุงคิดว่าน่าจะเป็นคุณธรามากที่สุด"
"คุณป้าธรานี่ร้ายกาจที่สุดเลย หาเรื่องเล่นงานคุณใหญ่ได้ไม่หยุดหย่อนเลย"
วายุเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ที่ธราจงเกลียดจงชังตนขนาดนี้
"เรื่องถึงตำรวจแล้ว อีกไม่นานตำรวจคงตามตัวคุณป้าเจอ เรื่องวุ่นวายพวกนี้จะได้จบๆซะทีนะคะ"
ภูผาแอบทำหน้าเครียดมีพิรุธ เพราะเขากำลังจะให้ที่ซ่อนตัวกับธรา โดยที่วายุกับสลิลไม่รู้
"แต่ก็น่าแปลกนะครับ ทำไมตำรวจไม่พบศพน้องชายละเวง"
หมอภูผาและสลิลเห็นด้วย
"บางทีเราอาจจะโดนคุณป้าหลอกเรื่องที่ซ่อนศพตั้งแต่แรกก็ได้นะคะ"
"ไม่น่าเป็นไปได้นะ"
"แล้วศพน้องชายละเวงหายไปไหนล่ะคะ หรือว่าน้องชายละเวงยังไม่ตาย"
วายุ สลิล และหมอภูผาสบตากันไปมาด้วยสีหน้าติดใจสงสัย
เวลาต่อเนื่องมา วายุเปิดประตูเข้ามาในห้องที่ขังไกรกูณฑ์ เขารีบลุกขึ้นยืน ร้อนตัวปนกลัว
"ตำรวจมาที่ไร่ทำไม ไหนคุณใหญ่บอกจะไม่แจ้งตำรวจจับผมยังไงล่ะ"
"พี่ไม่ได้แจ้งตำรวจมาจับน้อย แต่มีคนแจ้งตำรวจมาจับพี่ตะหาก"
ไกรกูณฑ์ชะงัก อึ้งไป
"มีคนแจ้งความว่าพี่ฆ่าละเวงกับน้องชายแล้วเอาศพไปทิ้งไว้ที่บ่อน้ำท้ายไร่ ตำรวจก็เลยมาค้น แต่เจอแค่ศพละเวงคนเดียว"
ไกรกูณฑ์เผลอถามออกมาอย่างแปลกใจ
"แล้วศพไอ้เรนล่ะ"
"นี่แหละที่พี่กำลังจะมาถามน้อย น้อยเอาศพน้องชายละเวงไปไว้ที่ไหน"
ไกรกูณฑ์อึ้ง สับสน ไม่รู้จริงๆ
"ผมไม่รู้จริงๆ นะคุณใหญ่ จะเอาผมไปสาบานที่ไหนก็ได้"
"ถ้าน้อยไม่รู้แล้วใครจะรู้"
ไกรกูณฑ์ตวาดใส่
"แม่ไงที่รู้ แม่รู้ทุกอย่าง คุณใหญ่อยากรู้อะไรก็ไปถามแม่เอาเอง อย่ามายุ่งกับผม"
"แล้วตอนนี้คุณท่านอยู่ที่ไหนล่ะ ท่านติดต่อน้อยมาบ้างรึเปล่า"
ไกรกูณฑ์หน้าเศร้า น้ำเสียงอ่อนลง
"ผมติดต่อแม่ไม่ได้เลย โทร.ไปก็ปิดเครื่องตลอด ผมอยากออกไปตามหาแต่คุณใหญ่ก็ไม่ยอมให้ไป ผมเป็นห่วงแม่มากนะคุณใหญ่"
วายุอึ้งไปเล็กน้อย เข้าใจและเห็นใจไกรกูณฑ์ เชื่อว่าน้องชายพูดจริง
บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ต บรรยากาศตอนกลางคืนอันเงียบสงัด ภูผาถือถุงใส่ของใบย่อม เดินลับๆ ล่อๆ มาที่บ้านพักหลังที่เขาซ่อมเมื่อตอนกลางวัน เขามองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครมาเห็น ก็เคาะประตูบ้านพักเบาๆ
"ผมเองครับ"
ประตูบ้านพักค่อยๆ เปิดแง้มออก ธรายืนอยู่ในห้อง !!!
ภูผามองซ้ายขวาอีกทีก่อนรีบเข้าไปในบ้านพักอย่างเร็วแล้วปิดประตูล็อกทันที
ภูผาเข้ามาในบ้านพักแล้วรีบปิดประตูล็อกทันที ธราถามอย่างระแวง
"มีใครตามมารึเปล่าคะ"
ภูผาส่งถุงใส่ของให้
"ไม่มีใครตามมาหรอกครับ ไม่ต้องกลัว ผมเอาเสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นมาให้"
"ขอบคุณมากนะคะที่ยอมช่วยฉัน ทั้งที่ฉัน...ฉันเกือบจะฆ่าหมอภูแล้ว"
ธราทำเป็นบีบน้ำตา เสียงสะอื้นใส่
"เรื่องมันผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะครับ ผมเข้าใจดีว่าคุณทำแบบนั้นเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้"
ธราหลบสายตา รีบเปลี่ยนเรื่องถาม เป็นห่วงลูก
"หมอภูได้ข่าวน้อยบ้างมั้ยคะ น้อยเป็นยังไงบ้าง"
"คุณน้อยถูกคุณใหญ่จับขังไว้ในห้อง"
ธรามีสีหน้าตกใจ หมอภูผารีบพูดแก้
"แต่คุณธราไม่ต้องห่วงนะครับ คุณใหญ่ไม่ได้ทำร้ายอะไรคุณน้อย"
ธราตาขวางขึ้นมาทันที
"แล้วนี่นายใหญ่มันยังไม่ถูกตำรวจลากคอเข้าคุกอีกเหรอคะ"
ภูผาชะงักไป สีหน้าผิดหวัง
"คุณเป็นคนแจ้งความจับคุณใหญ่ ใช่มั้ย คุณทำยังงั้นทำไม"
"ฉันต้องเล่นงานมันก่อนที่มันจะแจ้งความจับน้อยเข้าคุกน่ะสิ ฉันทำเพื่อปกป้องลูกฉัน ฉันไม่ผิดนะหมอภู ฉันไม่ผิด"
ภูผาเห็นธราอาการไม่ดี ท่าทางลุกลี้ลุกลน คุมสติไม่อยู่ก็รีบเดินไปรินน้ำพร้อมพูด
"คุณกินยานี่ก่อนดีกว่า จะได้หลับสบาย ไม่คิดฟุ้งซ่าน"
ภูผาหยิบยาจากตลับยาออกมาส่งให้ ธราระแวง
"เอายาอะไรมาให้ฉันกิน"
"ยาที่คุณต้องกินเป็นประจำไงครับ คุณคงไม่ได้กินมานานแล้ว ถึงได้เป็นแบบนี้ ผมขอร้อง กินยาเถอะนะ"
ภูผาสีหน้าอ้อนวอน ด้วยความเป็นห่วง ส่งยาและแก้วน้ำให้อีกครั้ง ธรามองยาในมือหมอภูผาอย่างลังเล
ทางด้านไกรกูณฑ์พยายามกดโทรศัพท์หาธรา -- “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” เขาวางโทรศัพท์ลงข้างตัว สีหน้าเศร้ามาก ทั้งเป็นห่วงแม่ ทั้งกลัวเพราะไม่เคยอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้มาก่อน
ธรานอนสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยาอยู่บนเตียง แล้วเห็นอุศเรนเดินผ่านแว๊บๆ ที่ปลายเตียง ธราเพ่งมองท่าทางไม่แน่ใจว่าตาฝาดหรือไม่ ทันใดนั้น อุศเรนก็มายืนประชิดอยู่ข้างเตียง
ธราผงะ ตกใจ
"ไอ้เรน"
อุศเรนจ้องมองธรา สีหน้าโกรธแค้นมาก
"แกไม่มีทางหนีความผิดพ้นหรอกนังแก่ ทำบาปอะไรไว้ แกก็ต้องชดใช้กรรมของแก"
ธราหวาดผวากับภาพหลอน หวาดกลัวลนลานรีบซุกตัวซ่อนในผ้าห่ม
ภูผากลับจากบ้านพักธราในรีสอร์ต เดินเข้ามาในห้องโถงบ้านพัก ไม่คาดคิดเสียงสลิลทักขึ้น
"คุณลุงไปไหนมาคะ"
ภูผาสะดุ้งเล็กน้อย หันไปทางต้นเสียง เห็นสลิลถือแก้วนมเดินเข้ามาหา ภูผาปรับสีหน้าให้เป็นปกติ "อ้าว ลูกหว้า ยังไม่นอนอีกเหรอ"
สลิลโชว์แก้วนมให้ดู
"หว้าหิว เลยลงมาหาอะไรทานน่ะค่ะ คุณลุงยังไม่ตอบหว้าเลย คุณลุงไปไหนมาคะ"
หมอภูผาตอบอย่างอึกอัก มีพิรุธเล็กน้อย
"ลุงนอนไม่หลับ ก็เลยลงไปเดินเล่นน่ะ ลุงขึ้นไปนอนก่อนนะ"
ภูผารีบเดินขึ้นชั้นบน กลัวอยู่นานจะถูกหลานสาวซักมากกว่านี้ สลิลมองตาม สีหน้าสงสัยเล็กน้อย
เช้าวันใหม่ วายุกับไกรกูณฑ์นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าที่วายุสั่งแม่บ้านให้จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ ไกรกูณฑ์ถามพี่ชายด้วยน้ำเสียงแดกดันหน่อยๆ
"ไม่กลัวผมหนีแล้วเหรอะ ถึงยอมให้ออกมานั่งกินข้าวนอกห้องได้"
ไกรกูณฑ์มองไปรอบ สูดอากาศ มีสีหน้าสดชื่นขึ้น
"พี่รู้ว่าน้อยฉลาดพอที่จะเลือกได้ ว่าอย่างไหนเป็นผลดีกับตัวน้อยมากกว่ากัน อยู่ที่นี่อย่างสงบ หรือว่า หนีออกไป"
"คุณใหญ่วางแผนจะทำอะไรกันแน่"
"พี่ไม่ใช่น้อยนะ ถึงจะได้มีแผนการอยู่ในหัวตลอดเวลา"
ไกรกูณฑ์ชะงักไปเล็กน้อย
"พี่แค่อยากให้เราได้นั่งคุยกันดีๆ บ้าง พี่รู้นะว่าตอนนี้น้อยกำลังรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก ไม่เหลือใครเลยใช่มั้ย"
ไกรกูณฑ์นิ่งเงียบ เพราะเป็นจริงอย่างที่วายุพูด วายุมองสังเกต แล้วพูดต่อ
"ถ้าน้อยคิดอย่างนั้น น้อยกำลังคิดผิด เพราะน้อยยังเหลือพี่อยู่อีกคน"
ไกรกูณฑ์จ้องหน้าวายุ ชั่งใจจะเชื่อดีไม่เชื่อดี
"พี่จะเป็นคนช่วยน้อยตามหาคุณท่านเอง ถ้าเราสองคนร่วมมือกัน พี่เชื่อว่าเร็วๆ นี้เราต้องเจอคุณท่านแน่"
ไกรกูณฑ์ท่าทางครุ่นคิด จนเกือบคล้อยตาม แต่แล้วอารมณ์ก็ฉุนเฉียวขึ้นมาอีก
"อย่ามากล่อมผมซะให้ยากเลย ผมไม่มีวันร่วมมือกับคุณใหญ่ตามตัวแม่กลับมาติดคุกหรอก เก่งนักก็ไปตามหาเอาเองเถอะ"
ไกรกูณฑ์ผลุนผลันลุกออกจากโต๊ะอาหารไป วายุถอนใจออกมาอย่างหนักใจที่ไกรกูณฑ์ไม่ยอมเข้าใจความหวังดีของเขาสักที
ไกรกูณฑ์เดินหน้าตาบูดบึ้งมาถึงบริเวณมุมทางเดิน ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของไกรกูณฑ์ก็ดังขึ้น เขายิ้มดีใจ รีบกดรับสาย
"แม่อยู่ที่ไหนครับ"
ธราคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องพักที่หมอภูผาจัดให้
"แม่อยู่ในที่ที่ปลอดภัย น้อยไม่ต้องห่วงแม่นะ แล้วน้อยล่ะเป็นยังไงบ้าง ไอ้ใหญ่มันทำอะไรน้อยรึเปล่า" "เปล่าครับ ตอนแรกผมก็คิดว่ามันจะจับผมส่งตำรวจซะอีก"
ธราสีหน้าเบาใจที่วายุไม่ได้ทำอะไรไกรกูณฑ์
" งั้นก็ดีแล้ว ช่วงนี้น้อยก็ทำดีกับมัน ให้มันตายใจไปก่อน แล้วค่อยหาทางจัดการมัน"
ไกรกูณฑ์ หลังจากนิ่งฟังแม่ สีหน้าก็เครียดไป
"หยุดเถอะครับแม่ ถ้าหยุดตอนนี้ยังมีโอกาสรอดนะครับ"
ธราสีหน้าโกรธขึ้นมาทันที
"แกคิดว่าไอ้ใหญ่มันจะปล่อยเราจริงๆ เหรอะ ไม่มีทาง ถ้าน้อยไม่ทำ แม่จะทำเอง แล้วชาตินี้น้อยอย่าหวังว่าจะได้เห็นหน้าแม่อีกเลย"
ไกรกูณฑ์ สีหน้าลำบากใจสุดๆ กลัวแม่ทิ้งไปจริงๆ รีบละล่ำละลักตอบไป
"แม่จะให้ผมทำอะไรก็บอกมาเลย แต่อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวนะครับแม่"
ไกรกูณฑ์น้ำตาท่วมตา ฟังธราไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ธราคุยโทรศัพท์มือถือกับไกรกูณฑ์อยู่ ไม่คาดคิด ภูผาในชุดออกกำลังกายไขกุญแจบ้านพัก เอาอาหารเช้าเข้ามาให้ ธรารีบกดตัดสายทิ้งทันที ภูผาปิดล็อกประตู เอาถาดอาหารมาวางที่โต๊ะ ก่อนจะเดินไปนั่งใกล้ๆ
"โทร.หาใครเหรอครับ"
ธราปั้นหน้าเศร้า โกหกไป
"ฉันอยากโทร.หาน้อย แต่ก็ไม่กล้า กลัวจะทำให้แกเดือดร้อนไปด้วย"
ภูผาพูดเกลี้ยกล่อม
"ถ้าคุณไม่อยากให้ลูกเดือดร้อน ก็ยอมมอบตัวสิครับ"
ธรามองภูผา ตาแข็ง
"หยุดพูดเรื่องมอบตัวซะทีได้มั้ย ถ้าคุณพูดเรื่องนี้อีก ฉันจะหนีไปจากที่นี่จริงๆ"
" โอเคครับ ถ้าคุณยังไม่พร้อม ผมก็จะยังไม่เร่งรัดอะไรตอนนี้ ผมเอาอาหารเช้ากับยามาให้ คุณทานซะนะ แล้วตอนกลางวันผมจะมาหาใหม่"
ธรานั่งนิ่งทำหูทวนลม สีหน้าไม่พอใจ ภูผาชำเลืองมองแล้วแอบถอนใจออกมาเบาๆ
สลิลเดินมองหาหมอภูผาเรื่อยมาตามทาง จนมาเจอเข็มที่กำลังกวาดใบไม้อยู่
"เข็มเห็นคุณลุงมั้ย"
"ผมเห็นวิ่งจ๊อกกิ้งไปทางหลังรีสอร์ทตั้งแต่เช้าแล้วครับ"
เข็มตอบแล้วนึกได้ รีบเล่า ด้วยสีหน้าหวาดๆ ขยับตัวเข้าใกล้
"คุณหว้าครับ เมื่อคืนมีพนักงานได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ในบ้านพักหลังที่มีคนยิงกันตายน่ะครับ"
สลิลไม่เชื่อถาม
"มีลูกค้ามาพักรึเปล่า"
"ไม่มีแน่นอนครับ บ้านพักหลังนั้นคุณหมอสั่งห้ามไม่ให้จัดให้ลูกค้าพักเด็ดขาด จนกว่าคุณหมอจะสั่งว่าให้ใช้ได้ ผีแน่ๆ เลยคุณหว้า"
สลิลขมวดคิ้ว สงสัย
"ไร้สาระ งั้นเดี๋ยวฉันไปดูเอง"
เข็มดึงสลิลไว้ ท่าทางกลัวๆ
"คุณหว้าไม่กลัวผีเหรอครับ"
"ผีเผอที่ไหน ไม่มีหรอก"
จังหวะที่สลิลกำลังจะไป ภูผาก็วิ่งจ๊อกกิ้งเข้ามาหาสลิลพอดี
"จะไปไหนลูกหว้า"
"หว้าจะไปดูบ้านพักหลังที่เคยมีคนตายหน่อยน่ะค่ะ เห็นพวกพนักงานลือกันว่ามีผี หว้าเลยจะไปดูให้เห็นกับตา ขืนปล่อยให้พูดกันไปมั่วๆ ยังงี้ เกิดข่าวรั่วออกไป ลูกค้าไม่กล้ามาพักกันพอดี"
ภูผาหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย รีบแก้ตัว
"ลุงเพิ่งไปดูมาเมื่อกี้เอง ไม่เห็นมีอะไรเลย หว้าไม่ต้องไปหรอก กลับไปกินข้าวเช้ากับลุงดีกว่า ลุงหิวแล้ว"
ภูผาเข้าไปโอบไหล่สลิล แล้วพาเดินกลับไปเลย ไม่เว้นช่องให้ต่อรองใดๆ สลิลติดใจสงสัย คิดว่าต้องมีอะไรที่บ้านพักหลังนั้นแน่ๆ
เวลากลางวัน วายุคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่โถงบ้านในไร่วายุกูล
"ฉันพยายามพูดเกลี้ยกล่อมน้อยแล้ว แต่น้อยก็ไม่ยอมบอกอะไรเลย ฉันว่าน้อยเองก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าคุณท่านอยู่ที่ไหน"
สลิลคุยมือถืออยู่ที่มุมสวยของรีสอร์ต
"หว้าสังหรณ์ใจว่าคุณป้าต้องอยู่ใกล้ๆ เรานี่แหละค่ะ คุณใหญ่ไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงหว้าจะช่วยตามหาคุณป้าให้เจอให้ได้"
สลิลกดตัดสาย สีหน้าติดใจสงสัยอะไรบางอย่าง
ผ่านเวลาซักครู่ สลิลแอบย่องเข้ามาแบบลับๆ ล่อๆ โดยเอาเข็มมาเป็นเพื่อนด้วย แต่เข็มคอยแอบหลัง ด้วยความกลัวผี จนสลิลรำคาญ
"กลางวันแสกๆ จะกลัวอะไรนักหนา"
เข็มสีหน้าหวาดๆ
"ถ้าคุณหว้าไม่กลัวแล้วทำไมไม่มาคนเดียวล่ะครับ"
สลิลถลึงตาใส่
"ย้อนเหรอ เดี๋ยวจะโดนดี"
เข็มหน้าจ๋อยไป
"ตามมาเร็วเข้า"
สลิลเดินย่องนำไปด้านหน้าบ้านพัก เข็มเดินเกาะหลังสลิลเป็นปลิงไม่ปล่อย
"คุณหว้าจะทำไงต่อครับ"
"ก็เข้าไปดูในบ้านสิ"
"เราไม่มีกุญแจหรอกครับ คุณหมอเก็บเอาไว้"
"แต่ฉันเป็นคนเก็บกุญแจสำรองบ้านพักทุกหลัง ถอยไปหน่อยได้มั้ย"
เข็มขยับตัวออกให้สลิลล้วงกุญแจออกมาเสียบแม่กุญแจเข้ารูกุญแจตั้งท่าจะไข
ภูผาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาห้ามทันที
"หว้าจะทำอะไร"
สลิลหันมอง ภูผาแล้วตัดสินใจไขประตูห้องเข้าไปทันที ก่อนจะมีคำทัดทานใดๆ ออกมาจากปากของผู้เป็นลุง ภูผาตกใจมาก เข็มยกสองมือปิดหน้ามิด หลับตาปี๋ กลัวผี และวิ่งหนีกลับไป สลิลไขประตูบ้านพักแล้วเปิดเข้าไปดูด้านใน ไม่มีใคร ในห้องห้องโล่ง ปูเตียงเรียบร้อยอย่างดี ไม่มีร่องรอยคนมาพัก
ภูผาวิ่งพรวดตามเข้ามา พบว่าไม่มีใคร จึงโล่งอกมาก
"มีใครที่ไหนล่ะ"
สลิลมองหน้าลุงอย่างจับผิด
"แล้วคุณลุงคิดว่าหว้าจะมาตามหาใครเหรอคะ"
ภูผาชะงัก รีบแถแก้ตัวไป
"ลุงก็จะถามเราอยู่พอดี มาทำอะไร ลุงสั่งห้ามใช้บ้านพักหลังนี้แล้วไม่ใช่เหรอ"
"ก็หว้าไม่ชอบให้มีเรื่องค้างคาใจนี่คะ อย่างที่หว้าบอกคุณลุง คนงานเอาไปลือกันว่าบ้านพักมีผีสิง หว้าเลยอยากมา ดูให้เห็นกับตาตัวเอง"
" เหลวไหล ไปเชื่อตามพนักงานได้ยังไงกัน พวกนั้นก็พูดกันสนุกปากไปเรื่อยเปื่อย เออเมื่อกี้ลุงเห็นคุณทิพย์ตามหาหว้าอยู่แน่ะ ไม่รู้มีเรื่องอะไร รีบกลับไปทำงานกันดีกว่านะ"
ภูผาจับแขนสลิลลากออกไปแล้วรีบปิดประตูห้องพักล็อกอย่างดิบดี สลิลติดใจสงสัยว่าธราต้องอยู่ที่นี่แน่ หลังพุ่มไม้ด้านข้าง ธราหลบอยู่พร้อมสัมภาระส่วนตัว และจิกตามองตามสลิลอย่างชิงชัง ขบกรามแน่น สีหน้าไม่พอใจ
"แส่ไม่เข้าเรื่องนักนะ"
ภูผาโอบไหล่กึ่งบังคับสลิลเดินเข้ามาที่ล็อบบี้รีสอร์ต สลิลดันตัวลุงออก แล้วถามออกมาตรงๆ อย่างทนไม่ไหว
“คุณลุงกำลังปิดบังอะไรหว้าอยู่กันแน่คะ”
ภูผานิ่งเงียบไม่ตอบอะไร สลิลรุกต่อ จ้องหน้าคาดคั้น
“คุณลุงพาคุณป้าธรามาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักหลังนั้นใช่มั้ยคะ”
“ใช่”
ภูผาตัดสินใจยอมรับตามตรง เพราะรู้ว่าคงปิดได้ไม่นาน สลิลอึ้งไป
“หว้ากับคุณใหญ่ตามหาคุณป้าแทบแย่ ที่แท้คุณป้าก็อยู่แค่ปลายจมูกแค่นี้เอง”
ทันใดนั้นเสียงวายุก็ดังแทรกเข้ามา
“ทำไมคุณลุงต้องทำแบบนี้ด้วยครับ”
หมอภูผากับสลิลหันขวับไปทางต้นเสียง ภูผามีสีหน้านิ่งขรึมไป
“คุณป้าทำผิดร้ายแรงขนาดนั้น คุณลุงช่วยเค้าทำไม คุณลุงกำลังปกป้องคนผิดอยู่นะคะ”
ภูผาเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟารับแขก ถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนตัดสินใจเล่าความลับของธราให้วายุกับสลิลฟัง
ในอดีต ภายในโรงพยาบาลโรคจิต ธรานอนอยู่บนเตียงคนไข้ กำลังอาละวาดขว้างปาข้าวของ พยาบาลกับหมอต้องช่วยกันจับตัวเอาไว้ ภูผาช่วยจับธรา และมองธราสงสารและเห็นใจ
“ คุณธราเธอเคยเครียดมากถึงขั้นสติแตกจนต้องเข้ารับการบำบัดอาการทางจิต แต่ลุงก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรที่กระทบจิตใจเธอรุนแรงถึงขนาดนั้น”
หมอภูผากับธรานั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนของโรงพยาบาล หมอภูผาเอายาให้ธรากิน ธราพูดคุยยิ้มแย้มกับหมอภูผาเหมือนคนปกติ
“ต้องกินยาต่อเนื่องอยู่นาน จนสภาพจิตใจค่อยๆ ดีขึ้น”
หมอภูผารับธราออกจากโรงพยาบาล
“จนลุงคิดว่าคุณธราหายเป็นปกติแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาการถึงได้กำเริบขึ้นมาอีก”
ภูผาเล่าให้สลิลและวายุฟังอย่างเข้าใจและเห็นใจธรา
“เพราะลุงรู้ว่าสภาพจิตใจของคุณธราไม่ปกติ ลุงถึงต้องช่วยเธอ ให้เธออยู่ในสายตา ดีกว่าปล่อยให้เตลิดไปที่อื่น”
วายุหน้าเศร้า ระบายความในใจออกมา สลิลมองอย่างเห็นใจ
“ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ความจริงผมกับแม่ดวงดาวตะหากที่ต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดมากกว่า คุณพ่อดูแลคุณท่านกับน้อยออกหน้าออกตา ขณะที่ผมกับแม่เหมือนถูกซ่อนอยู่ที่บ้านเล็ก คุณพ่อแทบจะไม่ได้ลงมา
หาพวกเราเลย เพราะเกรงใจคุณท่าน”
ภูผาบีบไหล่วายุเบาๆ อย่างปลอบใจ
“มันเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างคิดแต่ในมุมของตัวเอง ต่างฝ่ายต่างโทษกันไปมา เรื่องถึงได้เป็นแบบนี้”
สลิลตรงจนอดพูดไม่ได้
“แต่เราจะใช้อาการป่วยทางจิตของคุณป้ามาเป็นข้ออ้างที่จะปล่อยคุณป้าไปไม่ได้นะคะ”
ภูผาและวายุชะงักไปเล็กน้อย อึ้งๆกันไป
“เดี๋ยวฉันจะให้น้อยมาช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้คุณท่านยอมมอบตัว ถ้าน้อยพูดคุณท่านน่าจะฟัง”
“คุณป้าถลำลึกมาถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่ยอมมอบตัวง่ายๆ หรอกค่ะ ดีไม่ดีคุณป้าอาจจะกำลังวางแผนเล่นงานพวกเราทุกคนอยู่ก็ได้ หว้าขอพูดตรงๆ นะคะ คุณป้าคือบุคคลอันตราย เค้าทำได้ทุกอย่าง หมดเวลาใจอ่อนอีกแล้วนะคะ”
สลิลมองกราดทั้งภูผาและวายุ ทั้งคู่หลบสายตาไปมาเพราะรู้ตัวว่าอดใจอ่อนให้กับธราไม่ได้แน่ๆ
ธราโทรศัพท์หาไกรกูณฑ์
“หาทางฆ่าไอ้ใหญ่ให้เร็วที่สุด แล้วแม่จะกลับไปหาน้อยเอง”
ไกรกูณฑ์สีหน้าไม่อยากทำ แต่ก็ไม่อยากเถียงให้แม่อารมณ์เสีย
“ครับแม่”
“มากน้อยลูกรักของแม่ งั้นแค่นี้ก่อนนะลูก”
“ เดี๋ยวครับแม่ ผมมีอีกเรื่องอยากถามแม่...ตกลงแม่เอาศพไอ้เรนไปไว้ไหนกันแน่ครับ ตำรวจมาขุดบ่อน้ำเจอแค่ศพละเวงคนเดียว”
“แม่เป็นคนจับมันโยนลงไปในบ่อน้ำกับมือ ศพมันจะไม่อยู่ที่นั่นได้ยังไง หรือว่ามันยังไม่ตาย ... น้อยต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะลูก เพราะถ้าไอ้เรนมันยังไม่ตาย มันต้องกลับมาแก้แค้นพวกเราแน่ๆ”
ธราฟังไกรกูณฑ์ครู่หนึ่งแล้วกดตัดสาย ปิดเครื่องไปเลย ไกรกูณฑ์ทั้งกลัว ทั้งระแวงว่า ถ้าอุศเรนยังไม่ตายจะกลับมาแก้แค้นจริงๆ เหมือนมีสายตาแอบมองไกรกูณฑ์มาจากมุมหนึ่ง จนเขารู้สึกได้ เสียงหลังวูบ ครั้นเมื่อเขาหันขวับไปมองทางมุมนั้น ไม่มีใคร ไกรกูณฑ์หวาดกลัวปนตื่นตระหนกรีบวิ่งหน้าตื่นกลับเข้าบ้านพัก
สลิลเดินมาส่งวายุขึ้นรถที่หน้าเรือนสำนักงานของรีสอร์ต สลิลชำเลืองมองหน้าซึมๆของวายุ แล้วพูดปลอบใจ
“หวังว่าคุณป้าจะยอมมอบตัวแต่โดยดีนะคะ เรื่องจะได้จบง่ายๆ”
วายุฝืนยิ้มรับบางๆ หวังอยากให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน รถของวิธูขับเข้ามาจอดใกล้กับรถของวายุ
เขาลงจากรถ หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้ามาหาสลิล
“ทะเลาะกับลูกหยีมาอีกแล้วล่ะสิ”
วิธูยิ้มแย้ม ชำเลืองมองวายุเล็กน้อยเหมือนจงใจพูดให้คิด
“หว้านี่รู้ใจผมไม่เปลี่ยนเลยนะ”
วายุรู้สึกขวางหูหน่อยๆ ปั้นหน้านิ่งอย่างเก็บอาการ สลิลรีบพูดแก้เสียงแข็ง
“รู้ทันไม่ใช่รู้ใจ”
วิธูยิ้มแหย
“ผมขอพักที่นี่สักสองสามคืนนะ ขืนอยู่บ้านกับลูกหยีคงได้เลิกกันแน่”
“ไปขอกับคุณลุงเอาเองแล้วกัน”
สลิลสีหน้าหนักใจกับปัญหาครอบครัวของน้องสาว
“ ฉันกลับก่อนนะ เธอจะได้ดูแลแขก”
พูดจบวายุก็เดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที สลิลไม่เข้าใจอารมณ์วายุ ที่จู่ๆ ก็ปั้นปึ่งขึ้นมา
วิธูยิ้มๆพอใจถาม
“เค้าหึงรึเปล่า”
“ประสาท จะมาหึงหว้าทำไม”
สลิลตอบแบบไม่สู้สายตา ก่อนเดินนำเข้าไปข้างในแต่ก็แอบชำเลืองมองตามรถวายุไปอย่างกังวลๆ เพราะแคร์ความรู้สึกอยู่เหมือนกัน วิธูยิ้มมุมปากอย่างพอใจก่อนเดินตามสลิลไป
ไกรกูณฑ์ยืนครุ่นคิดเรื่องที่ธราสั่งให้ฆ่าวายุ อยู่ที่โถงบ้านพัก ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ไกรกูณฑ์หยิบมาดู เป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ เขากดรับสาย สีหน้าแปลกใจ
“ฮัลโหล”
“สบายดีเหรอครับคุณน้อย”
“นั่นใครน่ะ”
“อะไรกันคุณน้อย จำผมเสียงไม่ได้จริงๆ เหรอ”
ผู้ที่โทร.มาหัวเราะขำ เสียงนั้นทำให้ไกรกูณฑ์หน้าซีดเผือดในทันที
“ไอ้เรน”
อุศเรนสีหน้าโกรธอยู่ที่สวนหย่อม คุยมือถือพร้อมกับจ้องไปที่บ้านพัก
“ใช่ ฉันเอง”
ไกรกูณฑ์หน้าซีด มือสั่น
“นี่แกยังไม่ตายจริงๆ เหรอะ”
“ผีที่ไหนจะคุยมือถือกับคุณได้ครับคุณน้อย”
ไกรกูณฑ์สีหน้าหวาดกลัว มองไปรอบๆ ตัว และรีบปิดล็อกประตูบ้าน
“แกตกไปในบ่อ แล้วแกรอดมาได้ยังไง”
อุศเรนยืนจ้องเขม็งไปที่บ้านพัก สีหน้าแววตาอาฆาตแค้นสุดๆ
คืนนั้น หลังเหตุการณ์ที่อุศเรนถูกธราช็อตไฟฟ้าจนสลบแล้วถูกจับโยนลงไปในบ่อบาดาล ปรากฏว่า
อุศเรนสลบอยู่บนกิ่งไม้ที่หักพาดคาอยู่ในบ่อ ครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ เผยอเปลือกตาฟื้นขึ้นอย่างยากลำบาก
“แกไม่ต้องสนใจหรอกว่าฉันรอดมาได้ยังไง สนใจว่าฉันโทร. มาหาแกทำไมดีกว่า”
“แกต้องการอะไร”
อุศเรนพูดเน้นๆ น้ำเสียงอาฆาตแค้น
“ฉันก็ต้องการแก้แค้นให้พี่ละเวงน่ะสิ ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
ไกรกูณฑ์หน้าซีดเผือด แทบทรุด
"กลัวมากล่ะซิ หลบอยู่ในบ้านแค่นั้น ช่วยชีวิตแกไม่ได้หรอก"
"แกอยู่แถวนี้ใช่มั้ย"
ไกรกูณฑ์มองหารอบตัว อย่างระแวง อุศเรนหัวเราะหึๆ กวนประสาท
"ฉันจับตาดูแกอยู่ตลอดเวลา"
ไกรกูณฑ์ยิ่งประสาทเสีย มั่นใจว่าอุศเรนต้องแอบดูเขาอยู่แถวนี้แน่
"วันนี้ฉันจะจัดการกับนังแก่จิตวิปริตนั่นก่อน"
"แกจะทำอะไรแม่ฉัน"
ปลายสายเงียบ ไกรกูณฑ์ร้อนรน จนประสาทเสีย
"ไอ้เรน...ไอ้เรน"
อุศเรนกดวางสายไปดื้อๆ ยิ้มร้ายสะใจที่ได้ยั่วประสาทไกรกูณฑ์ ไกรกูณฑ์ปิดล็อกหน้าต่าง ประตู ทุกบานอย่างร้อนรนด้วยความหวาดกลัว ไกรกูณฑ์มือไม้ส่ง ฉุกคิดขึ้นมา กดโทรศัพท์มือถือออกหาใครบางคน
วายุขับรถอยู่พร้อมคุยโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ
เสียงไกรกูณฑ์ร้อนรน ร้อนใจ
"เราต้องรีบตามหาแม่ให้เจอ ก่อนที่ไอ้... ไอ้เลวนั่นมันจะทำร้ายแม่"
วายุนิ่งคิดครู่หนึ่ง สงสัยว่าใครจะทำร้ายธรา
"ไอ้เลวที่น้อยพูดถึง คือใคร"
ไกรกูณฑ์ตะคอกกลับมา
"คุณใหญ่ยังไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น คุณใหญ่จะไม่ช่วยแม่ใช่มั้ย"
"พี่ยังไม่ได้บอกซักคำว่าจะไม่ช่วย พี่จะพาน้อยไปหาคุณท่านก็ได้ แต่น้อยต้องรับปากว่าจะช่วยเกลี้ยกล่อมให้คุณท่านยอมมอบตัวแต่โดยดี"
"ก็ได้ๆ แต่เราต้องรีบไปกันเลย คุณใหญ่รีบกลับมารับผมที่ไร่เดี๋ยวนี้เลย"
"พี่ถึงหน้าไร่แล้ว"
วายุกดตัดสายด้วยสีหน้าติดใจสงสัยว่า ทำไมไกรกูณฑ์ดูร้อนรนมากขนาดนั้น
ไฟในวายุ ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
ผ่านเวลาซักครู่ บริเวณล็อบบี้บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ต วิธูไหว้ขอบคุณหมอภูผา สลิลสีหน้าเซ็งยืนอยู่ข้างหมอภูผา
"ขอบคุณคุณลุงมากนะครับที่ให้ผมพักที่นี่ แต่ผมมีเรื่องขอร้อง ถ้าลูกหยีมาถามหาผม อย่าบอกลูกหยีนะครับว่าผมอยู่ที่นี่"
"มีปัญหาอะไรทำไมไม่พูดจากันให้เข้าใจ หลบหน้ากันอย่างนี้มีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลง"
สลิลได้แต่ฟังอยู่เงียบๆ วิธูเหนื่อยใจ
"ผมพยายามจะทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นแล้วนะครับคุณลุง แต่ลูกหยีก็ทำให้มันแย่ลงเรื่อยๆ บางครั้งผมก็ รู้สึกว่าเค้าไม่ได้รักผมเลย เค้าแค่อยากแย่งผมไปจากลูกหว้าก็เท่านั้นเอง" วิธูชำเลืองมองสลิลอย่างรู้สึกผิด
สลิลสีหน้านิ่งเฉย ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้แล้ว
ด้านหลังสลิล อุศเรนเดินผ่านไปแว๊บๆ ตรงไปทางบ้านพักธรา แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ผ่านเวลาเล็กน้อย บริเวณหน้าเรือนสำนักงานบ้านไร่สายน้ำรีสอร์ต รถของวายุขับเข้ามาจอด วายุกับไกรกูณฑ์ลงจากรถพร้อมกัน วายุเดินนำน้องชายเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไกรกูณฑ์รีบเดินตามด้วยสีหน้าร้อนรนเป็นห่วงธรามาก
ธราเดินวนไปวนมาอย่างคนวิตกจริตอยู่ในห้องพัก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ธราสะดุ้ง หันขวับไปมองทางประตูอย่างหวาดระแวง เธอค่อยๆ เดินไปยืนแนบประตู
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
"หมอภูเหรอคะ"
เงียบ !!
ธราเปิดประตูช้าๆ แง้มออกดูอย่างระวังตัว
ทันทีที่ประตูแง้มออก อุศเรนก็ผลักประตูเข้ามาอย่างแรง จนธราผงะหงายหลัง อุศเรนรีบปิดล็อกประตู
ธราตกใจหน้าซีด ไม่แน่ใจว่าคนหรือผี
"ไอ้เรน"
อุศเรนเดินเข้ามาประชิดตัวธรา
"แปลกใจล่ะสิที่เห็นฉันยังไม่ตาย"
ธรารีบโผไปที่เตียง ฉวยปืนออกมาจากในกระเป๋าถือ อุศเรนตามไปแย่งปืนจากธรา ทั้งสองคนมีการต่อสู้แย่งชิงปืนกัน ธราเหมือนมีแรงผิดผู้หญิงสูงวัยคนอื่นๆเพราะอาการทางจิตของเธอ กว่าอุศเรนจะแย่งปืนมาได้ก็เกือบแย่เหมือนกัน
ทันทีที่อุศเรนแย่งปืนมาได้ แล้วเล็งปืนไปที่ธรา แววตาโหดเหี้ยม
ธราอ้อนวอนขอชีวิต
"อย่าทำอะไรฉันเลยนะ แกอยากได้เงินเท่าไหร่บอกฉัน ฉันจะหามาให้"
อุศเรนเล็งปืนขู่ธรา แววตาดุดัน
"ฉันไม่โง่หลงคารมแกเป็นครั้งที่สองหรอกนังแก่โรคจิต"
"ถ้างั้นแกต้องการอะไร บอกฉันสิ ฉันจะหาให้ทุกอย่าง แต่อย่าฆ่าฉันเลยนะ"
อุศเรนแค่นหัวเราะ เย้ยหยัน
"รักตัวกลัวตายเหมือนกันเหรอะ ฆ่าแกตอนนี้มันง่ายเกินไป เดี๋ยวฉันจะหาอะไรสนุกๆ ให้แกทำก่อนตาย"
ธราจิกตามองอย่างโกรธมาก แต่ไม่กล้าขยับตัวทำอะไร เพราะถูกอุศเรนเอาปืนจ่ออยู่ ฝ่ายอุศเรนมีสีหน้าคิดร้าย แบบมีแผนการในใจ
ภูผาเดินนำวายุ ไกรกูณฑ์ และสลิลมาตามทางเดิน จนมาถึงหน้าบ้านพักธรา เห็นประตูบ้านพักเปิดกว้างอยู่
"คุณธรา"
ภูผารีบวิ่งนำเข้าไปดูในบ้านพัก ไกรกูณฑ์พุ่งตามไปติดๆ วายุและสลิลจะหันมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนรีบเดินตามเข้าไป
ภายในห้องพัก ภูผากวาดตามองไปรอบๆ เห็นร่องรอยการต่อสู้ระหว่างธรากับอุศเรน และข้าวของที่ตกเกลื่อนพื้น หมอภูผาแปลกใจ เรียกหา
"คุณธราครับ"
ภูผาแล้วเดินไปดูในห้องน้ำ แล้วบอก
"คุณธราไม่อยู่แล้ว"
ไกรกูณฑ์หน้าเสีย
"แม่ถูกไอ้เรนจับตัวไปแล้วแน่ๆ"
วายุแปลกใจ หันมาถาม
"น้อยหมายถึงอุศเรน น้องชายละเวงน่ะเหรอะ"
"เค้าตายไปแล้วนี่คะ" สลิลว่า
ไกรกูณฑ์น้ำตารื้นขึ้นมาจนตาแดงกล่ำด้วยความกดดัน
"มันยังไม่ตาย มันโทร.มาขู่ผมว่าจะทำร้ายแม่ แก้แค้นให้พี่สาวมัน"
วายุถามซักทันทีด้วยความร้อนใจ
"แล้วมันจะจับคุณท่านไปไหน มันบอกรึเปล่า"
ไกรกูณฑ์ส่ายหน้า น้ำตาไหล เดินไปนั่งก้มหน้าที่เตียง ภูผา ตบบ่าลูบหลังไกรกูณฑ์ให้กำลังใจ วายุกับสลิลมองหน้ากัน คิดว่า จะทำยังไงต่อดี
ผ่านเวลาซักพัก ในบ้านร้างบนเขา ธราถูกจับมัดมือไพล่หลัง และถูกผลักล้มลงไปนั่งรวมกับนวลขวัญที่ถูกจับตัวมาก่อนแล้ว
"คุณป้า..."
ธราถามอุศเรนเสียงแข็ง
"แกจับนังนี่มาทำไม"
อุศเรนยิ้มขำสาแก่ใจ
"ไอ้น้อยมันรักผู้หญิงคนนี้มาก คงสะใจดี ถ้ามันได้เห็นนังนี่ตายไปต่อหน้าต่อตา"
นวลขวัญหน้าซีด ตกใจกลัวแต่ก็ตั้งสติได้ดี ไม่โวยวาย ธราตวาดสวนออกมาทันที
"ไม่จริง น้อยไม่ได้รักมัน"
ธราจิกตาใส่นวลขวัญด้วยความหวงลูกชาย
"รอฟังจากปากลูกชายแกเองก็แล้วกัน"
อุศเรนแสยะยิ้มร้ายกาจ แล้วเดินออกไปข้างนอกปิดประตูล็อคไว้ ธราตาขวางมองนวลขวัญที่หลบตา ก้มหน้า
ธรากวาดตามองไปทั่วๆ คิดหาทางหนีและเอาคืนอุศเรนให้ได้
เวลาต่อเนื่องมา ไกรกูณฑ์รับโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียด
"แกจับแม่ฉันไปไว้ที่ไหน"
วายุ สลิลและภูผาล้อมไกรกูณฑ์เข้ามา จดจ่อรอฟังข่าวธราอยู่ใกล้ๆ
"บ้านร้างบนเขา" อุศเรนบอก
อุศเรนยิ้มแสยะยืนคุยมือถืออยู่ที่หน้าบ้านร้างบนเขา
"ที่ที่แกเคยให้ฉันจับไอ้ใหญ่มาฆ่าทิ้งยังไงล่ะ เอาเงินสดสิบล้านมาให้ฉันก่อนหกโมงเย็น"
ไกรกูณฑ์มองนาฬิกา ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายสอง
"ป่านนี้แล้วฉันจะเอาเงินสดตั้งสิบล้านจากไหนไปให้แกทัน"
ทุกคนสบตากันไปมา
"ถ้ามาไม่ทันก็เตรียมตัวรับศพนังแก่ธรากับนังนวลขวัญได้เลย" อุศเรนบอก
ไกรกูณฑ์สีหน้าช็อกมาก
"นี่แกจับคุณขวัญไปด้วยเหรอะ"
ทุกคนได้ยินก็ตกใจ
"มาคนเดียว ห้ามแจ้งตำรวจ อย่าตุกติกเป็นอันขาด ไม่งั้นคนที่แกรักได้ตายพร้อมกันหมดแน่ๆ"
อุศเรนกดตัดสายไป
"ไอ้เรน...ไอ้เรน"
วายุรีบถาม
"มันจับคุณท่านไปไว้ที่ไหน"
ไกรกูณฑ์เกือบจะบอก แต่ก็เปลี่ยนใจไม่บอกตามคำสั่งอุศเรน
"คุณใหญ่ไม่ต้องยุ่ง ผมจะหาทางช่วยแม่เอง"
ไกรกูณฑ์เดินจ้ำออกไป
"น้อยรอพี่ก่อน"
วายุวิ่งตามไป ด้วยสีหน้าเครียดเป็นห่วง สลิลจะตามไปอีกคน แต่ภูผาจับแขนรั้งเอาไว้
"หว้า อย่าตามพวกเค้าไปเลย มันอันตราย"
"คุณลุงไม่เป็นห่วงคุณป้าแล้วเหรอคะ"
สลิลจ้องหน้ารอคำตอบ ภูผานิ่งเงียบไม่ตอบอะไร แต่สีหน้าแสดงความเป็นห่วงชัดเจน สลิลถอนใจออกมา
ตอนบ่าย ภายในห้องโถงบ้านพักไร่วายุกูล ไกรกูณฑ์เดินวนไปวนมา ยกมือถือขึ้นดูเวลาเป็นระยะๆ เครียดที่หาเงินไม่ได้
ไกรกูณฑ์บ่นพึมพำ
"ทำไมยังไม่โทร.กลับมาซะทีวะ"
วายุเดินเข้ามา เอากระเป๋าใส่เงินมาให้
"พี่เตรียมเงินให้แล้ว"
ไกรกูณฑ์รับกระเป๋าไปเปิดแง้มดู แล้วอึ้งไป ด้วยละอายใจขึ้นมานิดๆ
"ทำไมคุณใหญ่ต้องช่วยผมกับแม่ด้วย"
"พี่บอกแล้วไง ว่าถึงน้อยกับคุณท่านจะเกลียดพี่ แต่พี่ไม่เคยโกรธหรือเกลียดน้อยกับคุณท่านเลย"
ไกรกูณฑ์อึ้ง มองหน้าวายุนิ่งๆ
"ตอนนี้พี่คิดอยู่อย่างเดียว คือจะช่วยคุณท่านให้ปลอดภัยได้ยังไง เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง"
ไกรกูณฑ์แอบซึ้งใจ
"ขอบคุณครับคุณใหญ่ ผมรีบไปช่วยแม่ก่อน"
ไกรกูณฑ์จะเดินไป วายุรีบเดินตาม
"พี่ไปด้วย"
ไกรกูณฑ์ชะงัก หันมาห้าม
"ขอให้ผมได้ทำอะไรด้วยตัวเองบ้างเถอะ ครับ คุณใหญ่อย่าไปเลย"
วายุมองไกรกูณฑ์ที่เดินออกไปด้วยสีหน้าเป็นห่วง ใช้ความคิด
ไกรกูณฑ์หิ้วกระเป๋าเงินเดินออกมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน แล้วขับออกไป ทิ้งระยะครู่หนึ่งวายุก็เดินออกมา แล้วรีบไปขึ้นรถของตัวเอง แต่แล้วก็ต้องตกใจที่เห็นสลิลนั่งรออยู่ในรถแล้ว
"เธอมาได้ยังไง"
สลิลตอบหน้าตาย
"คุณลุงมาส่ง"
"นี่มันไม่ใช่เรื่องของเธอ เดี๋ยวก็โดนลูกหลงหรอก"
"ไม่ใช่แค่คุณป้าที่ถูกจับตัวไปนะคะ พี่ขวัญก็ถูกจับตัวไปด้วย"
วายุเถียงไม่ออก สลิลรีบตัดบท
"อย่ามัวถามอะไรเลยค่ะ เดี๋ยวตามคุณน้อยไม่ทันนะคะ"
วายุถอนใจพรวดออกมากลัวตามไกรกูณฑ์ไม่ทัน รีบขับรถออกไป จำใจต้องพาสลิลไปด้วย
สลิลรีบชะเง้อมองตามรถไกรกูณฑ์ไป
อุศเรนเดินวนไปมา ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ยิ้มแสยะร้ายกาจ ก่อนจะหันมาพูดกวนประสาทธรา
"ใกล้ถึงเวลาที่เราจะได้เล่นเกมสนุกๆ กันแล้วนะนังแก่ ... แกด้วย"
นวลขวัญนิ่งดูสถานการณ์ ไม่พูดอะไร
ธราตวาดถาม
"แกคิดจะทำอะไร"
อุศเรนขำๆ ยิ้มร้าย
"เดี๋ยวก็รู้ รอให้ไอ้น้อยมาถึงก่อนเถอะ"
นวลขวัญพยายามขยับมือไปเรื่อยๆ กะให้เชือกที่มัดอยู่หลุด พร้อมกวาดตามองหาช่องทางหนีไปด้วย
ไกรกูณฑ์ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านร้างบนเขา เขาถือกระเป๋าเงินลงจากรถ มองไปรอบๆ ท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย ก่อนสูดลมหายใจรวบรวมกำลังใจ แล้วเดินตรงไปที่ตัวบ้าน
ในบ้านร้าง อุศเรนถือปืนยืนคุมธรากับนวลขวัญอยู่ ไกรกูณฑ์ถือกระเป๋าเงินเดินเข้ามา ธราเห็นลูกชายก็ใจชื้นที่ลูกมาช่วย แต่เขากลับมองและพูดกับนวลขวัญก่อนแม่
"คุณขวัญเป็นยังไงบ้างครับ"
ธราหุบยิ้มกึก ชักสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง ไกรกูณฑ์กับนวลขวัญมองสบตากันเล็กน้อย ก่อนที่ไกรกูณฑ์จะหันมาถามธรา
"มันทำอะไรแม่รึเปล่า"
อุศเรนหัวเราะเสียงดังแทรกขึ้น
"ห่วงผู้หญิงมากกว่าแม่ซะอีก"
ธราหน้าหงิก บึ้งตึง ไม่พอใจมาก อุศเรนยุแยง
"เห็นรึยังว่าไอ้น้อยรักนังนวลขวัญมากแค่ไหน"
ธราตวาดสวนออกมา
"ไม่จริง น้อยไม่ได้รักมัน... แม่เคยสั่งห้ามน้อยแล้วไง อย่าไปรักใครนอกจากแม่คนเดียว ผู้หญิงอื่นหวังแต่ปอกลอกน้อย จะทำให้น้อยของแม่เสียใจ ไม่มีผู้หญิงหน้าไหนมันจริงใจกับน้อยหรอก"
นวลขวัญอึ้งไปกับคำพูดของธรา ธราน้ำตาท่วม ปวดร้าวใจมาก
"บอกแม่สิน้อย บอกแม่ว่าน้อยไม่ได้รักมัน"
นวลขวัญเหมือนจะรอฟังคำตอบอยู่เหมือนกัน ไกรกูณฑ์สีหน้าลำบากใจที่จะพูด อุศเรนหน้ากวนเยาะเย้ย
"กล้าๆ หน่อยสิคุณน้อย รักหรือไม่รัก ผู้หญิงเค้ารอฟังอยู่"
ไกรกูณฑ์ตัดสินใจพูดออกมาแบบยอมขัดใจแม่เป็นครั้งแรก)
"ผมรักคุณขวัญครับแม่"
ธราไม่พอใจมาก ร้องกรี๊ดออกมาอย่างคนเสียสติ
"น้อยกล้าขัดคำสั่งแม่เหรอะ แม่ไม่อนุญาตให้น้อยรักมัน"
ไกรกูณฑ์กับนวลขวัญต่างตกใจ ไม่เคยเห็นธราเป็นแบบนี้มาก่อน อุศเรนหัวเราะเยาะธราเสียงดัง
ธรากรีดร้องแล้วร้องไห้ออกมา
"ไม่จริง น้อยรักฉัน รักฉันคนเดียว"
ไกรกูณฑ์พูดปลอบธรา น้ำตาคลอ
"ผมรักแม่นะครับ ยังไงผมก็รักแม่"
ธราอาการสงบลงเล็กน้อย หายใจเหนื่อยหอบ น้ำตายังนองหน้า มองหน้าลูกชาย
รถวายุเข้ามาจอดใกล้ๆ กับรถของไกรกูณฑ์ วายุกับสลิลลงจากรถพร้อมกัน
"รออยู่ที่รถนี่แหละ ไม่ต้องเข้าไป เห็นเหตุการณ์ไม่ดี รีบโทรแจ้งตำรวจทันทีเลยรู้มั้ย"
"ค่ะ"
วายุรีบลงไปจากรถ พอคล้อยหลังวายุ สลิลก็ขัดคำสั่งแอบตามไปด้วยความเป็นห่วง
อุศเรนหันไปพูดกับไกรกูณฑ์
"เงินล่ะ"
ไกรกูณฑ์ยื่นกระเป๋าเงินให้ อุศเรนสั่ง
"เปิดให้ดูด้วย"
ไกรกูณฑ์เปิดกระเป๋าเงินแง้มให้อุศเรนดูเงินที่อยู่ข้างใน อุศเรนยิ้มพอใจ กระชากกระเป๋าไปวางไว้ข้างตัว แล้วเอาปืนจี้เอวไกรกูณฑ์ไว้
" แกจะทำอะไร ได้เงินแล้วก็ปล่อยพวกฉันไปสิ"
ธรากับนวลขวัญตกใจ มองไกรกูณฑ์อย่างเป็นห่วง อุศเรนยอกย้อน
"ฉันแค่บอกให้แกเอาเงินมาให้ แต่ฉันไม่ได้บอกซักคำว่าได้เงินแล้วจะปล่อยตัวพวกแก"
ทุกคนตกใจ อุศเรนเสียงเหี้ยมขึ้น มองกราดไปที่สองแม่ลูกด้วยสีหน้าเจ็บแค้น
"พวกแกทำกับฉันกับพี่เวงไว้เลวร้ายมาก พวกแกต้องชดใช้อย่างสาสม"
อุศเรนเอาด้ามปืนตีท้ายทอยไกรกูณฑ์จนเซล้มลงไปกองกับพื้น ธราตกใจมาก
"น้อยลูกแม่"
เท่านั้นยังไม่พอ อุศเรนกระหน่ำเตะจนตัวงอ ธราร้องไห้ ฟูมฟายปริ่มจะขาดใจ
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่าทำอะไรลูกฉันอีกเลย พอแล้ว"
นวลขวัญเป็นห่วงมาก
"คุณน้อย"
อุศเรนเล็งปืนไปที่นวลขวัญ
"ฉันจะส่งแกไปลงนรกเป็นคนแรก"
ธรายิ้มสะใจ อยากให้นวลขวัญตาย
นวลขวัญหน้าซีด พยายามกระเถิบตัวหนีแต่ก็ไปไหนได้ไม่ไกล ไกรกูณฑ์นอนกองอยู่กับพื้น พยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก พร้อมพูดขอร้อง
"อย่าทำอะไรคุณขวัญเลยนะ"
อุศเรนกระชับปืนในมือแน่น เล็งไปที่นวลขวัญแบบกะไม่ให้พลาดเป้า
วายุเดินใกล้เข้ามาจนเกือบจะถึงตัวบ้านร้าง สลิลแอบตามมาทางด้านหลัง ไม่คาดคิด เสียงปืนดังมาจากในบ้าน วายุชะงักกึก สลิลตกใจร้องเสียงดังออกมา เธอรีบเอามือปิดปาก แต่ไม่ทันการซะแล้ว วายุหันไปมองหน้าดุ สลิลดูจ๋อยๆ ไป
วายุหันมองบ้านร้าง สีหน้าเครียดปนกังวล ไม่รู้ว่าใครถูกยิงกันแน่!?
ไกรกูณฑ์เอาตัวกระแทกเข้าใส่อุศเรนอย่างแรง จนเซไป ทำให้ปืนลั่นพลาดเป้า นวลขวัญรอดตายหวุดหวิด ไกรกูณฑ์เข้าต่อสู้กับอุศเรนด้วยมือเปล่าอย่างไม่คิดชีวิต อุศเรนตั้งตัวไม่ทัน พลาดท่าทำปืนหลุดมือ กระเด็นมาตกตรงหน้าธรา
ธรามองปืนตาวาว อยากไปเก็บแต่ถูกมัดอยู่
ในขณะเดียวกัน นวลขวัญเอาเชือกที่มัดข้อมือตนอยู่ถูกับขอบเสาไปมาอย่างแรง จนเชือกหลวมคลายจนเอามือออกมาได้ เธอรีบแก้มัดที่ข้อเท้าของตัวเอง เสร็จแล้วลุกขึ้นจะรีบไปช่วยไกรกูณฑ์
ธราจิกเรียก
"นังนวลขวัญ มาช่วยแก้มัดให้ฉันด้วยสิ เร็วๆ"
นวลขวัญรีบลนลานมาช่วยแก้มัดให้ธรา ทันทีที่เป็นอิสระ ธราก็รีบพุ่งตัวไปเก็บปืนที่ตกอยู่ตรงหน้าอย่างเร็ว พร้อมเล็งปืนใส่อุศเรน
"หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้เรน"
อุศเรน ตกใจ ชะงักค้าง ไกรกูณฑ์ได้ทีเอาคืน ต่อยอุศเรนอย่างแรง ตีเข่าไปอีกที จนอุศเรนล้มคว่ำลงไปนอนกองกับพื้น
วายุกับสลิลวิ่งมาถึงด้านข้างของบ้านร้าง หาที่แอบส่องดูสถานการณ์ข้างในก็เห็นธราจ่อปืนเล็งไปที่อุศเรน ส่วนไกรกูณฑ์กับนวลขวัญยังปลอดภัยดี ทั้งคู่สีหน้าโล่งอก ดักรอจังหวะหาทางเข้าไปช่วย
ธราเล็งปืนไปที่อุศเรน สีหน้าแค้นมาก อุศเรนลนลานถอยร่นหนีจนหลังชนฝา ธราแววตาดุดัน เดินเข้าหาช้าๆ
"เตรียมตัวไปอยู่กับนังละเวงในนรกได้เลย"
ธรากำลังจะยิงอุศเรน แต่ไกรกูณฑ์พูดขัดขึ้น ไม่อยากให้แม่ฆ่าใครอีกแล้ว
"แม่จะฆ่ามันจริงๆ เหรอครับ"
ธราเล็งปืนใส่อุศเรนพร้อมตอบ
"แกจะปล่อยให้มันเป็นพยานเอาผิดเราเรื่องฆ่าปิดปากพี่สาวมันเหรอะ"
นวลขวัญได้ยินก็อึ้งไป มองไกรกูณฑ์อย่างผิดหวัง เขารีบแก้ตัว เพราะไม่อยากให้นวลขวัญรู้สึกแย่
" ผมไม่ได้ฆ่าละเวงนะ คุณขวัญ"
ธราทั้งโกรธและหมั่นไส้ เลยสวนไปทันที
"ใช่ แต่แกวางแผนฆ่าไอ้ใหญ่มาตั้งกี่ครั้งแล้ว ไอ้นี่มันรู้ทุกอย่าง"
ไกรกูณฑ์ตวาดใส่
"ทั้งหมดเป็นแผนการของแม่ตะหาก" แ
วายุชะงักไปกับความจริงที่ได้ยินจากปาก ลึกๆแล้ว เสียใจมาก สลิลเลื่อนมือไปจับกุมมือวายุเอาไว้ บีบเบาๆให้กำลังใจ
อุศเรนเห็นธรากำลังสนใจไกรกูณฑ์ ก็กระเถิบตัวหนีช้าๆ ธราเห็นด้วยหางตาก็ยิงขู่ลงพื้นหนึ่งนัด อุศเรนสะดุ้งโหยง ชะงักค้างหยุดอยู่กับที่
"จะหนีไปไหน"
ธราเล็งปืนใส่อุศเรนเตรียมยิง แววตาโหดเหี้ยมมาก วายุวิ่งนำสลิลเข้ามาข้างใน
วายุตะโกนบอก
"อย่ายิงนะครับคุณท่าน"
พร้อมๆ กับคำพูดของวายุ ธราเหนี่ยวไกยิงอุศเรนตายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าทุกคน สลิลและนวลขวัญร้องออกมาด้วยความตกใจและหวาดเสียว อุศเรนหงายหลังลงนอนกองกับพื้น จ้องหน้าธราอย่างอาฆาตจองเวร ก่อนจะสิ้นใจ
ถนนมุ่งหน้าไปสู่บ้านร้างบนเขา รถของหมอภูผาขับมาอย่างเร็ว มีทแกล้วนั่งมาด้วย ทั้งคู่ต่างสีหน้าเคร่งเครียดทั้งคู่
" ผมขอโทร.แจ้งตำรวจไว้ก่อนได้มั้ยครับคุณลุง ผมเป็นห่วงพี่ขวัญ"
ภูผาครุ่นคิด แม้กลัวว่าธราจะถูกจับ แต่เพื่อส่วนรวม ก็ตัดสินใจพยักหน้าอนุญาต ทแกล้วรีบกดโทรศัพท์มือถือไปยังสถานีตำรวจทันที
ธราหันปืนสาดส่ายไปมาแท่าทางเหมือนคนสติแตกเต็มที่แล้ว วายุเอาตัวบังสลิลไว้ ธราหยุดมาเล็งปืนใส่นวลขวัญ
"ถึงตาแกแล้ว แกกล้ามาแย่งความรักของตาน้อยไปจากฉัน แกอย่าอยู่เลย"
ไกรกูณฑ์รีบวิ่งเข้าไปเอาตัวบังนวลขวัญไว้
"อย่าทำอะไรคุณขวัญนะครับแม่ ถึงผมจะรักคุณขวัญ แต่ผมก็ยังรักแม่เหมือนเดิม ไม่มีใครแย่งผมไปจากแม่ได้ทั้งนั้น"
"น้อยถอยไป แม่จะฆ่ามัน"
วายุเข้ามาพูดเกลี้ยกล่อมธรา
"คุณท่านใจเย็นๆ แล้ววางปืนลงก่อนนะครับ"
ธราหันมาด่าวายุ
"ไอ้ลูกเมียน้อย แกอย่ามาแส่ แกกับแม่แกก็เหมือนกันนั่นแหละ มาแย่งความรักของคุณชาตรีไปจากฉัน แกก็สมควรตายเหมือนกัน"
ธราเผลอตัวหันกระบอกปืนมาทางวายุ
"ผมกับแม่ดวงดาวตะหากที่ถูกคุณท่านแย่งคุณพ่อไป"
ธราเถียงกลับ เจ็บช้ำ น้ำตารื้น
"ฉันได้มาแต่ตัว เค้าไม่เคยรักฉันเลย"
"ไม่จริงนะครับ ผมรู้ว่าคุณพ่อรักคุณท่านมาก"
ธราแค่นหัวเราะ เจ็บปวด น้ำตาท่วม
"รักงั้นเหรอะ ขนาดจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ คุณชาตรียังเพ้อหาแต่นังดวงดาว"
ธรายังจำทุกเรื่องราวในอดีตได้ติดตา
ชาตรียิ้มบางๆ เหมือนเบาใจ ก่อนพยายามรวมแรงเพ่งมองหน้าธรา
"ผมรักคุณนะ จำไว้ว่าผมรักคุณ"
ธรายิ้มเย็น เหมือนไม่เชื่อคำพูดนั้น ชาตรีละสายตาจากธรา มองตาลอยๆ ไปเบื้องหน้า หลอนเห็นดวงดาวมารับ จึงพูดเพ้อออกมา
"ดวงดาว...คุณมารับผมแล้วใช่มั้ย"
ธราสีหน้าเจ็บปวดมาก น้ำตาซึมไหลออกมา กับภาพอดีตนั้น
"แกไม่รู้หรอกว่าวันนั้นฉันเจ็บปวดมากขนาดไหน ปากเค้าพูดว่ารักฉัน แต่สิ่งที่เค้าแสดงออกมามันไม่ใช่"
ไกรกูณฑ์สงสารแม่มาก
อีกเหตุการณ์หนึ่ง ธราแอบซุ่มดูชาตรีคุยกับดวงดาวอยู่ที่มุมหนึ่ง ชาตรีจับมือดวงดาวไว้
"ผมรู้ว่าคุณธราไม่ค่อยดีกับคุณเท่าไหร่ แต่ผมก็ขอบคุณคุณมากที่ยอมอดทน ไม่มีปากมีเสียงให้เกิดปัญหา"
ดวงดาวหน้าเศร้า สมเพชกับสถานะของตัวเอง
"ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าฉันทนได้ทุกอย่างเพื่อคุณ"
"เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงรักคุณมาก ถึงผมจะแต่งงานกับคุณธราแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยรักคุณน้อยลงเลยนะ"
ดวงดาวหน้าเศร้าอยู่ในอ้อมกอดของชาตรี ธรากำมือแน่น พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา
ธราปาดน้ำตาออกด้วยความโมโหปนเจ็บแค้น วายุอึ้ง ไม่คิดว่าธราจะเก็บความเจ็บปวดไว้มากถึงขนาดนี้
"เพราะแกกับแม่แก คุณชาตรีถึงไม่รักฉันกับน้อย" ธราพูดทั้งน้ำตา
"คุณพ่อรักคุณท่านกับน้อยมากนะครับ"
ธราตวาด
"ฉันไม่เชื่อ แกไม่ต้องมาโกหกฉัน"
สลิลขยับออกมาพูดแทรก
"คุณลุงกำลังตามตำรวจมาช่วยพวกเราแล้ว คราวนี้คุณป้ากับคุณน้อยเตรียมตัวรับผิดที่ก่อไว้ทั้งหมดได้เลย ทั้งหลักฐาน ทั้งพยานชัดขนาดนี้ ไม่รอดแน่"
ไกรกูณฑ์หน้าซีดเผือด กลัวถูกจับ ธราโกรธมากจะเหนี่ยวไกปืนยิงสลิล แต่ไกรกูณฑ์ร้องไห้เข้าไปแย่งปืนธรา
"พอเถอะครับแม่ อย่าฆ่าใครอีกเลย"
"ปล่อยแม่นะน้อย"
ธราและไกรกูณฑ์ยื้อแย่งปืนกัน วายุค่อยลอบเข้ามาหาจังหวะจะช่วยไกรกูณฑ์ นวลขวัญและสลิล หาจังหวะจะเดินเข้าหากันเพื่อช่วยกันออกไปจากที่นี่
ธรารวมแรงฮึดผลักไกรกูณฑ์ออกไปกระแทกวายุจนเสียหลัก ธราพุ่งตัวไปกระชากมือสลิล
มาล็อกตัวเอาปืนจี้ไว้ในช่วงชุลมุน ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
"ชอบแส่นักใช่มั้ย" ธราด่าสลิล
"คุณท่านอย่าทำอะไรลูกหว้านะครับ"
สลิลพูดขู่บอก
"ตำรวจกำลังจะมาถึงแล้ว คุณป้าหนีไม่รอดหรอก"
ไกรกูณฑ์ตกใจกลัว
"เอาไงดีครับแม่"
ธราเอาปืนจี้ ลากสลิลวิ่งหนีนำออกไปทางหลังบ้าน พร้อมพูดสั่งไกรกูณฑ์
"น้อยตามแม่มาเร็ว"
วายุจะวิ่งตามธราไปช่วยสลิล ไกรกูณฑ์ตัดสินใจเข้าล็อกตัววายุไว้เพื่อช่วยให้แม่หนี
"น้อยปล่อยพี่เดี๋ยวนี้"
"คุณใหญ่ปล่อยแม่ไปเถอะ"
"แต่คุณท่านจับตัวลูกหว้าไปด้วย พี่ต้องไปช่วยลูกหว้า"สองพี่น้องยื้อยุดกันไปมาครู่หนึ่ง วายุก็สลัดตัวออกอย่างแรง แล้วหันไปต่อยไกรกูณฑ์อย่างแรงจนน้องชายเซเสียจังหวะไปล้มทับศพอุศเรน
ไกรกูณฑ์ดีดตัวออก ร้องเสียงหลง ด้วยความหวาดกลัว วายุรีบวิ่งตามธรากับสลิลออกไปทันที นวลขวัญยืนมองสถานการณ์อึ้งๆ งงๆ ทำอะไรไม่ถูก
ภูผากับทแกล้ววิ่งมาทางบ้านร้าง ทแกล้วกระชับปืนป้องกันให้ภูผา พอเห็นว่าปลอดภัย ทั้งคู่รีบเข้าไปในด้านในของบ้านร้าง นวลขวัญรีบวิ่งไปหาน้องชาย ทแกล้วสวมกอดพี่สาวเอาไว้
"ไม่เป็นอะไรนะพี่ขวัญ"
นวลขวัญพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ไกรกูณฑ์ยังดูผวา รีบเช็ดเลือดอุศเรนที่เปื้อนตัวกับผนังบ้านอย่างขยะแขยง
ทแกล้วด่าใส่ไกรกูณฑ์
"ตำรวจกำลังตามมา แกไม่รอดแน่"
ไกรกูณฑ์หยุดกึก ท่าทางกลัวถูกจับรีบบอกภูผา
"ผมไม่ได้ฆ่ามันนะ ผมไม่ได้ทำ"
"คุณน้อยไม่ได้ทำจริงๆ ค่ะคุณลุง"
ไกรกูณฑ์มองสบตานวลขวัญแบบขอบคุณ
ภูผาถามอย่างร้อนใจและเป็นห่วง
"ลูกหว้าล่ะหนูขวัญ คุณธรากับคุณใหญ่ด้วย หายไปไหนกันหมด"
"ลูกหว้าถูกคุณป้าธราจับตัวไปค่ะ คุณใหญ่ตามไปช่วยแล้ว ขวัญว่าเรารีบตามไปช่วยเถอะค่ะ
" นวลขวัญว่า
ไกรกูณฑ์วิ่งนำออกไปทางประตูด้านหลังก่อนใครด้วยความร้อนใจเป็นห่วงแม่ ทุกคนรีบตามออกไป
ธราเอาปืนจี้สลิลลากพาเข้ามาในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ
สลิลพูดเกลี้ยกล่อม
"คุณป้ายอมมอบตัวเถอะค่ะ ยังไงวันนี้คุณป้าก็หนีไม่รอดแน่"
ธราตวาดเสียงดัง
"ถ้าแกไม่อยากถูกยิงตายอยู่ตรงนี้ก็หุบปากซะ"
"คุณป้าทำผิดมามากแล้วนะคะ หยุดเถอะค่ะ อย่าให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้อีกเลย"
"ฉันบอกให้แกหยุดพูด"
ธราเอาด้ามปืนฟาดหน้าสลิลจนหางคิ้วแตก เลือดไหลซึม วายุวิ่งตามมามองด้วยสายตาเป็นห่วงมาก
"ปล่อยลูกหว้าเถอะครับคุณท่าน"
สลิลยังพูดหลอกล่อไปเรื่อยๆ
"คุณป้าหนีมาคนเดียวแบบนี้ ไม่ห่วงคุณน้อยเหรอคะ ป่านนี้คุณน้อยอาจจะถูกตำรวจจับไปแล้วก็ได้"
ธราหยุดกึก ชักเป็นห่วงลูก พูดลอยๆ เหมือนคนสติไม่อยู่กับตัว
"น้อย...น้อยอยู่ไหน" ธรามองหาไปรอบๆ
วายุช่วยกล่อมอย่างใจเย็น
"คุณท่านปล่อยลูกหว้าเถอะครับ แล้วผมจะพาคุณท่านกลับไปหาน้อยเอง"
วายุเดินเข้าหาธราช้าๆ ธราลากสลิลถอยหนีอย่างทุลักทุเล
ธรากระชับปืนจี้สลิลแน่นขึ้น
"อย่าเข้ามานะ"
แล้วธราก็พูดเพ้อ ตาลอย
"ฉันจะไปหาลูกฉัน...น้อยอยู่ไหน"
วายุค่อยก้าวเข้าหาธราอย่างช้าๆ ระวังตัว
ไม่คาดคิด ธรายิงปืนใส่วายุทันที สลิลกรีดร้อง เป็นห่วง
"คุณใหญ่ ระวังค่ะ"
วายุกระโดดเข้าหลบหลังต้นไม้ แม้สลิลจะดิ้นหลุดได้ แต่ธราก็ไวมาก กระชากสลิลกลับมาจับตัวล็อกเอาปืนจี้ไว้ได้เหมือนเดิม
หลังต้นไม้ วายุก้มมองแขนตัวเอง เห็นแผลถูกยิงถาก เลือดไหลอาบ เมื่อเขาค่อยๆ โผล่หน้าออกมาดูอีกครั้ง ไม่เห็นใคร ธราพาสลิลหายไปแล้ว
กลุ่มของภูผา ทแกล้ว นวลขวัญ กำลังเดินตามหาพวกสลิล วายุและธราอยู่ ทุกคนสีหน้าเคร่งเครียดเป็นห่วง
นวลขวัญพูดกับภูผา
"หวังว่าคุณป้าธราจะไม่ทำอะไรลูกหว้านะคะ คุณป้าน่ากลัวมาก เหมือนคน..."
นวลขวัญอึกอักไม่กล้าพูดต่อ
"เหมือนคนอะไรพี่ขวัญ"
นวลขวัญมองภูผาอย่างเกรงใจ แล้วตอบออกมา
"เหมือนคนเป็นโรคประสาท ควบคุมตัวเองไม่ได้น่ะสิ"
"ท่าทางจะบ้าจริงๆ แหละ คนดีๆ ที่ไหนจะวางแผนฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นขนาดนี้"
ภูผาฟังแล้วสีหน้าหน้านิ่งขรึมไป
ไกรกูณฑ์เดินตามหาธรามาเรื่อยๆ พลางตะโกนเรียกด้วยความห่วงกังวลมาก
"แม่ครับ แม่อยู่ไหน แม่ครับ"
ไกรกูณฑ์ตะโกนเรียกหา พร้อมกวาดตามองหาไปเรื่อยๆ วายุเดินเข้ามาจากอีกทางหนึ่ง เลือดอาบแขน
"คุณใหญ่...แม่อยู่ไหน คุณใหญ่ทำอะไรแม่รึเปล่า"
ไกรกูณฑ์เข้าจับตัวเขย่าไปมา บีบโดนแผล
"โอ๊ย พี่ไม่ได้ทำอะไรคุณท่าน"
ไกรกูณฑ์รีบปล่อยมือ มองวายุอย่างเป็นห่วง
"ฝีมือแม่เหรอ"
วายุพยักหน้ารับ
"แล้วตอนนี้แม่อยู่ไหน"
วายุส่ายหน้าบอก
"พี่ไม่รู้ คุณท่านยิงพี่ แล้วก็พาลูกหว้าหายไป"
ไกรกูณฑ์มองแผลที่เลือดไหลไม่หยุด ตัดสินใจฉีกชายเสื้อตัวเองมามัดแผลห้ามเลือดให้ วายุอึ้ง ซึ้งใจที่น้องยังเป็นห่วงตนอยู่
ไกรกูณฑ์มัดแผลห้ามเลือดให้วายุเสร็จก็รีบถอยห่างออกมา วางฟอร์มทำเป็นไม่สนใจ
"คุณใหญ่ไม่เอาเรื่องแม่ได้มั้ย ผมจะยอมรับผิดทุกอย่างแทนแม่เอง"
"อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย เรารีบตามหาคุณท่านให้เจอก่อนดีกว่า พี่เป็นห่วงลูกหว้าไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงมั่ง"
วายุรีบเดินนำออกไป ไกรกูณฑ์เดินตาม สีหน้าเคร่งเครียด
ธราเอาปืนจี้สลิล ลากพามาจนถึงริมลำธารแห่งหนึ่ง สลิลพยายามดิ้นหนี
"คุณป้าจะพาหว้าไปไหนกันแน่คะ"
ธราจับล็อกไว้ให้แน่นขึ้นพร้อมพูดขู่
"หยุดดิ้น ไม่งั้นฉันจะยิงแกทิ้งตรงนี้เลย"
ธราเอาปืนดันเอวด้านหลังสลิลแรงๆ สลิลหน้าแหย กลัวใจธราอยู่เหมือนกัน
สลิลตัดสินใจเปลี่ยนแผน ทำเป็นใจเย็น
"โอเคค่ะ คุณป้าอยากทำอะไรก็ทำเลย หว้าจะไม่ขัดขืน จะพาหว้าไปไหนก็เชิญตามสบาย เพราะถึงยังไง คุณใหญ่ก็ต้องตามมาช่วยหว้าอยู่ดี"
ธรายิ้มแสยะ
"ดี ให้มันตามมาเร็วๆ ฉันจะได้ฆ่ามันทิ้งให้สิ้นเรื่องสิ้นราว เสร็จแล้วฉันจะไปเผาไร่วายุกูลให้สิ้นซาก จะไม่ได้หมดเสี้ยนหนามตำตาตำใจฉันซะที"
"คุณป้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ"
ธราแววตาแข็งกร้าว ตวาดเสียงดัง
"ฉันไม่ได้บ้า"
"ไม่มีคนบ้าคนไหนยอมรับว่าตัวเองบ้าหรอกค่ะ"
ธราโกรธมาก ตบสลิลอย่างแรง
"นังลูกหว้า ปากดีนักนะ"
ธราตาแข็งจ้องหน้าสลิลอย่างน่ากลัวมาก
ไม่คาดคิด ธรายิงปืนใส่สลิลทันที เดชะบุญที่สลิลกระโดดหลบไปแอบที่หลังต้นไม้ได้ทันอย่างหวุดหวิด
วายุกับไกรกูณฑ์กำลังเดินเข้ามาทางลำธาร หยุดกึก เมื่อได้ยินเสียงปืน
"เสียงปืน" ไกรกูณฑ์ว่าพลางมองไปรอบๆ
"ดังมาจากทางนั้น"
วายุวิ่งนำออกไปทางต้นเสียง ไกรกูณฑ์รีบตามไป
บริเวณลำธาร ธราตวาดเสียงแหลมดัง หน้าตาดุดัน
"ออกมาเดี๋ยวนี้"
สลิลกลัวๆ ธราแผดเสียง
"ออกมา"
สลิลกลัวใจธรา ค่อยๆ ออกมาจากหลังต้นไม้ ยกมือยอมแพ้ขึ้นเหนือหัว สีหน้าหวาดกลัวมากเหมือนเล่นอยู่กับคนบ้า ที่ทำอะไรโดยขาดสติได้ตลอดเวลา
ทางด้านภูผา ทแกล้ว และนวลขวัญ รีบร้อนตามเสียงปืนไปอย่างเร่งรีบ
"ผมจะไปดูทางโน้น พี่ขวัญอยู่กับคุณลุงนะครับ"
ทแกล้วรีบวิ่งไปอีกทางพร้อมกับกระชับปืนเตรียมพร้อม นวลขวัญรีบเดินตามภูผาไปติดๆ
ภูผาเป็นห่วงสลิลกับธรามาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
ไฟในวายุ ตอนที่ 10 อวสาน (ต่อ)
ธราถือปืนขู่สลิล แล้วสั่ง
"นั่งลง"
สลิลค่อยๆ นั่งลงตามคำสั่งธรา วายุกับไกรกูณฑ์วิ่งเข้ามาพร้อมกัน
ไกรกูณฑ์วิ่งไปหาธรา
"แม่ครับ"
ธรา ดีใจเห็นหน้าลูกพูดพลางลูบเนื้อตัวลูกไปมา
"น้อย...ไม่เป็นไรใช่มั้ยลูก"
วายุฉวยโอกาสวิ่งเข้าไปหาสลิล สวมกอดกันเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง
ไกรกูณฑ์บอกธราอย่างร้อนรน
"ตำรวจกำลังตามมานะแม่ เรารีบหนีกันเถอะ"
"ไม่ แม่จะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น วันนี้แม่ต้องฆ่าไอ้ใหญ่ให้ได้ แม่ถึงจะตายตาหลับ"
ธราหันขวับไปเล็งปืนใส่วายุกับสลิล วายุขยับเอาตัวบังป้องกันสลิลไว้ พร้อมมองหน้าธราด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจ
ภูผากับนวลขวัญสีหน้าตื่นตระหนก แอบซุ่มดูอยู่ที่มุมหนึ่ง
"เราจะไม่ทำอะไรซักอย่างเหรอคะคุณลุง"
ภูผาตัดสินใจเสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน
"ปล่อยให้คุณธราระบายความในใจออกมาให้หมดซะก่อน เธอจะได้ปลดปล่อยตัวเองจากความทุกข์ใจที่เก็บไว้มานานซะที คุณใหญ่เองก็จะได้รับรู้เรื่องราวที่เค้าไม่เคยรู้มาก่อนด้วย"
นวลขวัญเป็นห่วงทุกคน
"จะดีเหรอคะ"
"ลองดูไปก่อน ถ้าเห็นท่าไม่ดี ลุงจะเข้าไปเอง"
"ค่ะ"
ทั้งคู่ซุ่มดูกันต่อไปเงียบๆ
ธราเล็งปืนใส่วายุกับสลิล ไกรกูณฑ์แม้จะดูหวาดกลัวแต่ยังยืนประกบธราไม่ห่าง
วายุถามสีหน้าเศร้า
"ก่อนที่ผมจะตาย คุณท่านช่วยบอกผมหน่อยได้มั้ยครับ ว่าผมทำผิดอะไร ทำไมคุณท่านถึงได้จงเกลียดจงชังผมมากถึงขนาดนี้"
ธราสติแตก พรั่งพรูความในใจออกมาหมด
"ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่กันแน่ แกกับแม่แก แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันกับน้อย ทั้งความรักทั้งสมบัติ แกได้ไปคนเดียว ถ้าไม่มีแก ฉันกับน้อยก็ไม่ต้องเป็นยังงี้หรอก ฉันจะบอกอะไรแกให้ ฉันนี่แหละที่เป็นคนฆ่าอีดวงดาวเอง"
วายุสีหน้าช็อกมาก แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
"แกจำวันที่แม่แกจะตายได้มั้ย"
วันนั้นในอดีต ดวงดาวนอนหายใจหอบอยู่ที่พื้นห้องนอน วายุพาธราวิ่งเข้ามาในห้อง แล้วถลาไปประคองดวงดาวพร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด
"แม่ คุณท่านช่วยแม่ด้วย แม่เป็นอะไรก็ไม่รู้"
ธรารีบเข้าไปประคองดวงดาว ไปนอนที่เตียง
"เดี๋ยวแม่จะไปโทรเรียกรถพยาบาลให้ ใหญ่ดูแม่ดวงดาวไว้นะ"
ธราครุ่นคิดลังเล ก่อนจะเปิดสมุดโทรศัพท์แล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา พลันสายตา กันไปเห็นกรอบรูปที่ชาตรีถ่ายกับดวงดาวและวายุอย่างมีความสุขซึ่งวางประดับอยู่หลังตู้ เธอตัดสินใจกระแทกหูโทรศัพท์ลง
ไม่เรียกรถพยาบาล
ธรากลับเข้ามาหาวายุ พูดปลอบใจ
"แม่โทร.เรียกรถพยาบาลให้แล้วนะใหญ่ เดี๋ยวรถพยาบาลก็มา ... อดทนอีกนิดนะดวงดาว เดี๋ยวเธอก็จะสบายแล้วล่ะ"
ดวงดาวเหลือบตามองธรา รู้สึกแปล่งๆ ในสีหน้าแววตาและน้ำเสียง ธราชำเลืองมองหน้าดวงดาวที่หายใจรวยรินอย่างเลือดเย็นจนกระทั่งดวงดาวหลับตาลง และจากไปอย่างสงบ
วายุน้ำตาท่วม ผิดหวัง เสียใจมาก คาดไม่ถึงว่าธราจะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้
"คุณท่านไม่ได้เรียกรถพยาบาลมารับแม่ คุณท่านใจร้ายมากที่ทำแบบนั้น"
สลิลสงสารสุดๆ ที่วายุต้องเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ไกรกูณฑ์เองก็อึ้ง คิดไม่ถึงว่าแม่จะทำได้ถึงขนาดนี้
ธราหัวเราะชอบใจออกมาแล้วบอก
"ไหนๆ แกก็จะตายแล้ว ฉันจะบอกให้แกหายโง่ซะทีว่า เรื่องจัดฉากฆาตกรรมน้อย ที่จริงไม่ใช่ฝีมือนังละเวงหรอก"
วายุช็อกอีกครั้ง พูดต่อให้อย่างนึกรู้
"ฝีมือคุณท่าน"
ธราเย้ยหยัน
"ฉลาดขึ้นแล้วนี่"
ธรา สีหน้าย้อนคิด เมื่อไกรกูณฑ์ถือแก้วไวน์เข้ามาหาเรื่องสาดไวน์ใส่วายุ สองพี่น้องจะต่อยกัน
ธรากับละเวงเข้ามาห้าม วายุเดินกลับขึ้นห้อง ธราตามวายุไป
" คืนนั้นฉันวางแผนให้น้อยเข้าไปหาเรื่องแกกลางงานเลี้ยงวันเกิดของฉัน เพื่อสร้างสถานการณ์ให้แกหงุดหงิด โกรธ แล้วก็กลับขึ้นไปบนห้องนอน"
วายุเข้ามาในห้องนอน กระแทกตัวนั่งที่เตียง ด้วยความโกรธมาก ธราตามเข้ามาคุย ขอโทษแทนไกรกูณฑ์ ละเวงเอาน้ำผลไม้ตามเข้ามาให้วายุดื่ม เขาดื่มจนหมดแก้ว
วายุมึนหัว สลัดหัวไปมาไล่ความง่วง ก่อนจะหมดสติร่วงลงจากเตียง ไปนอนกองอยู่กับพื้น
" จากนั้นฉันกับละเวงก็ตามแกขึ้นไปบนห้อง เอาน้ำผลไม้ผสมยานอนหลับให้แกกิน เพื่อจัดฉากว่าแกฆ่าน้อย"
วายุกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่พื้น สลัดหัวไปมา มึนงง ยกสองมือขึ้นจะกุมหัว แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเห็นปืนอยู่ในมือของตน เขาช็อกสุดขีด มองตะลึง เมื่อเห็นไกรกูณฑ์นอนตายอยู่
"แล้วแกก็หลงกลฉัน สติแตก หนีเตลิดเปิดเปิงไป"
วายุสติแตก วิ่งกระเซอะกระเซิงลงชั้นล่างหนีไป ธรายืนแอบดูวายุอยู่ด้วยสีหน้าสะใจ ละเวงชะโงกหน้าออกมาจากห้องนอนวายุ สบตากับธรา ส่งสัญญาณบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยตามแผน
วายุน้ำตาไหลพรากเมื่อรับรู้ความจริงทั้งหมด
"ที่ผมหนีออกมา ก็เพราะผมรู้สึกผิดมาก จนไม่กล้าอยู่เผชิญหน้ากับคุณท่าน"
ธราพูดสวนออกมาทันที
"เพราะแกเป็นคนเสพติดความสำเร็จ ความเป็นที่หนึ่งจนเคยตัว พอเกิดความผิดพลาดขึ้นมาแกถึงยอมรับมันไม่ได้"
วายุขมขื่น
"ดูเหมือนคุณท่านจะรู้จักผมดีกว่าที่ผมรู้จักตัวเองซะอีกนะครับ"
ธราแค่นหัวเราะ น้ำเสียงเย้ยหยัน
"แกลืมไปแล้วเหรอะว่า ใครเลี้ยงแกมาตั้งแต่แม่แกตาย"
"ผมไม่เคยลืม ว่าคุณท่านเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก และผมก็รักคุณท่านเหมือนแม่แท้ๆ ผมทำดีกับคุณท่าน
กับน้อยทุกอย่าง"
วายุมองสบตาไกรกูณฑ์ แววตาตัดพ้อน้อยใจน้องชาย ไกรกูณฑ์หลบตา ไม่กล้าสู้หน้า วายุพูดต่อเนื่อง
"แต่คุณท่านกับน้อยก็ยังคิดฆ่าผมได้ลงคอ"
ธราตวาดสวนออกมา
"ทำดีด้วยการแย่งทุกอย่างไปจากน้อยน่ะเหรอะ"
"คุณท่านก็ทราบดีว่าผมไม่เคยทำอย่างนั้น ผมชวนน้อยไปทำงานที่บริษัทตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่น้อยก็ไม่ยอมไป ผมไม่ได้ทำอะไรน้อยเลย ที่น้อยไม่ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง เพราะน้อยทำตัวเองทั้งนั้น"
ไกรกูณฑ์เจ็บปวด ที่ต้องตกเป็นรองวายุมาตลอดชีวิต เขากำหมัดแน่น เปลี่ยนเป็นความเก็บกด โกรธแค้นขึ้นมา
"ก็เพราะแกคอยขวางทางลูกฉันอยู่ยังไงล่ะ ถ้าไม่มีแกซักคน ทุกอย่างก็จะเป็นของน้อย น้อยจะได้ขึ้นมาเป็นที่หนึ่งแทนแก"
ธรากระชับปืนแน่น เล็งไปที่วายุอีกครั้ง
สลิลที่หลบอยู่หลังวายุอยู่นานถึงกับสะดุ้ง ถอยตัวหลบไปด้านหลังวายุมากขึ้นไปอีกนิด สลิลเหลือบเห็นปืนเหน็บอยู่ที่เอวด้านหลังของวายุก็ใจชื้นขึ้นมา คิดว่า ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ปืนกระบอกนี้คงช่วยได้
นวลขวัญตกใจมาก
"คุณลุงหมอ ท่าจะไม่ดีแล้วนะคะ"
"เดี๋ยวรอจังหวะก่อน ลุงจะเข้าไปหาทางเกลี้ยกล่อมคุณธราเธอดู"
นวลขวัญสีหน้าหนักใจ เป็นห่วงสลิล ภูผาจดจ้องรอจังหวะ
ไกรกูณฑ์ฉวยโอกาสเข้ามาแย่งปืนจากมือธราอย่างเร็ว
"น้อยจะทำอะไร"
ไกรกูณฑ์เล็งปืนไปที่วายุ แววตาแข็งกร้าว
"ผมจะฆ่าไอ้ใหญ่เอง แม่อยากเห็นผมฆ่ามันมาตลอดไม่ใช่เหรอะ"
วายุยืนนิ่งตัวแข็งด้วยความเจ็บปวด เศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก สลิลยังยืนแอบอยู่ด้านหลังวายุ ดูสถานการณ์อย่างมีสติ ธราตอกย้ำหนักแน่น
"น้อยทำไม่ได้หรอก ที่ผ่านมาน้อยก็ทำพลาดมาตลอด ต่อไปนี้แม่จะจัดการทุกอย่างเอง"
ไกรกูณฑ์ตวาดกลับด้วยความเก็บกด เสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ
"ผมทำได้ ผมทำได้ ผมทำได้" ไกรกูณฑ์แทบจะแหกปากตะโกน หน้าแดงตัวสั่น น้ำตาไหลออกมา
ทุกคนเงียบกริบ
" ถ้าวันนี้ผมฆ่ามันไม่ได้ ผมก็ต้องเป็นไอ้ขี้แพ้ ให้แม่ตราหน้าว่าไม่เอาไหนไปตลอดชีวิต"
"น้อยไม่ต้อง ให้แม่จัดการเอง เดี๋ยวน้อยก็ทำเสียเรื่องอีก"
ไกรกูณฑ์ระเบิดออกมาอย่างอัดอั้นเต็มที่ กระชับปืนในมือแน่นเล็งไปที่วายุ
"ต่อไปนี้ผมจะไม่ฟังอะไรแม่ทั้งนั้น ผมจะไม่ยอมให้แม่บงการชีวิตผมอีกแล้ว ผมจะฆ่าไอ้ใหญ่ แล้วจะขายไร่วายุกูลซะ ผมรู้ว่าแม่เกลียดไร่นี้มาก ผมจะกำจัดทุกอย่างที่แม่เกลียดให้หมด ผมจะทำทุกอย่างให้แม่ภูมิใจในตัวผม ด้วยวิธีการของผมเอง"
ไกรกูณฑ์เล็งปืนไปที่วายุ พร้อมจะเหนี่ยวไกได้ตลอดเวลา พลางตะโกนด่าอย่างเหลืออด
"ฉันเกลียดแก ไอ้ใหญ่"
วายุเจ็บปวดน้ำตาซึม แต่ก็พยายามตั้งสติ
"เราเป็นพี่น้องกันนะน้อย มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันดีกว่า"
ไกรกูณฑ์หัวเราะหึๆ ออกมาอย่างขมขื่น
"เป็นพี่น้องกันงั้นเหรอะ น้องที่แกไม่เคยมองเห็น แม้แต่คุณพ่อก็ไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ อะไรดีๆ คุณพ่อก็ประเคนให้แกก่อนฉันตลอด"
"น้อยก็รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น"
"หุบปาก ไอ้ลูกเมียเก็บ เพราะแกกับแม่แกที่ทำให้ชีวิตฉันกับแม่ต้องพังพินาศ"
"พี่ตะหากที่ต้องเป็นคนพูดคำนั้น แม่ดวงดาวมาก่อนคุณท่าน และตั้งแต่วันที่คุณพ่อแต่งงานกับคุณท่าน ชีวิตของพี่กับแม่ก็พังพินาศไม่มีชิ้นดี ตั้งแต่วันนั้น พี่กับแม่ไม่เคยมีความสุขจริงๆ ซักวัน"
"ชีวิตของวายุ ธนากูลน่ะเหรอะพังพินาศ ก็ได้...ถ้าแกอยากให้เป็นแบบนั้น ฉันนี่แหละจะเป็นคนทำลายชีวิตแกเอง"
ไกรกูณฑ์กระชับปืนในมือแน่นขึ้น แล้วเล็ง วายุก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ช้าๆ สลิลแปลกใจ
"คุณใหญ่จะทำอะไร"
วายุไม่สนใจสลิล แต่มองหน้าไกรกูณฑ์
"ก็ได้น้อย ถ้าพี่มีชีวิตอยู่แล้วทำให้น้อยกับคุณท่านทุกข์ใจมากขนาดนี้ พี่ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ฆ่าพี่ซะ"
วายุเดินเข้าหาหลับตาแล้วพูดต่อ
"ยิงพี่เลยน้อย เกลียดพี่นักก็ยิงพี่ให้ตายๆ ไปซะ ทุกอย่างจะได้จบซะที"
วายุน้ำตาไหลซึมออกมาทั้งที่หลับตาเพราะความเจ็บช้ำเสียใจ ไกรกูณฑ์อึ้งไป ไม่คิดว่าวายุจะทำอย่างนี้ เกิดภาวะลังเลไม่กล้ายิงขึ้นมา สับสน มือที่ถือปืนเล็งวายุอยู่สั่นระริก ธราสั่งเสียงแข็ง
"ยิงมันสิน้อย ถ้าอยากทำให้แม่ภูมิใจในตัวน้อยอย่างที่พูดยิงมันเลย"
ไกรกูณฑ์ สับสน ไม่กล้ายิง ไม่คาดคิด สลิลชักปืนที่เหน็บอยู่ที่เอวด้านหลังของวายุ เล็งใส่ไกรกูณฑ์
สลิลทำเป็นใจกล้าพูดขู่ไกรกูณฑ์ ทั้งที่ยิงปืนไม่เป็น
"ถ้าคุณยิงคุณใหญ่ ฉันก็จะยิงคุณ ระยะแค่นี้ฉันยิงทะลุหัวใจคุณไม่พลาดแน่"
วายุลืมตา เหลือบมองถาม
"ลูกหว้า เธอยุ่งอะไรด้วย"
ไกรกูณฑ์หน้าเสีย มือสั่น แต่ก็ยังทำใจแข็ง ยังไม่ยอมละมือที่เล็งปืนใส่วายุลง ธราก็ห่วงลูก
วายุพูดกับสลิล แต่ตายังมองไกรกูณฑ์อยู่
"วางปืนลงเถอะลูกหว้า ปล่อยให้น้อยฆ่าฉันซะ ถ้าฉันตาย แล้วจบปัญหาทุกอย่างได้ ฉันก็ยอมตาย"
สลิลน้ำตาไหล อย่างห่วงมาก
"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คุณใหญ่นะคะ ปัญหาอยู่ที่ตัวพวกเค้าเองตะหาก ยังไงหว้าก็ไม่ยอมให้พวกเค้าทำร้ายคุณใหญ่อีกแล้ว"
สลิลยังเล็งปืนขู่ไกรกูณฑ์ จ้องหน้าตาเขม็ง ไม่คาดคิด วายุดึงปืนในมือสลิล โยนทิ้งลงลำธารไป เธออึ้งมาก
"คุณใหญ่"
วายุพูดกับไกรกูณฑ์ต่อ
"พี่ขอเป็นคนยุติปัญหาทุกอย่างเอง ยิงพี่ซะ แล้วน้อยกับคุณท่านจะได้อยู่อย่างมีความสุขอย่างที่ต้องการ"
ธราสั่งเสียงแข็ง แผดเสียงลั่น เดือดดาล คลั่งสติแตก
"ยิงมันสิน้อย ปล่อยให้มันท้าทายอยู่ได้ ยิงมัน แม่สั่งให้ยิงมัน ยิง ยิงซิ น้อยไม่กล้า แม่จะยิงมันเอง เอาปืนมานี่"
ไกรกูณฑ์ในภาวะกดดัน หลับหูหลับตายิงใส่วายุที่ช่วงท้อง
ทุกคนตกใจ วายุทรุดลงตรงหน้าไกรกูณฑ์ สลิลกรีดร้องเสียงดังลั่น พร้อมวิ่งเข้ามาประคองกอดวายุ น้ำตาไหลพราก
"คุณใหญ่"
ธราหัวเราะออกมา
"เก่งมากน้อยลูกแม่"
ไกรกูณฑ์ไม่ได้รับรู้ที่ธราพูด ก้มหน้ามองวายุด้วยความสับสน รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ในใจ
ภูผาและนวลขวัญวิ่งออกมาจากที่ซ่อน
"หยุดเถอะคุณธรา"
ธราตกใจมาก ตาขวาง สติหลุด สั่ง
"ฆ่ามันให้หมดน้อย ยิงซ้ำให้มันตายๆ ไปซะน้อย"
ไกรกูณฑ์มองวายุอย่างสับสน
"คุณใหญ่...ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ"
ไกรกูณฑ์โยนปืนทิ้ง สับสนจนคุมสติไม่อยู่ ธรามองลูกแบบไม่ได้ดั่งใจ โผไปเก็บปืนจะมายิงวายุเอง ไกรกูณฑ์รีบตามไปห้าม
"พอเถอะครับแม่ ปล่อยคุณใหญ่ไปเถอะ"
"ไม่ได้ มันเป็นมารความสุขของเรามาตลอด แม่จะไม่ปล่อยมันไว้อีกแล้ว วันนี้มันต้องตาย"
สองแม่ลูกต่างยื้อแย่งปืนกันไปมา ภูผาและนวลขวัญเข้าไปช่วยกันประคองวายุและสลิลหนีออกไปจากที่นั่นก่อน
วายุยังหันมองสองแม่ลูกด้วยความเป็นห่วง
ทั้งคู่ยังคงยื้อแย่งปืนกันไปมา ไม่คาดคิด ปืนลั่นใส่ตรงกลางอกไกรกูณฑ์พอดี...ธราช็อกตาตั้ง
ทุกคนตกใจไม่แพ้กัน ธราแผดเสียงร้องโหยหวน กอดลูกน้ำตาไหลพราก ด้วยความเสียใจมาก
"น้อย แม่ไม่ได้ตั้งใจ...แม่ได้ตั้งใจ น้อยอย่าเป็นอะไรนะลูก"
ไกรกูณฑ์มองหน้าแม่ พูดออกมาอย่างยากลำบาก
"หยุดเถอะนะแม่"
ธรากอดลูกไว้ น้ำตาไหลพราก จุกอกพูดอะไรไม่ออก
ไกรกูณฑ์ค่อยๆ หันหน้าไปมองสบตาวายุ สื่อสารทางสายตาว่า “ขอโทษ” ไม่มีแรงพูดอะไร
มีแต่น้ำตาไหลออกมา และขาดใจตายไป
"น้อย"
ทุกคนช็อกตกใจ
นวลขวัญนิ่งอึ้งไป น้ำตาเอ่อท่วมตา ธราร้องไห้ฟูมฟาย เขย่าตัวลูก
"น้อย น้อย น้อยตื่นขึ้นมาพูดกับแม่สิน้อย"
ทุกคนกำลังจะเดินเข้าไปหาธราและไกรกูณฑ์
ธรากอดศพไกรกูณฑ์ ร้องไห้ฟูมฟาย
"น้อย แม่ขอโทษ แม่รักน้อยนะลูก"
ธราก้มลงจูบหน้าผากไกรกูณฑ์ด้วยความรักสุดหัวใจ โดยไม่มีใครคาดคิด ธราค่อยๆ เอื้อมไปหยิบปืนมาจ่อขมับยิงตัวเองตายไปด้วยความรู้สึกผิดต่อลูก
สลิลและนวลขวัญร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ วายุและภูผารีบวิ่งเข้าหาธรา
"คุณท่าน / คุณธรา"
ร่างธราค่อยๆ ล้มพับไปกับไกรกูณฑ์ สองแม่ลูกนอนตายคู่กัน ดวงตาเบิกโพลง
วันใหม่ วายุเศร้าซึมมีผ้าผันแผลบริเวณที่ถูกยิงอยู่ สลิลเป็นคนเข็นรถพาวายุมาชมวิว ภูผาอยู่ข้างๆ ทุกคนใส่ชุดไว้ทุกข์
ภูผาปลอบ
"คุณธรากับคุณน้อยไปสบายแล้วล่ะครับ ไม่ต้องอยู่กับความเจ็บปวดจากบาดแผลที่พวกเค้าสร้างขึ้นเองอีกต่อไปแล้ว"
วายุถามอย่างเจ็บปวด น้ำตาคลอ
"ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับผมด้วย ก็ไม่รู้นะครับคุณลุง"
" ไม่ได้มีแค่คุณใหญ่คนเดียวที่เจ็บปวดกับเรื่องนี้ ผมเองก็เจ็บปวดไม่แพ้คุณใหญ่"
วายุและสลิลชำเลืองมองหน้าภูผา
"แต่เราต้องมองมันอย่างเข้าใจ เราก็จะไม่เจ็บปวด แผลก็คือแผล ทุกคนก็มีกันทั้งนั้น อดีตก็คืออดีต ทุกคนต้องผ่านมันไปให้ได้ ผมเชื่อว่าคุณใหญ่ต้องผ่านความรู้สึกแย่ๆ นี้ไปได้แน่นอน"
ภูผาจับบ่าวายุบีบเบาๆ ให้กำลังใจ
"คุณใหญ่ต้องให้เวลากับตัวเอง ไม่ต้องรีบลืมมัน แค่ค่อยๆ ทำความเข้าใจ แล้ววันนึงคุณใหญ่จะไม่เจ็บปวดกับเรื่องนี้อีก"
วายุนิ่งฟัง สีหน้าคิดตาม สลิลห่วงใย อยากให้วายุหลุดพ้นจากความรู้สึกแย่ๆ นี้ไปได้โดยเร็ว
"เสร็จงานศพคุณป้าธรากับคุณน้อยที่กรุงเทพแล้ว คุณใหญ่จะกลับมาที่นี่อีกมั้ยคะ"
วายุหันมองหน้า สลิลน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ รู้สึกวูบวาบ ใจเต้นแรงกับคำตอบของวายุ
ผ่านเวลาถึงสายวันหนึ่ง บริเวณมุมสวนของรีสอร์ต ภูผานั่งจิบน้ำชา กินของว่างอยู่กับหลานสาว สลิลนั่งอ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็วางลง ภูผามองไปที่หน้าหนังสือพิมพ์ ที่สลิลเพิ่งอ่านจบ เห็นภาพข่าววายุเซ็นสัญญาร่วมทุนกับชาวต่างชาติ วายุอยู่ในลุคส์ของนักธุรกิจ ภูมิฐาน สง่างาม ต่างจากตอนที่อยู่ที่ไร่อย่างสิ้นเชิง
ภูผาแอบถอนใจเบาๆ รู้ว่าสลิลกำลังคิดถึงวายุ
"คุณใหญ่ติดต่อกลับมามั่งมั้ย"
สลิลส่ายหน้า
"ไม่เลยค่ะ"
"แล้วเราไม่ได้โทร.ไปถามข่าวคราวเค้าบ้างเลยเหรอะ"
"ไม่ค่ะ"
ภูผาแกล้งแซวหลานสาวสร้างบรรยากาศ
"เป็นแฟนกันยังไง ไม่คุยกัน"
สลิลสีหน้างอน
"ไม่ใช่ซะหน่อย คุณลุงอย่าพูดถึงเค้าเลยค่ะ"
"งอนที่คุณใหญ่ไม่กลับมาหาล่ะสิ"
"ไร่วายุกูลคงเป็นฝันร้ายสำหรับคุณใหญ่ไปตลอดชีวิต เค้าคงไม่อยากกลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะค่ะ"
สลิลสีหน้าเศร้าลง เมื่อคิดถึงวายุ
เข็มวิ่งหน้าตั้งเข้ามา พร้อมตะโกน
"เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ"
"อะไรอีกเจ้าเข็ม โวยวายเป็นที่หนึ่งเลยเจ้านี่" ภูผาถามพลางถอนใจ
เข็มวิ่งเข้ามาหยุดเหนื่อยหอบเล็กน้อย
"ระเบิดลงที่ล็อบบี้ครับ"
ลุงกับหลานหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจปนสงสัย
บริเวณล็อบบี้บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ต เรืองตะวันหน้าตาบูดบึ้งกำลังด่าวิธูอยู่
"บ้านช่องไม่กลับ จะย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวรเลยมั้ยล่ะ"
"ถ้าคุณยังทำนิสัยอย่างนี้อยู่ ก็ไม่แน่"
"พูดแบบนี้ คิดจะกลับไปคืนดีกับพี่หว้าใช่มั้ย"
สลิลเดินนำหมอภูผาเข้ามา
"เลิกคิดแบบนี้ซะทีเถอะลูกหยี เรื่องของพี่กับวิธูมันจบไปตั้งนานแล้ว จะมารื้อฟื้นให้มีเรื่องทะเลาะกันทำไม"
เรืองตะวันค้อนใส่วิธู
"ก็เค้าเล่นหอบเสื้อผ้าหนีมาอยู่กับพี่หว้าอย่างนี้ จะให้ลูกหยีคิดยังไงคะ"
ภูผาบอกหน้าขรึม ปกป้องหลาน
"วิธูอยู่บ้านพักลูกค้า ไม่ได้พักที่บ้านลุงกับลูกหว้าหรอก"
"ก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ"
สลิลถอนใจ ยืนยันหนักแน่น
"พี่ยืนยันว่าระหว่างพี่กับวิธูมันจบแล้วจริงๆ สิ่งที่ลูกหยีกลัวไม่มีวันเกิดขึ้นแน่นอน"
วิธูถอนใจเบาๆบอก
"งั้นผมขอเคลียร์ต่อหน้าคุณลุงกับหว้าเลยก็แล้วกันนะครับ"
วิธูส่งสายตาร้องขอให้ ภูผากับสลิลนั่งฟังเป็นพยานด้วย สลิลเศร้าปนเซ็ง ไม่อยากรับรู้ปัญหาใคร มองวิธูและเรืองตะวันเถียงกัน สลิลเลือกที่จะไม่รับรู้อะไรอีก
วิธูมองหน้าเรืองตะวัน สีหน้าจริงจัง
"ฟังผมให้ดี นะลูกหยี เพราะผมจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าคุณยังไม่ยอมฟังเราอาจจะต้องเลิกกันจริงๆ"
เรืองตะวันหน้าปั้นปึง
"มีอะไรก็ว่ามา"
"คุณก็รู้ดีว่าที่ผมยอมแต่งงานกับคุณเพราะความรับผิดชอบ และในเมื่อเราแต่งงานกันแล้ว ผมก็พยายามจะเป็นสามีที่ดีให้ได้ แต่คุณก็ยังไม่พอใจ เอาแต่หึงแบบไม่มีเหตุผล"
"ก็คุณทำตัวไม่น่าไว้ใจเอง"
สลิลค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไปเงียบๆ อย่างไม่มีใจ ไม่อยากฟังคู่นี้อีก ภูผาชำเลืองมองตามอย่างเห็นใจและเข้าใจ
วิธูพูดต่อ
"ผมขอร้องให้คุณไว้ใจผมบ้าง ผมให้สัญญาว่าต่อไปผมจะเป็นสามีที่ดีให้ได้ เราจะพยายามปรับตัวเข้าหากันเพื่อครอบครัวของเรา โอเคมั้ย"
เรืองตะวันปั้นหน้าตอบไปแบบรักษาฟอร์ม
"ถ้าคุณทำตัวดีๆ ใครจะอยากชวนทะเลาะล่ะ"
"สรุปว่าเราจะมาเริ่มต้นกันใหม่มั้ย"
"ก็ได้"
ภูผาประชดส่งท้าย ก่อนถอนใจเดินเลี่ยงไป
"ทะเลาะกันอีกเมื่อไหร่ รีสอร์ตลุงยินดีต้อนรับเสมอนะ"
วิธูและเรืองตะวันหน้าจ๋อยๆ แหยๆ ไป
ไร่ขวัญแก้ว บรรยากาศตอนกลางวัน แดดร้อนเปรี้ยง นวลขวัญคุมคนงานทำงานกลางแดดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เธอช่วยคนงานยกตะกร้าใบชา ทำนู่นทำนี่อย่างจงใจขยันผิดปกติ
สลิลกับทแกล้วมองดูนวลขวัญอยู่
ทแกล้วพูดสีหน้าขรึมๆ
"ตั้งแต่เกิดเรื่องพี่ขวัญก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละหว้า ทำงานหนักมากกว่าเดิม เงียบขรึม ปิดตัวเอง"
"พี่ขวัญคงอยากทำงานเยอะๆ จะได้ลืมเรื่องคุณน้อย แล้วอย่างนี้แก้วยังจะกล้าทิ้งพี่ขวัญไปเรียนต่อเมืองนอกอีกเหรอ"
"พี่ขวัญเป็นคนบอกให้แก้วไปเอง แก้วขอทุนกับมหาวิทยาลัยทางโน้นไว้นานแล้ว พี่เค้าไม่อยากให้เสียโอกาส"
"แล้วพี่ขวัญจะอยู่คนเดียวได้เหรอแก้ว"
"เดี๋ยวมีญาติย้ายมาอยู่ด้วย"
"งั้นก็หมดห่วง หว้าจะเทียวไปเทียวมาบ่อยขึ้นแล้วกัน แก้วไปเรียนเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้"
"ขอบใจมากนะหว้า"
สลิลยิ้มบางๆ กอดคอทแกล้ว
"เพื่อนกัน แค่นี้เรื่องเล็ก"
"คุณใหญ่จะกลับมาไร่วายุกูลอีกมั้ยหว้า"
สลิลชะงักไป ยิ้มค้าง
"คุณใหญ่เค้าคงไม่กลับมาแล้วล่ะ"
ทแกล้วกระเซ้า
"เค้าไม่มาก็ไปหาเค้าสิ"
"ทำไมต้องไป"
"ถามแปลก คิดถึงเค้าก็ต้องไปหาเค้าสิ"
สลิลปั้นหน้างอน
"เรื่องอะไรหว้าต้องคิดถึงเค้า ทีเค้ายังไม่เห็นคิดถึงใครเลย"
"คุณใหญ่คงงานยุ่ง เสร็จธุระทางโน้นแล้ว เดี๋ยวเค้าก็คงกลับมาหาหว้าเองแหละ อย่าขี้งอนไปหน่อยเลย"
"สุดท้ายทุกคนก็ทิ้งที่นี่ไปกันหมด"
สลิลพูดพลางถอนใจออกมา ทำท่าร่าเริง ตะโกนเรียก
"พี่ขวัญ มีอะไรให้หว้าช่วยมั้ยคะ"
ทแกล้วมองไปที่สองสาวด้วยความรู้สึกเห็นใจและเป็นห่วง
วันหนึ่งช่วงปลายปี เวลากลางวัน บริเวณล็อบบี้บ้านไร่สายน้ำรีสอร์ต สลิล เข็มและพนักงานกำลังตกแต่งประดับประดาต้นคริสต์มาสต์เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่กันอยู่ ภูผาเดินยิ้มแย้มเข้ามาหา
"ลูกหว้า"
"มีอะไรคะคุณลุง"
"ลุงได้ข่าวว่าที่ไร่วายุกูลกำลังปรับปรุงไร่กันยกใหญ่เลย สงสัยคุณใหญ่จะกลับมาแล้วมั้ง แปลกนะ จะไปจะมา ไม่บอกกล่าวกันมั่งเลย"
สลิลยิ้มกว้างดีใจอย่างเก็บอาการไม่อยู่
"งั้นเดี๋ยวหว้าไปดูให้เองค่ะ เดี๋ยวหว้ากลับมาส่งข่าวนะคะคุณลุง"
สลิลเผลอรีบร้อนเตะอุปกรณ์ตกแต่งกระจาย เข็มขำๆ กระเซ้า
"ไม่ต้องรีบก็ได้คุณหว้า"
สลิลชักหน้าดุใส่เข็ม ภูผาขำๆ สลิลยิ้มอายๆ รีบวิ่งออกไปเหยียบสายรุ้งแปะสก็อตเทปติดเท้าไปอีก ต้องยกเท้าแกะไปวิ่งไป ภูผายิ้มกว้างออกมาอย่างสบายใจหมดห่วง เดินเข้าไปช่วยเข็มและพนักงานประดับประดาต้นคริสต์มาสต้อนรับลูกค้าช่วงปีใหม่ต่อ
ผ่านเวลาซักครู่ สลิลขับรถเข้ามาเบรกเอี้ยดที่หน้าบ้านพักไร่วายุกูล เธอลงจากรถ เดินกวาดตามองหาวายุไปรอบๆ แต่ไม่เจอ เธอเดินเข้ามาถามหัวหน้าคนงานที่ปรับปรุงสถานที่อยู่
"คุณใหญ่มารึเปล่าคะ"
"เปล่าครับ คุณใหญ่อยู่กรุงเทพครับ"
"คุณใหญ่บอกรึเปล่าว่าจะกลับมาที่นี่เมื่อไหร่"
"ไม่ได้บอกอะไรเลยครับ นอกจากโทร.มาสั่งงานอย่างเดียว"
หัวหน้าคนงานปั้นสีหน้ากลุ้มใจ
"นี่ม้าที่คุณใหญ่สั่งซื้อมาใหม่ก็ยังไม่มีคนดูแลเลยครับ ผมเลยเอาไปผูกไว้ที่ท้ายไร่ ปล่อยให้กินหญ้าตามมีตามเกิดไปก่อน"
"ถ้าไม่มีใครดูแลจริงๆ ฉันช่วยเอาม้าไปดูแลให้ก่อนก็ได้นะ"
"ขอบคุณมากครับคุณหว้า"
สลิลยิ้มรับแห้งๆ ก่อนจะเดินออกไปทางท้ายไร่ ด้วยสีหน้าเศร้าๆ
ม้าแคระถูกผูกไว้ให้เล็มหญ้าอยู่ในทุ่งหญ้า สลิลเดินตรงเข้ามาหาม้าแคระ ยิ้มแย้มเอ็นดู สลิลปลาบปลื้ม ลูบม้าไปมาพร้อมเชยคางม้ามาจ้องหน้าพูดกับม้า ประชดๆ
"น่ารักจังเลย เจ้าของไร่เค้าซื้อแกมาทิ้งๆ ขว้างๆ เค้าไม่กลับมาดูแลแกหรอก น่ารักไปก็เท่านั้นแหละ เค้าไม่สนใจหรอกว่าจะมีใครคิดถึงรึเปล่า"
ไม่คาดคิด เสียงวายุดังขึ้นจากทางด้านหลังสลิล
"คิดถึงมากมั้ย"
สลิลชะงักค้าง วายุเดินยิ้มออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ตรงเข้ามาหา
"คุณใหญ่"
วายุยิ้มแย้มดีใจที่ได้เจอ
"ชอบมั้ยล่ะ ผมซื้อม้าตัวนี้ให้คุณ"
สลิลทำปั้นปึงเล็กน้อย
"เนื่องในโอกาสอะไรคะ"
"ขอโทษที่ผมกลับมาช้า"
"จะไม่กลับมาเลยก็ไม่มีใครว่าหรอก"
วายุพูดหน้าตาย พร้อมมองสบตา
"แต่มีคนคิดถึง"
สลิลอายเล็กน้อยแต่ก็ปั้นหน้าทำเป็นไม่รู้สึกอะไร
"ผมจะกลับมาปักหลักอยู่ที่ไร่วายุกูลนะ สุดท้ายแล้วผมก็รู้ว่าเงินทองหรือความสำเร็จอะไรมันก็ไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขจริงๆ เท่ากับได้อยู่กับคนที่ผมรักหรอก" ฃ
วายุพูดพลางสูดลมหายใจมองทุ่งกว้างและชำเลืองมองสลิลเล็กน้อย เธฮอมยิ้มเขินๆ ไม่สู้ตาเล็กน้อย
วายุชวนขึ้นมาดื้อๆ
"มาอยู่ด้วยกันมั้ยล่ะ"
สลิลอึ้งไป เมื่อถูกวายุจู่โจมกะทันหัน
"ว่าไงนะคะ"
"ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ"
"ถ้าคุณใหญ่ไม่พูดตรงๆ เกิดหว้าเข้าใจผิดขึ้นมาจะว่ายังไงคะ"
"คนฉลาดอย่างคุณ แค่นี้คิดไม่ผิดหรอก ตกลงจะมาอยู่ด้วยกันมั้ย"
สลิลทำเป็นครุ่นคิดไปคิดมา วายุแกล้งพูด
"คิดนานขนาดนี้ ผมกลับไปรอคำตอบที่กรุงเทพก็แล้วกัน"
วายุยิ้มๆจะเดินกลับ สลิลหันมองตาม พูดลอยๆ สีหน้าขี้เล่น
"ที่มาเนี่ย ก็ไม่ได้กะจะกลับหรอกนะคะ กะอยู่เลย"
วายุยิ้มกว้างอย่างดีใจ มองหน้าสลิลให้หายคิดถึง เขาเข้าไปสวมกอดสลิลเอาไว้แน่น
"ผมคิดถึงคุณมาก"
สลิลน้ำตาไหล กอดวายุไว้แน่น พูดเสียงกลั้วสะอื้น
"ที่สุดเลยค่ะ"
สองหนุ่มสาวกอดกันแน่นด้วยความคิดถึง ไม่ยอมปล่อยกันและกัน
จบบริบูรณ์