มาดามดัน ตอนที่ 7
พุชชี่ที่อยู่บริเวณสระว่ายน้ำเอาแต่นิ่งเงียบครุ่นคิด ครู่หนึ่งเน็กซ์ก็เดินตามมา
"ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เสียงโทรศัพท์ดังไม่หยุดแทบทุกเครื่อง ผมว่าป้าน่าจะไปรับสายนะ ดีกว่าปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิด"
"ชั้นไม่มีอารมณ์แล้วก็ไม่มีอะไรจะพูดกับพวกนักข่าว" พุชชี่ว่า
"อ้าว..ถ้าป้าไม่พูดไม่อธิบาย ก็แสดงว่าป้าอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าป้ากับผม…"
พุชชี่หันมา "มีอะไรกันน่ะเหรอ"
"ก็ข่าวเขาว่าอย่างนั้น"
"หึ..ชั้นชินแล้ว เรื่องดีๆข่าวดีๆมันไม่สนุกหรอก มันต้องเรื่องคาวๆเน่าๆเละๆถึงจะเมาท์ กันสนุกปาก ก็ปล่อยให้เขาเมาท์กันไปเดี๋ยวก็มีข่าวอื่นมากลบ"
"แต่ผมว่าป้าน่าจะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ ผมเป็นผู้ชายยังไงก็ไม่เสียหายหรอก แต่ป้า เป็นผู้หญิงมาโดนข่าวแบบนี้ คนที่บ้านป้าเขาจะเสียใจ"
"ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นมันตัวคนเดียว พ่อแม่ไม่มีแล้ว จะด่าว่าชั้นเป็นคุณตัวชั้นก็ไม่แคร์ งานที่ชั้นตั้งใจทำจะทำหน้าที่ปกป้องชั้นเอง"
พุชชี่บอกเน็กซ์แล้วจะเดินออกไปแต่หนูดอกที่รีบเข้ามาเรียกไว้
"มาดามคะ..มาดาม"
"อะไรอีก..ชั้นบอกแล้วไง ว่าชั้นจะไม่ให้สัมภาษณ์ ไม่แถลงข่าวอะไรทั้งนั้น"
"อันนั้นหนูดอกรู้ค่ะ แต่ที่จะมาบอกเนี่ย คือ..หางพายุที่นังแก้วใสมันซัดใส่มาดาม เริ่มออกฤทธิ์แล้วค่ะ"
เจ๊เมี่ยงที่ได้พี่ม้าช่วยแต่งหน้าเขียนคิ้วให้จนหน้าเริ่ดกำลังให้สัมภาษณ์น้องๆนักข่าว
"แหม..จะบอกว่าที่พุชชี่ถูกถอดออกจากงานวันนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวที่แพลมออกมาก็ คงจะพูดได้ไม่เต็มปากหรอกค่ะคุณน้อง"
ไฉไลถือไมค์โลโก้รายการ ล้วงลับจับเรต ฉ.ฉิ่ง เอ่ยถาม “งั้นหนูขอสักติ่งนึง เอาแบบที่พูดได้เต็มปาก อ่ะค่ะ นะคะเจ๊เมี่ยง"
"อย่าเลยค่ะคุณน้อง..ติ่งเดียวพี่ก็โดนฟ้องได้นะคะ"
"อ่ะเคร..ก็ได้ค่ะเจ๊ งั้นพวกหนูคิดอย่างนี้ได้มั้ยคะว่าข่าวเรื่องมาดามพุชชี่กินตับเด็ก ตัวเองเป็นข่าวโจมตี หวังดิสเครดิตทั้งเน็กซ์และมาดามที่กำลังดังแซงหน้าเด็กเจ๊"
เจ๊เมี่ยงจิกหน้าเอาเรื่องทันที "ว๊าย !! คุณน้องยิงคำถามเจ๊แบบนี้ จะเหมาว่าเจ๊อยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้เหรอไงคะ งานนี้เจ๊ไม่เกี่ยวเลยนะคะ ข่าวก็บอกไม่ใช่เหรอว่าแหล่งข่าวจากใน บ้านเป็นคนปูดเอง"
"ที่หนูถามก็อยากให้เจ๊เคลียร์ๆไงคะ...งั้นในฐานะที่เจ๊เคยรู้จักมาดามพุชชี่ดี ช่วยบอก หน่อยได้มั้ยคะว่ามาดามพุชชี่มีพฤติกรรมชอบจกกินเด็กในสังกัดรึเปล่า
"อุ๊ยตายแล้ว..เจ๊กับมาดามก็ทำอาชีพเดียวกัน อย่าให้พูดอะไรที่เป็นการวิจารณ์เพื่อน ร่วมอาชีพเลย เอาเป็นว่ามาดามพุชชี่มีนิสัยรักเด็ก ก็เลยชอบดูเอ็น เอ้ย !! เอ็นดูน้องๆ ในสังกัดเฉยๆ"
"เหมือนข่าวสมัยนู้นนนน..ที่เคยเมาท์กันว่าอาร์ทก็เคยเป็นสามีลับๆของมาดามพุชชี่"
แพตตี้ยืนฟังอยู่แถวนั้นด้วย
เจ๊เมี่ยงหัวเราะชอบใจ "อันนี้เจ๊ไม่รู้หรอกนะคะ เห็นว่าข่าวเงียบหายไปเพราะอาร์ทไปเล่นละครบทเกย์ อันนี้เจ๊ยอมรับเลยค่ะว่าพุชชี่เขาเก่งเรื่องเบี่ยงประเด็นกลบข่าว อุ๊ย..ไม่พูดอะไรแล้ว เจ๊ขอตัวไปทำงานต่อนะคะ..ขอโทษค่ะ"
เจ๊เมี่ยงทิ้งบอมบ์คำตอบกำกวมให้พวกนักข่าวไปคิดต่อก่อนจะยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์เข้าข้างใน แล้วแพตตี้เดินตามเข้าไปข้างใน
เจ๊เมี่ยงที่เดินเข้ามาด้านในกระหยิ่มยิ้มย่องชอบใจจนกระทั่งได้ยินเสียงแพตตี้เรียกจากด้านหลัง
“เจ๊คะ...เจ๊”
“มีอะไรหรือคะ”
"ตอนแรกแพตตี้นึกว่าเป็นฝีมือเจ๊ซะอีก แสดงว่าวงการนี้มีแต่คนจ้องถล่มมาดามพุชชี่"
"นังพุชชี่มันเป็นพวกหัวแข็ง หยิ่งทะนงตัว ไม่มีศิลปะของการสตอร์ มันก็เลยมีศัตรูไปทั่ว ก็ดี..เจ๊จะได้ไม่เหนื่อย เพราะเจ๊ยังมีงานต้องดันหนูแพตตี้อีกเยอะ"
"ขอบคุณค่ะเจ๊..ว่าแต่ว่าแพตตี้เพิ่งจะเคยได้ยินว่าไอ้หมอนั่นเคยมีข่าวเป็นสามีลับของ มาดามพุชชี่ด้วย"
"หมายถึงอาร์ทน่ะเหรอ ข่าวมันนานแล้วตั้งแต่อาร์ทเพิ่งเริ่มเข้าวงการยังไม่ดังเลย"
"เขาไม่ได้เป็นเกย์จริงๆเหรอคะ"
เจ๊เมี่ยงหัวเราะชอบใจ "หนูขา..เจ๊น่ะตัวแม่แล้วนะคะ ถ้าผีมองไม่เห็นผีเจ๊ก็แย่สิคะ ยิงผิดประตู เนี่ย..ถึงขั้นเสื่อมเลยนะคะ"
แพตตี้ตกใจ "งั้นก็หมายความว่า..เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่ง"
"ชัวร์ค่ะ พันเปอร์เซ็นต์” เจ๊เมี่ยงพูดจบก็เดินออกไป
แพตตี้สะดุ้งตกใจแล้วนึกไปถึงตอนที่ถูกอาร์ทนัวเนียขณะถ่ายแบบ
ภาพในอดีต อาร์ทยิ้มมุมปากกวนๆ แล้วจู่โจมเข้าไปรวบแพตตี้มากอดจนแพตตี้ตกใจ
“ทำอะไรอ่ะ..จะฉวยโอกาสเหรอ”
“ชู่ว์..จะตกใจทำไมล่ะครับน้อง เรากำลังทำงานอยู่นะครับ ถ้าน้องไม่ให้ความร่วมมือ น้องก็คงผ่านคำว่ามืออาชีพไม่ได้”
“แต่ชั้นว่านายกำลังคิดจะแกล้งชั้น”
“พี่เป็นเกย์นะครับแล้วน้องจะกลัวอะไร..ยังไงก็ไม่เปลืองตัวหรอก..คิดซะว่าพี่เป็นเพื่อน สาวแล้วกัน”
อาร์ทจับแพตตี้กดไปบนโซฟาแล้วซุกไซร้ซอกคอจู่โจมอย่างรุนแรง
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น แพตตี้หน้าเสียขนลุกขนพองที่โดนอาร์ทโกหก เธอรู้สึกแค้น
"ไอ้ชั่ว !!”
อาร์ทสำลักน้ำพรวดจนหน้าดำหน้าแดง เน็กซ์ต้องช่วยตบหลังให้
"ใจเย็นๆพี่อาร์ท..ค่อยๆ" เน็กซ์ยื่นทิชชู่ให้เช็ดปาก
"ขอบใจไอ้น้อง"
"ใจลอยอะไรรึเปล่าพี่ อยู่ๆถึงได้สำลักน้ำ"
"เปล่านี่ สงสัยจะมีคนบ่นคิดถึงว่ะ ไอ้คนอย่างพี่มันโจทก์เยอะซะด้วย ฮ่าๆ"
"แต่ผมว่าเยอะยังไงก็ไม่เท่ามาดามเขาหรอกมั้ง"
"เฮ้ยๆ พูดแบบนี้มันไม่ค่อยถูกนะไอ้น้อง พุชชี่ไม่เคยคิดจะสร้างศัตรูกับใคร แต่เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ชอบสตอร์สร้างภาพ เลยมีคนหมั่นไส้เยอะหน่อยก็แค่นั้น"
"แถมยังหยิ่งไม่คิดจะแก้ข่าว ทั้งๆที่กำลังโดนถล่มจนตัวเองต้องโดนถอดออกจากงาน กลางคันแบบนี้ จะไหวเหรอพี่"
อาร์ทตบบ่าเน็กซ์ "เชื่อพี่เถอะน้อง กว่ามาดามพุชชี่จะขึ้นมายืนอยู่ตรงนี้ได้ คงต้องผ่านเรื่อง หนักหนาสาหัสมาเยอะแล้ว เขาคงไม่อยู่เฉยต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้แน่"
อาร์ทบอกเน็กซ์แล้วเดินออกไป เน็กซ์มีสีหน้าครุ่นคิดสงสัยว่าพุชชี่จะแก้ปัญหานี้ยังไง
พุชชี่นั่งลงคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน โดยมีหนูดอกอยู่ด้วย
"พี่จุ๋งคะ..จะเอาพุชชี่ไปสาบานวัดไหนก็ได้ งานนี้พุชชี่ประมาทเกินไปก็เลยโดนเล่นงานไปเต็มๆ" พุชชี่นิ่งฟัง "พุชชี่ขอโทษด้วยค่ะที่ข่าวเสียหายแบบนี้กระทบกับละครของพี่ เอาเป็นว่าพุชชี่รับปากว่าจะหาทางเคลียร์เรื่องนี้ให้จบ..ขอโทษด้วยนะคะพี่จุ๋ง สวัสดีค่ะ”
พุชชี่คุยเสร็จก็วางสาย หนูดอกรีบถามต่อทันที
"ตกลงคุณจุ๋งยังเชื่อใจมาดามอยู่ใช่มั้ยคะ"
พุชชี่พยักหน้ารับ "ชั้นเคยไปแสวงบุญกับพี่เขาถึงอินเดีย ปรึกษากันเรื่องธรรมะตลอดทาง เขาถึงเชื่อใจว่าชั้นไม่ได้เป็นอย่างที่โดนสาดโคลน"
"แต่ก็ยังกระทบกับงานของเน็กซ์อยู่ดี แล้วไหนจะตัวมาดามอีก ขนาดรับงานกันไว้ตั้ง นานอยู่ๆก็มาถอดกลางอากาศ"
พุชชี่ไม่พูดอะไรเอาแต่นั่งเงียบที่โต๊ะทำงาน
"มาดามคะ..หรือว่าคราวนี้เราจำเป็นต้องแก้ข่าว" หนูดอกบอก
พุชชี่ส่ายหน้า "หล่อนจะให้ชั้นพาเน็กซ์ไปตั้งโต๊ะแถลงบอกว่าไม่มีอะไรกัน ใครเขาจะเชื่อ"
"ก็จริงค่ะ..เมาท์เรื่องอื่นยังพอว่าแต่ถ้าเมาท์เรื่องใต้สะดือเนี่ย..พวกขาเมาท์ชอบจิ้นไป ไกลจนกู่ไม่กลับ ดีไม่ดีป่านนี้เมาท์กระจายเรื่องเล่นท่ายากกันด้วยแล้วมั้ง"
พุชชี่หันมาหน้าเครียดๆ "อนาคตเน็กซ์กำลังไปได้สวย ถ้าต้องมาสะดุดเพราะแผนชั่วๆของ นังสองแม่ลูกกิ้งกือนั่น แล้วชั้นจะช่วยทำความฝันของเน็กซ์ให้เป็นจริงได้ยังไง"
พุชชี่ถอนใจเฮือกใหญ่ โดยที่ไม่รู้ว่าเน็กซ์ยืนแอบฟังอยู่หน้าห้อง
เน็กซ์ที่ยืนอยู่หน้าห้องบริเวณประตูได้ยินที่พุชชี่คุยกับหนูดอกทุกคำ เน็กซ์ครุ่นคิดเพราะอยากหาทางแก้ ปัญหานี้ด้วย จนกระทั่งหนูดอกเดินออกมาเห็นเน็กซ์และกำลังจะทัก เน็กซ์รีบส่งสัญญาณมือให้หนูดอกเงียบไว้ไม่ต้องพูดอะไรก่อนจะดึงหนูดอกมากระซิบ
เน็กซ์กระซิบ “ผมขอคุยด้วยหน่อยครับ"
หนูดอกมองเน็กซ์อย่างแปลกใจว่าจะคุยอะไร
เน็กซ์ดึงหนูดอกออกไป
หนูดอกมีสีหน้าแปลกใจ
"อะไรนะ คุณน้องอยากหาทางช่วยมาดามเหรอคะ"
"อยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน มันก็ต้องช่วยกันรับผิดชอบสิครับ" เน็กซ์บอก
หนูดอกซึ้ง "ตายแล้ว..นี่ถ้ามาดามรู้ว่าใจคุณน้องหล่อมากขนาดนี้ มาดามคงจะปลื้มปริ่ม"
"ไม่ต้องมาชมผมหรอกครับ เอาเป็นว่าถ้าผมยอมรับกับนักข่าวว่าผมกับมาดามชอบพอกันจริงๆ แต่ไม่ได้มีอะไรเกินเลยอย่างที่เม้าท์กัน ข่าวมันจะจบมั้ย"
หนูดอกสะดุ้ง "หา !! คุณน้องว่าไงนะคะ"
"ผมบอกว่า..”
"ไม่ต้องพูดค่ะ..พี่หนูดอกได้ยินแล้ว แต่แค่ตกใจเลยถามซ้ำย้ำให้ชัดรูหู คุณน้องขา..ไม่ ได้ !!" หนูดอกย้ำ "เลยนะคะ " คุณน้องจะคิดแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด"
"ทำไมล่ะครับ ก็ถ้าปฏิเสธแล้วไม่เชื่อ อยากเม้าท์เรื่องเสื่อมๆกันนักก็ยอมรับไปซะ จะได้เลิกเมาท์กัน ทุกอย่างจะได้จบ"
พุชชี่เดินเข้ามา "ใช่จบแน่ๆ..แต่จบเห่เลยน่ะสิ"
เน็กซ์หันไปมอง "ป้า !!”
"หนูดอกเดี๋ยวชั้นคุยกับเขาเอง"
"ค่ะมาดาม"
หนูดอกเดินออกไป พุชชี่หันมามองเน็กซ์
แพตตี้กำลังซ้อมโชว์เต้นโชว์สำหรับงานประกวดจบลงพอดี ขณะที่ลอร่าช่วยดูแลอยู่ใกล้ๆ
"เริ่ดมากค่ะคุณน้อง..เหนื่อยมั้ย"
ลอร่าเอาทิชชู่มาซับหน้าดูแลแพตตี้สุดฤทธิ์
"ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่หรอกค่ะ สนุกดี งานแบบนี้แพตตี้ชอบ"
"ยังไงวันนี้คุณน้องโชว์ความสามารถให้เต็มที่เลยนะคะ เจ๊เขาอยากให้เด็กใหม่ๆที่ผ่าน เข้ารอบประกวดมาวันนี้ เห็นว่านี่แหละคือตัวอย่างของคลื่นลูกใหม่ ที่ต้องเริ่ดจริงๆไม่ งั้นเจ๊เขาไม่ให้คะแนน"
"ค่ะ..จะไม่ให้เสียชื่อกรรมการคัดเลือกอย่างเจ๊เมี่ยงแน่นอน" แพตตี้บอก
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของลอร่าดังขึ้น ลอร่าดูเบอร์แล้วบอกแพตตี้
"เดี๋ยวพี่มานะคะ คุณน้องไปพักในห้องแต่งตัวก่อนเดี๋ยวพี่ตามไป”
แพตตี้รับคำ ลอร่าเดินออกไปได้ครู่หนึ่ง อุ้มรัก นักปั้นเจ้าของฉายานังเหมียวตาเพชรก็เดินเข้ามา
อุ้มรักปรบมือให้ “เริ่ดค่ะเริ่ด เพอร์เฟคสุดๆ" อุ้มรักปรบมือให้แล้วฉีกยิ้มสุดฤทธิ์
แพตตี้หันมามองด้วยความแปลกใจ
"มองแบบนี้คุ้นหน้าพี่ใช่มั้ยคะ"
แพตตี้ส่ายหน้า "ไม่ค่ะ..ไม่รู้จัก"
อุ้มรักหน้าแตก "แหมคุณน้องขา..นี่พี่อุ้มรักไงคะ..เจ้าของฉายานังเหมียวตาเพชร นักปั้น และผู้กำกับหนังชื่อดัง"
"อ๋อ..จำได้แล้วค่ะ ได้ยินมาว่าพี่มาเสียบทำหน้าที่กรรมการตัดสินวันนี้แทนมาดามพุชชี่"
"ใช่ค่ะคุณน้อง วันนี้พี่ก็เลยโชคดีได้เจอสาวสวยเริ่ดเรอเพอร์เฟคอย่างคุณน้อง"
อุ้มรักพูดไปก็เดินวนรอบตัวแพตตี้เพื่อสำรวจทั้งตัวหัวจรดเท้าแล้วก็ยิ่งชอบใจ
"มร้อยพี่คงไม่ให้ แต่ให้ไปสองร้อยเลย ถ้าคุณน้องสนใจไปเล่นเป็นนางเอกหนังกับพี่ รับรองว่าน้องต้องดังเปรี้ยง เป็นนางเอกร้อยล้านแน่นอนนี่ค่ะ นามบัตรพี่”
แพตตี้ยังไม่รับนามบัตร "เล่นหนัง"
"ใช่ค่ะ..พี่กำลังจะเปิดกล้องหนังเรื่องใหม่ ชื่อเรื่อง ‘ตัวเองเค้ารักเธอจัง’ บทนางเอกเนี่ยเหมาะกับ คุณน้องมากเลยนะคะ"
เจ๊เมี่ยงเดินเข้ามาพร้อมเสียงที่ดังแหวกอากาศ "นังอุ้ม !!!”
อุ้มรักสะดุ้งโหยง "ว๊าย..จิกหัวเรียกได้แบบนี้มีคนเดียวเท่านั้น" อุ้มรักหันไปฉีกยิ้มสุดฤทธิ์ "ขา... อีเจ๊..เอ๊ย !! คุณพี่เจ๊เมี่ยง"
อุ้มรักกระพริบตาแอ๊บแบ๊วสุดฤทธิ์ใส่เจ๊เมี่ยงที่เท้าเอวมองตาเขียวปั๊ด
พุชชี่ดึงติ่งหูเน็กซ์เดินเข้ามา
"มานี่เลย..คิดได้ไง..ห๊ะ !! ถึงได้ไปบอกหนูดอกแบบนั้น"
"ก็คิดอยากช่วยป้าให้จบปัญหานี้น่ะสิ" เน็กซ์ว่า
"ด้วยการบอกทุกคนว่าเธอกับชั้นรักกันเนี่ยนะ..โอ้ย..ชั้นจะบ้าตาย เด็กวัยรุ่นนี่มัน ชอบคิดอะไร หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองจริงๆ"
"แล้วหนึ่งบวกหนึ่งไม่เท่ากับสองเหรอป้า"
"ชั้นประชดย่ะ หมายถึงว่าคิดอะไรง่ายๆ แก้ปัญหาแค่เฉพาะหน้า ไม่คิดเผื่อถึงอนาคต"
"นั่นมันไม่เกี่ยวกับอายุแล้วป้า มันเกี่ยวกับใช้หัวใจหรือเหตุผลแก้ปัญหาต่างหาก"
"โอ๊ยตายแล้ว..ทำมาเป็นใช้คำคมสอนชั้น ไปเอามาจากบทละครล่ะสิ"
เน็กซ์ฉุน "คำก็ว่าเด็ก สองคำก็เด็ก งั้นถ้าไอ้เด็กคนนี้ไม่คิดหาทางช่วย..แล้วใครจะช่วย"
เน็กซ์โมโหใส่เพราะไม่อยากพูดด้วยแล้วจะเดินออกไป พุชชี่รีบตามไปขวาง
"เอาล่ะๆ ไม่ต้องมาทำใส่อารมณ์กับชั้น เอาเป็นว่าขอบใจแล้วกันที่คิดพยายามช่วยชั้นก็แค่จะบอกว่าไอ้วิธีการที่เธอพูดมามันแก้ปัญหาไม่ได้"
"ทำไม"
"ก็เธอเป็นซุปตาร์ ส่วนชั้นเป็นผู้จัดการดารา เข้าใจมั้ยเน็กซ์"
เน็กซ์ส่ายหน้า "ไม่เข้าใจ"
"โธ่เอ้ย..ก็เหมือน..เหมือนเราเข้าไปนั่งในร้านอาหารฝรั่งเศสสั่งสเต็คเนื้อพรีเมี่ยมมา แล้วขอน้ำจิ้มแจ่วด้วยไง”
"ก็ไม่เห็นแปลก ของมันก็กินคู่กันได้ เนื้อย่างจิ้มแจ่วไง"
"ปั๊ดโธ่เอ้ย..งั้น..งั้นเหมือนชั้นเป็นสมภาร เธอเป็นไก่วัด เห็นมั้ยว่าสมภารจะกินไก่ที่เลี้ยง อยู่ในวัดไม่ได้"
"ทำไมจะไม่ได้ ถ้าน้ำท่วมเป็นเดือนไม่มีอะไรกิน เด็กวัดเอาไก่มาย่างถวาย สมภารจะไม่ ฉันเลยเรอะ"
พุชชี่ชะงักและเหวอจนแทบหัวทิ่มแล้วเธอก็ร้องเสียงดัง "อ๊าย..ไอ้เด็กบ้า..เถียงคำไม่ตกฟาก นี่แน๊ะ"
พุชชี่เข้าไปตบกะโหลกเน็กซ์ทันทีจนเน็กซ์หน้าคะมำ
อุ้มรักยิ้มแหะๆแล้วพยายามขยับถอยให้ห่างรัศมีอำมหิตของเจ๊เมี่ยง
"ชั้นน่ะนึกอยู่แล้วเชียวว่าถ้าเขาติดต่อหล่อนให้มาเสียบแทนนังพุชชี่ หล่อนก็ต้องดิ่งมา ฉกเด็กชั้น..อีอุ้ม !”
"หยุดเลยค่ะ อีเจ๊..ถ้าจะจิกเรียกชื่อกันก็ต้องเรียกให้เต็ม อุ้มรักค่ะ ไม่ใช่อุ้มเฉยๆ"
"อี๊ !! แหวะ !! อุ้มรัก ชื่อกับหนังหน้าแกมันถนนสองเลนเลยนะยะ สวนกันตลอด"
"เชอะ..ถึงชื่อกับหน้าตาจะสวนกัน แต่อย่างน้อยอุ้มรักคนนี้ก็ไม่ใช่นักปั้นแมวมอง ธรรมดาบ้านๆเหมือนเจ๊"
"หนอยนังนี่..ไอ้ฉายานังเหมียวตาเพชรของหล่อน ไม่มีใครเขาตั้งให้หรอก หล่อนนั่น แหละตั้งให้ตัวเอง แล้วก็อย่าคิดนะว่าแค่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับแล้วจะทำให้หล่อนดูดี แตกต่างจากชั้น..เชอะ"
"ก็แล้วไม่ดีกว่าเหรอไงที่อุ้มรักใช้สมองทำงานมากกว่าใช้ปากกับ" อุ้มรักมองเป้าของเจ๊เมี่ยง "ทำงานน่ะ"
"แก !!...นังเด็กเมื่อวานซืน"
เจ๊เมี่ยงจะเข้าไปเอาเรื่องแต่พี่ม้ารีบปรี่เข้ามาห้าม
"พอๆๆๆ..พวกหล่อนนี่จะอะไรกันนักกันหนา เจอหน้ากันไม่ได้ มันเป็นวัฒนธรรมแห่ง ชาติเหรอยะ พวกแมวมองเจอหน้ากันถึงจ้องจะกัดจะข่วนกันตลอด"
"แหมพี่ม้าก็..เขาเรียกว่าทักทายกันเบาๆ ตามประสาเพื่อนร่วมอาชีพ" อุ้มรักว่า
"เบามากเลยย่ะ เสียงงี้ดังลั่นโรงละคร เขาอันเชิญพวกหล่อนให้มาใช้ความสามารถ ออดิชั่นเด็ก อย่าลืมสิยะ"
"ค่ะพี่ม้า อุ้มรักจะใช้สายตาของนังเหมียวตาเพชรเสาะหาเพชรเม็ดงามมาประดับวงการ"
เจ๊เมี่ยงยิ้มเยาะ "ขนาดแพตตี้เด็กชั้นหล่อนยังคิดจะมาฉกหน้าด้านๆเลย..แล้วจะมีปัญญาไป ส่องใครได้..หึๆ"
"งั้นก็มาคอยดูกันค่ะอีเจ๊..ชิ"
อุ้มรักสะบัดหน้าเดินออกไป เจ๊เมี่ยงเบ้ปากตามด้วยความหมั่นไส้ พี่ม้าใช้หางตามองแบบปรามๆ เจ๊เมี่ยงเลยหันไปสนใจแพตตี้
"ซ้อมต่อเลยค่ะ แล้วถ้ามีนังฉกคนไหนแหลมหน้ามาหาหนูอีก หนูต้องบอกเจ๊เลยนะคะ"
"ค่ะเจ๊เมี่ยง" แพตตี้รับปาก
ตุลยานั่งแกะส้มใส่จานระหว่างเฝ้าติณณภพ
"มานั่งเฝ้าพี่ทั้งวันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวาน ไม่เบื่อเหรอตุล"
"ไม่เห็นต้องเบื่อเลยนี่คะ ดูแลพี่ชายเป็นหน้าที่ของน้องสาวอยู่แล้ว"
"แต่ไข้พี่เริ่มลงแล้ว หมดน้ำเกลือขวดนี้พี่ก็จะขอหมอกลับบ้านแล้วล่ะ"
"อย่าคิดเองเออเองสิคะพี่ติณ ไหนๆก็มีหมอคอยดูแลแล้ว ให้หายดีจริงๆแล้วค่อยกลับ"
"แต่พี่มีเรื่องอื่นที่ต้องทำ"
ตุลยาขัด "ถ้าพี่ยังกังวลเรื่องพี่พัฒอยู่..ตุลบอกแล้วไงคะ ตุลขอให้อินทัชหาทางช่วยอยู่ ถึงอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”
ติณณภพพยักหน้ารับ ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของตุลยาก็ดังขึ้น
"อินทัชโทรมารึเปล่า ถ้ามีข่าวอะไรคืบหน้าบอกพี่ด้วยนะ"
ตุลยามองหน้าจอที่เป็นชื่อเรียกเข้าของอินทัช "ไม่ใช่เขาหรอกค่ะพี่ติณ เรื่องงานของตุลน่ะค่ะ ตุลขอตัวไปคุยข้างนอกนะคะ"
ตุลยาหยิบโทรศัพท์เดินออกไปนอกห้อง ติณณภพมองตามน้องสาวแล้วรู้สึกเบื่อๆเลยหยิบรีโมทมาเปิดทีวีดู
ตุลยาเดินคุยโทรศัพท์มาตามทางเดินในโรงพยาบาล
"มีข่าวอะไรเด็ดๆอีกรีบบอกชั้นมาเลย..อะไรนะ..ถ้ายังไม่มีข่าวอะไร แล้วโทรมาทำไม... จะชวนชั้นกินข้าวเย็น" ตุลยาเซ็ง "อินทัช..ถ้าว่างมากอยากฟังชั้นบ่นใส่จนหูตูบล่ะก็..ได้ เลย ชั้นยิ่งนั่งเบื่อมาทั้งวันอยู่ด้วย..เอาหูแนบโทรศัพท์ไว้นะ ยาวแน่"
ตุลยามองโทรศัพท์ในมือแล้วจิกหน้าร้ายบริสุทธิ์
อ่านต่อหน้า 2
มาดามดัน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ติณณภพกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จนมาเจอช่องข่าวบันเทิงช่องหนึ่งในช่องเคเบิ้ลเป็นรายการข่าว ของสองนักข่าวสาว “ล้วงลับจับเรต ฉ.ฉิ่ง”
เฉิดโฉมสะอื้น"ฮือๆๆ ข่าวมาดามโสมมจมโลกีย์เนี่ย มันทิ่มแทงใจไฉไลจนอยากจะเอาปี๊บมา รองน้ำตาแล้วค่ะคุณผู้ชม"
"หล่อนอย่ามาดราม่า ชั้นเตือนแล้วไง เด็กหนุ่มๆมันก็งี้แหละ ขอให้เป็นไก่เถอะจะแก่จะ สาวถ้ามันมาเสิร์ฟถึงที่มีเหรอจะไม่อยากเคี้ยว" ไฉไลว่า
"หยุดเลยนะหล่อน..หยุดว่าพระเอกน.ของชั้น งานนี้จะโทษผู้ชายไม่ได้ ต้องโทษสาวแก่ แม่ปลาช่อนที่ทำตัวผิดจรรยาบรรณ เปิดบ้านเป็นฮาเร็มกินเด็กปั้นตัวเอง"
"เอาล่ะๆ เมาท์กันเองเดี๋ยวจะหาว่าเราใส่ความข้างเดียว เดี๋ยวเราไปฟังคำสัมภาษณ์ของ กูรูในวงการฉายาตัวแม่ของนักปั้นกันดีกว่า"
ภาพที่หน้าจอตัดไปเป็นเทปสัมภาษณ์ที่สองนักข่าวไปสัมภาษณ์เจ๊เมี่ยง
"อ่ะเคร..ก็ได้ค่ะเจ๊ งั้นพวกหนูคิดอย่างนี้ได้มั้ยคะว่าข่าวเรื่องมาดามพุชชี่กินตับเด็กตัวเองเป็นข่าวโจมตี หวังดิสเครดิตทั้งเน็กซ์และมาดามที่กำลังดังแซงหน้าเด็กเจ๊"
เจ๊เมี่ยงจิกหน้าเอาเรื่องทันที "ว๊าย !! คุณน้องยิงคำถามเจ๊แบบนี้ จะเหมาว่าเจ๊อยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้เหรอไงคะ งานนี้เจ๊ไม่เกี่ยวเลยนะคะ ข่าวก็บอกไม่ใช่เหรอว่าแหล่งข่าวจากใน บ้านเป็นคนปูดเอง"
"ที่หนูถามก็อยากให้เจ๊เคลียร์ๆไงคะ...งั้นในฐานะที่เจ๊เคยรู้จักมาดามพุชชี่ดี ช่วยบอก หน่อยได้มั้ยคะว่ามาดามพุชชี่มีพฤติกรรมชอบจกกินเด็กในสังกัดรึเปล่า"
"อุ๊ยตายแล้ว..เจ๊กับมาดามก็ทำอาชีพเดียวกัน อย่าให้พูดอะไรที่เป็นการวิจารณ์เพื่อน ร่วมอาชีพเลย เอาเป็นว่ามาดามพุชชี่มีนิสัยรักเด็ก ก็เลยชอบดูเอ็น เอ้ย !! เอ็นดูน้องๆ ในสังกัดเฉยๆ"
รายการในทีวียังไม่ทันจะจบติณณภพก็หยิบรีโมทขึ้นมากดปิดก่อนจะนิ่วหน้าจนคิ้วขมวดครุ่นคิดหนักใจ
เน็กซ์เอามือกุมหัวตัวเองด้วยความเจ็บและร้องซี้ดอยู่กับอาร์ท
"อู้ยยย..นี่ป้าเขากะตบเอาโล่ห์เลยนะเนี่ยพี่อาร์ท ดูสิขี้หูเกือบจะทะลุออกปากเลย"
อาร์ทยิ้มชอบใจ "อย่างนี้เขาเรียกลองของ..ฮ่าๆๆ เดี๋ยวก็หายมึนน้อง"
"แต่ผมไม่ชอบเลยนะพี่เวลาที่ป้าเขาชอบว่าผมเป็นเด็ก เอะอะอะไรก็เด็กคิดไม่เป็น เด็กอย่างโน้น เด็กอย่างนี้"
"ไม่หรอกเน็กซ์ พี่ว่าพุชชี่คงไม่อยากให้เน็กซ์โดนโจมตีว่าคบสาวแก่เป็นแฟน"
"ผมไม่เห็นจะแคร์เลย ถึงจะเด็กแต่ก็มีหัวใจ รักใครชอบใคร อายุไม่เกี่ยว"
"เฮ้ย..นี่น้องพูดจริงหรือแค่บ่นหัวเสีย ท่าทางเอาจริงเอาจังนะเนี่ย"
เน็กซ์ชะงักไปได้ครู่หนึ่ง หนูดอกก็เข้ามาขัดจังหวะ
"อาร์ท..มีเรื่องปรึกษาหน่อย"
"ว่าไงเหรอ"
"ขอคุยกันสองคนดีกว่า..เรื่องเกี่ยวกับมาดาม"
อาร์ทมองหนูดอกที่ดูท่าทางมีลับลมคมนัยแล้วพยักหน้ารับก่อนจะพากันเดินออกไปด้วยกัน เน็กซ์มองส่งด้วยความสงสัย
บนเวทีการคัดเลือกวัยรุ่นหนุ่มสาว New Wave New Gen ผู้เข้ารอบ 5 คู่สุดท้ายเดินขึ้นมาบนเวทีแบบเรียงแถวกัน เต้กับพราวยืนโดดเด่นคู่กัน กองเชียร์ของแต่ละครู่ยกป้ายไฟเชียร์เสียงดัง
"เอาล่ะๆๆๆ ขอเสียงกองเชียร์เงียบนึดนึงนะคะ ไม่งั้นจะเม้นต์อะไรไปแล้วน้องเขาจะฟัง ไม่รู้เรื่อง ก่อนอื่นพี่ก็ขอยินดีกับน้องๆที่เข้ารอบสุดท้ายทุกคน น้องๆมีโอกาสจะได้เป็น New Wave New Gen คลื่นลูกใหม่ของวงการบันเทิง ขอเพียงแต่มีความฝัน และความ ตั้งใจจริง วงการนี้ก็ยินดีต้อนรับ" พี่ม้าบอก
กองเชียร์ปรบมือเสียงดัง
"สำหรับเจ๊เมี่ยง..ขอบอกว่าเจ๊ดีใจมากที่ได้มาเป็นกรรมการเวทีนี้ ถึงเจ๊จะมีเด็กๆในสังกัด เยอะแยะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ๊จะหยุดปั้นดาวดวงใหม่มาประดับวงการ ขออย่าง เดียวแค่หนูต้องเริ่ดให้ถึงที่สุด เพราะว่า…"
เจ๊เมี่ยงหยุดทิ้งจังหวะนิดนึงแล้วลุกขึ้นหันไปทางกองเชียร์ให้ทุกคนช่วยพูดวรรคทองประจำตัวแทน
กองเชียร์พูดพร้อมกันดังลั่น "ถ้าไม่เริ่ดก็เชิดใส่ !”
"อ๊ะเริ่ดมากค่ะทุกคน...เมี่ยงรักทุกคนค่ะ"
อุ้มรักเบ้ปากหมั่นไส้ พี่ม้าอดแซวไม่ได้
"แหมๆๆ..เยอะนะหล่อน จะดังแข่งกับดาราในสังกัดเหรอยะ"
"นิดส์นึงค่ะพี่ม้า จะได้เห็นชัดๆไงคะว่าตัวแม่กับไก่กามันต่างกันยังไง"
เจ๊เมี่ยงพูดไปก็ปรายหางตามองไปที่อุ้มรักที่คิดจะพูดผ่านไมโครโฟนเหมือนกันแต่ถูกเจ๊เมี่ยงตัดหน้า
"เอาล่ะค่ะ..เดี๋ยวเรามาเริ่มการออดิชั่นหาผู้ชนะกันเลยดีกว่า เชิญคู่แรกค่ะ"
อุ้มรักหน้าแตกจนหัวแทบคะมำที่เจอเจ๊เมี่ยงตัดหน้าดื้อๆ เธอจึงจ้องหน้าแล้วกัดฟันกรอดๆ
พุชชี่รีบเดินออกมาอย่างรีบร้อน หนูดอกเดินตามหลังออกมา
"มาดามจะออกไปตอนนี้เลยเหรอคะ..ข้างนอกนั่นนักข่าวรอจิกมาดามกันให้พรึ่บเลยนะคะ"
"ชั้นไม่สน..ชั้นต้องไปตอนนี้ ฝากเธอดูแลทางนี้ด้วย"
"เรื่องเน็กซ์ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูจะกำชับไม่ให้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว"
"ขอบใจ"
พุชชี่จับบ่าหนูดอกแล้วรีบเดินไปที่รถก่อนจะขับออกไปทันที เน็กซ์เดินเข้ามามองตามพุชชี่ที่รีบร้อนออกไปด้วยความสงสัยโดยมีอาร์ทเดินตามหลังมาด้วย
"นั่นป้าเขารีบร้อนไปไหนครับพี่อาร์ท"
"ไปเคลียร์ปัญหาที่คาราคาซังอยู่นี่ไง" อาร์ทว่า
"ยังไงเหรอพี่ มีทางออกแล้วเหรอ"
อาร์ทอมยิ้ม "พี่ไม่รู้หรอก..รอดูเอาแล้วกันไอ้น้อง วันนี้แยกย้ายกันไปทำงานดีกว่า"
อาร์ทยิ้มให้เน็กซ์แล้วเดินเข้าบ้านไป เน็กซ์เริ่มสงสัยว่าพุชชี่กำลังจะทำอะไร
หมอมาดูอาการติณณภพ
"ตอนนี้เหลือแค่ไข้ต่ำๆ ผลตรวจอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ถ้าอยากกลับไปพักต่อที่บ้านหมอก็อนุญาตครับ"
"แต่ตุลว่าอยู่ต่อให้หายเลยดีกว่านะคะพี่ติณ กลับบ้านไปเดี๋ยวพี่ติณก็หาเรื่องทำโน่นนี่ จนไม่ได้พักผ่อนอีก"
"ไม่ดีกว่าตุล..พี่ไม่อยากให้ตุลมานอนลำบากเฝ้าพี่อยู่ที่นี่ พี่อยากกลับบ้านแล้ว" ติณณภพหันไปที่หมอ "ขอบคุณนะครับหมอ"
"งั้นเดี๋ยวหมอให้พยาบาลจัดการทำเรื่องให้นะครับ"
หมอบอกติณณภพแล้วเดินออกไป ติณณภพหันไปที่น้องสาวที่หน้างอๆ
"เป็นอะไรห๊ะเรา..ทำไมถึงอยากให้พี่อยู่โรงพยาบาลนานๆจัง"
"ก็อยู่ที่นี่มันใกล้หมอนี่"
"ไม่เอาแล้วพี่ขี้เกียจเถียงกับเด็กดื้อ เสื้อผ้าที่จะให้พี่เปลี่ยนกลับอยู่ไหน"
"อยู่ในรถค่ะ ตุลไม่ได้เอาขึ้นมา"
ติณณภพมองน้องสาวที่ยังดูงอนๆ
"ต้องให้พี่ไปเอาเองรึเปล่าจ๊ะ"
"ก็ได้ค่ะ..เดี๋ยวตุลไปเอาให้" ตุลยาบอก
ตุลยาเดินออกไป ติณณภพหันมานิ่งคิดอะไรบางอย่าง
ตุลยาเดินถือกระเป๋าเป้มาตามทางเดินโดยกำลังจะกลับเข้าตึก ระหว่างนั้นอินทัชก็รีบวิ่งเข้ามาหา
"ตุล..ตุล"
"นี่นายมาทำอะไรที่นี่อีกเนี่ย..เมื่อวานโดนชั้นเทศนาไปไม่เข็ดใช่มั้ย"
"ใจเย็นก่อนสิ..ฟังเราก่อน" อินทัชเหนื่อยหอบ
"มีอะไรก็รีบพูดมา ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์วิ่งมาแค่นี้ทำเหนื่อย"
"เรา..เรามีข่าวเกี่ยวกับมาดามพุชชี่จะมาบอกเธอ"
"ข่าวอะไร"
"เราได้ยินมาจากพวกพี่ๆนักข่าวว่าวันนี้มาดามพุชชี่จะแถลงแก้ข่าวที่โดนโจมตี"
"ที่ไหน"
"ที่นี่"
ตุลยาตกใจ "หา !!”
พุชชี่รีบเปิดประตูห้องพักฟื้นเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
"พี่ติณคะ..พี่ติณ !!”
พุชชี่ไปที่เตียงคนไข้เห็นเตียงว่างเปล่าก็ตกใจและใจเสีย
"พี่ติณ.....”
"พี่อยู่นี่จ้ะน้องพัฒ"
พุชชี่หันขวับไปเห็นติณณภพที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพสมบูรณ์แข้งขาไม่หักก็ตกใจ "พี่ติณ”
พุชชี่ตกใจเมื่อหนูดอกเข้ามาบอก
"ว่าไงนะ..พี่ติณประสบอุบัติเหตุเหรอ"
"ค่ะมาดาม..ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล อาการไม่ค่อยดีเลย"
"ชั้นว่าเธอควรจะรีบไปนะพุชชี่"
"พี่ติณ....”
พุชชี่หน้าเสียเพราะตกใจ ในขณะที่หนูดอกกับอาร์ทเหลือบมองตาอย่างรู้กัน
พุชชี่มองติณณภพด้วยสีหน้าแปลกใจ
"นี่มันอะไรกันคะพี่ติณ..ทำไมพี่ติณไม่เป็นอะไรเลย ก็หนูดอกบอกว่า...”
"พี่เป็นคนโทรบอกให้หนูดอกบอกกับน้องแบบนั้นเอง พี่ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุ แค่เป็น หวัดใหญ่ธรรมดา มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"
"ทำไมคะ..ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้"
"เพราะพี่อยากให้น้องมาหาพี่ที่นี่"
พุชชี่งง "น้องไม่เข้าใจ"
"ใจเย็นๆ พี่ขอโทษแต่พี่มีเหตุผลจริงจังที่ต้องช่วยแก้ปัญหาให้น้อง"
ติณณภพพูดไปก็เข้าไปจับบ่าพัฒศรีแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้พร้อมกับมองตาอย่างจริงจังเลยยิ่งทำให้พัฒศรีสงสัยและพอจะฉุกคิดขึ้นมาจากคำพูด
"พี่ติณ..พี่อย่าบอกนะว่า"
ทันใดนั้นกลุ่มนักข่าวที่นำโดยไฉไลและเฉิดโฉมก็กรูกันเปิดประตูเข้ามา
"อุ๊ยตายตาย..ขอโทษด้วยนะคะที่มาขัดจังหวะ" เฉิดโฉมว่า
"คนนี้น่ะเหรอคะมาดามที่บอกว่าเป็นคนรักตัวจริง..แหมๆๆ หล่อเว่อร์ซะไม่มีเลยนะคะ" ไฉไลบอก
"ครับ..ผมติณณภพ ผมเป็นคนรักตัวจริงของ" ติณณภพหันไปมองที่พัฒศรี "มาดามพุชชี่"
พัฒศรีตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว นักข่าวรัวชัตเตอร์ใส่จนแสงไฟแฟลชวูบวาบ ตุลยากับอินทัชตามเข้ามาแต่ไม่ทันจึงได้แต่ยืนอยู่หลังพวกนักข่าวที่กำลังถ่ายรูปติณณภพกำลังโอบไหล่พัฒศรี
อินทัชจูงมือพาตุลยาออกมาจากห้องที่มีแต่นักข่าว ตุลยาโวยวายใส่
“ปล่อยชั้นนะ !! ชั้นจะกลับเข้าไป ชั้นไม่ยอมให้พี่ติณทำแบบนี้หรอก”
“แต่เราว่าเธอไม่ควรจะเข้าไปขวางพี่ติณ” อินทัชบอก
“ชั้นเป็นน้องสาว เราเหลือกันแค่สองคนพี่น้องแล้ว ถ้าชั้นห้ามพี่ติณต้องฟัง ปล่อยชั้นนะ”
ตุลยาพยายามแกะมืออินทัชแล้วจะกลับเข้าไป แต่อินทัชไม่ยอมปล่อยพร้อมกับยืนยัน
“งั้นถ้าเธออยากเห็นพี่ติณกลายเป็นคนที่เสียชื่อเสียง ถูกนักข่าวโจมตีหาว่าแต่งเรื่อง โกหก ปั้นน้ำเป็นตัวเพราะอยากดัง เธอก็เข้าไปเลย” อินทัชปล่อยมือ
ตุลยาชะงัก “พี่ติณไม่ใช่คนในวงการนี้ เขาจะมาโจมตีพี่ติณทำไม”
“ก่อนหน้านี้อาจจะไม่ใช่..แต่ตอนนี้พี่ติณกลายเป็นส่วนหนึ่งของข่าวที่มีคนอยากรู้อยากเห็นไปแล้วนะตุล” ตุลยานิ่งไปและมีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ติณณภพนั่งอยู่ที่โซฟากับพัฒศรีที่ยังไม่หายตกใจต่อหน้าพวกนักข่าวที่ยังถ่ายรูปไม่หยุด
“แหม..มีแฟนหนุ่มหล่อโฮกฮือซะขนาดนี้ แล้วทำไมมาดามถึงต้องซุกเอาไว้เป็นความลับ ไม่ยอมเอามาโชว์แก้ข่าวเรื่องเน็กซ์ซะตั้งแต่แรกล่ะค้า” ไฉไลถาม
“เอ่อ..คือ”
พัฒศรีจะพูดแต่ติณณภพกลับกุมมือเธอมาบีบเบาๆแล้วยิ้มให้เพื่อบอกว่าจะพูดเอง
“เรื่องนี้ขอผมเป็นคนตอบเองดีกว่านะครับ ข่าวที่เกิดขึ้นผมเข้าใจว่าเป็นการโจมตีพุชชี่ เพราะต้องการสกัดดาวรุ่งอย่างเน็กซ์ พุชชี่เองก็อยากแก้ข่าวแต่ติดที่ต้องดูแลผมที่ป่วยอยู่ที่นี่เลยยังไม่มีโอกาส”
“พี่ติณ….”
ติณณภพหันมายิ้มให้พัฒศรีแล้วโชว์หวานให้ทุกคนเห็นด้วยการโอบศีรษะเธอมาแนบอก
“พี่ขอบใจพุชชี่นะที่ห่วงพี่มากกว่าห่วงชื่อเสียงตัวเอง ต่อไปนี้ทุกคนจะได้รู้กันสักทีว่า พุชชี่ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา” ติณณภพดึงพัฒศรีมาโอบไว้
พัฒศรีอยู่ในอ้อมกอดของติณณภพต่อหน้าทุกคนทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสวีทสุดฤทธิ์
“อ๊าย.. สวีทหวานวี้ดวิ้วจังเลยนะคะมาดาม อย่าเพิ่งปล่อยนะคะกอดกันนานๆ ให้เราถ่ายรูปอีกหน่อย”
พวกนักข่าวถ่ายรูปติณณภพกอดพัฒศรีท่ามกลางสีหน้าที่ยังคลางแคลงใจของพัฒศรีที่ได้แต่มองติณณภพ
ที่หน้าเวทีคู่หนุ่มสาวเข้ารอบคู่หนึ่งซึ่งเพิ่งโชว์ความสามารถเสร็จและกำลังยืนรอฟังคอมเม้นต์อย่างตื่นเต้น
“พยายามต่อไปนะคะน้อง” อุ้มรักพูด
คนดูปรบมือ น้องที่เข้าประกวดยกมือไหว้ขอบคุณ ต่อไปเป็นคิวของพี่ม้าที่จะคอมเม้นท์ต่อ
“น้องขา..พี่ถามจริงๆเลยนะคะ เมื่อกี้นี้น้องโชว์ความสามารถทางการแสดงหรือว่าเล่นละครลิงให้พวกพี่ดูกันคะ”
ทั้งคู่ถึงกับหน้าเสีย
“แหมพี่ม้าก็.. พูดแบบนี้น้องๆเขาก็เสียกำลังใจแย่สิคะ” อุ้มรักบอก
“หยุดเลยอุ้มรัก.. คิวหล่อนเม้นต์ไปแล้ว อย่าแทรก”
อุ้มรักชะงักเหวอแล้วรีบหุบปาก เจ๊เมี่ยงแอบขำชอบใจเลยโดนอุ้มรักค้อนขวับ
“พี่ต้องพูดตรงๆ เพราะพี่อยากเห็นวงการพัฒนาสามารถแข่งขันกับทั่วโลกได้ ไอ้เรื่องความสามารถน่ะถึงวันนี้จะมีน้อยแต่ก็ยังพัฒนากันได้ แต่ความตั้งใจ มันต้องมีมาเยอะๆก่อน เพราะเมื่อเข้าวงการแล้วมันจะน้อยลงไม่ได้เด็ดขาด !”
เจ๊เมี่ยงรีบลุกขึ้นปรบมือให้กับคำพูดของพี่ม้า “เริ่ดค่ะเริ่ด..เริ่ดที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาแล้วค่ะ พี่ม้า..ใช่มั้ยคะทุกคน” คนดูปรบมือตาม
เจ๊เมี่ยงช่วยเรียกเสียงปรบมือจนดังลั่นโรงละครชนิดเอาใจพี่ม้าสุดฤทธิ์จนอุ้มรักเบ้ปากหมั่นไส้
“เอาล่ะ...พี่ก็แค่อยากจะฝากเอาไว้ ทุกวันนี้อาจจะมีเวทีช่วยแจ้งเกิดให้เกลื่อน แต่ก็อย่าคิดว่ามาเป็นดาราแล้วจะง่าย เพราะตัวจริงก็คือตัวจริง...เชิญ !!” พี่ม้าว่า
หนุ่มสาวที่โดนพี่ม้าจัดไปชุดใหญ่ถึงกับน้ำตาคลอเสียใจรีบเดินเข้าไปหลังเวที
“เอาล่ะค่ะ... คู่สุดท้ายเชิญเลยค่ะ” เจ๊เมี่ยงบอก
เต้กับพราวเดินออกมาที่หน้าเวทีหน้าตาสดใสน่ารักหล่อสวยด้วยกันทั้งคู่
“สวัสดีครับ..ผมเต้ครับ”
“สวัสดีค่ะ..หนูพราวค่ะ”
ท่าทางของทั้งคู่ทำเอาเจ๊เมี่ยงถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสนใจไม่น้อยไปกว่าอุ้มรักที่อดจุ๊ปากไม่ได้
“ว๊าวๆๆๆ แค่แนะนำตัวทั้งออร่าทั้งโหงวเฮ้งก็ส่องแสงยิบยับทิ่มตาแล้ว” อุ้มรักตื่นเต้น
อุ้มรักยิ้มกริ่มแล้วหันมาที่เจ๊เมี่ยง อุ้มรักชูสองนิ้วชี้ไปที่เต้กับพราวบนเวทีก่อนจะชี้มาที่ตัวเองพร้อมพูดแบบไม่ออกเสียงใส่เจ๊เมี่ยงอย่างเย้ยหยัน
“สองคนนี้น่ะ..ของชั้น !!”
เจ๊เมี่ยงเบ้ปากหมั่นไส้ พี่ม้าเริ่มทำการคัดเลือกต่อ
“เอ้าเชิญจ้ะ.. มีของอะไรก็งัดออกมาโชว์เลย”
ลอร่าช่วยซับหน้าให้แพตตี้อยู่ในห้องแต่งตัว
“รู้มั้ยคะ ที่น้องแพตตี้โชว์ไปบนเวทีเรียกเสียงฮือฮากันเกรียวเลย พี่ม้ายังฝากชมมาด้วย”
“เหรอคะ” แพตตี้เสียงแข็งเพราะเซ็ง
แพตตี้ตอบอย่างไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ หน้าของเธอเฉยชามากจนลอร่ารู้สึก
“เป็นอะไรไปคะน้องแพตตี้ หน้าหนูดูเหวี่ยงๆนะคะ”
“ถามจริงๆเถอะค่ะพี่ลอร่า เด็กในสังกัดของเจ๊ก็มีตั้งเยอะแยะแล้ว แล้วทำไมวันนี้เจ๊จะต้องมาช้อบปิ้งคนเพิ่มด้วย”
“แหม..ที่ถามแบบนี้เพราะกลัวว่าตัวเองจะตกกระป๋องเหรอคะ”
“พี่ลอร่า !!”
“ก็หนูถามตรงๆพี่ก็พูดตรงๆไงคะ” ลอร่าปลอบใจ “ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ยังไงหนูแพตตี้ก็คือเบอร์หนึ่งของเจ๊เมี่ยง”
“แน่นะคะ”
“แน่สิคะเอาหัวพี่เป็นประกันได้เลย ส่วนการที่ต้องมีเด็กในสังกัดเยอะๆแล้วแทรกซึมไปทั้งวงการเนี่ย มันคือการประกาศศักดาว่าชื่อของเจ๊เมี่ยงจะต้องเป็นเบอร์หนึ่งเท่านั้น”
“อ๋อ..เหมือนสุนัขที่ชอบฉี่ตามเสาไฟฟ้า ตามล้อรถเพื่อประกาศเขตอิทธิพลใช่มั้ยคะ” แพตตี้ว่า
“ใช่ค่ะ...ถูกต้องค่ะ อะไรเทือกๆนั้นแหละ” ลอร่าบอก
ระหว่างนั้นทีมงานก็เดินถือโทรศัพท์มือถือเดินคุยกันพร้อมกับดูภาพจาก IG ไปด้วย
“ดูนี่สิเธอ หล่ออย่างกับพระเอกเลย”
“แหมซุกแฟนหล่อๆเอาไว้แบบนี้ มาดามพุชชี่นี่ไม่ใช่ธรรมดาเลยนะ”
แพตตี้กับลอร่าได้ยินพูดถึงพุชชี่ก็แปลกใจ ลอร่ารีบเดินเข้าไปถาม
“มีข่าวเมาท์อะไรเกี่ยวกับมาดามพุชชี่เหรอคะคุณน้อง”
“ดูนี่สิคะ” ทีมงานเอาภาพใน IG ให้ลอร่าดู
ภาพใน IG เป็นภาพติณณภพโอบกอดพัฒศรีที่โถงพยาบาล ลอร่าอึ้ง
อ่านต่อหน้า 3
มาดามดัน ตอนที่ 7 (ต่อ)
หนูดอกขับรถตัวเองมาส่งเน็กซ์ที่กองถ่าย ระหว่างลงจากรถเดินเข้ากองทั้งสองก็คุยกัน
“จำไว้นะคะน้องเน็กซ์ ถ้าเจอนักข่าวถามอะไร..”
เน็กซ์สวน “ผมรู้ครับว่าต้องตอบยังไง”
“ดีค่ะ”
หนูดอกบอกไปแล้วจะพาเน็กซ์เข้ากองถ่าย แต่ระหว่างนั้นโทรศัพท์เข้ามาพอดีเลยหยุดรับสาย
“ว่าไงอาร์ท” หนูดอกฟังแล้วก็ดีใจ “เหรอ...แหม..เป็นอย่างที่คิดไว้เป๊ะเลย รอดตัวไปซะที”
หนูดอกกดตัดสายแล้วหันมายิ้มโล่งอก เน็กซ์มองด้วยความสงสัย
“รอดตัวอะไรเหรอครับพี่หนูดอก” เน็กซ์ถาม
“ก็มาดามของเราไงคะ.. รอดตัวจากปากเหยี่ยวปากกาจนได้ เพราะในที่สุดพระเอกก็ขี่ม้าขาวมาช่วย ตอนนี้พวกนักข่าวส่งรูปขึ้นไอจีกันให้ว่อนแล้ว”
“พระเอกขี่ม้าขาว ?”
“ก็กัปตันติณณภพสุดหล่อของมาดามไงคะ”
เน็กซ์สีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
ตุลยาพาติณณภพมานั่งที่โซฟาหลังจากกลับมาจากโรงพยาบาล พัฒศรีเดินถือถุงยาของโรงพยาบาลที่ไปนอนป่วยมาด้วยตามเข้ามา
“พี่ติณหิวรึยัง เดี๋ยวตุลจะไปดูให้ว่ามีอะไรทำให้พี่ทานบ้าง”
“พี่ยังไม่หิวหรอกตุล”
“แต่ควรจะทานตามเวลานะคะพี่ติณ จะได้ทานยาตามที่หมอสั่ง”
ติณณภพหันมาเห็นด้วยกับพัฒศรี “งั้นพี่ทานอะไรก็ได้ ไม่ต้องยุ่งยากหรอกตุล”
“ให้น้องไปทำให้แล้วกันนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกน้องพัฒ..พี่ว่าน้องคงอยากคุยกับพี่มากกว่า”
พัฒศรีนิ่งมองหน้าติณณภพเพราะจริงอย่างที่เขาว่า ส่วนตุลยารู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“งั้นเดี๋ยวสั่งให้แม่บ้านไปต้มข้าวต้มแล้วกัน” ตุลยาหันไปเรียกชื่อ “...อยู่ไหน มานี่หน่อยสิ”
ติณณภพจับมือน้องมาบีบเบาๆ “ตุล..พี่ขออยู่ตามลำพังกับพี่พัฒเขาหน่อยนะ”
ตุลยาชะงักไปครู่ “ก็ได้ค่ะพี่ติณ”
ตุลยาตอบไปอย่างเก็บอารมณ์ก่อนจะลุกไปยิ้มกลบเกลื่อนให้พัฒศรี
“ฝากพี่ติณด้วยนะคะพี่พัฒ”
พัฒศรีพยักหน้ารับแล้วมองไปที่ติณณภพอย่างอึดอัดใจ เมื่อหันหลังเดินลงบันไดตุลยาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่พอใจทันที
พัฒศรีพูดขึ้น “พี่ไม่ควรจะทำแบบนี้เลย.. ทำไมคะ ทำไมต้องช่วยน้องด้วย”
“เพราะพี่ไม่อยากเห็นน้องถูกโจมตี ถูกใส่ร้ายป้ายสีจนทำให้น้องต้องเสื่อมเสียอีก” ติณณภพบอก
“แต่นี่มันคืออาชีพของน้องนะคะ น้องเจอแบบนี้มาตลอด แล้วน้องก็แก้ปัญหาได้มา ตลอดเหมือนกัน”
“พี่รู้ แต่ครั้งนี้พี่อยากช่วยน้องจริงๆและจะเป็นการช่วยที่ทำให้ไม่มีใครกล้าโจมตีน้องอีก”
“ไม่ได้ค่ะ น้องจะไม่ยอมให้พี่มาเปลืองตัวกับเรื่องแบบนี้ น้องจะแก้ไขมันเอง”
พัฒศรีรีบเดินออกไปแต่เจอติณณภพเข้าไปจับแขนเธอรั้งไว้
“น้องจะแก้ไขอะไร จะไปบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ให้ทุกคนคิดว่าพี่เป็นพวกอยากดังงั้นเหรอ”
พัฒศรีชะงัก “พี่ติณ !”
ภายในกองถ่าย MV กำลังถ่ายฉากพระเอกของเส้นเรื่อง เน็กซ์วิ่งเข้ามาตามหานางเอกจนเจอแล้วปรี่เข้าไปกอดด้วยความรักหลังจากพลัดพรากจากกันมานานแล้วพระเอกก็ถอนตัวจากกอดมามองหน้านางเอก แต่ถูกผกก.สั่งคัท !!
“คัท !!”
หนูดอกที่ดูการถ่ายทำอยู่ใกล้ๆถึงกับสะดุ้ง ส่วนผู้กำกับหัวเสียจึงเดินเข้าฉากไปหาเน็กซ์
“น้องครับ..นี่เทคที่ 8 แล้วนะครับ”
“ครับพี่”
“ครับพี่? โธ่น้อง ไม่เอาน่า ก็ไหนน้องบอกว่าเทคนี้ พี่จะได้เห็นความรักอยู่ในดวงตาน้อง”
“ผมก็ทำแล้ว พี่ยังไม่เห็นอีกเหรอครับ” เน็กซ์มีน้ำเสียงหงุดหงิด
ผู้กำกับอึ้ง “อ้าวน้อง..พี่เป็นผู้กำกับนะครับ ถ้าเห็นพี่ก็ต้องบอกว่าเห็น พี่จะได้ถ่าย MV นี่ให้เสร็จซะที.. ช่วยพี่หน่อยเถอะนะครับ.. ช่วยเอาอินเนอร์ความรักในตัวแสดงออกมาให้พี่ รู้สึกว่าน้องกำลังหลงรักผู้หญิงคนนี้อยู่.. ไม่ใช่จ้องจะกินหัวเขาแบบนี้..ช่วยพี่ได้มั้ยครับ”
เน็กซ์นิ่งและหน้าเครียดเพราะอารมณ์ไม่ค่อยดีจนหนูดอกต้องรีบเข้ามาเคลียร์
“เอ่อ..พี่ริคคะ.. ขอเวลาให้น้องไปพักบิ้วด์อารมณ์แป๊บนึงแล้วกันนะคะ รับรองค่ะว่ากลับมาแล้วเทคเดียวผ่านแน่”
ผู้กำกับทำหน้าเซ็งๆ “ก็ดี..พร้อมแล้วบอกด้วยนะครับ”
ผู้กำกับเดินส่ายหน้าเซ็งๆออกไป หนูดอกหันมามองเน็กซ์ด้วยสีหน้าแปลกใจ เน็กซ์เดินหงุดหงิดออกไป หนูดอกเดินตาม
เน็กซ์เดินหงุดหงิดเข้ามานั่งพัก หนูดอกเดินตามเน็กซ์ที่ออกมานั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้นคะน้องเน็กซ์ วันนี้เป็นอะไรไปคะ ปกติน้องไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนี่คะ”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับพี่”
“จะไม่เป็นได้ไงคะ เวลาที่น้องเน็กซ์ตั้งใจทำงานเทคสองเทคผ่านตลอด ไปทำงานกองไหน ทีมไหนเขาก็ชมน้องกันทั้งนั้น”
“วันนี้ผมคงเหนื่อยมั้งครับ”
“เหนื่อย ?...อะไรกันคะ นี่เป็นงานแรกของวันนี้นะคะ ยังไม่ได้ไปทำอะไรเลย ถ้ามีอะไร รบกวนใจน้องอยู่ก็บอกพี่สิคะ พี่จะได้แก้ปัญหาให้”
เน็กซ์นิ่งมองหน้าหนูดอกอยู่ครู่หนึ่ง “ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกพี่ ขอเวลาผมพักแป๊บเดียว เดี๋ยวผมจะกลับไปทำให้ได้”
เน็กซ์บอกหนูดอกแล้วหันไปนั่งเงียบๆคนเดียว หนูดอกได้แต่มองแล้วทำสีหน้างงๆ เพราะไม่เข้าใจ
หนูดอกบ่น “หรือว่าเราจะแก่แล้วถึงได้ตามอารมณ์วัยรุ่นไม่ทัน”
ติณณภพจับมือพัฒศรีขึ้นมากุมไว้แล้วพูดด้วยแววตาและน้ำเสียงอ่อนโยนและจริงใจ
“เชื่อพี่เถอะนะ.. พี่ตัดสินใจดีแล้ว พี่ถึงทำไปแบบนั้น”
“แต่มันจะไม่ส่งผลดีกับพี่เลยนะคะ”
“ทำไม..ทำไมต้องคิดว่าพี่จะต้องเปลืองตัวเพราะเรื่องแบบนี้”
“เพราะมันไม่ใช่เรื่องสนุก ต่อไปพี่ติณจะไม่มีคำว่าชีวิตส่วนตัว”
ติณณภพยิ้มรับ “น้องก็รู้พี่เป็นคนปรับตัวง่าย เว้นแต่ว่า...น้องจะไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตทำงานของน้อง”
พัฒศรีชะงักอึ้งไป
“ไม่ใช่นะคะพี่ติณ น้องไม่เคยเห็นพี่เป็นคนอื่นเลย”
“งั้นก็ขอให้พี่ได้เข้าไปรู้จักชีวิตทำงานของน้องบ้างได้มั้ย เพราะตั้งแต่น้องเริ่มเป็นมาดามพุชชี่ น้องพัฒศรีที่พี่เคยรู้จักก็เหมือนจะหายไปจากพี่ทุกที”
พัฒศรีนิ่งไปด้วยแววตาเศร้าเพราะสิ่งที่ติณณภพสัมผัสได้นั้นเกิดขึ้นจริงเพราะเธอเอง แต่เธอก็ไม่สามารถบอกความจริงเรื่องแอนให้เขารู้ได้ น้ำตาของพัฒศรีจึงคลอเบ้าออกมาด้วยความเสียใจ เมื่อติณณภพเห็นน้ำตาจึงดึงเธอมาซบกับอกของเขา
“พี่เคยได้ยินมาเยอะว่าวงการนี้เปลี่ยนคนมาแล้วมากมาย แต่สำหรับน้องพี่จะไม่ยอมให้ถูกเปลี่ยนเด็ดขาด”
พัฒศรีได้แต่น้ำตาอาบแก้มอยู่ในอ้อมกอดของติณณภพ เขาเชยคางเธอขึ้นมาแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากจนทั้งสองนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วตุลยาก็ขึ้นบันไดมาขัดจังหวะทำให้ติณณภพกับพัฒศรีรีบผละออกจากกัน
“พี่ติณคะ ขอโทษค่ะ ตุลไม่คิดว่าจะเข้ามาขัดจังหวะพี่ แค่จะมาบอกว่าอาหารเสร็จแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกตุล”
ตุลยารีบหันไปที่พัฒศรี “พี่พัฒอย่าโกรธพี่ติณเลยนะคะ ถ้าเขาปรึกษาตุลก่อนก็คงไม่ทำให้พี่ต้องเดือดร้อน เอาอย่างนี้แล้วกัน ตุลจะหาทางแก้ข่าวให้”
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกตุล พี่อธิบายให้พี่พัฒฟังจนเข้าใจแล้ว” ติณณภพบอก
“แต่ว่า..”
“พี่ไม่ได้โกหกเรื่องนี้ต่อหน้าสื่อนะตุล พี่เพียงแต่ทำให้มันมาถึงเร็วขึ้นก็แค่นั้น”
ติณณภพบอกน้องสาวแล้วหันไปกุมมือพัฒศรีมาบีบเอาไว้พร้อมกับรอยยิ้ม ตุลยาเจอเข้าไปแบบนี้ก็ไม่รู้จะขัดยังไงเลยได้แต่เออออยิ้มยินดีกับพี่ชายไปด้วย
บนเวที เต้กับพราวโชว์เต้นละตินในช่วงท่อนสุดท้ายของเพลงจบลงด้วยการโพสต์ท่าอันสวยงาม อุ้มรักเห็นเข้าก็อดลุกขึ้นปรบมือให้กำลังใจไม่ได้
“บราโว่ !! เริ่ดหรูมากค่ะน้องๆ เป็นโชว์ที่ทำให้พี่อุ้มรักปลื้มปริ่มมาก จนอยากจะไปหัดเรียนเต้นละตินให้พริ้วได้อย่างน้องเลย”
“ล่ำ เตี้ย ตัน สั้นเป็นเสาตอม่ออย่างคุณพี่อุ้มรักเนี่ย ไปหัดตีกลองสะบัดชัยน่าจะเหมาะกว่านะคะ” เจ๊เมี่ยงว่า
อุ้มรักชะงักแล้วหันมาจิกใส่ “ขอบคุณค่ะ แหม..สูงชะลูดบั้นท้ายใหญ่ กล้ามอย่างกับปูเยี่ยงเจ๊ อุ้มรักเคยได้ยินมาว่าสมัยเป็นวัยรุ่น เจ๊ก็เคยหัดรำปอบผีฟ้ามาเหมือนกันใช่มั้ยคะ”
เจ๊เมี่ยงจิกหน้าเอาเรื่องพร้อมกับเอามือป้องไมค์ “กล้าเอาเรื่องตอนชั้นเป็นวัยรุ่นมาประจานได้ไง”
“อ๊ะ..ก็เจ๊มาแขวะชั้นก่อนทำไม เตี้ยสั้นยังไงพ่อแม่อุ้มรักก็ให้มา”
“สูงชะลูดบั้นท้ายใหญ่พ่อแม่ชั้นก็ให้มาเหมือนกันย่ะ”
“เอาล่ะๆๆๆ พอแล้ว....” พี่ม้าพูดกับเจ๊เมี่ยง “มีอะไรจะเม้นต์น้องเค้ามั้ย”
“คุณน้องขา คุณน้องๆ น้องเขาเริ่ดเรอเพอร์เฟคทุกอย่าง แบบนี้รับรองว่าเจ๊เมี่ยงไม่มีทางเชิดใส่แน่ค่ะ “ เจ๊เมี่ยงพูด คนดูปรบมือ น้องๆไหว้ขอบคุณ
“น้องคะ” พี่ม้าทำหน้าตาจริงจังมาก “หลังจากที่พี่ชมโชว์เมื่อกี้นี้แล้ว บอกตรงๆเลย นะคะ” เต้กับพราวลุ้น “น้องเต้กับน้องพราวทำให้พี่มีความสุขมากค่ะ น้องทำให้พี่เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะมาเป็นผู้นำเสนอความสุขให้กับผู้ชม นี่แหละค่ะคือบันไดขั้นแรกของการเป็นนักแสดงที่ไม่ใช่อาชีพรับจ้างแสดง”
จบคอมเม้นต์ของพี่ม้าก็มีเสียงเฮดังลั่นเชียร์เต้กับพราว ทุกคนปรบมือ เต้กับพราวไหว้ขอบคุณ ส่วนอุ้มรักกับเจ๊เมี่ยงหันมาหรี่ตาจิกหน้ามองกันผ่านหลังพี่ม้าชนิดไม่มีใครยอมใคร
อุ้มรักพูดแบบไม่ออกเสียง “อย่าหวังว่าจะได้”
เจ๊เมี่ยงก็พูดไม่ออกเสียง “หล่อนนั่นแหละ” เจ๊เมี่ยงทำมือท่าเชือดคอขู่อุ้มรัก “เชอะ !!”
อุ้มรักรีบเร่งฝีเท้าเต็มที่เพื่อจะไปหาเต้กับพราว
เจ๊เมี่ยงเดินตามมาประกบอย่างทันท่วงทีพร้อมทั้งจิกหน้าใส่เอาเรื่อง ทั้งคู่เร่งฝีเท้าเดินแข่งกันมาตามทางเดินเหมือนรถแข่งสองคันที่กำลังวิ่งแข่งอยู่ในเลนเดียวกัน
อุ้มรักเป็นฝ่ายเดินเบียดใช้ไหล่กระแทกเพื่อให้เจ๊เมี่ยงเสียหลักจนเซถลาไปกระแทกผนังและมองตามอย่างเจ็บใจ เจ๊เมี่ยงรีบลุกขึ้นแล้วเร่งเครื่องไล่ตามไปประกบกระชากคอเสื้ออุ้มรักแรงๆ จนเธอหงายหลังเซถลาหมุนคว้างไปชนแจกันข้างทางล้มแตกกระจาย
“นังเจ๊ !! เล่นแรงเกินไปแล้วนะ”
“แรงที่ไหน..สำหรับหล่อนแค่นี้เรียกว่าหางอึ่ง..ไอ้อึ่งอ่าง”
“อึ่งอ่าง !! อ๊ายยยย..เรียกอุ้มเฉยๆไม่เรียกอุ้มรักยังพอทน แต่มาเรียกว่าอึ่งอ่างแบบนี้ วันนี้ตายกันไปข้างเลยนังเจ๊”
อุ้มรักร้องเสียงดังพร้อมกับกำหมัดปรี่เข้าไปจะเอาเรื่อง แต่เจ๊เมี่ยงกลับยืนเฉยแล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ พออุ้มรักเข้ามาในระยะประชิดเจ๊เมี่ยงก็ล้วงเอาสเปรย์พริกไทยในกระเป๋าถือออกมาฉีดเข้าหน้าอุ้มรักทันที
อุ้มรักแสบตาร้องเสียงดังลั่น เจ๊เมี่ยงหัวเราะสะใจ
“อย่างหล่อนก็เหมือนกับนังพุชชี่นั่นแหละ ถ้าคิดจะมาแย่งบัลลังก์เจ๊ดันตัวแม่ของวงการไปจากชั้นล่ะก็ ต้องรอให้ชั้นตายไปก่อนหล่อนถึงจะไปตบตีกันเอาเอง”
“นังเจ๊บ้า ชั้นไม่ยอม..ไม่ยอม”
อุ้มรักแสบตาจึงเหวี่ยงแขนมั่วไปหมดจนล้มลุกคลุกคลานสะใจเจ๊เมี่ยงเอามากๆ เจ๊เมี่ยงเดินเริ่ดๆเชิดๆ ผ่านไปแล้วดีดเท้าเสยปลายคางทีเดียวอุ้มรักสลบเหมือด
“จำใส่กะโหลกหล่อนไว้เลยนะอุ้มรัก...ถ้าไม่เริ่ดก็เชิดใส่...เชอะ”
เจ๊เมี่ยงจะเดินออกไปแต่ระหว่างนั้นลอร่าก็รีบเข้ามา
“เจ๊ขา..เจ๊เมี่ยง มีข่าวด่วนค่ะ” ลอร่าเห็นสภาพอุ้มรักก็ตกใจ “อู้ย..โดนไปซะน่วมเลยนี่คะเจ๊”
“ช่วยไม่ได้อยากมาเยอะกับเจ๊เมี่ยงก่อน คาบข่าวด่วนอะไรมายะนังลอร่า”
“ก็ข่าวของพุชชี่น่ะสิคะเจ๊..มันรอดค่ะ”
“หมายความว่าไง ?”
หนูดอกร้องเจ็บดังลั่นบ้าน พัฒศรีดึงติ่งหูหนูดอกเต็มแรงจนเธอร้องลั่น
“โอ๊ย ๆๆๆ”
“นี่แน๊ะ..ยุ่งไม่เข้าท่า สอดไม่เข้าเรื่อง”
“หนูขอโทษค่ะมาดาม..หนู.. หนูแค่อยากช่วยมาดามจริงๆ”
“ช่วยเหรอ.. ช่วยให้มันยุ่งกว่านี้น่ะสิไม่ว่า..นี่แน๊ะๆๆ”
หนูดอกร้องลั่น “โอ๊ยๆๆ”
อาร์ทเข้ามาในห้องแล้วรีบห้าม “พอเถอะพุชชี่ พวกเราหวังดีกับเธอจริงๆนะ พอหนูดอกมา บอกชั้นว่ากัปตันเสนอทางออกมาให้ ชั้นนี่แหละที่เห็นด้วยทันที”
พัฒศรีชะงักนิ่งไปแต่มือยังจับอยู่ที่ติ่งหูหนูดอก อาร์ทเข้ามาจับมือพัฒศรีให้ปล่อย
“อีกเรื่องที่ชั้นกับหนูดอกเห็นตรงกันก็คือ มันไม่ใช่แค่วิธีแก้ปัญหาเรื่องข่าวอย่างเดียว แต่ถึงเวลาที่เธอควรจะมีความสุขบ้าง”
“แต่ชั้นเตือนทุกคนแล้วว่าเรื่องส่วนตัวของชั้น...ห้ามยุ่ง !”
“ทำไมคะมาดาม..กัปตันเขาก็ดีครบเครื่อง ทั้งหล่อ ทั้งรวย แล้วก็รักมาดามจริง ไม่เห็นมีข้อเสียตรงไหนที่มาดามจะต้องปฏิเสธเขาเลยนี่คะ”
พัฒศรีนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด “เพราะข้อเสียมันอยู่ที่ชั้น ไม่ใช่เขาน่ะสิ”
พัฒศรีบอกทุกคนแล้วเดินออกไปทิ้งให้หนูดอกยังคงไม่เข้าใจ
“เอาน่าหนูดอก..จากนี้ไปก็ปล่อยให้พุชชี่จัดการชีวิตตัวเองแล้วกัน” อาร์ทว่า
“ก็ได้..ว่าไงว่าตามกัน”
พัฒศรีเดินหน้าเครียดออกมาที่สระว่ายน้ำ มือของเธอกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อและมีน้ำตาคลอเบ้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่ติณณภพจัดโต๊ะดินเนอร์เล็กๆอยู่ที่สวนด้านนอกท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น ครู่หนึ่งพัฒศรีก็เดินเข้ามาด้วยชุดราตรีสวยหรูเปลือยไหล่เซ็กส์ซี่เล็กๆ ขัดกับท่าทางเขอะๆเขินๆ แต่ก็ทำให้ติณณภพชะงักหันมามมองด้วยความสนใจ
“เอ่อ..พี่ติณอย่ามองน้องแบบนี้สิคะ น้องเขินนะ”
“เขินทำไม.. สวยซะขนาดนี้ ถ้าพี่ไม่มองน้องเลยสิถึงจะแปลก”
“พี่ติณอ่ะ..เลิกมองน้องได้แล้ว”
“เห็นน้องแต่งตัวเปลี่ยนไปจากเดิมบ้าง พี่ว่าน่าจะดูดีนะ”
“พี่ติณอ่ะ.....น้องหิวแล้วค่ะ”
ติณณภพลากเก้าอี้ให้พัฒศรีนั่งแล้วปูผ้าวางบนตักให้
“มื้อนี้ถือว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับอย่างเป็นทางการ”
“โห..น่ากินไปหมดเลย นี่พี่ติณทำเองคนเดียวจริงๆเหรอคะ”
ติณณภพพยักหน้ารับ “ลองซุปอุ่นๆสูตรเด็ดที่พี่ได้มาจากพ่อเลี้ยงพี่ก่อนสิ รับรองว่าน้องต้องชอบ”
ติณณภพตักซุปใส่ถ้วยให้พัฒศรีแล้วให้เธอลองชิม พัฒศรีตักซุปขึ้นมาเป่าชิมแล้วก็รู้สึกอร่อยจนเลิกคิ้ว
“อร่อยจริงๆด้วยค่ะพี่ติณ.. น้องว่าถ้าพี่เบื่อเป็นกัปตันขับเครื่องบินแล้วมาเป็นเชฟ ก็น่าจะเวิร์คนะคะ” ติณณภพยิ้มรับและนั่งมองพัฒศรีอย่างไม่ยอมวางตา จนเธอแปลกใจ
“นี่น้องกินเลอะปากอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
“เปล่าจ้ะ”
“งั้นพี่ก็เลิกมองน้องแบบนั้นซะทีสิ รู้มั้ยว่าสายตาแบบนั้นมันทำให้น้องรู้สึก..เอ่อ”
“อะไรเหรอจ๊ะ”
“ก็เวลาที่พี่มองน้องทีไรเหมือนเห็นน้องเป็นเด็กที่ต้องดูแลอยู่ตลอดเวลาน่ะสิคะ”
ติณณภพยิ้มรับขำๆ “งั้นพี่คงจะเปลี่ยนสายตาที่มองน้องแบบนี้ไม่ได้แล้วล่ะ เพราะพี่ชอบดูแลน้องจริงๆ ทานเถอะจ้ะ เดี๋ยวพี่จะได้ยินเสียงท้องร้องดังลั่นแทน”
ติณณภพยิ้มให้แล้วดูแลพัฒศรีต่อด้วยการหั่นสเต๊กที่เตรียมไว้ให้แสดงออกถึงความตั้งใจดูแลพัฒศรีอย่างจริงจัง
พัฒศรีเดินเร็วๆ อย่างตื่นเต้นไปก่อนแล้วติณณภพจึงเดินตามเข้าไปยืนเคียงคู่หน้าปราสาท
“สวยจังเลยนะคะพี่ติณ”
“จ้ะ..ปราสาท Chambord เป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาปราสาทลุ่มแม่น้ำลัวร์ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 15 ปี มีจำนวนห้องถึง 440 ห้อง”
“โห...ให้นอนคืนละห้อง ปีนึงยังนอนไม่ครบเลย”
ติณณภพขำ “จ้ะ..แต่ที่น่าสนใจที่สุดของปราสาท Chambord คือบันไดวน 2 ทางที่คนขึ้นกับคนลงจะไม่เจอกันเลย ว่ากันว่าคนที่ออกแบบก็คือลีโอนาร์โด ดาวินชี”
“งั้นถ้าพี่ติณกับน้องเป็นเจ้าของปราสาทนี้ วันๆเราคงไม่ได้เจอหน้ากันเพราะไปกันคนละทาง หากันไม่เจอซะที”
“ไม่หรอก” ติณภพกุมมือ “ต่อให้น้องไปอยู่ที่ไหน พี่ก็จะหาน้องให้เจอ”
พัฒศรีฟังแล้วก็เขินจนหน้าแดงเลยพูดแก้เก้อ
“เดินมาทั้งวันหิวน้ำจังเลย”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้นะ”
ติณณภพเดินออกไป พัฒศรีหันมาอมยิ้มแก้มตุ่ยก่อนจะเดินไปอีกทาง
พัฒศรีสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขขณะเดินมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่มุมริมสระหน้าปราสาท เธอมองไปที่ปราสาทแล้วหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายภาพตัวปราสาท 2-3 ภาพ แล้วพัฒศรีก็คิดถึงเพื่อนรัก
“แอน....ถ้าแกได้มาอยู่ที่นี่กับชั้น แกจะต้องอิจฉาชั้นสุดๆ ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงยังไงก็ไม่รู้”
พัฒศรีอมยิ้มแก้มตุ่ย ทันใดนั้นมือถือของพัฒศรีก็ดังขึ้น เธอรีบหยิบออกมาจากกระเป๋าแล้วกดดูเบอร์ที่โชว์ สายที่เรียกเข้าเป็นเบอร์ของแอนเธอเลยรีบกดรับ
“แหม..โทรมาพอดีเลยนะแก ชั้นกำลังคิดถึงแกอยู่พอดี อยากให้แกมาอยู่ที่นี่ด้วยจังเลย รับรองว่าแกต้องอิจฉาที่พี่ติณโรแมนติคกับชั้นสุดๆ เนี่ย...ถ้าเขาขอชั้นแต่งงานเมื่อไหร่ ชั้นจะตอบตกลงทันที” พัฒศรีชะงักสงสัยเพราะได้ยินเสียงสะอื้น “แอน..นั่นแกเป็นอะไร..แกร้องไห้ อยู่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรแก..บอกชั้นมาสิแอน” พัฒศรีฟังแล้วก็ตกใจจนหน้าเสีย “ว่าไงนะ !! แกถูกข่มขืน !! ใคร..ใครมันทำแก ไอ้สารเลวตัวไหนมันทำร้ายแก..แอน..แอน”
อยู่ๆปลายสายก็ตัดไป พัฒศรียังตกใจไม่หาย เธอพยายามจะโทรกลับไปแต่ก็โทรไม่ได้
“ไม่จริง..เป็นไปไม่ได้”
พัฒศรีเริ่มกระสับกระส่ายใจคอไม่ดี ระหว่างนั้นติณณภพก็กลับเข้ามาพร้อมน้ำดื่ม
“น้ำมาแล้วจ้ะน้องพัฒ”
พัฒศรีน้ำเสียงสั่น “พี่ติณ”
ติณณภพสงสัย “มีอะไรรึเปล่า”
“คือ..น้องต้องรีบกลับเมืองไทยตอนนี้เลยค่ะ”
“อ้าว...เกิดอะไรขึ้น”
“เกิดเรื่องกับ..เอ่อ.” พัฒศรีไม่กล้าบอกว่าแอนถูกข่มขืน “งานค่ะพี่ งานน้องมีปัญหาต้องรีบ กลับไปเคลียร์ตอนนี้เลย”
“แต่น้องเพิ่งจะมาแค่ไม่กี่วันเองนะ ให้คนอื่นเคลียร์งานให้ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ค่ะ น้องต้องกลับไปจัดการเองนะคะพี่ติณ น้องขอโทษ แต่น้องต้องกลับไปตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ขอร้องล่ะค่ะพี่ติณ... ไปค่ะ”
พัฒศรีเขย่าแขนติณณภพไปตาก็แดงก่ำจนคลอเบ้าไปทำเอาติณณภพแปลกใจ แต่พัฒศรีก็ฉุดแขนติณณภพให้เดินไป
พัฒศรีมีดวงตาที่แดงก่ำจนน้ำตาไหลอาบลงมาที่แก้มขณะยืนมองรูปของแอน
หลังจากที่วางช่อดอกไม้ในมือลงบนหน้าหลุมศพ เธอก็ทนกลั้นความเสียใจไม่ไหวจึงตัวสั่นระริกก่อนจะทรุดนั่งร้องไห้ต่อหน้าหลุมศพ
อ่านต่อหน้า 4
มาดามดัน ตอนที่ 7 (ต่อ)
“แอน....ทำไมต้องทำแบบนี้..ไหนแกบอกว่าจะให้ชั้นดูแลแกไง แล้วทำไมแกถึงมาทิ้งฉันไป แกผลักไสให้ชั้นไปมีความสุขแต่แกต้องทนทุกข์อยู่คนเดียว ไม่มันยุติธรรมเลย..ฮือๆๆ”
พัฒศรีร้องไห้อย่างเจ็บปวดได้ครู่ เจ๊เมี่ยงก็ถือช่อดอกไม้สวมแว่นดำเดินเข้ามาหยุดมองพัฒศรี
“พัฒศรี..แอนก็ตายไปแล้ว มานั่งร้องไห้แบบนี้ วิณญาณแอนมันจะยิ่งไม่สบายใจนะ”
พัฒศรีชะงักแล้วหันขวับไปจ้องเขม็ง “เจ๊เมี่ยง !!”
เจ๊เมี่ยงอึ้งเหวอเพราะแววตาที่พัฒศรีจ้องเขม็งมาที่เธอนั้นน่ากลัวมากจนเธอพูดตะกุกตะกัก
“ละ…หล่อนอย่ามามองชั้นแบบนั้นนะ ชั้น..ชั้นก็แค่จะมาแสดงความเสียใจแล้ว..แล้ว ก็จะมาบอกว่าจะให้เวลาหล่อนไปพักสักเดือน ทำใจได้เมื่อไหร่ค่อยกลับมาทำงาน”
“ยังคิดว่าชั้นจะกลับไปทำงานอีกเหรอ ชั้นไม่บีบคอเจ๊ตายคาบ้านไปก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
“หล่อนไม่มีสิทธิ์ทำอะไรชั้นนะ”
“ชั้นมีสิทธิ์เพราะแอนมันเป็นเพื่อนรักชั้น ถ้าเจ๊ไม่บอกชั้นมาว่าไอ้สารเลวที่ทำร้ายแอนเป็นใคร ชั้นจะฆ่าเจ๊ให้เป็นผีอยู่กับแอนที่นี่”
เจ๊เมี่ยงสะดุ้งโหยงแล้วรีบปฏิเสธ “ชั้นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น.. หล่อนอย่ามาบังคับให้ชั้นพูดอะไรเลย”
“โกหก!! แอนมันบอกว่าโดนข่มขืน ในเมื่อมันอยู่กับเจ๊ตลอดเวลา แล้วเจ๊จะไม่รู้เรื่องได้ไง”
“ก็บอกว่าไม่รู้..ไม่รู้น่ะเข้าใจมั้ย”
“ที่ไม่รู้เพราะเจ๊มีส่วนรู้เห็นกับไอ้ชาติชั่วนั่นใช่มั้ย”
เจ๊เมี่ยงสะดุ้ง “นังพัฒศรี !! อย่ามาใส่ร้ายชั้นนะ”
“งั้นก็บอกมาว่ามันเป็นใคร ชั้นจะไปแก้แค้นให้แอน”
เจ๊เมี่ยงหน้าเครียดปากสั่น “ชั้น...ชั้น...ชั้นไม่รู้อะไรทั้งนั้น คนมันตายไปแล้วหล่อนอย่าไปรื้อฟื้นให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเลย พวกนั้นมีอิทธิพล”
เจ๊เมี่ยงจะรีบเดินหนีแต่พัฒศรีทนไม่ไหวจึงคว้าข้อมือเอาไว้
“ จะหนีไปไหน....”
พัฒศรีกระชากเจ๊เมี่ยงมาตบผั๊วะ
“นังเจ๊สารเลว..ที่แท้ก็ทำกันเป็นขบวนการ ชาติชั่วกันแบบนี้อย่าหวังว่าจะลอยนวลเลย ชั้นจะลากคอเจ๊ไปหาตำรวจ ไปอยู่ในคุกกันให้หมดแกงค์เลย”
พัฒศรีเข้าไปคว้าข้อมือเจ๊เมี่ยงแต่กลับเจอเจ๊เมี่ยงจับข้อมือเธอมาพลิกแล้วบิดไพล่หลัง
พัฒศรีร้อง “โอ๊ย”
ถึงเจ๊เมี่ยงจะมีใจเป็นหญิงแต่ร่างกายก็เป็นผู้ชายสูงใหญ่เรี่ยวแรงจึงมากกว่าเอาพัฒศรีมาก
“ชั้นเตือนหล่อนด้วยความหวังดี ทำไมไม่ฟังกันบ้าง”
“ไม่ฟัง!!! คนอย่างพัฒศรีมันไม่เคยกลัวใคร”
“งั้นชั้นต้องสั่งสอนให้หล่อนรู้จักคำว่าเจ็บเยอะๆ หล่อนจะได้รู้จักกลัว”
เจ๊เมี่ยงออกแรงบิดแขนพัฒศรีอย่างแรงจนเธอร้องลั่นครวญครางเจ็บปวดจนน้ำตาเล็ด
“ชั้นเกลียดเจ๊” พัฒศรีน้ำตาเอ่อ “ชั้นขอสาบานว่าชาตินี้ชั้นจะจองเวรจองกรรมกับเจ๊ไปจนตาย”
“ตั้งแต่ชั้นอยู่วงการนี้มามีคนเกลียดชั้นเป็นร้อย เพิ่มหล่อนขึ้นมาอีกคนมันจะเป็นไรไป”
เจ๊เมี่ยงพูดแล้วก็ปล่อยมือ พัฒศรีทรุดลงจับไหล่ที่โดนบิดจนเกือบหักด้วยความเจ็บปวดมาก
“จำไว้นะนังพัฒศรี..อย่าให้ชั้นเห็นหน้าหล่อนในวงการนี้อีก แล้วก็อย่าสอดรู้สอดเห็นเรื่องนี้ด้วย ไม่งั้นศพหล่อนไม่สวยแน่”
เจ๊เมี่ยงขู่แล้วก็เดินเชิดออกไป พัฒศรีได้แต่กุมไหล่ด้วยความเจ็บปวด เธอมองเจ๊เมี่ยงด้วยความแค้นใจ
พุชชี่น้ำตารินไหลเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เจ็บปวด เธอเอามือเช็ดน้ำตาตัวเองด้วยแววตามุ่งมั่น
“แอน....ชั้นขอสาบานว่าชั้นจะไม่กลับไปเป็นพัฒศรีอีก จนกว่าชั้นจะแก้แค้นให้แกได้สำเร็จ”
เจ๊เมี่ยงเปิดมือถือของตนเองเพื่อดูรูปในไอจีที่พวกนักข่าวอัพรูปพัฒศรีกับติณณภพ ยิ่งไล่ดูไปเรื่อยๆก็ยิ่งหงุดหงิดจึงไม่ดูต่อ
รูปติณณภพโอบกอดพัฒศรีที่โรงพยาบาลอยู่กลางจอ
“เล่นเปิดตัวหวานเจี๊ยบออกสื่อซะขนาดนี้ แถมยังหล่อเซี๊ยะน่ากิน มีดีกรีเป็นถึงกัปตัน มาดามพุชชี่นี่มันฉลาดเป็นกรดเลยนะคะเจ๊”
“มันบูชาพระรอดเหรอไง ถึงได้อยู่ยงคงพระพันเกาะเป็นปลิงอยู่ในวงการได้นานขนาดนี้”
ลอร่านึก “อืมม์..ตอนลอร่าแฝงตัวเป็นสปายอยู่ที่โน่น ไม่เคยเห็นมาดามพุชชี่เล่นคุณไสยหรือบูชาเครื่องรางของขลังเลยนะคะเจ๊”
“แค่เปรียบเปรยย่ะ” เจ๊เมี่ยงว่า ลอร่ายิ้มแหยๆ “ชั้นรู้จักมันดีคนอย่างมันถ้าตั้งใจทำอะไรแล้วไม่มีทางเลิกง่ายๆ ยิ่งมันตั้งใจหาทางแก้แค้นชั้นด้วย อะไรก็มาฉุดให้มันหยุดไม่ได้ จนกว่าจะได้รู้ความจริง”
“ความจริง ? ความจริงอะไรเหรอคะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงชะงัก “ไม่มีอะไรหรอก”
“ต้องมีสิคะเจ๊.. ก็ลอร่าได้ยินเจ๊เถียงกับมาดามพุชชี่มาหลายครั้งแล้ว ว่าจะถามมาตั้งนานแล้ว ไอ้ที่จ้องจะฆ่าจะแกงกันมาตลอดนอกจากแย่งกันเป็นเบอร์หนึ่งแล้วมันมี สาเหตุมาจากอะไรอีก”
เจ๊เมี่ยงทำเป็นยิ้มให้แล้วเข้าไปตบหูลอร่า “สาระแน แส่ไม่เข้าเรื่อง หล่อนไม่มีหน้าที่ตั้งคำถามชั้น..เข้าใจมั้ย”
“โอ๊ยๆๆ เข้า..เข้าใจแล้วค่ะเจ๊”
ยุวดีซึ่งเดินผ่านมาและได้ยินที่เจ๊เมี่ยงกับลอร่าคุยกันก็แอบฟังอยู่ตลอดด้วยสีหน้าสงสัย
พุชชี่เดินเช็ดคราบน้ำตาจะเดินผ่านห้องยิมไปแล้วก็ชะงักเมื่อมองเห็นเน็กซ์กำลังลงนวมชกเป้าอย่างหนักหน่วงจนเสียงดังออกมา
พุชชี่เรียก “เน็กซ์..เน็กซ์”
เน็กซ์ไม่ได้ยินเสียงเพราะเสียบหูฟังเพลงจากไอพอดและกำลังอารมณ์ขึ้นอยู่กับเป้าชกตรงหน้า พุชชี่เรียกอีกสองสามครั้งเขาก็ยังไม่หันมาเธอเลยเอามือไปแตะไหล่ เน็กซ์ไม่รู้ตัวหันขวับมาง้างหมัดจะชกใส่หน้า
พุชชี่ร้องลั่น “ว๊าย !”
พุชชี่ร้องเสียงหลงยกมือกันและหลับตาปี๋ เน็กซ์ค้างหมัดกลางอากาศห่างจากหน้าพุชชี่ไปไม่ถึงนิ้ว
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก เกือบหน้าแหกแล้วเห็นมั้ย” เน็กซ์ถอดหูฟังแล้วถอดนวม
“ก็ชั้นเรียกเธอตั้งนาน เรียกจนคอจะแตกอยู่แล้ว”
เน็กซ์มองหน้าพุชชี่ด้วยอารมณ์ที่ยังโกรธอยู่เลยไม่สนใจจะคุยด้วย เธอเดินเลี่ยงออกไป
“เน็กซ์..เน็กซ์ !! ชั้นมีเรื่องต้องคุยกับเธอนะ” เน็กซ์ใส่หูฟัง “หยุดแล้วหันมาหาชั้นเดี๋ยวนี้”
เน็กซ์ไม่สนใจ เขาถอดนวมแล้วฟังเพลงจากจากไอพอด พุชชี่เลยเข้าไปดึงหูฟังออกจากหูแล้วขึ้นเสียงใส่ทันที
“เป็นอะไรหา !! ไอ้เด็กบ้า.... ชั้นรู้เรื่องที่วันนี้เธอไปแผลงฤทธิ์ใส่ผู้กำกับที่กอง MV แล้วนะ เก็บกดอะไรมาถึงต้องทำให้เสียงานเสียการขนาดนั้น”
“เปล่า”
“ไม่ต้องมาโกหกชั้นเลยนะ เห็นอยู่กับตาว่ากลับมาก็เอาแต่มาคุ้มคลั่งระบายอารมณ์อย่างกับโคถึกคึกไม่หยุด”
“ใช่..ผมเก็บกด ต้องหาที่ระบาย ไม่งั้น...”
“ไม่งั้นอะไร”
เน็กซ์นิ่งไปไม่ยอมพูดอะไร เขาได้แต่มองหน้าพุชชี่ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพื่อกลับห้องนอนตัวเอง ทันที พุชชี่หรี่ตาครุ่นคิดสงสัยก่อนจะรีบเดินตามไป
เน็กซ์เดินหัวเสียเข้ามาในห้องแต่ยังไม่ทันคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำเขาก็ชะงัก เพราะพุชชี่ตามเข้ามา
“ห้ามเด็ดขาดเลยนะเน็กซ์ อย่ามาทำอะไรแบบนั้นในบ้านชั้นเด็ดขาด”
เน็กซ์สงสัย “ทำอะไร ? หมายความว่าไง”
“อาการแบบนี้ชั้นเคยเห็นมาเยอะแล้ว เด็กวัยรุ่นอย่างเธอกับอารมณ์พุ่งพล่าน งุ่นง่าน บ้าพลัง”
เน็กซ์งง “นี่ป้าจะว่าอะไรผมก็พูดมาตรงๆเลยดีกว่า ผมไม่ชอบเล่นใบ้คำ”
“ชั้นเข้าใจเธอนะเน็กซ์ เธอต้องอยู่ใกล้ชิดผู้หญิงสวยๆทุกวัน ไหนจะฉากจูบ ฉากกอด มันก็ต้องมีบ้างที่ธรรมชาติมันเรียกร้อง เอาเป็นว่าเธอตอบข้อสอบโอเน็ตถูกแล้วที่ใช้กีฬาเป็นที่ระบายออก กลับไปห้องยิมต่อเถอะ ชั้นไม่กวนเธอแล้ว”
เน็กซ์อึ้งไปที่เจอพุชชี่เข้ามาพูดแบบนี้ พอพุชชี่จะออกจากห้องเน็กซ์เลยตามไปขวางแล้วปิดประตูดังปัง !!
พุชชี่ตกใจ “ทำอะไรของเธอน่ะ”
“ผมเข้าใจแล้วว่าป้าหมายถึงอะไร” เน็กซ์พูดพร้อมกับเดินเข้าหา
“ถ้าเข้าใจแล้ว ทำไมต้องมาปิดประตูใส่หน้าชั้นด้วย”
“เพราะผมจะบอกป้าว่า..ผมเรียนจบมหา’ลัยแล้ว ไม่ใช่เด็กวัยรุ่น ไอ้เรื่องแบบนั้นผมมี สมองคิดเองได้”
“ถ้าคิดเองได้ ..แล้วทำไม..ทำไมต้องเข้ามาใกล้ๆชั้นด้วย ถอยไป..ชั้นจะออก”
เน็กซ์จับข้อมือพุชชี่เอาไว้ทันที พุชชี่สะดุ้งโหยง
“เน็กซ์..อย่า..อย่านะ..ชั้นแก่กว่าเธอนะ”
เน็กซ์หรี่ตามองพุชชี่อย่างร้ายกาจทำเอาพุชชี่เสียววูบ
หนูดอกชูแฟลชไดร์ฟ อาร์ทนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หนูดอกชูแฟลชไดร์ฟขึ้นมาแล้วคิดทำอะไรบางอย่าง
“ชั้นว่าไม่น่าทำแบบนี้นะหนูดอก”
“แต่ชั้นว่าถึงเวลาที่ต้องตาต่อตาฟันต่อฟันแล้วนะอาร์ท”
“แต่ว่า..”
ทันใดนั้นเกิดเสียงโครมครามของหล่นบนชั้น 2 เหนือหัว อาร์ทแตะไหล่หนูดอกแล้วนิ่งมองหน้ากัน
“ได้ยินรึเปล่า..เหมือนข้างบนจะมีเสียงโครมคราม”
หนูดอกเงยหน้าขึ้นแล้วส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก มาดามคงจะอบรมสั่งสอนเน็กซ์เรื่องงานวันนี้มากกว่า” แล้วหนูดอกก็เสียบแฟลชไดร์เข้าเครื่อง
“หนูดอก”
“อย่าห้ามเราเลยอาร์ท..เราจะปล่อยให้คนแบบนั้นลอยนวลอยู่ในวงการที่เรารักได้เหรอ”
อาร์ทนิ่งไป หนูดอกเลยหันมาหักนิ้วดังกรอบแล้วยิ้มร้ายก่อนจะรัวแป้นคีย์บอร์ด
เน็กซ์ปิดปากพุชชี่แล้วจับกดลงบนเตียง
พุชชี่ดิ้นพราดๆ ข้างๆเตียงมีของชิ้นใหญ่หล่นอยู่ที่พื้นห้องเป็นที่มาของเสียงที่ดังลงไปชั้นล่าง
พุชชี่พูดอู้อี้ “เด็กบ้า..ปล่อยชั้นนะ..ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
“หยุดร้องได้แล้ว..ผมไม่ได้จะทำอะไรป้าซะหน่อย แต่ถ้าป้าไม่หยุด..ผมจะทำจริงๆ”
เจอเข้าไปแบบนี้พุชชี่เลยชะงักนิ่ง เน็กซ์เลยยอมเอามือออกจากปาก
“ไอ้เด็กบ้า.. ไม่ทำอะไรแล้วจับชั้นแบบนี้ทำไม”
เน็กซ์ถอนตัว “ก็เพราะอยากสั่งสอนป้าไง มาโวยวายหาว่าผมบ้ากาม ในหัวคงหมกมุ่นแต่เรื่องพวกนี้ เลยต้องถูกโจมตีว่ากินเด็ก สุดท้ายก็ต้องไปลากผู้ชายมาแก้ข่าว งามหน้าจริงๆ”
พุชชี่อึ้งไปที่ถูกเน็กซ์ว่าเรื่องติณณภพเลยโกรธจึงตบหน้าเน็กซ์ดังเพี๊ยะ เน็กซ์อึ้ง
“เธอไม่มีสิทธิ์มาว่าชั้น มาพาดพิงพี่ติณแบบนั้น”
เน็กซ์นิ่งไปมือจับแก้มแล้วมองพุชชี่นิ่งอยู่ครู่ “แต่ไม่ใช่ผมคนเดียวที่คิดแบบนี้”
“ชั้นไม่สนใจ..ใครจะคิดยังไงก็เรื่องของเค้า ชั้นไม่ได้ไปนั่งกินข้าวบนหัวใครซักหน่อย”
"แล้วผมล่ะ.. ผมต้องใช้ชีวิตอยู่กับป้าแล้วผมจะไม่มีสิทธิ์รู้เลยเหรอไง"
พุชชี่นิ่งมองเน็กซ์แล้วถอยออกไป
เน็กซ์พูดจริงจัง "ผมถามจริงๆ..มาดามพุชชี่รักกัปตันคนนั้นจริงๆ หรือว่าแค่ต้องการใช้เขาเพื่อกลบข่าวลือว่าป้ากับผมมีอะไรกัน"
"ชั้นจะปั้นข่าวนี้ขึ้นมาหรือมันจะเป็นเรื่องจริง มันก็ชีวิตชั้นไม่ได้เกี่ยวกับเธอ"
เน็กซ์น้อยใจ "อ๋อ..งั้นผมก็เข้าใจแล้ว ชีวิตนี้คิดจะปั้นทุกอย่างใช่มั้ย งานถนัดนี่ ปั้นคนเป็น ดาวปั้นน้ำเป็นตัว"
พุชชี่อึ้ง "เน็กซ์ !!”
"ผมจะพักผ่อนแล้ว..ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องเตือนผมอีก ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปผมจะตั้งใจทำงาน จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบวันนี้อีก"
เน็กซ์พูดเพื่อให้พัฒศรีออกไปจากห้อง พุชชี่มองเน็กซ์อย่างจริงจังแล้วเดินเข้าไปพูดให้เข้าใจ
"ชั้นรักพี่ติณ..ความรักของชั้นกับเขาเป็นเรื่องจริง !”
พุชชี่บอกเน็กซ์แล้วเดินออกไปจากห้อง เน็กซ์อยู่คนเดียวด้วยความรู้สึกเหมือนมีมีดมาปักเข้าที่กลางอก
แพตตี้กำลังยืนบิ้วด์อารมณ์อยู่ที่มุมหนึ่งในห้องนอน
แพตตี้พูดกับตัวเอง “ฉันต้องทำให้ได้ .... ต้องทำให้ได้” แล้วแพตตี้ก็หลับตา
ยุวดีรีบเปิดประตูเดินเข้ามา
“คุณแพตตี้คะ..คุณแพตตี้ ยุวดีมีเรื่องจะมารายงานค่ะ”
แพตตี้บิ้วด์จนได้อารมณ์เต็มที่ก็หันขวับมาด้วยแอคติ้งเชิ่ดสุดฤทธิ์แล้วจิกหน้าเอาเรื่องใส่ยุวดี
แพตตี้เหวี่ยงสุดฤทธิ์ “หุบปาก !!”
ยุวดีชะงักตกใจ “หา !! อะไรคะคุณแพตตี้”
แพตตี้ไม่สนใจเข้าไปตบหน้ายุวดีจนหน้าหัน “ถ้าชั้นสั่งให้หุบปากก็หมายความว่าปากต้อง ปิดสนิท”
ยุวดีเหวอ “หา !! อะไรกันเนี่ย ยุวดีไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจน่ะดีแล้ว เพราะชั้นเองก็ยังไม่เข้าใจตัวชั้นเองเหมือนกัน”
พูดไปแพตตี้ก็น้ำตาคลอขณะเดินไปนั่งที่เตียงนอน แล้วพยายามกลั้นน้ำตาแอคติ้งสุดฤทธิ์ ยิ่งทำให้ยุวดีงงและเหวอ
“คุณแพตตี้.... เป็นอะไรไปคะ ไม่สบายหรือเปล่า” ยุวดีถาม
แพตตี้แอคติ้งกลั้นน้ำตาเต็มที่แล้วหันขวับมาลุกขี้นยืน ยุวดีสะดุ้งโหยงเพราะกลัวโดนตบอีกจึงรีบเอามือมาปิดหน้า
“ไม่เอาแล้วนะคะ..หน้าซีกนี้ยังไม่หายชาเลย”
“ชั้นไม่ทำอะไรเธอแล้ว”
ยุวดีลดมือลง “จริงนะคะ”
แพตตี้พยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปใกล้จนตัวแทบชิดยุวดี “แต่ชั้นอยากให้เธอช่วยชั้นพิสูจน์ ชั้นจะได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองซะที”
“ช่วยอะไรเหรอคะ”
แพตตี้หลับตาพริ้มแล้วยื่นปากเข้าไปใกล้ๆยุวดี “จูบชั้นสิ”
“หา !! ให้ยุวดีจูบคุณแพตตี้เหรอคะ”
แพตตี้หรี่ตาขึ้นมาจิกหน้าบอก “ชั้นกำลังซ้อมบทละครอยู่ อย่าทำให้ชั้นเสียสมาธิ”
“พอเดาออกตั้งแต่เมื่อกี้แล้วค่ะ..แต่ว่า...”
“จูบชั้นสิ”
ยุวดีเหวอแพตตี้หลับตาพริ้มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยุวดีกลัวโดนเจ้านายด่าเลยคิดว่าเอาวะยุวดีหลับตาแล้วยื่นหน้าเข้าไปประกบปากแพตตี้ก่อนจะตาเบิกโพลง ตัวเกร็ง นิ้วกาง เพราะลิ้นสวาทของแพตตี้
แก้วตาหลับตา สั่นหัว ทำสีหน้าสยิวกิ้ว ในขณะที่เธอจิ้มมะม่วงเปรี้ยวกับกระปิหวานก็กินไปบ่นไป ส่วนแก้วใสเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นไลน์
“คิดแล้วมันน่าเจ็บใจจริงๆเลย ดูสิ อุตส่าห์เล่นงานให้มันเป็นข่าวฮอตประเด็นร้อนได้แค่ไม่กี่วัน มันก็พลิกเกมกลับมาลอยตัวได้อีก”
แก้วใสไม่สนใจ เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นไลน์แล้วอมยิ้ม
“แต่แม่ไม่เชื่อหรอกว่าดวงมันจะดีตลอด ถึงมันจะมีเน็กซ์เป็นหัวหอกสำคัญ แม่ก็มีแก ชื่อเสียงของแกยังไงก็ขายได้ งานจะต้องวิ่งเข้าหาเราชุกยิ่งกว่าตอนอยู่กับมันอีก”
“คุณแม่คะ ช่วยไปพูดไกลๆแก้วใสได้มั้ยคะ กลิ่นมะม่วงจิ้มกะปิหวานในปากคุณแม่เนี่ย มันเหม็นมากค่ะ”
“นังแก้วใส !! ไอ้ที่ชั้นพร่ำใส่แกอยู่เนี่ยเพื่ออนาคตแกทั้งนั้นนะ”
“รู้ค่ะคุณแม่”
แก้วใสบอกแล้วก็ลุกเดินไปตอบไลน์ที่มุมหนึ่งแล้วนั่งอมยิ้มหน้าแดงจนแก้วตาสงสัย
“นี่...ชั้นเห็นแกจิ้มๆคุยไลน์ทั้งวัน แกคุยกับใคร ไหนเอามาดูสิ”
แก้วใสรีบเก็บ “บอกแล้วไงคะคุณแม่..โทรศัพท์ของแก้วใสคุณแม่ห้ามยุ่ง”
“แต่ตอนนี้ชั้นต้องคุมทุกอย่างในชีวิตแก เพราะฉะนั้นแกจะมีความลับเหมือนตอนอยู่กับนังพุชชี่ไม่ได้”
“แก้วใสไม่ได้มีความลับอะไรหรอก ก็แค่คุยกับเพื่อนๆ” แก้วใสหันไปหยิบกระเป๋า “ขี้เกียจฟังคุณแม่บ่นเหม็นกลิ่นกะปิ แก้วใสไปเที่ยวกับเพื่อนนะ”
“ชั้นไม่ให้แกไปนะ กลางค่ำกลางคืนเวลาที่แกหายหัวไปทีไร เช้าขึ้นมาต้องเป็นเรื่องทุกที”
“ไม่มีอะไรหรอกคุณแม่..ก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อน”
แก้วใสแกะมือแม่แล้วรีบเดินออกไป แก้วตารีบตาม
“ก็บอกว่าไม่ให้ไปไง” แก้วตาสั่งแล้วก็ชะงักเพราะรู้สึกหน่วงๆที่ท้อง “อุ๊ย !! ข้าศึกจู่โจม”
“เห็นมั้ยคะคุณแม่..บอกแล้วว่าอย่ากินเยอะ เปรี้ยวปากอะไรกินคนเดียวเป็นโล”
แก้วใสมองไปที่จานมะม่วงกับกะปิหวานแล้วยิ้มชอบใจก่อนจะรีบออกไปจากห้อง แก้วตาปวดท้องมากขึ้นจนตามลูกไม่ได้เพราะข้าศึกประชิดหนัก
“นี่..แกอย่าหาเรื่องให้ชั้นต้องเดือดร้อนนะนังแก้วใส !! อุ๊ย...”
แก้วตารีบวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตูดังโครม
หนูดอกยิ้มร้ายหลังจากเสร็จภารกิจนักเลงคีย์บอร์ดเธอก็ถอดแฟลชไดร์ฟออกจากเครื่อง
“เท่านี้ก็เรียบร้อย”
หนูดอกหันมายักคิ้วให้อาร์ทอย่างภาคภูมิใจ
“เอาน่าอาร์ท ไม่ต้องคิดมากหรอก.. เราก็แค่เปิดเผยความจริง ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
อาร์ทพยักหน้ารับแต่ก็ยังถอนใจก่อนจะเดินออกไปปล่อยให้หนูดอกหันมายิ้มร้าย
แพตตี้ถอนริมฝีปากออกจากหน้ายุวดีที่ยังยืนอึ้งตัวแข็งตาค้างไม่หาย
แพตตี้บ่น “อื้อฮือ..วันนี้แกไปกินตำป่ามาใช่มั้ยเนี่ย กลิ่นติดปากจนทำชั้นเสียสมาธิหมด”
ยุวดียังตัวแข็งสติหลุดลอยไม่รับไม่รู้อะไร
“ยุวดี...ยุวดี !!” แพตตี้ดีดนิ้วเรียกสติ
ยุวดีสะดุ้ง “ขา…คุณแพตตี้”
“ถึงกับสติหลุดเลยเหรอ แสดงว่าแอคติ้งที่ชั้นซ้อมเมื่อกี้นี้มันเริ่ดมากเลยใช่มั้ย”
“ค่ะ..เริ่ดมาก..เริ่ดจนยุวดีค้างเติ่งอยู่ที่ทางช้างเผือกหาทางลงมาไม่ได้เลยค่ะ”
“เหรอ..” แพตตี้อมยิ้มภูมิใจตัวเอง “จะว่าไปการแสดงก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ชั้นชักติดใจซะแล้ว เออ..ว่าแต่เมื่อกี้นี้มีอะไรจะมาบอกชั้นเหรอ”
ยุวดีชะงักไปครู่แล้วจะนึกแต่นึกไม่ออก “เอ่อ..ยุวดีโดนตบจูบจนลืมไปหมดแล้วค่ะ”
“แกนี่..ท่าจะบ้า”
เจ๊เมี่ยงเดินเข้ามา “แพตตี้..ทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่เข้านอนอีก”
“อ่านบทละครที่เจ๊เอามาให้ค่ะ เห็นว่าสนุกดีเลยลองซ้อมเล่นดู คนเขียนบทเขาเก่งจัง” แพตตี้บอก
“เรื่องอะไรล่ะ ผู้จัดเขาส่งมาให้เจ๊ตั้งหลายเรื่อง”
“คุณหนูวุ่นวายกับคุณชายฉ่ำโบ๊ะค่ะ”
“อ๋อ..แนวเกาหลีคิกขุตบจูบเรื่องนั้นเอง ตาถึงนะเรา..โปรเจคเรื่องนี้เป็นละครฉลองครบ รอบ 15 ปีของช่อง พวกเจ๊ดันแทบจะทั้งวงการพยายามดันให้เด็กตัวเองได้บทนางเอก กันทั้งนั้น แต่สำหรับเจ๊..ไม่ต้องห่วง”
“จริงนะคะเจ๊”
“ไม่เชื่อเจ๊แล้วหนูจะเชื่อใครล่ะ ว่าแต่เจ๊มีเรื่องอยากคุยกับหนูและอยากวางแผนด้วยกัน”
“ได้สิคะเจ๊..เรื่องอะไรเหรอคะ”
เจ๊เมี่ยงยังไม่ทันจะพูดเธอก็เหล่ตาไปมองยุวดีที่ยื่นหูสาระแนเสนอแบบอยากรู้อยากเห็นสุดฤทธิ์ เจ๊เมี่ยงจิกหน้ามองยุวดีที่ยิ้มแหะๆ แต่ยังไม่ยอมไปไหน
เจ๊เมี่ยงพาแพตตี้เข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวแล้วปิดประตู แพตตี้สงสัย
“มีอะไรลับลมคมนัยเหรอคะเจ๊ถึงต้องระวังไม่ให้ยุวดีรู้เรื่องด้วย”
“คือมันเป็นเรื่องที่ถ้าป๋าปืนโตของหนูรู้เข้า เจ๊อาจกลายเป็นเป้านิ่งให้ป๋าหนูยิงได้ค่ะ”
“นี่เจ๊กำลังวางแผนอะไรคะ”
“ก็แผนดันหนูพร้อมๆกับสั่งสอนนังพุชชี่แหละค่ะ แต่งานนี้เป้าหมายมันเกี่ยวข้องกับ เน็กซ์กับหนูด้วย”
แพตตี้ชะงัก “ก็ไหนเจ๊บอกหนูว่าต่อไปนี้ไม่ต้องสนใจเน็กซ์แล้ว..ให้เชิ่ดใส่อย่างเดียว”
“ใช่จ้ะ..แต่แผนการรบมันต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ตอนนี้เน็กซ์กำลัง เข้าใกล้คำว่าซุปตาร์เข้าไปทุกที เจ๊ก็เลยไม่อยากหนูตกขบวนรถไฟนี้”
แพตตี้นิ่งมองอย่างครุ่นคิด
เจ๊เมี่ยงตะล่อมสุดฤทธิ์ “หนูรับปากแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าหนูจะเชื่อฟังทำตามที่เจ๊บอกทุกอย่าง รับรองเลยค่ะถ้าทำตามที่เจ๊บอก..นอกจากหนูจะได้เป็นซุปตาร์แล้ว..หนูยังจะได้ความ สะใจเป็นของแถมอีกด้วย”
“ก็ได้ค่ะ..ถ้าเชื่อฟังเจ๊แล้ว หนูจะได้เป็นซุป’ตาร์..หนูทำได้หมด”
เจ๊เมี่ยงยิ้มพอใจจึงจับแก้มแพตตี้มาฉีกยิ้มเล่น
หน้าห้องแต่งตัวในหอประชุมที่จัดงานมีป้ายกระดาษเขียนติดหน้าห้องแต่งตัวเอาไว้ว่า “เฉพาะทีมงาน งานประกวดเบสต์ทีวีอวอร์ด 2556” สาวๆที่มารับหน้าที่เชิญรางวัลกำลังแต่งตัว แต่งหน้าสวยงาม และอัพอึ๋มกันสุดฤทธิ์ แก้วใสนั่งหันหลังโดยมีทีมงานช่วยเสริมอกให้อยู่ ทิชชู่กองพะเนินอยู่ข้างๆ
แก้วใสจั๊กจี๋จนจะหลุดขำ “เสร็จยังคะพี่..แก้วใสจั๊กจี๋”
“คุณน้องก็อยู่นิ่งๆสิคะ...ไม่งั้นพี่จะดันให้มันอึ๋มขึ้นมาได้ยังไง เห็นมั้ยคะ..ทิชชู่ทั้งกองนี่พี่ ต้องยัดมันเข้าไปให้หมด”
แก้วตาเดินเข้ามา “พอๆๆๆ หยุดดันอึ๋มลูกชั้นซะที..ไปๆๆ”
“แต่ว่า...”
“ไม่ต้องมาตงมาแต่...ชั้นถามจริงๆเถอะงานนี้จะให้ลูกชั้นใช้มือเชิญถ้วยรางวัลออกไป หรือจะเอาถ้วยรางวัลวางบนหน้าอกกันแน่...ห๊ะ !!”
ทีมงานหน้าจ๋อย แก้วตาจับลูกสาวหันมาแล้วตรวจดูเสื้อผ้าหน้าผม
“เดี๋ยวคุณแม่ดูให้เองดีกว่าค่ะคุณลูกขา”
แก้วใสไม่พอใจปัดมือแก้วตาแล้วเดินไปที่มุมโต๊ะแต่งหน้าอย่างหัวเสีย แก้วตารีบเดินตาม
แก้วใสนั่งลงที่เก้าอี้หน้ากระจกแต่งหน้า แก้วตาเดินตามมาถาม
“เป็นอะไรไปอีกล่ะคะคุณลูกขา”
“ไหนแม่บอกจะหางานดีๆให้แก้วไง..แล้วนี่อะไร..พริตตี้เชิญถ้วยรางวัลเนี่ยนะ”
“แหม..ใจเย็นๆสิลูก เราเพิ่งออกมาจากบ้านของนังพุชชี่ อะไรๆก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง มีงานอะไรเข้ามาแม่ก็ต้องรับไว้ก่อน”
“หึ..แก้วถามจริงๆเถอะ..แม่แน่ใจนะว่าแม่จะดันแก้วให้เป็นซุปตาร์ได้ดีกว่านังพุชชี่”
“แน่ใจสิ..แม่แอบดูนังพุชชี่ทำงานมาตั้งหลายปี..ถ้าคิดว่าไม่มีดีคงไม่แยกออกมาหรอก”
ไม่ทันขาดคำ ‘เมตตา’ ดาราสาวมากฝีมือก็เดินตรงดิ่งเข้ามาด้วยหน้าตาเอาเรื่อง ทีมงานพยายามตามมาห้าม
“ใจเย็นๆค่ะพี่..อย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ”
เมตตาหันไปขึ้นเสียง “พวกเธอไม่ต้องมายุ่งเลย..นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของชั้น”
“มีเรื่องอะไรกันเหรอคะคุณเมตตา”
เมตตาหันมาจิกหน้าร้ายจ้องเขม็งทั้งแก้วตาแก้วใสแต่เน้นที่แก้วใสมากกว่า
“พวกแกแม่ลูกเลิกทำหน้าแอ๊บแบ๊วกันได้แล้ว นึกอยู่แล้วเชียวว่าอีฉกต้องเป็นแก แต่ไม่ เคยจับได้คาหนังคาเขาซะที นังร่านชอบฉกผัวชาวบ้าน” เมตตาว่า
เมตตาด่าพร้อมชี้หน้าแก้วใส แก้วใสสะดุ้งโหยง แก้วตาตกใจ ทุกคนในห้องแต่งตัวเริ่มเข้ามามุง
“คุณเมตตาคะ..พูดอะไรระวังปากหน่อย ลูกสาวชั้นไม่เคยไปฉกผัวใคร” แก้วตาบอก
“ก็ผัวชั้นไง” เมตตาผลักแก้วตาให้หลบแล้วเข้าไปจ้องหน้าแก้วใส “เห็นหน้าตาซื่อๆ แบ๊วๆเป็น ตุ๊กตาบาร์บี้ โถ...แกมันก็เป็นได้แค่ตุ๊กตายางแก้ขัดผัวชั้นเท่านั้นแหละ”
เมตตาพูดไปก็หันไปคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะมาสาดโครมใส่หน้าแก้วใสทันที
แก้วใสปรี๊ดแตกทันที “อ๊าย !! นังแก่หนังเหี่ยว แกนั่นแหละหนังเหนียวเป็นหนังยาง ผัวแกถึงเบื่อที่จะเคี้ยวหนังเหี่ยวๆของแกไง”
เมตตาโดนย้อนกลับก็ปรี๊ดขึ้นสุดๆเหมือนกันจึงเงื้อมือจะตบ ทีมงานรีบเข้ามาขวาง
“พอเถอะค่ะคุณเมตตา เดี๋ยงงานจะเริ่มแล้วนะคะ”
“ไปเลยนะนังแก่..ถ้าแกเข้ามาหาเรื่องลูกสาวชั้นอีก ชั้นจะเรียกตำรวจมาลากคอแก”
“เอาเลย..เรียกมาเลย ชั้นจะได้ให้ตำรวจดูคลิปในเน็ต แล้วจะให้เขาช่วยสั่งสอนแกว่า ต่อไปควรจะเลี้ยงลูกยังไงไม่ให้ร่านฉกผัวชาวบ้านคาบไปกิน”
แก้วตาได้ยินว่าคลิปก็ตกใจจึงหันไปมองหน้าลูกสาวที่กำลังทำหน้าตาตกใจอึกอักจนแก้วตาชักสงสัย
“คุณเมตตาคะ..หนูขอล่ะพอก่อนเถอะนะคะ งานจะเริ่มอยู่แล้ว..ข้างนอกมีแขกผู้ใหญ่ เต็มไปหมดเลย..นะคะ” ทีมงานพยายามอ้อนวอนขอร้อง เมตตาเลยเย็นลง
“ก็ได้..แต่ถ้าชั้นยังเห็นหน้านังร่านนี่ ขึ้นไปเชิญรางวัลให้ชั้นอยู่ล่ะก็…ชั้นจะไม่รับรางวัล นี้เด็ดขาด”
เมตตาสะบัดกระโปรงเชิดเป็นนางพญาแล้วเดินออกไป ทุกคนในห้องแต่งตัวซุบซิบพร้อมกับมองแก้วตากับแก้วใสทำเอาแก้วตาจ้องเขม็งลูกสาวอย่างจับผิด
อ่านต่อตอนที่ 8