xs
xsm
sm
md
lg

มาดามดัน ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มาดามดัน ตอนที่ 6

ระหว่างรอเข้าเซ็ต แก้วใสมาให้นักข่าวถ่ายรูปและสัมภาษณ์โดยมีอินทัชที่ใช้กล้องแบบเลนส์ซูมถ่ายอยู่ด้วย

“ขออีกรูปนะครับ” อินทัชบอก
“ได้ค่ะ” แก้วใสโพสต์เปลี่ยนท่าให้นักข่าวเก็บภาพ แก้วตารีบเสนอหน้าเข้ามาจัดการ
“น้องๆคะ อย่าเพิ่งรีบถ่ายแก้วใสคนเดียวนะคะ งานนี้เน็กซ์เขาถ่ายแบบคู่กับแก้วใสด้วย ไว้รอเขามาแล้วถ่ายคู่กัน เอารูปคู่ไปลงเยอะๆดีกว่าค่ะ”
“เห็นคุณแก้วใสลงรูปคู่กับเน็กซ์ในอินสตาแกรมบ่อยๆว่าสนิทกันมาก แล้วทำไมวันนี้ถึง แยกกันมาล่ะครับ”
“อ๋อ..เน็กซ์เขาติดถ่ายละครอยู่ค่ะ แต่เดี๋ยวเขาก็ตามมา”
แก้วตารีบแถเข้าไปหยิกหลังลูกแล้วซุบซิบ “ตอบแบบนี้ได้ไงคะคุณลูกขา”
“ทำไมล่ะแม่” แก้วใสถาม
“ก็ที่คุยกันไว้ไงคะ”
“อุ๊บส์..แก้วใสลืมค่ะคุณแม่”
“งั้นเดี๋ยวแม่ปูให้แล้วแกตบ โอเค๊” แก้วตาบอก แก้วใสพยักหน้า แก้วตาจึงหันไปที่นักข่าวต่อ “น้องๆคะคือ ช่วงนี้เน็กซ์กับแก้วใสคิวไม่ค่อยชนกัน เพราะเน็กซ์เขากำลังเป็นดาวรุ่ง ถึงจะอยู่บ้าน มาดามพุชชี่เหมือนกันแต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน”
“ค่ะ..ตอนนี้ทั้ง 24 ชั่วโมง เน็กซ์ก็เลยตัวติดอยู่กับมาดามพุชชี่ ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตลอด ยังไงก็ฝากพี่ๆช่วยเป็นอีกกำลังใจให้เน็กซ์เขาด้วยนะคะ”
ทีมงานเข้ามาตาม “น้องแก้วใสคะ ระหว่างรอเน็กซ์มา พี่ใหญ่อยากเก็บภาพเดี่ยวน้องก่อน”
ได้ค่ะพี่” แก้วใสพูดกับนักข่าว “แก้วใสขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
แก้วใสเดินออกไป แก้วตาหันมาฉีกยิ้มให้กับช่างภาพและนักข่าวโดยเฉพาะกับอินทัชที่แก้วตาสนใจเป็นพิเศษ
“หน้าตาน้องไม่คุ้นคุณแม่เลย..มาจากเล่มไหนเหรอคะ” แก้วตาถาม

แก้วตาจิบกาแฟไปคุยกับอินทัชไปอยู่ที่มุมกาแฟในกองถ่าย
“ทีวีกูรูครับ” อินทัชบอก
“แหม...ที่แท้ก็นักข่าวคนใหม่ของพี่จิ๋มทีวีกูรูนี่เอง คุณแม่กับพี่เขาสนิทกันมากค่ะ ตอน แก้วใสเริ่มเข้าวงการใหม่ๆ ก็ขึ้นปกให้พี่เขาเป็นเล่มแรก”
“ครับ..พี่จิ๋มก็เล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน” อินทัชบอก
“หนังสือของพี่จิ๋มน่ะขายดีอยู่แล้วเพราะขึ้นชื่อว่าไม่มีกอสสิบมีแต่เรื่องจริง”
“คุณแม่ครับ..ที่คุณแม่ชวนผมคุยเนี่ย เพราะคุณแม่มีข่าวจะกอสสิบให้ผมฟังใช่มั้ยครับ”
แก้วตาชะงักจนเกือบพรวดกาแฟที่ดื่มอยู่ออกมา “แหม..สมกับเป็นนักข่าวใหม่ไฟแรงเลยนะคะ ที่จริง แล้วคุณแม่ก็ไม่อยากจะเมาท์เลยนะคะ ไม่เมาท์เลยจริงๆ ว่าคุณแม่น่ะสงสารแก้วใส ม๊ากกกกกมาก ทุกอย่างมันไม่ได้ชื่นมื่นมีความสุขเหมือนอย่างที่เห็นในไอจีหรอกค่ะ”
“เน็กซ์กับแก้วใสเหรอครับ”
“เฮ้อ..ก็ใช่น่ะสิคะ ไอ้เรื่องปัญหามือที่สามเนี่ยทำให้แม่สงสารแก้วใสเหลือเกิน”
“แล้วใครเหรอครับที่เป็นมือที่สาม”
แก้วตารีบเอามือปิดปาก “อุ๊บส์..อย่าถามคุณแม่ตรงๆแบบนี้สิคะน้อง เดี๋ยวจะกลายเป็นว่า คุณแม่พาดพิงมือที่สามให้เดือดร้อนตามมาอีก”
“งั้นผมขอตัวนะครับคุณแม่”
“เดี๋ยวสิคะน้อง..เอาเป็นว่ามือที่สามคนนี้เนี่ยเป็นคนที่แก้วใสแตะไม่ได้เลยค่ะ เพราะเขา ดูแลผลประโยชน์ทุกอย่างให้น้องแก้วใสอยู่ นี่คุณแม่ไม่ได้พาดพิงใครนะคะ จริงๆนะคะ แค่หาที่ระบายเพราะสงสารลูกสาวแค่นั้นเอง..เฮ้อ”
แก้วตาทำซดกาแฟพรวดกลบเกลื่อนสุดฤทธิ์ อินทัชยังไม่ทันจะถามอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ก็ดัง เขาหยิบมาดูเบอร์ที่โชว์แต่ยังไม่รับ
“ขอตัวก่อนนะครับ”
อินทัชเดินออกไป แก้วตาเสียดายเพราะว่ากำลังจะได้เรื่อง

ตุลยาโทรศัพท์หาอินทัชด้วยมือถือ
“ทำอะไรของนายอยู่..ชั้นโทรไปตั้งนานกว่าจะรับสาย”
อินทัชเดินเลี่ยงออกมาคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่ง
“ผมก็ทำงานอยู่น่ะสิตุล ปุบปับจะให้ผมได้อย่างใจคุณตลอดเวลา เห็นใจผมบ้างได้มั้ย”
“อินทัช !! เดี๋ยวนี้เถียงชั้นเหรอ” ตุลยาไม่พอใจ
เสียงจากมือถือดังจนอินทัชต้องเอามือถือออกห่าง “ไม่ได้เถียง..แต่พูดตรงๆครับตุล”
“ไม่ต้องมาเล่นสำนวนกับชั้น ตกลงงานที่รับปากจะช่วย ไปถึงไหนแล้ว”
“งาน ?...งานอะไร”
“ไอ้บ้า นี่ลืมจริงหรือแกล้งลืมเนี่ย ไหนว่าเรื่องชั้นต้องมาเป็นที่หนึ่งสำหรับนายเสมอไง โธ่เอ้ย..สุดท้ายชั้นก็หวังพึ่งไม่ได้ ต่อไปนี้อย่ามาให้ชั้นเห็นหน้าอีก..แค่นี้นะ”
อินทัชรีบทันที “เดี๋ยวสิตุล..ผมล้อเล่น ผมเพิ่งได้ข่าวกอสสิบของมาดามพุชชี่มาเมื่อกี้นี่เอง”

ตุลยามีสีหน้าสนใจขึ้นมาทันที “กอสสิบเหรอ..ว่าไง..รีบๆเล่าให้ชั้นฟังเดี๋ยวนี้เลย” ตุลยาตั้งใจฟัง

คนขับรถที่ไปรับติณณภพกลับมาจากสนามบินจอดรถ
 
คนใช้หญิงเข้าไปเปิดประตูให้ติณณภพที่นั่งเบาะหลัง ติณภพลงจากรถด้วยสีหน้าซีดๆ เพลียๆ ซึ่งเป็นอาการของคนมีไข้ ติณภพไอเล็กน้อย
“ไม่สบายเหรอคะคุณติณ ดูหน้าซีดๆจังเลย”
ติณณภพพยักหน้า “สงสัยจะเจออากาศเปลี่ยนมากกว่าน่ะ”
ติณณภพบอกคนรับใช้ไปซึ่งก็มีอาการกระแอมไอตลอด
“ให้ดิฉันเอายามาให้มั้ยคะ”
“ไม่เป็นไร..เอากระเป๋าไปเก็บให้ชั้นก็พอ”
“ค่ะ”
“เออ..แล้วตุลล่ะ อยู่รึเปล่า”
“หลังบ้านน่ะค่ะ”
คนรับใช้พูดแล้วหิ้วกระเป๋าเดินทางของติณณภพเดินเข้าไปในบ้าน ติณณภพมีสีหน้าเพลียๆเหนื่อยๆ ในขณะเดินเข้าไปในบ้าน

ตุลยายังคุยโทรศัพท์อยู่กับอินทัช
“นั่นไงชั้นว่าแล้วจริงๆ..มิน่าถึงชอบนักอาชีพนี้ไม่ยอมไปทำมาหากินอย่างอื่น ทำเป็น มาดามดันบังหน้า แต่รสนิยมชอบกินเด็กนี่เอง”
“อย่าเพิ่งมั่นใจขนาดนั้นสิตุล ก็แค่เรื่องที่ผมฟังเขาเมาท์มาอีกที” อินทัชบอก
“นายกินหญ้าเป็นอาหารเช้าเหรอไง แม่แก้วใสบอกมาชัดซะแทบจะระบุ DNA ขนาดนั้น”
“ผมรู้..แต่จากประสบการณ์ทำงานในวงการนี้มา ถ้าฟังอะไรมาแล้วก็ต้องหารครึ่งเอาไว้ ก่อน เพราะทุกอย่างมันมีเรื่องของผลประโยชน์ซ่อนอยู่”
“แต่ชั้นไม่สนใจว่าจะมีผลประโยชน์ของใครซ่อนอยู่ ที่ชั้นสนมีอยู่แค่เรื่องเดียวคือชั้นรักพี่ติณมาก และชั้นก็ไม่ต้องการเห็นเขางมงายอยู่กับผู้หญิงที่ไม่คู่ควร”
“แต่ความรักควรจะต้องให้เจ้าของหัวใจเป็นคนตัดสินสิตุล ไปชี้นำให้มันไม่ดีนะ”
“มันต้องดีสิ..ชั้นเป็นน้องสาวคนเดียวของเขา ชั้นต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้พี่ชายชั้น” ตุลยาว่า ติณณภพขึ้นบันไดมาเห็นก็เอ่ยถาม
“เม้าท์อะไรพี่อยู่เหรอ..ตุล”
ตุลยาชะงักแล้วหันไป “พี่ติณ !! เอ่อ...คือ” ตุลยาหันกลับมาแล้วเอามือป้องโทรศัพท์แล้วพูดเบาๆ “ชั้นไม่สนใจว่านายจะทำยังไง แต่นายต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ชั้นให้ได้..เข้าใจมั้ย แค่นี้นะ”
ตุลยากดตัดสายไปแล้วหันมายิ้มกับติณภภพก่อนจะเดินเข้าไปหา

อินทัชมองโทรศัพท์ในมือแล้วส่ายหน้าเซ็งๆ ก่อนจะพูดใส่โทรศัพท์
“เพราะรักนะเนี่ย”
ระหว่างนั้นเสียงกรี๊ดของแฟนคลับก็ดังขึ้นมาแต่ไกล อินทัชหันไปเห็นพุชชี่ขับรถเข้ามาพร้อมกับเน็กซ์ แฟนคลับเข้าไปรุมล้อมขอลายเซ็นต์ถ่ายรูปเน็กซ์เป็นการใหญ่ พุชชี่ปล่อยให้เน็กซ์ทำหน้าที่ไปได้สักพักก็ขอตัวกับแฟนคลับ
“น้องๆคะ..ขอบคุณที่มาให้กำลังใจเน็กซ์นะคะ แต่พี่ต้องขอตัวพาเน็กซ์เข้าไปทำงานก่อน เดี๋ยวเน็กซ์จะถูกต่อว่าได้ว่ามาทำงานสายแล้วให้คนอื่นรอ ขอตัวนะคะ”
พุชชี่รีบเข้าไปพาตัวเน็กซ์ออกมาจากกลุ่มแฟนคลับ อินทัชมองตามทั้งคู่แล้วยกกล้องขึ้นมา Zoom ก่อนจะกดชัตเตอร์รัวๆ

พุชชี่พาเน็กซ์เข้ามาในบริเวณกองถ่ายแล้วก็หยุดยืนคุยกัน
“เพิ่งจะมีผลงานแค่ไม่กี่ชิ้นแต่ก็มีแฟนคลับตามมาเชียร์แล้ว เธอเนี่ยทุบสถิติดังเร็วดัง แรงกว่าเด็กปั้นของมาดามพุชชี่ทุกคนเลยนะ”
เน็กซ์ทำหน้ากวนใส่ “เหรอครับ..แต่ไอ้ที่ผมอยากทุบน่ะ ไม่ใช่สถิติ อยากทุบอย่างอื่นมากกว่า”
พุชชี่สะดุ้ง “เน็กซ์ !! นี่เธอยังไม่หายโกรธชั้นเรื่องแพตตี้อีกเหรอ”
“ยัง..เพราะจนป่านนี้ผมก็ยังติดต่อแพตตี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
“งั้นถ้าเป็นห่วงแฟนเธอมาก ก็ไปเลย..ชั้นจะยกเลิกทุกงานที่รับไว้ให้ ที่แท้ก็อยากตามหาแฟนมากกว่าตามหาพ่อ โธ่เอ้ย”
“ป้าอย่ามาพาลนะ แพตตี้ไม่ใช่แฟนผม”
พุชชี่หัวเราะเยาะ “หึ..เราไม่ได้ออกสื่ออยู่ เธอไม่ต้องใช้คำตอบบล็อคดารากับชั้น ถ้าเธอไม่ ได้ไปให้ความหวัง มีเหรอที่ผู้หญิงคนนึงจะยอมหนีออกจากบ้านมาเพื่อเธอ”
“ถ้าแพตตี้จะคิดกับผมแบบนั้น ผมก็ไปห้ามเธอไม่ได้ แต่สำหรับผม ผมรักแพตตี้เหมือน น้องสาว เพราะเรามีสิ่งที่เหมือนกัน”
“อะไร ?”
“ถ้าทั้งอำเภอมีป้ากับผมเป็นเด็กลูกครึ่งอยู่แค่ 2 คน ต้องใช้ชีวิตต้องเติบโตมาด้วยกัน ท่ามกลางคนที่ไม่เหมือนเรา ป้าจะรู้สึกยังไง”
พุชชี่นิ่งไป
“ผมเป็นผู้ชาย โดนล้อว่าไอ้หมาหลงยังพอทน แต่แพตตี้เป็นผู้หญิงโดนล้อว่าไอ้ลูกบักสีดาน่ะ เธอน่าสงสารมากนะป้า”
“ก็ได้ !! ชั้นยอมรับว่าชั้นผิดที่กีดกันเธอกับแพตตี้ เพราะชั้นไม่รู้นี่ว่าเธอเห็นแพตตี้เป็น แค่น้องสาว ชั้นแค่ไม่อยากให้เรื่องผู้หญิงมาทำลายอนาคตที่ชั้นกำลังสร้างให้เธอ”
“ขอโทษผมตอนนี้มันสายไปแล้วป้า ผมบอกแล้วไงว่าผมเกลียดคนเห็นแก่ตัวที่สุด”
พุชชี่ของขึ้น “เอาเลย..ด่าชั้นเข้าไป ชั้นมันคนเห็นแก่ตัว เป็นพวกจ้องหาผลประโยชน์จาก เด็ก อยากเกลียดชั้นก็ไม่ว่าหรอก เพราะชั้นก็ไม่ได้หวังให้เธอมารักชั้นเหมือนกัน”
พุชชี่ตอบอย่างหัวเสียแล้วผลักไหล่แต่ถูกเน็กซ์จับมือแล้วบีบแน่นก่อนจะออกแรงดึงเข้าหาจนตัวติด เน็กซ์จับไหล่ทั้ง 2 ข้างของพุชชี่ ทั้งคู่มองหน้ากัน เน็กซ์จ้องเข้าไปที่ตาพุชชี่อย่างจริงจัง
“งั้นป้าหวังให้ใครมารัก”
อินทัชตามมาแอบถ่ายโดยใช้กล้อง Zoom เข้าไปใกล้
ภาพตัดไปเป็นภาพในเฟรมกล้องของอินทัชที่ตามมาแอบถ่ายจากระยะไกล พุชชี่กับเน็กซ์ภาพคู่ใกล้ตัวชิดติดกันมองตากัน ดูแล้วมีความสนิทสนมมากกว่าผู้จัดการกับเด็กปั้นในสังกัดอยู่ไม่น้อย
 
อินทัชกดชัตเตอร์ไม่หยุด

ทันใดนั้นทีมงานผู้หญิงคนเดิมก็เข้ามาขัดจังหวะเน็กซ์กับพุชชี่พอดี

“น้องเน็กซ์คะ..อุ๊บส์..ขอโทษค่ะ พี่ไม่รู้ว่าน้องกำลังยุ่งอยู่”
พุชชี่รีบผลักเน็กซ์ออกไปห่างๆแล้วพูดกลบเกลื่อนสุดฤทธิ์ “เด็กบ้ารีบไปทำงาน อย่ามาหาเรื่อง เกเร ไปสิ !”
เน็กซ์มองหน้าพุชชี่ทิ้งท้ายแล้วเดินตามทีมงานไป พุชชี่มีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ

ติณณภพนั่งลงอยู่แล้วกับตุลยา เขาดื่มน้ำแล้ววางแก้วลง
“อินทัช..เพื่อนมหา’ลัยเราน่ะเหรอ”
“ค่ะพี่ติณ..เดี๋ยวนี้เขาเป็นนักข่าวบันเทิง ตุลกำลังถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน พี่ติณก็มาพอดี ไม่ได้เมาท์เรื่องอะไรพี่ติณหรอกค่ะ”
“งั้นก็แล้วไป”
“ทำไมพี่กลับมาเร็วจัง นึกว่าเที่ยวนี้จะบินนานกว่านี้ซะอีก”
“พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะเลยขอลากลับมาพัก”
“ไม่สบายเหรอตะ.. ไหนขอตุลดูหน่อย”
ตุลยารีบเอามืออังหน้าผากแล้วพบว่าพี่ชายมีอาการตัวร้อน
“พี่ติณตัวร้อนนี่.. เดี๋ยวตุลเอายามาให้ เอ๊ะ..หรือไปหาหมอเลยดีกว่า”
“พี่ไม่เป็นไรหรอก ..น่าจะแค่หวัดธรรมดาเท่านั้น”
ติณณภพขยี้หัวน้องสาวเพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรมาก ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของตุลยาก็ดังขึ้น ตุลยาเปิดดูแล้วนิ่งไปเพราะเห็นรูปที่ส่งมาทาง IG
ติณณภพยิ้มๆ “นายอินทัชโทรมาอีกล่ะสิ.. งั้นพี่ไม่กวนเราแล้ว”
ติณณภพจะเดินออกไปแต่ถูกตุลยาเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะพี่ติณ..คือ..ตุลอยากให้พี่ดูอะไรหน่อยค่ะ” ตุลยาว่า
ติณณภพสงสัย “อะไรเหรอ”
ตุลยาตัดสินใจยื่นมือถือให้พี่ชายดูภาพที่เพิ่งถูกส่งเข้ามา ติณณภพเห็นภาพในจอมือถือซึ่งเป็นภาพที่เน็กซ์จับไหล่ พุชชี่ดึงตัวเข้ามาชิดกันมองตากันตามที่อินทัชถ่ายมาได้
ติณณภพชะงักไป “นี่..นี่หมายความว่าไงน่ะตุล”
“คืออินทัชเขาได้ข่าววงในมาว่าพี่พัฒแอบมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเด็กปั้นตัวเอง แต่น้องไม่ เชื่อเขาก็เลยส่งภาพนี้มาให้ดู”
ติณณภพนิ่งไปมองภาพในมือถือ ตุลยาพอใจ

ณ ออฟฟิตนิตยสารบิซาร์ นิตยสารแฟชั่นชื่อดังซึ่งตกแต่งอย่างทันสมัย อัย บรรณาธิการบริหารชื่อดังซึ่งมีฉายา แอนนา วินทัวร์เมืองไทย มือข้างหนึ่งสะพายกระเป๋า แบรนด์เนมตรวจดูพรูฟนิตยสารอยู่ท่ามกลางทีมงานผู้หญิง 2 คน
“อั๊ยย่ะ !!พวกหล่อนเอาอะไรมาให้ชั้นดูเนี่ย..นิตยสารบิซาร์ของชั้นเป็นผู้นำแฟชั่นเบอร์ 1 ของเมืองไทย ขายเล่มนึงน่ะหลายร้อยไม่ใช่วารสารงานฝีมือโชว์ถักนิตติ้งหน้าปกย่ะ ไม่เอา”
อัยเหวี่ยงปรู๊ฟที่ลูกน้องเอามาให้ดูแล้วรับอีกอันหนึ่งมาดูซึ่งเป็นภาพนางแบบถือกระเป๋าแบรนด์เนมยืนเริ่ดๆเชิดๆ อยู่บนเรือที่บรรทุกกระเป๋าแบรนด์เนมมาเต็มลำ
“อั๊ยย่ะ..อ๊ายย...อันนี้ชอบๆๆๆๆ ดูดีมีรสนิยม หรูเริ่ดอลังมาก โอเลยจ้ะเด็กๆ”
ทีมงานเห็นบก.บห.ชอบก็พากันเป่าปากโล่งอก ระหว่างนั้นเลขาของอัยชื่ออั้มอึ้ง เข้ามาขัดจังหวะ
“พี่อัยคะ..มีแขกมารอพบค่ะ”
“ใครยะยัยอ้ำอึ้ง..ทำไมไม่นัดไว้ก่อน ไม่เห็นเหรอไงว่าตอนนี้ชั้นไม่ว่าง”
เจ๊เมี่ยงตามหลังเลขาเข้ามา “อีเมี่ยงเจิดสะเหร่อหน้ามาขัดจังหวะเองค่ะ คุณพี่อัย..อั้ยย่ะ”
อัยตกใจ “อ๊าย..อั๊ยย่ะ อีนังเมี่ยง !”

อัยกับเจ๊เมี่ยงเข้ามานั่งคุยกันมีเลขาอยู่ในห้องด้วย
“ร้อยวันพันปีกว่าชั้นจะได้เห็นหน้าหล่อน ปกติต้องไปซาวน่าถึงจะได้เจอ แล้วนี่ลมอะไรหอบหล่อนมาได้ยะ”
“แหม..อีเมี่ยงไม่ได้งานยุ่งหัวฟูอย่างคุณพี่อัย ศุภเช เจ้าของฉายาแอนนา วินทัวร์เมือง ไทยหรอกค่ะ”
“อั๊ยย่ะ..หยุด..อย่ามาเมาท์ชั้นนะหล่อน รีบบอกธุระมา”
“เวลาเป็นเงินเป็นทองตลอดนะคะคุณพี่ ก็ได้ค่ะ มีธุระสองข้อค่ะ ข้อแรกคิดถึงพี่ม๊ากกก มากเลยอยากมาเซฮัลโหลกับจุ๊บๆด้วยความรัก”
“ข้อแรกโอ..ผ่านย่ะ”
เจ๊เมี่ยงลุกไปหาอัย อัยเอียงแก้มซ้ายขวาให้เจ๊เมี่ยงเข้าไปหอมแก้มจุ๊บๆแบบน่าหมั่นไส้
“ทีนี้ก็ว่าข้อสองของหล่อนมา..อ๊ะ..แต่ให้เดาก่อน..ข้อนี่น่าจะเหมือนเดิม หล่อนมีเด็ก ใหม่จะมาแนะนำให้ชั้นใช่มั้ย”
“อั๊ยย่ะ !!...สมเป็นพี่สาวที่อีเมี่ยงรักและเทิดทูนจริงๆ”
“ไม่ต้องมาล้อเลียนชั้น...ที่ชั้นเดาถูกเนี่ยก็เพราะข่าวน้องหนูฝันหวานๆของหล่อนนั่น แหละ หล่อนถึงต้องเร่งปั้นเด็กใหม่มาเสียบ ว่าแต่ดูแลยังไงถึงได้ปล่อยให้ถูกกินตับจนฉาวไปทั้งวงการได้”
“เด็กมันรักทางนั้นล่ามโซ่ไว้ยังไงก็ไม่รอด แต่ก็ยังดีที่เขารักจริงไม่งั้นมีหวังเป็นของเล่น พวกไฮโซแน่ อุ๊บส์ ไม่เอาแล้วไม่เมาท์ เข้าเรื่องเด็กใหม่ที่อีเมี่ยงอยากพามาฝากเนื้อ ฝากตัวกับคุณพี่ดีกว่า”
เจ๊เมี่ยงลุกจากที่นั่งแล้วจะเดินไปเปิดประตูจะเรียก แต่อัยทักก่อน
“เดี๋ยว..ก่อนที่หล่อนจะให้ชั้นดูเด็กใหม่หล่อนเนี่ย..ขอบอกไว้ก่อนนะ ถ้าไม่แซ่บกว่าฝันหวานๆล่ะก็..ชั้นไม่ช่วยหล่อนหรอกนะ”
เจ๊เมี่ยงยิ้มกรุ้มกริ่ม “นี่ใครคะคุณพี่..นี่อีเมี่ยงเจิด ถ้าไม่เริ่ดก็เชิดใส่นะคะ” เจ๊เมี่ยงทำท่าด้วย
อัยพยักหน้ารับ เจ๊เมี่ยงจึงเดินไปเปิดประตูห้องแล้วพาแพตตี้เข้ามาและแนะนำตัว
“นี่ค่ะคุณพี่..น้องแพตตี้ ว่าที่ซุป’ตาร์คนใหม่ของอีเมี่ยงเจิด”
ทันทีที่แพตตี้เดินเข้ามา อัยก็ถึงกับตกตะลึงและอึ้งสุดๆ
อัยไล่เสียงดังทีละสเต็ป “อั๊ยย่ะ !! อั๊ยย่ะ!! อั๊ยย่ะ !”
“ถึงขนาดสามอั๊ยย่ะแบบนี้ แสดงว่าสุดๆแล้วใช่มั้ยคะคุณพี่” เจ๊เมี่ยงถาม
“นังอ้ำอึ้ง !!” อัยเรียก
“คะพี่อัย”
“ตอนนี้ที่สตูฯกำลังมีถ่ายปกเล่มปักษ์หน้านี้ใช่มั้ย” อัยถาม
“ค่ะ”
“งั้นหล่อนรีบโทรไปบอกว่าพี่มีคำสั่งเสียบด่วน ให้นางแบบที่กำลังถ่ายอยู่ไปถ่ายปักษ์อื่น เพราะพี่จะให้น้องแพตตี้ถ่ายแบบเดี๋ยวนี้เลย !”
“ค่ะ”
เจ๊เมี่ยงดีใจและอัยตะลึงในความสวยของแพตตี้

อาร์ทนุ่งกางเกงหนังตัวเดียวโชว์กล้ามอกและซิกค์แพคกำลังให้ช่างแต่งหน้าดูความเรียบร้อย ระหว่างนั้น หนูดอกก็เดินเข้ามาถาม
“หิวรึเปล่าอาร์ท”
“นิดหน่อย..แต่ไว้ให้ถ่ายงานเสร็จก่อนดีกว่า” อาร์ทบอก
“งั้นชั้นว่ากินก่อนเถอะ เพราะท่าทางเราต้องรอนางแบบคนใหม่มาก่อนถึงจะถ่ายได้”
อาร์ทแปลกใจ “รอนางแบบคนใหม่ ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“อ้าว..ยังไม่มีใครมาบอกเหรอ อยู่ๆพี่อัยก็โทรมาสั่งว่าให้เปลี่ยนตัวนางแบบกระทันหัน งานนี้ไม่รู้ว่าได้ใครมาเสียบ” หนูดอกหันไปถามช่างแต่งหน้า “เจ๊รู้มั้ยคะ”
“เดี๋ยวก็คงรู้ตอนถ่ายแบบเลยนั่นแหละค่ะ”

อาร์ทกับหนูดอกมองหน้ากันแล้วมีสีหน้าสงสัยปนอยากรู้

ฉากถูกตกแต่งไว้ด้วยธีมดนตรีร็อค โดยมีมอเตอร์ไซค์เป็นพร๊อพประกอบฉาก
 
อาร์ทกำลังให้สไตล์ลิสต์ จัดท่าทางเพื่อถ่ายเดี่ยวโดยมีหนูดอกยืนดูการถ่ายอยู่ห่างๆ ภาพอาร์ทโพสต์ท่าถ่ายแบบแมนๆเท่ๆ บนมอเตอร์ไซค์ตามที่ถูกออกแบบไว้โดยอาร์ทดูหล่อโคตรๆ
หนูดอกพูดกับสไตลิสต์ “พี่แต๋มคะ..อาร์ทถ่ายเดี่ยวไปตั้งหลายรูปแล้ว ทำไมนางแบบยังไม่มาอีก”
“ใจเย็นๆค่ะมาดามเฟลอร์..นางแบบน่ะมาได้สักพักแล้วกำลังแต่งหน้าทำผมอยู่”
“อ้าวเหรอคะ..แล้วนางแบบใหม่คนนี้น่ะ ใครเหรอคะ”
แต๋มยังไม่ทันจะบอกก็หันไปเห็นพอดี “มาโน่นแล้ว”
หนูดอกหันไปแล้วก็ต้องชะงักเหมือนกับทีมงานทุกคนที่อยู่ในสตูดิโอเพราะความสวยเฉี่ยวเปรี้ยวเซ็กซี่ของแพตตี้ในลุคสาวร็อคเกอร์นุ่งสั้นเสื้อหนัง โดยเฉพาะกับอาร์ทที่ถึงกับชะงักค้างเหมือนต้องมนต์
หนูดอกเหวอสุดๆ “ใครอ่ะ..สวย เซ็กส์ซี่ น่ารัก โดนมากๆ”
เจ๊เมี่ยงโผล่มาข้างหลัง “แค่นี้ก็จำไม่ได้แล้วเหรอยะยัยหนูดอก นึกดีๆสิยะอย่าความจำสั้น”
“เจ๊เมี่ยง”
“ย่ะ !! นั่นน่ะเด็กใหม่สังกัดชั้นเอง”
“เด็กใหม่เจ๊ ? หมายความว่าไงทำไมหนูถึงต้องนึกดีๆด้วย” พูดแล้วหนูดอกก็นึกขึ้นได้ทันที “หา !! ไม่นะ..อย่าบอกว่านั่นน่ะคือ..”
“ย่ะ..ถูกต้องแล้ว เพชรเม็ดงามที่ถูกนังพุชชี่เขี่ยทิ้ง แต่เมี่ยงเจิดนี่แหละที่จับมาเจียรนัย ใหม่จนเจิดจรัสแผ่ออร่าวิ้งๆจน” เจ๊เมี่ยงกระแทกเสียงคำว่าทิ่มใส่หน้า “ทิ่ม !! ตาหล่อนอยู่นี่ไง”
หนูดอกตกใจสุดฤทธิ์
อาร์ทยืนตะลึงมองแพตตี้ที่เดินเฉียดเข้ามาหยุดตรงหน้าเขาแล้วใช้หางตามองแบบหยามเหยียด
“แพตตี้ !!”

แก้วใสกับเน็กซ์โพสต์ท่าให้ช่างภาพถ่ายรูปตามคอนเซ็ปวัยรุ่นสนุกๆ พุชชี่ยืนดูเน็กซ์ถ่ายงานอยู่ที่มุมหนึ่งก่อนจะเหลือบไปเห็นแก้วตากำลังเมาท์อยู่กับทีมงานสาว เอคนที่ไปตามเน็กซ์แล้วเจอพุชชี่กับเน็กซ์ใกล้ชิดกัน พุชชี่จิกหน้ามองอย่างสงสัย
“จริงเหรอคะคุณน้อง..คุณน้องเห็นกับตาแน่นะคะ”
“ค่ะคุณแม่ พอหนูเข้าไปเห็นทั้งคู่ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกกันเลย ลับๆล่อๆกันสุดฤทธิ์” เอว่า
“นั่นไง..คุณแม่ถึงได้เป็นห่วงน้องแก้วใส น้องน่ะใสเหมือนแก้วสมกับชื่อ เลยซื่อไม่ทัน เหลี่ยมพวกไฟแรงสูง” แก้วตาบอก
“โถๆๆๆน่าสงสารน้องแก้วใสจังเลย”
ทั้งสองคนเมาท์กันอย่างสนุกปากจนพุชชี่อดสงสัยไม่ได้จึงรีบเดินตรงเข้ามา ทีมงานกับแก้วตาเห็นพุชชี่ก็รีบหุบปาก
“เมาท์อะไรพุชชี่อยู่เหรอคะ..คุณแม่..คุณน้อง”
“เมาท์ ?...เมาท์อะไรเหรอคะมาดาม เปล่านะคะ คุณแม่กำลังคุยเรื่องงานกับน้องเขาอยู่”
“ใช่ค่ะมาดาม กำลังคุยงานอยู่ หนูขอตัวก่อนนะคะ ต้องไปทำงานต่อ”
เอรีบชิ่งออกไปทำงานก่อนคนแรก แต่พุชชี่ยังจิกหน้ามองแก้วตาอย่างจับพิรุธ แก้วตาหลบตาสุดฤทธิ์
“แหม..วันนี้ร้อนจังเลยนะคะมาดาม คุณแม่รู้สึกหิวน้ำจัง”

แก้วตาทำทีรีบหยิบพัดลมมือถืออันเล็กๆขึ้นเป่าจ่อหน้าแล้วเดินเลี่ยงออกไปทันที พุชชี่มองตามไม่ไว้ใจ
 
อ่านต่อหน้า 2

มาดามดัน ตอนที่ 6 (ต่อ)

ณ สตูดิโอระหว่างรอทีมงานจัดเตรียมพร๊อพใหม่ที่เปลี่ยนเอามอเตอร์ไซค์ออกจัดชุดโซฟายาวเข้าแทนที่
 
แพตตี้กับอาร์ทยืนรออยู่ที่เซ็ต อาร์ทมองแพตตี้ไม่วางตา
แพตตี้หางตาใส่ “มองอะไรไม่ทราบ”
“พี่ก็มองน้องนั่นแหละ ไม่เจอหน้าแค่ไม่กี่อาทิตย์ ดูเปลี่ยนไปเยอะจนแทบจำไม่ได้”
“จำกันไม่ได้ก็ดีแล้ว เพราะนายไม่ใช่คนที่ชั้นอยากให้จำ”
อาร์ทยิ้มกวน “โอ้โห..แรงขึ้นพร้อมกับความสวยที่เพิ่มขึ้นจริงๆ สงสัยเจ๊เมี่ยงคงจะพาน้อง ไปทำมาเยอะ ถึงได้ออกมาแซ่บแสบแผลถลอกแบบนี้”
แพตตี้ชะงักโกรธ “นี่..ถ้าห้ามปากให้พูดจาหยาบคายดูถูกผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้ล่ะก็ เสร็จงาน แล้วก็กลับไปหาคู่เกย์ของตัวเองซะ จะได้ใช้ปากไปทำอย่างอื่น”
อาร์ทชะงักเหวออึ้งที่โดนแพตตี้ตอกกลับแบบแสบๆคันๆ แพตตี้เดินออกไปเพราะแพตตี้ก็คิดเหมือนกับคนอื่นที่เห็นภาพลักษณ์ของอาร์ทเป็นเกย์จากบทละครที่เคยเล่นไว้จนโด่งดัง หนูดอกเข้ามาสะกิดอาร์ทพร้อมเอาทิชชู่มาซับเหงื่อให้
“เป็นไงล่ะอาร์ท หงายเงิบเลยมั้ย ชาตินี้สงสัยแกจะสลัดบทเกย์ในจอออกไปไม่พ้นตัวแน่”
“ถามจริงๆเถอะหนูดอก..น้องคนนี้แสบแบบนี้มาตั้งแต่ที่บึงโขงหลงแล้วเหรอ”
“อู้ยย..อย่าให้เมาท์เลยอาร์ท เล่นเอามาดามปวดกบาลมึนตึ้บมาแล้ว แล้วนี่ยิ่งมาอยู่กับ เจ๊เมี่ยงอีกนะ ขอบอกเลย..แสบแซ่บคูณสอง”
อาร์ทฟังหนูดอกสาธยายแล้วก็มองแพตตี้ด้วยความสนใจ ระหว่างนั้นอัยก็เข้ามาจากภายนอกห้องสตู
“อั้ยย่ะ น้องอาร์ท น้องแพตตี้คะ พร้อมถ่ายแบบให้พี่กันรึยังคะ”
“พร้อมแล้วครับพี่อัย”
“โอเคค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวพี่ขออธิบายคอนเซ็ปของภาพชุดนี้หน่อยนะคะ คือเซตนี้พี่อยากได้ อารมณ์แบบคู่รักร็อคๆกระชากอารมณ์ดิบๆเถื่อนๆน่ะคะ”
แพตตี้สงสัย “คู่รักร็อคๆ ? พี่ช่วยอธิบายให้เคลียร์กว่านี้ได้มั้ยคะ หนูไม่เข้าใจ”
“ก็พี่อยากได้อารมณ์แบบว่าไม่หวาน ไม่เลี่ยน รักแบบดิบๆ เหมือนเสือดำสองตัวจ้องจะ ฟัดกันในฤดูผสมพันธุ์อ่ะค่ะคุณน้อง”
แพตตี้ตกใจ “ขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่..คือหนูว่า..”
อาร์ทรีบพูดแทรกทันที “โอเคได้เลยครับพี่..เดี๋ยวผมกับน้องจัดให้เต็มที่เลย รับรองสนุกแน่”
อาร์ทพูดไปก็หันมายักคิ้วกวนใส่แพตตี้ทำเอาแพตตี้ชักสีหน้าเพราะไม่พอใจ

ช่างภาพอาร์ทกับแพตตี้เดินเข้าเซ็ตประจัญหน้ากัน
“โอเคนะครับ..พร้อมแล้วก็เริ่มเลยนะครับ”
อาร์ทยิ้มมุมปากกวนแล้วจู่โจมเข้าไปรวบแพตตี้มากอดจนแพตตี้ตกใจ
“ทำอะไรอ่ะ..จะฉวยโอกาสเหรอ”
“ชู่ว์..จะตกใจทำไมล่ะครับน้อง เรากำลังทำงานอยู่นะครับ ถ้าน้องไม่ให้ความร่วมมือ น้องก็คงผ่านคำว่ามืออาชีพไม่ได้”
“แต่ชั้นว่านายกำลังคิดจะแกล้งชั้น”
“พี่เป็นเกย์นะครับแล้วน้องจะกลัวอะไร..ยังไงก็ไม่เปลืองตัวหรอก..คิดซะว่าพี่เป็นเพื่อน สาวแล้วกัน”
อาร์ทจับแพตตี้กดไปบนโซฟาแล้วจู่โจมซุกไซร้ซอกคออย่างรุนแรง แพตตี้จะปัดป้องมือยันอกไว้แต่เสียงอัยกลับดังขึ้นลั่นสตูดิโอ
“อั้ยย่ะ ! เริ่ดเรอเพอร์เฟค ! แบบนี้แหละค่ะอั้ยย่ะเลย ฟอลโล่ตามอารมณ์อาร์ทไปเลยค่ะ น้องแพตตี้ขา อย่าหยุดนะคะ มืออาชีพสุดๆเลยค่ะ” แพตตี้ทำท่าแมวยั่วสวาท “แง่ว..แง่ว..แฮ่”
แพตตี้มองอาร์ทอย่างเจ็บใจในขณะที่อาร์ทยิ้มกวนชอบใจโอบกอดรัดนัวเนียแพตตี้ตามใจชอบ

แก้วตารีบทำทีมาที่โต๊ะเครื่องดื่มหยิบน้ำมาดูดพรวดๆ พุชชี่ยังตามมาประกบหยิบน้ำมากินใกล้ๆ
“พุชชี่ว่าอากาศวันนี้มันก็ไม่ได้ร้อนอะไรมากมายนี่คะคุณแม่ สงสัยว่าคุณแม่จะร้อน อย่างอื่นมากกว่า”
“ร้อนอะไรคะ” แก้วตาถาม
“ร้อนตัวไง”
แก้วตาชะงัก “เอาอะไรมาพูดคะมาดาม วันนี้คุณแม่ไม่อยากเสียเหงื่อต่อปากต่อคำกับ มาดามหรอกนะคะ”
แก้วตาจะเดินหนีแต่พุชชี่รีบคว้าแขนเอาไว้ไม่ยอมให้ไป
“อย่าคิดว่าไม่รู้นะคะว่าคุณแม่กำลังปล่อยข่าวเมาท์อะไรอยู่ เมื่อกี้นี้มีน้องนักข่าวมาถามพุชชี่เรื่องความสัมพันธ์กับเน็กซ์”
“อ้าว..นักข่าวเขามาถามมาดามแล้วเกี่ยวอะไรกับแม่ล่ะคะ”
พุชชี่จิกหน้า “คุณแม่..ถ้าคิดจะจุดประเด็นเรื่องพุชชี่กินเด็กขึ้นมาเพื่อใช้เล่นงานกันล่ะก็ คุณแม่คิดผิดแล้ว”
แก้วตาจ้องหน้ากลับแล้วเชิดใส่ปัดมือพุชชี่ออก “แหม..ของอย่างนี้มันไม่เข้าใครออกใครนะคะ สาวโสดเฉียดคานอยู่ใกล้เด็กหนุ่มหล่อน่าเคี้ยวกรุบกริบวันละ 24 ชั่วโมง ต่อให้อมพระ ทั้งโบสถ์มาสาบานก็ไม่มีใครเชื่อหรอกค่ะว่าไม่คัน”
“คุณแม่ !!”
“หึ..คุณแม่ก็เป็นผู้หญิงที่ขาดสามีมานานแล้ว เข้าใจอารมณ์เปลี่ยวดีค่ะ เวลาเหงาๆเนี่ย อะไรใกล้มือมันก็น่าเคี้ยวไปซะหมด..ศีลธรรมที่คิดว่าเอาอยู่แน่ๆก็อาจตบะแตกได้ง่ายๆค่ะมาดาม” แก้วตาเอามือป้องปากแล้วหัวเราะคิกคักชอบใจ “คิคิ”
แก้วตาหัวเราะเยาะใส่พุชชี่ให้เจ็บใจเล่นแล้วเดินเอาพัดลมมือถือมาเป่าหน้าให้เย็นๆสบายๆออกไป พุชชี่มองตามด้วยความรู้สึกเข็ดเขี้ยวอยากจะตามไปตอบโต้แต่ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือดังขัดจังหวะ
 
พุชชี่ชะงักก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมามองหน้าจอแล้วคิดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

ติณณภพรอให้พัฒศรีรับสายจนหลุดจึงกดโทรใหม่
 
ติณณภพพยายามโทรมือถือหาพัฒศรีแต่พัฒศรีไม่ยอมรับสาย ตุลยาตามเข้ามาเป็นห่วง
“พี่พัฒไม่ยอมรับสายพี่เลยเหรอคะ”
ติณณภพพยักหน้ารับสีหน้าค่อนข้างเป็นกังวลแล้วถอยไปนั่งครุ่นคิด ตุลยาแอบมองแล้วยิ้มพอใจและพอเห็นพี่ก็จะโทรออกอีกทีแต่ก็รีบเข้าไปเอามือถือออกจากมือติณณภพไม่ให้ใช้ต่อ
“พอเถอะค่ะพี่ติณ..อย่าเพิ่งโทรไปเลยดีกว่า”
“ทำไมล่ะตุล”
“ตุลเป็นผู้หญิงเข้าใจความรู้สึกพี่พัฒดี เรื่องอธิบายยากๆแบบนี้ คงพูดกับพี่ตรงๆลำบาก”
ติณณภพคิด “ก็จริงนะ”
“งั้นเรื่องพี่พัฒน่ะเอาไว้ก่อนนะคะ วันนี้พี่ยิ่งไม่ค่อยสบายอยู่น่าจะพักผ่อนเยอะๆ เดี๋ยว ตุลไปเอาน้ำกับยามาให้”
“ไม่ต้องหรอกตุล ถ้าไม่ไหวจริงๆพี่จะกินเอง”
“ก็ได้ค่ะ งั้นพี่ต้องพักผ่อนเลยนะ หยุดคิดเรื่องพี่พัฒไปก่อน ไว้ให้เป็นธุระของตุลดีกว่า ตุลจะพยายามโทรหาเขาให้ โอเคนะคะ”
ติณณภพนิ่งไปมองหน้าน้องสาวที่อาสาช่วยก่อนจะพยักหน้ารับ
“ขอบใจนะตุล”
ตุลยาเดินออกไปพร้อมกับมือถือของติณณภพ ติณณภพลงนั่งสีหน้าเป็นห่วงพัฒศรีและไอเล็กน้อย

ตุลยาเดินออกมาจากห้องพลางมองมือถือพี่ชายที่เอาออกมาด้วยก่อนจะยิ้มร้ายก่อนจะจัดการ Shut down เครื่องทิ้งไม่ให้มีการติดต่อได้อีก ตุลยายิ้มพอใจ

พุชชี่เข้ามาโดยที่โทรศัพท์กับหนูดอกที่เป็นคนโทรเข้ามาไปด้วย
“นี่..เท่าที่ชั้นฟังหล่อนสาธยายมา ฟังดูยังไงก็ไม่น่าใช่ยัยแพตตี้เด็กสก๊อยนั่นเลยนะ”
หนูดอกปากคุยโทรศัพท์ไปตาก็มองดูอาร์ทกับแพตตี้ที่กำลังถ่ายแบบอยู่ด้วยกัน
“เป็นยัยแพตตี้จริงๆค่ะมาดาม ถ้ามาดามไม่เชื่อหนูก็รีบมาที่นี่ด่วนเลยมาให้เห็นกับตา ว่าอาวุธใหม่ของเจ๊เมี่ยงมันน่ากลัวขนาดไหน เราทำพลาดที่ปล่อยให้เจ๊เมี่ยงได้ตัวไป”
“แต่ต่อให้เจ๊เมี่ยงโมยัยเด็กนั่นทั้งตัว ก็คงไม่ถึงขนาดเป็นอาวุธลับใช้เล่นงานชั้นได้หรอก”
“อย่าประมาทเชียวนะคะมาดามขา งานนี้เจ๊เมี่ยงน่ะพราวรี่ดี๊ด๊าลั่นล้าสุดๆ ก็ขนาด”
หนูดอกพูดไม่ทันขาดคำ เจ๊เมี่ยงก็เข้ามาแย่งโทรศัพท์จากมือไปพูดใส่พุชชี่เอง
“นังพุชชี่..หล่อนก็รู้จักพี่อัยฉายาแอนนา วินทัวร์ของเมืองไทยดี ถ้าตาไม่ถึงคงไม่ยอมให้ แพตตี้มาเสียบขึ้นปกหนังสือเขากระทันหันแบบนี้หรอก เตรียมตัวรับคำว่าหน้าแหก หมอไม่รับเย็บได้แล้วย่ะ..เชอะ”
“เจ๊เมี่ยง !! แพตตี้ไม่ใช่เด็กสาวที่เจ๊จะทำกับเขาเหมือนอย่างที่...”
เสียงตัดสายขาดหายไปเพราะเจ๊เมี่ยงตัดสายแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้หนูดอก
“ขอบใจนะที่ช่วยรายงานเจ้านายหล่อนให้ แค่ฟังเสียงมันชั้นก็รู้แล้วว่าตอนนี้มันคงเต้นแร้งเต้นกาเป็นอีบ้าไปแล้ว..ฮ่าๆๆ”
เจ๊เมี่ยงหัวเราะเยาะใส่หนูดอกแล้วเดินออกไป หนูดอกมองตามด้วยความหมั่นไส้เจ็บใจ

พุชชี่สีหน้าไม่ค่อยสบายใจหลังจากเจอเจ๊เมี่ยงข่มใส่ทางโทรศัพท์พุชชี่เก็บมือถือใส่กระเป๋าล้วงเอากุญแจรถออกมา พุชชี่จะเดินออกไปแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอเน็กซ์มายืนขวางไว้
“จะไปไหนป้า จะทิ้งผมไว้ที่นี่เหรอป้า”
“เน็กซ์..คือ..ชั้นมีธุระน่ะ” พุชชี่
“ธุระอะไร”
“ก็..เอ่อ..”
เน็กซ์ทันที “พอเลยป้าไม่ต้องสรรหาคำแก้ตัวอะไรอีก ผมขี้เกียจฟัง ผมได้ยินเรื่องแพตตี้ที่ป้าคุยกับพี่หนูดอกแล้ว ถ้าจะกีดกันผมกับเพื่อนอีกล่ะก็ ป้ากับผมได้เห็นดีกันแน่”
“ให้ชั้นจัดการเรื่องนี้เอง แพตตี้หลงไปหาเจ๊เมี่ยงก็เพราะชั้น”
เน็กซ์ขยับเข้าไปใกล้จ้องหน้าเขม็งแบบลมหายใจแทบรดใส่หน้าแล้วจับมือพุชชี่ขึ้นมาบีบแน่น “ความไว้ใจ้ที่ผมมีให้ป้ามันหมดไปแล้ว..พาผมไปหาแพตตี้เดี๋ยวนี้ !” เน็กซ์ดึงกุญแจรถมาไว้กับตัว
เน็กซ์กระชากข้อมือพุชชี่ให้ออกไปด้วยกันทันที

แก้วใสและอินทัชกับนักข่าวอีก 4-5 คนแอบฟังอยู่ที่ลานจอดรถ รถของพุชชี่จอดอยู่เห็นเน็กซ์ถือกุญแจรถพร้อมกับจับข้อมือพุชชี่ฉุดกระชากพามาที่รถ
“หยุดทำกับชั้นแบบนี้นะเน็กซ์..ชั้นเจ็บ !”
“ป้าก็อย่ามาเยอะกับผมสิ” เน็กซ์
“ชั้นเนี่ยนะที่เยอะกับเธอ เธอต่างหากที่ชอบทำรุนแรงกับชั้น”
“ก็เห็นป้าซาดิสต์ชอบให้ผมรุนแรงใส่บ่อยๆไม่ใช่เหรอ”
“เด็กบ้า !!”
“พอเลย..หยุดยั่วให้ผมทนไม่ไหวซะที ถ้าของผมขึ้นมาล่ะก็ ป้าจะร้องเจ็บมากกว่านี้”
เน็กซ์กดรีโมทเปิดประตูรถแล้วฉุดพุชชี่ขึ้นไปนั่งบนรถแล้วเน็กซ์เป็นคนขับพาออกไปได้เพียงครู่ แก้วตากับแก้วใสก็โผล่ออกมาจากหลังพุ่มไม้พร้อมอินทัชกับนักข่าวคนอื่นๆ
“คุณแม่ขา..คุณแม่ได้ยินอย่างที่แก้วใสได้ยินรึเปล่าคะ”
“โธ่คุณลูกขา..ที่กระแทกหูไปเมื่อกี้นี้มันยิ่งกว่าเห็นภาพอีกนะคะ”
“อี๋..คุณแม่อย่าพูดแบบนี้สิคะ มันทิ่มแทงใจแก้วใส ทำไมคะ..เพราะแก้วใสซื่อไร้เดียงสา ไม่เจนจัดเหมือนมาดามใช่มั้ยคะ เน็กซ์ถึงได้” แก้วใสสะอื้นจุกคอ “ฮือๆๆ แก้วใสเสียใจ..ฮือๆๆ”
แก้วใสบีบน้ำตาร้องห่มร้องไห้แล้วโผซบอกแม่เล่นละครเรียกน้ำตาต่อหน้าอินทัชกับนักข่าวที่ถูกตามมาช่วยรับรู้ นักข่าวพากันซุบซิบว่าข่าวนี้ดังระเบิดแน่ ,ต้องรีบกลับไปเขียนข่าวแล้ว, มาดามดันกินตับเด็กตัวเอง
 
แก้วใสกับแก้วตาได้ยินพวกนักข่าวคุยกันแล้วก็อดยิ้มชอบใจไม่ได้ ส่วนอินทัชนิ่วหน้าครุ่นคิด

แพตตี้โดนอาร์ทกอดรัดเพื่อถ่ายแบบแฟชั่น ริมฝีปากของอาร์ทซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอจนเธอรู้สึกขยะแขยง

“สวยครับ..มุมนี้ดีมาก”
“อั้ยย่ะ เยี่ยมมากเลยค่ะคุณน้อง อย่าหยุดนะคะ พี่กำลังฟินเลยค่ะ โอ้ว”
แพตตี้เริ่มทนไม่ไหวจิกหน้ามองอาร์ทแล้วตัดสินใจผลักอาร์ทออกจากตัวทันทีก่อนจะตามด้วยฝ่ามือตบเข้าหน้าอาร์ทแรงๆ จนอาร์ทหน้าหันท่ามกลางความตกใจของทุกคนในสตูดิโอ
“ว๊าย !! ตายแล้ว เป็นอะไรไปคะน้องแพตตี้ พวกพี่กำลังได้ภายสวยๆ ฟินๆเลยนะคะ”
อาร์ทแสบหน้า “มือใหม่ก็งี้แหละครับพี่..เอาเข้าจริงยังไงก็สู้มืออาชีพไม่ได้”
อาร์ทเยาะเย้ยใส่ให้แพตตี้เจ็บใจแต่แพตตี้ก็มีวิธีเอาคืน
“เอ่อ..คือ..คืออย่างนี้ค่ะพี่..แพตตี้อินกับการถ่ายแบบเมื่อกี้นี้มาก เลยรู้สึกว่าภาพมันน่า จะออกมาสวยกว่านี้ ถ้ามีการแสดงความรักของนางเสือตอบโต้ออกไปบ้าง”
อัยสนใจ “อืมม์..นั่นสิ ก็จริงนะคะ เสือดำตัวผู้รุกอยู่ฝ่ายเดียวมันไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่ มันต้องกัดกัน ฟัดกันมันถึงจะเสร็จสมอารมณ์หมาย”
“งั้นขอให้แพตตี้เป็นฝ่ายรุกบ้างนะคะ แพตตี้จะจัดให้คุณพี่ฟินสุดๆเลย”
“โอเคค่ะคุณน้อง..อยากได้อะไรบอกพี่มา..จัดไปเลยค่ะ”
แพตตี้หันมาจิกหน้าเจ้าเล่ห์ใส่อาร์ทจนอาร์ทรู้สึกขนลุกยังไงก็ไม่รู้

แพตตี้ถือเทียนเข้ามาในขณะที่อีกมือหนึ่งถือแส้หนังมาด้วย แพตตี้เอาแส้ตีพื้นแล้วก้าวเข้ามาพร้อมแส้หนังและเทียนเล่มโตที่มีน้ำตาเทียนปริ่มๆ แพตตี้จิกหน้าร้ายใส่อาร์ทที่กลืนน้ำลายเอื๊อก เธอหัวเราะลงคอเบาๆ อาร์ทถูกแพตตี้เอาแส้ฟาด เอาน้ำตาเทียนหยดใส่หลัง เอาแส้รัดคอแล้วลากไปตามพื้น และโดนแพตตี้จับมัดมัดมือไขว้หลังแล้วเอาลูกบอลมาอุดปากด้วยความจงใจทรมานอาร์ทสุดๆ

เน็กซ์กับพุชชี่รีบเข้ามาแต่เจ๊เมี่ยงออกมายืนรอดักอยู่ก่อนแล้ว
“อุ๊ยต๊ายตาย..เดินกันดีๆนะยะ ระวังสะดุดต่อมขี้อิจฉาของตัวเองล้มหัวทิ่มหัวตำ แล้วจะหาว่าเจ๊ไม่เตือน”
“เจ๊เมี่ยง”
“หึ !! นึกอยู่แล้วเชียวว่าพอขี้ข้าหล่อนรายงานว่าชั้นมีอาวุธเด็ดไว้เล่นงาน หล่อนก็กลัว แพ้ กลัวเสียหน้าถึงกับต้องถ่อมาเองถึงที่”
“คนอย่างมาดามพุชชี่ไม่เคยกลัวคำว่าแพ้ ที่มาเนี่ยก็เพราะเป็นห่วงชีวิตของเด็กผู้หญิง ใสๆคนหนึ่ง” พุชชี่พูดกับเน็กซ์ “ที่กำลังถูกชักจูงให้ต้องเสียผู้เสียคนเหมือนอย่าง...”
เจ๊เมี่ยงพูดสวน “หุบปากปลาร้าหน้าหนอนหล่อนเดี๋ยวนี้นะนังพุชชี่ ถ้าไม่หยุดกล่าวหาชั้นอีก คราวนี้ชั้น จะฟ้องหล่อนให้ซีดหมดตัวจริงๆ”
“ก็เอาสิ..ถ้าพุชชี่คนนี้มันจะต้องหมดเนื้อหมดตัวแล้วช่วยให้ความจริงถูกเปิดเผยออก มาได้มันก็ยอม”
เจ๊เมี่ยงไม่พอใจ “นังนี่ !!”
“พอ !! ผมเป็นห่วงเพื่อนผมนะป้า ไม่ได้อยากมานั่งดูคนแก่ตบกัน”
“อ๊าย..แรงนะคะคุณน้องเน็กซ์ ปากคอเลาะร้ายขัดกับหน้าตาไปรึเปล่าคะ”
“เจ๊คงไม่รู้ว่าผมทั้งร้าย ทั้งแรงได้มากกว่านี้อีกเยอะ ถ้าผมเอาจริงขึ้นมา”
เจ๊เมี่ยงสะบัดหน้า “เชอะ..เจ๊ไม่สนใจหรอกนะคะว่านังพุชชี่มันจะล้างสมองกล่าวหาว่าเจ๊เป็น นังมารร้ายยังไง เพราะความเป็นจริงแพตตี้เป็นฝ่ายถูกผลักไสไล่ตะเพิดจนต้องเดินเข้า มาหาเจ๊เองด้วยสภาพที่น่าเวทนาสงสารสุดๆ”
“เจ๊...หุบปากเจ๊เดี๋ยวนี้เลย” พุชชี่ว่า
“ไม่หุบมีไรป่ะ..ชั้นต้องพูดความจริงว่าหล่อนนั่นแหละ ที่เป็นคนทำลายความภูมิใจของ เด็กผู้หญิงใสๆคนหนึ่ง คิดดูแล้วกันนะคุณน้องถ้าแพตตี้ไม่มาหาเจ๊แล้วไปเจอคนอื่น ป่านนี้จะเกิดอะไรขึ้น...โธ่ถังกะละมังหม้อ..คงไม่เหลือหม้อดีๆกลับบึงโขงหลง”
เน็กซ์หันไปมองพุชชี่ด้วยแววตาที่ไม่เหลือความไว้เนื้อเชื่อใจอีกต่อไป เขาไม่พูดอะไรแล้วตรงดิ่งเข้าไปในสตูดิโอคนเดียวทันที
พุชชี่เรียก “เน็กซ์ !!”

พุชชี่จะตามไปแต่เจ๊เมี่ยงก้าวมายืนขวางทางแล้วมองพุชชี่ด้วยแววตาเยาะเย้ยอย่างสะใจ สองคนเลยจรดจ้องกันเขม็ง

อาร์ทนอนพลิกตัวเพื่อถ่ายแบบจนเสร็จสิ้น
 
เขานอนแผ่ลงที่โซฟากลางเซตถ่ายแบบอย่างหมดสภาพ หนูดอกรีบเข้ามาเขย่าตัวด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไงอาร์ท..อย่าเพิ่งตายนะ”
แพตตี้เข้ามาสมน้ำหน้า “อย่าเห็นว่าเป็นเด็กแล้วจะเป็นมืออาชีพไม่ได้นะคะพี่ขา..ชิ”
แพตตี้สมน้ำหน้าแล้วเดินออกไปแต่ต้องชะงักเมื่อเจอเน็กซ์เดินเข้ามา
“เน็กซ์”
เน็กซ์มองอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะแพตตี้เปลี่ยนไปมาก “แพตตี้...นี่..นี่แพตตี้จริงๆเหรอ”
แพตตี้มองเน็กซ์แล้วไม่ยอมพูดอะไรแต่กลับเดินเลี่ยงออกไปทางที่จะไปห้องแต่งตัว
“แพตตี้ !!”
เน็กซ์เป็นห่วงแพตตี้จึงรีบตามไปทันที อาร์ทกับหนูดอกมองตาม

แพตตี้เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เน็กซ์เดินตามมาในห้องแต่งตัว ทำให้เน็กซ์ตามแพตตี้เข้ามาอยู่กันสองคนตามลำพัง
“แพตตี้”
แพตตี้นิ่งไปครู่ เธอมองเน็กซ์ผ่านกระจกแต่งหน้าด้วยอารมณ์ดีใจที่ได้เจอเน็กซ์อีกครั้งจนอยากจะหันไปสวมกอดแต่ก็ฉุกคิดถึงคำพูดของเจ๊เมี่ยงที่เคยพูดกับเธอ

เหตุการณ์ในอดีต เจ๊เมี่ยงเดินเข้ามาในห้องจังหวะช่างแต่งหน้าทำผมแต่งให้แพตตี้เสร็จ
“ขอบใจนะจ๊ะหนู”
เจ๊เมี่ยงฉีกยิ้มให้เป็นอันเข้าใจว่าให้ออกไปเพราะจะอยู่กันตามลำพังกับแพตตี้
“ต๊ายตาย..เริ่ดค่ะ..เริ่ดมาก สมแล้วที่เป็นเด็กเจ๊เพราะถ้าไม่เริ่ดก็เชิดใส่” เจ๊เมี่ยงทำท่าประกอบ
“ขอบคุณเจ๊มากนะคะที่ทั้งช่วยผลัก ช่วยดันหนูให้ได้งานนี้ หนูสัญญาค่ะว่าหนูจะตั้งใจ ทำงานไม่ให้เสียความตั้งใจเจ๊แน่นอน”
“พูดจาเข้าหูเจ๊จริงๆนะคะหนูแพตตี้ แต่เรื่องนั้นเจ๊ไว้ใจหนูอยู่แล้ว เพราะความสามารถ พื้นฐานของหนูบวกกับการเคี่ยวเอาแต่หัวกระทิของเจ๊ทำให้เจ๊เชื่อมั่นว่าหนูต้องเป็นมืออาชีพได้เร็วกว่าคนอื่นแน่นอน..จะเหลือก็แต่...”
แพตตี้สงสัย “แต่อะไรคะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงฉีกยิ้มแล้วเข้าไปโอบไหล่แพตตี้ก่อนจะจับให้หันหน้าไปดูที่กระจกเพื่อให้แพตตี้เห็นหน้าตัวเองชัดๆ
“ก็เรื่องของหนูกับเน็กซ์ไงคะ เหตุผลที่หนูเข้าวงการนั่นแหละ ในเมื่อผู้ชายเขาไม่ได้เห็น ค่าเห็นความสำคัญของเรา หนูก็ไม่ควรดันทุรังทู่ซี้ตื้อให้เขาเห็นเราเป็นของไร้ค่าจะหยิบจะซื้อเมื่อไหร่ก็ได้”
“แต่ว่า...”
“จุ๊ๆๆ ฟังเจ๊ค่ะ” เจ๊เมี่ยงจับหน้าแพตตี้ให้มองกระจกดูตัวเอง “ดูให้ดีสิคะ เห็นมั้ยว่าออร่าของหนูตอนนี้น่ะว่าที่ซุปตาร์ชัดๆ แค่ดีดนิ้วนิด เดียวทุกอย่างก็มากองแทบเท้าแล้ว” เจ๊เมี่ยงยิ้มร้าย “ต่อไปนี้หนูต้องท่องให้ขึ้นใจ ผู้หญิงต้องมีความสวยเป็นอาวุธและต้องรู้จักใช้มันทำประโยชน์ให้ตัวเอง”
แพตตี้นิ่งมองตัวเองในกระจกและรอยยิ้มอันร้ายกาจของเจ๊เมี่ยงที่ชวนให้เธอภูมิใจในตัวเอง
“เข้าใจนะคะว่าเจ๊ทุ่มทุนสร้างทำให้หนูเป็นนางพญา..เพราะฉะนั้นหนูต้องเริ่ดค่ะ เพราะ ถ้าไม่เริ่ด”
แพตตี้พูดต่อ “จะมีแต่คนเชิ่ดใส่หนู”
“ถูกต้องค่ะ”

เหตุการณ์ปัจจุบัน แพตตี้มองตัวเองในกระจกก่อนจะกลั้นใจเชิดหน้าหันกลับไปมองเน็กซ์อย่างเริ่ดๆ พร้อมกับชูคอแข็ง
“เธอจะมายุ่งกับชั้นทำไมเน็กซ์”
“ก็ชั้นเป็นห่วงเธอน่ะสิ”
“ห่วงชั้นเหรอ..ตั้งแต่เธอออกจากบึงโขงหลง เธอเคยติดต่อไปหาชั้นรึเปล่า”
“มาดามไม่ให้ใช้โทรศัพท์ระหว่างที่ชั้นต้องเตรียมตัวทำงาน มันเป็นข้อตกลงในสัญญา”
“งั้นการที่ชั้นตามมาหาเธอแล้วถูกไล่ตะเพิด ก็เป็นข้อตกลงที่เธอไม่ควรรับรู้ด้วยใช่มั้ย”
“ไม่นะแพตตี้ ถ้าชั้นรู้ว่าเธอหนีออกจากบ้านมา ชั้นจะไม่ยอมให้มาดามไล่เธอกลับ แต่ชั้นจะเป็นคนพาเธอกลับบ้านเอง”
“พาชั้นกลับไปเหรอ...หึ !! พอได้แล้วเน็กซ์ ถ้าเธอเป็นห่วงชั้นจริงๆ เธอต้องบอกให้ทุกคน รู้สิว่าชั้นเป็นอะไรกับเธอ ไม่ใช่ผลักไสให้ชั้นออกไปจากชีวิตเธอ”
“แพตตี้”
“พูดมาสิเน็กซ์ อย่าให้ชั้นโดนนังป้าปีศาจนั่นดูถูกหาว่าชั้นแรดวิ่งไล่ตามผู้ชาย พูดมาว่า เธอคิดยังไงกับชั้น ป่าวประกาศให้ทั้งวงการ ทั้งประเทศรู้ แล้วชั้นจะยกโทษให้เธอ”
เน็กซ์นิ่งไป แพตตี้เข้าไปทุบอกเน็กซ์
“พูดมา..เธอคิดยังไงกับชั้นกันแน่” แพตตี้คาดคั้น
เน็กซ์จับมือแพตตี้ให้หยุด “แพตตี้..เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เป็น 2 คนที่ไม่เหมือนใครเลย ชั้นถึงต้องคอยดูแลเธอในฐานะพี่ชาย”
แพตตี้อึ้ง “พี่ชาย !!..แค่พี่ชาย !!.. ไม่ !! ชั้นไม่ได้อยากได้พี่ชาย ชั้นอยากได้แฟน ได้ยินมั้ยเน็กซ์ ชั้นอยากได้แฟน”
“ชั้นขอโทษแพตตี้”
แพตตี้น้ำตาคลอเบ้าเข้าไปผลักเน็กซ์จนเซเกือบล้ม เธอปาดน้ำตาแล้วจิกหน้าแค้นใส่ก่อนจะกลั้นใจพูด
“หึ..ชั้นไม่เสียใจหรอกที่เธอไม่รักชั้น แต่เธอต่างหากที่ต้องเสียใจที่เสียคนที่รักเธอไป อ้อ..แล้วก็จำไว้ด้วยว่าต่อไปนี้ คนอย่างแพตตี้...ถ้าไม่เริ่ดก็เชิดใส่”
แพตตี้ copy ท่าเดียวกับเจ๊เมี่ยงมาได้อย่างเป๊ะๆ แล้วเชิดใส่เน็กซ์แล้วเดินออกไปจากห้อง ซึ่งเป็นจังหวะที่อาร์ทเดินตามเข้ามาพอดีทำให้เขายืนขวางอยู่ที่ประตู
แพตตี้จ้องเขม็ง “หลบไปพวกตัวรอง อย่ามาเกะกะ”
แพตตี้ผลักอาร์ทแล้วเดินออกไป อาร์ทหันไปมองเน็กซ์ที่คิดจะเดินตามแพตตี้
“ไอ้น้อง..พี่ว่าอย่าเพิ่งเลยดีกว่า เขาเพิ่งโดนราดน้ำมันมา เอาอะไรไปดับก็ไม่ได้หรอก ต้องปล่อยให้ไฟลุกไปก่อน”

เน็กซ์นิ่งมองอาร์ทอย่างพอเข้าใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

มาดามดัน ตอนที่ 6 (ต่อ)

อัยชี้หน้าย้ำกับพุชชี่ต่อหน้าเจ๊เมี่ยง

“คุณน้องสัญญากับคุณพี่แล้วนะคะ”
“ด้วยเกียรติของหัวหน้าแถวเนตรนารีเลยค่ะพี่อัย พุชชี่จะใส่กุญแจล่ามโซ่ล็อคคิวให้ เน็กซ์ขึ้นเวทีปาร์ตี้ครบรอบหนังสือของพี่แน่นอน” พุชชี่ว่า
“ดีมากจ้ะพุชชี่ งั้นด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่พี่ก็รับปากเหมือนกันว่าจะให้ เน็กซ์เจิดจรัสบนเวทีของพี่คู่กับแพตตี้” อัยบอก
“กับแพตตี้เหรอคะ”
“ใช่สิจ๊ะ..เบอร์หนึ่งของเจ๊ดันกับเบอร์หนึ่งของมาดามดันมาเจอกัน อั้ยย่ะ !! ถ้าพวก หล่อนไม่ฆ่าเด็กด้วยความริษยากันเองล่ะก็ เชื่อพี่ได้ เลยว่าสองคนนี้จะต้องเป็นคู่จิ้นคู่ใหม่ของวงการแน่นอน โอ๊ย…ฟินสุดๆ”
พุชชี่กับเจ๊เมี่ยงหันมามองหน้ากันเหมือนไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่ทั้งคู่จะตีหน้าสตอร์เบอรี่สุดฤทธิ์
“ค่ะพี่อัย..เมี่ยงเชื่อฟังรุ่นใหญ่อยู่แล้ว ถือคติเดินตามผู้ใหญ่” เจ๊เมี่ยงหันไปพูดเน้นที่พุชชี่ “หมา!! ไม่กัดอยู่แล้ว”
พุชชี่เจ็บใจแต่ก็ฉีกยิ้มออกมา “ค่ะพี่อัย พุชชี่พร้อมฟังคำแนะนำจากพี่เสมอ อะไรที่มารบกวนใจ พุชชี่ก็จะถือคติ หมา!! เห่าใบตองแห้งค่ะ ใช่มั้ยคะเจ๊”
พุชชี่กับเจ๊เมี่ยงฉีกยิ้มใส่กันแล้วเข้าไปโอบกอดเล่นละครมิตรรักสงบศึกกันสุดฤทธิ์
“ใช่จ้า” เจ๊เมี่ยงเข้าไปโอบกอดพุชชี่
“ดีมากจ้ะ..พี่อยากเห็นน้องๆในวงการเรารักใคร่กลมเกลียว เพราะพี่น่ะผ่านเรื่องพวกนี้ มาเยอะแล้ว เจ็บมาเยอะ เจอมาแยะ อั้ยย่ะ !! ยิ่งนึกยิ่งอยากร้องไห้ พี่ขอตัวไปหาโกโก้เย็นๆกินก่อนนะจ๊ะ รักกันเข้าไว้นะน้องๆ วงการเราก็มีกันอยู่แค่นี้”
อัยโบกมือลาพุชชี่กับเจ๊เมี่ยงที่ฉีกยิ้มโอบกอดกันส่งท้ายไล่หลังอัยซึ่งเดินออกไปจากบริเวณนั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะใช้หางตาหรี่มองกันแล้วแยกย้ายไปอยู่คนละฝั่ง เจ๊เมี่ยงกับพุชชี่แยกกันคนละมุมโดยต่างคนต่างเอาผ้าทำความสะอาดสำเร็จรูปออกมาจากกระเป๋าถือมาเข็ดแขนเช็ดมือกันใหญ่
“ยี้.. คันคะเยอสุดๆ !! เชื้อโรคทั้งนั้น”
“เจ๊นั่นแหละตัวเชื้อโรค..อี๋ ทั้งแบคทีเรีย อะมีบ้า เชื้อรา ไวรัส แหวะ”
“นังพุชชี่ !! นังเห็บหมา”
“อ้าวเจ๊..ด่าต่ำไปป่ะเนี่ย”
“ไม่ต่ำไปหรอกย่ะ เห็บหมาน่ะเหมาะกับหล่อนที่สุดแล้ว เพราะมันเป็นพวกไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ อาศัยเขาอยู่แต่สูบเลือดเขากิน”
“เจ๊ !!”
พุชชี่เงื้อมือจะเอาเรื่องแต่ระหว่างนั้นแพตตี้ก็เดินเข้ามาแล้วพูด
“พอได้แล้วยัยป้าปีศาจ !!”
พุชชี่ชะงักหันไปมองแพตตี้ที่เชิดหน้าคอตั้งเดินเข้ามายืนประกบคู่กับเจ๊เมี่ยงด้วยท่าทางที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย พุชชี่มองแพตตี้อย่างพินิจพิจารณาว่าไปทำอะไรกันมาบ้างเพราะเพิ่งเห็น
แพตตี้พูด “ฟังนะ เจ๊เมี่ยงเป็นผู้มีพระคุณกับชั้น เป็นครู เป็นผู้ปกครอง ถ้าป้าทำร้ายเจ๊ล่ะก็ นอกจากชั้น จะช่วยเจ๊รุมเอาคืนแล้ว ชั้นจะฟ้องป๋าให้ยกพวกมาถล่มป้าให้เละเลย”
“เริ่ดมากค่ะเด็กเจ๊” เจ๊เมี่ยงชอบใจ
“แพตตี้..เธอไม่เข้าใจว่าเหตุผลที่ชั้นไล่เธอกลับบึงโขงหลง ชั้นไล่เพราะอะไร”
“รู้สิ..เพราะชั้นคือก้างขวางคอที่จะทำให้ป้าบ้ากามอดกินตับเน็กซ์ไง”
“ไม่ใช่ !! เพราะชั้นไม่อยากให้เธอถูกชักจูงให้เดินทางผิดด้วยฝีมือของคนอย่างเจ๊เมี่ยง” พุชชี่ว่า
“นังพุชชี่ !! ถ้าไม่หุบปากหยุดใส่ร้ายป้ายสีชั้นอีกล่ะก็ ชั้นจะเอาเลือดกลบปากหล่อน”
“ชั้นไม่กลัวหรอกเจ๊ เพราะชั้นเห็นเลือดมาเยอะแล้ว เลือดแอนไง..เจ๊จำได้ใช่มั้ย” พุชชี่ถาม
เจ๊เมี่ยงชะงักกึกไปทันทียิ่งเจอพุชชี่จ้องตาเขม็งเจ๊เมี่ยงก็ยิ่งจุกคอหอยจนพูดอะไรไม่ออก เธอหันไปคว้าข้อมือแพตตี้ทันที
“ไปกันเถอะค่ะหนูแพตตี้ อย่ามาเสียเวลากับนังเห็บหมานี่เลย ยิ่งอยู่ใกล้จะยิ่งคัน”
เจ๊เมี่ยงรีบจูงมือพาแพตตี้เดินออกไปเพื่อจะกลับบ้าน พุชชี่เดินตามหลังแล้วตะโกนไล่ เน็กซ์ อาร์ท และหนูดอกเดินออกมาก็ชะงักฟัง
“โธ่เอ้ย..อย่าเอาแต่หนีสิเจ๊..พอชั้นพูดเรื่องแอนขึ้นมาถึงกับทนฟังไม่ได้เลยเหรอ ใช่สิ.. บาปกรรมมันต้องตามเจ๊ทันแน่ ชั้นจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นกับแพตตี้เหมือนที่เคยเกิด กับแอน”
พุชชี่อาฆาตไล่หลังอย่างเจ็บใจก่อนจะหันกลับมาเจอเน็กซ์ อาร์ท หนูดอกที่เพิ่งเข้ามาและได้ยินที่พุชชี่ตะโกนด่าไล่หลังเจ๊เมี่ยง เน็กซ์มองหน้าพุชชี่ด้วยความสงสัยว่าที่พุชชี่พูดไปเมื่อกี้หมายความว่ายังไง

เจ๊เมี่ยงพาแพตตี้เข้ามานั่งในรถก่อนจะปิดประตูดังปังแล้วสบถอย่างหัวเสีย
“นังบ้า...เอาเรื่องเวรกรรมมาขู่ชั้นเหรอ..ไม่มีวันซะหรอก”
แพตตี้มองเจ๊เมี่ยงที่มีท่าทางหัวเสียหงุดหงิดแล้วก็สงสัยอยากรู้
“อะไรเหรอคะเจ๊ ที่ยัยป้านั่นพูดถึงเมื่อกี้”
“พูดอะไรเหรอคะ” เจ๊เมี่ยงถาม
“ก็ที่เขาว่าชื่อแอนอะไรนั่นน่ะค่ะ”
เจ๊เมี่ยงชะงักไปครู่หนึ่ง “อ๋อ..ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เรื่องเก่าๆสมัยพระเจ้าเหา แต่นังพุชชี่มันยังไม่ยอมเลิกรังควาญเจ๊ แต่หนูไม่ต้องไปสนใจ รู้เอาไว้อย่างเดียวก็พอว่านังพุชชี่คือตัวอันตราย มันจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้เจ๊ดันหนูให้เป็นซุปตาร์”
“ค่ะเจ๊..คนอย่างหนูถ้าเกลียดใครแล้วเกลียดเข้าไส้ ไม่มีวันญาติดีด้วยแน่”
“ดีค่ะ”

เจ๊เมี่ยงยิ้มรับกับแพตตี้แล้วสตาร์ทรถก่อนจะขับออกไป

ตกกลางดึก เน็กซ์ถามอาร์ทกับหนูดอกด้วยความสงสัย

“ว่าไงล่ะครับพี่ ชื่อแอนที่มาดามพูดถึงน่ะ หมายถึงใคร”
อาร์ทกับหนูดอกนิ่งมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง
“เท่าที่พี่พอจะรู้ ก็รู้แค่ว่าน่าจะเป็นเพื่อนสนิทกับมาดามค่ะน้องเน็กซ์”
“พี่เองก็เคยอยากจะรู้มากกว่านั้นเหมือนกันนะ แต่พอเริ่มต้นจะถาม พุชชี่ก็มีอาการไม่ อยากพูดถึงและห้ามถามด้วย”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็มาดามเขามีกฏของเขา”
“ผมรู้..เรื่องของทุกคนในบ้านเป็นเรื่องของมาดาม แต่เรื่องของมาดามห้ามทุกคนไปยุ่ง แต่พวกพี่ก็สนิทกับเขามากที่สุดไม่ใช่เหรอครับ”
“มันก็ใช่ แต่พี่กับหนูดอกรู้จักมาดามก็ตอนเป็นมาดามพุชชี่แล้ว ส่วนก่อนหน้าที่เคยเป็น ลูกน้องเจ๊เมี่ยงน่ะ” อาร์ทส่ายหน้าบอกว่าไม่รู้ “พี่ไม่รู้...”
“น้องคะ..พี่ขอเตือนนะ อดีตตอนนั้นของมาดามเป็นเรื่องต้องห้ามของบ้านนี้และห้าม เซ้าซี้อยากรู้ด้วย เพราะอาจโดนระเบิดลงได้” หนูดอกบอก
หนูดอกหันไปมองหน้าอาร์ทแล้วส่ายหน้าบอกเน็กซ์ว่าไม่รู้จริงๆ นั่นเลยยิ่งทำให้เน็กซ์สงสัยมากขึ้น


พุชชี่ถือโทรศัพท์มือถือรอให้ปลายสายรับ สักครู่ก็มีคนมารับ
“ฮัลโหล..ขอสายพี่ติณค่ะ”
ตุลยาเป็นคนรับโทรศัพท์ภายในบ้านพอได้ยินว่าใครโทรมาเธอก็นิ่วหน้าครุ่นคิด
“พี่พัฒเหรอคะ..ตุลเองค่ะ”
“น้องตุล..พี่ขอโทษด้วยนะคะที่โทรมาซะค่ำเลย พอดีพี่เห็นเบอร์ของพี่ติณโทรเข้าเครื่องพี่ แต่พี่ไม่ได้รับสาย พอดีว่าวันนี้พี่มีงานยุ่งค่ะ”
“อ๋อ..ค่ะพี่พัฒ พี่ติณคงจะโทรบอกว่ากลับมาแล้ว แต่ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“แล้วตอนนี้พี่ติณทำอะไรอยู่เหรอ”
ตุลยาเผลอตอบ “ตุลให้นอนพักผ่อนอยู่ค่ะ”
พุชชี่สงสัย “พี่ติณไม่สบายเหรอน้องตุล”
ตุลยาชะงัก “เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่หวัดแพ้อากาศนิดๆหน่อยๆ พี่พัฒไม่ต้องห่วงนะคะ ไว้ตุลจะบอกพี่ติณให้ว่าพี่โทรมา”
“ขอบใจนะคะน้องตุล”
“ไม่เป็นไรค่ะ สวัสดีค่ะ”
ตุลยาวางสายไปแล้วกอดอกก่อนจะมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจใส่โทรศัพท์ด้วยความโกรธต่อพัฒศรี
“พี่ชายใคร..ใครก็รักค่ะพี่พัฒ”
พูดไม่ทันขาดคำติณณภพก็เดินลงบันไดมา
“ใครโทรมาน่ะตุล”
ตุลยาโกหก “อ่อ..เปล่าค่ะ พวกโรคจิตมันโทรมาพูดลามกใส่ตุลน่ะ”
“แล้วตุลไปคุยกับมันทำไม เรียกพี่สิ พี่จะจัดการให้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ..ตุลจัดการไล่ตะเพิดมันไปแล้ว”
“แล้วเรื่องพี่พัฒล่ะ..ตุลโทรหาเขาให้พี่รึยัง”
“โทรแล้วค่ะ..แต่ติดต่อไม่ได้เลย คงจะงานยุ่งทั้งวัน ตุลว่าพี่กลับไปนอนพักต่อเถอะค่ะ”
ตุลยาเข้าไปแตะแขนจะพาพี่ชายกลับไปที่ห้องนอนแต่พบว่าเขายังตัวร้อนอยู่
“พี่ติณ.. ทำไมตัวพี่ยังร้อนอยู่เลย นี่พี่ยังไม่ได้กินยาเลยใช่มั้ย”
ติณณภพพยักหน้ารับ
“พี่ติณอ่ะ..ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้ ไม่ได้แล้วตุลว่าไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ”
ติณณภพลูบหัวแล้วยิ้มให้เพราะเห็นน้องตกใจ “นี่มันค่ำแล้วนะตุลไปก็เจอแต่หมอเวร”
“แต่ว่า..”
“พี่รับปากว่าพี่จะกินยาแล้วเข้านอนเลย”
“สัญญาแล้วนะคะพี่ติณ งั้นเดี๋ยวตุลไปเอายากับน้ำมาให้” ตุลยารีบเดินออกไป
ติณณภพยิ้มส่งน้องสาวก่อนจะเริ่มรู้สึกหนาวขึ้นมาเพราะไข้สูงและมีอาการเจ็บคอเพราะไข้หวัดใหญ่ และก็ยังไอด้วย

พุชชี่เพิ่งอาบน้ำเสร็จสวมผ้าคลุมมีผ้าพันผมที่เปียกเดินออกจากห้องน้ำมาหยุดที่หน้าตู้เสื้อผ้า แต่ยังไม่ทันจะปลดผ้าคลุมเน็กซ์ที่อยู่ในห้องนั้นมาครู่หนึ่งแล้วก็กระแอมขึ้น
พุชชี่ตกใจ “ไอ้เด็กบ้า...”
“ก่อนจะแก้ผ้าน่ะ ไม่ดูให้ทั่วๆหน่อยเหรอป้าว่ามีใครอยู่ในห้องรึเปล่า” เน็กซ์ว่า
พุชชี่ตกใจ “นี่แอบเข้ามาในห้องชั้นทำไม”
“แอบที่ไหน..ผมเคาะประตูเรียกตั้งนานแต่ป้าไม่ออกมาเปิดให้ เห็นประตูไม่ได้ล็อคก็เลย เข้ามาเอง”
“ที่ชั้นไม่ได้ล็อคประตูเพราะนึกว่าที่เคยด่า เคยสั่งสอนไปเธอจะจำใส่กะโหลกน่ะสิ”
“ผมจำได้ แต่เพราะมีเรื่องต้องคุยกับป้า ผมก็เลยต้องเข้ามา”
เน็กซ์พูดไปแล้วก็กอดอกมองพุชชี่ที่ยังอยู่ในชุดคลุมตัวเปียกๆ ดูเซ็กซี่นิดๆ จนพุชชี่ต้องรีบเอามือปิด
“ออกไปเลยนะ มีอะไรไว้คุยพรุ่งนี้”
“แต่ผมคาใจอยากคุยวันนี้”
“คุยวันนี้ก็ไปรอข้างนอก ให้ชั้นแต่งตัวเสร็จก่อน..ไปสิ”
เน็กซ์ยังยืนกอดอกกวนประสาทไม่ยอมออกไป
“ไม่ออกไปใช่มั้ย..ได้ !!”
พุชชี่รีบเอาผ้าเช็ดผมที่พันอยู่บนหัวออกมาม้วนๆให้เป็นแท่งยาวๆแล้วสะบัดใส่เน็กซ์ดังเพี๊ยะทันที
“อู้ย...โอ๊ย !! เจ็บนะป้า เล่นงี้เลยเหรอ”
“ถ้าไม่ออกไปหน้าแหกแน่..ไป !!”
พุชชี่จะสะบัดผ้าใส่อีกเน็กซ์รีบวิ่งออกจากห้องไปทันที แล้วพุชชี่ก็เข้าไปล็อคประตูห้องก่อนจะส่ายหน้าแล้วเปรยอย่างหัวเสีย...

“เด็กบ้า !! เผลอไม่ได้ลามเป็นขี้กลาก”

เวลาผ่านไป เน็กซ์เอ่ยถาม
 
“ว่าไงป้า.... ทำไมไม่ตอบคำถามผม”
พุชชี่ในชุดนอนนั่งกอดอกมองหน้าเน็กซ์คิดอยู่ครู่หลังจากได้ยินคำถามก่อนจะลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ถ้าจะถามชั้นเรื่องนี้ล่ะก็ กลับไปนอนซะ ชั้นไม่มีอะไรจะพูด”
“แต่ถ้ามันไม่มีอะไรจริงๆ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องปิดเป็นความลับห้ามทุกคนรู้นี่”
“นี่ย้อนชั้นเหรอ”
“ผมพูดความจริง ไม่เหมือนป้าที่เก่งแต่…”
พุชชี่ฉุน “เก่งแต่อะไร..พูดมาให้หมดนะ”
“ไอ้ของที่มันอยู่บนโต๊ะตรงหน้าป้า มันเป็นอาวุธเล่นงานกบาลผมแยกได้สบายเลย เพราะฉะนั้นผมไม่พูดหรอก เอาเป็นว่าป้ารู้ตัวเองแล้วกัน”
“เด็กนรก !! ที่ชั้นโกหกเธอเรื่องแพตตี้ เขาเรียกว่าโกหกสีขาว ทำเพื่อเห็นแก่อนาคตของ พวกเธอ”
“งั้นถ้าป้าคิดเป็นห่วงจริงๆ ก็บอกผมมาสิ อะไรคือสิ่งที่ป้าจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นกับแพตตี้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับเพื่อนป้า”
พุชชี่นิ่งมองหน้าเน็กซ์อย่างอึดอัดใจ

แก้วตากับแก้วใสพากันกลับเข้ามาในบ้าน
“โอ้ย..เหนื่อยจัง ทำงานเยอะๆแบบนี้ทุกวันแก้วใสไม่ไหวนะคุณแม่ ไหนจะงานของ มาดาม ไหนจะงานฝิ่นของคุณแม่” แก้วใสว่า
“ชู่ว แกจะพูดออกมาทำไม เดี๋ยวนังหนูดอกมันได้ยินเข้า แม่ก็โดนด่าเละตุ้มเป๊ะอีก”
“แหม..ก็อยากบ่นนี่ อยากดริ้งค์ อยากเต้น อยากเมา อยากมั่ว เอ้ย..” แก้วใสรีบปิดปาก
“พอเลย อยากแต่ละอย่างของแกเนี่ยมันไม่ได้ช่วยทำให้เรารวยขึ้นดังขึ้นเลย มีแต่จะ เปลืองตัว แล้วถ้าวันไหนแกพลาดขึ้นมาล่ะก็” แก้วตาเอานิ้วจิ้มหัวลูกสาว “ชั้นจะเอาเลือดหัวแกออกมาเลย..คอยดู”
ในขณะที่สองแม่ลูกคุยกันอยู่อาร์ทก็เดินเข้ามาจากด้านนอกบ้าน แก้วตาเห็นเข้าก็รีบสะกิดให้ลูกสาวรู้ตัว
แก้วตาพูดแบบเนียนสุดฤทธิ์ “คืนนี้พักผ่อนเยอะๆนะคะลูกขา อย่าดื้อกับมาดามนะ เข้าใจมั้ย”
“ค่ะคุณแม่”
“อาร์ทจ๊ะ..แม่ฝากดูแลน้องด้วยนะ”
อาร์ทพยักหน้ารับ แก้วตาฉีกยิ้มให้ทำทีแล้วทำเป็นดึงลูกสาวมาหอบแล้วออกไปนอนที่อื่น
“เมื่อยมั้ยแก้วใส” อาร์ทถาม
“เมื่อยสิคะพี่อาร์ท..ทำงานทั้งวันขาจะแข็งอยู่แล้ว”
“พี่ไม่ได้ถามว่าทำงานมาเมื่อยมั้ย แต่พี่จะถามว่าปั้นหน้าแอ๊บแบ๊วใสซื่อตลอด เวลาน่ะเมื่อยรึเปล่า”
แก้วใสเหวอ “พี่อาร์ท !!”
อาร์ทยิ้มนิดๆ แล้วเดินเข้าไป แก้วใสมองตามอย่างเจ็บใจและหัวเสีย เธอจิกหน้าร้ายอย่างอาฆาต
“ไอ้พวกบ้า..คอยดูพรุ่งนี้เถอะ..ใครจะเป็นนางร้าย-นางเอกเดี๋ยวก็รู้”

เน็กซ์ถูกพุชชี่ดึงติ่งหูลากเข้ามาในห้องนอนของเน็กซ์
“โอ๊ยๆๆๆ เบา !! ป้า เดี๋ยวหูขาด”
พุชชี่ผลักเน็กซ์ไปที่เตียงแล้วตีหน้ายักษ์ใส่
“ขนาดคนที่อยู่กับชั้นมาตั้งหลายปี ยังไม่มีใครกล้าบังคับให้ชั้นเปิดเผยเรื่องตัวเอง แล้ว เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร..หา !!”
“เป็นคนที่อยู่ด้วยกัน ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ดูแลกันและกัน ถ้ายังมีความลับต่อกัน ก็อย่าอยู่ด้วยกันเลยดีกว่า” เน็กซ์ว่า
“นี่ !!...นี่เธอขู่ชั้นเหรอเน็กซ์ เธอไปไหนจากชั้นไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเธอมีสัญญาอยู่กับชั้น”
“ผมไม่สนใจเรื่องสัญญาในกระดาษหรอก สนใจแต่การที่คนเราจะอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่รู้จัก กันแล้วจะรักกันได้ยังไง”
“รักเหรอ ?..เธอหมายความว่ายังไง” พุชชี่ถาม
เน็กซ์นิ่งไปที่เผลอพูดออกมา พุชชี่มองด้วยความสงสัยในใจในเรื่องที่เน็กซ์เพิ่งหลุด เน็กซ์เลยรีบแก้
“ผมหมายถึง ‘รัก’ ที่จะทำงานด้วยกัน ความฝันที่จะตามหาพ่อของผมต้องอยู่ในมือป้า ส่วนป้าก็หวังจะสร้างชื่อเสียงให้กลับมาอีกครั้งด้วยตัวผม ถ้าเราไม่รักกันไม่เปิดเผยตัวเองออกมา ผมกลัวว่าเราจะอยู่กันไม่ยืด”
“พูดอะไรระวังปากไว้บ้างนะ คำพูดของเธอน่ะ ถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องมาได้ยินเข้า เขาจะเข้าใจผิดได้”
“เข้าใจผิด ?”
“ก็ใช่น่ะสิ เพราะไอ้ที่เธอพูดมานั่น มันฟังเหมือน..เหมือนคู่รักคุยกัน ชั้นอยากให้เธอ ระวังเอาไว้เพราะเรากำลังถูกจับตามองอยู่”
เน็กซ์เซ็ง “หึ..นี่น่ะเหรอวงการที่ผมต้องเอาอนาคตมาฝากไว้ งั้นผมบอกป้าเอาไว้เลยว่า ถ้าถึงวันที่ผมพร้อมไปตามหาพ่อเมื่อไหร่...ลาขาดกันทีวงการมายา”
เน็กซ์บอกพุชชี่แล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอนก่อนจะเชิญให้พุชชี่ออกไป
“ผมไม่อยากรู้แล้วว่าอดีตของป้าเป็นยังไง เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นกับแพตตี้ คนที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบก็คือป้า”
เน็กซ์ยืนรอส่งอยู่ที่ประตูโดยไม่มองหน้าพุชชี่อีก พุชชี่ได้แต่มองเน็กซ์แล้วยอมเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ
 
เน็กซ์ปิดประตูห้องนอนดังปังแล้วยืนทำหน้าเซ็งเพราะหงุดหงิด

วันต่อมา ตุลยามาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องนอน
 
“พี่ติณ..พี่ติณคะ สายแล้วนะคะ ลงไปทานอาหารเช้ากันเถอะค่ะ น้องต้มข้าวต้มไว้ ไปทานเถอะค่ะ..พี่ติณ
ไม่มีเสียงตอบจากติณณภพจนตุลยาเริ่มสงสัยและกำลังจะเปิดประตูเข้าไปแต่คนใช้เข้ามาพอดี”
“คุณตุลคะ..คุณอินทัชมาค่ะ” คนใช้บอก
“ขอบใจนะ”
พอรู้ว่าอินทัชมา ตุลยาก็เปลี่ยนใจที่จะเข้าไปดูพี่ชายแล้วรีบเดินตามคนใช้ออกไปทันที

ติณณภพลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการที่เป็นหนักขึ้นจากเมื่อคืน ทั้งปวดศรีษะ เจ็บคอ ปวดเมื่อย กล้ามเนื้อ ไอแห้งๆ คัดจมูก ติณณภพแปลกใจที่ทำไมไข้ไม่ลดลงเลย เขาจึงเอาที่วัดไข้ซึ่งอยู่ในลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงมาเสียบที่หูกดรออยู่ครู่หนึ่ง ตัวเลขที่หน้าจอเล็กๆบอกว่าไข้เขาขึ้นสูงถึง 39 องศา
“39 เลยเหรอเนี่ย..”
ติณณภพลุกจากเตียงแล้วเดินไป

ตุลยากับอินทัชนั่งอยู่ที่ม้านั่งพร้อมกับดูหนังสือพิมพ์บันเทิง ‘ทีวีกูรู’ ที่อินทัชเอามาให้ บนโต๊ะมีหนังสือพิมพ์บันเทิงรายวันฉบับหัวอื่นวางอยู่ข้างๆ ตุลยาอีก 3-4 ฉบับ
ตุลยาอ่านพาดหัวข่าว “ลับ ลวง พราง คาวโลกีย์ สามคนอลเวง มั่วกันเองในบ้านผู้จัดการดารา สาวใหญ่ชื่อดัง มดพช. (อ่านต่อหน้า 14)”
ตุลยารีบพลิกหน้าหนังสือพิมพ์เข้าไปอ่านเนื้อในต่อทันที ระหว่างนั้นติณณภพในชุดอยู่บ้านก็เดินมาจากทางห้องนอนเ เขาเข้ามาหยุดมองทั้งคู่และฟังโดยตุลยาไม่ทันสังเกตเห็น
“หลังเปิดตัวแรงฮือฮาได้ไม่นาน สำหรับดาราหนุ่มสุดฮ๊อต ที่เรียกเรตติ้งบานทะโร่ให้กับ ละครเรื่องแรกที่รับบทเป็นหนุ่มออทิสติค ข่าวลับๆในบ้านผู้จัดการดาราก็ถูกเมาท์ออก มาว่ามีการมั่วกันเอง จกกินกันอย่างเมามันส์ ระหว่างผู้จัดการดารากับเด็กปั้นในสังกัด”
“พอเถอะตุล..เราว่าไม่ต้องอ่านต่อหรอก” อินทัชปราม
“ทำไมล่ะ..นี่มันเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับพี่ชายเรานะ”
“แต่เราไม่ได้เป็นคนเขียนข่าวนี้ เจ้านายเราต่างหาก พอเขาเห็นรูปกับรู้เรื่องที่แม่แก้วใส บอกเรามา เขาก็โซโล่ซะออกมาเป็นแบบนี้ เราว่ามันเยอะไป จงใจขายข่าวเกินไป”
“แต่ชั้นอ่านข่าวบันเทิงกี่ฉบับก็แบบนี้ทั้งนั้น” ตุลยาอ่านต่อ “ข่าวนี้ได้รับการยืนยันจากแหล่ง ข่าววงในระบุว่างานนี้ผู้จัดการดาราสาวใหญ่คงทนอารมณ์เปลี่ยวไม่ไหว จึงหันมากิน ตับเด็กตัวเอง จนเกิดเรื่องขัดแย้งกับดาราสาวใสซื่อในสังกัด ที่แน่ๆดาราหนุ่มหน้าใหม่ อักษรย่อ น. คงมันส์ปากเพราะได้ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ไปกินจนอิ่มแปล้”
ระหว่างที่ตุลยากำลังอ่าน อินทัชก็หันไปเห็นติณณภพยืนฟังอยู่พอดี อินทัชเลยรีบสะกิดตุลยา
“ตุล..พอเถอะ”
“อะไรของนายอีก”
อินทัชส่งสายตาให้ตุลยาหันไปดูติณณภพที่ยืนอยู่ ตุลยาหันไปเห็นก็ตกใจ ติณณภพรีบเดินเข้ามาแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูพาดหัว ติณณภพดูแล้วก็หน้าเครียดก่อนจะวางหนังสือพิมพ์ลง
“พี่ติณ”
ติณณภพไม่พูดอะไรกับน้องสาว เขารีบเดินออกไปโรงรถหน้าบ้านทันที ตุลยามองหน้าอินทัชแล้วทั้งคู่ก็เดินตามออกไป

ติณณภพถือกุญแจรถรีบเดินออกมาที่รถทั้งๆที่ตัวเองยังมีไข้สูงและอาการไม่ค่อยดี ตุลยาตามออกมาโดยมีอินทัชเดินตามหลังมาติดๆ
“พี่ติณ..พี่ติณจะไปไหน ถ้าจะไปหาพี่พัฒ ตุลไม่ให้พี่ไป”
ตุลยาเข้าไปเกาะแขนรั้งพี่ชายเอาไว้ พอสัมผัสถูกตัวเลยพบว่าเขาตัวร้อนจี๋
“ตายแล้ว..นี่พี่ยังตัวร้อนอยู่เลยนี่” ตุลยาเอามือแตะหน้าผากแล้วก็สะดุ้ง “ตัวร้อนจี๋เลยด้วย ตุลว่าพี่ไม่ได้เป็นแค่หวัดธรรมดาแล้วนะคะ”
ติณณภพปัดมือน้องแบบไม่สนใจตัวเอง “ช่างมันเถอะตุล..เรื่องของพัฒกำลังเป็นเรื่องใหญ่” ติณณภพหันไปที่อินทัช “พี่ต้องทำยังไงถึงจะหยุดข่าวนี้ได้”
“เอ่อ..ทำไม่ได้หรอกครับพี่ติณ หนังสือพิมพ์ถูกส่งขายออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว”
“แล้วน้องช่วยเขียนข่าวแก้ให้ได้มั้ย”
“คือ..เอ่อ..มันไม่ใช่สำนักพิมพ์ผมที่เดียวน่ะสิครับพี่ติณ”
ตุลยาเสียงดัง “พอเถอะค่ะพี่ติณ !! ตุลขอร้องล่ะ พี่ต้องไปโรงพยาบาลกับตุลเดี๋ยวนี้ อาการพี่ ตอนนี้ต้องไปหาหมอ ไม่ใช่ไปหาเขา”
ติณณภพมองน้องสาวแล้วตัดสินใจจะขึ้นรถ ตุลยาปรี่เข้าไปขวางทั้งน้ำตาคลอโดยไม่ยอมให้เปิดประตูรถ
“พี่ติณ” ตุลยาร้องไห้ “เลิกเป็นห่วงคนอื่นแล้วให้น้องสาวแท้ๆคนนี้ของพี่ดูแลพี่บ้างจะได้มั้ย ฮือๆๆ”
“ตุล....”

ติณณภพนิ่งมองตุลยาที่น้ำตาอาบสองแก้มจนพูดอะไรไม่ออก
 
อ่านต่อหน้า 4

มาดามดัน ตอนที่ 6 (ต่อ)

พุชชี่นั่งหน้านิ่งมีแววตาครุ่นคิดอยู่คนเดียวในห้อง
 
โน๊ตบุ๊คที่เพิ่งเปิดอ่านวางอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นหนูดอกกับอาร์ทก็รีบเข้ามา
“มาดาม..แย่แล้วค่ะ มาดามเห็นข่าวนี้รึยัง”
หนูดอกโชว์ข่าวในหนังสือพิมพ์ที่ถือติดมือมาด้วย ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ทีวีกูรู ฉบับเดียวกับ 12/29 และหัวฉบับอื่นเหมือน 12/ 29
“ชั้นรู้แล้ว..ไม่ใช่แค่ว่อนในหนังสือพิมพ์แต่ว่อนไปทั้งเน็ตด้วย”
“มันตีไข่ใส่ข่าวนั่งเทียนเขียนกันเกินไป แบบนี้จงใจขายข่าวอย่างเดียวเลย ให้หนูโทรไป เล่นงานเลยมั้ยคะ”
“จะไปทำอะไรได้หนูดอก.. เขาไม่ได้ระบุชื่อ รูปก็ไม่ได้เอามาลง”
“โห..แต่ไอ้อักษรย่อที่ลงน่ะ มันแทบไม่ต้องหาตัวเลยนะอาร์ท
“พอได้แล้วหนูดอก...อยู่วงการนี้กับชั้นมาตั้งหลายปี ยังไม่ชินเรื่องพวกนี้อีกเหรอ” พุชชี่ว่า
“มาดาม..ข่าวจงใจมั่วตั้งใจโจมตีมาดามให้เสียหายแบบนี้ จะให้ชินได้ไงคะ”
“ขายข่าวมันคืออาชีพของเขา ชั้นไม่ถือหรอก ถ้าอยากจะเอาเรื่องก็ควรเอาเรื่องคนที่ตั้ง ใจเล่นงานชั้นดีกว่า”
“เธอรู้ตัวคนเต้าข่าวเหรอพุชชี่”
พุชชี่หันมามองหน้าอาร์ทด้วยสีหน้าที่รู้ว่าเป็น “ใคร”

แก้วใสกับแก้วตานั่งเช็คข่าวในไอแพดและไอโฟนกันอย่างสนุกสนานในทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย
“ดูๆๆๆ...ดูเม้นต์ในเฟสบุคนี่สิคะคุณแม่ขา” แก้วใสอ่าน “สงสารน้องแก้วใสจัง เป็นกำลังใจให้นะครับ อย่ายอมแพ้พวกสาวแก่ตัณหากลับ”
“อ๊าย..ถูกใจค่ะ..กดไลท์เลยค่ะคุณลูกขา”
“กดไลค์เรียบร้อยแล้วค่ะ..แล้วของคุณแม่ล่ะคะ”
“นี่ค่ะๆ ของคุณแม่มีในไอจี” แก้วตาอ่าน “เกลียดนังพวก11รด. แก่ไม่อยู่ส่วนแก่ยังมารังแกเด็ก ชิ้วๆ ไปเลยถ้าคันมากก็ไปหาคอตตอนบัดมาเกาสิยะ ทุเรศ !!”
“อ๊าย ถูกใจอีกแล้ว ดูสิคะคุณแม่ ถูกใจน้ำตาไหลเลย”
แก้วใสน้ำตาเล็ดด้วยความปลื้มปิติ แล้วสองแม่ลูกก็ตีมือไฮไฟว์กันสุดฤทธิ์
“อย่างนี้เขาเรียกว่ากระแสตีมาทางเราค่ะคุณลูกขา นางเอกในจอยังไงก็เปรี้ยงไม่เท่า นางเอกนอกจอที่โดนทำร้ายหรอกค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวเราต้องวางแผนว่าแก้วใสจะอัพอะไรขึ้นไอจีต่อ ต้องหาประโยคเก๋ๆ ที่ฟังแล้ว เรียกน้ำตาจากแฟนคลับได้”
“อ๊ะ..ถูกต้องตาม step พีอาร์เลยค่ะคุณลูกขา”
พุชชี่เดินออกมาจากในบ้านตามหลังด้วยหนูดอกกับอาร์ท พุชชี่ถือหนังสือพิมพ์บันเทิง “ทีวีกูรู” ฉบับต่อเนื่อง 12/29 มาด้วย
“วางแผนพีอาร์อะไรกันเหรอคะคุณแก้วตา” พุชชี่ถาม

สองแม่ลูกสะดุ้งโหยงกับเสียงแข็งๆดุๆของพุชชี่ที่ดังแหวกอากาศมา

แก้วตากับแก้วใสรีบลุกขึ้นจะเดินหนีไปอีกทาง แต่ก็ชะงักกึกเพราะเจอหนูดอกมายืนขวาง

“จะรีบไปไหนกันล่ะคะคุณแม่ขา คุณลูกขา มากขาเป็นกิ้งกือเลย”
“งานหนูมีเยอะแยะให้รอไปทำ จะให้มานั่งหายใจรดทิ้งไปวันๆได้ที่ไหนล่ะคะพี่หนูดอก”
“อุ๊ยตายแล้ว..ร้อยวันพันปีจะได้ยินน้องแก้วใสขยันอยากทำงานจนตัวสั่น ปกติเห็นแต่ อยากอย่างอื่นจนสั่นไปถึงหูเลยนี่คะ”
“นี่ !! ลูกสาวชั้นทำเงินทำทองให้พวกหล่อนมีกินมีใช้อยู่นะ พูดจาน่ะให้ระวังปากบ้าง”
พุชชี่เดินเข้ามาพร้อมอาร์ท “ใช่ค่ะ !! พุชชี่ไม่เถียงว่าแก้วใสเป็นตัวเงินตัวทองของที่นี่จริงๆ”
“ตัวเงินตัวทอง...อู้ย..เห็นภาพชัดเจนเลยค่ะมาดาม”
แก้วใสไม่รู้ตัวว่าโดนด่ายิ้มเชิดหน้าเริ่ด “ขอบคุณนะคะมาดามที่เข้าใจว่าหนูมีความสำคัญกับ ที่นี่..ไปกันเถอะค่ะคุณแม่”
แก้วใสจะควงแขนแม่ออกไปแต่เจอแก้วตาหยิกแขนซะเจ็บแล้วกระซิบกระซาบกัน
“เจ็บนะคะคุณแม่..มาหยิกแก้วใสทำไมเนี่ย”
“นังโง่..โดนมันด่าซะเสียคนไปแบบนั้นน่ะ นี่แกไม่รู้จริงๆหรือว่าแกล้งเนี่ย”
“ด่าอะไรคะคุณแม่ ก็เขาเพิ่งชมว่าหนูเป็นตัวเงินตัวทอง”
“โอ้ย..ชั้นจะบ้าตาย..เล่นเปลี่ยนชื่อกันจนเด็กสมัยนี้ไม่รู้จักกันแล้ว ตัวเงินตัวทองที่มันว่า แกน่ะ มันหมายถึงว่าแกเป็นตัว”
แก้วตากระซิบข้างหูอธิบายให้ลูกสาวเข้าใจ แก้วใสถึงกับตกใจชักสีหน้าโกรธทันที
แก้วใสดัง “มาดาม !! ด่ากันแรงเกินไปแล้ว ต่ำ !!”
แก้วใสเงื้อมือปรี่จะเข้าไปตบพุชชี่ แต่ยังไม่ถึงตัวอาร์ทก็เข้ามาคว้าข้อมือเอาไว้
“คนที่ต่ำน่าจะเป็นพวกที่หน้าไหว้หลังหลอก ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ คอยแต่ชักศึกเข้าบ้าน คนจำพวกนี้ในเมื่อให้โอกาสแล้วไม่รู้จักกตัญญู ก็รู้แล้วล่ะว่าเป็นมาโดยสันดาน ได้กันมาตาม DNA” อาร์ทมองแก้วตา
“ว๊าย !! ไอ้บ้าอาร์ท นี่แกด่าลามปามมาถึงชั้นเลยเหรอ”
“งั้นที่คุณแม่ร้อนตัวซะขนาดนี้ ก็เท่ากับยอมรับแล้วสิคะว่าทั้งหมดเนี่ยเป็นฝีมือคุณแม่ !!” พุชชี่ว่า
พุชชี่สุดทนปาหนังสือพิมพ์ “ทีวีกูรู” ใส่หน้าแก้วตาจนหนังสือพิมพ์หลุดลุ่ยกระจายเต็มพื้น สองแม่ลูกนิ่งกันไปก่อนจะมองหน้ากัน ทั้งสองกัดฟันหรี่ตาจิกมองพุชชี่ อาร์ทและหนูดอกที่รุมกันเข้ามา

แอบเปิ้ลกับเชอรี่เกาะประตูแอบดูสถานการณ์แบบลุ้นมันส์ๆ ตามประสาคนใช้สอดรู้สอดเห็น
“3ต่อ2 ชั้นว่างานนี้ไม่ต้องลุ้นแล้วล่ะนังเชอรี่ รอเก็บศพเลยดีกว่า”
“แต่ชั้นว่าไม่ จะ 3ต่อ2 ได้ไง คุณอาร์ทเป็นผู้ชายต้องกันออกไปก่อน ไม่งั้นไม่แฟร์ ทีนี้ก็เหลือ 2ต่อ2 ตัวๆกันเลย”
เน็กซ์โผล่หน้าเข้ามาข้างหลัง “ตัวๆอะไรกันเหรอครับ หรือว่าแอบเอาปลาร้าเข้าบ้าน เผื่อผม มั่งสิพี่ กำลังอยากตำซั่วปลาร้าต่อนๆอยู่เลย”
“แหมคุณเน็กซ์ก็..ปลารงปลาร้าอะไรกันคะ แอบเปิ้ลเชอรี่น่ะกินแต่แองโชววี่ค่ะ”
“ไอ้ที่ว่าตัวๆกันน่ะ..หมายถึงคู่ชกไทยไฟต์ระหว่างมาดามกับคุณแก้วตา ยกแรกกำลังจะเริ่มแล้ว โน่นค่ะ”
เน็กซ์มองออกไปดูสีหน้าสงสัย
“มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะครับ”
“ก็เรื่องเกี่ยวกับคุณเน็กซ์นั่นแหละค่ะ”
เน็กซ์มองหน้าแอบเปิ้ลอย่างสงสัย

แก้วใสกับแก้วตาเจอรุมล้อมรอบ แต่สองแม่ลูกกลับเชิดหน้าเด้งสู้กลับ
“ถ้ามาดามคิดจะหากระโถนมาโยนอุจจาระใส่แบบนี้ เชิญไปหาที่อื่นเถอะค่ะ อย่ามาหาเรื่องแกล้งเราสองคนแม่ลูกเลย พวกเราไม่มีปัญญาสู้มาดามได้หรอก” แก้วตาว่า
“นี่ยังกล้าหน้าด้านแถว่าไม่รู้เห็นอีกเหรอคะคุณแม่ ถามจริงๆเถอะหนังหน้าน่ะฉีดโบ ท๊อกซ์หรือว่าฉีดยางมะตอยคะถึงได้หนาขนาดนี้” หนูดอกบอก
แก้วตาไม่พอใจ “นังหนูดอก !!”
แก้วตาฉุนขาดตบหน้าหนูดอกทันทีดังเพี๊ยะ หนูดอกไม่ทันตั้งรับจึงโดนตบจนหน้าหันเซถลาเกือบล้มแต่พุชชี่รับไว้ได้ทัน
“หนูดอก”
“ไม่เป็นไรค่ะมาดาม อู้ย..แค่ไม่ทันระวัง แต่เอาคืนแน่ค่ะ”
หนูดอกจะลุกไปเอาคืนพุชชี่ดึงแขนไว้
“อย่า !!”
“ห้ามหนูทำไมคะมาดาม หนูไม่ยอมเจ็บตัวฟรีหรอก”
“ที่บอกว่าอย่าน่ะ หมายถึง อย่าปล่อยให้หลุดออกไปจากบ้านชั้นได้ต่างหาก” พุชชี่บอก
“อย่างนี้ก็มันส์สิคะมาดาม” หนูดอกว่า
หนูดอกกับพุชชี่หันขวับไปมองจ้องเขม็งแล้วยิ้มมุมปากร้ายเอาเรื่องใส่ สองแม่ลูกกลืนน้ำลายเอื๊อก
“คุณแม่ขา..เอาไงดีคะ” แก้วใสถาม
“จะเอายังไงล่ะคะคุณลูกขา หลังชนฝาแล้วก็ต้องสู้สิคะ” แก้วตาบอก
แก้วตาพูดไปก็ผลักลูกสาวให้ออกไปลุยเป็นคนแรก แก้วใสตกใจไม่ทันตั้งตัวเลยปรี่เข้าไปโดนหนูดอกตบหน้าหันทันที ส่วนแก้วตาจะชิ่งหนีก็เจอพุชชี่ปรี่มาขวางแล้วจิกผมตบซ้ายตบขวา ระหว่างศึกกำลังนัวเนียเน็กซ์ก็รีบวิ่งเข้ามาเห็นเข้าพยายามร้องห้าม
“หยุด..หยุดเดี๋ยวนี้..ผมบอกให้หยุด”
เน็กซ์พยายามห้ามแต่ไม่มีใครฟังหรือสนใจยังซัดกันนัวเนียไม่หยุดเลยหันไปถามอาร์ท
“พี่อาร์ท..ไม่ช่วยกันห้ามเลยเหรอพี่” เน็กซ์บอก
“พี่ก็อยากห้ามนะไอ้น้อง แต่คนที่นี่เลือดนักแสดงสูง ลองถ้าองค์กำลังลง บทกำลังอินกัน แบบนี้ก็ต้องปล่อยให้เดอะโชว์มัสต์โกออนไปก่อน เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดเอง”
“ไปกันใหญ่แล้วพี่ รีบห้ามเถอะ เดี๋ยวจะเจ็บตัวกันใหญ่ ถ้าพี่ไม่ห้าม ผมจะเอาน้ำร้อน มาสาดให้หมดเลย”
“โอเคๆ ไอ้น้อง..แต่จะห้ามแบบปกติคงไม่หยุดหรอก มันต้องวิธีนี้”
อาร์ทกระซิบข้างหูเน็กซ์บอกวิธีระงับศึกตบ เน็กซ์ฟังแล้วงงแต่อาร์ทพยักหน้าว่าได้ผลแน่ เน็กซ์เลยลองทำตามที่บอก
เน็กซ์สูดลมหายใจลึกๆแล้วตะโกนสุดเสียง “คัท !”
สิ้นเสียงดังลั่นของเน็กซ์ทุกคนก็หยุดชะงักเหมือนเป็นสัญชาติญาณที่โดนสั่งคัทเมื่อไหร่ต้องหยุด !!

เน็กซ์สะดุ้งโหยงที่ได้ผล “เฮ้ย !! ได้ผลจริงๆพี่อาร์ท”

ติณณภพนอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงโดยมีสภาพที่ค่อนข้างดีขึ้นกว่าตอนอยู่ที่บ้าน
 
หลังจากที่ทานยาที่พยาบาลหน้าตาสวยเอามาให้เสร็จติณภพก็ขอบคุณเธอโดยมีตุลยาเฝ้าอยู่ใกล้ๆ
"เดี๋ยวอีกสักครู่ดิชั้นจะเข้ามาเช็ดตัวให้นะคะ" พยาบาลยิ้มให้
พยาบาลสาวสวยพูดไปก็ส่งยิ้มให้ตามหน้าที่ แต่ตุลยาหรี่ตาเขม่นแล้วขยับเข้าไปสกัดดาวรุ่งทันที
"ขอบคุณนะคะ..แต่คงไม่ต้องถึงมือคุณหรอกค่ะ ชั้นจัดการเองได้"
พยาบาลชะงักเพราะรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิต "ค่ะ"
พยาบาลหลบตาตุลยาที่จิกมองก่อนจะรีบเดินออกไป
"เขาทำตามหน้าที่ของเขา ไปพูดกับเขาแบบนั้นไม่ดีหรอกนะตุล"
"แหม..ตุลก็ไม่ได้ว่าอะไรเขานี่คะ เขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำที่ญาติคนไข้ช่วยลดงานให้เขา"
"แต่พี่ว่าตุลกำลังหวงพี่จนไม่อยากให้ใครมายุ่งต่างหาก"
ตุลยาชะงักแล้วแกล้งงอน "พี่ติณอ่ะ..ทำไมพูดกับตุลแบบนี้ ถ้าตุลหวงพี่จริงๆ ตุลจะเป็น กองเชียร์พี่กับพี่พัฒทำไม"
"ตุลไม่โกรธพี่พัฒเขาเหรอ"
ตุลยานิ่งไปครู่หนึ่งโดยเก็บอาการหมั่นไส้สุดฤทธิ์ "อยู่ที่พี่ติณนั่นแหละ เพราะถ้าพี่รักใครตุลก็รักด้วย ถ้าพี่โกรธใครตุลก็โกรธด้วย"
"พี่ไม่โกรธเขาหรอก เพราะพี่ไม่เชื่อข่าวพวกนั้น พี่มั่นใจว่าพัฒศรีที่พี่รู้จักไม่ใช่มาดาม พุชชี่ที่ทุกคนรู้จัก" ติณณภพถอนใจ "จะมีก็แต่ห่วงเขามากกว่า..ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง"
"ตุลก็ห่วงเขาเหมือนกันค่ะ แต่พี่ติณต้องดูแลตัวเองก่อนเพราะถ้าพี่พัฒรู้ว่าพี่ป่วยจนต้อง เข้าโรงพยาบาล เขาจะยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่
ตุลยากุมมือพี่ชายมาบีบเบาๆแล้วยิ้มให้ ติณณภพพยักหน้ารับกับน้องสาวแต่ก็อดห่วงพัฒศรีไม่ได้

อินทัชเดินเข้ามาที่บริเวณโรงพยาบาล
"เฮ้อ...โชคดีนะที่หมอว่าพี่ติณเป็นแค่ไข้หวัดใหญ่ธรรมดา นึกว่าจะเป็นอะไร ร้ายแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลยาวซะอีก"
ตุลยาตบไหล่ทันทีดังเพี๊ยะ!
อินทัชสะดุ้งเพราะเจ็บ "โอ๊ย..อะไรเนี่ยตุล ตีเราทำไมอ่ะ..เจ็บนะ"
"ก็อยากมาปากเสียแช่งพี่ติณทำไม"
"แช่งที่ไหนล่ะ เราก็เป็นห่วงพี่ชายเธอเหมือนกับเธอนั่นแหละ พี่ติณคงจะห่วงแฟนมากเลยไม่ได้พักผ่อนจนป่วยเข้าโรงพยาบาลแบบนี้"
ตุลยาตีอีกทันทีดังเพี๊ยะ ! "นี่แน๊ะ..ยังจะมาปากเสียเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแฟนพี่ติณอีก"
"โอ๊ย...พูดอะไรก็ไม่ได้เลยเหรอตุล" อินทัชบ่น
"ถ้าพูดไม่เป็นมงคลก็ไม่ต้องพูดเลย"
"ก็..”
ตุลยาชี้หน้า "ยังจะพูดอีก..เดี๋ยวก็เลือดกลบปากหรอก พอเลย..ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว" ตุลยาพูดเน้น “พี่พัฒไม่ใช่แฟนพี่ติณ ผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอกแบบนั้น ชั้นไม่มีวันยอมรับให้มาเป็นพี่สะใภ้ชั้นเด็ดขาด"
"แต่เราว่าน่าจะให้พี่ติณตัดสินใจด้วยตัวเอง" อินทัชบอก
"ข่าวออกมาขนาดนี้ แถมเธอยังเห็นกับตาตัวเอง ยังมีอะไรต้องให้ตัดสินใจอีก ไปเลย นะ.. ไปทำให้ข่าวนี้มันดัง ไปขุดไปคุ้ยออกมาว่าผู้หญิงคนนั้นทำเรื่องแย่ๆอะไรไว้อีก พี่ติณของชั้นจะได้ตาสว่างซะที"
อินทัชยังยืนลังเล
"ไปสิ !! ถ้าเธอไม่อยากเห็นชั้นเสียใจ เธอก็ต้องทำเพื่อชั้น"
อินทัชมองหน้าตุลยาแล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไป ตุลยากอดอกมองตามจิกหน้าไม่พอใจพัฒศรี

พุชชี่กับหนูดอกถูกพาตัวเข้ามาในห้อง ส่วนเน็กซ์ไปยืนขวางประตูเอาไว้ไม่ให้สองคนที่อยู่ในสภาพกำลังติดลมออกไปมีเรื่องอีก
"อย่ามาขวางชั้นนะเน็กซ์..หลบไป" พุชชี่ว่า
"พอได้แล้วน่าป้าเป็นผู้ใหญ่ไปมีเรื่องกับเด็กน่ะ อายมั่งรึเปล่า" เน็กซ์บอก
หนูดอกสวน "อ้าว..แล้วที่นังตัวแม่มันตบพี่ล่ะคะ"
"แล้วพี่ตบคืนเขารึเปล่า"
"ต้องตบคืนสิคะ จัดหนักเลยด้วย" หนูดอกบอก
"นั่นไง เป็นเด็กแล้วไปมีเรื่องกับผู้ใหญ่ อายมั่งรึเปล่า"
หนูดอกเหวอและงง "เอ่อ..อะไรกันคะน้องเน็กซ์ สับสนอะไรกับชีวิตป่ะคะ"
"ผมไม่ได้สับสนอะไรทั้งนั้นแหละครับ แค่ไม่อยากเห็นคนอยู่บ้านเดียวกันต้องมาลงไม้ลงมือทะเลาะกัน"
"นี่ไม่ใช่การทะเลาะกัน แต่ชั้นจำเป็นต้องสั่งสอนแก้วใส"
"แล้วสั่งสอนกันเฉยๆไม่ได้เหรอ"
"สองแม่ลูกนั่นเต้าข่าวใส่ร้ายป้ายสีมาดาม หวังทำลายชื่อเสียง เล่นสกปรกใส่ทุกอย่าง มาตลอดนะคะคุณน้อง"
"ใช่.. และทุกครั้งชั้นก็พยายามอดทนอดกลั้นให้อภัย แต่ในเมื่อยังทำตัวเป็นงูเห่า คอยฉกชั้นตลอดเวลา ก็ถึงเวลาที่ชั้นก็ต้องจับมาถอนพิษ ถอดเขี้ยว"
"แต่แค่ถอนพิษถอดเขี้ยวก็คงไม่หมดพิษสง มันต้องจับมาตีให้หลังหักด้วย มันถึงจะไม่ กล้าแว้งฉกเราอีก"
พุชชี่ไม่ยอมให้เน็กซ์มาขวางอีกจึงพยายามจะผลักให้หลบ แต่เน็กซ์พยายามขวางไม่ให้ไป
"หลบไปนะเน็กซ์...ชั้นบอกให้หลบ"
ระหว่างที่พุชชี่กำลังยื้อยุดกับเน็กซ์อยู่อาร์ทก็เปิดประตูเข้ามา
"ปล่อยพุชชี่เถอะเน็กซ์ ออกไปตอนนี้ก็ไม่เหลือใครให้มีเรื่องด้วยแล้ว" อาร์ทบอก
"นังสองแม่ลูกนั่นหนีไปแล้วล่ะสิ" พุชชี่ว่า
"ใช่..แต่ไม่ใช่แค่ออกไปเฉยๆนะ แก้วใสน่ะเก็บข้าวของย้ายออกไปจากที่นี่ด้วย"

พุชชี่กับหนูดอกพากันชะงักมองหน้ากันที่รู้ว่าแก้วใสเก็บข้าวของออกไปด้วย

แก้วตาขับมาตามถนน แก้วใสที่นั่งมาข้างๆ พูดขึ้น
 
"จอดรถค่ะคุณแม่"
แก้วตาหักรถเข้าข้างทางแล้วจอดรถ
"ให้แม่จอดทำไมล่ะคุณลูกขา"
"เราจะเอาอย่างนี้จริงๆเหรอคะคุณแม่ ให้แก้วใสขนข้าวของย้ายออกมาก็เท่ากับเรา ประกาศฉีกสัญญาเลยนะคะ"
"งานนี้แม่ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว ยกเว้นแต่แกที่ยังอยากอยู่ต่อเพราะรอจะกินตับเน็กซ์"
"แหม..คุณแม่ก็รู้ทัน" แก้วใสบ่น "ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ยั่วเท่าไหร่ก็ปั่นไม่ขึ้นสักที เสียดายจัง"
แก้วตาตีแขนลูกทันที "ต๊ายแล้ว..แกนี่ ถ้ารู้ว่าติดสันดานเจ้าชู้พ่อแกมามากขนาดนี้ ชั้นเอาขี้เถ้ายัดปากแกไปแล้ว"
"ถ้าไม่มีแก้วใส คุณแม่จะมีกินมีใช้อย่างทุกวันนี้เหรอ..หึ..ช่างเถอะ แก้วใสเป็นห่วงว่าทำแบบนี้แล้วเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะสัญญามันยังค้ำคอเราอยู่"
แก้วตายิ้ม "หึ..เรื่องนั้นน่ะไม่มีปัญหาค่ะคุณลูกขา อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้เรากำลังเป็นนางเอก ของเรื่องอยู่ เราไม่ได้สู้กับนางร้ายอย่างนังพุชชี่ตามลำพัง แต่เรามีสื่อที่อยู่ข้างเราด้วย"
แก้วใสยิ้ม “นั่นสิคะ...คุณแม่ขานี่ฉลาดจริงๆ"
"หึๆแม่ฉลาดๆคนนี้แหละที่จะปั้นแกให้เป็นซุปตาร์ เอาให้ดังระเบิดระเบ้อไม่ต้องพึ่งใคร"
แก้วตาฉีกยิ้มร้ายและมีแววตาเอาเรื่องสุดฤทธิ์

วันต่อมา เจ๊เมี่ยงนอนมาร์กหน้าอยู่บนโซฟาเดย์เบดหรูๆ โดยมีลอร่านั่งอ่านข่าวนสพ.บันเทิง “ทีวีกูรู” ให้ฟัง
ลอร่าอ่าน "ข่าววงในระบุว่างานนี้ผู้จัดการดาราสาวใหญ่ คงทนอารมณ์เปลี่ยวไม่ไหว จึงหันมากินตับเด็กตัวเอง จนเกิดเรื่องขัดแย้งกับดาราสาวใสซื่อในสังกัด ที่แน่ๆดาราหนุ่มหน้าใหม่อักษรย่อ น. คงมันส์ปากเพราะได้ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ไปกินจนอิ่มแปล้”
เจ๊เมี่ยงที่นอนฟังในสภาพหน้าขาววอกได้แต่หัวเราะหึๆออกมาเบาๆเพราะหน้าตึงเปรี๊ยะ
“อันเมื่อกี้นี้ยังไม่แซ่บ..ต้องนี่เลยค่ะเจ๊” ลอร่าหยิบไอแพดมาอ่านให้ฟัง “ข่าวจากซ้อสิบเจ็ด กระหึ่มเวปอยู่ตอนนี้” ลอร่าอ่านใส่อารมณ์ “เจ้าข้าเอ้ย อกซ้อจะระเบิด วงการนี้มันป่วยจริงไรจริง เห็นหน้าใสๆออกแนวแสนดี แต่ชีก็ไม่พ้นอารมณ์เปลี่ยว ก็จะใครซะอีกมาดามโสมม จมอยู่กับโลกีย์ สงสารก็แต่นังหนูบาร์บี้ ไม่รู้งานนี้จะเจ็บใจหรือเจ็บอะไรดี”
เจ๊เมี่ยงพูดไม่ชัด “ออ..ออ..ออไอ้..แอ๊ว (พอได้แล้ว)”
“อะไรนะคะเจ๊” ลอร่าเอียงหูฟัง
เจ๊เมี่ยงยังพูดไม่ชัด “อั้นออกไอ้ออไอ้แอ๊ว (ชั้นบอกให้พอได้แล้ว)”
“อ๋อ..พอได้แล้ว.. ทำไมล่ะคะเจ๊ นังพุชชี่มันโดนข่าวรุมยำซะขนาดนี้ ยิ่งอ่านมันก็ยิ่งสะใจเจ๊ไม่ใช่เหรอคะ”
เจ๊เมี่ยงรีบเด้งลุกขึ้นมาทั้งๆที่หน้ายังตึงเปรี๊ยะจากมาร์คหน้าที่แข็งโป๊กแต่ที่ลุกเพราะทนไม่ไหว
“มันก็สะใจอยู่หรอกนังลอร่า แต่หน้าชั้นแข็งเป็นบล็อคซีแพคอยู่แบบนี้ หัวเราะแต่ละที มันเจ็บจนฉี่แทบเล็ดนะยะ”
เจ๊เมี่ยงบ่นไปก็รู้สึกตึงหน้าจึงเอามือแกะมาร์คที่โป๊ะแข็งบนหน้าออกทีละชิ้น
“ลอร่าก็ลืมไป.. ขอโทษค่ะเจ๊ มาค่ะ เดี๋ยวลอร่าช่วยแกะออกให้”
ลอร่าเข้าไปช่วยแกะมาร์คหน้าให้แต่ดึงแรงไปหน่อยขนคิ้วเจ๊เมี่ยงเลยติดออกมาด้วย เจ๊เมี่ยงร้องจ๊าก แล้วเอามือกุมคิ้ว
“โอ๊ย..ขนคิ้วช้าน !!”
ลอร่าหน้าเสีย “หนูขอโทษค่ะเจ๊”
เจ๊เมี่ยงหยิบกระจกมาดูหน้าตัวเองแล้วก็ตกใจที่เห็นคิ้วแหว่ง
“นังบ้า..แล้วนี่ชั้นจะไปเจอหน้าพี่ม้าได้ไงเนี่ย”

ภายในโรงละครที่กำลังมีการเตรียม Audition เวที New Wave New Gen. เวทีคัดเลือกหนุ่มสาวหน้าใหม่เข้า ประดับวงการ พี่ม้า หนึ่งในคอมเมนเตเตอร์กำลังหัวเราะใส่หน้าเจ๊เมี่ยงเพราะเห็นคิ้วของเจ๊เมี่ยงแหว่ง
"พี่ม้าขา..จะหยุดหัวเราะเมี่ยงได้รึยังคะ"
"หล่อนจะให้ชั้นหยุดหัวเราะได้ไงห๊ะ นังเมี่ยง ..คิ้วแหว่งแบบนี้เนี่ย ชั้นว่าหล่อนไปโกน ทิ้งให้หมดเลยดีกว่า"
"ว๊าย...โกนหมดเลยก็น่าเกลียดตายสิคะพี่ม้า"
"เอ้า..แต่ก็ดูดีนะหล่อน โกนหัวด้วยแล้วห่มจีวรซะ ชั้นจะตามตักบาตรให้เช้ายันเพลเลย"
"พี่ม้าก็ !!" เจ๊เมี่ยงงอน "แกล้งเมี่ยงอ่ะ เมี่ยงงอนนะเนี่ย..หึ"
"อู้ย..นังเมี่ยงตีนกาถามหาแล้วยังทำงอนเป็นทารก ก็ได้ย่ะ..ไม่ล้อเลียนหล่อนแล้ว ไหนดูสิ" พี่ม้าจับคางเจ๊เมี่ยงแล้วเชยดูหน้าไปมา "เอางี้ เดี๋ยวชั้นแต่งคิ้วให้หล่อนเอง ขืนปล่อยให้หล่อนนั่งคิ้วแหว่งเม้นต์เด็กเข้ารอบอยู่ข้างๆ ชั้นอายเขาตาย"
เจ๊เมี่ยงไหว้ “ขอบคุณค่ะพี่ม้า ได้ฝีมือระดับพี่มาละเลงหน้าเมี่ยงแบบนี้ เมี่ยงได้เจิดกลบนังพุชชี่แน่"
"อ้าว..นี่หล่อนยังไม่รู้เรื่องอีกเหรอ"
"เรื่องอะไรคะ"

เจ๊เมี่ยงที่คิ้วแหว่งทั้ง 2 ข้างทำหน้างง
 
อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น