xs
xsm
sm
md
lg

“มนตรี” แนะปัญหาสหรัฐฯ ยืดเยื้อส่งผลกระทบการลงทุนไทย แนะปรับพอร์ตกันเสี่ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาดปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ยืดเยื้่อยาวนานสะเทือนตลาดหุ้นทั่วโลก แนะนักลงทุนปรับพอร์ตถือเงินสดเพิ่มประกันความเสี่ยง เลือกลงทุนหุ้นกลุ่มปัจจัยพื้นฐานดี

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ขณะนี้ถือได้ว่าส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนของตลาดทุนทั่วโลก ซึ่งถ้าหากมติที่ประชุมรัฐสภาของสหรัฐฯ มีการยืดระยะเวลาเพดานหนี้ออกไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า และยกเลิกการหยุดงานของหน่วยงานราชการ หรือ Government Shut down เพื่อให้เวลากับทางฝั่งรัฐบาลหาจุดประนีประนอม และหาจุดร่วมที่ตรงกันได้ แล้วลงมติเพื่อหาข้อยุติข้อตกลงร่วมกันอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งถ้าหากสามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้นี้ได้ คาดว่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของทั้ง 2 ฝ่ายคือ เดโมเครต และรีพับลิกัน โดยเชื่อว่าสุดท้ายปัญหาดังกล่าวจะได้ข้อยุติ ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเรียกร้องที่จะเจรจาประนีประนอมกันได้ ขณะที่ปัจจุบันยังคงไม่มีความแน่นอนว่าผลสรุปจะออกมาในทิศทางบวก หรือลบ

ทั้งนี้ กระแสกดดันดังกล่าวทำให้เงินทุนจากต่างประเทศให้มีความผันผวนสูงในการไหลเข้า และออกจากตลาดหุ้นทั่วทั้งภูมิภาค อย่างไรก็ดี สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้าก็ยังคงต้องจับตาเรื่องการลดวงเงินซื้อพันธบัตร หรือยกเลิกมาตรการ QE ว่าจะมีความชัดเจนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องเกิดขึ้น

ในส่วนของแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังมีบรรยากาศการลงทุนที่ดีอยู่ ถึงแม้ว่าจะยังมีความผันผวนจากปัจจัยทั้งในประเทศ และปัญหาเศรษฐกิจของอเมริกา โดยในปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยได้วางมาตรการรองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นไปบ้างแล้ว แต่โดยรวมปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนไทยยังมีความแข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีค่า P/E เฉลี่ยที่ 12-13 เท่า ซึ่งถือว่ายังไม่สูงมากนัก และเป็นแหล่งทุนสำคัญในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย และเหมาะสมต่อการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มขนส่ง กลุ่มโทรคมนาคม และกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค

อย่างไรก็ดี จากความผันผวนที่แกว่งตัวรุนแรงของตลาดหุ้นในขณะนี้ นักลงทุนควรแบ่งพอร์ตการลงทุนให้มีวคามยืดหยุ่น ในอัตราเงินสด 50% และการลงทุนประเภทต่างๆ อีก 50% ทั้งนี้ ควรมีการกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายๆ กลุ่ม ไม่ลงทุนอยู่ที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งซึ่งแนวโน้มตลาดที่มีความไม่แน่นอนจะมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ และต้องมีการติดตามข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด
กำลังโหลดความคิดเห็น