xs
xsm
sm
md
lg

มาดามดัน ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มาดามดัน ตอนที่ 11

ภาพในอดีตย้อนกลับมา ติณณภพพาพัฒศรีมาดูนักท่องเที่ยวล็อคกุญแจบนสะพาน
 
พัฒศรีเห็นแล้วอดขำไม่ได้ที่เห็นนักท่องเที่ยวเขียนชื่อคนรักบนแม่กุญแจแล้วอธิษฐานก่อนจะล็อคกับรั้วบนสะพานแล้วโยนลูกกุญแจทิ้ง
“เป็นความเชื่อของนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาที่สะพาน Pont Des Arts ว่ากันว่าถ้าคล้อง กุญแจแล้วอธิษฐาน แล้วโยนลูกกุญแจลงแม่น้ำ ความรักจะยั่งยืนตลอดไป” ติณณภพอธิบาย
“งั้นใต้แม่น้ำแซนตรงนี้คงมีลูกกุญแจเต็มไปหมด แบบนี้ก็สกปรกแย่สิคะพี่ติณ”
“เจ้าหน้าที่ที่นี่เขาจะคอยดูแล ถ้าเมื่อไหร่มีเยอะแล้วดูสกปรกมาก เขาก็จะเก็บกวาด ออกไปทิ้ง”
พัฒศรีพยักหน้ารับรู้
ติณณภพพยักหน้ารับ “เรามาลองดูกันมั้ย”
พัฒศรีส่ายหน้า “ไม่เอาหรอกค่ะ”
“ไหนๆก็มาแล้วนะ”
“เมื่อกี้พี่ติณบอกเอง.....พอถึงเวลาจะมีคนมาเก็บกวาดทิ้ง ถ้าอย่างนั้นคำอธิษฐานก็ไม่มีทางเป็นจริงสิคะ”
“งั้นถ้าอยากให้คำอธิษฐานเป็นจริง ก็ต้องไปล็อคกุญแจที่ยอดหอไอเฟล จะได้ไม่มีใครไปตัดออก” ติณณภพจับมือพัฒศรี “ไปกันเถอะ..ไปล็อคกุญแจที่หอไอเฟลกัน”
“บ้าแล้วเหรอคะพี่ติณ..ทำอย่างนั้นได้ไง เดี๋ยวก็โดนตำรวจจับหรอก”
“พี่ล้อเล่นน่า”
พัฒศรีงอนแก้มป่องแล้วเดินออกไป ติณณภพมองตามแล้วอมยิ้ม

พุชชี่นิ่งมองแนวกุญแจบนสะพานแล้วเศร้าจนไม่ได้ยินเสียงเรียกของเน็กซ์
“ป้า..ป้า !!”
พุชชี่ตกใจ “เน็กซ์....”
“เรียกตั้งนานไม่ได้ยิน เหม่อคิดถึงความหลังอะไรแถวนี้เหรอป้า”
“ความหลังอะไร..ไม่มีซักหน่อย”
“แน่ใจเหรอป้า ผมรู้นะว่ามาดามพุชชี่มีความลับที่ใส่กุญแจล็อคแน่นหนา ไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่ง”
“รู้ได้อย่างนั้นก็ดี!!”
“แต่ผมจะหาลูกกุญแจนั่นให้เจอ เพื่อจะไขผ่านมาดามพุชชี่ แล้วเข้าไปให้ถึงหัวใจของ ผู้หญิงที่ชื่อ “พัฒศรี” ให้ได้”
พุชชี่ชะงักแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “พูดอะไรไร้สาระ ตกลงได้เรื่องที่อยู่ของพ่อเธอมารึเปล่า ชั้นหิวอยากกลับโรงแรมเต็มทีแล้ว”
เน็กซ์นิ่งมองพุชชี่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเซ็งทันที เน็กซ์หน้าเซ็งที่ยังไม่เจอเบาะแสพ่อ

อาร์ทกำลังขับรถมาตามถนนสีหน้าอารมณ์ดีที่ได้แซวแพตตี้เวลากลางคืน ก่อนจะรู้สึกผิดปกติกับการบังคับรถจึงตัดสินใจเปิดไฟเลี้ยวแล้วเอารถจอดข้างทาง อาร์ทลงจากรถแล้วมาสำรวจดูที่ล้อรถก็พบว่ายางแบนแต๊ดแต๋ทั้ง 4 ล้อซึ่งหมายความว่าเขาถูกลองดีซะแล้ว ทำให้เขาคิดไปถึงใครอื่นไม่ได้
“แพตตี้ !! หึ..นึกแล้วเชียว ยัยเล็กพริกขี้หนู ไม่น่าประมาทเลยเรา”
อาร์ทหัวเสียแล้วเดินไปที่ริมถนนเพื่อจะโบกรถเรียกแท๊กซี่ ระหว่างนั้นแพตตี้ก็โทรเข้ามาที่มือถืออาร์ท อาร์ทดูเบอร์โชว์แล้วกดรับสาย
“ยังกล้าโทรมาอีกเหรอยัยตัวแสบ”

แพตตี้นอนคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าสะใจมากๆ
“ละครมาถึงฉากสำคัญที่ชั้นเขียนบทเองกำกับเองแบบนี้ จะให้พลาดความสะใจได้ไง”
“เธอนี่มัน...ฮึ่ย !! ยัยเด็กแสบ”
“แกมันก็ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์เหมือนกันนั่นแหละ จำใส่หัวเอาไว้เลยนะ ถ้ามาเยอะกับชั้นอีก แกจะเจ็บตัวมากกว่านี้”
“ตัวกะเปี๊ยกอย่างเธอจะทำอะไรชั้นได้ อ๋อ..หรือคิดว่าเป็นลูกสาวเจ้าพ่อเลยจะวัดรอยเท้าตามเขา”
“นี่ !! อย่ามาลามปามถึงบุพการีชั้นนะ”
“ทีนี้ล่ะรักพ่อขึ้นมาทันทีเชียวนะ เห็นหนูดอกบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขาไม่ใช่เหรอ”
แพตตี้ชะงักเจ็บปวดขึ้นมาทันทีที่โดนสะกิดต่อมดราม่า
อาร์ทเห็นเงียบไปก็รู้สึกผิดที่เผลอพูด “แพตตี้..เอ่อ..ชั้น..ชั้นขอโทษ”
“ไปตายซะ..ไอ้บ้า !”
แพตตี้กระแทกโทรศัพท์อย่างหัวเสีย แล้วน้ำตาก็เอ่อเต็มสองเบ้าตา

อาร์ทมองโทรศัพท์แล้วตบปากตัวเอง
“ปากเสียจริงๆเลย เป็นเรื่องแล้วมั้ยล่ะ”
อาร์ทโทษตัวเองก่อนจะหันไปที่ถนนแล้วมองหาแท๊กซี่
รถเก๋งหนึ่งขับฉวัดเฉวียนไปมาเพราะคนขับเมากึ่มจนหน้าแดง อาร์ทยืนมองเห็นแสงไฟจากรถลิบๆก็ขยับออกไปโบกเรียก แต่รถขับฉวัดเฉวียนจนอาร์ทสงสัย รถพุ่งตรงเข้ามาที่อาร์ทโดยไม่ลดความเร็ว อาร์ทตกใจหน้าเสีย
 
แสงไฟสาดเข้าหน้าอาร์ทเต็มๆ จังหวะเดียวกับที่อาร์ทกระโดดหลบรถจึงเพียงแค่เฉี่ยว

เน็กซ์ที่เข้าเฝือกที่ขากับพุชชี่เดินมาหยุดที่หน้าห้องพักของตัวเองในโรงแรม
 
เน็กซ์ไขกุญแจเปิดประตูจะเข้าห้อง พุชชี่เห็นหน้าเน็กซ์ยังเซ็งไม่หายเลยพยายามปลอบใจ
“เอาน่า..อย่าเพิ่งหน้าหงิกเป็นหมาหน้าย่นไปหน่อยเลย ก็อย่างที่เดาเอาไว้ไม่ผิด เวลามันผ่านมาตั้ง 20 กว่าปี อะไรๆมันก็ต้องเปลี่ยนแปลง ตึกเก่าก็ต้องทุบทิ้ง ถนนก็ต้องสร้างใหม่”
พุชชี่พูดไปก็ใช้มือแตะไหล่เน็กซ์ตบเบาๆ เพื่อปลอบใจ
“เอาอย่างนี้แล้วกัน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ชั้นจะพาไปดินเนอร์ แล้วค่อย ปรึกษากันว่าพรุ่งนี้จะเอายังไง”
“ป้าไปกินคนเดียวเถอะ..ผมไม่ชอบกินอาหารฝรั่ง เลี่ยนนมเนย อยากกินแซ่บๆมากกว่า”
“แล้วไม่หิวเหรอ”
“ผมเอาบะหมี่สำเร็จรูปมา”
เน็กซ์บอกแล้วเปิดประตูเข้าห้องไป พุชชี่โดนปิดประตูใส่หน้าก็บ่นตามเคย
“เด็กบ้า..เลี้ยงยากชมัด”
พุชชี่ไขกุญแจเข้าห้องตัวเองแล้วปิดประตู

ประตูลิฟท์ชั้นบนเปิด พุชชี่เดินหิ้วถุงของกินที่ซื้อมาจากร้านข้างนอกเพราะตั้งใจจะซื้อมาเผื่อเน็กซ์ พุชชี่เดินเลยมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องเน็กซ์
พุชชี่บ่น “กว่าจะเจอร้านอาหารไทย เดินจนขาลากเลย”
พุชชี่กำลังจะเคาะประตูเรียกแต่ได้ยินเสียงผิดปกติบางอย่างเบาๆจากในห้อง พุชชี่เอาหูแนบฟังที่ประตูแล้วตกใจ
“เสียงร้องไห้ ?”
พุชชี่เป็นห่วงเลยรีบเคาะประตูเรียก
“เน็กซ์…เน็กซ์..เน็กซ์”
พุชชี่เรียกเสียงดังอยู่ครู่ เน็กซ์ก็เดินมาเปิดประตูสภาพหน้าแดงก่ำ น้ำตาเล็ด น้ำมูกไหล
“มีอะไรเหรอป้า..เรียกซะเสียงดัง”
“นึกอยู่แล้วเชียว ที่ไม่ยอมตามชั้นออกไปกินข้าว ที่แท้ก็เก็กแมนไม่อยากให้เห็นว่าเสียใจ เลยมานั่งร้องไห้คนเดียว”
เน็กซ์ทำหน้างง
พุชชี่เห็นแล้วก็ยิ่งสงสารเลยดึงเน็กซ์มากอดแล้วลูบหลังปลอบใจ
“เด็กน้อยเอ้ย..อยู่กับชั้นเธอมีอะไรก็บอกตรงๆได้ วันนี้ไม่เจอพรุ่งนี้ก็ต้องเจอ ขอแค่อย่า เพิ่งหมดหวัง ชั้นสัญญาว่าจะช่วยให้เธอได้เจอหน้าพ่ออังเดรของเธอให้ได้”
พุชชี่โอบกอดเขาไว้อย่างห่วงใย แต่เน็กซ์กลับทำหน้างงไม่เลิกก่อนจะพอเข้าใจว่าพุชชี่กำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่ เน็กซ์อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะสวมรอยทำเสียงสะอื้นในอ้อมกอดพุชชี่
“ผมกลัวว่าผมจะไม่ได้เจอหน้าพ่ออังเดร ผมเสียพ่อไปคนนึงแล้ว ผมไม่อยากเสียใจอีก”
เน็กซ์ทำสะอื้นแล้วกอดพุชชี่แน่นแถมยังซุกหน้าเข้าที่ซอกคอ แรกๆพุชชี่รู้สึกว่าเน็กซ์เสียใจแต่พอซักพักมือไม้ที่ลูบหลังเธอทำให้รู้สึกผิดสังเกต ก่อนจะสังเกตเห็นบางอย่างในห้องเน็กซ์
พุชชี่เห็นบะหมี่ถ้วยรสต้มแซ่บ รสต้มยำน้ำข้นและน้ำใส 3 ถ้วยที่เน็กซ์กินเหลือวางอยู่บนโต๊ะ พุชชี่ผงะจิกหน้าสงสัยดันเน็กซ์อกจากตัวแล้วยื่นหน้าดมปากเน็กซ์ฟุดฟิดจนแน่ใจ
“เด็กบ้า !! เธอไม่ได้ร้องไห้เสียใจ แต่น้ำหูน้ำตาไหลเพราะเผ็ดใช่มั้ย”
เน็กซ์ยิ้ม “ว้า..รู้ทันจนได้ ทั้งต้มแซ่บ ต้มยำน้ำข้นน้ำใส มันก็ต้องน้ำหูน้ำตาบ้างสิป้า”
พุชชี่ปรี๊ดแตกทันที “ไอ้..ไอ้..เด็กนรก !!”
พุชชี่เอาถุงอาหารที่ซื้อมาฟาดใส่เน็กซ์ไม่ยั้ง

กรุงปารีสยามค่ำคืน จากเดิมที่แสงไฟมากเริ่มลดน้อยลงเพราะดึกมากขึ้นทุกที

นาฬิกาในห้องพักของพุชชี่บอกเวลาตี 3 กว่า เสียงเคาะประตูดัง พุชชี่งัวเงียตื่นจากเตียงทั้งผ้าปิดตา เธอทำหน้าเซ็งเพราะง่วงมาก พอเปิดประตูก็เจอเน็กซ์ยืนห่มผ้าห่มอยู่หน้าห้องหนาวสั่นงั่กๆ
“อะไรของเธอเนี่ย..นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว”
“ตี 3 กว่า แต่ฮีตเตอร์ห้องผมเสีย หนาวจนจะแข็งอยู่แล้ว”
“ฮีตเตอร์เสียก็เรียกพนักงานมาซ่อมหรือไม่ก็ขอย้ายห้องสิ มาปลุกชั้นแล้วจะช่วยอะไรได้”
“แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว ผมขี้เกียจรอ ขี้เกียจเก็บของย้ายห้อง ผมอยากนอนต่อ”
เน็กซ์บอกแค่นั้นแล้วก็รีบเดินเข้าไปในห้องทันที พุชชี่ตกใจรีบตามไปฉุดกระชากลากเน็กซ์ที่นอนแหมะอยู่บนเตียง
“ลุกเลยนะเด็กบ้า..ชั้นให้เธอนอนห้องนี้ก็ได้ แต่เธอต้องไปนอนที่พื้น จะมานอนเตียง เดียวกับชั้นไม่ได้”
“พื้นเย็นอย่างกับน้ำแข็ง..นอนเตียงเดียวกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง อย่าเยอะน่าป้า เดี๋ยวบาร์โค้ดก็ขึ้นหางตาหรอก”
พุชชี่อึ้ง “เด็กบ้า..ชั้นโบ๊ะไนท์ครีมทุกคืน ตีนกาเป็นแผงบาร์โค้ดไม่ได้กินชั้นหรอกย่ะ”
“เออๆ..ป้าเก่ง ป้ายังเต่งตึง แต่ไหนบอกว่าหน้าที่ของป้าคือดูแลผมไง”
พุชชี่ชะงักจะเถียงอีกแต่เน็กซ์ก็ไม่สนใจ เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงแล้วหลับไปบนเตียงพุชชี่ พุชชี่หน้าเซ็งมองนาฬิกาแล้วยังไงก็ต้องนอนต่อเลยเข้าไปนั่งข้างเตียงแล้วถอนใจ

นาฬิกาบอกเวลาตี 4 พุชชี่นอนหันหลังให้เน็กซ์แต่รู้สึกอึดอัดเพราะต้องนอนตะแคงข้างเดียวตลอด เวลาล่วงถึงตี 4 พุชชี่ทนไม่ไหวเลยหันกลับมาแล้วตกใจเพราะป๊ะเข้ากับหน้าเน็กซ์เต็มๆ จนจมูกชนกัน
“เย้ย !! โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
พุชชี่นิ่งไปที่ใบหน้าของเธอใกล้ชิดกับเน็กซ์ที่หลับสนิท แล้วใบหน้าของเด็กหนุ่มใสๆ หล่อๆก็ทำให้ใจเต้นตึกตักจนเผลอยกมือขึ้นมาจับแก้มเน็กซ์เบาๆ ก่อนที่เน็กซ์จะหาวคำโต พุชชี่เลยขำก่อนจะนึกถึงคำพูดเน็กซ์ที่สะพาน
“ผมจะหาลูกกุญแจนั่นให้เจอ เพื่อจะไขผ่านมาดามพุชชี่ แล้วเข้าไปให้ถึงหัวใจของผู้หญิงที่ชื่อพัฒศรีให้ได้”
คำพูดนั้นของเน็กซ์ทำให้พุชชี่รู้สึกสับสน เมื่อยิ่งได้อยู่ใกล้ชิดเน็กซ์ขนาดนี้ก็ยิ่งทำให้ใจเธอเต้นโครมคราม
ภาพความใกล้ชิดของเน็กซ์กับพุชชี่แทรกเข้ามาในความคิดของเธอ หลั่งไหลมาเหมือนกับสายน้ำ ตอกย้ำว่าตั้งแต่มีเน็กซ์เข้ามาในชีวิต
 
เน็กซ์ก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุข จนมาจบภาพที่เน็กซ์กับเธอเคยจูบกัน

พุชชี่สะดุ้งลุกขึ้นจากที่นอนมองหน้าเน็กซ์จนคิดเตลิดไปไกล
 
พุชชี่หน้าแดงผ่าวรีบหันหลังให้เน็กซ์แล้วตบแก้มตัวเองพยายามเรียกสติ
“ไม่..ห้ามคิดแบบนั้นเด็ดขาด มาดามพุชชี่จะหลงรักเด็กตัวเองไม่ได้..ไม่ได้ !”
พุชชี่เรียกสติตัวเองได้ครู่มือเน็กซ์ก็โอบรัดเอวเธออย่างนุ่มนวล
“ขอผมกอดหน่อยได้มั้ยครับ..มาดาม”
พุชชี่สะดุ้งโหยงและขนลุกเกรียวก่อนจะเคลิ้มตอบ “ดะ..ดะ..ได้”
เน็กซ์ลุกขึ้นมาแล้วกอดซุกไซร้แผ่นหลังก่อนจะเปลือยไหล่ชุดนอนของเธอออกแล้วบรรจงจูบเบาๆที่หัวไหล่
พุชชี่เคลิ้มสะเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความเสียว “โอ้วววว..ไม่..ไม่นะ..ไม่...ไม่”
พุชชี่พยายามปฏิเสธเพราะทนกดอารมณ์ตัวเองจะไม่ไหวแล้ว
“ไม่ต้องหยุดใช่มั้ยครับมาดาม”
“ใช่..ไม่ต้องหยุด” เน็กซ์สะดุ้ง “เอ้ย..ไม่ใช่..เราจะทำแบบนี้ไม่ได้นะเน็กซ์ มันไม่ใช่เรื่องถูกต้อง”
“อะไรคือความไม่ถูกต้องครับ..เด็กปั้นในสังกัดหรืออายุที่ห่างกัน”
“มันก็ทั้งหมดนั่นแหละ”
“งั้นความรักมันก็ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยใจน่ะสิครับ” เน็กซ์ว่า พุชชี่อึ้งไปเน็กซ์ค่อยๆจับมือเธอมากุม “ผมอยากให้มาดามถามใจของตัวเอง..ตั้งแต่เราได้ใกล้ชิดกัน มาดามมีความสุขได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากกุญแจที่ขังความรักของมาดามไว้รึเปล่า”
“เน็กซ์”
เน็กซ์ชี้นิ้วไปที่หน้าอกพุชชี่ตรงบริเวณหัวใจแล้วพูดสีหน้าจริงจัง
“ฟังเสียงหัวใจตัวเองครับ..อะไรคือความสุขที่แท้จริงที่มาดามพุชชี่ต้องการจริงๆ”
พุชชี่มองหน้าเน็กซ์แล้วนิ่งไป ทั้งคู่สบตากันแล้วเน็กซ์ก็ค่อยๆยื่นหน้ามาจูบ พุชชี่หลับตาพริ้มยอมให้เน็กซ์จูบเธออย่างดูดดื่ม ตัวเธอเริ่มเกร็งส่วนมือก็กอดรัดไปที่แผ่นหลังแล้วจิกเล็บใส่แผ่นหลังของเขา

พุชชี่กลิ้งตกลงจากเตียงเสียงดังโครมก่อนจะร้องออกมาด้วยความเจ็บ พุชชี่นอนแผ่อยู่ที่พื้นข้างเตียงลืมตาโพลงแล้วพบว่าทั้งหมดคือความฝัน เธอรีบลุกด่าเน็กซ์ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฝัน
“ต่อไปนี้ห้ามเธอมานอนเตียงเดียวกับชั้นอีก เด็ดขาด..เข้าใจมั้ย !!”
พุชชี่ด่าไปแล้วก็ชะงักเพราะบนเตียงว่างเปล่า เน็กซ์ไม่อยู่มีแต่หมอนว่างๆและเธออยู่ในห้องคนเดียว
“เน็กซ์...เน็กซ์...?”
พุชชี่อายที่ตัวเองฝันอะไรแบบนี้

แพตตี้กำลังซ้อมโพสต์ท่าเซ็กส์ซี่ ยั่วยวน รวบผม ปากเจ่อ จิกหน้า พ้อทย์เท้าอยู่หน้ากระจก ยุวดีที่นั่งอยู่ในห้องมองเจ้านายอย่างชื่นชม
“เซ็กซ์ซี่อย่างกับซุเปอร์โมเดลเลยค่ะคุณแพตตี้”
“งั้นก็แสดงว่าดูอินเตอร์แล้วสิ”
“ค่ะ ยุวดีไปบนหัวหมูมาแล้ว คุณแพตตี้ต้องได้เป็นนางเอกหนังอินเตอร์แน่”
“ถึงกับบนหัวหมูเลยเหรอ เยอะไปนะยุวดี ว่าแต่หล่อนเก็บกระเป๋าชั้นเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ..พร้อมออกเดินทางได้เลยค่ะ”
แพตตี้ยิ้มรับ ระหว่างนั้นเจ๊เมี่ยงก็เดินเข้ามา
“แพตตี้ รู้ข่าวเรื่องนายอาร์ทรึยัง”
“ข่าวอะไรเหรอคะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงมองแพตตี้ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ใช่เรื่องดี

อาร์ทเข้าเฝือกที่ขา ตามตัวของเขามีแผลถลอกอยู่นิดหน่อย หนูดอกนั่งอยู่ข้างเตียง
“นี่โชคยังดีนะแกที่แค่ถูกเฉี่ยว ถ้าโดนเข้าไปเต็มๆล่ะก็...เละ !!”
“ก็เกือบไปเหมือนกันนั่นแหละ ดีที่กระโดดหลบทัน”
“งั้นชั้นถามจริงๆเถอะ ดึกๆดื่นๆแกไปจอดข้างถนนยืนล่อเป้ารถเมาแล้วขับทำไม”
อาร์ทนิ่งไปแล้วขยับตัวเพราะเมื่อย “ประมาทยัยตัวแสบไปหน่อย เลยโดนสั่งสอนน่ะ”
“ยัยตัวแสบ ? แพตตี้น่ะเหรอ”

อาร์ทพยักหน้ารับ

แพตตี้หน้าเสียเพราะตกใจ
 
“เป็นอะไรมากรึเปล่าเจ๊”
“ก็เจ็บเอาเรื่อง เห็นข่าวเขาว่าเฉียดพิการไปนิดเดียว”
แพตตี้หน้าเสีย เธอหันไปมองตาปริบๆกับยุวดี
“เกือบไปแล้ว...เห็นมั้ยคะคุณแพตตี้ ยุวดีบอกแล้วว่าแบบนี้มันเล่นแรงเกินไป”
แพตตี้ถลึงตา “หุบปากนะ ก็ใครจะไปรู้ล่ะ”
“นี่..อะไรกันยะ”
“เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกค่ะเจ๊ กำลังสมน้ำหน้าหมอนั่น ปากเสียดีนักเจอแบบนี้จะได้เข็ด”
เจ๊เมี่ยงหรี่ตามองด้วยความสงสัย “ออกอาการสมน้ำหน้าขนาดนี้..เจ๊ถามจริงๆเถอะ หนูเกี่ยวข้องกับเรื่อง นี้รึเปล่า”
แพตตี้ชะงัก “เกี่ยวอะไรที่ไหนคะเจ๊..แพตตี้ไม่รู้เรื่องหรอก จริงๆค่ะ”
“ช่างเถอะ จะฝีมือหนูรึเปล่าก็ไม่สำคัญแล้ว ที่แน่ๆงานแคสติ้งบทหนังที่ฝรั่งเศส นายอาร์ทกินแห้วไปเรียบร้อย ทางโน้นเขาคงหาคนอื่นมาแทน ส่วนหนูกับเจ๊เขาสั่งให้ บินไปเลย”
“จริงเหรอคะเจ๊”
“จริงสิจ๊ะหนูแพตตี้..งานนี้นอกจากเจ๊จะได้ชื่อเสียงที่ดันหนูจนโกอินเตอร์แล้ว นี่แหละคือ โอกาสดีเจ๊จะตามไปล้วง ไปจิก ไปเจาะเอาความจริงมาตีแผ่ จะเล่นงานนังพุชชี่ให้อยู่ วงการนี้อีกไม่ได้ !!”
เจ๊เมี่ยงพูดไปก็จิกหน้าร้ายเอาเรื่อง

บนถนน Tolbiac ที่ผู้คนเดินไปเดินมา พุชชี่เดินเข้ามามองหาเน็กซ์อยู่ครู่หนึ่งก็เห็นเน็กซ์นั่งอยู่ที่ร้านกาแฟ โดยมีกาแฟ 1 แก้วใหญ่วางอยู่ เน็กซ์กำลังกินกาแฟไปก้มหน้าก้มตาดูแผนที่ในปารีสไปได้ครู่ พุชชี่ก็ตามเข้ามานั่ง
“บอกแล้วไง ว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว”
เน็กซ์ไม่ได้เงยหน้าจากแผนที่ “เห็นป้ากำลังนอนสบายฝันหวานอยู่เลยไม่อยากกวน”
พุชชี่ชะงัก “รู้ได้ไงว่าชั้นกำลังฝันหวาน!”
“ก็เห็นนอนอมยิ้ม เคลิ้มซะอย่างกับ...”
เน็กซ์หยุดนิดนึงแล้วหันไปมองพุชชี่ก่อนจะไม่พูดอะไรต่อทำเอาพุชชี่ยิ่งอยากรู้
“อย่างกับอะไร...”
“จะให้พูดจริงๆเหรอ..ติดเรต 18 บวกนะ แถมผมยังถ่ายคลิปใส่มือถือไว้ด้วย”
พุชชี่ตกใจ เน็กซ์หยิบมือถือตัวเองออกมาโชว์
“เด็กบ้า..เอาโทรศัพท์ของเธอมาเดี๋ยวนี้”
“ให้ดูก็ได้.. แต่ป้าต้องบอกผมมาก่อน ว่าป้าฝันดีอะไรถึงได้เคลิ้มซะขนาดนั้น”
พุชชี่ชะงักแล้วไม่กล้าสบตาเน็กซ์จึงลอยหน้าไปทางอื่น “ชั้นไม่ได้ฝันอะไรซะหน่อย” พุชชี่เขิน
“แน่ใจนะ..ไม่ใช่ว่าฝันถึงผมหรอกเหรอ เพราะเมื่อคืนตอนหนาวๆป้าหันมากอดผมด้วย”
พุชชี่ฉุนจึงคว้าแก้วกาแฟตรงหน้าเน็กซ์จะมาเทรดใส่เป้ากางเกงเน็กซ์
“อ๊ะ !! อย่านะป้า ถ้าเทกาแฟใส่ผมล่ะก็..ผมจะแยกทางกับป้าแล้วไปตามหาพ่อคนเดียว”
พุชชี่ชะงักมองเน็กซ์อย่างเสียไม่ได้แล้วเอาแก้วกาแฟในมือมาซดกินจนหมดแก้ว แล้วกระแทกแก้วลงบนโต๊ะต่อหน้าเน็กซ์
“เอาโทรศัพท์มาได้แล้ว”
เน็กซ์ยิ้มแล้วลุกขึ้นหน้ากวนๆ “ผมไม่ได้อัดคลิปอะไรไว้หรอก..แค่ยั่วป้าเฉยๆ เผื่อจะยอมรับว่าเด็กอย่างผมก็ทำให้ป้ามีความสุขได้”
เน็กซ์หัวเราะแล้วเดินไปจากร้านพร้อมแผนที่ปารีสและมือถือ
“จ่ายตังค์ด้วยนะป้า”
พุชชี่มองตามเจ็บใจแล้วเดินตามพุชชี่ไป

เน็กซ์ข้ามทางม้าลายจากจุดหน้าร้านมาถนนฝั่งตรงข้ามเพื่อจะเดินต่อไป พุชชี่รีบข้ามถนนตามมา แล้วคว้าไหล่เน็กซ์เอาไว้
“เดี๋ยว !! เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”
“อะไรอีกล่ะป้า”
“จะบอกให้นะ....ถ้าชั้นจะฝันว่ากำลังมีความสุขอยู่กับใครล่ะก็...คนนั้นต้องไม่ใช่เธอ”
“งั้นใคร ? กัปตันติณณภพใช่มั้ย”
พุชชี่นิ่งมองไม่ตอบ
“ผมเคยได้ยินพี่อาร์ทพูดว่า กัปตันมีชาร์โต้อยู่ที่ฝรั่งเศส ความหลังที่ทำให้ป้ายืนเหม่อจน เก็บเอาไปฝันหวานก็คงไม่พ้นเขา”
พุชชี่ชะงักจนจับสีหน้าได้ “ใช่.. แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว..ถ้าป้าอยากมารื้อฟื้นความหลัง อยากจะมาหาคนรัก ก็อย่าเอาเรื่อง ตามหาพ่อผมมาเป็นข้ออ้าง ผมมาหาพ่อไม่ได้พาป้ามาหาแฟน”

เน็กซ์พูดห้วนๆอย่างมีอารมณ์แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้พุชชี่ยืนอึ้ง พุชชี่ยืนที่เดิมอยู่ครู่ก็รู้สึกเป็นห่วงเน็กซ์
 
อ่านต่อหน้า 2

มาดามดัน ตอนที่ 11 (ต่อ)

พุชชี่เดินมองหาเน็กซ์อย่างเป็นห่วงแต่ไม่เห็นแม้แต่เงา
 
พุชชี่เดินมาหยุดที่ริมสะพานมองไปที่แม่น้ำเบื้องหน้า คำพูดของเน็กซ์ยังสะกิดความรู้สึกของเธอ
“...ถ้าป้าอยากมารื้อฟื้นความหลัง อยากจะมาหาคนรัก ก็อย่าเอาเรื่องตามหาพ่อผมมา เป็นข้ออ้าง ผมมาหาพ่อไม่ได้พาป้ามาหาแฟน”
พุชชี่ถอนใจยาวหันกลับมายืนพิงราวสะพานเพราะจดจำความฝันเมื่อคืนได้ เธอนึกถึงคำพูดของเน็กซ์
“งั้นความรักมันก็ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยใจน่ะสิครับ” พุชชี่อึ้งไปเน็กซ์ค่อยๆจับมือเธอมากุม “ผมอยากให้มาดามถามใจของตัวเอง..ตั้งแต่เราได้ใกล้ชิดกัน มาดามมีความสุขได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากกุญแจที่ขังความรักของมาดามไว้รึเปล่า”
“เน็กซ์”
เน็กซ์ชี้นิ้วไปที่หน้าอกพุชชี่ตรงบริเวณหัวใจแล้วสีหน้าจริงจัง
“ฟังเสียงหัวใจตัวเองครับ..อะไรคือความสุขที่แท้จริงที่มาดามพุชชี่ต้องการจริงๆ”

พุชชี่เอาสองมือปิดหน้าตัวเองบ่นกับตัวเองอย่างหนักใจ
“โอ้ย..พัฒศรี นี่แกเป็นอะไรของแก” พุชชี่พยายามส่ายหน้าแล้วตบแก้มตัวเองสุดฤทธิ์ “ไม่ได้...ห้ามคิดอย่างนี้อีกเด็ดขาด”
พุชชี่บ่นกับตัวเองแล้วสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพยายามทำให้ได้อย่างที่พูด ระหว่างนั้นเองโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“เน็กซ์ !!”
พุชชี่รีบเปิดกระเป๋าถือหยิบมือถือเครื่องปัจจุบันออกมากดรับสายโดยไม่ได้ดูเบอร์โชว์ พุชชี่คิดว่าเป็นเน็กซ์ ด้วยความเป็นห่วงเลยกดรับสาย
“เน็กซ์...เธออยู่ที่ไหน” พุชชี่ชะงักฟัง “อาร์ทเองเหรอ..ฮัลโหล..” พุชชี่รู้สึกว่าสัญญาณไม่ดี “ฮัลโหล..”
พุชชี่เดินออกไปจากบริเวณเพื่อหาจุดที่สามารถรับสัญญาณได้ชัดกว่า พุชชี่เดินออกไปได้ครู่ ติณณภพกับเพื่อนชาวฝรั่งเศสเดินคุยกันมาตามทาง ระหว่างนั้นติณณภพเห็นพุชชี่แว้บๆ เลยหยุดดูให้แน่ใจแล้วก็รู้สึกตื่นเต้น แต่เพราะผู้คนที่เดินกันอยู่บนสะพานผ่านไปผ่านมาทำให้มองตามไม่ทัน
เพื่อนผู้ชายพูดภาษาฝรั่งเศส “เจอคนรู้จักเหรอ ?”
ติณณภพพูดภาษาฝรั่งเศส “คงไม่ใช่เขาหรอกครับ”
ติณณภพกับเพื่อนออกเดินต่อ ติณณภพมีสีหน้าเศร้าๆ

อาร์ทโทรหาพุชชี่ด้วยมือถือตัวเองจากบนเตียงคนไข้ในสภาพขาเข้าเฝือก
“พุชชี่..ได้ยินรึยัง....”

พุชชี่สีหน้าตกใจเดินพูดโทรศัพท์อยู่ที่ทางแยกหน้าวัง Les Invalides ซึ่งมีสถาปัตยกรรมเป็นฉากหลัง พุชชี่มีสีหน้าตกใจ
“ว่าไงนะ..โดนรถเฉี่ยว ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”
“ไม่ต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้นหรอกพุชชี่ ก็แค่อุบัติเหตุยังไม่ถึงกับตาย เอาเป็นว่าโชคยังเข้าข้างแค่เข้าเฝือกให้หมอดูแล ส่วนอื่นไม่ได้กระทบกระเทือนอะไร”
“แล้วงานที่นี่ล่ะ”
“ก็ต้องถอนตัวแหละ สภาพนี้คงทำงานไม่ได้ยาวเลย ว่าแต่ทางเธอกับเน็กซ์ล่ะเป็นยังไง”
พุชชี่นิ่งไปครู่ “ก็..ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย” พุชชี่พูดน้ำเสียงเศร้า
อาร์ทสงสัย “มีอะไรรึเปล่า ฟังน้ำเสียงเธอแล้วดูน่าเป็นห่วงยังไงก็ไม่รู้”
พุชชี่พยายามปฏิเสธ “ไม่มีอะไรหรอก..ก็รู้ว่าชั้นเป็นยังไงเวลาอยู่กับเด็กบ้านั่น”
“งั้นเธอต้องระวังตัวหน่อยนะ ตอนนี้เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้บินตามไปแล้ว สองคนนั่นคงต้อง หาทางเล่นงานเธอแน่”
“ขอบใจนะอาร์ท..ชั้นจะระวังตัว เธอก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ”
พุชชี่กดตัดสายไปแล้วก็ทำหน้านิ่งครุ่นคิด

เน็กซ์เดินคุยออกมากับเจ้าหน้าที่โบสถ์นอทรา ดามมาตามทางก่อนจะจับมือกล่าวคำขอบคุณเป็นภาษาฝรั่งเศสแล้วร่ำลากัน เจ้าหน้าที่เดินกลับเข้าไปข้างในโดยทิ้งเน็กซ์ให้ยืนถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เขาหยิบแผนที่ขึ้นมาพับเก็บ พุชชี่ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่บริเวณนั้นเดินตรงเข้ามาหาเน็กซ์สีหน้านิ่งๆ
“ท่าทางคงไม่ได้เบาะแสอะไรเลยใช่มั้ย”
เน็กซ์ชะงักหันมามองอย่างแปลกใจเพราะก่อนหน้านั้นทะเลาะกันมา “ตามผมมาที่นี่ได้ยังไง”
พุชชี่ยิ้มให้เน็กซ์ “พ่อเธอเป็นมิชชันนารี ชั้นเลยเดาว่าเธอน่าจะไปหาเบาะแสตามโบสถ์ต่างๆ”
“ผมไปมาหลายที่..แต่ป้ามาเจอผมที่นี่เนี่ยนะ”
“ก็ที่นี่มันใกล้โรงแรมเราที่สุด มันก็น่าจะเป็นที่สุดท้ายที่เธอจะวนกลับมา”
เน็กซ์นิ่งมอง
“เป็นไง..ชั้นฉลาดและรู้จักนิสัยเธอดีใช่มั้ย”
เน็กซ์มองพุชชี่แล้วไม่พูดอะไร เขาเดินผ่านพุชชี่ออกไปเลย
พุชชี่เรียก “เน็กซ์ !!...เน็กซ์”

พุชชี่เดินจากไป

เน็กซ์เดินเร็วและมีสีหน้าหงุดหงิดเพราะหึง
 
พุชชี่เดินตามหลังร้องเรียก “เน็กซ์..เน็กซ์” มาจนทัน แต่อยู่ๆเน็กซ์ก็หยุดดื้อๆทันที พุชชี่เบรคไม่อยู่จึงชนหลังเขาเต็มๆ
“เด็กบ้า..จะหยุดก็ไม่บอก”
“ป้าจะมาวุ่นวายกับผมทำไมอีก ผมอุตส่าห์เปิดโอกาสให้ป้าไปทำอย่างที่ใจอยากแล้ว”
“เธอรู้ได้ยังไยะ ว่าชั้นมาที่นี่กับเธอเพื่อจะมาหาแฟน”
“ก็..เห็นป้าเอาแต่พูดเรื่องความหลังที่นี่ แล้วที่เหม่อใจลอยตรงสะพานกุญแจนั่นอีก”
“โธ่เอ้ย...เด็กน้อย.. คิดมากไปรึเปล่า”
“งั้นถ้าไม่อยากให้ผมคิด ป้ารับปากผมมาได้มั้ยว่า ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี่ด้วยกันจะต้อง ไม่มีเรื่องของกัปตันคนนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรา”
พุชชี่ชะงัก “ทำไมชั้นต้องรับปากด้วย ไร้สาระไปรึเปล่า”
“มันไม่ไร้สาระ เพราะผมถ่อมาถึงที่นี่เพื่อตามหาพ่อ ซึ่งมันคือข้อตกลงที่ป้าเคยรับปากไว้ กับผม ตั้งแต่วันที่ป้าไปหาผมที่บึงโขงหลง”
พุชชี่นิ่งไป
“ผมหวังว่ามาดามพุชชี่คงจะจัดลำดับความสำคัญในชีวิตถูก ว่าอะไรควรมาก่อนมาหลัง”
“เด็กเอาแต่ใจ !”
“ผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว !”
“เด็กบ้า”
“ผู้ใหญ่เฮงซวย”
พุชชี่โดนเน็กซ์ย้อนเจ็บกำลังจะปรี๊ดแตกใส่ ระหว่างนั้นกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้หญิงคนไทย 2-3 คนส่งเสียงกรี๊ดแล้วกรูกันเข้ามา “อ๊าย..เน็กซ์..เน็กซ์ตัวเป็นๆจริงๆด้วย”
พุชชี่เห็นว่าเป็นกลุ่มแฟนคลับก็รีบฉีกยิ้มรับแล้วรีบสะกิดเน็กซ์ทันที
“เรื่องของเธอกับชั้นเอาไว้ก่อน..เข้าใจมั้ย”
เน็กซ์ปรายหางตามองพุชชี่ แฟนๆเข้ามารุมล้อม
“อ่านข่าวเจอว่าเน็กซ์มาพักผ่อนที่ฝรั่งเศส ไม่คิดว่าจะโชคดีได้เจอตัว พวกเราขอถ่ายรูปด้วย ได้มั้ยคะ”
“ได้สิครับ”
“จะเป็นไรมั้ยคะ ถ้าจะรบกวนให้ไปถ่ายรูปด้วยกันที่ด้านหน้า Notre Dame”
“อ๋อ...ได้ ไม่มีปัญหาครับ”

เน็กซ์ถ่ายรูปกับแฟนคลับนักท่องเที่ยวในมุมต่างๆมีการดึงพุชชี่เข้ามาร่วมถ่ายด้วย เน็กซ์ยิ้มเป็นกันเองร่วมถ่ายภาพกับทุกคนสร้างความประทับใจให้แฟนคลับเป็นปลื้มสุดฤทธิ์ ภาพสุดท้ายเน็กซ์ยืนท่ามกลางแฟนคลับให้พุชชี่กดถ่ายภาพหมู่ให้
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ขอบคุณนะคะมาดาม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“พวกเราแอบอิจฉามาดามจัง ได้มาเที่ยวกับเน็กซ์ตามลำพังแบบนี้ ทริปในฝันของสาวไทยเลยนะคะ”
“ต้องมาดูแลน้องเขามากกว่าค่ะ น้องเขาทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน ปล่อยให้มา คนเดียวก็เป็นห่วง”
“แล้วนี่จะไปเที่ยวไหนกันต่อเหรอคะ”
เน็กซ์กับพุชชี่มองหน้ากันแล้วนิ่งไป

ที่หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เน็กซ์กับพุชชี่เดินเข้ามาท่ามกลางนักท่องเที่ยวมากมายเต็มลานไปหมด พุชชี่หยิบกล้องถ่ายรูปออกจากกระเป๋าถือ
“เดี๋ยวเสร็จจากถ่ายรูปข้างนอกแล้ว มาถึงพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ทั้งทีก็ต้องเข้าไปดูรูปโมนาลิซ่า รูปปั้นวีนัส แล้วก็....”
เน็กซ์พูดขัดจังหวะ “ป้า....คนเยอะแยะเป็นหนอนแบบนี้ แค่บอกคนอื่นว่ามา แต่ไม่ต้องมาจริงๆก็ได้ ไม่มีใครเห็นหรอก”
“ไม่ได้นะ...เธอก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอมีคนรักคนชอบเธอตั้งเท่าไหร่ มาเที่ยวทั้งที แต่ไม่มี รูปอัพลงไอจี เฟสบุคได้ไง”
เน็กซ์ทำหน้าเซ็ง “แต่ผมต้องไปตามหาพ่อ”
“พอก่อนเลยเน็กซ์..วันนี้เธอทำหน้าที่นั้นไปแล้ว เพราะฉะนั้นที่เหลือของวันนี้ เธอควรทำหน้าที่ซุปตาร์ต่อ”
“ก็ได้”
เน็กซ์รับปากไปอย่างเสียไม่ได้ พุชชี่อมยิ้ม
“ตามชั้นมา”
เน็กซ์เดินตามเซ็งๆ ออกไป

พุชชี่เดินนำ เน็กซ์เดินตาม
“ตรงนี้แหละ สวยดี”
เน็กซ์ไปยืนท่ามกลางนักท่องเที่ยวล้นหลามตรงพีรามิดแล้วยกกล้องมือถือขึ้นมาถ่ายรูปตัวเอง
“เดี๋ยวๆๆๆ อย่าเพิ่ง..เรื่องสำคัญ ห้ามลืมเด็ดขาด”
“อะไรอีกล่ะป้า”
“ถ่ายรูปเฉยๆไม่ได้มันต้องมีอุปกรณ์ประกอบฉาก”
พุชชี่เปิดกระเป๋าแล้วหยิบขวดน้ำดื่มชาเขียวที่มีฉลากแปะยี่ห้อว่าชื่อ “ เย็นจัง ” ยื่นให้เน็กซ์
“ตอนเธอถ่ายรูปอัพไอจี เธอต้องดื่มชาเขียวนี่ด้วย อย่าเอามือปิดยี่ห้อล่ะ”
เน็กซ์ชะงักเพราะรู้ทัน “ป้า !! นี่...”
“หยุดเลย..ทำตามที่ชั้นสั่ง มาที่นี่ต้องเสียรายได้ไปตั้งเท่าไหร่ ถือว่าถอนทุนคืนบ้างนิดๆหน่อยๆ”
“ก็ได้..แต่มีแค่ชาเขียวอย่างเดียวนะ”
“ได้ไง” พุชชี่เปิดกระเป๋าให้ดู “มีอีก...นาฬิกา แว่นตา ลูกอม ยาดม เหลืออีกตั้งหลายอย่าง”
เน็กซ์อึ้ง “งก !!”
“อาชีพย่ะ !! เร็ว..ถ่ายรูปอัพลงไอจีได้แล้ว”

เน็กซ์หน้าเซ็งๆแต่ก็ยอมทำตามที่พุชชี่สั่งยกขวดชาเขียวขึ้นดื่มแล้วถ่ายตัวเองที่มีพีรามิดหน้าลูฟร์เป็นแบคกราวด์ 2-3 รูป

ติณณภพกำลังนั่งทานอาหารอยู่ส่วนเพื่อนที่มาด้วยไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนไทยคุยกันไม่ไกลจากโต๊ะที่นั่งอยู่

“นี่ๆๆ..ดูรูปที่ชั้นถ่ายคู่กับเน็กซ์สิ อ๊ายยยยย อัพลงเฟสเมื่อไหร่ กดไลท์เป็นพันแน่” นักท่องเที่ยวเอาภาพในกล้องตัวเองให้ดู
“ธรรมดา..ของชั้นสิ เน็กซ์โอบไหล่ชั้นด้วย” นักท่องเที่ยวอีกคนเอาภาพในกล้องตัวเองให้ดู
“ไหน..โธ่เอ้ย..ในรูปไม่ได้มีเธอกับเน็กซ์สองคนซักหน่อย มีมาดามพุชชี่ยืนประกบอยู่ ด้วยย่ะ”
ติณณภพชะงักตั้งใจฟัง
“นี่...พูดก็พูดเถอะ บอกตรงๆเลยนะ ชั้นไม่เชื่อหรอกที่ยัยมาดามนั่นว่ามาดูแลเน็กซ์”
“แต่ชั้นเคยเห็นข่าวมาดามเขามีแฟนแล้วนะ เห็นว่าหล่อระดับพระเอกเหมือนกัน”
“เหรอ...ผู้ชายที่ไหนปล่อยให้แฟนตัวเองมาเที่ยวในเมืองที่โรแมนติคแบบนี้ตามลำพัง ถ้าไม่ใจกว้างเป็นแม่น้ำแซน ก็คงโง่”
นักท่องเที่ยวหัวเราะชอบใจ ติณณภพนิ่งมองนักท่องเที่ยวพวกนั้นด้วยสีหน้าครุ่นคิดเพราะคิดว่าแสดงว่าวันนี้ตัวเองเห็นพุชชี่จริงๆ ไม่ใช่ตาฝาด เขาคิดว่าพุชชี่คงมาเที่ยวกับเน็กซ์แน่ๆ ติณณภพมีสีหน้าเศร้าซึม

บนถนน Coquilliere เวลาเย็นผู้คนเดินขวักไขว่ เซตอาหารหน้าตาน่าทานวางเต็มโต๊ะของร้านอาหารบริเวณนั้น พนักงานเสิร์ฟเสิร์ฟวางจานสุดท้ายแล้วเดินออกไป
“เป็นไง..น่ากินมั้ย มาถึงปารีสทั้งทีก็ต้องกินอย่างคนที่นี่เขากินกัน ชีวิตมันต้องลองทำ อะไรที่มันแตกต่างบ้างถึงจะสนุก”
“ป้าคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ”
“จริงสิ”
พุชชี่บอกเน็กซ์ไปก็เริ่มลงมือจัดการกับอาหารบนโต๊ะ
“งั้นคนที่มีความแตกต่างกัน ดูยังไงก็ไม่เหมาะสมกัน ก็รักกันได้น่ะสิป้า”
พุชชี่ชะงัก “พูดอะไรของเธอ”
“เปล่า...ผมก็แค่ยกตัวอย่างตามที่ป้าพูดมาเฉยๆ เผื่อป้านึกสนุกอยากลองทำอะไรที่แตกต่างอีกสักเรื่อง”
เน็กซ์พูดไปแล้วก้มหน้าก้มตาหั่นเนื้อสเต๊กบนจานตัวเอง พุชชี่หรี่ตามองเน็กซ์อย่างสงสัยเพราะคำพูดเน็กซ์ส่อ
“มองอะไรป้า....จิกตามากๆแบบนั้น โบ๊ะไนท์ครีมหมดกระปุกก็ช่วยลบรอยบาร์โค้ดที่หางตาไม่ได้หรอก”
พุชชี่สะดุ้ง “เด็กบ้า..ปากถังขยะ”
“ล้อเล่น...ล้อเล่น... กินเถอะป้า”
เน็กซ์กินอย่างอร่อยไม่รู้ไม่ชี้ พุชชี่กินไปมองไปยังคาใจกับคำพูดของเน็กซ์

พุชชี่กับเน็กซ์ที่ถือมือถือและแผนที่เดินเคียงข้างกันมา เน็กซ์เอามือลูบท้องตัวเองเพราะอิ่มมาก
“ก่อนกลับโรงแรม ขอเดินย่อยอาหารชมสวนตุยเลอรี (Tuileiries) ก่อนนะป้า...อิ่มมากๆเลย”
“ไหนบอกว่าไม่ชอบอาหารฝรั่ง มันเลี่ยนไง”
เน็กซ์ย้อน “ชีวิตมันต้องลองไม่ใช่เหรอป้า อีกอย่างเวลาที่ผมเจอพ่อ จะได้พามานั่งกินอาหาร กินไปคุยไปตามประสาพ่อลูกไง”
“อ้าว...แล้วชั้นล่ะ”
“ป้าก็ต้องอยู่กินด้วยสิ ในฐานะ....”
เน็กซ์เบรคคำพูดคำว่า “ลูกสะใภ้” เอาไว้ พุชชี่จี้ถาม
“ฐานะอะไร!!!”
เน็กซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่บอก!!”
พูดจบเน็กซ์ก็เดินเร็วๆ แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะออกไปทันที พุชชี่มองตามแล้วก็คิดถึงคำพูดของเน็กซ์ที่ส่ออีกแล้ว

คนฝรั่งเศสมาเดินเล่น ออกกำลังตามปกติที่สวนสาธารณะ เน็กซ์เดินเล่นอย่างอารมณ์ดีมาเรื่อยๆ เขาเห็นหญิงวัยเดียวกับราศีทำให้คิดถึงแม่ เน็กซ์เข้ามาหยุดที่ริมสระนั่งลงที่ม้านั่งแล้วเอาโทรศัพท์มากดโทรออก แล้วรอสายอยู่ครู่
เน็กซ์ยิ้มเมื่อได้ยินเสียงปลายสาย “แม่..ผมบักหมาเองครับ”

ราศีรับโทรศัพท์มือถือคุยกับลูกชายที่ห้องโถงชั้นล่าง
ราศีดีใจ “บักหมา..โทรมาซะดึกดื่นเลยนะ”
เน็กซ์ตกใจเพราะลืมไป
“ผมขอโทษด้วยครับแม่..ผมลืมไปว่าเวลาที่นี่ต่างกับบ้านเราตั้ง 6 ชั่วโมง ผมคิดถึงแม่ก็เลยอยากโทร”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่เองก็นอนไม่หลับ พอไม่มีพ่อเอ็งอยู่ด้วยแล้ว มันเหงาๆพิกล”
เน็กซ์เศร้าไป “ผมน่าจะอยู่ดูแลแม่ที่โน่นมากกว่ามาอยู่ที่นี่”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิบักหมา...การได้เจอหน้าพ่ออังเดรคือความฝันของลูกไม่ใช่เหรอ”
“ครับแม่”
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ ได้เจอแล้วรึยัง”
“ยังเลยครับ ผมไปตามที่อยู่ที่พ่อเขียนไว้ในจดหมายก็ได้ไม่ได้เรื่องอะไร เพราะเขารื้อตึกทำถนนใหม่หมด พยายามตามหาจากเบาะแสอื่นๆแต่ก็..” เน็กซ์ถอนใจ
“ไม่เอาน่าบักหมา...อย่าเพิ่งหมดหวังสิลูก แม่เชื่อว่าวิญญาณพ่อเอ็งที่นี่จะช่วยเอ็ง”
“ครับแม่”

“แล้วมาดามล่ะ เป็นไงบ้าง”

พุชชี่เดินหาเน็กซ์อยู่ในบริเวณสวนแป๊ปเดียวแต่ก็ไม่เห็นหัวเน็กซ์ พุชชี่บ่น
 
“หายหัวไปไหนอีกแล้ว..กะล่อน ลื่นเป็นปลาไหลอยู่เรื่อย”
พุชชี่บ่นแล้วนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง เธอคิ้วขมวดและนิ่วหน้าก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมานิ่งมองแล้วกดโทรไป

เน็กซ์ยังคุยโทรศัพท์อยู่กับแม่ เมื่อแม่ถามถึงพุชชี่เน็กซ์ก็มีรอยยิ้มขึ้นมา
“แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ มาดามพุชชี่เขาดูแลผมดีมาก”
“ดีแล้วล่ะ..แม่ไว้ใจเขานะบักหมา ถึงบุคลิกเขาจะชอบแสดงออกว่าเป็นคนปากร้าย ใจแคบ เอาเรื่อง ไม่ยอมใครง่ายๆ แต่ข้างในเขาเป็นผู้หญิงที่จิตใจดี ชอบดูแลคนอื่น อยู่ด้วยแล้วมีความสุข”
เน็กซ์ยิ้มรับ “ครับแม่ ผมก็เห็นด้วยกับแม่ ในตัวของมาดามพุชชี่มีผู้หญิงอีกคนที่น่าค้นหา ยิ่งผมได้อยู่ใกล้มากขึ้น...ผมก็ยิ่งรู้สึกว่า...ผม”
เน็กซ์นิ่งไปมีรอยยิ้มที่มุมปากเมื่อนึกถึงพุชชี่
ราศีเห็นลูกเงียบไปก็สงสัย “บักหมา..นี่เอ็งชอบมาดามพุชชี่เหรอ”
เน็กซ์ชะงัก “แม่ !!”
เน็กซ์อ้ำอึ้งๆเมื่อถูกแม่จี้จุดถามแบบโดนใจดำเข้าให้
“เอ่อ..คือ..ผม...”
เน็กซ์ไม่รู้จะบอกแม่ยังไงระหว่างนั้นเน็กซ์เห็นพุชชี่เดินตรงดิ่งเข้ามากำลังจะมาถึงตัว
พุชชี่เดินมาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“แค่นี้ก่อนนะครับแม่..ดึกแล้วผมไม่อยากกวนเวลานอนของแม่..ผมรักแม่นะครับ”
เน็กซ์รีบกดตัดสายไปแล้วมองไปทางพุชชี่

ราศียังถามลูกชายต่อ
“เดี๋ยวบักหมา....เอ็งยังไม่ตอบแม่เลย..เอ็งแอบชอบมาดามพุชชี่อยู่ใช่มั้ย”
ปลายสายมีแต่เสียงสัญญาณไม่ว่าง ราศีลดโทรศัพท์ลงแล้วหน้านิ่วคิ้วขมวดสังหรณ์ใจว่าจะเป็นอย่างที่คิด

พุชชี่เดินมาถึงเน็กซ์ เน็กซ์รีบพูด
“กลับกันเถอะป้า..หนังท้องตึงแล้วหนังตาชักจะหย่อน อยากกลับไปนอนเต็มทีแล้ว”
พุชชี่กัด “เหรอ...ดีเนอะ เป็นเด็กเลี้ยงง่าย อิ่มแล้วก็อยากนอน”
“เพิ่งรู้เหรอป้า”
พุชชี่จิกหน้าเอาเรื่อง “ใช่ !! เพิ่งรู้ รู้ว่าเธอมันเป็นไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ ไว้ใจไม่ได้”
พุชชี่ก็ปรี่เข้าไปดึงติ่งหูแรงๆทันที เน็กซ์ร้องเจ็บลั่น
“อะไรของป้าเนี่ย..เจ็บนะ”
“เมื่อกี้นี้ชั้นโทรกลับไปที่โรงแรมให้เขาช่วยไปดูฮีตเตอร์ที่ห้องเธอ ชั้นก็เลยรู้ว่า..ฮีตเตอร์ ห้องเธอไม่ได้เสีย”
เน็กซ์ชะงัก “เอ่อ..ผม..ผมบอกให้ช่างเข้าไปซ่อมตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว”
พุชชี่จิกตาเอาเรื่องขยับเข้าใกล้กำหมัดแน่นย้ำด้วยสีหน้าว่าไม่เชื่อ
เน็กซ์ถอยหลังไปพูดไป “ก็..ก็ได้..ผมโกหก ผมหาเรื่องอยากไปนอนกับป้าเอง”
พุชชี่ตาโต “ไอ้..ไอ้เด็กบ้า !!” พุชชี่ผลักอกเน็กซ์อย่างแรง

เน็กซ์ถูกพุชชี่ผลักอกจนเซถอยมาที่น้ำพุ
“ใจเย็นๆป้า..ฟังผมก่อน”
“ชั้นนึกแล้วเชียว มาฝรั่งเศสกับเธอสองต่อสอง เธอก็อาศัยบรรยากาศหยอดคำหวานใส่ชั้น คิดจะละลายผู้หญิงวัยอย่างชั้นให้เคลิ้มยอมง่ายๆ”
“ไม่ใช่แล้วป้า...ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“ทำไมจะไม่ใช่ ถ้าเมื่อไหร่ที่เธอเจอพ่อ เธอก็จะไปจากชีวิตชั้น พร้อมกับความสนุกที่มีชั้นเป็นหนึ่งในประสบกามของเธอ”
เน็กซ์เสียงดังใส่ “ไม่ใช่นะป้า..ผมไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นกับป้าเลยแม้แต่นิดเดียว”
“แล้วเธอคิดกับชั้นแบบไหน !”
เน็กซ์จ้องหน้าพุชชี่เขม็งแล้วเข้าไปใช้สองมือบีบไหล่พุชชี่อย่างจริงจัง
“ผมคิดจริงจังและเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่ป้าคิดไง”
พุชชี่ชะงักเมื่อเน็กซ์พูดอย่างจริงจังและใช้ดวงตาเป็นสื่อยืนยันคำพูดว่ามาจากใจจริงๆ
“เน็กซ์...นี่เธอ..เธอคิดกับชั้นอย่างนั้นจริงๆเหรอ..ไม่จริงใช่มั้ย”
เน็กซ์ไม่พูดอะไรดึงพุชชี่เข้ามากอดแน่นราวกับจะไม่ยอมปล่อยเธอไปจากเขาแทนคำพูด
“ผมนึกว่าป้าจะรู้ ตั้งแต่ตอนที่ผมขอร้องให้ลืมเรื่องความหลังของป้ากับกัปตันติณณภพ แล้วซะอีก แต่จะรู้ช้ารู้เร็ว ยังไงป้าก็ต้องรู้จนได้”
พุชชี่อึ้งไปในอ้อมกอดของเน็กซ์ แล้วสักครู่รีบผลักเขาออกจากตัวมองหน้าย้ำด้วยความสับสนแล้วรีบวิ่งออกไปทันที เน็กซ์ได้แต่ยืนมองตามก่อนจะหันมาหงุดหงิดตัวเอง

“โธ่เว้ย !! ไอ้บักหมา”
 
อ่านต่อหน้า 3

มาดามดัน ตอนที่ 11 (ต่อ)

พุชชี่นั่งกอดเข่าอยู่ที่เก้าอี้ริมหน้าต่างที่มองออกไปเห็นวิวหอไอเฟลยามค่ำคืนแล้วก็มีสีหน้าไม่สบายใจ

เน็กซ์เองก็มีอาการเดียวกับพุชชี่นั่งเงียบอยู่ที่ปลายเตียง สายตาของเธอเอาแต่จับจ้องอยู่ที่ผนังห้องซึ่งเป็น กำแพงกั้นกลางระหว่างเขาและมาดามพุชชี่
เสียงราศีดังก้องในหัว “ดีแล้วล่ะ..แม่ไว้ใจเขานะบักหมา ถึงบุคลิกเขาจะชอบแสดงออกว่าเป็นคนปากร้าย ใจแคบ เอาเรื่อง ไม่ยอมใครง่ายๆ แต่ข้างในเขาเป็นผู้หญิงที่จิตใจดี ชอบดูแลคนอื่น อยู่ด้วยแล้วมีความสุข”
เน็กซ์ยิ้มรับ “ครับแม่ ผมก็เห็นด้วยกับแม่ ในตัวของมาดามพุชชี่มีผู้หญิงอีกคนที่น่าค้นหา ยิ่งผมได้อยู่ใกล้มากขึ้น...ผมก็ยิ่งรู้สึกว่า...ผม”
เน็กซ์คิดถึงคำพูดแล้วสีหน้าครุ่นคิดหนัก เขาก็ตัดสินใจเดินไปที่ประตูห้องแล้วเปิดออกไป

เน็กซ์ออกมาจากห้องตัวเองแล้วไปหยุดที่หน้าประตูห้องพุชชี่ยกมือจะเคาะประตูเรียก แต่ชะงักค้างไม่กล้าเคาะยอมตัดใจถอยกลับแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องตัวเอง คล้อยหลังเน็กซ์กลับเข้าห้องไปได้ครู่พุชชี่ก็เปิดประตูออกมาจากห้องโดยไม่รู้ว่าเมื่อกี้เน็กซ์มายืนหน้าห้อง พุชชี่เดินไปหยุดที่หน้าห้องเน็กซ์ยกมือจะเคาะประตูเรียกแต่ก็ชะงักค้างแล้วยอมตัดใจกลับเข้าห้องตัวเอง

วันใหม่ภาพความสวยงามของมหานครปารีส เจ๊เมี่ยงที่แต่งตัวแบบจัดเต็มลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองแล้วพาแพตตี้ที่เข็นกระเป๋าเดินมาตามทางแล้วมองหาอพาร์ทเม้นต์ ส่วนแพตตี้ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตามหลังแล้วบ่นเหนื่อย
“เจ๊..ใกล้จะถึงรึยังเนี่ย..หนูลากกระเป๋าเดินตามเจ๊มาหลายถนนแล้วนะ”
“แหม..อย่าบ่นสิคะหนูแพตตี้ขา มันเป็นกุศโลบายของเจ๊ค่ะ ที่ให้หนูได้เปิดโลกทัศน์เห็น ปารีสเมืองแห่งแฟชั่นแบบอินไซด์สุดๆ”
“เหรอคะ..หนูนึกว่าเจ๊มั่วทาง ขึ้นแท๊กซี่ก็ชวนแท๊กซี่หลง ลงรถไฟฟ้าใต้ดินก็ผิดสาย เลย ต้องมาเดินน่องโป่งอยู่แบบนี้”
“ว๊าย..อย่ามาแขวะเจ๊นะคะ สำหรับเจ๊มาปารีสก็เหมือนมาพารากอนค่ะ ชิวๆเบาๆ”
“พารากอนหรือแพลตินั่มคะ”
แพตตี้บ่นใส่แล้วเดินลากกระเป๋านำหน้า เจ๊เมี่ยงสะดุ้งโหยงที่โดนแพตตี้แขวะแรง
“แรงส์นะยะหนูแพตตี้”
แพตตี้เดินไปหยุดที่หน้าอพาร์ทเม้นต์แล้วอ่านจากป้ายชื่อริมรั้ว “Rose Le Masion”
“ใช่ที่นี่รึเปล่าคะเจ๊”
“ไหน..เจ๊ดูหน่อย”
เจ๊เมี่ยงยังไม่ทันจะอ่านป้ายชื่อ เสียงหนูดอกก็ดังออกมาจากข้างหลัง
“ที่นี่แหละ..ถูกแล้ว ที่พักของพวกหล่อน”
แพตตี้กับเจ๊เมี่ยงชะงักหันไปเห็นหนูดอกกอดอกยักคิ้วยิ้มกวน
“นังหนูดอก !!”
“จุ๊ๆๆๆ ไม่เอาค่ะเจ๊...มาถึงเมืองน้ำหอมต้นตำรับความหรูหราไฮโซแบบนี้ เจ๊ต้องเรียก หนูว่ามาดามเฟลอร์ค่ะ มันถึงจะเข้ากับหนังหน้าและสถานที่”
หนูดอกยักไหล่กวนๆแล้วเดินนำสองคนผ่านรั้วเข้าไปในอพาร์ทเม้นต์
“ตามมาดามเฟลอร์มาสิคะ..จะยืนหน้าเอ๋อโง๋ๆเป็นบ้านนอกเข้ากรุงอยู่ทำไม”
หนูดอกเข้าไป เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้อึ้งมองหน้ากันแล้วเดินลากกระเป๋าเดินทางตามไป โดยที่เจ๊เมี่ยงเดินนำ

หนูดอกเดินออกมาจากตึกที่สนาม เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้รีบตามหนูดอกเข้ามาที่สวนด้านข้างแล้วจิกเรียกไว้ทันที
“หยุดเลยนะยะนังหนูดอก..หล่อนสะเออะเสนอหน้ามาที่นี่ได้ไง”
“อยู่ที่นี่หนูบอกให้เรียกมาดามเฟลอร์ไงคะเจ๊” หนูดอกว่า
“อู้ยย..ถ้าหล่อนเป็นมาดามเฟลอร์ ชั้นก็มาดาม..เอ่อ..” เจ๊เมี่ยงนึกไม่ออก
แพตตี้ช่วยเสนอ “มาดามยี่หุบค่ะเจ๊”
“ใช่..มาดามยี่หุบ..” เจ๊เมี่ยงสะดุ้ง “ว๊าย..ตลกไปแล้วค่ะหนูแพตตี้ ไม่ต้องมาดงมาดามหรอก เจ๊เมี่ยงเจิดนี่แหละ..แซ่บเว่อร์แล้ว” เจ๊เมี่ยงหันไปที่หนูดอก “ว่าไง..งานนี้พวกหล่อนแห้วไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ค่ะเจ๊..อาร์ทอาจจะมารับงานนี้ไม่ได้เพราะอุบัติเหตุกระทันหัน แต่ก็ไม่ได้หมาย ความว่าความสามารถของอาร์ทจะถูกเมิน”
เจ๊เมี่ยงยังสงสัย “ยังไม่เคลียร์ย่ะ”
“งั้นเคลียร์ๆเลย ก็คือหนูมาเป็นตัวแทนอาร์ท เพื่อเจรจาโปรเจคต่อไปที่เขาจะให้อาร์ท เล่นไงคะเจ๊ คนมีฝีมือก็อย่างนี้และค่ะ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้” หนูดอกจิกมองที่แพตตี้ “ต่อให้โดนเล่นงานแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้”
หนูดอกพูดไปก็ทำหน้าเริ่ดๆเชิดๆใส่แล้วเดินต่อไป แพตตี้ชะงักไปหน้าเสียเพราะรู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ทำให้อาร์ทได้รับบาดเจ็บหนัก
“เชอะ..นังหนูดอก คิดว่าชั้นไม่รู้ทันหล่อนเหรอ นั่นมันก็แค่ข้ออ้าง หล่อนจงใจตามมาขัดขวางพวกชั้น ทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์นังพุชชี่กับเน็กซ์ต่างหาก”

เจ๊เมี่ยงพูดไปก็จิกหน้าหรี่ตาอย่างหัวเสีย

เน็กซ์เปิดประตูออกมาจากห้องได้ครู่
 
พุชชี่ก็ออกมาจากห้องเหมือนกัน ทั้งคู่ชะงักมองกันแต่ท่าทีของทั้งคู่ดูขัดๆ ไม่กล้าสบตากันตรงๆ
“เอ่อ...คือ..ผมกำลังจะมาชวนไปร้านกาแฟด้วยกัน”
“เอ่อ..คือ..ชั้นก็กำลังจะมาบอกเธอว่า” พุชชี่แกล้งกระแอม “วันนี้ชั้นรู้สึกไม่ค่อยสบาย สงสัย จะแพ้อากาศ”
เน็กซ์เป็นห่วง “แล้วป้ากินยาแล้วรึยัง”
“ยัง”
“รอเดี๋ยวนะ..ผมมียามาด้วย”
“ไม่ต้องหรอกเน็กซ์..ชั้นก็มียามาเหมือนกัน ..วันนี้ชั้นคงตามเธอไปสืบหาเบาะแสของพ่อเธอไม่ได้ ชั้นอยากนอนพัก”
“ไม่เป็นไรครับ..ป้านอนพักผ่อนเถอะ ผมไปคนเดียวได้”
“งั้น..ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
พุชชี่รีบกลับเข้าห้อง เน็กซ์มองส่งตามด้วยสายตาเป็นห่วง พุชชี่ในห้องยืนพิงประตูสีหน้ารู้สึกผิดที่โกหก เพราะเวลานี้ความรู้สึกของเธอกับเน็กซ์มันเปลี่ยนไปแล้วไม่เหมือนเดิม

ณ พระราชวังแวร์ซาย หนูดอกเดินเข้ามาหยุดมองรูปปั้นพระเจ้าหลุยส์แล้วหยิบมือถือมาถ่ายรูปแชะก่อนจะยิ้มมุมปากเพราะรู้ดีว่ากำลังถูกสะกดรอยตามแต่ก็ทำเนียนๆไม่รู้ไม่เห็น เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้เดินตามมาไกลๆ โดยทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวแฝงตัวกลมกลืนกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ
“แน่ใจเหรอคะเจ๊ มาแอบสะกดรอยตามยัยนั่นแล้วจะได้เจอเน็กซ์กับมาดามพุชชี่” แพตตี้ว่า
“เชื่อเจ๊สิ นังหนูดอกมันเป็นมือขวาพุชชี่ ยังไงมันก็ต้องพาเราไปเจอแน่”
“แล้วทำไมมันต้องมานัดเจอที่ๆคนเยอะแยะขนาดนี้ด้วย ทำไมไม่ไปหาที่โรงแรมเลย”
“มันจงใจให้อยู่ในที่สาธารณะไง จะได้ไม่รู้สึกว่าผิดสังเกต หึ..แต่ยังไงก็ไม่รอดพ้นสาย ตาเหยี่ยวสแกนกามของเจ๊ได้หรอก”
ระหว่างนั้นหนูดอกเดินออกไปจากบริเวณ แพตตี้รีบสะกิด
“มันไปโน่นแล้วค่ะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้รีบเดินตามไป

หนูดอกถือมือถือเดินเข้ามาแล้วปรายหางตามองไปข้างหลังก็รู้ว่าสองคนนั้นตามมา สักครู่หนูดอกก็จงใจหันหลังไปทันที เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้สะดุ้งโหยงรีบหันหน้าซ้ายขวาจนชนหัวกันเองดังโป๊กก่อนจะถอยไปยืนหลบเพื่อให้ผู้คนบัง
“อู้ย..สงสัยมันจะรู้ตัวแล้วค่ะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงใช้หางตาชำเลืองแล้วก็หัวเสีย “นังหนูดอก..นังนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ”
“แบบนี้เราก็เสียเวลาเปล่าสิคะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงจิกหน้าครุ่นคิดโผล่ไปดูใหม่ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงหนูดอกหยิบโทรศัพท์มาคุย
“ฮัลโหล..มาดามเหรอคะ” หนูดอกฟัง
เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้ได้ยินเข้าก็รีบสะกิดให้ขยับเข้าไปฟังใกล้ๆ พยายามยื่นหูยาวสุดฤทธิ์
“เรียบร้อยดีค่ะ ไม่มีปัญหา มาดามเฟลอร์ซะอย่าง รับมือเจ๊เมี่ยงกับแพตตี้ได้สบาย สนุกสนาน หลอกควายสบายใจจังค่ะ”
เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้หันขวับมองมองหน้ากันด้วยความเจ็บใจที่ถูกเปรียบเป็นควาย
หนูดอกพูดต่อ “แล้วตอนนี้มาดามกับเน็กซ์อยู่ที่ไหนกันคะ” หนูดอกฟัง “อ๋อ..สะพานมัฆวานรังสรรค์มองไปเห็นโดมพระที่นั่งอนันตสมาคม คงสวยมากเลยสิคะเนี่ย น่าอิจฉาจัง ยังไงก็ขอให้สนุกนะคะ”
หนูดอกพูดเสร็จก็วางสายแล้วเดินออกไปยิ้มๆ เจ๊เมี่ยงคิ้วขมวดสงสัยคิดตามแล้วดีดนิ้วเป๊าะ !
“อ๋อ..อย่างนี้นี่เอง นังพุชชี่กับนังหนูดอกนี่มันแผนสูงจริงๆ หลอกให้เราตามมันมา แต่ สองคนนั่นอยู่ด้วยกันอีกที่”
“อีกที่..อย่าบอกนะคะว่าสองคนนั้นกลับกรุงเทพฯไปแล้ว”
“กลับที่ไหนกันล่ะคะ..สองคนนั่นยังอยู่ในปารีสนี่แหละ”
“อ้าว..ก็แพตตี้ได้ยินว่าอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์มองเห็นโดมพระที่นั่งอนันตสมาคม”
“โอ้ย..ไม่ใช่หรอกค่ะ นังหนูดอกมันกำลังเล่นรหัสลับ ดาวินชี โค้ดกันอยู่”
“รหัสลับ ?”
“หนูตามเจ๊มาเถอะค่ะ เดี๋ยวจะพาไปไขปริศนา รับรองถ้าไม่เริ่ดให้เชิดใส่เลยค่ะ”
เจ๊เมี่ยงเดินนำออกไปอย่างมั่นใจ โดยมีแพตตี้เดินตามไปติดๆ

เจ๊เมี่ยงพาแพตตี้เข้ามาบริเวณสะพาน Alexander 3
“ที่นี่แหละสะพาน Alexander ที่นังหนูดอกพูดถึง”
แพตตี้มองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย “ทำไมถึงเป็นที่นี่คะเจ๊ มันเกี่ยวกับสะพานมัฆวานฯ กับโดมพระที่นั่งอนันตสมาคมยังไง”
“แหมๆๆ..เด็กสมัยนี้ จบมาได้ยังไงคะวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทยเนี่ย มานี่ค่ะ เดี๋ยวเจ๊จะให้ดูชัดๆ”
เจ๊เมี่ยงจูงมือแพตตี้ไปยืนที่บริเวณมุมมองที่มองจากสะพาน Alexandre ที่ 3 ไปเห็นโดมทองของ Invalides
“เป็นไงคะ..เห็นแล้วคุ้นๆมั้ย” เจ๊เมี่ยงถาม
“ใช่ค่ะเจ๊..คุ้นจริงๆด้วย”
“ที่นี่แหละคือต้นแบบมุมมองสวยๆเก๋ๆของสะพานมัฆวานรังสรรค์กับโดมของพระที่นั่งอนันตสมาคมของกรุงเทพ”
“โห...เจ๊นี่สุดยอดเลย”
เจ๊เมี่ยงยักไหล่ “นิดหน่อยจ้ะ สมัยเจ๊เรียนมัธยม เจ๊ไม่ได้เป็นแค่กะเทยหัวเกรียนสวยใส แต่ไร้สมองนี่คะ เจ๊เนี่ยเด็กห้องคิงส์ค่ะ ว่าแต่..คนเยอะแยะขนาดนี้ เราช่วยกันตามหา สองคนนั่นดีกว่า”

แพตตี้รับคำแล้วทั้งสองคนก็ควงแขนกันเดินไปรอบๆ พร้อมกับกวาดตามองไปทั่วๆ เพื่อหาเน็กซ์กับพุชชี่

หนูดอกเดินเข้ามาหยุดที่บริเวณหน้าตัวพระราชวังเห็นวิวมุมกว้างของความใหญ่โตมโหฬาร แต่หนูดอก ไม่ได้สนใจความสวยงามของพระราชวังเพราะกำลังมองหาใครสักคน

มีมือยื่นมาแตะไหล่หนูดอก “ชั้นอยู่นี่...หนูดอก”
หนูดอกหันขวับมาแล้วก็ดีใจ “มาดาม !”
พุชชี่ยิ้มรับ “ขอบใจนะที่สลัดเจ๊เมี่ยงออกไปจนได้”
“แหม..ก็ต้องวางแผนหลอกล่อไว้หลายซับหลายซ้อนอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ยังไง 2 คนนั่นก็คงไม่หยุดตามจิกมาดามกับเน็กซ์แน่ๆ เอ้อ..ว่าแต่เน็กซ์ล่ะคะ อยู่ไหน”
พุชชี่นิ่งมองหนูดอกด้วยสีหน้าอึดอัดใจ จนหนูดอกสงสัย
“มีอะไรเหรอคะมาดาม..อย่าบอกนะคะว่ามีเรื่องทะเลาะกันอีก”
พุชชี่ยังเงียบ
“มาดามขา...บอกตรงๆเลยนะคะ หนูว่าชาติที่แล้วมาดามกับเน็กซ์เนี่ยคงทำบุญทำกรรมร่วมชาติเอาไว้กันมาแน่ๆ เวลาจับคู่อยู่ด้วยกันทีไรต้องมีอะไรสักอย่างทุกที ไม่ดีใส่กันก็ร้ายใส่กันไม่หยุด”
พุชชี่ยังเงียบแต่ก็ยิ่งใจเต้นไม่หยุดเมื่อหนูดอกพูดแบบนี้
“หนูถามจริงๆนะ..มาดามเคยฝันอะไรแปลกๆ เช่นฝันเห็นว่าชาติที่แล้วเคยทำกรรมอะไรกับเน็กซ์ไว้รึเปล่า”
หนูดอกพูดไม่ทันจบประโยคพุชชี่ก็ดึงหนูดอกมากอดทันที หนูดอกตกใจ
“มาดาม..มาดามเป็นอะไรไปคะ”

เจ๊เมี่ยงเดินขาลากเหนื่อยหอบแฮ่กๆขึ้นลานบันไดหน้าโบสถ์มานั่งหมดแรง แพตตี้ตามมาด้วยความเหนื่อยเหมือนกัน
“โอ้ย..ขาชั้น..น่องชั้น..”
แพตตี้เหนื่อยด้วยเซ็งด้วย “เจ๊เป็นผู้ชายแค่นี้ทำบ่น หนูเป็นผู้หญิงยังไม่บ่นสักคำ”
“ว๊าย..หยาบคายนะคะหนู เจ๊เป็นผู้ชายที่ไหน ไม่เห็นเหรอไง หนุ่มๆปารีสมองเจ๊ตาเป็นมัน กระหายเทยไทยที่สวยที่สุดในโลกอยู่แน่ๆเลย”
พูดไปเจ๊เมี่ยงก็หันไปสบตากับนักท่องเที่ยวหล่อๆแถวนั้นไปด้วย
“มัวแต่จะอ่อยหนุ่มอยู่นี่ไง ถึงได้ตามหาสองคนนั่นไม่เจอ”
“แหมๆๆหนูขา..ผู้ชายไม่ได้ทำเจ๊พลาดนะคะ เจ๊เสียรู้นังหนูดอกมันต่างหาก มันเล่น หลอกล่อเจ๊หลายซับหลายซ้อนจนเจ๊เวียนหัวตามมันไม่ทัน แต่หนูไม่ต้องห่วง คนมีชื่อเสียงอย่างเน็กซ์ ยังไงก็หาไม่ยาก เอาเป็นว่าระหว่างรอเจ๊พักเหนื่อย ใช้สมองคิด หนูก็ทำหน้าที่ของหนูไปด้วยแล้วกัน”
“หน้าที่ ?”
“อัพไอจีเช็คเรตติ้งไงคะ”
“ค่ะเจ๊”
แพตตี้เดินออกไป เจ๊เมี่ยงทุบน่องตัวเอง

แพตตี้เอามือถือขึ้นมากดแชะรูปตัวเองที่โพสต์ท่าน่ารักๆโดยมีโบสถ์ และวิวทิวทัศน์โดยรอบเป็นฉากหลัง จากนั้นก็พิมพ์ข้อความโพสต์ในไอจี สักครู่เธอก็เดินเล่นสักพักก่อนจะเอามือถือมากดดูผล รอไม่นานก็มีคนมากดไลท์เพียบ
“แป๊บเดียวยอดกดไลท์ทะลักเลย แสดงว่าเรตติ้งยังดี” แพตตี้พิมพ์ตอบ “ขอบคุณแฟนคลับ ทุกคนเลยนะคะ แพตตี้จะตั้งใจทำงาน มีเวลาว่างอีกก็จะเที่ยวเผื่อแฟนคลับทุกคนค่ะ”
แพตตี้อมยิ้มชอบใจไปได้ครู่ข้อความที่ขึ้นตอบกลับมาก็ทำให้แพตตี้ตาโตด้วยความดีใจ เธอรีบเดินกลับออกไปทางเดิม

ณ บริเวณลานจตุรัสวาดรูป เจ๊เมี่ยงแวะซื้อน้ำกิน โดยซื้อไปก็เหล่มองหนุ่มผมบรอนด์ตาสีฟ้า โปรยเสน่ห์เช็คเรตติ้ง ตัวเองไปด้วย แพตตี้รีบเข้ามาถือมือถือมาด้วย
“เจ๊...เจ๊..ดูนี่เร็วค่ะ”
“อะไรยะ..ชั้นกำลังเช็คเรตติ้งชั้นอยู่..แป๊บนึง” เจ๊เมี่ยงว่า
“เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะเจ๊ หนูรู้แล้วว่าเน็กซ์อยู่ที่ไหน”
“รู้ได้ไง”
แพตตี้เอามือถือมาให้ดู “ก็นี่ไงคะ..หนูคุยกับแฟนคลับในไอจีอยู่ เลยไปเจอรูปแฟนคลับเน็กซ์ เพิ่งอัพรูปขึ้นไอจีเหมือนกัน”
“รูปกับเน็กซ์น่ะเหรอ”
“ค่ะ..ถ่ายที่ไหนรู้มั้ยคะ..ที่ Mont Martre นี่แหละค่ะ”
เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้มองหน้ากันแล้วยิ้ม
“ไปค่ะหนู”

ทั้งคู่เดินไปด้วยกันทันที

เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้รีบเข้ามาช่วยกันกวาดตามองหาจนเจ๊เมี่ยงหันไปเห็นเน็กซ์ที่กำลังถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวไทยกลุ่มหนึ่ง
 
“นั่นค่ะหนูแพตตี้”
แพตตี้ดีใจ “เน็กซ์ !!”
แพตตี้จะเข้าไปหาเน็กซ์แต่เจอเจ๊เมี่ยงมาดึงคอเสื้อไว้
“เดี๋ยวค่ะ..ห้ามเลย..ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่หนูจะเสนอหน้าเข้าไปให้เขารู้ตัว”
“ทำไมล่ะคะเจ๊”
“เพราะเจ๊ไม่ได้พาหนูมาหาเน็กซ์นี่คะ..แต่เจ๊มาทำภารกิจเปิดโปงนังพุชชี่”
แพตตี้นิ่งไปมองหน้าเจ๊เมี่ยงแล้วครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้ารับ เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้ยืนหลบมองเน็กซ์อยู่ครู่ พอเห็นเน็กซ์ถ่ายรูปเสร็จแล้วเดินออกไป ทั้งสองคนก็รีบตามไปทันที

หนูดอกพาพุชชี่มาพักคุยที่บริเวณสวนดอกไม้สวยงามที่มีพระราชวังอยู่ด้านหลังด้วยความห่วงใย ทั้งคู่นั่งลง
“มาดามแน่ใจนะคะ ว่าความรู้สึกที่เน็กซ์มีให้กับมาดามมันใช่อย่างที่คิด”
พุชชี่พยักหน้ารับ “วันนี้ชั้นถึงไม่อยากอยู่ใกล้เขาอีกไง เพราะอยู่ด้วยแล้วกลัวเน็กซ์จะเลยเถิดไปกันใหญ่”
“เฮ้อ...ว่าแล้วเชียว..ไฟอยู่ใกล้น้ำมัน มดแดงอยู่ใกล้มะม่วง ข้าวเหนียวอยู่ใกล้ ทุเรียน สุดท้ายมันก็ต้องสปาร์คกันจนได้”
“อะไรของหล่อนเนี่ย”
“แหม..มาดามคะ หนูอยู่กับมาดามมาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอเน็กซ์แล้วนะคะ สังเกตเห็นทั้งมาดาม เห็นทั้งเน็กซ์ เวลาอยู่ด้วยกันทีไร โลกรอบๆตัวมันสว่างไสวเพราะ ออร่าความสุขมันแผ่ออกมา”
“บ้า....เพ้อเจ้อแล้ว”
“งั้นหนูก็ไม่ได้เพ้อเจ้อคนเดียว..เพราะนายอาร์ทก็เห็นเหมือนกับหนู แต่ไม่กล้าคิดอะไร ต่อ เพราะรู้ว่ามาดามคงไม่มีทางแหกกฏเหล็กของตัวเอง”
“ตอนนี้ชั้นก็ยังไม่ได้แหกกฏเหล็กของชั้นนี่”
หนูดอกจิกหน้าหรี่ตามองพุชชี่อย่างจริงจัง “ค่ะ..มาดามยังไม่ได้แหกกฏตัวเอง..แต่อาการที่แสดง ออกกับหนูเมื่อกี้นี้ มันชัดมากเลยนะคะว่ามาดามกำลังหวั่นไหวใจละลายเพราะเน็กซ์”
หนูดอกยิ่งย้ำให้พุชชี่ยิ่งคิดเครียดจนคิดหนัก พุชชี่ลุกไปดูวิวทันที

ณ บริเวณตลาดดอกไม้เห็นดอกไม้สวยงามหลากสีสรรเรียงแถวเป็นแนวยาม เน็กซ์เดินดูดอกไม้ด้วยสีหน้ามีความหวัง
พุชชี่เดินอยู่ในสวนด้านหลังพระราชวังแวร์ซายที่บริเวณบึงน้ำ เธอหยุดยืนครุ่นคิดสีหน้าหนักใจ
เน็กซ์เลือกดูดอกไม้สีสวยมากมายดูไปก็คิดถึงพุชชี่
พุชชี่เดินมาถอนใจยาวที่บริเวณสวนแนวทิวสนตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวไกลสุดลูกตา
เน็กซ์หยิบช่อดอกไฮยาซินท์สีม่วงอ่อนๆ ขึ้นมา

เน็กซ์ตัดสินใจซื้อดอกไฮยาซินท์ช่อนั้น เขาจ่ายเงินแล้วเดินออกมาหน้าตลาด เน็กซ์ดมกลิ่นหอมอันชวนหลงใหลพร้อมด้วยความคิดที่มุ่งมั่น เน็กซ์ยิ้มกับดอกไม้ในมือแล้วหยิบแว่นกันแดดเท่ๆขึ้นมาสวม ลมเบาๆพัดเข้าหน้าเสยให้ผมของเขาปลิว
พอเน็กซ์เดินออกไปได้สักครู่ แพตตี้กับเจ๊เมี่ยงที่ถือช่อดอกไม้ช่อโตใช้บังหน้าพรางตัวสุดฤทธิ์ หลังจากสะกดรอยตามเน็กซ์มาตลอดทางก็ชะโงกหน้ามองตาม
“ได้ยินมั้ยคะหนูแพตตี้.. ช่วยย้ำชัดๆว่าเจ๊ไม่ได้หูฝาด นี่แหละค่ะคือสิ่งที่เจ๊รอคอนเฟิร์ม ถ้าไม่เริ่ดก็เชิดใส่มาตลอด”
แพตตี้ไม่พูดอะไร ได้แต่นิ่งงันน้ำตาคลอเบ้าอย่างเจ็บปวดและเสียใจ
“หนูแพตตี้..โถๆๆ”
เจ๊เมี่ยงจะปลอบใจแต่แพตตี้ปัดมือแล้วกลั้นน้ำตาก่อนจะเอามือปาดแล้วจิกหน้าเอาเรื่องแทน
“หนูไม่เป็นไรค่ะเจ๊”
“นั่นแหละค่ะถูกต้องแล้ว.. อย่าให้เขามาย่ำยีความรักของหนู ในเมื่อเขาคิดอยากเล่นของสูงวัย เราก็ต้องจัดไปให้สาสมค่ะ”
เจ๊เมี่ยงพยักหน้ากับแพตตี้ด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ

พุชชี่นั่งอยู่คนเดียวก่อน หนูดอกตามเข้ามายื่นน้ำส่งให้ หนูดอกเข้ามานั่งคู่กับพุชชี่ที่ม้านั่งริมบึงหลังจากปล่อยให้พุชชี่ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่
“คิดหนักเลยใช่มั้ยคะมาดาม” หนูดอกถาม
“มันไม่ใช่ความรักหรอกหนูดอก.. มันก็แค่ความใกล้ชิด” พุชชี่ว่า
“แต่มาดามปั้นเด็กมากี่คนแล้วคะ เด็กหนุ่มๆเป็นสิบ แล้วไหนจะนายอาร์ทอีกที่ใกล้ชิด กับมาดามมากกว่าเน็กซ์ แล้วทำไมไม่เคยเห็นมาดามหวั่นไหวเลยล่ะ”
“นี่เธอจะยัดเยียดให้ชั้นยอมรับว่าชั้นชอบเด็กเหรอ”
“แหม..ก็หนูไม่รู้จะบอกมาดามว่ายังไง ถ้าเป็นชีวิตปกติมีเด็กหนุ่มหล่อๆจิตใจดีมาบอก รักสาวใกล้คานแบบนี้ หนูเชียร์ให้รีบตะครุบไว้แล้ว..แต่ว่า”
หนูดอกพูดไปแล้วก็หยุดมองพุชชี่อย่างเห็นใจ จนพุชชี่สงสัย
พุชชี่สงสัย “แต่อะไร”
“หนูแค่จะเตือนให้มาดามคิดให้ดี สองรักมันยัดเข้าไปอยู่ในหัวใจดวงเดียวไม่ได้หรอกค่ะ”
พุชชี่ชะงักเพราะที่หนูดอกพูดมาหมายถึงติณณภพนั่นเอง ระหว่างนั้นเสียงติณณภพก็ดังแทรกเข้ามา
“น้องพัฒ !!”
พุชชี่ชะงักอึ้ง เพราะเสียงที่ได้ยินมันชัดเจนว่าเป็นเสียงของติณณภพ
“พี่ติณ !! พี่มาที่นี่ได้ยังไง”
ติณณภพนิ่งไปแล้วมองไปที่หนูดอก หนูดอกเลยรีบอธิบาย
“หนูขอโทษด้วยค่ะ หนูไม่รู้ว่ากัปตันเขาไปรู้มาจากไหนว่ามาดามมาปารีส พอกัปตันเขาโทรมาถามหนู มาดามก็รู้ นิสัยหนูโกหกคนหน้าตาดีไม่เป็น”
พุชชี่หันไปมองติณณภพที่มองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนเช่นเคยเหมือนทุกครั้ง หนูดอกสะกิดกระซิบ
“คุยกับกัปตันเขาเถอะค่ะ ตอนนี้หัวใจของมาดามกำลังต้องการการตัดสินใจ”

หนูดอกแตะไหล่เป็นกำลังใจให้พุชชี่ พุชชี่มองติณณภพแล้วหลบตา
 
อ่านต่อหน้า 4

มาดามดัน ตอนที่ 11 (ต่อ)

พุชชี่กับติณณภพเดินคู่กันมาอย่างช้าๆ
 
พุชชี่เดินก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังติณณภพที่เดินมาตามทางเดินที่มีพระราชวังแวร์ซายเป็นฉากหลัง พุชชี่เอาแต่เงียบเดินก้มหน้าไม่พูดอะไรจนติณณภพต้องหยุด
“เวลาที่น้องเดินก้มหน้าก้มตาแล้วเอาแต่เงียบแบบนี้ มันคืออาการที่น้องรู้สึกผิด”
พุชชี่ยังก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาแล้วก็งึมงัมพูด “ก็น้องผิดจริงๆนี่คะที่ไม่ยอมไปพบพี่”
“ถ้าเรื่องแค่นั้นคิดว่าพี่จะโกรธ นั่นก็คงไม่ใช่พี่แล้วล่ะ”
“พี่ติณก็เป็นซะอย่างนี้ โกรธ เกลียดน้องบ้างก็ได้”
“ให้โกรธ เกลียดน้องเนี่ยนะ พี่ทำไม่ได้จริงๆ”
“งั้นน้องก็คงไม่กล้าสู้หน้าพี่อีก”
พุชชี่จะเดินออกไปแต่ติณณภพตามไปคว้าข้อมือเอาไว้
“อย่าเดินจากพี่ไปอีกเลยได้มั้ย..พี่ขอร้อง”
“ปล่อยเถอะค่ะพี่ติณ ถ้ามีคนเห็นเราแบบนี้ แล้วไปบอกมาดามของพี่ น้องไม่อยาก เป็นตัวปัญหาอีก”
“มาดามของพี่ ? น้องหมายถึงผู้หญิงที่พ่อเลี้ยงพี่เตรียมไว้เป็นว่าที่เจ้าสาวน่ะเหรอ”
พุชชี่พยักหน้ารับ
ติณณภพยิ้มรับแล้วค่อยๆจับมือพุชชี่มากุมไว้ “ถ้าพี่จะให้ผู้หญิงสักคนมาเป็นมาดามของพี่ ก็คงมี แต่มาดามพุชชี่คนเดียวเท่านั้น”
พุชชี่อึ้ง “พี่ติณ....”

เจ๊เมี่ยงนั่งผ่อนคลายจิบชาพร้อมคุกกี้ชิวๆ อยู่ที่ม้านั่งในสวน สักครู่แพตตี้ก็เข้ามานั่งมองเจ๊เมี่ยงด้วยหางตา
“กลับมาก็เอาแต่นั่งจิบชาชมสวน ไหนเจ๊บอกจะจัดหนักยัยมาดามพุชชี่ไงคะ”
“แหม..หนูขา ที่ตอนนี้เจ๊มานั่งชิวได้เนี่ย เพราะเจ๊มั่นใจแล้วว่าสองคนนั่นพร้อมจะ ฟีเจอริ่งกันได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
“ด้วยการปล่อยให้เขาฟีเจอริ่งกันไป จนสำลักความสุขงั้นเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ..แผนเจ๊จากนี้คือปล่อยให้พวกมันตายใจคิดว่าไม่มีใครตามมารู้มาเห็น พอพวก มันสำลักความสุข เราก็ตามไปสแกนกามเก็บทุกฉาก ทุกช็อต เอาไปประจานให้นังพุชชี่มันไม่มีที่ยืนในวงการอีก”
แพตตี้ฟังแล้วก็ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ระหว่างนั้นหนูดอกก็เดินเข้ามา เจ๊เมี่ยงชำเลืองเห็นก็ส่งซิกให้แพตตี้รู้
เจ๊เมี่ยงเปลี่ยนเรื่องพูดแบบเนียนๆ “หนูแพตตี้จ้ะ คืนนี้อย่านอนดึกนะ ตั้งใจซ้อมบทที่จะไปแคสติ้ง พรุ่งนี้ โชว์พลังการแสดงขั้นเทพให้โลกตะลึงเลยนะจ๊ะ”
“ค่ะเจ๊..โอเคเลยค่ะ เด็กเจ๊เมี่ยงซะอย่าง”
เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้พูดพร้อมกัน “ถ้าไม่เริ่ดก็เชิดใส่ !”
แพตตี้เดินสวนหนูดอกออกไป หนูดอกเบ้ปากแล้วเดินนั่งกับเจ๊เมี่ยง
“เป็นไงคะเจ๊..เที่ยวปารีสวันแรกสนุกมั้ย” หนูดอกถาม
“งั้นๆแหละ..เดินปารีสก็เหมือนเดินพารากอน มาบ่อยจนชินแล้ว” เจ๊เมี่ยงคุย
“อ๋อเหรอคะ.. ก็ดีแล้วค่ะ หนูก็นึกเป็นห่วงอยู่ กลัวว่าเจ๊จะเอาแต่ชวนเด็กไปวิ่งไล่จับผิดคนอื่น งานการไม่สนใจ คิดว่าตัวเองเจ๋ง ตัวเองแน่ แต่แห้วจะมาเสิร์ฟตรงหน้าไม่รู้ตัว”
“แห้ว..เหว้ย..อะไรของหล่อนยะนังหนูดอก”
“ว่าแล้วเชียวว่าเจ๊คงยังไม่รู้เรื่อง”
เจ๊เมี่ยงรีบลุกขึ้นถาม “รู้เรื่องอะไร”
“เมื่อกี้นี้หนูแวะไปที่บริษัทหนังมา เห็นทีมงานเขาเรียกตัว จอง อึม ยอง นางเอกสาว ซุปตาร์เกาหลีมาแคสติ้งบทเดียวกับแพตตี้ หนูก็นึกว่าเจ๊จะรู้เรื่องนี้แล้วซะอีก”
หนูดอกพูดเสร็จก็อมยิ้มเชิดๆออกไป ทิ้งระเบิดให้เจ๊เมี่ยงเนื้อเต้นและหน้าเสีย

พุชชี่นั่งริมหน้าต่างมองวิวหอไอเฟลแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงเคาะประตูจึงเดินไปเปิดประตู แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเจอช่อดอกไฮยาซินท์กลิ่นหอมยื่นเข้ามา
“เน็กซ์ !!”
“วันนี้ผมแวะไป Mache De Fleurs มา กลิ่นดอกไม้นี่หอมติดจมูกดี ก็เลยถามเขาว่า ดอกอะไร เขาว่าเป็นดอกไฮยาซินท์ ป้าเอาไว้ปักแจกันในห้องนอนสิจะได้รู้สึกสดชื่น”
พุชชี่นิ่งมองดอกไม้ที่เน็กซ์ตั้งใจซื้อมาให้เขามันทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เน็กซ์..คือ...”
เน็กซ์ไม่รอให้พุชชี่พูดก็จับมือพุชชี่มารับช่อดอกไม้ไป
“คืนนี้นอนหลับพักผ่อนเยอะๆนะป้า” เน็กซ์คิดว่าพุชชี่ไม่สบายเพราะแพ้อากาศ “ไว้พรุ่งนี้ผมจะเล่าให้ฟังว่าวันนี้ผมไปได้เบาะแสอะไรมา”

เน็กซ์ถือโอกาสจับมือพุชชี่มาหอมที่หลังมือเบาๆแล้วเดินออกไป พุชชี่ได้แต่ยืนอึ้งค่อยๆปิดประตูแล้วมองช่อดอกไฮยาซินท์ในมือ

ปารีสวันใหม่ที่ถนนหน้าตึกซึ่งเป็นออฟฟิตของบริษัทหนังชื่อ "Les Films du Fleurs"
 
แพตตี้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจก่อนจะพูดกับเจ๊เมี่ยง แพตตี้เดินอึ้งตกใจหยุดหน้าเจ๊เมี่ยงก่อนจะถึงทางเข้าบริษัท
“ว่าไงนะเจ๊..เจ๊รู้เรื่องแล้วทำไมเพิ่งมาบอกหนู”
“เจ๊ไม่อยากให้หนูกดดันว่าหนูมีคู่แข่งเป็นถึงซุปตาร์เกาหลี”
“เจ๊...มาบอกหนูเอาตอนนี้ก็เท่ากับกดดันหนูแล้ว”
“หนูก็อย่าเกร็งสิจ๊ะ...คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ยิ่งเทยไทยแล้วยิ่งสวยที่สุด”
“เจ๊ !! หนูไม่ใช่เจ๊นะ”
“แหม..เจ๊ก็พยายามพูดให้กำลังใจ เอาน่า..เจ๊มั่นใจว่างานนี้หนูต้องได้โกอินเตอร์ใช้ความสามารถที่ปะทุอยู่ในตัวหนูเล่นงานซุปตาร์เกาหลีให้หงายเงิบไปเลย”
เจ๊เมี่ยงปลุกอารมณ์แพตตี้เต็มที่แล้วบีบไหล่จ้องหน้าเอาจริง
“จำคาถานี้ของเจ๊เอาไว้ให้ดี รับรองว่าผ่านฉลุยแน่... “เด็กเจ๊เมี่ยง ถ้าไม่เริ่ดก็เชิดใส่”
แพตตี้พยักหน้ารับสองสาวมั่นใจสุดฤทธิ์ก่อนจะเดินเข้าประตูตึก

เน็กซ์กับหนูดอกเดินตามทางที่ทางเดินเลียบแม่น้ำแซนด้านล่างสะพานเพื่อไปหาพุชชี่
“ถ้าต้องแคสติ้งแข่งกับซุปตาร์เกาหลีแบบนี้ นิสัยแพตตี้ผมว่าสู้เต็มที่แน่”
“ถึงพี่จะไม่ค่อยชอบหน้าเขานะ แต่พี่ก็แอบเชียร์เพราะอยากเห็นคนไทยสร้างชื่อ”
“ว่าแต่ป้าเขามีอะไรเหรอครับพี่หนูดอก ถึงต้องนัดให้ผมมาเจอเขาแถวนี้” เน็กซ์หยุดเดิน
หนูดอกชะงัก “พี่..พี่ก็ไม่รู้หรอก มาดามเขาไม่ได้บอกอะไร”
“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเบาะแสของพ่ออังเดร ผมพอจะได้ข้อมูลมาบ้างแล้วนะพี่ ผมไปเจอคนที่เคยอยู่ตึกเดียวกับที่พ่อเคยพัก เขาบอกว่าพ่อย้ายออกไปจากปารีสนานแล้ว”
“แค่ในปารีสยังตามหาเลือดตาแทบกระเด็น ทั้งประเทศฝรั่งเศสมันไม่ใช่เล็กๆนะคะ”
“ต่อให้ต้องตามหาอยู่ที่นี่อีกเป็นปี ผมก็ต้องอยู่ครับ”
หนูดอกถอนใจ “พี่เข้าใจคุณน้องค่ะ เอาเป็นว่าคุณน้องไปหามาดามก่อนแล้วกันนะ มาดาม รออยู่แถวนี้ เขามีวิธีช่วยคุณน้อง”
เน็กซ์มองสงสัยคำพูดของหนูดอก
หนุดอกไม่ปล่อยให้ถามต่อ “ไปเถอะค่ะ”
หนูดอกดันเน็กซ์ให้เดินไปตามทางแล้วมองส่ง
“เฮ้อ...ขออย่าให้วุ่นวายเป็นลิงแก้แหเลย..สาธุ”

พุชชี่เดินคนเดียวด้วยสีหน้านิ่งสงบ เน็กซ์เดินมาตามทาง พุชชี่ยืนรออยู่ไม่ไกลก็รีบเดินเข้าไปหาสีหน้ายิ้มแย้มและมีความสุข
“ป้า..มีอะไรเหรอ ถึงต้องให้ออกมาคุยกันข้างนอก ทำไมไม่คุยกันที่โรงแรม”
พุชชี่หันมาสีหน้าดูไม่สบายใจ “ชั้นกำลังหาวิธีช่วยตามหาพ่อของเธออยู่”
“เรื่องนั้นผมก็จะบอกป้าเหมือนกัน เราต้องเก็บกระเป๋าเตรียมออกจากปารีส เพราะเบาะแสที่ผมได้มา พ่ออังเดรไม่ได้อยู่ในปารีสแล้ว”
“งั้น....”
เน็กซ์ไม่รอให้พุชชี่พูดจบเข้าไปจับมือแล้วจะพาไปด้วย
“ป้าไม่ต้องคิดอะไรแล้ว..เมื่อคืนผมวางแผนคร่าวๆไว้ว่าจะเริ่มที่เมือง Deauville ก่อน เพราะที่นั่นเป็นจุดแรกของเบาะแสที่ได้มา”
พุชชี่แกะมือเน็กซ์ “ฟังชั้นก่อนเน็กซ์..ออกจากปารีสไปตามหาพ่อมันเป็นเรื่องใหญ่ ลำพังเราสองคนทำเองไม่ได้หรอก”
“ทำไมจะไม่ได้.. เงินค่าตัวที่ผมทำงานมาตลอดช่วยให้เราอยู่เป็นปีได้สบายๆไม่ใช่เหรอ”
“เราอยู่ด้วยกันนานๆแบบนั้นไม่ได้หรอก ชั้นถึงต้องหาคนมาช่วยให้ทุกอย่างมันง่ายและเร็วขึ้น”
“ป้าหมายความว่าไง.. หาใครมาช่วย”
พุชชี่นิ่งมองเน็กซ์ไม่กล้าพูดเองจนเสียงของติณณภพที่ดังจากด้านหลังทำให้เน็กซ์อึ้ง
“ชั้นเองเน็กซ์”
เน็กซ์ตกใจ “กัปตัน !!”
ติณณภพเดินเข้าไปยืนข้างๆพุชชี่จนตัวแทบชิดติดกันทำให้เน็กซ์เจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที
“พุชชี่เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับพ่อเธอให้ชั้นฟังแล้ว ชั้นคิดว่าชั้นพอจะช่วยได้เพราะพ่อเลี้ยง ชั้นรู้จักคนเยอะ เธอจะได้ไม่ต้องใช้เวลาเป็นปีอยู่ที่นี่”
“ระหว่างที่ตามหา เราจะไปพักที่ชาร์โต้ของพี่ติณกัน เขาช่วยเธอได้จริงๆนะ”
เน็กซ์กัดฟันกำหมัดแน่นน้ำตาคลอๆ แต่กลั้นเอาไว้สุดฤทธิ์ “ขอบคุณ..แต่เขาเป็นพ่อผม ผมตามหาเขาเองได้ ไม่ต้องให้ใครช่วย”
เน็กซ์เสียงแข็งตอบแล้วเดินออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
“เน็กซ์..เน็กซ์ !”
พุชชี่มองตามเข้าใจดีว่าเน็กซ์ต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน

หนูดอกกำลังเดินเข้ามาเป็นจังหวะพอดีกับที่เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้แคสติ้งบทเสร็จแล้วพากันเดินออกมาแต่หน้าตาทั้งคู่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอเจอหนูดอก ทั้งคู่ก็เปลี่ยนเส้นทางทันที หนูดอกอยากรู้ด้วยความจริงใจ
“เป็นไงคะเจ๊..มีแววว่าจะได้ฟังข่าวดีรึเปล่า”
เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้ชะงักไปหางตามองกันอยู่ครู่ เจ๊เมี่ยงก็ลอยหน้าลอยตาตอบหนูดอก
“ใช่ธุระกงการอะไรของหล่อนมิทราบ สอดรู้สอดเห็น..เชอะ !!”
“แหม..หนูก็อยากร่วมแสดงความยินดีกับเจ๊ด้วยนี่คะ เรื่องแบ่งฝักแบ่งฝ่ายไม่ถูกกัน มัน ไม่เกี่ยวกับชื่อเสียงของประเทศค่ะ”
“ย่ะ..ขอบใจที่อุตส่าห์มีน้ำใจ แต่งานนี้ชั้นอยากฉลองกันสองต่อสองกับเด็กชั้น” เจ๊เมี่ยงควงแขนแพตตี้ “ไปกันเถอะจ้ะหนูแพตตี้.. ไปหาร้านหรูๆเปิดแชมเปญฉลองกันดีกว่า”

เจ๊เมี่ยงควงแขนพาแพตตี้เดินออกไป หนูดอกมองตามด้วยสีหน้าสงสัย

ณ ร้านอาหารฝรั่งเศส เจ๊เมี่ยงส่งเมนูคืนบริกร บริกรโค้งรับเมนูเดินออกไปสั่งอาหาร

“จะสั่งให้เปิดแชมเปญทำไมคะเจ๊..แค่นี้เจ๊ยังตอกย้ำความพ่ายแพ้ของหนูไม่พออีกเหรอ”
“อย่ามาว่าเจ๊นะคะ..เจ๊ไม่ได้เป็นคนไปแคสติ้งต่อหน้าผู้กำกับ หนูต่างหากที่โชว์ความสามารถสู้นังนั่งยองๆอะไรนั่นไม่ได้”
“เจ๊ !! เจ๊เป็นผู้จัดการหนูนะ ที่ผ่านมาหนูเชื่อฟังและทำตามที่เจ๊บอกทุกอย่าง แล้วเจ๊มา หาว่าหนูไม่มีความสามารถเนี่ยนะ”
แพตตี้พูดออกมาก็น้ำตาคลอเสียใจสะอื้นจุกคอหอยทำเอาเจ๊เมี่ยงชะงัก
“หนูแพตตี้..อย่าร้องไห้สิ..คือว่าเจ๊...”
“ไม่ต้องมาพูดเลย !! หนูทนไม่ไหวแล้วรักผู้ชายเขาก็ไม่สนใจไปหลงผู้หญิงแก่กว่า หวัง จะโด่งดังโกอินเตอร์ก็แพ้นังนั่งยองอีก”
แพตตี้ปล่อยโฮออกมาเสียงดังจนคนในร้านหันมามองเป็นตาเดียวกัน เจ๊เมี่ยงสะดุ้ง

ณ ห้องส่วนตัวสำหรับแขก VIP จัตวากำลังกินมื้อเที่ยงอย่างหรูคู่กับไวน์โดยมีแอ๋มเลขาส่วนตัวรายงานคิวงาน
แอ๋มอ่านคิวจากไอแพด “ตอนบ่ายท่านมีตีกอล์ฟกับมองซิเออร์แบร์ซอง ส่วนดินเนอร์ต้องไป ปาร์ตี้กับมาดามหลุยส์”
“แกจะให้ชั้นกินมื้อเที่ยงเสร็จก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องงานได้มั้ย” จัตวาว่า
แอ๋มหน้าเสีย “ขอโทษค่ะท่าน..คือแอ๋มเห็นว่าคิวงานวันนี้ของท่านค่อนข้างแน่น กลัวว่าถึง เวลาเสิร์ฟของคาวๆที่ท่านโปรดถึงห้องสูท ท่านจะหมดแรงซะก่อน”
จัตวาหยุดเพราะสนใจ “แกเตรียมไว้ให้ชั้นด้วยเหรอ”
“แหม…แอ๋มรู้ใจท่านนี่คะ คราวนี้สาวผมบรอนด์ตาสีฟ้า อดีตนางแบบเลยนะคะ”
“งั้นยกเลิกคิวตีกอล์ฟ เพราะชั้นอยากตีอย่างอื่น”
“โอเค..ได้ค่ะท่าน”
ระหว่างนั้นเสียงร้องไห้โหวกเหวกของแพตตี้ดังแทรกเข้ามาทำให้จัตวาแปลกใจ
“เสียงอะไร..หนวกหูชะมัด”
แอ๋มเปิดประตูห้องแล้วชะโงกหน้าไปดูแต่ยังเห็นไม่ชัด “คงเป็นพวกนักท่องเที่ยวไม่รู้จักมารยาทในร้านอาหาร หรูๆค่ะท่าน” แต่พอเห็นหน้าเจ๊เมี่ยงแอ๋มก็ตกใจ “อุ๊ย..ไม่ใช่ค่ะท่าน..นั่นมัน..นังเมี่ยงเจิด”
จัตวาที่กำลังหั่นเนื้อเข้าปากถึงกับชะงักเมื่อได้ยินชื่อเจ๊เมี่ยง

เจ๊เมี่ยงพยายามปลอบใจให้แพตตี้เงียบ แพตตี้น้ำตาอาบสองแก้ม
“หยุดร้องเถอะค่ะหนูแพตตี้..เจ๊ขอโทษที่เจ๊พูดแบบนั้นกับหนู เจ๊ไม่ตั้งใจ เจ๊ก็หงุดหงิด เหมือนหนูนั่นแหละค่ะ โอ๋ๆนะคะ..นะคะ อายคนอื่นเขา”
แพตตี้ยังสะอื้น “เจ๊ไม่ได้เป็นหนู..เจ๊ไม่รู้หรอกว่ามันน่าเสียใจขนาดไหน หนูมาที่นี่หนูก็หวังจะได้ทั้งงาน ได้ทั้งแฟนหนูกลับไป ไม่ได้อยากจะมากินแห้วไกลถึงปารีสนะ”
“เอาน่า..เจ๊สัญญา เจ๊จะหาทางทำให้หนูได้อย่างที่หนูต้องการ”
“ยังไงคะเจ๊..เจ๊จะช่วยหนูได้ยังไง”
เจ๊เมี่ยงเองก็ยังจนปัญญาไม่รู้จะตอบยังไงเสียงของจัตวาก็ดังเข้ามา
“มีอะไรให้ชั้นช่วยเหลือมั้ย..น้องเมี่ยงเจิด”
เสียงนุ่มลึกของจัตวาทำเอาเจ๊เมี่ยงชะงักและขนลุกเกรียวเพราะเสียวไปถึงหัวแม่โป้งเท้า
เจ๊เมี่ยงตกใจเมื่อหันไปเห็น “ท่าน...ท่านจัตวา” เจ๊เมี่ยงยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะท่าน”
จัตวายิ้มให้ก่อนจะรับไหว้เมี่ยงเจิดแล้วหันมามองที่แพตตี้ด้วยสายตาที่พึงพอใจแพตตี้มากๆทั้งๆที่เพิ่งจะได้เห็นครั้งแรก แอ๋มยืนด้วนหลังจัตวาอยู่ห่างๆ แพตตี้ทำสีหน้างงๆว่าเป็นใครหว่า

จัตวาวางแก้วเปล่าไวน์ลงบนโต๊ะ เจ๊เมี่ยงและแพตตี้มานั่งร่วมโต๊ะกับจัตวาและแอ๋มที่ห้องส่วนตัว เจ๊เมี่ยงนั่งตัวลีบดูเกรงกลัวจัตวาค่อนข้างมาก
“อ๋อ..ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง แสดงว่าไอ้ผู้กำกับคนนั้นตามันไม่ถึง ถึงมองไม่เห็นความ สวยใสบริสุทธิ์ผุดผ่องของหนูแพตตี้” จัตวาบอก
แอ๋มหันไปที่เจ๊เมี่ยง “แกก็รู้นี่นังเมี่ยงว่าท่านทำธุรกิจอยู่ที่นี่ เส้นสายของท่านมีเยอะแยะ ถ้าแกบอกชั้นก่อน แกคงไม่พาเด็กมากินแห้วไกลถึงที่นี่หรอก”
“ชั้นเกรงใจท่าน”
“เรามันคนคุ้นเคยกันนะน้องเมี่ยงเจิด สมัยที่ชั้นยังไม่ได้มาบุกเบิกธุรกิจที่นี่ ชั้นจำได้ว่าเราสนิทสนมกันมาก”

จัตวาพูดไปก็โอบบีบไหล่เจ๊เมี่ยงพลางหัวเราะลุ่มลึก แต่เจ๊เมี่ยงน่ะเสียวจนฉี่จะราด

“ไม่..ไม่หรอกค่ะท่าน..คนตัวเล็กๆอย่างเมี่ยงคงไม่กล้าเสนอหน้าไปตีสนิทกับท่านหรอกค่ะ”

“แกไม่ต้องถ่อมตัวขนาดนั้นหรอกนังเมี่ยง..ทุกวันนี้ท่านก็ยังนึกถึงแกอยู่นะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยท่านก็พร้อมช่วยเต็มที่” แอ๋มบอก
“ใช่.” จัตวาหันไปมองแพตตี้พร้อมส่งยิ้ม “ชั้นชอบสนับสนุนคนมีความสามารถ ยิ่งถ้ามา จากสายตาของน้องเมี่ยงเจิดแล้ว ชั้นยิ่งมั่นใจว่า เด็กของน้องเมี่ยงเจิดต้องมีดีแน่นอน”
จัตวายิ้มให้แพตตี้สุดฤทธิ์โดยดูภายนอกเหมือนผู้ใหญ่ใจดีมากๆ
แพตตี้ไหว้ “ขอบคุณค่ะท่าน”
“เอาเป็นว่า..ท่านช่วยเรื่องหนูแพตตี้ได้ไม่มีปัญหา” แอ๋มยื่นนามบัตร “นี่เป็นที่อยู่บ้านพักของ ท่านที่นี่ พร้อมเมื่อไหร่แกก็พาหนูแพตตี้ไปคุยกันได้”
เจ๊เมี่ยงรับนามบัตรมาแล้วพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความกลัว ส่วนจัตวาก็เอาแต่มองแพตตี้ไม่วางตา

เจ๊เมี่ยงเดินรีบร้อนนำหน้าแพตตี้แล้วต้องหยุดก่อนจะหันมาโวยวาย
“เร็วหน่อยค่ะหนู.. เจ๊ต้องรีบกลับไปเช็คตั๋วเครื่องบิน ถ้าโชคดีมีตั๋วกลับ เราก็จะกลับเมืองไทยกันวันนี้เลย”
แพตตี้งง “อะไรกันคะเจ๊ ทำไมต้องรีบร้อนกลับด้วย”
“อย่าถามอะไรเจ๊.. เอาเป็นว่าหนูไปถึงที่พักแล้วต้องรีบเก็บของเลย”
“ไม่ค่ะ !! หนูยังกลับตอนนี้ไม่ได้ ถ้ามีคนช่วยเรื่องงานหนูได้ เจ๊ก็ไปคุยกับเขาสิคะ ส่วนหนู ยังมีเรื่องต้องทำอีก”
“เรื่องอะไรอีกคะหนูแพตตี้”
“ก็เรื่องหนูกับเน็กซ์ไง”
“โอ้ย เรื่องนั้นช่างหัวมันก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว กลับเมืองไทยแล้วค่อยว่ากัน”
“ก็ยังไม่ได้ค่ะ เน็กซ์มาตามหาพ่อเขา และถ้าพ่อแท้ๆของหนูเป็นเพื่อนกับพ่อของเน็กซ์ จริงๆ หนูก็อยากฟังจากปากเขา ว่าพ่อของหนูหน้าตาเป็นยังไง”
“แพตตี้ !! เจ๊ยอมให้หนูทำแบบนั้นไม่ได้ เจ๊จะไม่ยอมอยู่ที่นี่แล้วปล่อยให้มันเกิดเรื่อง แบบเดิมขึ้นอีก”
“เรื่องแบบเดิม ? เรื่องอะไรคะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงอ้ำอึ้งเพราะยังไงก็ไม่เล่า “เจ๊เล่าไม่ได้..หนูรู้ได้อย่างเดียวว่าหนูต้องกลับกับเจ๊เดี๋ยวนี้”
“แต่…”
เจ๊เมี่ยงตีหน้าเอาจริงสุดฤทธิ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สองมือบีบไหล่แพตตี้แน่นแทบจิกเข้าไปจนเจ็บ
“แพตตี้....เจ๊ซีเรียสนะคะ..ถ้าหนูไม่ทำตามที่เจ๊สั่ง หนูก็ไม่ต้องมาเป็นเด็กเจ๊อีก สัญญาของเรายกเลิกให้หมด แล้วหนูจะไปหัวหกก้นขวิดที่ไหนก็ได้ เจ๊จะไม่ยุ่งกับหนูอีก”
เจ๊เมี่ยงพูดไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนแพตตี้ถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เพราะเห็นถึงความหวาดระแวงและความกังวลในแววตาของเจ๊เมี่ยง

มือพุชชี่เข้าไปเคาะประตูห้องเรียกเน็กซ์
“เน็กซ์..เน็กซ์..เปิดประตูให้ชั้นสิเน็กซ์”
พุชชี่เคาะเรียกอยู่อีกหลายครั้งแต่ก็ยังเงียบจนติณณภพตามเข้ามา
“น้องพัฒ...”
“เน็กซ์ไม่ยอมเปิดประตูเลยค่ะพี่ติณ”
“เน็กซ์เขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วล่ะ พี่ถามทางโรงแรมแล้ว เขาเพิ่งเช็คเอ๊าท์ออกไป”
พุชชี่เป็นห่วง “เน็กซ์....”

เจ๊เมี่ยงกับแพตตี้ลากกระเป๋าเดินทางออกไปที่หน้าอพาตเมนท์
“รอเจ๊อยู่ตรงนี้นะ เจ๊จะไปดูแท๊กซี่ ทำไมยังไม่มาอีก”
เจ๊เมี่ยงเดินออกไป แพตตี้นั่งเท้าคางเซ็งบนกระเป๋าเดินทาง ระหว่างนั้นหนูดอกก็กลับเข้ามาคนละทางกับเจ๊เมี่ยง
หนูดอกสงสัย “อ้าว... จะกลับกันแล้วเหรอ”
แพตตี้ใช้หางตามองหนูดอกอย่างเซ็งๆ “ยุ่งไรด้วย”
“แหม..หนูแพตตี้ขา..พี่รู้เรื่องที่หนูแห้วงานแคสติ้งแล้ว พี่ไม่ได้อยากจะมาทับถมสมน้ำหน้าหรอกนะคะ แต่แค่แปลกใจว่าทำไมถึงได้รีบกลับ นึกว่าจะอยู่ฟาดฟันกับพี่ต่อ”
“ชั้นน่ะอยากอยู่..แต่เจ๊นั่นแหละที่เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ถึงได้รีบร้อนกลับ”
“เจ๊เมี่ยงน่ะเหรอ”
แพตตี้บ่น “ก็ใช่น่ะสิ...ถามอะไรก็ไม่ตอบ ทำตัวแปลกๆ”
“แปลกยังไงเหรอคะ”
“ก็หลังจากที่ไปเจอคนรู้จักในร้านอาหาร เจ๊เมี่ยงก็เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง”
หนูดอกอยากรู้ “เจอใครเหรอคะ”
“ชื่อท่านจัตวา นามสกุลอะไรก็ไม่รู้ไม่ได้ถาม รู้แต่ทำธุรกิจอยู่ที่นี่..หล่อนรู้จักรึเปล่า”
หนูดอกสงสัยแล้วพยายามนึกแต่แล้วก็ส่ายหน้า “ไม่รู้จัก”
ระหว่างนั้นเจ๊เมี่ยงก็เดินกลับเข้ามา
“รถแท๊กซี่มาแล้ว จอดอยู่ด้านโน้น...”
เจ๊เมี่ยงชะงักมองหนูดอกที่มองเธอด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“มองอะไรยะ!!”
เจ๊เมี่ยงลอยหน้ากลบเกลื่อนสุดฤทธิ์
“เชอะ !! ไปค่ะหนู”

เจ๊เมี่ยงควงแขนพาแพตตี้ลากกระเป๋าเดินทางออกไปด้วยกัน หนูดอกมองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
 
อ่านต่อตอนที่ 12
กำลังโหลดความคิดเห็น